คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 335
กจิ กรรมเสริมความรู้ 10 ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
ประดษิ ฐ์ของเล่นจากเศษวัสดุ 1. การสงั เกต (ดู)
ข้นั ตอน
2. การลงความคิดเห็นขอ้ มลู
1. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มละ 4–5 คน
เตรียมเศษวสั ดุต่าง ๆ (แสดงความคิดเห็น)
2. ดู วสั ดุท่ีมีแลว้ ช่วยกนั แสดงความคิดเห็น และ อปุ กรณ์
ออกแบบของเล่น
1. เศษวสั ดุต่าง ๆ เช่น เศษกระดาษ
3. ช่วยกนั สร้างของเลน่ จากเศษวสั ดุตามที่ช่วยกนั
ออกแบบไว้ และต้งั ชื่อของเลน่ ท่ีสร้างข้ึนมา กล่องวสั ดุ ขวดพลาสติก ฯลฯ
2. กรรไกร 1 เลม่
3. กาว 1 หลอด
ค้นหาคาตอบ
1. นกั เรียนนาเศษวสั ดุอะไรมาประดิษฐข์ องเล่นบา้ ง
นากิ่งไม้และใบไม้มาทาแมลง และนาถงุ พลาสติกใช้แล้วและเศษผ้ามาทาแพนดา
2. นกั เรียนต้งั ช่ือของเลน่ ที่สร้างข้ึนมาวา่ อะไร
แนวคาตอบ แมลงตัวน้อย และแพนดา
3. นอกจากนาเศษวสั ดุมาสร้างของเลน่ แลว้ เราสามารถนาไปทาอะไรไดบ้ า้ ง
แนวคาตอบ นามาทาของใช้ เช่น นาไม้ไอศกรีมมาทากล่องใส่ของ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 336
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง
ใบกจิ กรรมที่ 23
สังเกต แรงทาให้วตั ถุเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นท่ี ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
ปัญหา เมื่อออกแรงผลกั ลกู บอลจะทาให้ลูกบอลเคลื่อนที่แบบใด 1. การสงั เกต (ด)ู
ข้ันตอน
2. การลงความคิดเห็นขอ้ สรุป (สรุป)
1. นกั เรียน ดู การเคลื่อนที่ของลกู บอลเม่ือ
– ออกแรงผลกั ลกู บอลท่ีวางน่ิงอยู่ 3. การส่ือความหมาย (เขียน)
– ออกแรงผลกั ลูกบอลไปดา้ นหนา้ และขณะท่ี
อุปกรณ์
ลกู บอลกาลงั เคลื่อนท่ีใหอ้ อกแรงผลกั ลกู บอลไปในทิศเดียว
กบั ทิศการเคลื่อนที่ของลกู บอลอีกคร้ัง 1. ลกู บอล 1 ลกู
2. สรุป วา่ ลกู บอลมีการเปลี่ยนแปลงแบบใด 2. รถเดก็ เลน่ 1 คนั
3. ใชเ้ ชือกผกู รถเดก็ เล่นแลว้ ผลกั รถไปดา้ นหนา้ ขณะที่รถ
กาลงั พุ่งไปใหอ้ อกแรงดึงเชือก สงั เกตความเร็วและทิศทางในการ 3. เชือกยาวประมาณ
เคล่ือนท่ีของรถเดก็ เลน่ แลว้ เขียน ขอ้ สรุปผลที่ได้
1 เมตร 1 เสน้
บนั ทกึ ผล
ลกั ษณะการออกแรง การเปลยี่ นแปลง
ผลกั ลูกบอลท่ีวางน่ิงอยู่ ลกู บอลเคลื่อนท่ีไปด้านหน้า
ผลกั ลูกบอลในทิศเดียว ลกู บอลเคลื่อนท่ีเร็วขึน้
กบั ทิศท่ีลูกบอลเคลื่อนที่
ดึงเชือกในทิศตรงกนั ขา้ มกบั ทิศที่ รถเดก็ เล่นเคล่ือนท่ีไปในทิศตรงกันข้ามกบั
รถเดก็ เล่นเคล่ือนที่ ทิศการเคลื่อนที่เดิม และเคลื่อนที่ช้าลง
สรุป
แรงทาให้วัตถเุ กิดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยทาให้วตั ถทุ ่ีหยดุ นิ่งเกิดการเคล่ือนที่ เม่ือออกแรงไป
ในทิศเดียวกับทิศการเคล่ือนท่ีของวตั ถจุ ะทาให้วตั ถเุ คล่ือนท่ีเร็วขึน้ แต่ถ้าออกแรงกระทาต่อวตั ถใุ นทิศตรงกันข้าม
กบั ทิศการเคลื่อนท่ีของวตั ถจุ ะทาให้วตั ถเุ ปลี่ยนทิศการเคลื่อนท่ีและเคล่ือนท่ีช้าลง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 337
ค้นหาคาตอบ
1. เมื่อออกแรงผลกั ลกู บอลไปในทิศเดียวกบั ท่ีลกู บอลเคลื่อนท่ี การเคล่ือนที่ของลกู บอลเป็นแบบใด
ลกู บอลเคล่ือนที่เร็วขึน้
2. ขณะรถเดก็ เล่นเคลื่อนที่ไปดา้ นหนา้ ถา้ ตอ้ งการใหร้ ถเดก็ เล่นเคล่ือนท่ีเร็วข้ึนจะตอ้ งออกแรงดึงเชือกในทิศทางใด
ดึงเชือกทิศทางเดียวกบั ท่ีรถเดก็ เล่นเคลื่อนที่
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 338
ใบกจิ กรรมท่ี 24
สังเกต แรงผลกั หรือแรงดงึ
ปัญหา การออกแรงแบบใดเป็นแรงผลกั และการออกแรงแบบใดเป็นแรงดึง
ข้นั ตอน ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
1. นกั เรียน ดู ภาพแสดงการออกแรงแต่ละภาพ 1. การสงั เกต (ดู)
2. แบ่งกล่มุ ภาพท่ีแสดงการออกแรงดึงและภาพท่ี 2. การจาแนกประเภท (แบ่งกลุ่ม)
3. การส่ือความหมาย (เขียน)
แสดงการออกแรงผลกั
3. เขียน หมายเลขภาพตามการแบ่งกลมุ่ ภาพ อุปกรณ์
ภาพแสดงการออกแรง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 339
บนั ทกึ ผล
ภาพท่ีแสดงการออกแรงดงึ ภาพที่แสดงการออกแรงผลกั
2, 3, 6 1, 4, 5
สรุป
แรงดึง คือ แรงที่ดึงหรือลากให้วัตถเุ คลื่อนท่ีเข้ามาหาเรา
แรงผลกั คือ แรงที่ผลกั หรือดันให้วัตถเุ คล่ือนที่ไปข้างหน้า
ค้นหาคาตอบ
1. กล่องใส่ของเล่นวางน่ิงอยู่ ถา้ เราอยากใหก้ ลอ่ งเคลื่อนท่ีไปดา้ นหนา้ เราจะตอ้ งออกแรงผลกั หรือแรงดึง
แรงผลกั
2. การเปิ ดประตูหอ้ งเรียนออกไปเป็นแรงผลกั หรือแรงดึง
แรงผลกั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 340
ใบกจิ กรรมที่ 25
สังเกต ผลของแรงกบั การเปลยี่ นแปลงรูปร่างของวตั ถุ
ปัญหา ถ้าออกแรงกระทาต่อวัตถจุ ะทาให้วตั ถนุ ั้นเปล่ียนแปลงหรือไม่ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
1. การสงั เกต (ด)ู
ข้ันตอน 2. การสื่อความหมาย (บอก)
1. นกั เรียนจบั กอ้ นดินน้ามนั ดึงออกไป 2 ขา้ ง ดู อุปกรณ์
รูปร่างของกอ้ นดินน้ามนั 1. ดินน้ามนั 1 กอ้ น
2. แท่งไม้ 2 แท่ง
2. วางแท่งไมบ้ นกอ้ นดินน้ามนั ออกแรงกดแท่งไม้
ดู รูปร่างของกอ้ นดินน้ามนั
3. วางแท่งไมไ้ วส้ องขา้ งของกอ้ นดินน้ามนั ออกแรงบีบ
แท่งไมเ้ ขา้ หากนั ดู รูปร่างของกอ้ นดินน้ามนั
4. บอก สาเหตุที่ทาใหด้ ินน้ามนั เปลี่ยนรูปร่างได้
บันทกึ ผล
วธิ ีการ การเปลยี่ นแปลงของก้อนดินนา้ มนั
