The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thasasi, 2021-10-19 01:50:54

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

Keywords: งานวิจัย การพัฒนาคู่ม

การพฒั นาคู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา
ตามระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา

ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

นางฐาสสริ ์ นวิชญ์ญาณสุธี
ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วทิ ยฐานะชำนาญการ

สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาภูเก็ต
สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

การพฒั นาคมู่ ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คณุ ภาพ
ภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

นางฐาสสริ ์ นวิชญ์ญาณสธุ ี
ตำแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ วิทยฐานะชำนาญการ

สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเกต็
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ



ช่อื วิจยั การพัฒนาคู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคณุ ภาพภายใน
สถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
ผูว้ จิ ัย นางฐาสสิร์ นวิชญญ์ าณสุธี
ตำแหนง่ ศกึ ษานเิ ทศก์ วิทยฐานะชำนาญการ
หนว่ ยงาน สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเก็ต
ปที ่ที ำวจิ ยั ปกี ารศกึ ษา 2561 – 2562

บทคัดยอ่

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการ
นิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา
2) เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร และ 3) เพื่อศึกษาผลการใช้ค่มู ือการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
ผู้วิจัยไดแ้ บง่ ขั้นตอนการดำเนินการวจิ ยั เปน็ 3 ขนั้ ตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพการดำเนนิ การนิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตาม
ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาสภาพการดำเนินงาน
การนิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน
สถานศึกษา ปีการศึกษา 2561 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอนนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหาร
สถานศึกษา จำนวน 38 คน หัวหน้างานวิชาการของโรงเรียน จำนวน 38 คน ไดก้ ล่มุ ตวั อย่างโดยการ
เลอื กแบบเจาะจง และครูผสู้ อน (ไม่นบั รวมหัวหน้างานวชิ าการ) กำหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งตามตาราง
สำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 386 คน
โดยใช้การสุม่ อย่างงา่ ย ซึ่งกลุ่มตัวอยา่ งทั้งหมดมีสถานภาพอยู่ในปกี ารศึกษา 2561 รวมกลุม่ ตัวอย่าง
ทุกกลุ่มทั้งสนิ้ 462 คน

ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกัน
คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือสร้าง
และพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย
กระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษาในขัน้ ตอนที่ 1 มาเป็นแนวทางในการ
สร้างและพัฒนาคู่มือ ตลอดจนศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และแนวทางการประกันคุณภาพและการนิเทศ
ภายในสถานศึกษาใหส้ อดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี



การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต โดยกำหนดประเด็นพิจารณา 4 ด้าน คือ ด้านความถูกต้อง ด้านความ
เหมาะสม ด้านความเป็นไปได้ และด้านประโยชน์ที่ได้รับ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
ขั้นตอนนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในการบริหาร
การศึกษาหรือสถานศึกษา การนิเทศภายใน และระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย
ผบู้ ริหารการศึกษา ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ศกึ ษานเิ ทศก์ จำนวน 5 คน ไดก้ ลุ่มตวั อย่างมาโดยการเลือก
แบบเจาะจง

ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาผลการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกัน
คุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการ
ใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย
กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ปีการศึกษา 2562 โดยเปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างปี
การศึกษา 2561 กับ ปีการศึกษา 2562 และการศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้คู่มือการนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
กลุม่ ตวั อย่างที่ใชใ้ นการวจิ ัยข้ันตอนนี้ ประกอบด้วย ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา จำนวน 38 คน หวั หน้างาน
วิชาการของโรงเรียน จำนวน 38 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยการเลอื กแบบเจาะจง และครูผู้สอน (ไม่นับ
รวมหัวหน้างานวิชาการ) กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ
Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน โดยใช้การสุ่มอย่างง่าย ซึ่งกลุ่ม
ตัวอย่างทั้งหมดมสี ถานภาพอยใู่ นปีการศึกษา 2562 รวมกลุ่มตวั อยา่ งทกุ กลมุ่ ทง้ั ส้ิน 476 คน

การวิจยั ครัง้ นสี้ รุปผลการวิจัยเป็นประเด็นตามวตั ถุประสงค์การวจิ ยั ดังนี้
1. การศึกษาสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบ
การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา พบว่า สภาพการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษา
ปีการศึกษา 2561 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพ
ภายในสถานศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2561 ในภาพรวมอยู่ในระดบั มากเชน่ กนั
2. การศึกษาผลการสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกัน
คุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร พบว่า ผลการสร้างและพัฒนา
คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อจำแนกรายด้าน พบว่า ความเป็นไปได้
ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นประโยชน์ และด้านความถูกต้อง อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน
ตามลำดับ



3. การศกึ ษาผลการใชค้ มู่ อื การนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกนั คณุ ภาพภายใน
สถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร พบวา่

3.1 สภาพการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษา ปีการศึกษา 2562 ในภาพรวม
อยู่ในระดับมากที่สุด และการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ปีการศึกษา
2562 ในภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ

3.2 ผลการทดสอบก่อนและหลังการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบ
การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมติ ร พบวา่ หลังจากการใช้
คู่มือฯ มีผลการทดสอบสูงกว่าก่อนการใช้คมู่ ือ

3.3 ผลการประเมินความพึงพอใจมีต่อการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตาม
ระบบการประกันคุณภาพกานศึกษาภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
ปีการศึกษา 2562 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด
ทุกด้าน

3.4 ผลการเปรียบเทียบสภาพการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาและการ
ดำเนินการนิเทศภายในตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา พบว่า ผลการดำเนินการ
นิเทศภายในสถานศึกษาและการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยใช้คู่มือการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
ของปีการศึกษา 2562 สูงกวา่ ปกี ารศึกษา 2561



กิตติกรรมประกาศ

รายงานการวิจัยการพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุ ณภาพ
ภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร เป็นเอกสารที่เกิดจากการศึกษาผลการ
ดำเนินงานการนเิ ทศภายในและการดำเนนิ งานตามระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาของสถานศึกษาใน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ซึ่งผู้วิจัยในฐานะศึกษานิเทศก์ มีหน้าท่ี
ช่วยเหลือ ดูแล และประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดโดยตรง จึงได้มีการพัฒนา
คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตรขึ้น ซึ่งการดำเนินการสร้างและพัฒนาคู่มอื ตลอดถึงการรายงานผลการใช้คู่มือ
สำเร็จลุล่วงได้ตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ผู้วิจัยขอขอบคุณผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้อำนวยการกลุ่ม ศึกษานิเทศก์ และครู ตลอดถึง
ผูเ้ กี่ยวข้องทุกท่านทีท่ ำให้การดำเนินงานในครง้ั น้ีสำเร็จตามเป้าหมายทกุ ประการ

ขอขอบพระคุณนายนสายัณห์ ไกรนรา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม
ศึกษาภูเก็ต ในฐานะผู้บังคับบัญชาและผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือวิจัย นางเภาพรรณ วงค์ไทย
ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 29 (กะทู้) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม
ศึกษาภูเก็ต นางมาลัยพร รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ
ติดตาม และประเมินผลการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต นายธเนศร์
ชาญเชาวน์ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1
และนายองอาจ วิชัยสชุ าติ ศึกษานเิ ทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษา
นครราชสีมา เขต 5 ผูเ้ ชีย่ วชาญในการตรวจสอบเครอื่ งมือวิจยั ขอขอบพระคณุ มา ณ โอกาสน้ี

ขอขอบพระคุณผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการในสถานศึกษา และครูผู้สอนทุกท่าน
ตลอดถึงผู้เกี่ยวขอ้ งทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการในครัง้ นี้จนสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์
ทุกประการ ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี

นางฐาสสริ ์ นวชิ ญ์ญาณสุธี



สารบัญ

บทคัดยอ่ ก
กติ ติกรรมประกาศ ง
สารบญั จ
สารบญั ตาราง ซ
สารบัญภาพ ญ
บทท่ี 1 บทนำ 1
1
ท่มี าและความสำคัญของการวิจยั 7
คำถามการวจิ ยั 8
วัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั 8
ขอบเขตการวิจยั 11
นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 12
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 13
ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั 14
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้อง 15
หลกั การและแนวคดิ เกย่ี วกบั คมู่ อื 18
หลักการและแนวคดิ เก่ียวกับการนิเทศภายในโรงเรยี น 32
หลักการและแนวคดิ เก่ียวกับการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 47
การนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร 54
งานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้อง 64
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวจิ ัย 66
ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพการดำเนนิ การนิเทศภายในสถานศกึ ษาและ
73
การดำเนินงานตามระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา
ขัน้ ตอนท่ี 2 การสรา้ งและพฒั นาคมู่ อื การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบ 79

การประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร
ขน้ั ตอนที่ 3 การศึกษาผลการใชค้ มู่ ือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบประกนั

คุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร



สารบัญ (ต่อ)

บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 88
ตอนที่ 1 ผลการศกึ ษาสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษา 89
ปีการศกึ ษา 2561
ตอนที่ 2 ผลการศึกษาการดำเนนิ งานตามระบบการประกันคณุ ภาพภายใน 92
สถานศึกษา ปีการศกึ ษา 2561
ตอนที่ 3 ผลการประเมนิ คณุ ภาพคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบ 95
การประกันคุณภาพการศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
ตอนท่ี 4 ผลการศึกษาสภาพการดำเนินงานการนเิ ทศภายในสถานศึกษา 100
ปกี ารศึกษา 2562
ตอนที่ 5 ผลการศึกษาการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายใน 103
สถานศกึ ษา ปีการศกึ ษา 2562
ตอนที่ 6 ผลการเปรยี บเทียบการวดั ความรู้ ความเข้าใจท่ีมีต่อการใช้คู่มือ 106
การนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร 107
ตอนท่ี 7 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจที่มีต่อการใช้คูม่ ือการนเิ ทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา 110
ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร ปกี ารศกึ ษา 2562
ตอนที่ 8 ผลการเปรยี บเทียบการดำเนนิ การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษาและ 111
การดำเนนิ การตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา 112
ปกี ารศึกษา 2561 – 2562 113
ตอนท่ี 9 ข้อเสนอแนะ 114
118
บทที่ 5 สรปุ อภิปราย และข้อเสนอแนะ 120
สรปุ ผลการวจิ ัย
อภปิ รายผลการวิจยั
ขอ้ เสนอแนะ

บรรณานกุ รม



สารบัญ (ต่อ)

ภาคผนวก 127
ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ แบบตอบรับการเปน็ ผูเ้ ช่ียวชาญ 128
และหนงั สือขอทดลองเครื่องมือวจิ ัย และการดำเนินการวจิ ยั ในสถานศึกษา 140
ข การวิเคราะหส์ ถิตขิ องการหาคุณภาพเคร่อื งมือวจิ ยั 151
ค การวิเคราะหส์ ถิติของผลการวิจยั 163
ง แบบสอบถามเพื่อการวจิ ัย เรื่องสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษา 167
จ แบบสอบถามเพ่ือการวจิ ยั เรื่องการดำเนนิ งานตามระบบการประกันคณุ ภาพภายใน 172
สถานศกึ ษา
ฉ แบบสอบถามเพ่ือการวิจยั เรอื่ ง แบบประเมนิ คุณภาพคู่มือการนิเทศภายใน 176
สถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศ
แบบกลั ยาณมติ ร 181
ช แบบสอบถามเพื่อการวิจัย เรือ่ ง การประเมนิ ความพึงพอใจทมี่ ีตอ่ การใช้คู่มือ
การนเิ ทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา 189
ดว้ ยการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร 375
ซ แบบวดั ความรู้ ความเขา้ ใจ ก่อนและหลังการใช้คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา 393
ตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศ
แบบกลั ยาณมติ ร
ฌ คมู่ อื การนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
ญ การเผยแพรผ่ ลการวิจัย

ประวัตผิ ู้วจิ ยั



สารบัญตาราง

ตารางที่ 67
1 ประเภทและจำนวนของประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง ขัน้ ตอนท่ี 1 80
2 ประเภทและจำนวนของประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ขั้นตอนท่ี 3 89
3 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถามเรือ่ งการนิเทศภายในสถานศึกษา 90
ปกี ารศึกษา 2561 จำแนกตามสถานภาพและระดับการศึกษา 92
4 คา่ เฉลยี่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของสภาพการดำเนนิ การนเิ ทศภายใน 93
สถานศึกษา ปีการศึกษา 2561 96
5 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถามเร่ืองการดำเนินงานตามระบบ
การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2561 96
6 ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของสภาพการดำเนนิ งานตามระบบ
การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2561 97
7 คา่ เฉล่ียและส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานการสรา้ งและพฒั นาค่มู อื การนเิ ทศภายใน
สถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาด้วย 98
กระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
8 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานการสร้างและพัฒนาคู่มอื การนิเทศภายใน 99
สถานศึกษาตามระบบการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการ
นเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร ด้านความถกู ตอ้ ง
9 คา่ เฉลย่ี และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานการสรา้ งและพัฒนาคู่มอื การนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการ
นเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร ดา้ นความเหมาะสม
10 คา่ เฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการสร้างและพัฒนาคู่มอื การนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาด้วยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร ดา้ นความเป็นไปได้
11 ค่าเฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานการสร้างและพัฒนาคู่มือการนเิ ทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการ
นเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร ดา้ นประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ



สารบญั ตาราง (ต่อ)

ตารางที่ 100
12 จำนวนและร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถามเรื่องการนเิ ทศภายในสถานศึกษา 100
ปกี ารศึกษา 2562 จำแนกตามสถานภาพและระดับการศึกษา 103
13 คา่ เฉลี่ยและสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานของสภาพการดำเนินการนิเทศภายใน 104
สถานศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2562 106
14 จำนวนและรอ้ ยละของผูต้ อบแบบสอบถามเรื่องการดำเนินงานตามระบบ
การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ปีการศึกษา 2562 107
15 ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของสภาพการดำเนนิ งานตามระบบ
การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ปกี ารศึกษา 2562 108
16 ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนนทดสอบก่อนและหลงั
การใชค้ ู่มอื การนิเทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน 111
สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมติ ร
17 ผลการเปรยี บเทยี บการวดั ความรู้ ความเขา้ ใจท่ีมีต่อการใช้ค่มู ือการนเิ ทศ
ภายในสถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร
18 ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานผลการประเมนิ ความพึงพอใจที่มตี ่อการใช้
คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพกานศึกษาภายใน
สถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร ปีการศึกษา 2562
19 คา่ เฉล่ยี และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานการดำเนนิ การนิเทศภายในสถานศึกษา
และการดำเนนิ การตามระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
ปีการศึกษา 2561 – 2562



สารบัญภาพ

ภาพที่ 12
1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 53
2 แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างเทคนคิ การนิเทศแบบตา่ ง ๆ กบั กระบวนการนิเทศ
แบบกัลยาณมิตรด้วยกระบวนการ 3 ขัน้ ตอน 4 ขนั้ งาน เดน่ ดว้ ย 4 จ. สูค่ ณุ ภาพ 65
การนิเทศภายในโรงเรียน
3 ข้นั ตอนการพัฒนาคมู่ ือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพ
ภายในสถานศกึ ษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

1

บทท่ี 1
บทนำ

ท่ีมาและความสำคญั ของการวิจยั

ความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติที่ต้องพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ
ในเวทีโลกท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 ประเทศไทย ได้ให้
ความสำคัญด้านการศึกษา เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ที่รัฐต้องจัดให้เพื่อพัฒนาคนไทยทุกช่วง
วัยให้มีความเจริญงอกงามทุกด้าน เพื่อเป็นต้นทุนทางปัญญาที่สำคัญในการพัฒนาทักษะ คุณลักษณะ
และสมรรถนะในการประกอบสัมมาชีพ และการดำรงชีวิตรว่ มกับผู้อนื่ ในสังคมได้อย่างเปน็ สุขอันจะนำไปสู่
เสถยี รภาพ กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาไดจ้ ัดแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2560 - 2579 เพ่อื วางกรอบเป้าหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ โดยมุง่ จัดการศึกษาให้คน
ไทยทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการบริหารจัด
การศึกษาที่มีประสิทธิภาพ พัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของ
ตลาดงาน และการพัฒนาประเทศ (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560 : คำนำ)

