The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 ประจำปีงบประมาณ 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประมวลผลการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติงาน (Action Learning) (ปี 2564)

โครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 77 ประจำปีงบประมาณ 2564

Keywords: ด้านทั่วไป

4

ชาวบานหวยแมง หมูที่ 3 มีความเช่ือที่เลาตอกันมาสูรุนหลานและไดปฏิบัติ
สืบตอกันมาจนถึงทกุ วนั นี้ ยกตวั อยางเชน ถามีใครเจบ็ ปว ยไดเขารับการรักษาทโี่ รงพยาบาล และกลับ
จากโรงพยาบาลมาพักฟนท่บี านทางผูเฒาผแู กญาตพิ นี่ อ งจะทาํ การบายศรีสขู วัญใหอวยพรใหมีอายมุ ่ัน
ขวัญยืนหายจาการปวยไขมีกําลังใจขึ้น บางคนก็บนบานสานกลาวตอส่ิงศักด์ิสิทธิ์ท่ีเคารพนับถือ เชน
เจา ปูตา ใหดูแลตัวเองและครอบครวั ใหอ ยดู มี ีสขุ มีโชคลาภ หรือมีญาติไปทํางานตางจังหวัด ตางประเทศ
ก็บนเจาปูตาไวพอถึงวันปใหม เทศกาลสงกรานต ก็ทําการแกบนแลวแตใครจะกําหนด สวนทาง
หมูบานหวยแมงจะมีการเลี้ยงปูต าประจําปพรอมกันทุกหลังคาเรือนประมาณชวงสงกรานตของทุกป
หรือดานโหราศาสตร ถามีใครเจ็บปวย รับประทานอาหารไมได ก็จะใหสาวแรกรุนมาผูกขอมือให
บางคนกไ็ ปหาหมอโหราศาสตร ตามหมูบาน เชนการหักไม หรือเรียกวา ดูมอ หาสาเหตุ เม่ือเจอสาเหตุ
ทที่ าํ ใหเกดิ การเจ็บปวยก็จะทําการแกต ามเหตนุ ้ัน ๆ ตามประเพณี

๑.๔ ภูมปิ ญ ญาด้ังเดิมของชมุ ชนในดา นการผลิต การประกอบอาชพี การจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การรักษาพยาบาล การศาสนา การสรางความสงบทางจิตใจ และการจดั การ
กิจการสาธารณะตา ง ๆ เพ่ือเสริมสรา งความอยดู มี ีสุขของผูคนในและระหวางชุมชน

5

ภูมิปญญาดั้งเดิมและอาชีพหลักของชาวบาน คือ การทําการเกษตรกรรม
ทํานา เพาะปลูกขาวโพด มันสําปะหลัง ถั่วเขียว แตเนื่องจากท่ีดินทํากินของชาวบานมีไมเพียงพอ
เพราะอยูในพ้ืนท่ีปาเปนสวนใหญ เมื่อมีการขยายตัวของหมูบาน จํานวนประชากรเพิ่มมากข้ึน สงผล
ใหที่ทาํ อยเู ดิมไมเพียงพอ จําเปนตองขยายพ้ืนที่เพาะปลูก โดยการบุกเบิกพื้นที่รกรางวางเปลา หรือที่ปา
ซึ่งพ้ืนท่ีดังกลาวสวนใหญไมเหมาะสมกับการเพาะปลูกขาว แตเหมาะกับ การปลูกพืชไร จําพวก
ขา วโพด มนั สาํ ปะหลงั และถั่วเขียวซึ่งเปนพืชเชงิ เดย่ี ว ซึ่งเปนรายไดหลัก สวนขาวนั้นปลูกไวเพื่อการ
บริโภคเปนหลัก เม่ือเหลือจึงนําไปขายเปนรายไดเสรมิ ขาดการสงเสริมและพัฒนาความรูและทักษะ
ดา นการเกษตร

รายไดมาจากการเกษตรกรรม การปลูกพืชเปนหลัก พ้ืนที่เพาะปลูกจํานวน
893ไร แบง เปน

1) ขาวโพด688 ไร คิดเปนรอยละ ๖๐.๓๕ ของพ้ืนท่ีเพาะปลูกท้ังหมดของ
หมูบาน ผลผลิต ๗๐๐ กิโลกรัมตอไร ไดผลผลิตรวม ๒,๕๔๖ ตัน คิดเปนสัดสวนรายได (รายไดรวม
๖๘๘ ไรX๗๐๐ กิโลกรมั /ไร x๖ บาท/กก.) รวมรายได ๔๘๑,๖๐๐ บาท

๒) มันสําปะหลัง ๑๐๙ ไร คิดเปนรอยละ ๙.๕๖ ของพื้นท่ีเพาะปลูกทั้งหมด
ผลผลติ ๓,๗๐๐ กิโลกรมั ตอไร ไดผลผลติ รวม ๔๐๓ ตนั คดิ เปนสัดสวนรายได (รายไดร วม ๑๐๙ ไร x
๓,๗๐๐ กก./ไรx กโิ ลกรมั x๔๐๓ ตัน x๒,๓๐๐ตนั ) รวมรายได ๙๒๗,๕๙๐ บาท

๓) ถ่ัวเขียว ๙๖ ไร คิดเปนรอยละ ๙.๕๖ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดของ
หมูบานผลผลิต ๑๕๐ กิโลกรัมตอ ไร คิดเปนสัดสวนรายได (รายไดรวม ๙๖ ไรX๑๕๗ กิโลกรัม/ไร x
๓๕ บาท/กก.) รวมรายได ๕๐๔,๐๐๐ บาท

โดยมอี าชพี เสรมิ เปน การเลีย้ งสัตว ไดแ ก ไก ววั ควาย การประมงพื้นบานโดย
การจบั หาปลาบริเวณอางคลองตรอน ไดแ ก ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาสรอย ปลากด ปลาย่สี ก และการ
เก็บหาของปา เชน หนอไม เห็ดเผาะ เห็ดโคน ไขมดแดง ฯลฯ เพื่อนํามาบริโภค และขายเปนรายได
เสริม และกลุมจักสาน กลมุ ผกั สวนครัว

6

ผูใหญบานในอดีต ไดใหความสําคัญกับการแกปญหาดานยาเสพติดดวย
การพัฒนาเยาวชน เด็กวัยรุน ดวยการสงเสริมเลนกีฬา จึงทําใหจํานวนผูติดยาเสพติดมีไมมาก
และเนื่องจากเปนชุมชนวิถีดั้งเดิม จึงมีความใกลชิดสนิทสนมกัน เมื่อชาวบานเห็นเด็กบานไหนติด
ยาเสพติดก็จะรีบบอกพอแม ผูปกครอง ทําใหแกปญหาไดอยางรวดเร็ว ผูคายาเสพติด ไมมี มีเพียง
ผูเสพในระหวางทํางาน หรือเผลอเลอ มีการนําไปบําบัดเพียง 2 – 3 ราย กลับมาแลวก็ดีขึ้น ใช
เงินกองทุนแมใหรายละ 500 บาท ในการเขาไปอบรม และไดกลับมาทําประโยชนใหชุมชน เชน
ทาสี ฯลฯ ไมมีปญหาการลักขโมย ชุมชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน มีความสุขตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ในชมุ ชนมเี จา อาวาสวัดหวยแมง หลวงพอเจาอธิการกิตตกิ วิน สติสมุปนุโน ซึ่ง
เปนเจาคณะตําบลนํ้าไครเปนพระนักพัฒนา ตั้งใจนําชุมชนหมูบานโดยการใชหลัก “บวร” บาน วัด
โรงเรียน เพ่ือสรางจิตสํานกึ สง เสริมใหชาวบานเขามาวัดทําบญุ โดยเปนผูน ําเริ่มตนเปนคนนําในการ
ทาํ และมีการพฒั นามาอยา งตอเนื่อง

๑.๕ ลักษณะทางชวี ภาพและกายภาพของชุมชน ทรัพยากรและปจจัยตาง ๆ ที่
เปนฐานชวี ิตใหแ กชมุ ชน

บานหวยแมงมีประชากร จํานวน ๖๘๕ คน เปน ชาย ๓๒๑ คน หญิง ๓๖๔
คน มีครัวเรือน จํานวน ๒๔๗ ครัวเรอื น อาศัยอยูในพ้ืนที่ จํานวน ๔๕๕ คน อพยพออกไปทํางานตาง
พน้ื ท่ี จํานวน ๒๓๐ คน รายละเอียดแสดงตามตารางที่ปรากฏตอไปน้ี

7

ลักษณะทางภมู ิอากาศเปน แบบมรสุม มี ๓ ฤดู คอื
- ชว งฤดหู นาว เร่ิมต้ังแต ตุลาคม – กุมภาพันธ พ้ืนท่ีราบจะมีอากาศหนาว

วัดอุณหภูมิตํา่ สุดถึง 9-10 องศาเซลเซียส และในชว งท่ีอากาศหนาวจัด
วดั อณุ หภมู ิต่ําสดุ ถงึ 6 องศาเซลเซียส
- ชวงฤดฝู น เร่มิ ตงั้ แต กรกฎาคม – กนั ยายน
- ชวงฤดูรอน เริ่มต้ังแต มีนาคม – พฤษภาคม ความรอนอุณหภูมิสูงสุดท่ี
41.5 องศาเซลเซียส
ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนท่ีสําคัญ ประกอบดวย ที่ดินปาชุมชน ๑ แหง
พ้ืนท่ี ๓๐ ไร ที่ดินสาธารณะประโยชน ๑ แหง พนท่ี ๑๒ ไร แหลงน้ํา คลอนตรอน หวยลําน้ําแมง
นาํ้ ตกหวยสัก

บานหวยแมงตั้งอยูในพื้นท่ีปาน้ําปาดและพื้นที่อุทยานแหงชาติสักใหญ ทําให
มีความอุดมสมบูรณ เน่ืองจากมีแหลงน้ําสําคัญไหลผาน ไดแก คลองตรอน ดินจึงมีความชุมช้ืน อุดม
สมบูรณ นํ้าอุปโภคบริโภคคอนขางพอกินพอใช น้ําดื่มรองจากน้ําฝน และมีระบบประปาหมูบาน และ
ประปาภเู ขา ทาํ ใหไมข าดแคลน แตอ ยา งไรกต็ าม แมจ ะเปนพ้ืนทต่ี นนํ้าของคลองตรอน แตก็ขาดแคลน
น้ําเพื่อการเกษตรกรรม มีอางเก็บน้ําคลองตรอน เปนอางเก็บนํ้าในการดูแลของกรมชลประทาน มี
พืน้ ทีก่ ักเก็บนํา้ ๒๖๕ ตารางกโิ ลเมตร มีความจุ ๕๙ ลูกบาศกกิโลเมตร ใชสงนํ้าใหพื้นที่จํานวน ๓ อําเภอ
ไดแก อําเภอน้ําปาด อําเภอทองแสน และอําเภอตรอน พื้นท่ีรวมประมาณ ๒๓,๔๐๐ ไร แตชาวบาน
หวยแมงทําใหไมไดใชประโยชนในอางเก็บน้ําดังกลาว เนื่องจากสภาพหมูบานอยูสูงกวาคลองสงนํ้า
และไมม คี ลองแยกคลองซอยเขา ไปในพน้ื ที่การเกษตรของหมูบา น

มีแหลงทองเที่ยวสําคัญ คือ คลองตรอน ซึ่งใชเปนพื้นที่ในการสงเสริมการ
ทอ งเท่ยี วเชิงธรรมชาติ “ลองแกง” โดยเฉพาะในชว งเดือนมีนาคม – เมษายน ของทุกป จะเปนชวงที่
นํา้ ใสสะอาด นกั ทองเท่ียวนยิ มเดนิ ทางมาเลน “ลองแกง ” และชมธรรมชาติ

ประเพณีและวฒั นธรรมข้ึนช่ือของบานหว ยแมง ไดแก บุญขาวเปลือก ประเพณี
สงกรานต ทอดกฐนิ ต้งั ความหวังมีกฐินเงนิ ลา น มปี ระเพณีบุญกองขา วเปลอื ก หมอสูขวัญ สขู วญั ขาว
นางรํา รําเก็บผักหวาน กอเจดียท ราย ราํ เอ้ินขวญั เปนเอกลักษณ แหตนผง้ึ (แหตนพาน แหปจ จยั เขาวัด)
แหขาวพันกอน หลังจากเก็บเก่ยี วขาวเหนียว จะเอาขาวเหนียวน่ึงปนเปนกอนๆ เอาปลายกานมะพรา ว
ถกั เปน ปลา จักจั่น แลวเอาขา วไปติดไวตรงปลาย เพื่อนําไปทําบุญ ทําใหเ กิดความสามัคคี ใครมขี า วก็
เอาขาวมารวม หรือ เอาปจ จัยมาทําบญุ เปนการทํารว มกันกบั ชาวบานหมู 9 ดงึ เยาวชนเขามารวม

8

กจิ กรรม สานปลาตะเพยี น รําเอิ้นขวญั รถแหเพื่อเปดเพลง ตกแตงและนาํ ขบวน มีการสอนตอ ใหร นุ
นองๆ

9

อาหารพื้นบาน อาหารปา การแปรรูป หนอไมมีการนํามาอัดปบ เก็บได
ประมาณ 1 – 2 ป โดยไมขนยา ย ผกั หวาน ทานสด ไขมดแดง นาํ มาแชช องฟรซี เห็ด ก็นํามาแช
ชองฟรีซ ทําปลาสม ปลาสรอย ห่ันปลาถ่ีๆ เพื่อทานไดท ้ังตัว ชวงมกราคม ไขมดแดง กับผักหวาน
ออกเยอะมาก ไขมดแดง สามารถแชเย็นไวทานไดนานๆคะ พ.ค. – ส.ค. มีเห็ดเผาะ กก. 400-500 บาท
หนอไมอัดปบ 500บาท/ปบ ปลาคลองตรอน ปลาซาบะหวยแมง ปลาสม และมีอาหารประจํา
ทองถ่ินบานหวยแมง ที่ข้ึนชื่อ ไดแก ยําดอกสวรรค ยําเทพธิดาดอย (ซุปหนอไม) ตมหนอเนื้อนางใน
ตมมหาโชค ฯลฯ

๒. การเรียนรรู ะบบการบริหารจดั การชุมชน
เพือ่ เขาใจและประเมินความเขมแข็งของชุมชนในแงมุมของความสามารถของชุมชน

ในการใชประโยชนจากเง่อื นไขตางๆ ที่เปนโอกาส เพ่ือกอใหเกิดการพัฒนาและ ขีดความสามารถของ
ชุมชนในการรับรู กําหนด และจัดการแกไขปญหาในเรื่องการหารายไดและการประกอบอาชีพ อีกท้ัง
ปญหาสงั คมของชมุ ชนใหผอ นคลาย ท้ังนี้ เพ่ือมุงคนหาประสบการณของชุมชนในแงของมุมมอง หลัก
คิดที่มีตอปญหา และโอกาสในการพัฒนา ตลอดจนกลวิธี แนวทาง ขั้นตอนการจัดการที่ชุมชนถือ
ปฏิบตั ิ รวมท้งั การเรียนรูข องชุมชน กลุม ปฏิบัติที่ ๔ จงึ ไดจัดการประชุมผานระบบ Zoom เพ่ือศึกษา
ขอ มูลจากชมุ ชน สรุปรายละเอียดไดดังตอ ไปนี้

10

บานหวยแมง แบงการปกครองออกเปน ๙ คุม ไดแก คุมสวรรคบันดาล คุม
คุณธรรม คุมธรรมะ คุมหาดทรายงามพัฒนา คุมคลองตรอนพัฒนา คุมรวมใจพัฒนา คุม สามเหล่ียม
ทองคํา คุมรวมใจศรัทธา และคุมรักสามัคคี โดยแตละคุมมีบทบาทและหนาที่ท่ีแตกตางกัน อาทิ
สงเสรมิ และพัฒนาสง่ิ แวดลอม โดยการสงเสริมการทําปยุ หมัก สงเสริมการปลูกพืชผักสวนครวั รั้วกินได
สงเสริมการเรียนรูปราชญชาวบาน ภูมิปญญาทองถ่ิน สงเสริมการจัดทําบัญชีครัวเรือน สงเสริมการ
จัดทาํ สวัสดิการชุมชนเพ่อื ใหเ กิดการดแู ลผดู อยโอกาส สงเสรมิ อาชพี ของครวั เรือนในชุมชน สงเสริมให
คนในชุมชนลด ละ เลิกอบายมุขตาง ๆ สงเสริมการใชอุปกรณประอบอาชีพท่ีเหมาะสม ลดการใช
ปยุ เคมี หันกลับมาใชป ุยธรรมชาติ สง เสริมการจดั ระเบียบบา นเรอื นของชุมชนในสะอาด ฯลฯ

บานหวยแมงมีคณะกรรมการหมูบานภายใตการกํากับดูแลของผูใหญบ านใน
ตําแหนง ประธานกรรมการหมูบาน และแบงคณะกรรมการออกเปน ๗ ฝาย โดยมีคณะกรรมการแตละฝา ย
ประกอบดว ย

๑) คณะกรรมการพัฒนา มีหนาที่เกี่ยวกับการพัฒนาอาชีพของราษฎรและ
พฒั นาหมูบานในดานตา ง ๆ โดยรวมมอื กับคณะกรรมการฝา ยอ่นื ๆ

๒) คณะกรรมการปกครอง มีหนาที่เกี่ยวกับการบําบัดทุกข บํารุงสุขของ
ราษฎร และดูแลกิจการในหมบู านใหเปนไปตามกฎหาย ขนมธรรมเนียม จารีตประเพณี และนโยบาย
สวนรวม สงเสริมใหราษฎรในหมูบานมีความสนใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เสริมสราง
ความรกั สามัคคีของสวนรวม

๓) คณะกรรมการปองกันและรักษาความสงบเรียบรอย มีหนาที่ในการจัด
หนวยกําลังคมุ ครองและรักษาความสงบเรียบรอยภายในหมูบาน รวมท้ังจัดกําลังปองกันและบรรเทา
สาธารณภยั

๔) คณะกรรมการการคลัง มหี นา ที่เกย่ี วกับการเงินของหมูบา น

11

๕) คณะกรรมการสาธารณสุข มีหนาท่ีเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การ
อนามัย การวางแผนครอบครัว และการสุขาภิบาล ตลอดจนการรักษาสภาวะแวดลอมของหมูบาน
และปองกนั อันตรายอนั เกดิ จากภาวะแวดลอมในหมบู าน

๖) คณะกรรมการศึกษาและวัฒนธรรม มีหนาท่ีเก่ียวกับการศึกษา การ
ลกู เสอื และเยาวชน ตลอดจนกิจกรรมเก่ยี วกับศาสนา วัฒนธรรม การกฬี า และการพักผอ นหยอนใจ

๗) คณะกรรมการสวัสดิการและสงั คม มหี นาทเี่ ก่ียวกับสวัสดิการของราษฎร
และสงเคราะหผ ูย ากไรยากจนท่ไี มสามารถชว ยเหลือตนเองได ตามความจําเปน

นอกจากนี้ ยังมชี ุดรกั ษาความปลอดภัยหมูบาน (ชรบ.) มสี มาชิก จํานวน ๑๕
คน และอาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน (อปพร.) บานหวยแมง มีสมาชิกจํานวน ๕ คน เปนกําลัง
หลักในการสง เสริมและสนับสนุนภารกิจและนโยบายการจัดระเบียบสังคม ไดแก การจัดเวรยามเฝา
ระวังภายในหมูบาน การตั้งกฎระเบียบของหมูบาน เชน หามเลนการพนันในงานศพ และตั้งกฎวา
ครอบครัวที่ยุงเก่ียวกับยาเสพติดจะไมไดรับความชวยเหลือดานสวัสดิการตาง ๆ การอบรมชุดรักษา
ความปลอดภัยหมูบาน อาสาสมัคร ๒๕ ตาสับปะรด การจัดเวทีประชาคมยาเสพติด รณรงคกิจกรรม
รกั ษาสุขภาพและหา งไกลยาเสพติด

12

อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมูบาน (อสม.) มีบทบาทในการเปนผูนําการ
ดาํ เนนิ การพัฒนาสขุ ภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมูบาน/ชุมชน เปนผูนาํ การเปลี่ยนแปลง
พฤตกิ รรมดา นสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน และมีหนาที่แกขาวราย กระจายขาวดี ประสานงาน
สาธารณสุข บําบัดทุกข บํารุงสุขประชาชน ดํารงตนเปนแบบอยางท่ีดี โดยมีหนาที่ ๑) เปนผูสื่อขาว
สารสาธารณสุขระหวางเจาหนา ที่และประชาชนในหมูบาน นัดหมายเพ่ือนบานมารับบริการสาธารณสุข
แจง ขา วสารสาธารณสุข ๒) เปนผใู หคาํ แนะนาํ ถา ยทอดความรูแ กเพือ่ นบา นและแกนนําสุขภาพประจํา
ครอบครัว ในเร่ืองตาง ๆ ๓) เปนผูใหบริการสาธารณสุขแกประชาชน ๔) หมุนเวียนกันปฏิบัติงานท่ี
ศสมช. โดยปฏิบัติงานในดานจัดทําศูนยขอมูลขาวสารของหมูบาน ถายทอดความรูและจัดกิจกรรม
ตามปญหาของชุมชน และใหบริการที่จําเปนใน 14 กิจกรรมสาธารณสุขมูลฐาน ๕) เฝาระวังและ
ปองกันปญหาสาธารณสุขในหมูบาน ๖) เปนผูนําในการบริหารจัดการวางแผนแกปญหาและพัฒนา
ชุมชน และ ๗) ดูแลสิทธิประโยชนดานสาธารณสุขของประชาชนในหมูบาน โดยเปนแกนนําในการ
ประสานงานกับกลุมผูนําชุมชน และองคการบริหารสวนตําบล (อบต.) กระตุนใหมีการวางแผนและ
ดาํ เนินงานเพอ่ื พัฒนางานสาธารณสุข

