คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 135
2) ข้นั สารวจค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาภาพแสดงการใชป้ ระโยชนข์ องสตั วท์ ี่
ครูเตรียมมาโดยแบ่งเป็นหวั ขอ้ ดงั น้ี
– สตั วท์ ่ีใชเ้ ป็นอาหาร
– สตั วท์ ี่นามาใชเ้ ป็นแรงงาน
– สตั วท์ ี่เล้ียงไวเ้ พื่อความเพลิดเพลิน
– สตั วท์ ่ีสามารถนาชิ้นส่วนต่าง ๆ มาแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑไ์ ด้
(2) สมาชิกในกลุ่มร่วมกนั ศึกษา สนทนา พดู คุยถึงประโยชนจ์ ากสตั วต์ ามหวั ขอ้ ที่ตน
ไดร้ ับ
(3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 33
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการศึกษาหนา้ ช้นั เรียน โดยสมาชิกแต่ละคนช่วยกนั ถือ
ภาพท่ีแสดงการใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วต์ ามหวั ขอ้ ที่ตนไดร้ ับมอบหมาย และบอกใหน้ กั เรียนกลมุ่ อ่ืน
ทราบวา่ ภาพท่ีตนเองถือน้นั แสดงถึงประโยชนข์ องสตั วใ์ นลกั ษณะใด และเมื่อนกั เรียนภายในกลุ่ม
อธิบายเสร็จแลว้ ครูจะตอ้ งกระตุน้ ใหน้ กั เรียนสรุปใหไ้ ดว้ า่ เป็นประโยชนจ์ ากสตั วใ์ นดา้ นใด
(2) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วใ์ หน้ กั เรียนเขา้ ใจ
4) ข้ันขยายความรู้
(1) นกั เรียนบอกประโยชนจ์ ากสัตวท์ ่ีนกั เรียนสงั เกตพบในชีวิตประจาวนั เช่น สุนขั เฝ้ า
บา้ น ปลาเล้ียงไวด้ ูเล่นเพ่ือความเพลิดเพลิน และปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เร่ือง สร้างกล่องภาพ
สัตว์ โดยมีข้นั ตอนดงั น้ี
– แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 3–4 คน ช่วยกนั สร้างกล่องภาพสตั ว์
– นกั เรียนวาดภาพกลอ่ งบนกระดาษแขง็ เหมือนหมายเลข 1 วดั ขนาดตามท่ีระบุไว้
ถา้ ไม่เขา้ ใจใหถ้ ามครูได้
– ตดั กล่องตามแบบท่ีวาดไว้
– วาดเสน้ ประบนกล่องและพบั ตามเสน้ ประเป็นกล่องรูปทรงตนั เหมือนหมายเลข 2
– ตกแต่งกล่องท่ีสร้างข้ึนดว้ ยภาพสตั วซ์ ่ึงอยใู่ นกลุ่มเดียวกนั ตามเกณฑท์ ่ีนกั เรียนใช้
เช่น กลมุ่ สตั วท์ ่ีเคลื่อนที่โดยการบิน สตั วท์ ่ีอาศยั อยบู่ นบก หรือสตั วท์ ่ีมี 4 ขา
– เม่ือแต่ละกลุ่มสร้างกล่องภาพสตั วเ์ สร็จใหน้ าไปแสดงใหเ้ พ่ือน ๆ กลุ่มอื่นดู พร้อมท้งั
บอกชนิดของสตั วใ์ นภาพ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 136
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั ประโยชนข์ องสตั วจ์ ากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
ตวั อย่างกล่องภาพสัตว์ท่ีมี 4 ขา
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร
และไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) นกั เรียนและครูร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– สตั วช์ นิดใดบา้ งท่ีนามาใชเ้ ป็นพาหนะได้
– สตั วช์ นิดใดบา้ งที่นามาใชเ้ ป็นอาหารได้
– สตั วช์ นิดใดบา้ งท่ีสามารถนาส่วนต่าง ๆ มาใชท้ าเป็นเครื่องนุ่งห่มได้
– นกั เรียนคิดวา่ การเรียนรู้เร่ืองประโยชนข์ องสตั วม์ ีประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
– ชุมชนของนกั เรียนนาสตั วใ์ นทอ้ งถิ่นมาใชป้ ระโยชนอ์ ะไร
– สตั วช์ นิดใดใหเ้ น้ือและไข่เพื่อนามาทาเป็นอาหาร
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั ประโยชนข์ องสตั ว์ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 137
2) ครูดาเนินการทดสอบหลงั เรียน โดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพ่ือวดั ความ
กา้ วหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สารวจสตั วร์ อบตวั
3) ครูเช่ือมโยงเนอื้ หาจากบทเรียนนกี้ บั บทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื ให้นกั เรียนเตรียมความพร้อม
ในการเรียนช่ัวโมงต่อไป โดยการใช้คาถามกระตุ้น ดงั นี้
– มนุษย์เป็ นสัตว์ชนดิ หนึ่งมอี วัยวะภายนอกของร่างกาย เช่น ตา หู จมกู ปาก แขนและขา
ซึ่งอวยั วะแต่ละส่วนจะทาหน้าที่แตกต่างกนั ไป นักเรียนคิดว่าอวยั วะต่าง ๆ มหี น้าทอี่ ะไรบ้าง (แนว
คาตอบ ตาช่วยให้เรามองเห็นสิ่งของต่าง ๆ ได้ หูช่วยให้เราได้ยนิ เสียงต่าง ๆ ได้ จมกู ช่วยให้เราหายใจ
เอาอากาศเข้าสู่รางกายได้และช่วยให้เราได้กลน่ิ ต่าง ๆ ปากช่วยให้เรารับประทานอาหารได้ แขนและขา
ช่วยให้เราทรงตัวและเคลือ่ นไหวได้)
4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื จดั การ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้ออวยั วะภายนอกของร่างกาย
5) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มูลประโยชน์ของสัตว์ จากหนงั สือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรม
วิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต แลว้ นาขอ้ มูลมาจดั ทาเป็ นป้ ายนิเทศเพ่ือ
แลกเปล่ียนความรู้กบั เพื่อนในหอ้ งหรือในงานวิชาการ
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 8
2. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 6 สร้างกลอ่ งภาพสตั ว์
3. แบบทดสอบหลงั เรียน
4. ค่มู ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 138
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 139
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตัวเราน่ารู้ เวลา 13 ชั่วโมง
ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจัดการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ
1. โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 1. การสงั เกต
2. การสารวจ
และอวยั วะของเรา 3. การอภิปราย
2. หนา้ ที่ของอวยั วะรับรู้ 4. การนาความรู้ไปใชใ้ น
3. การดแู ลและรักษาส่วนต่าง ๆ ของ
ชีวติ ประจาวนั
ร่างกาย
ตวั เราน่ารู้
ภาระงาน/ชิ้นงาน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. สงั เกตเสียงปริศนา 1. มีเจตคติทางวิทยาศาสตร์
2. เกมปิ ดตาหาลกู บอล 2. มีเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
3. สงั เกตอาหารชวนชิม 3. เห็นคุณค่าของการนาความรู้
4. สงั เกตสมั ผสั ท่ีแตกต่าง
5. สงั เกตความผดิ ปกติของสายตา ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
6. สงั เกตฟันสะอาด 4. ใฝ่ เรียนรู้
7. ฝึ กใบค้ าปริศนา 5. มุง่ มน่ั ในการทางาน
8. โครงงานแสดงวธิ ีการดแู ลร่างกาย
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 140
ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตวั เราน่ารู้
ข้ันท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทต่ี ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน
ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ท่ี และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจนการดูแล
รักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
ความเข้าใจท่คี งทนของนักเรียน คาถามสาคัญทที่ าให้เกดิ ความเข้าใจทคี่ งทน
นกั เรียนจะเข้าใจว่า...
1. อวยั วะภายนอกของร่างกายทาหนา้ ท่ีแตกต่าง 1. อวยั วะภายนอกของร่างกายมีหนา้ ที่อะไรบา้ ง
กนั แต่ทาหนา้ ท่ีสมั พนั ธ์กนั 2. อวยั วะรับรู้แต่ละส่วนทาหนา้ ท่ีอะไร
2. อวยั วะรับรู้ประกอบดว้ ย ตา หู จมกู ลิ้น และ 3. ผลกระทบที่เกิดข้ึนเมื่อเราไมด่ ูแลและรักษา
ผวิ หนงั สุขภาพของร่างกายคืออะไร
3. เราตอ้ งดแู ลและรักษาสุขภาพของร่างกายให้
แขง็ แรงอยเู่ สมอ
ความรู้ของนกั เรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจทค่ี งทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนท่ีนาไปสู่ความ
นกั เรียนจะรู้ว่า... เข้าใจทค่ี งทน นกั เรียนจะสามารถ...
