The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thasasi, 2021-10-19 01:50:54

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

การพัฒนาคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

Keywords: งานวิจัย การพัฒนาคู่ม

189

ภาคผนวก ฌ
คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศึกษาตามระบบการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา

ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร

190

191

ค่มู ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

คำนำ

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร เล่มน้ี จดั ทำขนึ้ เพื่อใหโ้ รงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา
ภูเก็ต ใช้เป็นแนวทางในการนิเทศภายในโรงเรียน เพื่อสร้างรูปแบบ และกระบวนการนิเทศ ติดตาม และ
ประเมินผลภายในโรงเรียน ตามบริบทของแต่ละโรงเรียน โดยผู้นิเทศภายในโรงเรียน ประกอบด้วย
ผู้บริหาร ผู้ช่วยผู้บริหาร ครูวิชาการ และครูผู้สอน ให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบ และมีความ
เข้มแข็ง เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการ
ปฏิบัติงาน และมีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ สร้างความมั่นใจในการ
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
และคุณภาพของนักเรียนไดต้ ามมาตรฐานทโี่ รงเรยี นกำหนด

ในการดำเนนิ การนิเทศภายในสถานศึกษา นอกจากจะส่งผลให้ครูผู้สอนปฏบิ ตั ิงานได้อย่างม่ันใจ
และมีประสิทธิภาพแล้ว เอกสารคู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน
สถานศกึ ษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร เลม่ น้ี ยังชว่ ยใหผ้ ู้บรหิ ารโรงเรียน และครูวิชาการ
มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียนได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอนของการ
ดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรยี น เพอ่ื ใช้เปน็ แนวทางในการดำเนนิ งานของโรงเรียนในสังกัดสำนักงาน
เขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาภเู ก็ต ซง่ึ มเี นือ้ หาประกอบดว้ ย

บทท่ี 1 บทนำ
บทท่ี 2 ความร้พู ้นื ฐานในการนเิ ทศภายในสถานศึกษา
บทที่ 3 แนวทางการดำเนินงานการนิเทศภายในสถานศึกษา
ทั้ง 3 บท ที่กล่าวข้างต้น ล้วนมีความสำคัญในการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนอย่างยิ่ง ทั้งน้ี
โรงเรยี นสามารถนำไปปรับใช้ โดยการสรา้ งรูปแบบ กระบวนการ และกิจกรรมการนิเทศของตนเองได้
หวังเปน็ อยา่ งย่ิงวา่ “คูม่ อื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา
ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร” เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารโรงเรียน ครู และผู้เกี่ยวข้อง
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพอ่ื เสรมิ สรา้ งประสทิ ธภิ าพการจดั การศึกษาต่อไป

นางฐาสสิร์ นวิชญญ์ าณสธุ ี
ศึกษานิเทศก์

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

192

คูม่ อื การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

คำชีแ้ จง

คู่มือ : การนิเทศภายในโรงเรียน ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร เล่มนจ้ี ัดทำขึน้ เพ่ือให้ผู้บรหิ ารโรงเรียน และครูวิชาการโรงเรยี นในสงั กัดสำนักงาน
เขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็ ใชเ้ ปน็ ค่มู ือในการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียน ซึ่งคู่มือเล่มน้ี
ได้รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียน ตามระบบประกันคุณภาพ
ภายในสถานศึกษา ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานการนิเทศ
ภายในโรงเรยี น สำหรับผูบ้ ริหารโรงเรียน และครูวิชาการโรงเรียนใช้เป็นแนวทางนิเทศภายในโรงเรยี น ซงึ่ สามารถ
นำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนได้ตามความเหมาะสม สำหรบั เน้อื หาในคูม่ อื ฉบับนี้ ประกอบดว้ ย

บทท่ี 1 บทนำ
บทที่ 2 ความรพู้ ืน้ ฐานในการนิเทศภายในสถานศึกษา
บทท่ี 3 แนวทางการดำเนนิ งานการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา
เพื่อให้การดำเนินการใช้คู่มือเล่มนี้มีประสิทธิภาพ ต่อการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียน
ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ผู้บริหาร
โรงเรยี น และครูวิชาการโรงเรยี นควรปฏิบัติ ดงั นี้
1. ศึกษาคู่มอื ฉบบั นีใ้ ห้มคี วามเข้าใจอยา่ งชดั เจน
2. ก่อนการดำเนินงานผู้บริหารโรงเรียน ควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนัก
แก่บุคลากรทกุ ฝ่ายในโรงเรียน
3. การดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียน ควรดำเนินการไปตามลำดับขั้นตอนที่นำเสนอ
ในบทท่ี 3
4. ผู้บรหิ ารโรงเรียนควรกำกับ ติดตาม และสร้างขวัญกำลงั ใจแก่ผู้นเิ ทศ และผู้รับการนิเทศ
อย่างตอ่ เน่ืองเปน็ ระบบ และ
5. ควรมีการสรุป และรายงานการนิเทศภายในโรงเรียนอย่างเปน็ ระบบ และนำผลไปพัฒนา
งานในปีการศกึ ษาต่อไปอยา่ งสบื เนอื่ ง

นางฐาสสริ ์ นวิชญ์ญาณสธุ ี
ศึกษานเิ ทศก์

สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาภเู ก็ต

กลุ่มนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

193

คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

สารบญั

คำนำ บทนำ หน้า
คำชี้แจง ความเปน็ มา และความสำคญั
สารบญั วัตถปุ ระสงค์ 1
สารบัญภาพ นิยามศพั ท์ 1
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา 7
การนิเทศภายในโรงเรียน 7
บทที่ 2 ความหมายการนเิ ทศภายในโรงเรียน 9
หลกั การนเิ ทศภายในโรงเรียน 9
จดุ มุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน 9
บุคคลที่เกย่ี วข้องกบั การนิเทศภายในโรงเรยี น 10
บทบาทของบุคลากรในการนิเทศภายในโรงเรียน 11
ขอบข่ายของงานนิเทศภายในโรงเรยี น 12
กระบวนการนิเทศภายในโรงเรยี น 12
นิเทศแบบกลั ยาณมิตร 15
ความหมายของการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร 16
แนวคิดทฤษฎเี ก่ยี วกบั การนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร 40
กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร 40
การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 42
ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา 44
ความสำคัญและความจำเป็นในการกำหนดมาตรฐานการศึกษา 47
แนวคิดในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาขนึ้ พืน้ ฐาน 47
แนวคิดในการกำหนดมาตรฐานดา้ นคณุ ภาพผ้เู รยี น 48
แนวคดิ ในการกำหนดมาตรฐานด้านกระบวนการบรหิ ารและการจดั การ 49
50
51

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเก็ต

194

ค่มู ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

สารบัญ (ต่อ)

บทท่ี 2 (ตอ่ ) หนา้
บทที่ 3 แนวคดิ ในการกำหนดมาตรฐานด้านกระบวนการจดั การเรยี นการสอน
ท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั 52
มาตรฐานการศึกษาของชาติ
การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน 52
มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย 54
มาตรฐานการศึกษาระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 55
แนวทางการดำเนินงานการนเิ ทศภายในสถานศึกษา 61
กระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร 71
กระบวนการดำเนินการนเิ ทศภายในของโรงเรยี น 71
กิจกรรมท่ี 1 ทบทวนผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน 73
73
โรงเรยี นปที ผ่ี า่ นมา
กจิ กรรมที่ 2 การวเิ คราะหจ์ ุดเด่น จุดควรพฒั นา จากผลการประเมิน 77

ภายในโรงเรยี นปีทผ่ี า่ นมา 81
กจิ กรรมท่ี 3 การกำหนดคา่ เป้าหมาย การประเมินภายในของโรงเรยี น
86
ปีการศึกษา 2562
กิจกรรมที่ 4 การวางแผนจัดทำโครงการ/กิจกรรม เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพ 91

การศกึ ษา 92
กจิ กรรมที่ 5 การจัดทำโครงการนิเทศ เพื่อกำกับ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล และ
94
นิเทศ ระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
แบบกลั ยาณมิตร ปกี ารศึกษา 2562
กิจกรรมท่ี 6 การออกคำสัง่ และแตง่ ตั้งคณะกรรมการนิเทศภายใน
โดยใช้กระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร
สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาภูเกต็
ปกี ารศกึ ษา 2562
กจิ กรรมท่ี 7 การกำกับ ตดิ ตามการประเมินรบั ตนเอง SAR ช้นั เรียน

กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

195

คมู่ อื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า

บทที่ 3 (ต่อ) 95
กิจกรรมที่ 8 การเปรียบเทียบค่าเปา้ หมาย ปีการศึกษา 2562
กบั ผลการประเมนิ ปกี ารศึกษา 2562 101
กิจกรรมที่ 9 การกำกับ ตดิ ตาม ประเมินผล และนเิ ทศการประเมิน
คณุ ภาพในสถานศึกษา 104
กิจกรรมท่ี 10 การประเมนิ ความพงึ พอใจทมี่ ีต่อการนิเทศภายในโรงเรยี น
ตามกระบวนการแบบกลั ยาณมิตร ของโรงเรยี นในสงั กัด 108
สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็
แนวทางการสรุปผลการดำเนินงานนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบ 108
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ 111
กลั ยาณมิตร 114
การศกึ ษาปฐมวยั
การศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 119
แนวทางการจดั ทำรายงานหนว่ ยงานต้นสงั กัด สำนักงานเขตพื้นที่ 124
การศึกษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต 125
135
บรรณานุกรม 137
ภาคผนวก 139
142
ก ประกาศโรงเรยี น ฯ 177
ข หนังสอื เชญิ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ
ค บนั ทกึ การพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบเอกสาร
ง คำส่งั โรงเรยี น ฯ
จ แบบบนั ทึกกิจกรรม 1 - 10
ประวัตผิ ูเ้ ขียน

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต

196

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

สารบัญภาพ หนา้
46
ภาพท่ี 72
2.1 แสดงกรอบแนวคดิ ในการพฒั นาคู่มือนิเทศ
3.1 แสดงกระบวนการนเิ ทศภายในโรงเรียนแบบกัลยาณมิตร

(3 ขั้นตอน 4 ขนั้ งาน เด่นด้วย 4 จ.)

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเกต็

197

ค่มู อื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

บทที่ 1

บทนำ

ความเปน็ มาและความสำคัญ

การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ มีความสามารถในการปรับตัวได้อย่างรู้เท่าทันกับสภาพสังคม
ในปจั จบุ นั ซง่ึ มีการเปลยี่ นแปลงทางด้านวิทยาการ และเทคโนโลยตี ลอดเวลา เครอื่ งมือที่สำคญั ในการพัฒนา
คนใหม้ คี ณุ ภาพ คือ การศกึ ษา ซง่ึ เป็นกลไกหลักในการสร้างคน สร้างสังคม และสร้างชาติ ให้มีความเหมาะสม
กับสภาพความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมของประเทศ และสามารถดำรงชีวิต อยู่ร่วม
กับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข ท่ามกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21
การศึกษามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างความได้เปรียบของประเทศ เพื่อการแข่งขัน และยืนหยัดในเวทีโลก
ภายใต้ระบบเศรษฐกิจ และสังคมที่เป็นพลวัต ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จึงให้ความสำคัญ และทุ่มเท กับการพัฒนา
การศึกษา เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของตนให้สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ของระบบเศรษฐกิจ
และสังคมของประเทศ ภูมิภาค และของโลก ควบคู่กับการธำรงรักษาอัตลักษณ์ ของประเทศ สำหรับ
ประเทศไทย ไดใ้ ห้ความสำคัญกับการจัดการศึกษา การพฒั นาศักยภาพ และ ขีดความสามารถของคนไทย
ให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงาน และการพัฒนา
ประเทศ ภายใต้บริบทสังคมท่ีมคี วามกา้ วหน้าและเปลีย่ นแปลงภายในประเทศอยตู่ ลอดเวลา เพอื่ ให้คนไทย
มีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมไทยเป็นสังคมคุณธรรม จริยธรรม และประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักประเทศ
ที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลต่อระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทย (สำนักงาน
เขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1, 2562 : 1)

สง่ิ หนึง่ ท่ีเชอื่ มน่ั ไดว้ า่ คุณภาพของผู้เรียนจะเกิดได้ และบรรลุตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด นั้นคอื คุณภาพการศึกษา จะสะท้อน
คุณภาพคนที่เป็นผลผลิตของการจัดการศึกษา เป็นไปตามความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และได้
กำหนดหลักการสำคัญข้อหนึ่ง คือ ให้มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาและจัดระบบประกันคุณภาพ
การศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา โดยที่กำหนดให้ “มาตรฐานและการประกันคุณภาพ
การศึกษา” เป็นภารกิจสำคัญหมวดหนึ่งทีส่ ถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ อีกท้ัง
ต้องเป็นไปตามระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กระทรวงศึกษาเป็นผู้กำหนดด้วย (ปิยานันต์ บุญธิมา,
2561:1) ด้วยประกาศใช้กฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 และกระทรวงศึกษาธิการ
มีการประกาศให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2561 สำหรับให้สถานศึกษาใช้เป็น

กลุม่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

198

คมู่ ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

แนวทางดำเนินงานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาและเตรียมการสำหรับการประเมิน
ภายนอก ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้ส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าการจัดการศึกษาของสถานศึกษามี
คุณภาพ ได้มาตรฐาน ได้กำหนดการจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักที่สำคัญ
คือ มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกับคุณภาพการศึกษา ทุกระดับและประเภท
การศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาที่ต้อง
ดำเนินการอย่างต่อเนอื่ ง (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน, 2651 : 2)

แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ยุทธศาสตร์ท่ี 6 การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบ
บริหารจัดการศึกษา ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบประกันคุณภาพและประสิทธิภาพท่ี
เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของสังคม เพื่อให้รัฐสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอย่าง
จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อผู้เรียน และกฎกระทรวง การประกันคุณภาพ
การศกึ ษา พ.ศ. 2561 ได้ให้ความหมายของ “การประกนั คุณภาพการศึกษา” ว่า เปน็ การประเมินและ
การติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละระดับและประเภทของ
การศึกษา โดยมีกลไกในการควบคุมตรวจสอบระบบการบริหารคุณภาพการศึกษาที่สถานศึกษาจัดข้ึน
เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสาธารณชนว่าสถานศึกษาน้ัน
สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และตามกฎกระทรวงการประกัน
คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ข้อ 3 กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้ระบบประกันคุณภาพ
การศึกษาในสถานศึกษา โดยการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐาน
การศึกษาแต่ละระดับและประเภทการศึกษาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนด
พร้อมทั้งจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และ
ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ จดั ใหม้ กี ารประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการศกึ ษา และ
จัดส่งรายงานผลการประเมินตนเองให้แก่หน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานที่กำกับดูแลสถานศึกษา
เป็นประจำทุกปี (สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน, 2651 : 84) ดังนัน้ จะเหน็ ได้ว่าระบบ
การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาเป็นเหมือนแผนที่ในการเดนิ ทางพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา
ของสถานศึกษาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา (ปียานันต์
บุญธมิ า, 2561: 1) ระบบการประกันคณุ ภาพการศึกษาเปน็ กลไกสำคญั ที่ชว่ ยในการพฒั นาคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิ สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดำเนิน ไป
อย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติงานได้อย่างเป็นระบบ มีคุณภาพตามมาตรฐาน ผู้ที่จบการศึกษามีคุณภาพตามท่ี
มุ่งหวัง ผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กร/สถานประกอบการที่รับช่วงผู้จบการศึกษาแต่ละแห่งมีคุณภาพ
ได้มาตรฐาน นักเรียนที่จบการศึกษาทุกแห่งมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะ และมีคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ตามที่หลักสูตรสถานศึกษากำหนด (พิมพ์สุดา เอี่ยมสกุล, 2562: 445) การประกันคุณภาพ
การศึกษา เป็นการบริหารจัดการและการดำเนินกิจกรรมตามภารกิจปกติของสถานศึกษา เพื่อพัฒนา

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

199

ค่มู ือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

คุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการการศึกษา ทั้งยังเป็นการ
ป้องกันการจัดการศึกษาที่ด้อยคุณภาพ และสร้างสรรค์การศึกษาให้เป็นกลไกที่พลังในการพัฒนา
ประชากรใหม้ คี ณุ ภาพย่ิงขึ้น

ในการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษา และส่งเสริมระบบการประกันคุณภาพให้มี
ประสิทธิภาพนั้น ผู้ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา คือ ครู เนื่องจากครู
เป็นผู้ทำหน้าทย่ี กระดบั คุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นผใู้ กลช้ ดิ กับนักเรยี นมากท่ีสดุ ดังนนั้ ครูต้องมี
คุณภาพ จึงจะสร้างคณุ ภาพการศึกษาได้ ครู คอื หวั ใจสำคัญในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ครูต้องมี
การปรับเปลยี่ นพฤติกรรมการทำงานของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ครเู ป็นผนู้ ำหลกั การตา่ ง ๆ สู่การปฏิบัติ
ต้องจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ครูต้องรู้จักมาตรฐาน
การประกนั คณุ ภาพภายใน ซึง่ เปน็ มาตรฐานในการปฏิบตั ิงาน ต้องใส่ใจจดจำรายละเอยี ดของมาตรฐาน
ด้านการเรียนการสอน ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของครู และความสามารถของครูในการจัดการเรียน
การสอน ในส่วนมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน ครูต้องเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่จะจัดกิจกรรม ดำเนินการ
ใหบ้ รรลุตามมาตรฐาน เกบ็ หลกั ฐานอย่างเป็นระบบ บนั ทกึ ทกุ เรื่องทที่ ำได้ สอดคล้องกบั สิ่งท่ีกำหนดไว้
เป็นเกณฑ์การประเมินคุณภาพ ครูทุกคนต้องเห็นการประกันคุณภาพเป็นงานหลัก ครูจึงจำเป็นต้องมี
ความรู้ ทักษะ และความสามารถด้านการประกันคุณภาพการศึกษา (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
2560) ดังนัน้ กระบวนการท่ีมีบทบาทเปน็ ผู้สนบั สนุน และเปน็ ตัวเชือ่ มในการพัฒนาความรู้ ทักษะ และ
ความสามารถของครู ก็คือ กระบวนการนิเทศการศึกษา เพราะการนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการ ให้
การช้แี นะ แนะนำ และให้ความร่วมมือต่อกิจกรรมของครู และถือเป็นมาตรการอย่างหน่ึงทสี่ ่งผลโดยตรง
ต่อมาตรฐานการจัดการศึกษา และการพัฒนาการศึกษาในทุกขั้นตอน การนิเทศการศึกษาเป็นท้ัง
ศาสตร์และศิลป์ในการช่วยให้ครูพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ
ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ให้สามารถดำเนินการได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี
คุณภาพมาตรฐานที่กำหนด จะเห็นได้ชัดว่า การนิเทศการศึกษามีความสำคัญและความจำเป็นอย่าง
มากต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการเรียนรู้ “กระบวนการ” ในการทำงานร่วมกัน
ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ และเป็นการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนโดยผ่านตัวกลาง คือ ครู และ
บุคลากรทางการศึกษา การนิเทศการศึกษาเปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนการทำงานของบุคลากร
ในสถานศึกษาให้พัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามความมุ่งหมายที่แท้จริงของการนิเทศ
การศกึ ษา

การนิเทศการศึกษามีหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งที่จะพัฒนาครูและการจักการศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล คือ การนิเทศภายใน เนื่องจาการนิเทศภายในโรงเรียนเป็นวิธีการสำคัญ
อย่างหนึง่ ในการบริหารการศึกษาท่มี ีผลต่อการพฒั นาคุณภาพผู้เรียนให้สูงข้ึน เพราะเป็นกจิ กรรมที่ช่วยให้
ผู้ปฏิบัติงานภายในโรงเรียนสามารถปฏิบัติงานในขอบเขตที่ตนเองรับผิดชอบประสบผลสำเร็จเป็นไปตาม

กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

200

คูม่ อื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

มาตรฐานและสอดคล้องกับระเบียบวิธีการดำเนินงานที่กำหนดไว้ การนิเทศภายในโรงเรียนเป็นยุทธวิธี
ที่ผู้เกี่ยวข้องควรหาแนวทางดำเนินการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 11, 2561 : 3) ซ่ึงสอดคลอ้ งกับ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2562 : 9)
กล่าวว่า กระบวนการนิเทศการศึกษาในระดับสถานศึกษา คือ การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นกิจกรรม
สำคัญในการสนับสนุน การเรียนการสอนภายในโรงเรียนให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ของผู้บริหาร
สถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าที่ ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและครูได้ปรับปรุง
คุณภาพการเรียนการสอนภายในชั้นเรียนและโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นกระบวนการ
ประกันคุณภาพของโรงเรียน ว่าโรงเรียนสามารถบริหารจัดการภายในโรงเรียนจนถึงเป้าหมายสุดท้าย คือ
คุณภาพผู้เรียน ตามมาตรฐานหลักสูตรและเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้กำหนดกระบวนการนิเทศภายในไว้ 5
ขั้นตอน คือ ข้นั ที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบนั ปญั หา และความต้องการ ขน้ั ที่ 2 การวางแผนการนิเทศ ขั้น
ท่ี 3 การสรา้ งสื่อ และเคร่ืองมอื นิเทศ ขน้ั ท่ี 4 การปฏิบัติการนเิ ทศ และข้ันที่ 5 การประเมินผลและรายงานผล
และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2561 : 61) กล่าวถึงแนวทางการประเมินคุณภาพ
ภายในสถานศึกษาว่า ให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กำกับดูแลสถานศึกษามีหน้าที่ในการ
ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ และแนะนำสถานศึกษา เพื่อให้การประกันคุณภาพสถานศึกษาของสถานศึกษา
พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ประกาศให้ปีการศึกษา 2562
เป็นปที องแห่งการนิเทศภายในโดยใชห้ ้องเรียนเปน็ ฐาน เพื่อพฒั นาคุณภาพของผู้เรยี น โดยมีเป้าหมายเพ่ือ
สรา้ งความเข้มแข็งของการนิเทศภายในโรงเรยี น ทง้ั ผบู้ รหิ าร ครู และศึกษานเิ ทศก์ จะต้องทำงานประสาน
ความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนชี้แนะ เสนอแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่ง
สถานศึกษาจะต้องดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษา มี
การสร้างความรู้ ความเข้าใจกับครูและบุคลากร การจัดทำข้อมูลสารสนเทศ รอบด้านของผู้เรียน การมี
ระบบการนิเทศภายใน การจัดทำแผนและคู่มือการนิเทศ การดำเนินการนิเทศ การสรุปผลการนิเทศ
ตลอดถงึ การรว่ มปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพจัดการศึกษาของโรงเรียนใหม้ ีคุณภาพยิ่งขึ้น

การพัฒนาครูให้สามารถปฏิบตั ิการนิเทศให้มีประสิทธิภาพ ศกึ ษานเิ ทศก์ ผ้บู ริหาร หรือเพื่อนครู
ด้วยกันต้องให้คำแนะนำช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงวิธีสอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นได้ การนิเทศจึงเป็น
กระบวนการที่เหมาะสมสามารถจะนำไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
สุมน อรมวิวัฒน์ (2545) กล่าวว่า หลักการสำคัญที่ทำให้กระบวนการนิเทศเกิดประสิทธิผลสูงสุด คือ
ความเป็นกัลยาณมิตรของพุทธศาสนา และวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ความมีน้ำใจ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข
ช่วยเหลือเกื้อกูลแนะแนวทางที่ถูกต้องด้วยการยอมรับนับถือซึ่งกันและกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ประสบการณ์โดยมุ่งหวังความสำเร็จ คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา6“การ
จดั การศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพฒั นาคนไทยให้เปน็ มนุษย์ ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ (หมายถงึ สขุ กาย สุขใจ)

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเกต็

201

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

สตปิ ญั ญา ความรู้ (หมายถึง เป็นคนเกง่ ) และคณุ ธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชวี ิตสามารถอยู่
ร่วมกบั ผู้อ่นื ไดอ้ ย่างมีความสุข (หมายถึง เป็นคนดขี องคนรอบข้างและสังคม)” พระธรรมปิฎก ป.อ .ปยุตฺโต
(2542: 631 - 632) กล่าวถึงความสำคัญของกัลยาณมิตรว่า “กัลยาณมิตร เป็นเสมือนผู้รู้ ทำให้สามารถ
ชี้แนะ ชักนำบุคคลอื่นให้สามารถพัฒนาตนเองในทิศทางที่เหมาะสมในทุกด้าน เนื่องจากมีประสบการณ์
โดยตรง หรืออาจจะเป็นประสบการณใ์ นลกั ษณะท่ีใกล้เคียงกัน ทำใหส้ มารถทจ่ี ะให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
และเปน็ ไปดว้ ยความรัก ความเมตตาปรารถนาดี เมือ่ บคุ คลมีกัลยาณมิตรที่ดีแลว้ กท็ ำใหเ้ ริ่มมีความเข้าใจ
หรือเห็นทางการฝึกปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีกัลยาณมิตรก็จะไม่มีผู้ที่คอยแนะนำ
แนวทางที่ถูกต้อง ทำให้มีโอกาสดำเนินชีวิตผิดพลาด ไปในทางที่ไม่เหมาะสม” ซึ่งสอดคล้องกับ กิติยวดี
และวภิ า (2544 : 95) ได้กล่าวถึงความสำคัญของความเป็นกัลยาณมิตรไวว้ ่า “ความเป็นกัลยาณมิตรเป็น
กุญแจทองที่จะไขประตูแห่งความเป็นมิตร ความอ่อนน้อมถ่อมตน ยังเป็นคุณสมบัติที่คนไทยทุกคน
ให้การต้อนรับ ความจริงใจ และความนุ่มนวลจะเป็นเครื่องหล่อลื่นสัมพันธภาพให้เลื่อนไหลสอดคล้องกัน
ไปสู่จุดหมายปลายทาง ความมีน้ำใจ เป็นหยดทิพย์ทีท่ ำให้จิตใจ ชุ่มชื่นเบิกบาน และท้ายที่สุด การใช้คำพดู
ที่สุภาพแต่จริงใจ และความสมำ่ เสมอจะเป็นเครื่องสง่ เสริมความรู้ทด่ี ีต่อกัน และพร้อมที่จะร่วมมือ ร่วมใจ
ขจัดปัญหาต่าง ๆ และสร้างสรรค์สิ่งที่ดงี ามแก่เด็ก เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม” สอดคล้องกับผลการวิจัย
ของ ธีระวิทย์ สกุณา (2556: 4) กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ฝ่ายนิเทศและฝ่ายรับการนิเทศได้ปรึกษาและ
ร่วมกันหาแนวทางแก้ปัญหาแบบกัลยาณมิตร ส่งผลให้ครูมีการพัฒนาการจัดการเรียนรู้สูงขึ้นการทำงาน
ร่วมกับครูเพ่ือพัฒนาและแก้ไขปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ มิใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ แต่เป็นการ
มงุ่ ผลการพฒั นาระยะยาวความพยายามใด ๆ ในการพัฒนาครูจึงต้องอาศยั การสนับสนุนการนิเทศ จึงควร
ดำเนนิ ไปในลักษณะของกระบวนการร่วมมือ การแนะนำช่วยเหลือดว้ ยความเป็นมิตรท่ีดีต่อกันส่งผลให้ครู
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การนิเทศแบบกัลยาณมิตร จึงควรนำมาใช้เป็นแนวทางการ
นิเทศภายในสถานศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะนำมาพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาภายในโรงเรียน ส่งผลต่อ
คุณภาพผู้เรียน ได้บรรลุผลตามหลักสูตรสถานศึกษา คุณภาพการบริหารและการจัดการ ของผู้บริหาร
และคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครู ที่ต้องเริ่มจากการสร้างศรัทธา เพื่อให้ใจและร่วมใจ ในการ
ปฏิรูปการเรียนรู้ให้ประสบผลสำเร็จ เน้นการสร้างสังคมการเรียนรู้ด้วยฐานปัญญา ฐานเมตตา และฐาน
ความเป็นจรงิ ของชวี ติ ที่เปน็ องค์ความรดู้ า้ นการนิเทศการศึกษาแบบไทย ๆ สามารถทจี่ ะสรา้ งวัฒนธรรมของ
โรงเรียนของเราเป็นวัฒนธรรมองค์กรของเรา จึงจะไม่มีว่าใครมาจากไหน เมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้วทำอย่างไร
ถึงจะหลอมรวมวัฒนธรรมกันได้ ซึ่งรูปแบบกัลยาณมิตรนิเทศนี้มีลักษณะเด่นในเรื่อง ให้ใจ คือ การมีใจให้
สร้างจิตอาสาในการทำงาน ร่วมใจ คือ การทำงานเป็นทีมช่วยให้เกิดพลัง ตั้งใจ คือ มีความวิริยะ
อุตสาหะ บากบั่น พยายาม ให้กำลังใจกัน สร้างสิ่งที่ดี ส่งเสริมเพิ่มเติม สิ่งที่ขาด และเปิดใจ คือ ในการ
ตรวจสอบ และการประเมนิ ผลเชิงบวก นอกจากน้ี กลั ยาณมิตรนิเทศ ยังสามารถเช่ือมโยง บูรณาการ และ
ปรับใช้ได้กับทุกมิติ เข้าร่วมได้กับทุกศาสตร์ของกระบวนการนิเทศแบบต่าง ๆ สอดคล้องได้เป็นอย่างยิ่ง

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

202

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

อีกทั้งครู ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน และบคุ ลากรทางการศึกษายังสามารถนำหลักกัลยาณมิตร มาปรบั ใช้ให้เข้ากับ
หลักการทำงานของตนเองได้อีกด้วย จึงเห็นว่า กระบวนการที่มีความจำเป็นและสำคัญยิ่งที่จะทำให้
คุณภาพการจัดการศึกษามีความเป็นมาตรฐานทางวิชาชีพ ในการส่งเสริมผู้เรียนให้มีคุณภาพที่ดีทุกด้าน
นั้น ควรใช้กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตรเป็นวิธีการที่จะเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา
ให้มคี ณุ ภาพสบื ต่อไป

จากเหตผุ ลดังกล่าวข้างต้น กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สังกัดสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ได้ตระหนัก และเห็นถึงความสำคัญของการนิเทศการศึกษา ซ่ึง
เป็นหน้าที่โดยตรงของศึกษานิเทศก์ ที่ต้องปฏิบัติงานนิเทศ เพื่อช่วยเหลือ แนะนำ ชี้แนะ และพัฒนา
คุณภาพการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จ ทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อีกทั้งเป็นองค์ประกอบ
สำคัญที่ช่วยเหลือสนับสนุน ให้กระบวนการบริหาร และกระบวนการเรียนการสอน มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานการศึกษา จึงได้กำหนดทิศทางการนิเทศภายในโรงเรียนขึ้น ทั้งสร้างความเข้มแข็ง
การนเิ ทศภายในสถานศึกษาให้มีประสิทธภิ าพ และประสทิ ธผิ ล ดว้ ยกระบวนการกำหนดทิศทาง การ
นิเทศภายในสถานศึกษา รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งการนิเทศภายในสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยพลังความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมสร้างจิตตระหนัก ให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ มีทกั ษะในการบริหารและการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา และครผู ู้สอนในการออกแบบ
กจิ กรรมการเรยี นการสอน ทเี่ น้นนกั เรียนเป็นสำคญั ตอ้ งดำเนนิ การด้วยหลักของกัลยาณมติ รนิเทศ ในบทบาท
ของศึกษานิเทศก์ จะต้องสร้างกระบวนการ/กิจกรรมให้เป็นรูปธรรม โดยอาศัยพลัง ของผู้บริหาร และ
ทีมบริหารสถานศึกษา เป็นกลไกในการนิเทศภายใน การจัดระบบของกิจกรรมให้ร่วมแรงร่วมใจ แบบ
กัลยาณมิตร และเกิดพลังขับเคลื่อนเป็นสิ่งสำคัญ การวางแผนกิจกรรมเป็นเสมือนงาน ในหน้าที่กิจวัตร
ประจำวัน และมีปฏิทินร่วมพัฒนา ร่วมขับเคลื่อน จนเกิดคุณภาพสามารถตอบโจทย์ ค่าเป้าหมายของ
สถานศึกษาที่กำหนดไว้ต้นปีการศึกษา การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายใน
สถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตรจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

วัตถุประสงค์

เอกสารคู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการ
นิเทศแบบกัลยาณมิตร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต มีวัตถุประสงค์ในการ
ดำเนนิ งาน ดงั นี้

1. เพ่อื เป็นแนวทางในการกำหนดค่าเปา้ หมาย ประเด็นพจิ ารณาก่อนการดำเนินการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร

2. เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาผลการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกัน
คุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร

กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเกต็

203

คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

3. เพื่อเปรียบเทียบค่าเป้าหมายก่อนนิเทศภายใน กับผลการดำเนินงานหลังการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

4. เพ่ือศึกษาความพงึ พอใจท่ีมีต่อการดำเนินการนิเทศด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

นิยามศัพท์

ค่าเป้าหมาย หมายถึง ภาพความสำเร็จในการดำเนินการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบ
ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ซึ่งกำหนดก่อนการดำเนินการ
นิเทศภายในของโรงเรียน ตามกรอบมาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย จำนวน 3 มาตรฐาน 14 ประเด็น
พจิ ารณา และกรอบมาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จำนวน 3 มาตรฐาน 21 ประเด็น
พิจารณา ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ และข้อกำหนดในกฎกระทรวงการประกัน
คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2561 โดยการกำหนดภาพความสำเร็จ ค่าเปา้ หมายนแ้ี ตล่ ะประเด็นพิจารณา
กำหนดให้มคี า่ เฉล่ยี โดยภาพรวมสูงกวา่ ประเดน็ พิจารณาจากปีการศึกษาท่ีผ่านมา

กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร หมายถึง การนิเทศภายในโรงเรียนที่ใช้รูปแบบ
กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร ด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอน 4 ขั้นงาน เด่นด้วย 4 จ. ดังน้ี

ขั้นตอนที่ 1 คือ ข้ันก่อนดำเนินการนิเทศ ประกอบ 2 ข้ันงาน คือ
ข้ันงานที่ 1 คิดงาน
ข้ันงานท่ี 2 ทำงาน

ข้ันตอนท่ี 2 คือ ขั้นการดำเนินการนิเทศ ประกอบ 4 ข้ันงาน คือ
ข้ันงานที่ 3 ติดตามงาน

ขั้นตอนที่ 3 คือ ขั้นหลังการดำเนินการนิเทศ ประกอบ 1 ขั้นงาน คือ
ขั้นงานที่ 4 สรุปงาน

เด่นดว้ ย 4 จ. หมายถงึ การปฏบิ ัตกิ ารนเิ ทศภายในโรงเรยี นท้ัง 3 ขนั้ ตอน และ 4 ข้นั งาน เดน่
ดว้ ย 4 จ. คอื 1. ใหใ้ จ 2. ร่วมใจ 3. ต้ังใจ และ 4. เปดิ ใจ

1. ใหใ้ จ : สร้างความเป็นมิตร
2. รว่ มใจ : รว่ มคดิ วางแผน
3. ต้งั ใจ : กระบวนการเน้น
4. เปดิ ใจ : นเิ ทศศรัทธา
กลุ่มเป้าหมาย หมายถึง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต
จำนวน 48 โรงเรียน

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเก็ต

204

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

คุณภาพการศึกษา หมายถึง ความสามารถในการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อข้อกำหนด
ความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีสำคัญต่อการจัดการศึกษาได้อย่างเหมาะสม
สมดุลและรอบด้าน ในที่นี้ คือ คุณภาพของสถานศึกษาที่บรรลุค่าเป้าหมายของสถานศึกษา 3 มาตรฐาน
ท้ังระดับการจัดประสบการณ์ปฐมวัย และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน

การประกันคุณภาพ หมายถึง การประเมนิ ผล การติดตามตรวจสอบ การทบทวน การปรับปรุง
และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาและกระบวนการที่เกี่ยวข้องของสถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษา
จากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษา หรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษา
หรอื หน่วยงานนนั้ และมีการกำกบั ตดิ ตาม ด้วยกระบวนการนิเทศภายในแบบกลั ยาณมิตร

การประเมินคุณภาพ หมายถึง การประเมินผล ติดตามตรวจสอบและจัดทำผลการประเมิน
และข้อเสนอแนะเพื่อการทบทวน ปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษา โดยสถานศึกษา เป็นการประเมิน
โดยผู้ทรงคุณวุฒิรับรองตนเองเป็นสำคัญ ปีการศึกษาละ 1 ครั้ง และรับการประเมินจากบุคคลภายนอก
สมศ. ตามนโยบายระบบการประกันคุณภาพภายนอก แต่ละครั้งที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ข้ันพน้ื ฐาน และ สมศ. กำหนดใหม้ กี ารประเมนิ

คุณภาพการประเมินภายในโรงเรียน หมายถึง ผลที่ได้รับการรับรองจากการประเมินคุณภาพ
ภายในของโรงเรียนทีใ่ ช้กระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร ด้วยกระบวนการ 3 ข้นั ตอน 4 ข้ันงาน เดน่ ด้วย
4 จ. แล้วส่งผลในเรื่อง คุณภาพผู้เรียน คุณภาพการบริหารและการจัดการ และคุณภาพการจัดการเรียน
การสอนของครู ผู้ให้การรับรองได้แก่บุคคลที่สถานศึกษา เชิญเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ
ระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา จากหนว่ ยงานภาครฐั เอกชน บคุ คลในชมุ ชน ฯลฯ

กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต

205

คูม่ ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

บทที่ 2

ความรพู้ ้นื ฐานการนิเทศภายในสถานศึกษา

การนิเทศภายในโรงเรียน

การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นกระบวนสำคัญวิธีการหนึ่งในการบริหารและการจัดการ
คุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้ประสบผลสำเร็จเป็นไปตาม
มาตรฐานตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีแนวคิดเกี่ยวกับ
การนิเทศภายในไว้อย่างนา่ สนใจ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2562 : ข) การนิเทศ
ภายในโรงเรียนเปน็ กิจกรรมสำคญั ท่สี ดุ ในการสนับสนนุ การเรียนการสอนภายในโรงเรียน ใหด้ ำเนนิ ไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหน้าท่ีที่สำคัญของผู้บริหารสถานศึกษาต้องดำเนินการให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนให้มี
ประสิทธภิ าพมากข้ึน และครูไดป้ รับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนภายในช้ันเรียน รวมทัง้ เป็นกระบวนการ
ประกันคุณภาพของโรงเรียนว่าโรงเรียนสามารถบริหารจัดการภายในโรงเรียน จนถึงเป้าหมายสุดท้าย คือ
คุณภาพผู้เรียนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานหลักสูตร และเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมทั้งโรงเรียนและบุคลากร
ในโรงเรียนเป็นทย่ี อมรับจากผมู้ ีสว่ นเกี่ยวขอ้ ง และกอ่ นหน้านี้ การดำเนินการนเิ ทศการศึกษาเป็นหน้าท่ี
ของบุคลากรภายนอกโรงเรียน ได้แก่ ศึกษานิเทศก์ ที่เข้ามาดำเนินการในโรงเรียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
แต่ในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป จำนวนโรงเรียนมีมากขึ้น ครู และนักเรียนมีมากขึ้น ทำให้
ศึกษานิเทศก์ไม่เพียงพอในการปฏิบัติงานได้ทั่วถึง และไม่สามารถให้บริการการนิเทศการศึกษา
ได้อย่างครอบคลุม ในภายหลังจึงต้องการนิเทศการศึกษาอีกรูปแบบเกิดขึ้น คือ การนิเทศภายใน
โรงเรยี น (สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11, 2554 : 6)

ความหมายการนเิ ทศภายในโรงเรียน

มีนักการศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้ให้ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน
ไวห้ ลายลกั ษณะแตกตา่ งกันไปตามวิวฒั นาการดา้ นการศึกษา ดังตอ่ ไปนี้

ฉวีวรรณ พันวัน (2552 : 9) กล่าวว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง กระบวนการร่วมกัน
ทางการศึกษาของผู้บริหารโรงเรียน และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ
และเกดิ ผลสมั ฤทธ์สิ งู สดุ แก่ผูเ้ รยี น ทำให้ผู้เรียนพฒั นาไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพตามจดุ หมายของหลกั สตู ร

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (2554 : 7) กล่าวถึง การนิเทศภายในโรงเรียน
หมายถึง กระบวนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทุกคนในโรงเรียน เพื่อการแก้ไข ปรับปรุง
และพัฒนางานในวิชาชีพครูให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ส่งผลให้นักเรียนได้รับการพัฒนา
ใหม้ ีคณุ ภาพตามเป้าหมายการศกึ ษาที่กำหนด และมผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนสงู ข้นึ