การดึง ก้อนดินนา้ มนั ยืดออกยาวขึน้
การกด ก้อนดินนา้ มนั แบนราบ
การบีบ ก้อนดินนา้ มันลีบลงและยาวขึน้
สรุป
เมื่อออกแรงดึง กด หรือบีบจะทาให้วัตถเุ ปล่ียนแปลงรูปร่างได้
ค้นหาคาตอบ
1. เมื่อออกแรงดึงกอ้ นดินน้ามนั ออกไป 2 ขา้ ง ดินน้ามนั มีการเปล่ียนแปลงแบบใด
ก้อนดินนา้ มันยืดออกยาวขึน้
2. เมื่อวางแท่งไมไ้ ว้ 2 ขา้ งของกอ้ นดินน้ามนั แลว้ ออกแรงบีบแท่งไมเ้ ขา้ หากนั กอ้ นดินน้ามนั มีการเปล่ียนแปลง
ลกั ษณะใด
ก้อนดินนา้ มนั จะลีบลงและยาวขึน้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 341
ใบกจิ กรรมท่ี 26
สังเกต แรงทาให้วตั ถุบางชนิดเปลย่ี นแปลงรูปร่าง
ปัญหา เม่ือมีแรงกระทาต่อวตั ถจุ ะทาให้วัตถทุ ุกชนิดเปล่ียนแปลงรูปร่างหรือไม่
ข้ันตอน
1. เตรียมฟองน้า สปริง หิน ไมบ้ รรทดั ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
พลาสติกชนิดออ่ น ยางรัด และแท่งไม้ 1. การสงั เกต (ดู)
2. นกั เรียนออกแรงกระทาต่อวตั ถุ ดู ส่ิงที่ 2. การสื่อความหมาย (บอก)
เกิดข้ึนขณะออกแรง อุปกรณ์
3. บอก ลกั ษณะของวตั ถทุ ี่เปลี่ยนแปลง 1. ฟองน้า 1 อนั
2. สปริง 1 ตวั
3. หิน 1 กอ้ น
4. ไมบ้ รรทดั พลาสติกชนิดอ่อน 1 อนั
5. ยางรัด 1 เสน้
บนั ทึกผล 6. แท่งไม้ 1 แท่ง
วตั ถุ วธิ ีออกแรง ลกั ษณะทีเ่ ปลย่ี นแปลง
ฟองน้า บีบมือเดียว ฟองนา้ ยบุ ตัว
สปริง
หิน จบั 2 มือดึง สปริ งยืดยาวขึน้
ไมบ้ รรทดั พลาสติกชนิดออ่ น
ยางรัด บีบมือเดียว ไม่เปล่ียนแปลง
แท่งไม้
จบั 2 มือกดลงท้งั 2 ขา้ ง (งอ) ไม้บรรทัดโค้งงอ
จบั 2 มือดึง ยางรัดของยืดยาวขึน้
บีบมือเดียว แท่งไม้ไม่เปล่ียนแปลง
สรุป
เมื่อออกแรงกระทาต่อวัตถบุ างชนิดจะเปล่ียนแปลงรูปร่าง แต่เมื่อออกแรงกระทาต่อวัตถบุ างชนิดจะไม่
เปล่ียนแปลงรูปร่ าง
ค้นหาคาตอบ
1. เม่ือออกแรงกระทาต่อวตั ถุแลว้ วตั ถชุ นิดใดเปล่ียนแปลงรูปร่าง
ฟองนา้ สปริง ไม้บรรทัดพลาสติกชนิดอ่อน ยางรัด
2. เมื่อออกแรงกระทาต่อแท่งไมห้ รือหินจะมีการเปล่ียนแปลงรูปร่างหรือไม่ ลกั ษณะใด
ไม่มีการเปล่ียนแปลงรูปร่าง มีลกั ษณะเหมือนเดิม
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 342
กจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ 11
แรงผลกั หรือแรงดงึ เอ่ย ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
1. การสงั เกต (ด)ู
ข้นั ตอน 2. การลงความคิดเห็น (ทาย)
1. แบ่งนกั เรียนออกเป็น 4 กลมุ่
2. ครูเตรียมบตั รคาหรือสลากท่ีระบุช่ือการทากิจกรรม อุปกรณ์
บตั รคาหรือสลาก
ต่าง ๆ ไว้
3. ใหก้ ลุ่มท่ี 1 ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากและแสดงท่าทาง
ตามที่ระบุไวใ้ นสลาก ใหส้ มาชิกคนอ่ืน ๆ ในกลมุ่ ช่วยกนั ดู และ
ทาย วา่ เป็นการทาอะไรและเป็นแรงผลกั หรือดึง ภายในเวลา 1 นาที
ถา้ ตอบถกู ได้ 2 คะแนน ถกู คร่ึงเดียวได้ 1 คะแนน ตอบผดิ ไม่มีคะแนน
4. ใหก้ ลุ่มที่ 2, 3 และ 4 ทาเช่นเดียวกนั ตามลาดบั วนไป 5 รอบ
5. นกั เรียนทุกคนช่วยกนั รวมคะแนน กลุ่มท่ีไดค้ ะแนนมากท่ีสุดเป็นผชู้ นะ
ค้นหาคาตอบ
1. ท่าทางท่ีเพ่ือนแสดงการทาอะไรที่นกั เรียนทายถกู
แนวคาตอบ เปิ ดประตแู ละปิ ดประตู
2. ท่าทางท่ีเพื่อนแสดงการทาอะไรท่ีเป็นการออกแรงผลกั
เพื่อนดันมือออกจากตัว
3. ท่าทางท่ีเพ่ือนแสดงการทาอะไรท่ีเป็นการออกแรงดึง
เพื่อนดึงมือเข้าตัว
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 343
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สารวจพนื้ ดิน
ใบกจิ กรรมท่ี 27
สารวจ ส่วนประกอบของดนิ
ปัญหา ดินในแต่ละแห่งมีส่วนประกอบเหมือนกนั หรือไม่ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
ข้ันตอน 1. การสงั เกต (ดู)
1. นกั เรียนใชช้ อ้ นตกั ตวั อยา่ งดินท้งั 3 ตวั อยา่ ง โดยตกั
2. การส่ือความหมาย (บอก)
อยา่ งละ 1 ชอ้ น วางบนกระดาษ
2. ใชช้ อ้ นเกล่ียดินแลว้ ดู สีและส่วนประกอบต่าง ๆ อปุ กรณ์
ของดิน 1. ตวั อยา่ งดินในบริเวณโรงเรียน 3
3. บอก สิ่งต่าง ๆ ที่ไดด้ ู
ตวั อยา่ ง ท่ีนามาจากบริเวณต่างกนั
2. หนงั สือพิมพ์ 1 ฉบบั
3. ชอ้ น 1 คนั
บนั ทึกผล
ดนิ ตวั อย่างที่ สีดนิ ส่ิงมชี ีวติ สิ่งท่อี ยู่ในดนิ
เศษหิน ซากพชื ซากสัตว์
1 ดา -
2 น้าตาล - -
3 แดง - - -
สรุป
ดินในแต่ละแห่งจะมีลกั ษณะแตกต่างกัน เช่น มีสี เนือ้ ดิน และส่วนประกอบต่างกัน
ค้นหาคาตอบ
1. ดินแต่ละบริเวณมีส่วนประกอบอะไรบา้ ง
เศษหิน ซากพืช และซากสัตว์
2. ดินแต่ละบริเวณมีสีและเน้ือดินเหมือนกนั หรือไม่ ลกั ษณะใด
ไม่เหมือนกนั ดินแต่ละบริเวณมีสีและเนือ้ ดินแตกต่างกัน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 344
ใบกจิ กรรมท่ี 28
สังเกต นา้ ในดิน
ปัญหา ในดินมีนา้ อย่จู ริงหรือไม่ ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
1. การสงั เกต (ดู)
ข้ันตอน 2. การส่ือความหมาย (บอก)
1. นกั เรียนนาดินและหินใส่ในถงุ พลาสติกอยา่ งละ
อปุ กรณ์
1 ถุง โดยใส่ประมาณคร่ึงถุง แลว้ ใชย้ างรัดรัดปากถุงใหแ้ น่น 1. ดิน 1 ถุง
2. ดู บริเวณที่วา่ งดา้ นบนของถุงพลาสติกท้งั 2 ถงุ 2. หิน 1 ถงุ
3. ถงุ พลาสติก 2 ถุง
ที่เตรียมไวจ้ ากขอ้ 1 4. ยางรัด 2 เสน้
3. นาถุงพลาสติกท่ีบรรจุดินและหินที่เตรียมไวไ้ ป
ผ่ึงแดดนานประมาณ 30 นาที
4. ดู บริเวณท่ีวา่ งดา้ นบนของถุงพลาสติกท้งั 2 ถงุ
ท่ีเตรียมไวจ้ ากขอ้ 1 อีกคร้ัง
5. บอก ส่ิงท่ีเห็น
บันทกึ ผล
ถุงพลาสตกิ ทีบ่ รรจุ ส่ิงทีส่ ังเกตเห็น
