The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 ประจำปีงบประมาณ 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประมวลผลการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน (Action Learning) (ปี 2564)

โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 ประจำปีงบประมาณ 2564

Keywords: ด้านทั่วไป

20

7.2 การผลติ แปรรูป ตลาด ความเส่ียง
1) การผลิต สภาพดินบ้านโนนประทายทานาได้ปีละหน่ึงครั้ง โดยอาศัยน้าฝน

เป็นหลัก ส่วนใหญ่ใช้วิธีปักดา การใช้ปุ๋ยส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลัก ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปัจจุบันเร่ิมมีการ
ปลูกข้าวแบบอินทรีย์ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว การเก็บเกี่ยวใช้แรงงานคน ใช้พันธุ์ส่งเสริม ผลผลิตเฉลี่ย ประมาณ
๔๐๕ กโิ ลกรัมต่อ ๑ ไร่ นอกจากนห้ี ลังเสรจ็ ฤดเู ก็บเกย่ี วขา้ ว ประชาชนจะมีอาชีพเสรมิ คอื การปลกู พริก

2) การแปรรูป บ้านโนนประทายยังไม่มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว แต่มีการ
พัฒนาคุณภาพข้าวจากเดิมปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมี เป็นการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ เพ่ือเป็นการลดต้นทุนการผลิต
ขายข้าวในราคาสงู ขนึ้ ไดผ้ ลผลิตทีม่ ีคุณภาพตามความต้องการของตลาด เปน็ หมบู่ ้านท่มี ีการผลติ ข้าวอินทรีย์มาก
เป็นอันดับหน่ึงของอาเภอศรีเมืองใหม่ จึงมีการรวมกลุ่มกันขึ้น “กลุ่มปลูกข้าวอินทรีย์” ซึ่งมีสมาชิกกลุ่ม
จานวน 30 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลาง และส่งเสริมให้ประชาชนเล็งเห็น
ความสาคญั ของการปลูกข้าวอินทรีย์ และยังช่วยใหค้ นในหมู่บา้ นมีสขุ ภาพทด่ี ี

นอกจากนี้ หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวไปขายแล้ว ประชาชนจะมีอาชีพเสริม
ที่สร้างรายได้ คือ การปลูกพริก จาหน่ายทั้งพริกสดและพริกแห้ง แต่ได้ประสบกับปัญหาราคาพริกตกต่า
ประชาชนในหมบู่ ้านโนนประทายจึงไดร้ วมตัวกนั เปน็ “กลมุ่ แปรรปู พรกิ ” โดยมีผลิตภณั ฑ์จากพริก ไดแ้ ก่ พริกแกง
แจ่วบอง และแจ่วบองดุกฟู

3) ตลาด ได้แก่ ร้านค้า ตลาดนัดชุมชนของหมู่บ้าน ตลาดนัดอาเภอ งานสาคัญของ
อาเภอ จาหนา่ ยผา่ นชอ่ งทางออนไลน์ เช่น Facebook , Line

4) ความเสี่ยงท่ีอาจเกิดขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโควิด 19
ส่งผลให้ภาคการเกษตรไดร้ ับผลกระทบอย่างมาก ประชาชนในหม่บู า้ นยงั ได้รบั ผลกระทบ ดงั น้ี

4.1) ราคาผลผลติ ตกต่า
4.2) สถานทีจ่ าหนา่ ยสนิ คา้ นอ้ ยลง
4.3) ตน้ ทนุ การผลิตมรี าคาสงู ข้ึน
4.4) สินค้าลน้ ตลาด ไมม่ ีสถานทร่ี บั ซ้อื
4.5) ขาดรายได้ทีจ่ ะมาต่อยอดในการเพาะปลกู

8. สิ่งท่ีชุมชนต้องได้รับการสนับสนุนจึงจะสามารถจัดการตนเองได้ตามปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง

จากการลงไปศึกษาเรียนรู้บ้านโนนประทาย พบว่าประสบปัญหาด้านแหล่งน้า มีปริมาณ
ไมเ่ พยี งพอ สง่ ผลใหผ้ ลผลติ ตกต่า ประชาชนมรี ายได้ลดลง ดังนั้น ภายใตข้ ้อจากัดด้านแหลง่ นา้ หม่บู ้านต้องไดร้ ับ
การสนบั สนุนจึงจะสามารถจัดการตนเองไดต้ ามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ดังน้ี

1) หมบู่ า้ นควรไดร้ บั การจัดหาแหลง่ นา้ ใหเ้ พยี งพอทัง้ ปีต่อการทาการเกษตรของทุกครัวเรอื น
2) กรมทรพั ยากรนา้ บาดาล หรอื หน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งต้องขดุ นา้ บาดาล (แหลง่ นา้ ใตด้ ิน)
เพือ่ แกไ้ ขปัญหาการขาดแคลนน้าสะอาดเพ่ือการอุปโภค
3) จัดทาแผนงานขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพ่ือติดตั้งจุดสูบน้าบาดาลด้วยพลังงาน
แสงอาทติ ย์ (โซล่าเซลล)์
4) การจัดการน้าในรูปแบบ โคก หนอง นา เพ่ือลดความเส่ียงด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาเรื่องน้า
ปัญหาการเพาะปลกู

21

5) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องต้องให้ความรู้และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาปลูกพืชแบบผสมผสาน
แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทาให้เกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้นไม่ต้องเส่ียงกับการทานา ปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว
ช่วยให้เกษตรกรมงี านทาตลอดปี

6) ผูน้ าชมุ ชน คณะกรรมการหมบู่ า้ น เสนอโครงการพัฒนาแหลง่ น้าบรรจุเขา้ แผนพัฒนาทอ้ งถิ่น
เพอ่ื ใหท้ ้องถิน่ ดาเนินการแก้ไข

22

สว่ นท่ี ๒ ประเด็นการพัฒนาของชุมชน

๒.๑ ระดบั การพฒั นาของหมูบ่ ้าน

จากการลงพนื้ ทพี่ ูดคยุ ทาเวทปี ระชาคมกับชาวบ้านโนนประทาย หมูท่ ่ี ๙ ตาบลวารินอาเภอศรีเมืองใหม่
จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า บ้านโนนประทาย มีระดับการพัฒนาอยู่ในระดับท่ี 3 “ระดับพึ่งตนเองได้”
(Sustainability) โดยพจิ ารณาจาก ๕ มิตกิ ารพัฒนา (UN’s SDGs) มาประเมิน ดงั นี้

๑) No poverty ขจัดความยากจน กล่าวคือ หมู่บ้านโนนประทาย ประชากรมีอาชีพร้อยละ ๙๐ ของ
ประชากรท้ังหมด ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ เช่น การทานาปลูกข้าว การปลูกพืชผักสวนครัว

การเลี้ยงสัตว์ มีจารีตประเพณีกาหนดครรลองวิถีชีวิตของคนในชุมชน มีระบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม
และยังมีกองทุนชุมชนในหมู่บ้านท่ีมีความเข้มแข็ง ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิต กองทุนหมู่บ้าน โครงการ
แก้ไขปัญหาความยากจน (กขคจ.) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ประกอบกับข้อมูลรายได้เฉล่ียของคนใน

หมู่บ้าน มรี ายได้เฉลย่ี สูงกว่าเส้นความยากจนของจังหวดั อบุ ลราชธานี
ซึ่งสามารถดารงชีพอยู่ได้ในสถานการณ์การเปล่ียนแปลงประกอบกับประชากรมีรายได้เฉลี่ย มากกว่า

หนี้สิน คือ มีรายได้เฉลี่ย ๒๓๖,๕๓๕ บาทต่อคนต่อปี และมีหน้ีสิน 136,846.98 บาทต่อคนต่อปี
(ตามเกณฑข์ อ้ มูล จปฐ. ปี ๒๕๖๒)

๒) Zero hunger ขจดั ความหวิ โหย บรรลุความมนั่ คงทางอาหาร ส่งเสริมการเกษตรอยา่ งย่งั ยืน กลา่ วคอื

หมู่บ้านมีความม่ันคงทางอาหาร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทานาปลูกข้าวทุกครัวเรือน
หมู่บ้านมีปริมาณผลผลิตข้าวเพียงพอต่อการบริโภคของคนในหมู่บ้านตลอดทั้งปี โดยมีพ้ืนที่ปลูกข้าวท้ังหมด

๒,๓๐๐ ไร่ ปีหน่ึงสามารถผลิตข้าวได้ผลผลิต ๔๐๕ กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังมีการปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง
หลงั ฤดกู าลทานาจะมีการปลกู พืชที่ใชน้ ้าน้อยไว้บริโภค เหลอื ก็เอาไปจาหน่ายทรี่ ้านค้าชมุ ชน ตลาดนดั ในหมู่บ้าน
และในตัวอาเภอ ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ ๑๙ ที่เกดิ ข้ึนจงึ ไม่ไดร้ ับผลกระทบมากนกั

๓) Decent work and economic growth การทาให้เกิดอาชีพและการจ้างงาน กล่าวคือ จากข้อมูล
การจัดเก็บข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) ปี ๒๕๖๒ พบว่า ประชาชนบ้านโนนประทายไม่มีปัญหา

การวา่ งงาน ทกุ ครวั เรือนมีอาชีพมรี ายได้บนพ้นื ฐานของหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๔) Good health and well-being การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี กล่าวคือ หมู่บ้านโนนประทาย

ประชาชนส่วนใหญ่มีสุขภาพที่ดี จากการสอบถามในพื้นท่ีไม่ปรากฏโรคระบาดรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งน้ียังมี

อาสาสมคั รสาธารณสุขท่ีเข้มแขง็ โดยแบ่งการดแู ลสุขภาพคนในหมู่บ้านออกเปน็ คมุ้ จานวน ๑๐ คุ้มละ 1 คน และ
มอี าสาบริบาลดูแลผู้ป่วยตดิ เตียงอยา่ งใกล้ชิด และในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ พบว่าไมม่ ผี ูต้ ิด

23
เชื้อในพน้ื ท่ี มีเพียงผู้ทเี่ ดนิ ทางมาจากพ้ืนทเ่ี ส่ียงสงู ได้ดาเนนิ การแจ้งโรงพยาบาล ผู้นาชุมชน กักตวั ตามมาตรการ
สาธารณสขุ อย่างเคร่งครดั จนไดเ้ ปน็ หมบู่ า้ นสีฟ้าปลอดโควิด-๑๙