นอกจากน้ี ยังมีการจัดตั้งองคกรหรือกลุมตาง ๆ เพ่ือปฏิบัติหนาที่ อาทิ
กองทนุ หมบู า น กลุมออมทรพั ยเพอ่ื การผลติ กองทนุ แมของแผนดิน ชมรมผสู ูงอายุ ชมรมรักสะอาดรัก
สิ่งแวดลอม กลุมถั่วเขียวผิวมัน กลุมหนอ ไมอัดปบ กลุมจักสานบานหวยแมง กองทุนสวัสดิการชุมชน
ตําบลนํ้าไคร (ออมวันละบาท) กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห (รวมกันระหวาง ๒ หมู คอื หมู ๓ และหมู ๙)
กลมุ ทองเที่ยวลองแกง คลองตรอน-หวยแมง กลุมวิสาหกิจตลาดกลางผลผลิตทางการเกษตร ตําบลน้ําไคร
เปนตน

๓. การศึกษาเรียนรูนโยบายภาครัฐและผลกระทบตอการพฒั นาของชุมชน
นโยบายของภาครัฐท่ีสง ผลกระทบตอคนในชุมชนบา นหวยแมง ไดแก
๓.๑ การบริหารจดั การนาํ้ ปญหาน้ําทวมน้ําแลงเปนปญหาท่ีเกิดขึ้นในในประเทศไทย

มาอยางตอเนื่องยาวนาน ไมวาพ้ืนท่ีในลกั ษณะใด ก็มักมีปญหาจากการดําเนินการท้ังเร่ืองการจัดทํา
แผนและจัดการภัยแลงเชิงพ้ืนทที่ ี่ไมส ามารถรวบรวมขอมูลนอกเขตชลประทานในระดบั พ้ืนท่ีไดอยาง
ครบถวน การใชน้าํ และเพาะปลูกพืชจึงไมเปนไปตามแผนท่ีวางไว ไมสามารถควบคมุ แผนการจัดสรรนํ้าได

13

นอกจากนี้ ปญหาสวนใหญท่ีพบ คือ ขาดหนวยงานในพ้ืนที่ท่ีทําหนาท่ีบูรณาการแหลงนํ้าขนาดเล็ก
ขาดงบประมาณสนับสนุน สง ผลใหเกิดความเหล่อื มล้ําในพนื้ ที่นอกเขตชลประทาน

ในพื้นที่บานหวยแมงเปนพ้ืนท่ีที่มีตนทุนทางทรัพยากรคอนขางดี มีแหลงน้ํา
ในพ้ืนท่ี แตกลายเปนวาไมส ามารถใชแหลงนํ้านั้นได และขาดการพัฒนาแหลงกักเก็บนํ้าที่เหมาะสม
และเพยี งพอสําหรับการเกษตร

เขื่อนคลองตรอน

๓.๒ การแกไขความยากจน ปญหาความยากจนและปญหาความเหลื่อมล้ําที่
เกิดข้ึนในสงั คมไทยเปนปญหาสําคัญท่ีจะตองไดรับการแกไขอยางเรงดวน ในชวงท่ีผานมาแมประเทศ
ไทยจะมีนโยบายการแกไขปญหาความยากจนและลดความเหล่ือมลํ้าเกิดขึ้นมากมายจากหนวยงาน
ตาง ๆแตล ะหนวยงานมีจุดเนนท่ีแตกตางกัน การดาํ เนินการเปนไปอยางแยกสวนตามบทบาทหนาท่ี
ของแตละหนวยงาน ขาดการบูรณาการในการแกไขปญหาเชิงระบบหรือเชิงโครงสราง ทําใหปญหา
ยงั คงอยู

การแกไขปญหาความยากจนจึงตอ งเปนการสรางโอกาสใหคนยากจนสามารถ
เขามามสี ว นรว มและไดร ับประโยชนอยางมนี ัยสาํ คัญ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสราง
โอกาส และความเขมแข็งใหแกคนยากจน เพิ่มศักยภาพและโอกาสในการประกอบอาชีพไดอยาง
กวา งขวางและหลากหลาย รวมทงั้ การสรา งโอกาสการเขา ถงึ ทรัพยากรธรรมชาติในชมุ ชน ทง้ั ในแงการ
ใชและการดูแลรกั ษา ยกระดับคุณภาพชวี ติ และความสามารถในการพงึ่ พาตนเองไดใ นระดับหนง่ึ

ในสวนของนโยบายที่เกี่ยวของกับการแกไขปญหาความยากจนในพื้นท่ีบาน
หวยแมง เปนโครงการในลักษณะของการเพ่ิมศักยภาพและการสรางโอกาส และการสงเสริมอาชีพ
ผานกองทุนในรปู แบบตาง ๆ อาทิ โครงการกองทุนหมูบานและชมุ ชนเมอื งโครงการแกไขปญหาความ
ยากจน (กข.คจ.) โครงการการพักชําระหน้ีและลดภาระหนี้ใหแกเกษตรกรรายยอย โครงการหน่ึงตําบล
หน่งึ ผลิตภัณฑ (OTOP) ฯลฯ โดยมเี ปาหมายเพ่ือยกระดับคณุ ภาพชีวิตของคนในชุมชน สรา งรายได
ขยายโอกาส

๓.๓ การสง เสริมการทองเที่ยวรายไดจากการทองเท่ียวเปนรายหลักที่มคี วามสําคัญ
ของประเทศไทย ดังน้ัน ภาครัฐจึงมีนโยบายทีจ่ ะสงเสริมการทองเท่ียว การทองเท่ียวโดยชุมชนเปน
เครื่องมือในการพัฒนาชุมชนท่ีมีการบริหารจัดการโดยชุมชนอยางมีสวนรวมเพ่ือใหเกิดกระบวนการ
แลกเปลย่ี นเรียนรู อนุรักษท รพั ยากรธรรมชาติ ประเพณี วิถชี ีวติ และวฒั นธรรม ดงั น้ันการเตรียมความ
พรอมของชุมชน คอื การศึกษาศักยภาพและขอจํากัดของชุมชน รวมทั้งการพัฒนาขีดความสามารถ

14

ของคนทํางาน กลุมทองเทย่ี ว แหลงทองเที่ยว และบรกิ ารทองเที่ยวใหสามารถรองรับการทองเท่ียวได
โดยไมเกนิ ขีดความสามารถในการรองรบั ของชุมชน และเกิดจากความตองการของชมุ ชน

การทองเที่ยวโดยชุมชน หมายถึง การทองเท่ียวที่บริหารจัดการโดยชุมชน
เพ่ือใชเปน เครื่องมือในการพัฒนา ผานการมีสวนรวมของทุกภาคสวน ในการจัดการทรัพยากร ภูมิปญญา
อันทรงคุณคา สรางสมดุลระหวาง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และส่ิงแวดลอมอยางยั่งยืน นําไปสู
คุณภาพชีวติ ความสุขของคนในชุมชน นักทองเท่ียวและผูมาเยือน โดยมีกลุมแกนนําของชุมชนท่ีจะ
ทํางานอยางมีสวนรวมเปนทีมในการทํางาน โดยใชองคประกอบสําคัญ ไดแก ศักยภาพของคน
ศักยภาพของพ้ืนท่ีการจัดการ การมีสวนรวม ใหเกิดกระบวนการเรียนรูและพัฒนาชุมชนสูการทองเที่ยว
โดยชมุ ชนบานหว ยแมง

๓.๔ ก า ร จั ด ห า ที่ ดิ น ทํ า กิ น ใ ห แ ก ร า ษ ฎ ร ต า ม น โ ย บ า ย รั ฐ บ า ล
คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแหงชาติหนวยงานที่เกี่ยวของ ไดแก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดลอ ม กระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงมหาดไทย และอ่ืน ๆ บริหารท่ีดินใหเกิดประโยชน
สูงสุด และจัดใหมีการปลูกปาเพ่ิมเติมในพื้นท่ีตามความเหมาะสม รวมท้ังพิจารณาออกกฎหมายให
ประชาชนสามารถใชประโยชนในทีด่ นิ ของรฐั และเรง แกไขปญหา กรณรี าษฎรหรือชมุ ชนท่ีไดรับความ
เดือดรอนจากการอยูอาศัยและทํากินในเขตปาโดยไมถ ูกตองตามกฎหมายมาเปนระยะเวลานาน โดย
พื้นท่ีดังกลาวไมเปนเขตพ้ืนท่ีตนน้ําลําธาร หรือเขตอนุรักษท่ีมีความออนไหว ใหมีการจัดที่ดินใหแก
ราษฎรกลุมน้ีตามหลักเกณฑและเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแหงชาติกําหนด เพื่อแกไข
ปญหาและลดแรงกดดนั โดยใหราษฎรสามารถใชประโยชนพ ้ืนที่ในรูปแบบสหกรณ แตไ มใหกรรมสิทธ์ิ
เน่ืองจากเปน ที่ดินของรฐั โดยมีหนวยงานรบั ผดิ ชอบเรื่องการสงเสรมิ และพัฒนาอาชพี เพ่ือใหราษฎรมี
รายไดและความเปนอยทู ดี่ ีขึ้น สําหรับกรณที รี่ าษฎรหรอื ชุมชนอยูในเขตตน น้ําลาํ ธารหรือเขตอนุรักษท่ี
มีความออนไหว ซ่ึงหนวยงานราชการที่เกี่ยวของตองดําเนินการเคล่ือนยายใหอยูในพ้ืนท่ีที่เหมาะสม
ภายในเขตจังหวัดหรือจังหวัดใกลเคียง ใหอยูเปนกลุมหรือชุมชนในรูปแบบสหกรณหรือรูปแบบอ่ืน
โดยไมใหกรรมสิทธต์ิ ามหลักเกณฑและเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแหงชาติกําหนด โดยใน
ระหวางการจัดท่ีดินทํากิน จะตองช้ีแจงใหราษฎรเพื่อสรางความเขาใจ และกําหนดมาตรการในการ
เยียวยาทเี่ หมาะสม เพือ่ ใหราษฎรเขารว มดาํ เนนิ การโดยสมคั รใจ

15

สว นท่ี ๒
ประเด็นการพัฒนาของชุมชน
ณ หมูบานหว ยแมง ตาํ บลนํา้ ไคร อาํ เภอน้ําปาด จงั หวัดอุตรดิตถ

สถานการณและประเด็นการพัฒนาหมูบานหวยแมง ตําบลน้ําไคร อําเภอน้ําปาด
จังหวัดอตุ รดิตถ มรี ายละเอยี ดดงั ตอ ไปน้ี

๑. ระดบั การพฒั นาของหมูบาน
ผลการประเมินหมูบานเศรษฐกิจพอเพียงตนแบบ ของหมูบานหวยแมง อยใู นระดับ

“อยูดีกินดี” ซ่ึงมีเกณฑการประเมิน 4 ดาน 23 ดาน ไดแก ดานจิตใจและสังคม ดานเศรษฐกิจ
ดานการเรยี นรู และดา นทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอม ซึ่งหมูบานหัวยแมงสามารถไปสู ระดับ
“มั่งมีศรีสุข” ไดโดยตองปรับปรุงดังนี้ ตัวช้ีวัดที่ 6 การวัดคนในหมูบานปลอดอบายมุข ตัวช้ีวัดท่ี
12 การดาํ เนินงานในรปู แบบวสิ าหกจิ ชุมชน การจดั ต้ังการบรหิ ารจัดการวิสาหกิจชุมชน และตวั ชี้วัดที่
23การสรางมูลคาเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในชุมชน การแปรรูปผลิตภัณฑ การ
ทําปุยหมัก สะทอนความเขมแข็งของชุมชน ในการนอมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใชใน
การดํารงชีวิต “3 ไม” ไมมีหน้ีสิน ไมมีคนจน ไมมียาเสพติด “2 มี” มีการจัดสวัสดิการชุมชน มี
การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ ม ปาไมเหมือนตเู ยน็ ธรรมชาติ ทีเ่ ราจะมีอาหารไวทาน

16

๒. สดั สว นจาํ นวนครวั เรอื นท่ไี มพออยพู อกนิ
หมูบานหวยแมง หมูที่ 3 ตําบลน้ําไคร เปนหมูบานที่มีการพัฒนาอยางตอเน่ือง

เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นท่ีอยางเปนระบบ โดยใชกระบวนการพัฒนา
ชุมชนดวยการ “สรางพลังชุมชน ใชพลังชุมชนในการพัฒนาชุมชน” จนสงผลทาํ ใหหมูบานยกระดับ
การพัฒนาเปนหมูบานเศรษฐกิจพอเพียงตนแบบระดับ “อยูดี กินดี” ในป พ.ศ. 2563 (ตามเกณฑ
ประเมินผลการพัฒนาหมูบานเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงมหาดไทย (4 ดาน 23 ตัวช้ีวัด) และผล
การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามขอมูลความจําเปนพ้ืนฐาน (จปฐ.) ประจําป พ.ศ. 2562
ปรากฏวา หมูบานหวยแมง ประชากรมีรายไดเฉล่ียสูงสุด 75,000 บาท/คน/ป และรายไดเฉลี่ย
ตํ่าสุด 38,285 บาท/คน/ป (ตามขอมลู จปฐ. ป 2562) และมีระดับความสุขเฉลี่ยสูงสุดของคนใน
ระดับครัวเรือน ระดบั 8.78 (คอนขางสูงมาก) จึงสงผลทําใหหมูบานหวยแมง หมูที่ 3 ตําบลน้ําไคร
เปนหมูบ านชมุ ชนเขม แขง็ พ่ึงตนเองได โดยไมมสี ัดสว นความเหลื่อมลํา้ ของสังคมในหมูบานและชมุ ชน

๓. ประเมินความสามารถของชุมชนในการใชประโยชนจากโครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใต
นโยบาย

สมาชิกชุมชนบานหวยแมงหมูที่ 3 ตําบลหวยไคร อําเภอนํ้าปาด จังหวัดอุตรดิตถ
สามารถเขาถึงและไดรับประโยชนจากโครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใตนโยบายของภาครัฐ ทส่ี งผาน
กิจกรรม/โครงการ ของหนวยงานตาง ๆ ท่ีกําหนดดําเนินการในพ้ืนท่ี ทั้งดานเศรษฐกิจ สังคม
ส่งิ แวดลอม และคณุ ภาพชีวิต จนสงผลใหเปนหมูบานท่ีมีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี ไมมสี ัดสวนความเหล่ือมล้ํา
ทางสังคมของคนในหมูบานและชุมชนซึ่งปจจัยสําคัญที่สงผลใหชุมชนนี้สามารถใชประโยชนจาก
โครงการกิจกรรมตาง ๆ ภายใตนโยบายตาง ๆ ของภาครัฐเกิดจากการมีสวนรวมของประชาชนใน
ชุมชน ศักยภาพของผูนําชุมชน ความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทร รวมถึงการดําเนินชีวิตที่เรียบงาย
ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยมโี ครงการสําคัญ ดังนี้

17

๓.๑ โครงการกระตุนเศรษฐกิจ (ตําบลละ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) นําไปใชในโครงการ
พฒั นาระบบประปาหมูบานใชไดด จี นถึงปจจบุ ัน

๓.๒ โครงการตามนโยบายรัฐบาล ลักษณะกองทุนชุมชน เชน กองทุนหมูบานและ
ชมุ ชนเมอื ง/ประชารฐั สามารถบริหารไดมีดอกผลกําไร นํามาจัดสรรเปนสวัสดิการใหแกคนในชมุ ชน/
ดแู ลผูดอยโอกาสอยา งทัว่ ถึง

๔. ประเมินโอกาสและความเสี่ยงของชมุ ชนและครัวเรอื นยากจน

จากการสอบถามและพูดคุยพบวา ชุมชนน้ีมจี ุดแข็งและขอดีหลายประการซ่งึ ทําให

สามารถอยูรว มกันอยางมีความสงบสุข ชาวบานดํารงชีวิตอยางพอเพียง พออยูพอกิน ไมไดตอ งการ

แสวงหาโอกาสจากภาครฐั แตเ พยี งอยา งเดียว โดยสามารถสรุปโดยใช SWOT Analysis ได ดงั นี

จดุ แขง็ (Strength) จดุ ออ น (Weakness)

- ผูนําชุมชนท่ีเขมแข็ง และมผี ูนําตามธรรมชาติ - ขาดแคลนนํ้าเพ่ือการการเกษตรกรรม (มี

โดยท้ังสองฝายรวมมือกันพัฒนา และสรางการมี แหลงน้ําแตใชไมได) ขาดระบบชลประทาน เกิด

สวนรวมโดยการสรางความรวมมือกับคนทั้งใน จากการบูรณาการของหนวยงานภาคราชการ

และนอกชมุ ชน - พ้ืนท่ีสวนใหญเปนพื้นที่ปาเขา ไมมีพื้นท่ีใน

- การนอ มนําหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การทําเกษตรกรรม ชาวบานไมมีกรรมสิทธิ์ใน

มาปรับใชเ ปน วิถชี ีวติ ทด่ี นิ

- ชาวบานเปนคนจิตใจดี มคี ุณธรรม รจู ักการทาํ - ปลูกพืชเชิงเด่ียว (ขาวโพด มันสําปะหลัง ถ่ัว

มาหากนิ และแบงเวลามาเขาวดั ฟง เทศนฟ งธรรม เขียว) เปนพืชท่ีไมมีจุดเดนเฉพาะ ไมสามารถ

- ความสมัครสมานสามัคคี พรอมจะมาชวยกัน กาํ หนดราคาได

ในการทํางาน ทําใหสามารถอยูรวมกันไดอยาง - การรวมกลุมอาชีพมีนอย และยังไมมีความ

สงบสขุ เขม แข็ง

- ชาวบานใชช วี ิตอยางเรียบงาย มวี ินัยในการใช - รายไดน อย

จายทําใหห นี้สินไมเกินตวั - ขาดความรูและทักษะดานเทคโนโลยีในการ

- พ้ืนดินและทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดม พัฒนาตอ ยอดกิจกรรมอยางสรางสรรค (ขาดมือ

สมบูรณ อาชีพ)

โอกาส (Opportunity) อุปสรรค (Threat)

- ความเขมแข็งของคนในชุมชน - ราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ตกตํ่าและไม

- ชาวบานมีภูมิปญญาทองถ่ินดานสมุนไพร (แต แนนอน

ยงั ไมนํามาใชประโยชน) - ข า ด แ ห ล ง ร อ ง รั บ สิ น ค า ผ ล ผ ลิ ต ท า ง

- สถานการณการแพรระบาดของโรคติดเช้ือ การเกษตร

ไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ สงผลใหคนหนุมสาวกลับ - แรงงานภาคเกษตรมีแนวโมลดลง

บานมาอยูในชุมชน (ทําใหมีแรงงานกลับมา และ - มอี า งเกบ็ นํ้าแตไมส ามารถใชป ระโยชน

นําความรูและความทันสมัยมาประยกุ ตใช) - ภัยธรรมชาติ เชน อุทกภัย วาตภยั

18

จากการวเิ คราะหขางตนแสดงใหเห็นวา จุดแข็งของชุมชนนี้ คือ การที่มีผูนําทีเ่ ปน
นักพัฒนา มีความพรอมท่ีจะสนับสนุนใหเกิดกิจกรรมใหม ๆ เพื่อเปนสรางรายไดใหแกชุมชนและ
ครัวเรือน สําหรับชุมชนกเ็ ปน ผูตามทดี่ ี ใหค วามรว มมือและสนบั สนนุ การดําเนนิ กิจกรรมอยางตอเน่ือง
ยกตวั อยาง

การจัดต้ัง “กลุมทองเที่ยวลองแกงคลองตรอน-หวยแมง” เปนการบริหารจัดการ
ทอ งเที่ยวชุมชนโดยชุมชน ไดรับการสนบั สนุนงบประมาณเบ้ืองตน จากกองทนุ หมบู าน และการไฟฟา
ฝา ยผลิตแหง ประเทศไทย

มีการแบงหนาที่ในการบริหารจัดการบูรณาการกลุม/องคกรท่ีมีในชุมชน มา
รวมกบั บรหิ ารจัดการการทองเที่ยวชุมชนโดยชุมชนอยางแทจริง มีการแบง หนาที่อยางชัดเจน โดย
คณะกรรมการหมูบานมีหนาที่ในการกําหนดกฎระเบียบตางๆ ชรบ. มีหนาทกี่ ารดูแลความสงบและ
ความปลอดภัยของนักทองเที่ยว ชมรมรักษาความสะอาดรักสิ่งแวดลอม ดูแลการบริหารจัดการขยะ
สาํ หรับการนาํ นักทองเท่ียงลองแกงดวยเรอื ยางและหวงยาง ทาํ โดยสมาชิกในชุมชนทอ่ี าสามาทะเบียน
ไว เอ้ือเฟอสถานท่ีโดยวัดหวยแมง ดําเนินการมา ๓-๔ ป(พักช่ัวคราวจากสถานการณCOVID-19)
สามารถสรางรายไดเ สรมิ ใหก บั ชมุ ชนไดอ ยา งแทจ ริง นอกจากน้ี ยังมีรายไดจากการจําหนายสินคา และ
อาหารใหแ กน กั ทองเที่ยว สรา งกิจกรรมใหเ ยาวชนเขา มามีสวนรวม ท้งั น้ี ชุมชนสามารถบริหารจัดการ
รายได จัดสรรใหกับกลุมตาง ๆ ไดอ ยางเหมาะสมลงตัว สวนหนง่ึ ใหชาวบานที่มารวมทํางาน อีกสวน
หน่ึงนํามาพัฒนาตอยอดกิจกรรม เชน การสรางหองน้ําเพื่อไวใชในการอาบน้ําเปล่ียนเส้ือผาสําหรับ
นกั ทองเทย่ี ว จัดทํา “กองอํานวยการ” เพอื่ รองรับนักทองเทย่ี ว