ก่อนนาไปผงึ่ แดด หลงั นาไปผงึ่ แดด
ดิน ไม่มีหยดนา้ มีหยดนา้
หิน ไม่มีหยดนา้ ไม่มีหยดนา้
สรุป
ในดินมีนา้ เป็นส่วนประกอบ แต่ในหินไม่มีนา้ เป็นส่วนประกอบ
ค้นหาคาตอบ
1. เม่ือนาถุงพลาสติกบรรจุดินและหินไปผ่ึงแดด มีการเปลี่ยนแปลงลกั ษณะใด
ถงุ พลาสติกที่บรรจุดินมีหยดนา้ ส่วนถงุ พลาสติกท่ีบรรจุหินไม่มีหยดนา้
2. ดินท่ีมีน้าเป็นส่วนประกอบมากจะมีลกั ษณะใด
ชุ่มชืน้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 345
ใบกจิ กรรมท่ี 29
สังเกต อากาศในดนิ
ปัญหา ในดินมีอากาศอยู่จริงหรือไม่ ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
1. การสงั เกต (ดู)
ข้ันตอน 2. การส่ือความหมาย (บอก)
1. นกั เรียนนาหินและดินใส่ลงไปในน้า
2. ดู ฟองอากาศในแกว้ น้าท้งั 2 ใบ อปุ กรณ์
3. บอก ส่ิงท่ีสงั เกตเห็น 1. หิน 1 กอ้ น
2. ดิน 1 กอ้ น
3. น้า 2 แกว้
บนั ทึกผล การเปลย่ี นแปลงทพี่ บ
ส่ิงที่นามาสังเกต
ก่อนใส่ ลงไปในแก้วนา้ หลงั ใส่ลงไปในแก้วนา้
ดิน ไม่พบฟองอากาศ พบฟองอากาศ
หิน
ไม่พบฟองอากาศ ไม่พบฟองอากาศ
สรุป
ในดินมีอากาศเป็นส่วนประกอบ แต่ในหินไม่มีอากาศเป็นส่วนประกอบ
ค้นหาคาตอบ
1. เมื่อนกั เรียนนาดินและหินหยอ่ นลงไปในน้าจะมองเห็นฟองอากาศผดุ ข้ึนมาหรือไม่ ลกั ษณะใด
เมื่อนาดินหย่อนลงไปในนา้ จะมองเห็นฟองอากาศผดุ ขึน้ มา แต่เม่ือนาหินหย่อนลงไปในนา้ จะไม่พบ
ฟองอากาศผดุ ขึน้ มา
2. สตั วท์ ่ีอยใู่ นดินสามารถหายใจไดเ้ พราะในดินมีอะไร
อากาศ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 346
ใบกจิ กรรมที่ 30
สังเกต สมบัตทิ างกายภาพของดนิ
ปัญหา นา้ จะซึมผ่านดินที่มีลกั ษณะใดได้ง่าย
ข้ันตอน ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
1. นกั เรียนตกั ดินชนิดแรกใส่ลงในฝ่ ามือ หลงั จากน้นั 1. การสงั เกต (ดู สมั ผสั )
ใชห้ ลอดหยดหยดน้าใส่ดินใหเ้ ปี ยก แลว้ ใชม้ ืออีกขา้ งหน่ึงขย้ีดิน 2. การส่ือความหมาย (บอก)
ทาเช่นเดียวกนั กบั ดินอีก 2 ชนิด อปุ กรณ์
2. ขณะท่ี สัมผสั ดิน ดู ลกั ษณะของดิน เช่น ขนาดเมด็ 1. ดินเหนียว 1 ถงุ
ดิน เน้ือดิน และความเหนียว แลว้ บอก ลกั ษณะของดินแต่ละชนิด 2. ดินร่วน 1 ถุง
3. ตดั ปากขวดพลาสติกท้งั 3 ใบออก เจาะรูท่ีกน้ ขวด 3. ดินทราย 1 ถุง
เพ่ือทดสอบการอุม้ น้าของดิน 4. แกว้ ใส่น้า 1 แกว้
4. นาดินแต่ละชนิดใส่ลงในขวดพลาสติกที่เตรียมไวใ้ น 5. ขวดน้าพลาสติก 3 ใบ
ปริมาณเท่ากนั
6. หลอดหยด 1 หลอด
5. เทน้าจากแกว้ ลงในขวดทีละใบในปริมาณน้าท่ีเท่ากนั 7. ชอ้ น 1 คนั
6. ดู ปริมาณน้าที่ผา่ นดินในแต่ละใบ และ บอก ปริมาณน้า 8. มีดคตั เตอร์ 1 เลม่
ที่ผา่ นออกมาได้ 9. ตะปู 1 ตวั
10. คอ้ น 1 อนั
บนั ทกึ ผล
ตวั อย่างดนิ ลกั ษณะของดนิ เมอื่ ได้สัมผสั ปริมาณนา้ ท่ีผ่านดนิ ออกมา
ชนดิ ที่
1 มีเนือ้ ดินละเอียด เมด็ ดินมีขนาดเลก็ เมื่อเปี ยก น้อย
นา้ จะเหนียวและติดมือมาก
2 มีเนือ้ ดินค่อนข้างละเอียด เมด็ ดินมีขนาด ปานกลาง
ปานกลาง นุ่มมือ เปี ยกนา้ จะติดมือเลก็ น้อย
3 มีเนือ้ ดินหยาบ เมด็ ดินมีขนาดใหญ่ เมื่อเปี ยก มาก
นา้ จะไม่ติดมือ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 347
สรุป
ตัวอย่างดินชนิดท่ี 1 มีเนือ้ ดินละเอียด เมด็ ดินมีขนาดเลก็ มีช่องว่างระหว่างเมด็ ดินน้อย นา้ จึงซึมผ่านออกมา
ได้น้อย
ตวั อย่างดินชนิดที่ 2 มีเนือ้ ดินค่อนข้างละเอียด เมด็ ดินมีขนาดปานกลาง มีช่องว่างระหว่างเมด็ ดิน
พอประมาณ นา้ จึงซึมผ่านออกมาได้พอสมควร
ตัวอย่างดินชนิดท่ี 3 มีเนือ้ ดินหยาบ เมด็ ดินมีขนาดใหญ่ มีช่องว่างระหว่างเมด็ ดินมาก นา้ จึงซึมผ่านออกมา
ได้มาก
ค้นหาคาตอบ
1. น้าจะซึมผา่ นดินท่ีมีลกั ษณะใดไดด้ ีท่ีสุด
ดินที่มีเนือ้ หยาบ เมด็ ดินมีขนาดใหญ่ มีช่องว่างระหว่างเมด็ ดินมาก
2. ดินที่มีเน้ือดินละเอียด เมด็ ดินมีขนาดเลก็ น้าจะสามารถซึมผา่ นไดม้ ากหรือนอ้ ย เพราะอะไร
น้อย เพราะช่องว่างระหว่างเมด็ ดินน้อย
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 348
กจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ 12
สร้างสมุดภาพแสดงประโยชน์ของดนิ ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
ข้ันตอน 1. การสงั เกต (ด)ู
1. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มละ 5–6 คน ช่วยกนั คิด
2. การสื่อความหมาย (ติดภาพ)
และเตรียมอปุ กรณ์เพื่อสร้างสมุดภาพ
2. ดู ภาพท่ีแสดงการใชป้ ระโยชนข์ องดิน เช่น อปุ กรณ์
เครื่องป้ันดินเผา บา้ นดิน ปลกู พืช และเป็นท่ีอยอู่ าศยั ของสตั ว์ 1. ภาพแสดงประโยชนข์ องดิน
3. ตดั ภาพท่ีเลือกไว้ ติดภาพ ลงในสมุดภาพ และ
2. สมดุ ภาพ 1 เล่ม
ตกแต่งใหส้ วยงาม
4. นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียนหรือในงานวชิ าการ 3. กรรไกร 1 เล่ม
ของโรงเรียน 4. กาว 1 หลอด
5. สีเมจิกหรือสีเทียน 1 กลอ่ ง
ค้นหาคาตอบ
1. ดินมีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
1) ใช้ปลกู บ้านและเป็นที่อย่อู าศัยของสัตว์
2) ใช้ทาเป็นของใช้และของเล่น
3) ใช้เพาะปลกู พืชชนิดต่าง ๆ
2. ในทอ้ งถ่ินของนกั เรียนมีสินคา้ หรือผลิตภณั ฑท์ ่ีทามาจากดินหรือไม่ ยกตวั อยา่ งประกอบ
นักเรียน แนวคาตอบ ต่มุ นา้ อ่างปลกู บัว
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 349
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ท่องไปในท้องฟ้ า
ใบกจิ กรรมท่ี 31
สังเกต ท้องฟ้ า