๕) Clean water and sanitation การจัดการน้าและสุขาภิบาล กล่าวคือ หมู่บ้านมีแหล่งน้า ๒ แห่ง
คือ ลาห้วยหนองหลุม และลาห้วยซัน แต่เป็นลาห้วยขนาดเล็กเก็บกักน้าได้ไม่มาก จึงทาให้ไม่เพียงพอต่อการทา
การเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาหลักของหมู่บ้าน หน่วยงานที่เก่ียวข้องจึงได้แนะนาให้หมู่บ้านเปล่ียนวิถีการเกษตร
โดยหลังจากการทานาให้ปลูกพืชท่ีใช้น้าน้อย และเป็นพืชที่ปลูกในระยะสั้น ได้แก่ พริก ผักชีลาว ผักบุ้ง แตงกวา
มะเขือ ถ่ัวฝักยาว ในส่วนของน้าด่ืม หมู่บ้านยังไม่มีโรงผลิตน้าดื่ม ทาให้ประชาชนต้องซ้ือน้ามาบริโภคเอง
จากการสอบผู้นาชุมชน พบว่า กรณีดังกล่าวได้มกี ารบรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแผนพัฒนาท้องถ่ิน ซึ่งจะต้องให้
องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ดาเนนิ การต่อไป

ที่มา : เกณฑ์การประเมินตามหลกั ๕ มติ ิการพฒั นา (UN’s SDGs)
โดยสรุป การประเมินระดับการพัฒนาของหมู่บ้านโนนประทายจัดอยู่ใน “ระดับพ่ึงตนเองได้”

(Sustainability) แต่ยังมีความจาเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเน่ืองเพ่ือยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึน และการพัฒนาท่ี
ยง่ั ยืนต่อไป ซึ่งสอดคล้องกบั ผลการประเมนิ จากฐานขอ้ มูลความจาเป็นพ้ืนฐานระดบั หมู่บ้าน (จปฐ.) และ กชช.๒ค
ปี ๒๕๖๒ ซงึ่ ประมวลผลหม่บู า้ นนีเ้ ป็นหมูบ่ า้ นเรง่ รัดการพฒั นาอันดับ ๓

24

๒.๒ สัดสว่ นจานวนของครัวเรือนทไ่ี ม่พออย่พู อกนิ
จากการศึกษาขอ้ มูลดา้ นการพัฒนารายได้ของครวั เรือน โดยตัวชี้วดั ดา้ นคนในครัวเรอื น

มรี ายไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ คนละ ๓๘,๐๐๐ บาท ต่อคนต่อปี ของบ้านโนนประทาย สรปุ ได้ดังตาราง

ปี จานวนทส่ี ารวจ จานวนผา่ นเกณฑ์ จานวนท่ีไมผ่ ่านเกณฑ์ รายได้เฉล่ีย รายจ่ายเฉลยี่
ปี ๒๕๖๒ บาท/คน/ปี บาท/คน/ปี
(ครวั เรือน) ครวั เรอื น ร้อยละ ครัวเรอื น ร้อยละ 67,125 ๓๘,๘๘๓.๘๓

๑๒๙ ครวั เรือน ๑๒๙ ๑๐๐ - -

ท่มี า : สานกั งานพฒั นาชมุ ชนอาเภอศรเี มืองใหม่ จังหวดั อบุ ลราชธานี

จากข้อมลู ความจาเปน็ พน้ื ฐาน (จปฐ.) ปี 2562 บา้ นโนนประทาย ไม่มีครัวเรือนตกเกณฑ์ จปฐ.
ในข้อ รายได้เฉลี่ยของคนในครัวเรอื นต่อปี ซึ่งประชาชนมีรายได้เฉล่ีย 67,125 บาท ซึ่งผ่านเกณฑ์ความจาเป็น

พน้ื ฐานซ่ึงกาหนดให้ประชาชนมีรายได้ 38,000 บาทตอ่ คนต่อปี
และข้อมูลจากการจัดเก็บข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) ปี 2564 ซึ่งยังไม่ได้ มีการ

ประมวลผลในระบบ พบว่า บ้านโนนประทาย ยังไม่มีความผันผวนในด้านรายได้เฉล่ียที่จะทาให้ครัวเรือนใน
หมู่บ้านนี้ตกเกณฑ์ดังกล่าว แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงก็ตามที
จึงทาให้ “ไมม่ ีสดั ส่วนจานวนครัวเรือนทไี่ มพ่ ออยพู่ อกิน”

หากจะพิจารณาจากระดับการพัฒนาของหมู่บ้านตาม ๕ มิติการพัฒนาของ UN’s SDGs
มาประเมินโดยอิงข้อมูลจากข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) ปี ๒๕๖๒ พบว่า บ้านโนนประทายผ่านตัวชี้วัด

ทุกข้อ จึงจัดวา่ เป็น “ครวั เรอื นพ่งึ พาตนเองได้”

25

๒.๓ ประเมินความสามารถของชมุ ชนในการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการกิจกรรมตา่ งๆ
ภายใต้นโยบาย

จากการลงพ้ืนท่ีศึกษาเรียนรู้ภูมิสังคม วิถีชีวิตของหมู่บ้านโนนประทาย หมู่ที่ ๙ ตาบลวาริน
อาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี คณะผู้ศึกษาพบว่าบ้านโนนประทาย เป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็ง
มีการเรียนรู้ร่วมกันในการบริหารจัดการด้วยตนเอง และแก้ไขปัญหาของชุมชนก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้าน
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และส่งิ แวดล้อม ส่งผลให้เป็นหม่บู ้านเขม้ แข็งสามารถพ่งึ ตนเองได้ ซึง่ ปจั จยั ท่สี ง่ ผลต่อ
ความเขม้ แข็งของชุมชน ประกอบด้วย

1) ด้านผู้นาชุมชนที่มีความรู้ความสามารถ กล่าวคือ นายพูลสวัสด์ิ คืนดี กานันตาบลวาริน
ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านโนนประทายด้วย เป็นผู้นาที่มีความรู้ความสามารถ สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้กับหมู่บ้าน
มากมาย ได้แก่

1.1) รางวัลกานนั ยอดเยี่ยม อันดบั ที่ 1 ปี 2552
1.2) รางวัลหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียง อย่เู ย็น เปน็ สุข ระดบั จังหวัด ปี 2555
1.3) กลมุ่ ออมทรพั ย์เพื่อการผลิตทมี่ ีผลการดาเนินงานดีเดน่ ด้านการออม ระดับอาเภอ
และระดับจังหวดั ปี 2554
1.4) รางวัลศูนย์ประสานงานองค์การชุมชนระดับจังหวัด (ศอช.ต.) ดีเด่นระดับจังหวดั
ปี 2552

2) ด้านการมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมของประชาชน การมสี ่วนรว่ มของประชาชนเปน็ การเปดิ โอกาส
ให้ประชาชนเข้ามาร่วมในการคิด ตัดสินใจ วางแผน ปฏิบัติตามแผน และติดตามประเมินผลในกิจกรรมหรือ
โครงการต่าง ๆ ในชุมชน เป็นการให้โอกาสแก่ประชาชนในชุมชนได้ร่วมกิจกรรม ตั้งแต่เริ่มคิดจนกระท่ังถึงการ
ติดตามประเมินผลของการทากจิ กรรม ทั้งน้ีเพื่อให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการดาเนินงาน อันเปน็
การปลูกฝังจิตสานึกในเร่ืองความเป็นเจ้าของโครงการหรือกิจกรรม ภายใต้หลัก ๕ ร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมทา
ร่วมแก้ไขปัญหา ร่วมรับผิดชอบ และร่วมติดตามประเมินผล ยกตัวอย่างการจัดเวทีประชาคมเพื่อรับฟังความ
คดิ เห็นของประชาชน

3) ด้านการบริหารจัดการชุมชน
กล่าวคือ หมู่บ้านมีการบริหารจัดการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประชาชนสามารถพ่ึงตนเองได้
ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ไม่มีหนี้สินนอกระบบ ประชาชนรู้จักประมาณตนอยู่บนความพอเพียง และ
การมีแหล่งเงินทนุ ทเ่ี ข้มแข็งมกี ารบรหิ ารจัดการกองทุนทด่ี ี จนได้รบั รางวลั เปน็ ที่ประจกั ษ์

26

4) ด้านการเรียนรรู้ ว่ มกนั ของชุมชน ภูมิปัญญาชาวบ้านท่ีทาสืบทอดกนั มาเป็นรนุ่ ๆ ไม่ว่าจะภูมิ
ปัญญาทางวัฒนธรรมประเพณี ปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้และหล่อหลอมความรัก ความสามัคคี
การแบง่ ปนั ของประชาชนในหม่บู า้ นไดเ้ ปน็ อย่างดี เช่น ประเพณีฮตี สบิ สอง ปราชญด์ า้ นการทาพานบายสสี ขู่ วญั

จากปัจจัยดังกล่าวขา้ งต้นจะเหน็ ว่าบ้านโนนประทาย เปน็ หมูบ่ ้านทมี่ คี วามเข้มแข็งและสามารถ
ปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ตามนโยบายภาครัฐได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
จนได้รับรางวลั หมบู่ า้ นอยู่เย็น เป็นสุข ระดับจังหวัด ปี 2555 โครงการโคก หนอง นา โมเดล ซึง่ มผี นู้ าชมุ ชนได้รบั
นโยบายมาปฏิบัติเพ่ือเป็นต้นแบบให้กับคนในหมู่บ้าน ดังคากล่าวท่ีว่า “ผู้นาต้องทาก่อน” ส่งผลให้ประชาชนมี
ความสนใจ เข้าใจและเห็นประโยชน์จากโครงการน้ีมากข้ึน รวมท้ังการส่งเสริมการเกษตร การปลูกข้าวอินทรีย์
ประชาชนได้รับการให้ความรู้จากสานักเกษตรอาเภอศรีเมืองใหม่ ถึงประโยชน์ท่ีได้จากการปลูกข้าว
อินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้ปุ๋ยเคมีในนาข้าว ทาให้ได้ข้าวท่ีมีคุณภาพ และปลอดภัย
คนในหมบู่ ้านกม็ ีสขุ ภาพทดี่ ีตามไปดว้ ย จงึ ได้มีการรวมกลุม่ กนั เปน็ กลุ่มปลูกข้าวอินทรีย์จากการทาเวทีประชาคม
ประชาชนไดร้ ว่ มกันคิดเพ่ือท่ีจะยกระดับพฒั นาผลติ ภณั ฑใ์ ห้เป็นทตี่ ้องการของตลาด โดยจะมกี ารขายผา่ นชอ่ งทาง
ออนไลน์ Facebook การไลฟ์สดขายสินค้า ซ่ึงกาลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภค
เปลี่ยนแปลงไปมากมีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ ด้วยความสะดวกและรวดเรว็
ของเทคโนโลยสี มารท์ โฟน

27

๒.๔ ประเมินโอกาสและความเสยี่ งของชุมชนและครวั เรอื นยากจน
บ้านโนนประทาย เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีจานวนครัวเรือนเพียง ๑๔๗ ครัวเรือน ประชากร

