145
3.2 เมื่อจัดกลุ่มวัตถุโดยใช้สมบัติของวัสดุเป็นเกณฑ์เรียบร้อยแล้วนักเรียนจะได้ทำอะไรต่อไป (บันทึกชื่อ
วัตถุทีจ่ ดั กลุ่มและนำเสนอ)
4. ครูใช้สื่อสไลด์อธบิ ายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดกลุม่ วัตถุ อย่างเช่น ถ้าเลือกเกณฑ์ การยืดได้ ยืดไม่ได้
ใหน้ กั เรยี นหยิบวตั ถุทอี่ ยู่ในกลมุ่ เดยี วกันมารวมกัน
5. ครใู หน้ ักเรียนทำกิจกรรมจัดกลมุ่ วตั ถุ
6. ครูให้ตัวแทนนักเรียนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน โดยครูช่วยจดบันทึกผลการทำกิจกรรม
ของนักเรียนบนกระดาน
7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลการทำกจิ กรรม โดยอาจใช้คำถามดังนี้
7.1 วัตถุที่นักเรียนได้สังเกตไปทำจากวัสดุใดบ้าง (คำตอบขึ้นอยู่กับวัตถุที่นักเรียนนำมา เช่น ถาดอาหาร
ทำมาจากโลหะ ตะกร้าทำมาจากไม้ แก้วน้ำทำมาจากแก้ว ยางลบทำมาจากยาง และผ้าเช็ดหน้าทำ
มาจากผ้า)
7.2 เมื่อใช้สมบัติของวัสดุเป็นเกณฑ์ แบ่งวัตถุได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง (คำตอบขึ้นอยู่กับสมบัติของวัสดุ
ที่นักเรียนใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม เช่น แบ่งวัตถุได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่วัตถุมีสมบัติแข็งคือ
ถาดอาหาร ตะกร้า และแก้ว กลุ่มท่ีวตั ถุมีสมบตั ิน่มุ คอื ยางลบ และผา้ เช็ดหน้า)
7.3 การจัดกลุ่มวัตถุโดยใช้สมบัติของวัสดุเป็นเกณฑ์ของแต่ละกลุ่มได้ผลเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
(คำตอบขึ้นอยู่กับสมบัติของวัสดุที่นักเรียนใช้เป็นเกณฑ์ คำตอบอาจได้ทั้งเหมือนหรือแตกต่างกัน
โดยถ้าได้ผลแตกต่างกัน ก็เป็นไปได้ เพราะนักเรียนใช้เกณฑ์ที่ต่างกัน วัตถุที่เคยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
อาจไม่ได้อยูใ่ นกลุม่ เดยี วกนั )
7.4 ถา้ เปลย่ี นเกณฑ์ในการจัดกล่มุ วัตถจุ ะเกดิ ผลอยา่ งไร (วตั ถใุ นกลมุ่ จะเปล่ยี นไป)
7.5 การจัดกลุ่มของวัตถุโดยใช้สมบัติของวัสดุเป็นเกณฑ์ มีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ
คิดเหน็ )
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประโยชน์ของการจัดกลุ่มวัตถุโดยใช้สมบัติของวัสดุเป็นเกณฑ์ เช่น การทำประตู
สามารถเลือกใชว้ สั ดใุ นกล่มุ ทีม่ ีสมบตั ิทบึ ได้ เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก
8. นักเรียนทำใบงาน 01 การจัดกลุ่มของวัตถุ หน้า 35 โดยครูพานักเรียนทำทีละข้อ หลังจากนักเรียนบันทึกผล
เสร็จแลว้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันลงความเห็นขอ้ มลู ทถี่ ูกตอ้ งแล้วบนั ทึกคำตอบลงในใบงาน
ข้ันสรปุ (เวลา 5 นาท)ี
9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบว่าในชีวิตประจำวันของนักเรียนมีการจัดกลุ่มสิ่งของหรือไม่
และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจัดกล่มุ
10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า เราสามารถใช้สมบัติของวัสดุมาเป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัตถุ
และเมอ่ื เปลีย่ นเกณฑ์ในการจัดกลมุ่ วตั ถุในกลุ่มกเ็ ปล่ียนไปดว้ ย
146
8. สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สื่อสไลด์ การจดั กลุ่มวสั ดุ (2)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 จัดกลมุ่ ของวัตถไุ ดอ้ ยา่ งไร หนา้ 32
8.3 ใบงาน 01 การจัดกลุม่ ของวัตถุ หนา้ 35
8.4 การด์ คำศัพทเ์ ก่ียวกับสมบตั ขิ องวัสดตุ า่ ง ๆ เชน่ ใส ขุน่ ทึบ
8.5 วตั ถทุ ่มี สี มบตั ใิ ส ขุน่ ทึบ อยา่ งละ 2-3 ช้นิ
9. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
- ใบงาน 01 การจัดกลมุ่ ของวตั ถุ หน้า 35
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์
1) ด้านความรู้ ความเข้าใจ สังเกตการตอบคำถาม แบบประเมินความรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
- ระบุชนิดและสมบัติของ ในชน้ั เรียนและเน้อื หาใน ระดบั คณุ ภาพดขี ึน้ ไป
วัสดทุ ่ใี ช้ทำวัตถใุ น ใบงาน
ชวี ติ ประจำวัน
2) ด้านทักษะ/กระบวนการ สังเกตทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
- จัดกลมุ่ วัตถโุ ดยใช้ กระบวนการ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระดับคณุ ภาพพอใชข้ ึ้นไป
สมบตั ขิ องวัสดเุ ป็นเกณฑ์ ทางวิทยาศาสตรใ์ นการ
- ลงความเหน็ จากข้อมูล ทำกจิ กรรม
โดยใช้สมบตั ขิ องวัสดเุ ป็น
เกณฑ์
3) ดา้ นคุณลักษณะ สงั เกตคณุ ลักษณะ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
เจตคติ คา่ นยิ ม เจตคติ ค่านิยม เจตคติ คา่ นยิ ม ระดบั คณุ ภาพ “ผ่าน”
- มุง่ ม่นั ในการทำงาน
- ยอมรบั ความเห็นต่าง
- ซอื่ สตั ย์
4) สมรรถนะสำคัญของ สังเกตพฤตกิ รรมในขณะ แบบประเมินสมรรถนะ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
ผูเ้ รยี น ทำกิจกรรม สำคัญของผู้เรยี น ระดบั คณุ ภาพ “ผ่าน"
ประเดน็ การประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมอื 147
1. ความสามารถในการ เกณฑ์
สอ่ื สาร
- ระบุชนิดและสมบตั ขิ อง
วัสดทุ ใ่ี ชท้ ำวตั ถใุ น
ชีวติ ประจำวนั
2. ความสามารถในการคิด
- จดั กลมุ่ วัตถโุ ดยใช้
สมบัติของวัสดเุ ปน็ เกณฑ์
3. ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชีวิต
- มคี วามรับผิดชอบใน
การทำงาน
- มวี ินยั ในการทำกจิ กรรม
148
แบบประเมินความรู้
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 11 เรือ่ ง การจดั กลมุ่ วตั ถุ (2)
ชื่อผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………...................…
ประเมนิ ผลครงั้ ที่……………....... วันที่ ……………..…....…... เดือน ………..……..........….…. พ.ศ. ……...….………….......
เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน
ช่ือ-สกลุ /กลมุ่ การตอบ การสรปุ ความถกู ต้อง รวมคะแนน
คำถามในชน้ั ความรู้ ครบถว้ นของเนอื้ หา (10 คะแนน)
(4)
เรยี น ในใบงาน
(4) (2)
149
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ นำ้ หนัก คะแนน
รวม
การประเมิน 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ตอ้ ง 1.0 4
คำถามในชน้ั เรียน ถกู ต้องทั้งหมด ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ถูกตอ้ งบางสว่ น
ใหญ่
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรคู้ วาม สรปุ ความรเู้ ข้าใจ 1.0 4
เก่ียวกบั เรือ่ งท่ี
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกบั เขา้ ใจเกีย่ วกับ ศึกษาไม่ถูกต้อง
และไมค่ รบถว้ น
เกี่ยวกบั เรอื่ งท่ี เรอ่ื งท่ศี ึกษาได้ เร่ืองทศี่ กึ ษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่ ถกู ตอ้ งบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
3. ความถกู ต้อง เนื้อหาท่ีเขียนใน เนือ้ หาที่เขยี นใน เน้ือหาที่เขยี นใน เนือ้ หาทเ่ี ขยี นใน 0.5 2
ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ ใบงานมบี างส่วน ใบงานมีความ
เน้ือหาในใบงาน ถูกตอ้ งครบถ้วน ไมถ่ ูกต้อง ตามท่ี ถูกตอ้ งเปน็ สว่ น
ตามทก่ี ำหนด กำหนด น้อย
เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑ์การตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพดขี ้ึนไป
150
แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 11 เรอ่ื ง การจดั กล่มุ วัตถุ (2)
ช่อื ผู้ประเมนิ ……………………………………………………………………........................………………………………………….