ปัญหา ท้องฟ้ าเวลากลางวันและกลางคืนมีอะไรต่างกัน ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
ข้ันตอน 1. การสงั เกต (ด)ู
1. ใหน้ กั เรียน วาดภาพ ทอ้ งฟ้ า ในเวลากลางวนั
2. การส่ือความหมาย (วาดภาพ บอก)
และกลางคืน ตามความคิดของตน ระบายสีใหส้ วยงาม
2. ออกไป ดู ทอ้ งฟ้ าจริงในเวลากลางวนั และกลางคืน อปุ กรณ์
วาดภาพ และระบายสีทอ้ งฟ้ าตามที่เห็น 1. ดินสอ 1 แท่ง
3. บอก ความเหมือนและความแตกต่างของทอ้ งฟ้ า
2. สีไม/้ สีเทียน 1 กล่อง
ท่ีวาดกบั ทอ้ งฟ้ าที่เห็นจริง
3. สมุดวาดภาพ 1 แผน่
บันทกึ ผล
เวลากลางวนั
ทอ้ งฟ้ าในความคิด ทอ้ งฟ้ าที่เห็นจริง
ทอ้ งฟ้ าในความคิด เวลากลางคนื
ทอ้ งฟ้ าที่เห็นจริง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 350
สรุป
ในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์และส่ิงต่าง ๆ ชัดเจน ส่วนในเวลากลางคืนท้องฟ้ าจะมืด มองเห็นดวง
จันทร์ หรื อดวงดาว
ค้นหาคาตอบ
1. ทอ้ งฟ้ าในความคิดกบั ที่เห็นจริงมีสิ่งใดแตกต่างกนั บา้ ง
แนวคาตอบ ท้องฟ้ าในความคิดมีเมฆน้อย ท้องฟ้ าที่เห็นจริงมีเมฆมาก
2. ทอ้ งฟ้ าในเวลากลางวนั และกลางคืนมีสิ่งใดแตกต่างกนั บา้ ง
เวลากลางวันมีดวงอาทิตย์ เวลากลางคืนมีดวงจันทร์ หรือดวงดาว
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 351
ใบกจิ กรรมที่ 32
สังเกต ดวงอาทิตย์ให้ความร้อน
ปัญหา เรารู้สึกร้อนเวลายืนอย่กู ลางแดดเพราะอะไร ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
1. การสงั เกต (สมั ผสั )
ข้ันตอน 2. การส่ือความหมาย (บอก เขียน)
1. นกั เรียนรินน้าใส่แกว้ ท้งั 2 ใบ ใหม้ ีปริมาณเท่ากนั
2. นาแกว้ ใบที่ 1 วางไวก้ ลางแดด ส่วนแกว้ อีกใบนาไป อุปกรณ์
แกว้ ใส่น้า 2 ใบ
วางไวใ้ นท่ีมืดหรือบริเวณที่มีร่มเงา 30 นาที
3. ใชน้ ิ้ว สัมผสั น้าในแกว้ แต่ละใบ
4. บอก ความรู้สึกร้อน–เยน็ ของน้าท้งั 2 แกว้
5. เขียน ความรู้สึกเม่ือใชน้ ิ้วสัมผสั น้าในแกว้ แต่ละใบ
บนั ทกึ ผล เมอ่ื ใช้นวิ้ มอื สัมผสั นา้ ในแก้ว
บริเวณทวี่ างแก้ว นา้ อ่นุ
นา้ เยน็
กลางแดด
วางในท่ีมืด
สรุป
ดวงอาทิตย์ให้พลงั งานความร้อนแก่โลก
ค้นหาคาตอบ
1. น้าในแกว้ ท้งั 2 ใบ แตกต่างกนั หรือไม่ เพราะอะไร
ต่างกนั เพราะแสงจากดวงอาทิตย์มีความร้อน ทาให้อุณหภูมิของนา้ ในแก้วแตกต่างกัน
2. ถา้ นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมในเวลากลางคืน ผลการสงั เกตจะเหมือนในเวลากลางวนั หรือไม่ เพราะอะไร
ไม่เหมือน เพราะเวลากลางคืนไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 352
ใบกจิ กรรมท่ี 33
สังเกต เงามดื ของดวงจนั ทร์ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
ปัญหา เงามืดบนดวงจันทร์ มีรูปร่างเหมือนอะไร 1. การสงั เกต (ดู)
ข้นั ตอน
2. การสื่อความหมาย (วาดภาพ บอก)
1. ดู เงามืดบนดวงจนั ทร์ในคืนท่ีพระจนั ทร์เตม็ ดวง
2. วาดภาพ เงาบนดวงจนั ทร์ และลองเปรียบเทียบ อุปกรณ์
รูปร่างของเงาวา่ คลา้ ยอะไร
3. บอก ส่ิงท่ีสงั เกตไดก้ บั เพ่ือนและเปรียบเทียบกนั 1. สีไม/้ สีเทียน 1 กลอ่ ง
2. สมุดวาดภาพ 1 เล่ม
บันทกึ ผล
รูปร่างท่เี ห็น ภาพเงาบนดวงจนั ทร์
กระต่าย
ปู
สรุป
เงามืดบนดวงจันทร์เกิดจากการสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ท่ีไม่เท่ากันของพืน้ ผิวดวงจันทร์ ท่ีมีผิวขรุขระ ทา
ให้มองเห็นเงามืดเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น กระต่าย ปู และผู้หญิง
ค้นหาคาตอบ
1. ส่วนท่ีเป็นสีคล้าของดวงจนั ทร์คลา้ ยอะไรบา้ ง
แนวคาตอบ กระต่ายและปู
2. อปุ สรรคในการทากิจกรรมน้ีคืออะไร
บางคืนดวงจันทร์สว่างไม่เตม็ ดวง หรือมีเมฆบังดวงจันทร์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 353
กจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ 13
อปุ กรณ์แห่งแสงสว่าง ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
1. การสงั เกต (ดู)
ข้ันตอน 2. การส่ือความหมาย (วงกลม)
1. นกั เรียน ดู ภาพที่ใหม้ า ซ่ึงในภาพมีสิ่งของท่ีใหแ้ สงสวา่ ง
เวลากลางคืนได้ 5 ชิ้นดว้ ยกนั คือ เทียนไข หลอดไฟกลม โคมไฟ
ตะเกียงน้ามนั และไฟฉาย
2. นกั เรียน วงกลม ภาพสิ่งของ 5 ชิ้นน้ี และนบั วา่ แต่ละ
ชนิดมีจานวนเท่าไร
บนั ทึกผล
ส่ิงของ จานวน
เทียนไข 3
หลอดไฟกลม 2
2
โคมไฟ 1
ตะเกียงน้ามนั 2
ไฟฉาย
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป. 1 354
ค้นหาคาตอบ
1. ส่ิงของใดมีจานวนมากท่ีสุด และมีเท่าไร
เทียนไขมี 3 เล่ม
2. นกั เรียนสามารถใชอ้ ปุ กรณ์ใดไดเ้ มื่อไฟดบั
ไฟฉาย เทียนไข และตะเกียงนา้ มนั
3. ในเวลากลางวนั จาเป็นตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์พวกน้ีหรือไม่ เพราะอะไร
ไม่จาเป็น เพราะเวลากลางวันมีแสงจากดวงอาทิตย์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 355
กจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ 14
สร้างเร่ืองจากคา
ข้นั ตอน
1. แบ่งนกั เรียนกลุ่มละ 3–4 คน ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
2. ตวั แทนกลุม่ ที่ 1 ออกมาหยิบบตั รคา 5 แผน่ ใน การส่ือความหมาย (แต่งเร่ือง เล่าเร่ือง)
กล่องทึบ อุปกรณ์
3. บนั ทึกคาที่ไดล้ งสมดุ และคืนบตั รคาลงในกล่อง บตั รคา 12 แผน่
4. ตวั แทนกลุ่มอื่นออกมาหยิบบา้ ง
5. เพ่ือนในกลุ่มใชค้ าที่ตวั แทนหยิบไดม้ า แต่งเร่ือง
คนละ 1 เรื่อง