จานวน ๔๕๔ คน โดยรายได้ของประชากรในหมู่บ้านมาจากภาคการเกษตร คือการปลูกข้าวเฉล่ีย 66,483.26
บาท /คน/ปี การส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อการพัฒนาหมู่บ้านโนนประทาย มีท้ังในรูปแบบของรัฐคิดให้

คือ บริหารจัดการให้ท้ังหมดทั้งกระบวนการ และรูปแบบเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้ร่วมกันคิด ร่วมกันตัดสินใจ
เพ่ือดาเนินการตามความต้องการของชาวบ้านเอง โดยได้วิเคราะห์ข้อมูลหมู่บ้านด้วยวิธีการ SWOT Analysis
(วเิ คราะหจ์ ุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค)

Strengths (จุดแขง็ ) Weaknesses (จดุ ออ่ น)
๑. มีกลมุ่ /องคก์ รตา่ งๆ ไดแ้ ก่ กลุม่ ออมทรพั ยฯ์ , ๑. ขาดการตลาดรองรบั ผลผลิต
กองทนุ หม่บู ้าน ,กลุ่มขา้ วอนิ ทรีย์, กขคจ. ๒. ขาดองคค์ วามรู้ด้านการเกษตร
๒. ท่ีดินมเี อกสารสิทธิ์ และมที ี่ดนิ เป็นของตนเอง ๓. แหล่งนา้ ใชใ้ นการเกษตรไม่เพียงพอ
๓. การบรหิ ารจัดการชมุ ชนทีด่ ี ๔. ต้นทุนสงู / ผลผลิตตกตา่
๔. มีขนบธรรมเนียมประเพณ/ี วฒั นธรรม ๕. วัยรุ่นทอ้ งกอ่ นวยั อันควร
๕. มีปราชญ์ชาวบา้ น (ทาพานบายศรี,หมอ ๖. วัยรุน่ ไม่ชว่ ยทางาน
พราหมณ)์
Threats (ความเสยี่ ง)
Opportunities (โอกาส) ๑. ไม่มีระบบชลประทาน ขาดแหล่งน้าทา
๑. มีหลักทรัพย์หาทุนจากทีท่ ากนิ การเกษตร
ทม่ี เี อกสารสทิ ธ์ิ ๒. ราคาผลผลติ ตกตา่
๒. มีกองทุนชมุ ชนในการกู้ยืมประกอบอาชีพ ๓. ขาดตลาดรองรับสินค้า
๔. ไฟฟ้าไมท่ ว่ั ถึง
• กล่มุ ออมทรพั ย์ ๕. ขาดคลองระบายน้า
๖. ขาดแหลง่ ผลิตนา้ ด่ืมประจาหมู่บ้าน
• กองทุนหม่บู ้าน

• กองทนุ พฒั นาบทบาทสตรี

• กขคจ.
๓. มีรา้ นค้าชุมชน จาหน่ายสินค้าราคาถกู
มีเงนิ ปนั ผลใหส้ มาชิกทุกสิน้ ปี

จากตาราง วเิ คราะห์ข้อมูลหมู่บ้าน ด้วยวิธกี าร SWOT ข้างตน้ พบว่า บา้ นโนนประทาย หม่ทู ี่ 9

ตาบลวาริน อาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี มีความเสี่ยง จะไม่มีชีวิตท่ีม่ันคงของบุคคล ครอบครัวและ
ชมุ ชน ดังนี้

1. ปัญหาขาดแคลนแหล่งน้า
บ้านโนนประทาย หมทู่ ่ี ๙ ตาบลวาริน มีแหลง่ น้า จานวน ๒ แห่ง
๑) ลาห้วยหนองหลมุ สามารถใช้ประโยชน์ไดแ้ ต่มขี นาดเล็กกกั เก็บน้าไดน้ อ้ ย
2) ลาห้วยซัน สามารถใชป้ ระโยชน์ได้แต่มขี นาดเลก็ เกบ็ น้าได้นอ้ ย

28

โดยแหล่งน้าธรรมชาติทั้งสองแห่ง อาศัยน้าจากฝนตามฤดูกาลเป็นหลัก เพราะไม่มีแหล่งน้า
ต้นทุนขนาดใหญ่ในพื้นท่ี ผู้นาชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน ตลอดจนประชาชนในหมู่บ้านได้มีข้อเสนอไปยัง
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องโดยมีการจัดทาแผน/โครงการ ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน แล้ว เพ่ือพัฒนาลาห้วยทงั้
สองแห่งใหม้ ีสภาพที่สามารถรองรับได้เพมิ่ มากขึ้น ประเด็นการพัฒนาแหลง่ น้าน้ี คณะผศู้ กึ ษาได้เหน็ สภาพปัญหา
และเห็นโอกาสจึงร่วมเสนอแนะมีแนวทางแกไ้ ขปญั หา ดังนี้

๑. จัดทาเวทปี ระชาคมเพื่อจดั ทาแผนพัฒนาหมูบ่ า้ นและบรรจุลงในแผนพัฒนาทอ้ งถน่ิ
๒. ประสาน/จัดหาแหล่งงบประมาณจากหนว่ ยงานที่เกีย่ วข้อง อาทิ องค์การบริหารส่วนตาบล
วาริน,สานักทรัพยากรน้าบาดาล เสนอปญั หาความตอ้ งการไปยังหน่วยงานท่ีเก่ยี วข้องทราบ
๓. กาหนดแนวทางการพฒั นาหมู่บา้ น ใหม้ กี ิจกรรมที่ชุมชนสามารถดาเนินการเองได้
เช่น การทาฝายประชาอาสา ซ่อมแซมฝายชะลอน้าที่ชารดุ โดยคนในชุมชนรว่ มมอื รว่ มใจกนั ทา
๔. ให้หันมาปลูกพืชทีใ่ ช้นา้ น้อย ให้เหมาะกับสภาพพ้นื ท่ี เช่น พริก ผกั ชลี าว ผกั ชีหอม ผกั บุ้งจีน
แม้ว่าบ้านโนนประทายจะมีแหล่งน้าธรรมชาติ แต่ก็มีปัญหาการบริหารจัดการให้เพียงพอตลอด
ท้ังปี ท้ังการอปุ โภคและบรโิ ภค และเพอ่ื การเกษตร ดงั น้นั หนว่ ยงานท่เี กีย่ วตอ้ งมกี ารประสานความร่วมมือแก้ไข
ปญั หาดงั กล่าวในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างย่งั ยนื

2. ปญั หาผลผลิตทางการเกษตรตกต่า
สภาพดินในพืน้ ท่บี ้านโนนประทายมีลกั ษณะเปน็ ดนิ ร่วนปนทรายเหมาะสาหรับทานาปลกู ข้าวได้เพียง

อยา่ งเดียวและปจั จุบันประชาชนในหมู่บ้านใชป้ ุ๋ยเคมีเป็นจานวนมากสง่ ผลใหต้ ้นทุนในการทาการเกษตรสูงตามไป
ด้วย ผลผลิตท่ีได้มีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด นอกจากนี้ราคาของผลผลิตท่ีตกต่า
เนื่องมาจากผลผลิตท่ีได้ไม่ได้คุณภาพ มีการใช้สารเคมีมากเกินไปและยังขาดการรวมกลุ่มกันเพื่อต่อรองราคากับ
พอ่ คา้ คนกลาง สง่ ผลให้รายไดห้ ลักของคนในหมบู่ ้านโนนประทายลดลง

3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ -๑๙
ปฏิเสธไม่ไดว้ า่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ -19 ทาให้เกิดผลกระทบตอ่ การดาเนินชวี ิตของ

ชีวิตอย่างเล่ียงไม่ได้ ซึ่งนามาสู่ปัญหาด้านเศรษฐกิจในชุมชน เนื่องจากการดาเนินการต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง
สินค้าที่ผลิตไม่สามารถจาหน่ายได้ เพราะตลาดนัดหลายแห่งต้องปิด ประชาชนไม่มีสถานท่ีจาหน่ายสินค้าและ
ต้นทนุ การผลติ ก็มีราคาสงู ขน้ึ ตามไปดว้ ย

29

2.5 สรุปบทเรยี นทีไ่ ด้รับ
1) ด้านการบริหารการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น คือ กระบวนการทางานอย่างมีส่วนร่วม

โดยผ่านองคก์ รชุมชนท้องถิน่ ถอื วา่ เป็นกลุ่มคนท่มี ีบทบาทสาคัญในการพฒั นาชมุ ชนเปน็ อย่างมาก เห็นไดจ้ ากการ
ดาเนนิ การตา่ งๆ ในหมบู่ า้ นทกี่ อ่ ให้เกิดความเปล่ียนแปลง และสนองตอบนโยบายต่างๆ ทงั้ ในระดบั ครัวเรือนและ
ชุมชน จนเกดิ ผลสาเร็จเป็นที่นา่ พอใจ

และมีเครื่องมือท่ีมีความสาคัญคือ “แผนชุมชน” ที่ทาให้เกิดการรวมกลุ่มชุมชนและเครือข่าย
องค์กรชุมชนที่เข้มแข็งบนพื้นฐานการพ่ึงพาตนเอง มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาเกิดการเรียนรู้ พัฒนา
ความสามารถอย่างต่อเน่ืองในการสร้างกระบวนการเรียนรูใ้ นการบริหารจัดการและร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้
อยา่ งสอดคล้องกับความตอ้ งการของชุมชน

2) ด้านการบริหารการพฒั นาระดับตาบลและอาเภอ คอื บคุ คลหรอื หน่วยงานในพน้ื ทที่ ี่มี
ส่วนเกี่ยวข้องในการพฒั นา ยังเข้าถึงความต้องการของประชาชนล่าช้า ทาให้เสียโอกาสที่จะเข้าถึงบริการของรัฐ
อย่างเท่าเทียม ส่วนในระดับอาเภอซึ่งเป็นหน่วยประสานสั่งการลงไปยังชุมชน บางเรื่องมีห้วงระยะเวลาท่ีจากัด
เรง่ รัดเพ่ือให้ไดข้ ้อมลู และผลการปฏิบัติ โดยพืน้ ที่ไมไ่ ด้มีเวลาศกึ ษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ทาให้การตอบสนองไม่
มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่าที่ควร

นอกจากนี้หน่วยงานต่างๆ ท่ีได้รับนโยบายมาขาดการเชื่อมโยงซึง่ กนั และกัน ท้ังในส่วนของ
หน่วยงานภาครัฐด้วยกันและระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคีการพัฒนาท่ีเก่ียวข้อง แนวคิดการแก้ปัญหา
จึงมีลักษณะแยกส่วน ต่างคนต่างทาตามบทบาทหน้าท่ี ขาดการบูรณาการทั้งในเร่ืองความคิดและการนาไปสู่
การปฏบิ ตั ิ ซ่ึงทาให้ไม่สามารถบริหารจดั การแกไ้ ขปัญหาให้เกดิ ประสิทธภิ าพได้