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ไดจ้ ดั ทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 เป็นแผน
ระยะยาว 20 ปี เพ่ือเป็นแผนแม่บทสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งนำไปใช้เป็นกรอบ แนวทางในการพัฒนา
การศึกษาที่ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจ การยอมรับ
และเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำแผน ให้สามารถขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ โดยไดศ้ กึ ษาสภาวการณ์ และบรบิ ทแวดล้อมทีม่ ีผลกระทบตอ่ การพฒั นาการศึกษาของประเทศ
ทั้งด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบก้าวกระโดดที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม
ของประเทศ ภูมิภาค และโลก การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่สงั คมสูงวยั และทักษะของประชากร
ในศตวรรษที่ 21 ที่ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความท้าทายและมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมยคุ 4.0 และนำผลการตดิ ตามประเมินผลแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2559 ซึ่งครอบคลุม
ประเด็นที่เก่ียวกับบริบทการจัดการศึกษา โอกาสทางการศึกษา คุณภาพการศึกษา ประสิทธิภาพการจัด
การเรียนการสอน การบริหารจัดการสถานศึกษา และการใช้จ่ายงบประมาณรวม ทั้งการพัฒนาการศึกษา
กับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ยังได้ศึกษา ปัญหาและความท้าทายของระบบ
การศึกษา ท้ังที่เกิดจากปัญหาของระบบการศึกษา และจากสภาวการณ์ของโลกที่ประเทศต้องเผชิญ เพื่อ
นำมากำหนดแนวคิดของการจัดการศึกษา วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย การพัฒนาการศึกษา
บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย ตัวชี้วัด และแนวทางการพัฒนา รวมทั้งโครงการ

2

เร่งด่วนที่สำคัญ และการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติ (สำนักงานเลขาธิการสภา
การศึกษา, 2560 : คำนำ)

การปฏิรูประบบการศึกษาอยู่ที่การสร้างระบบความรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 การปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษา โดย
ให้สถานศึกษามีความรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ปกครองและผู้เรียนมากขึ้น สถานศึกษาควรเป็นหน่วยหลัก
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และมีอิสระในการบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ
หลักสูตร วธิ ีการสอน และวธิ ีการวดั ผลตามแนวคิดทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ใหส้ อดคล้องกับวิสัยทัศน์และ
เจตนารมณ์ของสถานศึกษา รวมถึงตอบสนองต่อสภาพปัญหาความต้องการชุมชน และการประเมิน
คุณภาพสถานศึกษาภายใน ซึ่งสาเหตุของการปฏิรูประบบการศึกษาเนื่องมาจากการดำเนินงานพัฒนา
การศึกษาของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาหลัก ๆ ใน 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านหลักสูตรและ
ระบบการเรียนรู้ พบวา่ นกั เรียนไม่มีความสุขกับการเรียน นักเรยี นขาดระเบียบวินัยแต่ละห้องจำนวนมาก
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ เนื้อหาไม่สอดคล้องกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้ไม่
พัฒนาเด็ก การเรียนภาษาอังกฤษขาดมาตรฐาน 2) ด้านการผลิตพัฒนากำลังคนและงานวิจัย พบว่า
ประเทศขาดกำลังแรงงานสายวิชาชีพ งานวจิ ยั ไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง มาตรฐานฝีมือยังไม่เป็นที่ยอมรับ
จากสถานประกอบการ การผลิตบัณฑิตในสาขาที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของประเทศ 3) ด้านการ
ประเมินและการพัฒนามาตรฐานการศึกษา พบว่า การประเมินคณุ ภาพครู การประเมินสถานศึกษา ระบบ
การศึกษาต่อในแต่ละระดับชั้น การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน ยังไม่ได้มาตรฐาน 4) ด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา พบว่า สัญญาณขาดความเสถียร อุปกรณ์ไม่ทันสมัยมีไม่ทั่วถึง ไม่นำ
ข้อมูลสารสนเทศที่ได้มาใช้ในการตัดสินใจ ไม่นำผลผลิตที่ได้จากการพัฒนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์
5) ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ขาดการบูรณาการ การกระจายอำนาจไม่จริงจัง การกำกับดูแล ขาด
ประสิทธิภาพ ระบบงบประมาณไม่สอดคล้องต่อการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ 6) ด้าน
ครูผู้สอน พบว่า ครูมีภาระมาก นอกจากงานสอนครูไม่ครบชั้น สอนไม่ตรงวิชาเอก ครูขาดขวัญและ
กำลังใจ ครูไม่เก่ง

กระทรวงศึกษาธิการ จึงมีนโยบายปฏิรูประบบการประเมินและประกันคุณภาพการศึกษา
ทั้งภายในและภายนอกของทุกระดับ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้
ดำเนินการพัฒนามาตรฐานการศึกษาให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐที่เน้นการปฏิรูปการศึกษาดังกล่าว
และสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีแนวคิดว่ามาตรฐานที่กำหนดต้องสามารถดำเนินงานเพื่อพัฒนา
ผู้เรียนได้ ประเมินได้จริง กระชับ และจำนวนน้อย แต่สามารถสะท้อนคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง
ข้อมูลที่ได้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่
การศึกษา ระดับหน่วยงานต้นสังกัด และระดับชาติ ทั้งยังต้องประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม เน้นการ
ประเมินสภาพจริงและไม่ยุ่งยาก ซึ่งการเปล่ียนแปลงของระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาตามนโยบาย

3

การปฏิรูปการศึกษาดังกล่าว เป็นระบบการประเมินแนวใหม่ที่มุ่งเน้นการประเมินคุณภาพสถานศึกษา
ในภาพรวม (Holistic rubrics) ของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยจะไม่แยกส่วนหรือแยก
องค์ประกอบในการประเมินผลงานหรือกระบวนการ แต่เป็นการประเมินในภาพรวมของผลงาน หรือ
ภาพรวมของกระบวนการดำเนนิ งานน้ัน ๆ ตอ้ งอาศัยความรู้ ความสามารถและทักษะในการประเมินของผู้
ประเมิน โดยผู้ประเมินต้องศึกษาและรวบรวมข้อมูลในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งเป็นการประเมินและตัดสินผล
การประเมินคุณภาพการศึกษาตามหลักการตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ (expert judgment) โดยผู้
ประเมินจำเป็นต้องมีความรู้อย่างรอบด้าน อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกันในคณะผู้ประเมิน เพื่อการ
ตัดสินระดับคุณภาพ จะไม่ใช้การให้คะแนนตามความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่ง ผู้ประเมินจำเป็นต้องทำ
ความเข้าใจรว่ มกนั เพื่อการประเมินที่มีประสิทธิภาพ (สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน, 2561
: 1)

ในการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ประกาศใช้กฎกระทรวง
ว่าดว้ ยระบบ หลกั เกณฑ์ และวธิ ีการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ตามประกาศ ณ วันท่ี 6 สงิ หาคม
2561 ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน จะต้องมีความตระหนัก และเห็น
ความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อการประกันคุณภาพการศึกษา ให้ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้มี
ส่วนได้เสียได้เกิดความมั่นใจในการจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะคุณภาพของ
ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา และในการพัฒนาการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและ
ดำเนินการอย่างยั่งยืน ผู้เกย่ี วข้องทุกฝ่ายในสถานศึกษาต้องมีการทำงานที่มุ่งประโยชน์ท่ีจะเกิดแก่ผู้เรียน
เป็นสำคัญ โดยมีความตระหนัก รับรู้ และเห็นคุณค่าของการทำงานเป็นระบบ ผู้เรียนมีคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา มีการกำหนดเป้าหมายและดำเนินกิจกรรม/โครงการที่ใช้ผลการ
ประเมินตนเอง ผลการประเมินคุณภาพจากองค์กรภายนอก หรือ ผลการวิจัยที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น
เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษาเอง ตลอดจนใช้ผลการวิจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นฐาน
กำหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน การติดตามตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะจะช่วยให้งานบรรลุ
ไดอ้ ย่างดี และมีประสิทธภิ าพ ผลทเี่ กดิ กบั ผูเ้ รียนก็จะเป็นที่พึงพอใจกบั ผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กร หรือ
สถานประกอบการทรี่ ับช่วงต่อจากสถานศึกษา ด้วยการดำเนินงานท่ีทุกคนมจี ิตสำนึกและความรับผิดชอบ
ร่วมกันเช่นนี้ การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาจะเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารที่แท้จริง และมีการ
พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นวิถีชีวิตในการทำงานของทุกคนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรที่ยึดคุณภาพผู้เรียน
ฝังแน่นอยู่ในจิตใจตลอดเวลา (ปียานันต์ บุญธิมา, 2561 : 1) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
ที่เกี่ยวข้อง จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนามาตรฐานการศึกษา ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ปรัชญา หลักการ
การดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ทั้งผลการประเมินของสถานศึกษา
เป้าหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ แนวคิดการบริหารงาน การประกันคุณภาพการศึกษา

4

มาตรฐานการศึกษา แนวทางการประเมินคุณภาพสถานศึกษาแนวใหม่ การนำผลการประเมินไปใช้ในการ
พัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งในการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศกึ ษา และส่งเสริมระบบการประกัน
คุณภาพให้มีประสิทธิภาพนั้น ผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา คือ ครู
เนื่องจากครู เป็นผู้ทำหน้าที่ยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นผู้ใกล้ชิดกับนักเรียนมากที่สุด
ดังนั้นครูต้องมีคุณภาพ จึงจะสร้างคุณภาพการศึกษาได้ ครู คือ หัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา ครูต้องมีการปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมการทำงานของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ครูเป็นผู้นำหลกั การ
ต่าง ๆ สู่การปฏบิ ตั ิ ตอ้ งจัดการศึกษาใหม้ คี ุณภาพ มผี ลสมั ฤทธ์ขิ องผู้เรียนอย่ใู นระดับทน่ี ่าพอใจ ครูตอ้ ง
รู้จกั มาตรฐานการประกันคณุ ภาพภายใน ซ่งึ เปน็ มาตรฐานในการปฏบิ ัตงิ าน ตอ้ งใส่ใจจดจำรายละเอียด
ของมาตรฐานด้านการเรียนการสอน ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของครู และความสามารถของครูในการ
จัดการเรียนการสอน ในส่วนมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน ครูต้องเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่จะจัดกิจกรรม
ดำเนนิ การให้บรรลุตามมาตรฐาน เกบ็ หลักฐานอย่างเป็นระบบ บันทกึ ทุกเร่ืองที่ทำได้ สอดคล้องกับส่ิง
ที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์การประเมินคุณภาพ ครูทุกคนต้องเห็นการประกันคุณภาพเป็นงานหลัก ครูจึง
จำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ดังนั้น กระบวนการหนึ่งที่มี
บทบาทเป็นผู้สนับสนุน และเป็นตัวเชื่อมในการพัฒนาให้ ครูมีคุณภาพ ก็คือ กระบวนการนิเทศ
การศกึ ษา

การนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีระบบการชี้แนะ แนะนำ และให้ความร่วมมือต่อ
กิจกรรมของครูในการปรับปรุงการเรียนการสอน เพื่อให้ได้ผลตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ โดยแบ่ง
“กระบวนการ” ในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ และเป็นการพัฒนาคุณภาพ
ของผู้เรียนโดยผ่านตัวกลาง คือ ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยโรงเรียนต้องจัดกระบวนการนิเทศ
ภายในเพื่อช่วยเสริมสร้าง ประสิทธิภาพการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้บังเกิดขึ้นในโรงเรียน โดยการ
ประสานงานของบุคคลทุกฝ่าย คือ ผู้บริหาร ผู้ให้การนิเทศ และผู้รับการนิเทศต้องยอมรับบทบาทหน้าท่ี
ซึ่งกันและกัน ไม่ใช้หน้าที่เฉพาะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ความสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติการนิเทศ
ด้วยความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ดังนั้นกระบวนการนิเทศซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนให้ครู
จัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ ดังที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ประกาศให้ปี
การศึกษา 2562 เป็นปีทองแห่งการนิเทศภายในโดยใช้ห้องเรียนเป็นฐาน เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งของการนิเทศภายในโรงเรียนด้านการพัฒนาและใช้หลักสูตร
สถานศึกษา การอ่านออกเขียนได้ การจดั การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ
เทคโนโลยีทางไกล (DLTV/DLIT) การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน และการประกัน
คุณภาพการศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษา ซึ่งในกระบวนการนิเทศภายในนั้น
ผบู้ รหิ าร ครู และศกึ ษานิเทศก์ จะตอ้ งทำงานประสานความร่วมมือระหว่างกัน เพอื่ ร่วมแลกเปลี่ยนช้ีแนะ
เสนอแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งสถานศึกษาจะต้องดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และ

5

ประเมินผลการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามประเด็นข้างต้น มีการสร้างความรู้ ความเข้าใจกับครู
และบุคลากร การจดั ทำข้อมลู สารสนเทศ รอบด้านของผู้เรียน การมรี ะบบการนิเทศภายใน การจัดทำแผน
และคู่มือการนิเทศ การดำเนินการนิเทศ การสรุปผลการนิเทศ ตลอดถึงการร่วมปรับปรุงและพัฒนา
คุณภาพจดั การศึกษาของโรงเรยี นให้มีคุณภาพยิ่งข้ึน ในขณะทส่ี ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ศึกษานิเทศก์
ถือเปน็ ผูม้ ีบทบาทสำคัญในการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล ส่งเสริม และสนบั สนนุ การขับเคล่ือนการพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามบริบทของสถานศึกษา เพอ่ื ใหส้ ถานศึกษาสามารถดำเนินการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาได้ตามเป้าหมายท่ีกำหนด

การนิเทศการศึกษามีหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งที่จะพัฒนาครูและการจักการศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล คือ การนิเทศภายใน เนื่องจาการนิเทศภายในโรงเรียนเป็นวิธีการสำคัญ
อย่างหนง่ึ ในการบริหารการศึกษาท่มี ีผลต่อการพัฒนาคุณภาพผ้เู รียนให้สูงข้นึ เพราะเปน็ กิจกรรมที่ช่วยให้
ผู้ปฏิบัติงานภายในโรงเรียนสามารถปฏิบัติงานในขอบเขตที่ตนเองรับผิดชอบประสบผลสำเร็จเป็นไปตาม
มาตรฐานและสอดคล้องกับระเบียบวิธีการดำเนินงานที่กำหนดไว้ การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นยุทธวิธี
ที่ผู้เกี่ยวข้องควรหาแนวทางดำเนินการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 11, 2561 : 3) ซึ่งสอดคล้องกับ หน่วยศึกษานิเทศก์ (2562 : 9) กล่าวว่า กระบวนการ
นิเทศการศึกษาในระดับสถานศึกษา คือ การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นกิจกรรมสำคัญในการสนับสนุน
การเรียนการสอนภายในโรงเรียนให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าที่
ท่ีสำคัญอย่างหนึ่งท่ตี ้องดำเนินการให้เกดิ ขึ้นภายในโรงเรยี น และครูได้ปรบั ปรุงคุณภาพการเรียนการสอน
ภายในชั้นเรียนและโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมท้ังเป็นกระบวนการประกันคุณภาพ
ของโรงเรียน วา่ โรงเรยี นสามารถบริหารจัดการภายในโรงเรียนจนถึงเป้าหมายสุดท้าย คอื คณุ ภาพผู้เรียน
ตามมาตรฐานหลักสตู รและเปา้ หมายที่ตั้งไว้ และได้กำหนดกระบวนการนิเทศภายใน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1
การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ ขั้นที่ 2 การวางแผนการนิเทศ ขั้นที่ 3 การสร้างสื่อ
และเครอ่ื งมือนิเทศ ขัน้ ที่ 4 การปฏบิ ัตกิ ารนเิ ทศ และขนั้ ท่ี 5 การประเมินผลและรายงานผล สำนักทดสอบ
ทางการศกึ ษา (2561 : 61) กลา่ วถงึ แนวทางการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาวา่ ให้หน่วยงานต้นสังกัด
หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลสถานศึกษามีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาช่วยเหลือ และแนะนำสถานศึกษา
เพอ่ื ให้การประกันคุณภาพสถานศึกษาของสถานศึกษาพัฒนาอย่างต่อเน่ือง

สืบเนื่องจากสภาพปัญหาการดำเนินการนิเทศการศึกษาที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนิเทศ
ตามนโยบายจากส่วนกลาง ศกึ ษานิเทศก์ไมม่ ีโอกาสในการพัฒนาเทคนิควธิ กี ารนิเทศที่ทันสมัยให้สอดคล้อง
กับความต้องการจำเป็นของครูและโรงเรียนเท่าที่ควร อีกทั้งไม่ได้สำรวจความต้องการจำเป็นในการนิเทศ
ขาดการประเมินผล และขาดการนำผลการนิเทศไปใช้ประโยชน์ ครูมีภาระงานมาก รวมถึงครูมีทัศนคติ
ทางลบต่อการนิเทศ ประกอบกับจำนวนศึกษานิเทศก์มีไม่เพียงพอต่อการนิเทศ และภาระงานของผู้นิเทศ
มีมาก ขาดความต่อเนื่องในการดำเนินการนิเทศ

