รายงานการเรยี นรู้ดว้ ยประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ตั งิ าน (Action Learning)
ช่อื หมู่บา้ น บา้ นแสงบูรพา หมทู่ ่ี 11
ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองววั ซอ
จงั หวดั อุดรธานี
จัดทาโดย
(กลุ่มปฏิบตั ิการที่ 10)
1. น.ส.สุกัญญา กลุ สวุ รรณ์ ตาแหนง่ นายอาเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภมู ิ
2. น.ส.ชาครยี า เศรษฐเสรี ตาแหน่ง ผู้เชยี่ วชาญด้านการจดั การสาธารณภยั
3. ร.ต.สรมงคล มงคละสิริ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารภัย
ตาแหนง่ ผ้อู านวยการกองการตา่ งประเทศ
4. นายสุพล ภูมฐิ านนท์
5. นายจรูญ บุหริ ญั สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
6. นายชัยรตั น์ ภ่นู พมาศ ตาแหน่ง นายอาเภอเมืองชัยนาท จังหวดั ชยั นาท
7. นายไมตรี สรรพสนิ ตาแหนง่ นายอาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
8. นายนิกร ศิรโรจนานนท์ ตาแหน่ง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชยี งใหม่
ตาแหน่ง โยธาธิการและผงั เมืองจงั หวดั ปตั ตานี
9. พ.ต.อ.ภาณภุ าคยณ์ จติ ตป์ ระยรู ตี ตาแหน่ง ผู้อานวยการสานกั จดั การทรัพยากรป่าไม้ท่ี 2
10. นายไตรสิทธ์ิ ธันยาพรสมบตั ิ
(เชยี งราย)
ตาแหน่ง รองผู้บงั คบั การตรวจคนเข้าเมือง 6
ตาแหนง่ ขนสง่ จงั หวัดหนองคาย
รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รุ่นที่ 77
สถาบนั ดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พทุ ธศกั ราช 2564
ห น้ า | 1
คานา
"กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน” (Action Learning)
โดยกาหนดพ้นื ทีก่ ารเรยี นร้จู ากการปฏิบัตจิ ริงในพืน้ ที่บา้ นแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอ
หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือนาบทเรียนและประสบการณ์จากการมีส่วนร่วมในพื้นท่ีจริงนาไปใช้ในการบริหาร
ราชการและสร้างมูลค่าเพิ่มสาหรับประสบการณ์การบริหารราชการ ให้ผู้เข้าอบรมสามารถนาไป
ประยุกต์ใช้ในการทางานได้อย่างกว้างขวางมากข้ึน ท้ังนี้ กลุ่มปฏิบัติการที่ 10 ได้ดาเนินการศึกษา
เรียนรู้ในประเด็นหัวข้อ "การเรียนรู้เพื่อเข้าใจ เข้าถึงวิถีชีวิตชุมชน" โดยได้รับมอบหมายให้ศึกษาเพื่อ
ร่วมเรียนรู้และทาความเข้าใจกับชุมชนท้องถ่ินถึงสถานการณ์ในขณะน้ีและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
ใน 2 ปี ข้างหน้าของ “ชุมชนท้องถ่ิน” “โอกาสและความสามารถในการปรับตัวของชุมชนท้องถ่ิน”
ในสถานการณ์ที่โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีทีพลิกผัน ภาวะโลกร้อนและการ
ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนาหลักการทรงงานในการพัฒนา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ท่ีในหลวง
รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานให้ยึดถือปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ โดยกลุ่มปฏิบัติการที่ 10
ได้ดาเนินการศกึ ษาเรยี นรู้เพื่อเข้าใจ เขา้ ถึงวิถีชวี ิตชมุ ชน ของบา้ นแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ
อาเภอหนองววั ซอ จังหวดั อุดรธานี
กลุ่มปฏิบัติการที่ 10 ขอขอบคุณนายถนอม เพียมูล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแสงบูรพา
หมูท่ ่ี 11 ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองวัวซอ จงั หวดั อุดรธานี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและราษฎรทุกคน ท่ีให้ข้อมูลและความร่วมมือในการศึกษาเรียนรู้ด้วย
ประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน (Action Learning) สาเร็จลุล่วงเป็นไปด้วยดี ขอขอบคุณมา ณ
ทนี่ ี้
คณะผูจ้ ดั ทา
นักศกึ ษาหลักสตู รนกั ปกครองระดับสูง รนุ่ ที่ 77
กลุ่มปฏิบตั ิการท่ี 10
ห น้ า | 2
สารบญั
ส่วนที่ 1 กรอบการเรียนรดู้ ้วยประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ัติงาน (Action Learning) หนา้
1. การศึกษาเรยี นรภู้ ูมสิ งั คมและวิถชี วี ิตของชมุ ชน 3
2. การศึกษาเรียนรู้ระบบการบริหารจัดการชมุ ชน
3. การศึกษาเรยี นรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบต่อการพัฒนาของชมุ ชน
ส่วนท่ี 2 ประเด็นการพฒั นาของชุมชน 18
- ระดับการพฒั นาของหมู่บา้ น
- สดั สว่ นจานวนครัวเรือนทไ่ี ม่พออยู่พอกนิ
- ประเมินความสามารถของชุมชนในการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการกิจกรรมต่างๆ
ภายใตน้ โยบาย
- ประเมินโอกาสและความเสย่ี งของชุมชนและครัวเรือนยากจน
- สรุปบทเรียนที่ไดร้ บั ในดา้ น
- การบริหารการพฒั นาชุมชนทอ้ งถ่ิน
- การบรหิ ารการพฒั นาระดับตาบลและอาเภอ
- ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏบิ ัตงิ านตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนท่ี 3 ประเดน็ การพัฒนาท่ีคดิ ร่วมกบั ชมุ ชน 21
1. การพฒั นากระบวนการผลติ และการเพ่ิมมลู ค่าด้านการเกษตร
2. การลดรายจ่ายที่ไม่จาเปน็
3. การสง่ เสริมสรา้ งความรู้ทางการเงิน การออมและการลงทนุ
ภาคผนวก (ภาพประกอบต่างๆ) 23
ห น้ า | ๓
สว่ นท่ี 1 กรอบการเรยี นรู้ด้วยประสบการณต์ รงจากการปฏิบตั งิ าน (Action Learning)
1. การศกึ ษาเรยี นรภู้ มู สิ ังคมและวิถีชีวิตของชุมชน
- บ้านแสงบูรพา หม่ทู ี่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จงั หวัดอดุ รธานี
ประวัติความเป็นมา
บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ตั้ง
หมู่บ้านเม่ือวันที่ 21 มีนาคม 2542 โดยแยกมาจากบ้านหนองแสง หมู่ท่ี 9 ตาบลหนองอ้อ อาเภอ
หนองวัวซอ จงั หวดั อดุ รธานี เร่ิมต้นบา้ นหนองแสง ได้ต้ังเป็นชุมชนเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2476 โดยมี
พ่อคา บัวระพา เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก เม่ือมีการแยกหมู่บ้านเพ่ือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลและแสดง
ความเคารพนับถือให้แก่พ่อคา บัวระพา จึงขออนุญาตใช้นามสกุล บัวระพา เป็นช่ือหมู่บ้านแต่
เน่ืองจากมีการผนวกคาเพ่ือให้ง่ายต่อการเรียกของชาวบ้าน ประกอบกับที่ต้ังของหมู่บ้านน้ีอยู่ทางทิศ
ตะวนั ออกของชุมชนบ้านหนองแสง จงึ ใชค้ าวา่ บ้านแสงบรู พา ซ่งึ หมายถึงแสงตะวนั
- ราษฎรในหมู่บ้านนอกจากคนอุดรธานีแล้ว ส่วนหนึ่งย้ายถ่ินฐานมาจากอาเภอ
วังสะพุง จังหวัดเลย อาเภอคาเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร อาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู และจาก
จังหวัดขอนแกน่
- รายชอื่ ผดู้ ารงตาแหน่งผู้ใหญบ่ า้ น ท้งั หมด 4 คน
- ผใู้ หญบ่ า้ นคนแรกช่อื นายสนุ ทร พัดทอง
(ดารงตาแหนง่ ระหว่างปี พ.ศ.2542 - 2547)
- ผูใ้ หญบ่ า้ นคนท่ี 2 ชอื่ นายคาสวย นาคามินทร์
(ดารงตาแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2547 - 2552)
- ผู้ใหญบ่ า้ นคนท่ี 3 ช่ือ นายสดุ ใจ ดวงปะติ
(ดารงตาแหนง่ ระหว่างปี พ.ศ.2552 - 2557)
- ผ้ใู หญบ่ ้านคนปจั จุบนั ชือ่ นายถนอม เพยี มลู
(ดารงตาแหนง่ เมอื่ วันที่ 4 กนั ยายน 2557 - ปัจจบุ ัน)
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนอื ตดิ กับ บา้ นโนนสมบรู ณ์ หมทู่ ่ี 6 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ
- ทศิ ใต้ ติดกับ บ้านโนนสาราญ หมู่ที่ 5 ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองววั ซอ
- ทิศตะวนั ออก ตดิ กับ ลาหว้ ยหลวง บ้านหนองแวงฮี หม่ทู ี่ 8 ตาบลหนองอ้อ ,
บา้ นโคกศรีแก้ว หมทู่ ่ี 10 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ
- ทิศตะวนั ตก ติดกับ บ้านหนองแสง หมู่ที่ 9 ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองววั ซอ
ห น้ า | ๔
ในหมู่บา้ นแบ่งออกเป็นคมุ้
- หมบู่ า้ น แบ่งออกเปน็ คุ้ม มที ้งั หมด ๓ คุ้ม ได้แก่
๑. คุ้มอนามัย หวั หนา้ คุ้ม ชอ่ื ร.ต.วิมล คาภาคย์
๒. คมุ้ กลาง หัวหนา้ คุ้ม ชอ่ื นายสบุ รรณ พันทะริ
๓. คุ้มโรงเรียน หัวหน้าคุ้ม ชือ่ นายทองม้วน มงุ่ มา
- หมู่บ้านอยู่ในเขตขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน คือ องค์การบริหารส่วนตาบล
หนองอ้อ
ขอ้ มูลประชากร
- จานวนครวั เรือน 178 ครวั เรอื น
- จานวนประชากร 733 คน แยกเป็น ชาย 376 คน หญิง 357 คน
การประกอบอาชีพ
- อาชีพหลกั ของราษฎรในหมู่บา้ น ทาการเกษตรและการปศุสัตว์
พ้นื ทีท่ าการเกษตร
- พนื้ ทท่ี าการเกษตร ประกอบดว้ ย
- พนื้ ท่ปี ลูกข้าว 150 ไร่
- พื้นทปี่ ลูกอ้อย 150 ไร่
- พน้ื ที่ปลกู มันสาปะหลัง 120 ไร่
- พนื้ ที่ปลกู ปาลมน์ ้ามนั 10 ไร่
- พน้ื ทปี่ ลกู ถ่ัวเหลอื ง 30 ไร่
- พน้ื ทป่ี ลกู ยางพารา 50 ไร่
ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร
- ราคาผลผลติ ทางการเกษตรตกต่า
- ปัญหาการใช้สารเคมี
ปญั หาทีท่ ากนิ
- ราษฎรในหมู่บ้านไม่มีที่ทากิน จานวน 10 ครัวเรือน ทางหมู่บ้านได้จัดสรรที่ดิน
สาธารณประโยชน์บรเิ วณหนองแวงผเี สื้อสาหรับปลกู ผัก
- ทีด่ ินบางส่วนเป็น สปก. อยากไดเ้ ปน็ กรรมสิทธ์ิ เพ่ือแปลงสินทรพั ย์เปน็ ทนุ
- ปัญหาเอกสารสทิ ธท์ิ ่ดี ิน แปลงสินทรัพยเ์ ป็นทุน
- ไม่มกี ารบกุ รกุ พืน้ ท่ปี า่ แต่อย่างใด
ห น้ า | ๕
พืชท่ปี ลูกหลังฤดทู านา
- ช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม ได้แก่ ถ่ัวเหลือง , ข้าวโพด , ถั่วลิสง , ปอเทือง
พื้นที่เพราะปลูกประมาณ 100 ไร่
การปศุสัตว์
- การปศสุ ตั ว์ แยกเป็น โคเน้ือ , โคนม , กระบอื , สกุ ร , เป็ด , ไก่
- มคี รวั เรือนทีเ่ ล้ยี งโคนม จานวน 8 ครวั เรือน มีโคนม รวมทง้ั ส้นิ 160 ตวั
รายได้ (ตามข้อมูล จปฐ. , กชช 2ค ปี 2562)
- รายได้เฉลย่ี ต่อคน/ปี 62,975 บาท
- รายไดเ้ ฉลี่ยต่อครวั เรอื น/ปี 169,613 บาท
- โดยภาพรวมของหมู่บา้ น ถอื ได้วา่ พออยู่ พอกนิ
แหลง่ น้าเพอื่ การการเกษตรและปศสุ ัตว์
- อา่ งเก็บน้าห้วยตาดขา่ ความจุ 693,000 ลูกบาศก์เมตร
- หนองแวงผเี สื้อ ความจุ 60,000 ลูกบาศก์เมตร
- ลาหว้ ย 1 สาย ไดแ้ ก่ ลาห้วยหลวง
น้าเพื่ออปุ โภค บริโภค
- น้าอุปโภค ในหมู่บ้านใช้น้าประปาหมู่บ้าน ประมาณ 70 % , ใช้บ่อน้าตื้น
ประมาณ 30 %
- น้าบริโภค เดิมราษฎรในหมู่บ้านเคยไปรับน้าดื่มฟรีจากโครงการพัฒนาแหล่งน้า
บาดาลเพ่ือสนับสนุนน้าดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศท่ีโรงเรียนชุมชนหนองแสง แต่ช่วงหลัง
โรงเรียนขาดงบประมาณในการบริหารจัดการในการบารุงรักษา ค่าไฟฟ้า ทาให้เกิดความไม่สะดวก
ราษฎรในหมู่บ้านจึงซือ้ น้าด่ืมจากเอกชนมาบริโภค
ห น้ า | ๖
กิจกรรมกลุม่ ของหมู่บ้าน
- กิจกรรมกล่มุ ของหมู่บา้ น
- ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านแสงบูรพา มีโฮมสเตย์ จานวน 35
ครัวเรือน ก่อนท่ีจะมีการระบาดโรคติดเช่ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การท่องเท่ียวทาให้
ชุมชนมีรายได้เพม่ิ มากขึน้ จากการท่องเท่ยี วล่องแพห้วยตาดข่า การเลอื กซ้ือของฝากจากกลมุ่ ทอผ้าฯ
- กลุม่ จกั สานไม้ไผ่ ประเภท จกั สานตะกร้า , เครื่องมอื จบั ปลา
- วสิ าหกิจชุมชนกลมุ่ ทอผา้ ไหม-ฝ้าย บา้ นแสงบูรพา
หนว่ ยบริการสาธารณสุขในหมูบ่ ้าน
- หน่วยบริการสาธารณสขุ ไดแ้ ก่ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบลหนองแสง
สถานศึกษา
- สถานศึกษา จานวน 1 แห่ง ไดแ้ ก่ โรงเรยี นชุมชนหนองแสง
ศาสนสถาน
- ศาสนสถาน จานวน 1 แห่ง ได้แก่ วัดศรีสุมังคลาราม เม่ือเดือนมกราคม พ.ศ.
