4
ชาวบานหวยแมง หมูที่ 3 มีความเช่ือที่เลาตอกันมาสูรุนหลานและไดปฏิบัติ
สืบตอกันมาจนถึงทกุ วนั นี้ ยกตวั อยางเชน ถามีใครเจบ็ ปว ยไดเขารับการรักษาทโี่ รงพยาบาล และกลับ
จากโรงพยาบาลมาพักฟนท่บี านทางผูเฒาผแู กญาตพิ นี่ อ งจะทาํ การบายศรีสขู วัญใหอวยพรใหมีอายมุ ่ัน
ขวัญยืนหายจาการปวยไขมีกําลังใจขึ้น บางคนก็บนบานสานกลาวตอส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท่ีเคารพนับถือ เชน
เจา ปูตา ใหดูแลตัวเองและครอบครวั ใหอ ยดู มี ีสขุ มีโชคลาภ หรือมีญาติไปทํางานตางจังหวัด ตางประเทศ
ก็บนเจาปูตาไวพอถึงวันปใหม เทศกาลสงกรานต ก็ทําการแกบนแลวแตใครจะกําหนด สวนทาง
หมูบานหวยแมงจะมีการเลี้ยงปูต าประจําปพรอมกันทุกหลังคาเรือนประมาณชวงสงกรานตของทุกป
หรือดานโหราศาสตร ถามีใครเจ็บปวย รับประทานอาหารไมได ก็จะใหสาวแรกรุนมาผูกขอมือให
บางคนกไ็ ปหาหมอโหราศาสตร ตามหมูบาน เชนการหักไม หรือเรียกวา ดูมอ หาสาเหตุ เม่ือเจอสาเหตุ
ทที่ าํ ใหเกดิ การเจ็บปวยก็จะทําการแกต ามเหตนุ ้ัน ๆ ตามประเพณี
๑.๔ ภูมปิ ญ ญาด้ังเดิมของชมุ ชนในดา นการผลิต การประกอบอาชพี การจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การรักษาพยาบาล การศาสนา การสรางความสงบทางจิตใจ และการจดั การ
กิจการสาธารณะตา ง ๆ เพ่ือเสริมสรา งความอยดู มี ีสุขของผูคนในและระหวางชุมชน
5
ภูมิปญญาดั้งเดิมและอาชีพหลักของชาวบาน คือ การทําการเกษตรกรรม
ทํานา เพาะปลูกขาวโพด มันสําปะหลัง ถั่วเขียว แตเนื่องจากท่ีดินทํากินของชาวบานมีไมเพียงพอ
เพราะอยูในพ้ืนท่ีปาเปนสวนใหญ เมื่อมีการขยายตัวของหมูบาน จํานวนประชากรเพิ่มมากข้ึน สงผล
ใหที่ทาํ อยเู ดิมไมเพียงพอ จําเปนตองขยายพ้ืนที่เพาะปลูก โดยการบุกเบิกพื้นที่รกรางวางเปลา หรือที่ปา
ซึ่งพ้ืนท่ีดังกลาวสวนใหญไมเหมาะสมกับการเพาะปลูกขาว แตเหมาะกับ การปลูกพืชไร จําพวก
ขา วโพด มนั สาํ ปะหลงั และถั่วเขียวซึ่งเปนพืชเชงิ เดย่ี ว ซึ่งเปนรายไดหลัก สวนขาวนั้นปลูกไวเพื่อการ
บริโภคเปนหลัก เม่ือเหลือจึงนําไปขายเปนรายไดเสรมิ ขาดการสงเสริมและพัฒนาความรูและทักษะ
ดา นการเกษตร
รายไดมาจากการเกษตรกรรม การปลูกพืชเปนหลัก พ้ืนที่เพาะปลูกจํานวน
893ไร แบง เปน
1) ขาวโพด688 ไร คิดเปนรอยละ ๖๐.๓๕ ของพ้ืนท่ีเพาะปลูกท้ังหมดของ
หมูบาน ผลผลิต ๗๐๐ กิโลกรัมตอไร ไดผลผลิตรวม ๒,๕๔๖ ตัน คิดเปนสัดสวนรายได (รายไดรวม
๖๘๘ ไรX๗๐๐ กิโลกรมั /ไร x๖ บาท/กก.) รวมรายได ๔๘๑,๖๐๐ บาท
๒) มันสําปะหลัง ๑๐๙ ไร คิดเปนรอยละ ๙.๕๖ ของพื้นท่ีเพาะปลูกทั้งหมด
ผลผลติ ๓,๗๐๐ กิโลกรมั ตอไร ไดผลผลติ รวม ๔๐๓ ตนั คดิ เปนสัดสวนรายได (รายไดร วม ๑๐๙ ไร x
๓,๗๐๐ กก./ไรx กโิ ลกรมั x๔๐๓ ตัน x๒,๓๐๐ตนั ) รวมรายได ๙๒๗,๕๙๐ บาท
๓) ถ่ัวเขียว ๙๖ ไร คิดเปนรอยละ ๙.๕๖ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดของ
หมูบานผลผลิต ๑๕๐ กิโลกรัมตอ ไร คิดเปนสัดสวนรายได (รายไดรวม ๙๖ ไรX๑๕๗ กิโลกรัม/ไร x
๓๕ บาท/กก.) รวมรายได ๕๐๔,๐๐๐ บาท
โดยมอี าชพี เสรมิ เปน การเลีย้ งสัตว ไดแ ก ไก ววั ควาย การประมงพื้นบานโดย
การจบั หาปลาบริเวณอางคลองตรอน ไดแ ก ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาสรอย ปลากด ปลาย่สี ก และการ
เก็บหาของปา เชน หนอไม เห็ดเผาะ เห็ดโคน ไขมดแดง ฯลฯ เพื่อนํามาบริโภค และขายเปนรายได
เสริม และกลุมจักสาน กลมุ ผกั สวนครัว
6
ผูใหญบานในอดีต ไดใหความสําคัญกับการแกปญหาดานยาเสพติดดวย
การพัฒนาเยาวชน เด็กวัยรุน ดวยการสงเสริมเลนกีฬา จึงทําใหจํานวนผูติดยาเสพติดมีไมมาก
และเนื่องจากเปนชุมชนวิถีดั้งเดิม จึงมีความใกลชิดสนิทสนมกัน เมื่อชาวบานเห็นเด็กบานไหนติด
ยาเสพติดก็จะรีบบอกพอแม ผูปกครอง ทําใหแกปญหาไดอยางรวดเร็ว ผูคายาเสพติด ไมมี มีเพียง
ผูเสพในระหวางทํางาน หรือเผลอเลอ มีการนําไปบําบัดเพียง 2 – 3 ราย กลับมาแลวก็ดีขึ้น ใช
เงินกองทุนแมใหรายละ 500 บาท ในการเขาไปอบรม และไดกลับมาทําประโยชนใหชุมชน เชน
ทาสี ฯลฯ ไมมีปญหาการลักขโมย ชุมชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน มีความสุขตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ในชมุ ชนมเี จา อาวาสวัดหวยแมง หลวงพอเจาอธิการกิตตกิ วิน สติสมุปนุโน ซึ่ง
เปนเจาคณะตําบลนํ้าไครเปนพระนักพัฒนา ตั้งใจนําชุมชนหมูบานโดยการใชหลัก “บวร” บาน วัด
โรงเรียน เพ่ือสรางจิตสํานกึ สง เสริมใหชาวบานเขามาวัดทําบญุ โดยเปนผูน ําเริ่มตนเปนคนนําในการ
ทาํ และมีการพฒั นามาอยา งตอเนื่อง
๑.๕ ลักษณะทางชวี ภาพและกายภาพของชุมชน ทรัพยากรและปจจัยตาง ๆ ที่
เปนฐานชวี ิตใหแ กชมุ ชน
บานหวยแมงมีประชากร จํานวน ๖๘๕ คน เปน ชาย ๓๒๑ คน หญิง ๓๖๔
คน มีครัวเรือน จํานวน ๒๔๗ ครัวเรอื น อาศัยอยูในพ้ืนที่ จํานวน ๔๕๕ คน อพยพออกไปทํางานตาง
พน้ื ท่ี จํานวน ๒๓๐ คน รายละเอียดแสดงตามตารางที่ปรากฏตอไปน้ี
7
ลักษณะทางภมู ิอากาศเปน แบบมรสุม มี ๓ ฤดู คอื
- ชว งฤดหู นาว เร่ิมต้ังแต ตุลาคม – กุมภาพันธ พ้ืนท่ีราบจะมีอากาศหนาว
วัดอุณหภูมิตํา่ สุดถึง 9-10 องศาเซลเซียส และในชว งท่ีอากาศหนาวจัด
วดั อณุ หภมู ิต่ําสดุ ถงึ 6 องศาเซลเซียส
- ชวงฤดฝู น เร่มิ ตงั้ แต กรกฎาคม – กนั ยายน
- ชวงฤดูรอน เริ่มต้ังแต มีนาคม – พฤษภาคม ความรอนอุณหภูมิสูงสุดท่ี
41.5 องศาเซลเซียส
ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนท่ีสําคัญ ประกอบดวย ที่ดินปาชุมชน ๑ แหง
พ้ืนท่ี ๓๐ ไร ที่ดินสาธารณะประโยชน ๑ แหง พนท่ี ๑๒ ไร แหลงน้ํา คลอนตรอน หวยลําน้ําแมง
นาํ้ ตกหวยสัก
บานหวยแมงตั้งอยูในพื้นท่ีปาน้ําปาดและพื้นที่อุทยานแหงชาติสักใหญ ทําให
มีความอุดมสมบูรณ เน่ืองจากมีแหลงน้ําสําคัญไหลผาน ไดแก คลองตรอน ดินจึงมีความชุมช้ืน อุดม
สมบูรณ นํ้าอุปโภคบริโภคคอนขางพอกินพอใช น้ําดื่มรองจากน้ําฝน และมีระบบประปาหมูบาน และ
ประปาภเู ขา ทาํ ใหไมข าดแคลน แตอ ยา งไรกต็ าม แมจ ะเปนพ้ืนทต่ี นนํ้าของคลองตรอน แตก็ขาดแคลน
น้ําเพื่อการเกษตรกรรม มีอางเก็บน้ําคลองตรอน เปนอางเก็บนํ้าในการดูแลของกรมชลประทาน มี
พืน้ ทีก่ ักเก็บนํา้ ๒๖๕ ตารางกโิ ลเมตร มีความจุ ๕๙ ลูกบาศกกิโลเมตร ใชสงนํ้าใหพื้นที่จํานวน ๓ อําเภอ
ไดแก อําเภอน้ําปาด อําเภอทองแสน และอําเภอตรอน พื้นท่ีรวมประมาณ ๒๓,๔๐๐ ไร แตชาวบาน
หวยแมงทําใหไมไดใชประโยชนในอางเก็บน้ําดังกลาว เนื่องจากสภาพหมูบานอยูสูงกวาคลองสงนํ้า
และไมม คี ลองแยกคลองซอยเขา ไปในพน้ื ที่การเกษตรของหมูบา น
มีแหลงทองเที่ยวสําคัญ คือ คลองตรอน ซึ่งใชเปนพื้นที่ในการสงเสริมการ
ทอ งเท่ยี วเชิงธรรมชาติ “ลองแกง” โดยเฉพาะในชว งเดือนมีนาคม – เมษายน ของทุกป จะเปนชวงที่
นํา้ ใสสะอาด นกั ทองเท่ียวนยิ มเดนิ ทางมาเลน “ลองแกง ” และชมธรรมชาติ
ประเพณีและวฒั นธรรมข้ึนช่ือของบานหว ยแมง ไดแก บุญขาวเปลือก ประเพณี
สงกรานต ทอดกฐนิ ต้งั ความหวังมีกฐินเงนิ ลา น มปี ระเพณีบุญกองขา วเปลอื ก หมอสูขวัญ สขู วญั ขาว
นางรํา รําเก็บผักหวาน กอเจดียท ราย ราํ เอ้ินขวญั เปนเอกลักษณ แหตนผง้ึ (แหตนพาน แหปจ จยั เขาวัด)
แหขาวพันกอน หลังจากเก็บเก่ยี วขาวเหนียว จะเอาขาวเหนียวน่ึงปนเปนกอนๆ เอาปลายกานมะพรา ว
ถกั เปน ปลา จักจั่น แลวเอาขา วไปติดไวตรงปลาย เพื่อนําไปทําบุญ ทําใหเ กิดความสามัคคี ใครมขี า วก็
เอาขาวมารวม หรือ เอาปจ จัยมาทําบญุ เปนการทํารว มกันกบั ชาวบานหมู 9 ดงึ เยาวชนเขามารวม
8
กจิ กรรม สานปลาตะเพยี น รําเอิ้นขวญั รถแหเพื่อเปดเพลง ตกแตงและนาํ ขบวน มีการสอนตอ ใหร นุ
นองๆ
9
อาหารพื้นบาน อาหารปา การแปรรูป หนอไมมีการนํามาอัดปบ เก็บได
ประมาณ 1 – 2 ป โดยไมขนยา ย ผกั หวาน ทานสด ไขมดแดง นาํ มาแชช องฟรซี เห็ด ก็นํามาแช
ชองฟรีซ ทําปลาสม ปลาสรอย ห่ันปลาถ่ีๆ เพื่อทานไดท ้ังตัว ชวงมกราคม ไขมดแดง กับผักหวาน
ออกเยอะมาก ไขมดแดง สามารถแชเย็นไวทานไดนานๆคะ พ.ค. – ส.ค. มีเห็ดเผาะ กก. 400-500 บาท
หนอไมอัดปบ 500บาท/ปบ ปลาคลองตรอน ปลาซาบะหวยแมง ปลาสม และมีอาหารประจํา
ทองถ่ินบานหวยแมง ที่ข้ึนชื่อ ไดแก ยําดอกสวรรค ยําเทพธิดาดอย (ซุปหนอไม) ตมหนอเนื้อนางใน
ตมมหาโชค ฯลฯ
๒. การเรียนรรู ะบบการบริหารจดั การชุมชน
เพือ่ เขาใจและประเมินความเขมแข็งของชุมชนในแงมุมของความสามารถของชุมชน
ในการใชประโยชนจากเง่อื นไขตางๆ ที่เปนโอกาส เพ่ือกอใหเกิดการพัฒนาและ ขีดความสามารถของ
ชุมชนในการรับรู กําหนด และจัดการแกไขปญหาในเรื่องการหารายไดและการประกอบอาชีพ อีกท้ัง
ปญหาสงั คมของชมุ ชนใหผอ นคลาย ท้ังนี้ เพ่ือมุงคนหาประสบการณของชุมชนในแงของมุมมอง หลัก
คิดที่มีตอปญหา และโอกาสในการพัฒนา ตลอดจนกลวิธี แนวทาง ขั้นตอนการจัดการที่ชุมชนถือ
ปฏิบตั ิ รวมท้งั การเรียนรูข องชุมชน กลุม ปฏิบัติที่ ๔ จงึ ไดจัดการประชุมผานระบบ Zoom เพ่ือศึกษา
ขอ มูลจากชมุ ชน สรุปรายละเอียดไดดังตอ ไปนี้
10
บานหวยแมง แบงการปกครองออกเปน ๙ คุม ไดแก คุมสวรรคบันดาล คุม
คุณธรรม คุมธรรมะ คุมหาดทรายงามพัฒนา คุมคลองตรอนพัฒนา คุมรวมใจพัฒนา คุม สามเหล่ียม
ทองคํา คุมรวมใจศรัทธา และคุมรักสามัคคี โดยแตละคุมมีบทบาทและหนาที่ท่ีแตกตางกัน อาทิ
สงเสรมิ และพัฒนาสง่ิ แวดลอม โดยการสงเสริมการทําปยุ หมัก สงเสริมการปลูกพืชผักสวนครวั รั้วกินได
สงเสริมการเรียนรูปราชญชาวบาน ภูมิปญญาทองถ่ิน สงเสริมการจัดทําบัญชีครัวเรือน สงเสริมการ
จัดทาํ สวัสดิการชุมชนเพ่อื ใหเ กิดการดแู ลผดู อยโอกาส สงเสรมิ อาชพี ของครวั เรือนในชุมชน สงเสริมให
คนในชุมชนลด ละ เลิกอบายมุขตาง ๆ สงเสริมการใชอุปกรณประอบอาชีพท่ีเหมาะสม ลดการใช
ปยุ เคมี หันกลับมาใชป ุยธรรมชาติ สง เสริมการจดั ระเบียบบา นเรอื นของชุมชนในสะอาด ฯลฯ
บานหวยแมงมีคณะกรรมการหมูบานภายใตการกํากับดูแลของผูใหญบ านใน
ตําแหนง ประธานกรรมการหมูบาน และแบงคณะกรรมการออกเปน ๗ ฝาย โดยมีคณะกรรมการแตละฝา ย
ประกอบดว ย
๑) คณะกรรมการพัฒนา มีหนาที่เกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพของราษฎรและ
พฒั นาหมูบานในดานตา ง ๆ โดยรวมมอื กับคณะกรรมการฝา ยอ่นื ๆ
๒) คณะกรรมการปกครอง มีหนาที่เกี่ยวกับการบําบัดทุกข บํารุงสุขของ
ราษฎร และดูแลกิจการในหมบู านใหเปนไปตามกฎหาย ขนมธรรมเนียม จารีตประเพณี และนโยบาย
สวนรวม สงเสริมใหราษฎรในหมูบานมีความสนใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เสริมสราง
ความรกั สามัคคีของสวนรวม
๓) คณะกรรมการปองกันและรักษาความสงบเรียบรอย มีหนาที่ในการจัด
หนวยกําลังคมุ ครองและรักษาความสงบเรียบรอยภายในหมูบาน รวมท้ังจัดกําลังปองกันและบรรเทา
สาธารณภยั
๔) คณะกรรมการการคลัง มหี นา ที่เกย่ี วกับการเงินของหมูบา น
11
๕) คณะกรรมการสาธารณสุข มีหนาท่ีเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การ
อนามัย การวางแผนครอบครัว และการสุขาภิบาล ตลอดจนการรักษาสภาวะแวดลอมของหมูบาน
และปองกนั อันตรายอนั เกดิ จากภาวะแวดลอมในหมบู าน
๖) คณะกรรมการศึกษาและวัฒนธรรม มีหนาท่ีเก่ียวกับการศึกษา การ
ลกู เสอื และเยาวชน ตลอดจนกิจกรรมเก่ยี วกับศาสนา วัฒนธรรม การกฬี า และการพักผอ นหยอนใจ
๗) คณะกรรมการสวัสดิการและสงั คม มหี นาทเี่ ก่ียวกับสวัสดิการของราษฎร
และสงเคราะหผ ูย ากไรยากจนท่ไี มสามารถชว ยเหลือตนเองได ตามความจําเปน
นอกจากนี้ ยังมชี ุดรกั ษาความปลอดภัยหมูบาน (ชรบ.) มสี มาชิก จํานวน ๑๕
คน และอาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน (อปพร.) บานหวยแมง มีสมาชิกจํานวน ๕ คน เปนกําลัง
หลักในการสง เสริมและสนับสนุนภารกิจและนโยบายการจัดระเบียบสังคม ไดแก การจัดเวรยามเฝา
ระวังภายในหมูบาน การตั้งกฎระเบียบของหมูบาน เชน หามเลนการพนันในงานศพ และตั้งกฎวา
ครอบครัวที่ยุงเก่ียวกับยาเสพติดจะไมไดรับความชวยเหลือดานสวัสดิการตาง ๆ การอบรมชุดรักษา
ความปลอดภัยหมูบาน อาสาสมัคร ๒๕ ตาสับปะรด การจัดเวทีประชาคมยาเสพติด รณรงคกิจกรรม
รกั ษาสุขภาพและหา งไกลยาเสพติด
12
อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมูบาน (อสม.) มีบทบาทในการเปนผูนําการ
ดาํ เนนิ การพัฒนาสขุ ภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมูบาน/ชุมชน เปนผูนาํ การเปลี่ยนแปลง
พฤตกิ รรมดา นสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน และมีหนาที่แกขาวราย กระจายขาวดี ประสานงาน
สาธารณสุข บําบัดทุกข บํารุงสุขประชาชน ดํารงตนเปนแบบอยางท่ีดี โดยมีหนาที่ ๑) เปนผูสื่อขาว
สารสาธารณสุขระหวางเจาหนา ที่และประชาชนในหมูบาน นัดหมายเพ่ือนบานมารับบริการสาธารณสุข
แจง ขา วสารสาธารณสุข ๒) เปนผใู หคาํ แนะนาํ ถา ยทอดความรูแ กเพือ่ นบา นและแกนนําสุขภาพประจํา
ครอบครัว ในเร่ืองตาง ๆ ๓) เปนผูใหบริการสาธารณสุขแกประชาชน ๔) หมุนเวียนกันปฏิบัติงานท่ี
ศสมช. โดยปฏิบัติงานในดานจัดทําศูนยขอมูลขาวสารของหมูบาน ถายทอดความรูและจัดกิจกรรม
ตามปญหาของชุมชน และใหบริการที่จําเปนใน 14 กิจกรรมสาธารณสุขมูลฐาน ๕) เฝาระวังและ
ปองกันปญหาสาธารณสุขในหมูบาน ๖) เปนผูนําในการบริหารจัดการวางแผนแกปญหาและพัฒนา
ชุมชน และ ๗) ดูแลสิทธิประโยชนดานสาธารณสุขของประชาชนในหมูบาน โดยเปนแกนนําในการ