19

อยางไรก็ดี ปญหาสําคญั คอื ในการบริหารจัดการยังขาดการนําความรูแ ละทักษะ
เพอ่ื มาตอ ยอดกจิ กรรม ยงั คดิ ไมสดุ ไมสามารถเชื่อมโยงการดําเนินการไปยังชุมชนภายนอก สงผล
ใหก ารสงเสริมกิจกรรมการทองเที่ยวจํากัดอยูในวงท่ีไมกวางขวางมากนัก และไมส ามารถเช่ือมโยงกับ
ของดีอนื่ ๆ ที่มีอยูในชมุ ชน เชน ยงั ไมมีการสรางสนิ คาขึ้นชื่อที่เปน OTOP ของชุมชน และสินคา ทีม่ ีดี
เชน หนอไมปบที่เปนของท่ีมีช่ือเสียงและข้ึนช่ือ ก็ยังไมไดรับพัฒนาตอยอดใหสามารถเขาสูตลาดได
อยางมีประสิทธภิ าพ ตง้ั แตขั้นตอนการผลิต แปรรูป และการตลาด เนื่องจากยังขาดมืออาชีพในการ
ดําเนนิ การ ซ่ึงหนวยงานราชการตา งๆ ควรเขาไปสง เสริมและสนับสนุนเงินทุนและเครื่องมือ/อุปกรณ
ในการทําถุงสุญญากาศเพื่อตอยอดไปขายในตลาดท่ีมีความตองการตอไป ในสวนน้ี ถามองสถานการณ
การแพรระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ เปนโอกาสที่ทําใหคนหนุมสาว วัยแรงงานกลับมา
ยังบานเกิด สรางงานสรางอาชีพ ไมใหหนุมสาวออกจากพื้นที่ นําความรูและประสบการณจากการ
ทํางานในเมืองมาปรับใชใหเขากับบริบทของชุมชน โดยหนวยงานราชการจะตองสนับสนุนใหความรู
และพฒั นาทกั ษะใหสามารถทํางานรวมกันในชุมชน โดยใหหนุมสาวที่มคี วามรทู างดา นเทคโนโลยีหรือ
social media ในการทําเพจ หรือทาํ การตลาดในรูปแบบออนไลนต อ ไป

ดังน้ัน เพ่ือเปนการยกระดับการดําเนินการภายใตขอจํากัดของชุมชน หนวยงาน
ราชการในพื้นที่จะตองรวมมือกันแกไขปญหาข้ันพ้ืนฐานใหกับชาวบาน โดยการใชประโยชนจาก
ทรัพยากรท่ีมอี ยางอดุ มสมบูรณแ ละความรวมแรงรวมใจของชาวบาน เพ่ือขับเคลื่อนใหเกิดการพัฒนา
ตอยอดอยา งย่งั ยืน

จากการเก็บขอมูลในพื้นที่ บานหวยแมงเปนหมูบานท่ีมีศักยภาพในการพัฒนา
เน่ืองจากมี “ตนทุน” ท่ีพรอมในหลายดาน ตั้งแตผูนําชุมชน กลุมความรวมมือตาง ๆ ไปจนถึง
ชาวบานในทุกระดับ รวมท้ังมีการบูรณาการ “บวร” บาน วัด โรงเรียน ในการพัฒนาและแกไข
ปญหาในสวนตาง ๆ อยางไรก็ตาม การพัฒนาคนและเสริมสรางความเขมแข็งแกชุมชนใหมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดแี ละสามารถปรับตวั และดาํ รงชีวติ อยูไดในกระแสการเปล่ียนแปลง เปาหมายสําคัญ คอื ชุมชน
จะตองสามารถพ่ึงพาตนเองใหได จึงจะสามารถเผชิญกับวกิ ฤตการณต าง ๆ ไดอยางมีประสิทธิภาพ
ทั้งน้ี เศรษฐกิจชุมชนมีครอบครัวเปนหนวยการผลิต แรงงานของสมาชิกในครอบครัวเปนปจจัยท่ี
สาํ คญั ทีส่ ุด เพราะแรงงานเปนส่ิงทค่ี รอบครัวมีอยูโดยธรรมชาติ ไมตองจาง แตในปจจุบัน เมื่อพิจารณา
จากอายุเฉลี่ยของคนในชุมชน (ชวงอายุเฉล่ียของประชากรในหมูบาน ๑๘-๔๙ ป คดิ เปนรอ ยละ ๔๕
ของชวงอายุของประชากรทั้งหมด) จะเห็นวา คนหนุมสาววัยแรงงาน ออกไปจากพ้ืนที่ แตยังโชคดี

20

ไมถือวาเปน “การท้ิงถิน่ ” เพราะจากการสอบถาม ลูกหลานยงั สง เงนิ กลับมาที่บานใหพอแม ปูย าตายาย
ซื้อที่ดนิ สนับสนุนปจจัยทางการเกษตร เพอื่ เปนชองทางในการกลบั มาทาํ งานในชมุ ชนตอ ไป

การเปลยี่ นแปลงทีเ่ กดิ ขึ้นในชุมชนอนั เกิดจากแรงกดดันจากปจ จัยภายนอกทสี่ าํ คัญ
ปจจัยทส่ี ง ผลกระทบและสงผลใหเกิดการเปล่ียนแปลงวิถีชวี ิตของชาวบาน ซึ่งคลาย
กับวิถชี นบททัว่ ไป คอื ราคาของพชื ผล เดมิ คนชนบทปลกู ขา ว โดยเกบ็ สวนหนง่ึ ไวบ ริโภค สวนทเี่ หลือ
จึงนําไปขาย แตเมื่อมาทําการเพาะปลูกพืชไร จึงตองเอาผลิตผลของพืชไรเหลานี้มาขาย แลวจึงนํา
รายไดมาซ้ือขาวบริโภค ทําใหเกิดการคาขายและตลาด สภาพที่ชาวบานทํามาหากินและกินอยูโดย
อาศยั ธรรมชาตกิ ค็ อ ยๆ หมดไป การคาขาย และอาศัยเงินเปน ปจ จัยก็มีความสําคัญเพิ่มข้ึนทุกที ชีวิต
ของชาวบานจึงจําเปนท่ีจะตองมีการปรับตัว เพ่ือเพ่ิมรายไดใหแกครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีการ
อพยพของวัยแรงงานหนุมสาวออกไปทํางานในเมืองหรือพื้นท่ีอ่ืน ละทิ้งการทํางานภาคเกษตร และ
เดินทางเขาสูตัวเมืองใหญๆ หรือ กรุงเทพฯ เขาทํางานในโรงงานอุตสาหกรรม การกอสราง รานคา
ตลอดจนรับจา งทาํ งานอน่ื ๆ ดงั น้ัน คนรุน ใหมจงึ ไมมีทกั ษะในการดาํ รงชวี ิตแบบชนบทอีกตอไป

การวเิ คราะหภาพรวมของภาคการเกษตรในพ้ืนท่ี โดยสามารถพิจารณาเปนหวงโซ
ตงั้ แตเรื่องวัตถดุ ิบ ปจจัยการผลติ การแปรรปู การตลาด รวมท้ังความเสีย่ งท่อี าจเกดิ ขน้ึ

ชาวบานบานหวยแมงประกอบอาชีพอาชีพเกษตรกรรมเปนหลัก ผลผลิตหลัก คือ
ขาวโพด มนั สาํ ปะหลงั และถั่วเขยี ว มีการเพาะปลกู ขาว แตเปนการปลกู เพ่ือการบริโภคเปนหลัก มีเหลือเกิน
จึงนาํ ไปจาํ หนายเปน รายได มกี ารเพาะปลูกพืชผกั สวนครัว และเก็บของปา เพื่อเปนรายไดเ สริม

ในเร่ืองของปจจัยการผลิต ประกอบดวย ท่ีดิน ที่ดินที่เกษตรกรใชปลูกขาวโพดมีท้ัง
ที่ดินทเี่ ปนของตนเอง เชา และบุกรุกปา เมล็ดพันธุ เมล็ดพันธุขาวโพดที่เกษตรกรใชอยูในปจจุบันมี
แหลงท่มี าจากการผลิตภายในประเทศ โดยซื้อจากรา นคา ชุมชน สหกรณ และบรษิ ัทเอกชน ปุย และยา
ปราบศัตรูพืช เดิมเกษตรกรไมนิยมใชปุยหรือสารอินทรีย แตในปจจุบันมีการรวมกลุมเพื่อผลิตปุย
อินทรยี เพื่อใชภายในชุมชน จึงไดรับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และแหลงเงินทุน ใชทุนจากภายในชุมชน
จากกองทุนตางๆ ที่มีอัตราดอกเบ้ียตํ่า เชน กองทุนประชารัฐ 700,000 บาท ในการซื้อปจจัยปุย
อินทรีย ปุยชีวภาพ และเมล็ดพันธุ เมื่อผลผลิตออกเก็บเก่ียวเสร็จก็จะสงขายใหพอคาท่ีมารับซ้ือใน
พ้นื ท่ี ในปงบประมาณ พ.ศ. 2564 ไดรบั งบประมาณจากกรมสงเสริมการเกษตรโครงการยกระดับ
แปลงใหญดวยเกษตรสมัยใหมและเช่ือมโยงตลาด จํานวน 3,000,000 บาท สนับสนุนแปลงใหญ
ขาวโพด เพ่ือกอสรางสรางลานตาก จัดซ้ือรถตักลอยางเพื่อรวบรวมผลผลิตการเกษตรในพ้ืนท่ี
ขา วโพดเล้ียงสตั ว มนั สาํ ปะหลงั บานหวยแมงสามารถดําเนินการไดตลอดหวงโซอุปทาน ต้ังแตตนน้ํา
การทาํ พันธุถว่ั เขียว การจัดหาปจจัยการผลิต กลางนํ้าดานการรวบรวมผลผลิตจากอุปกรณการตลาดที่
มี คือ รถตกั และลานตาก เครอ่ื งชัง่ แลวตากเพอ่ื ลดความชืน้ จนถงึ ปลายน้าํ คอื การจาํ หนายใหแกพอคา
ทาํ ใหชาวบา นสามารถจาํ หนา ยผลผลติ ได และไดรบั ราคาทเี่ ปนธรรมโดยการบรหิ ารของชุมชน

21

การรวมกลุมชาวบา นบายหวยแมงมีความเขม แข็ง เกดิ จากปจ จัยสําคญั ดงั น้ี
๑) ผูนําที่มคี วามเขมแข็ง โดยมีท้ังผนู าํ ที่เปนทางการ ไดแก ผูใหญบาน ที่มีความรู
และความตองการทีจ่ ะพัฒนาหมูบานและชมุ ชนไปในทิศทางท่ีดี และผูนําตามธรรมชาติ ไดแก เจาอาวาส
วัดหวยแมง ท่ีมีวิสัยทัศน สามารถนําชุมชนใหมองเห็นอนาคตขางหนารวมกัน สามารถแสดงใหเห็น
เปาหมายของการพัฒนาพ้ืนที่ไดอยางเปนรูปธรรม อาทิเชน รางวลั ผูใหญบานดีเดน (แหนบทองคํา)
ระดับจังหวัด ป ๒๕๖๔รางวัลหมูบานแผนดนิ ธรรมแผนดินทอง ระดับอําเภอ ป ๒๕๖๓ รางวัลชุมชม
ตนแบบการคัดแยกขยะ ระดับดีเยี่ยม ป ๒๕๖๐ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
รางวัลหมูบานชุมชนสัมพันธดีเดน ป ๒๕๖๒ จากสถานีตํารวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ รางวัลปาชุมชน
ระดบั จังหวัด โครงการ “คนรกั ปา ปารักษช มุ ชน” ประจาํ ป ๒๕๖๓ จากกรมปาไม รางวลั หมูบ านรักษา
ศีล ๕ ระดบั จังหวดั ป ๒๕๖๓ รางวัลวัฒนคุณาธร ระดับจังหวัด ป ๒๕๖๑และรางวัลระดับประเทศ ป
๒๕๖๒จากกระทรวงวัฒนธรรม การพัฒนาแหลง“กลมุ ทองเที่ยวลองแกงคลองตรอน-หวยแมง” ท่ี
สามารถสรางรายไดเสริมใหกับชุมชนได รวมทั้งการนํา “ปลูกทุเรียน” เพื่อเปนพืชทางเลือกใหกับ
ชาวบาน

22

๒) ชุมชนตองรักตัวเองและชาวบานทุกคนตองการเขามามีสวนรวมในการคิด
วิเคราะหหาเหตุผลเม่ือชุมชนเผชิญกับปญหาในการพัฒนาเพ่ือจะใหเกิดความยั่งยืน ชาวบานใน
ชุมชนน้ันจะตองมีความต้ังใจที่จะเขามามีสวนรวมในการแกไขปญหาหรอื พัฒนาชุมชนดวยใจที่ตั้งม่ัน
ซึ่งชาวบานหวยแมง ไดแสดงใหเห็นผานความรวมแรงรวมใจในการการระดมทุน โดยไมขอรับการ
สนับสนุนจากงบประมาณของภาครัฐเพ่ือกอ สรางหองอบุ ัติเหตุและฉุกเฉิน (Emergency Room:
ER) ของโรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพตําบลหวยแมงซ่ึงสงผลใหเกิดประโยชนรวมกันของคนใน
หมบู า น/ชมุ ชนอยา แทจรงิ ตวั อยา งตอไป คือการจัดต้ังชมรมรักสะอาดรักส่ิงแวดลอม ที่เปนการรวม
พลังเยาวชน การจัดตั้งชมรมรักสะอาดรักส่ิงแวดลอม ท่ีเปนการรวมพลังเยาวชน “รักดี” เพ่ือมา
จัดเก็บ คดั แยกขยะ และการรณรงคร กั ษาความสะอาดและสง่ิ แวดลอมในชุมชน ซ่ึงเปนการสงเสริมให
เยาวชนใชเ วลาวางใหเ กิดประโยชน พฒั นาจิตใจและปลูกฝงคา นิยม “จิตอาสา” และการทําความดีให
เกดิ ขนึ้ ทัง้ ยงั เปนการสรางความรักสามคั คใี หเ กิดในหมูเยาวชนและครอบครัวอกี ดวย

๕. สรปุ บทเรียนที่ไดรบั ในดานตาง ๆ
จากการลงพื้นท่ีผานกิจกรรมการเรียนรูดวยประสบการณตรงจากการปฏิบัติงาน

(Action Learning) ทําใหไดเรยี นรู เขาใจ และสามารถประเมินความเขมแข็งของชุมในดา นตาง ๆ
ดงั น้ี

๕.๑ การบริหารการพฒั นาชมุ ชนทองถน่ิ
บา นหว ยแมงมีการบรหิ ารจดั การในชมุ ชนผานกลไกและเครอื ขายที่มีในชุมชน

ดงั นี้
(๑) การส่ือสารผานการประชุมประจําเดือนทุกวนั ที่ ๖ ของทกุ เดือน กรณีมี

เหตทุ ่ีตองรบี แจงในทีป่ ระชุม ก็จะกาํ หนดใหมีการประชุมหมบู านใหเร็วมากข้ึน และมีการแจงใหทราบ
ลว งหนา ผา นชองทางที่ทนั สมัย (LINE Application)

(๒) การกระจายความรวมมือ โดยประสานความรับผิดชอบผานหัวหนาคุม
ตาง ๆ เพ่ือใหการสอ่ื สารเปนไปอยา งทั่วถึงและรวดเร็ว และไดมีการเพิ่มบทบาทใหกับหัวหนาคุมตา ง ๆ
ใหเขามามีสว นรวมในการสอื่ สารประชาสัมพันธใหมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขนึ้

(๓) การจัดทําบัญชีเก็บรักษาเงินของหมูบาน เงินของชมรม และเงินของ
องคกรตาง ๆ ในหมูบานอยางเปนระบบและโปรงใส กลา วคือ เปนการเปดบัญชีรวม ๓ รายช่ือ ไดแก
ผูใหญบาน และผูชวยผูใหญบาน จํานวน ๒ คน และการระบบการบริหารจัดการเอกสารโดยแยก
ประเภท และจัดเก็บไว ณ ทีท่ ําการกองทุนหมูบา น

(๔) การสรา งภาคีเครอื ขายกับภาคสวนตาง ๆ ที่เก่ียวขอ ง อาทิ ตํารวจสัมพันธ
ชมุ ชน รว มมือกับสถานีตํารวจภูธรนํ้าปาด หนสายตรวจ ปปส. กลุม ๒๕ ตาสับปะรด รวมกันต้ังดา นเฝา
ระวังในชวงเทศกาลสาํ คัญ จัดเวรยามเพือ่ เปนหูเปนตา ดูแลความสงบเรียบรอ ยของชุมชน ใชกองทุนแม
ของแผนดินในการปองกันและแกไขปญหายาเสพติดในพื้นท่ีไดอยางมีประสิทธิภาพ การประสาน
กิจกรรมของชมรมผูสูงอายุและเยาวชน โดยใชกิจกรรมการศาสนา การสวดมนตขามป การรณรงค
ปลอดอบายมขุ จนไดรับรางวัลหมูบ านรักษาศีล ๕ รวมทงั้ การสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวของ
กบั ภมู ิปญญาชาวบาน และสบื สานภูมปิ ญ ญาทองถิ่น เปนตน

23

(๕) การจัดเก็บขอมูลตาง ๆ ของภาครัฐ อาทิ จปฐ. กชช.๒ค. เพ่ือนําไปเปน
ขอ มูลประกอบการจัดทําแผนพัฒนาหมูบ าน และประสานขอมูลรวมกับองคการบรหิ ารสวนตําบลนํ้าไคร
รวมทงั้ มีการติดตาม สรปุ ผลการดาํ เนินการพฒั นาหมูบา นอยางสม่าํ เสมอ

(๖) การสรา งความรว มมอื และระดมความคิดเห็นจัดทําประชาคมในการจัดทํา
แผน และคัดเลือกโครงการ ผานกจิ กรรม อบต.สัญจร

(๗) การสง เสรมิ ใหชาวบา นใหนอ มนาํ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไป
ใชใ นชวี ติ ประจาํ วันจนเปน วถิ ีชวี ิตผานกจิ กรรมรปู แบบตา ง ๆ อาทิ สงเสริมการปลกู พืชผักสวนครัว
รวั้ กนิ ไดเ พ่ือสรางความมั่นคงทางอาหาร สนับสนุนการเก็บหาของปา ผักพื้นถ่ิน จับปลาในแหลงน้ํา
ธรรมชาติ เพ่ือการบริโภค และจําหนายเมื่อเหลือจากการบริโภค สงเสริมเศรษฐกิจแบบพ่ึงตนเอง
โดยการจดั ทาํ โครงการปยุ ประชารัฐ ทําปุย หมกั จากขยะในครวั เรือน สงเสรมิ ความรักสามคั คี ฯลฯ

(๘) การจัดการการทองเท่ียวชุมชน โดยการจัดต้ังกลุมทองเที่ยวลองแกง
คลองตรอน-หวยแมง โดยการบริหารจดั การดว ยตนเอง กอใหเกิดการสรางรายไดใ หแ กช ุมชน

๕.๒ การบรหิ ารการพฒั นาระดบั ตาํ บลและอาํ เภอ
จุดออ น
(๑) การทํางานของหมูบาน/ อบต. /สวนราชการตาง ๆ ของอําเภอ ยังไม

บรู ณาการ/เชอ่ื มโยง ทาํ งานแบบแยกสว น ไมยึดโยงกบั ชาวบา น ตางคนตางทํา
(๒) การจัดทํา/การประสานแผนทองที่-ทองถ่ินไมเช่ือมโยงกัน ไมสามารถ

นาํ ไปปฏบิ ตั ิได
(๓) แผนงาน แผนเงนิ แผนคน ตอบสนองตน สงั กดั มากกวาแกไขปญหาในพ้ืนท่ี
จดุ แขง็
(๑) สว นราชการตาง ๆ ของอําเภอ ภาคสว นตา งๆ และภาคเอกชน รเิ ริ่มที่จะ

รว มมอื จดั ทํายุทธศาสตรการพัฒนาในระดบั อาํ เภอ โดยใชปญหาหรือพ้ืนท่ีเปนศูนยกลางในการพัฒนา
เชน การจัดทําแผนการทองเท่ียว การแกไขปญหาเรื่องนาํ้ เพ่อื การเกษตร การแกไขปญหาสิทธิประโยชน
ในการใชท่ีดนิ

(๒) สว นราชการตา ง ๆ มีความพยายามที่จะลดชอ งวาง บรู ณาการเพื่อทะลาย
กําแพงของสว นราชการตา ง ๆ โดยใชปญ หาของหมบู า น ตําบล อาํ เภอเปนศนู ยกลางในการทาํ งาน