2559 ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดซึ่งชาวบ้านต่างเช่ือว่าเป็นพญานาคมาแสดงอิทธิฤทธ์ิปาฏิหาริย์
สระน้าของวัดพบว่ามีผิวน้าของสระมีคราบสีทองแดงเต็มผิวน้าเต็มทั่วเกือบท้ังสระ ยุ้งฉางข้าวของ
ราษฎรที่ติดกับวัดเป็นสีเหลืองทองอร่ามซ่ึงเจ้าของบ้านยืนยันว่าแต่ก่อนยุ้งฉางไม่ใช่สีน้ี และคนใน
ครอบครัวไมไ่ ดท้ าสี สวนมะพรา้ วทอ่ี ยตู่ ิดกับวดั ไดเ้ กิดเรอื่ งประหลาดเม่ือพบว่าต้นมะพร้าวที่กลายเป็น
สีเหลือง และมีต้นหน่ึงมีลอยกรงเล็บของสัตว์ใหญ่จากโค่นต้นจนถึงปลายยอดของต้น ก่อนจะเกิด
เรื่องราวประหลาดอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ได้มีร่างทรงบอกว่าจะมีทหารพญานาคจากวังนาคินทร์คาชะโนด
ซ่ึงเป็นทหารของพญาศรีสุทโธนาคราช จานวน 79 องค์ มาให้โชคและช่วยเหลือชาวบ้านท่ีสาคัญจะ
มารอสลายรา่ งหลวงปู่พร้อมช่วยงานละสังขารของพระครูสิริวัฒนคุณ (สมยุทธ ปริปุญฺโณ) เจ้าอาวาส
วัดศรีสุมังคลาราม ซึ่งได้มรณภาพไปเม่ือวันที่ 7 กันยายน 2558 และมีกาหนดการประกอบพิธี
ห น้ า | ๗
พระราชทานเพลิงในวันท่ี 3 เมษายน 2559 ซ่ึงในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงเป็นไปด้วย
ความเรียบร้อย
วฒั นธรรมประเพณแี ละศาสนา
- ราษฎรในหมู่บ้านนับถือศาสนาพุทธ
- การจัดกจิ กรรมจารีตประเพณี ฮตี สิบสอง คลองสบิ สี่ ครบทงั้ 12 เดือน
หอกระจายขา่ วประจาหมู่บ้าน
- หอกระจายขา่ วหมู่บา้ น จานวน 1 หอ ตั้งอยทู่ ีท่ าการผใู้ หญ่บ้าน
การเกดิ ภยั พิบตั ใิ นหมูบ่ า้ น
- ตง้ั แตต่ ั้งหม่บู ้านมา มกี ารเกิดวาตภยั เพียงครัง้ เดียว
ปัญหายาเสพติดในหมู่บา้ น
- ปัญหายาเสพติดภายในหมู่บา้ นเบาบาง มีเฉพาะกลุม่ วัยรนุ่
ปญั หาอาชญากรรมในหม่บู ้าน
- ต้ังแตต่ ง้ั หมู่บา้ นมา ไมม่ ีปญั หาอาชญากรรมแตอ่ ยา่ งใด
ปัญหาการกู้เงินนอกระบบ
- ในหมบู่ ้านไมม่ ปี ัญหาการกูเ้ งนิ นอกระบบ มเี ฉพาะเปน็ หน้ใี นระบบ
รา้ นคา้ พาณิชยใ์ นหมูบ่ า้ น
- หมู่บา้ น มีรา้ นค้าจาหน่ายสินคา้ เบ็ดเตลด็ ท้ังหมด 3 ร้าน
- หมู่บา้ น มรี า้ นอาหาร ทงั้ หมด 1 รา้ น
- หมู่บ้าน มสี ถานที่จาหน่ายน้ามนั เชื้อเพลิง ทงั้ หมด 2 แห่ง
ระบบการส่อื สารในหมู่บ้าน
- หมู่บา้ น มีการตดิ ตั้งเนต็ ประชารฐั จานวน 1 แหง่ ตดิ ตัง้ บรเิ วณศาลากลางบ้าน
- หมูบ่ า้ น มีระบบเครอื ข่ายโทรศพั ท์ครบทุกเครือข่าย
ห น้ า | ๘
ทาเนยี บคณะกรรมการหมู่บ้าน
บา้ นแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ
นายถนอม เพียมลู (ผู้ใหญ่บ้าน)
ประธานกรรมการ
นายประดงุ อตั ถาภมู ิ (ส.อบต.) ร.ต.วมิ ล คาภาคย์
รองประธาน รองประธาน
นางสาวสรญั ญา พระชัย (ผช.ผญบ.) นางสาวละออ รตั นวัน
เลขานกุ าร เหรัญญกิ
นายสริ ชิ ัย อตั ถาภมู ิ (ผช.ผญบ.) นางสรุ ดา ปานชนะพงษ์ (ส.อบต.) นางลดั ดาวลั ย์ วรประเสริฐ
กรรมการ กรรมการ กรรมการ
นายสาคร สวนเสน นายสุบรรณ พันทะริ นายชยั สทิ ธิ์ อดุ มวฒั น์
กรรมการ กรรมการ กรรมการ
ห น้ า | ๙
คณะทางานด้านตา่ งๆ
ด้านอานวยการ
นายถนอม เพียมลู หวั หนา้ คณะ
ดา้ นการปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย
นายสิรชิ ัย อัตถาภูมิ หวั หน้าคณะ
ด้านแผนพัฒนาหมู่บ้าน
นางสาวสรญั ญา พระชยั หัวหน้าคณะ
ห น้ า | ๑๐
ดา้ นส่งเสริมเศรษฐกจิ
นางลัดดาวัลย์ วรประเสรฐิ หวั หน้าคณะ
ดา้ นการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม
นายทรงศักดิ์ คาภาศรี หัวหนา้ คณะ
ดา้ นสงั คมส่ิงแวดล้อมและสาธารณสขุ
นางสาวละออ รัตนวัน หัวหน้าคณะ
คณะทางานเพมิ่ เติม ด้านจิตอาสา
นายทองกรวย นาคามนิ ทร์ หัวหน้าคณะ
ห น้ า | ๑๑
โครงการพระราชดาริในหมบู่ ้าน
- การขับเคลื่อนขยายผลโครงการด้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยกระทรวงมหาดไทย
รว่ มกับสถาบนั ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมปิดทองหลงั พระสบื สานแนวพระราชดาริ ได้ดาเนินโครงการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาการว่างงาน เนื่องจากการแพร่
ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นท่ีต้นแบบ 3 จังหวัดได้แก่ อุดรธานี
ขอนแก่น และกาฬสินธ์ุ ในช่วยเดือน มีนาคม ถึง สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยการประยุกต์ใช้แนว
พระราชดาริเพ่ือพัฒนาและแก้ไขปัญหาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านน้าและพัฒนาอาชีพเกษตรหลังมีน้า
ให้แก่ชุมชนที่มีความต้องการควบคู่ไปกับการสร้างงานให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด
ขณะเดียวกันให้คนกลุ่มน้ีได้เรียนรู้แนวพระราชดาริ ปฏิบัติงานด้านการเกษตรช่วยเหลือชุมชนโดย
มงุ่ หวังให้มีการปรบั เปล่ียนแนวทางการประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งจากผลสาเร็จของโครงการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมฐานรากฯ จึงได้มีการขยายผลมาสู่โครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐาน
รากให้ก้าวไปตามแนวพระราชดาริ โดยกิจกรรมประกอบด้วยการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้าที่ชารุด
โดยมีการจ้างงานผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการว่างงานเน่ืองจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา 2019 (โควดิ -19) บ้านแสงบูรพา หม่ทู ี่ 11 ตาบลหนองอ้อ ไดเ้ ลง็ เหน็ ถึงสภาพปัญหาการ
ขาดแคลนน้าโดยเฉพาะน้าเพือ่ การเกษตร จงึ ได้มกี ารสารวจแหล่งน้าทช่ี ารุด ไดแ้ ก่ ฝายกักเก็บน้า เพ่ือ
ขอรับการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซม รวมทั้งได้เสนอโครงการในด้านกักเก็บน้าและท่อส่ง
นา้ จากแหล่งน้าเข้าสู่พื้นที่การเกษตร โดยได้รับอนุมัติให้ดาเนินงานตามโครงการ จานวน 5 โครงการ
ได้แก่
1.ปรับปรุงจากฝายดิน เป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก (จุดนา นายทรงศักด์ิ คาภาศรี)
งบประมาณ 13,484 บาท
2.ปรับปรุงจากฝายดิน เป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก (จุดนา นายทองพูล บูรพา)
งบประมาณ 13,245 บาท
3.ปรับปรงุ จากฝายดนิ เป็นฝายคอนกรตี เสริมเหล็ก (จดุ นา นายศุภชัย เพียสามารถ)
งบประมาณ 9,290 บาท
4.เสรมิ สันฝายให้มคี วามแขง็ แรง ขยายหขู ้างและเสรมิ คันดินข้างฝายทั้งสองข้าง (จุด
นา นายพนม สมแคลว้ ) งบประมาณ 15,882 บาท
5.วางท่อส่งน้าเพ่ือการเกษตรจากฝายห้วยหลวงถึงหนองแวงผีเสื้อระยะทาง 1
กิโลเมตร ตดิ ตงั้ ระบบโซล่าเซลล์และหอถัง งบประมาณ 368,784 บาท
กจิ กรรมโครงการเดน่
- โครงการวางทอ่ สง่ น้าเข้าพ้ืนท่ีการเกษตรจากฝายห้วยหลวงถึงหนองแวงผีเสื้อบ้าน
แสงบูรพา หมู่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานีภายใต้โครงการฝ่าวิกฤติด้วย
เศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้ก้าวไปตามแนวพระราชดาริ จงั หวดั อุดรธานี
โดยได้ดาเนินการสร้างหอถังสูง 7.10 เมตร มีถังพักน้าขนาดบรรจุ 2,500 ลิตร
จานวน 4 ใบ มกี ารติดตงั้ ระบบโซลาร์เซลล์เพ่ือสูบน้าจากฝายห้วยหลวงขึ้นมาพักท่ีถังน้าและส่งน้าไป
ตามทอ่ เมนท์เข้าพ้นื ท่ีการเกษตร ระยะทาง 431 เมตร และวางระบบกระจายน้าในแปลงเกษตรรอบ
ห น้ า | ๑๒
หนองแวงผีเส้ือ ระยะทาง 830 เมตร เพื่อให้ชาวบ้านท่ีไม่มีท่ีทากินได้มีพ้ืนท่ีในการปลูกพืชผักเพ่ือ
บริโภคในครัวเรือนและเพ่ือการค้าขายได้โดยทาเป็นเกษตรแปลงรวมบนพ้ืนที่สาธารณประโยชน์รอบ
หนองแวงผีเส้ือมี โดยมีพ้ืนท่ีรับประโยชน์รวม 66 ไร่ จานวนผู้รับผลประโยชน์ 21 ครัวเรือน เร่ิม
ดาเนินการต้ังแต่วันท่ี 8 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วเสร็จเม่ือวันท่ี 17 เมษายน 2564 รวมระยะเวลา
ดาเนินการ 23 วนั ใชแ้ รงงานท้ังส้ิน 128 แรงงาน เป็นการดาเนินการแบบมีส่วนร่วมของชุมชนและ
ท้องถิ่น โดยมีช่างจากองค์การบริหารส่วนตาบลหนองอ้อ เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างและให้คาแนะนา
ในการดาเนนิ การก่อสรา้ งจนแล้วเสร็จ
ก่อนพัฒนา
ระหว่างพัฒนา
ห น้ า | ๑๓
หลังพัฒนา
2. การศึกษาเรียนรู้ระบบการบริหารจดั การชมุ ชน
- บา้ นแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองววั ซอ จังหวดั อุดรธานี
การเขา้ สู่ตาแหน่งผ้ใู หญ่บา้ น
การเข้าสู่ตาแหน่งผู้ใหญ่บ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ
จังหวัดอุดรธานี โดยอาศัยตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี พุทธศักราช 2457 และ
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเลือกผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๑ โดย นายถนอม เพียมูล ได้รับ
เลือกเปน็ ผ้ใู หญ่บา้ น เม่อื วนั ท่ี 4 กันยายน 2557 โดยนายอาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อาศัย
อานาจตามความในมาตรา 13 วรรค 4 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี พ.ศ. 2457
(แก้ไขเพ่มิ เติมถงึ ปัจจบุ นั ) ออกคาส่ังแตง่ ตั้งให้เปน็ ผ้ใู หญบ่ ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ
อาเภอหนองววั ซอ จงั หวดั อดุ รธานี เมื่อวนั ท่ี 4 กนั ยายน 2557
การเข้าสู่ตาแหนง่ ผู้ช่วยผู้ใหญบ่ ้าน
บ้านแสงบูรพา หมทู่ ี่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองววั ซอ จงั หวัดอุดรธานี มีผู้ช่วย
ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง จานวน 2 คน คือ 1.นายสิริชัย อัตถาภูมิ , 2.น.ส.สรัญญา พระชัย โดย
นายอาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อาศัยอานาจตามความในมาตรา 15 , มาตรา 16 , มาตรา
17 แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 (แก้ไขเพ่ิมเติมถึงปัจจุบัน) ออกคาสั่ง
แตง่ ตง้ั เมอื่ วันท่ี 5 กนั ยายน 2557
ห น้ า | ๑๔
การจัดตัง้ คณะกรรมการหมบู่ า้ น
คณะกรรมการหมู่บ้าน หรือ กม. จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครอง
ท้องท่ี พุทธศักราช 2457 โดยถือกาหนดข้ึนคร้ังแรกเม่ือวันท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2486 และในปี
2551 ได้มีการปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างและอานาจหน้าที่ ของ กม. เพ่ือให้สอดคล้องกับบริบทของ
สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และครอบคลุมการทางานในทุกมิติของหมู่บ้านเสมือนเป็น “คณะรัฐมนตรี
ประจาหมูบ่ ้าน” คณะกรรมการหม่บู า้ น ประกอบด้วย
1. ผ้ใู หญบ่ ้าน
2. ผูช้ ว่ ยผู้ใหญ่บา้ น
3. สมาชิกสภาองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ
4. ผนู้ าหรือผแู้ ทนกลมุ่ หรือองค์กรในหมู่บา้ น
5. กรรมการหม่บู า้ นผ้ทู รงคุณวุฒิ จานวน 2 - 10 คน
มหี นา้ ท่ีสาคญั ในการชว่ ยเหลอื แนะนาให้คาปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้านเก่ียวกับกิจการอัน
เปน็ อานาจหน้าทีข่ องผใู้ หญ่บ้านและปฏิบัติหนา้ ทีต่ ามกฎหมายหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ
หรือที่นายอาเภอมอบหมายหรือผู้ใหญ่บ้านร้องขอ รวมท้ังเป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบในการบูรณา
การจัดทาแผนพัฒนาหมู่บ้านและบริหารจัดการกิจกรรมท่ีดาเนินงานในหมู่บ้านร่วมกับองค์กรอ่ืนทุก
ภาคสว่ น
รายช่ือคณะกรรมการหมู่บ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอ
หนองวัวซอ จังหวดั อดุ รธานี ประกอบด้วย
1. นายถนอม เพียมลู (ผ้ใู หญบ่ า้ น) ประธานกรรมการ
2. นายประดงุ อตั ถาภมู ิ (ส.อบต.) รองประธาน
3. ร.ต.วิมล คาภาคย์ รองประธาน
4. นางสาวสรญั ญา พระชยั (ผช.ผญบ.ฝา่ ยปกครอง) เลขานุการ
5. นางสาวละออ รตั นวัน เหรัญญิก
6. นายสิรชิ ัย อตั ถาภูมิ (ผช.ผญบ.ฝา่ ยปกครอง) กรรมการ
7. นางสรุ ดา ปานชนะพงษ์ (ส.อบต.) กรรมการ
8. นางลัดดาวัลย์ วรประเสริฐ กรรมการ
9. นายสาคร สวนเสน กรรมการ
10. นายสบุ รรณ พันทะริ กรรมการ
11. นายชัยสิทธิ์ อดุ มวฒั น์ กรรมการ
ห น้ า | ๑๕
ระบบการบริหารจัดการเงินทุน
บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี มีการ
จัดตั้งและดาเนินงาน “กองทุนหมู่บ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ
จังหวัดอุดรธานี” จัดต้ังเม่ือปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11
ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี มีทั้งสิ้น 15 คน โดยมีรายชื่อคณะกรรมการฯ
ดังน้ี
1. นางลัดดาวัลย์ วรประเสรจิ ประธานกองทนุ หมบู่ ้าน
2. นางวราพร หลิว รองประธานกองทุนหม่บู ้าน
3. นายสพุ ิศ ทดั ทอง เหรัญณกิ
4. นางนติ ยา ดนตรี เลขานุการ
ปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน จานวน 160 คน มีกองทุนหมู่บ้านรวมท้ังหมด
4 กองทุน รวมเปน็ เงินทงั้ สนิ้ 4,000,000 บาท
วัตถปุ ระสงคเ์ พอื่
- เป็นแหล่งเงนิ ทนุ หมุนเวียน สาหรับการลงทุน
- พฒั นาอาชพี สร้างงาน
- สร้างรายได้ หรอื เพม่ิ รายได้ ลดรายจ่าย
- บรรเทาเหตุฉุกเฉนิ และจาเปน็ เรง่ ด่วน
- สง่ เสรมิ และพฒั นาหมูบ่ า้ นและชุมชนเมืองใหม้ ขี ีดความสามารถ
- จดั ระบบเงนิ กองทุน
- บริหารจดั การเงินกองทนุ
- เสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตวั เองของหมู่บ้านและชมุ ชนเมอื ง
- การเรยี นรู้
- การสร้างและพัฒนาความคิดริเริ่ม
- เสรมิ สรา้ งศักยภาพและสง่ เสรมิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง
- กระตนุ้ เศรษฐกจิ ในระดบั ฐานราก
- เสรมิ สรา้ งภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและสงั คมในอนาคต
- เกดิ ศกั ยภาพ/ความเข้มแข็งของประชาชนในหมู่บ้าน/ชมุ ชนเมือง
- เศรษฐกจิ
- สงั คม
ห น้ า | ๑๖
ระบบการผลติ เชงิ เกษตรกรรมหรอื อตุ สาหกรรมทเี่ กดิ ขึน้ ภายในชมุ ชน
บ้านแสงบูรพา มีประชากรที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรมและมีท่ีดินเป็นของ
ตนเองพ้ืนท่ีทาการเกษตรรวมประมาณ 1,081 ไร่ ประกอบด้วยพ้ืนท่ีปลูกข้าว , พื้นท่ีปลูกยาพารา
พืน้ ทีป่ ลกู ออ้ ย , พนื้ ท่ปี ลูกมันสาปะหลัง , พ้ืนท่ีปลูกปาล์มน้ามันและพื้นท่ีปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ พื้นที่ทา
การเกษตร ในนาข้าวมีการปลูกพืชหลังฤดูทานาในช่วงเดือนธันวาคม – พฤษภาคม ได้แก่ ถั่วเหลือง ,
ข้าวโพด , ถั่วลิสง , ปอเทือง พ้ืนที่เพาะปลูกประมาณ 100 ไร่ พ้ืนท่ีเพาะปลูกเป็นพ้ืนท่ีนอกเขต
ชลประทาน ทาการเกษตรโดยอาศัยน้าฝนเป็นหลัก มีแหล่งน้าเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์ 3 แห่ง
ไดแ้ ก่
- อา่ งเกบ็ นา้ หว้ ยตาดขา่ ความจุ 693,000 ลกู บาศกเ์ มตร
- หนองแวงผีเสื้อ ความจุ 60,000 ลกู บาศก์เมตร
- ลาหว้ ย 1 สาย ไดแ้ ก่ ลาห้วยหลวง
โดยในลาห้วยหลวงมีการก่อสร้างฝายกักเก็บน้า 1 ฝาย ซ่ึงเป็นแหล่งกักเก็บน้าหลัก
สาหรับการเพาะปลูก มีการรวมกลุ่มนาแปลงใหญ่ ชื่อวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทานาห้วยตาดข่า มีสมาชิก
นาแปลงใหญ่ 112 คน มีพ้ืนที่นาข้าวประมาณ 1,000 ไร่ โดยมีบริษัท สยามคูโบต้าคอร์เปอร์เรชั่น
จากัด เป็นท่ีปรึกษาและเป็นพ่ีเลี้ยงในการพัฒนาด้านระบบบริหารจัดการ ใช้เครื่องจักรกลการเกษตร
แบบรวมกลมุ่ ทงั้ ในระบบการปลกู ข้าวและพชื ไรอ่ ่ืนๆ ไดร้ บั การจดั ตัง้ เป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตร
สรา้ งสุขสยามคูโบต้า-หว้ ยตาดข่า
การปลกู พชื หลังฤดูกาลทานา เดิมเกษตรกรบ้านแสงบูรพา เคยทดลองทานาปรังแต่
ปรากฏว่าไม่ได้ผลผลิตเน่ืองจากไม่มีน้าเพียงพอสาหรับนาข้าวนอกฤดู จึงได้ปรับเปล่ียนมาเพาะปลูก
พืชใช้น้าน้อย ได้แก่ถั่วเหลือง ข้าวโพด ถ่ัวลิสง พื้นท่ีเพาะปลูกประมาณ 100 ไร่ เกษตรกรมีรายได้
เฉล่ียครัวเรือนละ 169,613 บาทต่อปี มีการประกอบอาชีพด้านปศุสัตว์คือการรวมกลุ่มเล้ียงโคนม
รว่ มกบั หมู่บ้านใกลเ้ คยี ง รวม 3 หมูบ่ า้ น เกษตรกร 42 คน มโี คนม 1,400 ตัว สามารถผลิตน้านมได้
เฉล่ียวันละ 6,000 – 7,000 ลิตร เกษตรกรมีรายได้เฉล่ียวันละ 4,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการ
ดาเนินงานโครงการชุมชนท่องเที่ยวโอทอปนวัตวิถี มีกิจกรรมล่องแพอ่างเก็บน้าห้วยตาดข่า มีการจัด
ที่พักโฮมสเตย์ 35 ราย มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย กลุ่มจักสานไม้ไผ่ เป็นสินค้าโอทอป
ของหมู่บ้าน ซง่ึ ปัจจบุ ันประสบปัญหาวกิ ฤตโิ รคระบาดโควิด-19 เชน่ เดยี วกบั สถานทที่ อ่ งเทยี่ วอนื่ ๆ
ห น้ า | ๑๗
- ชุมชนทอ่ งเที่ยว OTOP นวัตวถิ ี บ้านแสงบรู พา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองออ้
3. การศกึ ษาเรียนรนู้ โยบายภาครฐั และผลกระต่อการพฒั นาของชมุ ชน
- บา้ นแสงบูรพา หมทู่ ่ี 11 ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองววั ซอ จังหวัดอุดรธานี
นโยบายของรัฐบาลและผลกระทบต่อการพัฒนาของบ้านแสงบูรพาในห้วงที่ผ่านมา
ยังไม่พบปัญหามากนัก เนื่องจากเป็นนโยบายท่ัวไปท่ีไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อหมู่บ้าน ดังจะเห็นได้จาก
ความร่วมมือของหมู่บ้านในการตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐ ท้ังในเร่ืองการเกษตรความเป็นอยู่
ของราษฎร ชีวติ ความเป็นอยู่ความปลอดภัยต่างๆ โดยมีปัญหาท่ีมีผลกระทบคือ โครงการขุดลอกท่ีมา
ดาเนนิ การในพื้นท่ีเกิดจากการขุดลอกห้วยหนองน้ัน เป็นการขุดลอกแบบขุดเหว่ียงทาให้ดินท่ีขุดลอก
มากองไว้รมิ หว้ ยหนอง ซ่งึ จะกองรุกล้ามายังท่ีดินของราษฎรในบริเวณน้ัน ทาให้ราษฎรขาดประโยชน์
จากการใช้ท่ีดิน จึงมีข้อเสนอให้ทาการขุดลอกแบบขุดขนซึ่งจะไม่เกิดผลกระทบต่อราษฎรท่ีมีท่ีดิน
บริเวณลาห้วยหนองนา้ ท่ีทาการขดุ ลอก
ห น้ า | ๑๘
สว่ นที่ 2 ประเดน็ การพัฒนาของชมุ ชน
ระดบั การพฒั นาของชมุ ชน
บ้านแสงบูรพา หมู่ท่ี 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ถือว่า
เป็นหมู่บ้านได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดีตั้งแต่การแยกหมู่บ้านออกจากบ้านหนองแสงหมู่ท่ี 9 ตาบล
หนองอ้อ มาตั้งเป็นหมู่บ้าน บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11 เมื่อปี พ.ศ.2542 โครงการต่างๆ ของภาครัฐ
ได้มาสนับสนุนและหมู่บ้านได้ตอบสนองต่อนโยบายได้อย่างดีย่ิง ทาให้เกิดการรวมตัวกันมีการจัดตั้ง
กลมุ่ วิสาหกจิ กลุ่มอาชีพตา่ งๆ มากมาย ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมท้ังดาเนินชีวิตตาม
หลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีรายได้ 62,975 บาท/คน/ปี รายได้เฉลี่ย 169,613 บาท/
ครัวเรอื น/ปี ซึ่งผลจากการวิเคราะหแ์ ล้ว ถอื ว่าเป็นหมู่บ้านพออยู่พอกนิ
สัดสว่ นจานวนครวั เรือนทไี่ ม่พออยู่พอกิน
จากการสารวจข้อมูลในปัจจุบันพบว่า มีจานวน 8 ครัวเรือนที่ไม่พออยู่พอกิน ไม่มี
ที่ดินทากินเป็นของตนเอง แต่ทางหมู่บ้านได้จัดสรรท่ีดินบริเวณหนองแวงผีเสื้อ สาหรับปลูกผักเลี้ยง
ครอบครวั เม่ือเทยี บอัตราสว่ นทง้ั หมดจาก 178 ครวั เรือน คดิ เปน็ ร้อย 4.49 เท่านน้ั
ประเมนิ ความสามารถของชุมชน
หมู่บ้านแสงบูรพา ภายใต้การนาของผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน กลุ่มอาชีพ
และราษฎรในหมูบ่ า้ น ได้ร่วมแรงร่วมใจกันในการนานโยบายของภาครัฐและเอกชนไปสู่การปฏิบัติให้
เกิดผลสาเร็จและใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการกิจกรรมเหล่าน้ัน เช่น โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาการว่างงาน เน่ืองจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา 2019 (โควิด-19) ซ่ึงเป็นโครงการประยุกต์ใช้แนวพระราชดาริ เพ่ือพัฒนาและแก้ไขปัญหา
โครงสร้างพื้นฐานด้านน้าและพัฒนาอาชีพหลังมีน้า โดยในปี 2564 ได้รับงบประมาณจากมูลนิธิ
ปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดาริมาดาเนินโครงการในหมู่บ้าน จานวน 5 โครงการ ซึ่งเป็น
โครงการร่วมกันคิดร่วมกันทาและร่วมกันรับประโยชน์ในชุมชน โดยมูลนิธิสนับสนุนวัสดุส่วนหมู่บ้าน
ตอ้ งร่วมกันออกแรงงานในการดาเนินโครงการ
ห น้ า | ๑๙
ประเมินโอกาสและความเส่ยี งของชุมชนและครวั เรือนยากจน
ผลการวิเคราะห์ความเสี่ยง (SWOT Analysis) ของหมู่บ้านแสงบูรพา หมู่ท่ี 11
ตาบลหนองออ้ อาเภอหนองวัวซอ
STRENGTH ( จดุ แขง็ ) WEAKNESS (จดุ อ่อน)
1) หมบู่ ้านมเี ส้นทางคมนาคมสะดวก เส้นทางเชอื่ ม 1) ขาดการมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาของคนวยั หนุม่ สาว
ต่อไปยังอาเภอและจังหวดั ข้างเคียง เนอื่ งจากไปทางานตา่ งพน้ื ท่ี เช่น กรุงเทพฯ หรือ
2) หมบู่ ้าน/ชมุ ชนมผี นู้ าทเ่ี ขม้ แขง็ มีปราชญ์ชาวบ้าน ตา่ งจังหวดั
ในดา้ นตา่ ง ๆ 2) ปญั หาการแพรร่ ะบาดของยาเสพตดิ ที่อาจเข้าสู่
3) กล่มุ ตา่ งๆ ในหมู่บา้ นมคี วามเขม้ แข็ง มีงบประมาณ หมบู่ า้ นเน่ืองจาก เปน็ พนื้ ที่คาบเกยี่ วของสองจงั หวัด
ในการบริหารหมบู่ ้าน ไมส่ ามารถจากดั การเดนิ ทางของบคุ คลต่างพืน้ ท่ีได้
4) ประชาชนในพ้ืนท่มี ีความสมคั รสมานสามคั คี 3) ภาวะหนส้ี นิ ของประชาชน ท้งั ในและนอกระบบ
5) มที รัพยากรทส่ี าคญั ได้แก่ ดนิ น้า และป่าไม้ท่อี ดุ ม
สมบูรณ์
6) มแี หลง่ ทอ่ งเทีย่ วท่มี ชี ือ่ เสียงไดแ้ กอ่ ่างเกบ็ น้า
ห้วยตาดข่า ซึง่ เปน็ ทร่ี จู้ ักทั้งในและนอกพื้นทส่ี ามารถ
สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพ้นื ท่อี ย่างต่อเนอ่ื ง
OPPORTUNITY (โอกาส) THREAT (อุปสรรค)
1) ประชาชนเปลยี่ นแปลงวิถีชวี ิตเน่อื งจาก ค่านยิ ม
1) ประชาชนมคี วามสนใจ ในการศึกษาเรยี นรู้ ในการกิจกรรม วัตถุนยิ ม เทคโนโลยีการตดิ ต่อสอื่ สารที่ไร้พรมแดน
การส่งเสริมอาชีพ และองคค์ วามรเู้ กี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกจิ ทเี่ ข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวนั
พอเพยี ง และสามารถนาไปพฒั นาต่อยอดได้กับทัง้ อาชีพหลัก 2) ภัยพิบัติ ได้แก่ ภยั ธรรมชาติ ภยั แลง้ วาตภัย และ
และอาชพี เสริม ภัยจากโรคระบาดโควดิ
2) หน่วยงานภาครฐั องคก์ ร หรอื สถาบนั การศึกษา นาแนวทาง 3) ปญั หาดา้ นความคดิ ของประชาชนความเห็นต่างทาง
ศาสตรพ์ ระราชา และการ ขบั เคลอื่ นปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง การเมอื ง
เข้าถึงประชาชนในพ้ืนท่ี เชน่ โครงการขบั เคล่ือนแนวทาง 4) ภาวะค่าครองชีพสงู /ราคาสินคา้ เกษตรตกตา่
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง โครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนว ภาวะเศรษฐกจิ ในประเทศ และภาวะเศรษฐกจิ โลก
พระราชดาริ 5) สถานการณ์การเมอื งในปจั จบุ นั ขาดเสถยี รภาพ
นาไปสกู่ ารพัฒนาต่อยอดใหก้ บั ประชาชน
3) หมบู่ ้านใกลก้ ับตวั จงั หวัดมเี ส้นทางเชือ่ มต่อระหวา่ งจังหวัด
ทาใหส้ ามารถกระจายสนิ คา้ หรอื พืชผลการเกษตรออกส่ตู ลาดได้
อย่างสะดวกรวดเร็ว
4) ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี และการติดตอ่ สอ่ื สารทาง
อนิ เตอรเ์ นต สามารถสรา้ งองทางในการเขา้ ถงึ รายได้ การ
ประกอบอาชพี และชอ่ งทางการตลาดทีก่ วา้ งไกลข้นึ
5) นโยบายของรฐั บาลลงสหู่ ม่บู า้ นในแตล่ ะปี สามารถใชใ้ นการ
พฒั นา และแก้ไขปัญหาของหม่บู า้ นได้อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
ห น้ า | ๒๐
ความเสี่ยงของชุมชนและครัวเรือนยากจนของบ้านแสงบูรพาท่ีได้จากการวิเคราะห์
ความเสี่ยง (SWOT Analysis) จากการสารวจพื้นท่ี จากข้อมูลความจาเป็นพื้นฐานหมู่บ้าน (จปฐ.)
และจากขอ้ มูลพ้ืนฐานระดับหมู่บ้าน (กชช.2ค.) พบว่าจะมีความเส่ียงจากภัยพิบัติได้แก่ ภัยธรรมชาติ
อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในพืช สัตว์และคน เช่น โควิด-19 ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่า
คา่ นยิ มในวตั ถขุ องคนร่นุ ใหม่และประชาชนมอี ัตราการออมเงนิ ทนี่ อ้ ยมาก
สรปุ บทเรยี นท่ีไดร้ บั ในดา้ น
- การบริหารการพัฒนาชุมชนท้องถิน่
บ้านแสงบูรพา เป็นหมู่บ้านท่ีมีความเข้มแข็งจากการสารวจข้อมูลแล้ว พบว่าตัวของ
ผู้ใหญ่บ้านได้รับการยอมรับและให้ความร่วมมือจากราษฎรใน หมู่บ้านเป็นอย่างดี ตลอดจน
คณะกรรมการหมู่บ้านก็มีความเข้มแข็งมีส่วนช่วยเหลือแนะนาให้ คาปรึกษาแก่ผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับดา
เนินงานตา่ งๆ ของหมู่บ้าน กลุม่ วสิ าหกิจในหมบู่ ้านก็สามารถ บรหิ ารจัดการได้เป็นอย่างดีสามารถช่วย
ให้ราษฎรมรี ายไดเ้ พ่มิ มากขึ้น
- การบริหารการพัฒนาระดบั ตาบลและอาเภอ
บ้านแสงบูรพา มีการเก็บข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเมื่อพบปัญหา จะแก้ไขปัญหาใน
ระดับหมู่บ้าน ตาบลก่อนและจึงนาปัญหาท่ีไม่สามารถแก้ไขในระดับ พ้ืนท่ีไปสู่การแก้ไขปัญหาใน
ระดับอาเภอตอ่ ไป
- ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรฐั บาล
บา้ นแสงบรู พาเป็นหมู่บา้ นทเ่ี ข้มแขง็ มีความรว่ มมือร่วมใจในดารทางานเพ่ือส่วนรวม
ยกตัวอย่างเช่น การจัดตั้งด่านชุมชนในช่วงเทศกาลสาคัญ การป้องกันและแก้ไขปัญหาปัญหาโควิด-
19 ซ่ึงไม่มีการติดเช้ือในหมู่บ้าน มีเพียงผู้ติดเช้ือมาจากพื้นที่เสี่ยง(จังหวัดชลบุรี) มีการจัดต้ัง Local