ประสานงานกับกลุมผูนําชุมชน และองคการบริหารสวนตําบล (อบต.) กระตุนใหมีการวางแผนและ
ดาํ เนินงานเพอ่ื พัฒนางานสาธารณสุข
นอกจากน้ี ยังมีการจัดตั้งองคกรหรือกลุมตาง ๆ เพ่ือปฏิบัติหนาที่ อาทิ
กองทนุ หมบู า น กลุมออมทรพั ยเพอ่ื การผลติ กองทนุ แมของแผนดิน ชมรมผสู ูงอายุ ชมรมรักสะอาดรัก
สิ่งแวดลอม กลุมถั่วเขียวผิวมัน กลุมหนอ ไมอัดปบ กลุมจักสานบานหวยแมง กองทุนสวัสดิการชุมชน
ตําบลนํ้าไคร (ออมวันละบาท) กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห (รวมกันระหวาง ๒ หมู คอื หมู ๓ และหมู ๙)
กลมุ ทองเที่ยวลองแกง คลองตรอน-หวยแมง กลุมวิสาหกิจตลาดกลางผลผลิตทางการเกษตร ตําบลน้ําไคร
เปนตน
๓. การศึกษาเรียนรูนโยบายภาครัฐและผลกระทบตอการพฒั นาของชุมชน
นโยบายของภาครัฐท่ีสง ผลกระทบตอคนในชุมชนบา นหวยแมง ไดแก
๓.๑ การบริหารจดั การนาํ้ ปญหาน้ําทวมน้ําแลงเปนปญหาท่ีเกิดขึ้นในในประเทศไทย
มาอยางตอเนื่องยาวนาน ไมวาพ้ืนท่ีในลกั ษณะใด ก็มักมีปญหาจากการดําเนินการท้ังเร่ืองการจัดทํา
แผนและจัดการภัยแลงเชิงพ้ืนทที่ ี่ไมส ามารถรวบรวมขอมูลนอกเขตชลประทานในระดบั พ้ืนท่ีไดอยาง
ครบถวน การใชน้าํ และเพาะปลูกพืชจึงไมเปนไปตามแผนท่ีวางไว ไมสามารถควบคมุ แผนการจัดสรรนํ้าได
13
นอกจากนี้ ปญหาสวนใหญท่ีพบ คือ ขาดหนวยงานในพ้ืนที่ท่ีทําหนาท่ีบูรณาการแหลงนํ้าขนาดเล็ก
ขาดงบประมาณสนับสนุน สง ผลใหเกิดความเหล่อื มล้ําในพนื้ ที่นอกเขตชลประทาน
ในพื้นที่บานหวยแมงเปนพ้ืนท่ีที่มีตนทุนทางทรัพยากรคอนขางดี มีแหลงน้ํา
ในพ้ืนท่ี แตกลายเปนวาไมส ามารถใชแหลงนํ้านั้นได และขาดการพัฒนาแหลงกักเก็บนํ้าที่เหมาะสม
และเพยี งพอสําหรับการเกษตร
เขื่อนคลองตรอน
๓.๒ การแกไขความยากจน ปญหาความยากจนและปญหาความเหลื่อมล้ําที่
เกิดข้ึนในสงั คมไทยเปนปญหาสําคัญท่ีจะตองไดรับการแกไขอยางเรงดวน ในชวงท่ีผานมาแมประเทศ
ไทยจะมีนโยบายการแกไขปญหาความยากจนและลดความเหล่ือมลํ้าเกิดขึ้นมากมายจากหนวยงาน
ตาง ๆแตล ะหนวยงานมีจุดเนนท่ีแตกตางกัน การดาํ เนินการเปนไปอยางแยกสวนตามบทบาทหนาท่ี
ของแตละหนวยงาน ขาดการบูรณาการในการแกไขปญหาเชิงระบบหรือเชิงโครงสราง ทําใหปญหา
ยงั คงอยู
การแกไขปญหาความยากจนจึงตอ งเปนการสรางโอกาสใหคนยากจนสามารถ
เขามามสี ว นรว มและไดร ับประโยชนอยางมนี ัยสาํ คัญ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสราง
โอกาส และความเขมแข็งใหแกคนยากจน เพิ่มศักยภาพและโอกาสในการประกอบอาชีพไดอยาง
กวา งขวางและหลากหลาย รวมทงั้ การสรา งโอกาสการเขา ถงึ ทรัพยากรธรรมชาติในชมุ ชน ทง้ั ในแงการ
ใชและการดูแลรกั ษา ยกระดับคุณภาพชวี ติ และความสามารถในการพงึ่ พาตนเองไดใ นระดับหนง่ึ
ในสวนของนโยบายที่เกี่ยวของกับการแกไขปญหาความยากจนในพื้นท่ีบาน
หวยแมง เปนโครงการในลักษณะของการเพ่ิมศักยภาพและการสรางโอกาส และการสงเสริมอาชีพ
ผานกองทุนในรปู แบบตาง ๆ อาทิ โครงการกองทุนหมูบานและชมุ ชนเมอื งโครงการแกไขปญหาความ
ยากจน (กข.คจ.) โครงการการพักชําระหน้ีและลดภาระหนี้ใหแกเกษตรกรรายยอย โครงการหน่ึงตําบล
หน่งึ ผลิตภัณฑ (OTOP) ฯลฯ โดยมเี ปาหมายเพ่ือยกระดับคณุ ภาพชีวิตของคนในชุมชน สรา งรายได
ขยายโอกาส
๓.๓ การสง เสริมการทองเที่ยวรายไดจากการทองเท่ียวเปนรายหลักที่มคี วามสําคัญ
ของประเทศไทย ดังน้ัน ภาครัฐจึงมีนโยบายทีจ่ ะสงเสริมการทองเท่ียว การทองเท่ียวโดยชุมชนเปน
เครื่องมือในการพัฒนาชุมชนท่ีมีการบริหารจัดการโดยชุมชนอยางมีสวนรวมเพ่ือใหเกิดกระบวนการ
แลกเปลย่ี นเรียนรู อนุรักษท รพั ยากรธรรมชาติ ประเพณี วิถชี ีวติ และวฒั นธรรม ดงั น้ันการเตรียมความ
พรอมของชุมชน คอื การศึกษาศักยภาพและขอจํากัดของชุมชน รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถ
14
ของคนทํางาน กลุมทองเทย่ี ว แหลงทองเที่ยว และบรกิ ารทองเที่ยวใหสามารถรองรับการทองเท่ียวได
โดยไมเกนิ ขีดความสามารถในการรองรบั ของชุมชน และเกิดจากความตองการของชมุ ชน
การทองเที่ยวโดยชุมชน หมายถึง การทองเท่ียวที่บริหารจัดการโดยชุมชน
เพ่ือใชเปน เครื่องมือในการพัฒนา ผานการมีสวนรวมของทุกภาคสวน ในการจัดการทรัพยากร ภูมิปญญา
อันทรงคุณคา สรางสมดุลระหวาง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และส่ิงแวดลอมอยางยั่งยืน นําไปสู
คุณภาพชีวติ ความสุขของคนในชุมชน นักทองเท่ียวและผูมาเยือน โดยมีกลุมแกนนําของชุมชนท่ีจะ
ทํางานอยางมีสวนรวมเปนทีมในการทํางาน โดยใชองคประกอบสําคัญ ไดแก ศักยภาพของคน
ศักยภาพของพ้ืนท่ีการจัดการ การมีสวนรวม ใหเกิดกระบวนการเรียนรูและพัฒนาชุมชนสูการทองเที่ยว
โดยชมุ ชนบานหว ยแมง
๓.๔ ก า ร จั ด ห า ที่ ดิ น ทํ า กิ น ใ ห แ ก ร า ษ ฎ ร ต า ม น โ ย บ า ย รั ฐ บ า ล
คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแหงชาติหนวยงานที่เกี่ยวของ ไดแก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงมหาดไทย และอ่ืน ๆ บริหารท่ีดินใหเกิดประโยชน
สูงสุด และจัดใหมีการปลูกปาเพ่ิมเติมในพื้นท่ีตามความเหมาะสม รวมท้ังพิจารณาออกกฎหมายให
ประชาชนสามารถใชประโยชนในทีด่ นิ ของรฐั และเรง แกไขปญหา กรณรี าษฎรหรือชมุ ชนท่ีไดรับความ
เดือดรอนจากการอยูอาศัยและทํากินในเขตปาโดยไมถ ูกตองตามกฎหมายมาเปนระยะเวลานาน โดย
พื้นท่ีดังกลาวไมเปนเขตพ้ืนท่ีตนน้ําลําธาร หรือเขตอนุรักษท่ีมีความออนไหว ใหมีการจัดที่ดินใหแก
ราษฎรกลุมน้ีตามหลักเกณฑและเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแหงชาติกําหนด เพื่อแกไข
ปญหาและลดแรงกดดนั โดยใหราษฎรสามารถใชประโยชนพ ้ืนที่ในรูปแบบสหกรณ แตไ มใหกรรมสิทธ์ิ
เน่ืองจากเปน ที่ดินของรฐั โดยมีหนวยงานรบั ผดิ ชอบเรื่องการสงเสรมิ และพัฒนาอาชพี เพ่ือใหราษฎรมี
รายไดและความเปนอยทู ดี่ ีขึ้น สําหรับกรณที รี่ าษฎรหรอื ชุมชนอยูในเขตตน น้ําลาํ ธารหรือเขตอนุรักษท่ี
มีความออนไหว ซ่ึงหนวยงานราชการที่เกี่ยวของตองดําเนินการเคล่ือนยายใหอยูในพ้ืนท่ีที่เหมาะสม
ภายในเขตจังหวัดหรือจังหวัดใกลเคียง ใหอยูเปนกลุมหรือชุมชนในรูปแบบสหกรณหรือรูปแบบอ่ืน
โดยไมใหกรรมสิทธต์ิ ามหลักเกณฑและเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแหงชาติกําหนด โดยใน
ระหวางการจัดท่ีดินทํากิน จะตองช้ีแจงใหราษฎรเพื่อสรางความเขาใจ และกําหนดมาตรการในการ
เยียวยาทเี่ หมาะสม เพือ่ ใหราษฎรเขารว มดาํ เนนิ การโดยสมคั รใจ
15
สว นท่ี ๒
ประเด็นการพัฒนาของชุมชน
ณ หมูบานหว ยแมง ตาํ บลนํา้ ไคร อาํ เภอน้ําปาด จงั หวัดอุตรดิตถ
สถานการณและประเด็นการพัฒนาหมูบานหวยแมง ตําบลน้ําไคร อําเภอน้ําปาด
จังหวัดอตุ รดิตถ มรี ายละเอยี ดดงั ตอ ไปน้ี
๑. ระดบั การพฒั นาของหมูบาน
ผลการประเมินหมูบานเศรษฐกิจพอเพียงตนแบบ ของหมูบานหวยแมง อยใู นระดับ
“อยูดีกินดี” ซ่ึงมีเกณฑการประเมิน 4 ดาน 23 ดาน ไดแก ดานจิตใจและสังคม ดานเศรษฐกิจ
ดานการเรยี นรู และดา นทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอม ซึ่งหมูบานหัวยแมงสามารถไปสู ระดับ
“มั่งมีศรีสุข” ไดโดยตองปรับปรุงดังนี้ ตัวช้ีวัดที่ 6 การวัดคนในหมูบานปลอดอบายมุข ตัวช้ีวัดท่ี
12 การดาํ เนินงานในรปู แบบวสิ าหกจิ ชุมชน การจดั ต้ังการบรหิ ารจัดการวิสาหกิจชุมชน และตวั ชี้วัดที่
23การสรางมูลคาเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในชุมชน การแปรรูปผลิตภัณฑ การ
ทําปุยหมัก สะทอนความเขมแข็งของชุมชน ในการนอมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใชใน
การดํารงชีวิต “3 ไม” ไมมีหน้ีสิน ไมมีคนจน ไมมียาเสพติด “2 มี” มีการจัดสวัสดิการชุมชน มี
การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ ม ปาไมเหมือนตเู ยน็ ธรรมชาติ ทีเ่ ราจะมีอาหารไวทาน
16
๒. สดั สว นจาํ นวนครวั เรอื นท่ไี มพออยพู อกนิ
หมูบานหวยแมง หมูที่ 3 ตําบลน้ําไคร เปนหมูบานที่มีการพัฒนาอยางตอเน่ือง
เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นท่ีอยางเปนระบบ โดยใชกระบวนการพัฒนา
ชุมชนดวยการ “สรางพลังชุมชน ใชพลังชุมชนในการพัฒนาชุมชน” จนสงผลทาํ ใหหมูบานยกระดับ
การพัฒนาเปนหมูบานเศรษฐกิจพอเพียงตนแบบระดับ “อยูดี กินดี” ในป พ.ศ. 2563 (ตามเกณฑ
ประเมินผลการพัฒนาหมูบานเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงมหาดไทย (4 ดาน 23 ตัวช้ีวัด) และผล
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามขอมูลความจําเปนพ้ืนฐาน (จปฐ.) ประจําป พ.ศ. 2562
ปรากฏวา หมูบานหวยแมง ประชากรมีรายไดเฉล่ียสูงสุด 75,000 บาท/คน/ป และรายไดเฉลี่ย
ตํ่าสุด 38,285 บาท/คน/ป (ตามขอมลู จปฐ. ป 2562) และมีระดับความสุขเฉลี่ยสูงสุดของคนใน
ระดับครัวเรือน ระดบั 8.78 (คอนขางสูงมาก) จึงสงผลทําใหหมูบานหวยแมง หมูที่ 3 ตําบลน้ําไคร
เปนหมูบ านชมุ ชนเขม แขง็ พ่ึงตนเองได โดยไมมสี ัดสว นความเหลื่อมลํา้ ของสังคมในหมูบานและชมุ ชน
๓. ประเมินความสามารถของชุมชนในการใชประโยชนจากโครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใต
นโยบาย
สมาชิกชุมชนบานหวยแมงหมูที่ 3 ตําบลหวยไคร อําเภอนํ้าปาด จังหวัดอุตรดิตถ
สามารถเขาถึงและไดรับประโยชนจากโครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใตนโยบายของภาครัฐ ทส่ี งผาน
กิจกรรม/โครงการ ของหนวยงานตาง ๆ ท่ีกําหนดดําเนินการในพ้ืนท่ี ทั้งดานเศรษฐกิจ สังคม
ส่งิ แวดลอม และคณุ ภาพชีวิต จนสงผลใหเปนหมูบานท่ีมีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี ไมมสี ัดสวนความเหล่ือมล้ํา
ทางสังคมของคนในหมูบานและชุมชนซึ่งปจจัยสําคัญที่สงผลใหชุมชนนี้สามารถใชประโยชนจาก
โครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใตนโยบายตาง ๆ ของภาครัฐเกิดจากการมีสวนรวมของประชาชนใน
ชุมชน ศักยภาพของผูนําชุมชน ความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทร รวมถึงการดําเนินชีวิตที่เรียบงาย
ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยมโี ครงการสําคัญ ดังนี้
17
๓.๑ โครงการกระตุนเศรษฐกิจ (ตําบลละ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) นําไปใชในโครงการ
พฒั นาระบบประปาหมูบานใชไดด จี นถึงปจจบุ ัน
๓.๒ โครงการตามนโยบายรัฐบาล ลักษณะกองทุนชุมชน เชน กองทุนหมูบานและ
ชมุ ชนเมอื ง/ประชารฐั สามารถบริหารไดมีดอกผลกําไร นํามาจัดสรรเปนสวัสดิการใหแกคนในชมุ ชน/
ดแู ลผูดอยโอกาสอยา งทัว่ ถึง
๔. ประเมินโอกาสและความเสี่ยงของชมุ ชนและครัวเรอื นยากจน
จากการสอบถามและพูดคุยพบวา ชุมชนน้ีมจี ุดแข็งและขอดีหลายประการซ่งึ ทําให
สามารถอยูรว มกันอยางมีความสงบสุข ชาวบานดํารงชีวิตอยางพอเพียง พออยูพอกิน ไมไดตอ งการ
แสวงหาโอกาสจากภาครฐั แตเ พยี งอยา งเดียว โดยสามารถสรุปโดยใช SWOT Analysis ได ดงั นี
จดุ แขง็ (Strength) จดุ ออ น (Weakness)
- ผูนําชุมชนท่ีเขมแข็ง และมผี ูนําตามธรรมชาติ - ขาดแคลนนํ้าเพ่ือการการเกษตรกรรม (มี
โดยท้ังสองฝายรวมมือกันพัฒนา และสรางการมี แหลงน้ําแตใชไมได) ขาดระบบชลประทาน เกิด
สวนรวมโดยการสรางความรวมมือกับคนทั้งใน จากการบูรณาการของหนวยงานภาคราชการ
และนอกชมุ ชน - พ้ืนท่ีสวนใหญเปนพื้นที่ปาเขา ไมมีพื้นท่ีใน
- การนอ มนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การทําเกษตรกรรม ชาวบานไมมีกรรมสิทธิ์ใน
มาปรับใชเ ปน วิถชี ีวติ ทด่ี นิ
- ชาวบานเปนคนจิตใจดี มคี ุณธรรม รจู ักการทาํ - ปลูกพืชเชิงเด่ียว (ขาวโพด มันสําปะหลัง ถ่ัว
มาหากนิ และแบงเวลามาเขาวดั ฟง เทศนฟ งธรรม เขียว) เปนพืชท่ีไมมีจุดเดนเฉพาะ ไมสามารถ
- ความสมัครสมานสามัคคี พรอมจะมาชวยกัน กาํ หนดราคาได
ในการทํางาน ทําใหสามารถอยูรวมกันไดอยาง - การรวมกลุมอาชีพมีนอย และยังไมมีความ
สงบสขุ เขม แข็ง
- ชาวบานใชช วี ิตอยางเรียบงาย มวี ินัยในการใช - รายไดน อย
จายทําใหห นี้สินไมเกินตวั - ขาดความรูและทักษะดานเทคโนโลยีในการ
- พ้ืนดินและทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดม พัฒนาตอ ยอดกิจกรรมอยางสรางสรรค (ขาดมือ
สมบูรณ อาชีพ)
โอกาส (Opportunity) อุปสรรค (Threat)
- ความเขมแข็งของคนในชุมชน - ราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกตํ่าและไม
- ชาวบานมีภูมิปญญาทองถ่ินดานสมุนไพร (แต แนนอน
ยงั ไมนํามาใชประโยชน) - ข า ด แ ห ล ง ร อ ง รั บ สิ น ค า ผ ล ผ ลิ ต ท า ง
- สถานการณการแพรระบาดของโรคติดเช้ือ การเกษตร
ไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ สงผลใหคนหนุมสาวกลับ - แรงงานภาคเกษตรมีแนวโมลดลง
บานมาอยูในชุมชน (ทําใหมีแรงงานกลับมา และ - มอี า งเกบ็ นํ้าแตไมส ามารถใชป ระโยชน
นําความรูและความทันสมัยมาประยกุ ตใช) - ภัยธรรมชาติ เชน อุทกภัย วาตภยั
18
จากการวเิ คราะหขางตนแสดงใหเห็นวา จุดแข็งของชุมชนนี้ คือ การที่มีผูนําทีเ่ ปน
นักพัฒนา มีความพรอมท่ีจะสนับสนุนใหเกิดกิจกรรมใหม ๆ เพื่อเปนสรางรายไดใหแกชุมชนและ
ครัวเรือน สําหรับชุมชนกเ็ ปน ผูตามทดี่ ี ใหค วามรว มมือและสนบั สนนุ การดําเนนิ กิจกรรมอยางตอเน่ือง
ยกตวั อยาง
การจัดต้ัง “กลุมทองเที่ยวลองแกงคลองตรอน-หวยแมง” เปนการบริหารจัดการ