๕.๓ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏบิ ตั งิ านตามนโยบายของรฐั บาล
การจดั การที่ดนิ /แหลงนาํ้
(1) หนวยงานภาครัฐทํางานอยา งแยกสว น จงึ ไมสามารถนํานโยบายแปลงสู

การปฏิบัติใหเ กดิ ผลสัมฤทธ์ิ
(2) องคก รปกครองสว นทอ งถ่ินในพนื้ ทไ่ี มตอบสนอง
(3) ผลลัพธท่ีเกิดขึ้น : ชาวบานไมไดรับประโยชน ไมมีท่ีดินทํากิน ไมมีน้ํา

เพอื่ การเกษตรใชอยางพอเพยี ง

(4) ชาวบานตองรวมกลุมเพ่ือขับเคลื่อนการดําเนินการเพ่ือใหชุมชนเขมแข็ง

ดว ยตนเอง

24

สวนท่ี ๓
การรว มคดิ กิจกรรมการพัฒนารว มกบั ชุมชน
ณ หมบู า นหวยแมง ตาํ บลนาํ้ ไคร อําเภอนา้ํ ปาด จงั หวัดอตุ รดิตถ

ในสวนที่ ๓ จะเปนการรวบรวมหัวขอประเด็นของการพัฒนาท่ีกลุมปฏิบัติการที่ ๔
ไดรวมคิด รวมเรียนรูกับคนยากจนในครัวเรือนและชุมชน ในการปองกันความเส่ียง และแกปญหาการ
พัฒนาบา นหวยแมง ตาํ บลนํ้าไคร อําเภอนาํ้ ปาด จงั หวดั อตุ รดิตถ จํานวน ๔ ประเด็น รายละเอียดสรุป
ไดด ังตอ ไปนี้

1. การจดั หาแหลง น้ําใหเพยี งพอทง้ั ปต อ การทําการเกษตรของทุกครวั เรือนทีท่ ําการเกษตรในชุมชน
1) นาํ้ กนิ น้ําใช แหลงนํ้าจากประปาภูเขา ซ่งึ มีปญหาความไมเพียงพอในฤดูแลง ดังนั้นในแนว

ทางการเก็บกักน้ําไวใชจึงมีขอเสนอแนะใหชาวบานรวมกับเจาหนาท่ีของปาไมและเจาหนาที่อุทยาน
เจาของพ้นื ทีร่ วมกนั ดําเนินโครงการกอสรางฝายชะลอน้ําในพื้นที่ตนน้ําใหสามารถเก็บกักนาํ้ ใหไดมาก
ทสี่ ุดเพอ่ื ใหเกดิ ความชมุ ชืน้ และเปน ตน ทุนนํ้าใหม ากท่สี ุด และการดําเนินการเปนลักษณะของจิตอาสา
ในชมุ ชนตามรปู แบบความเหมาะสมของพื้นท่ี

2) การวางทอ สงนา้ํ จากคลองตรอนแลวใชวธิ ีการสูบสงน้ําดว ยพลงั สะอาดคือการใชโซลา เซล
3) การวางทอจากเขือ่ นคลองตรอนซงึ่ มีปรมิ าณเก็บกกั นาํ้ ในปริมาณ 53.00 ลาน ลบ.ม.และ
มีความสูงของสันเขื่อน 48.00 ม. ม่ีชองระบายนํ้ากวาง 12.00 ม. ใชวิธีการสูบสงนํ้าดวยวิธีการ
กาลักน้าํ
4) เนอ่ื งจากพื้นทีท่ ําการเพาะปลูกยงั ไมมีแหลงนํ้าขนาดเล็กในพ้ืนที่ดังน้ันจึงมีความจําเปนที่
จะตองมีแหลงนํ้าขนาดเล็กกระจายในพ้ืนท่ีโดยการขุดบอน้ําตื้นซ่ึงจากขอมูลของชุมชนระบุวาใน
หมูบานมีนํา้ ในบอนํ้าตนื้ ทใี่ ชในการบริโภคมีนํ้าทั้งปไมเคยแหงจึงเปนขอมลู ที่บงช้ีวาระดับนํ้าใตดินใน
พื้นที่มีอยูอยางสมบูรณจึงเปนขอเสนอแนะใหมีการขุดบอนํ้าตื้นกระจายไปท่ัวพ้ืนที่และเปนพื้นที่
รองรับนํ้าจากการวางทอสงน้ําจากเข่ือนคลองตรอนใหระบบน้ํามีความอุดมสมบูรณและเพียงพอกับ
การเปล่ยี นแปลงกับการทาํ การเกษตรใหมท ี่จะมีการปรับเปลี่ยน
๕) การดําเนนิ การจัดหาแหลงนํ้าขนาดเลก็ ท่ีเปนศูนยรวมที่สามารถใชน ้าํ รวมกันเชนการขุดสระ
เกบ็ นา้ํ ใหมีความลกึ เพียงพอท่ีจะมนี ้ําตนทุนในการปลูกพืชและหากไมเพียงพอใชวิธีการสูบจากคลองตรอน
มาเพิ่มเติมเพ่ือใหมีนํ้าเพียงพอในการทําการเกษตรใหมๆ(ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)
ประสานสํานักงานปองกันบรรเทาสาธารณะภัย สามารถสนับสนุนขุดเจาะบอนํ้าตื้นโดยเปนการ
ดําเนินการเองของชุมชน ขอเพียงคาน้ํามันสําหรับเคร่ืองจักรกล ถาอยใู นเขตอุทยานใหขออนุญาตให
ถกู ตองกอ นการดาํ เนินการ
6) แนวทางในการจัดหาทอสงนํ้าและอุปกรณในการสงนํ้า เชนประตูระบายน้ํา เนื่องจาก
พ้นื ทอี่ ยใู นเขตปา และหนวยราชการไมส ามารถเขา มาดําเนินโครงการไดเ พราะตอ งขออนุญาตกับปาไม
เจาของพ้ืนท่ีกอนจึงยังไมสามารถเขามาดําเนินการได ดังน้ันเห็นควรประสานแผนกับองคการบริหาร
สวนจังหวัดอุตรดิดถเพื่อขอความอนุเคราะหในการจัดซื้อทอและใหหมูบานยืมใชและสมาชิกใน
หมบู านมาดําเนนิ การวางทอ เองเปน การชัว่ คราวเพ่อื แกปญหาขาดแคลนน้าํ เพื่อการเกษตรในแตละป

25

7) การนอมนําศาสตรพระราชามาใชในการมาบริหารจัดการพ้ืนที่ โคกหนองนาโมเดล ใน
ขนาด 1 ไร – 3ไร สามารถวางแผนรว มกัน แบงปนนํ้ากันได ในบานหวยแมง ไมมีพื้นที่เพียงพอใน
การทาํ โคกหนองนาเต็มรปู แบบก็ใหป รับใชใหเหมาะกบั พื้นที่ ขนาด 1 – 2 ไร เพื่อมีน้ําใชใ นพืน้ ที่

๒. การปรบั กระบวนการผลิตการเกษตรเพื่อเพิ่มคณุ คาทางเศรษฐกจิ สงั คม และส่งิ แวดลอ ม
1) เมอ่ื ไดท่ีดินทํากิน ไดแ หลงน้ําแลวก็จะตองมาพัฒนาดานการประกอบอาชีพ และสามารถ

เขา ไปตรวจสอบในแอพพลเิ คชัน่ Kaset Pro
2) ปรับเปลยี่ นการปลูกพชื ใหมๆแทนการปลกู มันสาํ ปะหลงั การปลูกไมยีนตนท่ีใหผลผลิตที่มี

มูลคา มากข้นึ เชนการปลกู ทุเรยี น การปลกู ลองกอง ท่สี ามารถปลูกไดในพื้นที่โดยสามารถหาวิธีการใน
การปรับปรุงดนิ และวธิ กี ารปลกู รปู แบบใหมๆ ท่ีไดผ ลเร็วและไดผลผลิตจํานวนมาก มีความมั่นคง ซ่ึงจะ
ทําใหเกษตรกรมีรายไดมากขึ้นและมีความมั่นคงในชีวติ ปลูกพืชผักสวนครัวเพ่ือบริโภค และปลูกพืช
สมุนไพร ตูยาขางบาน ตูอาหารขางครัว การปลูกมะละกอ เชนปลูกบานละ 5 ตน ปลูก 50 ครัวเรือน ก็
สามารถเปนหมบู า นที่สง ออกมะละกอได

3) สง เสริมการเล้ยี งสตั ว เชน โค กระบือ ไก เนื่องจากมีพ้ืนที่วา งหลังบาน บอปลาดุก เลี้ยงกบ
เลย้ี งจงิ้ หรดี ไดมูลสตั วม าทําเปนปุยคอก ปุยอินทรียม าใชในการทําการเกษตรดวย

4) การพัฒนาผลิตภัณฑใหเปนสินคาที่แปลกใหม ของฝากของท่ีระลึก เพื่อตอยอดกับการ
ทองเที่ยว ลูกมะคา ทาํ พวงกญุ แจ

๕) การแปรรูปผลผลติ ทางการเกษตร เพือ่ สรา งมลู คาเพ่ิม เกบ็ รกั ษาไดนานๆ แปรรูปถั่วเขียว
เพื่อประกอบอาหาร หญานางปา พืชสมุนไพร เปนหญานางผง หญานางโคโรฟวส ผสมน้ําดื่มใชใ น
การแกงหนอไม แกงเห็ด อาชีพมองที่ใกลตัว ทําเอาไวก ิน แลวเหลือไวขาย เปนการสรางความม่ันคง
ทางอาหาร สรา งรายได

6) การพฒั นาบรรจุภัณฑแปรรูป พัฒนาชุมชนสามารถชว ยใหคําแนะนําไดใหมีรูปแบบที่เปน
มาตรฐาน สวยงาม เชน บรรจุภัณฑแ บบสญุ ญากาศ พืชผัก หนอไม เห็ด ปลาทจ่ี ะแปรรปู บรรจุภัณฑ
กระปอง ขวด ฯลฯ

7) ตลาดชุมชนคนหวยแมงยิ้มได ทุกวันศุกร เสาร อาทิตย เพื่อจําหนายและไดเงินจาก
นักทองเที่ยว เพิ่มชองทางการจําหนายสินคา ตลาดออนไลนคนหวยแมง คํานึงถึงทุนท่ีมีอยู
ทรพั ยากรท่มี ีอยู พัฒนาเปน ผลติ ภัณฑข องชมุ ชน การจําหนา ยสินคาออนไลน บริการสง ถึงบาน

๓. การขออนุญาตใชประโยชนจากทีด่ นิ ทํากิน ในรปู แบบ คทช.
1) ชุมชนจัดประชุม เพื่อหามติและมอบหมายผูแทนในการไปติดตามเรงรัดหนวยงานที่

เกี่ยวขอ งในการออกโฉนดชุมชนการขออนุญาตการใชพื้นที่ พ้ืนท่ีทํากินในบานหวยแมง ไมมีเอกสารสิทธิ์
6,000 ไร หากมฐี านขอมลู เดิม ชาวบา นมคี วามพรอม นาจะดาํ เนนิ การไดภายในป ๒๕65

2) โครงการใดที่จะทําในเขตพ้ืนท่ีอุทยาน ใหหนวยงานเจาของงบประมาณ จัดทําโครงการ
รวมกับอุทยาน เพ่ือเปนโครงการรวมกัน และมีความเปนไปไดในการดาํ เนินโครงการ ไมตองกังวลใจ
ในส่ิงทต่ี ามมาภายหลัง โดยทําโครงการรวมกันกับอุทยาน โดยหัวหนาอุทยานเปนพนักงานเจาหนา ที่

26

ตามกฎหมาย และใชอํานาจของหัวหนาอุทยานหากใหชาวบานเขียนขอไปเอง จะอาจยาก แตหากให
ชาวบานทําโครงการรวมกับอุทยาน แลว บอกถึงเหตุผล ความจาํ เปน

3) การดําเนนิ การเพอ่ื ความยงั่ ยนื สามารถตรวจสอบโดยการขอใบอนุญาตดําเนินการวาทอสง
นํ้ากับเจาของพ้ืนที่(ปาไมท่ีรับผิดชอบพ้ืนที่) ซึ่งสามารถขออนุญาตเขาดําเนินการไดโดยระบุแผนงาน
โครงการใหชัดเจนวาจะดําเนินการอะไรในพ้ืนท่ี

4. การจดั การปาชมุ ชนเพื่อการบริโภคในชมุ ชนและสรา งรายได
1) การทองเท่ียว มีโอกาสในการจัดการเรื่องการทองเท่ียว ดึงนักทองเท่ียวเขามาในพ้ืนที่

เกิดการใชจายเงิน โดยเช่ือมโยงกับสถานท่ีทองเท่ียวของจังหวัด ประเพณีวัฒนธรรมทองถิ่นที่จะได
ดึงดูดใหนองทองเท่ียวเขามาสัมผัส ทําอยา งไรคนในพื้นท่ี ทกุ ภาคสวน พ่ีนองในชุมชน หนวยงานใน
พ้ืนท่ี จะมีเทคนิคอยา งไรท่จี ะใหนักทองเที่ยวมาเทย่ี ว มาใชจาย อุดหนุนสินคา ผลิตภัณฑ ประทับใจ
และประชาสมั พันธตอ

2) โฮมสเตย นักทองเที่ยวท่ีอยากสัมผัสวิถีชีวิตของหมูบาน การแสดงออกถึงจารีตประเพณี
การแสดง การตมุ โฮม การบายศรีสูขวัญ เมนูอาหารพ้ืนถ่ิน จุดถายภาพ จุดเช็คอิน ไดเก็บภาพสวยๆ
กลับไป แชรออกไปในโลกโซเชียล เปนการประชาสัมพันธ ตอๆไป ระบบความปลอดภัย ระบบ
สาธารณูปโภค มีกฎกติการวมกันในการดูแลนักทองเที่ยว หองน้ํา หองอาบน้ํา ทุกเพศทุกวัย
รา นอาหาร รา นกาแฟ กิจกรรมเดินปาศึกษาธรรมชาติ เสนทางเดินปา โดยไมรบกวนธรรมชาติ มีปาย
ประชาสมั พันธบ อกช่ือตนไม ดึงนกั ทอ งเทยี่ วสายเดนิ ปา Trekking tourist

3) การทําเสนทางการทองเท่ียวจากอทุ ยาน จากเขอื่ นมาบานหว ยแมง ปฏิทินการทอ งเท่ยี วท่ี
สามารถจัดไดท้ังป โปรแกรมการทองเท่ียว 1 วัน 2 วัน คางคืน และกิจกรรม คาใชจาย ชมทะเล
หมอก ลองแกง ชมปา การประชาสัมพันธ การเขาถึงของนักทองเท่ียว ถายรูปเก็บภาพสวยๆ ลง
ในเวบไซทไลน เพจ เพ่อื ใหคนเขามาเยีย่ มชม การทําคลปิ สัน้ ๆ ในแอพพลิเคช่นั

4) สง เสรมิ การการปลูกตน พญาเสอื โครงเพ่อื ปรับภมู ทิ ัศนท สี่ วยงาม ภายใน 3 – 5 ป เมอ่ื ตน
ใหญก จ็ ะสวยงาม เปน ท่ดี งึ ดูดนักทอ งเท่ียว

5) การกําหนดวสิ ยั ทศั น ภาพฝนของชุมชนรวมกัน แลวคดิ วา จะทํากิจกรรมอะไรบา ง
6) สนับสนุนการทองเทีย่ ว เชงิ วฒั นธรรม เชงิ อนุรักษ
7) คนหาจดุ เดนการทอ งเท่ยี วในการดึงใหนักทองเท่ียวมาเท่ียว จุดชมวิว ผาเก็บตะวนั ทะเลหมอก
สรางแลนดมารค ธรรมชาติ และสรางขึน้ มา เชน ทําตวั แมลงตัวใหญ เปน สัญลักษณ
8) มัคคเุ ทศกนอย ทจี่ ะเปน ทูตตัวนอ ยที่สอ่ื สารไดอยา งนารกั
๙) มกี ารเชื่อมโยงกับสถานท่ีทองเที่ยวอ่ืนๆ และมีกิจกรรมที่สนุกอาหารพ้ืนบาน และรวมกับ
การจัด Zoningจัดพื้นท่ี จัดระเบียบ เพ่ือไมใหเที่ยวสะเปะสะปะ และเปนการดูแลความปลอดภัยใน
ชีวิตและทรัพยส ิน ผาเก็บตะวัน หาดเก็บตะวัน

27

ภาคผนวก

28

ภาพบรรยากาศของการเรียนรูดวยประสบการณต รงจากการปฏบิ ตั ิงาน (Action Learning)
ณ หมูบ า นหวยแมง ตําบลนํ้าไคร อําเภอน้าํ ปาด จังหวดั อตุ รดติ ถ

วันที่ 23 สิงหาคม 2564(วันเตรียมการกอนลงพ้นื ท่จี ริง)

29
ภาพบรรยากาศของการเรียนรูดวยประสบการณต รงจากการปฏิบตั ิงาน (Action Learning)

ณ หมบู านหวยแมง ตาํ บลนํ้าไคร อําเภอน้ําปาด จังหวัดอตุ รดิตถ
วนั ที่ 24-27 สงิ หาคม 2564(ลงพน้ื ทจี่ รงิ )

นายอําเภอนา้ํ ปาด จงั หวดั อุตรดถิ ต

กลุมปฏิบตั กิ ารที่ 4

30
พบอาจารยท ี่ปรึกษา

31

วิถีชีวิตชมุ ชนบานหว ยแมง

รายงานการเรยี นรู้เชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning)
ณ บา้ นโคกสะอาด หมทู่ ี่ ๔
ตาบลอ่มุ จาน อาเภอกสุ มุ าลย์
จงั หวดั สกลนคร

จัดทาโดย
กลมุ่ ปฏิบัติการท่ี (กป.) ๕

๑. นางประภาวดี สิงหวิชยั ผู้อานวยการกลุ่มงานพัฒนาโครงสร้าง
ระบบงานฯ กล่มุ พฒั นาระบบริหาร
๒. น.ส.นิตยา โสรกี ุล สานกั งานปลดั กระทรวงมหาดไทย
๓. พ.อ.อ.พนู สุข ทะแพงพนั ธ์ สรรพสามติ พ้นื ทีน่ นทบรุ ี
๔. นายมนต์วิทย์ โชตอิ ัษฎายธุ นายอาเภอกุสมุ าลย์ จังหวดั สกลนคร
๕. นายสหชัย แจม่ ประสทิ ธสิ์ กลุ นายอาเภอทับปุด จังหวดั พงั งา
๖. นายสกุ ิจ เหลอื งสกุลไทย นายอาเภอศรเี ทพ จังหวดั เพชรบูรณ์
๗. นายธรี ะเดช ฉันทะ นายอาเภอกนั ทรลักษณ์ จงั หวัดศรีสะเกษ
๘. นายอัษฎา ชูสนิ เจา้ พนักงานท่ดี ินจงั หวัดแพร่
๙. นายพิจิตร โตเรว็ ผู้ช่วยผ้อู านวยการการประปาส่วนภมู ิภาค เขต ๕
๑๐. นายสมบูรณ์ ธีรบณั ฑติ กุล อยั การจงั หวดั ประจาสานักงานอยั การสงู สดุ
ผู้อานวยการสานกั ป้องกันรกั ษาปา่ และควบคมุ ไฟปา่

รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหนึง่ ของการศกึ ษาอบรมหลกั สตู รนกั ปกครองระดบั สงู (นปส.) รนุ่ ท่ี 7๗

สถาบนั ดารงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย
พทุ ธศกั ราช 2564

คานา

การเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ณ จังหวัดสกลนคร เป็นหนึ่งในกระบวนการการ
เรียนรู้ของโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 7๗ ระหว่างวันท่ี ๒๔ – ๒๘
สิงหาคม 2564 มีวัตถุประสงค์หลักในการที่จะให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาอบรมในโครงการได้มีโอกาสเข้า
ไปมีส่วนในการศึกษาปัญหาและแนวทางในการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่ โดย
มอบหมายให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติการได้ศึกษา แลกเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลจากพ้ืนท่ีจริงในหมู่บ้านต่าง ๆ ใน
อาเภอ และจังหวดั ซึง่ สมาชิกของกลุ่มปฏบิ ัตกิ ารเป็นผูบ้ รหิ ารในพื้นที่ เพื่อเปน็ กรณศี ึกษารว่ มกัน

กลุ่มปฏิบัติการที่ ๕ (กป.๕) ได้รับมอบหมายใหด้ าเนนิ การศึกษาและทาการศึกษาเชงิ ลึกในพื้นท่ี
บา้ นโคกสะอาด ตาบลอุม่ จาน อาเภอกุสมุ าลย์ จงั หวดั สกลนคร ตามหลกั ศาสตรพ์ ระราชาในรปู แบบของ
การเขา้ ใจ เขา้ ถงึ และพัฒนา โดยไดส้ กัดเอาความรูแ้ ละสง่ิ ทีไ่ ดร้ บั จากการศกึ ษาในครง้ั นี้มาเปน็ รายงานฉบบั
น้ี อันจะประกอบไปด้วยบริบทของพื้นท่ีและแนวทางการพัฒนาการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพนื้ ท่ี
และสามารถนาไปเป็นแนวทางการพัฒนาหมู่บ้านของประชาชน และเป็นข้อมูลให้กับทางราชการเพื่อ
นาไปสกู่ ารพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม นาไปสกู่ ารพฒั นาอย่างย่งั ยนื ในอนาคตตอ่ ไป