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเก็ต

206

คมู่ อื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

วัชรี เลา่ เรยี นดี (2556 : 109) การนเิ ทศภายในโรงเรียน หมายถงึ กระบวนการนิเทศการศึกษา
และกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาการเรียนการสอน ที่จัดดำเนินการในโรงเรียน โดยบุคลากรในโรงเรียน
เป็นหลกั ซ่งึ ประกอบด้วย ผู้บรหิ ารโรงเรียน คณะครู และบคุ ลากรอื่น ทีเ่ กี่ยวข้องกับการศึกษาในโรงเรียน
โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ เพ่ือพฒั นาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนโดยตรง

อรรถพร จตุรพัฒนานันท์ (2557 : 5) กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง กระบวนการ
ดำเนินงานร่วมกันของผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อแก้ไขปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธภิ าพ และประสิทธิผลส่งผลให้นักเรยี น ได้รับการพฒั นาใหม้ ีคุณภาพ
ตามเป้าหมายการศกึ ษาท่ีกำหนด

กล่าวโดยสรุป การนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง การมีส่วนร่วมของผู้บริหารโรงเรียน ครู
และบุคลากรทางการศึกษา เพอื่ พัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูใหม้ ีประสิทธิภาพ
และมปี ระสิทธผิ ล สง่ ผลต่อการพัฒนาผเู้ รียนให้เตม็ ตามศกั ยภาพ

หลกั การนเิ ทศภายในโรงเรียน

การนิเทศภายในโรงเรียนจะต้องมีหลักการเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการนิเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้
การนเิ ทศบังเกิดมีประสิทธภิ าพ และบรรลวุ ตั ถุประสงค์ ซงึ่ มีนกั วิชาการได้นำเสนอไว้ ดงั น้ี

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (2554 : 9-10) กล่าวว่า หลักการของการนิเทศ
ภายในโรงเรียน คือ ผู้นิเทศต้องมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการนิเทศอย่างถูกต้อง ตรงประเด็น มีระบบ
และขั้นตอนที่ชัดเจนในกระบวนการนิเทศ กระบวนการนิเทศที่เกิดขึ้นต้องเกิดจากความร่วมมือของคณะ
ครูทุกคนที่ปฏิบัติหน้าท่ีอยู่ในโรงเรียน และการนิเทศต้องเป็นไปเพ่ือการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน
ของครู และการนิเทศการศึกษาควรมีการบริหารเป็นกระบวนการเชิงระบบ มีการวางแผนการดำเนินงาน
มขี ้ันตอนในการปฏบิ ัติงาน ถอื หลกั การมสี ่วนร่วมในการทำงานมีความเป็นประชาธิปไตย มีการดำเนินงาน
อย่างสร้างสรรค์ มีการปัญหาท่ีเกิดขึ้นจากการเรียนการสอน สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น
สร้างความผูกพันและความมั่นคงต่องานอาชีพ รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพครูให้มีความรู้สึก
ภาคภูมใิ จในวชิ าชีพของตนเองพร้อมที่จะรับการพฒั นาอย่างต่อเนื่อง

อรรถพร จตุรพัฒนานนท์ (2557 : 9) กล่าวโดยสรุปว่า หลักการนิเทศภายในโรงเรียน คือ ผู้นิเทศ
ต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการนิเทศอย่างถูกต้อง ตรงประเด็น มีระบบ และขั้นตอนที่ชัดเจน การ
นิเทศที่ดีต้องสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นในการพัฒนาครู และนักเรียนการดำเนินงานจะต้องเป็น
ระบบ และต่อเนื่องอยู่บนพื้นฐาน ทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นประชาธิปไตย ความริเริ่มสร้างสรรค์ และ
เน้นให้บุคคลมีส่วนในการทำงานเน้นความร่วมมือร่วมใจ และใช้ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน
ส่งเสริม ให้บุคคลที่มีความสามารถพิเศษได้แสดงออกมา และพัฒนาอย่างเต็มที่ เคารพ และรับฟังความ
คิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งจัดบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ส่งเสริมให้การปฏิบัติงาน

กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

207

ค่มู ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

ไปตามเป้าหมาย หลักการนิเทศภายในจงึ มุ่งที่ครูเพื่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมในทางที่ดีข้ึน รวมท้ัง
ครูได้แสดงถึงความสามารถ และปฏิบัติการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้นักเรียนเปลี่ยนแปลง
พฤตกิ รรมไดเ้ หมาะสม และคณุ ภาพการเรียนการสอนของนกั เรียนสูงขึน้

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1 (2562 : 6) กล่าวว่า ในการนิเทศ
ภายในโรงเรยี น มีหลักการนเิ ทศท่ีสำคัญ ดงั น้ี

1. ผู้บริหาร มีความสำคัญที่สุด ในการพัฒนาระบบการนิเทศภายในโรงเรียนต้องควบคุม
กำกบั ตดิ ตาม การดำเนนิ งานอย่างใกล้ชดิ และมกี ารเสรมิ สร้างกำลงั ใจ

2. ผู้ทำการนิเทศภายในโรงเรียน เป็นผู้บริหาร หรือครูผู้สอน การดำเนินงานต้องสอดคล้อง
กับปัญหาและความตอ้ งการ เพื่อแก้ปญั หาและพฒั นาการเรยี นการสอน

3. การนิเทศภายในโรงเรียน ยึดหลักการมีส่วนร่วม มีพฤติกรรมเชิงบวก ใช้เทคนิควิธีการ
ดำเนินงานอย่างเปน็ ระบบ ตอ่ เนือ่ ง ยืดหยุ่นสอดคล้องกบั วิถีชีวิตในสังคม

4. บุคลากรตอ้ งยอมรับความจริง พรอ้ มรบั คำชแี้ นะเพอ่ื การพฒั นาตนเอง
กล่าวโดยสรุป หลักการนิเทศภายในโรงเรียน เป็นการดำเนินงานการนิเทศอย่างเป็นระบบ
และต่อเนื่อง ตามขั้นตอนของกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน โดยมีบุคคลหลักที่สำคัญในการ
ดำเนินการพัฒนากระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน คือ ผู้บริหารโรงเรียน และการนิเทศภายใน
โรงเรียนตอ้ งดำเนินการใหส้ อดคล้องความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการเรยี นการสอนของครู และ
พัฒนาคุณภาพผ้เู รียน

จดุ มงุ่ หมายการนิเทศภายในโรงเรียน

การดำเนินงานนิเทศภายในโรงเรียนจำเป็นต้องมีจุดมุ่งหมายในการดำเนินงาน เพราะ
จุดมุ่งหมายจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถมองเห็นแนวทางในการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้ การนิเทศ
บรรลุผล มีนักการศึกษาได้แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับจดุ ม่งุ หมายการนเิ ทศภายในโรงเรยี น ไว้ดงั น้ี

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 (2554 : 8) ได้กล่าวถึง การนิเทศภายใน
โรงเรียน มีจุดมุ่งหมายสำคญั คือ มุ่งช่วยเหลอื ประสานงานให้บุคลากรในโรงเรียนได้ปรับปรุงตนเอง
ทั้งด้านการสอน บุคลิกภาพ สร้างขวัญ และกำลังใจ ความพึงพอในในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และการรักษาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ตลอดจนการพัฒนา
วชิ าชพี ครใู ห้มคี วามกา้ วหนา้ มากยิ่งข้นึ

อรรถพร จตุรพัฒนานันท์ (2557 : 10) ได้กล่าวไว้ว่า การนิเทศภายในโรงเรียน มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อปรับปรุงพัฒนาความสามารถของครู ซึ่งได้แก่ ความรู้ ทักษะ และเจตคติของครูผู้สอน ในด้านการ
พัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้สามารถแก้ปัญหา และจัดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียน ได้อย่างมี

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

208

คูม่ อื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

ประสทิ ธภิ าพ โดยผนู้ ิเทศจะต้องดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูได้มีการพฒั นาตนเอง และ ให้กำลังใจ
อย่างต่อเนื่อง

กล่าวโดยสรุป การนิเทศภายในโรงเรียน มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือ ปรับปรุง และพัฒนา
กิจกรรมการเรียนการสอนของครู บุคลิกภาพ ขวัญกำลังใจ ตลอดจนมีความพึงพอใจในการปฏิบัติหน้าท่ี
การสอนอันจะส่งผลให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มตามศักยภาพ บรรลุมาตรฐานและตัวชี้วัด สอดคล้องกับ
จุดหมายของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551

บุคลากรที่เก่ยี วขอ้ งกบั การนเิ ทศภายในโรงเรยี น

บคุ ลากรท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการนิเทศภายในโรงเรียน ประกอบด้วยบคุ คล 3 ฝา่ ย คอื
1. ผู้ทำการนิเทศ หมายถึง บุคลากรท่อี ยภู่ ายในโรงเรียน ไดแ้ ก่ ผูอ้ ำนวย รองผอู้ ำนวยการ หัวหน้า
สายชน้ั และครูที่มคี วามร้คู วามสามารถในสาขาวิชาน้นั ๆ
2. ผูร้ ับการนเิ ทศ หมายถงึ ครหู รอื ผูร้ บั ประโยชน์จากการนิเทศ
3. ผู้สนับสนุนการนิเทศ หมายถึง ผู้สนับสนุนการนิเทศภายในโรงเรียนได้แก่ ผู้อำนวยการ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ หรือผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาพัทลุง เขต 1, 2562 : 6)
อรรถพร จตุรพฒั นานนั ท์ (2557 : 19) กลา่ ววา่ บคุ ลากรท่ีเกีย่ วข้องกบั การนิเทศภายในโรงเรียน
ประกอบด้วย ผนู้ เิ ทศ ผู้รบั การนิเทศ และผู้สนบั สนนุ การนเิ ทศ ซงึ่ ทกุ ฝา่ ยจะต้องประสานงานร่วมกัน ใน
การดำเนินการนิเทศ เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนครู ให้สามารถพัฒนาตนเอง ปรับปรุงสมรรถภาพการเรียน
การสอนให้เกิดประสิทธภิ าพสูงสุด

บทบาทของบุคลากรในการนิเทศภายในโรงเรียน

การส่งเสริมให้กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพ
บทบาทของบุคลากรในการนิเทศนับว่ามีความสำคัญยิ่ง ทั้งนี้คณะผู้นิเทศ จะต้องเลือกวิธีการนิเทศ
ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้รับการนิเทศ มีวิธีการนิเทศตามขั้นตอนของแต่ละกิจกรรมให้เป็นไป
อย่างราบรื่น และบรรลุตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการนิเทศ
(สำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11, 2554 : 14 - 15)

บุคลากรการนิเทศ หมายถึง ผู้บริหาร และคณะกรรมการการนิเทศของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
มีบทบาท และภารกิจสำคัญ ดงั นี้

1. บทบาทในการสง่ เสรมิ และจัดให้มกี ารนเิ ทศภายในโรงเรียน เพอ่ื ใหเ้ กิดการพฒั นาตนเอง
และสามารถดำเนินงานตามนโยบายได้ถกู ต้อง ทำหน้าท่นี เิ ทศภายในโรงเรียนได้อยา่ งสมบรู ณ์

กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

209

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

2. บทบาทในการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพครู โดยเฉพาะ

การจดั การเรยี นรู้ให้ดขี ้นึ ส่งเสรมิ ให้มีการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ นำมาปรบั ใช้ให้เหมาะสม

กับครใู นโรงเรียน

3. บทบาทในการจัดประชุมอบรม มีการจัดประชุมอบรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชุม

ปฏิบัติการ การสัมมนา อภิปรายกลุ่ม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมให้ครูมีโอกาสเข้ารับการอบรม

ในการพัฒนาวชิ าชีพ นำทกั ษะความรมู้ าปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

4. บทบาทในการติดตามประเมินผล ซึ่งจะช่วยให้ครูพัฒนาศักยภาพได้ดีขึ้น การประเมิน

เพอ่ื นำผลทไ่ี ด้มาปรบั ปรงุ แกไ้ ข ให้เกดิ การพฒั นาเชงิ สรา้ งสรรค์

5. บทบาทในการใช้กลุ่มโรงเรียน สมาคมวิชาชีพ หรือเครือข่ายเป็นแนวทางเพื่อก่อให้เกิด

ประโยชนแ์ ก่ครูในโรงเรียน โดยใช้กลุ่ม หรือเครือข่ายช่วยเหลือด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การจัดประชุม

ทางวชิ าการ การศกึ ษาเอกสาร การศึกษาดูงาน ฯลฯ

6. บทบาทในการสร้างครูต้นแบบในสาขาวิชาต่าง ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลในการพัฒนา และ

เปน็ แบบอย่างแก่ครูท่ัวไปได้

คณะกรรมการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียน หมายถึง บุคลากรที่อยู่ในโรงเรียน เช่น

ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ครูหัวหน้ากลุ่มงาน ครูหัวหน้าระดับชั้น หรือครูหัวหน้ากลุ่มสาระ

การเรียนรู้ รวมถึงครูที่มีความรู้ความสามารถ มีความชำนาญ/เชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านวิชาการ

ครูท่ีมีความรับผิดชอบสูง มนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู ดังนั้น คณะกรรมการดำเนินการ

นิเทศภายในโรงเรยี นควรประกอบด้วยบุคลากรดังต่อไปนี้

1. โรงเรยี นขนาดใหญพ่ เิ ศษ ขนาดใหญ่ และขนาดกลาง

1.1 ผู้อำนวยการ ประธาน

1.2 รองผู้อำนวยการ รองประธาน

1.3 ครูหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กรรมการ

1.4 ครหู วั หน้าระดบั ชน้ั กรรมการ

1.5 ครูท่ีไดร้ ับการคดั เลือกจากเพอื่ นครู กรรมการ

2. โรงเรียนขนาดเล็ก

2.1 ผู้อำนวยการ ประธาน

2.2 หัวหน้าวิชาการ รองประธาน

2.3 ครูท่ีไดร้ ับการคดั เลือกจากเพือ่ นครู กรรมการ

กลุ่มนิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

210

คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

บทบาทของผู้นิเทศ ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหาร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ต้องมีบทบาทหน้าท่ี
แตกตา่ งกัน เพื่อให้การนิเทศภายในโรงเรยี นบรรลวุ ัตถุประสงค์ โรงเรียนควรวางแผนดำเนินการ ดงั นี้

1. กำหนดนโยบายของการนิเทศภายในโรงเรียน เช่น ส่งเสริมให้ใช้กระบวนการกลุ่ม
ในการทำงานเพ่ือใหเ้ กิดความสามคั คีในหมู่คณะ

2. ส่งเสริมให้ครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศภายใน และหลักสูตร หรือเรื่องที่ครู
ส่วนใหญ่มีความต้องการพัฒนา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการปฏิบัติงานในหน้าที่ครู ตลอดจน
มเี จตคติทดี่ ีต่อการนเิ ทศภายในโรงเรียน

3. รว่ มประชุมวางแผนกบั คณะครูในโรงเรยี นเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรยี นการสอน
4. สนบั สนุนด้านงบประมาณ วสั ดอุ ปุ กรณ์ ตลอดจนขวญั และกำลังใจ
5. กระตนุ้ ใหค้ รูเกิดการตื่นตัวในด้านวิชาการอย่เู สมอ
6. ปฏิบัตกิ ารนิเทศภายในโรงเรยี นตามแผนการนิเทศของสถานศึกษา
7. เปดิ โอกาสใหค้ ณะครูมสี ว่ นรว่ มในการดำเนนิ งานนเิ ทศภายในโรงเรียนและมีการประเมินตนเอง
8. สร้างขวัญ และกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ยกย่องชมเชยในที่ประชุม
นำผลสำเรจ็ ของการปฏบิ ตั ิงานมาแสดงใหป้ รากฏแกบ่ ุคคลอื่น แตง่ ต้งั คณะทำงานตามความถนัด และ เปิด
โอกาสให้แสดงความสามารถอย่างเต็มท่ี
9. ติดตามประเมินผลและพัฒนาการดำเนนิ การนิเทศภายในโรงเรียน

แนวคิดในการปฏบิ ตั ิงานของผู้นเิ ทศ
ผู้บริหารสถานศึกษา และคณะกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนควรเข้าใจ และตระหนัก

เก่ียวกับการนเิ ทศภายในโรงเรียน ดังนี้
1. การเรมิ่ ตน้ จดั กิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนในระยะแรกควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ท่ี

ต้องเผชิญหน้ากัน เช่น การสังเกตการสอน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเกิดความขัดแย้งได้ง่าย ควร
เลือกกิจกรรมที่สร้างความคุ้นเคย เช่น การให้คำปรึกษาหารือ การศึกษาเอกสารทางวิชาการ หรือ
การศึกษาดูงาน เมอ่ื ครูคนุ้ เคยกับการนิเทศภายในโรงเรียน และมีความพร้อมจึงใชก้ ิจกรรมสังเกตการสอน

2. ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การนิเทศภายในโรงเรียน
ประสบความสำเร็จ การใช้กระบวนการกลมุ่ ดำเนินงานจะทำให้ได้ผลดีเป็นอย่างมาก

3. กจิ กรรมท่ีใช้ในการนิเทศ ควรตอบสนองต่อปัญหา ซงึ่ ต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ
โดยผลท่เี กดิ จากการแก้ปัญหา ให้เน้นการพัฒนาบุคลากรและพัฒนางาน

4. คณะกรรมการนิเทศ ควรศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำมาใช้ในการนิเทศครู
ในสถานศกึ ษา

5. สร้างศรทั ธา และความเขา้ ใจอันดีกับผรู้ บั การนิเทศ

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็

211

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

กลา่ วโดยสรุป บทบาทของบุคลากรในการนิเทศภายในโรงเรียน ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
มคี วามชำนาญ เช่ียวชาญ และประสบการณ์ด้านวิชาการ มีความรับผิดชอบสงู มนุษยสัมพนั ธ์ที่ดี และ
เป็นทยี่ อมรบั ของบุคลากรภายในโรงเรยี น

บทบาทของผ้รู บั การนเิ ทศ
การนิเทศภายในโรงเรียนจะประสบผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้รับการนิเทศ จะต้องให้ความร่วมมือใน

การดำเนนิ การนิเทศ ดังน้ี
1. ร่วมกิจกรรมในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการจดั ทำแผนการนเิ ทศภายในโรงเรียน
2. นำแนวทางท่ีไดร้ ับจากการนิเทศไปแก้ไขปัญหา หรอื พัฒนางาน
3. เสนอปัญหาต่อผู้นเิ ทศ เมอ่ื พบปัญหาระหวา่ งปฏบิ ตั ิงานเพ่ือร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
4. ใหค้ วามรว่ มมือในการประเมินผลการนิเทศ

ยทุ ธศาสตรก์ ารนิเทศภายในโรงเรียน
การนิเทศภายในโรงเรยี น มยี ทุ ธศาสตร์ในการดำเนนิ งาน ดงั นี้
1. สรา้ งภาพปลายทางใหช้ ัดเจน ภาพปลายทาง หมายถงึ สภาพความสำเร็จท่ตี ้องการให้เกิดขึ้น

ในสถานศึกษา ซึ่งต้องกำหนดให้ชัดเจน และให้ครูทุกคนมองเห็นสภาพความสำเร็จนี้ให้ตรงกัน มีความ
เขา้ ใจตรงกัน เพอ่ื ท่จี ะไดร้ ่วมมือกนั พัฒนาให้มุ่งไปสสู่ ภาพความสำเรจ็ ที่กำหนดนน้ั

2. สร้างภาพงานที่ชัดเจนตลอดแนว ภาพงาน หมายถึง การกำหนดภาระงานที่จะต้องวาง
แผนการดำเนินการให้มงุ่ สู่สภาพความสำเรจ็ ที่กำหนดไวว้ ่าจะต้องพัฒนาใคร ในเรอ่ื งใด และพัฒนาอย่างไร
(สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11, 2554 : 12)

ขอบข่ายของงานนิเทศภายในโรงเรียน
การนิเทศภายในโรงเรียน เป็นการนิเทศการปฏิบัติงานของครู และบุคลากรทางการศึกษา

ตามขอบข่าย และภารกิจการบริหารโรงเรยี นในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เป็น
นิติบุคคล ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโรงเรียน เพื่อให้บรรลุภารกิจของโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
ประกอบดว้ ย

1. การพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา
2. การพฒั นากระบวนการเรียนรู้
3. การจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา ตามแนวปฏิรูปการเรียนรู้แบบบูรณาการ และเน้น
ทกั ษะกระบวนการคิด
4. การวางแผนงานดา้ นวชิ าการ