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วันที่ …………….........……... เดือน ………..……...….…. พ.ศ. ……...….……........
เรื่อง………………………………………………………………......…………………………………………………………………………
ชือ่ -สกุล/กลุ่ม รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวมคะแนน ผลการประเมนิ
การลงความเห็นจากข้อมลู (3) (3 คะแนน)
151
เกณฑ์การประเมนิ
ทกั ษะกระบวนการ ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
ทางวทิ ยาศาสตร์
การลงความเห็นจาก เพ่มิ เติมความเห็นเกี่ยวกับ เพิ่มเตมิ ความเห็นเก่ียวกบั สามารถเพิม่ เติมความเหน็
ข้อมูล สมบตั ขิ องวสั ดุ ไดอ้ ยา่ งมี สมบตั ิของวสั ดุ ได้อย่างมี เกี่ยวกับสมบตั ขิ องวสั ดุ ได้
เหตุผล จากความรหู้ รอื เหตผุ ล โดยอาศัย อย่างมเี หตผุ ลบางส่วน
ประสบการณเ์ ดมิ ได้ด้วย คำแนะนำของครูหรอื ผอู้ น่ื ถึงแม้จะได้รับคำแนะนำ
ตัวเอง จากครหู รอื ผูอ้ นื่
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
เกณฑก์ ารตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับคณุ ภาพพอใชข้ นึ้ ไป
152
แบบประเมินคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เร่อื ง การจัดกลุ่มวตั ถุ (2)
ช่อื ผู้ประเมนิ /กลุม่ ประเมนิ …………………………………………………………………………………….........................................
ชือ่ กลมุ่ รบั การประเมนิ ………………………………………………………………………………………….........................................
ประเมนิ ผลครง้ั ท่ี……………....……....... วัน ……………..…. เดอื น …...........……..........………. พ.ศ. ……...….……...........
เร่อื ง………………………………………………………………………………………………………………...............................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดบั พฤตกิ รรม
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1. มุ่งมั่นในการทำงาน
2. ยอมรับความเหน็ ตา่ ง
3. ซ่อื สัตย์
เกณฑก์ ารตดั สิน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพ “ผ่าน”
153
แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 11 เร่อื ง การจัดกลมุ่ วตั ถุ (2)
ผูป้ ระเมิน/กลมุ่ ประเมิน..................................................................................................................................................................
ช่ือกลมุ่ รบั การประเมิน.................................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี...................วันท่ี....................เดอื น........................................................พ.ศ.....................................
เรือ่ ง.....................................................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ เกณฑก์ ารตัดสนิ
ผ่าน ไมผ่ า่ น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ระบุชนิดและสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุใน
ชีวิตประจำวัน
2. ความสามารถในการคดิ
- จัดกลมุ่ วัตถโุ ดยใชส้ มบตั ขิ องวสั ดเุ ปน็ เกณฑ์
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- มคี วามรับผิดชอบในการทำงาน
- มวี ินยั ในการทำกจิ กรรม
เกณฑ์การตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพ “ผา่ น”
154
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12 เรื่อง การจดั กลุ่มวตั ถุ (3)
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่อื ง วสั ดรุ อบตัว หน่วยย่อยที่ 4 เร่ือง การจัดกลุ่มวตั ถุ
รหัสวิชา ว11101 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 1 ช่วั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
มาตรฐาน ว 2.1
เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้าง
และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
ตัวชีว้ ัด ป.1/1 อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุซึ่งทำจากวัสดุชนิดเดียวหรือหลายชนิด
ประกอบกนั โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ป.1/2 ระบชุ นิดของวัสดแุ ละจดั กล่มุ วัสดตุ ามสมบัตทิ ่สี ังเกตได้
2. สาระสำคญั
วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติบางประการเหมือนหรือแตกต่างกัน ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม
วตั ถุตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- ระบสุ มบตั ิของวสั ดุท่ใี ช้ทำวัตถุในชีวิตประจำวัน
3.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
- ลงความเหน็ จากข้อมูลโดยใชส้ มบัตขิ องวัสดเุ ป็นเกณฑใ์ นการจดั กลุ่ม
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- มงุ่ ม่ันในการทำงาน
- ยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง
- ซือ่ สัตย์
155
4. สาระการเรยี นรู้
วัตถุทำจากวัสดุชนิดต่าง ๆ เช่น แก้ว ไม้ โลหะ พลาสติก ผ้า ยาง วัสดุเหล่านี้มีสมบัติต่าง ๆ ที่สังเกตได้
เหมือนกันหรือแตกต่างกัน เช่น ผิวเรียบ ผิวขรุขระ แข็ง นุ่ม ยืดได้ ยืดไม่ได้ ใส ขุ่น ทึบ มันวาว ไม่มันวาว
เราสามารถใช้ชนิดและสมบตั ิของวสั ดุมาเป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัตถุ และเมื่อเปลี่ยนเกณฑใ์ นการจัดกลุ่ม วัตถุใน
กล่มุ กเ็ ปล่ียนไปดว้ ย
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- ระบสุ มบัติของวัสดุทใ่ี ช้ทำวตั ถุในชีวิตประจำวัน
5.2 ความสามารถในการคิด
- สรปุ การจัดกล่มุ วัตถโุ ดยใช้สมบัตขิ องวัสดุเปน็ เกณฑ์
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
- มคี วามรับผดิ ชอบในการทำงาน
- มีวินัยในการทำกจิ กรรม
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มุง่ มนั่ ในการทำงาน
6.2 ยอมรับความเหน็ ตา่ ง
6.3 ซื่อสตั ย์
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน (เวลา 10 นาที)
1. ครูเตรียมบัตรภาพวัตถุที่มีสมบัติเป็นกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มที่ 1 แข็ง-นุ่ม กลุ่มที่ 2 เรียบ-ขรุขระ กลุ่มที่ 3
ใส-ขุ่น-ทึบ มจี ำนวนบตั รภาพวตั ถุตามความเหมาะสม สำหรับใหน้ กั เรยี นเล่นเกม
2. ครูอธิบายกติกาการเล่น คือ ให้ตัวแทนนักเรียนถือบัตรภาพที่ครูแจก เมื่อครูพูดถึงสมบัติของวัสดุใดให้นักเรียน
ชูบัตรภาพวัตถุที่มีสมบัตินั้นแล้วรีบไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่ถือบัตรภาพวัตถุที่มีสมบัติเช่นเดียวกัน ภายในเวลาที่
กำหนด (10 วนิ าท)ี เชน่ เม่อื ครพู ดู วา่ “แขง็ ” ให้นักเรยี นท่ถี ือบตั รภาพวัตถทุ ่ีมสี มบตั ิแข็งรีบไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ
คนอื่นทีม่ ีบัตรภาพวัตถุท่ีมีสมบตั ิแข็งเชน่ เดยี วกนั ขณะเดยี วกันครจู ับเวลานกั เรยี น 10 วินาทใี นการรวมกลมุ่
3. ครทู ำกจิ กรรมจนครบทุกสมบัติ พรอ้ มกบั ตรวจสอบความถกู ต้อง
156
ขัน้ สอน (เวลา 45 นาท)ี
4. ครูใช้สื่อสไลด์แจ้งจุดประสงค์ในชั่วโมงนี้ว่า นักเรียนจะได้ตอบคำถามหลังกิจกรรม และทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ
การจัดกลมุ่ วัตถุโดยใชว้ ัสดุเปน็ เกณฑ์
5. ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามหลังจากทำกจิ กรรมหน้า 36 และร่วมกันเฉลยคำตอบทถ่ี ูกต้อง