6. เล่าเร่ือง ที่แต่งข้ึนใหค้ นในกลมุ่ ฟัง
7. เลือกเรื่องท่ีดีที่สุดในกลุ่มและออกมาเลา่ หนา้ หอ้ งเรียน
ดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ ดวงดาว บตั รคา ทอ้ งฟ้ า อบอุ่น
เยน็ กลางวนั กลางคืน เมฆ สวา่ ง ไฟฉาย
มืด
ค้นหาคาตอบ
1. คาท่ีนกั เรียนเลือกไดม้ ีคาวา่ อะไรบา้ ง
แนวคาตอบ ดวงดาว มืด กลางคืน ไฟฉาย และเยน็
2. เร่ืองที่นกั เรียนแต่งข้ึนเป็นเร่ืองที่เกิดข้ึนเวลาใด
แนวคาตอบ กลางคืน
3. เร่ืองของนกั เรียนคลา้ ยกบั เพ่ือนในกลุ่มบา้ งหรือไม่ และคลา้ ยกนั ก่ีคน
แนวคาตอบ ไม่คล้ายกัน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 356
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน ประจาหน่วยการเรียนรู้
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมีชีวติ และสิ่งไม่มีชีวติ
คาชี้แจง เลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ส่ิงมีชีวติ คือภาพใด 3. สิ่งใดไม่ต้องการอาหาร
ก ก แมว
ข ยางลบ
ค กลว้ ยไม้
ข 4. ส่ิงไม่มีชีวติ ตามธรรมชาตคิ อื พวกใด
ก เมฆ ฝน
ข โต๊ะ เกา้ อ้ี
ค ดินสอ ปากกา
ค 5. นกกบั ค้างคาวจดั เป็ นสิ่งมชี ีวติ เพราะเหตุใด
ก มีปี ก
ข หายใจได้
ค มีขนปกคลมุ ลาตวั
2. สิ่งไม่มชี ีวติ คือภาพ ใด 6. จากรูปแสดงลกั ษณะใดของสิ่งมชี ีวติ
ก
ข ก การหายใจ
ข การกินอาหาร
ค การเจริญเติบโต
7. จากรูปมลี กั ษณะใดของส่ิงมชี ีวิต
ค
ก การขบั ถา่ ย
ข การกินอาหาร
ค การเคล่ือนไหว
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 357
8. ส่ิงท่ีจาเป็ นต่อการดารงชีวติ มอี ะไรบ้าง 9. ความสัมพนั ธ์ใดถูกต้อง
ก อากาศ อาหาร ก ชา้ งลากซุง–การหายใจ
ข เส้ือผา้ รถยนต์ ข ปลาวางไข่–การสืบพนั ธุ์
ค อาหาร รถยนต์ ค กบกระโดด–การกินอาหาร
10. “การเดิน การเลือ้ ย และการว่าย” แสดงถึงการเคลอ่ื นไหวของสิ่งมีชีวติ ชนิดใด
ก กบ เต่า ไก่
ข แมว งู ปลา
ค ชา้ ง ตก๊ั แตน คางคก
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 358
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ และสิ่งไม่มีชีวติ
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ส่ิงมชี ีวติ คือภาพ ใด 5. จากรูปแสดงการเป็ นสิ่งมชี ีวติ ของคนในด้านใด
ก
ข ก การกินอาหาร
ข การเจริญเติบโต
ค ค การมีลกู มีหลาน
6. จากรูปไม่มีลกั ษณะใดของส่ิงมีชีวติ
2. ข้อใดจดั เป็ นส่ิงมชี ีวติ ท้งั หมด
ก กอ้ นหิน นก ภูเขา ก การขบั ถ่าย
ข ตน้ หญา้ นก ผเี ส้ือ ข การกินอาหาร
ค บา้ น ตน้ หญา้ ไสเ้ ดือนดิน ค การเคลื่อนไหว
7. เหตกุ ารณ์ใดแสดงให้เห็นถึงการเจริญเตบิ โต
3. ผงึ้ ในรูปแสดงถงึ ส่ิงใด ก แป๋ มเป่ าลมใหล้ กู โป่ งใหญ่ข้ึน
ข ตอ๊ บมือบวมเพราะโดนผ้งึ ต่อย
ก การกินอาหาร ค กงุ้ ตวั สูงกวา่ ปี ท่ีแลว้ 5 เซนติเมตร
ข การกินอาหารและการเคล่ือนไหว 8. ความสัมพันธ์ใดผิด
ค การเคลื่อนไหวและการเจริญเติบโต ก แมววิง่ –การเคล่ือนที่
4. ลกั ษณะใดของคนทไ่ี ม่มกี ารเคลอ่ื นไหวร่างกาย ข ลิงปี นตน้ ไม–้ การหายใจ
ก นอน ค ตน้ ไมส้ ูงข้ึน–การเจริญเติบโต
ข วา่ ยน้า
ค กระโดด
9. สิ่งใดไม่ใช่กล่มุ เดยี วกบั ในรูป คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 359
ก แกว้ น้า 10. “การบิน การว่าย และการกระโดด” แสดงถงึ
ข จกั รยาน ลกั ษณะใด
ค ตน้ กุหลาบ ก การเคล่ือนไหว
ข การเจริญเติบโต
ค การมีลกู มีหลาน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 360
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พชื ในสวน
คาชี้แจง เลือกคาตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. ส่วนของพชื ทอ่ี ยู่ใต้ดนิ ตรงกบั หมายเลขใด 4. ใบพชื ท่มี ลี กั ษณะของขอบใบต่างจากกลุ่มคือรูป
ใด
ก
ก2 ข
ข4
ค6 ค
2. หมายเลขใดที่สร้างความแข็งแรงเป็ นทย่ี ดึ ให้กงิ่
และใบ 5. ผลของพชื เกดิ มาจากส่วนใด
ก ใบ
ก4 ข ดอก
ข5 ค ลาตน้
ค6
3. ส่วนของพชื หมายเลขใดทาหน้าท่ีผลติ อาหาร 6. สิ่งใดจดั เป็ นพชื
ก สม้
ก1 ข ไก่
ข2 ค ปลา
ค3
7. ลาต้นของพชื ชนดิ ใดท่มี คี วามแขง็ แรงมากที่สุด
ก มะเขือ
ข มะขาม
ค มะละกอ
8. พชื ชนิดใดจดั เป็ นไม้ยนื ต้น
ก สกั
ข ออ้ ย
ค ตะไคร้
9. ผลไม้ชนิดใดเป็ นผลกล่มุ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 361
ก ชมพู่
ข มะมว่ ง 10. ในวนั แม่ นกั เรียนควรนาดอกไม้ชนิดใดมามอบ
ค นอ้ ยหน่า ให้คุณแม่
ก ดอกรัก
ข ดอกมะลิ
ค ดอกพทุ ธรักษา
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 362
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พชื ในสวน
คาชี้แจง เลือกคาตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. พชื ชนดิ ใดมรี ากแก้ว 6. พชื ท้องถิ่นของประเทศไทยคือกล่มุ ใด
ก ตน้ ขา้ ว ก สกั กลว้ ย
ข ตน้ ขนุน ข แตงโม เชอร์รี
ค ตน้ กลว้ ย ค แอปเปิ ล ซากรุ ะ
2. ส่วนใดของพชื ทีท่ าหน้าท่ลี าเลียงนา้ และแร่ธาตุ 7. พชื ชนิดใดส่วนใหญ่ปลูกอย่ทู างภาคใต้
ไปเลยี้ งส่วนต่าง ๆ ของพชื ก ลาไย
ก ราก ข ปาลม์ น้ามนั
ข ดอก ค มนั สาปะหลงั
ค ลาตน้ 8. ถ้าจะจาแนกมะม่วงกับน้อยหน่าเป็ นประเภท
3. ถ้าพชื ไม่มใี บจะมผี ลกระทบต่อพชื ในเรื่องใด ควรใช้เกณฑ์ใด
ก ไม่มีร่มเงา ก จานวนใบ
ข ไมม่ ีอาหาร ข จานวนผล
ค ดไู มส่ วยงาม ค จานวนกา้ นใบ
4. ความสัมพันธ์ใดถูกต้อง 9. พชื ชนิดใดสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้แทบทุก
ก ใบ–เจริญเป็นผล ส่ วน
ข ดอก–ผลิตอาหาร ก ออ้ ย
