195
4. ครูยกตัวอย่างวิธีการเลียนแบบเสียงและทำท่าทางประกอบให้นักเรียนเข้าใจ เช่น ครูทำเสียงบรึ้น ๆ และทำ
ทา่ ทางขบั รถ และให้นกั เรยี นทายวา่
- ครกู ำลงั ทำเสียงอะไร
- เสยี งที่ครูกำลงั เลยี นแบบนน้ั มาจากแหลง่ กำเนดิ เสยี งใด
- แหลง่ กำเนิดเสยี งน้ันจัดเปน็ แหลง่ กำเนิดเสียงประเภทใด
จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบคำถาม จนแน่ใจว่านกั เรยี นเข้าใจวธิ กี ารทำกิจกรรมแลว้
5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมตัวในการทำกิจกรรม โดยกำหนดเวลาไม่เกิน 5 นาที จากนั้นครูให้นักเรียน
แต่ละกลุ่มออกมาทำเสียงต่าง ๆ ที่เลือก พร้อมทำท่าทางประกอบ แล้วร่วมกันอภิปรายความรู้ว่าแต่ละเสียงที่
นักเรียนทำเลียนแบบนั้นเป็นเสียงอะไร มาจากแหล่งกำเนิดเสียงใด และแหล่งกำเนิดเสียงนั้นจัดเป็น
แหลง่ กำเนิดเสียงประเภทใด แลว้ ใหเ้ พ่ือนท่อี อกมาทำเสยี งเปน็ คนเฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้อง
6. ครูชักชวนนักเรียนตอบคำถามหลังจากทำกิจกรรมในใบงาน หน้า 46 โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
ทลี ะข้อ จากนั้นครูใช้สื่อสไลด์เฉลยคำตอบทถี่ ูกตอ้ งอกี ครงั้
ขั้นสรปุ (เวลา 5 นาที)
7. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้เรียนด้วยตนเองเกี่ยวกับเสียงต่าง ๆ รอบตัวเรา จากนั้นใช้คำถามจาก
สือ่ สไลด์ดังนี้
7.1 สิง่ ทที่ ำให้เกิดเสยี งเรยี กวา่ อะไร (แหลง่ กำเนิดเสยี ง)
7.2 แหล่งกำเนดิ เสียงมีกี่ประเภท อะไรบา้ ง (แหลง่ กำเนิดเสยี งมี 2 ประเภท คือ แหล่งกำเนิดเสียงทีเ่ กิดขึ้นเอง
ตามธรรมชาติ และแหลง่ กำเนดิ เสยี งที่มนุษยส์ รา้ งขึ้น)
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมอีกครั้งโดยใช้สื่อสไลด์ โดยสรุปได้ว่า สิ่งที่ทำให้เกิดเสียง คือ แหล่งกำเนิด
เสียง แหล่งกำเนิดเสียงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแหล่งกำเนิด
เสยี งทีม่ นุษยส์ ร้างขน้ึ
9. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงาน 02 แบบฝึกหดั เรอ่ื งแหล่งกำเนิดเสียง หนา้ 47 เปน็ การบ้าน
8. สอื่ /แหล่งเรียนรู้
8.1 สื่อสไลด์ เรือ่ ง เสยี งรอบตวั เรา (3)
8.2 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เสียงรอบตวั เรามีอะไรบา้ ง หน้า 41
8.3 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนิดเสียงรอบตัวเรา หนา้ 46
8.4 ใบงาน 02 แบบฝกึ หัดเรือ่ ง แหลง่ กำเนดิ เสียง หนา้ 47
196
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 แหล่งกำเนดิ เสียงรอบตัวเรา หนา้ 46
9.2 ใบงาน 02 แบบฝึกหัดเรือ่ ง แหล่งกำเนดิ เสียง หน้า 47
10. การวดั และประเมินผล
ส่ิงทต่ี ้องการวดั /ประเมนิ วิธีการ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
แบบประเมินความรู้ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
1) ด้านความรู้ ความเข้าใจ สงั เกตการตอบคำถามใน ระดบั คณุ ภาพดขี ึน้ ไป
แบบประเมินทักษะ
- ระบปุ ระเภทของแหลง่ กำเนิดเสยี ง ช้ันเรยี นและเน้ือหาใน กระบวนการทาง ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
วิทยาศาสตร์ ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ึ้น
ใบงาน ไป
แบบประเมินเจตคติ
2) ด้านทกั ษะ/กระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
ระดบั คุณภาพ “ผา่ น”
- ลงความเหน็ จากขอ้ มูลเกย่ี วกับ ทางวิทยาศาสตรใ์ น แบบประเมนิ
สมรรถนะสำคญั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
แหลง่ กำเนิดเสยี งและประเภทของ การทำกิจกรรม ของผเู้ รียน ระดบั คณุ ภาพ “ผ่าน”
แหลง่ กำเนิดเสยี ง
- ตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
เกีย่ วกับความหมายของแหล่งกำเนิด
เสียงและประเภทของแหลง่ กำเนิดเสียง
3) ดา้ นคุณลกั ษณะ สงั เกตดา้ นเจตคติทาง
เจตคติ ค่านยิ ม วิทยาศาสตร์
- การยอมรบั ความเหน็ ต่าง
- ความอยากรอู้ ยากเหน็
4) สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน สังเกตพฤติกรรมขณะทำ
1. ความสามารถในการสอื่ สาร กจิ กรรม
- บอกประเภทของแหล่งกำเนดิ เสยี ง
2. ความสามารถในการคดิ
- ลงความเหน็ จากข้อมูลเกี่ยวกับ
แหลง่ กำเนิดเสียงและประเภทของ
แหล่งกำเนดิ เสยี ง
3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
- การทำงานร่วมกนั กบั ผอู้ ื่น
197
แบบประเมนิ ความรู้
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15 เรือ่ ง เสียงรอบตวั เรา (3)
ชอ่ื ผูป้ ระเมนิ ……………………………………………………………........................………………………………………..............
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี………….... วันที่ ……………...........……... เดือน ………..…..........…….…. พ.ศ. ……...….……........
เรื่อง………………………………………………………......……………………………………………………………………...........…….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน
ชื่อ-สกุล/กล่มุ การตอบ การสรุป ความถูกต้อง รวมคะแนน
คำถามใน ความรู้ ครบถว้ นของเน้ือหา (10 คะแนน)
ชัน้ เรยี น (4)
ในใบงาน
(4)
(2)
198
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ นำ้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรุง) 4
ตอบคำถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถูกต้อง 4
0.5
คำถามในช้ันเรยี น ถูกตอ้ งท้ังหมด ถกู ตอ้ งเปน็ ส่วน ถกู ตอ้ งบางส่วน สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ 2
เก่ยี วกบั เรื่องที่
ใหญ่ ศึกษาไม่ถูกต้อง
และไม่ครบถว้ น
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรูค้ วาม สรปุ ความร้คู วาม
เน้อื หาทเี่ ขยี นใน
ความเข้าใจ เขา้ ใจเกย่ี วกับ เขา้ ใจเกย่ี วกับ ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง
เกีย่ วกบั เรอ่ื งท่ี เร่ืองท่ศี กึ ษาได้ เรอื่ งทศ่ี กึ ษาได้
ศกึ ษาไดถ้ กู ต้อง ถกู ตอ้ ง แต่ไม่ ถูกตอ้ งบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไมค่ รบถ้วน
3. ความถกู ต้อง เน้ือหาทเ่ี ขยี นใน เน้อื หาทเี่ ขยี นใน เน้อื หาที่เขียนใน
ครบถ้วนของ ใบงานมีความ ใบงานมบี างส่วน ใบงานมีความ
เนอื้ หาในใบงาน ถูกตอ้ งครบถว้ น ไมถ่ ูกต้อง ตามที่ ถกู ต้องเป็นส่วน
ตามที่กำหนด กำหนด น้อย
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑ์การตดั สนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพดขี ึ้นไป
199
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 15 เรื่อง เสียงรอบตัวเรา (3)
ชื่อผ้ปู ระเมนิ ………………………………………………………………......................………………………………………..............