6. ครูให้นักเรียนเปิดใบงาน 02 แบบฝึกหัด เรื่องการจัดกลุ่มวัตถุ หน้า 37 จากนั้นชักชวนให้นักเรียนอ่านใบงาน
เมื่อนักเรียนพร้อมแล้วนักเรียนลงมือทำกิจกรรม ครูคอยช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหา จากนั้นครูและนักเรียน
รว่ มกนั เฉลยคำตอบท่ถี ูกต้อง
7. ครูเตรียมบัตรภาพสัญลักษณ์ถูกหรือผิด มอบให้กับตัวแทนนักเรียน จากนั้นครูใช้คำถามเพื่อนำเข้าสรุปความรู้
กจิ กรรม ใหต้ ัวแทนนกั เรียนยกบตั รภาพถูกหรือผิดเมอื่ ครถู ามคำถามดังนี้
7.1 เราสามารถจดั กลมุ่ วัตถุทม่ี ีสมบัติยดื ไดก้ ็คอื ฟองน้ำและต๊กุ ตา ถูกหรือผดิ (ถูก)
7.2 โต๊ะและแกว้ น้ำมสี มบตั ผิ วิ มันวาวเหมอื นกนั ถูกหรอื ผิด (ผิด)
7.3 เราสามารถจัดกลุม่ ฟองนำ้ และโต๊ะอย่ใู นกลุม่ เดยี วกนั โดยใช้สมบัตผิ ิวเรยี บเปน็ เกณฑ์ ถูกหรือผิด (ผดิ )
ขน้ั สรุป (เวลา 5 นาท)ี
8. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนสรปุ แนวคดิ หรอื สงิ่ ท่ีไดเ้ รียนรูใ้ นชั่วโมงน้ีเก่ยี วกับการจัดกลมุ่ วตั ถดุ ้วยตนเอง
9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า วัตถุทำจากวัสดุชนิดต่าง ๆ เช่น แก้ว ไม้ โลหะ พลาสติก
ผา้ ยาง วสั ดเุ หล่านี้มีสมบัติต่าง ๆ ท่ีสังเกตได้เหมือนกัน หรอื แตกต่างกัน เช่น ผิวเรยี บ ผวิ ขรขุ ระ แข็ง น่มุ ยืดได้
ยืดไม่ได้ ใส ขุ่น ทึบ มันวาว ไม่มันวาว เราสามารถใช้ชนิดและสมบัติของวัสดุมาเป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัตถุ
และเมื่อเปล่ยี นเกณฑ์ในการจดั กลุม่ วตั ถใุ นกลมุ่ ก็เปลี่ยนไปด้วย
8. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้
8.1สือ่ สไลด์ การจดั กลมุ่ วสั ดุ (3)
8.2 ใบงาน 01 คำถามหลงั จากทำกจิ กรรม หน้า 36
8.3 ใบงาน 02 แบบฝกึ หัด เรอ่ื งการจดั กลุ่มวัตถุ หน้า 37
8.4 บัตรภาพวัตถุที่มีสมบัติต่าง ๆ เป็นกลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 แข็ง-นุ่ม กลุ่มที่ 2 เรียบ-ขรุขระ กลุ่มที่ 3
ใส-ขุ่น-ทึบ
8.5 ภาพสัญลกั ษณ์ถกู หรอื ผิด
157
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 คำถามหลงั จากทำกจิ กรรม หน้า 36
9.2 ใบงาน 02 แบบฝกึ หัด เรอื่ งการจดั กล่มุ วตั ถุ หนา้ 37
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
1) ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ สงั เกตการตอบคำถามใน แบบประเมนิ ความรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ช้ันเรียนและเนือ้ หาใน ระดบั คุณภาพดขี นึ้ ไป
- ระบสุ มบตั ิของวัสดุที่ใช้ ใบงาน แบบประเมินคณุ ลักษณะ
ทำวัตถใุ นชีวติ ประจำวัน สังเกตคณุ ลกั ษณะ เจตคติ เจตคติ คา่ นิยม ผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั
ค่านิยม คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไป
2) ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ แบบประเมินสมรรถนะ
คา่ นิยม สังเกตพฤตกิ รรมขณะทำ สำคัญของผู้เรยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
กจิ กรรม ระดบั คุณภาพ “ผา่ น”
- มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
- ยอมรบั ความเหน็ ต่าง
- ซือ่ สัตย์
3) สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน
1. ความสามารถในการ
ส่อื สาร
- ระบชุ นิดและสมบตั ิของ
วสั ดทุ ่ใี ชท้ ำวัตถุใน
ชีวิตประจำวัน
2. ความสามารถในการคดิ
- สรปุ การจดั กลุ่มวัตถโุ ดย
ใชส้ มบัติของวสั ดเุ ป็นเกณฑ์
3. ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชวี ิต
- มคี วามรบั ผิดชอบใน
การทำงาน
- มีวินัยในการทำกจิ กรรม
158
แบบประเมนิ ความรู้
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 12 เรอ่ื ง การจดั กลุ่มวัตถุ (3)
ชื่อผูป้ ระเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………………...................…
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี……………...…….... วนั ท่ี …………..…....…... เดือน ………..……..........….…. พ.ศ. ……...….………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน
ช่อื -สกุล/กลุ่ม การตอบ การสรุป ความถูกตอ้ ง รวมคะแนน
คำถามในชน้ั ความรู้ ครบถ้วนของเนอ้ื หา (10 คะแนน)
(4)
เรยี น ในใบงาน
(4) (2)
159
เกณฑ์การประเมิน
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ นำ้ หนัก คะแนน
รวม
การประเมิน 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ตอ้ ง 1.0 4
คำถามในชน้ั เรียน ถกู ต้องทั้งหมด ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ถูกตอ้ งบางสว่ น
ใหญ่
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรคู้ วาม สรปุ ความรเู้ ข้าใจ 1.0 4
เก่ียวกบั เรือ่ งท่ี
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกบั เขา้ ใจเกีย่ วกับ ศึกษาไม่ถูกต้อง
และไมค่ รบถว้ น
เกี่ยวกบั เรอื่ งท่ี เรอ่ื งท่ศี ึกษาได้ เร่ืองทศี่ กึ ษาได้
ศกึ ษาได้ ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่ ถกู ตอ้ งบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
3. ความถกู ต้อง เนื้อหาท่ีเขียนใน เนือ้ หาที่เขยี นใน เน้ือหาที่เขยี นใน เนือ้ หาทเ่ี ขยี นใน 0.5 2
ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ ใบงานมบี างส่วน ใบงานมีความ
เน้ือหาในใบงาน ถูกตอ้ งครบถ้วน ไมถ่ ูกต้อง ตามท่ี ถูกตอ้ งเปน็ สว่ น
ตามทก่ี ำหนด กำหนด น้อย
เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
เกณฑ์การตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพดขี ้ึนไป
160
แบบประเมินคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 เรื่อง การจดั กลุม่ วตั ถุ (3)
ชื่อผู้ประเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ …………………………………………………………………………………….........................................
ช่ือกลุ่มรบั การประเมนิ ………………………………………………………………………………………….........................................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี……………....……....... วัน ……………..…. เดอื น …...........……..........………. พ.ศ. ……...….……..........
เรื่อง………………………………………………………………………………………………………………...............................................
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี ระดบั พฤติกรรม
ผา่ น ไม่ผา่ น
1. ความมุง่ ม่ันในการทำงาน
2. ความสามัคคี ช่วยเหลือในการทำงานกลุ่มร่วมกัน
3. ความซอื่ สตั ยต์ ่อตนเอง
เกณฑ์การตัดสนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ “ผ่าน”
161
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 12 เรอ่ื ง การจดั กล่มุ วตั ถุ (3)
ผู้ประเมนิ /กลมุ่ ประเมิน..................................................................................................................................................................
ชอ่ื กล่มุ รบั การประเมนิ .................................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี...................วันท่ี......................เดือน....................................................พ.ศ.......................................