1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ อวยั วะ อวยั วะรับรู้ รส สมั ผสั 1. อธิบายหนา้ ท่ีต่าง ๆ ของอวยั วะภายนอก
พ้ืนผวิ 2. สงั เกตการทางานของอวยั วะรับรู้ท้งั 5
2. อวยั วะภายนอกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ศีรษะ 3. อธิบายหนา้ ท่ีของอวยั วะรับรู้ท้งั 5
ลาตวั แขนและขา 4. สงั เกตการทางานท่ีสมั พนั ธ์กนั ของอวยั วะ
3. ตาทาหนา้ ท่ีดลู กั ษณะต่าง ๆ ของส่ิงของ ภายนอก
รอบตวั 5. สารวจวิธีการดูแลและรักษาสุขภาพของร่างกาย
4. หูทาหนา้ ท่ีฟังเสียงต่าง ๆ รอบตวั ท่ีถกู ตอ้ ง
5. จมกู ทาหนา้ ท่ีดมกล่ินต่าง ๆ รอบตวั
6. ลิน้ ทาหนา้ ท่ีรับรสอาหารที่รับประทาน
7. ผิวหนงั ทาหนา้ ที่สมั ผสั พ้ืนผิวของสิ่งต่าง ๆ
รอบตวั
8. อวยั วะภายนอกมีการทางานที่สมั พนั ธก์ นั
9. เราตอ้ งทาความสะอาดอวยั วะภายนอกอยู่
เสมอและป้ องกนั ไม่ใหเ้ กิดการบาดเจบ็
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 141
ข้ันท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานที่แสดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามท่กี าหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานทีน่ ักเรียนต้องปฏิบตั ิ
– สงั เกตเสียงปริศนา
– เกมปิ ดตาหาลูกบอล
– สงั เกตอาหารชวนชิม
– สงั เกตสมั ผสั ที่แตกต่าง
– สงั เกตความผิดปกติของสายตา
– สงั เกตฟันสะอาด
– ฝึ กใบค้ าปริศนา
– โครงงานแสดงวธิ ีการดแู ลร่างกาย
2. วธิ ีการและเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา
– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติ
ต่อวิทยาศาสตร์
– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน
3. สิ่งทมี่ ่งุ ประเมนิ
– ความสามารถในการอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้
การมีมมุ มองที่หลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผอู้ ื่น และการรู้จกั ตนเอง
– เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล
– ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
– พฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม
ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18 โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 19 การมองเห็นและการไดย้ นิ 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20 การดมกลิ่นและการรับรส 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 21 การสมั ผสั 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 22 การดูแลรักษาตา หู และจมูก 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 23 การดูแลรักษาปากและฟัน 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 24 การดแู ลรักษาร่างกาย 1 ชว่ั โมง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 142
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18
โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
สาระท่ี 1 สิ่งมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตัวเราน่ารู้
1. สาระสาคัญ
อวยั วะภายนอกของร่างกายแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนศีรษะ ส่วนลาตวั และส่วนแขนและขา
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ที่ และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจนการ
ดแู ลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายส่วนของศีรษะ ลาตวั แขนและขาได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
โครงสร้างส่วนต่าง ๆ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
ของร่างกาย 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
3. ทดสอบก่อนเรียน ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และอวยั วะของเรา
6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 143
ภาษาไทย
นาเสนอการใชอ้ วยั วะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของสมาชิก
คณิตศาสตร์ ในครอบครัว
ศิลปะ วดั ขนาดมือ เทา้ แขน ขา และความสูงดว้ ยสายวดั
ภาษาต่างประเทศ วาดภาพตวั เองลงในกระดาษและเขียนชื่ออวยั วะกากบั
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท่ีเรียนรู้หรือท่ีนกั เรียน
สนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 34
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความ
พร้อมและพ้ืนฐานของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนใชอ้ วยั วะภายนอกของนกั เรียนทาอะไรบา้ ง
– นกั เรียนและเพ่ือนมีอวยั วะภายนอกเหมือนกนั หรือไม่
– อวยั วะภายนอกของเพื่อนและนกั เรียนมีลกั ษณะใดเหมือนหรือแตกต่างกนั
– อวยั วะคืออะไร
– อวยั วะภายนอกของนกั เรียนมีอะไรบา้ ง
ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอวัยวะ
ภายนอกของร่างกาย ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพอื่ น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– นักเรียนมอี วยั วะครบทุกส่วนหรือไม่ (แนวคาตอบ ครบ)
– อวยั วะส่วนมากอย่ทู ใ่ี ด (แนวคาตอบ อย่ทู ่ีหัว)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 144
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
ร่างกายมอี วยั วะภายนอกที่มลี กั ษณะแตกต่างกนั อยู่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) นกั เรียนแต่ละคนวาดภาพตวั เองลงในกระดาษและช้ีใหเ้ ห็นวา่ เป็นอวยั วะใด เรียกวา่
อะไร พร้อมเขียนกากบั ไวว้ า่ นกั เรียนใชอ้ วยั วะส่วนน้นั ทาอะไรไดบ้ า้ ง แลว้ นาไปเปรียบเทียบกบั เพื่อน
วา่ ใชอ้ วยั วะทางานเหมือนหรือแตกต่างกนั
(2) นกั เรียนสงั เกตลกั ษณะมือและเทา้ ของนกั เรียน โดยนกั เรียนทาบฝ่ ามือซา้ ยลงบน
กระดาษ ใชม้ ือขวาลากดินสอโดยรอบฝ่ ามือซา้ ยและเขียนชื่อของตวั เองกากบั ไว้ หลงั จากน้นั เปลี่ยนมา
ใชฝ้ ่ าเทา้ ซา้ ยทาบบนกระดาษแลว้ ใชม้ ือขวาลากดินสอโดยรอบฝ่ าเทา้ ซา้ ยและเขียนช่ือกากบั จากน้นั
ลองนาไปเทียบกบั เพื่อนในหอ้ งวา่ ฝ่ ามือและฝ่ าเทา้ ของใครมีขนาดใหญก่ วา่ กนั
(3) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 35
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนคิดวา่ อวยั วะใดใชง้ านมากที่สุด (แนวคาตอบ เท้า)
– ฝ่ ามือของแต่ละคนมีลกั ษณะเหมือนหรือแตกต่างกนั (แนวคาตอบ มีบางส่วน
เหมือนกัน เช่น มีนิว้ มือ 5 นิว้ เหมือนกัน และมีบางส่วนแตกต่างกัน เช่น มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน)
– นกั เรียนและเพื่อนใชม้ ือทาอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ หยิบส่ิงของต่าง ๆ)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนรู้วา่ อวยั วะ
ภายนอกแบ่งไดเ้ ป็น 3 ส่วน คือ ศีรษะ ลาตวั แขนและขา โดยอวยั วะแต่ละส่วนมีหนา้ ที่แตกต่างกนั และ
มีการทางานที่สมั พนั ธ์กนั
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูนารูปภาพคนที่มีความสูงต่างกนั มาใหน้ กั เรียนอภิปรายเปรียบเทียบโครงสร้างส่วน
ต่าง ๆ วา่ แต่ละคนมีอวยั วะเหมือนกนั หรือไม่ มีขนาดและรูปร่างเหมือนหรือแตกต่างกนั ในเรื่องใด
(2) ครูแนะนาใหน้ กั เรียนลองสงั เกตและเปรียบเทียบโครงสร้างของอวยั วะต่าง ๆ กบั คน
ในครอบครัว วา่ แต่ละคนมีอวยั วะเหมือนกนั หรือไม่ มีขนาดและรูปร่างเหมือนหรือแตกต่างกนั ในเรื่อง
ใด
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 145
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
จากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อม
ท้งั คาแปลลงสมุดส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไร
และไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรมและการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ร่างกายของเราประกอบดว้ ยอวยั วะภายนอกอะไรบา้ ง
– อวยั วะใดทาหนา้ ที่ในการทรงตวั และเคลื่อนไหว
– อวยั วะใดที่ใชห้ ยิบสิ่งของ
– อวยั วะใดบา้ งที่จาเป็นสาหรับนกั วิง่ แข่ง เพราะอะไร
– อวยั วะใดบา้ งที่จาเป็นสาหรับการวาดรูป เพราะอะไร
– ร่างกายแบ่งเป็นก่ีส่วน อะไรบา้ ง
– ร่างกายส่วนใดพบอวยั วะภายนอกมากท่ีสุด
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยร่วมกนั เขียน
เป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพ่ือจดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการมองเห็น โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อนเรียน 9
ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั )
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมท่ีบ้าน
พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้ อยคนละ 1 คาถาม เพ่ือนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนใชส้ ายวดั วดั ขนาดความยาวของมือ เทา้ แขน ขา และส่วนสูงของนกั เรียนเทียบกบั
สมาชิกในครอบครัว จดบนั ทึกและเปรียบเทียบขนาดโครงสร้างของอวยั วะภายนอกวา่ แตกต่างกนั มาก
เท่าไร
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 146
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 9
3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 147
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 19
การมองเหน็ และการได้ยนิ
สาระที่ 1 ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตวั เราน่ารู้
1. สาระสาคญั