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

212

ค่มู ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

5. การวดั และประเมินผล และดำเนินการเก่ยี วกับผลการเรียน
6. การวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา
7. การพัฒนาและสง่ เสริมแหล่งเรียนรู้
8. การพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา
9. การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
10. การแนะแนวทางการศึกษา
11. การจัดทำระเบียนและแนวปฏบิ ตั เิ กี่ยวกบั ขา้ ราชการ
12. การคัดเลอื กหนังสือ แบบเรยี น เพอื่ ใช้ในสถานศึกษา
13. การส่งเสรมิ และสนับสนุนให้ครจู ดั ทำแฟ้มข้อมูลนักเรยี นเป็นรายบุคคล
14. การสนับสนนุ ให้ครูผลิตและใช้ส่ือการเรียนรู้
15. การสอนซ่อมเสริม
กล่าวโดยสรุป ความรูพ้ ื้นฐานการนิเทศภายในโรงเรียน นั้น ผู้มีสว่ นเก่ียวข้องกับการนิเทศภายใน
โรงเรียน จำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการสร้างระบบนิเทศภายในโรงเรียน เข้าใจ
ความหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน หลักการนิเทศภายในโรงเรียน จุดมุ่งหมายของการนิเทศภายใน
โรงเรียน บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศภายในโรงเรียน บทบาทของผู้บุคลากรในการนิเทศภายใน
โรงเรียน บทบาทของผู้รับการนิเทศ ยุทธศาสตร์การนิเทศภายในโรงเรียน ขอบข่ายของงานนิเทศภายใน
โรงเรียน และกระบวนการนิเทศการศึกษา

กระบวนการนเิ ทศภายในโรงเรยี น

การนิเทศภายในโรงเรียน ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญยิ่งของผู้บริหารโรงเรียนในการสร้าง
ความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรในโรงเรียน ให้เกิดการพัฒนาตนเองในการทำงานเพื่อผลสำเร็จ
ของการบริหารการศึกษา การนิเทศภายในโรงเรียนมีลักษณะการปฏิบัติเช่นเดียวกับกิจกรรมอื่น ๆ
ต้องอาศยั กระบวนการ ขนั้ ตอนในการดำเนินงานอยา่ งเป็นระบบ และต่อเน่อื ง สำหรบั ยดึ เป็นแนวทาง
ไปสู่เป้าหมายที่พึงประสงค์ (อรรถพร จตุรพัฒนานันท์, 2557 : 20) ซึ่งกระบวนการนิเทศนี้มีความ
เชื่อมโยง และเป็นกระบวนการที่เกี่ยวพันกันกับกระบวนการนิเทศการศึกษา ซึ่งการดำเนินการในการนิเทศ
ให้ได้รับความสำเร็จ สิ่งสำคัญในการจัดการนิเทศการศึกษา ก็คือ จะดำเนินการอย่างไรจึงจะทำให้ประสบ
ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ไดว้ างไว้ ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ านทางการนเิ ทศการศึกษา เรยี กได้อกี อย่างหน่ึงว่า
“กระบวนการนิเทศ” เนื่องจากกระบวนการเป็นเทคนิควิธีในการทำงาน ดังนั้น กระบวนการทำงาน
ของแต่ละบุคคลย่อมจะมีความแตกต่างกันไป (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11,
2554 : 16) มีนักการศึกษาได้กำหนดกระบวนการนิเทศการศึกษาไว้หลายรูปแบบให้ยึดเป็นหลัก
ในการปฏิบัติ เช่น

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

213

ค่มู อื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

กระบวนการนเิ ทศของ Harris (อ้างถึงใน สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11,
2554 : 16 - 18) ประกอบด้วยกระบวนการนิเทศไว้ 5 ขัน้ ตอน ดงั น้ี

1. ขั้นวางแผน (Planning) ได้แก่ การคิด การตั้งวัตถุประสงค์ การคาดการณ์ล่วงหน้า การ
กำหนดตารางงาน การคน้ หาวธิ ปี ฏิบตั ิงาน และการวางโปรแกรมงาน

2. ขั้นการจัดโครงการ (Organizing) ได้แก่ การตั้งเกณฑ์มาตรฐาน การรวบรวมทรัพยากร
ที่มีอยู่ทั้งคนและวัสดุอุปกรณ์ ความสัมพันธ์แต่ละขั้น การมอบหมายงาน การประสานงาน การกระจาย
อำนาจตามหน้าที่ โครงสรา้ งขององค์การ และการพฒั นานโยบาย

3. ขั้นการนำเข้าสู่การปฏิบัติ (Leading) ได้แก่ การตัดสินใจ การเลือกสรรบุคคล การสร้าง
แรงจูงใจให้มีกำลังคิดริเริ่มอะไรใหม่ ๆ การสาธิต การให้คำแนะนำ การสื่อสาร การกระตุ้น การส่งเสริม
การให้คำแนะนำนวตั กรรมใหม่ ๆ และใหค้ วามสะดวกในการทำงาน

4. ขั้นการควบคุม (Controlling) ได้แก่ การสั่งการ การให้รางวัล การลงโทษ การให้โอกาส
การตำหนิ การไล่ออก และการบงั คับให้กระทำตาม

5. ขั้นประเมินผล (Appraising) ได้แก่ การตัดสินใจการปฏิบัติงาน การวิจัย และการวัดผล
การปฏิบัติงาน กิจกรรมท่ีสำคญั คอื พจิ ารณาผลงานในเชงิ ปฏิบัตวิ ่าไดผ้ ลมากน้อยเพียงใด และวัดผล
ดว้ ยการประเมนิ อย่างมีแบบแผน มีความเท่ียงตรง ท้งั นี้ ควรจะมีการวิจยั ด้วย

Harris ได้พัฒนาให้มีความสมบูรณ์เหมาะสมกับการนิเทศมากขึ้น โดยเน้นการวางแผน
ปฏบิ ัตงิ านมากกว่าการควบคุมงาน ทำให้มขี ั้นตอนเพิม่ ขนึ้ เปน็ 6 ขนั้ ตอน ดงั นี้

1. ประเมินสภาพการทำงาน (Assessing) เป็นกระบวนการศึกษาถึงสถานภาพต่าง ๆ รวมท้ัง
ข้อมูลท่จี ำเปน็ เพอ่ื จะนำมาเปน็ ตวั กำหนดถงึ ความตอ้ งการจำเปน็ เพอ่ื กอ่ ให้เกดิ ความเปลี่ยนแปลง ซง่ึ
ประกอบดว้ ยงานตอ่ ไปน้ี คือ

1.1 วเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยการศึกษา หรือพิจารณาธรรมชาติ และความสัมพนั ธ์ของสิ่งต่าง ๆ
1.2 สงั เกตส่งิ ตา่ ง ๆ ดว้ ยความรอบคอบถถี่ ้วน
1.3 ทบทวนและตรวจสอบส่งิ ต่าง ๆ ด้วยความระมดั ระวงั
1.4 วดั พฤตกิ รรมการทำงาน
1.5 เปรียบเทียบพฤตกิ รรมการทำงาน
2. จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritizing) เป็นกระบวนการกำหนดเป้าหมาย จุดประสงค์
และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามลำดบั ความสำคัญจะประกอบดว้ ยงานต่อไปน้ี คือ
2.1 กำหนดเปา้ หมาย
2.2 ระบจุ ดุ ประสงค์ในการทำงาน
2.3 กำหนดทางเลือก
2.4 จัดลำดบั ความสำคญั

กล่มุ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

214

คมู่ อื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

3. ออกแบบการทำงาน (Designing) เป็นกระบวนการวางแผน หรือกำหนดโครงการต่าง ๆ
เพือ่ ก่อให้เกิดการเปลย่ี นแปลงโดยประกอบดว้ ยงานตอ่ ไปน้ี คอื

3.1 จัดสายงานให้ส่วนประกอบต่าง ๆ มคี วามสัมพนั ธ์กนั
3.2 หาวิธีการนำเอาทฤษฎี หรอื แนวคดิ ไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิ
3.3 เตรียมการต่าง ๆ ใหพ้ ร้อมที่จะทำงาน
3.4 จัดระบบการทำงาน
3.5 กำหนดแผนในการทำงาน
4. จัดสรรทรัพยากร (Allocating Resources) เป็นกระบวนการกำหนดทรัพยากรต่าง ๆ ให้เกิด
ประโยชน์สงู สุดในการทำงาน ซ่ึงประกอบดว้ ยงานตอ่ ไปน้ี คือ
4.1 กำหนดทรัพยากรที่ตอ้ งใชต้ ามความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ
4.2 จดั สรรทรพั ยากรไปใหห้ น่วยงานต่าง ๆ
4.3 กำหนดทรพั ยากรทจ่ี ำเปน็ จะต้องใช้สำหรับจุดมุง่ หมายบางประการ
4.4 มอบหมายบุคลากรให้ทำงานในแต่ละโครงการ หรือแตล่ ะเป้าหมาย
5. ประสานงาน (Coordinating) เปน็ กระบวนการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คน เวลา วสั ดุอุปกรณ์ และ
สิ่งอำนวยความสะดวกทุก ๆ อย่าง เพื่อจะให้การเปลี่ยนแปลงบรรลุผลสำเร็จงานในกระบวนการ
ประสานงาน ไดแ้ ก่
5.1 ประสานการปฏิบตั งิ านในฝ่ายต่าง ๆ ให้ดำเนินงานไปดว้ ยกนั ดว้ ยความราบรืน่
5.2 สร้างความกลมกลนื และความพรอ้ มเพยี งกัน
5.3 ปรบั การทำงานในส่วนตา่ ง ๆ ให้มีประสิทธภิ าพให้มากท่สี ุด
5.4 กำหนดเวลาในการทำงานในแตล่ ะช่วง
5.5 สรา้ งความสมั พนั ธ์ใหเ้ กิดขึ้น
6. นำการทำงาน (Directing) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิด
สภาพทเ่ี หมาะสมอันจะสามารถบรรลุผลแหง่ การเปล่ียนแปลงใหม้ ากที่สดุ ซ่ึงไดแ้ ก่
6.1 การแต่งตั้งบุคลากร
6.2 กำหนดแนวทางหรือกฎเกณฑ์ในการทำงาน
6.3 กำหนดระเบยี บแบบแผนเกย่ี วกับเวลา ปริมาณ หรืออตั ราเร็วในการทำงาน
6.4 แนะนำและปฏิบตั งิ าน
6.5 ช้แี จงกระบวนการทำงาน
6.6 ตัดสินใจเกี่ยวกับทางเลือกในการปฏิบัติงาน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต 11, 2554 : 16-18)

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต

215

คมู่ ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

กระบวนการนิเทศการศึกษาของ Allen (อ้างถึงใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 11, 2554 : 18) ประกอบด้วยกระบวนการหลกั 5 กระบวนการทเ่ี รยี กวา่ “POLCA” คอื

1. กระบวนการวางแผน (Planning Processes) เป็นกระบวนการที่กำหนดเป้าหมาย
โดยคำนึงถึงสิ่งที่จะทำว่ามีอะไรบ้าง กำหนดแผนงานว่าจะทำสิ่งไหน เมื่อไหร่ กำหนดจุดประสงค์
ในการทำงานคาดคะเนผลทจ่ี ะเกดิ จากการทำงาน กำหนดวธิ ีการทำงาน และปฏิทินในการทำงาน

2. กระบวนการจัดสายงาน (Organizing Processes) เป็นกระบวนการจัดการระหว่างงาน
กับบคุ คล หรอื จดั บุคลากรตา่ ง ๆ เพือ่ ทำงานตามแผนงานที่วางไว้ โดยกำหนดเกณฑม์ าตรฐานในการทำงาน
ประสานงานกับบุคลากรต่าง ๆ จัดให้มีการประสานงานสัมพันธก์ ันระหว่างผู้ทำงาน จัดทำโครงสร้าง
ในการปฏิบัติงาน จดั ทำภาระหน้าทขี่ องบคุ ลากร และพฒั นานโยบายในการทำงาน

3. กระบวนการนำ (Leading Processes) เป็นกระบวนการขับเคลื่อนบุคลากรต่าง ๆ ให้ทำงานนั้น
ประกอบด้วยการตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ให้คำปรึกษาแนะนำ สร้างนวัตกรรมในการทำงาน
ทำการสื่อสาร เพื่อความเข้าใจในคณะทำงาน สร้างแรงจูงใจในการทำงาน เร้าความสนใจในการทำงาน
อำนวยความสะดวกในการทำงาน ริเริ่มการทำงาน แนะนำการทำงาน แสดงตัวอย่างในการทำงาน
บอกขนั้ ตอนการทำงาน และสาธิตการทำงาน

4. กระบวนการควบคุม (Controlling Processes) เปน็ กระบวนการกำกับใหเ้ กดิ คุณภาพ การ
ปฏิบัติงานประกอบด้วย การช่วยแก้ไขการทำงานที่ไม่ถูกต้อง การว่ากล่าวตักเตือนในสิ่งที่ผิดพลาด การ
กระตุ้นใหท้ ำงานการปลดคนท่ีไม่มีคุณภาพให้ออกจากงาน การสร้างกฎเกณฑ์ในการทำงาน และ การ
ลงโทษผู้กระทำผดิ

5. กระบวนการประเมินผลการทำงาน (Assessing Processes) ประกอบด้วย การพิจารณา
ตัดสินเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน การวัดและประเมินพฤติกรรมในการทำงาน และการวิจัยผลการปฏิบัติงาน
(สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 11, 2554 : 18)

กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE สงัด อุทรานันท์ (อ้างถึงใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 11, 2554 : 18 - 22) กล่าวสรปุ ไวว้ า่ กระบวนการนิเทศการศกึ ษา มี 5 ขัน้ ตอนในการดำเนินการ คอื

ขั้นที่ 1 วางแผนการนิเทศ (Planning - P) เป็นขั้นตอนที่ผู้บริหารผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศ
จะทำการประชุมปรึกษาหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหา และความต้องการจำเป็นที่จะต้องมีการนิเทศ
รวมทั้งวางแผนถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานเกยี่ วกบั การนิเทศทจ่ี ะจัดขนึ้

ขนั้ ท่ี 2 ให้ความรู้ ความเข้าใจในการทำงาน (Informing - I) เปน็ ข้นั ตอนของการให้ความรู้
ความเข้าใจถึงสิ่งที่จะดำเนินงานว่าจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถอย่างไรบ้าง จะมีขั้นตอน
ในการดำเนินงานอย่างไร และจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ได้ผลงานออกมาอย่างมีคุณภาพ ขั้นตอนนี้
มีความจำเป็นสำหรับการเริ่มการนิเทศที่จัดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม และมีความจำเป็น

กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

216

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

สำหรับงานนิเทศที่ยังไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่ถึงขั้นที่พอใจซึ่งจำเป็นจะต้องทำการทบทวนให้ความรู้
ในการปฏบิ ตั งิ านท่ีถูกตอ้ งอีกครัง้ หนึง่

ขั้นท่ี 3 ลงมอื ปฏิบัตงิ าน (Doing - D) ประกอบด้วยงานใน 3 ลกั ษณะ คือ
3.1 การปฏิบัติงานของผู้รับนิเทศ เปน็ ขั้นตอนทผี่ รู้ บั การนิเทศลงมือปฏิบัติงานตาม

ความร้คู วามสามารถท่ีไดร้ ับมาจากดำเนนิ การในขัน้ ท่ี 2
3.2 การปฏิบัติงานของผู้ให้การนิเทศ ขั้นตอนนี้ผู้ให้การนิเทศจะทำการนิเทศและ

ควบคมุ คุณภาพให้งานสำเร็จออกมาทนั ตามกำหนดเวลาและมีคุณภาพสูง
3.3 การปฏิบัตงิ านของผูส้ นับสนนุ การนิเทศ ผู้บริหารจะให้บริการการสนับสนุนใน

เร่อื งวสั ดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเครือ่ งใชต้ า่ ง ๆ ที่จะชว่ ยให้การปฏบิ ัตงิ านเปน็ ไปอย่างได้ผล
ข้นั ที่ 4 สร้างเสริมกำลังใจ (Reinforcing - R) ขัน้ ตอนน้ีเป็นข้นั ของการเสริมกำลงั ใจของผู้บริหาร

เพื่อให้ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและบังเกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงานขั้นนี้ อาจจะดำเนินการ
ไปพรอ้ ม ๆ กนั กบั ผ้ทู ีร่ บั การนิเทศกำลังปฏิบตั ิงาน หรือการปฏิบัติงานได้ดำเนนิ การเสรจ็ สิ้นลง

ขัน้ ท่ี 5 ประเมินผลผลิตของการดำเนินการ (Evaluating - E) เป็นขนั้ ท่ผี ู้นิเทศทำการประเมินผล
การดำเนินการซึ่งผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่างไร หลังจากการประเมินผลการนิเทศ หากพบว่ามีปัญหา
หรืออุปสรรคอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้การดำเนินงานไม่ได้ผล สมควรจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไข
ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขอาจจะทำได้โดยการให้ความรู้ในสิ่งที่ทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง สำหรับกรณีที่ผลงาน
ออกมายงั ไมถ่ ึงขนั้ ทีพ่ อใจ หรือดำเนนิ การปรบั ปรุงการดำเนินงานท้ังหมด สำหรบั กรณีการดำเนินงาน
ไม่ได้ผล และถ้าหากการประเมินผล พบว่าประสบผลสำเร็จตามที่ได้ตั้งไว้ หากจะได้ดำเนินการนิเทศ
ตอ่ ไปก็สามารถทำไปได้เลยโดยไมต่ อ้ งให้ความรู้ในเรื่องนี้อกี

กระบวนการนิเทศแบบ PDCA (อ้างถึงใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11, 2554 :
20) เป็นกระบวนการนิเทศการศึกษาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นที่รู้จักกันมายาวนาน กระบวนการ
ประกอบด้วย

ขั้นที่ 1 ดำเนินการวางแผน เป็นขั้นเตรียมการนิเทศโดยศึกษาข้อมูลสารสนเทศประมวล
สภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาการศึกษา กำหนดจุดมุ่งหมายการนิเทศ จัดทำแผน
การนิเทศ กำหนดเนื้อหาการนิเทศ ออกแบบการนิเทศ สื่อนิเทศ จัดเตรียมเครื่องมือนิเทศ กำหนด
กรอบการประเมิน วธิ ีการตดิ ตามและการรายงานผลการนเิ ทศ และขออนมุ ตั โิ ครงการ งบประมาณ

ข้ันที่ 2 ดำเนนิ การตามแผนนิเทศ โดยประชุมเพื่อทบทวนจุดมุ่งหมายการนิเทศ แบ่งหน้าท่ี
ภาระงานในการนิเทศ ประสานงานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และนิเทศตามแผนด้วยรูปแบบ เทคนิค วิธีการ
ทก่ี ำหนด

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

217

ค่มู อื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

ขั้นที่ 3 ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผล เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตาม
จุดม่งุ หมายหรอื ไม่ และมีสภาพการจดั การเรียนการสอนท่ีครูปฏิบัตจิ ริง ปญั หา อปุ สรรค ที่เป็นข้อมูล
สารสนเทศทต่ี อ้ งตรวจสอบดูใหม่ แล้วปรับปรงุ การนเิ ทศต่อไป

ข้ันท่ี 4 การนำผลการประเมนิ มาปรับปรุง เมื่อสิน้ สดุ ผลการนิเทศแต่ละคร้ัง ควรรายงานผล
ใหผ้ ู้บังคบั บัญชาทราบโดยทำเป็นบนั ทกึ ข้อความ หรอื แบบรายงานทก่ี ำหนดไวใ้ นหวั ข้อประเดน็ ตา่ ง ๆ
เช่น ผู้นิเทศ ผู้รับการนิเทศ วันเดือนปีที่นิเทศ กิจกรรมที่นิเทศ เนื้อหาสาระที่นิเทศ การประเมินผล
ของผู้รบั การนเิ ทศ และขอ้ ควรพัฒนา

กระบวนการนิเทศเชิงระบบ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(2555 : 6 - 17) ได้ใช้กระบวนการเชิงระบบที่ทำให้การนิเทศบรรลผุ ลสำเร็จอย่างมีประสิทธภิ าพ และ
ประสิทธิผลต่อผลลัพธ์ที่กำหนดอยู่บนพื้นฐานหลักการความต้องการเป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ปัญหา
เชิงตรรถวิทยา ซึ่งประกอบด้วย สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) กระบวนการหรือการดำเนินงาน (Process)
ผลผลติ หรอื การประเมินผล (Output) ในการดำเนินงานนิเทศภายใน ดังนี้

1. สิ่งที่ป้อนเข้าไป (Input) เป็นขั้นตอนการเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการ
นเิ ทศภายใน ดงั น้ี

1.1 กำหนดเกณฑ์ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยวิธีวิเคราะห์ตีความตาม
นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัดตามลำดับ กำหนดเกณฑ์ (ระดับ) ของพฤติกรรมข้ันตำ่ ท่ีบรรลุเป้าหมาย

1.2 สภาพปจั จุบัน อาจสรุปจากข้อมูลท่มี ีอยู่ เช่น ผลการเรียน หรือโดยการสร้างเครื่องมือ
วดั ตามประเด็นและนำมากำหนดเป็นเกณฑ์ เก็บรวบรวมข้อมลู จากกลุ่มตวั อย่างต่าง ๆ ท่เี หมาะสม

1.3 ประเมินสภาพความต้องการจำเป็นของสถานศึกษา โดยเปรียบเทียบข้อมูลสถานศึกษา
กบั เกณฑจ์ ัดลำดบั ความสำคัญของปัญหาและวิเคราะหส์ าเหตุของปัญหา

1.4 กำหนดเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาโดยศึกษาจากแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ศึกษาข้อจำกัด
ต่าง ๆ เพอ่ื กำหนดเป้าหมาย (นโยบายระดับสถานศึกษา) ทัง้ ด้านคณุ ภาพ / ด้านปริมาณ

1.5 วางแผนการแก้ปัญหา (หาทางเลือก) ศึกษาสภาพปัญหาและศึกษาวิธีการแก้ปัญหา
จากแหล่งต่าง ๆ เช่น จากเอกสารการศึกษาดูงาน การเชิญวิทยากร การเชิญผู้เชี่ยวชาญ หรือการระดม
พลังสมอง เพื่อหาทางเลือก และประเมินทางเลือกโดยพิจารณาจากทรัพยากร และข้อจำกัดต่าง ๆ และ
เลือกทางเลือกท่ีเหมาะสมท่สี ุด เชน่ การวจิ ยั ผลติ สอื่ การจดั อบรมให้กำหนดกิจกรรม และทำแผนปฏิบัติ
การ (เขียนโครงการ)

2. กระบวนการหรือการดำเนินงาน (Process) เป็นการนำเอาสิ่งที่ป้อนเข้ามาจัดกระทำ เพื่อให้
เกิดผลบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และดำเนินการตามแผน โดยการประชุมคณะทำงาน ดำเนินการ
นิเทศตามแผน ติดตามและประเมินตามแผนท่ีได้ดำเนนิ การ

กลุม่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

218

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

3. ผลผลิตหรือการประเมินผล (Output) เป็นผลที่ได้จากการกระทำในขั้นที่สอง เป็นสภาพ
การดำเนินงานของสถานศึกษาทั้งเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ สภาพปัญหา และแนวทางการพัฒนาปรับปรุง
ใหม้ คี ณุ ภาพ

นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้แบ่งการนิเทศ
เป็น 2 ลักษณะ คือ การนิเทศภายนอก (External Supervision) และการนิเทศภายใน (Internal Supervision)
ซึ่งเป็นการนิเทศโดยบุคลากรที่อยู่ในหน่วยงานเดียวกันเป็นการมองงานและพัฒนางานโดยผู้รว่ มปฏิบัติงาน
ด้วยกัน ซึ่งสามารถช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที และสามารถพัฒนางานให้ดีขึ้น เพราะได้รับ
ความชว่ ยเหลือจากผบู้ ริหาร ลดชอ่ งว่าระหว่างผู้บรหิ ารและผู้ปฏบิ ัตงิ านได้ ซึง่ กระบวนการนิเทศ มี
ข้ันตอนทสี่ ำคัญ ดงั น้ี

1. ศกึ ษาสภาพปัญหา หรือศกึ ษาหาความจำเป็นของการนิเทศ
2. วางแผนการนเิ ทศ
3. เตรยี มการนิเทศ
4. ปฏิบตั ิการนิเทศ
5. ประเมนิ ผล และปรับปรุงการนิเทศ
6. รายงานผลการนิเทศ
กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน (วัชรา เล่าเรียนด,ี 2550 : 27- 28) ไดเ้ สนอกระบวนการ
นิเทศภายในโรงเรียนใน การปรบั ปรงุ และพฒั นาการจดั การเรียนการสอนในชัน้ เรียน ดงั น้ี
1. วางแผนร่วมกันระหว่างผนู้ ิเทศและผรู้ บั การนิเทศ
2. เลอื กประเด็น หรือเร่อื งทสี่ นใจจะปรบั ปรงุ พัฒนา
3. นำเสนอโครงการพัฒนาและข้ันตอนการปฏิบตั ิให้ผู้บริหารโรงเรียนได้รับทราบ และขออนุมัติ
การดำเนินการ
4. ให้ความรู้หรือแสวงหาความรู้จากเอกสารต่าง ๆ และการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับ
เทคนคิ การสังเกตการสอนในชั้นเรียน และความรเู้ ก่ยี วกบั วิธีการสอน และนวตั กรรมใหม่ ๆ ทน่ี ่าสนใจ
5. จัดทำแผนการนิเทศ กำหนด วัน เวลา ที่จะสังเกตการสอน ประชุมปรึกษาหารือ เพื่อแลกเปลี่ยน
ความคดิ เห็นและประสบการณ์
6. ดำเนนิ การตามแผนโดยครแู ละผ้นู ิเทศ (แผนการจดั การเรยี นรู้ และแผนการนิเทศ)
7. สรุปและประเมินผลการปรบั ปรุง และพฒั นารายงานผลสำเรจ็
สรุปได้ว่า กระบวนการนิเทศภายในต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนในการดำเนินการ
ท่ชี ัดเจน และต่อเน่ืองสัมพันธ์กัน โดยมีขั้นตอนทสี่ ำคัญอยู่ 4 ขน้ั ตอน ได้แก่
1. การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการนิเทศ สภาพที่เป็นจริง ตามตัว
บ่งชี้ด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนขณะนั้น มีการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลตัวบ่งชี้คุณภาพต่าง ๆ ตามเกณฑ์

กล่มุ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

219

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

มาตรฐานต่ำที่สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติกำหนด มีการสำรวจและประเมิน
ความต้องการของครู จัดลำดับความสำคัญของปัญหา และความต้องการ ตลอดจนวิเคราะห์สาเหตุ
ของปัญหา และจัดลำดับความสำคัญของสาเหตุ กำหนดทางเลือกในการแก้ปัญหา และการดำเนินการ
ตามความต้องการ

2. การวางแผนการนิเทศ เป็นการนำข้อมลู ผลการวิเคราะหส์ ภาพปัจจุบัน ปัญหา สาเหตขุ อง
ปัญหาและความต้องการ มากำหนดกิจกรรมและแนวทางการปฏิบัติงานนิเทศ การวางแผนนิเทศ
ภายในโรงเรียนเป็นขั้นตอนที่นำเอาทางเลือกที่จะดำเนินการมารวมกันกำหนดรายละเอียดกิจกรรม
และจดั ลำดบั ขน้ั ตอนการปฏิบัติ เขยี นเป็นโครงการนเิ ทศภายในโรงเรียน

3. การปฏิบัติการนิเทศ เป็นการดำเนินการนิเทศตามกิจกรรมที่กำหนดในโครงการนิเทศ
ภายในโรงเรียน ในการปฏิบัติการนิเทศภายในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนหรือผู้นิเทศจะต้องนำ
หลักการนิเทศเทคนิค ทักษะ สื่อ กิจกรรม และเครื่องมือนิเทศไปใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และ
บุคลากรผู้รับการนิเทศ เพื่อให้การปฏิบัติกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนดำเนินการไปด้วยความ
เรียบร้อย ผู้บริหาร และผู้นิเทศควรเตรียมความพร้อมก่อนการนิเทศแล้ว จึงปฏิบัติการนิเทศเพ่ือ
เสรมิ แรงให้กำลังใจ รับทราบปัญหาความต้องการของผรู้ ับการนิเทศแลว้ นำปัญหาความต้องการนั้นมา
พิจารณาหาทางช่วยเหลือสนับสนนุ

4. การประเมินผล เป็นการตรวจสอบความสำเร็จของโครงการกับวัตถุประสงค์และ
เป้าหมายที่วางไว้ มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ประเมินความคิดเพื่อทราบความพึงพอใจ
ของผู้รับการนิเทศประเมินกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน สรุปรวมผลการประเมินเพื่อใช้เป็น
ข้อมูลสำหรับการปรับปรุงการปฏิบัติงานในโอกาสต่อไป (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขต 11, 2554 : 24 - 25)

ดังนั้น กระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน จะต้องประกอบด้วย การวางแผนร่วมกัน การจัดทำ
โครงการตามประเด็นปัญหา และความสนใจที่จะพัฒนาการดำเนินงานตามแผน การติดตามผล หรือ
แนะนำและการตรวจสอบประเมินผลการนิเทศ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการประเมินผลที่เกิดกับผู้เรียน
โดยตรง แต่ให้ความสำคัญต่อผลการนิเทศที่เกิดขึ้นกับครูเป็นสำคัญ แต่ในการนิเทศการสอนในโรงเรียน
ทเ่ี ปน็ การนิเทศที่มีเป้าหมาย เพื่อปรับปรงุ และพฒั นาการเรียนการสอนในช้นั เรียนน้นั มีความซับซ้อน
มากกว่า เพราะต้องวิเคราะห์การสอนของครู และการเรียนของนักเรียน มีการสังเกตการสอนในชั้นเรียน
เพื่อมุ่งปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการสอนของครูและผลการเรียนของนักเรียนเป็นสำคัญด้วย จึงควร
ต้องมีการประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน เพราะเป็นตัวบ่งชี้หนึ่งของสมรรถภาพการสอนของครู
ทีม่ ีการพัฒนาข้นึ

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

220

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

เทคนิคการนเิ ทศการนิเทศภายในโรงเรียน
เทคนิคการนิเทศเป็นกิจกรรมการนิเทศการศึกษาที่เปรียบเสมือนสื่อสำคัญที่จะทำให้ผู้ได้รับการ

นิเทศได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่กำหนดไว้ในจุดมุ่งหมาย การพิจารณาเลือกกิจกรรม การนิเทศ
กจิ กรรมหนง่ึ กิจกรรมใด หรือหลายกิจกรรม เพ่ือในการนิเทศนนั้ ผูน้ ิเทศต้องมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ
กิจกรรม และจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับขนาดของกลุ่มผู้รับการนิเทศสอดคล้องกับจุดประสงค์การ
นิเทศ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ขอนำเสนอเทคนิค วิธการ และรูปแบบการนิเทศ
ดังน้ี

1. นิเทศแบบการเยี่ยมชั้นเรียน หมายถึง วิธีการที่ผู้นิเทศไปพบ และสังเกต การทำงานของครู
ในชน้ั เรียน เพ่อื รว่ มกันพัฒนาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนของครูให้มีคุณภาพ ดงั นี้

วตั ถุประสงค์
1. เพื่อสำรวจความต้องการของครู
2. เพอ่ื ศึกษาปญั หา ความต้องการของครูในโรงเรยี น
3. เพื่อประเมินผลการสอนของครู
4. เพอ่ื กระตุ้นใหค้ รูปรบั ปรุงการจดั การเรียนรู้
5. เพื่อให้คำปรกึ ษาแนะนำครู
ขั้นตอนการนิเทศแบบเย่ยี มช้ันเรียน

สร้างข้อตกลงในการเย่ยี มนเิ ทศชนั้ เรียน

ปรับปรงุ การทำงาน เยยี่ มนเิ ทศช้นั เรียน

วิเคราะหผ์ ลการเยย่ี มนเิ ทศชัน้ เรยี น

แผนภาพท่ี 2.1 ขนั้ ตอนการนเิ ทศแบบเยีย่ มชนั้ เรียน

ขนั้ ที่ 1 สรา้ งข้อตกลงในการเย่ยี มชน้ั เรียน มีขัน้ ตอน ดงั นี้
1. พบปะสนทนา สรา้ งความคนุ้ ชนิ และสรา้ งเจตคติที่ดีในการนิเทศครู
2. วางแผนการเย่ียมชั้นเรยี นร่วมกับครใู นเรื่องตา่ ง ๆ ต่อไปน้ี

2.1 กำหนดปฏิทนิ การเยย่ี มช้นั เรยี น
2.2 กำหนดจดุ มงุ่ หมายในการเยี่ยมชน้ั เรยี น
2.3 กำหนดเรื่องที่จะทำการนิเทศ ตามความต้องการจำเป็น เช่น การทำเอกสาร งานธุรการ
ประจำหอ้ งเรยี น การจดั บรรยากาศห้องเรยี น และการจัดการเรยี นรู้

กล่มุ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็

221

ค่มู ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

2.4 กำหนดวิธีการนิเทศ เช่น สำรวจปัญหา และความต้องการของครูในโรงเรียน สอบถาม
การปฏิบัตงิ านของครู การให้คำปรกึ ษาแนะนำ และการสงั เกตการสอน

ชั้นที่ 2 ปฏิบตั ิการเยี่ยมชัน้ เรยี น ใหป้ ฏิบัติตามข้อตกลงทีไ่ ดก้ ำหนดร่วมกับครู ดังน้ี
1. เขา้ เยี่ยมชน้ั เรียน ตรงตามเวลาท่ีกำหนด
2. ให้ความเปน็ กนั เอง เพื่อสรา้ งเจตคตทิ ่ีดีแก่ครู
ขัน้ ที่ 3 วิเคราะหผ์ ลการเยย่ี มชัน้ เรียน มขี ั้นตอน ดงั นี้
1. วเิ คราะหผ์ ลการเย่ียมช้ันเรยี นร่วมกับครู
2. สรุปผลการเย่ยี มชนั้ เรยี น
3. ให้คำปรกึ ษาแนะนำ
ขัน้ ท่ี 4 ปรับปรุงการทำงาน เปน็ ขนั้ ตอนที่ครูผูร้ บั การนิเทศ นำผลการเยย่ี มช้นั เรียน มาปรับปรุง
การทำงานของตนเอง
2. นิเทศแบบการให้คำปรึกษา หมายถึง การพบปะกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนเิ ทศ ซึ่งอาจ
กระทำไดห้ ลายวธิ ี ในทนี่ ข้ี อเสนอเทคนิคการนเิ ทศใหค้ ำปรกึ ษา 2 วธิ ี ดังนี้
วธิ ีที่ 1 การให้คำปรกึ ษาแบบไมเ่ ป็นทางการ เปน็ การให้คำปรึกษาโดยใช้เวลาว่างพูดคยุ กนั เช่น
ขณะรับประทานอาหารกลางวนั วธิ ีนี้ผนู้ เิ ทศสามารถใหค้ วามช่วยเหลือได้ 3 แบบ คอื
1. แบบบอกวธิ กี ารแก้ปัญหาโดยตรง
2. แบบเสนอขอ้ มลู และให้โอกาสผรู้ ับการนเิ ทศวิเคราะห์ตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง
3. แบบผสมผสานทั้ง 2 แบบ
วิธที ่ี 2 การให้คำปรกึ ษาแบบเป็นทางการ มี 4 ขน้ั ตอน ดงั นี้
1. ชมเชย (Compliment) เป็นการสนทนา ยกย่อง ชมเชย ผลงานทด่ี ีของครูก่อนทำการนิเทศ
2. สอบถาม (Question) เปน็ การสอบถามรบั ฟงั เหตุผล ความตอ้ งการช่วยเหลอื ของครู
3. แกไ้ ข (Correct) เป็นการเสนอแนะแนวทาง ปรบั ปรงุ แกไ้ ข ขอ้ บกพรอ่ งนนั้
4. สาธติ (Demonstrate) เปน็ การยกตัวอย่าง ยกเหตกุ ารณ์ มาแสดงให้เห็นจริง
เมอื่ ผูน้ เิ ทศให้คำปรึกษาเสร็จสิน้ แล้วจงึ บันทกึ ผลการให้คำปรึกษา ตามแบบบันทึก
3. นิเทศแบบการสนทนาทางวิชาการ หมายถึง การประชุมครู หรือกลุ่มผู้สนใจเรื่องราว
ขา่ วสารเร่อื งเดียวกนั โดยกำหนดให้ผู้สนทนาคนหน่ึง เป็นผู้นำสนทนาในเรื่องท่ีกล่มุ สนใจ
วัตถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื เพ่ิมพนู ความรู้ ความเขา้ ใจ แนวการปฏบิ ัตงิ าน เทคนคิ วิธีการแก่บคุ ลากรในโรงเรยี น
2. เพ่ือพฒั นาตวั บุคลากร และการปฏบิ ัติงานของบุคลากรในโรงเรยี น

กล่มุ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

222

คมู่ อื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

กิจกรรมน้เี หมาะสำหรบั บคุ ลากรกลุม่ เลก็
ขน้ั ตอนการสนทนาทางวิชาการ
ขั้นที่ 1 ศึกษาปัญหา คือ การสำรวจ ปัญหา และความต้องการในเรื่องราวที่มีผู้สนใจเข้าร่วม
แลว้ ลำดบั ความสำคญั ความจำเป็น และความเหมาะสมของเรอ่ื งทจ่ี ะทำการสนทนา
ข้ันท่ี 2 เลือกผู้นำสนทนาทางวิชาการ พิจารณาได้ ดังน้ี

1. เลือกครู หรือบุคลากรในโรงเรยี น ท่ีมีคามรู้ ความสามารถ และเขา้ ใจเรอ่ื งนั้น
2. เลือกบุคคลภายนอก หากเปน็ เร่ืองท่ยี าก และมคี วามจำเปน็
3. ผนู้ ำทางวชิ าการ ไมค่ วรเปน็ ซำ้ เพียงคนเดียว
4. ประสานงาน และทำความเข้าใจ กับผูน้ ำทางวิชาการ ทั้งใน และนอกโรงเรยี น
ขั้นที่ 3 ปฏิบัติการ ควรกำหนดตารางเวลาสนทนาทางวิชาการ เช่น หลังรับประทานอาหาร
กลางวัน หรือช่วงเวลาว่างที่มีความเหมาะสม โดยกำหนดเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือนพร้อมกำหนด
ปฏทิ ินไว้ชัดเจน และเวลาในการสนทนาคร้งั ละประมาณ 30 - 45 นาที
ขัน้ ที่ 4 ประเมนิ ผล ขั้นตอนการประเมนิ ผล ดงั นี้
1. การสงั เกต สอบถาม และการบนั ทกึ ความสนใจ และความเขา้ ใจของผเู้ ข้าร่วม
2. สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมหลังการสนทนาทางวิชาการ
วธิ ีการพดู สนทนาวิชาการ ผ้สู นทนามกี ารเตรียมสอื่ และการเตรียมตวั ดังน้ี
ขน้ั ท่ี 1 หลักสำคญั ในการพูดสนทนาทางวชิ าการ ประกอบดว้ ย
1. การเกร่นิ นำ เป็นการแจ้งเรอ่ื งทีส่ นทนา วตั ถปุ ระสงค์ และข้ันตอนการนำเสนอ
2. บทนำควรกระชบั ช่วยใหผ้ ูฟ้ งั เข้าใจเร่อื ง และความสำคัญของเรื่องไดด้ ี
3. ลำดบั ข้นั ตอนเร่อื งทพี่ ดู ไมล่ ะเอยี ดมาก ไมพ่ ูดทอ่ งจำ และควรสบสายตาผฟู้ งั
4. บทสรุป และข้อเสนอแนะควรพูดอยา่ งละเอยี ด
ขนั้ ท่ี 2 การเตรยี มสือ่ ควรเตรียมส่ือตามขอบเขตเร่อื งทพี่ ูด เวลา และกลุ่มผู้ฟงั ดงั นี้
1. สอ่ื ในการพูดไมม่ ากเกนิ ไป สื่อหน่ึงแผน่ ไมค่ วรเกิน 10 บรรทัด
2. การเลือกใชส้ ี ไม่ควรใชค้ สู่ ที ที่ ำใหด้ ูลำบาก เชน่ แดงบนพื้นเขียว
3. ตัวหนังสอื อ่อนบนพื้นสเี ขม้ รปู ภาพ แผ่นภมู ิ ควรกระชับชัดเจน เข้าใจ และจำไดง้ ่าย
ขนั้ ท่ี 3 การเตรยี มตวั และการพดู ควรดำเนินการ ดงั น้ี
1. ทำความเข้าใจเน้ือหาสาระทีพ่ ูด ฝึกพดู เพื่อตรวจสอบ สื่อ เน้อื หา และเวลาในการพดู
2. ทำแผ่นโน้ต เพ่ือเตือนความจำในการพูด
3. แตง่ กาย เหมาะสมกบั สถานท่ี และผูฟ้ ัง
4. ทำสมาธิ สูดลมหายใจลกึ ๆ กอ่ นพูด จะชว่ ยลดความประหม่า
5. สำรวมกริ ิยาอาการ และใชภ้ าษาที่เหมาะสมมีความกระตือรือร้น และรักษาเวลาการพูด