เรื่อง.....................................................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ เกณฑก์ ารตดั สิน
ผ่าน ไมผ่ ่าน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
- ระบุชนิดและสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุใน
ชวี ิตประจำวนั
2. ความสามารถในการคดิ
- สรุปการจัดกลุ่มวัตถุโดยใช้สมบัติของวัสดุเป็น
เกณฑ์
3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
- มคี วามรบั ผิดชอบในการทำงาน
- มีวนิ ัยในการทำกจิ กรรม
เกณฑ์การตดั สิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพ “ผา่ น”
เฉลยใบงาน
163
แข็ง ทึบ
โลหะ เรียบ มันวาว
ยืดไมไ่ ด้
แขง็ ขรุขระ
ไม้ ทึบ ไมม่ นั วาว
ยืดไมไ่ ด้
แข็ง ใส เรียบ
แก้ว ไม่มนั วาว
ยืดไม่ได้
164
ยาง นมุ่ ทบึ เรยี บ
ไมม่ ันวาว
ยืดได้
ผ้า นุม่ ทบึ เรยี บ
ไม่มันวาว
ยดื ได้
165
3
น่มุ
ยางลบ ผา้
ยืดไม่ได้
ถาดอาหาร ตะกรา้ แกว้ นำ้
ทบึ
ถาดอาหาร ตะกรา้ ยางลบ ผา้
หมายเหตุ : คำตอบข้ึนอยู่กับการจัดกลมุ่ ของนกั เรยี น
166
นุม่ ยืดไมไ่ ด้ ทบึ
หมายเหตุ : คำตอบขน้ึ อยกู่ ับการจดั กลุ่มของนกั เรยี น
ไมเ่ หมือนเดิม เชน่ ความมันวาว เปน็ เกณฑ์ในการ
จัดกลมุ่ วตั ถุทม่ี ีสมบัตนิ ้ี ได้แก่ ถาดอาหาร
เราสามารถใชส้ มบตั ิของวัสดุมาเปน็ เกณฑ์
ในการจดั กลุม่ วตั ถุ และเม่ือเปลย่ี นเกณฑ์
ในการจัดกลุ่ม วัตถุในกล่มุ ก็เปลีย่ นไปดว้ ย
167
ต๊กุ ตาผ้า ฟองน้ำ
แก้วนำ้ โตะ๊ ไม้
-แก้วนำ้
ตุ๊กตาผา้ โต๊ะไม้ ฟองน้ำ
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3
เสียงรอบตัว
169
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั ของหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เสียงรอบตัว
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกดิ เสียงและทิศทางการเคลื่อนท่ขี องเสยี งจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
170
ลำดบั การนำเสนอแนวคดิ หลกั ของหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เสียงรอบตัว
เสียงมาจากแหลง่ กำเนดิ เสยี ง ซ่ึงแบ่งได้เป็นแหล่งกำเนิดเสียงตามธรรมชาติ
และแหลง่ กำเนิดเสียงทม่ี นุษยส์ ร้างขึ้น
เสยี งเกดิ จากการสนั่ ของแหลง่ กำเนิดเสยี ง
เสยี งเคลื่อนทอี่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสียงทกุ ทศิ ทาง
171
ตัวอย่างโครงสรา้ งแผนการจัดการเรยี นรขู้ องหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เสียงรอบตวั
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
16-18 การเกดิ เสียง
(3 ชวั่ โมง)
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่
13-15 เสียงรอบตัวเรา 19-20 ทศิ ทางการ
เคลื่อนที่ของเสียง
(3 ชว่ั โมง) (2 ชัว่ โมง)
หนว่ ยยอ่ ยที่ 1
(เสยี งใน
ชีวติ ประจำวนั )
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3
เสยี งรอบตวั
(8 ชวั่ โมง)
หมายเหตุ : โครงสร้างเวลานเ้ี ปน็ ตวั อยา่ งสำหรบั ในการจดั การเรยี นการสอน ซ่ึงสามารถปรบั ไดต้ าม
ความเหมาะสมกับวนั และเวลา
172
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 หนว่ ยย่อยที่ 1 เสียงในชวี ิตประจำวนั
จำนวนเวลาเรียน 8 ช่วั โมง ชือ่ หน่วย เสียงรอบตวั
จำนวนแผนการจดั การเรยี นรู้ 3 แผน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระสำคัญของหนว่ ย
เสยี งเกดิ จากแหลง่ กำเนดิ เสยี ง ซึ่งแบง่ ได้เปน็ แหล่งกำเนิดเสยี งทเ่ี กิดขึ้นเองตามธรรมชาติและแหลง่ กำเนิดเสียง
ท่ีมนุษย์สร้างข้นึ เสยี งเกดิ จากการส่ันของแหล่งกำเนิดเสยี ง เคล่ือนที่ออกจากแหล่งกำเนดิ เสยี งในทุกทศิ ทาง
มาตรฐานและตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกดิ เสยี งและทศิ ทางการเคลือ่ นท่ีของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
173
ลำดบั การนำเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยยอ่ ยท่ี 1 เสียงในชีวติ ประจำวนั
เสยี งมาจากแหล่งกำเนิดเสียง ซึง่ แบง่ ไดเ้ ปน็ แหล่งกำเนดิ เสียงตามธรรมชาติ
และแหล่งกำเนิดเสยี งท่ีมนุษย์สรา้ งข้นึ
เสียงเกดิ จากการส่นั ของแหล่งกำเนดิ เสยี ง
เสียงเคลื่อนทอ่ี อกจากแหลง่ กำเนดิ เสยี งทุกทิศทาง
โครงสร้างของหน่วยย่อยที่ 1 เสียงในชวี ติ ประจำวนั
หนว่ ยการเรยี นรู้ ชอ่ื หน่วยยอ่ ย จำนวนแผน ชอ่ื แผนการจดั การเรยี นรู้ จำนวนช่วั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยย่อยท่ี 1 3 เสยี งรอบตัวเรา 3
ท่ี 3 เสียงรอบตัว เสยี งในชวี ิต การเกิดเสยี ง 3
ทิศทางการเคล่อื นที่ของเสยี ง 2
ประจำวัน
174
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 เรอื่ ง เสียงรอบตวั เรา (1)
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง เสียงรอบตวั หน่วยยอ่ ยที่ 1 เรือ่ ง เสยี งในชวี ติ ประจำวนั
รหัสวิชา ว11101 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ัด
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสยี งและทศิ ทางการเคล่อื นท่ขี องเสยี งจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสำคัญ
เสยี งเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียง ซงึ่ แบ่งได้เปน็ แหล่งกำเนิดเสียงทีเ่ กิดขึน้ เองตามธรรมชาตแิ ละแหลง่ กำเนิดเสียง
ท่มี นษุ ยส์ ร้างขน้ึ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K)
- ระบแุ หล่งกำเนดิ เสยี งของเสียงตา่ ง ๆ รอบตัวเรา
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
- ลงความเห็นจากขอ้ มลู เก่ียวกบั แหลง่ กำเนดิ เสยี งของเสยี งต่าง ๆ รอบตวั เรา
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- การยอมรับความเหน็ ตา่ ง
- มวี นิ ยั
- ใฝ่เรียนรู้
175
4. สาระการเรียนรู้
ส่งิ ท่ที ำใหเ้ กดิ เสียง คือ แหลง่ กำเนดิ เสยี ง เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงรอบ ๆ ตัวเรามมี ากมาย เช่น เสียงไก่
ขนั เสียงฟ้ารอ้ ง เสยี งประทดั เสยี งจากเครื่องดนตรตี ่าง ๆ เสยี งแมวรอ้ ง เสียงรถยนต์
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
- เขียนช่อื และวาดรูปแหล่งกำเนิดเสยี งต่าง ๆ รอบตวั เรา
5.2 ความสามารถในการคดิ
- ระบุแหลง่ กำเนิดเสยี งของเสยี งต่าง ๆ ทีส่ ำรวจ
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มีวินยั
6.2 ใฝเ่ รยี นรู้
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น (เวลา 10 นาท)ี
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยนำของเล่นที่ทำให้เกิดเสียงได้มาให้นักเรียนสังเกต เช่น ลูกบอลที่มี
กระพรวนอยดู่ ้านใน จากน้ันครเู ขยา่ ของเล่นเพอื่ ทำให้เกดิ เสียง แล้วใชค้ ำถามดังน้ี
1.1 เสียงทน่ี กั เรยี นได้ยินเป็นอยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
1.2 เสยี งที่นักเรยี นได้ยนิ เปน็ เสียงของอะไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