คนเรามีตาและหูอยา่ งละ 2 ขา้ ง ตาเป็นอวยั วะที่ช่วยในการมองเห็น ส่วนหูเป็นอวยั วะท่ีช่วยใน
การไดย้ นิ
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ท่ี และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจนการ
ดแู ลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลกั ษณะและหนา้ ที่ของตาและหู (K)
2. บอกความสมั พนั ธใ์ นการทางานของตาและหู (K)
3. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนาความรู้เรื่องการมองเห็นและการไดย้ นิ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การมองเห็นและการ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
ไดย้ นิ 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
ตากบั การมองเห็น และหูกบั การไดย้ ิน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 148
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย เลา่ ถึงส่ิงท่ีนกั เรียนเห็นระหวา่ งทางมาโรงเรียนวา่ เห็นส่ิงใดบา้ ง
และแต่ละสิ่งมีสี ขนาด และรูปร่างอยา่ งไร
คณิตศาสตร์ นบั จานวนคร้ังที่เพื่อนโยนลูกบอลเขา้ ตะกร้าเปรียบเทียบกบั
จานวนคร้ังท่ีนกั เรียนโยนเขา้ ตะกร้า
ศิลปะ นกั เรียนฟังเพลงและเคลื่อนไหวไปตามจงั หวะอยา่ งอิสระ
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การมองเห็นและการไดย้ นิ ที่เรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 36
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนตอ้ งใชอ้ วยั วะใดบา้ งในการรับรู้ส่ิงต่าง ๆ รอบตวั
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อเชื่อมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เร่ืองการมองเห็น
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 9 ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้าน
มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
– นกั เรียนใช้อวยั วะใดในการสังเกต (แนวคาตอบ ตา)
– ลักษณะท่ีสังเกตได้มีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ สีของกล่องและโบ รูปทรงของกล่อง
และจานวนกล่อง)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้งั ประเดน็ คาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทากจิ กรรมอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 9 โดยครูช่วยอธิบายให้
นกั เรียนเข้าใจว่า ตาใช้ดสู ิ่งต่าง ๆ เพอื่ ให้รู้ว่าสิ่งเหล่าน้ันมลี กั ษณะใด
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 149
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตเสียงปริศนา โดยนกั เรียนปฏิบตั ิตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนจบั ค่กู นั แลว้ ใชผ้ า้ ปิ ดตาไว้ 1 คน
– ครูใส่ของแต่ละชนิดลงในกล่องแต่ละใบ ปิ ดฝา แลว้ เขียนหมายเลขกากบั
– เพ่ือนท่ีไมไ่ ดป้ ิ ดตาเขยา่ กล่องตามลาดบั ใหเ้ พ่ือนที่ปิ ดตาฟังเสียงที่เกิดข้ึน
– เพื่อนท่ีปิ ดตาทายสิ่งท่ีอยใู่ นกล่องวา่ คืออะไร แลว้ ใหเ้ พื่อนท่ีไม่ไดป้ ิ ดตาบนั ทึก
– เปิ ดตาแลว้ ดูพร้อมฟังเสียงที่เพื่อนเขยา่ และบอกสิ่งท่ีอยขู่ า้ งใน
– เปลี่ยนใหเ้ พ่ือนทากิจกรรม
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 37
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนทายส่ิงท่ีอยใู่ นกล่องขณะนกั เรียนปิ ดตาถกู ทุกคร้ังหรือไม่ ของส่ิงใดที่
นกั เรียนทายถูก (แนวคาตอบ ไม่ทุกครั้ง ส่ิงท่ีทายถกู เช่น ดินสอไม้และปากกา)
– นกั เรียนใชต้ าและหูสัมพนั ธ์กนั ในลกั ษณะใด (แนวคาตอบ ใช้การดคู วบคู่กับการ
ฟัง)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
การฟังเพียงอยา่ งเดียวมีโอกาสบอกชนิดของวตั ถุท่ีสงั เกตผิดพลาดได้ แต่เมื่อใชต้ าดคู วบค่กู บั การฟัง
จะบอกชนิดของวตั ถุที่สงั เกตไดถ้ กู ตอ้ ง
4) ข้ันขยายความรู้
(1) นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เรื่อง ปิ ดตาหาลกู บอล โดยแบ่งนกั เรียนกลุ่ม
ละ 5 คน เลือกตวั แทนกลุ่มออกมาปิ ดตา 1 คน แลว้ ใหเ้ ดินหาลกู บอลที่เพื่อนกล่มุ อื่นไปซ่อน โดยให้
เพื่อนในกลุ่มเป็นคนบอกทางและตาแหน่งของลกู บอล
(2) นกั เรียนโยนลูกบอลลงตะกร้าที่ต้งั ไวบ้ นพ้ืนในระยะท่ีห่างจากจุดท่ีโยนประมาณ
1–1.5 เมตร โดยมีเงื่อนไขในการโยนแต่ละคร้ัง ดงั ต่อไปน้ี
– โยนลกู บอลโดยไม่ปิ ดตา 5 คร้ัง
– โยนลกู บอลโดยปิ ดตาขา้ งใดขา้ งหน่ึง 5 คร้ัง
– โยนลกู บอลโดยปิ ดตาท้งั 2 ขา้ ง 5 คร้ัง
นกั เรียนจดบนั ทึกวา่ เพื่อนโยนลกู บอลเขา้ ตะกร้าก่ีคร้ังในแต่ละเงื่อนไข เปรียบเทียบวา่
การโยนแบบใดที่เพื่อนโยนเขา้ ตะกร้ามากที่สุด
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 150
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั ตาและหูจากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมดุ
ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ี
การแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใชค้ าถามต่อไปน้ี
– ถา้ นกั เรียนถูกปิ ดตา นกั เรียนจะไม่สามารถบอกลกั ษณะใดของสิ่งของได้ เพราะ
อะไร
– ลกั ษณะของสิ่งที่สังเกตไดจ้ ากการใชต้ ามีอะไรบา้ ง
– หูเป็นอวยั วะที่ใชส้ งั เกตอะไร
– ยกตวั อยา่ งกิจกรรมท่ีตอ้ งใชต้ าและหูสมั พนั ธ์กนั
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกบั การมองเห็นและการไดย้ ิน โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอื่ จัดการเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการดมกล่ินและการรับรส โดยใช้ใบงาน
สังเกตก่อนเรียน 10 ท่ีครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้ PowerPoint
วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั )
3) ครูอธิบายข้นั ตอนการปฏิบตั กิ จิ กรรมและมอบหมายให้นกั เรียนไปปฏิบตั กิ จิ กรรมท่บี ้าน
พร้อมท้งั ให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
แบ่งนกั เรียนเป็น 2 กลุ่มเลน่ เกา้ อ้ีดนตรี ใหน้ กั เรียนเล่นทีละกลุ่ม โดยนกั เรียนช่วยกนั จดั เกา้ อ้ี
เป็นวงกลมใหม้ ีจานวนเกา้ อ้ีนอ้ ยกวา่ จานวนคนเล่น 1 ตวั ครูเปิ ดเพลงจากเครื่องเล่นเทปหรือเครื่องเล่น
ซีดีแลว้ ใหน้ กั เรียนเดินรอบเกา้ อ้ี ครูกดหยดุ เพลงเมื่อตอ้ งการและใหน้ กั เรียนท่ีเดินวนแยง่ กนั นง่ั เกา้ อ้ี
ใครนงั่ ไมท่ นั ใหค้ ดั ออกและเอาเกา้ อ้ีออก 1 ตวั ครูเปิ ดเพลงและกดหยดุ อีกคร้ัง ทาอยา่ งน้ีไปเร่ือย ๆ
จนกวา่ จะเหลือคู่สุดทา้ ย คนสุดทา้ ยท่ีไดน้ งั่ เป็นผชู้ นะ (ครูอาจใหน้ กั เรียนร้องเพลงแทนการเปิ ดเคร่ือง
เล่นเทปหรือเคร่ืองเล่นซีดี)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 151
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 9
2. ใบกิจกรรมท่ี 14 สงั เกตเสียงปริศนา
3. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 7 ปิ ดตาหาลกู บอล
4. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 10
5. ค่มู ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
6. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
8. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 152
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20
การดมกลน่ิ และการรับรส
สาระท่ี 1 สิ่งมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตัวเราน่ารู้
1. สาระสาคญั
คนเรามีจมกู 1 จมกู แต่มีรูจมกู 2 รู ทาหนา้ ท่ีหายใจและดมกล่ินต่าง ๆ และมีลิ้น 1 ลิ้น ทา
หนา้ ท่ีเก่ียวกบั การรับรส
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ท่ี และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจน
การดแู ลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลกั ษณะและหนา้ ท่ีของจมกู และลิ้น (K)
2. บอกความสมั พนั ธใ์ นการทางานของจมกู และลิน้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองการดมกลิ่นและการรับรสไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การดมกลิ่นและการ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
รับรส 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกลุม่
5. สาระการเรียนรู้
จมกู กบั การดมกลิ่น และลิ้นกบั การรับรส
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 153
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย เล่าถึงสิ่งท่ีมีกล่ินในระหวา่ งที่นกั เรียนมาโรงเรียน
ศิลปะ บทบาทสมมุติเกี่ยวกบั เหตุการณ์ในร้านอาหารแห่งหน่ึง
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนาและอธิบายเกย่ี วกบั การเรียก จมูก ของประเทศ
ต่าง ๆ ในประเทศสมาชิกอาเซียน
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
การดมกล่ินและการรับรสที่เรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 38
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– แต่ละสิ่งที่นกั เรียนดูควรมีกลิ่นลกั ษณะใด
– นกั เรียนชอบกลิ่นของอะไรบา้ ง
– ขณะกินอาหารเราใชอ้ วยั วะรบั รู้ใดบา้ ง
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเชื่อมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องการดมกล่ินและการรับรส
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นักเรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 10 ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่
บ้านมาอภิปรายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนักเรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