ทอ งเที่ยวชุมชนโดยชุมชน ไดรับการสนบั สนุนงบประมาณเบ้ืองตน จากกองทนุ หมบู าน และการไฟฟา
ฝา ยผลิตแหง ประเทศไทย
มีการแบงหนาที่ในการบริหารจัดการบูรณาการกลุม/องคกรท่ีมีในชุมชน มา
รวมกบั บรหิ ารจัดการการทองเที่ยวชุมชนโดยชุมชนอยางแทจริง มีการแบง หนาที่อยางชัดเจน โดย
คณะกรรมการหมูบานมีหนาที่ในการกําหนดกฎระเบียบตางๆ ชรบ. มีหนาทกี่ ารดูแลความสงบและ
ความปลอดภัยของนักทองเที่ยว ชมรมรักษาความสะอาดรักสิ่งแวดลอม ดูแลการบริหารจัดการขยะ
สาํ หรับการนาํ นักทองเท่ียงลองแกงดวยเรอื ยางและหวงยาง ทาํ โดยสมาชิกในชุมชนทอ่ี าสามาทะเบียน
ไว เอ้ือเฟอสถานท่ีโดยวัดหวยแมง ดําเนินการมา ๓-๔ ป(พักช่ัวคราวจากสถานการณCOVID-19)
สามารถสรางรายไดเ สรมิ ใหก บั ชมุ ชนไดอ ยา งแทจ ริง นอกจากน้ี ยังมีรายไดจากการจําหนายสินคา และ
อาหารใหแ กน กั ทองเที่ยว สรา งกิจกรรมใหเ ยาวชนเขา มามีสวนรวม ท้งั น้ี ชุมชนสามารถบริหารจัดการ
รายได จัดสรรใหกับกลุมตาง ๆ ไดอ ยางเหมาะสมลงตัว สวนหนง่ึ ใหชาวบานที่มารวมทํางาน อีกสวน
หน่ึงนํามาพัฒนาตอยอดกิจกรรม เชน การสรางหองน้ําเพื่อไวใชในการอาบน้ําเปล่ียนเส้ือผาสําหรับ
นกั ทองเทย่ี ว จัดทํา “กองอํานวยการ” เพอื่ รองรับนักทองเทย่ี ว
19
อยางไรก็ดี ปญหาสําคญั คอื ในการบริหารจัดการยังขาดการนําความรูแ ละทักษะ
เพอ่ื มาตอ ยอดกจิ กรรม ยงั คดิ ไมสดุ ไมสามารถเชื่อมโยงการดําเนินการไปยังชุมชนภายนอก สงผล
ใหก ารสงเสริมกิจกรรมการทองเที่ยวจํากัดอยูในวงท่ีไมกวางขวางมากนัก และไมส ามารถเช่ือมโยงกับ
ของดีอนื่ ๆ ที่มีอยูในชมุ ชน เชน ยงั ไมมีการสรางสนิ คาขึ้นชื่อที่เปน OTOP ของชุมชน และสินคา ทีม่ ีดี
เชน หนอไมปบที่เปนของท่ีมีช่ือเสียงและข้ึนช่ือ ก็ยังไมไดรับพัฒนาตอยอดใหสามารถเขาสูตลาดได
อยางมีประสิทธภิ าพ ตง้ั แตขั้นตอนการผลิต แปรรูป และการตลาด เนื่องจากยังขาดมืออาชีพในการ
ดําเนนิ การ ซ่ึงหนวยงานราชการตา งๆ ควรเขาไปสง เสริมและสนับสนุนเงินทุนและเครื่องมือ/อุปกรณ
ในการทําถุงสุญญากาศเพื่อตอยอดไปขายในตลาดท่ีมีความตองการตอไป ในสวนน้ี ถามองสถานการณ
การแพรระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ เปนโอกาสที่ทําใหคนหนุมสาว วัยแรงงานกลับมา
ยังบานเกิด สรางงานสรางอาชีพ ไมใหหนุมสาวออกจากพื้นที่ นําความรูและประสบการณจากการ
ทํางานในเมืองมาปรับใชใหเขากับบริบทของชุมชน โดยหนวยงานราชการจะตองสนับสนุนใหความรู
และพฒั นาทกั ษะใหสามารถทํางานรวมกันในชุมชน โดยใหหนุมสาวที่มคี วามรทู างดา นเทคโนโลยีหรือ
social media ในการทําเพจ หรือทาํ การตลาดในรูปแบบออนไลนต อ ไป
ดังน้ัน เพ่ือเปนการยกระดับการดําเนินการภายใตขอจํากัดของชุมชน หนวยงาน
ราชการในพื้นที่จะตองรวมมือกันแกไขปญหาข้ันพ้ืนฐานใหกับชาวบาน โดยการใชประโยชนจาก
ทรัพยากรท่ีมอี ยางอดุ มสมบูรณแ ละความรวมแรงรวมใจของชาวบาน เพ่ือขับเคลื่อนใหเกิดการพัฒนา
ตอยอดอยา งย่งั ยืน
จากการเก็บขอมูลในพื้นที่ บานหวยแมงเปนหมูบานท่ีมีศักยภาพในการพัฒนา
เน่ืองจากมี “ตนทุน” ท่ีพรอมในหลายดาน ตั้งแตผูนําชุมชน กลุมความรวมมือตาง ๆ ไปจนถึง
ชาวบานในทุกระดับ รวมท้ังมีการบูรณาการ “บวร” บาน วัด โรงเรียน ในการพัฒนาและแกไข
ปญหาในสวนตาง ๆ อยางไรก็ตาม การพัฒนาคนและเสริมสรางความเขมแข็งแกชุมชนใหมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดแี ละสามารถปรับตวั และดาํ รงชีวติ อยูไดในกระแสการเปล่ียนแปลง เปาหมายสําคัญ คอื ชุมชน
จะตองสามารถพ่ึงพาตนเองใหได จึงจะสามารถเผชิญกับวกิ ฤตการณต าง ๆ ไดอยางมีประสิทธิภาพ
ทั้งน้ี เศรษฐกิจชุมชนมีครอบครัวเปนหนวยการผลิต แรงงานของสมาชิกในครอบครัวเปนปจจัยท่ี
สาํ คญั ทีส่ ุด เพราะแรงงานเปนส่ิงทค่ี รอบครัวมีอยูโดยธรรมชาติ ไมตองจาง แตในปจจุบัน เมื่อพิจารณา
จากอายุเฉลี่ยของคนในชุมชน (ชวงอายุเฉล่ียของประชากรในหมูบาน ๑๘-๔๙ ป คดิ เปนรอ ยละ ๔๕
ของชวงอายุของประชากรทั้งหมด) จะเห็นวา คนหนุมสาววัยแรงงาน ออกไปจากพ้ืนที่ แตยังโชคดี
20
ไมถือวาเปน “การท้ิงถิน่ ” เพราะจากการสอบถาม ลูกหลานยงั สง เงนิ กลับมาที่บานใหพอแม ปูย าตายาย
ซื้อที่ดนิ สนับสนุนปจจัยทางการเกษตร เพอื่ เปนชองทางในการกลบั มาทาํ งานในชมุ ชนตอ ไป
การเปลยี่ นแปลงทีเ่ กดิ ขึ้นในชุมชนอนั เกิดจากแรงกดดันจากปจ จัยภายนอกทสี่ าํ คัญ
ปจจัยทส่ี ง ผลกระทบและสงผลใหเกิดการเปล่ียนแปลงวิถีชวี ิตของชาวบาน ซึ่งคลาย
กับวิถชี นบททัว่ ไป คอื ราคาของพชื ผล เดมิ คนชนบทปลกู ขา ว โดยเกบ็ สวนหนง่ึ ไวบ ริโภค สวนทเี่ หลือ
จึงนําไปขาย แตเมื่อมาทําการเพาะปลูกพืชไร จึงตองเอาผลิตผลของพืชไรเหลานี้มาขาย แลวจึงนํา
รายไดมาซ้ือขาวบริโภค ทําใหเกิดการคาขายและตลาด สภาพที่ชาวบานทํามาหากินและกินอยูโดย
อาศยั ธรรมชาตกิ ค็ อ ยๆ หมดไป การคาขาย และอาศัยเงินเปน ปจ จัยก็มีความสําคัญเพิ่มข้ึนทุกที ชีวิต
ของชาวบานจึงจําเปนท่ีจะตองมีการปรับตัว เพ่ือเพ่ิมรายไดใหแกครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีการ
อพยพของวัยแรงงานหนุมสาวออกไปทํางานในเมืองหรือพื้นท่ีอ่ืน ละทิ้งการทํางานภาคเกษตร และ
เดินทางเขาสูตัวเมืองใหญๆ หรือ กรุงเทพฯ เขาทํางานในโรงงานอุตสาหกรรม การกอสราง รานคา
ตลอดจนรับจา งทาํ งานอน่ื ๆ ดงั น้ัน คนรุน ใหมจงึ ไมมีทกั ษะในการดาํ รงชวี ิตแบบชนบทอีกตอไป
การวเิ คราะหภาพรวมของภาคการเกษตรในพ้ืนท่ี โดยสามารถพิจารณาเปนหวงโซ
ตงั้ แตเรื่องวัตถดุ ิบ ปจจัยการผลติ การแปรรปู การตลาด รวมท้ังความเสีย่ งท่อี าจเกดิ ขน้ึ
ชาวบานบานหวยแมงประกอบอาชีพอาชีพเกษตรกรรมเปนหลัก ผลผลิตหลัก คือ
ขาวโพด มนั สาํ ปะหลงั และถั่วเขยี ว มีการเพาะปลกู ขาว แตเปนการปลกู เพ่ือการบริโภคเปนหลัก มีเหลือเกิน
จึงนาํ ไปจาํ หนายเปน รายได มกี ารเพาะปลูกพืชผกั สวนครัว และเก็บของปา เพื่อเปนรายไดเ สริม
ในเร่ืองของปจจัยการผลิต ประกอบดวย ท่ีดิน ที่ดินที่เกษตรกรใชปลูกขาวโพดมีท้ัง
ที่ดินทเี่ ปนของตนเอง เชา และบุกรุกปา เมล็ดพันธุ เมล็ดพันธุขาวโพดที่เกษตรกรใชอยูในปจจุบันมี
แหลงท่มี าจากการผลิตภายในประเทศ โดยซื้อจากรา นคา ชุมชน สหกรณ และบรษิ ัทเอกชน ปุย และยา
ปราบศัตรูพืช เดิมเกษตรกรไมนิยมใชปุยหรือสารอินทรีย แตในปจจุบันมีการรวมกลุมเพื่อผลิตปุย
อินทรยี เพื่อใชภายในชุมชน จึงไดรับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และแหลงเงินทุน ใชทุนจากภายในชุมชน
จากกองทุนตางๆ ที่มีอัตราดอกเบ้ียตํ่า เชน กองทุนประชารัฐ 700,000 บาท ในการซื้อปจจัยปุย
อินทรีย ปุยชีวภาพ และเมล็ดพันธุ เมื่อผลผลิตออกเก็บเก่ียวเสร็จก็จะสงขายใหพอคาท่ีมารับซ้ือใน
พ้นื ท่ี ในปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ไดรบั งบประมาณจากกรมสงเสริมการเกษตรโครงการยกระดับ
แปลงใหญดวยเกษตรสมัยใหมและเช่ือมโยงตลาด จํานวน 3,000,000 บาท สนับสนุนแปลงใหญ
ขาวโพด เพ่ือกอสรางสรางลานตาก จัดซ้ือรถตักลอยางเพื่อรวบรวมผลผลิตการเกษตรในพ้ืนท่ี
ขา วโพดเล้ียงสตั ว มนั สาํ ปะหลงั บานหวยแมงสามารถดําเนินการไดตลอดหวงโซอุปทาน ต้ังแตตนน้ํา
การทาํ พันธุถว่ั เขียว การจัดหาปจจัยการผลิต กลางนํ้าดานการรวบรวมผลผลิตจากอุปกรณการตลาดที่
มี คือ รถตกั และลานตาก เครอ่ื งชัง่ แลวตากเพอ่ื ลดความชืน้ จนถงึ ปลายน้าํ คอื การจาํ หนายใหแกพอคา
ทาํ ใหชาวบา นสามารถจาํ หนา ยผลผลติ ได และไดรบั ราคาทเี่ ปนธรรมโดยการบรหิ ารของชุมชน
21
การรวมกลุมชาวบา นบายหวยแมงมีความเขม แข็ง เกดิ จากปจ จัยสําคญั ดงั น้ี
๑) ผูนําที่มคี วามเขมแข็ง โดยมีท้ังผนู าํ ที่เปนทางการ ไดแก ผูใหญบาน ที่มีความรู
และความตองการทีจ่ ะพัฒนาหมูบานและชมุ ชนไปในทิศทางท่ีดี และผูนําตามธรรมชาติ ไดแก เจาอาวาส
วัดหวยแมง ท่ีมีวิสัยทัศน สามารถนําชุมชนใหมองเห็นอนาคตขางหนารวมกัน สามารถแสดงใหเห็น
เปาหมายของการพัฒนาพ้ืนที่ไดอยางเปนรูปธรรม อาทิเชน รางวลั ผูใหญบานดีเดน (แหนบทองคํา)
ระดับจังหวัด ป ๒๕๖๔รางวัลหมูบานแผนดนิ ธรรมแผนดินทอง ระดับอําเภอ ป ๒๕๖๓ รางวัลชุมชม
ตนแบบการคัดแยกขยะ ระดับดีเยี่ยม ป ๒๕๖๐ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
รางวัลหมูบานชุมชนสัมพันธดีเดน ป ๒๕๖๒ จากสถานีตํารวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ รางวัลปาชุมชน
ระดบั จังหวัด โครงการ “คนรกั ปา ปารักษช มุ ชน” ประจาํ ป ๒๕๖๓ จากกรมปาไม รางวลั หมูบ านรักษา
ศีล ๕ ระดบั จังหวดั ป ๒๕๖๓ รางวัลวัฒนคุณาธร ระดับจังหวัด ป ๒๕๖๑และรางวัลระดับประเทศ ป
๒๕๖๒จากกระทรวงวัฒนธรรม การพัฒนาแหลง“กลมุ ทองเที่ยวลองแกงคลองตรอน-หวยแมง” ท่ี
สามารถสรางรายไดเสริมใหกับชุมชนได รวมทั้งการนํา “ปลูกทุเรียน” เพื่อเปนพืชทางเลือกใหกับ
ชาวบาน
22
๒) ชุมชนตองรักตัวเองและชาวบานทุกคนตองการเขามามีสวนรวมในการคิด
วิเคราะหหาเหตุผลเม่ือชุมชนเผชิญกับปญหาในการพัฒนาเพ่ือจะใหเกิดความยั่งยืน ชาวบานใน
ชุมชนน้ันจะตองมีความต้ังใจที่จะเขามามีสวนรวมในการแกไขปญหาหรอื พัฒนาชุมชนดวยใจที่ตั้งม่ัน
ซึ่งชาวบานหวยแมง ไดแสดงใหเห็นผานความรวมแรงรวมใจในการการระดมทุน โดยไมขอรับการ
สนับสนุนจากงบประมาณของภาครัฐเพ่ือกอ สรางหองอบุ ัติเหตุและฉุกเฉิน (Emergency Room:
ER) ของโรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบลหวยแมงซ่ึงสงผลใหเกิดประโยชนรวมกันของคนใน
หมบู า น/ชมุ ชนอยา แทจรงิ ตวั อยา งตอไป คือการจัดต้ังชมรมรักสะอาดรักส่ิงแวดลอม ที่เปนการรวม
พลังเยาวชน การจัดตั้งชมรมรักสะอาดรักส่ิงแวดลอม ท่ีเปนการรวมพลังเยาวชน “รักดี” เพ่ือมา
จัดเก็บ คดั แยกขยะ และการรณรงคร กั ษาความสะอาดและสง่ิ แวดลอมในชุมชน ซ่ึงเปนการสงเสริมให
เยาวชนใชเ วลาวางใหเ กิดประโยชน พฒั นาจิตใจและปลูกฝงคา นิยม “จิตอาสา” และการทําความดีให
เกดิ ขนึ้ ทัง้ ยงั เปนการสรางความรักสามคั คใี หเ กิดในหมูเยาวชนและครอบครัวอกี ดวย
๕. สรปุ บทเรียนที่ไดรบั ในดานตาง ๆ
จากการลงพื้นท่ีผานกิจกรรมการเรียนรูดวยประสบการณตรงจากการปฏิบัติงาน
(Action Learning) ทําใหไดเรยี นรู เขาใจ และสามารถประเมินความเขมแข็งของชุมในดา นตาง ๆ
ดงั น้ี
๕.๑ การบริหารการพฒั นาชมุ ชนทองถน่ิ
บา นหว ยแมงมีการบรหิ ารจดั การในชมุ ชนผานกลไกและเครอื ขายที่มีในชุมชน
ดงั นี้
(๑) การส่ือสารผานการประชุมประจําเดือนทุกวนั ที่ ๖ ของทกุ เดือน กรณีมี
เหตทุ ่ีตองรบี แจงในทีป่ ระชุม ก็จะกาํ หนดใหมีการประชุมหมบู านใหเร็วมากข้ึน และมีการแจงใหทราบ
ลว งหนา ผา นชองทางที่ทนั สมัย (LINE Application)
(๒) การกระจายความรวมมือ โดยประสานความรับผิดชอบผานหัวหนาคุม
ตาง ๆ เพ่ือใหการสอ่ื สารเปนไปอยา งทั่วถึงและรวดเร็ว และไดมีการเพิ่มบทบาทใหกับหัวหนาคุมตา ง ๆ
ใหเขามามีสว นรวมในการสอื่ สารประชาสัมพันธใหมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขนึ้
(๓) การจัดทําบัญชีเก็บรักษาเงินของหมูบาน เงินของชมรม และเงินของ
องคกรตาง ๆ ในหมูบานอยางเปนระบบและโปรงใส กลา วคือ เปนการเปดบัญชีรวม ๓ รายช่ือ ไดแก
ผูใหญบาน และผูชวยผูใหญบาน จํานวน ๒ คน และการระบบการบริหารจัดการเอกสารโดยแยก
ประเภท และจัดเก็บไว ณ ทีท่ ําการกองทุนหมูบา น
(๔) การสรา งภาคีเครอื ขายกับภาคสวนตาง ๆ ที่เก่ียวขอ ง อาทิ ตํารวจสัมพันธ
ชมุ ชน รว มมือกับสถานีตํารวจภูธรนํ้าปาด หนสายตรวจ ปปส. กลุม ๒๕ ตาสับปะรด รวมกันต้ังดา นเฝา
ระวังในชวงเทศกาลสาํ คัญ จัดเวรยามเพือ่ เปนหูเปนตา ดูแลความสงบเรียบรอ ยของชุมชน ใชกองทุนแม
ของแผนดินในการปองกันและแกไขปญหายาเสพติดในพื้นท่ีไดอยางมีประสิทธิภาพ การประสาน
กิจกรรมของชมรมผูสูงอายุและเยาวชน โดยใชกิจกรรมการศาสนา การสวดมนตขามป การรณรงค
ปลอดอบายมขุ จนไดรับรางวัลหมูบ านรักษาศีล ๕ รวมทงั้ การสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวของ
กบั ภมู ิปญญาชาวบาน และสบื สานภูมปิ ญ ญาทองถิ่น เปนตน
23
(๕) การจัดเก็บขอมูลตาง ๆ ของภาครัฐ อาทิ จปฐ. กชช.๒ค. เพ่ือนําไปเปน
ขอ มูลประกอบการจัดทําแผนพัฒนาหมูบ าน และประสานขอมูลรวมกับองคการบรหิ ารสวนตําบลนํ้าไคร
รวมทงั้ มีการติดตาม สรปุ ผลการดาํ เนินการพฒั นาหมูบา นอยางสม่าํ เสมอ
(๖) การสรา งความรว มมอื และระดมความคิดเห็นจัดทําประชาคมในการจัดทํา
แผน และคัดเลือกโครงการ ผานกจิ กรรม อบต.สัญจร
(๗) การสง เสรมิ ใหชาวบา นใหนอ มนาํ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไป
ใชใ นชวี ติ ประจาํ วันจนเปน วถิ ีชวี ิตผานกจิ กรรมรปู แบบตา ง ๆ อาทิ สงเสริมการปลกู พืชผักสวนครัว
รวั้ กนิ ไดเ พ่ือสรางความมั่นคงทางอาหาร สนับสนุนการเก็บหาของปา ผักพื้นถ่ิน จับปลาในแหลงน้ํา
ธรรมชาติ เพ่ือการบริโภค และจําหนายเมื่อเหลือจากการบริโภค สงเสริมเศรษฐกิจแบบพ่ึงตนเอง
โดยการจดั ทาํ โครงการปยุ ประชารัฐ ทําปุย หมกั จากขยะในครวั เรือน สงเสรมิ ความรักสามคั คี ฯลฯ
(๘) การจัดการการทองเท่ียวชุมชน โดยการจัดต้ังกลุมทองเที่ยวลองแกง
คลองตรอน-หวยแมง โดยการบริหารจดั การดว ยตนเอง กอใหเกิดการสรางรายไดใ หแ กช ุมชน
๕.๒ การบรหิ ารการพฒั นาระดบั ตาํ บลและอาํ เภอ
จุดออ น