1.3 สงิ่ ทีท่ ำให้เกดิ เสยี ง เรียกว่าอะไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
ขน้ั สอน (เวลา 45 นาที)
2. ครชู วนนักเรียนหาคำตอบโดยใช้ส่ือสไลด์ โดยใหน้ กั เรยี นอา่ นชอ่ื กจิ กรรม และจดุ ประสงค์ของกิจกรรมที่ 1
เสียงรอบตวั เรามอี ะไรบา้ ง หนา้ 41 จากนัน้ ใชค้ ำถามตอ่ ไปน้ี
2.1 กิจกรรมนจี้ ะไดเ้ รียนเกย่ี วกบั เรื่องอะไร (เสียงรอบตวั เรา)
2.2 กิจกรรมนีเ้ รยี นดว้ ยวธิ ีการใด (การสำรวจ)
2.3 เมื่อเรยี นกจิ กรรมนี้เสรจ็ แล้ว นกั เรยี นจะทำอะไรได้ (ระบเุ สยี งตา่ ง ๆ รอบตวั เราได้)
3. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรูใ้ นชั่วโมงนี้ให้นักเรียนทราบอีกครั้ง โดยใช้สื่อสไลด์ว่า นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับ
เรื่องเสยี งตา่ ง ๆ รอบตวั เรา
176
4. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทำในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 1-2 หน้า 41 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการทำ
กิจกรรมของนกั เรยี นจนแนใ่ จว่านกั เรยี นทำได้ โดยครใู ช้คำถามดงั ต่อไปนี้
4.1 นกั เรยี นตอ้ งสำรวจเสยี งรอบตวั เราทง้ั หมดกเ่ี สยี ง (6 เสยี ง)
4.2 เมอ่ื สำรวจเสียงรอบตวั เราแลว้ ตอ้ งทำอยา่ งไรตอ่ ไป (วาดรปู แหล่งกำเนิดเสยี งลงในใบงาน)
5. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนเกี่ยวกับคำว่าแหล่งกำเนิดเสียง โดยนำตัวอย่างเสียงจากขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
มาร่วมอภิปรายว่าเสียงที่ได้ยิน คือ เสียงจากกระพรวนที่อยู่ด้านในลูกบอล ซึ่งกระพรวนจัดเป็นแหล่งกำเนิด
เสยี ง เพราะเปน็ สิ่งทใี่ หเ้ สยี งได้
6. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับแหลง่ กำเนดิ เสยี งรอบตวั และถามนกั เรียนว่า นอกจากเสียงจากกระพรวนแลว้
รอบ ๆ ตัวเรายังมีเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงอื่น ๆ อีกมากมาย นักเรียนรู้หรือไม่ว่ามีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง
(นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น เสียงสุนัข เสยี งแมวร้อง เสยี งลม)
7. ครูใชส้ ่ือสไลดอ์ ธบิ ายวธิ กี ารบันทึกผลการสำรวจในใบงาน 01 แหล่งกำเนิดเสยี งรอบตวั เรา หน้า 43-45 ครูชีแ้ จง
เพิ่มเติมว่าให้นักเรียนเขียนชื่อและวาดรูปแหล่งกำเนิดเสียงที่สำรวจ แต่ยังไม่ต้องระบุว่าแหล่งกำเนิดเสียงน้ัน
เปน็ แหลง่ กำเนดิ เสียงทเี่ กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาตหิ รือเปน็ แหลง่ กำเนดิ เสียงที่มนษุ ยส์ รา้ งขึน้
8. ครูใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมในข้อ 1 และ 2 โดยนกั เรยี นสำรวจและบนั ทกึ ผลการสำรวจเสยี งจากแหลง่ กำเนดิ เสียง
ต่าง ๆ หรือให้นักเรียนสังเกตเสียงจากวีดิทัศน์ที่ครูเตรียมมา โดยครูจะเปิดเสียงให้นักเรียนสังเกต 1 คร้ัง
ต่อ 1 เสียง แล้วให้นักเรียนเขียนชื่อและวาดรูปแหล่งกำเนิดเสียงนั้น จากนั้นก็เปิดเสียงถัดไปจนครบ 6 เสียง
ตัวอย่างแหล่งกำเนิดเสียง เช่น ไก่ขัน ฟ้าร้อง ประทัด เครื่องดนตรีต่าง ๆ แมวร้อง รถยนต์ ครูให้ความ
ช่วยเหลือนกั เรยี นขณะทำกจิ กรรมโดยให้คำปรกึ ษาและสังเกตการทำกิจกรรมของนกั เรยี น
9. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน และให้เพื่อนในห้องร่วมกันแสดงความ
คิดเห็น จากน้นั ครเู ฉลยคำตอบโดยใชส้ ่ือสไลด์อกี คร้ัง
ขั้นสรปุ (เวลา 5 นาที)
10. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรุปความรู้ด้วยตนเองเกี่ยวกับเสียงต่าง ๆ รอบตัว ซึ่งควรสรุปได้ว่า สิ่งที่ทำให้เกิด
เสียงคือ แหล่งกำเนิดเสียง เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงรอบ ๆ ตัวเรามีมากมาย เช่น เสียงไก่ขัน เสียงฟ้าร้อง
เสียงประทดั เสยี งจากเครื่องดนตรตี า่ ง ๆ เสยี งแมวรอ้ ง เสยี งรถยนต์
8. สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้
8.1 ส่อื สไลด์ เรือ่ ง เสียงรอบตวั เรา (1)
8.2 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เสียงรอบตวั เรามอี ะไรบ้าง หน้า 41
8.3 ใบงาน 01 แหลง่ กำเนดิ เสยี งรอบตวั เรา หน้า 43-45
8.4 ของเลน่ ทีท่ ำให้เกดิ เสียงได้ เช่น ลูกบอลทมี่ กี ระพรวนข้างใน
177
8.5 ตัวอย่างแหล่งกำเนิดเสียง เชน่ ไกข่ ัน ฟ้ารอ้ ง ประทัด เคร่อื งดนตรตี า่ ง ๆ แมวร้อง รถยนต์
9. ช้นิ งาน/ภาระงาน
- ใบงาน 01 แหล่งกำเนิดเสยี งรอบตวั เรา หน้า 43-45
10. การวดั และประเมินผล
สิ่งทีต่ อ้ งการวดั /ประเมนิ วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
1) ด้านความรู้ ความเข้าใจ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับ
สังเกตการตอบคำถาม แบบประเมนิ ความรู้ คุณภาพดีขนึ้ ไป
- ระบแุ หลง่ กำเนดิ เสยี ง ผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับ
ของเสียงต่าง ๆ รอบตวั เรา ในชั้นเรยี นและเนอ้ื หาใน คณุ ภาพพอใช้ขึน้ ไป
2) ด้านทักษะ/กระบวนการ
ใบงาน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับ
- ลงความเหน็ จากขอ้ มลู คณุ ภาพ “ผา่ น”
เกยี่ วกับแหล่งกำเนิดเสยี ง สังเกตทักษะ แบบประเมนิ ทักษะ
ของเสยี งตา่ ง ๆ รอบตัวเรา ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั
3) ด้านคณุ ลกั ษณะ กระบวนการ กระบวนการ คณุ ภาพ “ผา่ น”
เจตคติ คา่ นยิ ม
ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการ ทางวทิ ยาศาสตร์
- การยอมรบั ความเหน็
ต่าง ทำกิจกรรม
- มวี นิ ยั สังเกตคณุ ลักษณะ แบบประเมนิ
- ใฝเ่ รียนรู้
4) สมรรถนะสำคญั ของ อนั พึงประสงค์ คุณลกั ษณะอนั พึง
ผเู้ รียน
1. ความสามารถในการ ประสงค์
สอื่ สาร
- เขยี นชื่อและวาดรูป สังเกตพฤตกิ รรมขณะ แบบประเมนิ
แหล่งกำเนิดเสยี งตา่ ง ๆ ทำกิจกรรม สมรรถนะสำคญั ของ
รอบตวั เรา ผูเ้ รยี น
2. ความสามารถในการคิด
- ระบแุ หลง่ กำเนดิ เสียง
ของเสยี งตา่ ง ๆ ทสี่ ำรวจ
178
แบบประเมินความรู้
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 13 เร่ือง เสยี งรอบตัวเรา (1)
ช่อื ผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครง้ั ที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่ือง………………………………………………………………...……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง รวมคะแนน
คำถามในชนั้ ความรู้ ครบถ้วนของเนอ้ื หา (10 คะแนน)
(4)
เรียน ในใบงาน
(4) (2)
179
เกณฑ์การประเมนิ
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ น้ำหนัก คะแนน
การประเมิน 4 (ดีมาก) 1.0 รวม
1. การตอบ ตอบคำถามได้ 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง) 1.0 4
คำถามในช้ันเรยี น ถูกต้องทงั้ หมด ตอบคำถามไม่
ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ตอ้ ง 0.5 4
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ความ
เข้าใจเกีย่ วกบั ถูกต้องเปน็ ถูกต้องบางส่วน สรุปความรเู้ ขา้ ใจ 2
เร่ืองท่ีศึกษาได้ เก่ียวกับเรือ่ งที่