6

การพฒั นาครูให้สามารถปฏบิ ัติการนิเทศให้มีประสิทธิภาพ ศกึ ษานิเทศก์ ผบู้ ริหาร หรือเพ่ือนครู
ด้วยกันต้องคำแนะนำช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงวิธีสอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นได้ การนิเทศจึงเป็น
กระบวนการที่เหมาะสมสามารถจะนำไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
สุมน อรมวิวัฒน์ (2545) กล่าวว่า หลักการสำคัญที่ทำให้กระบวนการนิเทศเกิดประสิทธิผลสูงสุด คือ
ความเป็นกัลยาณมิตรของพุทธศาสนา และวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ความมีน้ำใจ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข
ช่วยเหลือเกื้อกูลแนะแนวทางที่ถูกต้องด้วยการยอมรับนับถือซึ่งกันและกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ประสบการณ์โดยมุ่งหวังความสำเร็จ คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 6“การ
จดั การศกึ ษาต้องเป็นไปเพ่ือพฒั นาคนไทยใหเ้ ป็นมนุษย์ ทสี่ มบรู ณ์ทงั้ ร่างกาย จติ ใจ (หมายถงึ สขุ กาย สุขใจ)
สติปัญญา ความรู้ (หมายถึง เป็นคนเก่ง) และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถ
อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (หมายถึง เป็นคนดีของคนรอบข้างและสังคม)” พระธรรมปิฎก ป.อ .
ปยุตฺโต (2542: 631 - 632) กล่าวถึงความสำคัญของกัลยาณมิตรว่า “กัลยาณมิตร เป็นเสมือนผู้รู้ ทำให้
สามารถชี้แนะ ชักนำบุคคลอ่ืนให้สามารถพัฒนาตนเองในทิศทางที่เหมาะสมในทุกด้าน เนื่องจากมี
ประสบการณ์โดยตรง หรืออาจจะเป็นประสบการณ์ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สมารถที่จะให้คำแนะนำ
ได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปด้วยความรัก ความเมตตาปรารถนาดี เมื่อบุคคลมีกัลยาณมิตรที่ดีแล้ว ก็ทำให้
เริ่มมีความเข้าใจหรือเห็นทางการฝึกปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีกัลยาณมิตรก็จะไม่มีผู้ท่ี
คอยแนะนำแนวทางที่ถูกต้อง ทำให้มีโอกาสดำเนินชีวิตผิดพลาด ไปในทางที่ไม่เหมาะสม” ซึ่งสอดคล้อง
กับ กิติยวดี บุญซื่อ และ วิภา ตัณฑุลพงษ์ (2544 : 95) ได้กล่าวถึงความสำคัญของความเป็นกัลยาณมิตร
ไว้ว่า “ความเป็นกัลยาณมิตรเป็นกุญแจทองที่จะไขประตูแห่งความเป็นมิตร ความอ่อนน้อมถ่อมตน ยัง
เป็นคุณสมบัติที่คนไทยทุกคน ให้การต้อนรับ ความจริงใจ และความนุ่มนวลจะเป็นเครื่องหล่อลื่น
สัมพันธภาพให้เลื่อนไหลสอดคล้องกันไปสู่จุดหมายปลายทาง ความมีน้ำใจ เป็นหยดทิพย์ที่ทำให้จิตใจ
ชุ่มชื่นเบิกบาน และท้ายที่สุด การใช้คำพูด ที่สุภาพแต่จริงใจ และความสม่ำเสมอจะเป็นเครื่องส่งเสริม
ความรู้ที่ดีต่อกัน และพร้อมที่จะร่วมมือ ร่วมใจขจัดปัญหาต่าง ๆ และสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่เด็ก เพ่ือ
ประโยชน์ของส่วนรวม” สอดคล้องกับผลการวิจัยของ ธีระวิทย์ สกุณา (2556: 4) กล่าวว่า การเปิดโอกาส
ใหฝ้ ่ายนิเทศและฝ่ายรับการนิเทศได้ปรึกษาและร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาแบบกัลยาณมิตร ส่งผลให้ครู
มีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้สูงขึ้นการทำงานร่วมกับครูเพื่อพัฒนาและแก้ไขปรับปรุงการจัดการเรียนรู้
มิใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่เป็นการมุ่งผลการพัฒนาระยะยาวความพยายามใด ๆ ในการ
พัฒนาครูจึงต้องอาศัยการสนับสนุนการนิเทศ จึงควรดำเนินไปในลักษณะของกระบวนการร่วมมือ การ
แนะนำช่วยเหลือด้วยความเป็นมิตรที่ดีต่อกันส่งผลให้ครูปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร จึงควรนำมาใช้เป็นแนวทางการนิเทศภายในสถานศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะนำมา
พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาภายในโรงเรียน ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ได้บรรลุผลตามหลักสูตร

7

สถานศึกษา คณุ ภาพการบริหารและการจัดการของผู้บริหาร และคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครู
ที่ต้องเริ่มจากการสร้างศรัทธา เพื่อให้ใจและร่วมใจ ในการปฏิรูปการเรียนรู้ให้ประสบผลสำเร็จ เน้นการ
สร้างสังคมการเรียนรู้ด้วยฐานปัญญา ฐานเมตตา และฐานความเป็นจริงของชวี ิต ที่เป็นองค์ความรู้ด้านการ
นิเทศการศึกษาแบบไทย ๆ สามารถที่จะสร้างวัฒนธรรมของโรงเรยี นของเราเปน็ วฒั นธรรมองค์กรของเรา จึง
จะไม่มีว่าใครมาจากไหน เมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้วทำอย่างไร ถึงจะหลอมรวมวัฒนธรรมกันได้ ซึ่งรูปแบบ
กัลยาณมติ รนิเทศนีม้ ีลกั ษณะเด่นในเรื่อง ให้ใจ คอื การมีใจให้ สร้างจติ อาสาในการทำงาน รว่ มใจ คือ การ
ทำงานเปน็ ทมี ชว่ ยให้เกดิ พลัง ตง้ั ใจ คือ มีความวริ ยิ ะ อตุ สาหะ บากบน่ั พยายาม ใหก้ ำลงั ใจกนั สรา้ งสิ่งทด่ี ี
ส่งเสริมเพิ่มเติมสิ่งที่ขาด และ เปิดใจ คือ ในการตรวจสอบ และการประเมินผลเชิงบวก นอกจากนี้
กัลยาณมิตรนิเทศ ยังสามารถเชื่อมโยง บูรณาการ และปรับใช้ได้กับทุกมิติ เข้าร่วมได้กับทุกศาสตร์ของ
กระบวนการนิเทศแบบต่าง ๆ สอดคล้องได้เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งครู ผู้บริหารโรงเรียน และบุคลากรทางการ
ศึกษายังสามารถนำหลักกัลยาณมิตร มาปรับใช้ให้เข้ากับหลักการทำงานของตนเองได้อีกด้วย จึงเห็นว่า
กระบวนการที่มีความจำเป็นและสำคัญยิ่งที่จะทำให้คุณภาพการจัดการศึกษามีความเป็นมาตรฐานทาง
วิชาชีพ ในการส่งเสริมผู้เรียนให้มีคุณภาพที่ดีทุกด้านนั้น ควรใช้กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
เป็นวิธกี ารทจี่ ะเพิ่มพูนประสทิ ธิภาพในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพสบื ต่อไป

ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาข้อมูลบริบทการจัดการศึกษา สภาพการดำเนินงานการนิเทศภายใน
และการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพ ตลอดถึงแนวคิด ทฤษฎี และแนวทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ได้ดำเนินการไป
ตามกรอบของระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาทม่ี ีการใช้กระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษา
แบบกัลยาณมิตร เป็นกระบวนการสำคัญในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มี
คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและเป้าหมายตามหลักสูตรที่กำหนดต่อไป

คำถามการวจิ ัย

1. สภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบการ
ประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2561 ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษาภเู ก็ต อย่ใู นระดับใด

2. คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย
กระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร มคี ุณภาพอยู่ในระดับใด

3. ผลการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศกึ ษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร อยใู่ นระดบั ใด

8

วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย

1. เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศกึ ษาและการดำเนนิ งานตามระบบ
การประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา

2. เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพ
ภายในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

3. เพอ่ื ศึกษาผลการใชค้ ู่มือการนิเทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คณุ ภาพภายใน
สถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร

ขอบเขตการวิจยั

การพฒั นาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development :
R&D) แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษา
และการดำเนนิ งานตามระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา ขนั้ ตอนที่ 2 การสร้าง
และพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน
สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร และขั้นตอนที่ 3 การศึกษาผลการใช้คู่มือการ
นิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมติ ร

ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงาน
ตามระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา

การวิจัยขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายใน
สถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา โดยเป็น
การเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ภูเก็ต ปกี ารศกึ ษา 2561 มขี อบเขตดังนี้

1. ขอบเขตด้านประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง
1.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอนนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา

จำนวน 49 คน หัวหน้างานวิชาการของโรงเรียน จำนวน 49 คน และครูผู้สอน (ไม่นับรวมครูหัวหนา้
งานวิชาการ) จำนวน 762 คน ซึ่งประชากรทั้งหมดมีสถานภาพอยู่ในปีการศึกษา 2561 รวม
ประชากรทุกกลุ่มท้งั สิ้น 858 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอนนี้ จำแนกกลุ่มตัวอย่างตามขนาด
ของโรงเรียนโดยแบง่ ออกเป็น 3 ขนาด รวมกลุ่มตวั อยา่ งทุกกลมุ่ ท้ังสิ้น จำนวน 462 คน มรี ายละเอยี ด
ในการกำหนดขนาดกลมุ่ ตัวอย่างในการวจิ ัยข้นั ตอนน้ี ดงั น้ี

9

1.2.1 สถานศึกษาขนาดเล็ก จำนวน 3 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 3 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 3 คน และครูผู้สอน (ไม่นับรวม
หัวหน้าวิชาการ) จำนวน 9 คน ไดก้ ลมุ่ ตวั อย่างโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่ง
กลุ่มตัวอยา่ งทัง้ หมดมสี ถานภาพอยใู่ นปีการศึกษา 2561 รวมกลมุ่ ตัวอยา่ งทกุ กล่มุ ทัง้ สน้ิ 15 คน

1.2.2 สถานศึกษาขนาดกลาง จำนวน 29 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 29 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 29 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยการ
เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และครูผู้สอน (ไม่นับรวมหัวหน้าวิชาการ) กำหนดขนาด
กลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่ม
ตัวอย่างจำนวน 191 คน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีสถานภาพอยู่ในปีการศึกษา 2561 รวมกลุ่ม
ตวั อยา่ งทุกกลุ่มท้ังสิน้ 249 คน

1.2.3 สถานศึกษาขนาดใหญ่ จำนวน 6 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 6 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 6 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยการเลือก
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) และครูผู้สอน (ไม่นับรวมหัวหน้าวิชาการ) กำหนดขนาดกลุ่ม
ตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่มตัวอย่าง
จำนวน 186 คน ซ่ึงกล่มุ ตวั อย่างทัง้ หมดมีสถานภาพอยใู่ นปกี ารศึกษา 2561 รวมกลมุ่ ตัวอย่างทุกกลุ่ม
ทง้ั ส้นิ 198 คน

2. ขอบเขตด้านตวั แปร
(1) สภาพการดำเนนิ งานการนิเทศภายในสถานศกึ ษา
(2) สภาพการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน

สถานศึกษา ปีการศึกษา 2561
3. ขอบเขตด้านระยะเวลา
มนี าคม - เมษายน 2562

ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกัน
คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

การวิจัยขั้นตอนนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศภายในแบบ
กัลยาณมิตร โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษาในขั้นตอนที่ 1 มาเป็นแนวทางในการสร้างและพัฒนาคู่มือ
ตลอดจนศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และแนวทางการประกันคุณภาพและการนิเทศภายในสถานศึกษา
ให้สอดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

10

ประถมศึกษาภูเก็ต โดยกำหนดประเด็นพิจารณา 4 ด้าน คือ ด้านความถูกต้อง ด้านความเหมาะสม
ด้านความเปน็ ไปได้ และด้านประโยชน์ท่ไี ด้รับ มีขอบเขตดังน้ี

1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอนนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเป็น

ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในการบริหารการศึกษาหรือสถานศึกษา การนิเทศ
ภายใน และระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา
ศึกษานเิ ทศก์ จำนวน 5 คน ได้กลุ่มตัวอย่างมาโดยการเลือกแบบเจาะจง

2. ขอบเขตด้านตัวแปร
(1) ความถกู ต้อง
(2) ความเหมาะสม
(3) ความเปน็ ไปได้
(4) ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั

3. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
เมษายน – มถิ นุ ายน 2562

ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาผลการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกัน
คณุ ภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมติ ร

การวิจัยขั้นตอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการใช้คู่มือการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
โดยเป็นการเก็บข้อมูลผลการใช้และความพึงพอใจที่มีต่อคู่มือนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการ
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ของสถานศึกษาในสังกัด
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต ปกี ารศกึ ษา 2562 มีขอบเขตดังน้ี

1. ขอบเขตด้านประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
1.1 ประชากรที่ใชใ้ นการวิจัยขั้นตอนน้ี ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา

จำนวน 49 คน หัวหน้างานวิชาการของโรงเรยี น จำนวน 49 คน และครูผู้สอน (ไม่นับรวมครูหัวหนา้
งานวิชาการ) จำนวน 860 คน ซึ่งประชากรทั้งหมดมีสถานภาพอยู่ในปีการศึกษา 2562 รวม
ประชากรทกุ กลุม่ ทง้ั สน้ิ 958 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยขั้นตอนนี้ จำแนกกลุ่มตัวอย่างตามขนาด
ของโรงเรยี นโดยแบง่ ออกเป็น 3 ขนาด รวมกลุ่มตวั อยา่ งทกุ กลุ่มทง้ั สิ้น จำนวน 476 คน มรี ายละเอียด
ในการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างในการวิจยั ข้ันตอนน้ี ดงั น้ี

11

1.2.1 สถานศึกษาขนาดเล็ก จำนวน 3 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 3 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 3 คน และครูผู้สอน (ไม่นับรวม
หัวหน้าวชิ าการ) จำนวน 9 คน ไดก้ ลมุ่ ตัวอยา่ งโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่ง
กลุ่มตัวอยา่ งทัง้ หมดมีสถานภาพอยู่ในปกี ารศึกษา 2561 รวมกล่มุ ตวั อย่างทกุ กลุ่มทงั้ ส้นิ 15 คน

1.2.2 สถานศึกษาขนาดกลาง จำนวน 29 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 29 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 29 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยการ
เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และครูผู้สอน (ไม่นับรวมหัวหน้าวิชาการ) กำหนดขนาด
กลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่ม
ตัวอย่างจำนวน 205 คน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีสถานภาพอยู่ในปีการศึกษา 2562 รวมกลุ่ม
ตัวอยา่ งทุกกลุ่มทั้งสิน้ 263 คน

1.2.3 สถานศึกษาขนาดใหญ่ จำนวน 6 โรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 6 คน หัวหน้างานวิชาการ จำนวน 6 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยการเลือก
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) และครูผู้สอน (ไม่นับรวมหัวหน้าวิชาการ) กำหนดขนาดกลุ่ม
ตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. และ Morgan, D.W. (1970 : 608) ได้กลุ่มตัวอย่าง
จำนวน 186 คน ซงึ่ กลมุ่ ตัวอย่างทง้ั หมดมีสถานภาพอยใู่ นปีการศึกษา 2562 รวมกล่มุ ตัวอย่างทกุ กลุ่ม
ทงั้ ส้นิ 198 คน

2. ขอบเขตด้านตัวแปร
(1) ผลการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพ

ภายในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร
(2) ความพึงพอใจที่มีต่อการใช้คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการ

ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
3. ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
มิถุนายน 2562 – มีนาคม 2563

นยิ ามศัพท์เฉพาะ

การนเิ ทศภายใน หมายถงึ การให้คำแนะนำ ช่วยเหลอื ชี้แนะ เพอื่ แกไ้ ข ปรับปรงุ พัฒนาการ
จัดการเรียนรู้ของครูให้มีคุณภาพตามมาตรฐานของหลักสูตรและเป้าหมายของการจัดการศึกษาของ
สถานศกึ ษา

ระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา หมายถึง ระบบการดำเนินงานเพื่อให้
สถานศกึ ษามคี ุณภาพโดยมกี ารจดั ทำแผนพฒั นาคุณภาพท่ีกำหนดเป้าหมายมาตรฐานของสถานศึกษา
มีกระบวนการบรหิ ารจัดการและดำเนินการงานต่าง ๆ ของสถานศกึ ษาเพื่อใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐาน

12

การศึกษา มีการประเมินผลและติดตามการดำเนินการ การตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐาน
การศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งสถานศึกษาจะต้องมีระบบกลไกในการควบคุม ตรวจสอบการบริหารญ
จดั การและการจัดการเรยี นการสอนใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา

กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร หมายถึง กระบวนการนิเทศด้วยการชี้แนะ แนะนำ
ช่วยเหลืออย่างเป็นมิตร โดยมีการสร้างความสัมพันธ์ สร้างศรัทธาระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ
การสอนงานแบบชี้แนะที่นำไปสู่การปฏิบัติจริง การติดตาม กำกับดูแลให้การจัดกระบวนการเรียนรู้
เป็นไปตามเปา้ หมายท่ีกำหนด ตามหลักคดิ ให้ใจ รว่ มใจ ตั้งใจ และเปดิ ใจ

คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย
กระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร หมายถงึ เอกสารแนวทางท่ีผู้วจิ ยั ไดพ้ ฒั นาข้นึ เพื่อให้สถานศึกษา
ใชแ้ นวทางในการนิเทศภายในสถานศึกษา

สถานศึกษา หมายถึง โรงเรียนระดับประถมศึกษาและระดับขยายโอกาสทางการศึกษาใน
สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาภเู กต็

กรอบแนวคดิ ในการวิจยั

ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศึกษา ผลการดำเนินงานการนเิ ทศภายใน
ตามระบบการประกันคุณภาพ สถานศกึ ษา ตามระบบการประกัน
ภายในสถานศึกษาดว้ ยกระบวนการ คุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย
กระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร
นเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร
ความพึงพอใจต่อคู่มือการนิเทศ
ภายในสถานศึกษาตามระบบการ
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ
กลั ยาณมิตร

แผนภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ัย

13

ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ ับ

1. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต มีคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตาม
ระบบการประกันคุณภาพภายในด้วยการนิเทศแบบกัลยาณมิตร สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้ไดม้ าตรฐาน

2. สถานศกึ ษาในสงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาภูเก็ตมีคูม่ ือสำหรบั การดำเนนิ งานพัฒนา
คุณภาพการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และเป็นไปตามระบบการประกันคุณภาพ
ภายในสถานศกึ ษา

3. สถานศึกษามีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาที่เข้มแข็ง สามารถวิเคราะห์
จุดเด่น จุดควรพัฒนา และสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน
การศกึ ษาทีก่ ำหนดได้

14

บทท่ี 2
เอกสาร และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง

การพฒั นาคู่มือการนิเทศภายในสถานศกึ ษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานการ
นิเทศภายในสถานศึกษาและการดำเนินงานตามระบบการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษา 2)
เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร และ 3) เพอื่ ศึกษาผลการใช้คู่มือการนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร
ผวู้ จิ ัยไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วข้องและนำเสนอเปน็ ประเดน็ ดังน้ี

1. หลกั การ และแนวคดิ เก่ียวกับคู่มือ
1.1 ความหมายของคู่มอื
1.2 องค์ประกอบของคู่มือ
1.3 การประเมินคณุ ภาพของคู่มือ

2. หลักการ และแนวคิด เก่ยี วกบั การนิเทศภายในโรงเรยี น
2.1 ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรยี น
2.2 ความสำคัญ และความจำเป็นของการนเิ ทศภายในโรงเรียน
2.3 จุดมงุ่ หมายของการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
2.4 หลักการนเิ ทศภายในโรงเรียน
2.5 กระบวนการนิเทศภายในโรงเรยี น
2.6 กิจกรรมการนเิ ทศภายในโรงเรียน

3. หลักการ และแนะคิดเกยี่ วกับการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
3.1 ความหมายของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
3.2 แนวคิดการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
3.3 การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา
3.4 มาตรฐานการศึกษา
3.5 แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

15

4. การนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร
4.1 ความหมายของการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร
4.2 แนวคดิ ทฤษฎีเก่ียวกับการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
4.3 กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
4.4 การนเิ ทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายใน

สถานศกึ ษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร
5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
5.1 งานวจิ ยั ในประเทศ
5.2 งานวจิ ัยในต่างประเทศ

1. หลกั การ และแนวคิด เกยี่ วกับคู่มอื

1.1 ความหมายของค่มู ือ
คู่มือเป็นนวัตกรรมประเภทหนึ่ง ลักษณะของคู่มือที่ดีจะต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ

มีคณุ ภาพนำไปใช้แลว้ ได้ผลดี มนี กั วชิ าการหลายท่านได้อธิบายเกี่ยวกับความหมายของคู่มือไว้ ดังน้ี
กรมวิชาการ (2545 : 36) ไดก้ ล่าวว่า คมู่ อื ครู คูม่ อื การสอน คูม่ ือการจดั การเรียนรู้เป็นส่ือให้

แนวทางกับครูผู้สอนในการจัดกระบวนการเรยี นรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
หรอื มาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร

ราชบัณฑิตยสถาน (2546 : 256) ได้กล่าวว่า คู่มือ หมายถึง สมุดหรือหนังสือที่ให้ความรู้
เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ต้องการรู้เพื่อให้ประกอบตำรา หรืออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการศึกษาหรือ
การปฏิบัติเรื่องใดเร่อื งหนง่ึ หรือเพือ่ นะนำวิธใี ช้อุปกรณ์อย่างใดอยา่ งหนึ่ง

วนดิ า ฤทธ์เิ จรญิ (2550 : 21) คู่มอื หมายถงึ เอกสาร สิง่ พิมพห์ รอื หนังสือที่แต่งขึ้นอย่างเป็น
ระบบ มีภาพประกอบและแผนภูมิลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ อำนวยความสะดวก และ
เป็นแนวทางให้ผู้ศึกษาเกิดความรูใ้ นเรอื่ งใดเรอ่ื งหน่ึง เพ่ือให้ง่ายตอ่ ความเขา้ ใจ

อภินันทนา แสนทวี (2551 : 55) คู่มือ หมายถึง หนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวปฏิบัติ ให้
ผู้ใช้คู่มอื กระทำกจิ กรรมอย่างใดอยา่ งหนึ่งได้ตรงวัตถปุ ระสงคท์ ่ีได้กำหนดไว้

สุรัสวดี จินดาเนตร (2553 : 24) คู่มือ หมายถึง เอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการ
ปฏิบัติของผู้ใช้ให้สามารถดำเนินกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกันให้มากที่สุด และ
บรรลผุ ลสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย

กิตติกร คัมภีรปรีชา (2555 : 31) ได้กล่าวว่า คู่มือ หมายถึง เอกสารแนะนำวิธีการปฏิบัติใน
กจิ กรรม หรืออุปกรณ์เฉพาะอย่าง เช่น คู่มือการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม
ศกึ ษา คมู่ ือการใชอ้ ุปกรณท์ ดลองเรื่องสงั เคราะห์แสง

16

วัฒนา ฉิมประเสริฐ (2554 : 44) คู่มือ หมายถึง เอกสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการกระทำ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งแก่ผู้ใช้ โดยมุ่งหวังให้ผู้อ่าน หรือผู้ใช้เข้าใจ และสามารถดำเนินการในเรื่องนั้นด้วยตนเอง
อยา่ งถกู ต้อง

อรรถพร จตรุ พฒั นานนท์ (2557 : 41) ได้สรปุ ความหมายของคู่มือไวว้ ่า คู่มือเป็นเอกสาร
หรือตำราที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นแนวทาง หรือแนะนำเทคนิควิธีปฏิบัติกิจกรรมสำหรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้
บรรลตุ ามท่วี างไว้

จากการศึกษาความหมายของคู่มือ สรุปได้ว่า คู่มือ เป็นหนังสือ ตำรา หรือเอกสารที่ผลิต
ข้นึ เพื่อใช้เปน็ แนวทางใหผ้ ู้ศึกษาได้ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมได้สำเร็จบรรลุผล ตามวตั ถุประสงค์ของคู่มือ

1.2 องคป์ ระกอบของคูม่ อื
องค์ประกอบของคู่มือมีนักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับ

คู่มอื ไวด้ ังนี้
กิตติกร คัมภีรปรีชา (2555 : 31) ได้กล่าวว่า องค์ประกอบของคู่มือครูมีแนวทางในการ

เขียน ได้หลากหลายเกณฑ์คุณภาพของคู่มือครูอยู่ที่ผู้อ่านศึกษาแล้วสามารถปฏิบัติได้ครบถ้วนตาม
กระบวนการและบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ได้ดี ส่งิ สำคญั ทีบ่ รรจๆุ ไว้ในคมู่ อื ครู ดังนี้

1. วัตถปุ ระสงคข์ องการใช้คมู่ อื
2. จดุ ประสงค์ในหลกั สูตรทค่ี ูก่ บั การปฏิบตั ใิ นคูม่ อื
3. ขน้ั ตอนหรอื กระบวนการปฏบิ ัติ
4. บทบาทครหู รือกจิ กรรมนักเรยี น
นันท์มนัส รอดทัศนา (2554 : 31) ได้กล่าวว่า องค์ประกอบของคู่มือนั้นจำเป็นต้องให้
ครบถ้วน และชัดเจนทกุ องคป์ ระกอบ เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด ซ่งึ แบ่งออกเป็นสว่ น ๆ ดงั นี้
1. สว่ นของคำช้แี จง
2. ส่วนของเนอื้ หาสาระ
3. ส่วนของกจิ กรรม ขัน้ ตอนวิธกี าร และเวลาดำเนินการ
4. สว่ นของสถานที่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และสือ่ ตา่ ง ๆ
5. ส่วนของขอ้ เสนอแนะ
6. ส่วนของการวดั ผลและประเมินผล
จากองค์ประกอบของคู่มือที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า เป็นขั้นตอน หรือแนวทางในการ
เขียนคู่มือการปฏิบัติงาน ควรประกอบด้วย วัตถุประสงค์ หลักการแนวคิดเนื้อหาสาระ กิจกรรม หรือ
ขน้ั ตอน ในการทำงาน การวดั และประเมินผลตลอดถึงการปรบั ปรงุ คุณภาพของคู่มือ

17

1.3 การประเมินคณุ ภาพของคู่มอื
การประเมินภาพของคู่มือ นักการศึกษาหลายท่าน ได้กล่าวว่า การประเมินคุณภาพของคู่มือ

ไว้ดังนี้
ศรายุทธ วังคะฮาต (ออนไลน์) ได้กล่าวว่า การประเมินสื่อ หรือคู่มือมักจะควบคู่ไปกับ

วิธีการประเมินไปด้วย การประเมินเป็นการพิจารณาประสิทธิภาพ และคุณภาพของสื่อ หรือคู่มือ การ
ประเมินท่นี ยิ มกนั มี 5 วธิ คี ือ

1. การประเมินโดยผู้สอน ผู้ประเมินสื่อควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้คู่มือ หรือส่ือ
การเรยี นการสอนมาเป็นอยา่ งดี

2. การประเมินโดยผู้ชำนาญ ในที่นี้หมายถึง ผู้ชำนาญด้านสื่อสารเรียนการสอน และ
มีประสบการณด์ ้านการประเมนิ ด้วย ดงั นั้นผ้ชู ำนาญอาจเปน็ ผสู้ อนเปน็ อาจารยใ์ นมหาวิทยาลัยท่ีสอน
ในสาขาวิชาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา ทั้งอาจารย์ด้านการวัดผลแระการประเมินผลที่มีความรู้
ความสามารถด้านสอ่ื การเรยี นการสอน เป็นตน้

3. การประเมินโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจ เป็นกลุ่มบุคคลที่หน่วยงานแต่งตั้งขึ้นมา
ประเมนิ สื่อ กรรมการชุดน้จี ะประเมินคุณลักษณะประสิทธภิ าพการใช้และคุณลักษณะด้านอ่ืน ๆ ของสื่อ
การเรยี นการสอนด้วย

4. การประเมินโดยผู้เรียน การให้ผู้เรียนได้มีโอกาสประเมินส่ือ จึงช่วยให้ได้ข้อคิดในการ
ปรับปรงุ ส่ืออย่างเหมาะสมกับผู้เรียน การประเมินสือ่ โดยผู้เรียนควรจัดทำขึน้ ทนั ที เมื่อใช้สือ่ แล้ว การ
ประเมินโดยผเู้ รียนอาจมปี ญั หาอย่บู า้ งในแง่ผูเ้ รียนอาจมีประสบการณน์ อ้ ย ผู้สอนควรชแ้ี จงเกณฑห์ รือ
หัวขอ้ การประเมนิ ให้ผเู้ รียนเข้าใจกอ่ นท่ีจะประเมิน

5. การประเมินประสิทธิภาพของสื่อ การประเมินสื่ออีกวิธีหนึ่งเป็นการประเมิน
ประสทิ ธิภาพของส่ือ การประเมนิ สือ่ โดยวิธีนี้ จะคำนงึ ถงึ จดุ ม่งุ หมายของส่ือการเรยี นการสอน และวัด
ผลสัมฤทธิ์ทางการของผู้เรียนภายหลังจากที่เรียนจากสื่อนั้นแล้ว วิธีประเมินประสิทธิภาพทำได้
2 วธิ ีคือ

5.1 การประเมินโดยอาศัยเกณฑ์ เช่น การประเมนิ ประสิทธิภาพของบทเรียน โปรแกรม
จะเอาเกณฑ์มาตรฐาน 90/90 โดย 90 ตัวแรก หมายถึง คะแนนรวมของผลการสอบของผู้เรียนทั้งหมด
ท่ตี อบถูกโดยนำมารวมกนั เข้าแล้วคดิ เปน็ ร้อยละไม่ตำ่ กวา่ ร้อยละ 90 และตัวหลัง หมายถงึ ข้อสอบแต่ละข้อ
มีผู้เรียนทำถูกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ถ้าข้อใดมีผู้เรียนทำได้ต่ำกว่าร้อยละ 90 ต้องปรับปรุงแก้ไขบทเรียน
โปรแกรมน้นั แลว้ ทำการทดลองซำ้ อกี จนกวา่ จะไดค้ ะแนนถึงเกณฑ์มาตรฐาน 90/90

5.2 การประเมินโดยไม่ได้ตั้งเกณฑ์ไว้ล่วงหน้า เป็นการประเมินประสิทธิภาพ
ของสือ่ ด้วยการเปรยี บเทียบผลการสอบของผูเ้ รียนภายหลังจากทีเ่ รยี นจากส่ือนน้ั แลว้ (Post-test) ว่าสูงกว่า
ผลสอบกอ่ นเรียนอยา่ งมีนัยสำคัญกแ็ สดงวา่ สอื่ น้ันมปี ระสทิ ธิภาพ

18

กิตติกร คัมภีรปรีชา (2555 : 34) ได้กล่าวว่า สาระสำคัญของการประเมินคุณภาพ และ
ประสิทธิภาพของนวัตกรรม หรือคู่มือ หลังจากครูผู้สอนกำหนดวิธีการ หรือ สร้างนวัตกรรมที่ใช้
ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนาแล้วดำเนินการหาคุณภาพ หรือประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง เช่น นำไปให้
เพ่อื นครู ศกึ ษานเิ ทศก์ หรือ นกั วิชาการทเ่ี กีย่ วข้องให้ความคิดเห็น เพื่อนำขอ้ คิดเหน็ มาปรับปรุงแก้ไขหรือ
วิธีการอื่นแล้วแต่กรณี เพื่อเตรียมนำไปใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาต่อไป และหลังจากนำวิธีการ หรือ
นวตั กรรมไปใช้แล้ว เพ่อื เป็นการศึกษาว่าปัญหา หรอื ส่ิงทเี่ ราต้องการพัฒนาได้ผลตามคาดหวังหรือไม่ต้อง
เก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ และสรุปผล โดยเฉพาะความถูกต้องด้านเนื้อหา ความเที่ยงตรงและ
ครอบคลุมเนื้อหาตามจุดมุ่งหมาย ตลอดจนภาษาถ้อยคำ รูปภาพและขั้นตอนที่กำหนดขึ้น ควรเหมาะสม
กับนักเรียน หรือครู และครูหาประสิทธิภาพของคู่มือได้โดย ตรวจสอบด้านเนื้อหา และรูปแบบของคู่มือ
โดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 5 คน ตรวจสอบความเห็นสอดคล้องกัน 3 ถึง 5 คน แสดงว่า
เนอ้ื หารูปแบบมีความถูกต้องเท่ียงตรง และครอบคลุม

สรุปได้ว่า การประเมินประสิทธิภาพคู่มือเป็นการตรวจสอบคู่มือว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่
ก่อนการนำไปใช้จริง โดยให้ผูเ้ ชี่ยวชาญที่เป็นผู้พิจารณาลงความเห็น ความถูกต้องดา้ นเนือ้ หาความเท่ยี งตรง
แล้วนำไปทดลองใช้ และหาประสิทธภิ าพคู่มือ