ในส่วนขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินในพ้นื ทย่ี งั ไมม่ บี ทบาทในการแก้ไขปญั หาความยากจน
ทีช่ ดั เจน การจดั ทาแผนงาน/โครงการยังเน้นในเรื่องโครงสร้างพน้ื ฐานเป็นหลัก

3) ด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล
จากการศึกษาเรียนรู้ บ้านโนนประทายเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในพ้ืนท่ี มีลักษณะกาหนดจากภาครัฐและ
ท้องถิ่นไปสู่ประชาชน (Top-Down) รัฐบาล และหน่วยงานราชการ เป็นกลุ่มคนท่ีอานาจสูงสุดในการกาหนด
นโยบาย ประชาชนจึงเป็นเพียงผู้รอรับผลจากนโยบายเท่าน้ัน ไม่มีส่วนร่วมในการกาหนดนโยบาย ด้วยเหตุน้ี
นโยบายจึงไม่สามารถตอบสนองปญั หาและความต้องการของแตล่ ะพ้ืนท่ีได้ เพราะรฐั บาลและหน่วยงานราชการไม่
มีขอ้ มลู และความเป็นจริงของแต่ละพื้นท่ี

คณะผู้ศึกษาเห็นว่าภาครัฐควรส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมใน
กิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐมากข้ึน เช่น การมีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวทางแกไ้ ขปัญหา รวมถึงการให้ข้อมูล
ต่าง ๆ โดยภาครัฐต้องสร้างหลักประกันความปลอดภยั ให้กับประชาชน ท้ังนี้เพ่ือให้แผนงาน/โครงการสอดคล้อง
กับศักยภาพและความต้องการของพื้นที่ เน้นการทาแผนที่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาท่ีชัดเจนและมี
การทบทวนอยเู่ สมอ

สาหรับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรฐั บาลในพื้นท่บี า้ น
โนนประทาย โดยศกึ ษานโยบาย โครงการตา่ งๆ มีดังนี้

3.1) หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นโครงการที่ช่วยให้คนในชุมชนสามารถพ่ึงตนได้
โดยอยู่บนพื้นฐานของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่ด้วยข้อจากัดในด้านบุคลากรของหน่วยงานสานักงาน
พฒั นาชุมชนอาเภอที่มไี มเ่ พียงพอต่อการตดิ ตามการดาเนินการโครงการดังกลา่ วมากนัก

30

3.2) โคก หนองนา โมเดล สามารถแก้ไขปัญหาการจัดหาแหล่งน้าซ่ึงเป็นปัญหาสาคัญของ
หมู่บ้าน เพ่ือนามาใช้ในด้านการเกษตร แต่ยังไม่เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่าที่ควรเน่ืองจากครัวเรือน
ที่เข้าร่วมโครงการยังไม่มีความเข้าใจเร่ืองหลักกสิกรรมธรรมชาติ ประกอบกับสภาพข องดินในพ้ืนที่
ทาใหไ้ มส่ ามารถขดุ ได้ตามแบบแปลนมาตรฐานทก่ี าหนด เชน่ แบบกาหนดใหข้ ุดบอ่ ดิน มีขนาดความลึก 10 เมตร
แตเ่ มือ่ ไปดาเนินการแล้วพบว่าสามารถขุดได้เพียง 6 เมตร เท่านั้น

3.3) การส่งเสริมการเกษตร (การปลูกข้าวอินทรีย์) จะช่วยเพ่ิมมูลค่าและยกระดับคุณภาพ
ของผลผลิตให้สูงขึ้น ตลอดจนลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งลดปัญหาด้านสังคม (สุขภาพ) และสิ่งแวดล้อม
(ฝุ่นละอองหมอกควนั ) แต่พบว่ามีปัญหาในด้านการตลาดท่ีจะรองรับสินค้า ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ยอดจาหน่ายขา้ วอนิ ทรียใ์ นพนื้ ท่ลี ดลง

สรปุ ได้ว่านโยบายของรัฐบาลในพื้นท่ีจะมปี ระสิทธิภาพและประสิทธผิ ลน้ัน หนว่ ยงานภาครัฐควร
มีนโยบายท่ีจะให้การสนับสนุนงบประมาณ องค์ความรู้ กิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเน่ือง โดยให้ความช่วยเหลือด้าน
บุคลากร งบประมาณ และการพิจารณาแนวทางการพฒั นาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพฒั นาแหล่งน้าให้
เพยี งพอต่อภาคการเกษตร การพัฒนาเสน้ ทางสัญจรให้มีคุณภาพท่เี หมาะสมเพอ่ื การเดินทางเขา้ ออกจากหมู่บ้าน
เพื่อการค้าและการดารงชีวิตประจาวัน และส่งเสริมกระบวนการ มีส่วนร่วมในการบริหารชุมชนในทุกระดับ
และทกุ กระบวนการ และสนบั สนุนให้ชุมชนสรา้ งการมสี ่วนรว่ ม

31

สว่ นท่ี 3
การรว่ มคดิ กิจกรรมการพัฒนาร่วมกบั ชุมชน

***************
ประเด็นสาคัญท่ีต้องพัฒนาชุมชน ทิศทาง แนวคิด แนวทางในการพัฒนาท่ีเหมาะสมและปฏิบัติ
ได้จริง ซ่ึงจากการศึกษาเรียนร้ภู ูมิสังคม วิถีชีวิตของชุมชน การลงพ้ืนที่หมู่บ้านโนนประทาย หมู่ที่ 9 ตาบลวารนิ
อาเภอศรเี มอื งใหม่ จังหวดั อุบลราชธานี และการประชมุ ระดมความคดิ เห็นสามารถสรุปได้ ดังน้ี
3.1 ประเด็นของการพฒั นา
1) การจัดหาแหล่งน้าใหเ้ พยี งพอทัง้ ปีต่อการทาการเกษตรของทกุ ครัวเรอื น การเกษตร
ในชุมชน
บา้ นโนนประทาย มีแหล่งน้าทสี่ าคัญตามธรรมชาติ 2 แห่ง ไดแ้ ก่ ลาหว้ ยหนองหลมุ และลาหว้ ย
ซนั ซง่ึ มขี นาดเลก็ กกั เกบ็ นา้ ไดน้ ้อย ทาให้ไมเ่ พียงพอต่อการทาการเกษตร ผนู้ าชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านและ
ประชาชนในหมู่บ้านได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยง านท่ีเกี่ยวข้องโดยมีการจั ดทาแผนงานโครงการซ่อมแซม
บารุงรักษาและขุดลอกหน้าฝาย เพื่อให้มีสภาพใช้งานและกักเก็บน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงจะสามารถ
แก้ปัญหาการขาดน้าใช้ในภาคการเกษตรได้ ประเด็นการพัฒนาแหล่งน้า คณะผู้ศึกษาได้เห็นสภาพปัญหาและ
โอกาส จึงมีแนวทางแก้ปัญหา ดงั นี้
1.1) ประสานและจัดหาแหล่งงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การบริหารส่วน
ตาบลวาริน และสานักทรัพยากรน้าบาดาล เขต 11 อุบลราชธานี โดยหมู่บ้านโนนประทายเสนอปัญหาความ
ตอ้ งการไปยังหน่วยงานทเี่ ก่ยี วข้อง
1.2) บ้านโนนประทายกาหนดแผนการพัฒนาหมู่บ้านในระยะสั้นและสามารถดาเนินการเองได้
โดยอาศัยความรว่ มมอื ร่วมใจของคนในหมู่บ้าน เชน่ การทาฝายประชาอาสา การขุดบอ่ นา้ ตืน้ บอ่ น้าบาดาลเพอื่ นา
นา้ จากใตด้ นิ ข้นึ มาใช้
สรุปได้ว่าบ้านโนนประทายมีแหล่งน้าท่ีเพียงพอ แต่มีปัญหาการบริหารจัดการน้าให้เพียงพอ
สาหรับใช้ตลอดปี รวมทั้งใช้ในการอุปโภคบริโภค การเล้ียงสัตว์ การเพาะปลูกพืช ดังนั้น ควรมีหน่วยงานที่
เกย่ี วข้อง ประสานการรว่ มมือกันแก้ปัญหาในระยะส้ัน ระยะกลางและระยะยาวอย่างยั่งยืน

32

2) การปรบั เปลย่ี นเมลด็ พันธุห์ รือชนดิ ของพืชหรือสัตว์เล้ยี งท่ีให้ผลผลิตมากขึ้น
ใช้น้านอ้ ยลง มคี ่าใช้จ่ายทีเ่ ป็นต้นทุนลดลง

จากการลงพื้นที่บ้านโนนประทาย พบว่า ประชาชนประสบกับปัญหาขาดแคลนน้าใช้
ในการเกษตร ท้ังยังต้องซ้ือเมล็ดพันธ์ุพืชมาเพาะปลูกทุกปี เนื่องจากเมล็ดซองท่ีซื้อมาจากร้านค้าต่างๆ
เมื่อนามาปลูกแล้ว ไม่สามารถนาเมล็ดพันธุม์ าปลูกหรือต่อยอดผลผลิตได้ เพราะเมล็ดพันธุ์ที่ชุมชนซ้ือมาน้ันส่วน
ใหญ่จะถูกตัดแต่งพนั ธกุ รรมมาแล้ว ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ ชุมชนต้องกลับไปซื้อจากร้านค้ามาปลูกใหม่ ซึ่งเปน็
วงจรเดิมๆ ทาให้ส้ินเปลืองค่าใช้จ่าย คณะผู้ศึกษาจึงเสนอว่า ควรมีการปรับเปลี่ยนเมล็ดพันธ์ุหรือชนิดของพืช
ท่ใี หผ้ ลผลิตมากขนึ้ แต่ใช้นา้ น้อยลงและมีค่าใช้จา่ ยท่ีเปน็ ต้นทนุ ลดลง โดยมีแนวทางดังน้ี

2.1) ปรับการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวในหลายรูปแบบเพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดค่าใช้จ่าย
โดยมีการใช้ผลผลิตข้าวเปลือกจากฤดูก่อนมาเป็นเมล็ดพันธ์ุ มีการเก็บผลผลิตข้าวเปลือกนาปีไว้ เพื่อบริโภค
ในครอบครัวและใชเ้ ป็นเมลด็ พนั ธุ์ในครัง้ ต่อไปมากขึ้น

2.2) หลงั ฤดกู ารทานาปลกู ข้าว ควรสง่ เสรมิ การปลูกพชื ใช้นา้ น้อย
2.2.1) พชื ผักใหผ้ ลผลติ 1 เดอื น เช่น ผักพื้นบา้ น ผักชีลาว ผกั ชีหอม
2.2.2) พืชผัก ใหผ้ ลผลิต 2 เดอื น เช่น แตงกวา แตงร้าน ถวั่ ฝักยาว
2.2.3) พืชผักให้ผลผลติ 3 - 5 เดอื น เชน่ มะเขือ พริก บวบ แตงโม ข้าวโพด