คณะผ้จู ัดทา
นักศกึ ษาหลักสูตรนกั ปกครองระดับสงู รุ่นที่ 7๗

กลุ่มปฏิบัติการท่ี (กป.) ๕

สารบัญ

ส่วนท่ี ๑ กรอบการเรยี นรูด้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั งิ าน (Action Learning) หน้า
เพอื่ เขา้ ใจ เขา้ ถงึ วิถีชมุ ชน ๑

๑.1 การศึกษาเรียนรู้ภมู สิ ังคมและวิถีชีวติ ของชมุ ชน 1
๑.๒ การศกึ ษาเรยี นรรู้ ะบบการบรหิ ารจดั การชมุ ชน 7
๑.๓ การศกึ ษาเรยี นร้นู โยบายภาครัฐและผลกระทบตอ่ การพัฒนาของชมุ ชน 11

ส่วนท่ี ๒ ประเดน็ การพัฒนาของชมุ ชน 13

๒.๑ ระดับการพฒั นาของหมบู่ ้าน 13

๒.๒ สดั ส่วนจานวนครัวเรือนทไี่ ม่พออยู่พอกนิ 13

๒.๓ ประเมินความสามารถของชุมชนในการใชป้ ระโยชนจ์ ากโครงการกจิ กรรมต่าง ๆ 14

ภายใต้นโยบาย

๒.๔ ประเมนิ โอกาสและความเสย่ี งของชุมชนและครวั เรือนยากจน 14

๒.๕ กจิ กรรมการพฒั นาท่ีชุมชนจะทาเองเพ่อื ใหท้ กุ ชีวติ อย่ดู ีมีสขุ ในปีนี้ 16

๒.๖ สรปุ บทเรยี นทีไ่ ด้รับจากการศึกษาเรยี นรเู้ ชิงปฏบิ ตั กิ าร (Action Learning) 16

๒.๖.๑ การบรหิ ารการพฒั นาชมุ ชนท้องถนิ่

๒.๖.๒ การบรหิ ารการพฒั นาระดบั ตาบลและอาเภอ

๒.๖.๓ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลของการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล

๒.๗ การรว่ มคดิ กจิ กรรมการพฒั นาร่วมกับชุมชน 17

๒.๗.๑ พฒั นาระบบนา้ เพ่อื การเกษตร

๒.๗.๒ ขยายเขตการไฟฟ้าเพ่อื ใชใ้ นการผนั นา้ เพือ่ การเกษตร

๒.๗.๓ การพัฒนาศักยภาพ ทกั ษะใหค้ นทุกชว่ งวยั ในชุมชน

เพื่อให้ร้เู ท่าทันโลก เท่าทนั การเปลยี่ นแปลง

๒.๗.๔ มาตรการป้องกนั หรอื ลดผลกระทบจากโรงงานน้าตาล



สว่ นที่ ๑ กรอบการเรียนรดู้ ้วยประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั งิ าน (Action Learning) เพ่ือ
เขา้ ใจ เขา้ ถงึ วิถชี ุมชน

๑.๑ การศกึ ษาเรยี นรภู้ ูมสิ งั คมและวถิ ีชีวิตของชุมชน
๑.1.๑ ประวัติความเป็นมา การตั้งถิ่นฐาน ชาติพันธ์ของผู้อาศัย เหตุการณ์สาคัญ

ที่เกิดขึน้ ในชมุ ชนในช่วงเวลาทผ่ี ่านมา ต้งั แต่เริ่มก่อต้งั ชมุ ชน
เดิมบรรพบุรุษของหมู่บา้ นโคกสะอาดมีสองกล่มุ กลุ่มแรก อพยพมาจากบ้านท่งุ

มน ตาบลเชียงเครือ อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีความเชื่อในการนับถือศาสนาคริสต์
นิกายโรมันคาทอลิก โดยมีนักบุญยอห์น บอสโก เป็นองค์อุปถัมภ์ของหมู่บ้าน กลุ่มที่สอง อพยพมา
จากบ้านโพนสว่าง ตาบลเชียงเครือ อาเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ประชากรเป็นกลมุ่ ชาติพันธุ์ อาทิ
ไทญ้อ ไทลาว ภูไท และมีความเช่ือในการนบั ถือศาสนาพุทธ ทั้งสองกลุม่ มาตั้งหลกั ปกั ฐานรวมกนั ตั้งช่ือ
หมูบ่ ้านว่า “บ้านหว้ ยเตย” ท้ังสองกล่มุ อยรู่ ว่ มกันอย่างรรู้ กั สามัคคี เอ้อื อาทรกัน มาโดยตลอด พ่นี ้องชาวพทุ ธ
ส่วนใหญ่จะอาศัยอยใู่ นคุ้มอนิ ทหวา โดยมสี านักสงฆส์ ถิตสิทธิธรรมคณุ บ้านโคกสะอาด เป็นทยี่ ดึ เหนีย่ วจิตใจ

การปกครองในช่วงก่อต้ังหมู่บ้าน (พ.ศ. ๒๔๘๘ - ๒๕๐๓) บ้านห้วยเตยเป็นส่วน
หน่ึงกับบ้านสนามบิน หมู่ ๘ (บ้านห้วยผักเม่ียง) ตาบลอุ่มจาน โดยมี นายคาเบน มังลา เป็นผู้ช่วย
ผู้ใหญบ่ า้ นสนามบนิ ทาหน้าทปี่ กครองหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ทางราชการอนุญาตให้แยกตวั เปน็ เอกเทศ
และตง้ั ช่ือบ้านใหม่ วา่ บา้ นนาเลิงฮงั และมี นายคาเบน มงั ลา เป็นผู้ใหญบ่ า้ นคนแรก

พ.ศ. ๒๕๐๕ เปลี่ยนชื่อจากบ้าน “นาเลิงฮัง” เป็นชื่อบ้าน “บ้านโคกสะอาด”
ปจั จบุ นั มี นายชาติชาย พทุ ธิไสย เปน็ ผู้ใหญ่บา้ น

ปัจจุบัน บ้านโคกสะอาด หมู่ที่ ๔ ต้ังอยู่ในตาบลอุ่มจาน อาเภอกุสุมาลย์

จงั หวดั สกลนคร จานวนประชากรตามทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง (ตามทะเบียนบ้าน) มีจานวน

ครัวเรือนท้ังส้นิ ๒๐๙ ครัวเรือน จานวนประชากรเพศชาย ๒๗๔ คน เพศหญิง ๒๙๖ คน รวม ๕๗๐ คน

แยกตามชว่ งอายุ ดังน้ี

จานวนประชากร ชาย หญงิ รวม

0-12 ปี 26 44 70

13-18 ปี 22 24 46

18-35 ปี 66 62 128

35-60 ปี 127 129 256

60 ปขี ้นึ ไป 33 37 70

รวม 274 296 570

ข้อมูลสถติ ิประชากรและบา้ น สานักทะเบยี นอาเภอกสุ มุ าลย์ จังหวดั สกลนคร ณ วนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๖๔



ภาพท่ี 1 แผนท่ีบา้ นโคกสะอาด หม่ทู ่ี 4 ตาบลอมุ่ จาน อาเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร

จานวนประชากรตามข้อมลู จปฐ. (อาศัยอยู่จริง) มีจานวนครัวเรือนทั้งสนิ้ ๑๗๕
ครัวเรือน จานวนประชากรเพศชาย ๒๗๙ คน เพศหญิง ๓๐๑ คน รวม ๕๘๐ คน (ข้อมูล จปฐ.ล่าสุด ปี
๒๕๖๒)

บ้านโคกสะอาดอยู่ห่างจากอาเภอกุสุมาลย์ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๓๕
กโิ ลเมตร ห่างจากจังหวัดสกลนคร ไปทางทศิ ใต้ประมาณ ๒๖ กิโลเมตร มีอาณาเขตตดิ ต่อ ดังนี้

ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขตพ้ืนที่หมู่ที่ ๘ บ้านสนามบิน ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กุสมุ าลย์ ใชถ้ นนลาดยาง ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตร

ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตพื้นท่ีหมู่ท่ี ๗, ๑๒ บ้านหนองบัวสร้าง ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กสุ ุมาลย์ ใชถ้ นนลาดยาง ระยะทางประมาณ ๓ กโิ ลเมตร

ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขตพื้นที่หมู่ที่ ๑๔ บ้านแสนพัน ตาบลอุ่มจาน
อาเภอกุสุมาลย์ ใช้ถนนลูกรัง ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตร และพื้นท่ีหมู่ที่ ๒, ๑๕ บ้านบ่อพังแคน
ตาบลอุ่มจาน อาเภอกสุ มุ าลย์ ใชถ้ นนลกู รงั ระยะทางประมาณ ๖ กโิ ลเมตร

ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตพื้นที่หมู่ ๓ บ้านแก้งท่าลับ ตาบลอุ่มจาน อาเภอ
กุสมุ าลย์ ใชถ้ นนคอนกรตี เสรมิ เหล็ก ระยะทางประมาณ ๔ กโิ ลเมตร



๑.๑.๒ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ การใช้ชีวิต การจัดการชีวิตและครอบครัว ของผู้คน
แตล่ ะกล่มุ

ชาวบ้านโคกสะอาดผูกพันกับวิถีทางศาสนาเป็นหลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ของ
หมู่บ้าน “เบ่ิงแยง ฮักแพง แบ่งปัน ตุ้มโฮม พร้อมเพรียง เฮียงหน้า เว้านัว หัวม่วน”

บ้านโคกสะอาดถือเป็นสังคมแบบพหุสังคม ราษฎรในหมู่บ้านนับถือศาสนาคริสต์
ประมาณ ร้อยละ ๘๐ และนับถือศาสนาพุทธประมาณ ร้อยละ ๒๐ มีศาสนสถานทั้ง ๒ ศาสนาเป็นทยี่ ึด
เหนี่ยวจิตใจ ท้ังสองกล่มุ จะอยู่รว่ มกันอย่างรู้รักสามัคคี มีความเอ้ืออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดย
ตลอด ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิเคารพหลักอาวโุ ส ถา่ ยทอดค่านยิ ม ความเช่ือ ของบรรพบุรษุ จากรุ่นสรู่ ุ่น ส่งเสริมนกั เรียนให้
สานึกรกั บ้านเกิด เข้าโบสถ์คริสต์ สวดมนต์ทุกวันอาทติ ย์ เรียนรู้หลักการทางศาสนา พร้อมหลักคณุ ธรรม
จริยธรรม

วดั นกั บุญยอหน์ บอสโก เปน็ ศนู ยร์ วมจิตใจหลกั ของชาวบ้านประมาณรอ้ ยละ ๘๐ ซงึ่
หมู่บ้านโคกสะอาดจะใช้หลักคาสอนทางศาสนาคริสต์เป็นแนวทางในการอบรมสั่งสอนและขัดเกลา
ลกู หลานในหม่บู ้าน ถือเป็นแนวทางหลักในการดาเนนิ ชีวติ และครอบครวั

ในส่วนของสานกั สงฆ์สถิตสทิ ธิธรรมคุณ ได้ช่วยเหลือชุมชนด้วยการเพาะพนั ธุ์ตน้
กล้าพันธุ์พืชต่าง ๆ เพ่ือแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านไปปลูกและขยายพันธุ์ เช่น กล้าผักหวาน แคนา พะยูง ประดู่
นอกจากน้ียังสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีชุมชนร้องขอ เป็นที่พึ่งของชาวบ้านทั้งนับถือผู้ศาสนาพุทธและศาสนา
คริสต์ เช่น ให้ใช้พ้ืนที่ทากิจกรรมของทั้ง ๒ ศาสนา ให้ใช้พื้นที่เพ่ือเป็นจุดพักคอยผู้ป่วยโควิด – ๑๙ และยังให้
การศึกษาอบรมแนวคิดทางพระพุทธศาสนาแก่ลกู หลายเยาวชนผนู้ บั ถือศาสนาครสิ ตด์ ้วย

ภาพท่ี 2 – 5 วิถชี ีวิตแบบแบบพหุสงั คม



๑.๑.๓ ภูมิปัญญาด้ังเดิมของชุมชนในด้านการผลิต การประกอบอาชีพ การจัดการ
ทรพั ยากรธรรมชาติ การรกั ษาพยาบาล และการจัดการกิจการสาธารณะต่าง ๆ เพอื่ เสรมิ สรา้ งความอยดู่ มี ี
สขุ ของผู้คนในและระหวา่ งชมุ ชน

บ้านโคกสะอาด ทาการเกษตรปลกู ข้าวเปน็ หลกั รองลงมาคอื ปลกู พชื ไร่ เลีย้ งสัตว์
ผลิตข้าวมาต้ังแต่เมอื่ แรกตั้งหมบู่ ้าน ปัจจุบนั มีการรักษาพันธุ์ข้าวและทาการเกษตรอินทรยี ์เตม็ รปู แบบ มี
ปา่ มิสซังและนามิสซงั ทเ่ี ปน็ วถิ กี ารทานาและอนรุ ักษ์ปา่ ใหเ้ ปน็ แหล่งอาหารแกช่ มุ ชน มปี า่ เศรษฐกิจครอบครวั
๒๐ แปลง รวมถงึ เป็นพ้ืนทจ่ี ดั กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ของเยาวชนและคนในชุมชน

ภูมิปัญญาดั้งเดิมท่สี าคัญทส่ี ดุ ของหมบู่ ้านโคกสะอาด คือ การปลูกข้าว โดยจะปกั
ดานากลบี เดยี วซง่ึ ข้าวจะแตกกอออกได้อีกประมาณ ๒๐ - ๒๕ กลบี ตอ่ กอ มอี นรุ กั ษพ์ ันธ์ขุ า้ วรว่ มกันกว่า
๓๐๐ สายพนั ธ์ุ พันธท์ุ ม่ี ลี ักษณะโดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ทสี่ ุดของหมู่บ้าน คอื ข้าวหอมดอกฮงั บ้านโคก
สะอาดจะปลูกข้าว ๓ ลักษณะเพื่อวางแผนไมใ่ ห้ชาวบ้านต้องเก็บเกี่ยวผลผลติ พรอ้ มกัน โดยจะแบ่งปลูก
ตามลักษณะของพ้นื ท่ที เ่ี หมาะสม ไดแ้ ก่ ๑) ขา้ วเบา จะปลูกบนพื้นท่เี นนิ สูง น้านอ้ ย เกบ็ เกี่ยวก่อน ๒) ขา้ ว
กลาง จะปลูกอยู่พื้นท่ีระดับกลางไม่สูงไม่ลุ่ม มีน้าปานกลาง เก็บเกี่ยว ในระยะต่อจากข้าวเบา และ
๓) ข้าวหนัก จะปลูกในพน้ื ทีล่ มุ่ น้ามาก เก็บเกี่ยวหลงั สุด ไม่เพียงแต่ เป็นการวางแผนการปลูกข้าวตาม
ความเหมาะสมของแต่ละสายพันธุ์ แต่ยังเป็นการวางแผนแรงงาน ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพ่ือไม่ให้
แรงงานขาดแคลนอกี ด้วย

การปลูกป่าเพิ่มเติมจากป่าธรรมชาติยังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่ีชาวบ้านโคกสะอาด
พร้อมใจกันทาเป็นประจาและสม่าเสมอ มีการถ่ายทอดเรียนรู้การหาของป่าและช่วยกันนามาปรุงเป็น
อาหาร มีกลุ่มอนุรักษ์สมุนไพรเพื่อเป็นยารักษาโรค ใช้ความเช่ือทางศาสนามาปลูกฝังค่านิยมลูกหลาน
ตัง้ แตเ่ ดก็ ว่า “ป่าและนาเป็นส่งิ มชี วี ติ ท่ีพระเจ้าสร้างใหม้ าอยรู่ ่วมกบั พวกเรา ตอ้ งชว่ ยกนั อนรุ กั ษแ์ ละหวง
แหน”

โรงเรียนบ้านโคกสะอาดเป็นเสมือนจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ๆ และ
เยาวชนในหมู่บ้าน นักเรียนโรงเรียนบ้านโคกสะอาดทุกคนจะมีข้าวประจาตัวคนละ ๑ สายพันธุ์ตามท่ี
นักเรียนสนใจ ให้ศึกษาต้ังแต่เมล็ดพันธ์ุ การปลูกข้าว การดูแลข้าว การเก็บเก่ียว ไปจนถึงกระบวนการ
เพมิ่ มูลค่าโดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑต์ ่าง ๆ อาทิ ยาสระผม สบู่ ครมี ทาผวิ ท่ผี ลติ จากข้าวหอมดอกฮัง ขา้ ว
กล้อง เป็นต้น มีการศกึ ษาพชื อนื่ ๆ เชน่ ผกั หวาน แล้วนามาแปรรูปเปน็ ผลติ ภณั ฑโ์ ดนทั ผกั หวาน ชา
ผักหวาน เป็นต้น ออกจาหน่ายสู่ท้องตลาด นอกจากน้ี โรงเรียนบ้านโคกสะอาด ยังได้เข้าร่วมโครงการ
โรงเรยี นในถิ่นทุรกันดารของสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราช
กุมารี เพือ่ สง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นปลกู พชื ผกั สวนครวั เลี้ยงสตั ว์ เปน็ อาหาร

๑.๑.๔ ลักษณะทางชีวภาพและกายภาพของชมุ ชน ทรัพยากรและปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็น
ฐานชีวิตให้แก่ชุมชน เช่น แหล่งน้าการจัดการชลประทาน สภาพความสมบูรณ์ของดิน ลักษณะภูมิ
ประเทศ ภมู ิอากาศ และระบบนเิ วศนข์ องพน้ื ที

บ้านโคกสะอาดมีพ้ืนท่ีท้ังหมด ประมาณ ๑๐ ตารางกิโลเมตร พิกัด GPS
17.34487/104.11262 ลักษณะภูมิอากาศแบบรอ้ นช้ืน ฤดูฝนสั้น น้าน้อย อยู่นอกพ้ืนท่ีชลประทาน
สภาพภูมิประเทศเป็นที่ดอนสูง ประกอบกับเปน็ ดินดานและหินลกู รัง พื้นที่การเกษตรประมาณรอ้ ยละ ๖๐
เป็นพ้นื ทป่ี า่ หวั ไร่ปลายนา ประมาณร้อยละ ๔๐ มีป่าสาธารณประโยชน์ประมาณ ๘๐ ไร่ เป็นแหลง่ อาหาร
ตลอดปี ในอดตี ทผี่ ่านมาเป็นหมบู่ า้ นทปี่ ระสบปญั หาภัยแล้ง โดยเฉพาะน้าเพ่ือการอุปโภค บริโภค อาศัย
นา้ ฝนท่ีตกตามฤดูกาลเพ่ือการเกษตรเพียงอย่างเดียว ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ เปน็ ตน้ มา ชาวบา้ นรว่ มกับภาครฐั



และเอกชน ได้ร่วมกันพัฒนาแหล่งน้าและกกั เก็บน้าดว้ ยการขดุ สระ ขุดลอกลาน้าหว้ ยเตย สร้างฝายแม้ว
เพ่ือกักเก็บน้า และขุดบ่อน้าบาดาล ปัจจุบันมีน้าบาดาล ๕ บ่อ ใช้ในการทาน้าประปาสาหรับหมูบ่ ้าน ๒
บอ่ ใช้เพอื่ การเกษตร ๑ บ่อ ใช้เพ่ือการปศุสัตว์อีก ๒ บอ่ และปรับปรงุ ดนิ จนมสี ภาพที่เหมาะสมกับการทา
การเกษตรตามบรบิ ทของพนื้ ท่ี

ภาพที่ 6 – 9 นักเรยี นโรงเรยี นบา้ นโคกสะอาดทุกคนจะมขี ้าวประจาตัวคนละ ๑ สายพันธ์ุ

ปี ๒๕๖๐ เกิดอุทกภยั นา้ ท่วมคร้ังใหญ่จากอทิ ธผิ ลของพายุเซินกา เปน็ ผลใหพ้ ืน้ ที่ไร่
นาในเขตจงั หวัดสกลนครและจังหวัดใกลเ้ คียงได้รับความเสยี หายเป็นจานวนมาก แต่ด้วยภมู ิประเทศของ
บ้านโคกสะอาดที่อยู่บนท่ีดอนสูง จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังได้ช่วยเหลือ ทางราชการและ
ประชาชนในเขตพื้นที่โดยรอบให้ใช้พ้ืนท่ีหลายแห่งในหมู่บ้านเป็นสถานที่อพยพเปน็ จุดรวบรวมข้าวของ
รถยนต์ เคร่อื งจักรทางการเกษตร รวมถงึ สัตว์เลี้ยงของเกษตรกรด้วย

ปัจจุบันบ้านโคกสะอาดมีน้าเพื่อการอุปโภค บริโภคเพียงพอตลอดปี แต่มีปัญหา
ดา้ นนา้ และไฟฟา้ เพ่ือการเกษตร จึงได้จดั ทาแผนพฒั นาหม่บู า้ นเสนอผา่ นไปยังองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่
ทุกปีเพ่ือแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การขุดและสูบน้าบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การขอไฟฟ้าเพื่อ
การเกษตร เป็นตน้

๑.๑.๕ บริบทการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนอันเกิดจากแรงกดดันจากปัจจัย
ภายนอกที่สาคัญ อาทิ บทบาทรฐั ในการพฒั นาชนบท และพลังของเศรษฐกิจระบบตลาดเสรี เช่น การ
ส่งเสริมการปลกู พชื เศรษฐกิจ การส่งเสริมการใชเ้ ทคโนโลยี การผลติ สมัยใหมต่ ามนโยบายรฐั บาล การเข้า
มาของระบบเงนิ ตราและระบบทุน ระบบสนิ เชื่อ การส่งเสรมิ วสิ าหกจิ ในชุมชน และการผลติ สินค้าเกษตร
อตุ สาหกรรมตามความตอ้ งการของตลาด เปน็ ตน้