ประเมนิ ผลครงั้ ที…่ ……………….... วนั ที่ ……………......…... เดือน ……......…..……….…. พ.ศ. ……...….………........
เรือ่ ง……………………………………….………………………......…………………………………………………………………............
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวม
ช่ือ-สกลุ /กลุ่ม การลงความเหน็ การตีความหมายขอ้ มูล คะแนน ผลการประเมนิ
จากข้อมูล (3) และลงขอ้ สรปุ (3) (6 คะแนน)
200
เกณฑก์ ารประเมิน
ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
การลงความเห็น ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)
จากขอ้ มลู สามารถเพิม่ เติมความคิดเห็น
สามารถเพม่ิ เติมความ สามารถเพิ่มเตมิ ความคดิ เหน็ เก่ียวกับแหล่งกำเนดิ เสียงและ
การตีความหมาย ประเภทของแหลง่ กำเนิดเสียง
ขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป คิดเหน็ เกีย่ วกับแหล่งกำเนิด เก่ียวกับแหลง่ กำเนดิ เสียง ไดเ้ พียงบางส่วน ถึงแมจ้ ะ
ได้รบั คำแนะนำจากครูหรือ
เสียงและประเภทของ และประเภทของ ผอู้ ่นื
แหลง่ กำเนิดเสยี งไดอ้ ย่าง แหล่งกำเนดิ เสียงไดอ้ ยา่ ง สามารถตีความหมายข้อมูลท่ี
ได้จากการทำกิจกรรมและลง
ถูกตอ้ ง มเี หตุผล จากความรู้ ถูกตอ้ ง พยายามใหเ้ หตผุ ล ข้อสรุปเก่ยี วกบั การเกิดเสียง
และประเภทของเสียงได้
หรือประสบการณเ์ ดิมได้ จากความรูห้ รือประสบการณ์ บางสว่ น ถึงแมจ้ ะได้รับ
คำแนะนำจากครหู รอื ผอู้ ่ืน
ด้วยตนเอง เดมิ ได้ จากการชี้แนะของครู
หรือผอู้ ่ืน
สามารถตคี วามหมายข้อมลู สามารถตีความหมายขอ้ มลู ท่ี
ทไ่ี ดจ้ ากการทำกจิ กรรมและ ไดจ้ ากการทำกิจกรรมและลง
ลงขอ้ สรปุ ไดว้ า่ สิง่ ทท่ี ำให้ ขอ้ สรุปไดว้ ่า สิ่งที่ทำใหเ้ กดิ
เกดิ เสยี ง คอื แหล่งกำเนิด เสียง คือ แหลง่ กำเนดิ เสียง
เสียง แหล่งกำเนดิ เสียง แหล่งกำเนดิ เสยี งแบ่งเป็น 2
แบง่ เป็น 2 ประเภท คอื ประเภท คือ แหล่งกำเนดิ
แหล่งกำเนิดเสยี งที่เกดิ ข้ึน เสยี งทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตาม
เองตามธรรมชาติ และ ธรรมชาติ และแหลง่ กำเนิด
แหลง่ กำเนิดเสียงท่มี นุษย์ เสียงท่มี นษุ ยส์ รา้ งขึน้ ได้ จาก
สรา้ งขนึ้ ไดด้ ว้ ยตนเอง การช้แี นะของครูหรอื ผู้อื่น
เกณฑ์การประเมินคุณภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารตดั สิน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คุณภาพพอใชข้ ้นึ ไป
201
แบบประเมินคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 15 เรือ่ ง เสยี งรอบตัวเรา (3)
ชอื่ ผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมิน…………………………………………………………………………………….........................................
ชื่อกล่มุ รับการประเมนิ …………………………………………………………………………………………..........................................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี……………....……....... วนั ……………..…. เดอื น …...........………………..………. พ.ศ. ……...….…….......
เร่ือง………………………………………………………………………………………………………………………....................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ เกณฑก์ ารตัดสิน
ผ่าน ไมผ่ า่ น
1. การยอมรับความเหน็ ต่าง
2. ความอยากรู้อยากเห็น
เกณฑ์การตดั สนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ “ผา่ น”
202
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 เรื่อง เสยี งรอบตัวเรา (3)
ผู้ประเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ..........................................................................................................................................
ช่อื กลมุ่ รบั การประเมิน...........................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครง้ั ที่....................วนั ท่ี.....................เดือน..................................................พ.ศ...................................
เรือ่ ง............................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี เกณฑก์ ารตัดสิน
ผา่ น ไมผ่ ่าน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
- บอกประเภทของแหลง่ กำเนดิ เสียง
2. ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ จากข้อมลู เกย่ี วกบั แหล่งกำเนิดเสียง
และประเภทของแหลง่ กำเนิดเสียง
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- การทำงานรว่ มกนั กับผอู้ ่นื
เกณฑก์ ารตัดสิน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับคุณภาพ “ผา่ น”
เฉลยใบงาน
204
ไก่ขนั
รปู วาดแหลง่ กำเนิดเสียง
ขนึ้ กับผลการสำรวจของนกั เรยี น
205
ขึ้นกบั ผลการสำรวจของนกั เรียน
ขน้ึ กบั ผลการสำรวจของนกั เรยี น
206
ขนึ้ กับผลการสำรวจของนกั เรียน
ขึ้นกับผลการสำรวจของนกั เรียน
207
ส่ิงที่ทำใหเ้ กดิ เสียง
ส่งิ ทีท่ ำใหเ้ กิดเสียง
ทเี่ กิดข้นึ เองตามธรรมชาติ
ทมี่ นุษยส์ ร้างข้ึน
208
209
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 16 เรื่อง การเกิดเสียง (1)
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง เสยี งรอบตัว หนว่ ยยอ่ ยที่ 1 เรอื่ ง เสยี งในชวี ติ ประจำวนั
รหัสวชิ า ว11101 รายวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ตวั ชี้วัด
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทศิ ทางการเคลอื่ นทีข่ องเสยี งจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสำคัญ
เสียงเกิดจากการสัน่ ของแหล่งกำเนดิ เสียง
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- บรรยายการเกิดเสยี งของวัตถุ
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตการเกิดเสียงของวัตถุ
- ตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุปเกีย่ วกบั การเกิดเสยี งของวตั ถุ
3.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มีวนิ ยั
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
เสยี งเกดิ จากการสัน่ ของแหลง่ กำเนิดเสียง เราสามารถใช้ประสาทสมั ผสั ในการสังเกตการเกิดเสยี งของวัตถุ
210
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- บรรยายการเกิดเสียงของวตั ถุ
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงขอ้ สรุปเกีย่ วกบั การเกิดเสียงของวตั ถุ