2.3) จัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ เพ่ือให้ครัวเรือนและหมู่บ้านได้มีเมล็ดพันธ์ุพืชได้ปลูก
หมุนเวียนในชุมชน ลดปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธ์ุพืชผัก และสร้างความม่ันคงทางอาหารให้แก่ครัวเรือน
อย่างยั่งยืน โดยมีวิธีจัดหาเมล็ดพนั ธ์ุจากเกษตรกร ส่วนราชการ ประชาชนท่ัวไป ทาเป็นธนาคารเมล็ดพนั ธรุ์ ะดับ
หมู่บ้าน และให้คนที่ต้องการปลูกพืชผัก ยืมเมล็ดพันธ์ุไปปลูก และ คืนเมล็ดพันธ์ุกลับคืนธนาคาร เพื่อหมุนเวียน
ตอ่ ไป

2.4) ให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกร เกิดพลังอานาจการต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลางและ
สามารถจดั ซ้ือปัจจัยการผลติ ในราคาท่ีถูกลงเมอื่ รวมกล่มุ กนั ซือ้

3) การปรบั กระบวนการผลติ การเกษตรเพอื่ เพิม่ คุณคา่ ทางเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม
จากการวิเคราะห์ข้อมูลหมู่บ้าน โดยใช้วิธีการ SWOT Analysis พบว่า บ้านโนนประทาย

มีปัญหาราคาผลผลิตตกต่า เนื่องจากผลผลิตไม่ได้คุณภาพ มีการใช้ปุ๋ยเคมี ซ่ึงหมู่บ้านเองได้เล็งเห็นถึงปัญหา
ดังกล่าวได้มีการจัดรวมกลุ่มข้าวอนิ ทรียข์ ึ้น แต่มีสมาชิกจานวน 30 คน จึงเห็นควรขยายผลให้ทุกครัวเรือนนาไป
ปฏิบัติ การปรบั กระบวนการผลติ การเกษตรเพอื่ เพ่ิมคุณค่าทางเศรษฐกิจ สงั คม และสง่ิ แวดล้อม ดังน้ี

3.1) ด้านเศรษฐกิจ ชว่ ยเพ่ิมมูลค่า ยกระดบั คณุ ภาพของผลผลติ ให้สงู ขน้ึ และลดต้นทุน
การผลิต

3.2) ด้านสังคม ประชาชนต้องการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรจึงนิยมใช้ปุ๋ยเคมี ทาให้เกิด
ปญั หาด้านสุขภาพและเสียเงินไปกบั การักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ดังนนั้ หากมีการปรบั กระบวนการผลติ เป็นแบบ
เกษตรอนิ ทรีย์จะทาให้ประชาชนในหม่บู า้ นมีสขุ ภาพท่ดี ีข้ึน ยังทาใหค้ ่าใช้จา่ ยลดลงตามไปด้วย

3.3) ด้านสิ่งแวดล้อม บ้านโนนประทายมีการเผาฟางในนาข้าว ก่อให้เกิดเขม่าควันเถ้า ฝุ่น
ละออง ก๊าซพษิ ส่งผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพและส่ิงแวดล้อมส่งผลใหเ้ กดิ การเสียสมดลุ ธรรมชาติ อากาศรอ้ นขึ้น ประชาชน
จึงควรเปล่ียนเปน็ การไถกลบแทนการเผา เพ่อื ลดมลพิษทางอากาศ

33

3.2 กิจกรรมการพัฒนาทชี่ มุ ชนจะทาเองเพอื่ ใหท้ ุกชีวติ อยู่ดีมีสุขในปนี ี้

3.2.1 กิจกรรมทก่ี ลุ่มอาชพี จะทาภายใน 6 เดอื น และ 1 ปี

กลุ่มอาชีพ กจิ กรรมท่ีกลุม่ อาชีพ กจิ กรรมทก่ี ลมุ่ อาชีพ

จะทาภายใน 6 เดือน จะทาภายใน 1 ปี

กลุ่มแปรรปู พรกิ 1. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ 1. ปรับปรุงอาคารท่ีทาการของกลุ่มเพ่ือ

ให้ทันสมัยและเป็นที่ตอ้ งการของตลาด ดาเนนิ การขอการรบั รองมาตรฐาน (อย.)

2. การทาการตลาดทางออนไลน์

เชน่ Facebook, การขายตรง (ไลฟ์สด)

กลุ่มขา้ วอินทรยี ์ 1. ทาธนาคารเมล็ดพันธ์ุข้าวอินทรีย์ 1. เพม่ิ จานวนสมาชิกกล่มุ

เพื่อเก็บรวบรวมไว้เพาะปลูกในช่วง
ฤดกู าล และเปน็ การลดตน้ ทุนการจัดซ้ือ
พันธ์ุข้าวจากแหล่งต่างๆ

3.2.2 กิจกรรมท่ีชมุ ชนจะรว่ มกันทาภายใน 6 เดือน และ 1-2 ปี

เร่ือง กจิ กรรมทช่ี ุมชน กิจกรรมท่ีชุมชน

จะทาภายใน 6 เดอื น จะทาภายใน 1 - 2 ปี

การทาเกษตรอินทรีย์ 1. การลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมีให้มาใช้ 1. เพ่มิ จานวนสมาชกิ กลุม่

ปุ๋ยหมัก ปยุ๋ คอก ปุ๋ยน้าชวี ภาพ 2. การพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์

2. การไถกลบตอซัง ลดการเผา 3. รวมกลุ่มจัดตั้งกองทนุ ป๋ยุ อินทรยี ์

การปลูกพืชผักสวน 1. กจิ กรรมปลูกผกั สวนครวั รั้วกินได้ 1. จัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช เพ่ือเก็บ
ครัว เพือ่ สร้างความมั่นคงทางอาหาร รวบรวมเมล็ดพันธ์ุพืชไว้ในหมู่บ้าน และให้
เกดิ ความยง่ั ยืน

แหล่งน้า 1. ซ่อมแซมฝายชะลอนา้ ท่ีชารุด 1. ขดุ ลอกหน้าฝายชะลอน้า เพอ่ื ใหม้ ีพืน้ ท่ีกัก

2. จัดทาฝายกักเก็บน้า เช่น ฝายประชา เก็บน้าได้มากข้ึนและเพียงพอต่อการทา

อาสา การเกษตร

3.2.3 กิจกรรมท่คี รัวเรอื นยากจน ควรรว่ มกนั ทาภายใน 3 เดอื น 6 เดือน

เรือ่ ง กจิ กรรมทค่ี รัวเรือนยากจน กิจกรรมทีค่ รัวเรอื นยากจน

จะทาภายใน 3 เดอื น จะทาภายใน 6 เดือน

ปลกู พืชผักสวนครัว 1. ปลูกผักกินเองสร้างความม่ันคงทาง 1. รวมกลุ่มเพาะปลูกพืชผักอินทรีย์ วางขาย
อาหาร ท่ีร้านค้าชมุ ชนของหมูบ่ ้าน

2. เลี้ยงไก่ ปลา ไว้รับประทานและ
จาหนา่ ยสร้างรายได้

34

ภาคผนวก
ภาพกิจกรรมการเรียนรูด้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ตั งิ าน (Action Learning)

บา้ นโนนประทาย หม่ทู ี่ 9 ตาบลวาริน อาเภอศรเี มอื งใหม่ จังหวัดอบุ ลราชธานี
ระหว่างวนั ท่ี 24 - 27 สงิ หาคม 2564

โดยกล่มุ ปฏบิ ัตกิ ารท่ี 11 (กป.11)
*******************

35

36

รายงานการเรียนรดู้ ว้ ยประสบการณต์ รงจากการปฏิบัตงิ าน ( Action Learning )
ชือ่ หมู่บ้าน บ้านป่าเปา้ หมู่ท่ี 3
ตาบลทรายมลู อาเภอสนั กาแพง
จงั หวดั เชียงใหม่

จดั ทาโดย
( กลมุ่ ปฏิบัตกิ ารท่ี 12 )

1. นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ ตาแหน่ง นายอาเภอควงขนุน จังหวัดพทั ลุง

2. นางสาวสภุ รณ์ เวชกรณ์ ตาแหน่ง โยธาธกิ ารและผงั เมอื งจงั หวัดสระแกว้

3. นายธวชั ชัย แกว้ คงคา ตาแหนง่ ผู้อานวยการศูนย์ปฏบิ ตั ิการขา่ วกระทรวงมหาดไทย

4. นายชยั ณรงค์ นนั ตาสาย ตาแหน่ง นายอาเภอสันกาแพง จังหวดั เชยี งใหม่

5. นายธนณฏั ฐ์ ศรสี นั ต์ ตาแหนง่ นายอาเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวดั กาญจนบุรี

6. ว่าท่รี .ต.นครชัย แสงมณี ตาแหนง่ นายอาเภอเชียงคาน จังหวัดเลย

7. นายวสนั ต์ ไชยทวีวงศ์ ตาแหน่ง หัวหน้าสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั

จงั หวดั กระบ่ี

8. นายมนัส สุวรรณรนิ ทร์ ตาแหนง่ ท้องถิ่นจังหวดั เชียงราย

9. นายนันทนิษฏ์ วงศ์วัฒนา ตาแหน่ง ผอู้ านวยการกองพัฒนาพลงั งานทดแทน

กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษ์พลงั งาน

10. นายกอ้ งเกยี รติ เต็มตานาน ตาแหนง่ ผอู้ านวยการสานักงานทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม

จงั หวดั มหาสารคาม

รายงานนี้เปน็ สว่ นหน่งึ ของการศึกษาอบรมหลกั สูตรนักปกครองระดบั สูง ( นปส. ) รุ่นท่ี 77
สถาบันดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศกั ราช 2564

คานา

กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั ิงาน ( Action Learning ) หลกั สูตร
นกั ปกครองระดับสูง (นปส) รนุ่ ที่ 77 ของกลุ่มปฏิบัติการท่ี 12 ในคร้ังน้ี ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่
บ้านปา่ เปา้ หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสนั กาแพง จังหวดั เชยี งใหม่ ระหวา่ งวันท่ี 24-27 สิงหาคม
2564

