The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paporn, 2023-02-14 23:54:06

รวมเล่ม รายงานติดตามผลสัมฤทธิ์ฯ2565

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

w w w . n a c c . g o .t h สำ นักนังานคณะกรรมการป้อป้งกันกัและปราบปรามการทุจทุริตแห่งห่ชาติ โดยสำ นักนัต้าต้นทุจทุริตศึกศึษา และมหาวิทยาลัยลัขอนแก่นก่ รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ การนำ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565


คณะที่ปรึกษาโครงการจ้างที่ปรึกษาติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ ตามสัญญาจ้างเลขที่ 39/2565 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2565 รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาโครงการฯ ดร.ฌาน เรืองธรรมสิงห์ คณะท างานฯ ผศ.ดร.จตุภูมิ เขตจัตุรัส คณะท างานฯ ดร.วชิราวุธ ธรรมวิเศษ คณะท างานฯ รศ.วิลาวรรณ พันธุ์พฤกษ์ คณะท างานฯ รศ.ดร.สุพรรณี อึ้งปัญสัตวงศ์ คณะท างานฯ รศ.ดร.ศรุดา สมพอง คณะท างานฯ ผศ.ดร.พัชรินทร์ พูลทวี คณะท างานฯ อาจารย์สุริยานนท์ พลสิม คณะท างานฯ นางสุภาวดี แก้วค าแสน คณะท างานฯ นางสาวภาภรณ์ เรืองวิชา คณะท างานฯ นายภัทรพล ขวัญสุด คณะท างานฯ จัดพิมพ์โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 123 ถนนมิตรภาพ ต าบลในเมือง อ าเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40002 Website: www.opcsmartcity.org Email: [email protected]


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ก ค ำน ำ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตถือเป็นเงื่อนไขส าคัญในการสร้างความสงบสุขและความเจริญให้กับ คนในสังคมและประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม การจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัย การสร้างแบบแผนหรือค่านิยมร่วมกันของคนในสังคม (collectivism) เกี่ยวกับการไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อ การทุจริตทุกรูปแบบให้เกิดขึ้นเสียก่อน ซึ่งการสร้างค่านิยมร่วมกันของคนในสังคมนี้เองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ ระยะเวลาพอสมควรเนื่องจากการจะสร้างค่านิยมร่วมให้เกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการกล่อมเกลาทางสังคม (socialization) ที่ปัจเจกบุคคลหนึ่ง ๆ จะต้องถูกขัดเกลาและสั่งสมชุดแนวคิด ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับค่านิยมของ การไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อการทุจริตที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อกล่อมเกลาคนในสังคมนั้น ๆ นับตั้งแต่ระดับปัจเจก บุคคล ครัวเรือน ชุมชน องค์กร หรือระดับประเทศ โดยกระบวนการในการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อสร้างค่านิยมร่วมให้ เกิดขึ้นดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ บางประเทศใช้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และปรัชญามาใช้เพื่อสร้าง ค่านิยมให้กับคนในสังคมไปสู่การเป็นสังคมที่ไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อการทุจริต เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น หรือในหลาย ประเทศอาจมีการออกแบบกลไกเชิงสถาบันขึ้นมาเพื่อท าหน้าที่ในการกล่อมเกลาให้คนในสังคมตระหนักต่อผลกระทบ และความร้ายแรงจากการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แนวทางสากล ที่ทุกประเทศน ามาใช้เพื่อกล่อมเกลาคนในสังคมให้ตระหนักรู้และสร้างค่านิยมของการไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อ การทุจริต ก็คือ กลไกการเรียนรู้ หรือการจัดระบบนิเวศการเรียนรู้เพื่อสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพและตระหนักในเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม และมีค่านิยมของการไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เช่นเดียวกับกรณีของประเทศไทย ซึ่งส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส านักงาน ป.ป.ช.) ได้ออกแบบ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) อีกทั้งยังมุ่งใช้เป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาและสร้าง พลเมืองที่ไม่ยอมรับและไม่ยอมทนต่อการทุจริตในทุกรูปแบบด้วย โดยหลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วย 5 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3. หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) 4. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต) และ 5. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ซึ่งได้มีการน าหลักสูตรไปใช้อย่างจริงจังมาตั้งแต่ ปี 2562 ดังนั้น เพื่อยกระดับการด าเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในสังคมไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส านักงาน ป.ป.ช.) จึงได้คัดเลือกมหาวิทยาลัย ขอนแก่น เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการติดตาม ศึกษาปัญหาอุปสรรค และประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ทั้ง 5 หลักสูตรดังกล่าว เพื่อสังเคราะห์ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในมิติ ต่าง ๆ ต่อไป รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เล่มนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดท าขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการศึกษา ติดตาม และประเมิน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ทั้ง 5 หลักสูตร พร้อมกับผลสรุปที่เป็นข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อน ไปสู่สังคมที่ไม่ยอมทนต่อการทุจริตและข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับการพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในมิติต่าง ๆ ด้วย โดยรายงานเล่มนี้ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 คือ บทน า ส่วนที่ 2 คือส่วนที่อธิบายกรอบแนวคิด และทฤษฎีที่น าไปใช้ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ทั้ง 5 หลักสูตร ส่วนที่ 3 คือการน าเสนอระเบียบวิธีวิจัย ส่วนที่ 4 น าเสนอผลการศึกษา และส่วนที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ส านักงาน ป.ป.ช. กันยายน 2565


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ข บทคัดย่อ ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส านักงาน ป.ป.ช.) ได้มอบหมาย ให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท าการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค และสังเคราะห์ข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จ านวน 5 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้าน ทุจริต) ซึ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ด าเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ทั้ง 5 หลักสูตร โดยใช้กรอบแนวคิดเชิงระบบที่ประกอบด้วย การประเมินบริบท ปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และ ผลลัพธ์ ใช้วิธีการศึกษาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริหาร ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร ครู/อาจารย์ นักเรียน/นักศึกษา/ผู้ผ่านการฝึกอบรม นักวิชาการและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จ านวนทั้งสิ้น 116,049 คน โดยใช้เครื่องมือในการประเมินจ านวน 36 ชุด รวมถึงแนว ค าถามในการสัมภาษณ์เชิงลึก ท าการส ารวจ ติดตาม และประมวลผล โดยใช้ระบบ TYintegrity เป็นรูปแบบ โปรแกรมประยุกต์ในลักษณะ Web-application ผลกำรศึกษำ พบว่า 1. บริบทสภาพแวดล้อมทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศเป็นแรงผลักส าคัญที่ท าให้เกิด “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” ที่ส านักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันออกแบบเพื่อเป็นเครื่องมือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในการกล่อมเกลาและปลูกฝังระบบคิดของคนทุกรุ่นวัย แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ หน่วยงานต่าง ๆ จะสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และใช้ความก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นโอกาสในการพัฒนาสื่อและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ท าให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2. ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ทั้ง 5 หลักสูตร (ในส่วนของปัจจัย น าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์) พบว่า หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีคะแนนการประเมินผล สัมฤทธิ์หลักสูตร ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก หรือระดับ A (ค่าคะแนนเท่ากับ 81.59) ส่วนอีก 4 หลักสูตร คือ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) หลักสูตรกลุ่มทหาร และต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับดี หรือ ระดับ B ค่าคะแนน อยู่ที่ 78.61 คะแนน 78.45 คะแนน 78.21 คะแนน และ 62.01 คะแนนตามล าดับ ข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ 1. ข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความชัดเจน ของนโยบายการขับเคลื่อนการท างานแบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงพลังจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศ ทางการเรียนรู้เพื่อสร้างสังคมสุจริตร่วมกัน 2. ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจัดการศึกษา ที่เน้นการมีส่วนร่วมแบบองค์รวมเชื่อมโยงโรงเรียน ชุมชน ประชาสังคม และท้องถิ่นเข้าด้วยกัน รวมถึงการ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ค ปรับปรุงเนื้อหาสาระในหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความทันสมัย ความยากง่ายในการเข้าใจเนื้อหาสาระ ของแต่ละช่วงวัย การพัฒนาวิธีหรือรูปแบบในการสื่อสารใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การมีระบบพัฒนาผู้สอนหรือวิทยากรแกนน า การส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ให้กับผู้เรียน ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและรู้จักแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ควรมีการฝึกอบรมหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาในระบบการศึกษาทุกระดับและทุกภาคส่วนเพื่อขยายผลให้เกิดความยั่งยืน ควรสร้างกลไก การเคลื่อนไหวทางสังคม โดยใช้ประเด็นการต่อต้านการทุจริตเป็นวาระส าคัญของชาติอย่างแท้จริง การพัฒนา หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ที่ไม่ใช่เป็นเพียงการสอนภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นโอกาสของการสร้างพื้นที่การเรียนรู้และระบบนิเวศการเรียนรู้ใหม่ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้าร่วม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความเข้าใจร่วมกัน เสริมสร้างบทบาทของคนในสังคม ได้พัฒนาและบูรณาการร่วมกัน ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ค ำส ำคัญ: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา, ส านักงาน ป.ป.ช., ประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา, ผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา, แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ง บทสรุปผู้บริหำร 1. ควำมเป็นมำและควำมส ำคัญ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ถือเป็นเครื่องมือส าคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) และสืบเนื่องถึงแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) ที่ส านักงาน ป.ป.ช. ได้ร่วมกับ เครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพัฒนาขึ้น ส าหรับน าไปใช้เป็นมาตรฐานกลางในการเสริมสร้าง ความตระหนักและปลูกฝังค่านิยมต่อต้านการทุจริตให้กับผู้คนทุกช่วงวัยใน 5 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3. หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและ ต ารวจ) 4. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ 5. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) เพื่อให้ได้ข้อมูลสะท้อนให้เห็น ถึงผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ตลอดจนปัญหา/อุปสรรคในการน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ เป็นอย่างไร ส านักงาน ป.ป.ช. จึงได้คัดเลือกให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่ปรึกษาในการติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 2. วัตถุประสงค์โครงกำร 2.1 เพื่อก ากับ ติดตาม รับทราบปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะแนวทางการน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ 2.2 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ านวน 5 หลักสูตร อันได้แก่ 1) หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3) หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและ ต ารวจ) 4) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ 5) หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) 3. กรอบแนวคิดในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ กรอบแนวคิดในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในครั้งนี้ ใช้กรอบแนวคิด CIPO ที่ประกอบด้วย 1) บริบทสภาพแวดล้อม 2) ปัจจัยน าเข้า 3) กระบวนการ และ 4) ผลลัพธ์ แต่ละ องค์ประกอบมีตัวบ่งชี้ดังที่ปรากฏในแผนภาพที่ ก


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จ แผนภำพที่ ก กรอบแนวคิดในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 4. เครื่องมือในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ กลุ่มเป้ำหมำยและขนำด ตัวอย่ำง เครื่องมือในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม หลักสูตร คือ กลุ่มหลักสูตรส าหรับจัดการเรียนการสอน (2 หลักสูตร) และกลุ่มหลักสูตรส าหรับจัดฝึกอบรม (3 หลักสูตร) ซึ่งในแต่ละกลุ่มหลักสูตร เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินฯ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1) กลุ่มหลักสูตรส าหรับจัดการเรียนการสอน ใช้เครื่องมือในการประเมินฯ 30 ชุด คือ 1.1) แบบประเมินการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (2 หลักสูตร) จ านวน 6 ชุด ประกอบด้วย แบบประเมินส าหรับผู้บริหาร ครู/อาจารย์ผู้สอน และผู้ปกครอง 1.2) แบบประเมินพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน จ านวน 30 ชุด ประกอบด้วย แบบประเมินส าหรับผู้เรียน ครู/อาจารย์ผู้สอนนักเรียน เพื่อนนักเรียน และผู้ปกครอง 2) กลุ่มหลักสูตรส าหรับจัดฝึกอบรม ใช้เครื่องมือในการประเมินฯ 6 ชุด คือ 1.1) แบบประเมินการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (3 หลักสูตร) จ านวน 3 ชุด ประกอบด้วย แบบประเมินส าหรับผู้ก ากับดูแลหลักสูตร 1.2) แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (3 หลักสูตร) จ านวน 3 ชุด ประกอบด้วย แบบประเมินส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรม กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเชิงปริมำณ ขนาดตัวอย่างของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ทั้ง 5 หลักสูตร จ าแนกรายละเอียดได้ดังตารางที่ ก


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฉ ตำรำงที่ ก ขนาดตัวอย่างเชิงปริมาณในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ หลักสูตรกำรเรียนกำรสอน จ ำนวน สถำนศึกษำ (แห่ง) ขนำดตัวอย่ำง นักเรียน/ นักศึกษำ ผู้บริหำร ครู ผู้รับผิดชอบฯ ผู้ปกครอง เพื่อน รวม หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน สพฐ. 1,055 27,920 1,055 1,055 27,920 27,920 85,870 สช. 37 1,316 37 37 1,316 1,316 4,022 สถ. 147 4,019 147 147 4,019 4,019 12,351 กทม. 134 3,457 134 134 3,457 3,457 10,639 หลักสูตรอุดมศึกษา อว. 35 526 35 35 526 526 1,648 ในการประเมินนักเรียน/นักศึกษาจะเป็นการประเมินแบบครอบคลุม 360 องศา ประกอบด้วย 1) นักเรียน/นักศึกษาประเมินตนเอง 2) ครู/อาจารย์ผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษาประเมิน 3) เพื่อนประเมิน 4) ผู้ปกครองประเมิน รวมทั้งสิ้น 114,530 คน หลักสูตรกำรฝึกอบรม จ ำนวน หน่วยงำน (แห่ง) ขนำดตัวอย่ำง ผู้ผ่ำนกำรอบรม ผู้ดูแลหลักสูตร รวม หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ 10 204 10 214 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช/บุคลากรรัฐและรัฐวิสาหกิจ 26 780 26 806 หลักสูตรโค้ช 1 423 1 424 รวมทั้งสิ้น 1,444 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเชิงคุณภำพ ขนาดตัวอย่างของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส าหรับการสัมภาษณ์/การสัมภาษณ์ เชิงลึกในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้คือ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key Informant) โดยใช้ลักษณะการด ารงต าแหน่งและสถานะของผู้ให้ข้อมูลส าคัญในการให้ข้อมูลส าคัญเชิง คุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญอย่างน้อย ดังนี้ 1) กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Stakeholders) ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา ทั้ง 5 หลักสูตร ได้แก่ ผู้บริหาร/ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร ครู/อาจารย์ และนักเรียน/นักศึกษา/ ผู้ผ่านการอบรม รวมจ านวน 48 คน 2) ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการเรียนการสอน เพื่อรับฟัง ข้อเสนอแนะทิศทางการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยมีต าแหน่งทางวิชาการ ไม่ต่ ากว่ารองศาสตราจารย์ หรือครูช านาญการพิเศษ หรือข้าราชการพลเรือนระดับช านาญการพิเศษ หรือเทียบเท่า จ านวน 9 คน 3) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญอื่น ๆ ได้แก่ ผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ทั้ง 5 หลักสูตร รวมจ านวน 18 คน 5. กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ก ำกับติดตำมและประมวลผล การเก็บข้อมูล ก ากับติดตามและประมวลผลผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “TYintegrity” หรือ Thai Youth Integrity Assessment Management System เป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการ การประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา รูปแบบโปรแกรมประยุกต์ในลักษณะ Web-application ที่สามารถเปิดผ่าน browsers ในเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่าง Real Time


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ช แผนภำพที่ ข การเก็บรวบรวมข้อมูล ก ากับติดตามและประมวลผล ระบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จะเป็นระบบย่อยส่วนหนี่งในระบบโปรแกรม ประยุกต์ TYintegrity และมีระบบจัดการส าหรับสถานศึกษา/หน่วยงาน นับตั้งแต่การสุ่มช่วงชั้น หรือหลักสูตร ที่จะประเมิน ระบบการส่งต่อแบบประเมินให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ระบบติดตามความก้าวหน้าในการ ประเมินของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล และระบบรายงานผลการประเมิน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการจัดการของระบบ TYintegrity 6. กำรวิเครำะห์ข้อมูลและประมวลผล โดยใช้ระบบ TYintegrity ซึ่งมีการคิดคะแนนรวมผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งได้ก าหนดน้ าหนักความส าคัญของคะแนนประเมิน ดังนี้ กำรวิเครำะห์ข้อมูลและกำรประมวลผล ท าการประมวลผลโดยผ่านระบบ TYintegrity โดยใช้การ วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงบรรยาย ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย แต่ก่อนที่จะวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว คณะผู้วิจัยได้ มีการน าคะแนนจากแต่ละกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มครู/อาจารย์ผู้สอน/ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร กลุ่มผู้เรียน/ผู้ผ่านการฝึกอบรม กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มเพื่อนของนักเรียน/นักศึกษา ซึ่งการก าหนดน้ าหนัก คะแนน เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จะน าไปใช้เป็นปัจจัยน าเข้า ส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/ นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการเรียนการสอน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะทิศทางการ ปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ านวนไม่น้อยกว่า 9 คน จ าแนกเป็น หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ านวน 5 คน หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) จ านวน 2 คน และหลักสูตรฝึกอบรม จ านวน 2 คน รวมทั้งการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล ส าคัญในแต่ละหลักสูตรทั้ง 5 หลักสูตร (ผู้ให้ข้อมูลส าคัญประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู/อาจารย์ผู้สอน/ผู้ก ากับ ดูแลหลักสูตร และนักเรียน/นักศึกษา/ผู้ผ่านการฝึกอบรม) และผู้ให้ข้อมูลอื่นในแต่ละหลักสูตร ทั้ง 5 หลักสูตร จ านวน 9 คน ก่อนที่จะน าข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล และจัดการรายงานผล