(๑) การทํางานของหมูบาน/ อบต. /สวนราชการตาง ๆ ของอําเภอ ยังไม
บรู ณาการ/เชอ่ื มโยง ทาํ งานแบบแยกสว น ไมยึดโยงกบั ชาวบา น ตางคนตางทํา
(๒) การจัดทํา/การประสานแผนทองที่-ทองถ่ินไมเช่ือมโยงกัน ไมสามารถ
นาํ ไปปฏบิ ตั ิได
(๓) แผนงาน แผนเงนิ แผนคน ตอบสนองตน สงั กดั มากกวาแกไขปญหาในพ้ืนท่ี
จดุ แขง็
(๑) สว นราชการตาง ๆ ของอําเภอ ภาคสว นตา งๆ และภาคเอกชน รเิ ริ่มที่จะ
รว มมอื จดั ทํายุทธศาสตรการพัฒนาในระดบั อาํ เภอ โดยใชปญหาหรือพ้ืนท่ีเปนศูนยกลางในการพัฒนา
เชน การจัดทําแผนการทองเท่ียว การแกไขปญหาเรื่องนาํ้ เพ่อื การเกษตร การแกไขปญหาสิทธิประโยชน
ในการใชท่ีดนิ
(๒) สว นราชการตา ง ๆ มีความพยายามที่จะลดชอ งวาง บรู ณาการเพื่อทะลาย
กําแพงของสว นราชการตา ง ๆ โดยใชปญ หาของหมบู า น ตําบล อาํ เภอเปนศนู ยกลางในการทาํ งาน
๕.๓ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏบิ ตั งิ านตามนโยบายของรฐั บาล
การจดั การที่ดนิ /แหลงนาํ้
(1) หนวยงานภาครัฐทํางานอยา งแยกสว น จงึ ไมสามารถนํานโยบายแปลงสู
การปฏิบัติใหเ กดิ ผลสัมฤทธ์ิ
(2) องคก รปกครองสว นทอ งถ่ินในพนื้ ทไ่ี มตอบสนอง
(3) ผลลัพธท่ีเกิดขึ้น : ชาวบานไมไดรับประโยชน ไมมีท่ีดินทํากิน ไมมีน้ํา
เพอื่ การเกษตรใชอยางพอเพยี ง
(4) ชาวบานตองรวมกลุมเพ่ือขับเคลื่อนการดําเนินการเพ่ือใหชุมชนเขมแข็ง
ดว ยตนเอง
24
สวนท่ี ๓
การรว มคดิ กิจกรรมการพัฒนารว มกบั ชุมชน
ณ หมบู า นหวยแมง ตาํ บลนาํ้ ไคร อําเภอนา้ํ ปาด จงั หวัดอตุ รดิตถ
ในสวนที่ ๓ จะเปนการรวบรวมหัวขอประเด็นของการพัฒนาท่ีกลุมปฏิบัติการที่ ๔
ไดรวมคิด รวมเรียนรูกับคนยากจนในครัวเรือนและชุมชน ในการปองกันความเส่ียง และแกปญหาการ
พัฒนาบา นหวยแมง ตาํ บลนํ้าไคร อําเภอนาํ้ ปาด จงั หวดั อตุ รดิตถ จํานวน ๔ ประเด็น รายละเอียดสรุป
ไดด ังตอ ไปนี้
1. การจดั หาแหลง น้ําใหเพยี งพอทง้ั ปต อ การทําการเกษตรของทุกครวั เรือนทีท่ ําการเกษตรในชุมชน
1) นาํ้ กนิ น้ําใช แหลงนํ้าจากประปาภูเขา ซ่งึ มีปญหาความไมเพียงพอในฤดูแลง ดังนั้นในแนว
ทางการเก็บกักน้ําไวใชจึงมีขอเสนอแนะใหชาวบานรวมกับเจาหนาท่ีของปาไมและเจาหนาที่อุทยาน
เจาของพ้นื ทีร่ วมกนั ดําเนินโครงการกอสรางฝายชะลอน้ําในพื้นที่ตนน้ําใหสามารถเก็บกักนาํ้ ใหไดมาก
ทสี่ ุดเพอ่ื ใหเกดิ ความชมุ ชืน้ และเปน ตน ทุนนํ้าใหม ากท่สี ุด และการดําเนินการเปนลักษณะของจิตอาสา
ในชมุ ชนตามรปู แบบความเหมาะสมของพื้นท่ี
2) การวางทอ สงนา้ํ จากคลองตรอนแลวใชวธิ ีการสูบสงน้ําดว ยพลงั สะอาดคือการใชโซลา เซล
3) การวางทอจากเขือ่ นคลองตรอนซงึ่ มีปรมิ าณเก็บกกั นาํ้ ในปริมาณ 53.00 ลาน ลบ.ม.และ
มีความสูงของสันเขื่อน 48.00 ม. ม่ีชองระบายนํ้ากวาง 12.00 ม. ใชวิธีการสูบสงนํ้าดวยวิธีการ
กาลักน้าํ
4) เนอ่ื งจากพื้นทีท่ ําการเพาะปลูกยงั ไมมีแหลงนํ้าขนาดเล็กในพ้ืนที่ดังน้ันจึงมีความจําเปนที่
จะตองมีแหลงนํ้าขนาดเล็กกระจายในพ้ืนท่ีโดยการขุดบอน้ําตื้นซ่ึงจากขอมูลของชุมชนระบุวาใน
หมูบานมีนํา้ ในบอนํ้าตนื้ ทใี่ ชในการบริโภคมีนํ้าทั้งปไมเคยแหงจึงเปนขอมลู ที่บงช้ีวาระดับนํ้าใตดินใน
พื้นที่มีอยูอยางสมบูรณจึงเปนขอเสนอแนะใหมีการขุดบอนํ้าตื้นกระจายไปท่ัวพ้ืนที่และเปนพื้นที่
รองรับนํ้าจากการวางทอสงน้ําจากเข่ือนคลองตรอนใหระบบน้ํามีความอุดมสมบูรณและเพียงพอกับ
การเปล่ยี นแปลงกับการทาํ การเกษตรใหมท ี่จะมีการปรับเปลี่ยน
๕) การดําเนนิ การจัดหาแหลงนํ้าขนาดเลก็ ท่ีเปนศูนยรวมที่สามารถใชน ้าํ รวมกันเชนการขุดสระ
เกบ็ นา้ํ ใหมีความลกึ เพียงพอท่ีจะมนี ้ําตนทุนในการปลูกพืชและหากไมเพียงพอใชวิธีการสูบจากคลองตรอน
มาเพิ่มเติมเพ่ือใหมีนํ้าเพียงพอในการทําการเกษตรใหมๆ(ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)
ประสานสํานักงานปองกันบรรเทาสาธารณะภัย สามารถสนับสนุนขุดเจาะบอนํ้าตื้นโดยเปนการ
ดําเนินการเองของชุมชน ขอเพียงคาน้ํามันสําหรับเคร่ืองจักรกล ถาอยใู นเขตอุทยานใหขออนุญาตให
ถกู ตองกอ นการดาํ เนินการ
6) แนวทางในการจัดหาทอสงนํ้าและอุปกรณในการสงนํ้า เชนประตูระบายน้ํา เนื่องจาก
พ้นื ทอี่ ยใู นเขตปา และหนวยราชการไมส ามารถเขา มาดําเนินโครงการไดเ พราะตอ งขออนุญาตกับปาไม
เจาของพ้ืนท่ีกอนจึงยังไมสามารถเขามาดําเนินการได ดังน้ันเห็นควรประสานแผนกับองคการบริหาร
สวนจังหวัดอุตรดิดถเพื่อขอความอนุเคราะหในการจัดซื้อทอและใหหมูบานยืมใชและสมาชิกใน
หมบู านมาดําเนนิ การวางทอ เองเปน การชัว่ คราวเพ่อื แกปญหาขาดแคลนน้าํ เพื่อการเกษตรในแตละป
25
7) การนอมนําศาสตรพระราชามาใชในการมาบริหารจัดการพ้ืนที่ โคกหนองนาโมเดล ใน
ขนาด 1 ไร – 3ไร สามารถวางแผนรว มกัน แบงปนนํ้ากันได ในบานหวยแมง ไมมีพื้นที่เพียงพอใน
การทาํ โคกหนองนาเต็มรปู แบบก็ใหป รับใชใหเหมาะกบั พื้นที่ ขนาด 1 – 2 ไร เพื่อมีน้ําใชใ นพืน้ ที่
๒. การปรบั กระบวนการผลิตการเกษตรเพื่อเพิ่มคณุ คาทางเศรษฐกจิ สงั คม และส่งิ แวดลอ ม
1) เมอ่ื ไดท่ีดินทํากิน ไดแ หลงน้ําแลวก็จะตองมาพัฒนาดานการประกอบอาชีพ และสามารถ
เขา ไปตรวจสอบในแอพพลเิ คชัน่ Kaset Pro
2) ปรับเปลยี่ นการปลูกพชื ใหมๆแทนการปลกู มันสาํ ปะหลงั การปลูกไมยีนตนท่ีใหผลผลิตที่มี
มูลคา มากข้นึ เชนการปลกู ทุเรยี น การปลกู ลองกอง ท่สี ามารถปลูกไดในพื้นที่โดยสามารถหาวิธีการใน
การปรับปรุงดนิ และวธิ กี ารปลกู รปู แบบใหมๆ ท่ีไดผ ลเร็วและไดผลผลิตจํานวนมาก มีความมั่นคง ซ่ึงจะ
ทําใหเกษตรกรมีรายไดมากขึ้นและมีความมั่นคงในชีวติ ปลูกพืชผักสวนครัวเพ่ือบริโภค และปลูกพืช
สมุนไพร ตูยาขางบาน ตูอาหารขางครัว การปลูกมะละกอ เชนปลูกบานละ 5 ตน ปลูก 50 ครัวเรือน ก็
สามารถเปนหมบู า นที่สง ออกมะละกอได
3) สง เสริมการเล้ยี งสตั ว เชน โค กระบือ ไก เนื่องจากมีพ้ืนที่วา งหลังบาน บอปลาดุก เลี้ยงกบ
เลย้ี งจงิ้ หรดี ไดมูลสตั วม าทําเปนปุยคอก ปุยอินทรียม าใชในการทําการเกษตรดวย
4) การพัฒนาผลิตภัณฑใหเปนสินคาที่แปลกใหม ของฝากของท่ีระลึก เพื่อตอยอดกับการ
ทองเที่ยว ลูกมะคา ทาํ พวงกญุ แจ
๕) การแปรรูปผลผลติ ทางการเกษตร เพือ่ สรา งมลู คาเพ่ิม เกบ็ รกั ษาไดนานๆ แปรรูปถั่วเขียว
เพื่อประกอบอาหาร หญานางปา พืชสมุนไพร เปนหญานางผง หญานางโคโรฟวส ผสมน้ําดื่มใชใ น
การแกงหนอไม แกงเห็ด อาชีพมองที่ใกลตัว ทําเอาไวก ิน แลวเหลือไวขาย เปนการสรางความม่ันคง
ทางอาหาร สรา งรายได
6) การพฒั นาบรรจุภัณฑแปรรูป พัฒนาชุมชนสามารถชว ยใหคําแนะนําไดใหมีรูปแบบที่เปน
มาตรฐาน สวยงาม เชน บรรจุภัณฑแ บบสญุ ญากาศ พืชผัก หนอไม เห็ด ปลาทจ่ี ะแปรรปู บรรจุภัณฑ
กระปอง ขวด ฯลฯ
7) ตลาดชุมชนคนหวยแมงยิ้มได ทุกวันศุกร เสาร อาทิตย เพื่อจําหนายและไดเงินจาก
นักทองเที่ยว เพิ่มชองทางการจําหนายสินคา ตลาดออนไลนคนหวยแมง คํานึงถึงทุนท่ีมีอยู
ทรพั ยากรท่มี ีอยู พัฒนาเปน ผลติ ภัณฑข องชมุ ชน การจําหนา ยสินคาออนไลน บริการสง ถึงบาน
๓. การขออนุญาตใชประโยชนจากทีด่ นิ ทํากิน ในรปู แบบ คทช.
1) ชุมชนจัดประชุม เพื่อหามติและมอบหมายผูแทนในการไปติดตามเรงรัดหนวยงานที่
เกี่ยวขอ งในการออกโฉนดชุมชนการขออนุญาตการใชพื้นที่ พ้ืนท่ีทํากินในบานหวยแมง ไมมีเอกสารสิทธิ์
6,000 ไร หากมฐี านขอมลู เดิม ชาวบา นมคี วามพรอม นาจะดาํ เนนิ การไดภายในป ๒๕65
2) โครงการใดที่จะทําในเขตพ้ืนท่ีอุทยาน ใหหนวยงานเจาของงบประมาณ จัดทําโครงการ
รวมกับอุทยาน เพ่ือเปนโครงการรวมกัน และมีความเปนไปไดในการดาํ เนินโครงการ ไมตองกังวลใจ
ในส่ิงทต่ี ามมาภายหลัง โดยทําโครงการรวมกันกับอุทยาน โดยหัวหนาอุทยานเปนพนักงานเจาหนา ที่
26
ตามกฎหมาย และใชอํานาจของหัวหนาอุทยานหากใหชาวบานเขียนขอไปเอง จะอาจยาก แตหากให
ชาวบานทําโครงการรวมกับอุทยาน แลว บอกถึงเหตุผล ความจาํ เปน
3) การดําเนนิ การเพอ่ื ความยงั่ ยนื สามารถตรวจสอบโดยการขอใบอนุญาตดําเนินการวาทอสง
นํ้ากับเจาของพ้ืนที่(ปาไมท่ีรับผิดชอบพ้ืนที่) ซึ่งสามารถขออนุญาตเขาดําเนินการไดโดยระบุแผนงาน
โครงการใหชัดเจนวาจะดําเนินการอะไรในพ้ืนท่ี
4. การจดั การปาชมุ ชนเพื่อการบริโภคในชมุ ชนและสรา งรายได
1) การทองเท่ียว มีโอกาสในการจัดการเรื่องการทองเท่ียว ดึงนักทองเท่ียวเขามาในพ้ืนที่
เกิดการใชจายเงิน โดยเช่ือมโยงกับสถานท่ีทองเท่ียวของจังหวัด ประเพณีวัฒนธรรมทองถิ่นที่จะได
ดึงดูดใหนองทองเท่ียวเขามาสัมผัส ทําอยา งไรคนในพื้นท่ี ทกุ ภาคสวน พ่ีนองในชุมชน หนวยงานใน
พ้ืนท่ี จะมีเทคนิคอยา งไรท่จี ะใหนักทองเที่ยวมาเทย่ี ว มาใชจาย อุดหนุนสินคา ผลิตภัณฑ ประทับใจ
และประชาสมั พันธตอ
2) โฮมสเตย นักทองเที่ยวท่ีอยากสัมผัสวิถีชีวิตของหมูบาน การแสดงออกถึงจารีตประเพณี
การแสดง การตมุ โฮม การบายศรีสูขวัญ เมนูอาหารพ้ืนถ่ิน จุดถายภาพ จุดเช็คอิน ไดเก็บภาพสวยๆ
กลับไป แชรออกไปในโลกโซเชียล เปนการประชาสัมพันธ ตอๆไป ระบบความปลอดภัย ระบบ
สาธารณูปโภค มีกฎกติการวมกันในการดูแลนักทองเที่ยว หองน้ํา หองอาบน้ํา ทุกเพศทุกวัย
รา นอาหาร รา นกาแฟ กิจกรรมเดินปาศึกษาธรรมชาติ เสนทางเดินปา โดยไมรบกวนธรรมชาติ มีปาย
ประชาสมั พันธบ อกช่ือตนไม ดึงนกั ทอ งเทยี่ วสายเดนิ ปา Trekking tourist
3) การทําเสนทางการทองเท่ียวจากอทุ ยาน จากเขอื่ นมาบานหว ยแมง ปฏิทินการทอ งเท่ยี วท่ี
สามารถจัดไดท้ังป โปรแกรมการทองเท่ียว 1 วัน 2 วัน คางคืน และกิจกรรม คาใชจาย ชมทะเล
หมอก ลองแกง ชมปา การประชาสัมพันธ การเขาถึงของนักทองเท่ียว ถายรูปเก็บภาพสวยๆ ลง
ในเวบไซทไลน เพจ เพ่อื ใหคนเขามาเยีย่ มชม การทําคลปิ สัน้ ๆ ในแอพพลิเคช่นั
4) สง เสรมิ การการปลูกตน พญาเสอื โครงเพ่อื ปรับภมู ทิ ัศนท สี่ วยงาม ภายใน 3 – 5 ป เมอ่ื ตน
ใหญก จ็ ะสวยงาม เปน ท่ดี งึ ดูดนักทอ งเท่ียว
5) การกําหนดวสิ ยั ทศั น ภาพฝนของชุมชนรวมกัน แลวคดิ วา จะทํากิจกรรมอะไรบา ง
6) สนับสนุนการทองเทีย่ ว เชงิ วฒั นธรรม เชงิ อนุรักษ
7) คนหาจดุ เดนการทอ งเท่ยี วในการดึงใหนักทองเท่ียวมาเท่ียว จุดชมวิว ผาเก็บตะวนั ทะเลหมอก
สรางแลนดมารค ธรรมชาติ และสรางขึน้ มา เชน ทําตวั แมลงตัวใหญ เปน สัญลักษณ
8) มัคคเุ ทศกนอย ทจี่ ะเปน ทูตตัวนอ ยที่สอ่ื สารไดอยา งนารกั
๙) มกี ารเชื่อมโยงกับสถานท่ีทองเที่ยวอ่ืนๆ และมีกิจกรรมที่สนุกอาหารพ้ืนบาน และรวมกับ
การจัด Zoningจัดพื้นท่ี จัดระเบียบ เพ่ือไมใหเที่ยวสะเปะสะปะ และเปนการดูแลความปลอดภัยใน
ชีวิตและทรัพยส ิน ผาเก็บตะวัน หาดเก็บตะวัน
27
ภาคผนวก
28
ภาพบรรยากาศของการเรียนรูดวยประสบการณต รงจากการปฏบิ ตั ิงาน (Action Learning)
ณ หมูบ า นหวยแมง ตําบลนํ้าไคร อําเภอน้าํ ปาด จังหวดั อตุ รดติ ถ
วันที่ 23 สิงหาคม 2564(วันเตรียมการกอนลงพ้นื ท่จี ริง)
29
ภาพบรรยากาศของการเรียนรูดวยประสบการณต รงจากการปฏิบตั ิงาน (Action Learning)
ณ หมบู านหวยแมง ตาํ บลนํ้าไคร อําเภอน้ําปาด จังหวัดอตุ รดิตถ
วนั ที่ 24-27 สงิ หาคม 2564(ลงพน้ื ทจี่ รงิ )
นายอําเภอนา้ํ ปาด จงั หวดั อุตรดถิ ต
กลุมปฏิบตั กิ ารที่ 4
30
พบอาจารยท ี่ปรึกษา
31
วิถีชีวิตชมุ ชนบานหว ยแมง
รายงานการเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning)
ณ บา้ นโคกสะอาด หมทู่ ี่ ๔
ตาบลอ่มุ จาน อาเภอกสุ มุ าลย์
จงั หวดั สกลนคร
จัดทาโดย
กลมุ่ ปฏิบัติการท่ี (กป.) ๕
๑. นางประภาวดี สิงหวิชยั ผู้อานวยการกลุ่มงานพัฒนาโครงสร้าง
ระบบงานฯ กล่มุ พฒั นาระบบริหาร
๒. น.ส.นิตยา โสรกี ุล สานกั งานปลดั กระทรวงมหาดไทย
๓. พ.อ.อ.พนู สุข ทะแพงพนั ธ์ สรรพสามติ พ้นื ทีน่ นทบรุ ี
๔. นายมนต์วิทย์ โชตอิ ัษฎายธุ นายอาเภอกุสมุ าลย์ จังหวดั สกลนคร
๕. นายสหชัย แจม่ ประสทิ ธสิ์ กลุ นายอาเภอทับปุด จังหวดั พงั งา
๖. นายสกุ ิจ เหลอื งสกุลไทย นายอาเภอศรเี ทพ จังหวดั เพชรบูรณ์
๗. นายธรี ะเดช ฉันทะ นายอาเภอกนั ทรลักษณ์ จงั หวัดศรีสะเกษ
๘. นายอัษฎา ชูสนิ เจา้ พนักงานท่ดี ินจงั หวัดแพร่
๙. นายพิจิตร โตเรว็ ผู้ช่วยผ้อู านวยการการประปาส่วนภมู ิภาค เขต ๕
๑๐. นายสมบูรณ์ ธีรบณั ฑติ กุล อยั การจงั หวดั ประจาสานักงานอยั การสงู สดุ
ผู้อานวยการสานกั ป้องกันรกั ษาปา่ และควบคมุ ไฟปา่
รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหนึง่ ของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 7๗
สถาบนั ดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พทุ ธศกั ราช 2564
คานา
การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ณ จังหวัดสกลนคร เป็นหนึ่งในกระบวนการการ
เรียนรู้ของโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 7๗ ระหว่างวันท่ี ๒๔ – ๒๘
สิงหาคม 2564 มีวัตถุประสงค์หลักในการที่จะให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาอบรมในโครงการได้มีโอกาสเข้า
ไปมีส่วนในการศึกษาปัญหาและแนวทางในการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่ โดย
มอบหมายให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติการได้ศึกษา แลกเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลจากพ้ืนท่ีจริงในหมู่บ้านต่าง ๆ ใน
อาเภอ และจังหวดั ซึง่ สมาชิกของกลุ่มปฏบิ ัตกิ ารเป็นผูบ้ รหิ ารในพื้นที่ เพื่อเปน็ กรณศี ึกษารว่ มกัน