จากการศึกษาเรียนรู้ ( Action Learning ) ในคร้ังนี้ได้ประสบการณ์จากประชาชนที่ให้ข้อมูล
และศึกษาเรียนรู้ร่วมกันพบว่าบ้านป่าเป้า หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมูล มีความเป็นอยู่พออยู่พอกิน
และประชาชนยงั ต้องการความช่วยเหลือด้านความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ ขาดเงินทุนส่งเสริมด้านอาชีพ
ประชาชนมีรายได้น้อย ไม่มั่นคง มีปัญหาด้านลาน้าแม่ออนตื่นเขิน ทางกลุ่มปฏิบัติการท่ี 12 ได้ร่วมคิด
รว่ มทากับประชาชนเพ่ือลดความเสี่ยงของหมู่บ้านโดยให้พ่ึงพาเศรษฐกิจภายในหมู่บ้านให้มากขึ้น โดยใช้
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักนาของครอบครัวมากที่สุด สร้างพลังจากภายในสู่ภายนอก พึ่งพา
ตนเองได้ และสนับสนุนให้ทุกครอบครัวยึดหลักการออมภายในครัวเรือนเพ่ือเป็นทุนสารองเม่ือมี
ความจาเป็นประชาชนให้ความสนใจร่วมหาทางออกแก้ไขความเสี่ยงของหมู่บ้านเป็นอย่างดีและ
เปน็ ประโยชนต์ อ่ หมูบ่ ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสันกาแพง จงั หวัดเชยี งใหม่ ต่อไป

ขอขอบคุณกานันตาบลทรายมูล คณะกรรมการหมู่บ้านป่าเป้า ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ของนายสุทัศน์ คาเขียว และประชาชนทุกกลุ่มที่ให้ความอนุเคราะห์และ
สนับสนุนในการลงพื้นที่ครั้งนี้และขอขอบคุณคณะอาจารย์ที่ปรึ กษากิจกรรมทุกท่านท่ีให้คาแนะนา
ในการเรยี นรดู้ ว้ ยประสบการณต์ รงจากการปฏิบตั งิ าน ( Action Learning ) เปน็ อยา่ งสงู มา ณ โอกาสน้ี

คณะผ้จู ัดทา
นกั ศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูง รุ่นท่ี 77

กลุ่มปฏบิ ตั ิการที่ 12

สารบญั

หน้า

ส่วนท่ี 1 กรอบการเรียนรดู้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั งิ าน ( Action Learning ) 1
1.1. การศึกษาเรยี นรูภ้ มู ิสังคมและวิถีชีวิตของชุมชน 2
1.2. การศึกษาเรียนรู้ระบบการบริหารจดั การชุมชน 2-3
1.3. การศึกษาเรยี นรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการพัฒนาของชุมชน

สว่ นท่ี 2 ประเดน็ การพัฒนาชมุ ชน

2.1 การประเมนิ ระดับการพัฒนาของหมู่บ้าน 4

2.2 สดั สา่ นจานวนครวั เรือนที่ไม่พออยู่พอกิน 4

2.3 ประเมินความสามารถของชมุ ชนในการปรบั ใชป้ ระโยชน์จากโครงการกจิ กรรมต่างๆ 4-5

ภายใต้นโยบาย

2.4 ประเมินโอกาสและความเสยี่ งของชมุ ชนและครวั เรือนยากจน 5

2.5 สรปุ บทเรียนท่ีไดร้ ับในดา้ น

2.5.1 การบริหารการพฒั นาชมุ ชนท้องถ่ิน 5

2.5.2 การบริหารการพฒั นาระดบั ตาบลและอาเภอ 6

2.5.3 ประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลของการปฏบิ ัติงานตามนโยบายของรัฐบาล 6

ภาคผนวก

- ผังหม่บู ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสนั กาแพง 8

- กิจกรรมเศรษฐกจิ พอเพยี ง 9

- วิสาหกิจชมุ ชนการเล้ยี งผึ้งโพรงและชันโรง 10

- ภาพรวมของตลาดชุมชนบ้านปา่ เป้า 11

- การเรียนรูข้ องกล่มุ ปฏิบตั งิ าน 12 กับประชาชนบ้านป่าเป้า 12-13



สว่ นท่ี 1 กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยประสบการณ์ตรง
จากปฏบิ ตั งิ าน ( Action Learning )

บ้านปา่ เป้า หมทู่ ี่ 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสนั กาแพง จังหวดั เชยี งใหม่

1.1 การศึกษาเรียนรภู้ มู สิ งั คมวถิ ีชีวติ ชมุ ชน

1.1.1. บา้ นปา่ เปา้ หมทู่ ่ี 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียง

- เป็นคนพื้นเมืองสืบเชื้อสายมาจากล้านนา มีภาษาพูดเป็นคาเมือง ดารงวิถีชีวิตใน

พนื้ ที่มากกว่า 300 ปี

- บ้านป่าเป้าเป็นพ้ืนท่ีลักษณะที่ราบลุ่มมีแม่น้าแม่ออนไหลผ่านหมู่บ้านหล่อเลี้ยง

ชาวบ้าน ทั้งทางการเกษตรและอุปโภคบริโภค มีพืชประจาถิ่นเป็นป่าดงในสมัยก่อนเรียกว่าเป้าหลวง

จานวนมาก จงึ ต้งั ชอื่ วา่ หมบู่ า้ นป่าเป้าจนถึงปจั จบุ ัน

- มีวัดชัยชนะมงคลเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในหมู่บ้าน โดยมีพระพุทธรูปชัย

ชนะมงคลทศ่ี ักดิ์สิทธแ์ ละเป็นทีน่ บั ถือของคนทัว่ ไปภายในอาเภอสนั กาแพง

- วิถีชีวิตชุมชนมีอาชีพรบั จ้าง ทาการเกษตร มคี วามสามัคครี วมแรงรวมใจกัน งานส่วนรวม

ต่างๆ ชว่ ยเหลอื กนั ทาให้เกดิ ผลสาเรจ็

1.1.2. จานวนประชากร 702 คน 315 ครัวเรือน

- อาชพี หลกั รบั จา้ ง จานวน 270 ครวั เรือน

ทานา จานวน 20 ครัวเรอื น

รบั ราชการ จานวน 10 ครวั เรือน

ค้าขาย จานวน 15 ครวั เรอื น

- รายได้เฉล่ียของประชาชาน (ตามเกณฑ์ จปฐ. ปี 2562 ) จานวน 40,000 -

50,000 บาท/คน/ปี

- ครัวเรือนยากจนรายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/คน/ปี ปี 2562 จานวน 5 ครัวเรือน

ปจั จุบันไมม่ ีครอบครวั ทยี่ ากจนแลว้

1.1.3. ศนู ยส์ ่งเสริมการเรียนรชู้ ุมชน จานวน 1 แหง่

1.1.4. พืน้ ที่ของหมู่บ้านแบ่งไดด้ ังน้ี

- ทอ่ี ยูอ่ าศัย จานวน 290 ไร่

- พน้ื ทที่ าการเกษตร จานวน 120 ไร่

1.1.5. งานประเพณี

- ตานข้าวใหมเ่ ดอื น 4 เป็ง เดอื นมกราคม

- สรงน้าพระธาตวุ ัดชยั ชนะมงคล เดอื นพฤษภาคม

- ประเพณีเลย้ี งผปี ู่ย่า ทาบุญหอ่ เสือ้ บ้านเดือน 9 เดอื นมิถุนายน

- ประเพณีตานขนั ข้าว เดอื น 12 1 เปง็ เดอื นกนั ยายน

- ประเพณที าบุญตานกว๋ ยสลาก ตานต้นเงิน

1.1.6. แหล่งท่องเท่ียวของหมู่บ้าน ได้แก่ วัดชัยชนะมงคลและตลาดชุมชนบ้านป่าเป้า

( Green market )



1.2 การศึกษาเรียนรู้การบริหารจดั การชุมชน
1.2.1. หมู่บ้านป่าเป้า หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสันกาแพง มีกานันชื่อนายสุทัศน์

สุวรรณประสิทธ์ิ เป็นผู้นาของหมู่บ้าน โดยมีคณะกรรมการหมูบ้าน/กลุ่มอาชีพ กลุ่มแม่บ้าน/กลุ่ม
เยาวชน/กลุ่มผู้สูงอายุ โดยร่วมการขับเคล่ือนกิจกรรมต่างๆในชุมชนอย่างต่อเน่ือง ร่วมใจในการ
พฒั นาหมูบ่ า้ นเป็นอยา่ งดี

1.2.2. มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล มีการขับเคล่ือนโดย
คณะกรรมการของศูนย์ โดยมีปราชญ์ชาวบ้านคือ นายสุทัศน์ คาเขียว เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้าน
เศรษฐกิจพอเพียงที่มีอยู่ในศูนย์ฯ โดยมีชาวบ้านมารับการอบรมเรียนรู้ตามแนวทางของปรัชญา
เศรษฐกจิ พอเพยี ง

1.2.3. การจัดทาแผนชุมชน โดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้านได้จัดกิจกรรมทาแผน
ชุมชนซ่ึงมีชุดปฏิบัติการตาบลเป็นผู้แนะนา โดยกาหนดปัญหาความเดือนร้อนและความต้องการของ
ชมุ ชนบา้ นปา่ เป้าหมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสันกาแพง มปี ญั หาความเดือดร้อน ดังนี้

(๑) ประชาชนมีรายไดน้ ้อย ไมม่ ่นั คง
(๒) ขาดเงนิ ทุนส่งเสรมิ ทางด้านอาชีพ
(๓) ขาดการเรียนรูท้ างดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ
(๔) เกดิ ปญั หาวชั พชื ข้ึนในลานา้ แม่ออนและลานา้ ต้นื เขิน
ส่วนการจัดการชุมชนท่ีได้รับความเดือดร้อน ได้จัดทาแผนชุมชนเพ่ือขอรับการ
สนบั สนุนและช่วยเหลอื จากสว่ นราชการทเ่ี กีย่ วข้อง เช่น เทศบาลตาบลสนั กาแพง องค์การบริหารสว่ น
จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเกษตรอาเภอ สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอ และท่ีทาการปกครองอาเภอ
รวมทง้ั สานักเจ้าทา่ จงั หวดั เชยี งใหมแ่ ละสานกั งานจงั หวดั เชยี งใหม่

1.3 การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการพัฒนาชุมชนบ้านป่าเป้า หมู่ที่ 3
ตาบลทรายมูล อาเภอสนั กาแพง
1.3.1. นโยบายเก่ียวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ท่ีเข้มงวดของมาตรการ

ตา่ งๆ มีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชนในเรื่องของการเข้มงวด ทาให้มีผู้ประกอบการ
บริษัท และโรงงานหลายแห่งปิด ทาให้เกิดการตกงานในหมู่บ้านอาชีพรับจ้าง ซ่ึงเป็นอาชีพหลักของ
ประชาชนในหม่บู า้ น มผี ลกระทบกบั ครอบครวั ทาใหข้ าดรายได้

1.3.2. โครงการกองทุนหมู่บ้านท่ีสมาชิกได้มีการกู้ยืมของกองทุนหมู่บา้ น แล้วสมาชิกกองทุน
หม่บู ้านไม่มาชาระเงนิ คืนกองทนุ ทาให้สมาชิกคนอืน่ ไมส่ ามารถกู้ยืมได้ ทาให้เสียโอกาสของผู้อ่ืนในการ
นาเงนิ กองทุนไปประกอบอาชพี