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซ แผนภำพที่ ค การวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผล 7. ผลกำรวิจัย 7.1 กำรประเมินบริบทของหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำในภำพรวม ผลกำรประเมินบริบทสภำพแวดล้อม หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาถือว่าเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ประเทศภายใต้นโยบายการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) โดยมุ่งเน้น “การพัฒนา


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฌ คนและพัฒนาระบบ” การพัฒนา “คน” เน้นการปรับพฤติกรรมของคนทุกช่วงวัย ให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ต่อการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต จ าเป็นที่จะต้องอาศัยกลไกทางสังคมทุกกลไกในการขับเคลื่อน ทั้งกลไก ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาครัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป โดยมีส านักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยหลักในการ ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการร่วมพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และใช้กลไกเชิงสถาบัน คือ มติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 5 หลักสูตร โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่าย เลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้กระทรวง กลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส านักงาน ต ารวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาน าหลักสูตรไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตร ข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ การเปลี่ยนแปลงส าคัญที่สามารถมองได้ทั้งการเป็นโอกาสหรือความท้าทายที่ต้องเอาชนะ คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สามารถจะน ามาใช้เป็นเครื่องมือในการก ากับ ติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการผลิตสื่อที่เสมือนมีชีวิตผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อ สังคมออนไลน์ ที่มีบทบาทในการหล่อหลอมพฤติกรรมของคนมากขึ้น โดยเฉพาะการเกิดโรคอุบัติใหม่ เช่น Covid-19 ที่ท าให้ปฏิสัมพันธ์ของคนในสังคมลดน้อยลง แต่ทว่าโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับเทคโนโลยีดิจิทัล ก็เป็นความจ าเป็นและส าคัญ รวมถึงการผลักดันในเชิงนโยบายที่อาจไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม ไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ าในการเข้าถึงของผู้คน รวมถึงเด็กและเยาวชนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันสื่อสร้างสรรค์ที่ต้องผลิตให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีสัดส่วนในการ แข่งขันกับสื่อสังคมออนไลน์ที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางเช่นในปัจจุบัน ก็เป็นความท้าทายและเป็นจุดที่ สถานศึกษาหรือสถานประกอบการต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ผลการประเมินบริบทสภาพแวดล้อมของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (ดูแผนภาพที่ ง) แผนภำพที่ ง สรุปผลการประเมินบริบทสภาพแวดล้อม (Strengths Weaknesses Opportunities Threats: SWOT) ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ญ 7.2 กำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ในภำพรวม (เฉพำะปัจจัยน ำเข้ำ กระบวนกำร และผลลัพธ์) ในภาพรวมของผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ทั้ง 5 หลักสูตร พบว่า หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อกำรรู้คิดต้ำนทุจริต) มีคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับ ดีมำก หรือระดับ A (ค่าคะแนนเท่ากับ 81.59) ส่วนอีก 4 หลักสูตร คือ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่ม ทหารและต ารวจ) และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีคะแนน การประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับดี หรือระดับ B ค่าคะแนน อยู่ที่ 78.61 คะแนน 78.45 คะแนน 78.21 คะแนน และ 62.01 คะแนนตามล าดับ (ดูตารางที่ ข และแผนภาพที่ จ) เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จ าแนกตามองค์ประกอบ คือ ปัจจัย น าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ จะพบว่า ปัจจัยน าเข้าของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 7.38 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) รองลงมาคือ ปัจจัย น าเข้าของหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ที่มีค่าคะแนน 6.88 คะแนน ส่วนต่ าสุดคือ ปัจจัยน าเข้า ของหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ ไม่ทนต่อการทุจริต) ซึ่งมีเพียง 4.90 คะแนน เท่านั้น ในส่วนกระบวนการ ผลการประเมินพบว่า กระบวนการของหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้าน ทุจริต) มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 21.67 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 25 คะแนน) รองลงมาคือ หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) มีค่าคะแนน 19.72 คะแนน ส่วนต่ าสุดคือ หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ค่าคะแนน 9.54 คะแนน) ส่วนผลการประเมินผลลัพธ์ (Outcome) พบว่า 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของ กลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการอบรมหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 44.23 คะแนน รองลงมาคือ ผู้ผ่านการ อบรมหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) (ค่าคะแนน 42.11 คะแนน) ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีค่าคะแนนส่วนนี้พอ ๆ กันกับนักเรียน ที่เคยเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ส่วนนักศึกษา ระดับอุดมศึกษาที่ผ่านการเรียนหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่า คะแนนต่ าสุด นักเรียน/นักศึกษา หรือผู้ผ่านการอบรมจากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร มีความพึงพอใจ ต่อหลักสูตรที่ตนเองเคยศึกษาหรือเคยเข้ารับการอบรมในระดับคะแนนที่แทบจะไม่มีความแตกต่างกัน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฎ ตำรำงที่ ข ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ในภาพรวม หลักสูตร ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ ำหนัก แล้ว) กระบวนกำร (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ ำหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ (Outcome) คะแนน รวม ผลสัมฤทธิ์ (100 คะแนน) ระดับ กำรแปล ควำมหมำย ควำมรู้ เจตคติ และพฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ ำหนักแล้ว) ควำมพึงพอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ ำหนักแล้ว) 1. หลักสูตรโค้ช{n=423} 6.88 21.67 39.55 13.49 81.59 A ระดับดีมาก 2. หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน {n=36,712} 7.38 19.72 39.05 12.46 78.61 B ระดับดี 3.หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและ รัฐวิสาหกิจ{n=780} 4.90 16.92 44.23 12.40 78.45 B ระดับดี 4.หลักสูตรกลุ่มทหารและ ต ารวจ {n=204} 5.72 17.33 42.11 13.05 78.21 B ระดับดี 5.หลักสูตรอุดมศึกษา {n=526} 5.20 9.54 35.46 11.81 62.01 B ระดับดี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฏ แผนภำพที่ จ สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฐ 7.3 สรุปผลกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน (รำยวิชำเพิ่มเติม กำรป้องกันกำรทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสังกัดหน่วยงาน สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 80.06 อยู่ในระดับ A รองลงมาคือ สถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม (ค่าคะแนน 74.44 คะแนน) สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) (ค่าคะแนน 73.63 คะแนน) และสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มีค่าคะแนนต่ าสุด คือ 72.60 คะแนน สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพียงร้อยละ 50 มีผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรไปใช้ในระดับ A หรือระดับดีมาก ส่วนที่เหลืออีก 3 สังกัด คือ ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนใหญ่ มีผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับ B หรือระดับดี ตำรำงที่ ค ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสังกัดหน่วยงาน ร้อยละ รวม กลุ่มสถานศึกษา A (80.00-100.00) B (60.00-79.99) C (50.00-50.99) D (0.00-49.99) ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) (n=1,055 แห่ง) 49.48 50.14 0.38 0.00 80.06 A ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชน (สช.) (n=37 แห่ง) 29.73 62.16 8.11 0.00 72.60 B กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) (n=147 แห่ง) 21.09 76.19 2.04 0.68 74.44 B กรุงเทพมหานคร (กทม.) (n=134 แห่ง) 13.43 82.84 3.73 0.00 73.63 B เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้จ ำแนกตำมพื้นที่ส ำนักงำน ป.