กลุ่มปฏิบัติการที่ ๕ (กป.๕) ได้รับมอบหมายใหด้ าเนนิ การศึกษาและทาการศึกษาเชงิ ลึกในพื้นท่ี
บา้ นโคกสะอาด ตาบลอุม่ จาน อาเภอกุสมุ าลย์ จงั หวดั สกลนคร ตามหลกั ศาสตรพ์ ระราชาในรปู แบบของ
การเขา้ ใจ เขา้ ถงึ และพัฒนา โดยไดส้ กัดเอาความรูแ้ ละสง่ิ ทีไ่ ดร้ บั จากการศกึ ษาในครง้ั นี้มาเปน็ รายงานฉบบั
น้ี อันจะประกอบไปด้วยบริบทของพื้นท่ีและแนวทางการพัฒนาการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพนื้ ท่ี
และสามารถนาไปเป็นแนวทางการพัฒนาหมู่บ้านของประชาชน และเป็นข้อมูลให้กับทางราชการเพื่อ
นาไปสกู่ ารพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม นาไปสกู่ ารพฒั นาอย่างย่งั ยนื ในอนาคตตอ่ ไป
คณะผ้จู ัดทา
นักศกึ ษาหลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู รุ่นที่ 7๗
กลุ่มปฏิบัติการท่ี (กป.) ๕
สารบัญ
ส่วนท่ี ๑ กรอบการเรยี นรูด้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั งิ าน (Action Learning) หน้า
เพอื่ เขา้ ใจ เขา้ ถงึ วิถีชมุ ชน ๑
๑.1 การศึกษาเรียนรู้ภมู สิ ังคมและวิถีชีวติ ของชมุ ชน 1
๑.๒ การศกึ ษาเรยี นรรู้ ะบบการบรหิ ารจดั การชมุ ชน 7
๑.๓ การศกึ ษาเรยี นร้นู โยบายภาครัฐและผลกระทบตอ่ การพัฒนาของชมุ ชน 11
ส่วนท่ี ๒ ประเดน็ การพัฒนาของชมุ ชน 13
๒.๑ ระดับการพฒั นาของหมบู่ ้าน 13
๒.๒ สดั ส่วนจานวนครัวเรือนทไี่ ม่พออยู่พอกนิ 13
๒.๓ ประเมินความสามารถของชุมชนในการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการกจิ กรรมต่าง ๆ 14
ภายใต้นโยบาย
๒.๔ ประเมนิ โอกาสและความเสย่ี งของชุมชนและครวั เรือนยากจน 14
๒.๕ กจิ กรรมการพฒั นาท่ีชุมชนจะทาเองเพ่อื ใหท้ กุ ชีวติ อย่ดู ีมีสขุ ในปีนี้ 16
๒.๖ สรปุ บทเรยี นทีไ่ ด้รับจากการศึกษาเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) 16
๒.๖.๑ การบรหิ ารการพฒั นาชมุ ชนท้องถนิ่
๒.๖.๒ การบรหิ ารการพฒั นาระดบั ตาบลและอาเภอ
๒.๖.๓ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล
๒.๗ การรว่ มคดิ กจิ กรรมการพฒั นาร่วมกับชุมชน 17
๒.๗.๑ พฒั นาระบบนา้ เพ่อื การเกษตร
๒.๗.๒ ขยายเขตการไฟฟ้าเพ่อื ใชใ้ นการผนั นา้ เพือ่ การเกษตร
๒.๗.๓ การพัฒนาศักยภาพ ทกั ษะใหค้ นทุกชว่ งวยั ในชุมชน
เพื่อให้ร้เู ท่าทันโลก เท่าทนั การเปลยี่ นแปลง
๒.๗.๔ มาตรการป้องกนั หรอื ลดผลกระทบจากโรงงานน้าตาล
๑
สว่ นที่ ๑ กรอบการเรียนรดู้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั งิ าน (Action Learning) เพ่ือ
เขา้ ใจ เขา้ ถงึ วิถชี ุมชน
๑.๑ การศกึ ษาเรยี นรภู้ ูมสิ งั คมและวถิ ีชีวิตของชุมชน
๑.1.๑ ประวัติความเป็นมา การตั้งถิ่นฐาน ชาติพันธ์ของผู้อาศัย เหตุการณ์สาคัญ
ที่เกิดขึน้ ในชมุ ชนในช่วงเวลาทผ่ี ่านมา ต้งั แต่เริ่มก่อต้งั ชมุ ชน
เดิมบรรพบุรุษของหมู่บา้ นโคกสะอาดมีสองกล่มุ กลุ่มแรก อพยพมาจากบ้านท่งุ
มน ตาบลเชียงเครือ อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีความเชื่อในการนับถือศาสนาคริสต์
นิกายโรมันคาทอลิก โดยมีนักบุญยอห์น บอสโก เป็นองค์อุปถัมภ์ของหมู่บ้าน กลุ่มที่สอง อพยพมา
จากบ้านโพนสว่าง ตาบลเชียงเครือ อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ประชากรเป็นกลมุ่ ชาติพันธุ์ อาทิ
ไทญ้อ ไทลาว ภูไท และมีความเช่ือในการนบั ถือศาสนาพุทธ ทั้งสองกลุม่ มาตั้งหลกั ปกั ฐานรวมกนั ตั้งช่ือ
หมูบ่ ้านว่า “บ้านหว้ ยเตย” ท้ังสองกล่มุ อยรู่ ว่ มกันอย่างรรู้ กั สามัคคี เอ้อื อาทรกัน มาโดยตลอด พ่นี ้องชาวพทุ ธ
ส่วนใหญ่จะอาศัยอยใู่ นคุ้มอนิ ทหวา โดยมสี านักสงฆส์ ถิตสิทธิธรรมคณุ บ้านโคกสะอาด เป็นทยี่ ดึ เหนีย่ วจิตใจ
การปกครองในช่วงก่อต้ังหมู่บ้าน (พ.ศ. ๒๔๘๘ - ๒๕๐๓) บ้านห้วยเตยเป็นส่วน
หน่ึงกับบ้านสนามบิน หมู่ ๘ (บ้านห้วยผักเม่ียง) ตาบลอุ่มจาน โดยมี นายคาเบน มังลา เป็นผู้ช่วย
ผู้ใหญบ่ า้ นสนามบนิ ทาหน้าทปี่ กครองหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ทางราชการอนุญาตให้แยกตวั เปน็ เอกเทศ
และตง้ั ช่ือบ้านใหม่ วา่ บา้ นนาเลิงฮงั และมี นายคาเบน มงั ลา เป็นผู้ใหญบ่ า้ นคนแรก
พ.ศ. ๒๕๐๕ เปลี่ยนชื่อจากบ้าน “นาเลิงฮัง” เป็นชื่อบ้าน “บ้านโคกสะอาด”
ปจั จบุ นั มี นายชาติชาย พทุ ธิไสย เปน็ ผู้ใหญ่บา้ น
ปัจจุบัน บ้านโคกสะอาด หมู่ที่ ๔ ต้ังอยู่ในตาบลอุ่มจาน อาเภอกุสุมาลย์
จงั หวดั สกลนคร จานวนประชากรตามทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง (ตามทะเบียนบ้าน) มีจานวน
ครัวเรือนท้ังส้นิ ๒๐๙ ครัวเรือน จานวนประชากรเพศชาย ๒๗๔ คน เพศหญิง ๒๙๖ คน รวม ๕๗๐ คน
แยกตามชว่ งอายุ ดังน้ี
จานวนประชากร ชาย หญงิ รวม
0-12 ปี 26 44 70
13-18 ปี 22 24 46
18-35 ปี 66 62 128
35-60 ปี 127 129 256
60 ปขี ้นึ ไป 33 37 70
รวม 274 296 570
ข้อมูลสถติ ิประชากรและบา้ น สานักทะเบยี นอาเภอกสุ มุ าลย์ จังหวดั สกลนคร ณ วนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๖๔
๒
ภาพท่ี 1 แผนท่ีบา้ นโคกสะอาด หม่ทู ่ี 4 ตาบลอมุ่ จาน อาเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร
จานวนประชากรตามข้อมลู จปฐ. (อาศัยอยู่จริง) มีจานวนครัวเรือนทั้งสนิ้ ๑๗๕
ครัวเรือน จานวนประชากรเพศชาย ๒๗๙ คน เพศหญิง ๓๐๑ คน รวม ๕๘๐ คน (ข้อมูล จปฐ.ล่าสุด ปี
๒๕๖๒)
บ้านโคกสะอาดอยู่ห่างจากอาเภอกุสุมาลย์ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๓๕
กโิ ลเมตร ห่างจากจังหวัดสกลนคร ไปทางทศิ ใต้ประมาณ ๒๖ กิโลเมตร มีอาณาเขตตดิ ต่อ ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขตพ้ืนที่หมู่ที่ ๘ บ้านสนามบิน ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กุสมุ าลย์ ใชถ้ นนลาดยาง ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตร
ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตพื้นท่ีหมู่ท่ี ๗, ๑๒ บ้านหนองบัวสร้าง ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กสุ ุมาลย์ ใชถ้ นนลาดยาง ระยะทางประมาณ ๓ กโิ ลเมตร
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขตพื้นที่หมู่ที่ ๑๔ บ้านแสนพัน ตาบลอุ่มจาน
อาเภอกุสุมาลย์ ใช้ถนนลูกรัง ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตร และพื้นท่ีหมู่ที่ ๒, ๑๕ บ้านบ่อพังแคน
ตาบลอุ่มจาน อาเภอกสุ มุ าลย์ ใชถ้ นนลกู รงั ระยะทางประมาณ ๖ กโิ ลเมตร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตพื้นที่หมู่ ๓ บ้านแก้งท่าลับ ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กุสมุ าลย์ ใชถ้ นนคอนกรตี เสรมิ เหล็ก ระยะทางประมาณ ๔ กโิ ลเมตร
๓
๑.๑.๒ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต การจัดการชีวิตและครอบครัว ของผู้คน
แตล่ ะกล่มุ
ชาวบ้านโคกสะอาดผูกพันกับวิถีทางศาสนาเป็นหลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ของ
หมู่บ้าน “เบ่ิงแยง ฮักแพง แบ่งปัน ตุ้มโฮม พร้อมเพรียง เฮียงหน้า เว้านัว หัวม่วน”
บ้านโคกสะอาดถือเป็นสังคมแบบพหุสังคม ราษฎรในหมู่บ้านนับถือศาสนาคริสต์
ประมาณ ร้อยละ ๘๐ และนับถือศาสนาพุทธประมาณ ร้อยละ ๒๐ มีศาสนสถานทั้ง ๒ ศาสนาเป็นทยี่ ึด
เหนี่ยวจิตใจ ท้ังสองกล่มุ จะอยู่รว่ มกันอย่างรู้รักสามัคคี มีความเอ้ืออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดย
ตลอด ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิเคารพหลักอาวโุ ส ถา่ ยทอดค่านยิ ม ความเช่ือ ของบรรพบุรษุ จากรุ่นสรู่ ุ่น ส่งเสริมนกั เรียนให้
สานึกรกั บ้านเกิด เข้าโบสถ์คริสต์ สวดมนต์ทุกวันอาทติ ย์ เรียนรู้หลักการทางศาสนา พร้อมหลักคณุ ธรรม
จริยธรรม
วดั นกั บุญยอหน์ บอสโก เปน็ ศนู ยร์ วมจิตใจหลกั ของชาวบ้านประมาณรอ้ ยละ ๘๐ ซงึ่
หมู่บ้านโคกสะอาดจะใช้หลักคาสอนทางศาสนาคริสต์เป็นแนวทางในการอบรมสั่งสอนและขัดเกลา
ลกู หลานในหม่บู ้าน ถือเป็นแนวทางหลักในการดาเนนิ ชีวติ และครอบครวั
ในส่วนของสานกั สงฆ์สถิตสทิ ธิธรรมคุณ ได้ช่วยเหลือชุมชนด้วยการเพาะพนั ธุ์ตน้
กล้าพันธุ์พืชต่าง ๆ เพ่ือแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านไปปลูกและขยายพันธุ์ เช่น กล้าผักหวาน แคนา พะยูง ประดู่
นอกจากน้ียังสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีชุมชนร้องขอ เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทั้งนับถือผู้ศาสนาพุทธและศาสนา
คริสต์ เช่น ให้ใช้พ้ืนที่ทากิจกรรมของทั้ง ๒ ศาสนา ให้ใช้พื้นที่เพ่ือเป็นจุดพักคอยผู้ป่วยโควิด – ๑๙ และยังให้
การศึกษาอบรมแนวคิดทางพระพุทธศาสนาแก่ลกู หลายเยาวชนผนู้ บั ถือศาสนาครสิ ตด์ ้วย
ภาพท่ี 2 – 5 วิถชี ีวิตแบบแบบพหุสงั คม
๔
๑.๑.๓ ภูมิปัญญาด้ังเดิมของชุมชนในด้านการผลิต การประกอบอาชีพ การจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การรกั ษาพยาบาล และการจัดการกิจการสาธารณะต่าง ๆ เพอื่ เสรมิ สรา้ งความอยดู่ มี ี
สขุ ของผู้คนในและระหวา่ งชมุ ชน
บ้านโคกสะอาด ทาการเกษตรปลกู ข้าวเปน็ หลกั รองลงมาคอื ปลกู พชื ไร่ เลีย้ งสัตว์
ผลิตข้าวมาต้ังแต่เมอื่ แรกตั้งหมบู่ ้าน ปัจจุบนั มีการรักษาพันธุ์ข้าวและทาการเกษตรอินทรยี ์เตม็ รปู แบบ มี
ปา่ มิสซังและนามิสซงั ทเ่ี ปน็ วถิ กี ารทานาและอนรุ ักษ์ปา่ ใหเ้ ปน็ แหล่งอาหารแกช่ มุ ชน มปี า่ เศรษฐกิจครอบครวั
๒๐ แปลง รวมถงึ เป็นพ้ืนทจ่ี ดั กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ของเยาวชนและคนในชุมชน
ภูมิปัญญาดั้งเดิมท่สี าคัญทส่ี ดุ ของหมบู่ ้านโคกสะอาด คือ การปลูกข้าว โดยจะปกั
ดานากลบี เดยี วซง่ึ ข้าวจะแตกกอออกได้อีกประมาณ ๒๐ - ๒๕ กลบี ตอ่ กอ มอี นรุ กั ษพ์ ันธ์ขุ า้ วรว่ มกันกว่า
๓๐๐ สายพนั ธ์ุ พันธท์ุ ม่ี ลี ักษณะโดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ทสี่ ุดของหมู่บ้าน คอื ข้าวหอมดอกฮงั บ้านโคก
สะอาดจะปลูกข้าว ๓ ลักษณะเพื่อวางแผนไมใ่ ห้ชาวบ้านต้องเก็บเกี่ยวผลผลติ พรอ้ มกัน โดยจะแบ่งปลูก
ตามลักษณะของพ้นื ท่ที เ่ี หมาะสม ไดแ้ ก่ ๑) ขา้ วเบา จะปลูกบนพื้นท่เี นนิ สูง น้านอ้ ย เกบ็ เกี่ยวก่อน ๒) ขา้ ว
กลาง จะปลูกอยู่พื้นท่ีระดับกลางไม่สูงไม่ลุ่ม มีน้าปานกลาง เก็บเกี่ยว ในระยะต่อจากข้าวเบา และ
๓) ข้าวหนัก จะปลูกในพน้ื ทีล่ มุ่ น้ามาก เก็บเกี่ยวหลงั สุด ไม่เพียงแต่ เป็นการวางแผนการปลูกข้าวตาม
ความเหมาะสมของแต่ละสายพันธุ์ แต่ยังเป็นการวางแผนแรงงาน ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพ่ือไม่ให้
แรงงานขาดแคลนอกี ด้วย
การปลูกป่าเพิ่มเติมจากป่าธรรมชาติยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีชาวบ้านโคกสะอาด
พร้อมใจกันทาเป็นประจาและสม่าเสมอ มีการถ่ายทอดเรียนรู้การหาของป่าและช่วยกันนามาปรุงเป็น
อาหาร มีกลุ่มอนุรักษ์สมุนไพรเพื่อเป็นยารักษาโรค ใช้ความเช่ือทางศาสนามาปลูกฝังค่านิยมลูกหลาน
ตัง้ แตเ่ ดก็ ว่า “ป่าและนาเป็นส่งิ มชี วี ติ ท่ีพระเจ้าสร้างใหม้ าอยรู่ ่วมกบั พวกเรา ตอ้ งชว่ ยกนั อนรุ กั ษแ์ ละหวง
แหน”
โรงเรียนบ้านโคกสะอาดเป็นเสมือนจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ๆ และ
เยาวชนในหมู่บ้าน นักเรียนโรงเรียนบ้านโคกสะอาดทุกคนจะมีข้าวประจาตัวคนละ ๑ สายพันธุ์ตามท่ี
นักเรียนสนใจ ให้ศึกษาต้ังแต่เมล็ดพันธ์ุ การปลูกข้าว การดูแลข้าว การเก็บเก่ียว ไปจนถึงกระบวนการ
เพมิ่ มูลค่าโดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑต์ ่าง ๆ อาทิ ยาสระผม สบู่ ครมี ทาผวิ ท่ผี ลติ จากข้าวหอมดอกฮัง ขา้ ว
กล้อง เป็นต้น มีการศกึ ษาพชื อนื่ ๆ เชน่ ผกั หวาน แล้วนามาแปรรูปเปน็ ผลติ ภณั ฑโ์ ดนทั ผกั หวาน ชา
ผักหวาน เป็นต้น ออกจาหน่ายสู่ท้องตลาด นอกจากน้ี โรงเรียนบ้านโคกสะอาด ยังได้เข้าร่วมโครงการ
โรงเรยี นในถิ่นทุรกันดารของสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราช
กุมารี เพือ่ สง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นปลกู พชื ผกั สวนครวั เลี้ยงสตั ว์ เปน็ อาหาร
๑.๑.๔ ลักษณะทางชีวภาพและกายภาพของชมุ ชน ทรัพยากรและปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็น
ฐานชีวิตให้แก่ชุมชน เช่น แหล่งน้าการจัดการชลประทาน สภาพความสมบูรณ์ของดิน ลักษณะภูมิ
ประเทศ ภมู ิอากาศ และระบบนเิ วศนข์ องพน้ื ที
บ้านโคกสะอาดมีพ้ืนท่ีท้ังหมด ประมาณ ๑๐ ตารางกิโลเมตร พิกัด GPS
17.34487/104.11262 ลักษณะภูมิอากาศแบบรอ้ นช้ืน ฤดูฝนสั้น น้าน้อย อยู่นอกพ้ืนท่ีชลประทาน
สภาพภูมิประเทศเป็นที่ดอนสูง ประกอบกับเปน็ ดินดานและหินลกู รัง พื้นที่การเกษตรประมาณรอ้ ยละ ๖๐
เป็นพ้นื ทป่ี า่ หวั ไร่ปลายนา ประมาณร้อยละ ๔๐ มีป่าสาธารณประโยชน์ประมาณ ๘๐ ไร่ เป็นแหลง่ อาหาร
ตลอดปี ในอดตี ทผี่ ่านมาเป็นหมบู่ า้ นทปี่ ระสบปญั หาภัยแล้ง โดยเฉพาะน้าเพ่ือการอุปโภค บริโภค อาศัย
นา้ ฝนท่ีตกตามฤดูกาลเพ่ือการเกษตรเพียงอย่างเดียว ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เปน็ ตน้ มา ชาวบา้ นรว่ มกับภาครฐั