– อวยั วะท่ีทาให้รู้กลน่ิ ของอาหารคืออะไร (แนวคาตอบ จมกู )
– อวยั วะทท่ี าให้รู้รสของอาหารคืออะไร (แนวคาตอบ ลิ้น)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกับกิจกรรม สังเกตก่อนเรียน10 โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า จมกู ใช้ดมกลนิ่ และลนิ้ ใช้รับรส
(5) ครูเช่ือมโยงความรู้อาเซียน โดยอธิบายการเรียก จมูก ของประเทศต่าง ๆ ในประเทศ
สมาชิกอาเซียน ดงั นี้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 154
– บรูไนดารุสซาลาม เรียกว่า ฮิดนั
– เวยี ดนาม เรียกว่า มูลิ
– กมั พชู า เรียกว่า โนส
– เมยี นมา เรียกว่า โนส
– ฟิ ลปิ ปิ นส์ เรียกว่า เอลลอง
– ไทย เรียกว่า จมกู
– ลาว เรียกว่า ดงั
– อนิ โดนีเซีย เรียกว่า ฮิดนั
– สิงคโปร์ เรียกว่า ฮิดนั
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตอาหารชวนชิม โดยนกั เรียนปฏิบตั ิตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ใชผ้ า้ ปิ ดตาไว้ 1 คน
– ใหน้ กั เรียนที่ปิ ดตาดมกล่ินอาหารเรียงตามลาดบั
– ทายชื่ออาหาร แลว้ เพื่อนที่ไม่ไดป้ ิ ดตาบนั ทึกผล
– ทายช่ืออาหารอีกคร้ังตามลาดบั เดิม โดยการชิมและดมกล่ิน เพ่ือนท่ีไม่ไดป้ ิ ดตา
บนั ทึกผล
– เปิ ดผา้ ท่ีปิ ดตาออกแลว้ เขียนสิ่งท่ีมองเห็น
– เปลี่ยนใหเ้ พ่ือนทากิจกรรม
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรี ยนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ชั่วโมงที่ 39
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– แต่ละสิ่งที่นกั เรียนดมมีกลิ่นเหมือนกนั หรือไม่ (แนวคาตอบ ไม่เหมือน)
– เมื่อปิ ดตาแลว้ ดมกล่ิน นกั เรียนบอกช่ืออาหารถกู ตอ้ งหรือไม่ (แนวคาตอบ ถกู ต้อง
บางชนิด เช่น มะนาว)
– เม่ือปิ ดตาแลว้ ชิมอาหาร นกั เรียนบอกช่ืออาหารถกู ตอ้ งหรือไม่ (แนวคาตอบ
ถกู ต้องทุกชนิด)
– นกั เรียนบอกช่ืออาหารไดถ้ กู ตอ้ งจากการสงั เกตดว้ ยวิธีใด (แนวคาตอบ การดม ชิม
และการดู)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 155
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
อาหารแต่ละชนิดมีกล่ินและรสท่ีต่างกนั การใชจ้ มกู และลิน้ สมั พนั ธ์กนั ทาใหร้ ู้วา่ อาหารท่ีเรากินคือ
อะไร
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูแนะนาใหน้ กั เรียนฝึ กการคาดเดากล่ินของสิ่งต่าง ๆ โดยไมไ่ ดม้ องเห็นส่ิงเหลา่ น้นั
แลว้ ตรวจสอบความถูกตอ้ งวา่ ตรงกบั ท่ีคาดเดาไวห้ รือไม่
(2) นกั เรียนลองสงั เกตวา่ ลิ้นเชื่อถือไดเ้ สมอไปหรือไม่ โดยใหน้ กั เรียนชิมผลไมท้ ี่มีรส
หวานไม่มาก เช่น ฝร่ังหรือสม้ ท่ีมีรสหวานอมเปร้ียว หลงั จากน้นั ใหน้ กั เรียนกินอาหารท่ีมีรสหวานจดั
เช่น มะม่วงสุก มะละกอสุก หรือน้าหวาน แลว้ นกั เรียนกลบั มาชิมผลไมท้ ี่ชิมในตอนแรกอีกคร้ัง
นกั เรียนลองเปรียบเทียบความรู้สึกดวู า่ ผลไมท้ ่ีชิมในตอนแรกแลว้ กลบั มาชิมใหมน่ ้ีมีรสชาติแตกต่าง
กนั อยา่ งไร
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั จมกู และลิ้นจากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ี
การแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยใชค้ าถามต่อไปน้ี
– จมกู ของเรามีหนา้ ที่อะไร
– ลิน้ ของเรามีหนา้ ท่ีอะไร
– กิจกรรมใดบา้ งที่นกั เรียนตอ้ งใชก้ ารดมกล่ินและการรับรสสมั พนั ธ์กนั
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การดมกลิ่นและการรับรส โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ี
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพือ่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการสัมผสั โดยใช้ใบงาน สังเกตก่อนเรียน 11
ที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ประกอบการศึกษาค้นคว้า (ในส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั )
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 156
3) ครูอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติกิจกรรมและมอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมท่ีบ้าน
พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพ่ือนามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
แบ่งนกั เรียนเป็นกลุม่ เพ่ือแสดงบทบาทสมมุติเกี่ยวกบั ร้านอาหาร โดยแบ่งนกั เรียนกลุ่มละ
4 คน ใหแ้ สดงเป็นคนมารับประทานอาหารที่ร้านและแสดงเป็นพนกั งานแนะนาอาหารใหแ้ ก่ลกู คา้
นกั เรียนแต่ละกลุ่มคิดรายการอาหารข้ึนมาเอง แลว้ ใหค้ นที่เล่นเป็นลกู คา้ ถามคนที่เลน่ เป็นพนกั งานวา่
อาหารหนา้ ตาเป็นอยา่ งไรมีกลิ่นและรสเป็นอยา่ งไร นกั เรียนอาจคิดบทบาทเพิ่มเกี่ยวกบั กลิ่นและรส
ตามความตอ้ งการ
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสังเกตก่อนเรียน 10
2. ใบกิจกรรมที่ 15 สงั เกตอาหารชวนชิม
3. ใบงานสังเกตก่อนเรียน 11
4. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
7. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 157
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21
การสัมผสั
สาระท่ี 1 สิ่งมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตัวเราน่ารู้
1. สาระสาคญั
ผิวหนงั ของคนเราช่วยห่อหุม้ อวยั วะต่าง ๆ ของร่างกาย เม่ือผวิ หนงั สมั ผสั วตั ถุหรือส่ิงของ
ทาใหร้ ู้ลกั ษณะพ้ืนผวิ ของส่ิงน้นั ๆ ได้ เช่น นุ่ม แขง็ และขรุขระ และทาใหเ้ รามีความรู้สึกต่าง ๆ
เช่น ร้อน เยน็ และเจบ็ ปวด
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ที่ และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจน
การดแู ลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกลกั ษณะและหนา้ ที่ของผวิ หนงั (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เรื่องการสมั ผสั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การสมั ผสั วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อ
รายกล่มุ
5. สาระการเรียนรู้
ผวิ หนงั กบั การสมั ผสั
6. แนวทางการบูรณาการ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 158
ภาษาไทย
เล่าถึงส่ิงของท่ีมีอยทู่ ่ีบา้ นของนกั เรียนวา่ มีพ้ืนผิว
คณิตศาสตร์ ลกั ษณะใด หรือเมื่อนกั เรียนสมั ผสั สิ่งมีชีวิตแลว้ รู้สึก
ภาษาต่างประเทศ อยา่ งไร
จาแนกสิ่งของโดยใชล้ กั ษณะพ้ืนผิว
ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การสมั ผสั ที่เรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 40
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– เม่ือมีลมพดั มาถกู ตวั นกั เรียน นกั เรียนรู้สึกอยา่ งไร
– นกั เรียนชอบนอนบนฟกู หรือบนพ้ืนมากกวา่ กนั เพราะอะไร
– ถา้ นกั เรียนทาน้าท่ีเพ่ิงเดือดกระเดน็ ใส่แขน นกั เรียนจะรู้สึกอยา่ งไร เพราะอะไร
– นกั เรียนชอบลบู ขนสุนขั หรือขนแมวหรือไม่ เพราะอะไร
– จากรูป นกั เรียนชอบรองเทา้ คู่ใด เพราะอะไร
ตวั อย่างรองเท้า
2) นักเรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อ
เช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ืองพิน้ ผิวของวตั ถุ
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ควบคู่กบั หอ้ งเรียนกลบั ดา้ น ซ่ึงมี
ข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูให้นกั เรียนนาใบงาน สังเกตก่อนเรียน 11 ทค่ี รูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้าน
มาอภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบันทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั กจิ กรรม ดงั นี้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 159
– นักเรียนใช้อวยั วะรับรู้ใดในการสังเกต (แนวคาตอบ ผวิ หนัง)
– สิ่งของชนดิ ใดที่มลี กั ษณะมากกว่า 1 ลกั ษณะ (แนวคาตอบ จาน มลี ักษณะเรียบและ
แข็ง)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทากิจกรรมอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั กจิ กรรม สังเกตก่อนเรียน 11 โดยครูช่วยอธิบายให้
นกั เรียนเข้าใจว่า ผวิ หนงั ใช้สัมผสั เพอื่ รับรู้ลกั ษณะพนื้ ผวิ ของสิ่งต่าง ๆ
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) นกั เรียนแต่ละคนปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตสัมผสั ที่แตกต่าง ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– ใหน้ กั เรียนสมั ผสั ส่ิงของที่เตรียมมา
– บอกวา่ พ้ืนผวิ ของของแต่ละอยา่ งมีลกั ษณะเป็นแบบใด
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 41
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– วสั ดุท่ีนามามีพ้ืนผิวลกั ษณะใดบา้ ง (แนวคาตอบ อ่อน แขง็ เรียบ และขรุขระ)
– ถา้ นกั เรียนจะใชอ้ วยั วะรับรู้อื่นแทนในการสงั เกตลกั ษณะพ้ืนผิว นกั เรียนจะใชอ้ วยั วะ
รับรู้ใด เพราะอะไร (แนวคาตอบ ตา เพราะเราใช้ตามองเห็นว่าวสั ดมุ ีลักษณะพืน้ ผิวเป็นแบบใด)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
การสมั ผสั ส่ิงของทาใหเ้ รารู้วา่ วสั ดุต่าง ๆ มีลกั ษณะของพ้ืนผิวไม่เหมือนกนั
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนลองสัมผสั ของท่ีอยใู่ นกลอ่ งทึบและทายวา่ ส่ิงของที่สมั ผสั อยนู่ ้นั คือ
อะไร โดยทาตามข้นั ตอน ดงั น้ี
– ครูเตรียมกลอ่ งทึบที่มีช่องดา้ นบน และเตรียมของที่จะใหน้ กั เรียนทาย เช่น ดินสอ
ดินน้ามนั หวี ไมบ้ รรทดั แกว้ น้า ฟองน้า แวน่ ตา ชอ้ น และสอ้ ม โดยครูใส่ของทีละชิ้นและตอ้ งไม่ให้
นกั เรียนเห็น