ป.ช. ภำค และกรุงเทพมหำนคร พบว่า สถานศึกษาทั้ง 4 สังกัด ในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1, ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3-9 และกรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรไปใช้แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือ มีค่าคะแนนอยู่ระหว่าง 73.71-79.53 คะแนน ซึ่งถือว่ามี ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ ระดับ B ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรไปใช้ อยู่ในระดับ A หรือในระดับที่ดีมาก (ค่าคะแนนเท่ากับ 80.45 คะแนน) เมื่อดูการกระจายตัวของระดับผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรไปใช้ สถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ทุกภาค (ยกเว้นส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2) รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์อยู่ใน ระดับ B หรือระดับดี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฑ แผนภำพที่ ฉ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสังกัดหน่วยงาน ตำรำงที่ ง ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ร้อยละ รวม การแปล ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A ความหมาย (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 47.27 51.16 0.77 0.77 78.93 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 53.50 45.86 0.63 0.00 80.45 A ระดับดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 46.83 52.53 0.63 0.00 78.78 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 48.18 50.90 0.91 0.00 78.93 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 40.30 59.73 0.00 0.00 78.30 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 45.34 54.66 0.00 0.00 79.27 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 45.00 52.50 2.50 0.00 78.94 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 43.4 56.6 0.00 0.00 79.53 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 39.02 58.54 2.44 0.00 78.93 B ระดับดี กรุงเทพมหานคร 13.77 82.61 3.62 0.00 73.71 B ระดับดี รวม 42.39 56.45 1.09 0.07 78.61 B ระดับดี เมื่อน าหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน (รำยวิชำเพิ่มเติม กำรป้องกันกำรทุจริต) มาจ าแนกตาม องค์ประกอบของค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบ คะแนน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior: KAB) และผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ (Outcome - Satisfaction: SAT) ผลปรากฏว่า ในส่วนของปัจจัยน าเข้าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฒ มีคะแนนมากกว่าร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม 10 (7.38/10.00) ด้านกระบวนการ มีค่าคะแนน 19.72 (คิดเป็น ร้อยละ 78.9 ของคะแนนเต็ม 25) ในด้านคะแนนผลลัพธ์ส่วนความรู้ เจตคติและพฤติกรรม มีค่าคะแนน 39.05 (คิดเป็นร้อยละ 78.1 ของคะแนนเต็ม 50) และด้านผลลัพธ์ส่วนความพึงพอใจต่อหลักสูตรฯ มีค่า คะแนน 12.46 (คิดเป็นร้อยละ 83.1 ของคะแนนเต็ม 15) และเมื่อน าองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) มาจ าแนกพิจารณาตามองค์ประกอบในการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งองค์ประกอบย่อยในการ ประเมินองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรมนี้ พัฒนามาจากองค์ประกอบในการจัดเรียนรู้ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบไปด้วย องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนส่วนรวม องค์ประกอบ ที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียงต้านทุจริต และองค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับ ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ปรากฏ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม องค์ประกอบย่อย ดังตารางที่ จ ตำรำงที่ จ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนก ตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) แยกแยะส่วนตน ส่วนรวม ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต จิตพอเพียง ต้านทุจริต พลเมืองกับความ รับผิดชอบต่อสังคม หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 78.05 75.85 76.20 80.24 จากตารางที่ จ จะเห็นได้ว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) มีค่าคะแนนในแต่ละองค์ประกอบย่อยที่เกาะกลุ่มกันอยู่พอสมควร เกือบทุกองค์ประกอบมีคะแนนในระดับต่ า กว่า 80 คะแนน ยกเว้นองค์ประกอบด้านพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ที่มีค่าคะแนนมากกว่า 80 คะแนน คือมีคะแนน 80.24 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนนขององค์ประกอบย่อยด้านนี้ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ดังนี้ 1) สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1.1) สถานศึกษาน าโดยผู้บริหารระดับสูง ควรสร้างการตระหนักรู้ให้เห็นคุณค่า และ ความส าคัญที่จะต้องน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ให้เห็นผลมากที่สุดกับทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายในโรงเรียนทั้งหมด การสร้างความรู้ความเข้าใจกับบุคลากรทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ปกครอง และผู้บริหาร ระดับสูง ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง อย่างจริงจัง มีการสร้างขวัญและก าลังใจให้กับครูผู้สอนและ ผู้เรียน 1.2) สถานศึกษาสนับสนุนสื่อ อุปกรณ์ที่จ าเป็น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างต่อเนื่อง ควรสนับสนุนงบประมาณในการสร้างการเรียนรู้ภายนอกสถานศึกษาให้มากขึ้น ให้ผู้เรียนได้รู้ ได้เห็น และได้ลงมือปฏิบัติจริง จัดสรรบุคลากรให้เพียงพอ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ 1.3) สถานศึกษาควรท าความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้สอนในรายวิชาที่ใกล้เคียงกันในการ จัดการเรียนการสอน อาทิ รายวิชาสังคม รายวิชาหน้าที่พลเมือง กับรายวิชาการป้องกันการทุจริต เพื่อให้เกิด การสอดประสานเสริมพลังกัน และลดการซ้ าซ้อนของเนื้อหาระหว่างรายวิชา เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ 1.4) สถานศึกษาโดยเฉพาะผู้น าในสถานศึกษา ครู อาจารย์ บุคลากร ต้องปฏิบัติตนเป็น แบบอย่างที่ดี เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่จะช่วยปลูกฝังและตอกย้ าการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ได้ถูกสอนไปในชั้นเรียน 2) สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 2.1) สถานศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงควรให้ความส าคัญกับการเข้าใจถึงบริบทแต่ละ แห่งของตนเองว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะสามารถพัฒนาการน าหลักสูตรไปใช้ให้สอดคล้องกับ ความพร้อมของแต่ละสถานศึกษา 2.2) สถานศึกษาควรก าหนดให้เป็นรายวิชาพื้นฐานให้ทุกชั้นเรียนได้เรียน 2.3) ก าหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน มีการจัดการฝึกอบรม หรือจัดส่งไปฝึกอบรมเพื่อให้ ครูผู้สอนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาและสามารถน าไปถ่ายทอดสู่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหา สนับสนุนสื่อประกอบการจัดการเรียนการสอนให้เพียงพอ 3) สถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 3.1) สถานศึกษาควรเตรียมความพร้อมในทุกด้านก่อนน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ หรือ ควรก าหนดไว้ในนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีการก าหนดลงไปยังสถานศึกษา ที่สังกัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 3.2) สถานศึกษาควรท าความเข้าใจ ประชุมชี้แจงกับครูผู้สอนเกี่ยวกับหลักสูตร จุดมุ่งหมาย ของหลักสูตร แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน 3.3) ด าเนินการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษา 3.4) ระหว่างสถานศึกษาในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ควรมีการสร้างเครือข่าย ความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งทางด้านวิชาการ และด้านประสบการณ์การบริหารจัดการ รวมถึงเพื่อจัดเวที แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดแสดงผลงาน พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 4) สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) 4.1) สถานศึกษาควรประชุมวางแผน ชี้แจง เตรียมความพร้อม รวมถึงปรับหลักสูตรให้ เหมาะสมและให้ครูผู้สอนออกแบบกิจกรรมปรับใช้กับนักเรียน ปรับกิจกรรมให้ทันสมัยและเท่าทันเสมอ มีระบบการประเมินที่ชัดเจน และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันอยู่เสมอ 4.2) สถานศึกษาควรมีการจัดสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาสู่ ครอบครัวและชุมชนให้ได้รับทราบ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากครอบครัว และชุมชน 4.3) สถานศึกษาควรด าเนินการให้ตัวสถานศึกษาเอง เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่จะช่วยปลูกฝัง และตอกย้ าการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ได้ถูกสอนไปในชั้นเรียน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ด 