๕
และเอกชน ได้ร่วมกันพัฒนาแหล่งน้าและกกั เก็บน้าดว้ ยการขดุ สระ ขุดลอกลาน้าหว้ ยเตย สร้างฝายแม้ว
เพ่ือกักเก็บน้า และขุดบ่อน้าบาดาล ปัจจุบันมีน้าบาดาล ๕ บ่อ ใช้ในการทาน้าประปาสาหรับหมูบ่ ้าน ๒
บอ่ ใช้เพอื่ การเกษตร ๑ บ่อ ใช้เพ่ือการปศุสัตว์อีก ๒ บอ่ และปรับปรงุ ดนิ จนมสี ภาพที่เหมาะสมกับการทา
การเกษตรตามบรบิ ทของพนื้ ท่ี
ภาพที่ 6 – 9 นักเรยี นโรงเรยี นบา้ นโคกสะอาดทุกคนจะมขี ้าวประจาตัวคนละ ๑ สายพันธ์ุ
ปี ๒๕๖๐ เกิดอุทกภยั นา้ ท่วมคร้ังใหญ่จากอทิ ธผิ ลของพายุเซินกา เปน็ ผลใหพ้ ืน้ ที่ไร่
นาในเขตจงั หวัดสกลนครและจังหวัดใกลเ้ คียงได้รับความเสยี หายเป็นจานวนมาก แต่ด้วยภมู ิประเทศของ
บ้านโคกสะอาดที่อยู่บนท่ีดอนสูง จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังได้ช่วยเหลือ ทางราชการและ
ประชาชนในเขตพื้นที่โดยรอบให้ใช้พ้ืนท่ีหลายแห่งในหมู่บ้านเป็นสถานที่อพยพเปน็ จุดรวบรวมข้าวของ
รถยนต์ เคร่อื งจักรทางการเกษตร รวมถงึ สัตว์เลี้ยงของเกษตรกรด้วย
ปัจจุบันบ้านโคกสะอาดมีน้าเพื่อการอุปโภค บริโภคเพียงพอตลอดปี แต่มีปัญหา
ดา้ นนา้ และไฟฟา้ เพ่ือการเกษตร จึงได้จดั ทาแผนพฒั นาหม่บู า้ นเสนอผา่ นไปยังองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่
ทุกปีเพ่ือแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การขุดและสูบน้าบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การขอไฟฟ้าเพื่อ
การเกษตร เป็นตน้
๑.๑.๕ บริบทการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนอันเกิดจากแรงกดดันจากปัจจัย
ภายนอกที่สาคัญ อาทิ บทบาทรฐั ในการพฒั นาชนบท และพลังของเศรษฐกิจระบบตลาดเสรี เช่น การ
ส่งเสริมการปลกู พชื เศรษฐกิจ การส่งเสริมการใชเ้ ทคโนโลยี การผลติ สมัยใหมต่ ามนโยบายรฐั บาล การเข้า
มาของระบบเงนิ ตราและระบบทุน ระบบสนิ เชื่อ การส่งเสรมิ วสิ าหกจิ ในชุมชน และการผลติ สินค้าเกษตร
อตุ สาหกรรมตามความตอ้ งการของตลาด เปน็ ตน้
๖
บ้านโคกสะอาดจงึ ไดร้ ว่ มกับหนว่ ยงานของรฐั หลากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะอยา่ ง
ยิ่งจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรวิทยาเขตฯ สกลนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชมงคลสกลนคร และศนู ยว์ จิ ัยข้าวสกลนคร เพื่อใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการออกแบบ
ชุมชน การปลูกต้นไม้เพื่อรักษาส่ิงแวดล้อมและสรา้ งบรรยากาศในชุมชน การพัฒนาพันธ์ุข้าว การอนุรักษ์
พันธ์ขุ า้ ว พฒั นาผลติ ภัณฑท์ างการเกษตร อนุรักษ์ปา่ การตัง้ กลมุ่ บริหารจดั การเงินทนุ
บ้านโคกสะอาดจะไม่เน้นการปฏิบัติตามนโยบายท่ีรัฐวางระบบไว้แล้ว เน่ืองจาก
ชาวบ้านโคกสะอาดจะช่วยกันคิดช่วยกันทาเพ่ือพึ่งพาตนเอง มากกว่าการพึ่งพาภาครัฐ จะรับบริการ
ภาครัฐเฉพาะสิง่ ท่ีเหน็ ว่าเป็นประโยชน์แกก่ ิจกรรมทีม่ ีอยู่แล้วเทา่ นน้ั สง่ ผลให้ปจั จบุ นั มกี ารพัฒนาในด้าน
ตา่ ง ๆ จากการพงึ่ พาตนเองของชมุ ชน เชน่ ธนาคารเมล็ดพันธ์ุ ๒ แหง่ ได้แก่ บา้ นโคกสะอาด และ อบต.อุ่
มจาน การเพิม่ มลู ค่าสินค้าทางการเกษตรจากผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น สมุนไพรแปรรูป ข้าวกลอ้ ง ข้าวอนิ ทรยี ์
สบู่ ยาสระผม สนิ คา้ เฉพาะกลมุ่ (Niche) มีการจดแจ้งผลิตภณั ฑ์ตามกฎหมายหลายผลิตภัณฑ์ มีสหกรณ์
เครดิตยูเนี่ยนเลิงฮังสามัคคี จากัด เป็นสถาบันการเงินสาหรับคนในชุมชน มีร้านค้ากองทุนพัฒนา
หมู่บ้านโคกสะอาด เป็นแหล่งรวมซอ้ื ขายสนิ ค้าสาหรบั สมาชิกในชุมชน มีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่ทันสมัย มี
โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เข้ามาต้ังอยู่ใกล้หมู่บ้าน คือ โรงงานน้าตาล (บริษัท ไทยรุ่งเรือง
อตุ สาหกรรม จากดั สาขาสกลนคร) แต่บา้ นโคกสะอาดไมไ่ ดส้ ง่ เสรมิ การปลูกอ้อย ยงั คงยดึ ถอื การส่งเสรมิ
การเกษตรเชิงอนุรักษ์และการเพ่ิมมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เกษตรกรคนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านโคก
สะอาดเป็น Smart Farmer ไม่น้อยกว่า ๔๐ คน
ภาพท่ี 10 - 11 อดีตสาวโรงงานกลับจากกรงุ เทพมหานคร มาทาเกษตรท่บี า้ นเกดิ และการศกึ ษาดงู าน
ในชว่ ง ๒ ปที ่ผี า่ นมาเกิดวิกฤติการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื โควดิ - ๑๙ เป็นผลให้
ลกู หลานท่ไี ปทางานต่างจงั หวดั ต้องตกงานกลับมาอย่บู า้ นโคกสะอาดหลายคน แต่ทกุ คนไดร้ บั ผลกระทบ
เพียงระยะสั้น ๆ เนื่องจากครอบครัวและชุมชนมีอาชีพด้ังเดิมทางดา้ นเกษตรกรรมรองรบั รวมถึงมีกลมุ่
วิสาหกิจชมุ ชนท่ีมีการดาเนินกจิ กรรมอยแู่ ล้ว เหล่านีล้ ้วนมผี ลผลิตตลอดปี และผลิตภัณฑ์ของกลมุ่ ไม่ไดร้ บั
ผลกระทบจากวกิ ฤติโควดิ - ๑๙ มากนัก เนอ่ื งจากมีผรู้ ับซ้ือผลิตภณั ฑเ์ ฉพาะกล่มุ ตลอดปอี ยูแ่ ลว้
นอกจากนี้ การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ใกล้หมู่บ้าน ยังส่งผลกระทบต่อความ
เป็นอยู่ในชุมชนและต่อส่ิงแวดล้อมโดยรอบ โดยเฉพาะรถขนอ้อยที่ใช้เส้นทางหมู่บา้ นไปส่โู รงงาน ผู้คน
๗
สัญจรผ่านหมู่บ้านพลกุ พล่านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทาให้ถนนเกิดความเสยี หาย เกิดอุบัติเหตทางถนน
บอ่ ยครงั้ เกดิ ปัญหาฝุ่นควัน P.M. 2.5 ซึง่ หมู่บา้ นโคกสะอาดไม่เคยประสบปญั หานม้ี ากอ่ น
ภาพที่ 12 – 1๓ โรงงานนา้ ตาล และความเส่ือมโทรมของถนนในชุมชน
๑.๒ การศกึ ษาเรยี นรู้ระบบบริหารจัดการชุมชน
๑.๒.๑ ทนุ ทางสังคมของหม่บู า้ น
ผลจากการพัฒนาหมบู่ ้านมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อต้ังหม่บู า้ น (พ.ศ. ๒๕๐๕ – ปัจจบุ ัน)
บา้ นโคกสะอาดมีการส่งั สมทุนทางสังคมของหมู่บ้าน ไดแ้ ก่
๑) ทุนทางทรัพยากรบุคคลหรือปราชญ์ชาวบ้าน เช่น ด้านการเกษตร การ
เพาะปลกู ด้านวัฒนธรรม ดา้ นศาสนา เล้ยี งสัตว์ ด้านช่าง ดา้ นสมุนไพร ดา้ นการทอผ้าไหมผา้ ฝ้าย ทอเสอื่
กก จักสาน เป็นตน้
๒) ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้า ได้แก่ ป่าศักดิ์สิทธ์ิ (ป่าช้า
สาธารณประโยชน์) ลาน้าหว้ ยเตย ฝายห้วยแดง สระน้าหนองแสง
ภาพที่ 1๔ – 1๕ ปา่ ชมุ ชน และแหล่งน้าภายในชมุ ชน
๓) ทนุ ทางวัฒนธรรม กฎ จารีต ประเพณี ไดแ้ ก่ บุญฉลองวดั นักบญุ ยอหน์ บอสโก
(บญุ ประจาปหี มู่บ้าน) บญุ ราลกึ ถงึ ผตู้ ายและฉลองนกั บุญทง้ั หลาย และประเพณีวนั สาคัญทางศาสนาอนื่ ๆ
และวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา
๔) ทุนภูมิปัญญา ได้แก่ ภูมิปัญญาด้านเกษตรกรรม เช่น การปลูกพืชผัก ข้าว
ปลอดสารพษิ และเพมิ่ ผลผลิตโดยวิธีนา้ หมกั ชวี ภาพจากหอยเชอรี่ ภมู ิปัญญาดา้ นการแพทย์พ้นื บา้ น เชน่
มีหมอยาสมุนไพร มีสูตรยารักษาโรคเบาหวาน มีสูตรยาดองเหล้า หรือยาต้มบารุงกาลัง ภูมิปัญญาด้าน
การดแู ลทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ การบวชป่า ฯลฯ
๕) ทนุ ประเภทกลุ่มองคก์ รในหมู่บา้ น/ชมุ ชน ได้แก่ รา้ นคา้ กองทนุ พัฒนาหม่บู า้ น
โคกสะอาด สหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด กลุ่มออมทรัพย์เพอื่ การผลิต กลุ่มอาชีพสตรี กลมุ่
เยาวชน ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชมุ ชนบา้ นโคกสะอาด กองทนุ สวสั ดิการเงนิ กู้ เมนู ๕ (SIF) คณะกรรมการ
สภาอภบิ าลโบสถค์ ริสต์ กลุ่มคริสต์ชนขั้นพืน้ ฐาน กองทนุ หมูบ่ า้ นหนงึ่ ล้านบาท โครงการแกไ้ ขปญั หาความ
๘
ยากจน (กข.คจ.) กล่มุ เกษตรย่ังยนื ศนู ย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบล กลมุ่ ประปาบ้านโคก
สะอาด กลมุ่ ขา้ วหอมดอกฮงั เปน็ ต้น
๑.๒.๒ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของภาครัฐในการกาหนดโครงสร้างและการ
บริหารงานของกลุ่มองค์กร ของประชาชนในการประกอบอาชีพภายในชุมชน ระบบการบรหิ ารจัดการ
เงนิ ทุน ระบบการผลติ เชงิ เกษตรกรรมหรอื อตุ สาหกรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายในชุมชน รวมทัง้ ปัจจัยความเส่ียงใน
การเกดิ หนี้สิน และความเส่ยี งในการไมส่ ามารถชาระหนภี้ ายในชุมชน
บ้านโคกสะอาดขับเคลื่อนการบริหารงานชุมชนผ่านองค์กรการเงินของชุมชน
ท่สี าคญั คอื สหกรณ์เครดิตยเู นยี่ นเลงิ ฮงั สามัคคี จากดั ซึง่ ถือว่าเปน็ ศนู ยร์ วมของการบริหารจดั การชุมชน
เป็นศูนย์รวมใจของทุกคนในหมู่บ้าน ดังน้ัน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของภาครัฐที่ส่งผลกระทบกับ
หมู่บ้านจึงเก่ียวข้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับกับสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด เช่น กฎหมาย
บังคับผลตอบแทนของสหกรณ์ไม่เกินรอ้ ยละ 3 ทาให้ผลกาไรของสหกรณ์ไมม่ ากนัก กฎหมายจากัดอายุ
สมาชกิ ตอ้ ง 20 ปขี นึ้ ไป ทาให้กลมุ่ นกั เรยี นเข้ารว่ มเปน็ สมาชกิ ไมไ่ ด้ กฎหมายควบคุมไม่ใหส้ หกรณ์สมทบ
เงินฝาก กฎหมายกาหนดสวัสดิกรณีคนกู้เสียชีวิตให้ช่วยเหลอื ไม่เกิน 500,000 หากมากกว่าน้ีต้องซือ้
กรมธรรม์เพ่ิมเติม เหล่าน้ีเป็นต้น ซ่ึงหมู่บ้านโคกสะอาดมองว่าเป็นระเบียบเชิงนโยบายท่ีจากัดการ
พึ่งตนเองของชมุ ชน
นอกจากน้ี สหกรณ์เครดิตยูเนย่ี นเลิงฮังสามัคคี จากัด เป็นสหกรณ์ฯ ขนาดเล็ก แต่
สานกั งานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กย็ งั เขา้ มากากบั ควบคุม ซ่งึ ทาให้ขาดความคลอ่ งตวั
ในการดาเนนิ งาน
๑.๒.๓ ความสามารถในการบรหิ ารจดั การชมุ ชน รวมทัง้ กระบวนการหรอื ขัน้ ตอน ใน
การกาหนด ติดตาม และประเมนิ ผล
ระบบการบริหารจัดการชุมชนของบ้านโคกสะอาดจะยดึ โยงกบั กลุม่ และองคก์ ร ดงั นี้
๑) กลุ่ม BEC (Basic Ecclesial Communities) วิถีชุมชนวัดคริสต์ จะแบ่งกลุ่ม
ในชุมชนเป็นกลุ่มย่อย ๆ รวม ๘ กลุ่ม มีผู้นากลุ่ม มีการดูแลเอาใจใส่กันในกล่มุ ครอบคลุมทกุ เพศ ทุกวยั
ทุกสภาพชวี ิต เปน็ ชุมชนที่มชี วี ติ มีพระวาจาของพระเจา้ เปน็ ลมหายใจของชวี ิต หลอ่ เล้ียงด้วยศลี ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ
และการภาวนา มีการพัฒนาความเชอ่ื ซึง่ เปน็ รากฐานชวี ิตคริสตชน เพือ่ ม่งุ ให้เกิดประสบการณก์ ับพระเจ้า
จนเป็นแรงขบั เคลอ่ื นให้พัฒนาทุกมิติของชวี ิต และพรอ้ มทีจ่ ะร่วมพันธกิจแบ่งปนั ข่าวดแี ก่ปวงชน
๒) การบริหารจดั การชุมชนผ่านรา้ นค้าชุมชน ในหมู่บ้านมีรา้ นค้าเพียง ๒ แห่ง คือ
ร้านคา้ กองทุนพฒั นาหมู่บ้านโคกสะอาด และร้านค้าของชาวบา้ น ในการบรหิ ารจัดการชมุ ชนนัน้ ตกลงกัน
ว่าจะซ้ือสินค้าจากร้านค้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านเป็นหลัก และจะไม่ซ้ือของจาก 7-11 เด็ดขาด ทุก
ครวั เรือนมีห้นุ สว่ นในร้านค้าแห่งนี้ มสี ่วนไดเ้ สยี มีความเปน็ เจา้ ของรว่ มกัน ดังนน้ั การบรหิ ารรา้ นคา้ จึงเป็น
เสมือนการบรหิ ารกิจการหมูบ่ ้านรว่ มกนั มธี รรมาภบิ าล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นผลให้ชาวบา้ นทกุ คนต่าง
ไวว้ างใจซ่ึงกนั และกัน คอยสอดส่องตรวจสอบและแก้ไขปัญหาร่วมกนั บรหิ ารจัดการรว่ มกนั เป็นอนั หน่งึ
อนั เดยี วกัน
๓) การบริหารจัดการผ่านองค์กรการเงินชุมชนอื่น ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยูเน่ียน
เลิงฮงั สามัคคี จากัด กองทุนหมบู่ า้ น เปน็ ตน้ เพ่ือให้คนในหม่บู ้านคอยดูแลซงึ่ กันและกนั การปลอ่ ยสินเชอื่
จะยึดถือความเชื่อมั่นเช่อื ใจเปน็ หลกั ไม่ได้ยึดถือทหี่ ลกั ทรัพย์ค้าประกันเหมือนเช่นธนาคาร มีการจดั สรร
เงินสาธารณประโยชน์เพอื่ ดแู ลคนในหมู่บ้านและเพอ่ื สาธารณประโยชน์ตา่ ง ๆ
๙
๔) “โคกสะอาดโมเดล” เป็นรูปแบบการบริการจัดการภายในของหมู่บ้าน
โดยเฉพาะ ทัง้ การกาหนดแผนพัฒนาหมูบ่ ้านโคกสะอาด กาหนดทศิ ทางของวัดว่าจะอบรมสงั่ สอนอยา่ งไร
เม่ือไหร่ โรงเรียนตอ้ งสอนเรือ่ งการบรหิ ารจดั การองค์กรการเงนิ ชุมชน สอนเรอื่ งการปลกู และอนรุ กั ษ์พันธุ์
ข้าว สอนการเปน็ สมาชิกและความสามัคคกี ันในกล่มุ เม่ือเติบโตผา่ นวัยเรียนไปต้องสามารถนาความรูม้ าใช้
บริหารจดั การชุมชนไดอ้ ย่างดี เช่น ผู้จัดการสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด คนปัจจุบัน ก็เปน็
นักเรียนรุ่นแรกที่จบจากหลักสูตรของสหกรณ์ฯ เป็นต้น เป็นรูปแบบการหล่อหลอมพฤติกรรมที่พึง
ประสงค์ ปลูกฝังค่านิยม เสริมสร้างความรักใคร่กันในหมู่บ้าน ใช้กลไก “โคกสะอาดโมเดล” ในการ
ช่วยเหลือดูแลกันยามฉุกเฉิน เช่น หากมีมติของคณะกรรมการหมบู่ ้านให้จัดสรรเงินเปน็ กองทุนสาหรบั
รองรบั สถานการณ์โควดิ - ๑๙ มตนิ ีจ้ ะสง่ ผลใหค้ ณะบริหารองค์กรการเงนิ ตา่ ง ๆ ในหม่บู ้านตอ้ งรับลูกเพอ่ื
จัดสรรเงินดงั กล่าวโดยธรรมเนียม เปน็ ตน้
ภาพที่ 1๖ – 1๙ วัดนกั บญุ ยอห์น บอสโก และการบริหารจัดการชมุ ชนบา้ นโคกสะอาด
๑.๒.๔ ภาพรวมของการเกษตรในพื้นที่ต้ังแต่เรื่องวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต การแปรรปู
การตลาด รวมท้งั ความเส่ยี งทอ่ี าจเกิดข้นึ
เนอ่ื งจากในหมบู่ ้านโคกสะอาดมีกจิ กรรมกลุ่มจานวนมาก สินค้าและผลติ ภัณฑ์ ของ