กล่มุ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

223

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

4. นิเทศแบบการศึกษาดูงาน หมายถึง การพาครู และบุคลากรของโรงเรียนไปศึกษาค้นคว้า
เพิ่มพนู ความรใู้ นสถานท่ีตา่ ง ๆ

วัตถปุ ระสงค์
เพื่อให้ครู และบุคลากรในสถานศึกษาได้พัฒนาตนเอง และพัฒนางานให้มีคุณภาพ ดังน้ัน
กอ่ นการศึกษาดงู าน ควรคำนงึ ต่อไปน้ี
1. การศึกษาดูงาน มสี ่วนช่วยในการแก้ปัญหาการทำงานใหก้ ับตนเองได้อย่างไร
2. การศึกษาดงู าน กอ่ ให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ทีน่ ำไปใช้กับการทำงานไดอ้ ย่างไร
3. การศกึ ษาดูงาน มีประโยชนต์ อ่ ทมี งาน และหน่วยงานอยา่ งไร
กิจกรรมนีเ้ หมาะสำหรับการนเิ ทศบคุ ลากรกลุ่มเล็ก หรอื กลุ่มใหญ่
ข้ันตอนการศึกษาดงู าน
1. เลอื กสถานทีศ่ ึกษาดงู าน ท่ตี รงกับปญั หา และความต้องการ
2. กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาดูงาน
3. วางแผน ประสานงาน กบั สถานที่ศกึ ษาดงู าน
4. แจง้ ให้หนว่ ยงานทศี่ ึกษาดูงานทราบ และบรรยายสรุป
5. พจิ ารณาความเหมาะสมของเวลาในการศึกษาดูงาน
6. หลงั การศึกษาดงู าน ควรสรปุ แนวความคดิ และวางแผนเพ่อื ปรบั ปรุงงาน
วธิ ีการศกึ ษาดงู านใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพ ควรมีวิธดี ำเนนิ การ ต่อไปน้ี
ขั้นที่ 1 การเตรียมความพร้อมกอ่ นการศึกษาดงู าน ประกอบด้วย

1. การเตรียมความพร้อมด้านรา่ งกายให้สมบูรณ์ พรอ้ มไปศกึ ษาดงู าน
2. มีทศั นคตทิ างบวกมองสิง่ ท่ีดขี องกิจกรรม ทีมงาน และหน่วยงานที่ศกึ ษาดูงาน
3. ตั้งประเด็นปัญหา วิธีการทำงานที่เกิดขึ้นในการทำงานของตน ความคาดหวัง
ทจ่ี ะนำความร้มู าพัฒนาการทำงาน แลว้ จดบนั ทึกเตอื นความจำก่อนศกึ ษาดงู าน
ขัน้ ท่ี 2 การเตรยี มความพรอ้ มขณะศึกษาดูงาน ประกอบด้วย
1. รบั ฟัง การเล่าประสบการณ์การทำงาน และเทคนคิ วธิ ีการการทำงานใหม่ ๆ
2. คิดตาม สร้างแนวความคดิ ใหม่ ทจี่ ะนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นการทำงาน
3. ตัง้ คำถาม เพ่ือแลกเปล่ียนเรยี นรู้ โดยถามจากสิง่ ที่ได้เห็น เพ่ือกระตุ้นให้เกิดการ
ถ่ายทอดความรู้ และเทคนคิ ในการทำงาน
4. นำความรู้ท่ไี ด้มาบันทึกย่อเพ่ือเตือนความจำ หรือบันทึกภาพ และเสยี ง
ข้นั ท่ี 3 การเตรยี มความพร้อมหลงั การศึกษาดูงาน ประกอบด้วย
1. ทบทวนความรู้ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาดงู าน
2. นำความร้ทู ่ีได้จากการศกึ ษาดูงานมาประยกุ ต์ใช้ในการทำงาน

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

224

คูม่ ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

3. บันทึกวิธีการแก้ปญั หา หรอื ความรใู้ หมท่ ี่เกดิ ขนึ้ จากการทำงานของตนเอง
4. ประชุมทมี งานเพ่อื แลกเปล่ยี นเรียนรู้ และสรปุ เป็นองค์ความรู้
5. ถ่ายทอด และเผยแพร่ความรู้ และนำความร้มู าปรับใช้ในการทำงาน
5. นิเทศแบบการศึกษาเอกสาร หมายถึง การมอบเอกสารให้ผู้รับการนิเทศได้ศึกษาค้นควา้
เรอ่ื งใดเร่อื งหน่งึ แล้วนำความรนู้ ั้นมาถ่ายทอดให้แก่เพ่อื นรว่ มงาน
วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อให้ผู้รับการนิเทศมีโอกาสในการที่จะสนใจศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจด้วยตนเอง
จากเอกสารต่างๆ เพิ่มขนึ้
2. เป็นการเสรมิ แรงให้ผู้รับการนิเทศในการท่ีจะสนใจศึกษาค้นคว้าหาความรูค้ วามเขา้ ใจเพิ่มเตมิ
เพอื่ เตรียมตัวไปถ่ายทอดความรู้ให้ผอู้ ื่น
กิจกรรมน้เี หมาะสำหรับบุคลากรรายบุคคล หรอื รายกลุ่มเล็ก
ขั้นตอนการศึกษาเอกสาร
ข้ันที่ 1 เตรียมผู้รบั การนิเทศ ประกอบดว้ ย
1. ผบู้ รหิ าร หรือผรู้ ับมอบหมาย ศกึ ษาสภาพปัจจุบัน ปญั หาความต้องการเกี่ยวกับ
กระบวนการจัดการเรยี นการสอน
2. การคัดเลอื ก และจัดตารางผู้รับการนเิ ทศ จากขอ้ มูลตามขอ้ 1
3. การจูงใจให้ผู้รับการนิเทศรบั มอบหมายงานด้วยความเตม็ ใจ
ขนั้ ท่ี 2 ศึกษาเอกสาร ประกอบด้วย
1. ผู้บรหิ าร มอบเอกสารใหผ้ รู้ ับการนเิ ทศไปศึกษา ใช้เวลา 5 - 7 วนั
2. ผู้รับการนเิ ทศ ศกึ ษาเอกสาร และสรุปยอ่ ความรู้ที่ได้รบั จากเอกสาร
ขั้นที่ 3 ถา่ ยทอดความรู้ ประกอบดว้ ย
1. เตรียมสถานท่ปี ระชุม หรือใชใ้ นวนั ประชมุ ทางวชิ าการ หรอื หลังเลิกเรียน
2. แจง้ ผรู้ บั การนเิ ทศ ทราบวัตถุประสงค์ วัน เวลา และสถานที่ประชมุ
3. ใชเ้ วลาในการถา่ ยทอดเรอื่ งละประมาณ 15 - 30 นาที
ขัน้ ที่ 4 ประเมินผล ประกอบด้วย
1. ผ้บู ริหาร สังเกตการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมของครูหลงั ถ่ายทอดความรู้
2. ผูบ้ รหิ าร สอบถามผ้รู บั การนเิ ทศ เพือ่ ความเขา้ ใจ และการนำไปใช้
ขน้ั ท่ี 5 สรปุ ข้อมูล ประกอบด้วย
1. ผ้บู รหิ ารสรุปข้อมูลของผ้รู ับการนิเทศ ให้คำชมเชย เพื่อเป็นขวัญกำลงั ใจ
2. ควรหมนุ เวยี นใหค้ รคู นอืน่ ไดร้ ับการนิเทศบ้าง

กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็

225

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

6. นิเทศแบบการสาธิต หมายถึง การทดลอง การทำให้ดู หรือการทำเป็นแบบอย่าง
เกีย่ วกับคณุ สมบตั แิ ละคุณประโยชน์

การสาธิตการสอน เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้เห็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในสถานการณ์จริง
โดยนำคณะครูชมการสาธิตการสอน ทั้งใน หรือนอกโรงเรียน เพื่อให้นำประโยชน์จากการชม การ
สาธิตการสอน มาปรับปรุงการเรียนการสอนของตนเอง ถ้าหากผู้สาธิตการสอนเป็นครูในโรงเรียน
เดียวกัน ผู้สาธิตการสอนจะต้องปรับปรุงการเรียนการสอนของตนเอง เพื่อมาเป็นผู้สาธิตการสอน
มีข้ันตอน ดงั นี้

ขน้ั ที่ 1 เตรียมการสาธติ การสอน
1. ศึกษาปญั หา ความตอ้ งการ เพอื่ นำไปสกู่ ารสาธิตการสอน
2. แจ้งผู้สาธิต และผู้ดูการสาธิต ทราบวัตถุประสงค์ร่วมกันในเรื่องของการชม

การสาธติ การสอน เรือ่ งใด ชั้นใด และประสานงาน เตรยี มการเก่ยี วกบั สถานท่ี
3. ใหผ้ ู้ดกู ารสาธิตการสอน เตรียมบนั ทึกผลตามรูปแบบที่กำหนด

ข้ันท่ี 2 ปฏบิ ัติการสาธติ การสอน
ผูด้ กู ารสาธติ การสอน บนั ทึกกระบวนการ เทคนิค วธิ ีการสอน ตามรูปแบบ

ขั้นท่ี 3 ประยุกต์ และดำเนินการ
ผดู้ ูการสาธิตการสอนนำกระบวนการ เทคนิควธิ กี ารสอนที่ได้รับจากการสาธิตการสอน

สรปุ ผลและนำผลประยกุ ต์ใช้เปน็ แนวทางจัดการเรยี นการสอนของตน
ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผล
1. ติดตามผลการปฏบิ ตั งิ านของครู ผไู้ ปดกู ารสาธติ การสอน
2. ผบู้ ริหาร สรุป รายงานผล แจ้งใหค้ ณะครทู ราบเพ่ือนำผลไปปรับปรงุ ตนเอง
7. นเิ ทศแบบคลนิ ิก ประกอบดว้ ย 5 ข้ันตอน ดงั นี้
1. การประชมุ ปรึกษาก่อนการสังเกตการสอน เพอ่ื สร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างครู และ

ผ้นู ิเทศ เกย่ี วกับการสอน
2. การสงั เกตการสอน ผนู้ ิเทศจะดำเนินการสังเกตพฤตกิ รรมการสอนจรงิ ของครูในห้องเรยี น
3. การวิเคราะหข์ อ้ มลู การวิเคราะห์ข้อมูล คือ รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการสอนให้เป็น

หมวดหมู่ เพื่อนำมาวิเคราะห์ในขั้นตอนนี้ ครูและผู้นิเทศจะร่วมกันคิด และวางแผนขั้นตอนของการประชุม
นิเทศดว้ ยกัน

4. การประชุมนิเทศ เป็นการประชุมผู้นิเทศ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการสอน
ของครู

5. การประชุมวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการนิเทศ เป็นการเปิดโอกาสให้ครูและผู้นิเทศ ได้มีส่วนร่วม
รับผดิ ชอบท่จี ะให้ข้อมูลย้อนกลบั เกีย่ วกบั พฤตกิ รรมนิเทศ

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

226

คู่มือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

8. นิเทศการประชุมก่อนเปิดภาคเรียน หมายถึง การนัดหมายบุคลากรในโรงเรียน หรือบุคคล
ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน มาร่วมประชุมปรึกษาหารือ ชี้แจง สั่งการ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็ ในการ
ปฏบิ ัติงานร่วมกัน

วตั ถุประสงค์
เพื่อเตรียมการด้านต่าง ๆ และปรับความคิดเห็นของบุคลากรให้ได้ข้อสรุปในการปฏิบัติงาน
เป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีในวันเปิดเรียน กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับผู้รับ
การนเิ ทศกลมุ่ เลก็ หรอื กลมุ่ ใหญ่
ข้นั ตอนการประชุม
ขัน้ ท่ี 1 ข้นั ตอนการประชมุ

1. การประชุม
1.1 จำนวนผู้เข้าประชมุ
1.2 สถานทปี่ ระชมุ
1.3 วิธกี ารประชุมท่ีจะใหไ้ ด้สาระสำคัญทส่ี ดุ
1.4 วทิ ยากร
1.5 แผนดำเนินการ หรือตารางปฏบิ ัตกิ าร

2. จดั สถานท่ี และสิง่ อำนวยความสะดวก
2.1 ทรพั ยากรท่เี อือ้ ต่อความมุง่ หมายของการประชมุ
2.2 สิง่ อำนวยความสะดวกตอ่ การประชุมเพียงพอ
2.3 สถานทป่ี ลอดภัย และบรรยากาศร่มรน่ื

3. การเตรยี มเอกสาร
3.1 การเตรยี มเอกสาร และขอ้ มูลต่าง ๆ ใหพ้ รอ้ ม
3.2 จัดระเบยี บวาระการประชุม
3.3 ระเบยี บวาระที่ 1 เร่อื งที่ประธานแจ้งใหท้ ป่ี ระชมุ ทราบ
3.4 ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องรับรองรายงานการประชุมครัง้ ทีแ่ ล้ว
3.5 ระเบยี บวาระท่ี 3 เร่ืองสืบเนอื่ ง
3.6 ระเบียบวาระท่ี 4 เร่อื งเสนอท่ปี ระชมุ ทราบ
3.7 ระเบียบวาระท่ี 5 เร่ืองเสนอเพื่อพิจารณา
3.8 ระเบียบวาระท่ี 6 เรอื่ งอ่นื ๆ
หวั ขอ้ การประชมุ ควรประกอบดว้ ย
- การประเมนิ ผลงานในปี หรือภาคเรยี นที่แล้ว
- ปัญหาอุปสรรคการดำเนนิ งานในปี หรอื ภาคเรยี นท่ีแลว้

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเกต็

227

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

- แผนงานโครงการท่ีดำเนนิ การในปี หรือภาคเรียนที่แลว้
- งานเตรยี มการเกย่ี วกับการจัดทำแผนการสอน การผลิตสอ่ื การเรยี นการสอน
- งานเร่งดว่ นทีจ่ ดั ทำ
4. เตรยี มบคุ ลากร
4.1 ประสานงานวิทยากร (เรื่องที่พดู วัน เวลา สถานที่ วตั ถุประสงค์ของ
การประชุม)
4.2 แจ้งให้คณะครู หรอื ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ทราบล่วงหน้า (วัน เวลา สถานท)ี่
4.3 แจ้งใหป้ ระธานในพธิ เี ปดิ -ปิดการประชุม
ขนั้ ที่ 2 จัดประชุม
1. ดำเนนิ การประชมุ ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บวาระ
2. สมาชิกอภิปรายตามข้อเสนอในทป่ี ระชมุ
3. สรุปมติให้ชดั เจนเมอื จบการอภปิ ราย
4. ใหเ้ ลขานุการอ่านมติ หรอื ขอ้ ตกลงใหท้ ่ีประชุมทราบ และใหส้ มาชิกลงช่อื
รบั ทราบ รายงานการประชมุ ทุกครัง้ ไม่จะเป็นการประชมุ ในระบบ หรอื นอกระบบ
ขั้นที่ 3 การประเมินผล
1. ประเมนิ ผลสำเร็จของการประชุม
2. ตรวจสอบผลการดำเนนิ งาน
9. นิเทศสังเกตการสอนในช้ันเรียน หมายถึง การจัดให้บุคคลที่มีความรู้ ความเข้าใจ และ
มีประสบการณ์ ด้านกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ มาสังเกตพฤติกรรมการสอนของครูผู้รับการนิเทศ
ในขณะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กบั ผู้เรียน เพ่อื ใหค้ รูพัฒนา หรือปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้มี
ประสิทธภิ าพ กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับการนิเทศรายบุคคล
วัตถปุ ระสงค์
เพื่อให้ครูสามารถพัฒนา หรือปรับปรุงการสอน ให้มีประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูลย้อนกลับ
จากการแนะนำของผู้นิเทศ
ขั้นตอนการสงั เกตการสอน มีขนั้ ตอนในการดำเนินการ ดังนี้
ขั้นท่ี 1 กอ่ นการสังเกตการสอน
1. การสรา้ งความสัมพนั ธ์ระหว่างครกู บั ผนู้ เิ ทศ
1.1 ปฏบิ ตั ติ นใหเ้ ปน็ เพ่ือนรว่ มงาน และรว่ มวิชาชีพครู
1.2 รบั ฟังขอ้ เสนอแนะ ใหเ้ กียรติ ให้ข้อมูล ความรู้ และสนับสนุนการทำงานของครู
1.3 ส่งเสรมิ ใหค้ รมู คี วามกา้ วหนา้ ในอาชีพ

กล่มุ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

228

คู่มือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

2. การปรึกษาหารือ และการเตรียมแผนจัดการเรียนรู้
2.1 ปรกึ ษาหารอื กบั ครใู นเร่อื งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
2.2 วางแผนการสังเกตการจดั กิจกรรมการเรยี นร้รู ว่ มกนั
2.3 สร้างข้อตกลงในการสังเกตการจดั กิจกรรมการเรียนรู้รว่ มกัน
2.4 ครู และผู้นเิ ทศ พิจารณาแผนจดั การเรยี นรู้รว่ มกัน

ขน้ั ท่ี 2 การสังเกตการสอน
1. ผู้นเิ ทศเขา้ ไปสงั เกตแบบเงียบ ๆ โดยไม่ทำลายบรรยากาศการจัดกิจกรรม การ

เรียนการสอน
2. ผูน้ ิเทศบนั ทกึ พฤตกิ รรมการเรยี นการสอน และบรรยากาศในห้องเรียนอย่างละเอียด
3. ผูน้ เิ ทศต้องสังเกตการจัดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ้งั แตต่ ้นจนจบ ในแต่ละครงั้

ขน้ั ท่ี 3 หลังการสงั เกตการสอน
1. การวิเคราะห์พฤติกรรมการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1.1 ครแู ละผูน้ เิ ทศร่วมกันวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1.2 นำขอ้ มูลจากการบันทกึ มาพิจารณาจดุ เด่น จุดด้อย และพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ปญั หา
1.3 ครแู ละผูน้ ิเทศนำข้อมลู ทไ่ี ด้มาปรับปรงุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
2. การปรับปรุงการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
2.1 ครจู ะตอ้ งยอมรับพฤตกิ รรมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตน
2.2 ครูนำผลวิเคราะห์พฤติกรรมที่เป็นจุดเดน่ จุดด้อย และพฤติกรรมที่เป็นปัญหา

มาเป็นขอ้ มลู ในการปรับการจดั ทำแผนการเรียนรู้ ครง้ั ตอ่ ไป
2.3 ครูปรบั ปรุงแกไ้ ขพฤตกิ รรมที่เป็นปัญหา

3. การประเมินผล
3.1 ผนู้ ิเทศ ติดตามผลการปฏบิ ตั ิการจดั กิจกรรมการเรียนร้ขู องครู
3.2 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติ ของผู้เรียนว่ามีผลสัมฤทธ์ิ

ทางการเรียนสูงขึ้นหรอื ไม่ และผ้เู รยี นมีเจตคติต่อการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ของครูในระดับใด
การสังเกตการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้นิเทศควรทำหลาย ๆ ครั้งจนผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศ

มั่นใจว่าการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องครูมีผลเปน็ ทนี่ า่ พอใจ
10. นิเทศแบบการประชุมสัมมนา เป็นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และมีขั้นตอนการปฏิบัติ

อยา่ งตอ่ เน่ือง สามารถตรวจสอบ และประเมินผลไดท้ ุกข้ันตอน มี 3 ขั้นตอนดงั นี้
ขน้ั ท่ี 1 การเตรยี มการกอ่ นการประชมุ สมั มนา ประกอบดว้ ย
1. สำรวจประเด็นปัญหา และความต้องการ