ค ลาตน้ –ลาเลียงอาหาร ข กลว้ ย
5. ส่วนใดของพชื ทท่ี าหน้าทเี่ หมอื นพ่อครัว ค มะละกอ
ก ใบ 10. พชื ชนิดใดไม่นิยมนามาประกอบอาหาร
ข ดอก ก สม้
ค ลาตน้ ข ตาลึง
ค มะเขือ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 363
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สารวจสัตว์รอบตวั
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบที่ถกู ท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. “ มอ มอ ” เป็ นเสียงร้องของสัตว์ชนิดใด 4. สัตว์คู่ใดมกี ารเคลอ่ื นที่แบบเดยี วกนั
กก
ข ข
ค ค
2. รูปใดเป็ นเท้าของเป็ ด 5. ถ้าสัตว์ไม่มอี วยั วะส่วนใด จะส่งผลให้สัตว์ไม่
ก สามารถเคลอื่ นที่ได้
ก ตา
ข ข เทา้
ค แขน
ค
6. สัตว์ชนดิ ใดอาศัยอยู่ในนา้ ท้ังหมด
3. สัตว์ชนดิ ใดมจี านวนขามากท่ีสุด ก กงุ้ ปู ปลา
กค ข จระเข้ งู ชา้ ง
ค หอย กงุ้ ควาย
ข
7. สัตว์ชนดิ ใดคนเลยี้ งไว้ให้เฝ้ าบ้าน คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 364
ก
8. สัตว์ชนดิ ใดมปี ระโยชน์กบั ชาวนามากทสี่ ุด
ข ก มา้
ข ชา้ ง
ค ค ควาย
9. ถ้าต้องการความเพลดิ เพลนิ ควรเลยี้ งสัตว์ชนดิ ใด
ก เสือ
ข กวาง
ค ปลาทอง
10. อาหารชนิดใดใช้เลยี้ งปลา
ก ขา้ ว
ข ลกู น้า
ค ลกู ปลา
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 365
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสัตว์รอบตวั
คาชี้แจง เลือกคาตอบท่ีถูกท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. อะไรไม่ใช่ลกั ษณะของสัตว์ที่อย่ใู นรูป 5. อวยั วะใดช่วยให้สุนัขได้ยนิ เสียงและได้กลน่ิ
อาหาร
ก เป็นสตั วป์ ี ก ก 1, 2
ข ออกลูกเป็นไข่ ข 2, 3
ค มีแหล่งที่อาศยั อยใู่ นน้า ค 3, 1
2. งวงคอื อวยั วะใดของช้าง 6. ถ้าต้องการจาแนกสัตว์เหล่านีอ้ อกเป็ นกล่มุ ควร
ก หู ใช้อะไรเป็ นเกณฑ์ในการจาแนก
ข จมกู
ค ปาก ก ท่ีอยอู่ าศยั
3. เสื้อกนั หนาวที่เราใส่เปรียบเหมอื นอวยั วะใดของ ข มีขาและไม่มีขา
สัตว์ ค มีปี กและไมม่ ีปี ก
ก ขน 7. สัตว์ชนดิ ใดไม่พบในท้องถิ่นของไทย
ข ปี ก ก ชา้ ง
ค เทา้ ข เสือโคร่ง
4. สัตว์ชนิดใดมกี ารเคลอ่ื นที่แตกต่างจากสัตว์ชนดิ ค หมีแพนดา
อน่ื 8. หมขี ้ัวโลกมขี นยาวปกคลมุ ท้ังตวั เพอ่ื อะไร
ก ก ความสวยงาม
ข กกั เกบ็ ความร้อน
ข ค สร้างความอบอ่นุ ใหแ้ ก่ร่างกาย
ค
9. จากรูป เราได้ประโยชน์จากสัตว์ชนิดนีใ้ นเรื่องใด คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 366
10. สัตว์ชนดิ ใดสามารถนาไข่และเนอื้ มาทาเป็ น
อาหาร
ก ววั
ข หมู
ค เป็ด
ก ใชแ้ รงงาน
ข ใชเ้ ป็นอาหาร
ค ใหค้ วามเพลิดเพลิน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 367
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตวั เราน่ารู้
คาชี้แจง เลือกคาตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. อวยั วะใดในร่างกายช่วยในการทรงตวั และ 7. บริเวณใดก่อให้เกดิ อนั ตรายต่อหู
เคลอ่ื นไหว ก ป้ ายรถเมล์
ก ขา ข โรงพยาบาล
ข คอ ค เขตก่อสร้าง
ค ลาตวั 8. สิ่งใดควรปฏิบัตสิ ัปดาห์ละ 2 คร้ัง
2. เรามองเห็นภาพต่าง ๆ ได้เพราะอวยั วะใด ก
ก หู
ข ตา
ค จมกู
3. ลกั ษณะใดท่ผี วิ หนังสัมผสั แล้วไม่สามารถบอกได้ ข
ก นุ่ม–แขง็
ข เปี ยก–แหง้
ค หอม–เหมน็
4. การสูบบุหร่ีรบกวนอวยั วะรับรู้ใดของผ้อู นื่ ค
ก หู
ข จมกู
ค ผวิ หนงั
5. กจิ กรรมใดใช้อวยั วะรับรู้น้อยที่สุด 9. เราควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละกคี่ ร้ัง
ก ฟังวทิ ยุ ก1
ข เลน่ ดนตรี ข2
ค ช่วยแมป่ รุงอาหาร ค3
6. รูปใดเกย่ี วข้องกบั การรับรส 10. ใครปฏิบตั ติ นได้ถูกต้อง
กค ก แกว้ ใชฟ้ ันแกะห่อขนม
ข ไก่แปรงฟันวนั ละ 1 คร้ัง
ค กอ้ งลา้ งมือก่อนรับประทานอาหาร
ข
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 368
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตวั เราน่ารู้
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. อวยั วะรับรู้พบมากท่สี ่วนใดของร่างกาย 7. บริเวณใดที่ไม่เกิดอนั ตรายต่อหู
ก ลาตวั ก เขตก่อสร้าง
ข ศีรษะ ข เขตโรงพยาบาล
ค แขนและขา ค เขตซ่อมแซมถนน
2. ถ้าตาของเราเจ็บจะมปี ัญหาในเรื่องใด 8. ส่ิงใดควรปฏิบตั วิ นั ละ 2 คร้ัง
ก การจดจา ก
ข การทรงตวั
ค การมองเห็น
3. ผวิ หนงั รับรู้ลกั ษณะใดได้
ก ดงั –ค่อย ข
ข สีเขม้ –สีออ่ น
ค เรียบ–ขรุขระ
4. ทาไมเมอ่ื เราเป็ นหวดั จึงรับประทานอาหาร ค
ไม่อร่อย
ก อาหารมีรสจดั
ข ไม่ไดก้ ลิ่นอาหาร 9. วธิ ีใดใช้ทดแทนการแปรงฟันได้ดที ่ีสุด
ค มองไมเ่ ห็นอาหาร ก บว้ นปาก
5. กจิ กรรมใดใช้อวยั วะรับรู้มากท่ีสุด ข อมลูกอม
ก ทาขนม ค เค้ียวหมากฝร่ัง
ข ป้ันตุ๊กตา
ค ดโู ทรทศั น์ 10. ส่ิงใดไม่ควรปฏิบตั ิ
6. เดก็ ในรูปใดใช้ตาและหูสัมพนั ธ์กนั ก อา่ นหนงั สือบนรถขณะกาลงั แลน่
กค ข ใชผ้ า้ ปิ ดจมกู บริเวณท่ีมีฝ่ นุ ละอองมาก ๆ
ค ใชส้ าลีเชด็ ในช่องหูเบา ๆ หลงั วา่ ยน้าเสร็จ
ข
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 369
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
คาชี้แจง เลือกคาตอบท่ีถกู ท่ีสุดเพียงคาตอบเดียว
1. ของใช้คือกล่มุ ใด 6. ของใช้ชนิดใดไม่ได้ทาจากพลาสตกิ
ก จาน ชอ้ น ก เส้ือกนั ฝน
ข วา่ ว ถุงเทา้ ข ผา้ ปูที่นอน
ค เส้ือ ลกู แกว้ ค แปรงสีฟัน
2. จากรูปมขี องใช้กชี่ ิ้น 7. จากรูปสรุปได้อย่างไร
A
ก1 ก A มีสีน้าเงิน