– แบ่งนกั เรียนกล่มุ ละ 5 คน ส่งตวั แทนออกมากลมุ่ ละคนเพ่ือลองสัมผสั ของในกล่อง
วา่ คืออะไร
– นกั เรียนลว้ งมือสมั ผสั ของในกลอ่ งโดยไม่ใหเ้ ห็นของขา้ งใน เม่ือนกั เรียนคิดคาตอบ
ไดแ้ ลว้ ใหเ้ อามือออกจากกล่องแลว้ ทายช่ือของ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 160
– ถา้ ตวั แทนจากกลมุ่ แรกทายไมถ่ กู ใหก้ ลุ่มต่อไปทาย เม่ือทายครบทุกกลุ่มแลว้ ใหส้ ่ง
ตวั แทนคนต่อไปในกลุม่ ออกมาทาย และวนอยา่ งน้ีไปเร่ือย ๆ กลุ่มไหนทายถกู มากที่สุดชนะ
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั ผวิ หนงั จากหนงั สือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลงสมุด
ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด
และไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหต้ อบคาถาม เช่น
– ผวิ หนงั กบั การสมั ผสั ใชบ้ อกลกั ษณะใดของสิ่งของไดบ้ า้ ง
– กิจกรรมใดบา้ งท่ีตอ้ งใชก้ ารสมั ผสั
– ลกั ษณะท่ีสงั เกตไดจ้ ากการสมั ผสั มีอะไรบา้ ง
– การสมั ผสั มีประโยชนส์ าหรับคนตาบอดเพราะอะไร
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การสมั ผสั โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิด
หรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื จดั การ
เรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการดแู ลรักษาตา หู และจมูก
3) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามา
อภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนฝึ กใชผ้ ิวหนงั สมั ผสั วตั ถชุ นิดต่าง ๆ แลว้ หดั จาแนกส่ิงของจากการสมั ผสั เช่น ร้อน
เยน็ ขรุขระ เรียบ นิ่ม และแขง็
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงานสงั เกตก่อนเรียน 11
2. ใบกิจกรรมท่ี 16 สงั เกตสมั ผสั ท่ีแตกต่าง
3. ค่มู ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 161
5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
6. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 162
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22
การดูแลรักษาตา หู และจมูก
สาระท่ี 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตัวเราน่ารู้
1. สาระสาคญั
ตา หู และจมูกเป็นอวยั วะท่ีมีความสาคญั เราตอ้ งดแู ลรักษา ตา หู และจมูกไม่ใหบ้ าดเจบ็
และทาความสะอาดอยเู่ สมอ
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ที่ และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจน
การดูแลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกวธิ ีการดแู ลและรักษาตา หู และจมกู ไมใ่ หบ้ าดเจบ็ และสะอาดอยเู่ สมอ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. ส่ือสารและนาความรู้เร่ืองการดูแลรักษาตา หู และจมกู ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การดแู ลและรักษาตา วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
หู และจมกู 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลุ่ม
5. สาระการเรียนรู้
การดแู ลรักษาตา หู และจมกู
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 163
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย อา่ นเรื่องการดูแลรักษาตา หู และจมกู ในหนงั สือเรียน
สุขศึกษาและพลศึกษา เล่าถึงวิธีการดูแลรักษาตา หู และจมกู
คณิตศาสตร์ นบั จานวนเพื่อนในช้นั เรียนวา่ ในแต่ละระยะท่ีมองเห็น
ตวั อกั ษรชดั เจนท่ีสุดทุกบรรทดั มีก่ีคน จาแนกอุปกรณ์
ท่ีใชป้ ้ องกนั ตา หู และจมูก
ศิลปะ ประดิษฐอ์ ุปกรณ์ที่ใชใ้ นการป้ องกนั ตา หู หรือจมูก
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนาและอธิบายเกยี่ วกบั การดูแลรักษาร่างกายทถี่ ูกวธิ ี
ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั
การดูแลและรักษาตา หู และจมกู ที่เรียนรู้หรือที่นกั เรียน
สนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 42
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียน เพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนดแู ลรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายดว้ ยวิธีใดบา้ ง
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกยี่ วกับการดูแลรักษา
ตา หู และจมูก ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการ
จดบนั ทกึ ของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– การกระทาใดส่งผลเสียต่อตา หู และจมกู (แนวคาตอบ ตา เช่น การใช้คอมพวิ เตอร์เป็ น
เวลานาน และการใช้มอื สกปรกขยตี้ า หู เช่น การตะโกนใส่หเู พอื่ น และการแคะหูด้วยของแข็ง จมกู เช่น
การส่ังน้ามกู แรง ๆ และการอย่บู ริเวณท่ีมีฝ่ นุ มาก)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่างน้อย
คนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นกั เรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 164
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า การ
ดูแลรักษาตา หู และจมูก มคี วามสาคัญต่อตนเอง
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนกลมุ่ ละ 4–5 คนปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตความผิดปกติของสายตา ตาม
ข้นั ตอนดงั น้ี
– ติดภาพตวั อกั ษรสาหรับวดั สายตาไวห้ นา้ ช้นั เรียน
– ใหน้ กั เรียนเร่ิมอา่ นตวั อกั ษรจากหลงั สุดของหอ้ ง แลว้ เล่ือนเขา้ มาคร้ังละ 50
เซนติเมตร จนเห็นตวั อกั ษรชดั ที่สุดทุกบรรทดั ดแู ละบอกระยะที่ยืนห่างจากภาพและมองเห็นตวั อกั ษร
ชดั ที่สุดทุกบรรทดั
– นบั จานวนเพ่ือนในช้นั เรียนวา่ ในแต่ละระยะท่ีมองเห็นตวั อกั ษรชดั เจนท่ีสุดทุก
บรรทดั มีก่ีคน
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 43
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– เรามองเห็นตวั อกั ษรไดช้ ดั เจนทุกบรรทดั ที่ระยะห่างเท่ากนั หรือไม่ (แนวคาตอบ
ไม่เท่ากนั )
– การอ่านตวั อกั ษรขนาดใหญ่กบั ขนาดเลก็ จะเห็นชดั ไดใ้ นระยะที่เท่ากนั หรือไม่
อยา่ งไร (แนวคาตอบ อักษรขนาดใหญ่เห็นชัดตัง้ แต่ระยะไกล อักษรขนาดเลก็ เห็นชัดระยะใกล้กว่า)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
การดูแลรักษาตา หู และจมกู มีความสาคญั ต่อตวั นกั เรียนเอง
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) นกั เรียนลองสงั เกตการป้ องกนั ตา หู และจมกู ของร่างกาย ดงั น้ี
– ถา้ นกั เรียนแหยม่ ือไปใกลด้ วงตาของเพื่อน โดยท่ีเพ่ือนไม่รู้ตวั ตาของเพ่ือนจะมี
ปฏิกิริยาอยา่ งไร
– เม่ือมีผงเขา้ ตาของนกั เรียนจะเกิดสิ่งใด
– เม่ือนกั เรียนข้ึนที่สูง ๆ เช่น บนเขา หูของนกั เรียนจะรู้สึกอยา่ งไร
– วนั ที่นกั เรียนดมฝ่ นุ ละอองมาก ๆ น้ามกู ของนกั เรียนจะดา เพราะอะไร
(2) นกั เรียนเกบ็ สะสมรูปภาพอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีใชส้ าหรับการดูแลและรักษาตา หู และจมูก
จากหนงั สือพิมพ์ นิตยสาร หรือแผน่ โฆษณา แลว้ จาแนกวา่ ส่ิงใดใชป้ ้ องกนั ส่วนใด เพ่ือสร้างความ
เขา้ ใจในเร่ืองการดูแลและรักษาอวยั วะเหลา่ น้ีใหด้ ีย่ิงข้ึน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 165
(3) ครูให้นักเรียนบอกวธิ ีดูแลและรักษาตา หู และจมูกทถ่ี ูกต้อง เพอ่ื ให้นักเรียนรู้ ปฏิบตั ิ
และเห็นประโยชน์ในการดูแลและรักษาร่างกายส่วนต่าง ๆ ของตนเองจนเป็ นนสิ ัย ซึ่งเป็ นการปฏิบัตติ น
ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เช่น
– เขยี นและอ่านหนงั สือโดยให้สายตาอย่หู ่างจากหนังสือประมาณ 30 เซนตเิ มตร
หรือ 1 ไม้บรรทัด
– ใช้ไม้พนั สาลที าความสะอาดหูเพอื่ ให้ไม่เกดิ การระคายเคอื ง
– เมอ่ื เป็ นหวดั ให้ใช้ผ้าปิ ดปากเพอ่ื ป้ องกนั การแพร่เชื้อโรค
(4) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั การดแู ลและรักษาตา หู และจมกู
จากหนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อม
ท้งั แปลลงสมุดส่งครู
5) ข้นั ประเมนิ
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งท่ียงั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 166
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ี
การแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหน้ กั เรียนดแู ผน่ ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีไม่
มีอนั ตรายและมีอนั ตรายต่อตา หู และจมกู แลว้ ถามนกั เรียนวา่ กิจกรรมไหนควรทา กิจกรรมไหนไม่
ควรทา เช่น
– อ่านหนงั สือในท่ีแสงสวา่ งเพียงพอหรือใชม้ ือขย้ตี า
– ตะโกนดงั ๆ ใส่หูเพ่ือนหรือใชส้ าลีทาความสะอาดหู
– ใชผ้ า้ ปิ ดจมกู ในท่ีท่ีมีฝ่ นุ ละอองหรือใชม้ ือสกปรกแคะจมกู
– การใชค้ อมพิวเตอร์เป็นเวลานานส่งผลเสียต่อตาเพราะอะไร
– การสง่ั น้ามกู แรง ๆ ส่งผลต่อหูและจมกู อยา่ งไร
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การดูแลรักษาตา หู และจมกู โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผน
ท่ีความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการดูแลรักษาปากและฟัน
3) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
นกั เรียนประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการป้ องกนั ตา หู หรือจมกู อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง และนกั เรียน
บอกถึงคุณสมบตั ิของอุปกรณ์น้ีวา่ ช่วยป้ องกนั อวยั วะของนกั เรียนไดอ้ ยา่ งไร
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 17 สงั เกตความผดิ ปกติของสายตา