บ้านโคกสะอาดจงึ ไดร้ ว่ มกับหนว่ ยงานของรฐั หลากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะอยา่ ง
ยิ่งจากมหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรวิทยาเขตฯ สกลนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
ราชมงคลสกลนคร และศนู ยว์ จิ ัยข้าวสกลนคร เพื่อใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการออกแบบ
ชุมชน การปลูกต้นไม้เพื่อรักษาส่ิงแวดล้อมและสรา้ งบรรยากาศในชุมชน การพัฒนาพันธ์ุข้าว การอนุรักษ์
พันธ์ขุ า้ ว พฒั นาผลติ ภัณฑท์ างการเกษตร อนุรักษ์ปา่ การตัง้ กลมุ่ บริหารจดั การเงินทนุ

บ้านโคกสะอาดจะไม่เน้นการปฏิบัติตามนโยบายท่ีรัฐวางระบบไว้แล้ว เน่ืองจาก
ชาวบ้านโคกสะอาดจะช่วยกันคิดช่วยกันทาเพ่ือพึ่งพาตนเอง มากกว่าการพึ่งพาภาครัฐ จะรับบริการ
ภาครัฐเฉพาะสิง่ ท่ีเหน็ ว่าเป็นประโยชน์แกก่ ิจกรรมทีม่ ีอยู่แล้วเทา่ นน้ั สง่ ผลให้ปจั จบุ นั มกี ารพัฒนาในด้าน
ตา่ ง ๆ จากการพงึ่ พาตนเองของชมุ ชน เชน่ ธนาคารเมล็ดพันธ์ุ ๒ แหง่ ได้แก่ บา้ นโคกสะอาด และ อบต.อุ่
มจาน การเพิม่ มลู ค่าสินค้าทางการเกษตรจากผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น สมุนไพรแปรรูป ข้าวกลอ้ ง ข้าวอนิ ทรยี ์
สบู่ ยาสระผม สนิ คา้ เฉพาะกลมุ่ (Niche) มีการจดแจ้งผลิตภณั ฑ์ตามกฎหมายหลายผลิตภัณฑ์ มีสหกรณ์
เครดิตยูเนี่ยนเลิงฮังสามัคคี จากัด เป็นสถาบันการเงินสาหรับคนในชุมชน มีร้านค้ากองทุนพัฒนา
หมู่บ้านโคกสะอาด เป็นแหล่งรวมซอ้ื ขายสนิ ค้าสาหรบั สมาชิกในชุมชน มีกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่ทันสมัย มี
โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เข้ามาต้ังอยู่ใกล้หมู่บ้าน คือ โรงงานน้าตาล (บริษัท ไทยรุ่งเรือง
อตุ สาหกรรม จากดั สาขาสกลนคร) แต่บา้ นโคกสะอาดไมไ่ ดส้ ง่ เสรมิ การปลูกอ้อย ยงั คงยดึ ถอื การส่งเสรมิ
การเกษตรเชิงอนุรักษ์และการเพ่ิมมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เกษตรกรคนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านโคก
สะอาดเป็น Smart Farmer ไม่น้อยกว่า ๔๐ คน

ภาพท่ี 10 - 11 อดีตสาวโรงงานกลับจากกรงุ เทพมหานคร มาทาเกษตรท่บี า้ นเกดิ และการศกึ ษาดงู าน

ในชว่ ง ๒ ปที ่ผี า่ นมาเกิดวิกฤติการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื โควดิ - ๑๙ เป็นผลให้
ลกู หลานท่ไี ปทางานต่างจงั หวดั ต้องตกงานกลับมาอย่บู า้ นโคกสะอาดหลายคน แต่ทกุ คนไดร้ บั ผลกระทบ
เพียงระยะสั้น ๆ เนื่องจากครอบครัวและชุมชนมีอาชีพด้ังเดิมทางดา้ นเกษตรกรรมรองรบั รวมถึงมีกลมุ่
วิสาหกิจชมุ ชนท่ีมีการดาเนินกจิ กรรมอยแู่ ล้ว เหล่านีล้ ้วนมผี ลผลิตตลอดปี และผลิตภัณฑ์ของกลมุ่ ไม่ไดร้ บั
ผลกระทบจากวกิ ฤติโควดิ - ๑๙ มากนัก เนอ่ื งจากมีผรู้ ับซ้ือผลิตภณั ฑเ์ ฉพาะกล่มุ ตลอดปอี ยูแ่ ลว้

นอกจากนี้ การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ใกล้หมู่บ้าน ยังส่งผลกระทบต่อความ
เป็นอยู่ในชุมชนและต่อส่ิงแวดล้อมโดยรอบ โดยเฉพาะรถขนอ้อยที่ใช้เส้นทางหมู่บา้ นไปส่โู รงงาน ผู้คน



สัญจรผ่านหมู่บ้านพลกุ พล่านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทาให้ถนนเกิดความเสยี หาย เกิดอุบัติเหตทางถนน
บอ่ ยครงั้ เกดิ ปัญหาฝุ่นควัน P.M. 2.5 ซึง่ หมู่บา้ นโคกสะอาดไม่เคยประสบปญั หานม้ี ากอ่ น

ภาพที่ 12 – 1๓ โรงงานนา้ ตาล และความเส่ือมโทรมของถนนในชุมชน

๑.๒ การศกึ ษาเรยี นรู้ระบบบริหารจัดการชุมชน
๑.๒.๑ ทนุ ทางสังคมของหม่บู า้ น
ผลจากการพัฒนาหมบู่ ้านมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อต้ังหม่บู า้ น (พ.ศ. ๒๕๐๕ – ปัจจบุ ัน)

บา้ นโคกสะอาดมีการส่งั สมทุนทางสังคมของหมู่บ้าน ไดแ้ ก่
๑) ทุนทางทรัพยากรบุคคลหรือปราชญ์ชาวบ้าน เช่น ด้านการเกษตร การ

เพาะปลกู ด้านวัฒนธรรม ดา้ นศาสนา เล้ยี งสัตว์ ด้านช่าง ดา้ นสมุนไพร ดา้ นการทอผ้าไหมผา้ ฝ้าย ทอเสอื่
กก จักสาน เป็นตน้

๒) ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แหล่งน้า ได้แก่ ป่าศักดิ์สิทธ์ิ (ป่าช้า
สาธารณประโยชน์) ลาน้าหว้ ยเตย ฝายห้วยแดง สระน้าหนองแสง

ภาพที่ 1๔ – 1๕ ปา่ ชมุ ชน และแหล่งน้าภายในชมุ ชน

๓) ทนุ ทางวัฒนธรรม กฎ จารีต ประเพณี ไดแ้ ก่ บุญฉลองวดั นักบญุ ยอหน์ บอสโก
(บญุ ประจาปหี มู่บ้าน) บญุ ราลกึ ถงึ ผตู้ ายและฉลองนกั บุญทง้ั หลาย และประเพณีวนั สาคัญทางศาสนาอนื่ ๆ
และวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา

๔) ทุนภูมิปัญญา ได้แก่ ภูมิปัญญาด้านเกษตรกรรม เช่น การปลูกพืชผัก ข้าว
ปลอดสารพษิ และเพมิ่ ผลผลิตโดยวิธีนา้ หมกั ชวี ภาพจากหอยเชอรี่ ภมู ิปัญญาดา้ นการแพทย์พ้นื บา้ น เชน่
มีหมอยาสมุนไพร มีสูตรยารักษาโรคเบาหวาน มีสูตรยาดองเหล้า หรือยาต้มบารุงกาลัง ภูมิปัญญาด้าน
การดแู ลทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ การบวชป่า ฯลฯ

๕) ทนุ ประเภทกลุ่มองคก์ รในหมู่บา้ น/ชมุ ชน ได้แก่ รา้ นคา้ กองทนุ พัฒนาหม่บู า้ น
โคกสะอาด สหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด กลุ่มออมทรัพย์เพอื่ การผลิต กลุ่มอาชีพสตรี กลมุ่
เยาวชน ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชมุ ชนบา้ นโคกสะอาด กองทนุ สวสั ดิการเงนิ กู้ เมนู ๕ (SIF) คณะกรรมการ
สภาอภบิ าลโบสถค์ ริสต์ กลุ่มคริสต์ชนขั้นพืน้ ฐาน กองทนุ หมูบ่ า้ นหนงึ่ ล้านบาท โครงการแกไ้ ขปญั หาความ



ยากจน (กข.คจ.) กล่มุ เกษตรย่ังยนื ศนู ย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจาตาบล กลมุ่ ประปาบ้านโคก
สะอาด กลมุ่ ขา้ วหอมดอกฮงั เปน็ ต้น

๑.๒.๒ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของภาครัฐในการกาหนดโครงสร้างและการ
บริหารงานของกลุ่มองค์กร ของประชาชนในการประกอบอาชีพภายในชุมชน ระบบการบรหิ ารจัดการ
เงนิ ทุน ระบบการผลติ เชงิ เกษตรกรรมหรอื อตุ สาหกรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายในชุมชน รวมทัง้ ปัจจัยความเส่ียงใน
การเกดิ หนี้สิน และความเส่ยี งในการไมส่ ามารถชาระหนภี้ ายในชุมชน

บ้านโคกสะอาดขับเคลื่อนการบริหารงานชุมชนผ่านองค์กรการเงินของชุมชน
ท่สี าคญั คอื สหกรณ์เครดิตยเู นยี่ นเลงิ ฮงั สามัคคี จากดั ซึง่ ถือว่าเปน็ ศนู ยร์ วมของการบริหารจดั การชุมชน
เป็นศูนย์รวมใจของทุกคนในหมู่บ้าน ดังน้ัน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของภาครัฐที่ส่งผลกระทบกับ
หมู่บ้านจึงเก่ียวข้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับกับสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด เช่น กฎหมาย
บังคับผลตอบแทนของสหกรณ์ไม่เกินรอ้ ยละ 3 ทาให้ผลกาไรของสหกรณ์ไมม่ ากนัก กฎหมายจากัดอายุ
สมาชกิ ตอ้ ง 20 ปขี นึ้ ไป ทาให้กลมุ่ นกั เรยี นเข้ารว่ มเปน็ สมาชกิ ไมไ่ ด้ กฎหมายควบคุมไม่ใหส้ หกรณ์สมทบ
เงินฝาก กฎหมายกาหนดสวัสดิกรณีคนกู้เสียชีวิตให้ช่วยเหลอื ไม่เกิน 500,000 หากมากกว่าน้ีต้องซือ้
กรมธรรม์เพ่ิมเติม เหล่าน้ีเป็นต้น ซ่ึงหมู่บ้านโคกสะอาดมองว่าเป็นระเบียบเชิงนโยบายท่ีจากัดการ
พึ่งตนเองของชมุ ชน

นอกจากน้ี สหกรณ์เครดิตยูเนย่ี นเลิงฮังสามัคคี จากัด เป็นสหกรณ์ฯ ขนาดเล็ก แต่
สานกั งานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กย็ งั เขา้ มากากบั ควบคุม ซ่งึ ทาให้ขาดความคลอ่ งตวั
ในการดาเนนิ งาน

๑.๒.๓ ความสามารถในการบรหิ ารจดั การชมุ ชน รวมทัง้ กระบวนการหรอื ขัน้ ตอน ใน
การกาหนด ติดตาม และประเมนิ ผล

ระบบการบริหารจัดการชุมชนของบ้านโคกสะอาดจะยดึ โยงกบั กลุม่ และองคก์ ร ดงั นี้
๑) กลุ่ม BEC (Basic Ecclesial Communities) วิถีชุมชนวัดคริสต์ จะแบ่งกลุ่ม
ในชุมชนเป็นกลุ่มย่อย ๆ รวม ๘ กลุ่ม มีผู้นากลุ่ม มีการดูแลเอาใจใส่กันในกล่มุ ครอบคลุมทกุ เพศ ทุกวยั
ทุกสภาพชวี ิต เปน็ ชุมชนที่มชี วี ติ มีพระวาจาของพระเจา้ เปน็ ลมหายใจของชวี ิต หลอ่ เล้ียงด้วยศลี ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ
และการภาวนา มีการพัฒนาความเชอ่ื ซึง่ เปน็ รากฐานชวี ิตคริสตชน เพือ่ ม่งุ ให้เกิดประสบการณก์ ับพระเจ้า
จนเป็นแรงขบั เคลอ่ื นให้พัฒนาทุกมิติของชวี ิต และพรอ้ มทีจ่ ะร่วมพันธกิจแบ่งปนั ข่าวดแี ก่ปวงชน
๒) การบริหารจดั การชุมชนผ่านรา้ นค้าชุมชน ในหมู่บ้านมีรา้ นค้าเพียง ๒ แห่ง คือ
ร้านคา้ กองทุนพฒั นาหมู่บ้านโคกสะอาด และร้านค้าของชาวบา้ น ในการบรหิ ารจัดการชมุ ชนนัน้ ตกลงกัน
ว่าจะซ้ือสินค้าจากร้านค้ากองทุนพัฒนาหมู่บ้านเป็นหลัก และจะไม่ซ้ือของจาก 7-11 เด็ดขาด ทุก

ครวั เรือนมีห้นุ สว่ นในร้านค้าแห่งนี้ มสี ่วนไดเ้ สยี มีความเปน็ เจา้ ของรว่ มกัน ดังนน้ั การบรหิ ารรา้ นคา้ จึงเป็น
เสมือนการบรหิ ารกิจการหมูบ่ ้านรว่ มกนั มธี รรมาภบิ าล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นผลให้ชาวบา้ นทกุ คนต่าง
ไวว้ างใจซ่ึงกนั และกัน คอยสอดส่องตรวจสอบและแก้ไขปัญหาร่วมกนั บรหิ ารจัดการรว่ มกนั เป็นอนั หน่งึ
อนั เดยี วกัน

๓) การบริหารจัดการผ่านองค์กรการเงินชุมชนอื่น ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยูเน่ียน
เลิงฮงั สามัคคี จากัด กองทุนหมบู่ า้ น เปน็ ตน้ เพ่ือให้คนในหม่บู ้านคอยดูแลซงึ่ กันและกนั การปลอ่ ยสินเชอื่
จะยึดถือความเชื่อมั่นเช่อื ใจเปน็ หลกั ไม่ได้ยึดถือทหี่ ลกั ทรัพย์ค้าประกันเหมือนเช่นธนาคาร มีการจดั สรร
เงินสาธารณประโยชน์เพอื่ ดแู ลคนในหมู่บ้านและเพอ่ื สาธารณประโยชน์ตา่ ง ๆ



๔) “โคกสะอาดโมเดล” เป็นรูปแบบการบริการจัดการภายในของหมู่บ้าน
โดยเฉพาะ ทัง้ การกาหนดแผนพัฒนาหมูบ่ ้านโคกสะอาด กาหนดทศิ ทางของวัดว่าจะอบรมสงั่ สอนอยา่ งไร
เม่ือไหร่ โรงเรียนตอ้ งสอนเรือ่ งการบรหิ ารจดั การองค์กรการเงนิ ชุมชน สอนเรอื่ งการปลกู และอนรุ กั ษ์พันธุ์
ข้าว สอนการเปน็ สมาชิกและความสามัคคกี ันในกล่มุ เม่ือเติบโตผา่ นวัยเรียนไปต้องสามารถนาความรูม้ าใช้
บริหารจดั การชุมชนไดอ้ ย่างดี เช่น ผู้จัดการสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนเลงิ ฮังสามัคคี จากัด คนปัจจุบัน ก็เปน็
นักเรียนรุ่นแรกที่จบจากหลักสูตรของสหกรณ์ฯ เป็นต้น เป็นรูปแบบการหล่อหลอมพฤติกรรมที่พึง
ประสงค์ ปลูกฝังค่านิยม เสริมสร้างความรักใคร่กันในหมู่บ้าน ใช้กลไก “โคกสะอาดโมเดล” ในการ
ช่วยเหลือดูแลกันยามฉุกเฉิน เช่น หากมีมติของคณะกรรมการหมบู่ ้านให้จัดสรรเงินเปน็ กองทุนสาหรบั
รองรบั สถานการณ์โควดิ - ๑๙ มตนิ ีจ้ ะสง่ ผลใหค้ ณะบริหารองค์กรการเงนิ ตา่ ง ๆ ในหม่บู ้านตอ้ งรับลูกเพอ่ื
จัดสรรเงินดงั กล่าวโดยธรรมเนียม เปน็ ตน้

ภาพที่ 1๖ – 1๙ วัดนกั บญุ ยอห์น บอสโก และการบริหารจัดการชมุ ชนบา้ นโคกสะอาด

๑.๒.๔ ภาพรวมของการเกษตรในพื้นที่ต้ังแต่เรื่องวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต การแปรรปู
การตลาด รวมท้งั ความเส่ยี งทอ่ี าจเกิดข้นึ

เนอ่ื งจากในหมบู่ ้านโคกสะอาดมีกจิ กรรมกลุ่มจานวนมาก สินค้าและผลติ ภัณฑ์ ของ
หม่บู า้ น การบริหารจดั การภาคการเกษตรของกลมุ่ จงึ พ่ึงพาอาศัยกันโดยปริยาย ตงั้ แต่เรมิ่ ปลูก ดแู ลรักษา
เกบ็ เก่ียว จัดสรรวัตถดุ บิ การแปรรปู รวมถงึ การรวบรวมสนิ คา้ ไปส่กู ารตลาดระดับต่าง ๆ

โดยภาพรวมแล้วหมู่บา้ นโคกสะอาดจะขายสง่ สนิ คา้ ให้กับผ้รู บั ซอื้ โดยตรง ไม่คอ่ ยได้
ขายปลีกตามตลาดท่ัวไป ยกเวน้ เพยี งกลว้ ยเทา่ น้ันที่หม่บู ้านยังไมไ่ ด้มกี ระบวนการแปรรูปกจ็ ะสง่ ไปขายท่ี
ตลาดสดเทศบาลตาบลท่าแร่ อาเภอเมืองสกลนคร ซ่ึงอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๕ กิโลเมตร รายได้ของ

๑๐

เกษตรกรในหมู่บ้านค่อนข้างม่ันคง เช่น รายได้เฉลี่ยจากการขายข้าวหอมดอกฮังเดือนละประมาณ
๗๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น ส่วนการแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ซง่ึ เป็นที่ต้องการของตลาดค่อนขา้ งมาก
แต่กาลงั การผลติ ไม่เพียงพอ เช่น สบู่ ยาสระผม ขณะน้ีมีกาลังซือ้ เดือนละประมาณ ๑ ล้านชิ้น แต่หมบู่ า้ น
ไม่สามารถผลติ ได้ตามความตอ้ งการ เนอ่ื งจากชาวบา้ นยงั มีกาลงั การผลติ และวตั ถุดิบท่ีไมเ่ พียงพอ ในส่วน
น้ีเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างปรึกษาหารือกันในหมู่บ้านว่าจะพัฒนาและยกระดับการผลิตไปในทิศทางใด
หรือข้อจากัดอืน่ ที่ไมเ่ อ้อื ตอ่ การปฏิบตั ิตามนโยบายของภาครฐั ได้ เช่น การรวมกลมุ่ ทอผา้ ซึ่งชาวบ้านไม่
นิยมเข้ามารวมกลุ่มกัน แต่นิยมต่างคนต่างทอในเวลาว่างเท่านั้น และไม่ได้เน้นให้งานประเภทผ้าเป็น
เอกลกั ษณข์ องหมู่บา้ น จงึ ไมไ่ ดม้ กี ารทากจิ กรรมดา้ นผ้ามากนกั เปน็ ตน้

จะเห็นไดว้ า่ แนวทางการดาเนนิ กิจกรรมกลมุ่ ทุกกลมุ่ ในหมบู่ า้ น จะใชค้ วามเข้มแข็ง
ของชมุ ชนเป็นตัวตงั้ ไม่เนน้ เอาเงินรายไดเ้ ป็นตวั ตง้ั หลายครงั้ ทีภ่ าครฐั ผลักดันให้หมูบ่ า้ นวางแผนการผลติ
เพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นท้ัง ๆ ที่มีกาลังซ้ือรอรับอยู่ รวมถึงการทากิจกรรมทางการตลาดสมัยใหม่ใน
รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งหมู่บ้านจะตอบสนองเทา่ ท่ีต้องการเท่านั้น ไม่ได้ตอบสนองทุกข้อแนะนาตามนโยบาย
ของรฐั

๑.๒.๕ วเิ คราะห์จุดออ่ น จดุ แข็ง โอกาส และอุปสรรค (SWOT) ในการจัดการปญั หาของ
ชุมชนในปัจจุบันว่าควรได้รับการสนับสนุนในประเด็นใดเป็นสาคัญ หรือการดาเนินแนวทางการพัฒนา
ชมุ ชนภายใตข้ องจากดั ทม่ี อี ยู่ รวมทั้งแนวทางการลดข้อจากัดทม่ี ีอยู่

๑) จุดแข็ง (Strengths)
(S1) การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การอนุรักษ์พันธ์ุข้าวคุณสมบัติพิเศษ ซ่ึงเป็นท่ี

ตอ้ งการของผู้บริโภค (หุงชนั้ 1 หอมถึงชน้ั 3)
(S2) ชุมชนเข้มแขง็ พง่ึ ตนเองได้ พง่ึ พาเศรษฐกจิ ภายในชมุ ชน อดุ หนนุ สหกรณ์/