ข2 ข A มีความนุ่ม
ค3
3. คาว่าใหญ่และเลก็ เป็ นลกั ษณะใดของของเล่นและ ค A คือฟองน้า
ของใช้ 8. จากรูปใช้ลกั ษณะใดเป็ นเกณฑ์ในการแบ่งกล่มุ
ก ขนาด
ข รูปร่าง กล่มุ ท่ี 1 กลุ่มที่ 2
ค น้าหนกั
4. รูปกล่มุ นมี้ ลี กั ษณะใดเหมอื นกนั ก สี
ข พ้ืนผิว
ก สี ค รูปทรง
ข รูปร่าง 9. จากรูปใช้ลกั ษณะใดเป็ นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่ม
ค น้าหนกั
5. ส่ิงใดไม่เหมาะสาหรับนามาเป็ นของเล่น กล่มุ ท่ี 1 กลุ่มท่ี 2
ก แกว้
ข กระดาษ ก ขนาด
ค พลาสติก ข รูปร่าง
ค วสั ดุท่ีใชท้ า
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 370
10. เกณฑ์ใดใช้แบ่งกล่มุ ลกู บอลในรูปเป็ น 2 กล่มุ ได้
ก สี
ข รูปร่าง
ค การใชง้ าน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 371
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ของเล่นคือกลุ่มใด 5. วสั ดุชนดิ ใดตกพนื้ แล้วแตก
ก แวน่ ตา ลกู ข่าง ก
ข ดินสอ รองเทา้
ค ลกู โป่ ง ลูกบอล
2. จากรูปมขี องเล่นกชี่ ิ้น
ข
ก1 ค
ข2
ค3 6. นกั เรียนจะเลอื กใช้วสั ดุใดทาตุ๊กตาให้น้องเล่น
3. คาว่าเรียบและขรุขระเป็ นลกั ษณะใดของของเล่น ก ไม้ แกว้
และของใช้ ข ผา้ พลาสติก
ก สี ค โลหะ กระดาษ
ข ขนาด
ค พ้ืนผิว 7. จากรูปสรุปได้อย่างไร
4. รูปกล่มุ นีม้ ลี กั ษณะใดเหมอื นกนั
ก สี ก A แขง็ กวา่ B
ข ขนาด ข A หนากวา่ B
ค รูปร่าง ค A หนกั กวา่ B
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 372
8. จากรูปใช้ลกั ษณะใดเป็ นเกณฑ์ในการแบ่งกล่มุ 9. จากรูปไม่สามารถใช้ลกั ษณะใดเป็ นเกณฑ์ในการ
แบ่งกล่มุ ได้
กล่มุ ท่ี 1 กล่มุ ท่ี 2
กลุ่มท่ี 1 กลุ่มที่ 2
ก สี ก สี
ข พ้ืนผวิ ข รูปร่าง
ค รูปทรง ค วสั ดุที่ใชท้ า
10. เกณฑ์ใดใช้แบ่งกลุ่มของในรูปเป็ น 2 กลุ่มไม่ได้
ก สี
ข การใชง้ าน
ค วสั ดุที่ใชท้ า
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 373
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 แรง
คาชี้แจง เลือกคาตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ถ้าต้องการชนะการแข่งชักเย่อจะต้องออกแรง 6. การออกแรงคู่ใดเป็ นแรงผลกั เหมอื นกนั
อะไร ก ขวา้ งบอล ตีปิ งปอง
ก ดึง ข ตกปลา สอยมะม่วง
ข บีบ ค ยกกล่อง ปิ ดลิ้นชกั
ค ผลกั 7. การฝึ กวธิ ีใดทาให้โยนลกู บอลลงห่วงอย่างแม่นยา
2. การออกแรงใดเป็ นแรงผลกั ก วดั น้าหนกั ลูกบอล
ก ลากรถ ข ออกแรงโยนลกู บอล
ข ถือกระเป๋ า ค วดั ระยะระหวา่ งตวั เองกบั ห่วง
ค ปาลกู บอล 8. จากรูปจะเกดิ สิ่งใดขึน้
3. การเล่นใดต้องใช้แรงดงึ
ก วา่ ว
ข ปิ งปอง
ค ฟุตบอล
4. ผลของแรงในรูปใดต่างจากกลุ่ม
ก
ก
ขข
ค ค
5. การออกแรงที่ไม่ทาให้วตั ถุเคลอ่ื นทค่ี ืออะไร 9. ของเล่นที่ทาจากวสั ดุใดเปลย่ี นแปลงรูปร่างได้
ก เตะลกู บอล ง่าย
ข ผลกั กาแพง ก ไม้
ค ลากรถของเล่น ข กระดาษ
ค พลาสติก
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 374
10. การเปลยี่ นแปลงขนาดเกดิ ขึน้ ในรูปใด
ก
ข
ค
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 375
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แรง
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. จากรูปเป็ นการออกแรงใด 5. จากรูปแสดงถงึ สมบัตใิ ดของแรง
ก ดึง
ข ลาก
ค ผลกั
ก ทาใหว้ ตั ถเุ คล่ือนท่ี
2. ประโยคใดแสดงถึงแรงผลกั ข ทาใหว้ ตั ถเุ ปลี่ยนพ้ืนผิว
ก นียกถงั น้าข้ึนจากพ้ืน ค ทาใหว้ ตั ถเุ ปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ข ป๋ อมเปิ ดประตูเขา้ หาตวั เอง 6. การออกแรงคู่ใดเป็ นแรงดงึ เหมือนกนั
ค ตอ้ มเล่ือนกล่องไปขา้ งหนา้ ก เขน็ รถ เตะบอล
3. นกจะจบั ไส้เดอื นดินท่ีอย่ใู นดนิ ได้ต้องออกแรงใด ข เชิญธงชาติ ถอนหญา้
ก ดึง ค โยนบอล ถีบจกั รยาน
ข ผลกั 7. จากรูป วธิ ีใดทาให้ว่าวลอยไปตามทางทต่ี ้องการ
ค ลาก ก วงิ่ ใหเ้ ร็ว
4. รูปใดออกแรงต่างจากพวก ข ใชเ้ ชือกเสน้ ใหญ่
ก ค ออกแรงดึงใหม้ าก
8. เมอ่ื นกั เรียนงอแท่งไม้จะเกดิ อะไรขนึ้
ข
ค กค
ข
9. ส่ิงใดนามาป้ันต๊กุ ตาได้ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 376
ก 10. วตั ถุใดกลบั มาเหมอื นเดมิ ได้เองเมอื่ หยุดออกแรง
ข
ค ก
ข
ค
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 377
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 สารวจพนื้ ดนิ
คาชี้แจง เลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงคาตอบเดียว 6. ดนิ ทม่ี อี ากาศในดนิ มาก เมด็ ดนิ จะมขี นาดใด
1. ส่ิงใดไม่ใช่ส่วนประกอบของดนิ ก เลก็
ข ใหญ่
ก น้า ค ปานกลาง
ข อากาศ
ค เศษกระดาษ 7. ดนิ แต่ละแห่งมีสีต่างกันเพราะมปี ริมาณของส่ิงใด
2. ดนิ บริเวณใดพบซากพชื ซากสัตว์มาก ต่างกัน
ก ป่ าทึบ ก เศษหิน
ข ริมถนน ข อากาศ
ค ชายทะเล ค ซากพืช ซากสตั ว์
3. การใช้มอื สัมผสั ดินบอกลกั ษณะใดของดนิ ได้
ก สี 8. “A เป็นพืชท่ีต้องการนา้ น้อย” เราควรใช้ดนิ
ข เน้ือดิน ลกั ษณะใดในการปลกู
ค ส่วนประกอบ ก มีสีดาเขม้
4. ถ้าดนิ ขาดน้านาน ๆ จะมลี กั ษณะใด ข เมด็ ดินขนาดเลก็
ก น่ิมมือ ค น้าซึมผา่ นไดง้ ่าย
ข ติดกนั แน่น
ค แขง็ และแหง้ 9. อาชีพใดทางานเกย่ี วกบั ดินมากทีส่ ุด
5. ถ้าต้องการเพม่ิ อากาศให้กบั ดนิ จะต้องทาตามรูป ก ชาวสวน
ใด ข คนหาปลา
ก ค คนเล้ียงไก่
10. จากรูปเป็ นประโยชน์จากดนิ ในด้านใด
ข
ก ของเลน่
ข ท่ีต้งั ของบา้ นเรือน