2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 167
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. สิ่งท่ีไมไ่ ดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 168
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 23
การดูแลรักษาปากและฟัน
สาระที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 2 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ตวั เราน่ารู้
1. สาระสาคญั
ปากและฟันเป็นอวยั วะที่มีความสาคญั เราตอ้ งดูแลรักษาปากและฟันไม่ใหบ้ าดเจบ็ และ
ทาความสะอาดอยเู่ สมอ
2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ท่ี และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจน
การดูแลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกวิธีการดแู ลรักษาปากและฟันไมใ่ หบ้ าดเจบ็ และสะอาดอยเู่ สมอ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองการดแู ลรักษาปากและฟันไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เร่ือง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การดแู ลรักษาปาก วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
และฟัน 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
ทกั ษะระหวา่ งเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
การดแู ลรักษาปากและฟัน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 169
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย แสดงความคิดเห็นจากนิทานที่ครูเล่า
สุขศึกษาและพลศึกษา บอกวิธีการแปรงฟันของเพ่ือนและวิธีการแปรงฟันท่ี
ถกู ตอ้ ง
ศิลปะ แสดงบทบาทสมมตุ ิเร่ืองกระรอกนอ้ ยฟันสวย
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การดแู ลรักษาปากฟันท่ีเรียนรู้หรือท่ีนกั เรียน
สนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 44
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนเคยไปพบหมอฟันหรือไม่
– นกั เรียนไปพบหมอฟันเพราะอะไร
2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามข้างตน้ เพ่ือ
เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องการดแู ลรักษาปากและฟัน
ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั การดูแล
รักษาปากและฟัน ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทกึ ของนักเรียน และถามคาถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– การกระทาใดส่งผลเสียต่อปากและฟัน (แนวคาตอบ การใช้ฟันฉีกห่อขนม หรือการ
ใช้ฟนั กดั ของที่แขง็ มาก)
– นักเรียนดูแลปากและฟันด้วยวิธีใดบ้าง (แนวคาตอบ แปรงฟันในเวลาเช้าและเย็น
และไม่รับประทานลกู อม)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซึ่งครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คดิ เห็น
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 170
(4) ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า
การดูแลรักษาปากและฟันมคี วามสาคัญต่อตนเอง
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) นกั เรียนจบั ค่ปู ฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตฟันสะอาด ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนจบั คู่กนั และดูความสะอาดฟันของเพ่ือนก่อนแปรงฟัน
– นกั เรียนแต่ละคนแปรงฟันดว้ ยวธิ ีของตนเอง พร้อมจบั เวลาในการแปรงฟัน
– ดูความสะอาดฟันของเพ่ือนหลงั การแปรงฟัน แลว้ บอกสิ่งที่สงั เกตไดก้ ่อนและหลงั
แปรงฟัน
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนักเรี ยนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ
หอ้ งเรียนและเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงที่ 45
3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– การแปรงฟันท่ีถกู วิธีมีข้นั ตอนอยา่ งไร (แนวคาตอบ 1) บ้วนปาก 1 คร้ัง จับด้าม
แปรงท่ีบีบยาสีฟันแล้วโดยให้ขนแปรงชีไ้ ปทางด้านเหงือกและคอฟัน 2) แปรงฟันหน้าบนและฟันหน้า
ล่าง โดยขยบั ขนแปรงส้ัน ๆ ในแนวหน้า–หลงั 4–5 คร้ัง 3) แปรงฟันกรามบนและฟันกรามล่าง โดยถู
แปรงไปมาในแนวนอนบนตัวฟัน เป็นระยะเวลาประมาณ 2 นาที 4) บ้วนปากให้สะอาด)
– เม่ือแปรงฟันแลว้ ฟันของเพื่อนสะอาดข้ึนหรือไม่ (แนวคาตอบ สะอาดขึน้ )
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ การ
แปรงฟันทาใหฟ้ ันสะอาดข้ึน
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) นกั เรียนคน้ หาวา่ กิจกรรมหรือกีฬาใดท่ีจะทาใหเ้ กิดอนั ตรายต่อฟันได้ และนกั เรียนจะ
มีวิธีป้ องกนั อยา่ งไร เช่น การชกมวย ป้ องกนั โดยการใส่นวมหรือใส่ฟันยาง
(2) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั การดแู ลรักษาปากและฟันจาก
หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พ่ือนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คา
แปลลงสมดุ ส่งครู
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยงั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใด และไดม้ ี
การแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 171
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการใหน้ กั เรียนดูแผน่ ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่
มีอนั ตรายและมีอนั ตรายต่อปากและฟัน แลว้ ถามนกั เรียนวา่ กิจกรรมไหนควรทาและกิจกรรมไหนไม่
ควรทา เช่น
– ฉีกห่อขนมดว้ ยฟันหรือใชก้ รรไกรตดั ห่อขนม
– ใชป้ ากคาบปากกาหรือใชม้ ือจบั ปากกา
– กินอาหารที่รสไมจ่ ดั หรือกินอาหารรสจดั
– เราตอ้ งดูแลรักษาฟันใหส้ ะอาดเพราะอะไร
– นอกจากการแปรงฟัน มีวธิ ีใดท่ีทาใหฟ้ ันสะอาดได้
ข้นั สรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การดแู ลรักษาปากและฟัน โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ี
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนือ้ หาของบทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอื่ จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อการดูแลรักษาร่างกาย
3) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเดน็ คาถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอ่ื นามาอภปิ ราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
แบ่งกลมุ่ นกั เรียนเลน่ บทบาทสมมุติเรื่องกระรอกนอ้ ยฟันสวย โดยนกั เรียนอาจเพิ่มเหตุการณ์
อ่ืนที่เก่ียวขอ้ งกบั เน้ือเร่ืองได้
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมท่ี 18 สงั เกตฟันสะอาด
2. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 172
10. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อุปสรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงชื่อ .................................................... ผสู้ อน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 173
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 24
การดูแลรักษาร่างกาย
สาระที่ 1 สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ เวลา 1 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ตัวเราน่ารู้
1. สาระสาคัญ
ผวิ หนงั เป็นอวยั วะท่ีมีความสาคญั เราตอ้ งดูแลรักษาร่างกายไมใ่ หบ้ าดเจ็บและทาความสะอาด
อยเู่ สมอ
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและอธิบายลกั ษณะ หนา้ ท่ี และความสาคญั ของอวยั วะภายนอกของมนุษยต์ ลอดจนการ
ดแู ลรักษาสุขภาพ (ว 1.1 ป. 1/3)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกวธิ ีการดแู ลรักษาร่างกายไม่ใหบ้ าดเจบ็ และสะอาดอยเู่ สมอ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องการดูแลรักษาร่างกายไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
การดูแลรักษาร่างกาย วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล ทางวิทยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
3. ทดสอบหลงั เรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
หรือรายกลุ่ม
5. สาระการเรียนรู้
การดแู ลรักษาร่างกาย
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 174
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สอบถามสมาชิกในครอบครัวของนกั เรียนถึงวิธีการดแู ล
รักษาร่างกาย
สุขศึกษาและพลศึกษา เล่าถึงการดแู ลรักษาร่างกายจากการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ
ศิลปะ แสดงท่าทางวิธีการดูแลและทาความสะอาดร่างกายที่
ถกู ตอ้ งในหวั ขอ้ ต่าง ๆ
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สนทนาและอธิบายเกย่ี วกบั การดแู ลรักษาร่างกายทถ่ี ูกวธิ ี
ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
การดแู ลรักษาร่างกายท่ีเรียนรู้หรือที่นกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 46
ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูถามคาถามนกั เรียนเพ่ือกระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นกั เรียนอาบน้าวนั ละก่ีคร้ัง เวลาใดบา้ ง
– นกั เรียนชอบสระผมหรือไม่ เพราะอะไร
– นกั เรียนคิดวา่ คนท่ีไม่สบายบ่อย ๆ เกิดจากสาเหตุใด
– การออกกาลงั กายมีผลดีต่อร่างกายเพราะอะไร
2) นักเรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพื่อ
เช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ืองการดแู ลรักษาร่างกาย