รา้ นคา้ ท่ีตงั้ โดยชุมชน หลกี เล่ยี งการอุดหนนุ รา้ นคา้ นอกชุมชน ไมม่ ีครัวเรือนยากจน
(S๓) สมาชิกในชุมชนยึดม่ันในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งเปน็ จดุ ท่ีสรา้ งความสนใจ

ให้สังคมยุคปจั จุบนั ที่โหยหาธรรมชาติ
(S๔) ความแตกต่างที่ไม่สรา้ งความแตกแยกของสองศาสนา และความรักสามัคคี

ของชุมชน
๒) จุดอ่อน (Weakness)
(W๑) แหล่งน้าที่มีอยู่ในชุมชนยังไม่เพยี งพอใชต้ ลอดปี
(W๒) ยังไม่มอี งค์ความรใู้ นการจดั ต้งั หรือดาเนนิ การธนาคารข้าว องคค์ วามรู้ ใน

การส่งเสรมิ การตลาด การสืบสานภมู ปิ ัญญาจากร่นุ สู่รุ่น ท่ีชัดเจน
(W3) สภาพดินและคณุ ภาพดินขาดความอุดมสมบรู ณ์ และแหง้ แล้ง

๓) โอกาส (Opportunity)
(O๑) มีโรงงานน้าตาลขนาดใหญใ่ นพื้นที่ เป็นโอกาสการมีงานทาของลกู หลาน

ไมต่ อ้ งไปทางานไกลบ้าน
(O๒) โอกาสไดร้ บั การพัฒนาหรอื ความช่วยเหลือจากโครงการ CHR ต่างๆ ของ

โรงงานอตุ สาหกรรม
(O๓) ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ซ่ึงเป็นก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว และ

ศึกษาดูงาน

๑๑

๔) อุปสรรค (Threats)
(T๑) แหล่งน้าเพ่ือการเกษตรท่ีต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ เช่น

ระบบน้าบาดาลเพ่ือการเกษตรดว้ ยพลังงานแสงอาทิตย์โดยงบประมาณของกองทุนอนรุ ักษพ์ ลังงาน เปน็ ต้น
(T๒) มลภาวะจากรถบรรทกุ อ้อย
(T3) พื้นท่ีมองว่าตนเองเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ปิดโอกาสในการรับความ

ชว่ ยเหลือและการพฒั นาจากภาคส่วนต่าง ๆ อาจจะทาใหช้ ุมชนเสยี โอกาสการพฒั นาตามนโยบายต่าง ๆ
ของรฐั

๑.3 การศกึ ษาเรยี นรู้นโยบายภาครฐั และผลกระทบต่อการพัฒนาของชุมชน
๑.๓.๑ บทบาทของภาครฐั และผลลัพธข์ องการนานโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐไปปฏิบัติใน

พนื้ ท่ี เช่น นโยบายการจัดการ น้า ดนิ ปา่ การสง่ เสรมิ เกษตร สนิ เช่ือการเกษตร วสิ าหกจิ ชมุ ชน การรับจา
นาข้าว การรักษาสุขภาพ การปราบปรามยาเสพติด และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่อชุมชนใน
พ้ืนที่

สานักงานเกษตรอาเภอกสุ ุมาลย์ ได้มีเขา้ มาสง่ เสริมการทาเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมี
แปลงสาคัญทปี่ ระสบความสาเรจ็ อย่างยิง่ คอื แปลงเกษตรทฤษฎใี หม่ของนายถอง ชยั ปัญหา ซ่ึงเริ่มตน้ ทา
การเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฎใี หม่ ซ่งึ ในชว่ งแรกไมม่ ใี ครเชอื่ ว่าจะทาได้ เนือ่ งจากพ้นื ทแี่ หง้ แลง้ ไม่
เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพชื ภายใต้การส่งเสริมแนะนาของสานักงานเกษตรอาเภอกุสุมาลย์ และ
ความมุ่งมั่นและความรกั ตอ่ การทาเกษตร นายถองฯ ไดเ้ ปลีย่ นพื้นที่แห้งแลง้ กนั ดารจนเป็นแปลงเกษตรที่
อดุ มสมบูรณ์ ปลกู พชื ผกั เลี้ยงสัตว์นา้ นานาชนิดที่เป็นท่ีนิยมบรโิ ภค เช่น หอย กุ้ง กบ ปนู า ปลาชนิดตา่ ง
ๆ จนได้รบั รางวลั เกษตรกรดเี ดน่ สาขาเกษตรทฤษฎีใหม่ ตง้ั แต่ปี ๒๕๔๔ และกรมวิชาการเกษตรได้แตง่ ตงั้
เป็นวิทยากรเกษตรทฤษฎีใหม่นบั ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นผลใหห้ น่วยงานต่าง ๆ เข้ามาศึกษาดูงานดา้ น
การเกษตรทฤษฎีใหม่เปน็ จานวนมาก รวมถึงประเทศญีป่ ุ่นกใ็ หค้ วามสนใจและเขา้ มาดูงานดว้ ยเชน่ กนั

ปัจจุบันแปลงเกษตรดังกล่าวเป็นตัวอย่างและเป็นจุดเรียนรู้แก่นักเรียนในพื้นท่ี
ใกล้เคียง และยังเป็นสถานท่ีเรียนรู้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตฯ สกลนคร เป็น
แหลง่ อาหารสาคัญทสี่ ่งจาหน่ายใหต้ ลาดในพื้นทใี่ กลเ้ คยี ง สร้างรายไดใ้ ห้แก่นายถองฯ ถงึ จะไมร่ ่ารวยแตก่ ็
มีอยมู่ ีกนิ ได้ดแู ลลูกหลาน

นอกจากน้ี ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตฯ สกลนคร ศูนย์
เพาะพันธ์ุไม้สกลนคร องค์การบริหารส่วนตาบลอมุ่ จาน และโรงเรยี นบ้านโคกสะอาด ในการอนุรกั ษ์ป่า
อนุรักษ์พันธุ์ไม้ อนุรักษ์สมุนไพรกว่า ๑๒๖ ชนิด ตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ป่า ๓
อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง สนับสนุนและสง่ เสริมการแปรรปู ผักหวานแก่นักเรียนจนได้รับรางวัลชนะเลิศ
ระดับประเทศ ใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกดูแลต้นไม้และป่า ทาแนวก้ันไฟป่าไม่ให้ลามสู่ไร่นาในฤดูแล้ง
ออกแบบนาข้าวโดยให้ป่าเลี้ยงนา และได้รับการสนับสนุนจากสานักงานเกษตรอาเภอในการช่วยเหลือ
ปรบั ปรุงและอนรุ กั ษ์ดนิ ทาจุลนิ ทรีย์สงั เคราะหแ์ สงใช้แทนปยุ๋ เคมี เปน็ ผลใหด้ ินมีสภาพดี

๑๒

ภาพที่ ๒๐ – ๒๑ เห็ดในป่าชุมชนและโรงงานน้าตาล

๑.๓.๒ ผลลพั ธ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ จากนโยบายของภาครฐั ก่อใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงกบั วถิ ชี ีวติ ของ
ชาวบา้ นภายในชุมชนท้ังในเชงิ บวกและลบ

ผลลัพธ์จากการขับเคลื่อนแปลงเกษตรและผืนป่าตามแนวทางปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นผลให้คนรุน่ ใหม่ทเ่ี คยทางานอยู่กรงุ เทพมหานคร หวนกลับมาทาการเกษตรและ
ดแู ลปา่ สรา้ งรายได้จนเพยี งพอต่อการดารงชวี ติ มีรายไดจ้ ากการเปน็ วทิ ยากรเมือ่ มกี ารเขา้ มาศกึ ษาดูงาน
ในพ้ืนท่ี ครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวติ รว่ มกัน เกิดความอบอุ่นเขม้ แข็ง คุณภาพชวี ติ ดขี ึน้

วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน จากเดิมท่ีเคยทาการเกษตรเพื่อเล้ีย งชีพค่อย ๆ
ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทาการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างมีแบบแผน มีระบบ เพื่อรองรับการศึกษาเรยี นรู้ท้งั
จากภายในและภายนอกหมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในการถ่ายทอดความรู้ ผลักดันให้
ขยายผลไปสู่หมู่บา้ นตา่ ง ๆ

นอกจากน้ี จากการขยายผลทาการเกษตรท่ัวท้ังหมู่บา้ น และแนวโน้มการหวนคนื
ชุมชนของคนรุ่นใหม่ กระแสการอยู่อาศยั ตามหัวไร่ปลายนาเพอ่ื หลีกหนคี วามวุ่นวายของสังคม เป็นผลให้
ชาวบา้ นขยบั ขยายทีอ่ ยู่อาศัยไปสู่ทอ้ งนามากขึ้น มคี วามตอ้ งการด้านนา้ และไฟฟ้าเพอ่ื การอุปโภคบริโภค
และอยู่อาศัย แต่ระบบน้าประปาและไฟฟ้ายังขยายได้ไม่ท่ัวถึง จึงเป็นความต้องการจาเป็นเร่งด่วน
ในขณะน้ี

ในขณะเดียวกัน เมื่อมีการอนุญาตให้ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ คือ
โรงงานนา้ ตาล สง่ ผลให้เกษตรพน้ื ที่ใกล้เคยี งแพ้วถางปา่ ด้ังเดิมจานวนมากเพ่ือเปล่ยี นไปปลูกอ้อย ซ่งึ สวน
ทางกบั แนวคดิ การอนุรักษ์ปา่ ของหมบู่ า้ นโคกสะอาด ทาใหย้ ากต่อการขยายผลแนวคดิ เหลา่ น้ี และหมบู่ า้ น
ยังได้รับผลกระทบจากการท่ีภาครัฐอนุญาตให้กอ่ สร้างโรงงานน้าตาลโดยตรง เนื่องจาก อยู่ใกล้หมู่บา้ น
เช่น มีรถขนอ้อยว่ิงผ่านไปมาตลอดเวลา มีผู้คนต่างถิ่นสัญจรไปมาอย่างพลุกพลา่ น เกิดฝุ่นควันและฝุ่น
ละออง เกิดอบุ ัติเหตุทางถนนบอ่ ยครั้ง เป็นต้น

ภาพที่ ๒๒ – ๒๓ เมล็ดพนั ธ์ุทีเ่ ตรยี มไปหว่านในปา่ และกล้าไมท้ เี่ ตรียมไปปลูกป่าเพิ่มเติม

๑๓

ส่วนที่ ๒ ประเดน็ การพัฒนาของชุมชน
๒.๑ ระดบั การพัฒนาของหม่บู ้าน

ราษฎรบ้านโคกสะอาดมีชีวติ ความเปน็ อยูค่ ่อนข้างดี มีผลการจดั ระดับการพัฒนาหมู่บ้าน
อยู่ในระดบั “พออย่พู อกนิ ” ดังนี้

๒.๑.๑ รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนในหมู่บ้าน (Income) ประชากรในหมู่บ้านโคกสะอาด
มากกว่ารอ้ ยละ ๙๐ มีรายไดเ้ ฉลี่ยสูงกว่าเสน้ ความยากจน (เสน้ ความยากจน ปี ๒๕๖๑ จังหวัดสกลนคร ที่
รายได้ ๒,๒๖๒ บาท/คน/เดือน หรอื ๒๗,๑๔๔ บาท/คน/ปี) โดยประชากรในมรี ายได้เฉลี่ยต่อครวั เรอื น
๙๕,๒๖๙.๕๗ บาท/ครวั เรือน/ปี และรายได้เฉล่ียตอ่ คน ๕๕,๖๑๔.๒๑ บาท/คน/ปี

๒.๑.๒ ผลการผลิตข้าวเฉลี่ย (Food Safety) บ้านโคกสะอาดมผี ลผลติ ข้าวพนั ธ์ุตา่ ง ๆ จาก
เกษตรกรที่ลงทะเบียนปลูกข้าวประมาณ ๑,๒๐๐ ไร่ ผลผลิตไร่ละประมาณ ๓๐๐ กิโลกรัมต่อปี รวม
ผลผลิตประมาณ ๓๖๐,๐๐๐ กิโลกรมั ตอ่ ปี มีปริมาณข้าวเพยี งพอต่อการบริโภคของคนในหมูบ่ ้านตลอด
ท้ังปี สว่ นทเี่ หลอื จากการบรโิ ภคสามารถจาหน่ายเปน็ รายไดใ้ หค้ รัวเรอื น

๒.๑.๓ สุขภาพ (Health) ราษฎรในหมบู่ ้านสว่ นใหญไ่ ม่มีโรคประจาตัวหรือความเจบ็ ปว่ ย
โดยมีผู้ป่วยด้วยโรคเร้ือรัง คือ โรคเบาหวาน โรคความดัน จานวน ๒๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๑ ของ
ประชากรทง้ั หมด ซ่งึ ยังสามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้ ลดภาระครอบครวั

๒.๑.๔ น้าอุปโภค บริโภค (Clean Water and Sanitation) บ้านโคกสะอาดมีประปา
หมูบ่ ้านเข้าถงึ ทุกครัวเรอื น มีน้าสะอาดไว้สาหรับอปุ โภค บรโิ ภค คิดเปน็ ร้อยละ ๑๐๐

๒.๑.๕ การครอบครองทด่ี นิ ทากนิ (ทมี่ า : ข้อมลู กชช.๒ค ปี ๒๕๖๒) ดังนี้
๑) มที ี่ดินเป็นของตนเองและไมต่ อ้ งเช่า ๑๑๙ ครัวเรอื น
๒) ครัวเรือนมที ด่ี ินทากินของตนเอง แต่เชา่ เพิม่ บางสว่ น ๑๕ ครัวเรอื น
๓) พื้นท่ที านาท้งั หมดประมาณ ๑๓๔ ไร่
๔) พ้ืนทีท่ าไร่อายสุ นั้ ทั้งหมดประมาณ ๑๐๐ ไร่
๕) พ้ืนท่ีทาสวน (สวนผลไม้ สวนผัก สวนยาง สวนไม้ดอกไม้ประดับ) ท้ังหมด

ประมาณ ๓๑๐ ไร่
๖) ประเภทเอกสารสิทธท์ิ ด่ี ินของพน้ื ที่สว่ นใหญ่ของหม่บู ้าน เปน็ ประเภทโฉนด

๒.๒ สัดสว่ นจานวนครวั เรอื นทไ่ี มพ่ ออยพู่ อกนิ

เนื่องจากบ้านโคกสะอาดเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเข้มแข็ง มีระบบการดูแลและบริหาร
จัดการชุมชนแบบมีส่วนรว่ มตั้งแต่วัยเด็กจนวัยชรา ชาวบ้านมีรายได้ค่อนข้างสงู ชีวิตความเป็นอยมู่ น่ั คง
ไม่มีครัวเรือนยากจนในหมบู่ า้ น รายละเอียด ดังน้ี

๒.๒.๑ ด้านรายจ่าย รายจ่ายครัวเรือนเฉล่ีย ๔๒,๘๐๘.๔๐ บาท/ปี รายจ่ายบุคคลเฉลี่ย
๒๔,๙๘๙.๘๕ บาทตอ่ ปี (ขอ้ มูล จปฐ.ปี ๒๕๖๒) ซงึ่ รายจ่ายเฉล่ียครวั เรอื น แยกเป็น

๑) ตน้ ทุนการผลิต ๑๓,๔๙๕.๖๕ บาท
๒) อปุ โภคบริโภคทีจ่ าเป็น ๘,๙๖๕.๒๒ บาท
๓) อปุ โภคบริโภคทไ่ี ม่จาเป็น ๗,๕๖๕.๒๒ บาท
๔) ชาระหนส้ี นิ ๑๒,๗๘๒.๖๑ บาท
๒.๒.๒ ด้านความยากจน บา้ นโคกสะอาดไมม่ คี รัวเรอื นยากจนตามเกณฑ์ จปฐ.
๒.๒.๓ อัตราการมีงานทา (Labor Productivity) จานวนวัยแรงงานในหมูบ่ า้ นเป็นผู้มี
งานทาตามความถนัด มรี ายได้จนุ เจือครอบครัวคดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ (ไม่มผี วู้ า่ งงาน)

๑๔

๒.๒.๔ ภาระหน้ีสินของประชากร บ้านโคกสะอาดมีประชากรจานวนท้ังส้ิน ๕๗๐ คน
เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเลงิ ฮงั สามัคคี จากัด จานวน ๔๑๕ คน ในจานวนน้ีเป็นลูกหนี้ จานวน
๑๔๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๕.๙ ของประชากรหมู่บ้านน้ีท่ีเป็นสมาชิก ยอดหนี้คงเหลือประมาณ ๒๔.๑
ล้านบาท ไม่มีหนี้เสีย (NPL) แต่มีหน้ีท่ีชาระไมเ่ ป็นไปตามสัญญา จานวน ๑๒ ราย (ชาระเฉพาะดอกเบ้ยี
หรือชาระไม่ตรงกาหนด) โดยสมาชิกจากบ้านโคกสะอาดมีเงินหุ้นประมาณ ๑๒.๖ ล้านบาท เงินฝาก
ประมาณ ๘.๗ ลา้ นบาท

๒.๓ ประเมินความสามารถของชุมชนในการใช้ประโยชน์จากโครงการกิจกรรมต่าง ๆ

ภายใตน้ โยบาย

ชาวบ้านโคกสะอาดมีความคิดเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐไม่สอดคล้องกับความ
ตอ้ งการของชุมชน ไม่เหมาะสมกบั ศักยภาพหมบู่ า้ น หากภาครัฐต้องการสง่ เสรมิ ให้หมู่บา้ นพฒั นายงิ่ ขนึ้ ไป
ควรสนับสนนุ ตามความต้องการของหม่บู า้ น โดยควรศึกษาบริบทชมุ ชนก่อน หรือทาการประชาคมหมบู่ า้ น
ก่อน จงึ กาหนดนโยบายต่าง ๆ ลงมาให้หมู่บ้าน และควรเปน็ นโยบายทก่ี อ่ ใหเ้ กิดความยง่ั ยนื ความตอ่ เน่อื ง
ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น มันสัมปะหลัง อ้อย ยางพารา ยูคาลิปตัส เป็นต้น
ส่วนใหญ่การส่งเสริมลักษณะน้ีมักมีนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ
สัตว์เลี้ยงของชาวบ้านมกั รกุ ลา้ เข้าไปพื้นท่ีเพาะปลูก เกิดการทะเลาะวิวาทกัน การส่งเสริมในลกั ษณะนี้
ก่อใหเ้ กิดความไม่ไว้วางใจกนั ระหว่างหมู่บา้ นกับภาครฐั

อย่างไรกต็ าม สาหรบั นโยบายทกี่ ่อใหเ้ กิดประโยชน์แกช่ าวบา้ น หมู่บา้ นโคกสะอาด ก็ไม่ได้
ต่อต้าน แต่กลบั สง่ เสริมเปน็ อยา่ งดี เชน่ โครงการคนละคร่ึง เป็นต้น โดยร้านค้ากองทุนพฒั นาหมู่บา้ นโคก
สะอาดได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้จ่ายผ่านโครงการน้ี เพ่ือลดรายจ่ายในช่วง
สถานการณว์ ิกฤติโควิด - ๑๙ เปน็ การช่วยแบ่งเบาภาระค่าใชจ้ ่ายของชาวบ้าน โดยไม่ตอ้ งออกไปซ้อื สินคา้
ในที่หา่ งไกล เปน็ ต้น

จะเห็นได้ว่าบ้านโคกสะอาดมีศักยภาพในการส่งเสริมและขับเคล่ือนนโยบายของภาครัฐ แต่
ต้องเป็นนโยบายทีห่ ม่บู ้านเหน็ วา่ เกดิ ประโยชน์ตอ่ หมู่บ้านจรงิ ๆ หรือเปน็ นโยบายท่ีเกดิ จากความตอ้ งการของ
หมู่บา้ นเทา่ น้ัน ไม่ใช่ทุกนโยบายของรฐั บาลท่ีจะได้รับการสนับสนุนจากหมบู่ า้ นโคกสะอาด

๒.๔ ประเมินโอกาสและความเสย่ี งของชุมชนและครัวเรอื นยากจน

๒.๔.๑ โอกาสของชุมชนและครัวเรอื นยากจน
บ้านโคกสะอาดเป็นหมู่บา้ นที่มคี วามเข้มแขง็ มีทรัพยากรธรรมชาติท่อี ุดมสมบูรณ์

มีศักยภาพในการดูแลและบริหารจัดการชุมชนร่วมกัน และยังมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ใกลเ้ คยี ง สามารถจาแนกโอกาสของบ้านโคกสะอาดไดเ้ ปน็ ๓ ประเด็นหลัก ดงั น้ี

๑) ดา้ นการเพ่มิ มลู คา่ ผลิตภณั ฑ์ บา้ นโคกสะอาดมผี ลติ ภณั ฑ์หลากหลาย และยังมี
แหลง่ จาหน่ายเปน็ การเฉพาะ ประกอบกับชาวบ้านมีความพรอ้ มรับการพฒั นา และมวี สิ ยั ทัศนช์ ดั เจน การ
พัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพ่ิมมูลค่าแก่สินค้าจึงไม่ใช่เรื่องยาก และมีความเป็นไปได้ที่จะ
ยกระดบั ไปสูแ่ บรนดส์ ินค้าชั้นนาของทอ้ งถ่นิ ตอ่ ไปในอนาคต