5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- การทำงานรว่ มกันกบั ผอู้ นื่
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
6.1 มีวนิ ยั
6.2 ใฝเ่ รยี นรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเข้าส่บู ทเรียน (เวลา 10 นาท)ี
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดเสียง โดยครูถือกีตาร์เข้ามาในห้องเรียน จากน้ัน
ชกั ชวนนักเรยี นพดู คยุ เก่ยี วกบั กตี าร์ และใช้คำถามจากส่ือสไลดด์ งั น้ี
1.1 สิง่ ที่ครูนำมา นกั เรยี นรู้จกั หรือไมว่ า่ คอื อะไร (กีตาร์)
1.2 เราจะมวี ิธีการทำอย่างไรใหก้ ีตารเ์ กิดเสยี ง (ดีดทสี่ ายของกตี าร)์
1.3 กตี ารเ์ ปน็ แหลง่ กำเนิดเสียงประเภทใด (แหล่งกำเนิดเสียงทมี่ นษุ ยส์ ร้างข้นึ )
1.4 นกั เรยี นคิดวา่ เสยี งจากกตี ารเ์ กิดขน้ึ ได้อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
2. ครูจดคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน เพื่อนำมาตรวจสอบความเข้าใจที่ถูกต้องหลังจากทำกิจกรรมอีกคร้ัง
จากน้ันครูชักชวนนักเรยี นไปหาคำตอบจากการทำกิจกรรม
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
3. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ตามความเหมาะสม เพื่อทำกิจกรรมที่ 1 เสียงเกิดได้อย่างไร
หนา้ 49 โดยครูใช้สือ่ สไลดพ์ านักเรยี นอ่านชอ่ื กิจกรรม และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ จากน้ันครใู ช้คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี
3.1 กิจกรรมนจ้ี ะไดเ้ รยี นเก่ียวกับเรอ่ื งอะไร (การเกดิ เสยี ง)
3.2 กิจกรรมนเ้ี รยี นดว้ ยวธิ ีการใด (การสังเกต)
3.3 เมื่อเรยี นกจิ กรรมน้เี สรจ็ แลว้ นกั เรยี นจะทำอะไรได้ (บรรยายการเกดิ เสยี งได้)
4. ครูใช้สื่อสไลด์พานักเรียนอ่านวัสดุ-อุปกรณ์ และวิธีการทำกิจกรรม ข้อ 1-4 หน้า 49 จากนั้นครูใช้คำถาม
เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจ ดังน้ี
211
4.1 อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการทำกจิ กรรมคืออะไร (กระดง่ิ )
4.2 ในกิจกรรมนี้นกั เรยี นตอ้ งใชส้ ว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายใดบา้ งในการสังเกต (หูและมือ)
4.3 ในกิจกรรมนี้นักเรียนจะต้องสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับกระดิ่งกี่ครั้ง แต่ละครั้งเหมือนและแตกต่างกัน
อยา่ งไร (สังเกต 3 ครั้ง โดยทกุ ครงั้ จะต้องใชห้ แู ละมือสังเกตสิ่งทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั กระด่งิ แต่มสี ่งิ ทีแ่ ตกตา่ งกัน
คือ ครั้งแรกให้ใช้มือแตะกระดิ่งโดยที่ยังไม่ต้องกดกระดิ่ง ครั้งที่สองให้กดกระดิ่ง แล้วใช้มือแตะท่ี
กระดง่ิ เบา ๆ และคร้ังสดุ ทา้ ยให้กดกระดิ่ง แลว้ ใช้มอื จับกระดงิ่ ให้แนน่ )
4. ครูอธิบายวิธีการบันทึกผลในใบงาน 01 หน้า 50 โดยให้นักเรียนบันทึกผลการสังเกตลงในช่องตารางตาม
กิจกรรมแต่ละข้ันตอน
5. ครูสาธิตวิธีการแตะกระดิ่งและวิธีการจับกระดิ่งให้แน่น ๆ ว่าสามารถทำได้อย่างไร จากนั้นครูให้นักเรียนปฏิบัติ
กิจกรรมและบันทึกผล โดยกำหนดเวลาตามความเหมาะสม ทั้งนี้ครูคอยสังเกตและใหค้ ำแนะนำในระหวา่ งการ
ทำกิจกรรมของนักเรียน (ครูสามารถจัดกิจกรรมได้ตามความเหมาะสม หากอุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อการทำ
กิจกรรมเป็นกลุ่ม ครูอาจใช้การสาธิตหน้าห้องเรียน และเลือกตัวแทนนักเรียนออกมาสังเกตแล้วบรรยายผล
การสงั เกตใหเ้ พือ่ นฟงั จากนัน้ รว่ มกนั ลงความเหน็ จากข้อมูลทีไ่ ด้จากการสังเกตและบันทกึ ผล)
6. ครูสุ่มเลือกนกั เรียนบางกล่มุ ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถามเพื่ออภิปรายผลการทำกจิ กรรม
ดังนี้
6.1 แหลง่ กำเนดิ เสยี งในกิจกรรมนี้คอื อะไร (กระดง่ิ )
6.2 นกั เรยี นไดย้ นิ เสยี งกระดง่ิ เมอ่ื ใด (เมอ่ื กดกระดง่ิ )
6.3 ก่อนและเมื่อกดกระดิ่งแล้วใช้มือแตะเบา ๆ ผลการสังเกตเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร (แตกต่างกัน
โดย ก่อนกดกระด่ิง กระดิง่ จะไมส่ น่ั และไมม่ ีเสียง แต่เม่ือกดกระดง่ิ กระดิง่ จะสน่ั และมเี สียง)
6.4 เมื่อกดกระดิ่งแล้วใช้มือแตะกระดิ่งเบา ๆ กับการใช้มือจับกระดิ่งให้แน่น ผลการสังเกตเหมือนหรือ
แตกต่างอย่างไร (แตกต่างกัน โดยเมื่อกดกระดิ่งแล้วใช้มือแตะกระดิ่งเบา ๆ กระดิ่งจะสั่นและมีเสียง
แต่เม่อื ใช้มือจับกระดงิ่ ใหแ้ น่น กระด่งิ จะไมส่ ั่นและไมม่ ีเสียง)
7. ครูชักชวนนักเรียนอภิปรายการเกิดเสียงของกีตาร์จากขั้นนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนอธิบายว่าเสียง
ของกีตาร์เกิดขึ้นได้อย่างไร (เสียงของกีตาร์เกิดจากการสั่นของสายกีตาร์ สังเกตได้จากเมื่อเราดีดสายกีตาร์
สายกีตาร์จะสั่นแล้วเราจะได้ยินเสียง แต่เมื่อเราดีดแล้วจับสายกีตาร์ให้แน่น สายของกีตาร์จะหยุดสั่นและจะ
ไม่มีเสยี ง)
8. ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดเสียงของสิ่งต่าง ๆ เช่น การเกิดเสียงของมนุษย์ โดยครูอาจให้นักเรียนใช้
มือแตะเบา ๆ ที่คอขณะเปล่งเสียง นักเรียนจะสัมผสั ได้ถึงการส่ันบริเวณคอ แต่เมื่อเราหยุดพูด บริเวณคอจะไม่
สั่น เนอื่ งจากภายในคอของเรามีเสน้ เสียง ทจ่ี ะเกิดการส่ันเมื่อเราเปลง่ เสยี ง
212
9. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมว่านอกจากการใช้มือสังเกตการส่นั ของวตั ถุบางชนดิ แลว้ นักเรียนอาจใช้ตาสงั เกตการสัน่ ของ
วัตถบุ างชนิดไดด้ ้วย เชน่ การสน่ั ของสายกีตาร์ซงึ่ สามารถใช้ไดท้ ั้งมือสมั ผสั และตาในการสังเกตการสั่นได้
ข้นั สรปุ (เวลา 5 นาท)ี
10. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นได้สรปุ ความรทู้ ไ่ี ดเ้ รียนเกี่ยวกบั การเกดิ เสยี งของวตั ถุ โดยใช้คำถามดังน้ี
10.1 เสยี งเกิดขึน้ ได้อย่างไร (เสียงเกิดจากการส่นั ของวตั ถุ)
10.2 การสังเกตการเกดิ เสยี งของวตั ถุ เราใชส้ ่วนใดของรา่ งกายในการสงั เกต (หู ตา และมอื )
11. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมโดยใช้สื่อสไลด์ ซึ่งสรุปได้ว่า เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง
เราสามารถใชป้ ระสาทสัมผสั ในการสงั เกตการเกิดเสียงของวตั ถุ
12. ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามหลังจากทำกจิ กรรมในใบงาน หนา้ 51 เป็นการบ้าน
8. สื่อ/แหล่งเรยี นรู้