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับการดูแล
รักษาร่างกาย ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่ ง
ตวั แทนมานาเสนอข้อมูลหน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– เราควรอาบน้าทุกวันเพราะอะไร (แนวคาตอบ เพราะทาให้ผิวหนังสะอาดไม่เป็ นท่ี
สะสมของเช้ือโรค)
– นักเรียนจะแนะนาคนในบ้านให้ดูแลรักษาร่างกายด้วยวิธีใดบ้าง (แนวคาตอบ ออก
กาลังกายเป็ นประจา และทาความสะอาดร่างกายเมอ่ื สกปรก)
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 175
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคาถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
การดูแลรักษาร่างกายมคี วามสาคัญต่อตนเอง
2) ข้นั สารวจและค้นหา
ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั ดูรูปเหตุการณ์แลว้ บอกวธิ ีป้ องกนั ร่างกายของแต่ละคน
ตวั อยา่ งเหตุการณ์
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรียนนาเสนอผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม
(2) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาถามต่อไปน้ี
– นกั เรียนและเพื่อนมีวธิ ีดูแลรักษาร่างกายเหมือนกนั ในเหตุการณ์ใดบา้ ง (แนวคาตอบ
การรดนา้ พรวนดิน โดยใส่รองเท้าและถงุ มือเมื่อไปรดนา้ พรวนดิน)
– นกั เรียนและเพ่ือนมีวิธีดูแลรักษาร่างกายต่างกนั ในเหตุการณ์ใดบา้ ง (แนวคาตอบ
ฝนตก โดยตวั เราใช้ร่มกนั ฝน แต่เพื่อนใช้เสือ้ กันฝน)
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่
การดแู ลรักษาร่างกายมีความสาคญั ต่อตวั เราเอง
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) แบ่งนกั เรียนกล่มุ ละ 3–4 คน ปฏิบตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรู้เรื่อง ใบ้คาปริศนา ตาม
ข้นั ตอนดงั น้ี
– แต่ละกลุ่มเขียนส่ิงของที่ใชก้ บั อวยั วะภายนอกลงในบตั รคา กลมุ่ ละ 10 คา โดยไมใ่ ห้
เพ่ือนกลมุ่ อื่นรู้
– พบั กระดาษที่เขียนแลว้ รวมใส่ไวใ้ นกลอ่ ง และติดหมายเลขของกลุ่มไวบ้ นกลอ่ ง
– กลมุ่ ที่ 1 เลือกตวั แทน 1 คน เลือกกล่องคาใบข้ องกลมุ่ อ่ืน แลว้ ใบค้ าใหเ้ พื่อนในกล่มุ
ฟังและทายโดยตวั แทนหา้ มพดู คาที่เขียนไว้ ถา้ พดู ใหบ้ วกเวลาเพ่ิม 20 วินาที
– ครูบนั ทึกเวลาที่ใชใ้ บค้ า แลว้ เปล่ียนใหก้ ลุม่ อื่นทากิจกรรม
– กลมุ่ ที่เป็นเจา้ ของคาใบท้ ่ีผทู้ ายใชเ้ วลามากที่สุดเป็นผชู้ นะ
(2) ครูให้ความรู้กบั นักเรียนว่าในการอาบนา้ และทาความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
นักเรียนสามารถช่วยเหลอื ตนเองได้ โดยขณะอาบนา้ ต้องรู้จกั ใช้นา้ อย่างประหยดั ไม่เปิ ดนา้ ทิง้ ไว้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 176
ในขณะถูตวั หรือฟอกสบู่ เพราะจะทาให้สิ้นเปลอื งท้ังนา้ และสบู่ การอาบน้าทถี่ ูกวธิ ีและอาบนา้ ให้
สะอาดเป็ นพนื้ ฐานของการมสี ุขภาพท่ีดแี ละไม่เป็ นท่ีรังเกยี จของผ้อู นื่ ซ่ึงการอาบนา้ ที่ถูกวธิ ีและการใช้
นา้ อย่างประหยดั เป็ นการปฏิบัตติ นตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ ให้นักเรียนรู้ ปฏบิ ตั ิ และเห็น
ประโยชน์ในการทาความสะอาดร่างกายส่วนต่าง ๆ ของตนเองจนเป็ นนิสัย
(3) นกั เรียนคน้ ควา้ คาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเกี่ยวกบั การดแู ลรักษาร่างกายจากหนงั สือ
เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาเสนอใหเ้ พื่อนในหอ้ งฟัง คดั คาศพั ทพ์ ร้อมท้งั คาแปลลง
สมุดส่งครู
5. ข้นั ประเมิน
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่ีเรียนมาและการปฏิบตั ิกิจกรรม
มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใด
และไดม้ ีการแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยการใหน้ กั เรียนดูแผน่ ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีไม่มี
อนั ตรายและมีอนั ตรายต่อผิวหนงั และร่างกาย แลว้ ถามนกั เรียนวา่ กิจกรรมไหนควรทา กิจกรรมไหนไม่
ควรทา เช่น
– เดินบนถนนโดยไมใ่ ส่รองเทา้ หรือใส่รองเทา้ ผา้ ใบขณะวิง่ เล่นในสนามโรงเรียน
– เลน่ กีฬาเป็นประจาหรือนง่ั ดูโทรทศั นท์ ้งั วนั
– ตดั เลบ็ เป็นประจาหรือปล่อยใหเ้ ลบ็ ยาวมีแต่สิ่งสกปรกอยใู่ นซอกเลบ็
ข้ันสรุป
1) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การดแู ลรักษาร่างกาย โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผงั มโนทศั น์
2) ครูดาเนนิ การทดสอบหลงั เรียน โดยให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพอ่ื วดั ความ
ก้าวหน้า/ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ของนักเรียน
3) ครูเชื่อมโยงเนือ้ หาจากบทเรียนนกี้ บั บทเรียนช่ัวโมงหน้า เพอ่ื ให้นกั เรียนเตรียมความพร้อม
ในการเรียนช่ัวโมงต่อไป โดยการใช้คาถามกระต้นุ ดงั นี้
– อวยั วะรับรู้สามารถบอกถงึ ลกั ษณะใดของของเล่นของใช้ได้บ้าง (แนวคาตอบ สี รูปทรง และ
พน้ื ผิว)
4) ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนอื้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพอ่ื จดั การเรียนรู้
คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อของเล่นของใช้
5) ครูให้นักเรียนเตรียมประเดน็ คาถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คาถาม เพอื่ นามาอภิปราย
ร่วมกนั ในช้ันเรียนคร้ังต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 177
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
ช่ัวโมงท่ี 47
ครูประเมินดา้ นความรู้ของนกั เรียนตามตวั ช้ีวดั ช้นั ปี โดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบกลาง
ปี เพ่ือวดั ความกา้ วหนา้ /ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1–4 ของนกั เรียน
9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ที่ 8 ใบค้ าปริศนา
2. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
3. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
4. แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นา
พานิช จากดั
10. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………….…
แนวทางการพฒั นา …………………………………………………………………………
2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………….…
แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………..….
3. ส่ิงท่ีไม่ไดป้ ฏิบตั ิตามแผน ………………………………………………………………..…
เหตุผล ………………………………………………………………………………...……
4. การปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………
ลงช่ือ .............................................. ผสู้ อน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 178
ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว เวลา 10 ชั่วโมง
ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจัดการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ
1. ลกั ษณะสาคญั ของของเลน่ และของใช้ 1. การสารวจ
2. สมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นและ 2. การสงั เกต
3. การจาแนก
ของใช้ 4. การนาความรู้ไปใชใ้ น
3. วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้ ชีวติ ประจาวนั
4. การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้
ของเล่นแสนสนุก
และของใช้ใกล้ตวั
ภาระงาน/ชิน้ งาน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. สงั เกตของเล่นและของใช้ 1. มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์
2. สงั เกตสมบตั ิของวสั ดุ 2. มีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์
3. สงั เกตการจาแนกประเภทของ 3. เห็นคุณค่าของการนาความรู้
วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
4. สงั เกตการแบ่งกลุ่มของเล่นและ 4. ใฝ่ เรียนรู้
5. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
ของใช้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 179
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
ข้ันที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นักเรียน
ตวั ชี้วดั ช้ันปี
1. สงั เกตและระบุลกั ษณะที่ปรากฏหรือสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ ของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
(ว 3.1 ป. 1/1)
2. จาแนกวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รวมท้งั ระบุเกณฑท์ ี่ใชจ้ าแนก (ว 3.1 ป. 1/2)
ความเข้าใจท่ีคงทนของนกั เรียน คาถามสาคัญท่ีทาให้เกดิ ความเข้าใจท่ีคงทน
นกั เรียนจะเข้าใจว่า...
1. วสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใชใ้ น 1. วสั ดุที่ใชท้ าของเลน่ และของใชใ้ น
ชีวติ ประจาวนั อาจจะมีรูปร่าง สี ขนาด พ้ืนผิว ชีวิตประจาวนั มีรูปร่าง สี ขนาด พ้ืนผิว และความ
และความแขง็ เหมือนกนั หรือแตกต่างกนั แขง็ เหมือนกนั หรือไมล่ กั ษณะใด
2. ลกั ษณะหรือสมบตั ิดา้ นต่าง ๆ ของวสั ดุ 2. การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชใ้ น
สามารถใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการจาแนกวสั ดุท่ีใชท้ า ชีวิตประจาวนั สามารถใชอ้ ะไรเป็นเกณฑ์
ของเลน่ และของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
ความรู้ของนักเรียนท่นี าไปสู่ความเข้าใจท่ี ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนทนี่ าไปสู่ความ
คงทน นักเรียนจะรู้ว่า... เข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ...