1.3.3. เงินกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีท่ีได้ยืมเพ่ือนาไปพัฒนาอาชีพของกลุ่มสตรีบ้านป่าเป้า
ในการเล้ียงผ้ึงชันโรงและนานา้ ผึ้งและรังผึ้งชนั โรงไปแปรรูปเปน็ ผลิตภณั ฑ์ ได้แก่ครีมลา้ งหน้า สบู่ และ
อาหารเสริมตา่ งๆมีการพัฒนาตอ่ ยอดของกลุม่ สตรีของหมบู่ ้าน

1.3.4. โครงการส่งเสริมสัมมาชีพจากสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอสันกาแพง ได้มาส่งเสริม
การแปรรูปของสมุนไพรที่ทาจากฟ้าทะลายโจนและกระชายขาว นามาแปรรูปเป็นแคปซูลเพ่ือ
แจกจ่ายให้คนในชมุ ชนไดท้ านเพ่อื ป้องกัน Covid-19 และลดคา่ ใช้จ่ายในครวั เรอื น



1.3.5. โครงการขับเคลือ่ นและขยายผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของหนว่ ยงาน
ราชการร่วมกับประชาชนในหมู่บ้านปราชญ์ชาวบ้านเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และอาชีพให้กับ
ชมุ ชนบ้านป่าเปา้ หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสนั กาแพง โดยมีศูนยเ์ รียนรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี งรปู แบบ
โคก หนอง นา โมเดลของหมู่บา้ นเปน็ แหล่งศึกษาภายในหมู่บา้ น

1.4 การวิเคราะห์ความเส่ียง โอกาส จุดแข็ง จุดอ่อน ของหมู่บ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมูล
อาเภอสันกาแพง
1.4.1. จุดแขง็
- ด้านภูมิปัญญาชุมชน มีการจัดกิจกรรมด้านจิตวิญญาณของท้องถิ่น เช่น ฮ้องขวัญ เล้ียง

ผปี ่ยู า่ เพอ่ื สรา้ งขวัญกาลังใจใหช้ มุ ชน
- มคี วามรู้ด้านการจกั สาน การเลีย้ งผ้ึงชันโรง และปราชญ์ชาวบ้าน ถ่ายทอดความรู้ให้

คนรุ่นใหมใ่ นชมุ ชน
- ยังเป็นระบบเครือญาตใิ นหมู่บ้าน สามารถช่วยเหลือเกื้อกลู ซึ่งกนั ละกนั ไดย้ ามมคี วาม

จาเปน็ เดือดรอ้ น
1.4.2. จดุ อ่อน
- ดา้ นเศรษฐกิจประชาชนมีรายไดน้ ้อยและไม่มนั่ คง
- ประชาชนมภี าวะหนี้สินในครวั เรอื น
- ขาดเงินทนุ สง่ เสริมทางดา้ นอาชีพ
- ขาดการเรียนร้ทู างดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ
- มีความตน้ื เขินของลาน้าแม่ออนในหมู่บา้ น
1.4.3. โอกาสของชุมชน
- ชุมชนสามารถได้แหล่งทุนและแหล่งอบรมความรู้ได้ง่ายเพราะอยู่ใกล้ตัวอาเภอ

ใกล้ธนาคาร และแหลง่ เงนิ ทุนต่างๆ
- การเดนิ ทางสะดวก มีความพรอ้ มดา้ นโครงสรา้ งพื้นฐานในหมู่บ้าน
- ประชาชนสว่ นใหญ่มีความรู้ ความสามารถในด้านหตั ถกรรมและเกษตรกรรม

1.4.4. ข้อจากัดของชุมชน
- เงื่อนไขของแหล่งทุน ชาวบ้านดาเนินกิจกรรมโดยไม่สามรถเข้าถึงแหล่งเงินทุน

เพราะมขี ้อจากัดของหลกั เกณฑ์การกยู้ ืมของตนเองและกลมุ่ ต่างๆ

1.5 สรปุ ความเส่ียงของหมบู่ ้านปา่ เป้า หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสนั กาแพง

1.5.1. รายได้ของครอบครัวและชุมชนพ่ึงพารายได้จากภายนอกหมบู่ า้ นมากกว่ารายได้ท่ีเกิด
จากภายในหมู่บ้าน มีอาชีพรับจ้างจานวน 270 ครัวเรือน ในปัจจุบันมสี ถานการณ์ Covid-19 ทาให้
เลิกจ้างของบริษัทและร้านค้าท่ีได้รับผลกระทบทาให้มีการว่างงานช่ัวคราวในหมู่บ้าน ทาให้มีรายได้ท่ี
ไมแ่ น่นอน

1.5.2 หนีส้ ินภายในครัวเรือนเพ่มิ มากขน้ึ เนอื่ งจากมกี ารกูเ้ งนิ ท้ังในระบบและนอกระบบ



ส่วนที่ 2 ประเด็นการพฒั นาของชุมชน

2.1 การประเมนิ ระดบั การพัฒนาของหมู่บา้ นปา่ เป้า หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสันกาแพง
- จากการสารวจแผนสอบถามทัง้ 4 ชุด ตามแผนสารวจข้อมูลเศรษฐกิจและสังคมในกิจกรรม

การเรียนรู้ดว้ ยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน ( Action Learning ) และสัมภาษณ์ครอบครวั ในด้าน
(1) ขอ้ มลู พ้ืนฐานเกย่ี วกบั สภาพครวั เรอื น
(2) สภาพความเป็นอยู่ สุขอนามยั
(3) ขอ้ มลู พ้ืนฐานสมาชกิ ในครวั เรือน
(4) สภาพทางเศรษฐกิจ
(5) ชีวิตปกตสิ ขุ
สรุปผลโดยใช้ข้อมูลใน 5 มิตพิ ัฒนา ( NU’s SDEs ) ประเมินพบว่าเปน็ หมูบ่ ้าน พออยู่พอกิน

พึ่งพาตนเอง ทากินทาใช้ ลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ ภายในครัวเรือนโดยน้อมนาปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาใชใ้ นครวั เรือน

- มแี หลง่ นา้ ในการเกษตรพอเพยี งตลอดปี มีน้าสะอาดบริโภคมาจากประปาหมบู่ ้าน
- สภาพความเป็นอยแู่ ละสขุ ภาพอนามัย ไมม่ ีโรคติดต่อและมโี รคกลมุ่ เสยี่ ง 7 กลมุ่ โรค ระดบั เลก็ นอ้ ย
- รายได้ส่วนใหญ่มาจากการรับจ้างทั่วไปและการทาเกษตรกรภายในครัวเรือน รายรับและ
รายจ่ายพอเพียง/พอมี
- ชวี ิตมีความปกตสิ ขุ ไม่มปี ญั หาจากสิ่งแวดล้อม มีสังคมดี ชุมชนเข้มแขง็ ช่วยเหลือเกอ้ื กลู กัน
- โครงสร้างพ้ืนฐานของหมู่บ้านมีความพร้อมเร่ืองถนนภายในหมู่บ้าน ประปาหมู่บา้ น มไี ฟฟ้า
ทุกครวั เรือน

๒.2 สดั ส่วนจานวนครวั เรอื นทไี่ ม่พออยู่พอกนิ บ้านปา่ เปา้ หมูท่ ่ี 3 ตาบลทรายมลู อาเภอสนั กาแพง
รายได้เฉล่ียของคนในครัวเรือนต่อปีตามเกณฑ์ จปฐ. 2562 ทุกครัวเรือนมีรายได้ 40,000 –

50,000 บาท/คน/ปี และไม่ต่ากว่า 28,000 บาท/ครัวเรือน/ปี ของจังหวัดเชียงใหม่ถือว่าทุก
ครัวเรอื นผา่ นเกณฑ์ทกุ ครัวเรือน ( อ้างองิ จากข้อมูลการจดั เก็บ จปฐ. ปี 2562 )

๒.3 ประเมนิ ความสามารถของชุมชนในการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการและกจิ กรรมภายใต้นโยบายของรัฐ
๒.๓.๑ การปรับกระบวนการผลิตการเกษตรเพ่ือเพ่ิมคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และ

สง่ิ แวดลอ้ ม
- บ้านปา่ เปา้ มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงบ้านป่าเป้า มีสมาชิก

ปัจจุบัน 31 คน โดยกลุ่มมีเป้าหมายจะเพิ่มสมาชิกเป็น 65 คน ในปี 2564 ทางกลุ่มเล้ียงผ้ึงโพรง
และชันโรงบ้านป่าเป้าได้รับการสนับสนุนจากสานักงานเกษตรอาเภอสันกาแพง จดทะเบียนเป็นกลุ่ม
แปลงใหญ่ชันโรงเปน็ แห่งแรกของภาคเหนอื มสี มาชกิ 36 คน มีรงั เล้ยี งผ้งึ ชันโรง 342 รัง

- ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการเลีย้ งชันโรง
(1) ช่วยผสมเกสร ชันโรงเป็นแมลงท่ีเก่งมากในการผสมเกสรที่ให้ได้ผลผลิตของ
ผลไมเ้ พิ่มสูงขึน้
(2) ชว่ ยใหม้ ีสงิ่ แวดลอ้ มในธรรมชาติดขี นึ้ เพราะเลีย้ งชันโรงตอ้ งเลิกใช้สารเคมี
(3) ทาให้สขุ ภาพของชาวบ้านในชมุ ชนดีข้นึ
(4) เปน็ ตวั ชี้วัดเกษตรอนิ ทรีย์