8.1 ส่อื สไลด์ เรอื่ ง การเกดิ เสยี ง (1)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 1 เสียงเกิดขึ้นไดอ้ ยา่ งไร หนา้ 49
8.3 ใบงาน 01 เร่อื ง การเกดิ เสียง หน้า 50
8.4 กตี าร์
8.5 กระดิ่ง
ข้อเสนอแนะ
ในการทำกจิ กรรม ครูอาจใช้แหลง่ กำเนิดเสียงอื่นนอกจากกระด่ิง โดยให้พิจารณาเลือกแหลง่ กำเนิดเสียงท่ี
เมื่อทำให้สั่นแล้ว แหล่งกำเนิดเสียงนั้นสามารถสั่นได้ระยะหนึ่งเพื่อให้นักเรียนสังเกตการสั่นได้ และควรเป็น
แหลง่ กำเนดิ เสียงทม่ี ขี นาดไม่ใหญ่จนเกินไป ท่ีเม่อื จบั ให้แนน่ แล้วสามารถทำใหห้ ยดุ ส่นั ได้ เช่น ท่อเหล็ก สายกีตาร์
9. ช้ินงาน/ภาระงาน
- ใบงาน 01 เรอื่ ง การเกิดเสยี ง หน้า 50
213
10. การวดั และประเมนิ ผล
สิง่ ทต่ี อ้ งการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
1) ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ สงั เกตการตอบคำถาม แบบประเมนิ ความรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั
ในชนั้ เรยี นและเนอ้ื หา คุณภาพดขี ึน้ ไป
- บรรยายการเกดิ เสียง ในใบงาน แบบประเมนิ ทักษะ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับ
ของวัตถุ สงั เกตทักษะ กระบวนการทาง คุณภาพพอใช้ขึน้ ไป
2) ด้านทักษะ/กระบวนการ กระบวนการ วทิ ยาศาสตร์
ทางวิทยาศาสตร์ใน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั
- สงั เกตการเกิดเสียงของ การทำกิจกรรม แบบประเมนิ คณุ ภาพ “ผา่ น”
วัตถุ คณุ ลักษณะอนั พงึ
สังเกตคุณลักษณะ ประสงค์ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั
- ตีความหมายข้อมลู และ อนั พึงประสงค์ คุณภาพ “ผ่าน”
ลงข้อสรุปเก่ียวกับการเกดิ แบบประเมิน
เสียงของวัตถุ สงั เกตพฤตกิ รรมขณะ สมรรถนะสำคญั ของ
3) ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ทำกิจกรรม ผู้เรียน
ค่านิยม
- มีวินัย
- ใฝ่เรียนรู้
4) สมรรถนะสำคญั ของ
ผเู้ รียน
1. ความสามารถใน
การส่อื สาร
- บรรยายการเกดิ เสียง
ของวัตถุ
2. ความสามารถในการคิด
- ลงข้อสรุปเกี่ยวกับการ
เกิดเสยี งของวัตถุ
3. ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชวี ิต
- การทำงานรว่ มกันกบั
ผูอ้ น่ื
214
แบบประเมินความรู้
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16 เรือ่ ง การเกดิ เสยี ง (1)
ช่อื ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….………….......
เร่ือง……………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน
ชอื่ -สกลุ /กลุ่ม การตอบ การสรปุ ความถูกตอ้ ง รวมคะแนน
คำถามใน ความรู้ ครบถ้วนของเนือ้ หา (10 คะแนน)
ชนั้ เรยี น (4)
ในใบงาน
(4) (2)
215
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ น้ำหนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง) 1.0 4
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถูกตอ้ ง 0.5 4
คำถามในช้นั เรียน ถกู ตอ้ งท้ังหมด ถกู ต้องเปน็ ถกู ต้องบางส่วน สรปุ ความรเู้ ขา้ ใจ 2
เกีย่ วกับเรือ่ งที่
สว่ นใหญ่ ศกึ ษาไมถ่ ูกตอ้ ง
และไมค่ รบถว้ น
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความร้คู วาม สรปุ ความรู้ความ
เนือ้ หาทีเ่ ขยี นใน
ความเข้าใจ เขา้ ใจเกี่ยวกับ เขา้ ใจเกี่ยวกบั ใบงานไมถ่ ูกตอ้ ง
เก่ยี วกบั เรือ่ งท่ี เร่ืองทศี่ กึ ษาได้ เร่อื งท่ีศกึ ษาได้
ศึกษาได้ ถกู ต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางส่วน
และครบถ้วน ครบถว้ น และไม่ครบถว้ น
3. ความถูกตอ้ ง เนอ้ื หาท่เี ขยี นใน เนอ้ื หาทเี่ ขยี นใน เน้อื หาทเ่ี ขียนใน
ครบถ้วนของ ใบงานมีความ ใบงานมีบางสว่ น ใบงานมีความ
เนอื้ หาในใบงาน ถูกตอ้ งครบถ้วน ไม่ถกู ตอ้ ง ตามที่ ถูกตอ้ งเปน็
ตามท่กี ำหนด กำหนด ส่วนนอ้ ย
เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารตัดสนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั คณุ ภาพดขี ้ึนไป
216
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 16 เรอื่ ง การเกิดเสียง (1)
ชื่อผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ท…ี่ ……………….... วันท่ี …………….........…... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอื่ ง………………………………………………………………......…………………………………………………………………………….
ชอ่ื -สกลุ /กลุ่ม รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวมคะแนน ผลการ
การสงั เกต การตคี วามหมายขอ้ มูล (6 คะแนน) ประเมนิ
(3) และลงขอ้ สรปุ (3)
217
เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์
การสังเกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
สามารถใช้ประสาทสัมผสั ใน
การตคี วามหมาย สามารถใช้ประสาทสมั ผัสใน สามารถใช้ประสาทสมั ผัสใน การรวบรวมข้อมูลเก่ยี วกับการ
ข้อมูลและลงขอ้ สรุป เกดิ เสียงของวตั ถุไดบ้ างอย่าง
การรวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกบั การรวบรวมขอ้ มลู เกีย่ วกับ ถึงแม้จะไดร้ ับคำแนะนำจากครู
หรอื ผู้อ่ืน
การเกิดเสยี งของวัตถไุ ดด้ ว้ ย การเกิดเสียงของวัตถุไดโ้ ดย สามารถตคี วามหมายข้อมูลที่
ได้จากการทำกจิ กรรมและลง
ตนเอง โดยไมเ่ พ่มิ เติมความ การชีแ้ นะของครูหรอื ผู้อื่น ข้อสรุปเกยี่ วการเกิดเสียงของ
วัตถุไดบ้ างส่วน ถงึ แม้จะไดร้ บั
คดิ เห็น คำแนะนำจากครหู รอื ผอู้ น่ื
สามารถตคี วามหมายข้อมูล สามารถตคี วามหมายข้อมลู ที่
ท่ีไดจ้ ากการทำกิจกรรมและ ได้จากการทำกิจกรรมและลง
ลงขอ้ สรุปไดว้ า่ เสียงเกิด ขอ้ สรปุ ได้ว่า เสียงเกดิ จาก
จากการส่ันของแหลง่ กำเนิด การสนั่ ของแหล่งกำเนดิ เสียง
เสียง ด้วยตนเอง ได้ จากการชแ้ี นะของครูหรือ
ผูอ้ ่ืน
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารตัดสนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับคุณภาพพอใชข้ นึ้ ไป
218
แบบประเมินคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 16 เรอื่ ง การเกิดเสยี ง (1)
ผู้ประเมิน/กลมุ่ ประเมิน......................................................................................................................................................
ช่ือกลมุ่ รับการประเมนิ ........................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ที่...............วนั ที่...........เดอื น......................................................พ.ศ.......................................