1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ ของเล่น ของใช้ วตั ถุ วสั ดุ 1. สงั เกตลกั ษณะของของเล่นและของใชใ้ น
2. ของเล่นเป็นส่ิงท่ีช่วยใหผ้ เู้ ล่นไดร้ ับความ ชีวติ ประจาวนั
สนุกสนานและเพลิดเพลิน เช่น ตุ๊กตา หุ่นยนต์ 2. สงั เกตสมบตั ิของของเล่นและของใชใ้ น
ลกู ฟุตบอล ชีวิตประจาวนั
3. ของใชเ้ ป็นสิ่งของสาหรับใชง้ าน เช่น 3. สงั เกตสมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเลน่ และของ
สายยาง จอบ และกระถางตน้ ไม้ ใช้
4. ของเล่นและของใชจ้ ะมีสมบตั ิแตกต่างกนั 4. การแบ่งกลุ่มของเล่นและของใชพ้ ิจารณาจาก
เช่น มีรูปร่าง ขนาด น้าหนกั สี พ้ืนผวิ ต่างกนั อะไร
5. สมบตั ิต่าง ๆ เช่น รูปร่าง สี ขนาด และวสั ดุที่
ใชท้ าของเล่นและของใชส้ ามารถนามาเป็น
เกณฑใ์ นการแบ่งกลมุ่ ได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 180
ข้ันที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่แี สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามท่ีกาหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานทนี่ กั เรียนต้องปฏิบัติ
– สงั เกตของเล่นและของใช้
– สงั เกตสมบตั ิของวสั ดุ
– สงั เกตการจาแนกประเภทของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้
– สงั เกตการแบ่งกลุ่มของเล่นและของใช้
2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา
– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อ
วทิ ยาศาสตร์
– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน
3. ส่ิงที่ม่งุ ประเมนิ
– ความสามารถในการอธิบาย ช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยกุ ต์ ดดั แปลง และนาไปใช้
การมีมุมมองที่หลากหลาย การใหค้ วามสาคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผอู้ ่ืน และการรู้จกั ตนเอง
– เจตคติทางวิทยาศาสตร์และเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล
– ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– พฤติกรรมการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคลหรือรายกล่มุ
ข้ันที่ 3 แผนการจดั การเรียนรู้
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 25 ของเล่นและของใช้ 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 26 ลกั ษณะของของเลน่ และของใช้ 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 27 วสั ดุที่ใชท้ าของเลน่ และของใช้ 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 28 สมบตั ิของวสั ดุท่ีใชท้ าของเล่นและของใช้ 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 29 การแบ่งกลมุ่ ของเล่นและของใช้ 2 ชวั่ โมง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 181
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25
ของเล่นและของใช้
สาระที่ 3 สารและสมบตั ิของสาร เวลา 2 ชั่วโมง
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ของเล่นแสนสนุกและของใช้ใกล้ตัว
1. สาระสาคัญ
ของเลน่ เป็นสิ่งที่ทาใหผ้ เู้ ล่นไดร้ ับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เช่น ตุก๊ ตา หุ่นยนต์ ลกู โป่ ง
ของใชเ้ ป็นส่ิงของสาหรับใชง้ าน เช่น จอบ สายยาง กระถางตน้ ไม้
2. ตัวชี้วดั ช้ันปี
สงั เกตและระบุลกั ษณะที่ปรากฏหรือสมบตั ิของวสั ดุที่ใชท้ าของเล่นของใชใ้ นชีวิตประจาวนั
(ว 3.1 ป. 1/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สงั เกตและอธิบายของเล่นและของใชไ้ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนาความรู้เรื่องของเล่นและของใชไ้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ (P)
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และจติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรื่อง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
ของเลน่ และของใช้ วิทยาศาสตร์เป็ นรายบุคคล ทางวทิ ยาศาสตร์
2. ประเมินกิจกรรมฝึ ก 2. ประเมินเจตคติต่อ 2. ประเมินทกั ษะการคิด
ทกั ษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทกั ษะการแกป้ ัญหา
3. ทดสอบก่อนเรียน 4. ประเมินพฤติกรรมในการปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ นรายบุคคลหรื อราย
กลมุ่
5. สาระการเรียนรู้
ของเล่นและของใช้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 182
6. แนวทางการบูรณาการ
ภาษาไทย สนทนาและอธิบายเก่ียวกบั ของเลน่ และของใช้
ศิลปะ วาดภาพของเล่นหรือของใช้
คณิตศาสตร์ การจาแนกประเภท
ภาษาต่างประเทศ ฟัง พดู อ่าน และเขียนคาศพั ทภ์ าษาต่างประเทศเก่ียวกบั
ของเลน่ และของใชท้ ี่เรียนรู้หรือท่ีนกั เรียนสนใจ
7. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 48
ครูดาเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความ
พร้อมและพ้ืนฐานของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1) ครูนาส่ิงของมาใหน้ กั เรียนดูประมาณ 5 ชนิด โดยสิ่งท่ีนามาน้นั จะตอ้ งมีท้งั ของเล่นและ
ของใช้ จากน้นั กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนโดยการถามคาถามดงั ต่อไปน้ี
– นกั เรียนรู้จกั สิ่งของใดบา้ ง
– นกั เรียนใชส้ ่ิงของน้นั ทาอะไร
2) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคาตอบจากคาถามขา้ งตน้ เพ่ือเช่ือมโยง
ไปสู่การเรียนรู้เรื่องของเล่นและของใช้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน ซ่ึง
มีข้นั ตอนดงั น้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิ ดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกบั ของเล่น
และของใช้ ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพ่อื น ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตวั แทน
มานาเสนอข้อมลู หน้าห้องเรียน
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทาภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจาก
การจดบนั ทึกของนกั เรียน และถามคาถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้
– ของเล่นใช้เพอ่ื ทาอะไร (แนวคาตอบ ใช้เล่นเพอ่ื ให้เกดิ ความเพลดิ เพลิน)
– ของใช้ใช้เพอ่ื ทาอะไร (แนวคาตอบ ใช้ทางานเพอ่ื ให้งานเสร็จ)
(3) ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเดน็ คาถามที่นักเรียนสงสัยจากการทาภาระงานอย่าง
น้อยคนละ 1 คาถาม ซ่ึงครูให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความ
คิดเห็น
(4) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า
ของเล่นเป็ นสิ่งท่ชี ่วยให้เราเพลดิ เพลนิ และสนุกสนาน ส่วนของใช้เป็ นสิ่งสาหรับใช้ทางาน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 183
2) ข้นั สารวจและค้นหา
(1) แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มปฏิบตั ิกิจกรรม สังเกตของเล่นและของใช้ ตามข้นั ตอนดงั น้ี
– นกั เรียนดภู าพที่ครูนามาให้
– แบ่งกลุม่ วา่ เป็นของเล่นหรือของใช้
– เขียนช่ือสิ่งที่อยใู่ นภาพตามที่แบ่งกลุม่
(2) ครูคอยแนะนาช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรียน
และเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา
ช่ัวโมงท่ี 49
3) ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
(1) ครูเขียนตารางบนกระดานเพ่ือใหน้ กั เรียนร่วมกนั แบ่งกลุ่มวา่ ส่ิงใดเป็นของเล่นและส่ิง
ใดเป็ นของใช้
(2) สอบถามนกั เรียนแต่ละกลุ่มวา่ ภาพใดจดั เป็นของเลน่ และภาพใดจดั เป็นของใช้
(3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั อธิบายผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชค้ าถามต่อไปน้ี
– ของเล่นคือส่ิงที่มีลกั ษณะใด (แนวคาตอบ ส่ิงที่ช่วยให้ผ้เู ล่นได้รับความสนกุ สนาน
เพลิดเพลิน)
– รองเทา้ จดั เป็นของเล่นหรือของใช้ (แนวคาตอบ ของใช้)
– เส้ือผา้ จดั เป็นของเล่นหรือของใช้ (แนวคาตอบ ของใช้)
– ของใชม้ ีประโยชนใ์ นลกั ษณะใด (แนวคาตอบ ของใช้มีประโยชน์ในการนาไป
ใช้งาน)
– ลกู แกว้ ตุก๊ ตา และหุ่นยนต์ จดั เป็นของเล่นหรือของใช้ (แนวคาตอบ ของเล่น)
(4) ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกบั ของเล่นและของใช้ ควรอธิบายใหน้ กั เรียนสามารถสรุปได้
วา่ ของเล่น คือ สิ่งท่ีช่วยใหผ้ เู้ ล่นไดร้ ับความสนุกสนานและเพลิดเพลิน ส่วนของใช้ คือ สิ่งท่ีมีไว้
สาหรับใชง้ าน
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนยกตวั อยา่ งของเล่นและของใชข้ องตนเองมาอยา่ งละ 2 ตวั อยา่ ง
ถา้ นกั เรียนยกตวั อยา่ งผิดครูจะตอ้ งอธิบายใหเ้ ขา้ ใจ
(2) ครูใหน้ กั เรียนพบั จรวดโดยใชก้ ระดาษ นกั เรียนอาจใชก้ ระดาษสีต่าง ๆ เพ่ือให้
สวยงามหรือวาดรูปจรวดเมื่อพบั เสร็จแลว้ การพบั จรวดมีข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป. 1 184
1. ใชก้ รรไกรตดั กระดาษใหม้ ีความกวา้ ง 20 เซนติเมตร และยาว
30 เซนติเมตร พบั หกั มุมระหว่างก่ึงกลางดา้ นลา่ งตามเส้นประ
2. พบั ตามเสน้ ประประกบข้ึนไปขา้ งบน 3. พบั หกั มุมระหวา่ งก่ึงกลางดา้ นลา่ งตาม
แนวเสน้ ประ
4. พบั หกั มุมยอดตรงกลางลงมาทบั ส่วนลา่ งไว้ 5. พบั แบ่งคร่ึงไปดา้ นหลงั ตามแนว
เสน้ ประ
6. พบั แบ่งมุมลงมาตามแนวเสน้ ประท้งั 2 ขา้ ง 7. ไดจ้ รวดที่ทาเสร็จแลว้ นาไปเล่นได้
(3) บูรณาการอาเซียนโดยอธิบายถงึ ประเทศสมาชิกอาเซียนท่ีมลี กู ข่างเป็ นของเล่น ได้แก่
ไทย เวยี ดนาม มาเลเซีย อนิ โดนีเซีย และลาว
ตัวอย่างลกู ข่าง