2. หลกั การ และแนวคิด เกย่ี วกบั การนเิ ทศภายในโรงเรียน

2.1 ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรยี น
มีนักการศกึ ษาหลายทา่ น ไดใ้ ห้ความหมายของการนเิ ทศภายในโรงเรียน ไว้ดังน้ี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (2555 : 7) กล่าวถึง การนิเทศภายใน

โรงเรียน หมายถึง กระบวนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทุกคนในโรงเรียน เพื่อการแก้ไข
ปรับปรุง และพัฒนางานในวชิ าชพี ครูให้มปี ระสิทธิภาพ และประสิทธิผล ส่งผลให้นกั เรยี นได้รับการพัฒนา
ใหม้ ีคณุ ภาพตามเป้าหมายการศึกษาที่กำหนด และมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงขนึ้

วัชรา เล่าเรียนดี (2556 : 109) กล่าวว่าการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง กระบวนการ
นิเทศการศึกษาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาการเรียนการสอน ที่จัดดำเนนิ การในโรงเรียน โดยบุคลากร
ในโรงเรียนเปน็ หลัก ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง กับการศึกษา
ในโรงเรียน โดยมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือพฒั นาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนโดยตรง

อรรถพร จตุรพัฒนานันท์ (2557 : 5) กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง
กระบวนการดำเนินงานร่วมกันของผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อแก้ไขปรับปรุงพัฒนา
คุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลส่งผลให้นักเรียนได้รับการ
พัฒนาให้มีคณุ ภาพตามเป้าหมายการศึกษาทก่ี ำหนด

19

จากความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียนในข้างต้น กล่าวโดยสรุปได้ว่า การนิเทศ
ภายในโรงเรียน หมายถึง การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในการส่งเสริม
สนับสนุน การดำเนินงานในโรงเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือครูในโรงเรียนได้ปรับปรุงและ
พัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มปี ระสิทธิภาพเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ
และบรรลุผลตามจดุ หมายของหลักสูตรสถานศึกษา

2.2 ความสำคัญ และความจำเปน็ ของการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
กรองทอง จริ เดชากุล (2550 : 4) ได้กล่าวถงึ ความจำเป็นของการนิเทศภายในไว้ ดังน้ี
1. เพือ่ ปรับปรงุ คุณภาพของการจดั การศกึ ษา ให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน
2. ปริมาณศกึ ษานิเทศก์ไมเ่ พียงพอกบั ความต้องการของครู และสถานศึกษา
3. บุคลากรภายในโรงเรียน มีความรู้ความสามารถมีความคุ้นเคย และใกล้ชิดปัญหามาก

ทีส่ ุด
4. บรรยากาศในการนิเทศมีความเป็นกันเอง และสามารถปฏิบัติงานนิเทศได้อย่าง

ต่อเนอ่ื ง
อรรถพร จตุรพัฒนานันท์ (2557 : 25) กล่าวว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีความจำเป็น

อย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาชองโรงเรียน ทั้งนี้ เพราะการนิเทศจากบุคคลภายนอก หรือ
ศึกษานิเทศก์ไมส่ ามารถทำการนิเทศการสอนของครูได้อย่างท่ัวถึง เนือ่ งจากข้อจำกัดหลายประการ เช่น
สภาพโรงเรียนมคี วามแตกต่างกนั จำนวนศกึ ษานิเทศก์มีจำนวนน้อย ดงั น้นั การนเิ ทศภายในโรงเรียน ซ่ึง
เกิดความร่วมมือของบุคลากรภายในโรงเรียน มีการดำเนินการได้อย่างรวดเร็วตรงตามสภาพปัญหา และ
ความตอ้ ง ถือว่าเปน็ การนเิ ทศที่ดีที่สุด

จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น กล่าวสรุปได้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีความจำเป็นเพราะ
ผลการนิเทศภายในจะทำให้โรงเรียนทราบถึงปัญหา อุปสรรค ความจำเป็น หรือจุดที่ต้องพัฒนา ได้ดีกว่า
บุคคลภายนอก ซึง่ จะทำให้การแกป้ ัญหาต่าง ๆ สามารถแก้ไขไดถ้ ูกจุด

2.3 จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรยี น
การนิเทศภายในโรงเรยี น เป็นเร่อื งเกีย่ วขอ้ งกบั การเปล่ียนแปลง และการพัฒนาบคุ คล ผนู้ ิเทศ

จึงจำเป็นต้องเข้าใจในจุดมุ่งหมายในการดำเนินงาน เพราะจุดมุ่งหมายจะช่วยใหผ้ ู้ปฏิบตั ิงานสามารถ
มองเห็นแนวทางในการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้การนิเทศบรรลุผล มีนักการศึกษาได้แสดงความคิดเห็น
เกย่ี วกับจุดมุ่งหมายการนเิ ทศภายในโรงเรยี น ไว้ดังน้ี

20

กรองทอง จิรเดชากุล (2550 : 3) ได้กล่าวถึง จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน
ไว้ดงั นี้

1. จุดม่งุ หมายทั่วไป
1.1 เพื่อให้ผู้บริหาร และคณะกรรมการนิเทศของโรงเรียนมีความรู้ความเข้าใจ และ

ปฏบิ ัติการนิเทศภายในโรงเรยี นได้
1.2 เพื่อพัฒนาความสามารถของครู
1.3 เพื่อช่วยเหลือ และจัดสรรเครื่องมือ สื่อการเรียนรู้ ตลอดจนช่วยเหลือ และ

ปรบั ปรงุ การเรยี นรู้
1.4 เพื่อใหค้ รูเกิดความงอกงามทางวชิ าชพี

2. จุดมุ่งหมายเฉพาะ
2.1 เพอ่ื ใหโ้ รงเรียนมีแผนนเิ ทศภายในโรงเรียน
2.2 เพอ่ื เนน้ ใหม้ ีการวเิ คราะห์ ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา และในกลุม่ สาระการเรียนรู้

ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
2.3 เพื่อให้ครจู ดั การเรยี นการสอนตามแนวปฏริ ปู การเรยี นรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

การบูรณาการเนน้ ทักษะกระบวนการคิด ฯลฯ
2.4 เพื่อปรบั ปรุง และพฒั นากระบวนการ วธิ ีการจดั การเรียนรู้
2.5 เพื่อใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมเสรมิ การเรียนร้ไู ด้อย่างเหมาะสม
2.6 เพือ่ พฒั นาการใชส้ ่อื และแหลง่ เรยี นรู้
2.7 เพื่อให้มีการวัด และประเมินผลตามสภาพจริง และปรับปรุงการะบวนการวัด

และประเมินผลให้มปี ระสิทธิภาพสงู ข้ึน
อารมณ์ ฉนวนจิตร (2551 : 16-28) ได้กล่าวถึง จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายใน

สถานศกึ ษาไว้ ดังนี้
1. เพอ่ื ชว่ ยเหลือครใู หเ้ ข้าใจเดก็ ดีข้ึน
2. เพ่อื ช่วยพัฒนาครูให้เกิดความรูส้ กึ ว่าตนเปน็ ส่วนหนึ่งของหมูค่ ณะ เป็นทีย่ อมรับของ

ผู้บังคบั บญั ชา และเพอื่ นรว่ มงาน
3. เพื่อช่วยครูในการจัดหา และเลือกสื่อวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ประกอบการเรียน

การสอนเพ่ือใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพตอ่ การสอน
4. เพ่ือช่วยครูปรับปรุงการเรยี นการสอนให้ดขี ้นึ
5. เพื่อสร้างลักษณะการเป็นผู้นำให้แก่ครู โดยการนำเอาความรู้ความสามารถพิเศษ

และประสบการณข์ องเขามาใช้ใหเ้ ป็นประโยชน์ สามารถแนะนำให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารได้
6. เพอื่ ช่วยให้ครูรู้จกั การประเมินผลการเรียนของเด็กอย่างมีประสิทธภิ าพ

21

7. เพอ่ื กระต้นุ ให้ครูรู้จักการประเมนิ ผลงานของตนเอง
8. เพื่อช่วยให้ครูมีความรู้สึกว่าได้รับผลสำเร็จ มีความอบอุ่นใจ ปลอดภัย และมีความ
เชือ่ ม่ันในตนเอง
9. เพื่อกระตุ้นให้ครูร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตร หรือเพื่อปรับปรุงเนื้อหาของหลักสูตร
ใหเ้ หมาะสมกบั ท้องถนิ่
10. ช่วยเผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนช่วย
ใหช้ มุ ชนเขา้ ถึงแผนการศกึ ษาของโรงเรยี น ปญั หาของโรงเรยี น และนกั เรียน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (2555 : 8) ได้กล่าวถึง การนิเทศภายใน
โรงเรียนมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือ ประสานงานให้บุคลากรในโรงเรียนได้ปรับปรุงตนเอง ทั้งด้านการ
สอน บุคลิกภาพ สร้างขวัญและกำลังใจ ความพึงพอในในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนของนกั เรยี น และการรกั ษาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรยี น ตลอดจนการพัฒนาวชิ าชีพครูให้มี
ความก้าวหนา้ มากยง่ิ ขึ้น
อรรถพร จตุรพัฒนานันท์ (2557 : 10) ได้กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียนมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อปรับปรุงพัฒนาความสามารถของครู ซึ่งได้แก่ ความรู้ ทักษะ และเจตคติของครูผู้สอน ในด้านการ
พัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้สามารถแก้ปัญหา และจัดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียน ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ โดยการที่ผู้นิเทศดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้แก่ครูได้มีการพัฒนาตนเอง และ ให้
กำลังใจอยา่ งต่อเน่ือง
สเปียร์ (Spears, 1967 : 10) กลา่ วว่า การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นกระบวนการท่ีทำให้เกิด
การปรับปรุงการเรียนการสอนของครู โดยการทำงานกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังเป็นกระบวนการ
กระต้นุ ความเจริญกา้ วหน้าของครู และม่งุ หวงั ท่จี ะชว่ ยเหลือครูเพื่อให้สามารถชว่ ยเหลือตนเองได้
กู๊ด (Good, 1973 : 572) ได้กล่าวถึง จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาภายในสถานศึกษา
ไว้ว่า เพื่อช่วยเหลือครูในการปรับปรุงการเรียนการสอนซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดความเจริญงอกงาม
ในวิชาชีพ สร้างสรรค์กำลังใจแก่บุคลาการเพื่อการพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามความมุ่งหมาย
ของการจัดการศกึ ษา
โกล แฮมเมอร์ และคณะ (Gold Hammer and Others, 1980 : 13) ได้กล่าวถึงการ
นิเทศภายในโรงเรียนว่า การนิเทศเป็นลักษณะงานที่มอบหมายให้ครู หรือผู้นิเทศที่จะกระตุ้นให้ครู
หรือครูแนะนำในโรงเรียนได้มีการพัฒนาโดยนำวิธีการสอน สื่อการสอนมาใช้โดยเน้นถึงในการ
ติดต่อสื่อสารที่จะช่วยเหลือครูในการแก้ปัญหา ช่วยเหลือครูตลอดจนสร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างครู
และนักเรียน

22

กล่าวโดยสรุป การนิเทศภายในโรงเรียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ครูผู้สอน
สามารถปรับปรุงกิจกรรมการเรียนการสอนของตนให้มีประสิทธิภาพ ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาของโรงเรียน โดยทำงานร่วมกันเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยกระบวนการอาศัย
ความร่วมมือจากทุกฝ่าย และทุกคนในโรงเรียน ยอมรับซึ่งกัน และกันทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันให้การจัด
การศึกษา มีประสิทธิภาพ และให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีคุณภาพตามมาตรฐาน
การศึกษา

2.4 หลกั การนิเทศภายในโรงเรยี น
การนิเทศการศึกษานั้นผู้ที่มีหน้าที่ในการนิเทศภายในโรงเรียน จำเป็นต้องมีหลักการ

เพือ่ เป็นแนวทางในการดำเนนิ งาน ซ่ึงมนี ักการศกึ ษาไดก้ ล่าวถึงหลักการนเิ ทศภายในโรงเรยี นไวด้ งั น้ี
วัชรี เล่าเรียนดี (2553 : 116 - 117) กล่าวถึงหลักการสำคัญของการนิเทศภายใน

สถานศกึ ษา ดังนี้
1. การใหค้ วามร่วมมือรว่ มใจสอน
2. การสร้างความผกู พันตอ่ ภาระหนา้ ท่ี ด้วยความเต็มใจของบุคลากรในโรงเรยี น และครู
3. การประสานสัมพันธท์ ด่ี ีต่อกนั
4. การประสานกันทุกฝ่าย
5. เปน็ ประชาธิปไตย
6. การยึดความแตกต่างของมนุษย์ และพัฒนาการของมนุษย์แต่ละวยั
7. การมเี ป้าหมายเดียวกัน คอื คุณภาพการศึกษาของผเู้ รียน

ดังน้นั ผนู้ เิ ทศจงึ ตอ้ งยึดหลักการนิเทศ ดังตอ่ ไปนี้
1. ผู้นิเทศต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการนเิ ทศอย่างถูกต้อง ตรงประเด็น มรี ะบบ และ

ขนั้ ตอนทชี่ ดั เจนในกระบวนการนิเทศ
2. กระบวนการนิเทศที่เกิดขึ้นต้องเกิดจากความร่วมมือของคณะครูทุกคนที่ปฏิบัติหน้าท่ี

อยู่ในโรงเรียน และการนเิ ทศ
3. ต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนของครู และการนิเทศการศึกษา

ควรมีการบริหารเป็นกระบวนการเชิงระบบ มีการวางแผนการดำเนินงาน มีขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
ถือหลักการมีส่วนร่วมในการทำงานมีความเป็นประชาธิปไตย มีการดำเนินงานอย่างสร้างสรรค์ มีการ
แก้ปัญหาท่เี กดิ ขึ้นจากการเรียนการสอน

4. สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น สร้างความผูกพัน และความมั่นคงต่องาน
อาชีพ รวมทั้งพัฒนา และส่งเสริมวิชาชีพครูให้มีความรู้สึกภาคภูมิใจในวิชาชีพของตนเอง พร้อมที่จะรับ
การพฒั นาอย่างต่อเนื่อง

23

สำนักงาน กศน. (2553 : 4) กลา่ ว่า การนเิ ทศภายในสถานศึกษา มหี ลกั การดงั น้ี
1. ดำเนินการนิเทศภายในโดยยึดความถูกต้องตามหลักวิชาการ การนิเทศจะต้อง
ดำเนนิ การตามกระบวนการอย่างเป็นระบบ เปน็ ข้นั เปน็ ตอนอย่างต่อเน่ือง สามารถตรวจสอบเปรียบเทียบ
กบั เกณฑท์ กี่ ำหนดไว้
2. เป็นกระบวนการพัฒนาและส่งเสริมให้ครูและผู้เกี่ยวข้องทุกคนมีส่วนร่วมในการระดม
ความคดิ เห็น รว่ มปฏบิ ตั ิ และร่วมรับผิดชอบ เพ่อื พฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาให้มปี ระสิทธิภาพย่ิงขึ้น
สรา้ งความเช่อื มนั่ ใหม้ ีทัศนคติและอุดมการณ์ในการสอน
3. มคี วามเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพสิ ูจน์ได้ถึงเหตุและผล รวมท้ังขอ้ เท็จจริงต่าง ๆ มีการ
เก็บรวบรวมข้อมลู และรองรบั ด้วยข้อมูลสารสนเทศ มกี ารสรุปผล สามารถอ้างอิงได้และมคี วามน่าเชื่อถือ
4. มีความยืดหยุ่น สามารถที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการ วิธีการนิเทศให้
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพือ่ ให้การดำเนนิ งานไปสเู่ ป้าหมายทตี่ ั้งไว้มากที่สุด
5. เปน็ กิจกรรมทเ่ี คารพในความแตกต่างระหว่างบุคคลของผรู้ บั การนิเทศ
6. เปน็ กิจกรรมท่ีดงึ ศักยภาพของผูร้ บั กรนิเทศมาใช้และให้การยกย่อง
7. กจิ กรรมการนิเทศตรงกับความต้องการจำเป็นในการพฒั นาครู
8. จัดสภาพแวดล้อมและแหล่งวิทยาการให้เอื้อต่อการทำงาน ตลอดจนบรรยากาศที่เป็น
กนั เองมกี ระบวนการทำงานเป็นทีม
9. มนษุ ยสมั พนั ธท์ ี่ดีท่ีจะสร้างความคุ้นเคย และเสริมสร้างขวัญกำลงั ใจแก่ครู
ไวลส์ (Wiles, 1985 : 53) ได้เสนอหลักการนิเทศซึ่งเหมาะสำหรับการนิเทศภายในโรงเรียน
ไว้ ดังน้ี
1. ใหค้ วามสำคัญกับครูทุกคน และทำให้เห็นว่าต้องการความชว่ ยเหลือจากเขา
2. แผนงาน หรือความเจริญก้าวหน้าเปน็ ผลจากการทำงานเป็นคณะ
3. หาโอกาสพบปะสังสรรค์เป็นกันเองกับครูอย่างสม่ำเสมอได้
4. เปิดโอกาสใหค้ รูแสดงความคิดเห็น และสง่ เสรมิ ให้มีความคิดริเร่ิม
5. เป็นมิตรไมตรกี บั บคุ คลทัว่ ไป
6. ปรกึ ษากบั หมู่คณะเก่ียวกับการเปลย่ี นแปลงอันจะพึงมี
7. พิจารณาสภาพที่เป็นปัญหาโดยซักถาม สัมภาษณ์ หรือให้คณะครูเสนอปัญหาที่อยู่
ในความสนใจรว่ มกัน
8. ผูน้ ิเทศควรกระตือรือร้นมชี วี ติ ชวี า
9. บทบาทหลักของผนู้ ิเทศ คือ การประสานงาน และช่วยเหลอื ทางวชิ าการ
จากแนวคิดข้างต้น สรุปได้ว่า หลักการนิเทศ คือ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการนิเทศภายใน
โรงเรียน อาศัยความร่วมมือกันโดยใช้กระบวนการกลุ่ม ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน

24

จัดทำโดยผูบ้ ริหารโรงเรียน ครูผสู้ อน และผู้สนบั สนนุ ทเี่ กยี่ วข้อง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแบ่งงานกันทำ
การเคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล การวางแผนการนิเทศ การนิเทศด้วยความยืดหยุ่น ยึดความ
ต้องการของครูเป็นหลัก และครูสามารถนำประโยชน์ที่ได้รับจากการนิเทศมาสร้างผลงานได้อย่างเป็น
รูปธรรม โดยมีวตั ถุประสงคท์ ช่ี ดั เจน

2.5 กระบวนการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน มีนักการศึกษาด้านการนิเทศการศึกษา ได้กล่าวถึง

กระบวนการนเิ ทศการศึกษาภายในโรงเรยี นทสี่ ำคัญ ๆ ไวด้ ังน้ี
กระทรวงศึกษาธิการ (2543 : 137) ได้จัดลำดับขั้นตอนกระบวนการนิเทศภายในอย่างเป็น

ระบบ 5 ขนั้ ตอนคอื
1. การวางแผนการนิเทศ (Planning)
2. การสร้างความเขา้ ใจและการเตรยี มการนเิ ทศ (Informing)
3. การปฏบิ ัตกิ ารนิเทศ (Doing)
4. การสรา้ งขวัญและกำลงั ใจ (Reinforcing)
5. การประเมนิ ผลการนิเทศ (Evaluating)
วัชรา เล่าเรียนดี (2553 : 226) ได้นำเสนอกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนที่เป็นการ

ปรับปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี นการสอนในช้นั เรยี นโดยตรง ดงั นี้
1. วางแผนรว่ มกันระหว่างผนู้ ิเทศ และผรู้ บั การนิเทศ
2. เลอื กประเดน็ หรือเรื่องท่สี นใจจะปรบั ปรุงพัฒนา
3. นำเสนอโครงการพัฒนาละขั้นตอนการปฏิบัติให้ผู้บริหารโรงเรียนได้รับทราบเพ่ือ

อนุมตั กิ ารดำเนินการ
4. ให้ความรู้ หรือแสวงหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับ

เทคนคิ การสังเกตการสอน ความรเู้ กีย่ วกบั วธิ สี อน และนวัตกรรมใหม่ ๆ ท่ีนา่ สนใจ
5. จดั ทำแผนการนเิ ทศ กำหนดวัน เวลา ท่จี ะสังเกตการสอน ประชุมปรกึ ษาหารือ เพื่อ

แลกเปลยี่ นความคดิ เห็น และประสบการณ์
6. ดำเนนิ การตามแผนโดยครู และผู้นิเทศ (แผนจัดกาเรยี นรู้ และแผนนเิ ทศ)
7. สรปุ และประเมินผลการปรบั ปรุง พัฒนา และรายงานผล
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2545 : 6–17) ไดใ้ ชก้ ระบวนการ

เชิงระบบที่ทำให้การนิเทศบรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อผลลัพธ์ที่กำหนด
อยู่บนพื้นฐานหลักการความตอ้ งการเป็นรูปแบบหน่ึงของการแกป้ ัญหาเชิงตรรกวิทยา ซึ่งประกอบด้วย สิ่งท่ี

25

ป้อนเข้าไป (Input) กระบวนการ หรือการดำเนินงาน (Process) ผลผลิต หรือการประเมินผล
(Output) ในการดำเนนิ งานนิเทศภายใน ดังนี้

สิ่งที่ป้อนเข้า (Input) เป็นขั้นตอนการเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ใน
กระบวนการนเิ ทศภายใน ดงั น้ี

1. กำหนดเกณฑ์ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยวิธีวิเคราะห์ตีความตาม
นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดตามลำดับ กำหนดเกณฑ์ (ระดับ) ของพฤติกรรมขั้นต่ำที่บรรลุ
เป้าหมาย

2. สภาพปัจจุบนั อาจสรุปจากข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ผลการเรยี น หรือโดยการสร้างเครื่องมือวดั
ตามประเดน็ และนำมากำหนดเป็นเกณฑ์ เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากกลุม่ ตวั อย่างต่าง ๆ ทเ่ี หมาะสม

3. ประเมินสภาพความต้องการจำเป็นของสถานศึกษา โดยเปรียบเทียบข้อมูล
สถานศกึ ษากับเกณฑ์จัดลำดบั ความสำคญั ของปัญหา และวเิ คราะหส์ าเหตุของปญั หา

4. กำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาโดยศึกษาจากแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ศึกษาข้อจำกัด
ต่าง ๆ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย (นโยบายระดับสถานศึกษา) ทั้งดา้ นคณุ ภาพ/ดา้ นปรมิ าณ

5. วางแผนการแก้ปญั หา (หาทางเลอื ก) ศึกษาสภาพปญั หา และศึกษาวธิ กี ารแก้ปัญหา
จากแหล่งต่าง ๆ เช่น จากเอกสารการศึกษาดูงาน การเชิญวิทยากร การเชิญผู้เชี่ยวชาญ หรือการ
ระดมสมอง เพื่อหาทางเลือกและประเมินทางเลือกโดยพิจารณาจากทรัพยากร และข้อจำกัดต่าง ๆ
และเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่น การวิจัย ผลิตสื่อการจัดอบรมให้กำหนดกิจกรรม และทำ
แผนปฏบิ ัตกิ าร (เขียนโครงการ)

กระบวนการหรือการดำเนินงาน (Process) เปน็ การนำเอาสิ่งท่ปี ้อนเข้าไปมาจัดกระทำ
เพื่อให้เกิดผลบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และดำเนินการตามแผน โดยการประชุมคณะทำงาน
ดำเนินการนิเทศตามแผน ติดตามและประเมนิ ตามแผนท่ไี ดด้ ำเนนิ การ

ผลผลิตหรือการประเมิน (Output) เป็นผลที่ได้จากการกระทำในขั้นที่สอง เป็นสภาพ
การดำเนินงานของสถานศึกษาทั้งเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ สภาพปัญหา และแนวทางการพัฒนา
ปรบั ปรงุ ให้มคี ุณภาพ

แฮริส (Harriss, 1985 : 25–26) ได้สรุปกระบวนการนิเทศภายใน ซึ่งนำมาจากแนวคิด
เกี่ยวกับกระบวนการบริหารของแอลเลน (Allen) และลูมิส (Loomis) กระบวนการนิเทศภายใน
ดังกล่าวมชี ่ือเรยี นโดยยอ่ วา่ POLCA ประกอบด้วยขัน้ ตอน ดงั น้ี

1. Planning Processes หมายถึง การวางแผนในการปฏิบัติงาน โดยคิดว่าจะทำ
อย่างไร กำหนดจุดมุ่งหมายของงาน พัฒนาวิธีดำเนินการ กำหนดงานที่จะดำเนินการ และคาดคะเน
ถึงผลทีจ่ ะไดร้ ับจากโครงการและวางโครงการ

26

2. Organizing Processes หมายถึง การจัดการโครงสร้างของการดำเนินงานโครงสร้าง
หลักเกณฑ์ในการทำงาน จัดหาทรัพยากรที่จะใช้ในการดำเนินการ โดยสร้ างเกณฑ์ในการทำงาน
สรา้ งความสัมพนั ธ์ของงาน แบ่งงานโดยการกำหนดหน้าท่ีในการปฏิบัติงาน มกี ารประสานงาน มอบหมาย
อำนาจใหต้ ามหนา้ ท่ีและวางโครงการของหน่วยงาน และพฒั นานโยบายต่าง ๆ

3. Leading Processes หมายถึง บทบาทในฐานะผู้นำโดยการดำเนินการ การวินิจฉัย
สั่งการ การคัดเลือกตัวบุคลากร กระตุ้นให้บุคลากรทำงาน ลงมือปฏิบัติงาน การสาธิตการปฏิบัติงาน
การให้คำปรึกษาช่วยเหลือ การติดต่อสื่อสาร การให้กำลังใจ การให้คำแนะนำให้มีความก้าวหน้าในการ
ปฏิบัติงาน ให้ความเขา้ ใจในการปฏิบัติงาน แสดงและอธิบายเก่ียวกับการปฏบิ ัติงาน

4. Controlling Processes หมายถึง การควบคุมการปฏิบัติงาน ดำเนินงานโดย
การพิจารณามอบหมายงาน ให้ความสะดวกในด้านต่าง ๆ พิจารณาลงโทษ มีการแก้ไขทันที เมื่อ
งานผิดพลาด การให้บุคลากรออกจากงาน และการตักเตือน การกำหนดระเบียบในการปฏิบัติงาน

5. Assessing Processes หมายถึง การตรวจสอบผลการปฏิบัติงานโดยการประเมินผล
การปฏิบตั ิงาน วัดผลการปฏิบัตงิ าน และวนิ ิจฉัยการปฏบิ ตั งิ าน

ฮอย และฟอริร์ซิส (Hoy & Forsyth, 1986 : 5 : อ้างอิงใน ไพโรจน์ กลิ่นกุหลาบ, 2542 :
50) ได้กล่าวถึง กระบวนการนิเทศแบบวงจรวินิจฉัย (Diagnostic Cycle) ว่าวงจรนี้จะเริ่มโดยการมองหา
การดำเนินการนิเทศเหมือนกับกระบวนการในการแก้ปัญหา โดยเริ่มจากการปรับปรุงบริบทของโรงเรียน
แล้วปรบั ปรงุ การปฏิบัตกิ ารในห้องเรยี น ประกอบด้วยข้ันตอนที่สำคญั 5 ขัน้ ตอน ดังน้ี

1. ขั้นตอนที่ 1 ระบุความแตกต่างของสภาพความเป็นจริงกับสภาพที่พึงประสงค์ให้มาก
ที่สุด

2. ขั้นตอนที่ 2 วินจิ ฉัยสาเหตขุ องปัญหา
3. ขั้นตอนที่ 3 พัฒนาแผนปฏิบัติการ และพัฒนากลยุทธ์ในการปฏิบัติโดยกำหนด
ทางเลือกวเิ คราะห์ทางเลือก แลว้ เลอื กทางเลือกทเ่ี หมาะสมท่ีสุด
4. ขนั้ ตอนท่ี 4 ดำเนนิ การตามแผนปฏบิ ัติการ
5. ขั้นตอนท่ี 5 ประเมินแบบปฏิบตั ิการ โดยใชข้ ้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการดำเนินการตามแผน
หน่วยศึกษานิเทศก์ (2562 : 9–11) ได้กล่าวถึง กระบวนการนิเทศการศึกษา เป็น
กระบวนการที่ทำให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุง กระบวนการเรียนการสอนของครู โดยมุ่งให้เกิดการ
จัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพส่งผลถึงคุณภาพของผู้เรียน กระบวนการนิเทศการศึกษาช่วยทำให้เกิด
การพัฒนาคน พัฒนางาน สร้างการประสานสัมพันธ์ และขวัญกำลังใจ ซึ่งต้องดำเนินงานให้ประสาน
สมั พันธ์กบั กระบวนการอ่นื ในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมาย ทำใหเ้ กิดการพัฒนาท่ี
ยั่งยืนถาวร ดังท่ี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน

27

พื้นฐาน, 2549 : 52) กล่าวว่า “การจัดการที่ดีเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร การนิเทศที่ดี
นำไปสูก่ ารจัดการที่ดี”

นอกจากนั้นกระบวนการนิเทศการศึกษา ในระดับสถานศึกษา คือ การนิเทศภายใน
โรงเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการสนับสนุนการเรียนการสอนภายในโรงเรียน ให้ดำเนินไปอย่างมี
ประสิทธิภาพของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหารสถานศึกษาต้อง
ดำเนินการให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและครูได้ปรับปรุงคุณภาพของโรงเรียนว่า โรงเรียนสามารถบริการ
จัดการภายในโรงเรียนจนถึงเป้าหมายสุดท้าย คือ คุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานหลักสูตร และเป้าหมาย
ทีต่ ้ังไว้ ดว้ ยการกำหนดกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนไว้ 5 ขนั้ ตอน ดงั นี้

ขั้นที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการ เป็นการกำหนดปัญหาและความ
ต้องการ ในการแกป้ ญั หา หรอื พฒั นา ดงั น้ี

1.1 การจัดทำข้อมลู สารสนเทศพ้ืนฐาน เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาวางแผนการ
ดำเนนิ งาน

1.2 การแลกเปลี่ยนระดมความคิด วิเคราะห์เพื่อหาสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และ
ความต้องการในการพัฒนาตามบรบิ ทของหน่วยงาน

1.3 การจัดลำดับปัญหา และเลอื กปัญหาที่เป็นความจำเป็น หรือตอ้ งการในลำดับ
เรง่ ด่วน หรือลำดับทเี่ ห็นว่าสำคัญทสี่ ุด

1.4 การสร้างการรับรู้ระหว่างผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การ
ประชมุ การสมั มนา ฯลฯ เพ่อื สรา้ งวสิ ยั ทัศน์ หรอื สร้างเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินงาน

ข้ันท่ี 2 การวางแผนการนิเทศ เปน็ การนำปญั หาและความต้องการ กำหนดรายละเอียดของ
กิจกรรมในการจัดทำแผนนเิ ทศ ดังนี้

2.1 กำหนดแนวทาง/วิธีการการพัฒนาที่หลากหลายตามปัญหาที่เกิดขึ้น ตามความ
ต้องการและจำเป็น มีการใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (Professional Learning Community
: PLC) และการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครูและการ
พัฒนาผเู้ รียนอยา่ งเป็นระบบและต่อเน่ือง

2.2 เลือกแนวทาง/วิธีการในการพัฒนาโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่
เกี่ยวข้อง

2.3 วางแผนการดำเนินงานพัฒนา
2.3.1 การประชุมเตรียมการนิเทศ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
2.3.2 สร้างคณะนิเทศ เป็นทีมงานในการนิเทศร่วมกัน
2.3.3 กำหนดประเด็นการนเิ ทศ เปน็ การกำหนดเน้ือหาทจ่ี ะนิเทศ

28

2.3.4 กำหนดระยะเวลาในการนิเทศ โดยกำหนดระยะเวลาในการนิเทศท่ี
เหมาะสมกับการแกป้ ัญหาและการพัฒนา

2.3.5 กำหนดวิธีการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศที่เหมาะสมตามสภาพ
ปัญหาและความต้องการ เช่น การประชุมสัมมนา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสังเกตชั้นเรียน การสาธิต
การบันทึกวิดีโอ และการถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ การโค้ชชิ่ง และการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching &
Mentoring) โดยเนน้ การใช้ ICT ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ
Conference การใช้ Video Line You Tube Facebook Live เป็นตน้

2.4 จัดทำแผนนิเทศ ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย
แผนการดำเนินการ กิจกรรมสำคัญ ปฏิทินการปฏิบัติงาน ทรัพยากรที่ต้องการ เครื่องมือนิเทศ ผลที่คาด
วา่ จะไดร้ บั

ขั้นที่ 3 การสร้างสื่อและเครื่องมือนิเทศ สื่อและเครื่องมือนิเทศเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การ
นิเทศ มีประสิทธภิ าพบรรลวุ ัตถุประสงค์ และเปน็ สงิ่ ทจ่ี ะช่วยเก็บรายละเอยี ดทีผ่ รู้ บั การนิเทศไม่สามารถ
แสดงออกมาได้ และสามารถเก็บข้อมลู นำมาเปรียบเทียบผลทเี่ กิดข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางในการพฒั นา และ
สิง่ ทที่ ำให้มีความเข้าใจตรงกันระหว่างผนู้ เิ ทศและผู้รบั การนเิ ทศ