เร่ือง......................................................................................................................................................................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี เกณฑก์ ารตัดสนิ
ผา่ น ไมผ่ ่าน
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
เกณฑก์ ารตดั สิน ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับคณุ ภาพ “ผา่ น”
219
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 16 เร่ือง การเกดิ เสียง (1)
ผปู้ ระเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ..........................................................................................................................................
ช่อื กลมุ่ รับการประเมิน...........................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี....................วนั ท่ี.....................เดือน..................................................พ.ศ...................................
เรื่อง.......................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี เกณฑ์การตัดสนิ
ผา่ น ไมผ่ ่าน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- บรรยายการเกดิ เสยี งของวัตถุ
2. ความสามารถในการคิด
- ลงข้อสรุปเกี่ยวกบั การเกิดเสยี งของวัตถุ
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- การทำงานร่วมกนั กบั ผอู้ ่ืน
เกณฑ์การตดั สนิ ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั คณุ ภาพ “ผา่ น”
220
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 เรอ่ื ง การเกดิ เสยี ง (2)
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 เรื่อง เสียงรอบตวั หน่วยย่อยที่ 1 เร่อื ง เสียงในชีวิตประจำวนั
รหสั วชิ า ว11101 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ช่วั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้วี ดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสยี งและทศิ ทางการเคลือ่ นทขี่ องเสยี งจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสำคญั
เสียงเกิดจากการสนั่ ของแหล่งกำเนิดเสียง
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- บอกวธิ ที ำใหว้ ตั ถเุ กิดเสยี ง
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- สังเกตการเปล่ียนแปลงของวัตถขุ ณะเกดิ เสยี ง
- ลงความเห็นจากข้อมลู เกีย่ วกับการเกดิ เสียงของวัตถุ
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- การยอมรบั ความเหน็ ต่าง
- มวี ินัย
- ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
4. สาระการเรียนรู้
เสียงเกิดจากการสน่ั ของแหล่งกำเนดิ เสียง ซึ่งอาศัยวธิ ตี ่าง ๆ ทำใหเ้ กิดเสยี ง เชน่ การรูด การตี การดดี
221
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
5.1 ความสามารถในการส่ือสาร
- บอกวธิ ที ำใหว้ ตั ถเุ กิดเสียง
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ จากข้อมลู เกีย่ วกบั วิธีทำใหว้ ตั ถเุ กิดเสยี ง
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
- การทำงานรว่ มกนั กับผอู้ ืน่
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มวี นิ ัย
6.2 มุ่งมนั่ ในการทำงาน
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเขา้ ส่บู ทเรยี น (เวลา 10 นาที)
1. ครูเปิดวีดิทัศน์เสียงไก่ขัน โดยยังไม่เปิดภาพให้นักเรียนเห็น จากนั้นครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ
การจำแนกประเภทของแหล่งกำเนิดเสียง และการเกิดเสียง และตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับวิธีการทำให้เกิด
เสยี ง โดยใชค้ ำถามดังนี้
1.1 เสียงที่นักเรียนได้ยินคือเสียงอะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ จากนั้นครูเฉลยจากสื่อสไลด์
ว่าคือเสยี งของไก่ขนั )
1.2 เสียงที่นักเรียนได้ยินมาจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภทใด (มาจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเอง
ตามธรรมชาติ)
1.3 เสยี งไกข่ นั และเสยี งอ่นื ๆ เกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร (เสยี งเกดิ จากการสัน่ ของแหล่งกำเนดิ เสียง)
2. ครูชักชวนนักเรียนไปหาคำตอบจากกิจกรรมที่ 2 วิธีทำให้วัตถุเกิดเสียงมีอะไรบ้าง โดยใช้คำถามว่านักเรียน
สามารถสรา้ งส่งิ ประดษิ ฐ์เพ่อื เลียนแบบเสยี งของสัตวไ์ ด้หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
3. ครูใชส้ ่อื สไลด์ให้นกั เรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรมท่ี 2 วธิ ที ำใหว้ ตั ถเุ กดิ เสียงมอี ะไรบา้ ง หนา้ 52-53 และอา่ นจุดประสงค์
การเรียนรู้ จากนนั้ ครใู ช้คำถามดงั ต่อไปน้เี พือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น
3.1 กจิ กรรมนจี้ ะได้เรยี นเกีย่ วกับเรอื่ งอะไร (วธิ ีทำให้วตั ถเุ กดิ เสยี ง)
3.2 กิจกรรมนเี้ รียนด้วยวธิ กี ารใด (การสงั เกต)
3.3 เม่อื เรยี นกจิ กรรมน้เี สรจ็ แลว้ นักเรียนจะทำอะไรได้ (บอกวธิ ที ีท่ ำให้วัตถุเกิดเสียงได)้
222
4. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ในชั่วโมงนี้ให้นักเรียนทราบอีกครั้ง โดยใช้สื่อสไลด์ว่า นักเรียนจะได้ สังเกต
และบอกวิธที ำใหว้ ัตถุเกดิ เสียง
5. ครใู ช้ส่ือสไลดเ์ พื่อใหน้ กั เรยี นอา่ นวสั ด-ุ อุปกรณ์และวิธีทำ ข้อ 1-3 หน้า 52-53 จากนัน้ ครูใชค้ ำถามเพอื่ ตรวจสอบ
ความเข้าใจดงั น้ี
5.1 นักเรียนต้องทำอย่างไรกับวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ (ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะรูที่ก้นแก้วกระดาษ
ร้อยไหมพรมผ่านรู แลว้ ผกู ปมกบั ไม้จิ้มฟนั )
5.2 นกั เรยี นจะต้องทำอะไรกับแก้วกระดาษท่ีประดษิ ฐ์ขนึ้ (ตกแต่งใหเ้ ปน็ รูปสัตว์ตา่ ง ๆ)
5.3 เมื่อตกแต่งสิ่งประดิษฐ์ให้สวยงามแล้ว ทำอย่างไรต่อไป (หาวิธีทำให้สิ่งประดิษฐ์เกิดเสียงและบันทึก
ในใบงาน)
5.4 นักเรียนจะต้องสังเกตอย่างไร ขณะที่ทำให้สิ่งประดิษฐ์เกิดเสียง (สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
กับแกว้ กระดาษและไหมพรม)
6. ครูสาธิตวิธีการสร้างสิ่งประดิษฐ์จากแก้วกระดาษ และอธิบายวิธีการบันทึกผลการทำกิจกรรมในใบงาน 02
วิธีทำให้วัตถุเกิดเสียง เมื่อนักเรียนเข้าใจแล้ว ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรม โดยครูกำหนดเวลาตามความ
เหมาะสม
7. ในขณะที่นักเรียนสร้างสิ่งประดิษฐ์ ครูอาจใช้สื่อวีดิทัศน์วิธีการสร้างสิ่งประดิษฐ์สัตว์จากแก้วกระดาษที่แสดง
เฉพาะวิธีการประดิษฐ์ แต่ยังไม่แสดงให้เห็นวิธีการทำให้เกิดเสียงของสิ่งประดิษฐ์ ให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ไปทีละ
ขั้นตอน ครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและกำชับให้นักเรียนใช้อุปกรณ์อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้กรรไกร
ท่อี าจเกดิ อันตรายได้
8. เม่อื สร้างส่ิงประดิษฐจ์ ากแก้วกระดาษเสรจ็ เรียบร้อยแล้ว นกั เรยี นหาวธิ ที ำใหว้ ัตถุเกดิ เสยี ง ครเู น้นย้ำให้นักเรียน
สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแก้วกระดาษและไหมพรมว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร เมื่อนักเรียน
ทำกิจกรรมแลว้ ครูสุ่มเลือกนักเรียนนำเสนอผลงาน พร้อมสาธติ วิธีการทำให้สิ่งประดิษฐ์สตั ว์ท่ีทำจากแก้วกระดาษ
เกิดเสยี ง และครถู ามกลมุ่ อ่ืนว่าไดผ้ ลเหมือนหรือแตกต่างจากกลุ่มท่ีนำเสนอหรอื ไม่ อยา่ งไร จากนั้นครูนำอภปิ ราย
โดยอาจใช้คำถามดังต่อไปนี้