Quarantine ของตาบลหนองอ้อที่หมู่บ้านแสงบูรพาแห่งน้ีรวมถึงมีโครงการพระราชดาริการขยายผล
โครงการด้านเศรษฐกจิ พอเพียงโครงการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมฐานรากเพ่ือบรรเทาผลกระทบจาก
ปัญหาการว่างานเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ได้
ดาเนินโครงการในปี 2564 จานวน 5 โครงการ เป็นโครงการปรับปรุงฝายดิน 3 โครงการ โครงการ
เสริมสนั ฝายให้แขง็ แรง 1 โครงการ โครงการวางท่อส่งน้าเพอ่ื การเกษตร พร้อมติดต้ังระบบโซล่าเซลล์
และหอถัง ซ่ึงโครงการดังกล่าวนั้นได้รับสนับสนุนเป็นค่าวัสดุจากโครงการปิดทองหลังพระแล้วให้
หมบู่ า้ นออกแรงงานกันเอง เปน็ การรว่ มคดิ รว่ มทารว่ มรับประโยชนภ์ ายในชมุ ชน
ห น้ า | ๒๑
ส่วนท่ี 3 ประเด็นการพัฒนาท่คี ดิ รว่ มกับชมุ ชน
1. การพัฒนากระบวนการผลติ และการเพิ่มมูลคา่ ดา้ นการเกษตร ได้ร่วมกันเสนอ
แนวทางการแกไ้ ขปัญหาใหก้ ับเกษตรกร ดังน้ี
1.1 ปัญหาราคาผลผลิตต่า เป็นปัญหาท่ีเกษตรกรไม่สามารถกาหนดราคา
ผลผลิตได้ ประกอบกบั การผลติ และเก็บเก่ียวตามฤดูกาลทาให้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมๆกัน ราคาจึง
ตา่ เปน็ ไปตามกลไกตลาด ในประเดน็ นม้ี คี วามเห็นร่วมกันว่าควรปรับเปล่ียนรูปแบบการผลิตให้เป็นไป
ตามความต้องการของตลาด โดยการแบ่งพ้ืนที่เพาะปลูกออกเป็นการปลูกเพ่ือบริโภคกับการปลูกเพื่อ
จาหน่าย โดยการปลูกข้าวให้เพียงพอสาหรับบริโภคในครัวเรือน และแบ่งพื้นท่ีการปลูกพืชเศรษฐกิจ
ให้หลากหลายตามศกั ยภาพของเกษตรกร เช่น อ้อย มันสาปะหลงั หญา้ เล้ยี งสัตว์
1.2 การลดต้นทุนการผลิต เม่ือไม่สามารถกาหนดราคาจาหน่ายผลผลิตได้
จึงเสนอแนวทางการลดต้นทุนในการผลิต โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกโดยใช้สารเคมีและ
ป๋ยุ เคมใี หน้ ้อยลง เช่นการใช้รถไถพรวนในแปลงอ้อยแทนการใช้ยาฆ่าหญ้า การใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
แทนปยุ๋ เคมี
1.3 การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ด้วยการปรับปรุงบารุงดิน ระบบน้า ปรับปรุง
พนั ธพุ์ ชื ใหเ้ หมาะสมและใหผ้ ลผลิตต่อไรส่ งู กว่า
1.4 การปรับรูปแบบการใช้น้าในแปลงเกษตรจากเดิมใช้รูปแบบการสูบน้า
ราดทั้งแปลง ซ่ึงทาให้ส้ินเปลืองค่าน้ามัน และสูญเสียน้าที่ซึมลงดินโดยพืชไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยการ
เปลย่ี นรูปแบบการให้น้าพืชเป็นการปลูกพืชระบบน้าหยด เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ประหยัดน้า
และให้ผลผลิตท่สี ูงกวา่ เน่อื งจากพืชไดร้ ับนา้ อย่างเพียงพอและสม่าเสมอ จึงให้ผลผลติ มากขึ้น
1.5 การแปรรูปสินค้าการเกษตร เช่น การนาข้าวสารมาบรรจุถุงขาย ก็จะ
เป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าตลอดจนการแปรรูปสินค้าด้านการเกษตร เช่น การผลิตเป็นข้าวพอง
ธัญพชื โดยกลมุ่ วสิ าหกจิ ชุมชนทานาหว้ ยตาดข่า เป็นต้น
2. การลดรายจา่ ยท่ไี ม่จาเป็น
การจัดหาน้าดื่มท่ีสะอาด ราคาถูกและสร้างรายได้ให้กับชุมชน เนื่องจากเดิมราษฎร
ในหมู่บ้านเคยไปรับน้าด่ืมฟรีจากโครงการพัฒนาแหล่งน้าบาดาลเพ่ือสนับสนุนน้าดื่มสะอาดให้กับ
โรงเรียนท่ัวประเทศท่ีโรงเรียนชุมชนหนองแสง แต่ช่วงหลังโรงเรียนขาดงบประมาณในการบริหาร
จดั การในการบารงุ รกั ษา ค่าไฟฟ้า ทาใหเ้ กดิ ความไมส่ ะดวก ราษฎรในหมู่บ้านจึงซ้ือน้าดื่มจากเอกชน
มาบริโภค จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าบ้านหนองแสง มี 178 ครัวเรือน หากเฉล่ียการใช้น้าด่ืม
ครวั เรือนละ 1 ถังต่อวัน พบว่าต้องจ่ายค่าน้าดื่ม 2,136 บาทต่อวันเป็นเงิน 64,080 บาทต่อเดือน
และเป็นเงิน 768,960 บาทต่อปี เพ่ือให้ชาวบ้านลดค่าใช้จ่ายและเพ่ือให้ค่าใช้จ่ายจานวนมากนี้เกิด
ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชน จึงได้ร่วมกนั เสนอแนวทางการบริหารจัดการน้าดม่ื สาหรับครัวเรือน ดังนี้
ห น้ า | ๒๒
2.1 การบรหิ ารจดั การโดยจัดตง้ั คณะกรรมการเพอ่ื ดาเนินการจัดหาภาชนะ
จัดหาผู้ใหบ้ รกิ ารสง่ นา้ ถงึ ครัวเรือน การซอ่ มบารงุ การจัดเกบ็ รายได้ การจดั สวัสดิการชุมชน
2.2 กาหนดราคาจาหน่ายน้าด่ืมต่ากว่าราคาในตลาด โดยจาหน่ายในราคา
ถังละ 10 บาท และกาหนดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมและเป็นธรรม หากจาหน่ายวันละ 178 ถังเท่ากับ
1,780 บาทตอ่ วัน 53,400 ต่อเดือน 640,800 ต่อปี จะมีสดั ส่วนรายได้ ดงั นี้
- ค่าบารุงโรงเรียน 20 % เท่ากับมีเงินบารุงโรงเรียนวันละ 356 บาท
เดือนละ 10,680 บาท ปีละ 128,160 บาท
- ค่าตอบแทนผู้ให้บริการ 30 % เท่ากับผู้ให้บริการมีรายได้วันละ 534
บาทเดอื นละ 16,020 บาท ปลี ะ 192,240 บาท
- ค่าซอ่ มบารงุ รายไดช้ ุมชน 50 % เท่ากับชุมชนมีรายได้วันละ 890 บาท
เดือนละ 26,700 บาท ปีละ 320,400 บาท ซ่ึงชุมชนอาจนารายได้หลังหักค่าซ่อมบารุงไปจัดเป็น
สวัสดิการชุมชนหรือเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม การจัดหาวัสดุอุปกรณ์หรือการพัฒนาด้านอื่นๆ
ของชมุ ชนและยงั ทาให้ชาวบา้ นประหยัดค่าใช้จา่ ยไดค้ รวั เรือนละ 720 บาทตอ่ ปี
3. การเสริมสร้างความรทู้ างการเงิน การออมและการลงทุน
การพัฒนาด้านการส่งเสริมการออมในครัวเรือน จากข้อมูลการประกอบอาชีพของ
ประชาชนบ้านแสงบูรพา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีการประกอบอาชีพด้านการเกษตรท่ีหลากหลาย
มีงานทาและมีรายได้เกอื บตลอดท้งั ปี รายได้ตามขอ้ มูล จปฐ. , กชช 2ค ปี 2562 พบว่าชาวบ้านแสง
บูรพามีรายได้เฉลี่ยต่อคน/ปี 62,975 บาท มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน/ปี 169,613 บาท ถือว่ามี
ระดับการพฒั นาชุมชนในระดับพออยพู่ อกนิ แต่จากการเก็บข้อมูลครัวเรือนพบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่มี
หนี้การลงทนุ ประกอบอาชีพ มกี ารออมในรปู แบบของหุ้นและฌาปนกจิ สงเคราะห์ ซ่ึงเป็นการออมท่ีไม่
สามารถนาเงินออกมาใช้จ่ายในยามจาเป็นได้ หากเกิดภาวะฉุกเฉินหรือเกิดปัญหาที่ทาให้ไม่สามารถ
ประกอบอาชีพหรือดารงชีวิตตามปกติได้ อาจทาให้ชาวบ้านแสงบูรพาได้รับความเดือดร้อนจนไม่
สามารถพ่งึ ตนเองได้อีกตอ่ ไป
เพื่อเป็นการรองรับปัญหาด้านเศรษฐกิจท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคต จึงได้ร่วมกันเสนอ
การน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในวิถีชีวิตชาวบ้านแสงบูรพา โดยให้
ความสาคัญของหลักการพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ควบคู่กับการมีความรู้และมีคุณธรรม
ในส่วนของการออมเป็นส่วนหน่ึงของหลักการสร้างภูมิคุ้มกันด้านเศรษฐกิจให้ครัวเรือน ในทางปฏิบัติ
จะตอ้ งส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนมีการจัดทาบัญชีครัวเรือน เพ่ือให้มีข้อมูลรายรับ รายจ่ายของครัวเรือน
และตอ้ งใหค้ วามสาคญั กับการแบง่ เก็บแบ่งใช้ เพ่อื ให้มีเงนิ ออมไวส้ ารองในยามจาเป็น
ห น้ า | ๒๓
ภาคผนวก
ภาพประกอบการสารวจขอ้ มลู เศรษฐกจิ และสังคมของหมูบ่ า้ น
บ้านแสงบูรพา หมู่ที่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอดุ รธานี
ห น้ า | ๒๔
การสารวจขอ้ มลู เศรษฐกิจและสังคมของหมู่บา้ น (แบบสารวจ จานวน 40 แบบสารวจ)
บา้ นแสงบรู พา หม่ทู ี่ 11 ตาบลหนองอ้อ อาเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
ตาราง/แผนภูมิ และผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลเศรษฐกจิ และสังคมของหม่บู ้าน
1. ขอ้ มูลพ้นื ทที่ ากนิ
ไมม่ ีพื้นท่ีทากนิ เปน็ ของตนเอง มีพื้นท่ีทากนิ
3 37
ขอ้ มูลพน้ื ทีท่ ากนิ
ไมม่ พี ื้นที่ทากนิ มีพืน้ ท่ีทากนิ
7%
93%
- พนื้ ที่ปลกู พน้ื ท่ปี ลูกพชื ผักสวนครวั พน้ื ที่ปลกู พืชไร่ พนื้ ทปี่ ลกู พืชสวน
1 13 9
พืน้ ท่ีปลกู ขา้ ว
17
พื้นทป่ี ลูกข้าว พืน้ ท่ปี ลกู
พื้นทป่ี ลูกพืชไร่
พืน้ ที่ปลกู พชื ผักสวนครวั
พน้ื ทีป่ ลกู พืชสวน
23%
42%
33%
2%
ห น้ า | ๒๕
2. รายได้ รายไดจ้ าก รายไดจ้ าก รายไดจ้ าก รายไดจ้ าก รายไดจ้ าก รายได้เฉลีย่
การปลูกพืช ปศสุ ัตว์ หัตถกรรม การคา้ ขาย สมาชิกใน 121,736
รายไดจ้ าก ครัวเรอื น
การปลูก ไร่ 33,180 200,000 94,000
296,266
ข้าว 84,871
22,098
รายได้
รายได้จากการปลูกขา้ ว รายได้จากการปลกู พืชไร่
รายไดจ้ ากปศุสตั ว์ รายไดจ้ ากหัตถกรรม
รายได้จากการคา้ ขาย รายไดจ้ ากสมาชกิ ในครวั เรือน
41% 3% 12%
4%
27%
3. รายจ่าย 13%
ค่าใชจ้ ่ายเพื่อการ ค่าใช้จา่ ยเพื่อการ ค่าใช้จา่ ยทีไ่ ม่ คา่ ใชจ้ ่ายเก่ียวกบั รายจ่ายเฉลี่ย
บรโิ ภค อปุ โภค เก่ียวกับการ การลงทนุ 40,056
อปุ โภคบริโภค
54,998 20,637 28,083 56,507
รายจ่าย
คา่ ใช้จา่ ยเพอ่ื การบริโภค
คา่ ใช้จ่ายเพื่อการอุปโภค
คา่ ใช้จ่ายทไ่ี ม่เกีย่ วกบั การอปุ โภคบริโภค
ค่าใชจ้ า่ ยเกย่ี วกับการลงทุน
35% 34%
18%
13%
ห น้ า | ๒๖
4. หนีส้ นิ
สหกรณ/์ สถาบนั
กล่มุ
ญาติ ร้านค้า กองทนุ กองทนุ การเงิน กองทนุ กู้ยืม ธนาคาร สหกรณ์ หนส้ี ินเฉลยี่
หมู่บ้าน/ เอกชน เพอ่ื ออมทรพั ย์
ต่างๆ ใน กองทนุ เชน่
ชุมชน เงนิ ลา้ น ไฟแนนซ์ การศึกษา ใน
หน่วยงาน
อิออน
30,000 8,300 301,428 45,000 211,666 85,000 372,375 41,250 136,877
หน้ีสิน
ญาติ
ร้านคา้
สหกรณ์/กลมุ่ กองทนุ ตา่ งๆ ในชมุ ชน
กองทุนหมบู่ ้าน/กองทุนเงนิ ล้าน
สถาบันการเงินเอกชน เช่น ไฟแนนซ์ อิออน
กองทนุ กู้ยืมเพื่อการศกึ ษา
ธนาคาร
สหกรณ์ออมทรัพย์ในหน่วยงาน
3%
4% 1% 27%
34%
4%
8% 19%
5. เงนิ ออม
เงินฝาก เงินฝาก ซอื้ ประกนั ซอ้ื หุน้ จาก เก็บไว้ท่ี แชร์ทีย่ ัง ฌาปนกิจ เงินออม
ธนาคาร สหกรณ์ใน (หาเสีย กลุ่ม/ บ้าน ไม่เปีย (หาก เฉล่ีย
หนว่ ยงาน ชีวติ ) กองทนุ เสียชวี ติ )
168,978 288,500 750,200 186,479 10,943 40,000 228,528 239,090
เงนิ ออม
เงนิ ฝากธนาคาร เงินฝากสหกรณ์ในหนว่ ยงาน ซ้ือประกนั (หากเสยี ชีวติ )
ซอ้ื หุน้ จากกลุม่ /กองทุน เก็บไว้ทีบ่ ้าน แชรท์ ่ยี งั ไมเ่ ปยี
ฌาปนกิจ(หากเสียชีวิต)
2%
1% 14% 10%
11% 17%
45%
ห น้ า | ๒๗
6. การประกอบอาชพี
เกษตรกร รับจ้าง คา้ ขาย รับราชการ ลูกจ้างพนักงาน ลูกจา้ งเอกชน คนชรา อื่น ๆ
16 8 2 1 1 4 53
การประกอบอาชีพ
เกษตรกร รบั จ้าง คา้ ขาย รบั ราชการ
อ่นื ๆ
ลกู จ้างพนักงาน ลกู จ้างเอกชน คนชรา
8%
13%
40%
10% 20%
2%
2%
5%
รายงานการเรียนรูด้ ว้ ยประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ัติงาน (Action Learning)
บ้านโนนประทาย หมูท่ ี่ 9
ตาบลวารนิ อาเภอศรเี มืองใหม่
จังหวัดอบุ ลราชธานี
จัดทาโดย
กลุ่มปฏบิ ตั ิการท่ี 11 (กป.11)
นางพุทธิพร พลอยผักแว่น ทอ้ งถนิ่ จังหวดั นครราชสมี า
นางสาวพัลลรนิ ทร์ ภูกจิ ผ้อู านวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน
รกั ษาการในตาแหน่งผู้เชย่ี วชาญด้านการจดั การ
นายชยั พล ภูตอ้ งลม สาธารณภยั กองนโยบายปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั
นายนพพร หนูเพชร หวั หนา้ สานกั งานจังหวัดแพร่
นายสรชาย ครองยทุ ธ นายอาเภอสะบา้ ย้อย จงั หวดั สงขลา
นายอนุชา ใจชว่ งโชติ นายอาเภอศรีเมืองใหม่ จงั หวดั อุบลราชธานี
นายปฐมพงษ์ จนั ทร์สวา่ ง นายอาเภอบางเลน จังหวดั นครปฐม
นายฉลอง เผอื กแสงทพิ ย์ พฒั นาการจงั หวดั แม่ฮ่องสอน
นายชาตรี เมธาธราธิป เจา้ พนกั งานท่ดี ินจังหวดั ลพบรุ ี
นายอนนั ต์ ปน่ิ นอ้ ย ผ้อู านวยการศูนย์อนามัยท่ี 7 ขอนแกน่
ผอู้ านวยการสานกั ฟ้ืนฟูและพัฒนาพนื้ ทีอ่ นรุ กั ษ์
กรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตวป์ า่ และพันธพุ์ ืช
รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สูง (นปส.) รนุ่ ที่ 77
สถาบนั ดารงราชานภุ าพ กระทรวงมหาดไทย
พุทธศกั ราช 2564
คานา
เอกสารการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน (Action Learning) ระหว่างวันที่ 24 - 28
สิงหาคม 2564 ณ บ้านโนนประทาย หมู่ที่ 9 ตาบลวาริน อาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี
ฉบับนี้ จัดทาขึ้นโดยนักศึกษาหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 กลุ่มปฏิบัติการท่ี 11 (กป.11)
ซ่งึ สมาชกิ ทกุ คนไดม้ ีสว่ นรว่ มในการสืบคน้ ข้อมลู กับพน่ี ้องชาวบ้านโนนประทายโดยผ่านกระบวนการเรียนร้ทู ่ีเรียก
ได้ว่าเป็นคร้ังแรกของนักศึกษาและชาวบ้านท่ีต้องพึ่งพาเทคโนโลยี (ระบบ ZOOM) อันเนื่องมาจากสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ท่ีทาให้พวกเราไม่ได้ลงพ้ืนที่ไปพบปะกับพ่ีน้องได้โดยตรง ถือว่าเป็นเรื่อง
