1
ส่วนท่ี 1
กรอบการเรยี นรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ัตงิ าน (Action Learning)
1. การศึกษาเรียนร้ภู มู สิ ังคมและวถิ ีชวี ิตของชมุ ชน
1.1 ข้อมลู ท่ัวไปของหมบู่ ้าน
1.1.1 ประวตั ิหมูบ่ า้ น
ประวัติบ้านแก้งขอ หมู่ท่ี 6 ตาบลพรสวรรค์ อาเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี
เดิมบ้านแก้งขอมีพ้ืนเพมาจากบ้านม่วง คร้ังนั้นบ้านม่วงมีโรคระบาดอย่างรุนแรง ทาให้ชาวบ้านตาย
เป็นจานวนมาก ปีพุทธศักราช 2482 ชาวบ้าน 7 ครัวเรือน จึงได้อพยพจากบ้านม่วง มาต้ังถิ่นฐานใหม่
ชื่อว่า “บ้านแก้งบัว” อยู่มาวันหน่ึงนางใสได้ไปตักนา้ ด่ืมที่แก้งบัวลาโดมใหญ่ ขณะเดียวกัน นายวัน หรอื กาก
ซ่ึงมาทอดแหท่ีแก้งบัวลาโดมเหมือนกัน ได้พบนางใส ราชรินทร์ จึงเข้าไปพูดคุยกระเช้าเย้าแหย่ลักษณะ
ทางเพศสัมพันธ์ ทาให้นางใสไม่พอใจกับวาจาของนายวันท่ีพูดแบบเสียหายหยาบคาย ดังน้ันนางใสจึงได้
แจ้งความกับผู้ใหญ่บ้าน ทางผู้เฒ่าผู้แก่ได้ปรับไหมกับนายวัน เป็นไก่ 1 ตัว แต่ภรรยานายวันไม่พอใจ
เป็นอย่างมากเลยประชดว่าบ้านแก้งบัวควรเปล่ียนใหม่เป็นบ้านแก้งขอจึงจะเหมาะ ตั้งแต่วันน้ันเป็นต้นมา
ชาวบา้ นใกล้เคียง จึงเรยี กชอ่ื บ้านแกง้ บัวเปน็ บา้ นแกง้ ขอจนถึงปจั จบุ ัน โดยมี นายทอง สามิลา เป็นผู้ใหญบ่ า้ น
คนแรก และนับตง้ั แตอ่ ดีตถึงปจั จบุ นั บา้ นแกง้ ขอมีผ้ใู หญบ่ า้ น 4 คน ดังน้ี
1. นายทอง สามลิ า ดารงตาแหน่งผู้ใหญ่บา้ นคนแรก ตั้งแต่ พ.ศ. 2515
2. นายอาพร สาคร ดารงตาแหนง่ ตง้ั แต่ พ.ศ. 2533
3. นายประเสริฐ สามลิ า ดารงตาแหน่ง ตง้ั แต่ พ.ศ. 2543
4. นายประเสริฐ สามลิ า ดารงตาแหน่ง ตง้ั แต่ พ.ศ. 2553 – ปจั จบุ ัน
1.1.2 ลกั ษณะภูมิประเทศ
บ้านแก้งขอ หมู่ท่ี 6 อาเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ห่างจากอาเภอนาจะหลวย
ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 21 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 99 กิโลเมตร และ
หา่ งจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 700 กโิ ลเมตร
มอี าณาเขตติดต่อดังน้ี
ทศิ เหนอื ติดตอ่ กบั บา้ นโนนสวาง หมทู่ ่ี 8
ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกบั บ้านมว่ ง หมทู่ ี่ 2
ทิศตะวันออก ตอ่ ต่อกบั บา้ นปา่ ก้าว หมู่ท่ี 4 ตาบลโนนสมบรู ณ์
ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ กบั ลาโดมใหญ่
1.1.3 ประชากร
ขอ้ มลู ประชากรตามทะเบยี นราษฎร์ สานักทะเบียนอาเภอนาจะหลวย ณ เดอื น สิงหาคม
2564 จานวนครัวเรอื น 130 ครัวเรือน
ประชากร จานวน
ชาย 240 คน
หญิง 224 คน
รวม 464 คน
1.1.4 ระดบั การศึกษา จานวน 2
ระดับการศกึ ษา 150 คน
ประถมศึกษา 284 คน จานวน
มัธยมศกึ ษา 30 คน 20 คน
ปริญญาตรี 30 คน
จานวน อาชพี (เสริม/รอง) 50 คน
1.1.5 การประกอบอาชพี
- ภาคการเกษตร 80 ครัวเรือน สานกระตบิ ขา้ ว
อาชีพ 50 ครัวเรือน ปศุสัตว์
(ภาคการเกษตร) 30 ครวั เรอื น วา่ งงาน
ทานา 13 ครวั เรือน
ทาไร่ (มนั สาปะหลงั ) 5 ครวั เรือน
ทาสวน
ยางพารา
ปาล์มนา้ มัน
- ขอ้ มูลผลผลติ ด้านการเกษตร
ชนิดพืช พืน้ ที่ (ไร)่ ผลผลิตที่ได้
ขา้ วนาปี
- พนั ธ์ุ กข 15 772 360 กก./ไร่
- พนั ธุ์ กข 6 375 กก./ไร่
- พนั ธ์ุ ขาวมะลิ 105 395 กก./ไร่
มันสาปะหลงั
ยางพารา 135 5,100 กก./ไร่
ปาลม์ นา้ มัน 70 24 กก./ไร่
25 1,800 กก./ไร่
1.1.6 ทรัพยากรธรรมชาติ
- ดนิ ลกั ษณะดนิ สว่ นใหญเ่ ปน็ ดนิ รว่ นปนทราย เอกสารสทิ ธิ์ทดี่ นิ เป็น สปก. และ นส.3
- แหล่งน้าทสี่ าคญั คือ ลาโดมใหญ่ (ฝายยาง) 1 แหง่ และ หนองนา้ สาธารณะ 1 แห่ง
- ปา่ ชุมชน คือ ปา่ ชา้ สาธารณะประโยชน์ 1 แหง่
3
1.1.7 สถานท่ีสาคญั ในหมู่บา้ น 1 แห่ง
- โรงเรยี น (ระดบั อนุบาล-ประถมศกึ ษา) 1 แห่ง
- ศูนย์พัฒนาเดก็ เลก็ 1 แหง่
- วัด 1 แห่ง
- สนามกีฬา 5 แห่ง
- ร้านคา้ (ขายของชา) 1 แหง่
- ร้านอาหาร 1 แหง่
- หอกระจายขา่ ว 1 แหง่
- แหลง่ ท่องเที่ยว 1 แหง่
- ศาลากลางบ้าน/ศนู ย์การเรยี นรู้ชุมชน 1 แหง่
- โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล
1.1.8 ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน (ปราชญ์ชาวบา้ น)
ที่ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน/ความเช่ียวชาญ ชือ่ – นามสกลุ อายุ ท่อี ยู่
1 สตู รขวัญ นายสบุ นิ สาวสิ า 70 34 หมทู่ ี่ 6
2 หมอลาพน้ื บ้าน นายทวี ทารนิ 63 32 หมู่ที่ 6
3 หมอลาพน้ื บ้าน นายเปลยี่ น สามิลา 80 18 หมทู่ ี่ 6
4 หมอลาพน้ื บา้ น นายคามี ทองสุวรรณ 72 21 หมทู่ ่ี 6
5 เล่นดนตรพี ้นื บา้ น นายบวั กัน กันยาพนั 50 44 หมู่ที่ 6
6 หมอยาพื้นบ้าน นายบญุ สา สุพนิ 60 14 หมทู่ ่ี 6
1.1.9 วฒั นธรรมประเพณีทีส่ าคัญ
- บ้านแก้งขอ มีเอกลักษณ์การแต่งกายของนางรา หรือการฟ้อนที่สวยงาม
ของกลุ่มสตรี หรือกลุ่มผู้สูงอายุ 1 กลุ่ม สมาชิก 30 คน แสดง/ละเล่น เนื่องในโอกาสที่สาคัญ หรือ
งานประจาปตี า่ งๆ นอกจากน้ี บา้ นแก้งขอ ยงั คงสืบทอดประเพณีฮีต 12 ครอง 14 ของไทย เช่น วันข้ึนปใี หม่
ประเพณีสงกรานต์ ประเพณเี ขา้ – ออกพรรษา ฯลฯ
1.1.10 การรวมกลมุ่ ทีส่ าคญั ในชมุ ชน 4
ลาดับ การรวมกลุ่มในชุมชน จานวนเงินทุน
1 กลุ่มแมบ่ า้ นแกง้ ขอ 15,154 บาท
2 กองทุน อ.พ.ป. แกง้ ขอ 147,998 บาท
3 กองทนุ กข.คจ. (สงเคราะห์) 168,478 บาท
4 กองทนุ ข้าวเปลอื ก 57,545 บาท
5 กองทุนน้าประปา 7,750 บาท
6 กองทุนผ้าปา่ สามคั คี 7,974 บาท
7 กองทุนไทย – ออสเตรเลีย 8,008 บาท
8 กองทนุ น้ามัน SML ปี 2551 327,666 บาท
9 กองทุนโค-กระบอื ๔๗,๗๔๙ บาท
10 กองทนุ นา้ มันประชารฐั 5,000 บาท
11. กลมุ่ สัมมาชีพ เครอ่ื งจักสาน
กลุ่มจักสาน เกิดจากภูมิปัญญาคนในหมู่บ้าน/ชุมชนโดยเร่ิมต้นจาก 4
หลงั คาเรอื น ขณะนี้สามารถแยกขยายกลุม่ ถึง 20 หลงั คาเรือน ท่ีมีแนวคิดในการนาวัสดุทีม่ ีอยูภ่ ายในหมูบ่ ้าน/
ชมุ ชน คือ ต้นค้า ไม้ไผ่ กา้ นมะพร้าว ฯลฯ มาจกั สานให้เกิดประโยชน์ และมีอาชีพ หรือสร้างรายได้ให้เกดิ ขึ้น
ในชมุ ชน ผลิตภณั ฑ์ทีส่ าคญั เช่น กระตบ๊ิ ข้าว ไม้กวาด กระด้ง หวด ตระกร้า ถาดรองผลไม้ ขอ ฯลฯ
รปู ตน้ ค้า
12. กลุ่มป๋ยุ อนิ ทรยี ์
บ้านแก้งขอ เป็นชุมชนเกษตรกร พื้นที่ส่วนใหญ่ทาการเกษตร ทานา
สวนยางพารา ปลูกมันสาปะหลงั ปลูกผักสวนครวั และอ่ืนๆ ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเป็นจานวนมาก แต่มีราคาแพงข้ึน
ทุกวัน ทาให้ต้นทุนการผลิตสูง ท้ังยังทาให้คุณภาพดินเสื่อม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อม
เปน็ อันตรายต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ประกอบกับผู้นาชุมชน และเกษตรกรไดม้ ีโอกาสเรยี นรู้และศึกษางาน
กับหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการทาน้าหมักชีวภาพ การทาปุ๋ยอินทรีย์ ทาให้ให้มองเห็นความสาคัญ และ
ความจาเป็นที่ต้องนาไปใช้ในการประกอบอาชีพเพ่ือประโยชน์ของตนเองและสังคม จึงได้ทดลองทาใช้
ในครวั เรอื น รวมกลุ่มทาป๋ยุ น้าหมักชีวภาพในหมู่บา้ น
5
13. ข้อมลู ความจาเปน็ พ้นื ฐาน ระดบั หมบู่ า้ น ปี 2562 (สานกั งานพัฒนาชมุ ชน
อาเภอนาจะหลวย)
- รายได้ (จากแหล่งรายได้ครัวเรือนเฉล่ีย)
อาชีพหลกั เฉลี่ยครวั เรือนละ 262,825 บาท/ปี
อาชีพรอง เฉล่ยี ครัวเรอื นละ 22,028 บาท/ปี
รายได้อื่น เฉลี่ยครวั เรอื นละ 22,981 บาท/ปี
ปลกู เล้ียง หาเอง เฉลีย่ ครัวเรอื นละ 24,098 บาท/ปี
รายไดร้ วมเฉล่ียตอ่ คนต่อปี เฉลี่ยคนละ 81,242 บาท/ปี
- รายจ่าย
ต้นทุนการผลติ เฉลย่ี ครัวเรือนละ 21,979 บาท/ปี
อปุ โภค-บริโภคท่ีจาเป็น เฉลย่ี ครัวเรอื นละ 22,200 บาท/ปี
อปุ โภค-บริโภคท่ีไมจ่ าเป็น เฉลีย่ ครวั เรอื นละ 22,064 บาท/ปี
ชาระหน้ีสิน เฉลี่ยครวั เรอื นละ 30,469 บาท/ปี
รายจา่ ยเฉลย่ี ต่อคนต่อปี เฉลย่ี คนละ 23,671 บาท/ปี
1.2 รางวัลทีน่ า่ ภาคภมู ใิ จของบ้านแกง้ ขอ
1. พ.ศ. 2557 ได้รับคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2557
ระดับ พออยู่ พอกิน
2. พ.ศ. 2558 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันการออกกาลังกาย
"เต้นบาสโลป" ในงานตาบลนา่ อยูห่ มบู่ า้ นจัดสรรสุขภาพตาบลพรสวรรค์ คร้ังที่ 3 ปี 2557
3. พ.ศ.2558 ได้รับรางวัลรองชนะเลศิ ระดับอาเภอ ตามโครงการคัดเลือกหมู่บ้าน
ดเี ดน่ (บ้านสวย เมอื งสขุ ) ประจาปี 2558
4. พ.ศ. 2558 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดหมู่บ้านจัดการสุขภาพ
ในงานตาบลนา่ อยู่ หมูบ่ ้านจดั การสขุ ภาพ ตาบลพรสวรรค์ คร้ังที่ 4 ปี 2558
5. พ.ศ.2559 ได้รับรางวัลรองชนะเลศิ ระดับอาเภอ ตามโครงการคัดเลือกหมู่บ้าน
ดีเดน่ (บ้านสวย เมืองสขุ ) ประจาปี 2559
6. พ.ศ.2560 ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านจัดการสุขภาพ
ในงานตาบลน่าอยู่ หมู่บา้ นจดั การสขุ ภาพ ตาบลพรสวรรค์ ครัง้ ที่ 6 ปี 2560
6
7. พ.ศ.2560 ได้รบั รางวลั ชนะเลิศ ระดับอาเภอ ตามโครงการคัดเลอื กหมูบ่ ้านดีเด่น
(บ้านสวย เมืองสขุ ) ประจาปี 2560
8. พ.ศ.2560 ได้รบั รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับจังหวดั ตามโครงการคัดเลือก
หม่บู ้านดเี ดน่ (บา้ นสวย เมืองสุข) ประจาปี 2560
9. พ.ศ.2561 ได้รับรางวัลหมู่บ้านต้นแบบตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พ.ศ. 2561
10. พ.ศ.2562 ได้รับประกาศเกียรติคุณ ให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงมั่นคง
ม่ังคั่ง ยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกประจาปีงบประมาณ
พ.ศ. 2562
11. พ.ศ.2562 ได้รบั รางวลั โครงการชมุ ชนทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวัตวถิ ี ประจาปี 2562
12. พ.ศ.2564 ไดร้ ับรางวลั ชมเชยการประกวดชุมชนจิตอาสาดเี ด่นโครงการขยายผล
จิตอาสาของสานักงาน กศน.จงั หวดั อบุ ลราชธานี ประจาปี 2564
13. พ.ศ.2564 ได้รบั คดั เลอื กให้เป็นหมู่บา้ นแกนนาดาเนินงานในเร่ืองของโครงการ
เสริมสรา้ งและพฒั นาผูน้ าการเปล่ียนแปลง ในระดบั ตาบล ปี 2564
14. พ.ศ.2564 วัดบ้านแก้งขอได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ตาบล 1 วัด น้อมนาหลัก