8.1 วิธีการท่ีทำให้สิ่งประดิษฐ์จากแก้วกระดาษเกิดเสียงมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามผลการทำกิจกรรม
เช่น เคาะแกว้ รูดไหมพรม)
8.2 ขณะที่สิ่งประดิษฐ์จากแก้วกระดาษเกิดเสียง แก้วกระดาษและไหมพรมมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
อย่างไร (มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเคาะแก้วกระดาษ แก้วกระดาษเกิดเสียงและแก้วกระดาษส่ัน
หรอื เมื่อรดู ไหมพรม แก้วกระดาษเกิดเสยี งและแกว้ กระดาษกับไหมพรมส่ัน)
8.3 เสยี งเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร (เกดิ จากการสน่ั ของวัตถ)ุ
223
ขนั้ สรุป (เวลา 5 นาท)ี
9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับวิธีทำให้วัตถุเกิดเสียงด้วยตนเองให้ได้ว่า เสียงเกิดจากการสั่น
ของแหลง่ กำเนดิ เสยี ง ซงึ่ อาศยั วธิ ตี า่ ง ๆ ทำใหเ้ กิดเสียง เชน่ การรูด การตี การดดี
8. สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สอ่ื สไลด์ เรือ่ ง การเกิดเสียง (2)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 2 วิธที ำใหว้ ตั ถุเกดิ เสยี งมอี ะไรบา้ ง หนา้ 52-53
8.3 ใบงาน 02 เร่ือง วธิ ีทำให้วัตถเุ กดิ เสียง หน้า 54
8.4 วีดิทศั นเ์ สยี งไก่ขนั
8.5 วีดทิ ัศน์การประกอบสงิ่ ประดษิ ฐ์จากแกว้ กระดาษ
8.5 วัสดุ-อุปกรณ์ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์จากแก้วกระดาษ ได้แก่ แก้วกระดาษ กระดาษสี ปากกาเคมี
ไหมพรม กาว และกรรไกร
9. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 02 เรือ่ ง วิธีทำให้วตั ถเุ กิดเสยี ง หน้า 54
9.2 การสร้างสิ่งประดษิ ฐ์จากแกว้ กระดาษ
10. การวัดและประเมนิ ผล
สิง่ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
1) ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั
สงั เกตการตอบคำถาม แบบประเมนิ ความรู้ คุณภาพดขี ึ้นไป
- บอกวธิ ที ำใหว้ ตั ถุเกิด
เสยี ง ในช้ันเรียนและเนื้อหาใน ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั
2) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ คุณภาพพอใชข้ น้ึ ไป
ใบงาน
- สงั เกตการเปลย่ี นแปลง
ของวัตถขุ ณะเกดิ เสียง สงั เกตทกั ษะ แบบประเมนิ ทกั ษะ
- ลงความเหน็ จากขอ้ มลู กระบวนการ กระบวนการทาง
เกยี่ วกับการเกิดเสียงของ
วตั ถุ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ วทิ ยาศาสตร์
ทำกิจกรรม
224
สิ่งท่ตี อ้ งการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
แบบประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั
3) ดา้ นคณุ ลักษณะ สงั เกตคุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ คุณภาพ “ผา่ น”
ประสงค์
เจตคติ ค่านิยม อันพงึ ประสงค์
- การยอมรับความเห็น
ต่าง
- มวี ินัย
- ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
4) สมรรถนะสำคัญของ สังเกตพฤตกิ รรมขณะ แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั
ผเู้ รยี น ทำกจิ กรรม สมรรถนะสำคญั ของ คุณภาพ “ผ่าน”
1. ความสามารถในการ ผเู้ รยี น
ส่ือสาร
- บอกวิธีทำให้วัตถุเกิด
เสยี ง
2. ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ จากข้อมลู
เก่ยี วกบั วิธที ำใหว้ ัตถุเกดิ
เสียง
3. ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ิต
- การทำงานรว่ มกันกับ
ผ้อู ่ืน
225
แบบประเมนิ ความรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 17 เรอ่ื ง การเกดิ เสียง (2)
ช่อื ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….………….......
เรอ่ื ง…………………………………………………………….....……………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน
ชอื่ -สกุล/กลุม่ การตอบ การสรปุ ความถูกต้อง รวมคะแนน
คำถามใน ความรู้ ครบถว้ นของเนอื้ หา (10 คะแนน)
ชนั้ เรียน (4)
ในใบงาน
(4) (2)
226
เกณฑ์การประเมนิ
ประเดน็ ระดบั คณุ ภาพ นำ้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมนิ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 1.0 4
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ต้อง 0.5 4
คำถามในช้ันเรยี น ถูกตอ้ งทงั้ หมด ถกู ต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ 2
เกย่ี วกบั เรื่องที่
สว่ นใหญ่ ศึกษาไมถ่ ูกต้อง
และไม่ครบถว้ น
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม
เนื้อหาทเี่ ขยี นใน
ความเข้าใจ เข้าใจเกย่ี วกับ เข้าใจเกี่ยวกบั ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง
เกีย่ วกบั เรอื่ งท่ี เรอ่ื งที่ศกึ ษาได้ เรอ่ื งทศ่ี กึ ษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไมค่ รบถ้วน
3. ความถูกต้อง เน้ือหาท่ีเขียนใน เน้อื หาท่เี ขยี นใน เนือ้ หาท่เี ขียนใน
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างส่วน ใบงานมคี วาม
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ตอ้ งครบถ้วน ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี ถกู ต้องเปน็
ตามที่กำหนด กำหนด สว่ นน้อย
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับคณุ ภาพดขี ึ้นไป
227
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 17 เรอ่ื ง การเกดิ เสยี ง (2)
ช่อื ผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ที่………………….... วนั ท่ี ……………........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่ือง……………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชอื่ -สกุล/กลุ่ม รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวม
การสังเกต การลงความเห็นจาก คะแนน ผลการประเมนิ
(6 คะแนน)
(3) ขอ้ มูล (3)
228
เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
การสงั เกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ใน
การลงความเห็น สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัสใน สามารถใช้ประสาทสมั ผสั ใน การรวบรวมข้อมลู เกย่ี วกับการ
จากขอ้ มลู เปลยี่ นแปลงของแก้วกระดาษ
การรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั การรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกับ และไหมพรมขณะทำให้
สง่ิ ประดษิ ฐ์เกิดเสียงได้
การเปลย่ี นแปลงของแกว้ การเปล่ยี นแปลงของแก้ว บางส่วน ถึงแมจ้ ะได้รบั
คำแนะนำจากครูหรอื ผอู้ น่ื
กระดาษและไหมพรมขณะ กระดาษและไหมพรมขณะ สามารถเพ่มิ เติมความคิดเห็น
เกีย่ วกบั วิธกี ารทำให้
ทำใหส้ ิง่ ประดิษฐเ์ กิดเสียง ทำใหส้ ิ่งประดษิ ฐ์เกิดเสยี งได้ สงิ่ ประดิษฐเ์ กดิ เสยี ง ได้
บางอย่าง ถงึ แม้จะไดร้ ับ
ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยไม่เพมิ่ เติม โดยการชี้แนะของครูหรอื คำแนะนำจากครูหรือผอู้ ืน่
ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
สามารถเพ่ิมเตมิ ความ สามารถเพ่ิมเติมความคิดเหน็
คิดเหน็ เกี่ยวกับวธิ กี ารทำให้ เกย่ี วกับวิธกี ารทำให้
สิง่ ประดิษฐเ์ กิดเสยี ง ได้ ส่ิงประดิษฐ์เกิดเสียง ไดอ้ ย่าง
อยา่ งถกู ต้อง มีเหตผุ ลจาก ถูกตอ้ ง พยายามให้เหตุผล
ความรหู้ รอื ประสบการณ์ จากความร้หู รือประสบการณ์
เดิมได้ดว้ ยตนเอง เดิมได้ โดยการช้ีแนะของครู
หรอื ผูอ้ น่ื
เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารตัดสิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพพอใชข้ ้ึนไป
229
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 เรื่อง การเกิดเสยี ง (2)
ผู้ประเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ......................................................................................................................................................