7.4 สรุปผลกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรอุดมศึกษำ (วัยใส ใจสะอำด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดี (ระดับ B) โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 62.01 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 5.20 คะแนน กระบวนการ 9.54 คะแนน ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 35.46 คะแนน และความพึงพอใจต่อหลักสูตร 11.81 คะแนน แผนภำพที่ ช ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ ตำรำงที่ ฉ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ร้อยละ รวม การแปล ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A ความหมาย (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 0.00 100.00 0.00 0.00 76.77 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2* - - - - - - - ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 0.00 0.00 33.33 66.67 49.59 D ระดับพอใช้ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 0.00 75.00 25.00 0.00 64.37 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 0.00 57.14 28.6 14.29 60.82 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 0.00 33.33 66.67 0.00 57.96 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 0.00 50.00 25.00 25.00 62.78 B ระดับดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 0.00 0.00 0.00 100.00 47.59 D ระดับพอใช้ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 33.33 33.33 33.33 0.00 67.20 B ระดับดี กรุงเทพมหานคร 0.00 77.78 11.11 11.11 65.28 B ระดับดี รวม (n=35 แห่ง) 2.86 54.29 25.71 17.14 62.01 B ระดับดี หมำยเหตุ: ประเมินเฉพาะมหาวิทยาลัยที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับเข้มข้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ต เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ จ ำแนกตำมพื้นที่ส ำนักงำน ป.ป.ช. ภำค และกรุงเทพมหำนคร แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาที่ อยู่ในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ทั้ง 9 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรไปใช้ในภาพรวม อยู่ในช่วงคะแนนระหว่าง 47.59-76.77 คะแนน หรืออยู่ในระดับ B และ ระดับ D ซึ่งถือว่ามีผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรไปใช้ในระดับดีและต้องได้รับการปรับปรุง เมื่อน าหลักสูตรอุดมศึกษำ (วัยใส ใจสะอำด “Youngster with Good Heart”) มาจ าแนกตาม องค์ประกอบของค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบ คะแนน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior: KAB) และผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ (Outcome - Satisfaction : SAT) ผลปรากฏว่า ในส่วนของปัจจัยน าเข้าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีคะแนนร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม 10 (5.20/10.00) ด้านกระบวนการ มีค่าคะแนน 9.54 (คิดเป็นร้อยละ 38.2 ของคะแนนเต็ม 25) ในด้านคะแนนผลลัพธ์ส่วนความรู้ เจตคติและพฤติกรรม มีค่าคะแนน 35.46 (คิดเป็นร้อยละ 70.9 ของคะแนนเต็ม 50) และด้านผลลัพธ์ส่วนความพึงพอใจต่อหลักสูตรฯ มีค่าคะแนน 11.81 (คิดเป็นร้อยละ 78.7 ของคะแนนเต็ม 15) และเมื่อน าองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) มาจ าแนกพิจารณาตามองค์ประกอบในการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งองค์ประกอบย่อยในการ ประเมินองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรมนี้ พัฒนามาจากองค์ประกอบในการจัดเรียนรู้ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบไปด้วย องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนส่วนรวม องค์ประกอบ ที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียงต้านทุจริต และองค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับ ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปรากฏผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม องค์ประกอบย่อย ดังตารางที่ ช ตำรำงที่ ช ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนก ตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) แยกแยะส่วนตน ส่วนรวม ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต จิตพอเพียง ต้านทุจริต พลเมืองกับความ รับผิดชอบต่อสังคม หลักสูตรอุดมศึกษา 67.15 65.17 71.38 70.08 จากตารางที่ ช จะเห็นได้ว่า หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่าคะแนนในแต่ละองค์ประกอบย่อยที่เกาะกลุ่มกันอยู่พอสมควร มีสององค์ประกอบที่มีคะแนนในระดับ 70 คะแนนขึ้นไป ยกเว้นองค์ประกอบด้านแยกแยะส่วนตนส่วนรวม และด้านละอายและไม่ทนต่อการทุจริต ที่มีค่า คะแนนต่ ากว่า 70 คะแนน คือมีคะแนน 67.15 และ 65.17 คะแนน ตามล าดับ จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ขององค์ประกอบย่อยสองด้านนี้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ถ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ดังนี้ 1) สถาบันอุดมศึกษาควรก าหนดเป้าหมายการพัฒนาของสถาบัน ให้สถาบันอุดมศึกษาเป็นต้นแบบ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ควรมีการแสดงเจตนารมณ์ของผู้บริหารและก าหนดยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนของ สถาบันอุดมศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตในสถาบันอุดมศึกษา มีการน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็นแก่นในการช่วยขับเคลื่อนให้สถาบันบรรลุยุทธศาสตร์ดังกล่าว 2) สถาบันอุดมศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของสถาบันควรให้ความส าคัญ สร้างแรงบันดาลใจ แรงจูงใจ สร้างความเข้าใจร่วมกันของทุกภาคส่วนภายในสถาบันอุดมศึกษาให้รับรู้ ตระหนักถึงความส าคัญของ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา มีนโยบายและการก ากับดูแลให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้ก าหนดไว้ 3) สถาบันอุดมศึกษาควรมีการก าหนดผู้รับผิดชอบ หรือคณะกรรมการอ านวยการในระดับสถาบัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนการน าหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ คณะกรรมการอ านวยการดังกล่าวนี้ มีหน้าที่ในการบริหาร จัดการหลักสูตรในทุกด้าน ทั้งเนื้อหา ผู้สอน กิจกรรม เพื่อที่จะสามารถปรับให้ทันสมัยและเป็นที่สนใจของ ผู้เรียน รวมถึงประสานก ากับติดตามหลักสูตรอย่างจริงจัง ต่อเนื่องเป็นระบบ 4) ควรมีการจัดตั้งเครือข่ายอาจารย์ผู้สอนในระดับอุดมศึกษา จัดสัมมนาผู้สอน การจัดกิจกรรม ประชุมแลกเปลี่ยนกันระหว่างอาจารย์ด้วยกัน มีการฝึกอบรมการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อพัฒนา และทบทวนความรู้อย่างสม่ าเสมอ 7.5 สรุปผลกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรกลุ่มทหำรและต ำรวจ (ตำมแนวทำงรับรำชกำร กลุ่มทหำรและต ำรวจ) ไปใช้ ผลการประเมินพบว่า ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดี (ระดับ B) โดยมีค่า คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 78.21 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 5.72 คะแนน กระบวนการ 17.33 คะแนน ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 42.11 คะแนน และความพึงพอใจต่อ หลักสูตร 13.05 คะแนน และหน่วยงานที่มีการน าหลักสูตรไปใช้ มีผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับดีมาก หรือระดับ A ถึงร้อยละ 30 หน่วยงานส่วนใหญ่มีผลการประเมินอยู่ในระดับ B หรือระดับดี (ดูแผนภาพที่ ซ) เมื่อน าหลักสูตรกลุ่มทหำรและต ำรวจ (ตำมแนวทำงรับรำชกำรกลุ่มทหำรและต ำรวจ) มาจ าแนก ตามองค์ประกอบของค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบคะแนน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและ พฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior: KAB) และผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ (Outcome - Satisfaction: SAT) ผลปรากฏว่า ในส่วนของปัจจัยน าเข้าหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทาง รับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) มีคะแนนร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม 10 (5.72/10.00) ด้านกระบวนการ มีค่าคะแนน 17.33 (คิดเป็นร้อยละ 69.3 ของคะแนนเต็ม 25) ในด้านคะแนนผลลัพธ์ส่วนความรู้ เจตคติและ พฤติกรรม มีค่าคะแนน 42.11 (คิดเป็นร้อยละ 84.2 ของคะแนนเต็ม 50) และด้านผลลัพธ์ส่วนความพึงพอใจ ต่อหลักสูตรฯ มีค่าคะแนน 13.05 (คิดเป็นร้อยละ 87.0 ของคะแนนเต็ม 15)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ท แผนภำพที่ ซ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้ และเมื่อน าองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) มาจ าแนกพิจารณาตามองค์ประกอบในการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งองค์ประกอบย่อยในการ ประเมินองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรมนี้ พัฒนามาจากองค์ประกอบในการจัดเรียนรู้ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบไปด้วย องค์ประกอบที่ 1 ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตร องค์ประกอบที่ 2 ค่านิยมสุจริตของประชาชน องค์ประกอบที่ 3 ทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ องค์ประกอบที่ 4 พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ปรากฏผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตามองค์ประกอบย่อย ดังตารางที่ ซ ตำรำงที่ ซ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนก ตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ความรู้ ความเข้าใจใน เนื้อหาหลักสูตร ค่านิยมสุจริตของ ประชาชน ทัศนคติต่อ การทุจริตและ ประพฤติมิชอบ พฤติกรรมในการต่อต้าน การทุจริตและประพฤติ มิชอบ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ 83.63 87.48 87.79 78.00 จากตารางที่ ซ จะเห็นได้ว่า หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและ ต ารวจ) มีค่าคะแนนในแต่ละองค์ประกอบย่อยที่เกาะกลุ่มกันอยู่พอสมควร เกือบทุกองค์ประกอบมีคะแนนใน ระดับ 80 คะแนนขึ้นไป ยกเว้นเพียงองค์ประกอบด้านพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มีค่าคะแนนต่ ากว่า 80 คะแนน คือมีคะแนน 78.00 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนนขององค์ประกอบ ย่อยด้านนี้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ธ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตรกลุ่มทหารและ ต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ดังนี้ ด้ำนนโยบำย 1) ต้องการให้มีนโยบายในการผลักดันให้น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาเป็นวิชาหลักในแผนการ เรียนเพื่อให้สอดคล้องกับผู้เรียนมากที่สุด และด้านงบประมาณที่ใช้เพื่อการเรียนการสอน การจัดท าสื่อที่ดี รวมไปถึงต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เข้ามาดูแลและให้ค าแนะน า เพิ่มเติม เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ และเป็นการเพิ่มศักยภาพอย่างตรงจุดให้กับผู้เรียน 2) ต้องการให้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ได้สอดแทรกเข้าไปในทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนเตรียมทหาร และข้าราชการทหาร ในรายวิชาคุณธรรม ศีลธรรม การต้านทุจริตศึกษา ด้ำนวิทยำกร ควรมีการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้รับผิดชอบการสอนวิชาต้านทุจริตศึกษา โดยให้แต่ละหน่วยส่ง ตัวแทนเข้ารับการอบรม หรือสามารถเชิญวิทยากรจาก ป.ป.ช. โดยตรงมาบรรยาย เพื่อจะได้ถ่ายทอดข้อมูล การต้านทุจริตศึกษาที่ถูกต้องแก่ผู้เข้ารับการศึกษา ด้ำนสื่อกำรสอน ต้องการให้มีการรวบรวมข้อมูล สถิติ องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการสอนไว้เพื่อให้ผู้สอนมีข้อมูล เชิงลึก สื่อการสอนที่ส าคัญ ข้อมูลการจัดอันดับต่าง ๆ ที่เป็นประเด็นส าคัญเพื่อน ามาถ่ายทอดให้แก่ผู้เรียน โดยข้อมูลดังกล่าวนี้จะต้องได้มาจากองค์กรหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ผู้เรียนก็จะได้รับประโยชน์และ องค์ความรู้จากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาอย่างถูกต้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ด้ำนเนื้อหำหลักสูตร 1) ควรเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อส าหรับผู้เรียน เนื่องจากหลักสูตรที่มีความเป็นภาควิชาการ มากเกินไปจะท าให้ผู้เรียนเกิดความตึงเครียด กิจกรรมในห้องเรียนที่เน้นเรื่องการพูดตามสไลด์ การให้ผู้เข้า อบรมมองตัวหนังสือเป็นส่วนใหญ่ อาจส่งผลให้ผู้เข้าอบรมรู้สึกถึงความเบื่อหน่ายและไม่สนใจศึกษา อย่างตั้งใจ 2) ในทุกเนื้อหาวิชาควรมีการสอดแทรกตัวอย่าง หรือสื่อมัลติมีเดียที่ท าให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลดเนื้อหาในเรื่องของกฎหมายที่มีความซับซ้อนลง ด้ำนกิจกรรมกำรฝึกอบรม 1) มีกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าอบรมปฏิบัติเพื่อเป็นการทดสอบจิตใจ ทดสอบความคิด และเจตคติ ว่าหาก ต้องเจอกับสถานการณ์จริงจะมีวิธีการปฏิบัติตนอย่างไร 2) เพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้ใหม่ จึงควรให้มีการเรียนรู้นอกห้องเรียน การศึกษาดูงานนอกสถานที่ ไปยังหน่วยงานส าคัญ เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ส. DSI จะสร้างความน่าสนใจให้กับผู้เรียน และยังเป็นการพักผ่อน สมองจากการเรียนเนื้อหาที่เป็นวิชาการแล้วอีกด้วย 3) ควรเพิ่มเติมการจัดกิจกรรม workshop ร่วมกันระหว่างผู้เรียน เพื่อให้สามารถร่วมแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ด้ำนควำมคำดหวังต่อหลักสูตร 1) ควรมีการฝึกอบรมหลักสูตรนี้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ไปจนถึงข้าราชการ ระดับสูง โดยเนื้อหาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับคุณวุฒิ วัยวุฒิ และหน้าที่ความรับผิดชอบแต่ละระดับ เพื่อเป็นการปลูกฝังและสร้างจิตส านึกในการต่อต้านการทุจริตในข้าราชการทุกระดับ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 น 2) ควรเสริมให้มีสถาบันต้นแบบหรือมีองค์กรและบุคลากรตัวอย่างที่ได้รับการปูนบ าเหน็จรางวัล ส าหรับผู้ที่ได้แสดงความซื่อสัตย์ และไม่ทนต่อการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงตัวอย่างของผู้ที่กระท าการ ทุจริตที่ได้รับการลงโทษอย่างเป็นรูปธรรม หรือมีการศึกษาองค์กรต้นแบบที่มีอยู่จริงจากนานาชาติ เช่น Independent Commission Against Corruption (ICAC) ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่มีผลสัมฤทธิ์ เป็นที่ประจักษ์ในการขับเคลื่อนประเทศผ่านหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยการเปลี่ยนทัศนคติของคนฮ่องกง จากลักษณะที่เรียกว่า “Passive Acceptance” ไปสู่ “Zero Tolerance” จึงได้มีผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์ ดังกล่าวได้ และให้เกิดมีความเข้มแข็งในจิตใจที่ต้องต่อต้านกับการทุจริตของบุคลากรในองค์กรได้อย่างเป็น รูปธรรม 3) การขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้เกิดความส าเร็จและยั่งยืนสืบต่อไป ควรจะขยายกรอบ ระยะเวลาในการเสริมสร้างวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต รวมถึงการสร้างทัศนคติและพฤติกรรมการต่อต้าน การทุจริตและการประพฤติมิชอบแก่บุคลากรให้ยาวนานเพิ่มมากขึ้น โดยจะต้องสร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรม ที่สามารถส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ สืบเนื่องกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งต้องแสดงให้เห็นได้ว่า ผู้กระท า ความดีต้องได้รับผลตอบกลับที่ดี และผู้ที่กระท าความชั่วก็จะต้องได้รับผลตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์ได้ อย่างแน่นอน 7.6 สรุปผลกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรวิทยำกร ป.ป.ช./บุคลำกรภำครัฐและ รัฐวิสำหกิจ (สร้ำงวิทยำกรผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อกำรทุจริต) ไปใช้ เมื่อพิจารณาผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ ซึ่งประเมินโดยผู้ผ่านการฝึกอบรม จ านวนรวม 780 คน จาก 26 หน่วยงาน ผลการประเมินพบว่า ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ในภาพรวม อยู่ในระดับดี (ระดับ B) โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 78.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 4.90 คะแนน กระบวนการ 16.92 คะแนน ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 44.23 คะแนน และความพึงพอใจต่อหลักสูตร 12.40 คะแนน (ดูแผนภาพที่ ฌ) หน่วยงานส่วนใหญ่เกือบ ร้อยละ 58 มีผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้อยู่ในระดับ B หรือระดับดี แผนภำพที่ ฌ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ไปใช้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 บ เมื่อน าหลักสูตรวิทยำกร ป.ป.ช./บุคลำกรภำครัฐและรัฐวิสำหกิจ (สร้ำงวิทยำกรผู้น ำกำร เปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อกำรทุจริต) มาจ าแนกตามองค์ประกอบของค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบคะแนน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior: KAB) และผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ (Outcome - Satisfaction: SAT) ผลปรากฏว่า ในส่วนของ ปัจจัยน าเข้าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีคะแนนเกือบร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม 10 (4.90/10.00) ด้านกระบวนการ มีค่าคะแนน 16.92 (คิดเป็นร้อยละ 67.7 ของคะแนนเต็ม 25) ในด้านคะแนนผลลัพธ์ส่วนความรู้ เจตคติและ พฤติกรรม มีค่าคะแนน 44.23 (คิดเป็นร้อยละ 88.5 ของคะแนนเต็ม 50) และด้านผลลัพธ์ส่วนความพึงพอใจ ต่อหลักสูตรฯ มีค่าคะแนน 12.40 (คิดเป็นร้อยละ 82.7 ของคะแนนเต็ม 15) และเมื่อน าองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) มาจ าแนกพิจารณาตามองค์ประกอบในการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งองค์ประกอบย่อยในการ ประเมินองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรมนี้ พัฒนามาจากองค์ประกอบในการจัดเรียนรู้ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบไปด้วย องค์ประกอบที่ 1 ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตร องค์ประกอบที่ 2 ค่านิยมสุจริตของประชาชน องค์ประกอบที่ 3 ทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ องค์ประกอบที่ 4 พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ปรากฏ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม องค์ประกอบย่อย ดังตารางที่ ฌ ตำรำงที่ ฌ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนก ตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ความรู้ ความเข้าใจใน เนื้อหาหลักสูตร ค่านิยมสุจริตของ ประชาชน ทัศนคติต่อ การทุจริตและ ประพฤติมิชอบ พฤติกรรมในการต่อต้าน การทุจริตและประพฤติ มิชอบ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 88.85 90.93 92.41 81.6 จากตารางที่ ฌ จะเห็นได้ว่า หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากร ผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีค่าคะแนนในแต่ละองค์ประกอบย่อยที่เกาะกลุ่มกัน อยู่พอสมควร ทุกองค์ประกอบมีคะแนนในระดับ 80 คะแนนขึ้นไป ข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ดังนี้ ด้ำนนโยบำย 1) เนื่องจากจุดเด่นของหลักสูตรสามารถสร้างหรือผลิตบุคลากรที่จะไปเป็นวิทยากรที่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต และมีหลักการในการปรับฐานความคิดของผู้อื่นให้ทันสมัย