“บวร” สรา้ งความม่นั คงทางอาหาร ตา้ นภัยโควดิ -19 ในระดับตาบล ในการน้อมนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ เริ่มต้นท่ีวดั กอ่ นแล้วขยายเข้าไปในหมบู่ ้าน เพ่ือสรา้ งภูมิคุ้มกันภัยร้ายจากภายนอก
ในยามทีเ่ กิดโรคระบาดในตอนนี้
15. นายประเสริฐ สามลิ า ผู้ใหญ่บา้ นแก้งขอ ไดร้ บั คดั เลือกใหเ้ ข้าส่รู ะบบมาตรฐานงาน
ชุมชนสาหรับผู้นาชุมชน (มชช.) ในการพัฒนาตนเองในด้านของการเป็นผู้นาชุมชนตามเกณฑ์ของ
กรมการพฒั นาชุมชน
7
2. การศึกษาเรียนรรู้ ะบบการบริหารจดั การและวถิ ีชีวติ ชมุ ชน 8
บา้ นแก้งขอ หม่ทู ่ี 6 ตาบลพรสวรรค์
วถิ ชี ีวิตของชมุ ชน การบรหิ ารจัดการในชุมชน
ชาวบ้านแก้งขอ แต่ละครอบครัวดารงชีวิตด้วยการ บ้านแก้งขอทุกครัวเรือนน้อมนาหลักปรัชญาของ
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งด้านความเป็นอยู่ เศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการดารงชวี ิต ประกอบด้วย
ดา้ นเศษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทุกคนท่ีอาศยั อยู่ 1. ความเข้มแข็ง หรือผลสาเสร็จของ การรวมกลุ่ม
ร่วมกันในชมุ ชน เปรียบเสมือนญาติพี่นอ้ งกัน มคี วาม อ อ ม ท รั พ ย์ ห รื อ ก ลุ่ ม ก า ร เงิ น ข อ ง ห มู่ บ้ า น
สามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือแบ่งปันส่ิงของ เป็นกลุ่มเดียว เรียกว่า กองทุนสัจจะเพ่ือการผลิต
ซึ่งกันและกนั ตลอดมา นามาสู่การมีสว่ นร่วมในชุมชน นอกจากนี้ยังฝึกให้ชาวบ้านรู้จักมีวินัยในการใช้จ่าย
ทั้งการแสดงความคิดเห็น และทากิจกรรมต่างๆ และออมเงินอีกดว้ ย
รว่ มกันอย่างตอ่ เนื่อง จึงทาให้บ้านแกง้ ขอเป็นหมบู่ า้ น 2. การประกอบอาชีพเสรมิ ของคนในชมุ ชน เพื่อสรา้ ง
ที่เข้มแข็ง และมีการรวมกลุ่มที่หลากหลาย เพราะ รายได้ให้ครอบครัว โดยการรวมกลุ่มสมัมาชีพเครื่อง
มีผู้นาชุมชน และผู้นากลุ่มต่างๆ ท่ีมีความสามารถ จกั สาน
และเข้มแข็ง วัดผลได้จากหมู่บ้านได้รับรางวัล 3. การนาวัสดุที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์
หลากหลายสาขาจานวนมาก ล ด ก า ร ใช้ ปุ๋ ย เค มี แ ล ะ ล ด ต้ น ทุ น ก า ร ผ ลิ ต
รกั ษาคณุ ภาพดนิ นา้ สิง่ แวดล้อม ตลอดจนเพอ่ื ให้เกิด
ความปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค โดยการ
รวมกลุ่มจดั ทานา้ หมกั ชีวภาพ หรอื ปุ๋ยอนิ ทรีย์
4. ทุกครัวเรือนปลูกผักสวนครัว ไว้รับประทานเอง
ภายในครอบครัว เหลือก็แบ่งปันเพ่ือนบ้าน หรือ
แบ่งขายเพื่อเพ่ิมรายได้ให้ครอบครัวและลดรายจ่าย
ท่ีไม่จาเป็น
5. การบริหารจัดการ และใช้ประโยชน์จากแหล่งน้า
ลาโดมใหญ่ หรือฝายยาง โดยวิธีการหาสัตว์น้า ปลา
เพ่ือเป็นอาหารและจาหน่าย ตลอดจนใช้น้าเพ่ือ
การเกษตรและเลย้ี งสตั ว์ ฯลฯ
9
3. การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบตอ่ การพัฒนาของชมุ ชน
บ้านแก้งขอ เป็นหมู่บา้ นต้นแบบเศรษฐกจิ พอเพียง ระดบั อาเภอ ฉะนนั้ หน่วยงานราชการ และ
หน่วยงานอน่ื จึงมงุ่ ให้ความสาคัญ และมุ่งเน้นตอ่ ยอดการพฒั นาบา้ นแก้งขอใหม้ ีความเข้มแขง็ มายิง่ ขน้ึ เชน่
- ปกครองอาเภอนาจะหลวย เป็นหน่วยงานที่ปรึกษาด้านกฎหมาย การอบรมให้ความรู้
สร้างผู้นา คณะกรรมการหมบู่ า้ นท่เี ข้มแข็ง เพือ่ นาความรไู้ ปปกครอง บรหิ ารจดั การหมบู่ า้ นให้ร่วมเย็น เปน็ สขุ
- สานักงานเกษตรอาเภอ ส่งเสริม สนับสนุน วิชาการและทฤษฎีด้านการเกษตร การทา
น้าหมกั ชีวภาพ แจกจ่ายพนั ธ์กุ ล้าไม้ วธิ ีการลดต้นทุนการผลติ ตลอดจนการขน้ึ ทะเบยี นเกษตรกร ฯลฯ
- สานักงานพัฒนาชุมชน สนับสนุนกองทุนเงินต่างๆ ให้กบั ชมุ ชน ส่งเสริมการนอ้ มนาหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการดารงชีวติ โคกหนองนา โมเดล ตอ่ ยอดผลติ ภัณฑช์ ุมชน พฒั นาสนิ ค้า
OTOP ส่งเสรมิ การรวมกลุ่มทเี่ ขม้ แขง็ ส่งเสรมิ ใหเ้ ปน็ หมบู่ า้ นท่องเทีย่ ว OTOP นวตั วถิ ี ฯลฯ
- ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ส่งเสริมการอ่านให้คนในชมุ ชน
ส่งเสรมิ การศกึ ษาใหผ้ ูด้ ้อยโอกาส ทเี่ ข้าไม่ถึงการศกึ ษาภาคบังคับ ส่งเสริมอาชพี การทาขนม อน่ื ๆ
- องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน สนบั สนนุ โครงการด้านสาธารณปู โภคข้ันพื้นฐาน และใหค้ วาม
ดแู ลเงนิ อุดหนนุ ต้ังแต่เดก็ แรกเกดิ -ผู้สงู อายุ ดูแลครัวเรือนยากจน ผูด้ ้อยโอกาส ให้มีความอยู่ดกี ินดี ตลอดจน
สง่ เสรมิ อาชีพในชมุ ชน ฯลฯ
- ประมงอาเภอ สนบั สนุนพันธ์สุ ตั วน์ า้ สาหรับปล่อยในลาโดมใหญ่ หรือฝายยาง เพ่อื ให้
ชาวบ้านนามาเป็นอาหาร และจาหนา่ ย สร้างรายได้ใหค้ รอบครัว
- กรมชลประทาน จัดทาโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้าโดยพลังงานไฟฟ้า งบประมาณ
50,000,000 บาท เพอื่ ให้ฝายยาง แหลง่ น้ากักเก็บนา้ ทม่ี นี า้ ตลอดท้ังปี ชาวบา้ นสามารถใช้นา้ เพอ่ื การเกษตร
ได้อยา่ งเพียงพอ
- นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน อีกหลายหน่วยงาน
ทเ่ี ข้ามามีบทบาท สนบั สนุน สง่ เสรมิ การพฒั นาหม่บู ้านแกง้ ขอ ให้มคี วามเข้มแขง็ มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ
ตอ่ เน่อื ง
ส่วนท่ี 2 10
ประเดน็ การพัฒนาของชุมชน
2.1 ระดบั การพฒั นาของหมู่บา้ น
1. สภาพปญั หาจากการวเิ คราะห์ขอ้ มลู พนื้ ฐานระดับหมูบ่ า้ น (กชช. 2ค) ปี 2562
(สานักงานพัฒนาชมุ ชนอาเภอนาจะหลวย)
1.1. ตัวชีว้ ดั ทมี่ ีปัญหา (มากไปหาน้อย) ไดแ้ ก่
1) มปี ัญหามาก 8 ตัวชี้วัด คอื ไฟฟา้ ,การมีงานทา,การเรียนรโู้ ดยชุมชน,ความปลอดภัย
จากความเสียงของชมุ ชน,การกฬี า,อัตราการเรยี นต่อของประชาชน และการได้รบั การศึกษา
2) มีปญั หาปานกลาง 6 ตัวชว้ี ดั คือ นา้ เพื่อการเกษตร,การมีที่ทากิน,การตดิ ต่อสือ่ สาร,
การได้รบั ประโยชนจ์ ากการมีสถานทีท่ อ่ งเท่ยี ว,คุณภาพดนิ และความปลอดภัยจากภยั พิบัติ
3) มีปัญหาน้อย 13 ตัวชี้วัด คือ ถนน,น้าด่ืม,นา้ ใช้,ผลผลิตจากการทาการเกษตรอื่นๆ,
การมีส่วนร่วมของชุมชน,การรวมกลุ่มของชุมชน,การเข้าถึงแหลง่ เงินทุน,การได้รบั ความคุ้มครองทางสังคม,
การจัดสภาพสิ่งแวดล้อม,ความปลอดภัยจากยาเสพติด,ความปลอดภัยในการทางาน,การป้องกันโรคติดต่อ
และระดบั การศกึ ษาของประชาชน
1.2 การพัฒนาหมบู่ ้าน จัดอยใู่ นระดบั 1 ก้าวหนา้ 2 ปานกลาง 3 ล้าหลงั
2.2 สัดส่วนจานวนครวั เรอื นที่ไมพ่ ออยูพ่ อกิน
บ้านแก้งขอ เป็นหมู่บ้านขนาดกลาง 130 ครัวเรือน ประชากร 464 คน หมู่บ้าน เร่งรัดพัฒนา
ระดับท่ี 2 (ปานกลาง) รายไดเ้ ฉลี่ย คนละ 80,000 บาทต่อปี รายจ่ายเฉลี่ย 23,000 บาทต่อปี ประชากร
ในพื้นท่ีส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาไร่ มันสาปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ามัน
อาชพี เสริม รวมกลมุ่ สัมมาชพี เครอื่ งจกั สาน เชน่ กระตบ๊ิ ขา้ ว ไมก้ วาด กระด้ง หวด ตระกร้า ถาดรองผลไม้ ขอ
ฯลฯ นอกจากน้ีชาวบ้านทุกครัวเรือนยัง ปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานเอง เหลือก็แบ่งปันเพ่ือนบ้าน
และจาหน่าย หาปลาจากแห่งน้าธรรมชาติ หาหน่อไม้ เห็ดป่า ผัก ผลไม้ป่า เพื่อรับประทาน และจาหน่าย
เป็นบางส่วน สามารถลดรายจ่ายที่ไมจ่ าเปน็ ในครัวเรอื น และเพ่ิมรายได้ให้กับชาวบ้านแก้งขอได้ ด้วยสาเหตุนี้
จึงส่งผลให้สัดส่วนจานวนครัวเรือนที่ของบ้านแก้งขอ มีลักษณะพออยู่พอกิน สามารถเล้ียงครอบครัวได้
ไม่มคี รัวเรือนตกเกณฑ์ จปฐ. เพราะชาวบ้านดารงชีวติ บนพ้นื ฐานการนอ้ มนาปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมา
ใช้ในการดารงชีวิต ท้ัง มีการปลูกผักสวนครัว การออม มีแหล่งน้าท่ีสาคัญ มีน้าตลอดท้ังปีในพื้นที่
มีการรวมกลุม่ ทเี่ ข้มแข็ง ฯลฯ
2.3 ประเมินความสามารถของชมุ ชนในการใช้ประโยชน์จากโครงการกิจกรรมตา่ งๆ 11
ภายใตน้ โยบาย
ขอ้ มูลจากการลงพ้ืนท่สี ัมภาษณ์ชาวบ้านแก้งขอ หม่ทู ี่ 6 ตาบลพรสวรรค์ วิเคราะห์ศักยภาพ
การพฒั นาของหมบู่ ้าน ดังน้ี
1. กิจกรรม หรอื โครงการ ทชี่ มุ ชนจะพฒั นา และสามารถดาเนนิ การเองได้
1.1 จดั ทา หรือพัฒนาศนู ยเ์ รยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งในชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง เพอ่ื เป็น
แหล่งศึกษาเรียนรขู้ องชมุ ชน โดยประชาสัมพนั ธใ์ หท้ กุ ครวั เรือนเข้ามามีสว่ นร่วมในการรวมกลมุ่ เชน่
- การรวมกลุ่มสัมมาชีพเครื่องจักสาน เพ่ือให้กลุ่มสามารถผลิตสินค้าให้มีความ
หลากหลาย และมจี านวนมาก เพียงพอต่อความตอ้ งการของตลาด ตลอดจนการผลิต หรือปลูกวตั ถุดิบที่ใช้ใน
การทาเคร่ืองจกั สานในชุมชน ลดการนาเข้าจากภายนอก
- การรวมกลุ่มทาปุ๋ยอินทรีย์ เน้นการทาเกษตรอินทรีย์โดยใช้ปุ๋ยคอก และน้าหมัก
ชวี ภาพ ลดการใช้ปุ๋ยเคมเี พ่อื ลดต้นทนุ การผลิต
- การต่อยอดกลุ่มออมทรัพย์ ต่างๆ ในชุมชน เช่น การนาดอกเบี้ยท่ีได้จากกองทุน
มาลงทุนให้เกดิ ประโยชน์ต่อชมุ ชน เชน่ สนับสนุนการรวมกลุ่มของเด็ก เยาวชน เพ่ือสร้างรายได้ให้ลูกหลาน
สนบั สนุนกลุ่มสมัมาชีพการทาขนม อื่นๆ
- การต่อยอด หรือขยายการปลูกผักสวนครัว จากเดิมปลูกเพื่อรับประทานใน
ครัวเรือน แล้วเพ่ิมพื้นท่ีปลูกให้มากข้ึน เน้นการปลูกผักปลอดสารพิษ เลิกใช้สารเคมี เพื่อสามารถจาหน่าย
เพิม่ รายได้ใหค้ รวั เรอื น
1.2 ปรับเปล่ียนวิธกี ารทาการเกษตรรูปแบบดั้งเดิม ให้เปน็ การทาการเกษตรท่ีมคี ณุ ภาพ
หรือเกษตรแบบผสมผสาน เช่น การแบ่งพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจที่หลากหลาย สร้างรายได้ตลอดทั้งปีให้กับ
เกษตรกร
1.3 ความเข้มแข็งของผู้นาชุมชน และผู้นากลุ่มต่างๆ นามาสู่การพัฒนาหมู่บ้านให้
เจริญก้าวหน้า พร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์ได้ ทั้งยังนามาสู่การสร้างความสามัคคี
การมสี ่วนร่วม การรว่ มกลุ่มท่เี ขม้ แข็งในชมุ ชน อกี ด้วย
1.4 การพฒั นาแหลง่ กักเก็บนา้ โดยเข้าร่วมโครงการโคก หนอง นา โมเดล เพือ่ ใหม้ แี หล่ง
กกั เก็บน้าทเี่ พียงพอต่อการทาการเกษตรในครัวเรือน
2. กจิ กรรม หรอื โครงการ ทีช่ มุ ชนตอ้ งอาศัยการมสี ่วนรว่ มจากหน่วยงานภายนอก
2.1 การพัฒนาศักยภาพผู้นาชุมชน หรือ ผู้นากลุ่มต่างๆ สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น