ถูกตอ้ งและ ส่วนใหญ่ ศกึ ษาไม่ถูกตอ้ ง
ครบถว้ น และไมค่ รบถว้ น
สรุปความรู้ความ สรปุ ความรคู้ วาม
3. ความถูกต้อง เนื้อหาทเี่ ขียนใน เนือ้ หาทีเ่ ขยี นใน
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ เข้าใจเกีย่ วกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ ใบงานไมถ่ ูกตอ้ ง
เนื้อหาในใบงาน ถกู ตอ้ งครบถว้ น
เรือ่ งทศี่ ึกษาได้ เร่ืองทีศ่ กึ ษาได้
ตามทีก่ ำหนด
ถูกตอ้ ง แต่ไม่ ถูกตอ้ งบางส่วน
ครบถว้ น และไม่ครบถว้ น
เนือ้ หาทีเ่ ขียนใน เนื้อหาที่เขียนใน
ใบงานมีบางสว่ น ใบงานมคี วาม
ไม่ถูกตอ้ ง ตามท่ี ถูกตอ้ งเปน็ สว่ น
กำหนด นอ้ ย
เกณฑก์ ารประเมินคุณภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดมี าก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรบั ปรุง
เกณฑ์การตัดสนิ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คุณภาพดขี ้ึนไป
180
แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 13 เรอ่ื ง เสียงรอบตัวเรา (1)
ช่อื ผ้ปู ระเมิน………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ท…ี่ ……………….... วันท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง……………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่อื -สกุล/กลุม่ รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวม ผลการประเมนิ
การลงความเหน็ จากขอ้ มลู คะแนน
(3) (3 คะแนน)
เกณฑก์ ารประเมนิ
ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
การลงความเหน็ สามารถเพิ่มเติมความคดิ เหน็ สามารถเพมิ่ เติมความคิดเหน็ สามารถเพ่ิมเติมความคิดเหน็
จากขอ้ มูล เก่ยี วกับแหลง่ กำเนดิ เสยี ง เกี่ยวกบั แหล่งกำเนิดเสียง เก่ยี วกบั แหลง่ กำเนิดเสยี ง
ของเสียงตา่ ง ๆ รอบตวั เรา ของเสียงต่าง ๆ รอบตัวเราได้ ของเสียงต่าง ๆ รอบตัวเราได้
ได้ดว้ ยตนเอง จากการช้แี นะของครหู รือ บางส่วน ถงึ แม้จะได้รับ
ผอู้ ืน่ คำแนะนำจากครูหรือผู้อ่ืน
เกณฑ์การประเมินคุณภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรุง
เกณฑก์ ารตดั สนิ ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคณุ ภาพพอใช้ขึน้ ไป
181
แบบประเมินคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13 เรอื่ ง เสียงรอบตัวเรา (1)
ผปู้ ระเมิน/กลุม่ ประเมนิ ......................................................................................................................................................
ช่อื กลุ่มรับการประเมิน........................................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครง้ั ที่...............วันที่...........เดือน......................................................พ.ศ.......................................
เร่ือง......................................................................................................................................................................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ เกณฑก์ ารตดั สิน
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1 การยอมรับความเห็นต่าง
2 มีวินยั
3 ใฝ่เรยี นรู้
เกณฑก์ ารตัดสิน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพ “ผา่ น”
182
แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 13 เรอ่ื ง เสยี งรอบตวั เรา (1)
ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน..........................................................................................................................................
ช่ือกลุ่มรบั การประเมิน...........................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครั้งที่....................วันท่ี.....................เดือน..................................................พ.ศ...................................
เรอ่ื ง............................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี เกณฑ์การตัดสนิ
ผ่าน ไมผ่ า่ น
1 ความสามารถในการส่อื สาร
- เขยี นชื่อและวาดรปู แหลง่ กำเนิดเสียงต่าง ๆ รอบตัวเรา
2 ความสามารถในการคิด
- ระบแุ หล่งกำเนดิ เสียงของเสยี งต่าง ๆ ท่สี ำรวจ
เกณฑก์ ารตัดสิน ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพ “ผ่าน”
183
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เร่อื ง เสียงรอบตัวเรา (2)
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง เสยี งรอบตัว หน่วยย่อยท่ี 1 เรื่อง เสยี งในชีวติ ประจำวนั
รหสั วชิ า ว11101 รายวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 1 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้ีวดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสยี งและทศิ ทางการเคลือ่ นทีข่ องเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. สาระสำคัญ
เสียงเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งแบ่งได้เป็นแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และแหล่งกำเนดิ เสยี งทม่ี นุษย์สร้างข้ึน
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- ระบปุ ระเภทของแหล่งกำเนิดเสียง
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- จำแนกประเภทของแหลง่ กำเนดิ เสียง
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A)
- ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
- ใฝ่เรียนรู้
4. สาระการเรยี นรู้
แหล่งกำเนิดเสียงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และแหล่งกำเนิด
เสียงทีม่ นุษยส์ รา้ งข้ึน
184
5. สมรรถนะของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการส่อื สาร
- บอกประเภทของแหลง่ กำเนดิ เสยี ง
5.2 ความสามารถในการคิด
- จำแนกเสียงที่ได้ยินออกเป็นเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และแหล่งกำเนิดเสยี งทมี่ นุษยส์ ร้างข้ึน
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มุ่งมั่นในการทำงาน
6.2 ใฝเ่ รียนรู้
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน (เวลา 10 นาท)ี
1. ครูเปิดเพลงแล้วชวนนักเรียนทำท่าทางประกอบ จากนั้นครูใช้คำถามจากสื่อสไลด์ทบทวนความเข้าใจในชั่วโมง
ที่ผ่านมาเกี่ยวกบั แหลง่ กำเนดิ เสียง ดงั น้ี
1.1 เสียงทนี่ ักเรยี นไดย้ นิ คือเสียงอะไร (เสยี งเพลง)
1.2 แหล่งกำเนิดเสียงของเสียงท่ีได้ยินคืออะไร (คำตอบตามแหล่งกำเนิดเสียงที่ครูใช้ เช่น วิทยุ
โทรศพั ท์มอื ถอื โทรทศั น์ หรืออนื่ ๆ)
1.3 แหล่งกำเนดิ เสยี งคอื อะไร (สิง่ ทที่ ำให้เกิดเสียง)
2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยใช้คำถามว่า เสียงต่าง ๆ รอบตัวเรามาจากแหล่งกำเนิดเสียงท่ี
หลากหลาย หากเราจำแนกประเภทของแหล่งกำเนิดเสียง จะจำแนกได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (นักเรียนตอบ