๒) ดา้ นการพฒั นายกระดบั ไปสกู่ ารทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน ป่าชุมชนบ้านโคกสะอาด แปลง
เกษตรทฤษฎีใหม่ แปลงนา สวนเกษตร วัวควายจานวนมาก ล้วนดารงอยู่อย่างสมดลุ โดยเฉพาะป่าทอ่ี ดุ
สมบูรณซ์ ึ่งได้รบั การดูแลและออกแบบใหม่ใหเ้ ปน็ สถานท่ีศึกษาเรียนรู้ได้นั้น เป็นโอกาสท่ีจะยกระดับไปสู่
การท่องเที่ยวชมุ ชน ซ่งึ ถือวา่ เป็นการท่องเท่ยี วแนวใหม่ท่ีไดร้ ับความนิยมในช่วงเวลาท่ผี ่านมาไมน่ าน และ
มีแนวโนม้ วา่ จะได้รบั ความนยิ มตอ่ เนือ่ งไปอีก

๑๕

๓) ดา้ นความรว่ มมอื กับโรงงานอุตสาหกรรมในการพัฒนาหมู่บา้ น การพัฒนาตาม
ยุคสมยั ย่อมนามาซ่งึ ผลกระทบในด้านต่าง ๆ เมื่อมโี รงงานอุตสาหกรรมเกิดขนึ้ ในพ้นื ทแี่ ลว้ การยอมรบั และ
ปรับตัวเพ่ืออยู่รว่ มกนั ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรอบ ย่อมจะเกดิ ผลดีมากกว่าการถอย
ห่างต่างคนต่างไป ดังนั้น การร่วมมอื กนั พัฒนาหมบู่ า้ นชมุ ชน การทากิจกรรมเพื่อสงั คม รวมถึงการอนรุ ักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ มีโอกาสมากที่จะได้รับความร่วมมือจากโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งน้ี โดยส่วนใหญ่
โรงงานน้าตาลจะมีงบประมาณสนับสนุนชุมชนตามท่ีกาหนดใน EIA ซึ่งสานักงานนโยบายและแผน
ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม กาหนดให้ต้องจัดสรร
แก่ชุมชนโดยรอบเป็นประจาทุกปี รวมถึงกรณีที่โรงงานน้าตาลมีการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้การไฟฟา้
ส่วนภูมิภาคหรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็ต้องมีกองทนุ พัฒนาไฟฟ้าสาหรับกจิ การเพอื่ สงั คม
ตามระเบียบคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อการพัฒนาหรือฟ้ืนฟู
ทอ้ งถิ่นทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากการดาเนินงานของโรงไฟฟา้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 หมบู่ ้านกจ็ ะมชี ่องทาง
นาเงินจาก EIA หรือกองทุนดังกลา่ วมาจดั ทาโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาหมู่บ้านได้เปน็ ประจาทุกปี เช่น
ดา้ นสาธารณูปโภค ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา เป็นต้น

ภาพท่ี 2๔ – 2๕ ภาพการทา CSR ของโรงงานนา้ ตาล

๒.๔.๒ ด้านความเสี่ยงของชมุ ชนและครัวเรอื นยากจน จากการวิเคราะห์และเกบ็ ข้อมลู
จากแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชงิ ลกึ ทาใหพ้ บปญั หาใน ๓ ประเดน็ หลัก ดังนี้

1) ด้านการเปิดรับนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้วยความเข้มแข็งของ
หม่บู า้ น ท้งั ผ้นู า ระบบบริหารจดั การ และการเงินชุมชน ทาใหห้ มบู่ ้านสามารถพฒั นาและพ่งึ พาตนเองได้
โดยไม่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐมากนัก ยกเว้นเฉพาะในส่วนท่ีต้องเกี่ยวข้องกับ
หนว่ ยงานของรัฐโดยตรงในบางกรณี ซึง่ อาจจะทาใหช้ มุ ชนเสยี โอกาสการพฒั นาตามนโยบายตา่ ง ๆ ของรัฐ

๒) ด้านสิ่งแวดล้อม การมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เข้ามาต้ังใกล้ชุมชนใน
ระยะไม่เกิน ๒ กิโลเมตร ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง เกิดมลพิษทางอากาศ ปัญหาเรื่องฝนุ่
ละออง P.M 2.5 ซ่ึงส่งผลกระทบตอ่ การดารงชีวิตและสุขภาพของชาวบ้าน ปัญหาน้ีหากสะสมยาวนาน
อาจกอ่ ให้เกิดโรคภัยตา่ ง ๆ ตามมา

๓) หากชุมชนมีความสนใจมาปลูกอ้อยแทนพืชชนิดอ่ืนมากขึ้น จะส่งผลในระยะ
ยาวต่อคุณภาพของดิน ดนิ เสยี แรธ่ าตุ คันดนิ เกิดการทลายตัว ความสามารถในการกกั เกบ็ นา้ ลดลง

๑๖

๒.๕ กิจกรรมการพฒั นาทีช่ ุมชนจะทาเองเพื่อให้ทกุ ชวี ติ อยู่ดีมีสุขในปนี ้ี ไดแ้ ก่

๒.๕.๑ การพฒั นาแหลง่ น้าเพื่อการเกษตร (นา้ ชลประทาน)
๒.๕.๒ การพฒั นาระบบไฟฟ้าเพือ่ การเกษตร
๒.๕.๓ การอนรุ ักษพ์ นื้ ทปี่ า่ ชุมชน เพ่อื รกั ษาระบบนเิ วศและสง่ิ แวดล้อมใหย้ ่ังยืน
๒.๖ สรุปบทเรียนทไ่ี ด้รับจากการศึกษาเรยี นรู้เชิงปฏิบัติการ (Action Learning) ดังน้ี

๒.๖.๑ การบรหิ ารการพัฒนาชุมชนทอ้ งถิ่น ไดแ้ ก่

๑) กลุ่ม BEC (Basic Ecclesial Communities) วิถีชุมชนวัดคริสต์ แบ่งกลุ่มใน
ชุมชนเป็นกลมุ่ ย่อย ๆ รวม ๘ กลุ่ม มีผู้นากลุ่ม มีการจดั กิจกรรมดูแลเอาใจใส่กันทกุ ช่วงวยั เปน็ ชมุ ชนทมี่ ี
ชวี ิต

๒) การบริหารจัดการชุมชนผ่านร้านค้าชุมชน โดยในหมู่บ้านจะมีร้านค้าเพยี ง ๒
แหง่ คอื รา้ นค้ากองทนุ พัฒนาหมู่บ้านโคกสะอาด และร้านค้าของชาวบา้ น ในการบรหิ ารจดั การชุมชนนน้ั
จะตกลงกันในชมุ ชนวา่ จะซ้อื สินคา้ จากร้านค้ากองทุนพัฒนาหมูบ่ ้านเทา่ น้นั (ไมซ่ ือ้ ท่ี 7-11) ทุกครวั เรอื น
มีหนุ้ ส่วนในร้านค้าแหง่ น้ี มสี ว่ นไดเ้ สยี มีความเปน็ เจา้ ของร่วมกัน

๓) การบรหิ ารจดั การผ่านองค์กรการเงินชุมชนอื่น ๆ ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยเู นี่ยน
เลงิ ฮังสามัคคี จากดั กองทนุ หมู่บ้าน เป็นต้น เพอื่ ใหค้ นในหมู่บ้านคอยดแู ลซง่ึ กนั และกัน การปลอ่ ยสนิ เช่ือ
จะยดึ ถอื ความเชอ่ื มัน่ เชื่อใจเป็นหลัก ไมไ่ ด้ยดึ ถอื ที่หลกั ทรัพย์ค้าประกันเหมือนเช่นธนาคารทั่วไป และยังมกี าร
จดั สรรเงินสาธารณประโยชนเ์ พอื่ ดูแลคนในหมู่บา้ นและสาธารณประโยชนต์ า่ ง ๆ

๔) “โคกสะอาดโมเดล” คือ แผนพัฒนาหมู่บ้านโคกสะอาด เป็นการกาหนด ทิศ
ทางการพฒั นาหมูบ่ ้าน กาหนดหลักสูตรการเรยี นการสอนในโรงเรยี นประจาหมู่บ้าน แนวทางการอบรม
ของวดั และกาหนดโมเดลหลอ่ หลอมความรักความสามัคคขี องชมุ ชน

๒.๖.๒ การบรหิ ารการพัฒนาระดบั ตาบลและอาเภอ ได้แก่

๑) การพัฒนาแหลง่ น้าและกักเก็บน้าด้วยการขุดสระ ขุดลอกลาน้าหว้ ยเตย สร้าง
ฝายแม้ว เพ่ือกักเก็บน้าและขุดบ่อน้าบาดาล ปัจจุบันมีน้าบาดาล ๕ บ่อ ใช้ในการทาน้าประปาสาหรับ
หมู่บ้าน ๒ บ่อ ใชเ้ พ่ือการเกษตร ๑ บอ่ ใช้เพอ่ื การปศุสตั วอ์ ีก ๒ บอ่ ปรบั ปรุงดนิ จนสามารถทาการเกษตร
ไดด้ ี

๒) การส่งเสรมิ การทาเกษตรทฤษฎีใหม่
๓) ศนู ยเ์ พาะพนั ธไุ์ มส้ กลนคร องคก์ ารบริหารส่วนตาบลอุม่ จาน และโรงเรียนบา้ น
โคกสะอาด ร่วมกันอนรุ ักษ์ปา่ อนุรักษ์พนั ธไ์ุ ม้ อนรุ ักษ์สมุนไพรกวา่ ๑๒๖ ชนิด ตามแนวทางหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง
๔) ทาแนวก้นั ไฟป่าไมใ่ ห้ลามส่ไู รน่ าในฤดูแลง้
๕) ออกแบบนาข้าวโดยใหป้ า่ เลย้ี งนา
๖) การปรบั ปรุงและอนรุ กั ษด์ ิน ทาจลุ ินทรีย์สงั เคราะหแ์ สงใชแ้ ทนปยุ๋ เคมีเปน็ ผลให้
ดนิ มีสภาพดี
๒.๖.๓ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของการปฏบิ ัตงิ านตามนโยบายของรฐั บาล ได้แก่

๑) ผลลัพธ์จากการขับเคล่ือนแปลงเกษตรและผืนป่าตามแนวทางปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ผลใหค้ นรนุ่ ใหม่ท่ีเคยทางานอยกู่ รงุ เทพมหานคร กลบั มาทานา ทาการเกษตรและ

๑๗

ดูแลปา่ สร้างรายได้จนเพยี งพอต่อการดารงชวี ิต และมีรายได้จากการเป็นวทิ ยากรเมอ่ื มีการเขา้ มาศกึ ษาดู
งานในพืน้ ท่ี คุณภาพชวี ิตดีข้นึ

๒) วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน จากเดิมท่ีเคยทาการเกษตรเพ่ือเลี้ยงชีพ ค่อย ๆ
ปรับเปลี่ยนมาเป็นการทาการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างมีแบบแผน มีระบบ เพ่ือรองรับการศึกษาเรียนรู้ท้งั
จากภายในและภายนอกหมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในการถ่ายทอดความรู้ ผลักดันให้
ขยายผลไปสู่หมูบ่ ้านตา่ ง ๆ

๓) การขยายผลการเกษตรท่วั ทั้งหม่บู า้ น และแนวโน้มการหวนคนื ชมุ ชนของคนร่นุ
ใหม่ กระแสการอยอู่ าศัยตามหวั ไร่ปลายนาเพ่ือหลีกหนีความวุ่นวายของสังคม สง่ ผลให้สถาบนั ครอบครัว
มคี วามเข้มแขง็ อบอนุ่

๒.๗ การร่วมคดิ กจิ กรรมการพฒั นาร่วมกับชุมชน
๒.๗.๑ พฒั นาระบบนา้ เพ่อื การเกษตร โดยมีแนวทาง ดงั นี้
๑) การขุดสระในไร่นา/บ่อขนมครก ขนาด 5 x ๕ เมตร ลึกไม่ต่ากว่า ๔ เมตร

กระจายไปตามในพ้นื ท่ีการเกษตรของชาวบ้าน เพือ่ รกั ษาระดบั น้าไมใ่ หแ้ หง้ ในฤดูแลง้ โดยประสาน ไปยัง
สถานีพัฒนาทด่ี นิ สกลนคร

ภาพท่ี 2๖ ภาพสระน้าประจาไร่นาของกรมพัฒนาท่ดี นิ

๒) โครงการดินแลกน้า บ่อต้องลึกไม่ต่ากว่า ๕ เมตร เพ่ือรักษาระดับน้าไม่ให้แหง้
ในฤดูแล้ง โดยหากเป็นท่ีดินสาธารณะ ให้ประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตาบลอุ่มจาน เพ่ือ
ประสานผู้รับเหมาดาเนินการ แต่หากเป็นท่ีเอกชนชาวบ้านสามารถดาเนินการได้เองโดยประสานไปยงั
สถานพี ัฒนาทด่ี ินสกลนคร

๓) จัดทาเคร่ืองสูบน้าด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยประสานไปยังองค์การ
บริหารส่วนตาบลอุ่มจาน ท้องถ่ินอาเภอกุสุมาลย์ โครงการชลประทานสกลนคร หรือพลังงานจังหวัด
สกลนคร

๔) ธนาคารน้าใต้ดิน โดยประสานไปยังองค์การบริหารส่วนตาบลอ่มุ จาน ท้องถ่นิ
อาเภอ กรมชลประทาน หรือสานักงานทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมจังหวัด

๕) จัดทาระบบสูบน้าด้วยไฟฟ้าจากลาน้าอูน โดยประสานไปยังองค์การบริหาร
สว่ นตาบลอุม่ จาน ทอ้ งถ่ินอาเภอกุสุมาลย์ โครงการชลประทานสกลนคร หรอื พลังงานจังหวัดสกลนคร

๖) จดั ทาแผนที่เกษตรเพ่อื เป็นขอ้ มลู ประกอบการวางแผนปลกู พืชให้เหมาะสมตาม
ฤดูกาล วางแผนจัดการน้าใหเ้ พยี งพอ โดยประสานไปยัง องค์การบริหารส่วนตาบลอมุ่ จาน ท้องถิ่นอาเภอ
กุสมุ าลย์ หรือเกษตรอาเภอกสุ มุ าลย์

๑๘

๒.๗.๒ ขยายเขตการไฟฟา้ เพื่อใช้ในการผนั นา้ เพอื่ การเกษตร โดยมีแนวทาง ดังน้ี
๑) จัดทาแผนพัฒนาหมู่บ้านเสนอต่อไปยังองค์การบรหิ ารส่วนตาบลอุ่มจาน เพ่อื

บรรจุเป็นแผนพฒั นา และจดั ทาคาของบประมาณไปยงั ทอ้ งถ่ินจังหวัดสกลนครเพือ่ ดาเนินการต่อไป
๒) จัดทาแผนของบประมาณการปรบั ปรุงเส้นทางใหม้ ถี นนเพ่อื ปกั เสาพาดสาย

เสนอตอ่ ไปยงั องค์การบรหิ ารส่วนตาบลอมุ่ จาน และการไฟฟา้ สว่ นภูมภิ าคอาเภอกุสุมาลย์ โดยตอ้ งมกี าร
ทาความยนิ ยอมให้ใชท้ ี่ดนิ ของเกษตรกรเพือ่ เปน็ ทต่ี ั้งเสาไฟ

๓) รวมกลุ่มเกษตรกรเพ่ือขอไฟฟ้าเพ่ือการเกษตร เสนอต่อไปยังองค์การบริหาร
ส่วนตาบลอุ่มจาน และการไฟฟ้าสว่ นภูมภิ าคอาเภอกุสุมาลย์

๒.๗.๓ การพฒั นาศกั ยภาพ ทักษะให้แก่คนทกุ ช่วงวยั ในชมุ ชน เพ่อื ใหร้ ู้เทา่ ทันโลก เท่าทันการ
เปล่ียนแปลง

๑) การพัฒนาเด็ก โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วนตาบลอุ่มจาน สาธารณสุข
อาเภอกุสุมาลย์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านหนองบัวสร้าง พัฒนาสงั คมและความม่ันคงของ
มนษุ ย์จังหวดั สกลนคร ภาคประชาสังคมในพ้นื ท่ี และภาคเอกชน เพื่อดาเนนิ การในเร่อื ง ดังนี้

(๑) ต้งั แต่ช่วงการตัง้ ครรภจ์ นถึงปฐมวยั จดั ให้มีการเตรยี มความพรอ้ มแก่พ่อแม่
กอ่ นการต้ังครรภ์ พร้อมท้ังส่งเสริมอนามัยแม่และเด็กต้ังแตเ่ ร่มิ ตงั้ ครรภ์

(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการเล้ยี งลูกด้วยนมแม่ และสารอาหารที่จาเป็นต่อ
สมองเดก็ การกระตุ้นพฒั นาการสมองและการพัฒนาเด็กปฐมวัยใหม้ พี ัฒนาการที่สมวยั ทกุ ดา้ น

๒) การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยร่นุ โดยร่วมมือกับองค์การบรกิ ารสว่ นตาบลอมุ่ จาน
ศกึ ษาธกิ ารจังหวดั สกลนคร สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต ๑ และพฒั นาสงั คม
และความมน่ั คงของมนุษย์จงั หวัดสกลนคร เพอื่ ดาเนินการในเร่ือง ดังน้ี

(๑) จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ ทักษะด้านดิจิทัล และ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยที สี่ อดคล้องกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ

(๒) จดั ให้มีการพัฒนาทักษะในการวางแผนชวี ิตและวางแผนการเงิน ตลอดจน
ทักษะการเรยี นรูท้ ีเ่ ช่อื มต่อกับโลกการทางาน

(๓) จดั ให้มกี ารเรยี นรู้ทักษะอาชีพท่สี อดคลอ้ งกบั ความต้องการของประเทศ
๓) พัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วน
ตาบลอุ่มจาน แรงงานจังหวัดสกลนคร สานกั งานพัฒนาฝีมอื แรงงานจงั หวดั สกลนคร ภาคเอกชนในพ้ืนท่ี
เพื่อดาเนินการในเรื่องการยกระดบั ศกั ยภาพ ทักษะ และสมรรถนะของคนในช่วงวัยทางานใหส้ อดคลอ้ ง
กับความสามารถเฉพาะบุคคล เพอื่ สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกจิ และผลิตภาพเพ่มิ ข้ึนใหก้ ับประเทศ
๔) การส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ โดยร่วมมือกับองค์การบริการส่วนตาบล
อมุ่ จาน สาธารณสุขอาเภอกุสมุ าลย์ โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลบา้ นหนองบัวสรา้ ง พฒั นาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสกลนคร ภาคประชาสังคมในพืน้ ท่ี และภาคเอกชน เพื่อดาเนินการในเรือ่ ง
ดังนี้

(๑) ส่งเสริมการมีงานทาของผสู้ ูงอายุให้พ่งึ พาตนเองไดท้ างเศรษฐกิจ และร่วม
เป็นพลงั สาคญั ต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ ชมุ ชน และประเทศ

(๒) จัดสภาพแวดลอ้ มใหเ้ ปน็ มิตรกับผู้สูงอายุ เพ่ือความปลอดภัยจากการพลัด
ตกหกลม้

๑๙

(๓) จัดให้มีอาสาสมัครเพ่ือการดูแลผู้สูงอายุในทุกมิติ ท้ังด้านสุขภาพกาย
สุขภาพจติ

(๔) จัดกิจกรรมสง่ เสริมความรู้ให้คนทุกช่วงวัยโดยเฉพาะผู้สงู อายุ ส่ือสารผา่ น
เสียงตามสายของหม่บู า้ น เพ่อื ส่งเสรมิ ให้ผ้สู ูงอายมุ ีความรู้เท่าทนั การเปล่ยี นแปลงของสงั คม

(๕) ใช้กิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ โรงเรียนผู้สูงอายุ เป็นกลไกในการสร้างความ
เข้มแขง็ ให้ผสู้ ูงอายุ

๒.๗.๔ มาตรการป้องกนั หรอื ลดผลกระทบจากโรงงานน้าตาล ดังนี้
(๑) ใช้รปู แบบคณะกรรมการไตรภาคี (รัฐ เอกชน และประชาชน) ชว่ ยตดิ ตามกากบั

ตรวจสอบ การดาเนินงานของโรงงาน อย่างนอ้ ยปีละ 4 ครงั้
(๒) ขอให้โรงงานตดิ ตง้ั ไฟฟา้ สอ่ งสว่างตามเสน้ ทางถนนเขา้ ออกโรงงานเพิ่มเตมิ เพื่อ

ความปลอดภยั แกป่ ระชาชนทีส่ ัญจรไปมา โดยส่งแบบใหห้ มวดทางหลวงกสุ มุ าลย์พิจารณาอนุญาต
(๓) จัดทาโครงการตา่ ง ๆ ท่ีได้รบั ผลกระทบจากโรงงานนา้ ตาล เพื่อพัฒนาหมู่บา้ น

เป็นประจาทุกปี เช่น ด้านสาธารณูปโภค ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านศาสนา
และวัฒนธรรม เปน็ ต้น

ภาพท่ี 2๗ ภาพผู้แทนนักศึกษา นปส. ๗๗ (กป.๕) มอบของทร่ี ะลึกแทนคาขอบคณุ เป็นเคร่อื งวัดความดัน
เพือ่ ให้ชุมชนไดใ้ ช้ประโยชน์ในศูนย์พกั คอยสงั เกตอาการผู้มีความเสยี่ งติดเชือ้ โควิด ๑๙


Click to View FlipBook Version