ภายในชุมชน โดยการสร้างผู้นา ตัวแทนชุมชน และกลุ่มซ่ึงสามารถพัฒนากระบวนการ วิธีคิด วิธีปฏิบัติ
อันเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมในชุมชน โดยการพัฒนาศักยภาพให้คนในชุมชนได้ค้นพบแนวทางการพัฒนา
แบบมีส่วนร่วมของชุมชนในลักษณะ ร่วมคิด ร่วมทาและร่วมเรียนรู้เป็นขบวนการส่งเสริมและสนับสนุน
ชุมชน ให้มีการเรียนรู้และแลกเปล่ียนประสบการณ์และจัดการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้
เกิดความยั่งยืน เช่น สานักงานพัฒนาชุมชน สง่ เสรมิ เร่ืองการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลติ ภัณฑ์ ชอ่ งทางการตลาด
ออนไลน์ สานกั งานเกษตรอาเภอ ส่งเสริมเร่อื งการลดต้นทุนผลติ ดา้ นการเกษตร การปลูกพืชเศษฐกจิ ฯลฯ
2.2 การสนับสนุนด้านสถาบันการเงิน ใหเ้ กษตรกร และกลุ่มต่างๆ ไดเ้ ข้าถึงแหล่งเงนิ ทุน
ทงี่ า่ ย สะดวก รวดเรว็ อตั ราดอกเบ้ยี ต่า เพอื่ นามาลงทุนการประกอบกจิ การในครัวเรือน ใหไ้ ด้ผลกาไรทสี่ ูงขนึ้
2.3 การจดั หาตลาด หรือช่องทางการจาหนา่ ยสินคา้ ที่หลากหลาย ทัง้ ทางออนไลน์ และ
ตลาดชุมชน ตลาดกลาง ตลาดใหญ่ ห้างสรรพสนิ คา้ ฯลฯ
3. กจิ กรรม หรอื โครงการ ทห่ี นว่ ยงานภายนอกทาให้ 12
3.1 โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้าโดยพลังงานไฟฟ้า งบประมาณ 50,000,000 บาท
จากกรมชลประทาน เนอื่ งจากบ้านแก้งขอ มีฝายยาง เป็นแหล่งน้าท่มี ีน้าตลอดท้ังปี แต่ชาวบ้านไม่สามารถผัน
นา้ มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ เน่ืองจากวา่ พ้ืนทก่ี ารเกษตรอยู่สงู ทาใหเ้ กษตรกรขาดแคลนนา้ ในการทาเกษตร จึงมีความ
จาเปน็ ต้องจัดทาโครงการดงั กล่าว เพอ่ื ใหเ้ กษตรกรมีน้าใชต้ ลอดท้ังปี เพยี งพอต่อการทาเกษตร
3.2 โครงการสาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐาน (ถนน ไฟฟ้า น้าประปา) เน่ืองจากบ้านแก้งขอ
เป็นพ้ืนที่ประสบปัญหาน้าท่วมซ้าซาก ฉะน้ันปัญหาเรื่องถนนขาด ชารุด ทรุดโทรม จึงเกิดข้ึนเป็นประจา
จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่ง ต้องมีการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม เป็นประจาทุกปี ต้องอาศัยงบประมาณ
โครงการจากองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ในพนื้ ท่ี
2.4 การประเมนิ โอกาส และความเสี่ยงของชุมชน และครวั เรอื นยากจน
1. การวิเคราะหศ์ ักยภาพของหมู่บา้ น (SWOT Analysis)
1. จุดแขง็ Strengths
1.1 พืชเศรษฐกิจมีความหลากหลาย ทาให้มีผลผลิตทางการเกษตรในพ้ืนท่ีออก
สู่ตลาดทกุ ฤดูกาล เชน่ ขา้ ว ยางพารา มนั สาปะหลัง ปาล์มนา้ มัน พืชผกั สวนครวั
1.2 การรวมกลุ่มออมทรัพย์ที่เข้มแข็ง การบริหารจัดการกลุ่มที่ดี เช่น กองทุนสัจจะ
หมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการเกษตร กลุ่มสตรี เป็นตน้ ทาให้กล่มุ มีกาไรหมุนเวียน สง่ เสริมการออมให้กับ
ชาวบา้ น
1.3 มีลาน้าโดม ท่ีมีน้าตลอดทั้งปีไหลผ่านหมู่บ้าน เพ่ือให้พ่ีน้องประชาชนใช้
ประโยชนจ์ ากแหลง่ น้า ในการทาการเกษตร และหาปลา
1.4 ฝายยาง ท่ีกักเก็บน้าโดมให้มีน้าตลอดทั้งปี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน
มนี กั ทอ่ งเท่ียวมาเยี่ยมชม สง่ ผลให้เศรษฐกิจของหมูบ่ ้านดีขนึ้
1.5 ประชาชนในหมูบ่ า้ นมอี าชพี เสริม จากการรวมกลุ่มสมั มาชีพเคร่ืองจักสาน เช่น
กระติ๊บขา้ ว ไมก้ วาด กระด้ง หวด ตระกรา้ ถาดรองผลไม้ ขอ ฯลฯ เพ่ือสร้างรายได้ใหก้ ับประชาชนในหมบู่ า้ น
1.6 ทุกครวั เรือนปลูกผกั สวนครวั เพื่อรบั ประทานในครวั เรอื น เหลอื ก็แบง่ ขายทาให้
มรี ายไดเ้ สริม และลดรายจ่ายท่ีไม่จาเปน็ ในครวั เรอื นได้
1.7 การทาน้าหมักชีวภาพ เพ่ือใช้แทนปุ๋ยเคมีในการทาเกษตร ลดรายจ่ายด้าน
ต้นทุนการผลติ รกั ษาคุณภาพดนิ น้า และสิง่ แวดล้อม ไมเ่ ปน็ อันตรายต่อเกษตรกรและผ้บู รโิ ภค
1.8 ผู้นามคี วามเข้มแข็ง ทาให้หมบู่ ้านมคี วามสามคั คี พฒั นาไปในทิศทางทเ่ี จริญขึ้น
สร้างการมสี ่วนรว่ มในชุมชน สง่ ผลใหห้ มบู่ ้านอยู่เยน็ เป็นสุข
2. จดุ ออ่ น Weaknesses
2.1 บา้ นแกง้ ขอ มแี หลง่ น้าทสี่ าคัญในหมบู่ ้าน คอื ฝายยาง ,ลานา้ โดม ที่มีน้าตลอด
ท้ังปี แต่ไม่สามารถผันน้าขึ้นมาใชป้ ระโยชน์ด้านการเกษตรได้ เพราะตอ้ งอาศัยเครือ่ งสบู นา้ ไฟฟา้ ขนาดใหญ่ใน
การผนั น้าขนึ้ มาใช้ประโยชน์
2.2 พื้นท่ีหมบู่ ้านเปน็ พ้นื ทลี่ ุ่มต่า มแี หล่งนา้ ลาโดมไหลผ่านหมบู่ า้ น จงึ เกดิ น้าทว่ ม
ซ้าซาก สง่ ผลใหบ้ า้ นเรือน และพืชผลทางการเกษตรไดร้ ับความเสยี หาย
13
2.3 การรวมกลุ่มสัมมาชีพเครอื่ งจกั สาน ยังไมเ่ ขม้ แข็ง มลี ักษณะทาแยกครวั เรอื น
ทาให้ผลผลติ ท่ไี ด้มจี านวนน้อย ผลติ ภณั ฑ์ไม่หลากหลาย และวตั ถุดบิ ทใ่ี ชใ้ นการจกั สาน (ตน้ ค้า) ชาวบ้านรบั ซื้อ
มาจากนอกชุมชน ยังไมม่ กี ารปลกู เพอื่ ลดต้นทุนการผลิต
2.4 รายไดห้ ลกั ของชาวบา้ นแก้งขอมาจากสนิ ค้าเกษตรเปน็ หลัก ทาใหม้ ีความเสี่ยง
สงู หากหมบู่ า้ นประสบปญั หานา้ ทว่ ม หรือฝนทง้ิ ช่วง ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าทางการเกษตรใน
แตล่ ะปี
2.5 ความตน่ื ตัว หรือการรวมกลมุ่ เพอ่ื สรา้ งรายได้ หรอื เข้าร่วมโครงการของรฐั
ของชาวบา้ นในพ้นื ทย่ี งั นอ้ ย ทาให้ขาดโอกาสในการเพมิ่ รายได้ เพ่ิมมลู คา่ การผลตขิ องสินค้าจากหลายชอ่ งทาง
2.6 เกษตรกรในหมู่บ้านยังคงพ่ึงพาการใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ในการทาการเกษตร
ทาให้มีต้นทนุ การการผลติ สงู สง่ ผลเสยี ต่อคุณภาพดิน นา้ สง่ิ แวดลอ้ ม และปญั หาสุขภาพของเกษตรกร
3. โอกาส Opportunities
3.1 หน่วยงานภาครัฐ สนับสนุนงบประมาณ และโครงการเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจ
ระดบั ชมุ ชนอย่างตอ่ เน่ือง เชน่ โครงการเครอ่ื งสูบน้าด้วยกระแสไฟฟา้ (กรมชลประทาน) โครงการ โคก หนอง
นา โมเดล (กรมการพัฒนาชุมชน) เงินทนุ สนับสนุนรัฐวิสาหกิจชุมชน (กรมส่งเสรมิ การเกษตร) สาธาณูปโภค
ทีค่ รอบคลมุ ทัง้ ถนน ไฟฟา้ นา้ ประปา (องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ) เปน็ ต้น
3.2 การจัดทาและประสานแผนในลักษณะ ONE PLAN เชื่อมโยงข้อมูล
ปญั หาความตอ้ งการของประชาชนในพืน้ ที่ ไวใ้ นแผนเดียวกนั
3.3 อาเภอนาจะหลวย ร่วมกับ เกษตรอาเภอ พัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถน่ิ ร่วมส่งเสริมผลักดันการปลกู พืชเศรษฐกิจในครัวเรือนพร้อมจัดหาตลาดรองรับสินคา้ เชน่ ปลูกโกโก้
กลว้ ยหอม ฝร่ัง มะม่วง พุทธา ฯลฯ เพอื่ สร้างรายได้เสรมิ ใหก้ บั เกษตรกรในพน้ื ท่ี
3.4 หน่วยงานภาครัฐให้ความสาคัญ สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อเพ่ิมมูลค่าของ
ผลติ ภณั ฑ์ในชุมชนให้มีคุณภาพ เช่น สานักงานพัฒนาชุมชนส่งเสริมการรวมกลุ่มทเี่ ข้มแข็ง และพฒั นารูปแบบ
สินคา้ ใหห้ ลากหลายและทนั สมยั พร้อมจดั หาตลาดรองรับสนิ ค้า สานกั งานเกษตรอาเภอส่งเสรมิ การปลูก หรอื
ผลิตวตั ถดุ บิ ในชมุ ชนให้เกิดประโยชน์ เช่น ปลูกต้นคา้ ผลติ ป๋ยุ อนิ ทรยี ์ เพือ่ ลดตน้ ทนุ การผลติ
4. อุปสรรค Threats
4.1 การรบั ซือ้ สินคา้ ทางการเกษตร ถูกผกู ขาดจากพอ่ ค้าคนกลาง ทาใหไ้ ดร้ าคา
ผลผลิตนอ้ ย กวา่ ราคาท้องตลาด
4.2 ขาดตลาดในการรองรบั สนิ ค้า หรือผลิตภณั ฑ์ที่ชมุ ชนมอี ยู่ เช่น เครือ่ งจกั สาน
ผกั สวนครัว ปลาทห่ี าไดจ้ ากแหล่งนา้ ทาให้ชาวบ้านขาดความกระตือรือรน้ ในการเพิม่ ผลผลิตใหม้ ากข้ึน หรือ
พัฒนาผลผลติ ใหม้ คี ณุ ภาพ เพ่ือสรา้ งมลู ค่า และรายไดใ้ ห้ครอบครัว
4.3 แนวโน้มภัยธรรมชาติ เช่น น้าทว่ ม ภัยแล้ง ในพ้นื ที่ มีความทวีรุนแรงอยา่ ง
ตอ่ เนื่องมากขนึ้
4.4 สถานการณโ์ รคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 สง่ ผลใหเ้ ศรษฐกิจถดถอย และ
ชะลอตัว ราคาสินค้าทใ่ี ช้อปุ โภคบริโภค อาหารในตลาดสด มีราคาสงู ขน้ึ สินค้าราคาเกษตรตกตา่
4.5 ปญั หาการเขา้ ถึงส่ือ และเทคโนโลยี การประชาสมั พันธ์ ตลอดจนการสร้างการ
รบั รูท้ ถี่ กู ต้องในชมุ ชนมีนอ้ ย
2.5 สรุปบทเรยี นท่ีไดร้ บั ในแตล่ ะดา้ น 14
- การบรหิ ารการพฒั นาชมุ ชนท้องถ่นิ
1. การรวมกลุ่มออมทรัพย์ หรอื กองทุนเงนิ ตา่ งๆ ท่มี อี ยู่ในหมู่บา้ นแกงขอ เป็นกองทุนเดียว
เรยี กวา่ กองทุนสจั จะเพ่อื การผลติ โดยมนี ายประเสรฐิ สามลิ า ผ้ใู หญ่บ้านแก้งขอ เปน็ ประธาน และกรรมการ
13 คน ทาหน้าทใ่ี นการบรหิ ารจัดการกองทนุ สจั จะเพอื่ การผลติ มสี มาชกิ 285 คน
- เงินทุนของกองทุนสัจจะเพื่อการผลิต ท้ังหมด 2,635,939 บาท (สองล้านหก
แสนสามหมนื่ ห้าพนั เก้ารอ้ ยสามสบิ เก้าบาทถ้วน)
- คณุ สมบตั ขิ องสมาชิกที่จะสามารถกยู้ ืมเงินได้ ตอ้ งอาศยั อยู่ในบา้ นแกง้ ขอ และเป็น
ผ้ทู ่แี ต่งงาน มีครอบครัวแล้ว
- อัตราดอกเบ้ยี รอ้ ยละ 0.5 ต่อเดอื น / 6 บาท ต่อ ปี
- หลักเกณฑ์การปล่อยกู้ ปี 2564 ปล่อยกู้ให้สมาชิก คนละ 24,000 บาท ต่อคน
และส่งเสรมิ ให้สมาชิก ออมเงิน คนละ 200 บาท
- กาหนดจ่ายเงินต้น และดอก ภายในเดือนมีนาคม ของปีถัดไป หากสมาชิกคนใด
จา่ ยเงินดอกและตน้ ไม่ครบ จะไม่มีสิทธกิ ้ยู ืมเงินกองทนุ ได้ และภายใน 2 ปี หากสมาชกิ ยังค้างจ่ายเงินกองทุน
คณะกรรมการจะติดตามท้วงถามหน้ี และยดึ ทรพั ยส์ ิน สิง่ ของมคี ่า จนกว่าจะครบจานวนเงินท่กี ู้ไป
วเิ คราะห์จากระเบียบ หลักเกณฑ์ของกลุ่มกองทุนสัจจะเพ่ือการผลิต ท่ีชาวบ้านแก้งขอ
ต้ังขน้ึ นั้น ถือได้เป็นกลุ่มกองทุนการเงินที่มีความเข้มแขง็ มีการบรหิ ารจัดการกลุ่มท่ีดี เพราะมีเงินทุนจานวน
มาก และในปที ่ผี ่านมาไมม่ สี มาชิกคา้ งจา่ ยเงนิ กู้ ตลอดจนกลุ่มยังสง่ เสรมิ ให้สมาชกิ มีวินัยในออมเงนิ อกี ดว้ ย
2. บา้ นแก้งขอเปน็ หมูบ่ า้ นที่น้อมนาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาปรับใช้ในการดารงชีวิต
ทุกครัวเรือน ทาให้ทุกครอบครัวมีความพออยู่พอกิน สามารถพ่ึงพาตนเองได้ เช่น การปลูกผักสวนครัว
การรวมกลุ่มทาอาชพี เสรมิ เพือ่ สรา้ งรายได้ใหค้ รอบครวั การใช้วัสดทุ มี่ อี ยูใ่ นชุมชนทาปยุ๋ อนิ ทรีย์ เพื่อลดตน้ ทนุ
การผลติ รักษาคณุ ภาพดิน และนา้ การบรหิ ารจดั การด้านแหล่งนา้ ตลอดจนการส่งเสรมิ ออม
- การบรหิ ารการพฒั นาระดับตาบลและอาเภอ