ชอ่ื กลมุ่ รบั การประเมิน........................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครง้ั ที.่ ..............วนั ท.ี่ ..........เดือน......................................................พ.ศ.......................................
เร่อื ง......................................................................................................................................................................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี เกณฑ์การตัดสิน
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1. มวี ินยั
2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
เกณฑก์ ารตัดสิน ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ “ผ่าน”
230
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17 เร่ือง การเกดิ เสยี ง (2)
ผปู้ ระเมิน/กลมุ่ ประเมิน..........................................................................................................................................
ชอื่ กลุ่มรบั การประเมนิ ...........................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ที่....................วนั ท่ี.....................เดอื น..................................................พ.ศ...................................
เรอื่ ง.......................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี เกณฑก์ ารตัดสิน
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
- บอกวิธที ำให้วัตถเุ กิดเสยี ง
2. ความสามารถในการคดิ
- ลงความเหน็ จากขอ้ มลู เก่ยี วกับวิธที ำให้วตั ถเุ กิด
เสยี ง
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
- การทำงานร่วมกันกับผอู้ ื่น
เกณฑก์ ารตดั สนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คุณภาพ “ผา่ น”
231
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 18 เรือ่ ง การเกิดเสยี ง (3)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง เสยี งรอบตัว หนว่ ยย่อยที่ 1 เร่ือง เสียงในชวี ิตประจำวนั
รหัสวชิ า ว11101 รายวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสยี งและทิศทางการเคล่อื นที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์
2. สาระสำคญั
เสียงเกิดจากการส่ันของแหล่งกำเนิดเสยี ง
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K)
- บอกวิธที ำใหว้ ัตถเุ กดิ เสยี ง
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สังเกตวิธที ำใหว้ ตั ถเุ กดิ เสยี ง
- ตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ เกี่ยวกับวิธีทำให้วัตถเุ กิดเสยี ง
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- ความซอ่ื สัตย์
- การยอมรับความเหน็ ต่าง
4. สาระการเรยี นรู้
เสยี งเกดิ จากการสั่นของวตั ถุ วตั ถุเกดิ เสียงได้โดยวิธีการตา่ ง ๆ เช่น การดดี การสี การตี การเป่า
232
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- บอกวธิ ีทำใหว้ ัตถุเกดิ เสยี ง
5.2 ความสามารถในการคดิ
- สรปุ ความรู้เกี่ยวกับวธิ ีทำให้วัตถุเกดิ เสยี ง
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- มีวนิ ัย
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนำเข้าส่บู ทเรียน (เวลา 10 นาที)
1. ครูสร้างสถานการณ์โดยครูนำกลองแต๊กเข้ามาในห้องเรียน จากนั้นชักชวนนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับโดยใช้
คำถามดงั นี้
1.1 เครอ่ื งดนตรีชนดิ นคี้ ืออะไร (กลองแตก๊ )
1.2 นกั เรยี นมวี ธิ ีใดทท่ี ำใหก้ ลองแต๊กเกิดเสยี งได้ (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ เชน่ การต)ี
1.3 เสียงท่ีเกดิ ขึ้น เกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ เช่น เกิดจากการสัน่ ของกลองแต๊ก)
1.4 นักเรียนคิดว่าวัตถุอื่น ๆ จะมีวิธีที่ทำให้เกิดเสียงได้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจ)
ขัน้ สอน (เวลา 40 นาที)
2. ครูใช้สื่อสไลด์แจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมที่ 2 วิธีทำให้วัตถุเกิดเสียงมีอะไรบ้าง ให้ทราบอีกครั้งว่า นักเรียนจะ
ไดอ้ ภิปรายวิธที ำให้เกิดเสยี งของวตั ถตุ ่าง ๆ
3. ครใู ชส้ ่อื สไลด์ พานักเรียนอ่านวิธีทำ ข้อ 4 หน้า 53 จากนน้ั ครูใชค้ ำถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ดังนี้
3.1 นอกจากวิธีที่ทำให้สิง่ ประดิษฐ์ที่ทำจากแก้วกระดาษเกิดเสยี งแล้ว ต้องอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกบั อะไร
(วธิ ีอน่ื ๆ ท่ที ำใหว้ ตั ถอุ ืน่ เกิดเสยี งได้)
3.2 เมือ่ อภปิ รายแลว้ นกั เรยี นทำอย่างไรต่อไป (บนั ทกึ ลงใบงาน)
4. ครูนำตัวอย่างเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ ที่หาได้ง่ายในโรงเรียน เช่น กลองแต๊ก ซอ กีตาร์ ขลุ่ย มาให้นักเรียน
สังเกตวิธีการทำให้เครื่องดนตรีต่าง ๆ เกิดเสียง และบันทึกลงในใบงาน 02 หน้า 54 และให้นักเรียนนำเสนอ
วิธีการทำให้เครื่องดนตรีเกิดเสียง จากนั้นครูเปิดสื่อวีดิทัศน์การเล่นเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ให้นักเรียน
สังเกตวธิ กี ารทำให้เกิดเสยี ง
5. ครูชวนนักเรียนอภปิ รายความรู้เกย่ี วกับวิธีการทำใหว้ ตั เุ กดิ เสยี งโดยใช้คำถามดงั น้ี
233
5.1 วิธีการอื่น ๆ ที่ทำให้วัตถุเกิดเสียงมีอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง (การดีด เช่น ดีดกีตาร์ การสี
เชน่ การสีซอ การเป่า เชน่ เป่าขลยุ่ การตี เช่น การตีระนาด)
5.2 แต่ละวธิ ีท่ที ำให้แหล่งกำเนิดเสยี งเกิดเสียง แหลง่ กำเนดิ เสยี งมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (แตล่ ะวธิ ี
จะทำใหแ้ หล่งกำเนดิ เสยี งสน่ั )
6. นักเรียนตอบคำถามหลังทำกิจกรรมในใบงาน หน้า 55 โดยครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นร่วมกันทีละข้อ
จากน้ันครูใช้สือ่ สไลด์เฉลยคำตอบที่ถูกต้องอกี ครง้ั
ขนั้ สรปุ (เวลา 5 นาท)ี
7. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ด้วยตนเองวา่ มวี ธิ กี ารใดท่ที ำใหว้ ัตถุเกดิ เสียงได้บา้ ง
8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมโดยใช้สื่อสไลด์ว่า เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ วัตถุเกิดเสียงได้โดยวิธีการ
ต่าง ๆ เช่น การดดี การสี การตี การเป่า
9. นักเรยี นทำใบงาน 03 แบบฝึกหดั เรอ่ื งการเกิดเสียง หน้า 56-57 เปน็ การบา้ น
8. สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สือ่ สไลด์ เรอื่ ง การเกดิ เสยี ง (3)
8.2 ใบกิจกรรมที่ 2 วิธที ำให้วัตถุเกิดเสียงมอี ะไรบ้าง หน้า 53
8.3 ใบงาน 02 วิธีทำให้วัตถุเกิดเสียง หนา้ 54-55
8.4 ใบงาน 03 แบบฝกึ หัดเรอื่ ง การเกิดเสยี ง หน้า 56-57
8.5 ตัวอยา่ งเคร่ืองดนตรี เช่น กลองแต๊ก ซอ กีตาร์ ขลุ่ย
8.6 วีดทิ ัศนก์ ารเล่นเคร่ืองดนตรปี ระเภทต่าง ๆ
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 02 วธิ ที ำใหว้ ตั ถุเกดิ เสียง หนา้ 54-55
9.2 ใบงาน 03 แบบฝึกหัดเร่อื ง การเกดิ เสยี ง หนา้ 56-57
234
10. การวดั และประเมินผล
ส่งิ ทตี่ อ้ งการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั
1) ด้านความรู้ ความเข้าใจ สังเกตการตอบคำถาม แบบประเมินความรู้ คณุ ภาพดขี ึ้นไป
ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับ
- บอกวธิ ที ำให้วตั ถเุ กดิ ในชัน้ เรยี นและเน้อื หาใน คุณภาพพอใช้ขึ้นไป
เสยี ง ใบงาน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั
คณุ ภาพ “ผา่ น”
2) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ สังเกตทักษะ แบบประเมินทักษะ
ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั
- สงั เกตวธิ ีทำให้วัตถเุ กดิ กระบวนการ กระบวนการทาง คณุ ภาพ “ผ่าน”
เสยี ง ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ วิทยาศาสตร์
- ตคี วามหมายขอ้ มลู และ ทำกิจกรรม
ลงขอ้ สรุปเกี่ยวกับวิธีทำให้
วตั ถุเกิดเสียง
3) ด้านคุณลักษณะ สงั เกตเจตคติทาง แบบประเมินเจตคติ
เจตคติ ค่านิยม วทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์
- ความซ่ือสตั ย์
- การยอมรับความเหน็
ต่าง
4) สมรรถนะสำคญั ของ สังเกตพฤตกิ รรมขณะ แบบประเมนิ
ผเู้ รยี น ทำกิจกรรม สมรรถนะสำคญั ของ
1. ความสามารถในการ ผ้เู รียน
สอ่ื สาร
- บอกวิธีทำให้วัตถุเกิด
เสียง
2. ความสามารถในการคดิ
- สรปุ ความรู้เก่ยี วกบั วิธี
ทำใหว้ ัตถเุ กดิ เสียง
235
แบบประเมินความรู้
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18 เรอื่ ง การเกดิ เสียง (3)
ชื่อผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ท…ี่ ……………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….………….......