(5) เปน็ รายไดเ้ สรมิ ให้แก่ครวั เรอื น
- ผลการผลติ ท่ไี ด้จากชันโรง
การเลี้ยงชันโรงเป็นการเลี้ยงแมลงที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติอย่างแท้จริง ผลผลิตท่ี
ไดจ้ ากชนั โรงไดม้ าจากน้าหวานของดอกไมแ้ ละยางไม้ที่ชนั โรงนามาเปน็ ถ้วยเก็บนา้ ผง้ึ เมอ่ื เกน็ นา้ ผ้งึ ได้
แล้วสามารถนาไปสกัดเป็นพรอพอลิส สามารถรักษาโรคผิวหนัง แก้อักเสบ ต้านแบคทีเรียและไวรัส
บางตัวได้ และน้าผึ้งชันโรงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ในรอบปีท่ีผ่านมาการเก็บรังผึ้งโดยเฉล่ีย 700
กรมั /รงั /ปี แยกขยายรงั ได้ปลี ะ 1-2 คร้งั
- การแปรรูปผลติ ภัณฑจ์ ากชนั โรง
จากการท่ีน้าผึ้งชันโรงและชันของชันโรงมีคุณภาพและคุณค่าทางยาสูง มีปริมาณน้อย
หายาก มีราคาสูง ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเล้ียงผึ้งโพรงและชันโรงบ้านป่าเป้าได้นามาแปรรูปเพื่อเพิ่ม
มูลค่าและใช้ประโยชน์มากขึ้น โดยได้รับความรู้จากสถาบันต่างๆ ทาให้ได้สูตรและวิธีแปรรูปเป็น
ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มหลากหลายชนิด เช่น ชัน นามาสกัดเป็นพรอพอลิสใช้รักษาโรคผิวหนัง แผลสด แผล
เรื้อรงั แกอ้ กั เสบ นา้ ผ้งึ ชนั โรง นามาแปลรูปเปน็ สบู่ก้อน สบู่เหลว เซรัม่ แชมพู โฟมล้างหนา้ ยาหม่อง
- การรวมกลุ่มท่ีเข้มแข็งต่อเน่ือง ยั่งยืน ของสมาชิกกลุ่ม ทาให้ทุกส่วนราชการให้
ความสนใจเพื่อส่งเสริมให้ครัวเรือนมีความสนใจมาร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มมากขึ้น ทาให้มีรายได้เสริม
ภายในครัวเรือนทางหน่ึง ถือว่าเป็นการพัฒนาเพื่อชุมชนและสังคมอย่างแท้จริงในรูปแบบกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชน
๒.3.2 การจัดการหารายไดก้ ารเงนิ และการลงทนุ ของครัวเรอื นและชมุ ชน
- บา้ นป่าเปา้ มีการจัดการหารายได้ของครวั เรือนและชุมชนโดยเน้นการจดั ต้งั ศูนย์
การเรยี นร้เู ศรษฐกจิ พอเพยี งรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ณ บ้านเลขท่ี 61/1 หมูท่ ่ี 3 ตาบลทราย
มูล อาเภอสนั กาแพง จังหวดั เชยี งใหม่ แปลงนายสุทศั น์ คาเขียว ปราชญช์ าวบา้ น โดยเน้นการสรา้ ง
ความม่นั คงทางอาหารดว้ ยการปลูกพืชผักสวนครัว พอเหลอื แจกจา่ ยแบ่งปนั ให้เพอื่ นบ้าน เมอ่ื เหลือ
มากจงึ จัดต้งั แหลง่ จาหน่ายเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ครวั เรือนโดยจดั ตงั้ ตลาดชุมชนบา้ นป่าเป้า( Green
market ) ใช้เป็นทจ่ี าหนา่ ยสินคา้ ชุมชน ซ่ึงเปน็ เกษตรอินทรยี ร์ วมท้งั จดั ตั้งโครงการ”ธนาคารอาหาร
เปน็ ยา” เป็นศูนยร์ วบรวมและแจกจา่ ยเมลด็ พนั ธ์ ต้นกลา้ พชื ผกั สวนครวั และสมนุ ไพรท่ใี ชเ้ ป็นอาหาร
และยารักษาโรคเปน็ การหารายได้ ลดรายจ่ายของประชาชนในบ้านปา่ เป้าแต่ละครัวเรอื นและภายใน
ชมุ ชน
2.4 ประเมินโอกาสและความเสี่ยงของชุมชนและครวั เรือนยากจน
2.4.1. โอกาสของชุมชน
- ชุมชนสามารถได้แหล่งทุนและแหล่งอบรมความรู้ได้ง่ายเพราะอยู่ใกล้ตัวอาเภอ
ใกลธ้ นาคาร และแหล่งเงินทุนต่างๆ
- การเดินทางสะดวก มคี วามพรอ้ มดา้ นโครงสรา้ งพน้ื ฐานในหม่บู า้ น
- ประชาชนส่วนใหญ่มคี วามรู้ ความสามารถในด้านหัตถกรรมและเกษตรกรรม
2.4.5. ข้อจากัดของชมุ ชน
- เง่ือนไขของแหล่งทุน ชาวบ้านดาเนินกิจกรรมโดยไม่สามรถเข้าถึงแหล่งเงินทุน
เพราะมีขอ้ จากัดของหลกั เกณฑ์การกยู้ มื ของตนเองและกลมุ่ ต่างๆ



2.5 สรุปบทเรยี นท่ีไดร้ ับ
2.5.1. บทเรียนทไี่ ด้รบั ในด้านการบริหารการพัฒนาชุมชน
- การรวมกลุ่มของประชาชนบ้านป่าเป้าโดยมกี านนั คณะกรรมการหมู่บ้าน ศูนยก์ าร

เรยี นรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพียง กลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชนเลย้ี งผงึ้ โพรงและชันโรง มกี ารร่วมมอื ร่วมใจในการพฒั นา
หมู่บา้ น การทางานร่วมกันกับทางราชการที่ได้มาสนับสนุนเป็นอย่างดี มีการสร้างงานสรา้ งรายได้ของ
ตนเองภายในกลมุ่ ภายในหมู่บ้าน การเอื้ออาทรกันระหว่างกลมุ่ กิจกรรม

2.5.2. การจัดทาแผนหมู่บ้าน/ชุมชน ร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้าน
โดยการกาหนดปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของชุมชนบ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3
ตาบลทรายมูล อยู่ในแผนหมบู่ ้าน ดงั นี้

1.) ประชาชนมรี ายไดน้ อ้ ย ไม่มั่นคง
2.) ขาดเงนิ ทุนส่งเสริมทางด้านอาชพี
3.) ขาดความร้ดู า้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ
2.5.3. ประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลของการปฏบิ ัติงานตามนโยบายของรฐั
1.) การขยายผลตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีศูนย์เรียนรู้
ดา้ นเศรษฐกจิ พอเพียงรปู แบบ โคก หนอง นา โมเดล ของนายสทุ ศั น์ คาเขียว เปน็ สถานทอ่ี บรมและ
ขยายผลใหค้ วามรูแ้ กป่ ระชาชนในหมูบ่ า้ นนาไปปฏบิ ตั เิ พือ่ สรา้ งรายไดข้ องครวั เรอื น
2.) แนวคิดจัดทาตลาดชุมชน ( Green Market ) เพื่อเพ่ิมช่องทางการขยายสินค้า
ของชุมชนและจาหน่ายพชื ผักครวั เรือนปลอดสารเคมี โดยหน่วยงานของสานกั งานพัฒนาชุมชนอาเภอ
สันกาแพง เทศบาลสนั กาแพง และประชาชนในหมู่บ้านได้ร่วมแรงรว่ มใจในการพัฒนาพื้นทบี่ ริเวรหน้า
วดั ชัยชนะมงคลเป็นตลาดชุมชนของหมู่บ้าน
3.) การสรา้ งงานสรา้ งรายได้ในชุมชนโดยการส่งเสริมจากหน่วยงานของรฐั ได้แก่การ
เล้ียงผ้ึงโพรงและชันโรงของรัฐวิสาหกิจชุมชน โดยการสนับสนุนของศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยี
การเกษตรดา้ นแมลง เศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ และสานกั งานงานเกษตรอาเภอสนั กาแพง
2.5.4. การรว่ มคิดกิจกรรมพัฒนารว่ มกบั ชมุ ชนบา้ นป่าเป้า
กิจกรรมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเล้ียงผ้ึงโพรงและชันโรงบ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมูล
อาเภอสนั กาแพง จงั หวัดเชียงใหม่
การรว่ มคิดกิจกรรมภายใน 6 เดือนของปีนี้
1.) ขยายสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายไว้ จานวน 65
ครวั เรือน จาก 31 ครัวเรอื นในปจั จุบัน
2.) รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้มีมาตรฐานพร้อมจาหน่ายให้มากข้ึน เช่น สบู่ ครีม
โฟมล้างหน้า แชมพู
3.) ให้ความรู้เก่ียวกับการเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงให้กับครัวเรือนท่ีสนใจเข้าร่วม
เรียนรทู้ ี่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียง



การร่วมคดิ กจิ กรรมภายใน 1 ปี ของปีนี้
1.) ทุกครัวเรือนสามารถมีรายได้จากการเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงเป็นรายได้ที่ม่ันคง

แ ล ะ แ น่ น อ น เ ป็ น ก า ร ส ร้ า ง ร า ย ไ ด้ ข อ ง ค รั ว เ รื อ น แ ล ะ ชุ ม ช น พ่ึ ง พ า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ จ า ก ภ า ย ใ น ชุ ม ช น
2.) ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงจะส่งเสริมให้สมาชิกของกลุ่มปลูกพืชท่ีเป็น

อาหารของคนและผ้งึ ชันโรง เชน่ ปลูกมะนาว ปลกู ตะขบ เปน็ ตน้
3.) ให้เช่ารังผ้ึงชนั โรงแก่สวนลาไย สวนมะมว่ ง เพ่ือผสมเกสรดอกไม้ รงั ละ 30 บาท

ต่อวัน
2.5.5. แนวทางแก้ไขความเส่ียงของหมู่บ้านป่าเป้า หมู่ท่ี 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสัน

กาแพง
1.) ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจภายในหมบู่ า้ นให้มากข้ึน โดยรวมกลุ่มผมู้ ีความรู้ ความสาม

รถของทกุ คนในหมู่บ้านออกมาร่วมหาจดุ เดน่ ในหม่บู า้ นท่ีจะสรา้ งรายได้เปน็ ของตนเองโดยยึดแนวทาง
เศรษฐกิจพอเพยี งในหมบู่ ้านเปน็ ศูนยร์ วมการเรยี นรขู้ องประชาชนเหมือนกลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนเล้ยี งผง้ึ
โพรงและชันโรงเป็นตน้

2.) ส่งเสริมครัวเรือนในหมู่บา้ นให้ยดึ หลักการออมในครัวเรอื นใหม้ ากขึ้นเพื่อเป็นเงิน
สารองเมอื่ มคี วามจาเป็นโดยประสานหนว่ ยราชการเข้ามาใหค้ วามรูแ้ ก่ประชาชน

3.) สร้างชอ่ งทางการตลาดให้มากขึน้ เพื่อจาหน่ายสนิ ค้าให้ครอบคลุมโดยใชต้ ลาด
ชอ่ งทางออนไลน์ ตลาดของชุมชน ตลาดของหม่บู า้ น และตลาดประชารฐั ของจังหวดั เปน็ ต้น



ภาคผวก

1. ผังหมู่บา้ นป่าเปา้ หมูท่ ่ี 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสันกาแพง



2. กจิ กรรมเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๑๐
3. วสิ าหกจิ ชุมชนการเล้ียงผ้ึงโพรงและชนั โรง

๑๑
4. ภาพรวมของตลาดชุมชนบา้ นป่าเป้า

๑๒
5. การเรียนรู้ของกลุ่มปฏบิ ัติงาน 12 กับประชาชนบ้านปา่ เป้า หมู่ที่ 3 ตาบลทรายมูล อาเภอสันกาแพง

๑๓


Click to View FlipBook Version