1. การเชื่อมโยงแผนพัฒนาหมู่บ้าน ตาบล อาเภอ จังหวัด ให้เป็นลักษณะแผนเดียว
(One plan) เพื่อบูรณาการทางานของทุกหน่วยงาน และแก้ไขปัญหาได้ รวดเร็ว ตรงตามความต้องการของ
ประชาชนในพน้ื ท่ี
2. ความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในพ้ืนที่ เพื่อให้การสนับสนุน ส่งเสริม การพัฒนา
บ้านแก้งขอให้มีความเข้มแข็งในทุกด้าน เช่น ปกครองอาเภอนาจะหลวย เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านคลัง
ความคิด อบรม ให้ความรู้เก่ียวกับระเบียบกฎหมาย การสร้างความสามัคคี ความเข้มแข็งให้ผู้นาชุมชนและ
ประชาชนในพน้ื ที่ เกษตรอาเภอ สง่ เสริมดา้ นการเกษตร ฯลฯ
3. การส่งเสริม หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์เคร่ืองจักสานของบ้านแก้งขอใหม้ ีความ
หลากหลาย ทนั สมัย เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ หนึง่ ตาบล หนึง่ ผลิตภณั ฑ์ OTOP
4. โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้าโดยพลังงานไฟฟ้า งบประมาณ 50,000,000 บาท
จากกรมชลประทาน เพื่อแกไ้ ขปญั หาแหล่งนา้ เพ่ือการเกษตรไมเ่ พยี งพอ
15
5. อาเภอนาจะหลวย รว่ มกับ เกษตรอาเภอ พัฒนาชุมชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่
รว่ มส่งเสริมผลกั ดันการปลกู พชื เศรษฐกจิ ในครวั เรือนพร้อมจดั หาตลาดรองรับสินคา้ เชน่ ปลูกโกโก้ กลว้ ยหอม
ฝรง่ั มะมว่ ง พทุ ธา ฯลฯ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กบั เกษตรกรในพืน้ ที่
6. ส่งเสรมิ การรวมกลมุ่ ใหม้ ีความเขม้ แขง็ โดยเฉพาะกล่มุ สมั มาชีพเครอื่ งจักสาน เพือ่ เป็น
ช่องทางเพม่ิ รายได้ให้ประชาชนในหมบู่ ้าน และสนบั สนุน ส่งเสรมิ พฒั นาองค์ความรู้ให้กับกล่มุ ทางการเงินใน
ชุมชน ใหไ้ ด้ผลกาไรเพมิ่ มากข้นึ
7. สง่ เสรมิ จัดหาช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เชน่ ผา่ นระบบออนไลน์ หรอื จาหน่าย
ในสถานท่รี าชการ ฯลฯ
- ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของการปฏิบัตงิ านตามนโยบายของรฐั บาล
1. เนื่องจากบ้านแก้งขอ เป็นพื้นท่ีชนบท ห่างไกลจากตัวอาเภอ 20 กิโลเมตร และ
หา่ งจากตัวจังหวดั 100 กวา่ กโิ ลเมตร ชาวบ้านท่ีอาศัยอยู่ในหมบู่ ้านสว่ นใหญเ่ ป็นผู้สงู อายุ และวัยท่ีย่างเข้าสู่
ผู้สูงอายุ ชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ทาให้มีปัญหาด้านการใช้ส่ือ และเทคโนโลยี การรับรู้ข้อมูล
ข่าวสารส่ือสารค่อนข้างล่าช้า ไม่มีอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ท่ีเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ส่งผลให้
ชาวบ้านแก้งขอ ขาดโอกาส ขาดการเข้าถึงโครงการ หรือ นโยบายของรัฐบาล ประกอบกับความเร่งด่วน
ข้อจากัด ในการจัดทาโครงการของรัฐบาลมีระยะเวลาจากัด เช่น โครงการคนละคร่งึ โครงการนาแปลงใหญ่
ฯลฯ
16
ภาคผนวก
❖ ซักซอ้ มความเข้าใจกบั คณะทางานอาเภอนาจะหลวยกอ่ นลงพน้ื ท่เี กบ็ รวบรวมขอ้ มลู
17
❖ ลงพน้ื ท่เี กบ็ รวบรวมขอ้ มลู และสัมภาษณช์ าวบา้ นแก้งขอ หมู่ท่ี 6
18
❖ รปู ภาพฝายยาง ลาโดมใหญ่ บา้ นแกง้ ขอ หมู่ท่ี 6 ตาบลพรสวรรค์
19
❖ รปู ภาพ กล่มุ โค – กระบอื บา้ นแกง้ ขอ หมู่ท่ี 6 ตาบลพรสวรรค์
20
❖ รปู ภาพกล่มุ สมั มาชพี เครื่องจกั สาน บา้ นแกง้ ขอ หม่ทู ี่ 6 ตาบลพรสวรรค์
21
❖ รปู ภาพ ครัวเรอื นปลกู ผักสวนครวั รั้วกนิ ได้
รายงานการเรยี นรู้เชิงปฏบิ ัติการ (Action Learning)
บา้ นโนนสุวรรณ หมูท่ ี่ 2 อาเภอหว้ ยแถลง
จังหวัดนครราชสีมา
จัดทาโดย
กล่มุ ปฏบิ ตั กิ ารที่ 9 (กป. 9)
นางอมรรตั น์ กรงึ ไกร นายอาเภอมหาราช จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
นางสาวทิพวรรณ มดั จปุ ะ คลังจงั หวัดชลบุรี
นายบุญสงํ ไชยมณี หวั หนา๎ สานกั งานจงั หวดั ลาพนู
นายอาเภอหว๎ ยแถลง จงั หวัดนครราชสมี า
นายเดชฤทธ์ิ ถติ ย์ฉาย นายอาเภอเก๎าเล้ยี ว จงั หวัดนครสวรรค์
นายสรณต ณ ศรีโต พฒั นาการจงั หวัดอุบลราชธานี
นายคมกริช ชนิ ชนะ เจ๎าพนกั งานทีด่ นิ จังหวัดพงั งา
นายสมดาว โลหกจิ โยธาธกิ ารและผังเมอื งจงั หวัดอุทัยธานี
นายสุวิทย์ เถื่อนนอ๎ ย ผอู๎ านวยการสานกั อทุ ยานแหํงชาติ
กรมอทุ ยานแหํงชาติ สตั ว์ปุา และพนั ธพ์ุ ชื
นายดารัส โพธิ์ประสทิ ธ์ิ ผูอ๎ านวยการกองคดีความผิดเก่ียวกับการเสนอราคา
ตํอหนวํ ยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดพี ิเศษ
ร.ต.อ.สรุ วฒุ ิ รังไสย์
รายงานนเ้ี ปน็ ส่วนหนึ่งของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ท่ี 77
สถาบันดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศกั ราช 2564
คานา
รายงานการเรียนร๎ูเชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ของบ๎านโนนสุวรรณ หมํูที่ 2
ตาบลหลุํงประดํู อาเภอหว๎ ยแถลง จงั หวดั นครราชสีมา จัดทาขึ้นโดย นักศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูง
รุํนที่ 77 กลุํมปฏิบัติการที่ 9 (กป 9) ได๎ศึกษาข๎อมูลเชิงลึกของชุมชนตั้งแตํภูมิสังคมและวิถีชีวิตของชุมชน
ระบบการบรหิ ารจัดการชุมชน ตลอดถึงการเรียนร๎ูนโยบายภาครัฐและผลกระทบตํอการพัฒนาของหมูํบ๎าน
โนนสุวรรณ หมูํท่ี 2 ซึ่งคณะนักศึกษากลํุมปฏิบัติการที่ 9 ได๎เก็บรวบรวมข๎อมูลโดยใช๎แบบสอบถาม
การสัมภาษณ์ผู๎นาชุมชน การพูดคุยกับชาวบ๎านแบบไมํเป็นทางการ รวมถึงการศึกษาข๎อมูลทางเอกสาร
การสังเกตภูมิสังคม และสภาพแวดล๎อมท่ัวไปจนสรปุ ได๎เปน็ เอกสารรายงานในแบบรูปเลํมท่ีสมบูรณ์นี้
คณะผู๎จดั ทาหวงั เป็นอยํางย่ิงวํารายงานการเรียนร๎ูเชิงปฏิบัติการ (Action Learning) เลํมนี้
จะเป็นประโยชนส์ าหรับหนวํ ยงานท่มี สี ํวนรับผดิ ชอบในการพัฒนาชุมชนบ๎านโนนสวุ รรณ หมทํู ี่ 2 ตาบลหลุํงประดูํ
อาเภอห๎วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได๎เป็นอยํางดี เพราะข๎อมูลท่ีได๎เป็นข๎อเท็จจริงและความต๎องการ
ของชุมชนรวมถึงการให๎ข๎อเสนอแนะจากบุคคลภายนอกท่ีได๎พบเห็น ประมวลสังเคราะห์เป็นแผนงาน
/ กจิ กรรมการพัฒนา สาหรับชมุ ชนไว๎ดว๎ ยแล๎ว
คณะผจ๎ู ดั ทา
นกั ศกึ ษาหลักสตู รนักปกครองระดับสงู รํนุ ที่ 77
กลํมุ ปฏิบัตกิ ารที่ 9 (กป9)
สารบญั หน้า
1-14
สว่ นท่ี 1 กรอบการเรียนรูด้ ว้ ยประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ตั ิงาน (Action Learning) 1-2
• การศกึ ษาเรยี นร๎ูภูมสิ งั คมและวิถชี วี ิตของชมุ ชน
• การศกึ ษาเรียนรร๎ู ะบบการบรหิ ารจดั การชมุ ชน 3-12
• การศึกษาเรียนรน๎ู โยบายภาครัฐและผลกระทบตํอการพฒั นาของชุมชน 13-14
15-25
สว่ นท่ี 2 ประเดน็ การพัฒนาของชมุ ชน
• ระดับการพฒั นาของหมบํู า๎ น 15-19
• สดั สวํ นจานวนครวั เรือนท่ีไมพํ ออยพํู อกิน 19
• ประเมนิ โอกาสและความเสย่ี งของชมุ ชนและครัวเรอื นยากจน 19-24
• สรปุ บทเรียนท่ีไดร๎ บั ในดา๎ น
25
ส่วนท่ี 3 การร่วมคดิ กจิ กรรมการพัฒนารว่ มกบั ชุมชน 25-26
• ความเสี่ยงท่ไี มมํ ีชวี ติ ทม่ี นั่ คงของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน 25
• กจิ กรรมการพฒั นาเพ่อื แก๎ไขปญั หาของหมบํู ๎าน
26
ภาคผนวก
แบบสารวจข๎อมลู จปฐ. ปี 2564
-1-
ส่วนท่ี 1
กรอบการเรียนรูด้ ้วยประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ตั งิ าน (Action Learning)
1. ภมู ิสงั คมและวิถีชวี ิตของชุมชน
1.1 ประวัติความเปน็ มา
บ๎านโนนสวุ รรณ หมํทู ่ี ๒ ตาบลหลงุํ ประดูํ อาเภอหว๎ ยแถลง จังหวัดนครราชสีมา กํอต้ังขึ้นเม่ือปี
พ.ศ.๒๔๖๒ ชาวบ๎านสํวนใหญํได๎อพยพมาจาก
อาเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ มาตั้งเป็นหมูํบ๎าน
เลก็ ๆ โดยอาศยั ลาหว๎ ยฉมวกเพือ่ ทาการเกษตร และ
อปุ โภคบริโภค ตั้งช่อื วาํ บ๎านโนนขี้ตุํน ข้ึนกับอาเภอ
พิมาย ตํอมาพระครูศรีสุทธิพรตธารง เจ๎าคณะ
อาเภอ ในสมยั นั้นได๎ต้ังชื่อหมูํบ๎านใหมํวํา บ๎านโนน
สุวรรณ แล๎วขึ้นเขตปกครองเป็นบ๎านโนนสุวรรณ
หมูํท่ี ๒ ตาบลหลุํงประดํู อาเภอห๎วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายเพ็ง แสนเมือง เป็นผู๎ใหญํบ๎าน
คนแรก ผ๎ใู หญบํ า๎ นปจั จบุ นั คือนายจาลอง กลางสวัสด์ิ
ทาเนยี บผใู๎ หญํบา๎ นโนนสวุ รรณ หมทํู ี่ ๒
1. นายเพง็ แสนเมอื ง ปี พ.ศ.2465
2. นายสุบนิ เย๎ยไธสง ปี พ.ศ.2476
3. นายยา ศรคี ูณ ปี พ.ศ.2500
4. นายเมา๎ รุํงเปาู ปี พ.ศ.2514
5. นายเสงีย่ ม แถวไธสง ปี พ.ศ.2528
6. นายองอาจ ยุระปกั ษ์ ปี พ.ศ.2529
7. นายทวี แสนเมือง ปี พ.ศ.2542
8. นายจาลอง กลางสวัสด์ิ ปี พ.ศ.2552 - ปัจจบุ ัน
1.2 อาณาเขตติดตอ่ ตาบลหลุํงประดํู อาเภอห๎วยแถลง
ทศิ เหนือ ติดตอํ บ๎านโคกสาราญ ตาบลหนิ ดาด อาเภอหว๎ ยแถลง
ทิศใต๎ ตดิ ตํอบา๎ นตะครอ๎ เหนอื ตาบลหลุงํ ประดูํ อาเภอห๎วยแถลง
ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอํ บ๎านหนองแสง ตาบลหินโคน อาเภอจกั ราช
ทศิ ตะวันตก ติดตอํ บา๎ นโนนเสมา
-2-
แผนทีห่ มู่บ้าน
1.3 ลกั ษณะภูมิประเทศและพืน้ ท่ี
บ๎านโนนสุวรรณ หมํูที่ ๒ ตาบลหลุํงประดูํ เป็นพื้นท่ีราบลุํมเหมาะแกํทาการเกษตร
มีทรัพยากรธรรมชาติ มีปาุ ชุมชน มีอาํ งเกบ็ น้าลาฉมวก ลาหว๎ ยหลงุํ พาน คลองอีสานเขียว เป็นแหลํงน้าเพ่ือใช๎
ในการเกษตร มพี ้นื ทที่ ้ังหมด 4,060 ไรํ แบํงเป็น พ้ืนที่อยํูอาศัย 150 ไรํ พื้นที่การเกษตร 3,872 ไรํ พ้ืนท่ี
สาธารณะ 38 ไรํ
1.4 การคมนาคม
การคมนาคมของบ๎านโนนสุวรรณ หมทูํ ่ี ๒ มีถนนสายหลักคือ ถนนลาดยางเสน๎ หนิ ดาด – พมิ าย
และถนนคอนกรีตเส๎นหลํงุ ประดํู – โนนเสมา ต.หินโคน อ.จกั ราช จ.นครราชสีมา
1.5 การโทรคมนาคมและระบบสาธารณปู โภค
๑. จานวนครัวเรือนทม่ี ีไฟฟาู /ประปาใชใ๎ นเขตหมูบํ า๎ นหนองมวํ ง ๒๐๒ ครัวเรอื น มไี ฟฟูาประปา
ใช๎ครบทกุ หลังคาเรอื น
๒. จานวนบา๎ นทม่ี โี ทรศพั ท์มอื ถอื ครบทกุ ครัวเรอื น
๓. จานวนหอกระจายขําว ๑ แหํง
-3-
2. ระบบการบริหารจัดการชมุ ชน
มคี ณะกรรมการหมูบํ า๎ น มกี ารแบงํ หนา๎ ที่ความรับผิดชอบให๎คนในชุมชนรับผิดชอบในแตํละด๎าน เชํน
ด๎านอานวยการ ด๎านการปกครอง ด๎านแผนพัฒนาหมํูบ๎าน ด๎านสํงเสริมเศรษฐกิจ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีระบบ
ผ๎นู าค๎ุม เปน็ แกนนาในชุมชน ไวค๎ อยประสานงานตาํ ง ๆ ดงั นี้
2.1 คณะกรรมการหม่บู ้าน(กม.)