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

229

คมู่ อื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

2. ต้ังคณะกรรมการ
3. เขยี นโครงการประชมุ สัมมนา
4. การเตรียมการประชุมสัมมนา เช่น กำหนดการ เอกสาร รายช่ือผู้เข้ารว่ ม วสั ดุอุปกรณ์
ขั้นท่ี 2 การดำเนนิ การระหว่างการประชมุ สัมมนา ประกอบด้วย
1. การลงทะเบียน มกี ารลงชือ่ รบั เอกสาร หรอื วสั ดุ อุปกรณ์ เป็นตน้
2. พิธเี ปดิ การประชุมสัมมนา มกี ารกลา่ วรายงาน การกลา่ วเปดิ
3. ประชุมกลมุ่ ใหญ่ มกี ารช้แี จงแนวทางการประชมุ สัมมนา วทิ ยากรประจำกลุ่ม
4. ประชุมกลุ่มย่อย ถกปญั หา เสนอขอ้ คดิ เหน็ เสนอแนวทางการแก้ปญั หา
5. การจัดประชุมรวม มกี ารรายงานผลการประชุม และสรปุ การประเมนิ ผลการประชุม
6. พธิ ปี ิดการประชมุ สัมมนา การกลา่ วปดิ การประชมุ สัมมนา
ขนั้ ท่ี 3 การดำเนนิ การหลงั การประชมุ สมั มนา ประกอบด้วย
1. การวิเคราะห์ผลการศกึ ษา เปน็ การสรปุ ผลการประชุมสมั มนา
2. การรายงานต่อผู้บังคับบัญชา เป็นการรายงานตามวัตถุประสงค์ของการประชุมสัมมนา
การแกป้ ัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการประชมุ สมั มนาครั้งตอ่ ไป
3. การรายงานตอ่ หนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้อง เป็นการใช้ประโยชนใ์ นการบริหารงาน
4. การดำเนินงานดา้ นงบประมาณ การเบิกจ่ายคา่ ใช้จ่ายตา่ ง ๆ
5. การติดตามผล และการนำความรจู้ ากการสัมมนาไปใช้ประโยชน์
11. นิเทศแบบเทคนิคการทบทวนผลการปฏิบัติงาน นับเป็นกระบวนการจัด การความรู้ มี
เป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น มีการทบทวนวิธีการทำงาน ทั้งด้านที่สำเร็จ
และทีเ่ ป็นปญั หาเพื่อแกป้ ัญหาที่เกิดข้ึน
ขน้ั ตอนการใช้เทคนคิ การทบทวนผลการปฏบิ ตั งิ าน (How to use it)
1. ควรทำ AAR ทนั ทหี ลงั จากจบงานนั้น ๆ หรือเรว็ ทีส่ ุด
2. มีการแนะนำกฎกติกามารยาท สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง มีการเปิดใจและยอมรับ
ที่จะเรียนรู้ ไม่มีการกล่าวโทษ ซ้ำเติม ตอกย้ำซึ่งกัน และกัน ทุกคนควรมีส่วนร่วมในบรรยากาศ
ที่อิสระ เป็นการเรียนรู้จากเหตุการณ์มากกว่าการวิจารณ์ โดยมีผู้คอยกระตุ้นตั้งคำถามให้ทุกคน
ไดแ้ สดงความคดิ เห็น ขอ้ เสนอแนะ
3. ทบทวนเหตุการณ์การกระทำที่เกิดขึ้น และควรเกิดขึ้น โดยมีคำถามที่ควรตั้งคำถาม และ
ตอบคำถามรว่ มกัน ดังนี้

3.1 การกระทำนนั้ ทำเพอ่ื อะไร ทำอย่างไร
3.2 คณุ รสู้ กึ อยา่ งไร

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภูเก็ต

230

คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

3.3 ด้วยเหตุผลใด จงึ ทำเชน่ น้ี
3.4 มีปัจจัย หรอื องค์ประกอบใด ท่ีมีผลต่อการทำนั้น ๆ
3.5 อะไรคอื เปา้ ประสงคท์ ต่ี งั้ ใจ
3.6 อะไรคอื ผลลัพธ์ทเ่ี กดิ จรงิ
3.7 ทฤษฎบี ท กลา่ ววา่ อยา่ งไร
3.8 มที างเลอื กอะไรบ้าง
3.9 ครง้ั หนา้ จะทำให้แตกต่างจากคร้งั นี้อย่างไร
3.10 ทกั ษะ และความรูท้ ี่ต้องมีก่อนการทำคร้งั หน้ามีอะไรบ้าง
3.11 คณุ คดิ ว่าได้เรยี นรู้อะไรบ้าง
4. บนั ทึกประเด็นสำคัญ หลงั จากการแลกเปลีย่ นการเรยี นรู้ผา่ นประสบการณภ์ ายในทีมงาน
ด้วยกนั และเพ่อื เปน็ พ้ืนฐานสำหรับการเรยี นรู้ และนำไปพฒั นางานตอ่ ไป
12. นิเทศแบบการศึกษาชั้นเรียน เป็นวิธีการหนึ่งในการพัฒนาครู โดยให้ครูได้ร่วมมือกัน
ทำกิจกรรม เพอ่ื พฒั นาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนทสี่ ง่ ผลต่อการพัฒนานักเรยี นไปพร้อม ๆ กนั
จดุ มุง่ หมายการศกึ ษาชัน้ เรยี น
การศึกษาชั้นเรียน เป็นกระบวนการปรับปรุงการสอนของครูอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครู
ได้แลกเปลยี่ นเรียนรู้ เทคนคิ การสอนจากเพ่ือนครดู ้วยกนั และเกิดการยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง
แลว้ นำมาปรบั ปรงุ แก้ไขใหม่
กระบวนการศึกษาช้นั เรียน
1. รว่ มกนั สร้างแผนการจดั การเรยี นรู้
2. นำแผนการจัดการเรียนรู้ และสังเกตช้ันเรียนตามตารางสอน
3. สะทอ้ นผลช้ันเรยี นทุกสัปดาห์
4. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ จดั ทำ Open class
5. ปรับแผนการจดั การเรยี นรูเ้ มือ่ เรม่ิ ปีการศึกษาใหม่
ในการศกึ ษาชน้ั เรียน ผู้บริหารควรจัดทีมงานในโรงเรียนเดียวกันรว่ มกันศึกษาหลักสูตร กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ที่ต้องการศึกษา วิเคราะห์ปัญหา และความต้องการของผู้เรียน แล้วนำมาสร้างแผนจัดการเรียนรู้
สังเกตการสอน และสะท้อนผลหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน แล้วครูนำผลการสะท้อนการเรียนรู้
ไปปรับปรงุ เพอ่ื การพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรียนรขู้ องครู
13. นิเทศแบบการประชุมนิเทศ หมายถึง การให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้รับการนิเทศ เกี่ยวกับ
ปญั หาทีเ่ กดิ ข้ึน โดยผนู้ ิเทศเปน็ ผศู้ กึ ษาหาแนวทางในการแก้ปัญหา แลว้ นำมาแนะนำแกผ่ รู้ ับการนิเทศ
หรือ ผูน้ ิเทศและผู้รับการนิเทศ หาข้อสรุปท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อการปรับปรงุ แก้ไขปัญหานั้น ๆ

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

231

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

ขน้ั ตอนการประชุมนิเทศ
ขั้นท่ี 1 ขั้นเริ่มต้น

1. ผู้นเิ ทศทราบปัญหาจากผู้รบั การนิเทศแลว้ สนทนาสอบถามเรอื่ งราวทีเ่ ปน็ ปัญหาน้ัน ๆ
2. ผู้นิเทศศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขจากเอกสาร ตำรา หรือจากประสบการณ์
หรือผนู้ ิเทศ และผรู้ บั การนเิ ทศศกึ ษาปัญหารว่ มกนั
ข้นั ท่ี 2 ขัน้ อภิปราย และแสดงความคิดเห็น มขี ้นั ตอนดงั นี้
1. ผนู้ ิเทศนำอภปิ รายถงึ ปญั หาของผ้รู ับการนิเทศ
2. ผู้รับการนิเทศรว่ มอภิปราย และแสดงความคิดเห็น
ข้นั ที่ 3 ข้ันสรุป
ผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา และผู้นิเทศ
ตัดสินใจแก้ไขปัญหาแก่ผู้รับการนิเทศ หรืออาจร่วมกันตัดสินใจทั้งผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศเพื่อนำ
ไปดำเนนิ การตอ่ ไป
14. นิเทศแบบชแ้ี นะ หมายถึง การสอนงานครูในโรงเรียน ผนู้ เิ ทศสอนงาน หรอื Coach เป็นได้ท้ัง
ผู้บริหาร และครู ส่วนผู้ถกู สอนงานจะเปน็ ครูที่อยู่โรงเรียนน้ัน การนิเทศการสอนงานช่วยให้ครูจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้นิเทศให้คำปรึกษาครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อย่างต่อเนื่องนอกจากผู้นิเทศสอนงานจะสอนงานแล้ว ยังช่วยให้ครูได้วิเคราะห์ตนเองให้จัดกิจกรรมการ
เรยี นรูไ้ ด้อยา่ งมคี ณุ ภาพ และแกป้ ญั หาอปุ สรรคในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้
การจัดการนเิ ทศแบบชแ้ี นะ ควรดำเนนิ การดงั น้ี
1. กำหนดการนเิ ทศแบบชีแ้ นะ เปน็ นโยบายของโรงเรยี น
2. สร้างสภาพแวดล้อม และบรรยากาศของโรงเรียนให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่าง
ผู้ทำหนา้ ทส่ี อนงาน และครูผรู้ บั การสอนงาน
3. กำหนดในรายละเอียดงาน (Job Description) ของผู้บริหาร และผู้นิเทศภายในให้ทำหน้าท่ี
เป็นโคช้ (Coach)
4. กำหนดเรื่องการโค้ชชิ่ง (Coaching) เป็นหนึ่งในเป้าหมายประจำปีของโรงเรียน โดยมีการ
กำหนดเป้าหมาย และวัดตวั ชี้วัดความสำเรจ็ (KPI : Key Performance Index)
5. เช่อื มโยงผลการทำ และระบบจา่ ยค่าตอบแทน
6. สร้างวฒั นธรรมองคก์ รใหเ้ ปน็ วัฒนาธรรมของการเรียนรู้ ดงั นี้
6.1 เรยี นรูโ้ ดยการลงมอื ทำ (Learning by Doing)
6.2 เรียนรูโ้ ดยการถา่ ยทอด (Learning by Teaching)
6.3 เรยี นรูโ้ ดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Learning by Sharing)

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

232

คมู่ ือการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

แนวปฏบิ ตั ิการนเิ ทศสอนงาน
การนเิ ทศสอนงาน จะประสบผลสำเรจ็ ไดด้ ี มแี นวปฏบิ ัติของผู้สอนงาน ดังนี้
1. กำหนดเวลาให้เหมาะสมกับเนือ้ หาที่ต้องการสอนงาน
2. สขุ ภาพดี อารมณ์ปกติ พร้อมทจี่ ะสอนงาน
3. วธิ ีการสอนงานมีความเหมาะสมกับเนอ้ื หาสาระ และผู้รบั การนิเทศ
4. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ 1) เนื้อหา ขอบเขตของงานที่นิเทศ 2) ผังโครงสร้างสถานศึกษา
วิสยั ทศั น์ นโยบายตา่ ง ๆ ของโรงเรยี น 3) ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผ้รู ับการนเิ ทศ
5. เตรยี ม สื่อ อุปกรณ์ เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการนิเทศการสอนงาน
6. เขา้ ใจจิตวิทยาการเรยี นรขู้ องครู
15. นิเทศแบบพี่เลี้ยง และให้คำปรึกษา หมายถึง ระบบการพัฒนางานโดยพี่เลี้ยงคอยดูแล
ให้ความช่วยเหลือ และให้คำปรึกษา เมื่อครูมีปัญหา โรงเรียนสามารถกำหนดให้มีระบบพี่เลี้ยงกับครูที่มา
ทำงานใหม่ ผู้เปน็ พ่เี ลี้ยง (Mentoring) จะเปน็ ผบู้ ริหาร ครตู น้ แบบ หรอื บุคลากรทางการศึกษาทม่ี ีความเชี่ยวชาญ
การจัดการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ และประสบการณ์ในการจดั การศึกษา บุคคลที่ทำหน้าที่พี่เล้ียงให้แก่
ครูใหม่นั้น จะต้องเป็นบุคคลที่มีทัศนคติ หรือมีความคิดเชิงบวก สามารถปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี
บทบาท และหนา้ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ การถ่ายทอดความรู้ และประสบการณต์ ่าง ๆ ในการจัดการศึกษาให้แก่ครู
ใหม่ได้รับรู้รวมถึงการให้คำปรึกษา และชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติตน ให้เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กร
ตลอดจนการตรวจสอบ และติดตามผลการให้ความรู้ ความเข้าใจกับครูใหม่อย่างเปน็ ระบบและต่อเน่ือง
ประโยชน์ของการนิเทศแบบพี่เลี้ยง และให้คำปรกึ ษา
1. สรา้ งครใู หม้ คี วามสามารถ มศี กั ยภาพ ได้เร็วกว่าปกติ
2. จงู ใจใหค้ รทู ม่ี ีผลการปฏบิ ตั ิงานดี และมีศักยภาพในการทำงานสูงให้คงอย่กู ับหน่วยงาน
3. กระตุน้ ใหค้ รูสร้างผลงานมากขึน้ พรอ้ มทีจ่ ะทำงานหนัก และทา้ ท้ายมากขึ้น
4. สร้างบรรยากาศการนำเสนองานใหม่ ๆ หรอื ความคดิ นอกกรอบมากข้ึน
5. สรา้ งระบบการสอื่ สารแบบสองช่องทางระหวา่ งพ่เี ลย้ี ง และครูทีถ่ ูกดูแล
คุณลักษณะของการนิเทศแบบพีเ่ ล้ียง และใหค้ ำปรึกษา ที่ดีควรมคี ณุ สมบตั ิ ดงั นี้
1. มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ท่ดี ี
2. การมภี าวะผูน้ ำ
3. การตระหนักถงึ ผลสำเรจ็ ในการทำงานของผอู้ ื่น
4. มที กั ษะของการบังคับบัญชาท่ีดี
5. มคี วามรใู้ นสายวชิ าชีพ หรือสายงานของตนเป็นอย่างดี

กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาภเู กต็

233

คู่มอื การนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมิตร

การพฒั นาพเ่ี ลี้ยงของโรงเรียนแบบกลุม่ ชว่ ยใหป้ ระสบความสำเร็จ ดังน้ี
1. ชว่ ยใหก้ ลุม่ กำหนดประเดน็ ในการประชมุ พบปะกัน
2. ให้คำแนะนำหัวข้ออภปิ ราย และโครงการทีจ่ ะช่วยใหก้ ล่มุ เรียนรูเ้ พ่มิ ขน้ึ
3. กระตนุ้ ให้กลุม่ แสดงความคดิ เหน็
4. ให้คำปรกึ ษาเมือ่ กลมุ่ ตอ้ งการ
5. ให้กลุ่มเชอ่ื มความสัมพันธข์ องบุคคลในกล่มุ หรอื บคุ คลอนื่ ๆ ทงั้ ในและนอกองคก์ ร
6. ให้ข้อมูลยอ้ นกลบั แก่สมาชิกในกลมุ่ เป็นรายบุคคล
16. นิเทศแบบพัฒนาการ เป็นการผสมผสานความเชื่อที่เกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่
และพัฒนาการของวยั ผู้ใหญ่ ที่นำไปสกู่ ารนิเทศภายในโรงเรียน ประกอบด้วย 4 รปู แบบ ดังน้ี
1. การนิเทศด้วยการช้นี ำควบคุม (Directive Control Approach)
เป็นการนิเทศโดยการพูดคุยให้คำแนะนำ ช่วยเหลือครู ในการปรับปรุงงาน หรือพัฒนาการสอน
พฤติกรรมนิเทศแบบชี้นำควบคุม สำหรับครูที่มีความรู้ และประสบการณ์น้อย ผู้นิเทศมีหน้าที่โดยตรง
ในการแกป้ ญั หาเร่ืองนั้น ๆ และเปน็ ปัญหาทีต่ ้องดำเนนิ การโดยเร่งดว่ น
2. การนิเทศด้วยการช้นี ำให้ข้อมูล (Directive Informational Behaviors)
การนเิ ทศด้วยการชีน้ ำให้ข้อมลู ดำเนินการเช่นเดียวกับการนิเทศดว้ ยการชน้ี ำ ควบคมุ แต่ไม่ช้ีนำ
หรือไม่แนะนำวิธีปฏิบัติให้ข้อมูล และวิธีการหลายวิธีให้ครูได้เลือกปฏิบัติ การนิเทศการชี้นำให้ข้อมูล
สำหรับครูที่มีความสามารถในการปฏิบัติงานค่อนข้างต่ำไม่มีความรู้ และประสบการณ์ที่หลากหลาย
เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นปัญหาเท่ากับผู้นิเทศ ผู้นิเทศเต็มใจที่จะร่วมรับผิดชอบในการเลือกวิธีการ หรือการ
ปฏบิ ัติที่เหมาะสมด้วยตนเอง เพราะการนิเทศแบบพัฒนาการน้ัน มเี ป้าหมายเพื่อช่วยให้ครูสามารถพัฒนา
ตนเองได้ด้วยตนเอง
3. การนเิ ทศแบบรว่ มมอื (Collaborative Behaviors)
การนิเทศแบบร่วมมือ ทั้งผู้นิเทศ และครูร่วมกันวิเคราะห์ตัดสินใจในวิธีการแก้ปัญหา และ
การปฏิบัติงานครู และผู้นิเทศจะให้ข้อเสนอแนะซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อตกลงร่วมกัน
ในการปฏิบัติ การนิเทศแบบร่วมมือใช้สำหรับครูที่มีความสามารถในเชิงนามธรรม และเชี่ยวชาญ
ในระดับปานกลาง แต่ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง ครู และผู้นิเทศมีความรู้ความสามารถใกล้เคียงกัน
หากครูเข้าใจปัญหามาในเรื่องหนึ่ง แต่ผู้นิเทศมีความเข้าใจมากอีกเรื่องหนึ่ง การนิเทศแบบร่วมมือ
จะช่วยให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การนิเทศแบบนี้ผู้นิเทศ และครูต้องตัดสินใจ
ร่วมกันตอ้ งรับผดิ ชอบ และแก้ปญั หาร่วมกัน ในเร่อื งทส่ี ง่ ผลถงึ ผปู้ กครอง ชมุ ชน หรอื ผบู้ งั คบั บัญชา
4. การนเิ ทศแบบไมช่ ้ีแนะ (Nondirective Behaviors)
การนิเทศแบบไม่ชี้แนะ ผู้นิเทศจะพูดคุยกับครู โดยครูจะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง ผู้นิเทศ
ช่วยในการสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ที่ครูร้องขอ การนิเทศแบบนี้ใช้กับครูที่มีความรู้ ความสามารถ

กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู ก็ต

234

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

ในการปฏิบัติงานในระดับความคิดสงู มาก กรณีทคี่ รูมคี วามรู้ความสามารถในเร่ืองน้ัน ผู้นิเทศมีส่วนร่วมน้อย
และครูมีความตั้งใจแก้ปัญหาในเรื่องนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญผู้นิเทศต้องเข้าไปมีส่ว นร่วม
ส่งเสริมสนับสนนุ ใหค้ รไู ด้มโี อกาสตดั สินใจและดำเนนิ การเอง

17. นิเทศแบบร่วมพัฒนา คือ ปฏิสัมพันธ์ทางการนิเทศระหว่างผู้บริหาร ผู้นิเทศ และครูในการ
แก้ปัญหา และพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ โดยใช้การนิเทศการสอนเป็นปัจจัยหลักบนพื้นฐาน
ของสัมพันธ์ภาพแห่งการร่วมคิด ร่วมทำ พึ่งพา ช่วยเหลือ ยอมรับซึ่งกันและกัน ให้เกียรติ และจริงใจต่อกัน
ระหวา่ งผนู้ เิ ทศ ผู้สอน และคู่สัญญา เพอื่ ร่วมกันพฒั นาทักษะวชิ าชีพ อนั จะสง่ ผลโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพ
การศกึ ษา มขี นั้ ตอนการนเิ ทศทสี่ ำคัญ 5 ขน้ั ตอน ดังนี้

ขั้นที่ 1 การวางแผนการดำเนินงาน (Planning – P) เป็นขั้นตอนการมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน
ทุกฝา่ ยร่วมประชุมปรึกษาปัญหาในการจัดการเรียนการสอนท่ีเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน หรือนโยบาย
ในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน รวมถึงการวางแผนและกำหนดขั้นตอนการ
ปฏบิ ตั งิ านนเิ ทศ

ขั้นที่ 2 การเสริมสร้างความรู้ในการปฏิบัติงาน (Informing – I) เป็นขั้นตอนของการทำ
ความเข้าใจกระบวนการนิเทศทั้งระบบ และวิธีการดำเนินงานในแต่ละขั้นของการนิเทศเพื่อให้ผู้
ดำเนนิ งานมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ มีทักษะ และมเี ทคนิคในการดำเนินงานอย่างมีประสทิ ธิภาพ ขนั้ ตอนนี้
นอกจากจะเป็นการชว่ ยให้ผดู้ ำเนินงานสามารถทำงานได้อย่างคุณภาพแล้ว ยงั เปน็ การเสริมสร้างความ
ม่นั ใจในการทำงาน แกผ่ ดู้ ำเนนิ งานอีกดว้ ย