ท้าทายของท้ังสองฝ่ายว่า ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเรียนรู้ภูมิสังคมและวิถีชีวิตของชุมชน การศึกษาเรียนรู้ระบบ
การบรหิ ารจัดการชุมชน ตลอดจนการศกึ ษาเรียนรู้เพ่ือให้ได้รับทราบนโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการพัฒนา
ของชุมชน จะมีให้พวกเราร่วมกันศึกษาวิเคราะห์และร่วมกับชาวบ้านกาหนดทิศทางการพัฒนาได้เพียงใด
แต่เมื่อได้ลงมือปฏิบัติแล้วจริง กิจกรรมดังกล่าวทาให้ได้รับทราบข้อมูลที่เก่ียวข้อง อันเน่ืองมาจากได้รับความ
ร่วมมอื จากพี่นอ้ งบ้านโนนประทาย เปน็ อยา่ งดีย่ิงจนสามารถสรุปเปน็ เอกสารรูปเลม่ ทส่ี มบูรณใ์ นครั้งนี้
คณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน
(Action Learning) ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสาหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในพื้นท่ี ท่ีจะนาไป
ต่อยอดการบริหารจัดการชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการของพ่ีน้องบ้านโนนประทาย หมู่ท่ี 9 ตาบลวาริน
อาเภอศรเี มอื งใหม่ จังหวัดอบุ ลราชธานี รวมท้งั อาจเปน็ แนวทางในการทางานใหก้ ับบคุ คลหรือองคก์ รภายนอกได้
คณะผจู้ ดั ทา
นักศึกษาหลักสูตรนกั ปกครองระดับสูง รุน่ ที่ 77
กลมุ่ ปฏบิ ัติการที่ 11 (กป.11)
สว่ นท่ี 1 สารบัญ หนา้
สว่ นท่ี 2 1
กรอบการเรยี นรู้ดว้ ยประสบการณต์ รงจากการปฏบิ ัตงิ าน (Action Learning) 22
ส่วนท่ี 3 1.1 การศึกษาเรียนรภู้ มู สิ ังคมและวถิ ีชวี ติ ของชุมชน
ภาคผนวก 1.2 การศกึ ษาเรียนรู้ระบบการบรหิ ารจดั การชมุ ชน 33
1.3 การศกึ ษาเรยี นรู้นโยบายภาครัฐและผลกระทบต่อการพฒั นาชมุ ชน 34
ประเดน็ การพฒั นาชมุ ชน
2.1 ระดับการพัฒนาของหม่บู า้ น
2.2 สัดสว่ นจานวนครัวเรอื นท่ไี มพ่ ออย่พู อกนิ
2.3 ประเมินความสามารถของชมุ ชนในการใช้ประโยชนจ์ ากโครงการกจิ กรรมต่างๆ
ภายใต้นโยบาย
2.4 ประเมินโอกาสและความเสี่ยงของชมุ ชนและครวั เรอื นยากจน
2.5 สรุปบทเรียนท่ไี ด้รับในด้าน
- การบริหารการพฒั นาชุมชนทอ้ งถ่นิ
- การบรหิ ารการพฒั นาระดบั ตาบลและอาเภอ
- ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการปฏบิ ัติงานตามนโยบายของรัฐบาล
การร่วมคดิ กิจกรรมการพฒั นาร่วมกับชมุ ชน
รปู ภาพประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้
1
สว่ นที่ 1
กรอบการเรียนรู้ด้วยประสบการณต์ รงจากการปฏิบัตงิ าน (Action Learning)
1. การศกึ ษาเรียนรู้ภูมสิ งั คมและวิถชี วี ิตของชมุ ชน
หมู่บา้ นโนนประทาย หมทู่ ่ี 9 ตาบลวารนิ อาเภอศรเี มอื งใหม่ จงั หวดั อุบลราชธานี ต้ังอย่ทู างทศิ ตะวันตก
เฉียงใต้ของอาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ห่างจากอาเภอศรีเมืองใหม่ประมาณ ๖ กิโลเมตร
สภาพสังคมโดยรวมมีลักษณะเป็นการรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ตามคุ้มต่างๆ แต่ละกลุ่มจะเป็นลักษณะเครือญาติ
มีความเอ้ือเฟ้ือ ช่วยเหลือเกื้อกูล มีความสมัครสมานสามัคคีซึ่งกันและกัน ลักษณะชุมชนเป็นแบบ
ชุมชนเกษตรกรรมผสมผสานกับการปศุสัตว์ ลักษณะครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว มียุ้งฉางเก็บพืชผล
ทางการเกษตร คอกสัตว์ บางครวั เรอื นอย่หู ลายท่ี เช่นตามไรน่ าที่ใชพ้ กั อาศยั ในฤดูทานา โดยมปี ระวัติของหมบู่ ้าน
ที่นา่ สนใจ ดังน้ี
1.1 ประวัติของหม่บู า้ น
เมื่อปี พ.ศ. 2476 มีครอบครัวของนายจันทร์ อินทะนิน ได้อพยพมาจากบ้านไฮ อาเภอเมือง
จงั หวัดอบุ ลราชธานี มาตั้งถ่ินฐานอยบู่ า้ นหนองขุน่ หลายปผี า่ นไปบา้ นหนองขนุ่ มบี า้ นเรือน แออดั กันมาก จึงได้มา
สร้างบ้านเรือนอยู่ท่ีนาตัวเองซึ่งเป็นที่ต้ังบ้านโนนประทายในปัจจุบัน ต่อมามีเพื่อนบ้านที่บ้านหนองขุ่น หมู่ที่ 2
ตาบลวาริน อาเภอศรเี มอื งใหม่ อพยพตามมาสรา้ งบา้ นเรอื นอย่ดู ว้ ยกัน เช่น ครอบครวั ของนายใส คืนดี เปน็ ต้น
หลังจากผู้คนอพยพมาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันทาเร่ือง เสนอต้ังเป็นหมู่บ้านใหม่
เม่ือปี พ.ศ.2486 โดยช่ือว่าบ้านโนนประทายเพราะลักษณะเป็นที่สูงเนินและ ในช่วงสงกรานต์เป็นที่
กอ่ เจดียท์ ราย เพอ่ื บชู าผบี รรพบุรุษ ชาวบ้านเรียกว่า “ตบประทาย” โดยมผี ใู้ หญ่บ้านตามลาดับดังนี้
1. นายสิงห์ ทองงาม ดารงตาแหน่ง พ.ศ. 2486 - 2516
2. นายขวย คืนดี ดารงตาแหนง่ พ.ศ. 2516 - 2531
3. นายพลู สวัสด์ิ คืนดี ดารงตาแหน่ง พ.ศ. 2531 - 2536
4. นายอาพร พองงาม ดารงตาแหน่ง พ.ศ. 2536 - 2538
5. นายพูลสวสั ดิ์ คืนดี ดารงตาแหน่ง กานนั ตาบลวารนิ เม่ือ พ.ศ.2538 ถงึ ปัจจุบนั
2
1.2 ตาแหนง่ ทีต่ ้งั ของหม่บู ้าน
1.3 ลักษณะทางกายภาพ
พื้นทส่ี ว่ นใหญ่เปน็ พนื้ ท่เี กษตรกรรมและการปศสุ ตั ว์ เป็นทีอ่ ย่อู าศัยของประชาชนเป็นพน้ื ท่ีป่าชุมชน
และพ้ืนที่สาธารณะตามลาดับ ปัจจุบันสภาพพ้ืนท่ีปา่ ชุมชนบางส่วนมีสภาพไม่สมบูรณ์ ลักษณะดินเป็นดินเหนยี ว
ปนทราย เหมาะแก่การปลูกข้าว พื้นท่ีส่วนใหญ่มีกรรมสิทธ์ิในท่ีดินเป็นของตนเอง โดยมีบางครัวเรือนมีท่ีทากิน
เป็นของตนเอง แต่ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ในการถือครอง เช่น โฉนด หรือ นส.๓ เนื่องจาก บิดามารดา หรือปู่ย่า
ตายาย ยงั ไมไ่ ด้แบง่ มรดกโอนกรรมสทิ ธ์ิ
ทิศเหนอื จด ร่องห้วยซันและทนี่ าบา้ นดอนงวั หมู่ท่ี 3 ตาบลแก้งกอก อาเภอศรเี มอื งใหม่
ทศิ ตะวนั ออก จด ที่นาบ้านโนนมว่ ง หมู่ที่ 3 ตาบลวารนิ อาเภอศรเี มืองใหม่
ทศิ ใต้ จด ร่องนา้ หนองหลุมและพื้นที่นาบัวบา้ นหนองขนุ่ หมทู่ ่ี 2 ตาบลวาริน
อาเภอศรีเมอื งใหม่
ทศิ ตะวนั ตก จด ร่องนา้ หนองหลุมและพนื้ ทีน่ าบ้านโนนจกิ นอ้ ย หมู่ที่ 10 ตาบลวารนิ
อาเภอศรเี มอื งใหม่
1.4 ลกั ษณะภูมอิ ากาศ/ความเหมาะสมในการประกอบอาชีพ
บ้านโนนประทาย หมู่ที่ 9 ตาบลวาริน อาเภอศรีเมอื งใหม่ มลี ักษณะสภาพอากาศรอ้ นอบอ้าว
และแห้งแล้ง จาแนกไดเ้ ป็น 3 ฤดู คอื
ฤดูร้อน ช่วงประมาณเดอื นกุมภาพนั ธ์ – เมษายน
ฤดูฝน ช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม – กนั ยายน
ฤดูหนาว ช่วงประมาณเดอื นตุลาคม – มกราคม
3
1.5 การคมนาคม
1) การคมนาคมภายในหมู่บ้าน
- ถนนเชื่อมระหว่างหมู่บา้ นและตาบล (คอนกรีต/ลกู รงั ) พาหนะท่ใี ชส้ ่วนมากเป็น
รถจกั รยานยนต์ และรถยนต์
2) การคมนาคมภายนอกหมบู่ ้าน
2.1) ถนนสายหลัก (ลาดยาง) จานวน 2 สาย ไดแ้ ก่
(1) ถนนสายบ้านแก้งกอก – ตาบลสาโรง ทางที่ตดั ผา่ นตาบลวาริน ประมาณ 9 กม.
(2) ถนนสายบ้านดอนใหญ่ – ตาบลระเว ทางท่ีตัดผ่านตาบลวาริน ประมาณ 12 กม.
2.2) ถนนเช่อื มระหวา่ งหมบู่ า้ นและตาบล (คอนกรตี /ลูกรงั )
๒.๓) การเดินทางมายงั หม่บู า้ น
- เดินทางโดยรถยนตส์ ่วนตัว สามารถเดนิ ทางจากตัวเมอื งอุบลราชธานี ตามเสน้ ทางหลวง
หมายเลข ๒๑๗ ผา่ นอาเภอพบิ ลู มังสาหาร เป็นระยะทาง ๘๐ กิโลเมตร
- เดินทางโดยรถประจาทาง สามารถเดินทางจากตัวอาเภอเมืองอุบลราชธานี โดยรถตู้
โดยสาร โดยข้ึนที่สถานีขนส่งจงั หวัดอุบลราชธานี ค่าโดยสาร ๗๐ บาท ถงึ สถานขี นสง่ อาเภอศรเี มืองใหม่ แล้วต่อ
รถรับจ้างมายังบ้านโนนประทาย หมู่ที่ ๙ ตาบลวาริน อาเภอศรีเมืองใหม่ ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร ค่าโดยสาร
รถรับจ้าง ๒๐ บาท
1.6 ทรัพยากรธรรมชาติ
- ทรพั ยากรนา้ น้าในพ้ืนทเ่ี ป็นนา้ จดื โดยอาศัยน้าฝนตามฤดูกาลเป็นหลัก เพอ่ื ใช้ในการอุปโภค
และการเกษตร สว่ นนา้ ทีใ่ ชใ้ นครัวเรอื นไดจ้ ากการขดุ เจาะบอ่ บาดาล แหลง่ นา้ ธรรมชาตใิ นพ้ืนทท่ี ่สี าคญั มีลาหว้ ย
และบ่อนา้ สาธารณะไดแ้ ก่
1) ลาหว้ ยหนองหลุม ใช้ประโยชนใ์ นการเกษตรเลยี้ งสตั ว์
2) ลาห้วยซัน ใชป้ ระโยชนใ์ นการเกษตรเลย้ี งสัตว์
3) สระน้าตามทน่ี า จานวน 60 บอ่
4) บอ่ บาดาล จานวน 38 บอ่
- ทรัพยากรป่าไม้ ป่าชุมชน มีพื้นท่ี 25 ไร่ ผู้นาชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน ได้ทาโครงการ
ขอสนับสนุนต้นไม้ (ต้นยูคาลิปตัส) จากองค์การบริหารส่วนตาบลวาริน เพ่ือนามาปลูกบริเวณป่าชุมชนแห่งน้ี
ใช้เวลาปลูก 3 ปี สามารถจาหน่ายได้เงินเข้ากองทุนกลางของหมู่บ้าน โดยเฉล่ียสามารถจาหน่ายได้ครั้งละ
40,000 บาท ปา่ ชมุ ชนได้ประกาศข้นึ เป็นพนื้ ท่สี าธารณะ
4
๑.๗ ภัยธรรมชาติ
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พ้ืนที่บ้านโนนประทาย หมู่ที่ ๙ ตาบลวาริน อาเภอศรีเมืองใหม่ ไม่ได้รบั
ผลกระทบปญั หาภัยธรรมชาติที่รุนแรง จะมปี ัญหาบา้ งในบางปี ที่เกิดภาวะฝนทิง้ ช่วงเปน็ เวลานาน ทาให้พนื้ ท่ีนา
ขาดนา้ หลอ่ เลย้ี งต้นขา้ ว ในระยะแตกกอ ส่วนในฤดูฝนของบางปี ท่มี ีมรสมุ หรือไดร้ ับอทิ ธิพลของพายทุ าให้มีฝนตก
หนักตดิ ตอ่ กนั หลายวนั น้าตามทต่ี ่างๆ ไหลลงสู่ทีล่ ุ่มซงึ่ เป็นพน้ื ท่ีปลกู ขา้ ว เพ่อื ไหลลงสู่ลาห้วย แตไ่ มไ่ ด้สรา้ งความ
เสียหายแกน่ าข้าวของเกษตรกร
1.๘ สภาพทางสังคม
1.๘.1 โครงสรา้ งประชากร
- ข้อมูลประชากรตามข้อมูลความจาเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ปี 2562 จานวน 129
ครัวเรือน ประชากร 454 ชาย 233 คน หญิง 221 คน และข้อมูลประชากร ปัจจุบัน จานวน 147
ครวั เรือน ประชากร 589 คน ชาย 300 คน หญิง 289
- รายไดเ้ ฉลยี่ 66,483.26 บาท/ครัวเรอื น/ปี
- ครัวเรอื นยากจน (รายไดไ้ มถ่ งึ 38,000 บาท/คน/ปี ) ปี 2562
จานวน - ครัวเรือน
- รายได้ของประชากรมาจากการประกอบอาชีพ ดงั น้ี
1) อาชีพปลูกข้าว มีครัวเรือนปลูกข้าวทุกครัวเรือน จานวน 292 แปลง เน้ือที่
2,372.12 ไร่ พน้ื ทบ่ี า้ นโนนประทายทานาได้ปลี ะหนงึ่ ครั้ง โดยอาศยั น้าฝนเปน็ หลัก ส่วนใหญ่ใช้วิธีปัก
ดา การใช้ปุ๋ยส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลัก ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปัจจุบันเร่ิมมีการปลูกข้าวแบบ
อินทรีย์ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว การเก็บเก่ียวใช้แรงงานคน พันธ์ุข้าว ใช้พันธ์ุส่งเสริม ได้แก่ ข้าวดอกมะลิ
๑๐๕, กข๑๕, กข๖ ผลผลติ เฉล่ีย ประมาณ ๔๐๕ กิโลกรมั ตอ่ ๑ ไร่ นอกจากนีห้ ลงั เสร็จฤดูเก็บเก่ียวข้าว
ประชาชนจะมีอาชีพเสริม คือการปลูกพริก ซึ่งเป็นอาชีพท่ีสร้างรายได้ให้กับชุมชนเป็นอย่างดี
จาหน่ายท้ังพริกสดและพรกิ แหง้ แตป่ ระสบปัญหาราคาพริกตกตา่
2) การเล้ียงสัตว์
๒.๑) โคเน้ือ มีการจัดทาแปลงหญ้า การปรับปรุงพันธ์ุ
๒.๒) กระบอื ยังเป็นการเลย้ี งแบบเกา่ ๆ ไมค่ ่อยปรบั ปรงุ บารงุ พันธุ์
๒.๓) สกุ ร ส่วนใหญ่เปน็ การเลี้ยงแบบฟาร์มขนาดเลก็
๒.๔) ไก่ เป็ด เป็นการเลีย้ งแบบพืน้ บ้าน โดยปลอ่ ยให้หากินตามธรรมชาติ
3) รบั จ้างท่วั ไป มที ัง้ รับจา้ งในพนื้ ท่ีและออกไปรบั จ้างนอกพนื้ ทีห่ มู่บา้ น มีรายได้ตอ่ คน
ประมาณ 400 - 500 บาท/วนั
5
1.๘.2 ลักษณะครอบครวั และเครือญาติ
เปน็ ครอบครัวใหญ่ มีทงั้ ปู่ ยา่ ตายาย พอ่ แม่ และญาติ บ้านเรือนต้งั อยู่ในบริเวณ
ใกล้เคยี งกัน
1.๘.3 การศึกษา
ประชากรมรี ะดับการศึกษา ดังนี้
ระดับประถมศึกษา จานวนร้อยละ 81.95 ของประชากร (ป.1 - ป.6)
ระดับมธั ยมศึกษา จานวนรอ้ ยละ 16.27 ของประชากร (ม.1 - ม.6)
ระดบั อดุ มศึกษา จานวนรอ้ ยละ 1.78 ของประชากร (ป.วช.ข้ึนไป)
การศึกษาประชากรส่วนใหญ่ ประมาณ 45 % จบการศกึ ษาภาคบังคับ ป.6 และประชากร
สว่ นใหญ่แนวโน้มต่อไปการศึกษาจะดีขึ้น เนอื่ งจากมโี อกาสเข้าถึงระบบการศึกษามากข้นึ ทั้งระบบการศกึ ษานอก
ระบบของ กศน. มีโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นท่ีใกล้เคียง ตลอดจนสถาบันการศึกษาเปิดการเรียนทางไกล
และมีระบบเปดิ มากข้ึน
- สถานศึกษาภายในชุมชน ไม่มี
- สถานศึกภายนอกชุมชน จานวน 4 แหง่ ไดแ้ ก่
1) โรงเรยี นบา้ นหนองขนุ่
2) โรงเรียนบ้านจนั ทยั
3) โรงเรยี นบา้ นหนองหอย
4) โรงเรยี นบา้ นดอนโพธ์ิ
1.๙ สุขภาพอนามยั และการไดร้ ับบริการสาธารณสุข
บ้านโนนประทาย หมู่ที่ 9 ตาบลวาริน ไม่มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลในหมู่บ้าน
มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลท่ีรับผิดชอบดูแล 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลหนองขุ่น
หมทู่ ี่ 2 ตาบลวาริน มีอาสาสมัครสาธารณสขุ (อสม.) ดแู ลการรกั ษาสขุ ภาพในชุมชน จานวน 10 คน โดยการแบ่ง
การดูแลออกเป็นคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุข 1 คน ดูแล 1 คุ้ม โดยให้อาสาสมัครท่ีรับผิดชอบคุ้มรายงาน
สถานการณผ์ ู้ปว่ ย สขุ ภาพของคนในคุม้ อย่างสม่าเสมอ
บ้านโนนประทายเป็นหมู่บ้านสีฟ้า หมายถึง เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพ้ืนท่ี ผู้ป่วยท่ีมี