ดา๎ นอานวยการ
ดา๎ นการปกครองและรกั ษาความสงบเรียบรอ๎ ย
ดา๎ นแผนพฒั นาหมูํบ๎าน ดา๎ นสงํ เสรมิ เศรษฐกิจ
-4-
ดา๎ นสงั คม สิ่งแวดล๎อม และสาธารณสุข
ด๎านการศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
-5-
2.2 ผู้นา / แกนนาในชุมชน
บ๎านโนนสวุ รรณ หมูํท่ี ๒ แบงํ การปกครองออกเปน็ ๑๐ คุม๎ มีรายละเอียดดังน้ี
คุม๎ ที่ ๑ มะเฟืองสามคั คี คุม๎ ท่ี ๒ ประชารํวมใจพัฒนา
หวั หนา๎ คุ๎มนายสมควร เหวนอก หวั หน๎าค๎มุ นายอดิศักด์ิ บวั นาค
จานวนครวั เรือน 22 ครวั เรอื น จานวนครัวเรอื น 20 ครัวเรอื น
ค๎ุมที่ ๓ รงุํ อรณุ สามคั คี คม๎ุ ท่ี ๔ สายธารน้าใจ
หัวหนา๎ คุ๎มนายบุญศิลป์ ทวรรณกลุ หวั หน๎าค๎มุ นายสาธติ พุม๎ บัญฑิต
จานวนครัวเรือน 14 ครัวเรอื น
จานวนครัวเรือน 21 ครวั เรือน
-6-
คุม๎ ท่ี ๕ รวมใจสามัคคี คมุ๎ ท่ี 6 รกั ษส์ ามัคคี
หวั หน๎าคมุ๎ นายกิตติภณ ผอํ งแผ๎ว หัวหน๎าค๎มุ นายสวุ รรณ เคนาราช
จานวนครวั เรอื น 19 ครัวเรอื น จานวนครวั เรอื น 20 ครัวเรือน
คุม๎ ที่ ๗ สร๎างสรรคพ์ ฒั นา คม๎ุ ท่ี ๘ รมํ ฤดีพัฒนา
หัวหนา๎ คุ๎ม นายดิเรก แจง๎ ไสว หวั หน๎าค๎มุ นายพนม ราชวงศ์
จานวนครวั เรอื น 24 ครวั เรือน จานวนครัวเรอื น 14 ครัวเรอื น
คุม๎ ที่ 9 ประมงพัฒนา คม๎ุ ท่ี ๑๐ พรหมวดี
หัวหน๎าค๎ุม นายแปว๋ นาคพะเนาว์ หวั หน๎าคม๎ุ นายมงคล ปดั ตาเทสัง
จานวนครวั เรือน 16 ครวั เรือน
จานวนครวั เรือน 18 ครัวเรอื น
-7-
สมาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสวํ นตาบลหลงุํ ประดูํ
๑.นายสัมฤทธ์ิ ปิตตาละคะ ๒.นายสวสั ดิ์ พรหนองแสน
รายช่อื อาสาพฒั นาชุมชน (อช./ผู๎นา อช.) ๒. นางหนพู ิศ กลางสวัสด์ิ
๑. นางสุภี หาค๎ุมคลงั ๔. นายุสชาติ ยุระปักษ์
๓. นายพิจติ ร ยุระปักษ์
รายชื่อคณะกรรมการพฒั นาสตรหี มํูบ๎าน 2. นางเพญ็ จันทร์ แชํนา
1. นางสมพร จาปามลู 4. นางสวนิ เกนาราช
3. นางทองจันทร์ กลางสวัสด์ิ 6. นางสมุ ลทา รํุงเปูา
5. นางเติม เหลาสา 8. นางบาง หงวนไธสง
7. นางสุกี หาค๎ุมคลงั 10.นางทองสุข ไลไธสง
9. นางบุญธรรม แสนเมือง 12.นางวงค์ ผอํ งแผ๎ว
11.นางหนพู ิศ กลางสวัสด์ิ
รายชือ่ คณะกรรมการกองทนุ พัฒนาบทบาทสตรี 2. นางละมยั เสาะไธสง
1. นางสามนิ ี พมิ พา 4. นางสาวพณารตั น์ พลไธสง
3. นางสมพร จาปามูล 6. นางสาวพรสดุ า พิมพา
5. นางทองออํ น ไสยรส 8. นางประมวล ยรุ ะปกั ษ์
7. นางสมจิตร ทวรรณกุล 10.นางศริ ประภา จรติ รัมย์
9. นางสนม การงาน
รายชือ่ อสม. ๒.นางสมพร จาปามูล (รองประธาน)
๑.นางสุภี หาคมุ๎ คลัง (ประธาน) ๔.นางทองสขุ ไลไธสง (ผู๎ชํวยเลขานกุ าร)
๓.นางสุมลทา รํงุ เปาู (เลขานกุ าร) ๖.นางจาปา ปตั ตายะโส (ฝุายทะเบยี น)
๕.นางรัชนี จนั ทวงษ์ (เหรัญญกิ ) ๘.นางบาง หงวนไธสง (กรรมการ)
๗.นางฉออ๎ น ชัยรัตน์ (ฝุายประชาสัมพันธ์) ๑๐.นางทองจนั ทร์ กลางสวสั ด์ิ(กรรมการ)
๙.นางหนพู ิศ กลางสวสั ดิ์(กรรมการ) ๑๒.นางยพุ นิ สะทักรัมย์ (กรรมการ)
๑๑.นายพิจิตร ยุระปกั ษ์ (กรรมการ) 14.นางเตมิ เหลาสา (กรรมการ)
๑3.นางถวลิ หํอไธสง (กรรมการ) 16.นางหยุน ชัยรัตน์ (กรรมการ)
15.นางเตมิ เหลาสา (กรรมการ)
รายช่ืออาสาสมัครเกษตรหมูบํ ๎าน -8-
1. นายพิจิตร ยรุ ะปักษ์
3. นางสุภาพร แจง๎ ไธสง 2. นางสมุ ลทา รุํงเปูา
5. นายสงาํ สุโพธ์ิคา 4. นายชาญชยั ทองทับ
6. นางรชั นี จนั ทรวงษ์
2.3 ประชากร
๑. จานวนประชากรท่ีอาศัยอยูํจริง จานวน ๒๐๒ ครัวเรือน ประชากร 537 คน
จาแนกเป็นชาย 250 คน หญงิ 287 คนตามขอ๎ มลู จปฐ. ปี ๒๕๖4
๒. จานวนประชากรของบา๎ นโนนสุวรรณ หมทํู ี่ ๒ ท่ีอาศัยอยํูจริง ณ วันสารวจ จาแนกตามชํวง
อายุจากผลการจัดเกบ็ ข๎อมลู ความจาเป็นพื้นฐาน (จปฐ. ปี ๒๕๖๔)
ชว่ งอายุ เพศชาย เพศหญิง รวม
คน ร้อยละ คน รอ้ ยละ คน รอ้ ยละ
1 เดือน – 5 เดือน 1 0.19 1 0.19 2 0.37
6 เดือน – 1 ปี 0 เดือน 3 0.56 3 0.56 6 1.12
1 ปี 1 เดือน – 2 ปี 5 0.93 1 0.19 6 1.12
3 ปี – 5 ปี 6 1.12 7 1.30 13 2.42
6 ปี – 12 ปี 27 5.03 23 4.28 50 9.31
13 ปี – 14 ปี 7 1.30 10 1.86 17 3.17
15 ปี – 18 ปี 15 2.79 16 2.98 31 5.77
19 ปี – 25 ปี 10 1.86 18 3.35 28 5.21
26 ปี – 34 ปี 12 2.23 15 2.79 27 5.03
35 ปี – 49 ปี 41 7.64 45 8.38 86 16.01
50 ปี – 59 ปี 55 10.24 67 12.48 122 22.72
60 ปี ขน้ึ ไป 68 12.66 81 15.08 149 27.75
250 46.55 287 53.45 537 100
รวม
หมายเหตุ * จานวนประชากรทีอ่ าศยั อยูํจรงิ จากการสารวจน้ี อาจไมํเทาํ กบั จานวนประชากรที่มีอยํูใน
ทะเบียนบา๎ นได๎
-9-
2.4 รายได้เฉล่ยี ของประชากร
รายไดเ๎ ฉลี่ยของประชากร (ตามขอ๎ มลู จปฐ. ปี ๒๕๖๔) จานวน 55,721 บาท/คน/ปี
ครัวเรือนยากจน (รายไดไ๎ มถํ งึ ๓๘,๐๐๐ บาท/คน/ปี) ปี ๒๕๖๔) จานวน ๒๐ครัวเรอื น
2.5 สภาพทางเศรษฐกจิ /การประกอบอาชีพ
สภาพทางเศรษฐกิจ
รายไดร้ วมทัง้ หมดของหมบู่ า้ น จานวน ๓๕,๒๙๒,๕68 บาท ( จปฐ. ปี 25๖๔ )
รายไดเ้ ฉลีย่ ตอ่ คนต่อปี จานวน 6๕,7๒1.๗๓ บาท ( จปฐ.ปี 25๖๔ )
แหล่งรายได้ของครวั เรือน(บาท/ป)ี
- แหลงํ รายได๎จากอาชีพหลกั จานวน ๑๒,๙๑๐,๘๙๘ บาท
- แหลํงรายได๎จากอาชพี รอง จานวน ๑๐,๓๘๕,๗๗๐ บาท
- รายได๎อืน่ จานวน ๗,๑๑๒,๐๐๐ บาท
- ทา – หาเอง จานวน ๔,๘๘๓,๙๐๐ บาท
รายจ่ายรวมของหมูบ่ า้ น จานวน ๒๑,๕๙๖,๒๕๖ บาท ( จปฐ.ปี 25๖๔ )
รวมรายจ่ายท้ังหมด(เฉลี่ยตอ่ คน) จานวน ๔0,๒๑๖,4๙ บาท
รวมรายจา่ ยท้ังหมด(เฉลย่ี ตอ่ ครัวเรือน) จานวน ๑๐๖,๙๑๒,๑๖ บาท
รายจ่ายของครวั เรอื น(บาท/ป)ี
- รายจาํ ยจาเป็น จานวน ๘,๖๑๖,๕๒๐ บาท
- รายจํายไมํจาเป็น จานวน ๒,๔๓๕,๓๕๖ บาท
หน้ีสนิ จานวน ๕,๙๑๐,๑๐๐ บาท
อาชีพหลักของหมูํบ๎านโนนสุวรรณ ชาวบ๎านสํวนใหญํจะประกอบอาชีพเกษตรกรรม เชํน
ทานา ปลกู ผัก ในสํวนของกลํุมอาชพี ทส่ี ามารถสร๎างรายได๎ให๎แกํคนในชุมชนก็จะได๎แกํ กลํุมทอผ๎า กลํุมปลูกผัก
กลํุมจักสาน กลุมํ เลี้ยงโค กลมุํ ขนมไทย
- อาชพี ทานา ทาไรํ ๒๙๖ คน
- อาชีพรับจ๎าง ๗๒ คน
- อาชีพคา๎ ขาย ๙ คน
- อาชพี รบั ราชการ ๕ คน
- 10 -
ประเภทอาชีพ เพศชาย เพศหญิง รวม
คน ร้อยละ คน รอ้ ยละ คน รอ้ ยละ
กาลังศกึ ษา 60 11.17 61 11.36 121 22.53
ไมํมอี าชีพ 11 2.05 13 2.42 24 4.47
เกษตร - ทานา 130 24.21 166 30.91 296 55.12
เกษตร - ทาไรํ 1 0.19 1 0.19 2 0.37
เกษตร – ทาสวน 0 0.00 0 0.00 0 0.00
เกษตร – ประมง 0 0.00 0 0.00 0 0.00
เกษตร – ปศสุ ัตว์ 0 0.00 0 0.00 0 0.00
พนกั งาน - รบั ราชการ 2 0.37 3 0.56 5 0.93
พนกั งาน – รัฐวสิ าหกจิ 0 0.00 0 0.00 0 0.00
พนกั งานบริษทั 2 0.37 3 0.56 5 0.93
รบั จ๎างท่วั ไป 39 7.26 33 6.15 72 13.41
ค๎าขาย 5 0.93 4 0.74 9 1.68
ธุรกิจสํวนตวั 0 0.00 0 0.00 0 0.00
อาชีพอนื่ ๆ 0 0.00 3 0.56 3 0.56
รวม 250 46.55 287 53.45 537 100
- 11 -
2.6 ประเพณี / วัฒนธรรม
บ๎านโนนสุวรรณ หมํูท่ี 2 ชาวบ๎านสํวนใหญํนับถือศาสนาพุทธ โดยทุกวันพระหรือวันสาคัญ
จะไปทากจิ กรรม/ไปทาบุญที่วัดทองพนมวัน ซึ่งตั้งอยูํที่บ๎านโนนสุวรรณ และมีวัฒนธรรม ประเพณีเทศกาล
ทสี่ าคัญตํางๆ ดงั น้ี
เดือน ประเพณี/เทศกาล
มกราคม วนั ขนึ้ ปใี หมํ
กมุ ภาพนั ธ์ บญุ ขา๎ วจี่
มีนาคม เทศนม์ หาชาดก
เมษายน ประเพณีสงกรานต์
พฤษภาคม บุญเบกิ ฟูาหรอื บญุ หลกั บ๎าน
มิถนุ ายน วิสาขบชู า
กรกฎาคม บญุ เขา๎ พรรษา
เดอื น ประเพณ/ี เทศกาล
สงิ หาคม กิจกรรมวันแมํ
กนั ยายน ประเพณีขา๎ วประดับดิน
ตุลาคม เทศกาลวนั ออกพรรษา
พฤศจิกายน งานบุญกฐิน , ลอยกระทง
ธนั วาคม ทาบญุ วันสิน้ ปี
2.7 ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน
ท่ี ชอ่ื - นามสกลุ อายุ บ๎านเลขท่ี ลักษณะเดํน
๑ นางทองลว๎ น เหวนอก 65 289 มดั หม่ี
๒ นางเวียง ไธสง 70 113 ทอผา๎ ไหม
3 นางบาง หงวนไธสง 62 107 ทอผา๎ ไหมพนื้ เมือง
4 นายสมร ชาติดี 63 79 ยาแกผ๎ ิดสาแดง
5 นายสมจิตร นนท์ศรีราช 70 103 หมอสขูํ วัญ
6 นางสภุ ี หาค๎ุมคลัง 47 77 ปลกู ผกั
2.8 ขอ้ มูลทรพั ยากร - 12 -
ชอ่ื แหลงํ ทรพั ยากรธรรมชาติ ลักษณะการใชป๎ ระโยชน์
ลาฉมวก ทาการเกษตร / แหลงํ ทํองเทย่ี ว
ลาหว๎ ยหลํุงพาน ประปาหมบูํ า๎ น
ปาุ สาธารณประโยชน์ เก็บเห็ดบริโภค
2.9 แหล่งท่องเทีย่ ว
๑. อาํ งเกบ็ น้าลาฉมวก ชลประทาน เปน็ จดุ ชมววิ ดอกบัว
2. ลาห๎วยหลํงุ พาน 4. ศาลปตุู า
2.