ตามความเข้าใจของตนเอง) ครูอาจจดคำตอบของนักเรียนไว้เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนจบเรื่องนี้แล้ว
จากนนั้ ชักชวนนักเรียนไปหาคำตอบจากกจิ กรรม
ขัน้ สอน (เวลา 45 นาท)ี
3. ครูใช้สื่อสไลด์แจ้งจุดประสงคข์ องกิจกรรมที่ 1 เสียงรอบตัวเรามีอะไรบา้ ง และแจ้งให้นักเรียนทราบวา่ นักเรียน
จะได้จำแนกประเภทของแหล่งกำเนดิ เสยี ง
4. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทำในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 3 หน้า 41 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการทำ
กจิ กรรมของนกั เรยี นจนแน่ใจว่านักเรยี นทำได้ โดยครูใชค้ ำถามว่า
4.1 ใบความรูท้ ีน่ ักเรยี นจะได้อ่านมชี ือ่ เรือ่ งว่าอะไร (ใบความรู้เรอ่ื งแหล่งกำเนิดเสยี ง)
185
4.2 เมื่ออ่านใบความรู้เสร็จแล้ว นักเรียนจะนำความรู้มาใช้ทำอะไรต่อไป (ระบุเสียงต่าง ๆ ท่ีเคยบันทึกไว้
ในใบงาน 01 ว่าเป็นเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือเป็นเสียงจาก
แหล่งกำเนิดเสยี งทมี่ นษุ ยส์ รา้ งข้นึ )
5. ครูชกั ชวนนักเรยี นอ่านใบความรู้เรอื่ ง แหล่งกำเนิดเสยี ง หนา้ 42 โดยครูฝกึ นกั เรยี นอ่านทีละบรรทัด จากนั้นครู
ใชค้ ำถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น ดงั น้ี
5.1 เสียงเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภทใดบ้าง (แหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และแหลง่ กำเนิดเสยี งทม่ี นุษย์สร้างขน้ึ )
5.2 แหลง่ กำเนดิ เสียงทเ่ี กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาตมิ อี ะไรบ้าง (ไก่ขัน น้ำตก ท้องฟา้ )
5.3 แหล่งกำเนิดเสียงท่มี นุษยส์ ร้างข้ึนมีอะไรบ้าง (กลอง นาฬกิ าปลกุ ระฆัง)
6. ครูถามเพิ่มเติมว่านอกจากตัวอย่างในใบความรู้แล้ว ยังมีเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้น เองตามธรรมชาติ
และทมี่ นุษยส์ ร้างขน้ึ ทนี่ ักเรยี นรจู้ กั อะไรอกี บา้ ง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น
- เสียงจากแหล่งกำเนดิ เสยี งทเี่ กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ เชน่ เสยี งต้นไมล้ ู่ลม เสยี งฝนตก เสียงสนุ ขั เห่า
- เสยี งจากแหลง่ กำเนดิ เสียงทมี่ นุษยส์ ร้างขึ้น เช่น เสยี งผวิ ปาก เสยี งของเล่นเด็ก เสยี งโทรทัศน์)
7. ครูให้นกั เรยี นนำความรทู้ ี่ได้จากการอ่านใบความรมู้ าเลือกตอบว่าเสียงทน่ี ักเรยี นได้เคยฟังหรือสำรวจมาแล้วนั้น
(จากชั่วโมงที่แล้ว) เป็นเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือเป็นแหล่งกำเนิดเสียง
ที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยทำเครื่องหมาย ในช่องสี่เหลี่ยมในใบงาน 01 โดยครูกำหนดเวลาการทำกิจกรรมตาม
ความเหมาะสม
8. ครูส่มุ นกั เรยี นออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมในใบงาน 01 จากนนั้ ครูใชค้ ำถามเพอื่ อภิปราย ดังนี้
8.1 เสียงที่นักเรียนสำรวจส่วนใหญ่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภทใด (คำตอบขึ้นอยู่กับผลการสำรวจ
ของนกั เรียน)
8.2 เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามที่นักเรียนสำรวจมามีอะไรบ้าง (คำตอบ
ขึ้นอยกู่ บั ผลการสำรวจของนกั เรียน เชน่ เสียงนกร้อง เสยี งฝนตก เสยี งลมพัด)
8.3 เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น ตามที่นักเรียนสำรวจมามีอะไรบ้าง (คำตอบขึ้นอยู่กับผล
การสำรวจของนักเรียน เช่น เสียงพลุ เสยี งจากเครื่องดนตรี เสยี งบบี แตร)
9. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเฉลยคำตอบทถี่ ูกตอ้ งโดยใช้ส่อื สไลด์อีกคร้ัง
10. ครชู ักชวนนกั เรียนอภปิ รายเสียงเพลงจากขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียนวา่ เปน็ เสยี งทม่ี าจากแหล่งกำเนิดเสียงประเภท
ใด (แหลง่ กำเนิดเสยี งทีม่ นุษยส์ รา้ งขน้ึ )
ข้นั สรุป (เวลา 5 นาท)ี
11. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนไดส้ รปุ ความรู้ทีไ่ ดเ้ รียนด้วยตนเองเก่ียวกับประเภทของแหลง่ กำเนดิ เสยี ง
186
12. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมโดยใช้สื่อสไลด์สรุปได้ว่า แหล่งกำเนิดเสียงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
แหล่งกำเนดิ เสียงท่เี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ และแหลง่ กำเนิดเสยี งทมี่ นุษยส์ ร้างข้นึ
8. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
8.1 สอื่ สไลด์ เรือ่ ง เสียงรอบตัวเรา (2)
8.2 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เสียงรอบตัวเรามีอะไรบา้ ง หน้า 41
8.3 ใบความร้เู ร่อื งแหล่งกำเนดิ เสยี ง หน้า 42
8.4 ใบงาน 01 แหล่งกำเนิดเสียงรอบตวั เรา หนา้ 43-45
8.5 อุปกรณส์ ำหรับเปดิ เพลง
8.6 เพลง
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- ใบงาน 01 แหล่งกำเนิดเสยี งรอบตวั เรา 43-45
10. การวัดและประเมินผล
ส่งิ ท่ตี ้องการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
1) ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ สังเกตการตอบคำถามใน แบบประเมินความรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดับ
ช้ันเรียนและเนื้อหาใน คณุ ภาพดีขึน้ ไป
- ระบุประเภทของ ใบงาน แบบประเมินทกั ษะ
แหลง่ กำเนดิ เสยี ง สังเกตทักษะกระบวนการ กระบวนการทาง ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั
2) ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ทางวิทยาศาสตรใ์ นการทำ วิทยาศาสตร์ คณุ ภาพพอใชข้ นึ้ ไป
กจิ กรรม
- จำแนกประเภทของ
แหลง่ กำเนดิ เสยี ง
3) ด้านคณุ ลักษณะ สงั เกตคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั
เจตคติ ค่านิยม อนั พึงประสงค์ คุณลกั ษณะอนั พึง คณุ ภาพ “ผ่าน”
ประสงค์
- ม่งุ มั่นในการทำงาน
- ใฝ่เรียนรู้
187
ส่งิ ท่ีตอ้ งการวดั /ประเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
4) สมรรถนะสำคัญของ สังเกตพฤติกรรมขณะ แบบประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับ
ผ้เู รยี น ทำกจิ กรรม สมรรถนะสำคญั ของ คณุ ภาพ “ผา่ น”
1. ความสามารถในการ ผ้เู รียน
ส่ือสาร
- บอกประเภทของ
แหลง่ กำเนดิ เสียง
2. ความสามารถในการคิด
- จำแนกเสียงทไ่ี ดย้ นิ
ออกเป็นเสยี งท่มี าจาก
แหล่งกำเนิดเสยี งทเ่ี กิดขึน้
เองตามธรรมชาตแิ ละ
แหลง่ กำเนิดเสยี งทม่ี นษุ ย์
สรา้ งขึน้
188
แบบประเมินความรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 14 เรอื่ ง เสียงรอบตวั เรา (2)
ชือ่ ผปู้ ระเมนิ ……………………………………………………………........................………………………………………..............
ประเมนิ ผลครงั้ ที่………………….... วันท่ี …….........……... เดอื น ………..……............….…. พ.ศ. ……...….…………....
เรอ่ื ง………………………………………………………………………………………………………...........……………………………….