จะเปน็ ผทู้ ี่เดินทางมาจากพ้นื ที่เสี่ยงเท่าน้นั ซึ่งอาสาสมัครสาธารณสขุ ไดด้ าเนนิ การตามาตรการและให้ผูป้ ่วยเข้ารับ
การรักษาท่ีโรงพยาบาลศรีเมืองใหม่ ส่วนผู้ท่ีกักตัว ผู้นาชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข
(อสม.) ได้ให้คาแนะนาในการปฏิบัติตนและได้ดูแลเร่ืองอาหารในช่วงกักตัวทุกราย นอกจากน้ี ยังมีการเดิน
ประชาสัมพันธใ์ ห้คนในหมู่บ้านตระหนักถึงความสาคัญของการรับฉีดวัคซนี จนคนในหม่บู ้านมีความร้คู วามเข้าใจ
รบั ขอ้ มูลท่ีเป็นจรงิ เกยี่ วกับการฉีดวคั ซีน รวมท้ังมาตรการ DMHTTA
สาหรับผปู้ ว่ ยติดเตียง บา้ นโนนประทายจะมบี รบิ าล (CG) คอยดแู ลอยู่เสมอ จานวน 2 คน ไดแ้ ก่
1. นางสมุ าพร พรหมบุตร
2. นางบังอร พองงาม
1.๑๐ การไฟฟา้
มีลักษณะการใช้ไฟฟ้า 3 ลกั ษณะ คอื ไฟฟ้าในครัวเรือนที่พักอาศัย ไฟฟ้าเพือ่ การเกษตร และไฟฟ้า
ส่องสว่างสาธารณะในหมู่บ้านและจุดเสี่ยง ครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้ครบทุกหลังคาเรือน มีไฟฟ้าเพื่อการเกษตร
และไฟฟ้าส่องสวา่ งสาธารณะในหมบู่ า้ นและจุดเสยี่ ง
6
1.1๑ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ความเช่อื
๑) ศาสนา ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ บ้านโนนประทาย ไม่มีวัดประจาหมู่บ้าน
แต่จะมวี ัดทอ่ี ยใู่ นหมบู่ ้านใกล้เคียง โดยในตาบลวาริน มวี ดั ทางพระพุทธศาสนา จานวน ๕ แห่ง สานกั สงฆ์ ๒ แห่ง
๒) ภาษา ภาษาท่ีใช้ ภาษาอสี าน ภาษาไทย
๓) ขนบธรรมเนียมประเพณี มีขนบธรรมเนียมประเพณี ตามฮีต ๑๒ ครอง ๑๔ ซึ่งเป็น
ขนบธรรมเนียมประเพณีด้ังเดิมของภาคอีสาน มีความเชื่อในเร่ืองบาปบุญ โชคลางของขลัง และเชื่อในเรื่องภูตผี
ปศี าจ และมีการทาบญุ ประเพณีในชว่ งเดอื นต่างๆ ดงั น้ี
เดอื น/ช่วงเดอื น ประเพณี
เดือนอ้าย - เดอื นมกราคม บุญขา้ วกรรม
เดือนยี่ - เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ บุญคูณลาน
เดือนสาม - เดอื นมนี าคม บุญข้าวจี่
เดอื นสี่ - เดอื นเมษายน บญุ เผวส
เดอื นหา้ - เดอื นพฤษภาคม บญุ สงกรานต์
เดือนหก - เดือนมิถุนายน บุญบ้งั ไฟ
เดือนเจ็ด - เดือนกรกฎาคม บญุ ซาฮะ
เดอื นแปด - เดอื นสงิ หาคม บุญเข้าพรรษา
เดอื นเก้า - เดอื นกันยายน บุญข้าวประดบั ดนิ
เดือนสบิ - เดอื นตุลาคม บุญขา้ วสาก
เดอื นสิบเอ็ด - เดือนพฤศจกิ ายน บุญออกพรรษา
เดือนสบิ สอง - เดือนธันวาคม บุญกฐนิ
๔) พธิ กี รรมความเช่ืออื่นๆ
๑) พธิ ผี กู ขอ้ มอื ประเพณีผกู แขน (ผูกขอ้ มือ) เปน็ ความเช่ือให้เกิดความเปน็ สริ มิ งคลกับชีวิต
อกี ทง้ั เม่ือคนไม่สบายหรือกลัวผี ผนู้ าทางพิธีกรรม (พราหมณ)์ ก็จะรา่ ยเวทมนตรใ์ ส่ลงในฝา้ ยใหอ้ าคมขลังอยู่ท่ีนั้น
เมือ่ นาไปผกู ให้คนป่วยก็จะทาให้หาย หรือคนท่กี ลวั ผกี ็จะหายกลวั ผี ส่วนคนท่ีสบายดีเมอื่ ผกู แล้วก็จะรู้สึกสบายใจ
ขึ้นเหมือนมสี ิ่งปกปักรักษา ดังนั้นจงึ ถือปฏิบตั สิ บื ตอ่ กันมาจนเปน็ ประเพณจี นถงึ ปจั จบุ ัน
7
โดยฝ้ายผูกแขน จะใช้ด้ายดิบๆ นามาจับเป็นวงยาวพอที่จะพันรอบข้อมือได้ โบราณถือว่า
คนธรรมดา ใชว้ งละ ๓ เสน้ สว่ นผดู้ ีมศี กั ดิต์ ระกูลใช้ ๕ เสน้ เมือ่ วงแล้วใหเ้ ดด็ หรือดงึ ให้ขาดเป็นเส้นๆ หา้ มใช้มดี ตัด
จะใช้มีดตัดได้เฉพาะด้ายที่มัดศพเท่าน้ัน ปัจจุบันมีการทาฝ้ายหรือด้ายผูกแขนเป็นหลายสี เช่น สีส้ม สีเหลือง
สแี ดง เพ่อื ใหด้ ูมีความขลังหรือศักด์ิสิทธิ์ข้นึ ตามความเชอ่ื โดยเฉพาะพระสงฆ์ทีม่ ีความชานาญเก่ียวกับอาคมต่างๆ
มักจะทาฝา้ ยหลายสีผกู แขนให้ประชาชนทม่ี าร่วมทาบุญทว่ี ัดหรอื นาไปบชู าทบ่ี ้านในโอกาสตา่ งๆ โดยผูท้ ีท่ าหน้าท่ี
ผูกแขน ถ้าผูกเพื่อความเป็นสิริมงคลเพ่ือให้หายเจ็บหายป่วย หายกลัว ให้อายุมั่นขวัญยืนจะเป็นพราหมณ์หรือ
ผู้ท่ีต้ังมั่นอยู่ในศีลในธรรมท่ีชาวบ้านเคารพนับถือในคุณงามความดีเท่าน้ัน แต่ปัจจุบันการผูกแขนในงานอ่ืนๆ
ทุกคนก็ผูกกันได้ทั้งนั้น แต่ท้ังนี้จะต้องให้พ่อพราหมณ์หรือคนเฒ่าคนแก่ผูกก่อนจึงค่อยผูกต่อๆ กันไปตามลาดับ
เชน่ พิธแี ตง่ งาน
ผู้รับการผูกแขน เดิมนั้นจะเป็นผู้ที่มีปัญหาต่างๆ อาทิ คนป่วย คนประสบอุบัติเหตุต่างๆ
คนกลัวผี และคนทไ่ี ด้รบั การสขู่ วัญในโอกาสงานมงคลตา่ งๆ ที่มีความเช่อื ดังน้ี
๑. ผูกแขนแม่มาน (หญิงตั้งครรภ์) เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่หญิงมีครรภ์และลูกท่ีกาลงั
จะเกิดมา โดยญาตพิ น่ี ้องจะทาพธิ สี ู่ขวญั และผูกแขนให้
๒. ผูกแขนแม่ลูกออ่ น (หญิงคลอดบุตรใหมๆ่ ) เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่หญงิ แมล่ ูกออ่ นจะ
ให้เลยี้ งลกู งา่ ยๆ มีนา้ นมใหล้ กู ดืม่ โดยญาติพน่ี อ้ งจะทาพธิ สี ขู่ วัญและผูกแขนให้
๓. ผูกแขนใหเ้ ด็กนอ้ ย หมายถงึ เด็กท่พี ึ่งคลอดใหม่ๆ ยงั นอนแบเบาะ พอ่ แม่ ญาตพิ ี่น้องจะบอก
พ่อพราหมณ์มาช่วยทาพิธีผูกแขนให้เพ่ือความเป็นสิริมงคลกับชีวิต เพราะเชื่อว่าลูกน้อยจะได้เลี้ยงง่ายๆ โตไวๆ
และมสี ุขภาพแข็งแรง
๔. ผูกแขนคู่บ่าวสาว ในพิธีมงคลสมรส ซึ่งจะผูกหลังจากทาพิธีสู่ขวัญแต่งงานเสร็จแล้ว
โดยพ่อ แม่ ญาติพ่ีน้องที่มาร่วมงานแต่ง จะผูกแขนด้วยฝ้ายสีขาวแล้วก็อานวยอวยพรให้คู่บ่าวสาว ครองรกั ครอง
เรอื น กนั อย่างมีความสุข มลี ูกเต็มบา้ น มีหลานเตม็ เมอื ง ถือไมเ้ ทา้ ยอดทองกระบองยอดเพชร
1.10 กลุ่มองค์กร/ภาคีในพนื้ ที่
1) กลุ่มอาสาสมัคร
๑.๑) อาสาสมคั รสาธารณสขุ (อสม.)
๑.๒) ผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน (ผนู้ า อช.)
๑.๓) อาสาสมคั รเกษตร (อกม.)
๑.๔) อาสาสมคั รปศสุ ัตว์
๑.๕) อาสาสมัครป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน
1.6) กองกาลังจติ อาสาประจาท้องถน่ิ
8
๒) กองทุน
๒.1) กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านโนนประทาย ก่อตั้งข้ึนเม่ือปี ๒๕๕๒ เร่ิมแรกมีเงิน
ขวัญถุงพระราชทาน จานวน ๘,๐๐๐ บาท โดยสมาชิกสมัครใจเข้าร่วมเอง และได้ปฏิญาณตนเอง ในวันมาสมคั ร
ปัจจุบันมีเงินหมุนเวยี น จานวน ๖๐,๐๐๐ บาท มีการนาเงินที่ได้จัดกิจกรรมเพอ่ื ให้คนในชุมชนห่างไกลยาเสพตดิ
ส่งเสรมิ ใหเ้ ยาวชนสนใจกีฬาหา่ งไกลจากยาเสพตดิ
2.๒) กลมุ่ ออมทรพั ย์เพ่อื การผลติ
ก่อตั้งเม่ือวันท่ี 10 เมษายน 2550 ปัจจุบันมีสมาชิก จานวน 4๘๒ คน เงินสัจจะ
สะสม จานวน 2,800,000 บาท สมาชิกฝากเงินสัจจะสะสมทุกวันท่ี ๑๐ ของทุกเดือน สมาชิกส่วนใหญ่ยมื เงนิ
ไปลงทนุ ประกอบอาชพี เช่น ลงทุนขายลอตเตอรี่ ลงทุนซื้อปยุ๋ เพือ่ การเกษตรจา่ ยดอกเบี้ยให้กบั สมาชิก ร้อยละ ๑
ต่อเดือน แต่จากัดให้กู้ได้ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาการส่งใช้คืนไม่เกิน ๕ ปี โดยต้องเป็นสมาชิกท่ีไม่มี
ประวัติเสียและมีเงินฝากสัจจะเป็นประจา เงินสัจจะท่ีฝากสูงสุดไม่เกินคนละ ๑,๐๐๐ บาท และต่าสุด ๕๐ บาท
ผู้กู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบของกลุ่มโดยไม่บกพร่อง เช่น การส่งสัจจะสม่าเสมอไม่ล่าช้าหรือขาดส่ง การส่งเงนิ กู้
คนื ตอ้ งตามกาหนดครบท้ังเงินตน้ และดอกเบี้ย สมาชิกต้องใหค้ วามรว่ มมอื หรือการเสียสละเพือ่ ประโยชนข์ องกลมุ่
หรือหมูบ่ า้ นเปน็ สว่ นรวม
กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิตบ้านโนนประทายจัดต้ังข้ึนเพื่อให้คน ในหมู่บ้านรู้จัก
ออมเงิน มีเงินไว้ใช้ในยามจาเป็น และฝึกให้คนมีระเบียบวินัยในการใช้เงนิ สาหรับสวัสดิการของกลุ่มออมทรัพย์
เพื่อการผลิต คือ สมาชิกนอนโรงพยาบาล จะได้รับค่าชดเชยคืนละ ๑๐๐ บาท หนึ่งปีไม่เกิน ๑๐ คืน กรณีคลอด
บุตร คณะกรรมการเปิดบัญชีเงินฝากให้ ๕๐๐ บาท แล้วให้สมาชิกฝากเงินสัจจะต่อเน่ืองไป และให้บุตรท่ีเกิดมา
สมัครเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ฯ นอกจากน้ี ยังมีการปันผลให้กับสมาชิกทุกปี วัตถุประสงค์ของการกู้เงินของ
สมาชกิ ได้แก่
(๑) เพื่อนาไปใช้จา่ ยในการลงทนุ ประกอบอาชพี เพิม่ รายได้
(๒) เพื่อนาไปใช้หนสี้ นิ ซึ่งสมาชิกกู้ไวก้ ับแหล่งการเงนิ อ่นื ๆ
(๓) เพื่อนาไปซ่อมแซม หรอื ต่อเตมิ บ้าน
(๔) เพอ่ื นาไปรกั ษาพยาบาล คนในครอบครัว
9
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านโนนประทายเกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจกันของบุคคลและกลุ่มอาชีพใน
หมู่บ้าน โดยมุ่งเน้นการพฒั นาจิตใจ และใช้เงินเป็นสื่อกลางส่งเสรมิ ให้สมาชิกรู้จักการออมทรัพย์และช่วยเหลอื
ซ่ึงกันและกัน เป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคลให้มีคุณภาพในบทบาทด้านการวางแผน การตัดสินใจ การควบคุม
การดาเนนิ การ ตลอดจนเปน็ การเรียนรู้ประชาธิปไตยขน้ั พน้ื ฐานของหมู่คณะ
๒.3) โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน เปน็ การสนับสนนุ เงินทนุ ใหร้ ะดับหมูบ่ ้านแล้ว
มอบอานาจและหน้าที่ความรับผิดชอบให้องค์กรประชาชนในหมู่บ้านเป็นผู้บริหารจัดการเงินทุ นให้หมุนเวียน
อยู่ในหมู่บ้านตลอดไป โดยสนับสนุนเงินทุนเพ่ือประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนเป้าหมาย หมู่บ้าน
ละ 280,000 บาท โดยไมม่ ีดอกเบยี้
๒.4) ร้านค้าชุมชน ตั้งข้ึนเมื่อปี ๒๕๔๙ ตั้งอยู่ศูนย์ลางของหมู่บ้านติดกับศาลากลาง
หมบู่ ้าน เริม่ ต้นจากเงนิ ทนุ ครั้งแรก ๒๐๐,๐๐๐ บาท ทุกครัวเรอื นในหมู่บา้ นเปน็ สมาชกิ ทกุ ครวั เรือนโดยให้ตวั แทน
ครัวเรือนละ ๑ คน คณะกรรมการร้านค้าจะมกี ารจดบันทึกยอดซ้อื ของสมาชิกไว้ และจะสรุปยอดในช่วงเยน็ ของ
ทกุ วัน ร้านค้าชุมชนจะมีเงินปันผล ร้อยละ ๕ ซ่ึงจะนามาปันผลทกุ วันท่ี ๑๐ มกราคม ของทกุ ปี
สินคา้ ของร้านค้าชมุ ชนจะมีความหลากหลาย ไม่วา่ จะเป็นเครอื่ งอุปโภค - บริโภค
สนิ ค้าการเกษตร อปุ กรณ์ไฟฟ้า โดยคณะกรรมการรา้ นคา้ จะทาการจดั รายการสนิ คา้ ทส่ี มาชกิ ต้องการไวแ้ ละจัดหา
สินค้าน้ันๆ มาให้กับสมาชิก ลูกค้าของร้านค้าชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นคนในหมู่บ้านและหมูบ่ ้านใกล้เคียง เนื่องจาก
ลกู คา้ สามารถเดินทางมารา้ นค้าได้สะดวกและใกล้กว่าทจี่ ะไปซอ้ื ในตวั อาเภอ
คณะกรรมการร้านค้าชมุ ชน จะมกี ารแบ่งหนา้ ท่ีกนั อย่างชัดเจนและจัดร้านค้าเป็น
ระเบียบ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และได้มีการจ้างพนักงานขายประจาร้านค้า ๑ คน
ให้ค่าจ้างเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท ร้านค้าชุมชน เปิดเวลา ๐๖.๐๐ น. - ๑๗.๓๐ น. ปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียน
๗๐๐,๐๐๐ บาท กาไรปีละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
10
2.5) กองทุนหมู่บ้าน ก่อตั้งปี 2552 จานวนสมาชิก 112 บาท เงินสะสมกองทุน
หมู่บ้าน จานวน 3,500,000 บาท ซ่ึงเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสาหรับการลงทุนในการนาไปประกอบอาชีพ
ของประชาชนในหมบู่ ้าน
๑.๑๑ กลมุ่ อาชพี /ผลิตภัณฑ์ของชุมชน
- กล่มุ แปรรูปพรกิ บา้ นโนนประทาย
เนื่องจากประชาชนบ้านโนนประทายมีอาชีพหลักคือการทานาปลูกขา้ ว และหลังจากฤดเู ก็บ
เกี่ยวข้าวแล้ว ประชาชนในหม่บู ้านมอี าชีพเสริมคือ การปลูกพริก ซ่ึงทาหลังการเสร็จสิ้นฤดูการทานา พ้ืนท่ีเกือบ
50 เปอร์เซ็นต์ของหมู่บ้าน ในช่วงว่างเว้นจากการทานา เกษตรกรส่วนใหญ่จะปลูกพริก ซ่ึงเป็นอาชีพท่ีสร้าง
รายได้ให้กบั พวกเขาเปน็ อย่างดี จะจาหน่ายท้งั พริกสดและพริกแห้ง แตป่ ระสบปัญหาราคาพริกตกต่า เนื่องจาก
เกษตรกรเป็นคนปลูก แต่พ่อค้าเป็นคนกาหนดราคา เพราะขาดการรวมกลุ่ม ขายกันตามราคาท่ีพ่อค้าแย่งกนั ซอื้
ใครให้ราคาดกี ข็ ายใหค้ นนั้น
ผู้ปลูกพริกจึงมีแนวคิดรวมกลุ่มแปรรูปพริก โดยมีนางสุมาพร พรหมบุตร เป็นประธานกลุ่ม
มสี มาชกิ กลมุ่ จานวน ๓๐ คน เพื่อเพ่มิ รายไดแ้ ละแกไ้ ขปัญหาราคาพริกตกต่า โดยมผี ลติ ภัณฑ์ ไดแ้ ก่
๑.๑) พริกแกง
๑.๒) แจว่ บอง
๑.๓) น้าพริกปลาดุกฟู
สถานท่ีจาหน่าย ได้แก่ ร้านค้าชุมชนของหมู่บ้าน ตลาดนัดอาเภอ งานสาคัญของอาเภอ
จาหนา่ ยผ่านช่องทางออนไลน์ เชน่ Facebook , Line
รายได้ของสมาชิกกลุ่ม ๑,๕๐๐ บาท ต่อคนต่อเดือน
นอกจากนย้ี ังไดร้ บั การสนบั สนนุ คาแนะนา ชอ่ งทางการจาหน่าย จากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะ
เป็นสานักงานพฒั นาชุมชนอาเภอศรีเมืองใหม่ สานักงานเกษตรอาเภอศรีเมืองใหม่ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอศรีเมอื งใหม่ แต่ทางกลุ่มยังมีขอ้ จากัดในด้านสถานที่การผลิต เพราะจะผลิตท่ีศาลา
กลางหมบู่ า้ น ยังไมม่ อี าคารสถานทีก่ ารของกลุ่มท่ีชดั เจน ทาให้ผลิตภัณฑ์ยังไมไ่ ดร้ บั มาตรฐานรบั รอง (อย.)