หม่บู า้ น การบริหารจดั การภาคการเกษตรของกลมุ่ จงึ พ่ึงพาอาศัยกันโดยปริยาย ตงั้ แต่เรมิ่ ปลูก ดแู ลรักษา
เกบ็ เก่ียว จัดสรรวัตถดุ บิ การแปรรปู รวมถงึ การรวบรวมสนิ คา้ ไปส่กู ารตลาดระดับต่าง ๆ
โดยภาพรวมแล้วหมู่บา้ นโคกสะอาดจะขายสง่ สนิ คา้ ให้กับผ้รู บั ซอื้ โดยตรง ไม่คอ่ ยได้
ขายปลีกตามตลาดท่ัวไป ยกเวน้ เพยี งกลว้ ยเทา่ น้ันที่หม่บู ้านยังไมไ่ ด้มกี ระบวนการแปรรูปกจ็ ะสง่ ไปขายท่ี
ตลาดสดเทศบาลตาบลท่าแร่ อาเภอเมืองสกลนคร ซ่ึงอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๕ กิโลเมตร รายได้ของ
๑๐
เกษตรกรในหมู่บ้านค่อนข้างม่ันคง เช่น รายได้เฉลี่ยจากการขายข้าวหอมดอกฮังเดือนละประมาณ
๗๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น ส่วนการแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ซง่ึ เป็นที่ต้องการของตลาดค่อนขา้ งมาก
แต่กาลงั การผลติ ไม่เพียงพอ เช่น สบู่ ยาสระผม ขณะน้ีมีกาลังซือ้ เดือนละประมาณ ๑ ล้านชิ้น แต่หมบู่ า้ น
ไม่สามารถผลติ ได้ตามความตอ้ งการ เนอ่ื งจากชาวบา้ นยงั มีกาลงั การผลติ และวตั ถุดิบท่ีไมเ่ พียงพอ ในส่วน
น้ีเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างปรึกษาหารือกันในหมู่บ้านว่าจะพัฒนาและยกระดับการผลิตไปในทิศทางใด
หรือข้อจากัดอืน่ ที่ไมเ่ อ้อื ตอ่ การปฏิบตั ิตามนโยบายของภาครฐั ได้ เช่น การรวมกลมุ่ ทอผา้ ซึ่งชาวบ้านไม่
นิยมเข้ามารวมกลุ่มกัน แต่นิยมต่างคนต่างทอในเวลาว่างเท่านั้น และไม่ได้เน้นให้งานประเภทผ้าเป็น
เอกลกั ษณข์ องหมู่บา้ น จงึ ไมไ่ ดม้ กี ารทากจิ กรรมดา้ นผ้ามากนกั เปน็ ตน้
จะเห็นไดว้ า่ แนวทางการดาเนนิ กิจกรรมกลมุ่ ทุกกลมุ่ ในหมบู่ า้ น จะใชค้ วามเข้มแข็ง
ของชมุ ชนเป็นตัวตงั้ ไม่เนน้ เอาเงินรายไดเ้ ป็นตวั ตง้ั หลายครงั้ ทีภ่ าครฐั ผลักดันให้หมูบ่ า้ นวางแผนการผลติ
เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นท้ัง ๆ ที่มีกาลังซ้ือรอรับอยู่ รวมถึงการทากิจกรรมทางการตลาดสมัยใหม่ใน
รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งหมู่บ้านจะตอบสนองเทา่ ท่ีต้องการเท่านั้น ไม่ได้ตอบสนองทุกข้อแนะนาตามนโยบาย
ของรฐั
๑.๒.๕ วเิ คราะห์จุดออ่ น จดุ แข็ง โอกาส และอุปสรรค (SWOT) ในการจัดการปญั หาของ
ชุมชนในปัจจุบันว่าควรได้รับการสนับสนุนในประเด็นใดเป็นสาคัญ หรือการดาเนินแนวทางการพัฒนา
ชมุ ชนภายใตข้ องจากดั ทม่ี อี ยู่ รวมทั้งแนวทางการลดข้อจากัดทม่ี ีอยู่
๑) จุดแข็ง (Strengths)
(S1) การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การอนุรักษ์พันธ์ุข้าวคุณสมบัติพิเศษ ซ่ึงเป็นท่ี
ตอ้ งการของผู้บริโภค (หุงชนั้ 1 หอมถึงชน้ั 3)
(S2) ชุมชนเข้มแขง็ พง่ึ ตนเองได้ พง่ึ พาเศรษฐกจิ ภายในชมุ ชน อดุ หนนุ สหกรณ์/
รา้ นคา้ ท่ีตงั้ โดยชุมชน หลกี เล่ยี งการอุดหนนุ รา้ นคา้ นอกชุมชน ไมม่ ีครัวเรือนยากจน
(S๓) สมาชิกในชุมชนยึดม่ันในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งเปน็ จดุ ท่ีสรา้ งความสนใจ
ให้สังคมยุคปจั จุบนั ที่โหยหาธรรมชาติ
(S๔) ความแตกต่างที่ไม่สรา้ งความแตกแยกของสองศาสนา และความรักสามัคคี
ของชุมชน
๒) จุดอ่อน (Weakness)
(W๑) แหล่งน้าที่มีอยู่ในชุมชนยังไม่เพยี งพอใชต้ ลอดปี
(W๒) ยังไม่มอี งค์ความรใู้ นการจดั ต้งั หรือดาเนนิ การธนาคารข้าว องคค์ วามรู้ ใน
การส่งเสรมิ การตลาด การสืบสานภมู ปิ ัญญาจากร่นุ สู่รุ่น ท่ีชัดเจน
(W3) สภาพดินและคณุ ภาพดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ และแหง้ แล้ง
๓) โอกาส (Opportunity)
(O๑) มีโรงงานน้าตาลขนาดใหญใ่ นพื้นที่ เป็นโอกาสการมีงานทาของลกู หลาน
ไมต่ อ้ งไปทางานไกลบ้าน
(O๒) โอกาสไดร้ บั การพัฒนาหรอื ความช่วยเหลือจากโครงการ CHR ต่างๆ ของ
โรงงานอตุ สาหกรรม
(O๓) ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ซ่ึงเป็นก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว และ
ศึกษาดูงาน
๑๑
๔) อุปสรรค (Threats)
(T๑) แหล่งน้าเพ่ือการเกษตรท่ีต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ เช่น
ระบบน้าบาดาลเพ่ือการเกษตรดว้ ยพลังงานแสงอาทิตย์โดยงบประมาณของกองทุนอนรุ ักษพ์ ลังงาน เปน็ ต้น
(T๒) มลภาวะจากรถบรรทกุ อ้อย
(T3) พื้นท่ีมองว่าตนเองเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ปิดโอกาสในการรับความ
ชว่ ยเหลือและการพฒั นาจากภาคส่วนต่าง ๆ อาจจะทาใหช้ ุมชนเสยี โอกาสการพฒั นาตามนโยบายต่าง ๆ
ของรฐั
๑.3 การศกึ ษาเรยี นรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบต่อการพัฒนาของชุมชน
๑.๓.๑ บทบาทของภาครฐั และผลลัพธข์ องการนานโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐไปปฏิบัติใน
พนื้ ท่ี เช่น นโยบายการจัดการ น้า ดนิ ปา่ การสง่ เสรมิ เกษตร สนิ เช่ือการเกษตร วสิ าหกจิ ชมุ ชน การรับจา
นาข้าว การรักษาสุขภาพ การปราบปรามยาเสพติด และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่อชุมชนใน
พ้ืนที่
สานักงานเกษตรอาเภอกสุ ุมาลย์ ได้มีเขา้ มาสง่ เสริมการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมี
แปลงสาคัญทปี่ ระสบความสาเรจ็ อย่างยิง่ คอื แปลงเกษตรทฤษฎใี หม่ของนายถอง ชยั ปัญหา ซ่ึงเริ่มตน้ ทา
การเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฎใี หม่ ซ่งึ ในชว่ งแรกไมม่ ใี ครเชอื่ ว่าจะทาได้ เนือ่ งจากพ้นื ทแี่ หง้ แลง้ ไม่
เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพชื ภายใต้การส่งเสริมแนะนาของสานักงานเกษตรอาเภอกุสุมาลย์ และ
ความมุ่งมั่นและความรกั ตอ่ การทาเกษตร นายถองฯ ไดเ้ ปลีย่ นพื้นที่แห้งแลง้ กนั ดารจนเป็นแปลงเกษตรที่
อดุ มสมบูรณ์ ปลกู พชื ผกั เลี้ยงสัตว์นา้ นานาชนิดที่เป็นท่ีนิยมบรโิ ภค เช่น หอย กุ้ง กบ ปนู า ปลาชนิดตา่ ง
ๆ จนได้รบั รางวลั เกษตรกรดเี ดน่ สาขาเกษตรทฤษฎีใหม่ ตง้ั แต่ปี ๒๕๔๔ และกรมวิชาการเกษตรได้แตง่ ตงั้
เป็นวิทยากรเกษตรทฤษฎีใหม่นบั ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นผลใหห้ น่วยงานต่าง ๆ เข้ามาศึกษาดูงานดา้ น
การเกษตรทฤษฎีใหม่เปน็ จานวนมาก รวมถึงประเทศญีป่ ุ่นกใ็ หค้ วามสนใจและเขา้ มาดูงานดว้ ยเชน่ กนั
ปัจจุบันแปลงเกษตรดังกล่าวเป็นตัวอย่างและเป็นจุดเรียนรู้แก่นักเรียนในพื้นท่ี
ใกล้เคียง และยังเป็นสถานท่ีเรียนรู้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตฯ สกลนคร เป็น
แหลง่ อาหารสาคัญทสี่ ่งจาหน่ายใหต้ ลาดในพื้นทใี่ กลเ้ คยี ง สร้างรายไดใ้ ห้แก่นายถองฯ ถงึ จะไมร่ ่ารวยแตก่ ็
มีอยมู่ ีกนิ ได้ดแู ลลูกหลาน
นอกจากน้ี ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตฯ สกลนคร ศูนย์
เพาะพันธ์ุไม้สกลนคร องค์การบริหารส่วนตาบลอมุ่ จาน และโรงเรยี นบ้านโคกสะอาด ในการอนุรกั ษ์ป่า
อนุรักษ์พันธุ์ไม้ อนุรักษ์สมุนไพรกว่า ๑๒๖ ชนิด ตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ป่า ๓
อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง สนับสนุนและสง่ เสริมการแปรรปู ผักหวานแก่นักเรียนจนได้รับรางวัลชนะเลิศ
ระดับประเทศ ใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกดูแลต้นไม้และป่า ทาแนวก้ันไฟป่าไม่ให้ลามสู่ไร่นาในฤดูแล้ง
ออกแบบนาข้าวโดยให้ป่าเลี้ยงนา และได้รับการสนับสนุนจากสานักงานเกษตรอาเภอในการช่วยเหลือ
ปรบั ปรุงและอนรุ กั ษ์ดนิ ทาจุลนิ ทรีย์สงั เคราะหแ์ สงใช้แทนปยุ๋ เคมี เปน็ ผลใหด้ ินมีสภาพดี
๑๒
ภาพที่ ๒๐ – ๒๑ เห็ดในป่าชุมชนและโรงงานน้าตาล
๑.๓.๒ ผลลพั ธ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ จากนโยบายของภาครฐั ก่อใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงกบั วถิ ชี ีวติ ของ
ชาวบา้ นภายในชุมชนท้ังในเชงิ บวกและลบ
ผลลัพธ์จากการขับเคลื่อนแปลงเกษตรและผืนป่าตามแนวทางปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นผลให้คนรุน่ ใหม่ทเ่ี คยทางานอยู่กรงุ เทพมหานคร หวนกลับมาทาการเกษตรและ
ดแู ลปา่ สรา้ งรายได้จนเพยี งพอต่อการดารงชวี ติ มีรายไดจ้ ากการเปน็ วทิ ยากรเมือ่ มกี ารเขา้ มาศกึ ษาดูงาน
ในพ้ืนท่ี ครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวติ รว่ มกัน เกิดความอบอุ่นเขม้ แข็ง คุณภาพชวี ติ ดขี ึน้
วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน จากเดิมท่ีเคยทาการเกษตรเพื่อเล้ีย งชีพค่อย ๆ
ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทาการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างมีแบบแผน มีระบบ เพื่อรองรับการศึกษาเรยี นรู้ท้งั
จากภายในและภายนอกหมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในการถ่ายทอดความรู้ ผลักดันให้
ขยายผลไปสู่หมู่บา้ นตา่ ง ๆ
นอกจากน้ี จากการขยายผลทาการเกษตรท่ัวท้ังหมู่บา้ น และแนวโน้มการหวนคนื
ชุมชนของคนรุ่นใหม่ กระแสการอยู่อาศยั ตามหัวไร่ปลายนาเพอ่ื หลีกหนคี วามวุ่นวายของสังคม เป็นผลให้
ชาวบา้ นขยบั ขยายทีอ่ ยู่อาศัยไปสู่ทอ้ งนามากขึ้น มคี วามตอ้ งการด้านนา้ และไฟฟ้าเพอ่ื การอุปโภคบริโภค
และอยู่อาศัย แต่ระบบน้าประปาและไฟฟ้ายังขยายได้ไม่ท่ัวถึง จึงเป็นความต้องการจาเป็นเร่งด่วน
ในขณะน้ี
ในขณะเดียวกัน เมื่อมีการอนุญาตให้ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ คือ
โรงงานนา้ ตาล สง่ ผลให้เกษตรพน้ื ที่ใกล้เคยี งแพ้วถางปา่ ด้ังเดิมจานวนมากเพ่ือเปล่ยี นไปปลูกอ้อย ซ่งึ สวน
ทางกบั แนวคดิ การอนุรักษ์ปา่ ของหมบู่ า้ นโคกสะอาด ทาใหย้ ากต่อการขยายผลแนวคดิ เหลา่ น้ี และหมบู่ า้ น
ยังได้รับผลกระทบจากการท่ีภาครัฐอนุญาตให้กอ่ สร้างโรงงานน้าตาลโดยตรง เนื่องจาก อยู่ใกล้หมู่บา้ น
เช่น มีรถขนอ้อยว่ิงผ่านไปมาตลอดเวลา มีผู้คนต่างถิ่นสัญจรไปมาอย่างพลุกพลา่ น เกิดฝุ่นควันและฝุ่น
ละออง เกิดอบุ ัติเหตุทางถนนบอ่ ยครั้ง เป็นต้น
ภาพที่ ๒๒ – ๒๓ เมล็ดพนั ธ์ุทีเ่ ตรยี มไปหว่านในปา่ และกล้าไมท้ เี่ ตรียมไปปลูกป่าเพิ่มเติม
๑๓
ส่วนที่ ๒ ประเดน็ การพัฒนาของชุมชน
๒.๑ ระดบั การพัฒนาของหม่บู ้าน
ราษฎรบ้านโคกสะอาดมีชีวติ ความเปน็ อยูค่ ่อนข้างดี มีผลการจดั ระดับการพัฒนาหมู่บ้าน
อยู่ในระดบั “พออย่พู อกนิ ” ดังนี้
๒.๑.๑ รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในหมู่บ้าน (Income) ประชากรในหมู่บ้านโคกสะอาด
มากกว่ารอ้ ยละ ๙๐ มีรายไดเ้ ฉลี่ยสูงกว่าเสน้ ความยากจน (เสน้ ความยากจน ปี ๒๕๖๑ จังหวัดสกลนคร ที่
รายได้ ๒,๒๖๒ บาท/คน/เดือน หรอื ๒๗,๑๔๔ บาท/คน/ปี) โดยประชากรในมรี ายได้เฉลี่ยต่อครวั เรอื น
๙๕,๒๖๙.๕๗ บาท/ครวั เรือน/ปี และรายได้เฉล่ียตอ่ คน ๕๕,๖๑๔.๒๑ บาท/คน/ปี
๒.๑.๒ ผลการผลิตข้าวเฉลี่ย (Food Safety) บ้านโคกสะอาดมผี ลผลติ ข้าวพนั ธ์ุตา่ ง ๆ จาก
เกษตรกรที่ลงทะเบียนปลูกข้าวประมาณ ๑,๒๐๐ ไร่ ผลผลิตไร่ละประมาณ ๓๐๐ กิโลกรัมต่อปี รวม
ผลผลิตประมาณ ๓๖๐,๐๐๐ กิโลกรมั ตอ่ ปี มีปริมาณข้าวเพยี งพอต่อการบริโภคของคนในหมูบ่ ้านตลอด
ท้ังปี สว่ นทเี่ หลอื จากการบรโิ ภคสามารถจาหน่ายเปน็ รายไดใ้ หค้ รัวเรอื น
๒.๑.๓ สุขภาพ (Health) ราษฎรในหมบู่ ้านสว่ นใหญไ่ ม่มีโรคประจาตัวหรือความเจบ็ ปว่ ย
โดยมีผู้ป่วยด้วยโรคเร้ือรัง คือ โรคเบาหวาน โรคความดัน จานวน ๒๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๑ ของ
ประชากรทง้ั หมด ซ่งึ ยังสามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้ ลดภาระครอบครวั
๒.๑.๔ น้าอุปโภค บริโภค (Clean Water and Sanitation) บ้านโคกสะอาดมีประปา
หมูบ่ ้านเข้าถงึ ทุกครัวเรอื น มีน้าสะอาดไว้สาหรับอปุ โภค บรโิ ภค คิดเปน็ ร้อยละ ๑๐๐
๒.๑.๕ การครอบครองทด่ี นิ ทากนิ (ทมี่ า : ข้อมลู กชช.๒ค ปี ๒๕๖๒) ดังนี้
๑) มที ี่ดินเป็นของตนเองและไมต่ อ้ งเช่า ๑๑๙ ครัวเรอื น
๒) ครัวเรือนมที ด่ี ินทากินของตนเอง แต่เชา่ เพิม่ บางสว่ น ๑๕ ครัวเรอื น
๓) พื้นท่ที านาท้งั หมดประมาณ ๑๓๔ ไร่
๔) พ้ืนทีท่ าไร่อายสุ นั้ ทั้งหมดประมาณ ๑๐๐ ไร่
๕) พ้ืนท่ีทาสวน (สวนผลไม้ สวนผัก สวนยาง สวนไม้ดอกไม้ประดับ) ท้ังหมด
ประมาณ ๓๑๐ ไร่
๖) ประเภทเอกสารสิทธท์ิ ด่ี ินของพน้ื ที่สว่ นใหญ่ของหม่บู ้าน เปน็ ประเภทโฉนด
๒.๒ สัดสว่ นจานวนครวั เรอื นทไ่ี มพ่ ออยพู่ อกนิ
เนื่องจากบ้านโคกสะอาดเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเข้มแข็ง มีระบบการดูแลและบริหาร
จัดการชุมชนแบบมีส่วนรว่ มตั้งแต่วัยเด็กจนวัยชรา ชาวบ้านมีรายได้ค่อนข้างสงู ชีวิตความเป็นอยมู่ น่ั คง
ไม่มีครัวเรือนยากจนในหมบู่ า้ น รายละเอียด ดังน้ี
๒.๒.๑ ด้านรายจ่าย รายจ่ายครัวเรือนเฉล่ีย ๔๒,๘๐๘.๔๐ บาท/ปี รายจ่ายบุคคลเฉลี่ย
๒๔,๙๘๙.๘๕ บาทตอ่ ปี (ขอ้ มูล จปฐ.ปี ๒๕๖๒) ซงึ่ รายจ่ายเฉล่ียครวั เรอื น แยกเป็น
๑) ตน้ ทุนการผลิต ๑๓,๔๙๕.๖๕ บาท
๒) อปุ โภคบริโภคทีจ่ าเป็น ๘,๙๖๕.๒๒ บาท
๓) อปุ โภคบริโภคทไ่ี ม่จาเป็น ๗,๕๖๕.๒๒ บาท
๔) ชาระหนส้ี นิ ๑๒,๗๘๒.๖๑ บาท
๒.๒.๒ ด้านความยากจน บา้ นโคกสะอาดไมม่ คี รัวเรอื นยากจนตามเกณฑ์ จปฐ.