ค ค ที่อยอู่ าศยั ของสตั ว์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 378
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 สารวจพนื้ ดนิ
คาชี้แจง เลือกคาตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ซากพชื และซากสัตว์ท่อี ย่ใู นดินเรียกว่าอะไร 6. ดนิ A มอี ากาศน้อยกว่าดนิ B รูปของดนิ ท้ัง 2
ก ฮิวมสั ชนิดรูปใดถูกต้อง
ข เน้ือดิน
ค เมด็ ดิน ก
2. องค์ประกอบของดนิ ข้อใดท่มี ปี ระโยชน์ต่อพชื
มากทส่ี ุด
ก ฮิวมสั
ข น้าและอากาศ ข
ค ฮิวมสั น้า และอากาศ
3. ดนิ ในรูปใดมเี นือ้ ละเอยี ดมากท่ีสุด
กค
ข 7. ความสัมพันธ์ใดผิด
ก สีดาเขม้ –ฮิวมสั มาก
ค ข เมด็ ดินใหญ่–ป้ันเป็นทรงง่าย
ค เน้ือดินละเอียด–น้าซึมผา่ นยาก
4. นา้ ในดนิ มปี ระโยชน์อะไร
ก ดินร่วนซุย 8. จากรูปเป็ นประโยชน์ของดนิ ในด้านใด
ข พืชเจริญเติบโต
ค สตั วม์ ีท่ีอยอู่ าศยั ก ดิน A คือดินทราย
ข ดิน A อุม้ น้าไดม้ ากกวา่ ดิน B
5. สัตว์ชนิดใดท่ีช่วยให้ดนิ ร่วนซุย ค ดิน B มีเน้ือดินละเอียดกวา่ ดิน A
ก ผ้งึ
ข กิ้งกือ
ค ไสเ้ ดือนดิน
9. ดนิ ทรายเหมาะสมกบั พชื ชนิดใด คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 379
ก
10. ประโยชน์ของดนิ โดยตรงคืออะไร
ข ก ทาเส้ือผา้
ข ทากระเป๋ า
ค ค ทาถว้ ยชาม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 380
แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 ท่องไปในท้องฟ้ า
คา ชีแ้ จง เลือกคาตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. A คืออะไร 5. เมอื่ นักเรียนมองท้องฟ้ าเวลากลางวนั จะมองเห็น
สิ่งใด
ก ดาวเตม็ ทอ้ งฟ้ า
ข เมฆ ดวงอาทิตย์
ก ดวงดาว ค ดวงจนั ทร์เตม็ ดวง
ข ดวงจนั ทร์ 6. รูปใดใช้ประโยชน์ด้านแสงสว่างจากดวงอาทติ ย์
ค ดวงอาทิตย์
ก
2. B คอื อะไร
ข
ก ดวงดาว ค
ข ดวงจนั ทร์
ค ดวงอาทิตย์ 7. ถ้าอยากให้ต้นไม้เจริญเตบิ โตดี นกั เรียนควรวาง
3. C คืออะไร ต้นไม้ไว้บริเวณใด
ก ในบา้ น
ก ดวงดาว ข กลางแจง้
ข ดวงจนั ทร์ ค ใตต้ น้ ไมใ้ หญ่
ค ดวงอาทิตย์
4. กจิ กรรมใดที่เหมาะสมกบั เวลากลางคนื 8. ดวงจนั ทร์วนั เพญ็ มลี กั ษณะใด
ก วา่ ยน้า ก
ข นอนหลบั
ค เล่นฟตุ บอล ข
ค
9. สิ่งใดที่พบได้บนดวงจนั ทร์ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 381
ก
10. เวลาใดเหมาะสมกบั การดดู าว
ข ก เชา้
ค ข บ่าย
ค กลางคืน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.1 382
แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 ท่องไปในท้องฟ้ า
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบท่ีถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดียว
1. ท้องฟ้ าในรูปใดตรงกบั ความเป็ นจริง 5. รูปใดไม่ได้แสดงถึงความร้อนจากดวงอาทิตย์
ก ก
ข
ค ข
ค
2. เรามองเห็นดวงอาทิตย์มขี นาดเลก็ เพราะอะไร 6. ของใช้ใดที่ทาหน้าท่คี ล้ายดวงอาทติ ย์
ก อยไู่ กลจากโลกมาก ก พดั ลม
ข มีขนาดเลก็ กวา่ โลก ข ไฟฉาย
ค ดวงอาทิตยม์ ีแสงสวา่ งนอ้ ย ค โทรทศั น์
3. การทาอาหารชนิดใดไม่ใช้พลงั งานความร้อนจาก 7. จากรูปเป็ นพนื้ ผวิ ของส่ิงใด
ดวงอาทิตย์
ก ปลาแหง้ ก โลก
ข กลว้ ยตาก ข ดวงจนั ทร์
ค มะยมแช่อ่ิม ค ดวงอาทิตย์
4. ดวงจันทร์เกย่ี วข้องกบั ประเพณใี ด
ก บวชนาค
ข แห่นางแมว
ค ลอยกระทง
8. นกั เรียนมองเห็นดวงดาวชัดเจนในวันที่ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 383
ดวงจันทร์มลี กั ษณะใด
ก 9. การกระทาของใครไม่เหมาะสม
ก สวยใชด้ าวเหนือบอกทิศทาง
ข ข ตอ้ มใชไ้ ฟฉายในเวลากลางคืน
ค แกว้ มองดวงอาทิตยด์ ว้ ยตาเปล่า
ค
10. ในแต่ละคนื เรามองเห็นดวงดาวได้ชัดเจนไม่
เท่ากนั เพราะอะไร
ก แรงลม
ข แสงจากดวงจนั ทร์
ค แสงจากดวงอาทิตย์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 384
เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์
แบบวดั ความรู้สึกต่อการเรียน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สิ่งมชี ีวติ และสิ่งไม่มีชีวติ
ช่ือ........................................................เลขที่..................ช้ัน............
คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ทบั รูปภาพที่ตรงกบั ความรู้สึกของนกั เรียน
1. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร เม่ือครูใหเ้ ล่าเร่ืองสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวติ ใหเ้ พื่อนฟัง
2. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร เมื่อครูใหท้ าแบบฝึ กหดั เรื่องสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต
3. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร เม่ือครูใหท้ างานคนเดียว
4. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร เม่ือครูใหท้ างานเป็นกลุ่ม
5. นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร เม่ือครูสอนเรื่องสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิต
สรุปผลการประเมินตนเอง นกั เรียนมีความรู้สึกต่อการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
สิ่งมีชีวติ และส่ิงไมม่ ีชีวติ อยใู่ นระดบั ระดบั คะแนน
พอใจ (8–10 คะแนน) = 2 คะแนน
เฉย ๆ (5–7 คะแนน) = 1 คะแนน
ไม่พอใจ (นอ้ ยกวา่ 5 คะแนน) = 0 คะแนน
ช่ือนกั เรียน .............................................
ประเมินเม่ือวนั ท่ี ....... เดือน ...................................พ.ศ. ...............