3.1 สร้างสื่อการนิเทศที่ทำให้การนิเทศบรรลุวัตถุประสงค์ เช่น วิธีการนิเทศ
ทกั ษะการนิเทศ เทคนิคการนิเทศ โดยเป็นสอื่ ทีส่ อดคล้องในยุคศตวรรษท่ี 21 เนน้ การใช้ ICT ในรูปแบบ
ต่าง ๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ Conference การใช้ Video Line You
Tube Facebook Live เป็นต้น

3.2 สร้างเครื่องมือการนิเทศเพื่อเก็บข้อมูลเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและ
พัฒนาตรวจสอบ ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงาน ซึ่งเป็น
เครื่องมือ ทม่ี ีคณุ ภาพ ใช้งา่ ย สามารถเก็บข้อมูลท่ีตอบประเด็นปัญหาความต้องการ และเป็นประโยชน์ใน
การแก้ปัญหาปรับปรงุ และพัฒนาคุณภาพการศึกษา

ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ ดำเนินการนิเทศตามวิธีการการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศ
ท่ีกำหนด

4.1 ประชุมเตรียมการก่อนการนิเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจของผู้นิเทศ ให้การ
นิเทศเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ

4.2 นิเทศตามข้ันตอน ระยะเวลา และใชเ้ คร่อื งมือตามท่ีกำหนด
4.3 การสะทอ้ นผลการนิเทศ
4.4 ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนนิ งาน
ข้ันท่ี 5 การประเมนิ ผลและรายงานผล

29

5.1 ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงาน เช่น การดำเนินงานของผู้รับการ
นเิ ทศ เพอ่ื นำผลไปปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน

5.2 ประเมินผลการนเิ ทศเมือเสร็จการปฏิบตั ิการนิเทศตามระยะเวลาที่ต้องการใน
การนำผลไปใช้ในการพัฒนา หรอื ในแต่ละปีการศึกษา

5.3 รายงานผลการนิเทศต่อผู้เก่ียวข้อง
5.4 นำผลการนิเทศที่เป็นปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะไปพัฒนาการนิเทศใน
คร้ังต่อไป หรอื ในปีการศึกษาต่อไป
จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น สรุปไดว้ า่ กระบวนการนิเทศภายในเป็นแนวทางการทำงาน
ที่เป็นขั้นตอนอย่างมีระบบ และต่อเนื่องในการบริหารงานของผู้บริหาร และผู้ที่ทำหน้าที่นิเทศเพื่อ
พัฒนาบคุ ลากรให้มศี ักยภาพ ทงั้ ดา้ นวิชาความรู้ ความสัมพันธ์ การคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์เพื่อให้เกิด
แนวคิดที่สร้างสรรค์ นำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยผู้บริหาร
และที่ทำหน้าที่ในการนิเทศจะต้องคำนึงถึงตั้งแต่การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ
เพ่ือศึกษาและรวบรวมปัญหาที่เกดิ ขึน้ จริงในการปฏิบตั ิงาน โดยให้ทุกคนมสี ว่ นร่วม จากน้ันจึงทำการ
วางแผนการนิเทศ เพื่อกำหนดทางเลือกใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงปัญหาที่เกิดขึ้น
แลว้ จงึ เตรียมส่ือ เครือ่ งมอื วิธกี าร หรอื ทรัพยากรอืน่ ๆ ท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงการกำหนดวัตถุประสงค์ ใน
การนิเทศแต่ละครั้ง แล้วจึงลงมือปฏิบัติการนิเทศโดยการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และการประเมินผล
และรายงานผลเปน็ ข้นั ตอนที่สำคัญทัง้ น้ีเพ่ือเปน็ การกำกับติดตามผลให้ทราบถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่า
ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ หรือมีอุปสรรคปัญหาอย่างไร เพื่อนำไปใช้พัฒนา และแก้ไข
ปรบั ปรุงตอ่ ไป
2.6 กจิ กรรมการนิเทศภายในโรงเรยี น
การนิเทศภายในโรงเรียนก็เพื่อช่วยปรับปรุงการเรียนการสอนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่
วางไว้ ผู้นิเทศจะต้องทำงานกับครูในเรื่องเนื้อหา วิธีสอน วัสดุอุปกรณ์การสอน ตลอดจนปัญหาการเรียน
การสอนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการปรบั ปรุงคุณภาพของการศกึ ษาตามท่ีต้องการ ซึ่งได้มีนักวชิ าการได้เสนอแนะ
กจิ กรรมการนิเทศภายในโรงเรียนดังน้ี
หน่วยศึกษานิเทศก์ (2562 : 11–13) กล่าวไว้ “2562 ปีทองแห่งการนิเทศภายใน
ห้องเรยี นเป็นฐานเพ่ือการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน” ไดก้ ำหนดใหโ้ รงเรยี นในสงั กัดใช้วีการนิเทศโดย
การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทีห่ ลากหลาย เพือ่ ส่งเสริม สนบั สนุน และพัฒนา
คุณภาพการจัดการศึกษาตามบริบทของสถานศึกษา เพื่อตอบสนองนโยบายการเป็นยุคประเทศไทย
4.0 และมาตรฐานการศึกษาชาติ คือ ผู้เรยี นเป็นผสู้ รา้ งนวัตกรรม ครผู สู้ อนใช้นวัตกรรมในการจัดการ
เรียนการสอน ผู้บรหิ ารใช้นวัตกรรมในการบรหิ ารงาน

30

กิจกรรมการนิเทศการศึกษา เป็นเครื่องมือสำคัญเพือ่ ส่งเสริมและพัฒนาการปฏิบัติงาน
ซง่ึ จะชว่ ยให้การดำเนนิ การนิเทศบรรลุเป้าหมาย ผ้นู ิเทศสามารถเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั จุดหมายของ
การนิเทศ สามารถแก้ปัญหาและความต้องการแต่ละครั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สดุ ดังนั้นผู้นิเทศจึง
ตอ้ งมคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับกิจกรรมการนเิ ทศทีส่ ำคญั ดงั นี้

กิจกรรมการนิเทศ ระดับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษา

1. การประชุม สรา้ งความเขา้ ใจในการดำเนินงาน
2. การให้คำปรึกษาแนะนำ ชี้แนะ ช่วยเหลือ แบบ Coaching & Mentoring Lesson
Study
3. การประชุมปฏิบัติการเพ่ือให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ (Knowledge) ทกั ษะ (Skill) และเจตคติ
(Attitude)
4. การสัมมนาเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งที่จัดเองภายในหน่วยงาน หรือไป
ร่วม ซ่ึงจดั โดยหน่วยงานอ่ืน
5. การระดมความคิด การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
6. การสาธิตการสอนเป็นกิจกรรมสำคัญที่ควรจัดให้มีในโรงเรียน การเรียนรู้ หรือ
เลยี นแบบจากผ้เู ช่ียวชาญ เพื่อประหยดั เวลาและได้รับการประสบการณ์ตรง
7. การสนทนาวิชาการในวงวิชาการ ควรมีหลายรูปแบบ เช่น การเชิญผู้เชี่ยวชาญ
เฉพาะเรื่องมาบรรยาย อาจใช้เวลาพักเที่ยงวัน ซึ่งไม่กระทบต่อการทำงานทุกคนมีเวลาว่างมาก
พอท่ีจะเขา้ ร่วมกจิ กรรมได้ อาจจะเดอื นละคร้งั ในหวั ข้อที่สนในรว่ มกนั
8. การเยี่ยมนิเทศชั้นเรียน เป็นเทคนิคการนิเทศเพื่อช่วยครูปรับปรุงการสอนให้ดีขึ้น
มขี น้ั ตอนทจ่ี ะต้องปฏบิ ตั ริ ว่ มกันของผใู้ หแ้ ละผ้รู ับการนิเทศ บนพ้ืนฐานวตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกนั
กิจกรรมการนเิ ทศระดบั โรงเรยี น
1. การประชมุ ประชมุ ปรึกษาหารือเตรยี มการดา้ นตา่ ง ๆ ก่อนเปดิ ภาคเรยี น
2. การปฐมนิเทศแนะนำบุคลากรใหม่ให้คุ้นเคยสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม
ระเบียบขอ้ ปฏิบัติต่าง ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
3. การใหค้ ำปรึกษาแนะนำ เพ่ือพบปะพูดกันมากกวา่ การใช้อำนาจหรือการออกคำส่งั
4. การประชมุ ปฏบิ ตั กิ ารมงุ่ เน้นให้เกิดความรใู้ หม่ ๆ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และ
เจตคติ (Attitude) ลงมอื ปฏบิ ตั มิ ากกว่าการบรรยาย
5. การอบรม งานนิเทศมุ่งอบรมประจำการให้ผู้รับการนิเทศเสริมความรู้ใหม่ ทันต่อ
ความเปล่ียนแปลง

31

6. การสัมมนาเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งที่จัดเองภายในหน่วยงาน หรือไป
รว่ มซง่ึ จดั โดยหนว่ ยงานอนื่

7. การระดมความคดิ การรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของคนอื่น
8. การสาธิตการสอนเป็นกิจกรรมสำคัญที่ควรจัดให้มีในโรงเรียน การเรียนรู้หรือ
เลยี นแบบจากผูเ้ ชยี่ วชาญ เพื่อประหยัดเวลาและได้รบั ประสบการณ์ตรง
9. การศึกษาเอกสารวิชาการ เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ด้วยการอ่าน เพราะการอ่านจะ
นำไปสู่ความรู้ความคิดใหม่และทนั สมยั
10. การสนทนาวิชาการในวงวิชาชีพนั้นควรมีหลายรูปแบบ เช่น การเชิญผู้เชี่ยวชาญ
เฉพาะเรื่องมาบรรยาย อาจใช้เวลาพักเที่ยงวัน ซึ่งไม่กระทบต่อการทำงานทุกคนมีเวลาว่างมาก
พอท่ีจะเข้ารว่ มกิจกรรมได้อาจจะเดอื นละคร้ังในหวั ข้อทสี่ นใจร่วมกัน
11. การสังเกตชั้นเรียน เป็นเทคนิคการนิเทศเพื่อช่วยครูปรับปรุงการสอนให้ดีขึ้น มี
ข้ันตอนทจ่ี ะต้องปฏบิ ัติร่วมกนั ของผ้นู ิเทศและผรู้ ับการนิเทศ บนฐานวัตถปุ ระสงคร์ ่วมกนั
12. การศึกษาดูงาน มีผลตรงในการปรับปรุงงาน ดูคนอื่นย้อนดูตัวเอง ศึกษาข้อดี
ข้อบกพร่องข้อจำกดั เม่ือต้องนำมาปรับปรุง ความพร้อมดา้ นต่าง ๆ
13. การวิจยั เชิงปฏิบัติการการเรยี นการสอน หนังสือแบบเรียนสือ่ การสอน หรือแม้แต่
การนิเทศสามารถทำการวิจัยเชิงปฏิบัติได้ดังนี้ วิจัยเพื่อนำผลมาใช้ หรือวิจัยเชิงพัฒนา (Research
and development : R&D)
14. การเขียนเอกสารหรือทดสอบทางวิชาการ อาชีพครู หรือผู้นิเทศนอกจากต้องอ่าน
มาก พูดมากแล้วยังต้องเขียนมาก มิใช่เขียนกระดาษแต่ผลงานทางวิชาการ เป็นการสร้างพรมแดน
ความรู้ใหม่ การเขียนเปน็ เทคนิคซง่ึ จะต้องเรียนรหู้ ลักวิธี การอา่ นมากเปน็ พืน้ ฐานของการเขียนได้เป็น
อย่างดี คนทม่ี วี ญิ ญาณครจู ะทำหนา้ ที่น้ไี ดด้ ี
15. การนิเทศสอนงาน (Coaching) การพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการ
เรียนรู้ (Learning Organization) บุคลากรในสถานศึกษาต้องมีการเรียนรู้ให้กับครู อนั จะเป็นตัวจักร
สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ โดยมุ่งเน้นให้ครูมีความสามารถ มีผลการปฏิบัติงานที่ดีขึ้น และ
สถานศึกษาท่มี ีความพรอ้ มทจ่ี ะรับการเปล่ยี นแปลง
16. การนิเทศแบบระบบพี่เลี้ยง และการให้คำปรึกษา (Mentoring) หมายถึง การ
นิเทศที่มีพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเป็นที่ยอมรับ ที่สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำ
ชว่ ยเหลือ ครู ใหพ้ ัฒนาศกั ยภาพสูงขน้ึ เพอ่ื สามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ
17. การนิเทศด้วย ICT เป็นการนิเทศ โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และ
การสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามบริบทของ
สถานศึกษา

32

18. การนิเทศแบบ PLC เป็นการรวมตัว รวมใจ รวมพลัง ร่วมมือกันของครู ผู้บริหาร
และผู้ที่มสี ่วนเกี่ยวข้องในโรงเรียน นำสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใชอ้ ย่างสรา้ งสรรค์รว่ มกนั การรวมตัวใน
รูปแบบนี้เป็นเหมือนแรงผลักดัน โดยอาศัยความต้องการและความสนใจของสมาชิกในวง PLC เพ่ือ
การเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพ สู่มาตรฐานการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นหลักเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของ
ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ

จากแนวคิดข้างต้น กลา่ วสรุปไดว้ า่ การนเิ ทศภายในโรงเรียนเป็นงานท่ีช่วยพัฒนาครูในด้าน
การเรียนการสอน เพื่อให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการศึกษา ซึ่งในการดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียน
นั้นตอ้ งอาศัยกิจกรรมการนิเทศ ฉะนน้ั ในการพิจารณากิจกรรมในการนิเทศภายใน ผูน้ เิ ทศจะต้องคัดเลือก
กิจกรรมตามความเหมาะสม โดยยึดวัตถุประสงค์ของการนิเทศแต่ละครั้งทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติการนิเทศ
เกิดผลสูงสดุ ในการพัฒนาการเรียนการสอนของครูตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้

3. หลกั การ และแนวคดิ เกย่ี วกบั การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา

การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษามีความสำคัญ เพราะความเปลี่ยนแปลงและ
ความก้าวหน้าทางดา้ นเทคโนโลยีและการศึกษา ตลอดจนการขยายตัวทางดา้ นขนาดของโรงเรียนทำ
ให้นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียนมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าแตก่ ่อนมากมาย ดังนั้นการประกันคุณภาพ
ในสถานศึกษามีความสำคัญมากในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพและเป็นเรื่องที่มีความจำ เป็นอย่างยิ่ง
โดยจะต้องเป็นการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อทำให้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่
ทำให้เป็นคนที่รู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักแก้ปัญหา มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง
สามารถปรับตัวใหท้ ันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีจริยธรรม คุณธรรม รู้จักพึ่งตนเอง
และสามารถดำรงชวี ติ อยใู่ นสงั คมได้อย่างมีความสุข

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545
ได้มีการกำหนดจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา “เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทาง
ร่างกาย สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนาธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับ
ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข” และหมวด 6 เรื่องมาตรฐานและการประกันคุณภาพทางการศึกษา มาตรา 47 ให้มี
ระบบประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับตามระบบ
หลักเกณฑ์และวิธีการประกนั คุณภาพการศึกษา ใหเ้ ปน็ ไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 48 ให้หน่วยงาน
ต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพ
ภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำ
รายงานประจำปีเสนอต่อหนว่ ยงานต้นสังกัด หนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่
การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพอ่ื รองรับการประกันคุณภาพภายนอก

33

วิวฒั นาการของระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
ปี พ.ศ. 2544
สืบเนื่องจากการที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้การประกันคุณภาพ
การศกึ ษาตอ้ งมีระบบ หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารเป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ดงั น้นั ในชว่ งเวลาท่ี
ยังไม่มีกฎกระทรวงได้มีการออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการ
ประกันคุณภาพในสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และปฐมวัยให้สถานศึกษาถือปฏิบัติไป
พลางกอ่ น
ปี พ.ศ. 2546
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน
คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษาระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. 2546 ซึง่ ไดก้ ำหนดแนวทางการ
ดำเนินงานพัฒนาสถานศึกษาโดยเน้นความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก
สถานศึกษา ตามภารกิจ 8 ประการ คือ
1. การจัดระบบรหิ ารและสารสนเทศ
2. การพฒั นามาตรฐานการศึกษา
3. การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา
4. การดำเนนิ งานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา
5. การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา
6. การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา
7. การรายงานคณุ ภาพการศกึ ษาประจำปี
8. การผดงุ ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามกฎกระทรวงฉบับนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ
เพื่อให้มีการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างเป็นระบบโดยเน้นการดำเนินการประเมินตนเอง พัฒนาและ
ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและจัดทำรายงานคุณภาพการศึกษาประจำปี เพื่อรองรับการประเมินคุณภาพ
ภายนอก แนวคิดการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาตั้งอยู่บนพื้นฐานของการป้องกันเพื่อให้
การดำเนินการจัดการศกึ ษาไดผ้ ลผลิตทมี่ ีคุณภาพ
ปี พ.ศ. 2553
ด้วยเหตุที่มาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติบัญญัติให้มีระบบประกัน
คุณภาพการศึกษาทั่งการประกันคุณภาพภายในและการประกันคุณภาพภายนอก เพื่อการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาทุกระดับและต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด ดังนั้น จึงได้มีการยกเลิก
กฎกระทรวงท่ีออกไปแลว้ และให้ใชก้ ฎกระทรวงท่ปี รบั ใหม่ คือ กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยระบบหลักเกณฑ์
และวธิ กี ารประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2553 แทนโดยท่หี ลอมรวมการประกนั คณุ ภาพภายในของ