ขน้ั ท่ี 3 การปฏบิ ตั ิงานตามแผน (Doing - D) การปฏิบัติงานตามแผนท่ีวางไว้ในแต่ละขั้นตอน
อย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วนของผู้ให้การนิเทศ ผู้รับการนิเทศ และผู้สนับสนุนการนิเทศก็จะดำเนินไปตาม
ปฏิทินปฏบิ ัติงานที่ได้ตกลงร่วมกัน ที่กำหนดไว้ในแผนโดยจะได้รับความชว่ ยเหลือ และร่วมมือจากผู้นิเทศ
ภายนอก เชน่ ศกึ ษานิเทศก์ ครูผู้รว่ มนิเทศ ศูนยพ์ ัฒนาการเรียนการสอน และเครอื ข่ายจากหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครฐั และเอกชนรวมท้ังผู้นเิ ทศภายในโรงเรยี น เช่น หัวหน้ากลมุ่ สาระ คูส่ ญั ญา รองผ้อู ำนวยการ
สถานศกึ ษา ฝ่ายวชิ าการ และผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา

ขั้นที่ 4 การประเมินผลการปฏิบัติงาน (Evaluation - E) การประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือ
โครงการนิเทศ ควรดำเนินการประเมินทั้งระบบ เพ่ือให้ทราบประสิทธภิ าพของโครงการจงึ ควรประเมินส่วน
ต่าง ๆ ตามลำดับของความสำคัญ คือ ผลผลิตที่ได้จากการนิเทศ (Output) คือ สัมฤทธิผลการเรียนของ
ผู้เรียน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้รับการนิเทศ ตามเป้าหมายของการนิเทศนั้น กระบวนการ
ดำเนินงาน (Process) คือ ความเหมาะสมของขั้นตอนในการทำงาน ความเหมาะสมของการจัดกิจกรรม
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ และบรรยากาศในการทำงาน ปัจจัยป้อนเข้า (Input) คือ การ
ลงทุนในด้านทรัพยากรมนุษย์ วัสดุอุปกรณ์ สื่อการนิเทศ เครื่องอำนวย ความสะดวกต่าง ๆ งบประมาณ
การเงนิ รวมทัง้ ระยะเวลาที่ใชใ้ นการดำเนินงานตามโครงการ

กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภเู กต็

235

คู่มอื การนิเทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

ขั้นที่ 5 การเผยแพร่ขยายผล (Diffusing – D) การเผยแพร่ขยายผลดำเนินการในรูปแบบ
ที่หลากหลายเพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานส่วนการขยายเครือข่าย
การดำเนินงานนิเทศ โดยใช้เทคนิคการขยายความคิด ให้เกิดความเชื่อถือ ศรัทธาแล้วจึงใช้เทคนิค การ
เชิญชวนให้เข้ามามีส่วนร่วมทีละน้อยในฐานะเพื่อร่วมอาชีพหรืออุดมการณ์ จนเกิดความพร้อมที่จะเข้า
ร่วมดำเนินการด้วย และเมื่อดำเนินการงานได้ผลดีมีเครือข่ายแนวร่วมเพิ่มมากขึ้น ครูปฏิบัติการ ก็จะได้
ปรบั เปลี่ยนบทบาทข้นึ เป็นนิเทศเครือข่ายผู้ปฏบิ ัติการรุ่นต่อไป

18. นิเทศแบบการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นการรวม ตัวกันของผู้บริหาร ครู
และบคุ ลากรทางการศึกษา เพือ่ พฒั นาทักษะ และการเรียนรู้ในการปฏบิ ัติหน้าท่ี บนพ้นื ฐานความสัมพันธ์
แบบกัลยาณมติ รมีการแลกเปลยี่ นเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ตรงของกันและกัน โดยวธิ ีการท่ีหลากหลาย เช่น
การทบทวนผลการปฏิบตั ิงาน และการศึกษาช้ันเรียน

วิธีการจัดการชมุ ชนแหง่ การเรียนรูท้ างวชิ าชีพ
1. เร่ิมจาการกำหนดเป้าหมาย ร่วมกันการอภิปรายในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี

1.1 การสร้างแรงจูงใจการปฏิบัติ
1.2 จะเรม่ิ ต้นความรู้ใหมอ่ ย่างไร
1.3 การออกแบบในการตรวจสอบหลักฐานของการเรียนที่สำคญั
2. การวางแผนกำหนดสารสนเทศที่ต้องใชใ้ นการดำเนินการ
3. กำหนดความคาดหวงั และวิเคราะห์การสอน หาวธิ กี ารทีจ่ ะทำให้ประสบผลสำเร็จสูงสดุ
3.1 ทดสอบข้อตกลงที่เกีย่ วข้องกบั การสอน หลังจากได้มีการวางแผน
3.2 จัดให้มตี าราง ชว่ งเวลา ของการชแ้ี นะโดยเนน้ การนำไปใช้ในช้นั เรยี น
3.3 ใหเ้ วลาครูในการสงั เกตการณป์ ฏบิ ตั ใิ นช้นั เรียน
4. เร่มิ ต้นจากจดุ เล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยปรบั ขยายไปยงั จดุ ใหญ่
5. ตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้ และการสะท้อนผล
6. ปรบั ปรุง หรอื ปฏิเสธในสิ่งที่ไมส่ ำเร็จ และทำต่อไปเพื่อความสำเร็จในอนาคต
7. นำสู่สาธารณะอย่างเป็นระบบ แผนไหนที่สำเร็จก็จะมีการเชิญชวนให้คนอื่นเข้ามีส่วนร่วม
และขยายผลต่อไป
8. ฝึกฝนรา่ งกาย และหล่อเล้ียงสมอง จัดกจิ กรรมที่ได้มีการเคลือ่ นไหว และเตรียมครูที่
ทำงานสำเรจ็ ของแต่ละกลุ่มโดยมีการจัดอาหาร และเครอ่ื งดมื่ ที่เป็นประโยชน์
19. นิเทศบนพื้นฐานการวิจัย การพัฒนานวัตกรรมเพื่อทำวิจัยปฏิบัติการนั้น ศึกษานิเทศก์
ต้องร่วมกับครูในโรงเรียนทำวิจัยปฏิบัติการ ซึ่งมีกระบวนการที่สำคัญ ดังนี้ (สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน, 2553 : 11 - 13)

กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาภเู ก็ต

236

คูม่ ือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมติ ร

1. การวิเคราะหป์ ัญหา ศกึ ษานเิ ทศก์ค้นหาปัญหา โดยเขา้ ไปสังเกตการสอน หรือเก็บข้อมูล
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน แล้วนำปัญหามาวิเคราะห์หาแนวทาง
แก้ปัญหารว่ มกับครู เพ่อื ให้เกิดการมสี ่วนรว่ มตั้งแตต่ น้

2. การศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และพิจารณารายการนวัตกรรมที่มีความเป็นไปได้
ในการแก้ปัญหา ศึกษานิเทศก์นำผลการวิเคราะห์ปัญหา มาศึกษา และค้นคว้าทางวิชาการถึงความ
เป็นไปได้ ที่จะนำไปสู่การเลือกวิธีการแก้ปัญหาและนำทางเลือกไปสู่การพิจารณาร่วมกับครู

3. เลือกนวัตกรรมที่เหมาะสม ศึกษานิเทศก์ และครูร่วมกันวิเคราะห์ เพื่อกำหนด และเลือก
นวัตกรรมที่เหมาะสมที่นำไปสู่การแก้ปัญหา โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม ครอบคลุมประเด็น
ทเ่ี ปน็ ปัญหา เพอ่ื นำไปสูก่ ารปฏิบัติจริงในห้องเรยี นและโรงเรียน

4. สร้างนวตั กรรมตน้ แบบ ศึกษานเิ ทศก์ และครรู ่วมกันสร้างนวัตกรรมท่ีสอดคล้องกับปัญหา
โดยยดึ หลกั วิชาการ และทฤษฎที ี่เก่ียวข้องเพื่อสร้างนวัตกรรมทีจ่ ะนำไปทดลองใช้ในชน้ั เรยี นของครู และ
เก็บขอ้ มูลเพื่อนำไปวิเคราะห์หาแนวทางพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมต่อไป (ขนั้ ตอน D1 : Development -1
และ R1 : Research -1 ในขน้ั ตอนการพัฒนาต้นแบบนวตั กรรม)

5. ทดลองใช้ และปรับปรุงต้นแบบอย่างต่อเนื่อง หลังจากการสร้างต้นแบบนวัตกรรมแล้ว
ศึกษานิเทศก์และครูร่วมกันนำนวัตกรรมมาใช้แก้ปัญหาในชั้นเรียน หรือโรงเรียน ซึ่งต้นแบบนวัตกรรม
ในระยะเริ่มต้นอาจจะยังไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะใช้แก้ปัญหาให้บรรลุเป้าหมายได้ จึงต้องมีการปรับปรุง
นวัตกรรม และเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ผลการใชน้ วัตกรรมใหเ้ หมาะสมยิ่งขึ้น (ขั้นตอน D2 : Development -
2 และ R2 : Research -2 ในขัน้ ตอนการพฒั นานวตั กรรม)

6. ทดลองภาคสนาม หลงั จากทดลองใช้ และพฒั นานวัตกรรมต้นแบบนวัตกรรมจนม่ันใจแล้ว
ศึกษานิเทศก์ และครูร่วมกันนำนวัตกรรมไปใช้จริงในชั้นเรียน หรือโรงเรียน และร่วมกันสังเกตผล และ
เกบ็ ขอ้ มลู เพอ่ื นำไปวเิ คราะหต์ ่อไป (ข้นั ตอน D3 : Development-3 และ R3 : Research-3 ขัน้ ตอนการ
พัฒนานวตั กรรม)

7. การประเมินผลการทดลองใช้ สรปุ ผล และเขยี นรายงานผลการพฒั นานวัตกรรม หลังจาก
ศึกษานิเทศก์ และครูรว่ มกนั พฒั นานวัตกรรม และทดลองใช้นวัตกรรมพร้อมท้ังเก็บข้อมูล และวิเคราะห์
ขอ้ มูลแลว้ จะนำขนั้ ตอนการพฒั นา และผลการวิเคราะห์ข้อมลู มาเขยี นสรุป และรายงานผล

20. นิเทศแบบกลั ยาณมิตร
ความหมายของการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร
พระธรรมปฎิ ก (2541 : 26 - 27) กล่าววา่ กลั ยาณมิตร หมายถงึ หลกั ธรรมความเปน็ กัลยาณมติ ร
ของพระพทุ ธศาสนา และวฒั นธรรมไทย ไดแ้ ก่ ความมีน้ำใจ รว่ มทุกขร์ ่วมสุข ชว่ ยเหลือเก้ือกูลแนะแนวทาง
ทถ่ี กู ตอ้ งดว้ ยการยอมรับนับถอื ซึ่งกนั และกัน โดยที่ครแู ลกเปล่ยี นเรียนรู้ประสบการณ์ มุง่ หวังความสำเร็จ

กล่มุ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาภูเก็ต

237

คมู่ ือการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร

คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเป็นกัลยาณมิตรยังประกอบด้วย

ความน่ารัก (ในฐานเป็นที่วางใจและสนิทสนม) ความน่าเคารพ (ในฐานให้ความอบอุ่น เป็นที่พึงได้ และ

ปลอดภัย) ความน่ายกย่อง (ในฐานที่ทรงคุณ คือ ความรู้ ภูมิปัญญา แท้จริง) ความรู้จักพูด (คอยให้

คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี) อดทนต่อถ้อยคำ (พร้อมที่รับฟังคำซักถามต่าง ๆ อยู่เสมอ

ดว้ ยความอดทนไมเ่ บื่อ) กล่าวช้แี จงแถลงเร่ืองตา่ ง ๆ ทลี่ ึกซึ้งได้ และไม่ชกั จูงไปในทางท่ีเสื่อมเสีย

สมุ น อมรววิ ัฒน์ (2545 : 31) กลา่ วว่า การนิเทศเปน็ กระบวนการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพของผู้บริหาร

และครู กระบวนการพฒั นาบุคลากร และเปน็ การพัฒนาคุณภาพของการจัดการศึกษาท้ังในระบบโรงเรียน

และนอกระบบ วิวัฒนาการนิเทศการศึกษาของประไทยในช่วง 5 ทศวรรษ ได้ก้าวหน้าจากการตรวจสอบ

และประเมินผลมาเปน็ การดำเนินงานหลายรูปแบบเพื่อเสริมสร้างคุณภาพวิชาชีพครู การพฒั นาผู้บริหาร

การศึกษาให้สามารถจัดระบบและกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน การเชื่อมโยงกิจกรรมการสอน

กับปัจจัยต่าง ๆ ที่เกื้อหนุนให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและเกิดคุณภาพที่พึงประสงค์ในตัวผูเ้ รยี น

ได้เสนอกระบวนการนิเทศภายในแบบกลั ยาณมิตร

รมณธรณ์ นาเมือง (2558 : 8) กล่าวว่า กัลยาณมิตร คือคุณสมบัติของการเป็นมิตรที่ดี มิตรแท้

ที่ทำหนา้ ท่ตี อ่ บุคคลอื่น ทำให้ผทู้ ่ีพบ คบหา หรือเข้าหาแล้วจะเกิดความดีงาม และความเจริญในชวี ิต หรือ

หากเป็นครูท่ีเป็นกัลยาณมิตรกับนักเรียน จะคอยอบรมส่ังสอน แนะนำนักเรียนด้วยความรัก ความเมตตา

ปรารถนาดี มุ่งหวังให้นักเรียนได้เรียนรู้ และพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ ทั้งยังคอยเป็นที่ปรึกษา ให้ความ

ชว่ ยเหลือเมอ่ื นักเรียนมีอปุ สรรค หรือปัญหาต่าง ๆ

พระมงคล เขมกาโม (2560 : 12) กล่าววา่ กัลยาณมิตร หมายถึง เพื่อนที่ดี เพือ่ นทง่ี ดงาม เพ่ือน

ที่นำความเจริญมาให้ เป็นบุคคลที่มีคุณธรรม มีศีล เป็นผู้กำจัดความชั่วร้าย เป็นผู้ส่งเสริมประโยชน์

ความดี หรอื คุณธรรมต่าง ๆ ทบี่ คุ คลมีและแสดงออกต่อผู้อืน่ เปน็ ผมู้ ีปัญญา มีความสามารถ มีความเอื้อเฟื้อ

ช่วยเหลอื ทำใหเ้ กดิ ความดี ให้เกดิ ความรู้ความเจริญและความสุขแก่ผ้อู ่ืน

กล่าวโดยสรุป การนิเทศแบบกัลยาณมิตร เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างคณะครู และผู้บริหาร

โรงเรียน โดยอาศัยหลักธรรมความเป็นกัลยาณมิตรของพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ความมีน้ำใจ

ร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยเหลือ เกื้อกูล แนะแนวทางที่ถูกต้องด้วยการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน โดยครู

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์โดยมุ่งหวังความสำเร็จ คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมี

ประสทิ ธิภาพ คุณภาพการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนที่ได้ผลนั้น ต้องเร่มิ ตน้ จากศรัทธาท่ีครู มี

ความตั้งใจปรับปรุงวิธีการสอนของตน ผู้บริหารโรงเรียน และศึกษานิเทศก์เป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ช่วย

ส่งเสริมแนะนำวิธีการต่าง ๆ ด้านการเรียนการสอน ทั้งนี้หากได้แรงหนุนอีกด้านหนึ่ง คือ การแนะนำ

ชว่ ยเหลือ เป็นแบบอย่าง ในรปู แบบกัลยาณมิตรนเิ ทศ ก็จะชว่ ยให้ครเู หน็ วธิ ีการข้ันตอนการสอนท่ีเป็นจริง

ชดั เจน สามารถนำประยุกต์ใชใ้ นช้นั เรียนของตนได้เป็นอยา่ งดี

กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็

238

ค่มู ือการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร

แนวคิดทฤษฎเี กีย่ วกับการนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตร
ความเป็นกัลยาณมิตรเป็นกุญแจทองที่จะไขประตูแห่งความเป็นมิตร ความอ่อนน้อมถ่อมตน

ยังเป็นคุณสมบัติที่คนไทยทุกคนให้การต้อนรับ ความจริงใจ และความนุ่มนวลจะเป็นเครื่องหล่อล่ืน
สัมพันธภาพให้เลื่อนไหลสอดคล้องกันไปสู่จุดหมายปลายทาง ความมีน้ำใจ เป็นหยดทิพย์ที่ทำให้จิตใจ
ชุ่มชื่นเบิกบาน และท้ายที่สุด การใช้คำพูดที่สุภาพ จริงใจและความสม่ำเสมอ จะเป็นเครื่องส่งเสริม
ความรู้สึกท่ีดตี ่อกนั และพรอ้ มทจ่ี ะร่วมมือ ร่วมใจขจัดปญั หาตา่ ง ๆ และสรา้ งสรรค์ส่งิ ทด่ี ีงาม เพื่อประโยชน์
ของส่วนรวม มีแนวคดิ ทฤษฎสี ำคัญ ดังนี้

หลักธรรมความเปน็ กัลยาณมติ ร 7 ประการ (รมณธรณ์ นาเมอื ง, 2558 : 8 – 9) ประกอบด้วย
1. ปิโย แปลว่า น่ารัก หรือเป็นที่รัก เป็นลักษณะของผู้ที่มีความเป็นมิตร มีน้ำใจปรารถนาดี
ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข รู้สึกเห็นใจเมื่อผู้อื่นได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน ต้องการช่วยเหลือ
ให้พ้นทุกข์ความเดือดร้อนนั้น และพลอยชื่นชมยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้า
ท้ังยังคอยสง่ เสรมิ สนับสนุนใหก้ ำลังใจ
2. ครุ แปลว่า น่าเคารพ ในฐานะประพฤติสมควรแก่ฐานะ เป็นลักษณะของผู้ที่มีความยึดม่ัน
ในหลกั การ ยดึ ถอื กฎระเบียบเป็นสำคัญ และคอยตักเตือนไม้ใหผ้ ู้อน่ื ประพฤติไม่ถูกต้อง ฝา่ ฝืนกฎระเบียบ
โดยปราศจากอคติ หรือความลำเอียง ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้เกิดความอบอุ่นใจ
เปน็ ที่พงึ ได้และปลอดภยั
3. ภาวนีโย แปลว่า น่าเจริญ หรือน่ายกย่องในฐานทรงคุณเป็นลักษณะของผู้ที่ทำตัวเป็นแบบอย่าง
ที่ดีในด้านการพัฒนาตนเอง โดยเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นในการศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้อยู่เสมอ
มีความประพฤติเหมาะสม แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเกิดความเชื่อถือ ความศรัทธา
พรอ้ มทีร่ ับฟัง ใหค้ วามร่วมมือ และกล่าวถึงดว้ ยความซาบซึ้ง ม่นั ใจ ภมู ใิ จ
4. วัตตา จะ แปลว่า รู้จักพูดให้ได้ผลรู้จักชี้แจงให้เข้า รู้ว่าเมื่อไรควรพูดอะไร อย่างไรคอยให้คำแนะนำ
ว่ากล่าวตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดีด้วยการพูดให้เข้าใจ มองเห็นเหตุชัดเจน ทำให้หมดความเคลือบแคลง
สงสยั พรอ้ มท้งั เห็นคุณค่าและความสำคัญจนเกิดความซาบซึ้งยอมรับ อยากลงมือกระทำหรือนำไปปฏิบัติ
ทั้งยังเป็นคำพูดที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความกระตือรือร้นที่จะทำให้สำเร็จ โดยไม่หวั่นต่อความยากลำบาก และ
เป็นไปด้วยบรรยากาศแห่งความเป็นมิตร
5. วจนักขโม แปลว่า อดทนต่อถ้อยคำ คือ พรอ้ มท่จี ะรบั ฟังคำปรึกษา ปัญหาขอ้ เสนอแนะ หรือ
ข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ด้วยความอดทน ไม่แสดงความเบื่อหน่าย ไม่แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว หรือโต้แย้ง
ด้วยอารมณ์รนุ แรง
6. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา แปลว่า แถลงเรื่องล้ำลึกได้ คือ สามารถอธิบายเรื่องต่าง ๆ
อย่างเป็นลำดับ เป็นข้ันเป็นตอน พร้อมท้ังการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ให้เข้าใจได้ง่ายข้ึน

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาภูเกต็


Click to View FlipBook Version