4. ไทรงามศาล ปุู-ตา
3. ปาุ ชมุ ชน 5. วดั ทองพนมวนั (หลวงพอํ แหวนเพชร)
- 13 -
3. นโยบายภาครัฐและผลกระทบตอ่ การพฒั นาของชมุ ชน
พ้ืนที่บ๎านโนนสุวรรณ หมูํท่ี 2 ตาบลหลุํงประดํู เป็นพ้ืนท่ีราบลุํมเหมาะแกํทาการเกษตร
มที รพั ยากรธรรมชาติ มีปาุ ชุมชน มีอํางเกบ็ นา้ ลาฉมวก ลาห๎วยหลํุงพาน คลองอสี านเขียว เป็นแหลํงน้าเพ่ือใช๎
ในการเกษตร โดยอํางเกบ็ นา้ ลาฉมวก(เขตชลประทาน) มีนโยบายในการจัดการพ้ืนท่ีแหลํงน้า พ้ืนที่บ๎านโนน
สุวรรณ ท้ังนี้ในการดาเนินการนโยบายและการปฏิบัติการ ได๎มีการหารือแนวทางรํวมกับชุมชนอยํูเสมอๆ
เพื่อให๎เป็นไปในทิศทางเดยี วกนั เชนํ กรณกี ารขยายเขตพน้ื ท่ชี ลประทาน ผํานบริเวณพน้ื ทีค่ รวั เรอื นต๎นแบบ
รวมถึงการมนี โยบายสํงเสริมการพัฒนาหมูํบา๎ นและชมุ ชนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
สร๎างกระบวนการเรยี นร๎ูปละการมีสํวนรํวมของคนในชมุ ชนในหลายๆมิติ เชํน โครงการเสริมสร๎างและพัฒนา
ผ๎ูนาการเปลย่ี นแปลง ตาบลหลํงุ ประดํู (ปีงบประมาณ พ.ศ.2564)
หนํวยงานท่เี กีย่ วข๎องในการสํงเสริมการพัฒนาในพน้ื ที่
1. กระทรวงมหาดไทย ได๎แกํ กรมการปกครอง, กรมการพัฒนาชุมชน, กรมสงํ เสริมการปกครอง
สวํ นทอ๎ งถนิ่
2. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได๎แกํ กรมชลประทาน
3.1 การบริหารจัดการชมุ ชนและปัญหาของส่วนรวม
บา๎ นโนนสวุ รรณ ได๎นอ๎ มนาแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดาเนินชีวิต โดยยึด
หลัก การอยํูอยํางพอประมาณ พอเพยี ง ในการดาเนินชีวิต ไมํใช๎จํายฟุมเฟือย การมีเหตุผลในการดาเนิน
ชีวิต คือมีความรอบคอบระมัดระวังในการดาเนินชีวิต และมีการสร๎างภูมิค๎ุมกันให๎กับตนเองและชุมชน
การประพฤติปฏิบัติตนตามคุณธรรมของศาสนา โดยมีความเอ้ือเฟ้ือ เผื่อแผํ ละเว๎นอบายมุข เสียสละ
เห็นแกปํ ระโยชนส์ ํวนรวมโดยให๎คนในชุมชนได๎เรยี นรู๎และพงึ่ ตนเองให๎มากที่สุด การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงมาปรับใช๎ในวิถชี ุมชน และพฒั นาตนเองไปสหูํ มบํู า๎ นเศรษฐกิจพอเพยี งนั้น สามารถสรุปได๎ดงั น้ี
(1) ภมู ปิ ญั ญาของชมุ ชน มีภมู ปิ ญั ญาในการประกอบอาชพี ทานา ทาไรํ ปลกู ผัก และการหาอยํู
หากินการจับปลา การปลูกผัก การมัดหมี่ทอผ๎าไหม ได๎มีการถํายทอดภูมิปัญญาจากรํุนสํูรุํนจนสามารถ
ประกอบอาชีพมาโดยตลอด
(2) วิถีชุมชนชาวบ๎านมีความเป็นอยํูท่ีเรียบงําย อาศัยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยํูอยํางอุดม
สมบรู ณท์ ามาหากิน มีการรักษาขนมธรรมเนียมประเพณี ความรักความสามัคคีในชมุ ชน ทาให๎หมํูบา๎ นอยูอํ ยํางสงบ
(3) การประกอบอาชีพเกิดจากภูมปิ ญั ญาของชุมชน ถํายทอดภูมปิ ัญญาสํูลูกหลานได๎ประกอบ
อาชีพหลักและอาชพี เสรมิ ทาให๎กํอเกิดรายได๎ในชุมชนเป็นอยํางมาก อาชีพหลักการทานา ทาไรํ อาชีพเสริม
คือการรวมกลํมุ อาชพี เชนํ กลุมํ ทอผา๎ ไหมมัดหมีย่ ๎อมสีธรรมชาตสิ เี คมี กลมํุ ปลกู ผักปลอดสารพษิ กลุํมเล้ียงโค
กลุํมจกั สาน กลํมุ ขนมไทย
(4) การออมในชุมชนเม่ือชุมชนมีรายได๎ทาให๎เกิดการออมในชุมชนรูปแบบตํางๆ เชํน
กลํมุ ออมทรพั ย์เพ่อื การผลติ กองทุนหมํูบ๎าน โครงการ กข.คจ.
- 14 -
(5) การเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ชุมชนมีภูมิปัญญา มีอาชีพ มีรายได๎ มีการออม ทาให๎เกิด
การเก้อื กูลกนั ในชมุ ชนระหวํางเครือญาตพิ น่ี ๎อง และการเก้ือกูลจากกลํุมองค์กรในหมํูบ๎าน เชํน สวัสดิการจาก
กลํมุ ออมทรพั ยเ์ พ่อื การผลติ กองทนุ แมํของแผนํ ดิน กองทนุ หมูบํ ๎าน ธนาคารขา๎ ว กลํมุ ประปา กลํมุ ปุาชมุ ชน
3.2 ขอ้ มูล กลมุ่ /กจิ กรรม / อาชพี /กองทุน มีจานวน 13 กลํุม ดังนี้
ท่ี ชอ่ื กลุม่ /องค์กร/กองทุน วนั เดือน ปี จานวน เงินทุน ชอื่ ประธาน
ทีจ่ ดั ตั้ง สมาชกิ
1 กลมุํ ออมทรพั ย์เพอื่ การผลิต 29 593 6,284,211 นายจาลอง กลางสวัสด์ิ
สิงหาคม
2539
2 กองทุนโครงการแกไ๎ ขปัญหา 2538 136 296,162 นายจาลอง กลางสวัสดิ์
183 5,418,000 นางสมุ ลทา รํุงเปูา
ความยากจน(กข.คจ.)
3 กองทุนหมูบํ ๎าน 2544
4 ธนาคารข๎าว 2539 ขา๎ ว 19,592 นายจาลอง กลางสวัสดิ์
ก.ก.
5 กองทุนฌาปนกจิ หมํบู า๎ น 2539 202 ครวั เรอื นละ นายจาลอง กลางสวัสดิ์
100 บาท
6 กองทุนปยุ๋ 2547 202 370,000 นายจาลอง หาคุ๎มคลงั
8 กลุํมปลูกผักปลอดสารพิษ 2558 93 33,945 นายพิจิตร ยรุ ปกั ษ์
9 กลํุมทอผ๎าไหมมัดหมี่ย๎อมสี 2546 7 45,000 นางบาง หงวนไธสง
เคมี และด๎าย
10 ก ลุํ ม ท อ ผ๎ า ไ ห ม ย๎ อ ม สี 2551 12 160,000 นางเวียง ไธสง
ธรรมชาติ
12 กองทุนประปาบ๎าน โนน 20 มีนาคม 322 110,529 นายสัมฤทธิ์ ปิดตาละ
สุวรรณ 2542 คะ
13 กองทนุ แมขํ องแผนํ ดนิ 2558 165 41,500 นายจาลอง กลางสวสั ดิ์
- การสงํ เสริมการดาเนินการตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ได๎รับการตอบรับในชุมชนน๎อย มีครัวเรือน
ต๎นแบบเพยี ง 1 ครัวเรือน
- มีกองทุนตําง ๆ จัดต้ังขึ้นในหมํูบ๎าน 17 กองทุน ปัจจุบันเหลือเพียง 13 กองทุน อีก 4 กองทุน
ต๎องยุตกิ ารดาเนินงาน เนื่องจากการบริหารจัดการของคนในชมุ ชน
- คนหนุํมสาวเรม่ิ เดินทางกลบั สํมู าตุภูมิ เนอ่ื งจากถูกเลกิ จ๎าง หรือประกอบอาชีพในตวั เมอื งอน่ื ๆ ไมํได๎
เนอื่ งจากไดร๎ บั ผลกระทบจากการแพรํระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (โควดิ – 19)
- 15 -
สว่ นท่ี 2
ประเดน็ การพัฒนาของชมุ ชน
1. ระดับการพฒั นาของหมบู่ ้าน
การวเิ คราะห์ข้อมูล จปฐ./ กชช.๒ค ของหมบู่ า้ น
จากการวิเคราะห์ข๎อมูล จปฐ. ปี ๒๕๖๒ แบบสารวจข๎อมูลเศรษฐกิจ สังคม ปี ๒๕๖๔ (ข๎อมูล ๓๕
สิงหาคม ๒๕๖๔) และจากเวทีประชาคมบ๎านโนนสุวรรณ พบวํามีตัวชี้วัดที่ตกเกณฑ์จานวน ๔ ตัวช้ีวัด
ซึ่งเรยี งลาดับจากมากไปน๎อยไดด๎ งั ตอํ ไปน้ี
ท่ี ตัวชว้ี ดั ท่ี เรอ่ื ง ไมผ่ า่ นเกณฑ์
จานวน (คน)
1 6 คนอายุ 35 ปขี ึ้นไป ได๎รับการตรวจสขุ ภาพประจาปี 3
2 7 คนอายุ 6ปีขึ้นไป ออกกาลังกายอยํางน๎อยสัปดาห์ ละ 2
3 วันๆ ละ 30 นาที
3 20 คนอายุ 15 – 59 ปี มอี าชีพและรายได๎ 20
4 21 คนอายุ 60 ปีขึน้ ไป มอี าชพี และรายได๎ 3
5 22 รายได๎เฉลย่ี ของคนในครวั เรอื นตอํ ปี 20
6 24 คนในครวั เรือนไมดํ ่ืมสุรา 52
7 25 คนในครัวเรอื นไมํสูบบุหรี่ 44
การวเิ คราะหข์ อ๎ มลู กชช.๒ค. และแบบสารวจขอ๎ มลู เศรษฐกิจ สังคม ปี 2564 (ข๎อมูล 25 สิงหาคม
2564)
บา๎ นโนนสุวรรณ จัดเป็นหมูํบา๎ นเรงํ รดั พัฒนาอันดับ 2
- ตวั ชวี้ ดั ทม่ี ปี ญั หามาก (ระดบั คะแนน ๑) จานวน 7 ตวั ชี้วดั
- ตวั ช้ีวัดทีม่ ีปัญหาปานกลาง (คะแนนระดบั ๒) จานวน 9 ตวั ช้ีวัด
- ตัวชี้วัดท่ปี ญั หาน๎อย/ไมํมี (คะแนนระดบั ๓) จานวน 11 ตัวชว้ี ดั รายละเอียดตวั ชว้ี ัด ดังนี้
- 16 -
ปัญหามาก ปัญหาปานกลาง ปญั หาน้อย
ขอ๎ ตวั ช้วี ดั ขอ๎ ตวั ชวี้ ัด ขอ๎ ตวั ช้วี ดั
4 นา้ เพอ่ื การเกษตร ๒ น้าดม่ื 1 ถนน
5 ไฟฟูา ๖ การมีทีด่ นิ ทากิน ๓ น้าใช๎
12 ผลผลติ จากการทาเกษตร ๗ การตดิ ตอํ สอื่ สาร ๗ การติดตํอสอื่ สาร
อน่ื ๆ
17 การกีฬา 8 การมงี านทา 10 ผลผลติ จากการทานา
19 อัตราการเรียนตํอของ 21 การมสี ํวนรํวมของชมุ ชน 11 ผลผลติ จากการทาไรํ
ประชาชน
28 คุณภาพน้า 22 การรวมกลํุมของชุมชน 15 ความปลอดภัยในการทางาน
32 ความปลอดภัยจากภัย 23 การเขา๎ ถึงแหลงํ เงนิ ทนุ 18 ระดับการศกึ ษาของประชาชน
พบิ ัติ
24 การเรยี นรู๎โดยชุมชน 20 การได๎รับการศกึ ษา
25 การได๎รับความคุ๎มครอง 26 คณุ ภาพดนิ
ทางสงั คม
31 ความปลอดภัยจากยาเสพติด
33 ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย จ า ก
ความเสีย่ งชมุ ชน
จากข๎อมูลสภาพท่ัวไปของหมํูบ๎าน ข๎อมูลจากการสารวจ จปฐ. กชช.๒ค. แบบสารวจข๎อมูล
เศรษฐกิจ สงั คม ปี 2564 (ข๎อมูล 25 สิงหาคม 2564) และขอ๎ มูลจากเวทีประชาคม นามาวิเคราะห์สภาพ
ปญั หา และแนวทางแก๎ไขรํวมกนั เพื่อพัฒนาหมํูบา๎ นเปน็ ดา๎ นตามความสาคัญ ดงั น้ี
- 17 -
ตารางแสดงสาเหตุของปญั หา/และแนวทางการแกไ๎ ข
ปญั หา สาเหตขุ องปัญหา แนวทางแก้ไข
ดา้ นเศรษฐกจิ
- ราคาผลผลิตขา๎ วตกตา่ - ต๎นทนุ สูง - สํงเสริมให๎ชาวบ๎านปลูก
- พอํ ค๎าคนกลางกดราคา ขา๎ วพนั ธุ์ดี
- ชาวบ๎านขาดความรู๎ความเข๎าใจ - สํงเสริมการรวมกลํุม
ในการผลติ ข๎าว ปลกู ข๎าว
- ผลผลิตทางการเกษตรยังไมํได๎ผลดี - คุณภาพดนิ ไมํมคี ุณภาพ - สํงเสริมการทาเกษตร
เทาํ ท่คี วร อนิ ทรีย์
- สํงเสริมการตรวจคําดิน
และปรบั ปรงุ ดนิ
- ผลิตภัณฑ์จากกลํุมอาชีพบางกลุํมยัง - ขาดความรู๎ความเข๎าใจอยําง - จั ด ก า ร ฝึ ก อ บ ร ม ใ ห๎
ไมํได๎มาตรฐาน ขาดความตํอเน่ืองและ เพียงพอ ค ว า ม ร๎ู ทั ก ษ ะ แ ล ะ
การพัฒนาทางเทคโนโลยี เชํน บรรจุ เทคโนโลยี
ภณั ฑ์
- ขาดวนิ ัยการใชเ๎ งนิ - พฤติกรรมการใช๎จํายทไี่ มํอดออม - ปรับทัศนคติและสร๎าง
จิตสานึกในการใชเ๎ งนิ
ด้านสังคม
- ยังคงมผี ด๎ู อ๎ ยโอกาส/ครัวเรือนยากจนอยูํ - ครั วเ รื อ นผ๎ู ด๎ อ ยโ อ ก าส เ ป็ น - จัดสวัสดิการชุมชนใน
ในชมุ ชน 1 ครัวเรอื น ผสู๎ ูงอายุไมํสามารถหารายได๎เองได๎ การชํวยเหลือครัวเรือน
และสภาพท่ีอยํูอาศัยชารุดทรุด ดงั กลาํ ว
โทรม
- ขาดการออกกาลังกายทเ่ี พียงพอ - ขาดความร๎ูความเข๎าใจปัญหา - จัดตง้ั กลุมํ กีฬาในชมุ ชน
สุขภาพ
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
- ปุาชุมชนถกู ทาลาย - ชาวบ๎านเข๎าไปตดั ไม๎ทาลายปาุ - ปลูกปุาทดแทน
- ต๎นไม๎ล๎มตายเอง ตาม - ออกกฎหมํูบ๎าน ห๎าม
ธรรมชาติ ชา ว บ๎ า น เ ข๎ า ไ ป ตั ด ไ ม๎
ทาลายปุา
- จัดต้ังกลํุมอาสาสมัคร
รกั ษ์ส่งิ แวดลอ๎ ม
- 18 -
- ปัญหาขยะ - ชาวบ๎านขาดจิตสานึกในการคัด - จัดกิจกรรมการคัดแยก
แยกขยะ ขยะ ขยะรไี ซเคิล
- ขาดสถานท่ีจัดเก็บขยะที่ถูก - จั ดโ คร งก าร หมํู บ๎า น
สุขลกั ษณะ ปลอดขยะ
ด้านความมั่นคงและความสงบเรยี บร้อย
- มจี ุดเสี่ยงในหมบูํ า๎ นหลายจุดเพราะเป็น - ยังคงมีจุดเสี่ยงท่ีอาจทาให๎เกิด - จัดต้ังหนํวยรักษาความ
ทางผํานระหวํางอาเภอ อนั ตรายตอํ คนในชุมชน ปลอดภยั ในการออกตรวจ
จุดเสย่ี งดงั กลําว
- ออกกฎของหมูบํ ๎าน
- เด็กแวน๏ รถจักรยานยนต์เสยี งดัง - ความคึกคะนองของเด็ก
ดา้ นการบรหิ ารจัดการ
- ขาดบุคลากรในการอบรมให๎ความร๎ูใน - ความรู๎ – ทักษะตํางๆที่คนใน - ห นํ ว ย ง า น ภ า ค รั ฐ
ดา๎ นทกั ษะตํางๆ ชุมชนอยากเรียนร๎ู คนในชุมชนไมํ สนับสนุนการอบรมและ
สามารถสอนกนั เองหรอื ถาํ ยทอดได๎ ทกั ษะทเ่ี กี่ยวข๎อง
ดา้ นสาธารณสขุ /สขุ ภาพ
- ยงั มบี างครัวเรือนท่ยี งั ติดสรุ า - ดื่มสุราทุกวันจนเป็นปัญหาของ - รณรงคใ์ ห๎ด่มื สุรานอ๎ ยลง
ครัวเรือน
- การพนัน - การเลนํ การพนนั ในงานศพ - รณรงค์และออกกฎ
หมํูบ๎าน
- ปญั หายงุ ลาย - มนี ้าขงั ตามภาชนะ และรํองน้าใน - จดั กิจกรรมทา ความ
หมูบํ า๎ น สะอาดรํองระบายน้า และ
ควา่ ภาชนะทีม่ นี า้ ขงั
ดา้ นโครงสรา้ งพ้นื ฐาน
- ถนนคอนกรีตในหมูํบ๎านยังไมํครบทุก - บางเส๎นทางในหมํูบ๎านยังเป็น - จั ด ท า แ ผ น แ ล ะ เ ส น อ
เส๎นทาง ดนิ ลกู รัง โครงการ ไปยงั อบต.