๑.๑๒ ขอ้ มูลปราชญช์ มุ ชน
“ปราชญ์ชุมชน” เปน็ บคุ คลในสงั คมชมุ ชนทอ้ งถิน่ ซึง่ เป็นเจ้าของภมู ิปญั ญาและนาภมู ิปญั ญามา
ใช้ประโยชน์ ในการดารงชีวิตจนประสบผลสาเร็จ จากการส่ังสมประสบการณ์และสามารถถ่ายทอดองค์
ความรู้เชื่อมโยงคุณค่าภูมิปัญญาของอดีตกับปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับการดารงชีพในปัจจุบัน
ซ่งึ บา้ นโนนประทาย เปน็ หมบู่ า้ นท่ีมปี ราชญช์ ุมชน ดังน้ี
ท่ี ชื่อ-สกุล ปราชญด์ า้ น
1 นายทองม้วน พึง่ ภพ ดา้ นการเกษตร
2 นายพูลสวัสด์ิ คืนดี ดา้ นการเกษตร
3 นางเกษร คืนดี ด้านการเกษตร
4 นางสวดิ วงศ์สงิ ห์ ด้านการเกษตร
5 นางคาผนุ่ คืนดี ดา้ นการเกษตร
6 นายเก่ง การชมุ ชน ด้านภูมิปญั ญาชุมชน
๗ นายสมัย คนื ดี หมอสตู ร
๘ นางปราณี บัวจมู ดา้ นการทาพานบายศรีสู่ขวญั
11
๑.1๓ คณะกรรมการต่างๆ ทม่ี สี ว่ นร่วมในการบริหารจัดการชมุ ชน
๑.๑๓.๑ รายช่ือคณะกรรมการหม่บู ้าน (กม.)
1) นายพูลสวัสด์ิ คืนดี
2) นายทองพูล วงศส์ งิ ห์
3) นายชม คืนดี
4) นายอาพร ทองงาม
5) นายมงั กร มานะสี
6) นายอทิ ธนิ ันท์ ศรทั ธาพนั ธ์
7) นายพเิ ชษฐ์ วัฒนราช
8) นางสุมาพร พรมบตุ ร3
9) นายทองคา คืนดี
๑.๑๓.๒ รายชอ่ื สมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล (ท่มี ใี นหมู่บา้ นนี้)
1) นายพิเชษฐ์ วัฒนราช
๑.๑๓.๓ รายช่อื อาสาพัฒนาชุมชน (อช.)
1) นายบัวพนั ธ์ แก้วทน
2) นายสมัน พมิ า
3) นางหนจู ร สระแสง
4) นางฝาน งวงช้าง
๑.๑๓.๔ รายชอื่ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น (อสม.)
1) นางราตรี จรลี
2) นางนาลี เจรญิ จติ ร
3) นางลาดวน ชาญจิตร
4) นางพวงสวรรค์ คืนดี
5) นางคาภู คนื ดี
6) นางนวลจันทร์ พึ่งภพ
7) นางคาเป่ียม แก้วทน
8) นางละลอน ทองงาม
9) นางคาพวง มานะลี
10) นางสฟี อง เจรญิ จิตร
11) นางสุมาพร พรหมบุตร
๑.๑๓.๕ รายชื่ออาสาสมคั รเกษตร
1) นายอาพร ทองงาม
2) นายทองคา คนื ดี
3) นายมงั กร มานะลี
12
2. การศึกษาเรียนรูร้ ะบบการบรหิ ารจดั การชมุ ชน
บ้านโนนประทาย หมู่ท่ี ๙ ตาบลวาริน อาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี บริหารจัดการ
ชุมชนตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2447 มีนายพูลสวัสด์ิ คืนดี เป็นผู้ใหญ่บ้าน ปัจจุบัน
ดารงตาแหน่ง กานันตาบลวาริน มีคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ร่วมเป็นคณะกรรมการคอยดูแลบริหารจัดการ
ชมุ ชน และบาบัดทุกข์บารุงสุขใหก้ ับประชาชนในหมู่บา้ น โดยมีกฎระเบียบของหมบู่ า้ น บ้านโนนประทาย หมู่ที่ ๙
ตาบลวารนิ อาเภอศรเี มืองใหม่ จังหวดั อบุ ลราชธานี บงั คบั ใชร้ ว่ มกัน ดงั น้ี
๑. หมวดการมีส่วนรว่ ม
(1) ครัวเรือนขาดการประชมุ มโี ทษปรับเปน็ เงนิ 50 บาท
(2) ครัวเรือนใดไม่เปน็ สมาชิกกลุ่มออมทรัพยเ์ พอ่ื การผลติ ไม่มสี ิทธ์ิกยู้ ืมเงินกองทุนทกุ กองทนุ
ในหม่บู า้ น หรอื ยมื ส่ิงของทเ่ี ปน็ สาธารณะของหม่บู ้าน
(3) ทุกครัวเรือนตอ้ งเขา้ ร่วมกจิ กรรมของหมูบ่ า้ นทุกเดือน หรอื มีกจิ กรรมทีเ่ กิดขึน้ ในหมบู่ า้ น
๒. หมวดการพัฒนา
(1) ครอบครวั ใดไม่ให้ความร่วมมอื ในการพฒั นาหมู่บา้ นมโี ทษปรบั เป็นเงิน 100 บาท
(2) บคุ คลใดทิ้งขยะหรอื ทาใหท้ ี่สาธารณสกปรกมีโทษปรับเป็นเงนิ 500 บาท
๓. หมวดยาเสพติด
(1) ครวั เรอื นใดมีผู้เสพยาเสพตดิ ต้องเขา้ รบั การบาบัด ถ้าไมเ่ ข้ารับการบาบัดจะถูกตัดสิทธิ์ใน
การกู้ยมื เงนิ กองทนุ ทกุ กองทนุ จะมีสิทธอิ์ ีกครง้ั เม่อื รบั การบาบดั
(2) ห้ามเล่นการพนนั ในหมู่บ้านและทาร้ายร่างกายผู้อื่น ทะเลาะกนั ในหมู่บ้าน ปรบั เปน็ เงิน 500 บาท
๔. หมวดเวรยาม
(1) ผใู้ ดยิงปืนหรอื ใช้สญั ญาเตอื นภัยโดยไม่มเี หตจุ าเป็นมโี ทษปรบั เปน็ เงิน 500 บาท
(2) ผู้ใดขบั รถเสียงดงั และเร่งทาให้เกดิ อนั ตรายแก่ผ้อู ื่นมีโทษปรับเปน็ เงิน 500 บาท
(3) ผ้ใู ดทาลายสาธารณสมบัตภิ ายในหมูบ่ ้านมโี ทษปรบั เป็นเงนิ 500 บาท หรือปรับเปน็ 2 เท่า
(4) ทกุ คนตอ้ งช่วยกันรกั ษาส่ิงแวดล้อม
13
3. การศึกษาเรียนรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบต่อการพัฒนาของชุมชน
1. การจัดการชุมชนเข้มแข็งตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การประกอบอาชีพของชุมชนในบ้านโนนประทาย ส่วนใหญ่เป็นการทาอาชีพการเกษตร
โดยการปลกู ขา้ วนาปี เปน็ หลกั เพียงอยา่ งเดยี ว สืบทอดต่อกันมานาน และมกี ารประกอบอาอาชีพอน่ื บ้างเล็กน้อย
เช่น รับจา้ ง คา้ ขาย และรับราชการ นอกจากการปลกู ขา้ วเป็นหลักแล้ว เกษตรกรบางครอบครัว มีการปลูกพชื ผัก
ตา่ งๆ ปลกู ไมผ้ ล-ไม้ยนื ตน้ เลีย้ งเปด็ ไก่ และเลยี้ งปลา เพ่อื บรโิ ภคในครัวเรือน และเปน็ รายได้เสรมิ ส่วนการเล้ียง
โค กระบือ เลี้ยงเพ่อื ใช้งาน และขายเปน็ รายได้ แกค่ รอบครวั อกี ทางหนึง่
2. นโยบายภาครฐั ทเี่ ขา้ มาในชมุ ชน
2.1 บทบาทของหน่วยงานภาครฐั จงั หวดั อาเภอ และนโยบายของภาครฐั ภายในพืน้ ท่ี
1) หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ บ้านโนนประทาย ได้รับคัดเลือกจากกรมการ
พัฒนาชุมชนเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ ปี 2553 ภายใต้การนาของนายพลู สวัสดิ์ คืนดี กานันตาบล
วารนิ ดาเนนิ การตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นหลกั ในการพัฒนาคุณภาพชวี ิตประชาชนส่งเสริมให้ทุก
ชุมชนสามารถพึง่ พาตนเองได้หลกั เกณฑ์ “หมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบ” มี 3 ระดบั ดงั น้ี
1.ระดับพออยู่ พอกิน คือครัวเรือนท่ีพัฒนาจนพ่ึงพาตนเองได้ ทากิน ทาใช้ ลดรายจ่าย
เพมิ่ รายได้และมีการออม
2.ระดับอยดู่ ี กินดี คือ หมู่บา้ น/ชมุ ชนทบี่ รหิ ารจัดการพฒั นาในรูปแบบกลุม่ พฒั นารายได้
และขยายโอกาสใหค้ นในชุมชน
3.ระดับม่ังมี ศรีสุข คือ หมู่บ้าน/ชุมชน ท่ีบริหารพัฒนาด้วยองค์กรเครือข่ายยกระดับ
คณุ ภาพชวี ิต เพมิ่ โอกาสในอาชพี และมสี วสั ดกิ ารชุมชน
ซ่ึงตามเกณฑ์การประเมินของกรมการพัฒนาชุมชนบ้านโนนประทายจัดอยู่ในระดับ
“อย่ดู ี กินดี” นอกจากนี้มกี ลุ่มกองทุนต่างๆ ทชี่ ่วยแกป้ ญั หาของชาวบ้าน ไมว่ ่าจะเปน็ กล่มุ ออมทรพั ยเ์ พอื่ การผลิต
โครงการ กขคจ. กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งประชาชนสามารถกู้ยืมไปไประกอบอาชีพได้และส่งเสริมให้คนในหมู่บ้าน
รูจ้ กั การออม โดยมกี ารฝากเงินสจั จะกับกองทนุ ดงั กล่าวเป็นประจาทุกเดือน และให้สมาชิกทกุ ครัวเรอื นจัดทาบัญชี
ครัวเรือน
14
2) โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบที่สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิ
กสิกรรมธรรมชาติได้นอ้ มนาพระราชดารสั ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่
มาใชบ้ รหิ ารจัดการน้าและพื้นท่ีทาการเกษตร โดยมุ่งหวังทจ่ี ะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับชุมชน ซึง่ แบ่งพน้ื ท่ีเป็นสัดส่วน
30 : 30 : 30 : 10 กล่าวคือ 30 % แรกสาหรับแหล่งน้า ทั้งการขุดบ่อทาหนองและการขุดคลองไส้ไก่ที่ช่วย
ระบายน้ารอบพน้ื ท่ี อกี 30 % สาหรบั ปลกู ข้าว และอกี 30 % สาหรับไว้ทาโคกหรือปา่ โดยปลกู ผกั ไว้เปน็ อาหาร
ปลูกไมใ้ ช้สอย ปลูกยาสมนุ ไพร สว่ น 10 % ทีเ่ หลือ สาหรับเป็นทอี่ ยอู่ าศัยและเลย้ี งสัตว์
สานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ได้เล็งเห็นความสาคัญ
ของโครงการดงั กลา่ ว จึงได้ดาเนินการประชาสมั พันธ์การรับสมคั รครวั เรือนเขา้ รว่ มโครงการในพน้ื ที่อาเภอศรีเมือง
ใหม่ ซ่ึงในส่วนของตาบลวาริน มีครัวเรือน เข้าร่วม จานวน 4 ครัวเรือน โดยบ้านโนนประทาย มีครัวเรือนที่เข้า
ร่วมโครงการโคก หนอง นา โมเดล จานวน 1 ครัวเรือน คือ นายพูลสวัสดิ์ คืนดี ตาแหน่ง กานันตาบลวาริน
โดยมีพื้นทีเ่ ขา้ ร่วม จานวน 3 ไร่ ถือวา่ เปน็ ต้นแบบการนอ้ มนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นชีวิต และเห็น
ความสาคัญของการเกบ็ กักน้าไว้ใช้ในการทาการเกษตร จึงเปน็ ตน้ แบบของผู้นาการพฒั นาตนเอง และเปน็ ตัวอย่าง
ของการรู้จักพงึ่ พาตนเองใหก้ ับคนในหมู่บา้ นได้เป็นอย่างดี เน่ืองจากพน้ื ท่บี ้านโนนประทายประสบปัญหาเก่ียวกับ
แหลง่ นา้ ใช้สาหรับการเกษตร นา้ มีไม่เพียงพอต่อการทาการเกษตร ส่งผลใหผ้ ลผลติ ทางการเกษตรตกตา่
3) การสง่ เสริมการเกษตร พนื้ ท่ีบา้ นโนนประทาย หมู่ที่ 9 ตาบลวารนิ เป็นพืน้ ที่เหมาะสาหรับ
การปลูกข้าว แต่ไม่สามารถปลูกมันสาปะหลังหรือพืชเศรษฐกิจประเภทอื่น เนื่องจากมีสภาพดินเป็น ดินร่วน
ปนทราย และยังมีแหลงน้าไม่เพียงต่อการทาการเกษตร สานักงานเกษตรอาเภอศรีเมืองใหม่ ได้เล็งเห็น
ความสาคัญของการปลูกข้าวใหไ้ ด้คุณภาพ จึงได้มีส่งเสริมให้ประชาชนในพนื้ ที่บ้านโนนประทายปลูกข้าวอินทรยี ์
เพื่อใหเ้ กษตรกรได้ขา้ วที่ปลอดสารเคมี และลดต้นทนุ การผลิต และช่วยใหป้ ระชาชนมรี ายได้จากการจาหนา่ ยข้าว
ไดม้ ากขน้ึ นอกจากนี้ยงั ไดค้ านึงถึงดา้ นสาธารณสุขใหป้ ระชาชนมีสขุ ภาพทด่ี ี ซึ่งมรี ายละเอยี ดพอสังเขป ดังน้ี
15
การสง่ เสรมิ ปลกู ข้าวอินทรีย์ มกี ารรวมกลุ่มปลูกขา้ วอนิ ทรียใ์ นหมู่บา้ น การปลกู ข้าวอนิ ทรยี ์
เป็นระบบการผลิตข้าวที่ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิดเป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต
สารควบคุมและกาจัดวัชพืช สารป้องกันกาจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพ่ือป้องกัน
กาจัดแมลงศัตรขู ้าวในโรงเก็บ การผลิตขา้ วอนิ ทรีย์นอกจากจะทาให้ไดผ้ ลผลิตข้าวท่ีมคี ุณภาพสงู และปลอดภัยจาก
สารพิษแล้ว ยังเป็นการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบย่ังยืนอีกด้วย ซึ่งบ้านโนน
ประทาย เป็นแหลง่ ผลติ ข้าวอนิ ทรีย์ใหญ่ท่สี ดุ ในอาเภอศรีเมืองใหม่ มีสมาชิก จานวน 30 คน จานวนพนื้ ท่เี ข้ารว่ ม
150 ไร่ (สมาชิก 1 คน เข้าร่วม 5 ไร่) โดยสานักงานเกษตรอาเภอได้ดาเนินการจัดอบรมให้ความรู้ประชาชน
ในพ้ืนท่บี ้านโนนประทาย ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกข้าวอนิ ทรีย์ และมตี รวจประเมนิ ดินของสมาชิก
เบื้องต้น ผู้นาชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน และประชาชนมีแนวคิดจะดาเนินการจัดต้ังเป็นกองทุนข้าวอินทรีย์
ประจาหมู่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือจัดตั้งกองทุนข้าวอินทรีย์ของหมู่บ้านขึ้น สาหรับการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าว
พนั ธ์ดุ ีและเมลด็ พันธุพ์ ชื ทใ่ี ช้ปลูกหลังการทานาตามความตอ้ งการของเกษตรกรในท้องถน่ิ ไดอ้ ย่างพอเพยี ง
4) กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) อาเภอศรีเมืองใหม่ ส่งเสริมให้ประชาชนในพ้ืนที่อาเภอ
ศรีเมืองใหม่ รู้จักออมเงินไว้ใช้ในยามจาเป็น โดยการส่งเงินสะสมของสมาชิกจะต้องสะสมไม่น้อยกว่า 50 บาท
แต่เม่ือรวมกันแล้วไม่เกินกว่า 13,200 บาทต่อปี เมื่อสมาชิกส่งเงินสะสมรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้ภายในส้ิน
เดือนถัดไป บ้านโนนประทายเป็นหมู่บ้านที่ครัวเรือนสมัครครบทุกครัวเรือน ในเริ่มแรกประชาชนยังไม่มีความ
เข้าใจเกี่ยวการออมดังกล่าว ผู้นาชุมชนจึงได้ประกาศประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นความสาคัญของการออม
ทาให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึน้ และสมัครครบทกุ ครัวเรือน
3. ภาครัฐต้องปรบั เปลยี่ นนโยบาย หรือแนวทางปฏิบัตใิ หส้ อดคล้องกับสภาพพืน้ ที่ ดังน้ี
1. หนว่ ยงานภาครัฐควรศึกษาสภาพพน้ื ที่
2. นาความต้องการของประชาชนปรับแกต้ ามสภาพทเี่ หมาะสม เนือ่ งจากแต่ละพน้ื ท่ีมสี ภาพ
พืน้ ท่แี ตกตา่ งกนั
3. แกป้ ญั หาใหต้ รงกับความตอ้ งการของหมบู่ ้าน สาหรับบา้ นโนนประทายคอื ปัญหาแหล่งน้า
ไมเ่ พียงพอตอ่ การใชป้ ระโยชนด์ ้านเกษตรกรรม
4. ขอ้ จากัดการบรหิ ารจดั การชุมชน
1. สภาพดินเหมาะกับการปลูกขา้ วเท่านน้ั ไม่สามารถทาไร่มนั สาปะหลัง หรือพชื ที่ต้องการน้า
มากได้
2. ไมม่ ที ี่สาธารณะขนาดใหญท่ จ่ี ะทาแก้มลิง เพื่อกักเก็บน้า
3. ไมม่ แี หล่งนา้ ธรรมชาตทิ ส่ี ามารถขุดลอกได้ ทาให้เปน็ ปญั หาท่ีสาคญั ของหมบู่ า้ น
16
5. ผลลพั ธท์ ่เี กดิ ขึน้ จากนโยบายของรฐั
5.1 หมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบ
ผลกระทบเชิงบวก 1. ประชาชนรจู้ กั พึง่ ตนเอง
2. ลดรายจ่ายเพมิ่ รายได้ สมาชกิ ในครัวเรอื นมกี ารปลูกพชื ผักสวนครวั ไว้กนิ เอง
หากเหลอื กนิ กส็ ามารถนาไปขายเพอื่ สรา้ งรายได้
3. ประชาชนรู้จกั ประหยัด อดออม ไมว่ ่าจะเป็นการออมฝากกลมุ่ ออมทรัพยฯ์
กขคจ. ท่ตี อ้ งมีการฝากเป็นประจาทกุ เดอื น
4. ชุมชนมกี ารสืบทอดภมู ิปัญญา เช่น ภูมปิ ัญญาการทาพานบายศรสี ่ขู วัญ
5. ชมุ ชนใช้วตั ถดุ บิ อยา่ งยงั่ ยนื ในการประกอบอาชพี เชน่ การปลูกข้าวอนิ ทรยี ์
ปลอดสารพษิ
ผลกระทบเชิงลบ 1. ขอ้ จากดั ด้านบุคลากรของหน่วยงานพัฒนาชุมชนท่มี ีจากัด
5.2 โคก หนอง นา โมเดล
ผลกระทบเชงิ บวก 1. เป็นการกระจายความเสยี่ งจากการทาการเกษตรเปน็ เวลานาน
เช่น ปญั หาแมลงศัตรูพชื ปัญหาภัยพบิ ตั ิน้าท่วม ปัญหาภัยแลง้
2. ช่วยจัดการบรหิ ารทรัพยากร ทั้งดิน น้า ลม แดด รวมถึงพชื พนั ธุ์ต่าง ๆ ใหไ้ ด้
อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ผลกระทบเชิงลบ 1. ประชาชนเคยทาการเกษตรแบบเดิมมานาน ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน
ความคิดและพฤติกรรม เช่น การปลูกพืชเชิงเดี่ยว เปล่ียนเป็นการปลูกพืชเชิงผสม พิจารณาจากฤดูกาล
เชน่ ฤดูนา้ เยอะ เรากอ็ าจปลกู ขา้ วเยอะ เมือ่ ถึงฤดูแลง้ ก็เปลยี่ นไปปลูกพชื ประเภทอ่ืน ที่ใช้น้านอ้ ยกวา่
2. จานวนเจ้าหนา้ ท่ีท่ีปฏบิ ตั ใิ นพ้นื ทไ่ี มเ่ พยี งพอ ทาให้การบรหิ ารนโยบาย
ไมเ่ พียงพอ
3. ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการยังไม่มีความเข้าใจเร่ืองหลักกสิกรรมธรรมชาติ
ส่งผลให้การดาเนินงานโคก หนอง นา ยงั ไม่บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
4. ผู้รบั จ้างในการขุดปรับพ้ืนที่ไมม่ ีความรู้ความเขา้ ใจในเทคนิคการขุดปรับพื้นที่
ให้ตรงตามแบบมาตรฐาน ไม่มีความรูใ้ นเรื่องประเภทของดิน จาเป็นต้องมีการตรวจสอบสภาพดินกอ่ นทาการขดุ
ปรบั พ้ืนที่
5. ไมม่ ีการวิเคราะห์สภาพดินอย่างจริงจงั
5.3 การส่งเสรมิ การเกษตร (การปลูกขา้ วอินทรีย)์
ผลกระทบเชงิ บวก 1. เปน็ การเพิ่มมูลค่าของผลผลติ ใหส้ งู ขึ้น
2. เป็นการยกระดบั คุณภาพและผลผลิตข้าวโดยรวมของบ้านโนนประทาย
ให้มีปริมาณและคณุ ภาพมากย่ิงขน้ึ
3. ประชาชนในหมู่บ้านโนนประทายมสี ุขภาพทส่ี มบรู ณ์แข็งแรงจากการบริโภค
ขา้ วอนิ ทรีย์
4. เป็นการลดต้นการผลิตขา้ ว ไมต่ ้องซือ้ ป๋ยุ เคมรี าคาสงู
ผลกระทบเชงิ ลบ 1. ต้องใชเ้ วลาในการปรับเปล่ยี นความคดิ และพฤตกิ รรมการปลกู ขา้ วแบบใช้
ปุย๋ เคมเี ปน็ ปลกู แบบปยุ๋ อนิ ทรยี ์
17
5.4 กองทุนการออมแหง่ ชาติ (กอช.)