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน
ช่ือ-สกลุ /กลมุ่ การตอบ การสรุป ความถูกตอ้ ง รวมคะแนน
คำถามใน ความรู้ ครบถว้ นของเนื้อหา (10 คะแนน)
ช้ันเรยี น (4)
ในใบงาน
(4)
(2)
189
เกณฑ์การประเมนิ
ประเดน็ ระดับคณุ ภาพ น้ำหนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) 1.0 4
ตอบคำถามไม่
1. การตอบ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถาม ถกู ต้อง 0.5 4
คำถามในช้ันเรยี น ถกู ต้องทั้งหมด ถูกต้องเปน็ ถูกตอ้ งบางสว่ น สรปุ ความรเู้ ข้าใจ 2
เก่ียวกับเรอื่ งที่
ส่วนใหญ่ ศึกษาไมถ่ กู ตอ้ ง
และไมค่ รบถ้วน
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรคู้ วาม สรปุ ความรคู้ วาม
เนือ้ หาท่ีเขยี นใน
ความเข้าใจ เข้าใจเกย่ี วกบั เข้าใจเกีย่ วกับ ใบงานไมถ่ กู ตอ้ ง
เก่ียวกบั เรื่องท่ี เรอ่ื งที่ศกึ ษาได้ เรอ่ื งทศี่ กึ ษาได้
ศึกษาไดถ้ ูกต้อง ถกู ต้อง แตไ่ ม่ ถกู ตอ้ งบางสว่ น
และครบถ้วน ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
3. ความถกู ต้อง เนอ้ื หาที่เขียนใน เน้ือหาทเ่ี ขียนใน เนอื้ หาที่เขยี นใน
ครบถว้ นของ ใบงานมคี วาม ใบงานมีบางสว่ น ใบงานมีความ
เนือ้ หาในใบงาน ถกู ตอ้ งครบถ้วน ไม่ถูกตอ้ งตามที่ ถูกตอ้ งเปน็ สว่ น
ตามทกี่ ำหนด กำหนด น้อย
เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรุง
เกณฑ์การตัดสนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั คณุ ภาพดขี ้ึนไป
190
แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 14 เร่อื ง เสยี งรอบตัวเรา (2)
ชอื่ ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………………………………........................……………………………..............
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วันท่ี …………….........…. เดอื น ………...............….…. พ.ศ. ……...….………….....
เรื่อง…………………………………………………......…………………………………………………...........…………………………….
ชือ่ -สกุล/กล่มุ รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวม
การจำแนกประเภท คะแนน ผลการประเมนิ
(3) (3 คะแนน)
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์
การจำแนกประเภท ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
สามารถจดั กลมุ่ แหล่งกำเนดิ สามารถจดั กลมุ่ แหลง่ กำเนดิ สามารถจดั กลมุ่ แหลง่ กำเนดิ
เสียงออกเป็น 2 ประเภท เสียงออกเป็น 2 ประเภท เสียงออกเป็น 2 ประเภท
ตามเกณฑ์ได้อย่างถกู ต้อง ตามเกณฑไ์ ดอ้ ย่างถูกต้อง ตามเกณฑไ์ ดถ้ กู ตอ้ งเพียง
ดว้ ยตนเอง จากการช้ีแนะของครูหรือ บางส่วน ถึงแม้จะได้รบั
ผูอ้ ่นื คำแนะนำจากครูหรือผู้อน่ื
เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรบั ปรุง
เกณฑ์การตดั สิน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคุณภาพพอใชข้ ึน้ ไป
191
แบบประเมินคุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เรอื่ ง เสียงรอบตัวเรา (2)
ชอ่ื ผูป้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ …………………………………………………………………………………….........................................
ชอ่ื กลุ่มรับการประเมิน…………………………………………………………………………………............………..............................
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี…………………........... วนั ……………..…. เดอื น …...........…............…..………. พ.ศ. ……...….…….....
เร่อื ง………………………………………………………………………………………………………............………....................................
ที่ ลักษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ช้ี เกณฑก์ ารตัดสิน
ผ่าน ไมผ่ ่าน
1. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
2. ใฝ่เรียนรู้
เกณฑก์ ารตัดสิน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับคณุ ภาพ “ผ่าน”
192
แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 14 เรอ่ื ง เสยี งรอบตวั เรา (2)
ผปู้ ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ..........................................................................................................................................
ชื่อกลมุ่ รับการประเมนิ ...........................................................................................................................................
ประเมนิ ผลครงั้ ที่....................วนั ที่.....................เดอื น..................................................พ.ศ...................................
เรือ่ ง............................................................................................................................................................................
ที่ สมรรถนะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ เกณฑก์ ารตดั สิน
ผ่าน ไมผ่ า่ น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
- บอกประเภทของแหล่งกำเนิดเสียง
2. ความสามารถในการคดิ
- จำแนกเสียงท่ีได้ยินออกเป็นเสยี งท่มี าจาก
แหลง่ กำเนิดเสียงท่ีเกดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาติและ
แหล่งกำเนดิ เสียงที่มนษุ ย์สร้างขน้ึ
เกณฑ์การตัดสนิ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ “ผา่ น”
193
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 15 เรอื่ ง เสียงรอบตวั เรา (3)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง เสียงรอบตวั หนว่ ยยอ่ ยท่ี 1 เรื่อง เสียงในชวี ติ ประจำวนั
รหัสวชิ า ว11101 รายวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 1 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและ
พลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั
ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคล่ือนท่ีของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. สาระสำคัญ
เสียงเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งอาจแบ่งได้เป็นแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และแหลง่ กำเนิดเสียงทมี่ นษุ ยส์ ร้างขึ้น
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- ระบปุ ระเภทของแหลง่ กำเนดิ เสียง
3.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
- ลงความเหน็ จากข้อมลู เก่ยี วกบั แหลง่ กำเนิดเสยี งและประเภทของแหล่งกำเนดิ เสยี ง
- ตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุปเกี่ยวกับความหมายของแหล่งกำเนิดเสียงและประเภทของ
แหลง่ กำเนดิ เสยี ง
3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A)
- การยอมรับความเห็นต่าง
- ความอยากรอู้ ยากเห็น
194
4. สาระการเรียนรู้
สงิ่ ทท่ี ำใหเ้ กิดเสียง คือ แหล่งกำเนิดเสยี ง โดยแหลง่ กำเนิดเสยี งแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งกำเนดิ เสียง
ทเี่ กิดขน้ึ เองตามธรรมชาตแิ ละแหลง่ กำเนดิ เสียงทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขึน้
5. สมรรถนะของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการส่อื สาร
- บอกประเภทของแหล่งกำเนิดเสยี ง
5.2 ความสามารถในการคดิ
- ลงความเหน็ จากข้อมูลเกย่ี วกับแหลง่ กำเนิดเสียงและประเภทของแหล่งกำเนิดเสียง
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
- การทำงานร่วมกนั กบั ผอู้ น่ื
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ใฝ่เรยี นรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน (เวลา 10 นาท)ี
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนโดยเปิดวีดิทัศน์แสดงสถานที่ที่มีเสียงต่าง ๆ เช่น น้ำตกที่มีเสียงน้ำไหล
และมเี สยี งนกรอ้ ง ทะเลที่มีเสียงคล่นื จากทะเลและมเี สียงคนกำลังเลน่ ดนตรีรมิ ชายหาด เพ่ือให้นักเรียนร่วมกัน
บอกว่าในสถานที่ดังกล่าวมีเสียงอะไรบ้าง และเสียงนั้นเกิดจากแหล่งกำเนิดเสียงใด และเป็นแหล่งกำเนิดเสียง
ประเภทใด (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ครูใชส้ ื่อสไลดเ์ ฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้องอีกครั้ง
ขั้นสอน (เวลา 45 นาท)ี
2. ครูใช้สื่อสไลด์แจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมที่ 1 เสียงรอบตัวเรามีอะไรบ้าง ให้ทราบอีกครั้งว่า นักเรียนจะได้
ระบุแหล่งกำเนิดเสียงและจำแนกประเภทของแหลง่ กำเนดิ เสียง
3. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทำในใบกิจกรรมที่ 1 ข้อ 4 หน้า 41 จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอน
การทำกิจกรรมของนกั เรยี น โดยครูใช้คำถามดงั นี้
4.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มตอ้ งเลอื กสง่ เสยี งกเ่ี สยี ง (1-2 เสยี ง)
4.2 นกั เรยี นตอ้ งเลอื กเสยี งอย่างไร (เลือกเสียงท่ีไมซ่ ้ำกบั เสยี งของกลุ่มอื่น ๆ)
4.3 ในขณะสง่ เสียงใหเ้ พ่ือนทาย นกั เรยี นต้องทำอยา่ งไรด้วย (ทำท่าทางประกอบ)