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ป ทันต่อสังคมดิจิทัล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความกตัญญู เพื่อให้เกิดเป็นคนที่มี จิตพอเพียงและต้านทุจริตได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้คนหลายกลุ่มหลายระดับยังไม่ได้มีการ รับรู้ถึงเรื่องของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเหล่านี้ ดังนั้นทางส านักงาน ป.ป.ช. จึงควรเร่งด าเนินการประชาสัมพันธ์ หลักสูตรให้มากขึ้นในกลุ่มคนทุกระดับ ทุกกลุ่มคน ให้ครอบคลุมครบถ้วน เพื่อผู้คนทั้งหลายจะได้ตื่นตัวและ ให้ความสนใจ ให้ความส าคัญกับเรื่องเหล่านี้ อันจะส่งผลท าให้สังคมของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคม ของผู้คนที่มีจิตพอเพียงต้านทุจริต และเป็นสังคมที่ไม่ทนและละอายต่อการทุจริตได้ในที่สุด 2) หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาควรต้องได้รับการบรรจุลงในยุทธศาสตร์ประจ าปีขององค์กร โดยมี ผู้บริหารองค์กรเป็นผู้ขับเคลื่อนและมอบหมายให้ทีมผู้รับผิดชอบในการจัดการอบรมเพื่อสร้างวิทยากรให้ เพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนบุคลากรในองค์กรที่ต้องได้รับการปลูกฝังและปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ครอบคลุม และทั่วถึง ด้ำนกำรบริหำรจัดกำรหลักสูตร ควรมีการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเฉพาะในกลุ่มผู้ควบคุมดูแลหลักสูตรฝึกอบรมทั้ง 3 หลักสูตรนี้ เพื่อใช้เป็นเวทีให้ความรู้ในเรื่องการจัดการอบรมเกี่ยวกับเนื้อหาการต้านทุจริต การจัดรูปแบบ การอบรม การจัดกิจกรรมการอบรม รวมถึงการก าหนดงบประมาณที่สมเหตุสมผลส าหรับการจัดการอบรม เพื่อให้ผู้ควบคุมดูแลหลักสูตรได้มีความเข้าใจและมีความสามารถในการด าเนินการจัดการอบรมให้มี ประสิทธิภาพและประสบความส าเร็จได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ควบคุมดูแล หลักสูตรอบรมที่มีอยู่ ให้สามารถสื่อสาร ติดต่อ ปรึกษาหารือ และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ต่อไป ด้ำนเนื้อหำ 1) ส านักงาน ป.ป.ช. ควรสร้าง ผลิต และพัฒนาสื่อการฝึกอบรมที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้เข้ารับการฝึก อบรมสามารถเข้าใจในเรื่องราวที่กล่าวถึงในเนื้อหาของหลักสูตรได้อย่างง่าย ๆ ชัดเจน และไม่ซับซ้อนเกินไป เพื่อท าให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องเพิ่มขึ้น 2) ควรปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นสื่อออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ในหลากหลายช่องทาง โดยไม่จ ากัด อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่นนี้แล้วการขยายฐานคิดและการปลูกฝังในเรื่องของจิตพอเพียง ต้านทุจริตก็จะสามารถบังเกิดขึ้นได้ในวงกว้างอย่างแท้จริง ด้ำนวิทยำกร ควรมีระบบการพัฒนาวิทยากรแกนน า ซึ่งประกอบด้วยการก าหนดคุณสมบัติของวิทยากรแกนน าที่ สอดคล้องกับหลักสูตร การประชุมสัมมนาร่วมกันของวิทยากร ด าเนินการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้อง การออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม เทคนิคการฝึกอบรมใหม่ ๆ ตลอดจนการมีหลักสูตรในการพัฒนา ทักษะเฉพาะของวิทยากรของแต่ละหน่วยงานให้มีทักษะและความรู้ในมาตรฐานเดียวกัน โดยอาจจัดตั้ง กลุ่มวิทยากร หรือแคมป์พัฒนาทักษะแบบที่จะสามารถละลายพฤติกรรมของทุกหน่วยให้เข้ากันได้เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ด้ำนกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ ควรมีระบบการติดตามประเมินผลส าหรับกลุ่มเป้าหมายที่ส าเร็จหลักสูตรออกไปแล้ว หลังจากที่ไป ปฏิบัติงานได้มีการน าไปใช้อย่างไรบ้าง เกิดปัญหาอย่างไรบ้าง เพื่อน าผลประเมินมาใช้ปรับปรุงหลักสูตร แก้ไข ในจุดที่เป็นปัญหา เพื่อให้สามารถน าไปประยุกต์ใช้กับการท างานได้อย่างเต็มความสามารถมากที่สุด


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผ 7.7 สรุปผลกำรประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อกำรรู้คิดต้ำนทุจริต) ไปใช้ จากการประเมินโดยผู้ผ่านการฝึกอบรม จ านวนรวม 423 คน และผู้ก ากับดูแลหลักสูตรจ านวน 1 หน่วยงาน ผลการประเมินพบว่า ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (ระดับ A) โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 81.59 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 6.88 คะแนน กระบวนการ 21.67 คะแนน ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 39.55 คะแนน และความพึงพอใจ ต่อหลักสูตร 13.49 คะแนน (ดูแผนภาพที่ ญ) เมื่อน าหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อกำรรู้คิดต้ำนทุจริต) มาจ าแนกตามองค์ประกอบของค่าคะแนน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบคะแนน คือ ปัจจัยน าเข้า (Input) กระบวนการ (Outcome) ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior: KAB) และผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจ (Outcome - Satisfaction: SAT) ผลปรากฏว่า ในส่วนของปัจจัยน าเข้าหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีคะแนนมากกว่าร้อยละ 50 ของคะแนน เต็ม 10 (6.88/10.00) ด้านกระบวนการ มีค่าคะแนน 21.67 (คิดเป็นร้อยละ 86.7 ของคะแนนเต็ม 25) ในด้านคะแนนผลลัพธ์ส่วนความรู้ เจตคติและพฤติกรรม มีค่าคะแนน 39.55 (คิดเป็นร้อยละ 79.1 ของคะแนน เต็ม 50) และด้านผลลัพธ์ส่วนความพึงพอใจต่อหลักสูตรฯ มีค่าคะแนน 13.49 (คิดเป็นร้อยละ 89.9 ของ คะแนนเต็ม 15) แผนภำพที่ ญ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ไปใช้ และเมื่อน าองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) มาจ าแนกพิจารณาตามองค์ประกอบในการประเมินผลลัพธ์ ซึ่งองค์ประกอบย่อยในการ ประเมินองค์ประกอบผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรมนี้ พัฒนามาจากองค์ประกอบในการจัดเรียนรู้ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบไปด้วย องค์ประกอบที่ 1 ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตร องค์ประกอบที่ 2 ค่านิยมสุจริตของประชาชน องค์ประกอบที่ 3 ทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ องค์ประกอบที่ 4 พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทุจริต) ปรากฏผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตามองค์ประกอบย่อย ดังตารางที่ ญ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฝ ตำรำงที่ ญ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนก ตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ความรู้ ความเข้าใจใน เนื้อหาหลักสูตร ค่านิยมสุจริตของ ประชาชน ทัศนคติต่อ การทุจริตและ ประพฤติมิชอบ พฤติกรรมในการต่อต้าน การทุจริตและประพฤติ มิชอบ หลักสูตรโค้ช 52.99 88.51 92.87 82.03 จากตารางที่ ญ จะเห็นได้ว่า หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีค่าคะแนนในแต่ละ องค์ประกอบย่อยที่เกาะกลุ่มกันอยู่พอสมควร เกือบทุกองค์ประกอบมีคะแนนในระดับ 80 คะแนนขึ้นไป ยกเว้นเพียงองค์ประกอบด้านความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตรของหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทุจริต) ที่มีค่าคะแนนต่ าค่อนข้างต่ ามาก เพียงระดับ 52.99 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนนของ องค์ประกอบย่อยด้านนี้ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อ กำรรู้คิดต้ำนทุจริต) ดังนี้ 1) เพื่อให้เกิดความส าเร็จและยั่งยืน โดยการสนับสนุนจากส านักงาน ป.ป.ช. ในการขับเคลื่อนหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษานั้น ต้องด าเนินการในเชิงสังคม เนื่องจากสังคม ชุมชนชาวไทยยังมีวัฒนธรรมและความเลื่อมใส ศรัทธาในพุทธศาสนา ซึ่งมักจะปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี ไม่คิดทุจริตได้ ดังนั้น การให้พระภิกษุสงฆ์ผู้รักษาศีลมา เป็นผู้อบรม สั่งสอน ชี้แนะในเรื่องจิตพอพียงต้านทุจริตจึงเป็นหนทางที่ยังมีความเหมาะสม 2) ต้องการให้ทุกระดับสังคม หน่วยงาน ได้มีการบูรณาการกันในเรื่องของการให้ความรู้ การส่งเสริม ความซื่อสัตย์ และการเข้าถึงจิตส านึกของการต้านทุจริต ยึดมั่นความสุจริตที่ถูกต้อง เชื่อมโยง อุดกั้นช่องว่าง ระหว่างวัยและสังคม โดยใช้การสื่อสารและกิจกรรมร่วมมาเป็นเครื่องมือส าหรับการพัฒนา การต้านการทุจริต อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นวิธีการที่จะสามารถพัฒนาในด้านการต้านการทุจริต และส่งเสริมความซื่อสัตย์ สุจริตให้แก่ทุกส่วนของสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด 3) เนื่องจากรูปแบบการทุจริตมีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะต่าง ๆ ของสังคม เทคโนโลยี ดังนั้น ส านักงาน ป.ป.