ผลกระทบเชิงบวก 1. เปน็ การออมทย่ี ดื หยุน่ สูง เหมาะกับคนทมี่ ีรายได้ไมแ่ น่นอน
เพราะไม่จาเป็นต้องออมทกุ เดอื น เดอื นไหนมีนอ้ ย ก็สามารถออมได้น้อย
2. รฐั บาลมีเงินสมทบให้ สูงสดุ 50% ของเงินท่เี ราลงทนุ ไป
3. เงินฝากเริ่มต้น 50 บาท
ผลกระทบเชิงลบ 1. กวา่ จะเห็นผลต้องรอถงึ เกษยี ณ
2. การเก็บเงินไม่มีการบังคับอย่างต่อเน่ือง ทาให้คนขาดความกระตือรือร้น
ในการออม
3. การเผยแพร่ขา่ วสารไปในกลุ่มเปา้ หมายยังไม่ท่ัวถึง
4. ปญั หาเศรษฐกิจในปจั จบุ ัน การออมเป็นส่ิงที่ทาไดค้ อ่ นขา้ งลาบาก
6. การบริหารจัดการชุมชนและปญั หาของส่วนรวม
6.1 การบรหิ ารจดั การกล่มุ /กองทุน
บ้านโนนประทายมีกลมุ่ กองทุนทสี่ ามารถแก้ปัญหาของประชาชนในหม่บู า้ น ดังน้ี
1) ดา้ นเศรษฐกิจ
1.1) กล่มุ ออมทรพั ย์เพื่อการผลิตบ้านโนนประทาย
ปจั จบุ นั มีสมาชิก จานวน 4๘๒ คน เงินสจั จะสะสม จานวน 2,800,000 บาท
สมาชิกฝากเงินสัจจะสะสมทุกวันที่ ๑๐ ของทุกเดือน สมาชิกส่วนใหญ่ยืมเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ
เช่น ลงทุนขายลอตเตอรี่ ลงทุนซื้อปุ๋ยเพอ่ื การเกษตรจ่ายดอกเบ้ียให้กับสมาชิก ร้อยละ ๑ ต่อเดือน แต่จากัดให้กู้
ได้ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาการส่งใช้คืนไมเ่ กิน ๕ ปี โดยต้องเป็นสมาชิกท่ีไม่มีประวตั ิเสียและมีเงนิ ฝาก
สัจจะเปน็ ประจา เงนิ สัจจะทีฝ่ ากสูงสุดไม่เกินคนละ ๑,๐๐๐ บาท และตา่ สุด ๕๐ บาท ผู้กูต้ ้องปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ
ของกลมุ่ โดยไม่บกพรอ่ ง เช่น การส่งสัจจะสม่าเสมอไม่ลา่ ชา้ หรอื ขาดส่งการส่งเงนิ กู้คืนตอ้ งตามกาหนดครบท้งั เงิน
ต้นและดอกเบีย้ สมาชกิ ต้องใหค้ วามร่วมมอื หรอื การเสยี สละเพอื่ ประโยชนข์ องกลมุ่ หรือหม่บู า้ นเปน็ ส่วนรวม
1.2) โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กขคจ.) เป็นการสนับสนุนเงินทุนให้ระดับ
หมู่บ้านแล้วมอบอานาจและหน้าท่ีความรับผิดชอบให้องค์กรประชาชนในหมู่บ้านเป็นผู้บริหารจัดการเงินทุน
ให้หมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้านตลอดไป โดยสนับสนุนเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนเป้าหมาย หมู่บ้าน
ละ 280,000 บาท โดยไมม่ ดี อกเบี้ย
1.3) กลมุ่ อาชพี กลมุ่ แปรรูปพรกิ
โดยได้รับการสนับสนุน คาแนะนา ช่องทางการจาหน่าย จากหน่วยงานต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอศรีเมืองใหม่ สานักงานเกษตรอาเภอศรีเมืองใหม่ ศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอศรีเมืองใหม่ แต่ทางกลุ่มยังมีข้อจากัดในด้านสถานท่ีการผลิต
เพราะจะผลิตท่ีศาลากลางหมบู่ า้ น ยงั ไม่มีอาคารสถานทกี่ ารของกลุ่มทช่ี ัดเจน ทาใหผ้ ลิตภณั ฑย์ งั ไม่ได้รับมาตรฐาน
รับรอง (อย.)
2) ดา้ นสังคม
2.1) กองทนุ แม่ของแผ่นดนิ บา้ นโนนประทาย กอ่ ตงั้ ขึ้นเม่อื ปี ๒๕๕๒ เรม่ิ แรกมีเงิน
ขวัญถุงพระราชทาน จานวน ๘,๐๐๐ บาท โดยสมาชิกสมัครใจเข้าร่วมเอง และได้ปฏิญาณตนเอง ในวันมาสมัคร
ปัจจุบันมีเงินหมุนเวยี น จานวน ๖๐,๐๐๐ บาท มีการนาเงินที่ได้จัดกิจกรรมเพ่ือใหค้ นในชุมชนห่างไกลยาเสพติด
สง่ เสริมใหเ้ ยาวชนสนใจกีฬาห่างไกลจากยาเสพตดิ
18
6.2 การพัฒนาชมุ ชนภายใต้ขอ้ จากัด ผ่านวิธีการวเิ คราะหข์ ้อมลู หมู่บา้ น (SWOT)
บ้านโนนประทาย เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีจานวนครัวเรือนเพียง ๑๔๗ ครัวเรือน
ประชากร จานวน ๔๕๔ คน โดยรายได้ของประชากรในหมู่บ้านมาจากภาคการเกษตร คือการปลูกข้าว เฉลี่ย
66,483.26 บาท /คน/ปี การส่งเสริมสนับสนุนจากภาครฐั เพ่ือการพฒั นาหมู่บ้านโนนประทาย มีทั้งในรูปแบบ
ของรฐั คิดให้ คอื บริหารจดั การให้ทั้งหมดทงั้ กระบวนการ และรูปแบบเปดิ โอกาสให้ชาวบ้านได้รว่ มกนั คิด ร่วมกนั
ตัดสินใจเพื่อดาเนินการตามความต้องการของชาวบ้านเอง โดยได้วิเคราะห์ข้อมูลหมู่บ้านด้วยเทคนิค SWOT
Analysis และนามาเขียน เปน็ Mind mapping ดังน้ี
จากตารางข้างต้นสามารถสรุปปัญหาหรือความเส่ียงของหมู่บ้านที่ต้องการพัฒนาเร่งด่วน จัดเป็นลาดับ
ตามความสาคญั 2 ลาดบั แรก ได้ดงั น้ี
๑) ปญั หาขาดแคลนแหล่งน้า
บา้ นโนนประทาย หมทู่ ี่ ๙ ตาบลวารนิ มแี หลง่ น้า จานวน ๒ แหง่
๑.1) ลาหว้ ยหนองหลมุ สามารถใช้ประโยชนไ์ ด้แตม่ ขี นาดเลก็
1.๒) ลน้ ลาห้วยซนั สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดแ้ ตม่ ขี นาดเล็ก เกบ็ น้าไดน้ ้อย
แนวทางการพัฒนา บา้ นโนนประทายต้องขุดลอกหน้าฝายท้ัง 2 แหง่ เพ่ือใหส้ ามารถ
กักเก็บน้าได้ปริมาณท่ีมากขึ้น ให้เพียงพอกับการทาการเกษตรในหมู่บ้าน ปัญหาขาดแคลนแหล่งน้าสาหรับ
การเกษตร เปน็ ปญั หาทคี่ วรไดร้ ับการพฒั นามากเป็นลาดบั แรกสง่ ผลตอ่ ปริมาณผลผลติ ตกต่า
บ้านโนนประทาย หมทู่ ี่ 9 ตาบลวารนิ อยไู่ มไ่ กลจากตวั อาเภอ มีการคมนาคมสะดวก
ลักษณะภมู ิประเทศ เป็นพน้ื ทค่ี ่อนข้างราบเรยี บ มลี าหว้ ยขนาดเล็ก ไหลผา่ น ทาให้สภาพพนื้ ทีม่ ีความเหมาะสมใน
การทานา และการทาการเกษตรแบบผสมผสาน ถ้ามีการพัฒนาแหล่งน้าเพื่อทาการเกษตรได้อย่างพอเพียงแลว้
จะสามารถส่งเสรมิ การประกอบอาชีพทางการเกษตรได้หลากหลายทาให้เกษตรกรมีทางเลือกมากขึ้นไม่ต้องเสี่ยง
กับการทานา ปลูกขา้ วเพียงอยา่ งเดียว ชว่ ยให้เกษตรกรมงี านทาตลอดปี มีรายไดเ้ พิม่ ขึ้น ซึ่งจะทาให้ชุมชนมีความ
เขม้ แข็ง สามารถพึง่ พาตนเองได้
19
๒) ปญั หาผลผลติ ทางการเกษตรตกต่า
บ้านโนนประทาย มีสภาพดินร่วนปนทราย เหมาะสาหรับทานาปลูกข้าว และ
ปจั จบุ ันประชาชนในหมบู่ ้านใช้ปยุ๋ เคมีเป็นจานวนมาก ส่งผลให้ตน้ ทนุ ในการทาการเกษตรสูงตามไปดว้ ย มีผลผลิต
ตกต่าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ราคาของผลผลิตท่ีตกต่าเน่ืองมาจากผลผลิตที่ได้ไม่ได้
คุณภาพ มีการใช้สารเคมีมากเกินไป และยังขาดการรวมกลุ่มกันเพ่อื ต่อรองราคากับพอ่ ค้าคนกลาง ส่งผลให้รายได้
หลกั ของคนในหมบู่ ้านโนนประทายลดลง
แนวทางแกไ้ ขปญั หา ดังน้ี
๑) หน่วยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งควรใหอ้ งค์ความรู้ด้านการปลูกพชื แบบใช้ปุ๋ยอนิ ทรยี ์
ปลอดสารเคมี
๒) ควรปรบั ปรงุ บารุงดิน เพ่อื แกป้ ัญหาการขาดความอดุ มสมบูรณข์ องดนิ
เป็นการเพิ่มผลผลิตต่อไรใ่ หส้ ูงขน้ึ ทง้ั ยังลดตน้ ทนุ ค่าปุ๋ยเคมี
๓) ควรมีการรวมกลุ่มกันเพ่ือต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลาง เพื่อให้ราคาผลผลิต
สูงขึ้น
๔) การผลิตพชื อินทรยี ์ พืชปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพ่ือใหค้ นในหมู่บ้านมีสุขภาพ
ที่ดี รวมถึงผู้บริโภค และช่วยเพ่ิมราคาผลผลิตให้สูงข้ึน เนื่องจากปัจจุบันคนนิยมหันมาบริโภคอาหารอินทรีย์
ปลอดสารเคมี
7. ภาพรวมของภาคการเกษตรในพนื้ ท่ี
7.1 การเกษตรในพื้นท่ี
การประกอบอาชีพของประชาชนของหมู่บ้านโนนประทาย ส่วนใหญ่เป็นการทา
อาชีพการเกษตร โดยการปลูกข้าวนาปี เป็นหลักเพียงอยา่ งเดียว สืบทอดต่อกันมานาน และมีการประกอบอาชพี
อ่ืนบ้างเล็กน้อย เช่นรับจ้าง ค้าขาย และรับราชการ นอกจากการปลูกข้าวเป็นหลักแล้ว เกษตรกรบางครอบครวั
มีการปลูกพืชผักต่าง ๆ ปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น เล้ียงเป็ด ไก่ และเลี้ยงปลา เพื่อบริโภคในครัวเรือน และเป็นรายได้
เสริม ส่วนการเลีย้ ง โค กระบือ เลี้ยงเพ่อื ใช้งาน และขายเป็นรายได้ แก่ครอบครวั อกี ทางหนึง่
1) ข้าว ปลกู โดยอาศัยนา้ ฝนเป็นหลัก สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครงั้ สว่ นใหญ่ใช้
วิธีการปักดา การเตรียมดิน ใช้รถไถนาเดินตามเป็นส่วนมาก การปักดา การเก็บเก่ียวใช้แรงงานคน การนวดใช้
เคร่ืองนวด มีการใช้ปยุ๋ เคมเี ปน็ หลกั ในการเพ่มิ ผลผลติ สว่ นสารเคมกี าจัดศัตรูพืช จะใช้ในกรณเี กิดการระบาดของ
ศัตรูพืช เว้นแต่ เกษตรกรบางรายที่มีการใช้สารกาจัดวัชพืชในนาข้าว เน่ืองจากพ้ืนท่ีปลูกข้าวไม่ค่อยมีน้าขัง
ทาใหม้ วี ัชพืชข้นึ มาก โดยเฉพาะเกิดฝนทง้ิ ชว่ งหลงั การปักดา
2) พืชผัก ปลูกเพื่อบริโภคเป็นส่วนใหญ่ โดยปลูกตามหัวไร่ปลายนา ในช่วงฤดูฝน
ก่อนการปักดาและช่วงปลายฤดูฝน มีเกษตรกรอีกจานวนหนึ่งท่ีมีการปลูกเพื่อขายเป็นรายได้ จะนิยมปลูกตาม
บริเวณ ลาห้วย ในช่วงหมดฤดูฝน หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ประชาชนในหมู่บ้านมีอาชีพเสริมคือ การปลูก
พริก ซึง่ ทาหลงั การเสรจ็ ส้ินฤดูการทานา ซึง่ มกี ารจาหน่ายท้งั พรกิ สดและพรกิ แหง้
3) การเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันมีการเลี้ยง โค กระบือ เพื่อขายเป็นรายได้ ไม่ค่อยมีการ
เล้ยี งเพ่อื ใชง้ าน เน่อื งจากมีการใช้รถไถเดินตามกนั อย่างแพร่หลาย โดยเลยี้ งตามพ้นื ที่วา่ ง ตามหวั ไร่ปลายนา และ
ตามทุ่งนาหลังการเก็บเกี่ยว บางรายท่ีพอมีพ้ืนที่บ้างก็มีการปลูกหญ้าเพ่ือเก่ียวให้กิน และนิยมใช้ราข้าวผสมน้า
ใหก้ นิ ในตอนเยน็ สว่ นการเลีย้ งไก่ เป็ด เป็นการเลีย้ งแบบงา่ ย โดยปล่อยใหห้ ากินตามธรรมชาติ อาจใชข้ ้าวเปลือก
ขา้ วสาร หรือปลายขา้ ว เสริมบ้าง