๒.๒.๓ อัตราการมีงานทา (Labor Productivity) จานวนวัยแรงงานในหมูบ่ า้ นเป็นผู้มี
งานทาตามความถนัด มรี ายได้จนุ เจือครอบครัวคดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ (ไม่มผี วู้ า่ งงาน)
๑๔
๒.๒.๔ ภาระหน้ีสินของประชากร บ้านโคกสะอาดมีประชากรจานวนท้ังส้ิน ๕๗๐ คน
เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเลงิ ฮงั สามัคคี จากัด จานวน ๔๑๕ คน ในจานวนน้ีเป็นลูกหนี้ จานวน
๑๔๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๙ ของประชากรหมู่บ้านน้ีท่ีเป็นสมาชิก ยอดหนี้คงเหลือประมาณ ๒๔.๑
ล้านบาท ไม่มีหนี้เสีย (NPL) แต่มีหน้ีท่ีชาระไมเ่ ป็นไปตามสัญญา จานวน ๑๒ ราย (ชาระเฉพาะดอกเบ้ยี
หรือชาระไม่ตรงกาหนด) โดยสมาชิกจากบ้านโคกสะอาดมีเงินหุ้นประมาณ ๑๒.๖ ล้านบาท เงินฝาก
ประมาณ ๘.๗ ลา้ นบาท
๒.๓ ประเมินความสามารถของชุมชนในการใช้ประโยชน์จากโครงการกิจกรรมต่าง ๆ
ภายใตน้ โยบาย
ชาวบ้านโคกสะอาดมีความคิดเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐไม่สอดคล้องกับความ
ตอ้ งการของชุมชน ไม่เหมาะสมกบั ศักยภาพหมบู่ า้ น หากภาครัฐต้องการสง่ เสรมิ ให้หมู่บา้ นพฒั นายงิ่ ขนึ้ ไป
ควรสนับสนนุ ตามความต้องการของหม่บู า้ น โดยควรศึกษาบริบทชมุ ชนก่อน หรือทาการประชาคมหมบู่ า้ น
ก่อน จงึ กาหนดนโยบายต่าง ๆ ลงมาให้หมู่บ้าน และควรเปน็ นโยบายทก่ี อ่ ใหเ้ กิดความยง่ั ยนื ความตอ่ เน่อื ง
ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น มันสัมปะหลัง อ้อย ยางพารา ยูคาลิปตัส เป็นต้น
ส่วนใหญ่การส่งเสริมลักษณะน้ีมักมีนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ
สัตว์เลี้ยงของชาวบ้านมกั รกุ ลา้ เข้าไปพื้นท่ีเพาะปลูก เกิดการทะเลาะวิวาทกัน การส่งเสริมในลกั ษณะนี้
ก่อใหเ้ กิดความไม่ไว้วางใจกนั ระหว่างหมู่บา้ นกับภาครฐั
อย่างไรกต็ าม สาหรบั นโยบายทกี่ ่อใหเ้ กิดประโยชน์แกช่ าวบา้ น หมู่บา้ นโคกสะอาด ก็ไม่ได้
ต่อต้าน แต่กลบั สง่ เสริมเปน็ อยา่ งดี เชน่ โครงการคนละคร่ึง เป็นต้น โดยร้านค้ากองทุนพฒั นาหมู่บา้ นโคก
สะอาดได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้จ่ายผ่านโครงการน้ี เพ่ือลดรายจ่ายในช่วง
สถานการณว์ ิกฤติโควิด - ๑๙ เปน็ การช่วยแบ่งเบาภาระค่าใชจ้ ่ายของชาวบ้าน โดยไม่ตอ้ งออกไปซ้อื สินคา้
ในที่หา่ งไกล เปน็ ต้น
จะเห็นได้ว่าบ้านโคกสะอาดมีศักยภาพในการส่งเสริมและขับเคล่ือนนโยบายของภาครัฐ แต่
ต้องเป็นนโยบายทีห่ ม่บู ้านเหน็ วา่ เกดิ ประโยชน์ตอ่ หมู่บ้านจรงิ ๆ หรือเปน็ นโยบายท่ีเกดิ จากความตอ้ งการของ
หมู่บา้ นเทา่ น้ัน ไม่ใช่ทุกนโยบายของรฐั บาลท่ีจะได้รับการสนับสนุนจากหมบู่ า้ นโคกสะอาด
๒.๔ ประเมินโอกาสและความเสย่ี งของชุมชนและครัวเรอื นยากจน
๒.๔.๑ โอกาสของชุมชนและครัวเรอื นยากจน
บ้านโคกสะอาดเป็นหมู่บา้ นที่มคี วามเข้มแขง็ มีทรัพยากรธรรมชาติท่อี ุดมสมบูรณ์
มีศักยภาพในการดูแลและบริหารจัดการชุมชนร่วมกัน และยังมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ใกลเ้ คยี ง สามารถจาแนกโอกาสของบ้านโคกสะอาดไดเ้ ปน็ ๓ ประเด็นหลัก ดงั น้ี
๑) ดา้ นการเพ่มิ มลู คา่ ผลิตภณั ฑ์ บา้ นโคกสะอาดมผี ลติ ภณั ฑ์หลากหลาย และยังมี
แหลง่ จาหน่ายเปน็ การเฉพาะ ประกอบกับชาวบ้านมีความพรอ้ มรับการพฒั นา และมวี สิ ยั ทัศนช์ ดั เจน การ
พัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพ่ิมมูลค่าแก่สินค้าจึงไม่ใช่เรื่องยาก และมีความเป็นไปได้ที่จะ
ยกระดบั ไปสูแ่ บรนดส์ ินค้าชั้นนาของทอ้ งถ่นิ ตอ่ ไปในอนาคต
๒) ดา้ นการพฒั นายกระดบั ไปสกู่ ารทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน ป่าชุมชนบ้านโคกสะอาด แปลง
เกษตรทฤษฎีใหม่ แปลงนา สวนเกษตร วัวควายจานวนมาก ล้วนดารงอยู่อย่างสมดลุ โดยเฉพาะป่าทอ่ี ดุ
สมบูรณซ์ ึ่งได้รบั การดูแลและออกแบบใหม่ใหเ้ ปน็ สถานท่ีศึกษาเรียนรู้ได้นั้น เป็นโอกาสท่ีจะยกระดับไปสู่
การท่องเที่ยวชมุ ชน ซ่งึ ถือวา่ เป็นการท่องเท่ยี วแนวใหม่ท่ีไดร้ ับความนิยมในช่วงเวลาท่ผี ่านมาไมน่ าน และ
มีแนวโนม้ วา่ จะได้รบั ความนยิ มตอ่ เนือ่ งไปอีก
๑๕
๓) ดา้ นความรว่ มมอื กับโรงงานอุตสาหกรรมในการพัฒนาหมู่บา้ น การพัฒนาตาม
ยุคสมยั ย่อมนามาซ่งึ ผลกระทบในด้านต่าง ๆ เมื่อมโี รงงานอุตสาหกรรมเกิดขนึ้ ในพ้นื ทแี่ ลว้ การยอมรบั และ
ปรับตัวเพ่ืออยู่รว่ มกนั ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบ ย่อมจะเกดิ ผลดีมากกว่าการถอย
ห่างต่างคนต่างไป ดังนั้น การร่วมมอื กนั พัฒนาหมบู่ า้ นชมุ ชน การทากิจกรรมเพื่อสงั คม รวมถึงการอนรุ ักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ มีโอกาสมากที่จะได้รับความร่วมมือจากโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งน้ี โดยส่วนใหญ่
โรงงานน้าตาลจะมีงบประมาณสนับสนุนชุมชนตามท่ีกาหนดใน EIA ซึ่งสานักงานนโยบายและแผน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม กาหนดให้ต้องจัดสรร
แก่ชุมชนโดยรอบเป็นประจาทุกปี รวมถึงกรณีที่โรงงานน้าตาลมีการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้การไฟฟา้
ส่วนภูมิภาคหรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็ต้องมีกองทนุ พัฒนาไฟฟ้าสาหรับกจิ การเพอื่ สงั คม
ตามระเบียบคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อการพัฒนาหรือฟ้ืนฟู
ทอ้ งถิ่นทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากการดาเนินงานของโรงไฟฟา้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 หมบู่ ้านกจ็ ะมชี ่องทาง
นาเงินจาก EIA หรือกองทุนดังกลา่ วมาจดั ทาโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาหมู่บ้านได้เปน็ ประจาทุกปี เช่น
ดา้ นสาธารณูปโภค ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา เป็นต้น
ภาพท่ี 2๔ – 2๕ ภาพการทา CSR ของโรงงานนา้ ตาล
๒.๔.๒ ด้านความเสี่ยงของชมุ ชนและครัวเรอื นยากจน จากการวิเคราะห์และเกบ็ ข้อมลู
จากแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชงิ ลกึ ทาใหพ้ บปญั หาใน ๓ ประเดน็ หลัก ดังนี้
1) ด้านการเปิดรับนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้วยความเข้มแข็งของ
หม่บู า้ น ท้งั ผ้นู า ระบบบริหารจดั การ และการเงินชุมชน ทาใหห้ มบู่ ้านสามารถพฒั นาและพ่งึ พาตนเองได้
โดยไม่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐมากนัก ยกเว้นเฉพาะในส่วนท่ีต้องเกี่ยวข้องกับ
หนว่ ยงานของรัฐโดยตรงในบางกรณี ซึง่ อาจจะทาใหช้ มุ ชนเสยี โอกาสการพฒั นาตามนโยบายตา่ ง ๆ ของรัฐ
๒) ด้านสิ่งแวดล้อม การมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เข้ามาต้ังใกล้ชุมชนใน
ระยะไม่เกิน ๒ กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง เกิดมลพิษทางอากาศ ปัญหาเรื่องฝนุ่
ละออง P.M 2.5 ซ่ึงส่งผลกระทบตอ่ การดารงชีวิตและสุขภาพของชาวบ้าน ปัญหาน้ีหากสะสมยาวนาน
อาจกอ่ ให้เกิดโรคภัยตา่ ง ๆ ตามมา
๓) หากชุมชนมีความสนใจมาปลูกอ้อยแทนพืชชนิดอ่ืนมากขึ้น จะส่งผลในระยะ
ยาวต่อคุณภาพของดิน ดนิ เสยี แรธ่ าตุ คันดนิ เกิดการทลายตัว ความสามารถในการกกั เกบ็ นา้ ลดลง
๑๖
๒.๕ กิจกรรมการพฒั นาทีช่ ุมชนจะทาเองเพื่อให้ทกุ ชวี ติ อยู่ดีมีสุขในปนี ้ี ไดแ้ ก่
๒.๕.๑ การพฒั นาแหลง่ น้าเพื่อการเกษตร (นา้ ชลประทาน)
๒.๕.๒ การพฒั นาระบบไฟฟ้าเพือ่ การเกษตร
๒.๕.๓ การอนรุ ักษพ์ นื้ ทปี่ า่ ชุมชน เพ่อื รกั ษาระบบนเิ วศและสง่ิ แวดล้อมใหย้ ่ังยืน
๒.๖ สรุปบทเรียนทไ่ี ด้รับจากการศึกษาเรยี นรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ดังน้ี
๒.๖.๑ การบรหิ ารการพัฒนาชุมชนทอ้ งถิ่น ไดแ้ ก่
๑) กลุ่ม BEC (Basic Ecclesial Communities) วิถีชุมชนวัดคริสต์ แบ่งกลุ่มใน
ชุมชนเป็นกลมุ่ ย่อย ๆ รวม ๘ กลุ่ม มีผู้นากลุ่ม มีการจดั กิจกรรมดูแลเอาใจใส่กันทกุ ช่วงวยั เปน็ ชมุ ชนทมี่ ี
ชวี ิต
๒) การบริหารจัดการชุมชนผ่านร้านค้าชุมชน โดยในหมู่บ้านจะมีร้านค้าเพยี ง ๒
แหง่ คอื รา้ นค้ากองทนุ พัฒนาหมู่บ้านโคกสะอาด และร้านค้าของชาวบา้ น ในการบรหิ ารจดั การชุมชนนน้ั
จะตกลงกันในชมุ ชนวา่ จะซ้อื สินคา้ จากร้านค้ากองทุนพัฒนาหมูบ่ ้านเทา่ น้นั (ไมซ่ ือ้ ท่ี 7-11) ทุกครวั เรอื น
มีหนุ้ ส่วนในร้านค้าแหง่ น้ี มสี ว่ นไดเ้ สยี มีความเปน็ เจา้ ของร่วมกัน
๓) การบรหิ ารจดั การผ่านองค์กรการเงินชุมชนอื่น ๆ ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยเู นี่ยน
เลงิ ฮังสามัคคี จากดั กองทนุ หมู่บ้าน เป็นต้น เพอื่ ใหค้ นในหมู่บ้านคอยดแู ลซง่ึ กนั และกัน การปลอ่ ยสนิ เช่ือ
จะยดึ ถอื ความเชอ่ื มัน่ เชื่อใจเป็นหลัก ไมไ่ ด้ยดึ ถอื ที่หลกั ทรัพย์ค้าประกันเหมือนเช่นธนาคารทั่วไป และยังมกี าร
จดั สรรเงินสาธารณประโยชนเ์ พอื่ ดูแลคนในหมู่บา้ นและสาธารณประโยชนต์ า่ ง ๆ
๔) “โคกสะอาดโมเดล” คือ แผนพัฒนาหมู่บ้านโคกสะอาด เป็นการกาหนด ทิศ
ทางการพฒั นาหมูบ่ ้าน กาหนดหลักสูตรการเรยี นการสอนในโรงเรยี นประจาหมู่บ้าน แนวทางการอบรม
ของวดั และกาหนดโมเดลหลอ่ หลอมความรักความสามัคคขี องชมุ ชน
๒.๖.๒ การบรหิ ารการพัฒนาระดบั ตาบลและอาเภอ ได้แก่
๑) การพัฒนาแหลง่ น้าและกักเก็บน้าด้วยการขุดสระ ขุดลอกลาน้าหว้ ยเตย สร้าง
ฝายแม้ว เพ่ือกักเก็บน้าและขุดบ่อน้าบาดาล ปัจจุบันมีน้าบาดาล ๕ บ่อ ใช้ในการทาน้าประปาสาหรับ
หมู่บ้าน ๒ บ่อ ใชเ้ พ่ือการเกษตร ๑ บอ่ ใช้เพอ่ื การปศุสตั วอ์ ีก ๒ บอ่ ปรบั ปรุงดนิ จนสามารถทาการเกษตร
ไดด้ ี
๒) การส่งเสรมิ การทาเกษตรทฤษฎีใหม่
๓) ศนู ยเ์ พาะพนั ธไุ์ มส้ กลนคร องคก์ ารบริหารส่วนตาบลอุม่ จาน และโรงเรียนบา้ น
โคกสะอาด ร่วมกันอนรุ ักษ์ปา่ อนุรักษ์พนั ธไ์ุ ม้ อนรุ ักษ์สมุนไพรกวา่ ๑๒๖ ชนิด ตามแนวทางหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง
๔) ทาแนวก้นั ไฟป่าไมใ่ ห้ลามส่ไู รน่ าในฤดูแลง้
๕) ออกแบบนาข้าวโดยใหป้ า่ เลย้ี งนา
๖) การปรบั ปรุงและอนรุ กั ษด์ ิน ทาจลุ ินทรีย์สงั เคราะหแ์ สงใชแ้ ทนปยุ๋ เคมีเปน็ ผลให้
ดนิ มีสภาพดี
๒.๖.๓ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการปฏบิ ัตงิ านตามนโยบายของรฐั บาล ได้แก่
๑) ผลลัพธ์จากการขับเคล่ือนแปลงเกษตรและผืนป่าตามแนวทางปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ผลใหค้ นรนุ่ ใหม่ท่ีเคยทางานอยกู่ รงุ เทพมหานคร กลบั มาทานา ทาการเกษตรและ
๑๗
ดูแลปา่ สร้างรายได้จนเพยี งพอต่อการดารงชวี ิต และมีรายได้จากการเป็นวทิ ยากรเมอ่ื มีการเขา้ มาศกึ ษาดู
งานในพืน้ ท่ี คุณภาพชวี ิตดีข้นึ
๒) วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน จากเดิมท่ีเคยทาการเกษตรเพ่ือเลี้ยงชีพ ค่อย ๆ
ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทาการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างมีแบบแผน มีระบบ เพ่ือรองรับการศึกษาเรียนรู้ท้งั
จากภายในและภายนอกหมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในการถ่ายทอดความรู้ ผลักดันให้
ขยายผลไปสู่หมูบ่ ้านตา่ ง ๆ
๓) การขยายผลการเกษตรท่วั ทั้งหม่บู า้ น และแนวโน้มการหวนคนื ชมุ ชนของคนร่นุ
ใหม่ กระแสการอยอู่ าศัยตามหวั ไร่ปลายนาเพ่ือหลีกหนีความวุ่นวายของสังคม สง่ ผลให้สถาบนั ครอบครัว
มคี วามเข้มแขง็ อบอนุ่
๒.๗ การร่วมคดิ กจิ กรรมการพฒั นาร่วมกับชุมชน
๒.๗.๑ พฒั นาระบบนา้ เพ่อื การเกษตร โดยมีแนวทาง ดงั นี้
๑) การขุดสระในไร่นา/บ่อขนมครก ขนาด 5 x ๕ เมตร ลึกไม่ต่ากว่า ๔ เมตร
กระจายไปตามในพ้นื ท่ีการเกษตรของชาวบ้าน เพือ่ รกั ษาระดบั น้าไมใ่ หแ้ หง้ ในฤดูแลง้ โดยประสาน ไปยัง
สถานีพัฒนาทด่ี นิ สกลนคร
ภาพท่ี 2๖ ภาพสระน้าประจาไร่นาของกรมพัฒนาท่ดี นิ
๒) โครงการดินแลกน้า บ่อต้องลึกไม่ต่ากว่า ๕ เมตร เพ่ือรักษาระดับน้าไม่ให้แหง้
ในฤดูแล้ง โดยหากเป็นท่ีดินสาธารณะ ให้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตาบลอุ่มจาน เพ่ือ
ประสานผู้รับเหมาดาเนินการ แต่หากเป็นท่ีเอกชนชาวบ้านสามารถดาเนินการได้เองโดยประสานไปยงั
สถานพี ัฒนาทด่ี ินสกลนคร
๓) จัดทาเคร่ืองสูบน้าด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยประสานไปยังองค์การ
บริหารส่วนตาบลอุ่มจาน ท้องถ่ินอาเภอกุสุมาลย์ โครงการชลประทานสกลนคร หรือพลังงานจังหวัด
สกลนคร
๔) ธนาคารน้าใต้ดิน โดยประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตาบลอ่มุ จาน ท้องถ่นิ
อาเภอ กรมชลประทาน หรือสานักงานทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมจังหวัด
๕) จัดทาระบบสูบน้าด้วยไฟฟ้าจากลาน้าอูน โดยประสานไปยังองค์การบริหาร
สว่ นตาบลอุม่ จาน ทอ้ งถ่ินอาเภอกุสุมาลย์ โครงการชลประทานสกลนคร หรอื พลังงานจังหวัดสกลนคร
๖) จดั ทาแผนที่เกษตรเพ่อื เป็นขอ้ มลู ประกอบการวางแผนปลกู พืชให้เหมาะสมตาม
ฤดูกาล วางแผนจัดการน้าใหเ้ พยี งพอ โดยประสานไปยัง องค์การบริหารส่วนตาบลอมุ่ จาน ท้องถิ่นอาเภอ
กุสมุ าลย์ หรือเกษตรอาเภอกสุ มุ าลย์
๑๘
๒.๗.๒ ขยายเขตการไฟฟา้ เพื่อใช้ในการผนั นา้ เพอื่ การเกษตร โดยมีแนวทาง ดังน้ี
๑) จัดทาแผนพัฒนาหมู่บ้านเสนอต่อไปยังองค์การบรหิ ารส่วนตาบลอุ่มจาน เพ่อื
บรรจุเป็นแผนพฒั นา และจดั ทาคาของบประมาณไปยงั ทอ้ งถ่ินจังหวัดสกลนครเพือ่ ดาเนินการต่อไป
๒) จัดทาแผนของบประมาณการปรบั ปรุงเส้นทางใหม้ ถี นนเพ่อื ปกั เสาพาดสาย
เสนอตอ่ ไปยงั องค์การบรหิ ารส่วนตาบลอมุ่ จาน และการไฟฟา้ สว่ นภูมภิ าคอาเภอกุสุมาลย์ โดยตอ้ งมกี าร
ทาความยนิ ยอมให้ใชท้ ี่ดนิ ของเกษตรกรเพือ่ เปน็ ทต่ี ั้งเสาไฟ
๓) รวมกลุ่มเกษตรกรเพ่ือขอไฟฟ้าเพ่ือการเกษตร เสนอต่อไปยังองค์การบริหาร
ส่วนตาบลอุ่มจาน และการไฟฟ้าสว่ นภูมภิ าคอาเภอกุสุมาลย์
๒.๗.๓ การพฒั นาศกั ยภาพ ทักษะให้แก่คนทกุ ช่วงวยั ในชมุ ชน เพ่อื ใหร้ ู้เทา่ ทันโลก เท่าทันการ
เปล่ียนแปลง
๑) การพัฒนาเด็ก โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วนตาบลอุ่มจาน สาธารณสุข
อาเภอกุสุมาลย์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านหนองบัวสร้าง พัฒนาสงั คมและความม่ันคงของ
มนษุ ย์จังหวดั สกลนคร ภาคประชาสังคมในพ้นื ท่ี และภาคเอกชน เพื่อดาเนนิ การในเร่อื ง ดังนี้
(๑) ต้งั แต่ช่วงการตัง้ ครรภจ์ นถึงปฐมวยั จดั ให้มีการเตรยี มความพรอ้ มแก่พ่อแม่
กอ่ นการต้ังครรภ์ พร้อมท้ังส่งเสริมอนามัยแม่และเด็กต้ังแตเ่ ร่มิ ตงั้ ครรภ์
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการเล้ยี งลูกด้วยนมแม่ และสารอาหารที่จาเป็นต่อ
สมองเดก็ การกระตุ้นพฒั นาการสมองและการพัฒนาเด็กปฐมวัยใหม้ พี ัฒนาการที่สมวยั ทกุ ดา้ น
๒) การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยร่นุ โดยร่วมมือกับองค์การบรกิ ารสว่ นตาบลอมุ่ จาน
ศกึ ษาธกิ ารจังหวดั สกลนคร สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต ๑ และพฒั นาสงั คม
และความมน่ั คงของมนุษย์จงั หวัดสกลนคร เพอื่ ดาเนินการในเร่ือง ดังน้ี
(๑) จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ ทักษะด้านดิจิทัล และ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยที สี่ อดคล้องกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ
(๒) จดั ให้มีการพัฒนาทักษะในการวางแผนชวี ิตและวางแผนการเงิน ตลอดจน
ทักษะการเรยี นรูท้ ีเ่ ช่อื มต่อกับโลกการทางาน
(๓) จดั ให้มกี ารเรยี นรู้ทักษะอาชีพท่สี อดคลอ้ งกบั ความต้องการของประเทศ
๓) พัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วน
ตาบลอุ่มจาน แรงงานจังหวัดสกลนคร สานกั งานพัฒนาฝีมอื แรงงานจงั หวดั สกลนคร ภาคเอกชนในพ้ืนท่ี
เพื่อดาเนินการในเรื่องการยกระดบั ศกั ยภาพ ทักษะ และสมรรถนะของคนในช่วงวัยทางานใหส้ อดคลอ้ ง
กับความสามารถเฉพาะบุคคล เพอื่ สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกจิ และผลิตภาพเพ่มิ ข้ึนใหก้ ับประเทศ
๔) การส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วนตาบล
อมุ่ จาน สาธารณสุขอาเภอกุสมุ าลย์ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นหนองบัวสรา้ ง พฒั นาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสกลนคร ภาคประชาสังคมในพืน้ ท่ี และภาคเอกชน เพื่อดาเนินการในเรือ่ ง
ดังนี้
(๑) ส่งเสริมการมีงานทาของผสู้ ูงอายุให้พ่งึ พาตนเองไดท้ างเศรษฐกิจ และร่วม
เป็นพลงั สาคญั ต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ ชมุ ชน และประเทศ
(๒) จัดสภาพแวดลอ้ มใหเ้ ปน็ มิตรกับผู้สูงอายุ เพ่ือความปลอดภัยจากการพลัด
ตกหกลม้
๑๙
(๓) จัดให้มีอาสาสมัครเพ่ือการดูแลผู้สูงอายุในทุกมิติ ท้ังด้านสุขภาพกาย
สุขภาพจติ
(๔) จัดกิจกรรมสง่ เสริมความรู้ให้คนทุกช่วงวัยโดยเฉพาะผู้สงู อายุ ส่ือสารผา่ น
เสียงตามสายของหม่บู า้ น เพ่อื ส่งเสรมิ ให้ผ้สู ูงอายมุ ีความรู้เท่าทนั การเปล่ยี นแปลงของสงั คม
(๕) ใช้กิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุ เป็นกลไกในการสร้างความ
เข้มแขง็ ให้ผสู้ ูงอายุ
๒.๗.๔ มาตรการป้องกนั หรอื ลดผลกระทบจากโรงงานน้าตาล ดังนี้
(๑) ใช้รปู แบบคณะกรรมการไตรภาคี (รัฐ เอกชน และประชาชน) ชว่ ยตดิ ตามกากบั
ตรวจสอบ การดาเนินงานของโรงงาน อย่างนอ้ ยปีละ 4 ครงั้
(๒) ขอให้โรงงานตดิ ตง้ั ไฟฟา้ สอ่ งสว่างตามเสน้ ทางถนนเขา้ ออกโรงงานเพิ่มเตมิ เพื่อ
ความปลอดภยั แกป่ ระชาชนทีส่ ัญจรไปมา โดยส่งแบบใหห้ มวดทางหลวงกสุ มุ าลย์พิจารณาอนุญาต
(๓) จัดทาโครงการตา่ ง ๆ ท่ีได้รบั ผลกระทบจากโรงงานนา้ ตาล เพื่อพัฒนาหมู่บา้ น
เป็นประจาทุกปี เช่น ด้านสาธารณูปโภค ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านศาสนา
และวัฒนธรรม เปน็ ต้น
ภาพท่ี 2๗ ภาพผู้แทนนักศึกษา นปส. ๗๗ (กป.๕) มอบของทร่ี ะลึกแทนคาขอบคณุ เป็นเคร่อื งวัดความดัน
เพือ่ ให้ชุมชนไดใ้ ช้ประโยชน์ในศูนย์พกั คอยสงั เกตอาการผู้มีความเสยี่ งติดเชือ้ โควิด ๑๙