เรื่อง……………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน
ช่อื -สกุล/กลุ่ม การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง รวมคะแนน
คำถามใน ความรู้ ครบถ้วนของเนอื้ หา (10 คะแนน)
ชั้นเรยี น (4)
ในใบงาน
(4) (2)
236
เกณฑ์การประเมนิ
ประเดน็ ระดบั คณุ ภาพ นำ้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมนิ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 1.0 4
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ต้อง 0.5 4
คำถามในช้ันเรยี น ถูกตอ้ งทงั้ หมด ถกู ต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ 2
เกย่ี วกบั เรื่องที่
สว่ นใหญ่ ศึกษาไม่ถูกต้อง
และไม่ครบถว้ น
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม
เนื้อหาทเี่ ขยี นใน
ความเข้าใจ เข้าใจเกย่ี วกับ เข้าใจเกี่ยวกบั ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง
เกีย่ วกบั เรอื่ งท่ี เรอ่ื งที่ศกึ ษาได้ เรอ่ื งทศ่ี กึ ษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไมค่ รบถ้วน
3. ความถูกต้อง เน้ือหาท่ีเขียนใน เน้อื หาท่เี ขยี นใน เนือ้ หาท่เี ขียนใน
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างส่วน ใบงานมคี วาม
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ตอ้ งครบถ้วน ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี ถกู ต้องเปน็
ตามที่กำหนด กำหนด สว่ นน้อย
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับคณุ ภาพดขี ึ้นไป
237
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18 เร่ือง การเกดิ เสียง (4)
ช่อื ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ที่………………….... วันที่ ……………........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง……………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชอื่ -สกลุ /กลุ่ม รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวมคะแนน ผลการ
การสังเกต การตีความหมายข้อมูล (6 คะแนน) ประเมนิ
(3) และลงข้อสรปุ (3)
238
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
การสังเกต ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
สามารถใช้ประสาทสมั ผสั ใน
การตคี วามหมาย สามารถใช้ประสาทสัมผัสใน สามารถใช้ประสาทสัมผสั ใน การรวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับได้
ข้อมลู และลงขอ้ สรุป บางส่วน ถึงแมจ้ ะไดร้ ับ
การรวบรวมข้อมูลเกย่ี วกบั การรวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั คำแนะนำจากครูหรือผอู้ ่ืน
วธิ ีการทำใหว้ ัตถุเกดิ เสียง ได้ วิธีการทำใหว้ ัตถเุ กดิ เสยี งได้ สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู ที่
ได้จากการทำกจิ กรรมและลง
ด้วยตนเอง โดยไมเ่ พม่ิ เติม โดยการช้แี นะของครหู รือ ข้อสรปุ เกีย่ วกับวิธีการทำให้
วัตถุเกดิ เสียงได้บางสว่ น ถึงแม้
ความคดิ เหน็ ผ้อู ื่น จะไดร้ ับคำแนะนำจากครหู รอื
ผอู้ นื่
สามารถตคี วามหมายขอ้ มลู สามารถตีความหมายขอ้ มลู ที่
ทไ่ี ดจ้ ากการทำกจิ กรรม ไดจ้ ากการทำกจิ กรรมและลง
และลงขอ้ สรุปไดว้ ่า วตั ถุ ขอ้ สรุปได้ว่า วตั ถุเกดิ เสยี งได้
เกดิ เสียงได้โดยวธิ ีการ โดยวธิ กี ารต่าง ๆ เชน่ การ
ต่าง ๆ เชน่ การดดี การสี ดีด การสี การตี การเปา่ ได้
การตี การเปา่ ไดด้ ว้ ย โดยการชีแ้ นะของครูหรอื
ตนเอง ผู้อ่นื
เกณฑก์ ารประเมินคุณภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
เกณฑ์การตดั สนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไป
239
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 เรื่อง การเกดิ เสียง (3)
ชือ่ ผู้ประเมนิ /กล่มุ ประเมิน………………………………………………………………………………………….............................
ชือ่ กลุม่ รับการประเมิน……………………………………………………………………………………………….............................
ประเมนิ ผลครง้ั ที…่ ………………....……....... วนั ……………..…. เดอื น …...........……..………. พ.ศ. ……...….…….......
เรอื่ ง…………………………………………………………………………………………………………………….................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี เกณฑก์ ารตัดสนิ
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1. ความซ่ือสัตย์
2. การยอมรบั ความเห็นตา่ ง
เกณฑ์การตดั สนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพ “ผา่ น”
240
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 18 เรื่อง การเกิดเสียง (3)
ผปู้ ระเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ...........................................................................................................................................
ช่ือกลุม่ รับการประเมิน.............................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครง้ั ท่ี....................วนั ท่ี.....................เดือน..................................................พ.ศ...................................
เรื่อง............................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ เกณฑก์ ารตดั สิน
ผ่าน ไมผ่ า่ น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
- บอกวิธีทำใหว้ ตั ถุเกดิ เสยี ง
2. ความสามารถในการคิด
- สรุปความร้เู ก่ียวกับวธิ ีทำให้วตั ถุเกดิ เสยี ง
เกณฑ์การตัดสิน ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั คุณภาพ “ผ่าน”
เฉลยใบงาน
242
ขึน้ อย่กู ับวิธีการของ ผลการสงั เกต เชน่ แกว้ สั่น
นักเรยี น เช่น เคาะแก้ว ไหมพรมส่ัน
รูดไหมพรม
ขึ้นอยูก่ บั ผลการอภปิ รายของนักเรยี น
เช่น ตี สี เปา่
243
ดดี สี ตี เป่า
การสั่น วตั ถุ
เสยี ง
244