หลํุงประดูํ
- ถนนในหมูบํ า๎ นชารดุ เสียหาย - สภาพพ้ืนท่ีไมํอานวยตํอการ - จัดหางบประมาณเพื่อมา
กํอสรา๎ ง ซํ อ ม แซ ม ป รั บ ป รุ ง ค วา ม
เสยี หาย
- 19 -
- ไฟฟูาในการทาเกษตรไมํเพียงพอ - ภาคการเกษตรของหมํูบ๎าน - จั ด ท า แ ผ น แ ล ะ เ ส น อ
ต๎องการขยายเขตไฟฟูาเข๎า โครงการไปยัง อบต. หลํุง
แปลงนา ประดํู
- แสงสวาํ งบริเวณถนนชํวงกลางคืนยังไมํ - แส งส วํา งบ ริเ วณถน นใ น - จั ด ท า แ ผ น แ ล ะ เ ส น อ
เพียงพอ ห มูํ บ๎ า น ยั ง ไ มํ มี แ ส ง ส วํ า ง โครงการ อบต. หลุงํ ประดํู
เพียงพอ
- ขาดแคลนเงนิ ทนุ สาหรบั ปรับปรุงระบบ - ขาดแคลนระบบโซลําเซลล์ - จั ด ท า แ ผ น แ ล ะ เ ส น อ
ประปาหมบํู า๎ น โครงการ อบต. หลุงํ ประดํู
- ขาดทดี่ ินทากิน - พน้ื ทีท่ าการเกษตรไมํเพียงพอ - ตั้งกลํุมปลูกพืชปลอด
ส า ร พิ ษ แ ล ะ แ บํ ง พ้ื น ที่
สาธารณประโยชน์/คัน คู
คลอง ให๎กับครัวเรือนท่ีขาด
แคนท่ดี นิ ทากนิ
2. สัดส่วนจานวนครัวเรอื นที่ไมพ่ ออยพู่ อกิน
2.1 จากการวิเคราะหข์ อ๎ มลู จปฐ./กชช 2ค ปี 2562 แบบสารวจข๎อมูลเศรษฐกิจสังคม ปี 2564
และจากการจัดเวทีประชาคม บ๎านโนนสุวรรณ พบวํา ยังมีตัวช้ีวัดท่ีตกเกณฑ์ โดยมีตัวชี้วัดท่ีมีปัญหามาก
จานวน 7 ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัดท่ีมีปัญหาปานกลาง จานวน 9 ตัวช้ีวัด และตัวชี้วัดท่ีมีปัญหาน๎อย จานวน 11
ตัวชีว้ ัด
2.2 ผลจากการวิเคราะห์ จึงสรุปได๎วํา หมูํบ๎านโนนสุวรรณ เป็นหมํูบ๎านเรํงรัดพัฒนาอันดับสอง
(พออยํู พอกิน) มหี มูบํ า๎ นตกเกณฑ์ จปฐ. ท่ีไมํพออยพูํ อกิน จานวน 20 ครวั เรอื น
3. ประเมนิ โอกาสและความเส่ียงของชมุ ชนและครวั เรือนยากจน
บ๎านโนนสุวรรณ หมูํที่ ๒ ตาบลหลํุงประดํู ได๎น๎อมนาแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เคยเป็นหมํูบ๎านขยายผลเศรษฐกิจพอเพียงต๎นแบบ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และได๎มีการจัดเวทีประชาคม
เพ่ือจัดทาแผนชมุ ชน เพอื่ เป็นแนวทางในการพฒั นาชุมชน แตขํ าดความตํอเน่อื ง การดาเนินโครงการและการ
สนบั สนุนตํางๆ ลดระดับการสนับสนนุ สํงผลมาจากการเปล่ียนแปลงจากเศรษฐกิจ สงั คม ภยั พิบตั ิ และโรคตดิ
เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ระบาด
- 20 -
วิเคราะหศ์ ักยภาพหมู่บา้ น
ในการพฒั นาหมบูํ า๎ นโนนสวุ รรณ หมูํที่ ๒ ผน๎ู าชุมชน /ประชาชนในหมูํบ๎านได๎นาปัญหาตํางๆ
ของชมุ ชนที่ได๎จากการสารวจข๎อมลู จปฐ. และ กชช.๒ ค. รวมท้ังความคิดเห็นจากเวทีประชาคมมาวิเคราะห์
ปัญหาโดยอาศัยเวทีประชาคมของหมํูบา๎ นและการประชุมราษฎรท่ีดาเนนิ การเปน็ ประจาทุกเดือน โดยได๎นาข๎อมูล
มาสังเคราะห์มาใชใ๎ นการจัดทาแผนชมุ ชน ซง่ึ สามารถสรปุ สภาพของหมํบู า๎ น ตามเทคนิค SWOT ได๎ดังน้ี
จดุ แข็ง /ปัจจยั ภายใน จดุ อ่อน /ปัจจัยภายใน
๑. ผน๎ู าหมูํบ๎านที่เขม๎ แขง็ ๑. ประชาชนขาดความรูใ๎ นการประกอบอาชีพเสรมิ
๒. ชาวบา๎ นใหค๎ วามรํวมมืองานสวํ นรํวมเปน็ อยาํ งดี ๒. ขาดความรใ๎ู นเรือ่ งเทคโนโลยสี มยั ใหมํ
๓. มแี หลํงน้าที่อดุ มสมบรู ณ์ ๓. ประชาชนขาดความรู๎ในเร่ืองการจัดการทรัพยากร
๔. มแี หลงํ เงนิ ทุนในชมุ ชนท่ีเขม๎ แข็งเชํน ในชุมชน
กลมํุ ออมทรัพย์ฯ, กองทนุ หมบูํ ๎าน ๔. กลมุํ /ขาดความร๎ใู นการเชอื่ มโยงกิจกรรมกลมุํ
๖. มีศูนย์เรยี นร๎เู ศรษฐกิจพอเพยี ง ๕. ประชาชนยังขาดจิตสานึกในการพัฒนาตนเอง
๗. การมีสวํ นรวํ มของประชาชน และการเรยี นรู๎
๘. ประชาชนเป็นคนท๎องถ่ินด้ังเดิมมีความสัมพันธ์ 6. การดาเนินการซ้าซ๎อนของกลํุมองค์กรในชุมชน
กนั ในลักษณะเครอื ญาติ ท า ใ ห๎ ศั ก ย ภา พ ใ น ก า ร จั ด ก า ร ก ลุํ ม บ า ง ก ลุํ ม
๙. มีการประชุมประชาสัมพันธ์ข๎อมูลขําวสาร ไมํมีประสิทธภิ าพ
ในชุมชนอยํางเน่ือง 7. การมสี ํวนรํวมของคนในชุมชนในกจิ กรรมสาธารณะ
๑๐. มีภมู ิปญั ญาท๎องถิน่ หลากหลายเชนํ พธิ กี รรมทาง ของชมุ ชน
ศาสนา การทอผา๎ ไหม การจกั สานพ้นื บา๎ น หมอยา
พน้ื บ๎าน
๑๑. มีกลุมํ องค์กรในชมุ ชนทหี่ ลากหลาย
๑๒. มีการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีท่ีสาคัญ
เชนํ ประเพณบี ญุ คณู ลาน ประเพณีสงกรานต์ และ
การเล้ยี งผปี ตุู าประจาหมบูํ า๎ น
- 21 -
โอกาส /ปจั จัยภายนอก อุปสรรค /ปัจจยั ภายนอก
๑. ได๎รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองสํวน ๑. นโยบายรฐั เปล่ียนแปลงบํอยและขาดความตํอเน่อื ง
ทอ๎ งถนิ่ และภาคราชการ ภาคพี ฒั นาอืน่ ๆ ๒. เรื่องการเมืองกับการปกครองในท๎องถ่ิน (ทาให๎
๒. การไดร๎ บั คัดเลือกเปน็ หมูบํ า๎ นเศรษฐกจิ พอเพียง ชุมชนแตกแยก)
ต๎นแบบ 3. โครงการที่ภาครัฐสนับสนุนเป็นโครงการท่ีไมํตรง
๓. การพัฒนาศูนย์เรียนรู๎ชุมชนและเป็นเครือขําย กับปัญหาความต๎องการของคนในชุมชน
หมบํู ๎านเศรษฐกจิ พอเพยี งระดับอาเภอ 4. ภาวะเศรษฐกิจคําครองชีพสูง
๔. ผ๎นู าได๎รับการพัฒนาศักยภาพอยํางตํอเน่ืองเชํน 5. การคมนาคมไมสํ ะดวกถนนเปน็ หลมุ เปน็ บอํ
ผูน๎ าการเปลยี่ นแปลง ผนู๎ ากลํุมอาชีพ ฯ 6. สภาวะการเปลยี่ นแปลงของโลก
๕. ระบบการสอ่ื สารทที่ ันสมัยทาใหร๎ อบรู๎ 7. กระแสโลกาภิวัตน์ ทาให๎เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง
ทนั ขําวสารมากขึ้น เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง วฒั นธรรม
๖. มีข๎อมูลจปฐ., กชช. ๒คและข๎อมูลสารสนเทศ 8. ภยั ธรรมชาตแิ ละโรคระบาด
อ่ืนๆ ในการแก๎ปัญหาหมบํู ๎าน/ตาบล
ผลการวิเคราะห์ประเมินชมุ ชนจากเวทีประชาคม
จากข๎อมลู สภาพท่วั ไปของหมํูบ๎าน ขอ๎ มูลจากการสารวจ จปฐ. กชช.๒ค แบบสารวจข๎อมูล
เศรษฐกจิ สงั คม ปี 2564 (ขอ๎ มูล ณ 25 สงิ หาคม 2564) และข๎อมลู จากเวทีประชาคม นามาวิเคราะห์สภาพ
ปญั หา และหาแนวทางแกไ๎ ขรวํ มกนั เพอื่ พฒั นาหมูํบ๎านแบงํ เป็นดา๎ น ดงั น้ี
ด้าน แนวทางการพฒั นา กจิ กรรม/โครงการ
(จากแผนชุมชน)
ด้านเศรษฐกิจ
๑.ขาดความรูค๎ วามเขา๎ ใจ ๑.ให๎ความรู๎ อบรมสร๎าง ๑ . ส ร๎ า ง ศู น ย์ เ รี ย น ร๎ู เ ศ ร ษ ฐ กิ จ
๒.ขาดการประสานงาน ความเขา๎ ใจ พอเพียงประจาหมู/ํ ชุมชน
๓.ขาดงบประมาณ ๒.ตั้งทีมงานประจาหมูบํ า๎ น ตาบล ๒.สํงเสริมเศรษฐกิจพอเพียงใน
๓.ประสานขอรบั การสนับสนนุ ชมุ ชน
๓. สํงเสริมครัวเรือนต๎นแบบ
๔. ขยายผลกจิ กรรม
ด้านสังคม
๑.ขาดแบบอยํางที่ดีขาด ๑.สรรหาตน๎ แบบคนดีศรชี ุมชน ๑.สร๎างศูนย์เรียนรู๎ประจาหมูํบ๎าน/
ความอบอํุนในครอบครวั ๒.ใหค๎ วามรส๎ู ร๎างภูมคิ ม๎ุ กนั ในชมุ ชน ชุมชน
๒.มอบทุนการศึกษาแกํเด็กด๎อย
โอกาส
- 22 -
ดา้ นวัฒนธรรม
๑.ขาดการสืบทอดเยาวชน ๑ . จั ด โ ค ร ง ก า ร อ บ ร ม ถํ า ย ถ อ ด ๑.โครงการสืบสานประเพณี/
ไมสํ นใจวัฒนธรรมทอ๎ งถ่ิน วฒั นธรรมภมู ปิ ัญญา วัฒนธรรม
๒.จัดกิจกรรมการมีสํวนรํวมด๎าน ๒.โครงการอบรมเยาวชนสานึกรัก
วฒั นธรรม บา๎ นเกิด
ด้า นแ ก้ไ ขปั ญหา ควา ม
ยากจน
๑.ขาดการสงํ เสริมอาชีพ ๑.ให๎ความร๎ูด๎านการลดรายจําย เพ่ิม ๑.โครงการฝึกอาชพี แกํประชาชน
๒.สินค๎าราคาแพงมีรายได๎ รายได๎ ๒.จัดสวสั ดิการชมุ ชนสรา๎ งการออม
น๎อย ๒.สํงเสรมิ การพ่งึ พาตนเอง
ด้านการเรียนรู้
๑.ด๎อยโอกาสทางการศกึ ษา ๑.จัดหาทุนจากกลุํมองค์การในชุมชน ๑.สรา๎ งศูนย์เรียนรู๎ประจาหมํูบ๎าน/
๒.ไมเํ หน็ ความสาคัญ ให๎ความร๎ูและสํงเสริมกิจกรรมการมี ชุมชน
๓.การอพยพแรงงาน สวํ นรวํ มในชุมชน ๒.อบรมให๎ความรู๎กลุํมองค์กรใน
๒.สร๎า งกา รเรีย นรู๎ใ นชุมชนด๎วย ชมุ ชน
กระบวนการกลํุม ๓.ศึกษาดงู านหมูํบา๎ นตน๎ แบบ
ด้านสาธารณสขุ
๑.เกดิ มลภาวะเป็นพษิ ๑.ใหค๎ วามรเู๎ ร่อื งการปูองกนั แกไ๎ ข ๑.โครงการจดั การขยะในชมุ ชน
๒.ขาดงบประมาณสนับสนนุ ๒.จัดงบประมาณสนบั สนนุ ๒.จัดการแหลํงเกิดมลพิษด๎วยวิธี
๓.สงํ เสริมปลกู ผักปลอดสารพิษ ธรรมชาติ
๓.โครงการครวั ชมุ ชนปลอดสารพิษ
ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดลอ๎ ม
๑. ปาุ ชมุ ชนถกู ทาลาย ๑.ปลกู ปุาทดแทน ๑.จดั ต้งั กลุมํ อนรุ ักษป์ ุาไม๎
๒.ออกกฎหมบูํ า๎ น ห๎ามชาวบ๎านเข๎าไป
ตัดไม๎ทาลายปุา
๒. ปญั หาขยะ ๑.จัดกิจกรรมการคัดแยกขยะ ขยะรี ๑.โครงการธนาคารขยะ
ไซเคลิ ๒.โครงการหมํูบ๎านปลอดขยะ
๒.จดั โครงการหมูํบ๎านปลอดขยะ
ดา้ นโครงสร้างพื้นฐาน
๑.ถนนเป็นหลุมเป็นบอํ ๑.ประสานหนวํ ยงานทเี่ ก่ยี วขอ๎ ง ๑.โครงการถนนลาดยาง
๒.นา้ ดืม่ น้าใช๎ไมํสะอาด ๒.ทาประปาคลอรนี ๒.โครงการกํอสรา๎ งประปาหมํบู า๎ น
๓.นา้ ทวํ มขัง ๓.สร๎างทางระบายนา้ ในชมุ ชน ๓.โครงการสร๎างรางระบายน้า
- 23 -
ตารางแสดงสาเหตขุ องปัญหา/และแนวทางการแกไ้ ข
ปญั หา สาเหตขุ องปญั หา แนวทางแกไ้ ข
ด๎านเศรษฐกจิ