34

การศึกษาระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน การอาชีวศกึ ษา การอดุ มศกึ ษาและการประกนั คุณภาพภายนอก
ไว้ในฉบับเดียวกัน กฎกระทรวงฉบับนี้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับระบบหลักเกณฑ์และวิธีการประกัน
คุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอกท่ีชัดเจนข้ึน นอกจากนี้ยังกำหนดให้มกี ารตั้งคณะกรรมการ
คณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน” ที่มี
ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านการจัดการศึกษา การ
บริหารสถานศึกษา หรือการประเมินการจัดการศึกษาจำนวนไม่เกิน 9 คน แต่งตั้งโดยรัฐมนตรีเพื่อ
ช่วยในการขับเคล่ือนการพัฒนาสถานศึกษาใหม้ ีคุณภาพมาตรฐานการศึกษาที่กำหนด รวมทง้ั สามารถ
แขง่ ขนั กับนานาอารยประเทศและผ้เู รียนมีคุณภาพอยใู่ นระดบั ต้น ๆ เมื่อเข้ารว่ มแข่งขันในเวทโี ลก

หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติของการดำเนินการประกันคุณภาพภายในระดับการศึกษาขั้น
พืน้ ฐาน มี 8 ประการ คือ

1. กำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
2. จดั ทำแผนพัฒนาการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาที่มงุ่ คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา
3. จัดระบบบริหารและสารสนเทศ
4. ดำเนนิ งานตามแผนพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
5. จัดให้มกี ารติดตามตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา
6. จดั ใหม้ ีการประเมนิ คุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
7. จดั ทำรายงานประจำปีท่ีเปน็ รายงานประเมินคณุ ภาพภายใน
8. จดั ให้มีการพฒั นาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเน่ือง
ปี พ.ศ. 2561
ด้วยแนวทางในการดำเนินการตามกฎกระทรวงวา่ ด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารประกัน
คุณภาพการศึกษา 2553 ไม่สอดคล้องกับหลักการประกนั คุณภาพการศึกษาท่ีแทจ้ ริง จึงส่งผลให้การ
ดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอกไม่สัมพันธ์กัน เกิดความซ้ำซ้อนและ
คลาดเคลื่อนจากการปฏิบัติ ทำให้ไม่สะท้อนความเป็นจริงและเป็นการสรา้ งภาระแก่สถานศึกษาและ
บุคลากรในสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่กำกับดูแล และหน่วยงานภายนอก
เกินความจำเป็น สมควรปรับปรุงระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อให้มี
กลไกการปฏิบัติที่เอื้อต่อการดำเนินการตามมาตรฐานการศึกษาของแต่ละระดับ และเกิด
ประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จึงได้ยกเลกิ กฎกระทรวงวา่ ด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และ
วิธีการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 และออกกฎกระทรวงใหม่ คือ กฎกระทรวง การประกัน
คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ไดใ้ ห้ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา หมายความวา่ การ
ประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละระดับ
และประเภทการศึกษา โดยมีกลไกในการควบคุมตรวจสอบระบบบริหารคุณภาพการศึกษาที่

35

สถานศกึ ษาจัดขึ้น เพือ่ ให้เกดิ การพฒั นาและสร้างความเช่ือมั่นให้แก่ผู้มสี ว่ นเกย่ี วข้องและสาธารณชน
ว่าสถานศึกษานั้น สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และบรรลุ
เปา้ ประสงค์ของหน่วยงานต้นสงั กัด

โดยใหส้ ถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้มรี ะบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา
โดยการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแตล่ ะระดับและ
ประเภทการศึกษาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนด พร้อมทั้งจัดทำแผนพัฒนา
การจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและดำเนินการตามแผนที่
กำหนดไว้ จัดให้มีการประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา ติดตามผลการ
ประเมินตนเองให้หนว่ ยงานตน้ สงั กัดหรอื หนว่ ยงานท่ีกำกบั ดูแลสถานศกึ ษาเปน็ ประจำทุกปี

โดยให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ได้
รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ที่สถานศึกษาส่งให้หน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงาน
ที่กำกับดูแลสถานศึกษา พร้อมกับประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องการให้มีการประเมินผลและการติดตาม
ตรวจสอบซึ่งรวบรวมได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษาแห่งนั้น
เปน็ ขอ้ มูลและแนวทางในการประเมนิ คุณภาพภายนอก

3.1 ความหมายของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
สมชัย จรรยาไพบูลย์ (2555 : 26) ได้กล่าวว่า การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

หมายถงึ การประเมนิ ผลและการตดิ ตาม ตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
โดยบคุ ลากรของสถานศกึ ษา หรือหน่วยงานตน้ สังกดั ทีม่ ีหน้าท่กี ำกับดูแลสถานศึกษา

ละมุล รอดขวัญ (2555 : 36) กล่าวว่า การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา เป็นการ
ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามมาตรการหรือระบบเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาที่จะ
สร้างความมั่นใจ พึงพอใจและประทับใจแก่ผู้ปกครอง ชุมชนและสังคมว่า นักเรียนมีคุณภาพตาม
เปา้ หมาย พงึ พอใจ และประทับใจแก่ผปู้ กครอง ชุมชน และสงั คมวา่ นักเรียนมคี ณุ ภาพตามเปา้ หมาย

อำนวย มีศรี (2555 : 17) ได้ให้ความหมายของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ไว้
ว่า การประกันคุณภาพการศึกษาจะเน้นที่การผสมผสานคุณภาพ 3 ส่วน คือ คุณภาพตามมาตรฐาน
การศึกษา คุณภาพตามความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และคุณภาพตามความมุ่งหมาย
ของสถานศึกษา ต้องอาศัยกระบวนการบริหารการศึกษาที่มีคุณภาพ หรือกล่าวได้ว่า เป็นการนำ
หลักการของการประกันคุณภาพที่เน้นการวางแผน และการดำเนินงานอย่างเป็นระบบมาใช้กับ
กระบวนการบริหารการศึกษา ส่วนการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาจะชี้เฉพาะเจาะจงภายใน
สถานศึกษา ซึ่งหมายถึง การดำเนินงานด้านกาประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้น หรือโดยหน่วยงาน

36

ต้นสังกัดที่มีหนา้ ทีก่ ำกับดูแลสถานศึกษานั้น และต้องอาศัยกระบวนการบริหารจัดการที่มกี ารพัฒนา
ปรับปรังอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ จากทัศนะของนักวิชาการและหน่วยงาน
ทางการศกึ ษา

ปียานันต์ บุญธิมา (2561 : 23) กล่าวว่า การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง การ
ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษาเพื่อตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษาโดยบุคลากรของ
สถานศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียว่าการดำเนินการ
ของสถานศึกษามคี ณุ ภาพไปตามมาตรฐานทีส่ ถานศึกษากำหนด

กล่าวโดยสรุป การประกันคุณภาพภายใน เป็นการประเมินผลการจัดการศึกษาตาม
เป้าหมายและมาตรฐานการศึกษาที่สถานศึกษากำหนด เพื่อเปน็ การสะท้อนผลการจัดการศึกษา การ
บรหิ ารจดั การและการจัดการเรียนการสอนวา่ บรรลเุ ปา้ หมายและมคี ุณภาพอยู่ในระดบั ใด

3.2 แนวคดิ การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา
การประกันคุณภาพภายในโรงเรียน เป็นระบบที่โรงเรียนสร้างความมั่นใจ แก่

ผู้รับบริการด้วยการบริหารจัดการที่มีคุณภาพทั้งองค์กร โดยใช้หลักการมีส่วนร่วม บุคลากรใน
โรงเรียนตระหนักถึงเป้าหมาย คือ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนเป็นอับดับแรก ดังนั้น การพัฒนา
ระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียนจึงยึดหลักการ 3 ประการ (สำนักงานทดสอบทาง
การศกึ ษา, 2554 : 10-11)

1. การกระจายอำนาจ (Decentralization) โรงเรยี นมีอิสระและมีความคล่องตวั ในการ
บริหาร ทั้งด้านการบริหารงานวิชาการ งบประมาณ บุคลากรและทรัพยากร การจัดสิ่งอำนวยความ
สะดวก และผู้สอนทำบทบาทหน้าที่ในการสอน การจัดกิจกรรมและพัฒนาสื่อเพื่อพัฒนาการเรียนรู้
ของผู้เรียนให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ต้องความต้องการของ
สังคม และชุมชน

2. การมีส่วนร่วมในการทำงาน (Participation) แนวคิดนี้เป็นการมุ่งให้ผู้มีสว่ นได้ส่วน
เสีย เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยมีส่วนร่วมกันคิด ตัดสินใจ สนับสนุน ส่งเสริม
และตดิ ตามตรวจสอบการดำเนินงาน ตลอดจนรว่ มภาคภูมใิ จในความสำเร็จของโรงเรียน

3. การแสดงภาระรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (Accountability) มาตรฐานการศึกษา
ของโรงเรียนเป็นเป้าหมายที่ต้องรับรู้ร่วมกัน เพื่อติดตามตรวจสอบการดำเนินการของโรงเรียนว่า
สามารถนำพานักเรียนไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ โรงเรียนต้องสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดทำ
แผนพฒั นาคุณภาพการศึกษา เลอื กกลวธิ กี ารพฒั นาท่เี หมาะสมและสามารถทำให้เกดิ ผลได้อย่างเป็น
รูปธรรม มีการประชาสัมพันธ์เป้าหมายและจุดเน้นที่ต้องการพัฒนาให้ทุกฝ่ายได้รับรูเพื่อเป็นสัญญา
ประชาคม เพอื่ ให้ทกุ ฝา่ ยทีเ่ กย่ี วข้องมีทศิ ทางการทำงานท่ีชดั เจนสูเ่ ปา้ หมายเดยี วกัน

37

จากหลักการดังกล่าวข้างต้นการประกนั คณุ ภาพการศึกษา จึงมีกระบวนการดำเนินการ
ทส่ี ัมพนั ธ์ต่อเนื่องกนั 3 ข้ัน คือ

1. การประเมินคุณภาพภายใน เป็นการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา การติดตาม
และการตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา กระทำโดยบุคลากรของ
สถานศึกษา หรือโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแล
สถานศึกษา

ทั้งนี้ เพื่อนำผลจากการประเมินไปใช้ในการวางแผนพัฒนากิจกรรม/โครงการพัฒนา
ทจ่ี ดั ขน้ึ จึงตั้งอยบู่ นฐานความเป็นจริง มีความเปน็ ไปได้และสำเร็จผลในเวลาอันเหมาะสม

2. การตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษา เปน็ กระบวนการติดตามตรวจสอบความก้าวหนา้
ของการปฏิบัติงานตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และจัดทำรายงานการติดตาม
ตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา พร้อมท้ังเสนอแนะมาตรการเร่งรดั การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา

เมื่อตรวจสอบความก้าวหน้า สถานศึกษาจะต้องมีข้อมูลสารสนเทศที่แสดงแนวโน้มผล
การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษา ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการ
วางระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนและการปฏิบัติจริง ข้อมูลสารสนเทศ
ที่จะแสดงแนวโน้มผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษาได้ไม่
ควรจะน้อยกว่า 3 ปีการศกึ ษา ดงั นน้ั ครูทกุ คนต้องสามารถแสดงข้อมลู ผลการเรยี นของผู้เรียนได้เป็น
รายบุคคล รายห้องเรียน รายชั้น รายกลุ่มสาระ จนเป็นข้อมูลรวมระดับสถานศึกษาได้ หรือโครงการ
อื่น ๆ ที่สถานศึกษาดำเนินการกจ็ ะต้องสามารถตอบได้วา่ เหตุใดจงึ เพิ่มกจิ กรรมใหมข่ ึ้น หรือปรับลด
กจิ กรรมบางอย่างลง ข้อมูลสารสนเทศเหลา่ นจี้ ะถูกไปสรุปรายงานให้คระกรรมการสถานศึกษาทราบ
เพ่ือรว่ มกันหาแนวทางพัฒนาตอ่ ไป

3. การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นกระบวนการพัฒนาการศึกษาเข้าสู่คุณภาพ
ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ โดยมีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาการจัดระบบและ
โครงสร้าง การวางแผนและการดำเนินงานตามแผน รวมทั้ง “สร้างจิตสำนึก” ให้เห็นว่าการพัฒนา
คณุ ภาพการศกึ ษาจะตอ้ งดำเนินการอย่างตอ่ เน่ืองและเป็น “ความรับผดิ ชอบรว่ มกนั ” ของทุกคน

หลกั การของการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา
สถานศกึ ษาระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน และหนว่ ยงานต้นสงั กัดดำเนนิ การให้ผู้เกี่ยวข้อง
ทกุ ฝา่ ยมคี วามรู้ ความเข้าใจและปฏิบตั ิตามหลักการของการประกันคุณภาพในของสถานศกึ ษา ดังนี้
1. การประกันคุณภาพเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนที่ต้องปฏิบัติงานตามภารกิจที่แต่
ละคนได้รบั มอบหมาย
2. การประกันคุณภาพมุ่งพัฒนาการดำเนินงานตามความรับผิดชอบของตนให้มี
คณุ ภาพดยี งิ่ ขน้ึ เพราะผลการพัฒนาของแต่ละคนกค็ ือ ผลรวมของการพัฒนาทัง้ สถานศึกษา

38

3. การประกันคุณภาพเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำเพื่อเตรียมรับการประเมินเป็น
ครั้งคราวเทา่ นั้น

4. การประกันคุณภาพต้องเกิดจากความร่วมมือของบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ไม่สามารถจา้ งหรือขอใหบ้ ุคคลอื่น ๆ ดำเนินการแทนได้

5. การประกันคุณภาพต้องเกิดจากการยอมรับและนำผลการประเมินคุณภาพ
การศกึ ษาไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา

กล่าวโดยสรุป การประกันคุณภาพในสถานศึกษาเป็นหนา้ ที่ของบุคลากรทกุ คนทีจ่ ะพัฒนา
งานตามความรับผิดชอบของตนให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร
การศึกษาทต่ี อ้ งดำเนนิ การอยา่ งต่อเน่ือง เกิดจากความร่วมมอื ของบุคลากรทุกฝ่ายทีเ่ กยี่ วขอ้ ง ร่วมกัน
ประเมิน ตดิ ตาม ตรวจสอบ คุณภาพการศึกษานำผลไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาของ
สถานศกึ ษาต่อไป

3.3 การประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ออกประกาศ เรื่อง แนวปฏิบัติการ

ดำเนินงานประกนั คุณภาพการศกึ ษา ระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ. 2561 ให้สถานศกึ ษาแต่ละแห่ง
จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เพื่อให้เกิดการพัฒนาและเพื่อเป็น
กลไกในการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้เกิดการพัฒนา และสร้างคว าม
เชอ่ื ม่ันให้กับสังคม ชุมชน และผ้มู สี ว่ นเกย่ี วขอ้ ง จึงจดั ให้มีระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายใน
สถานศกึ ษา ดังนี้

1. กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาระดับ
การศึกษาปฐมวัย และหรือระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่กระทรวงประกาศใช้ และให้สถานศึกษา
กำหนดเป้าหมายความสำเร็จตามมาตรฐานของสถานศึกษาตามบริบท ทั้งนี้ สามารถเพิ่มเติม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา นอกเหนือจากที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้ได้ โดยให้
สถานศึกษาและผเู้ กย่ี วข้อง ดำเนนิ การและรับผิดชอบร่วมกนั

2. จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและ
ความตอ้ งการจำเป็นของสถานศึกษาอย่างเปน็ ระบบ โดยสะทอ้ นคณุ ภาพความสำเร็จอย่างชัดเจนตาม
มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา

3. การดำเนินการตามแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา
4. ประเมนิ ผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา โดยกำหนดผูร้ ับผิดชอบ
ในการประเมนิ ผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ท้งั ระดับบคุ คลและระดบั สถานศึกษา และกำหนด


Click to View FlipBook Version