- ราคาผลผลติ ข๎าวตกต่า - พอํ คา๎ คนกลางกดราคา - สํงเสริมให๎ชาวบ๎านปลูก
- ชาวบ๎านขาดความร๎ูความเข๎าใจ ข๎าวพันธุด์ ี
ในการผลติ ขา๎ ว
- ผลผลิตทางการเกษตรยังไมํได๎ผลดี - คณุ ภาพดินไมํมีคณุ ภาพ - ป รึก ษาส นง . เ ก ษต ร
เทําทีค่ วร อาเภอ
- การปรับปรุงคุณภาพดิน
ปรบั เปลย่ี นรูปแบบเกษตร
ผ ส ม ผ ส า น , อิ น ท รี ย์
ชวี ภาพ
- ผลิตภัณฑ์จากกลํุมอาชีพบางกลุํมยัง - ควา ม ร๎ู ควา ม ส า ม า ร ถยั ง ไมํ - รั บ ก า ร ฝึ ก อ บ ร ม ใ ห๎
ไมไํ ด๎มาตรฐาน เพยี งพอ ความร๎ู
- แหลํงเงินทุนในการประกอบ/พัฒนา - กองทุนตํางๆท่ีมีอยูํไมํเพียงพอ - จัดสรรเงินทุนท่ีมีให๎แกํผ๎ู
อาชพี ยังไมํทั่วถงึ สาหรบั ทุกคน ทจ่ี าเปน็ ที่สุดได๎รบั กอํ น
ด๎านสงั คม
- ยังคงมผี ๎ูดอ๎ ยโอกาส/ครัวเรือนยากจนอยํู - ครั วเ รื อ นผ๎ู ด๎ อ ยโ อ ก าส เ ป็ น - จัดสวัสดิการชุมชนใน
ในชมุ ชน 2 ครัวเรือน ผส๎ู งู อายุไมํสามารถหารายได๎เองได๎ การชํวยเหลือครัวเรือน
และสภาพท่ีอยูํอาศัยชารุดทรุด ดงั กลาํ ว
โทรม
- อปุ กรณก์ ฬี าสาหรบั เยาวชนไมํเพยี งพอ - อุปกรณก์ ฬี ายังไมํเพยี งพอ - จัดสวัสดิการชุมชนเพ่ือ
หาวสั ดุการกฬี า
ด๎านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล๎อม
- ปาุ ชุมชนถูกทาลาย - ชาวบา๎ นเขา๎ ไปตดั ไม๎ทาลายปาุ - ปลกู ปาุ ทดแทน
- ต๎นไม๎ลม๎ ตายเองตามธรรมชาติ - ออกกฎหมํูบ๎าน ห๎าม
ชา ว บ๎ า น เ ข๎ า ไ ป ตั ด ไ ม๎
ทาลายปาุ
- 24 -
- ปัญหาขยะ - ชาวบ๎านขาดจิตสานึกในการคัด - จัดกิจกรรมการคัดแยก
แยกขยะ ขยะ ขยะรีไซเคลิ
- ขาดสถานที่จัดเก็บขยะที่ถูก - จั ดโ คร งก าร หมํู บ๎า น
สขุ ลกั ษณะ ปลอดขยะ
ด๎านความมน่ั คงและความสงบเรียบรอ๎ ย
- มจี ดุ เสี่ยงในหมบํู ๎านหลายจุดเพราะเป็น - ยังคงมีจุดเสี่ยงที่อาจทาให๎เกิด - จัดตั้งหนํวยรักษาความ
ทางผาํ นระหวํางอาเภอ อันตรายตอํ คนในชมุ ชน ปลอดภยั ในการออกตรวจ
จดุ เสย่ี งดงั กลาํ ว
ดา๎ นการบรหิ ารจัดการ
- ขาดบุคลากรในการอบรมให๎ความร๎ูใน - ความร๎ู – ทักษะตํางๆท่ีคนใน - ป รึ ก ษ า ห นํ ว ย ง า น
บางเรือ่ ง ชุมชนอยากเรียนร๎ู คนในชุมชนไมํ ภาครัฐ-เอกชน ในเรื่องที่
สามารถสอนกนั เองหรือถํายทอดได๎ ตอ๎ งการเรียนรู๎
- ขาดงบประมาณในการดาเนินกิจกรรม - ในการดาเนินงานบางกิจกรรม - ว า ง แ ผ น ใ น ก า ร
ตํางๆ ต๎องใชง๎ บประมาณในการขบั เคลอ่ื น ดาเนินงาน พร๎อมทั้ง
แตไํ มํมีเงินทุนในขณะนัน้ รวมกลํุมเก็บเงินออมเพื่อ
ดาเนินกิจกรรม
- ขาดเยาวชนรํุนใหมํในการเรียนรู๎การ - ขาดคนรํนุ ใหมํที่จะเขา๎ มาทดแทน - จัดหากิจกรรมท่ีเยาวชน
บรหิ ารชุมชน คนรํนุ เกาํ ในการบริหารชมุ ชน คนรํุนใหมํสามารถแสดง
ความสามารถได๎
ด๎านสาธารณสขุ /สขุ ภาพ
- ยงั มีบางครัวเรือนทยี่ งั ติดสรุ า - ด่ืมสุราทุกวันจนเป็นปัญหาของ - รณรงค์ใหด๎ ื่มสรุ านอ๎ ยลง
ครวั เรอื น
ด๎านโครงสร๎างพ้ืนฐาน
- ถนนคอนกรีตในหมํูบ๎านยังไมํครบทุก - บางเส๎นทางในหมํูบ๎านยังเป็น - ปรกึ ษา อบต. หลํงุ ประดํู
เสน๎ ทาง ดนิ ลกู รัง
- ถนนในหมูํบ๎านชารดุ เสียหาย - การกํอสรา๎ งไมํได๎มาตรฐาน - จัดหางบประมาณเพ่ือมา
ซอํ มแซมความเสียหาย
- ไฟฟูาในการทาเกษตรไมเํ พียงพอ - ภาคการเกษตรของหมํูบ๎าน - ปรึกษา อบต. หลงํุ ประดํู
ต๎องการขยายเขตไฟฟูาเข๎า - ใช๎พลังงานทดแทน (โซลํา
แปลงนา เซลล์)
- แสงสวํางบริเวณถนนชํวงกลางคืนยังไมํ - แส งส วํา งบ ริเ วณถน นใ น - ปรึกษา อบต. หลํงุ ประดูํ
เพียงพอ ห มํู บ๎ า น ยั ง ไ มํ มี แ ส ง ส วํ า ง
เพียงพอ
- 25 -
4. สรุปบทเรียนที่ไดร้ ับ
พบวํา หมูํบา๎ นโนนสุวรรณ เปน็ หมูํบ๎านท่ชี าวบ๎านใช๎ชีวิตอยํางพออยูํพอกิน ไมํคํอยกระตือรือร๎น
ในการพัฒนาตนเอง รายได๎จากการดารงชพี มาจากการทานา การทอผ๎า บุตรหลานที่ออกไปทางานนอกพื้นท่ี
สงํ เงินกลับบา๎ น เพือ่ เปน็ คําใชจ๎ าํ ยของคนในครัวเรอื น สงั เกตไดจ๎ ากคนในวัยหนมุํ สาวและวัยกลางคนมีสัดสํวน
จานวนน๎อยในหมํูบ๎าน เมื่อเทียบกับผู๎สูงอายุท่ีอยํูในหมํูบ๎าน ซ่ึงในวันนี้สามารถดารงชีพอยูํได๎ แตํในอนาคต
เม่ือวันนเ้ี กดิ สถานการณ์การแพรํระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) กลุํม กป.9 เห็นวํา
รายได๎ท่ีคนในหมํูบ๎านเคยได๎รับ อาจได๎รับผลกระทบ ในอนาคตข๎างหน๎า การอยํูรอดของคนในหมํูบ๎าน
ต๎องปรับกระบวนการคิดใหมํ โดยเฉพาะการพ่ึงพิงตนเองให๎มากข้ึน ซึ่งปัจจุบันทานาเป็นอาชีพหลัก
แตํอาจปรับเปลยี่ นเปน็ เกษตรผสมผสาน หรอื เกษตรทฤษฎีใหมํ โดยดูตัวอยํางจากครวั เรอื นตน๎ แบบซงึ่ มีอยแํู ล๎ว
ในชุมชน ซ่ึงเขาดารงชีพอยํูอยํางมีความสุข รวมทั้งหันมามองทรัพยากรที่มีคําในห มูํบ๎าน เชํน อํางเก็บน้า
ท่ีสามารถสร๎างเปน็ แหลงํ ทอํ งเท่ยี วได๎ หรือการทอผ๎าไหมมัดหม่ี ทสี่ ามารถสรา๎ งเปน็ รายไดห๎ ลกั และมภี มู ปิ ัญญา
อยํูแล๎วในทอ๎ งถน่ิ มาตํอยอดผสมผสานกบั ความคิดของคนรํนุ ใหมอํ ยํางสรา๎ งสรรค์ เพื่อสร๎างรายไดใ๎ หก๎ บั คนในชุมชน
ส่วนท่ี 3
การรว่ มคดิ กจิ กรรมการพฒั นาร่วมกบั ชุมชน
1. ความเสี่ยงท่ีไมม่ ชี ีวิตทม่ี ัน่ คงของบคุ คล ครอบครวั และชมุ ชน
พบวํามคี วามเสย่ี งใน 6 ดา๎ นหลกั ทงั้ เรอื่ งสขุ ภาพ รายไดห๎ รือเศรษฐกจิ ความเปน็ อยํู โครงสร๎าง
พืน้ ฐาน การศึกษา และการเขา๎ ถงึ บรกิ ารภาครัฐ ดงั นี้
1.1 ด้านสุขภาพ พบวําจะมีความเส่ียงในเร่ืองของการระบาดของโรคโควิด 19 และการ
เจบ็ ปวุ ยดว๎ ยโรคอน่ื ๆ
1.2 ด้านรายได้หรือเศรษฐกิจ มีความเสี่ยงเร่ืองรายได๎ตํอหัวตํอคน อยํูในระดับที่ต่า บางคน
ไมมํ ีรายได๎ เนื่องจากไมํมีอาชีพ มีต๎นทุนสูงในการประกอบอาชีพ ราคาผลผลิตข๎าวตกต่า ชาวนาขาดความร๎ู
ต๎นทนุ การผลติ สงู พํอคา๎ คนกลางกดราคา ผ๎ูสงู อายุในครัวเรอื น ผ๎ูด๎อยโอกาส ไมํสามารถหารายได๎เลี้ยงตนเอง
ได๎ ต๎องรอเงินจากลูกหลานท่อี อกไปทางานนอกพน้ื ทสี่ งํ เงนิ มาให๎ ผลผลิตทางการเกษตรไมํดี ทรัพยากรปุาไม๎
ซ่ึงเปน็ ปุาชมุ ชนถูกทาลาย
1.3 ด้านโครงสร้างพืน้ ฐาน ดินไมํมีคุณภาพ ลักษณะอํางน้าท่ีมีอยํูเดิม ลักษณะเป็นรูปกระทะ
คว่า พื้นท่ีลาดเอียง เทลาดไปทาง อาเภอจักราช และ อาเภอพิมาย ไมํมีคลองสํงน้ามาสํูพื้นที่เกษตร
ของหมูบํ ๎าน ทาให๎ไมํมีแหลํงน้าเพ่อื การเกษตรใช๎อยํางเพยี งพอตลอดทั้งปี ทัง้ น้าเพื่อการเกษตรและน้าอุปโภค
บริโภค สํวนปริมาณน้าเข๎าอํางก็อาศัยจากน้าฝนโดยตรงเพียงอยํา งเดียว เมื่อเกิดปัญหาฝนทิ้งชํวง
สงํ ผลตํอปรมิ าณนา้ ในอาํ งที่ลดลงอยาํ งรวดเร็ว
- 26 -
1.4 ด้านความเป็นอยู่ มีความเส่ียงในการขาดแคลนอาหาร และน้าดื่มไมํเพียงพอ การดื่มสุรา
ของครวั เรอื น และการเลนํ การพนนั ในงานศพ
1.5 ด้านการศึกษา การเข๎าถงึ โอกาสทางการศึกษาทีเ่ ทาํ เทียม
1.6 ดา้ นการเข้าถึงบริการภาครฐั ความลําชา๎ ในระบบการบรหิ ารจดั การภาครัฐ
2. กจิ กรรมการพัฒนาเพอื่ แก้ไขปญั หาของหมบู่ า้ น
กลมํุ กป.9 มีความเหน็ วํา
2.1 กรณีดินไม่มีคุณภาพ และผลผลิตทางการเกษตรไมํดี ควรเสนอให๎หนํวยงานภาครัฐเข๎าไป
สํงเสริมองค์ความร๎ูในเร่ืองของการปรับปรุงบารุงดินและคุณภาพของพันธ์ุพืช (ข๎าว) เพื่อให๎มีองค์ความร๎ู
ในการประกอบอาชพี
2.2 กรณีผู้สูงอายุในครัวเรือน ผู๎ด๎อยโอกาส และคนหนุํมสาวที่เดินทางกลับภูมิลาเนา
ควรปรับเปล่ียนแนวคิด โดยหันมาประกอบอาชีพรํวมกัน โดยใช๎องค์ความร๎ูและภูมิปัญญาท่ีมีอยูํในหมํูบ๎าน
เชํน การทอผ๎าไหมมัดหมี่ หรือการสํงเสริมการทํองเที่ยว ซ่ึงเป็นต๎นทุนที่มีอยูํเดิมของหมูํบ๎าน หรือปลูกผัก
เพอื่ จาหนําย โดยการผสมผสานขององค์ความร๎แู ละภูมปิ ัญญาระหวํางคนรุํนกํอนกับคนรํุนใหมํที่เดินทางกลับ
ภูมิลาเนา ทง้ั เร่ืองการออกแบบและชํองทางการจัดจาหนําย และใช๎แหลํงทุนท่ีมีอยูํในชุมชนถึง 13 กองทุน
เป็นตัวชวํ ยในการขบั เคล่ือน
2.3 กรณไี ม่มแี หลง่ นา้ เพียงพอตลอดปี ทัง้ น้าเพ่ือการเกษตรและนา้ อปุ โภคบรโิ ภค ควรขุดลอกอําง
ให๎มปี รมิ าณกกั เกบ็ น้ามากขึน้ โดยขอรับการสนับสนนุ งบประมาณจากกรมชลประทาน และมีการขดุ คลองไส๎ไกํ
จากแหลงํ น้า เพือ่ ชกั น้าเขา๎ สํูพน้ื ท่กี ารเกษตร สวํ นนา้ เพื่อการอปุ โภคในครวั เรือน ควรมีการรวมกลุํมเกษตรกร
ผู๎ใชน๎ า้ และกํอสรา๎ งโครงการประปาขนาดใหญํ
2.4 กรณีชาวบ้านตัดไมท้ าลายป่า ควรปลูกฝังจิตสานึกและสร๎างองค์ความร๎ูการจัดการปุาชุมชน
เพอ่ื การบริโภคในชุมชนและสรา๎ งรายได๎โดยการสร๎างปุาชุมชน ให๎สมบูรณ์ ปลูกปุาเสริม ชํวยกันปูองกัน
รักษาปุาไมํให๎มีการบุกรุกหรือลําสัตว์ เพ่ือให๎ปุามีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งสํงผลให๎ชุมชนสามารถหาของปุา
เกบ็ ของปุา เป็นอาหารและจาหนาํ ยสร๎างรายได๎