ช. ควรต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทันสมัยและทันต่อ การเปลี่ยนแปลงที่จะน าไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พ 8. ข้อเสนอแนะ 8.1 ข้อเสนอแนะกำรขับเคลื่อนสังคมสู่สังคมที่ไม่ทนต่อกำรทุจริต 1. ความชัดเจนในนโยบายระดับประเทศ ที่ต้องให้ความส าคัญ และมองว่าการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริตเป็นเรื่องของทุกคน เพราะฉะนั้นการออกแบบนโยบายจึงจะต้องมุ่งเน้นที่คนทุกคนในสังคม ไม่เฉพาะแต่ในระบบการเรียนหรือการท างาน 2. การขับเคลื่อนจะต้องมีชุดท างานหรือองค์กรท างานระดับชาติ ที่มีลักษณะการท างานแบบ เครือข่าย ที่ไม่ใช่การท างานแบบโครงสร้าง เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสังคม เพื่อสร้างความร่วมมือและรวมพลัง ทุกภาคส่วนให้เกิดขึ้นได้จริง 3. การมุ่งเน้นที่เป้าหมายของการขับเคลื่อนสังคมแทนการมุ่งเน้นกระบวนการ โดยให้อิสระกับองค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ ในการออกแบบเนื้อหากิจกรรมได้ด้วยตนเอง รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศของการ เรียนรู้มากกว่าการสอน 4. การสร้างกลไกการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) โดยใช้ประเด็นการต่อต้านการ ทุจริตเป็นวาระส าคัญของชาติอย่างแท้จริง เสริมสร้างค่านิยมใหม่ให้เด็กและเยาวชน คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่เป็น พลังใหม่ในการร่วมกันคิด ร่วมกันท า สร้างสรรค์ ออกแบบ และพัฒนาสร้างสังคมที่มีคุณภาพ ปราศจากการ ทุจริตคอร์รัปชัน 5. การพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-corruption Education) ที่ไม่ใช่เป็นเพียงการสอน ภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นโอกาสของการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ (Learning) ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้า ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความเข้าใจร่วมกัน เสริมสร้างบทบาทของคนในสังคม ได้พัฒนาและบูรณาการ ร่วมกันในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 8.2 ข้อเสนอแนะต่อกำรพัฒนำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำ ด้ำนนโยบำย 1. ควรพัฒนากลไกการขับเคลื่อนการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถาบันการศึกษา/หน่วยงาน อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการพัฒนาและเสริมสร้างพฤติกรรมที่ ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต 2. การจัดการศึกษา ควรให้ชุมชนทุกภาคส่วนเข้าไปมีส่วนร่วมมากที่สุด นับตั้งแต่การวางแผน การจัดการศึกษา ตลอดจนการประเมิน และวิพากษ์การศึกษาในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม 3. ควรมีการพัฒนาผู้บริหาร/ครูผู้สอน/วิทยากร/โค้ช ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถเป็นผู้น า ในการน าตนเองในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตได้อย่างแท้จริง พัฒนาผู้บริหาร ครู/อาจารย์ และวิทยากร/โค้ช ให้มี ความตระหนักรู้และเห็นความส าคัญของการมีสติรู้คิดในตนเอง ที่สามารถเป็นผู้น าในการน าตนเองปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี 4. ควรต้องได้รับการบรรจุลงในยุทธศาสตร์ประจ าปีขององค์กร โดยมีผู้บริหารองค์กรเป็นผู้ขับเคลื่อน และมอบหมายให้ทีมผู้รับผิดชอบในการจัดการอบรม เพื่อสร้างวิทยากรให้เพียงพอและเหมาะสมกับจ านวน บุคลากรในองค์กรที่ต้องได้รับการปลูกฝังและปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ครอบคลุมและทั่วถึง ด้ำนเนื้อหำสำระ 1. ส านักงาน ป.ป.ช. ควรสร้าง ผลิต และพัฒนาสื่อการฝึกอบรมที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้เข้ารับการฝึก อบรมสามารถเข้าใจเรื่องราวที่กล่าวถึงในเนื้อหาของหลักสูตรได้อย่างง่าย ๆ ชัดเจน และไม่ซับซ้อนเกินไป เพื่อท าให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องเพิ่มขึ้น


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฟ 2. ควรปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นสื่อออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ในหลากหลายช่องทาง โดยไม่จ ากัด อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่นนี้แล้วการขยายฐานคิดและการปลูกฝังในเรื่องของจิตพอเพียง ต้านทุจริตก็จะสามารถบังเกิดขึ้นได้ในวงกว้างอย่างแท้จริง 3. ควรพิจารณาความยากง่ายของเนื้อหาสาระของหลักสูตรให้เหมาะสม ที่ผู้เรียน/ผู้อบรมจะสามารถ เรียนรู้ เข้าใจและน าไปปฏิบัติได้ โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล บริบทสภาพแวดล้อม และพื้นที่ อาศัย ด้ำนวิธีกำรถ่ำยทอด/กำรสื่อสำร 1. ควรส่งเสริมให้มีการออกแบบการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจ าวัน คือ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ แก้ไขปัญหาตามสภาพปัญหา ที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน เพื่อน าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ าวัน และน าเสนอแนวคิดของตนเองได้อย่างสร้างสรรค์ 2. ควรปรับปรุงสื่อและแหล่งข้อมูลที่จะน ามาใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ทันสมัยและเน้นสื่อที่มี ความเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน/ผู้เข้ารับการอบรม ด้ำนกำรพัฒนำผู้สอน/วิทยำกร 1. ควรส่งเสริมและพัฒนาผู้สอน/ผู้น าต้นแบบด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การต่อต้านการทุจริต 2. ควรส่งเสริมให้ครู/อาจารย์ เป็นครู/อาจารย์โค้ช และเป็นครู/อาจารย์กัลยาณมิตร เกิดความ ตระหนักในเรื่องของจิตส านึกที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดี มีจิตใจเมตตาและน าพาเด็กและเยาวชนให้เดินในเส้นทาง ของความถูกต้องเหมาะสม 3. ควรมีระบบการพัฒนาวิทยากรแกนน า ซึ่งประกอบด้วยการก าหนดคุณสมบัติของวิทยากรแกนน า ที่สอดคล้องกับหลักสูตร การประชุมสัมมนาร่วมกันของวิทยากร ด าเนินการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้อง การออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม เทคนิคการฝึกอบรมใหม่ ๆ ตลอดจนการมีหลักสูตรใน การพัฒนาทักษะเฉพาะของวิทยากรของแต่ละหน่วยงานให้มีทักษะและความรู้ในมาตรฐานเดียวกัน โดยอาจ จัดตั้งกลุ่มวิทยากร หรือแคมป์พัฒนาทักษะที่จะสามารถละลายพฤติกรรมของทุกหน่วยให้เข้ากันได้เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ด้ำนกำรส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์และควำมคำดหวัง 1. ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ร่วมคิดวิธีที่จะไม่ท าผิด การแก้ไขปัญหาเชิงบวก กรณีเช่นท าสิ่งของ หล่นหาย แล้วส่งคืนเจ้าของ 100 % เป็นสิ่งที่ควรด าเนินกิจกรรมเหล่านี้เพื่อฝึกนิสัยความสุจริตให้แก่ผู้เรียน 2. ควรสร้างความตระหนักโดยเริ่มจากการสร้างทัศนคติและพฤติกรรมการต่อต้าน การทุจริตและการ ประพฤติมิชอบแก่ผู้เรียน/ผู้เข้ารับการอบรม โดยจะต้องสร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่สามารถส่งต่อกันไปเป็น ทอด ๆ สืบเนื่องกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งต้องแสดงให้เห็นได้ว่าผู้กระท าความดีต้องได้รับผลตอบกลับ ที่ดี และผู้ที่กระท าความชั่วก็จะต้องได้รับผลตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างแน่นอน 3. การส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม ควรส่งเสริมให้ผู้เรียนมีวินัยและความรับผิดชอบต่อ ตนเองในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่บ้านหรือที่โรงเรียน ในการ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของญี่ปุ่นมีการก าหนดเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้เกิดการพัฒนาเฉพาะบุคคล และส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจ ท างานส าเร็จด้วยความอดทนและฝึกการรอคอย โดยปัจจัยที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับการบ่มเพาะที่ดีคือบริบทของสังคมและชุมชน กระท าในสิ่งเดียวกันอย่างต่อเนื่องและ สม่ าเสมอจนกลายเป็นวัฒนธรรมและค่านิยมเชิงบวก 4. ควรเน้นเรื่องพฤติกรรมเชิงสังคมเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและการอยู่ร่วมกันในสังคม เนื่องจาก สังคม ชุมชนชาวไทยยังมีวัฒนธรรมและความเลื่อมใส ศรัทธาในพุทธศาสนา ซึ่งมักจะปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ภ ไม่คิดทุจริตได้ ดังนั้นการให้พระภิกษุสงฆ์ ผู้รักษาศีลมาเป็นผู้อบรม สั่งสอน ชี้แนะในเรื่องจิตพอพียงต้านทุจริต จึงเป็นหนทางที่ยังมีความเหมาะสม 5. ควรสร้างวัฒนธรรมการวางแผนล่วงหน้า เรื่องการใช้ชีวิต (ยกเหตุการณ์ส าคัญ ๆ เช่น เรื่องการ ออมเงิน เป็นต้น) โดยให้นักเรียนสร้างเป้าหมาย และเนื้อหาของเป้าหมายนั้นต้องเป็นรูปธรรม เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่เพ้อฝัน ง่ายต่อการปฏิบัติ เข้าใจ และสามารถด าเนินการได้จริง 6. การใช้นวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา ผู้สอนควรใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเชิงบวก ต้องหากิจกรรมเชิง บวกให้ผู้เรียนปฏิบัติ ถ้าหากผู้เรียนท าผิดไม่ควรลงโทษด้วยการกระท าที่รุนแรง ต้องใช้กระบวนการยุติธรรม เชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice: RJ) ความเป็นกระบวนการที่มุ่งผลลัพธ์ในเชิงสมานฉันท์ เสริมพลัง ผู้เสียหาย และประสานความเข้าใจระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและ หาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการแก้ไขปัญหาเชิงบวก ถือเป็นนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาที่ดี ถ้าหากใช้การกระท า ที่รุนแรงไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งท าให้คนที่ถูกลงโทษนั้นก้าวร้าวมากขึ้น 7. เนื่องจากรูปแบบการทุจริตมีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะต่าง ๆ ของสังคม เทคโนโลยี ดังนั้น ส านักงาน ป.ป.ช. ควรต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทันสมัยและทันต่อ การเปลี่ยนแปลงที่จะน าไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ม สำรบัญ หน้า ค ำน ำ ก บทคัดย่อ ข บทสรุปผู้บริหำร ง บทที่ 1 บทน ำ 1.1 ข้อมูลโครงการ 1 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 1.4 ขอบเขตการศึกษา 2 1.5 ข้อมูลโครงการ/การด าเนินงานที่ทบทวนในเบื้องต้น 7 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 10 บทที่ 2 กรอบแนวคิดและทฤษฎีที่ใช้ในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ 2.1 การทบทวนเนื้อหาและถอดบทเรียนการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการติดตามและ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ผ่านมา 15 2.2 การทบทวนแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 31 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 48 2.4 กรณีตัวอย่างการจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรมและการพัฒนาหลักสูตร 61 2.5 กรอบแนวคิดการวิจัย 69 บทที่ 3 ระเบียบวิธีวิจัย 3.1 การก าหนดประชากรกลุ่มเป้าหมายและตัวอย่าง 73 3.2 การพัฒนาเครื่องมือประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 89 3.3 รายงานการทดสอบหาความเที่ยงตรง (Validity) ความเชื่อมั่น (Reliability) ความเข้าใจที่ตรงกันหรือความเป็นปรนัย (Objectivity) ของเครื่องมือประเมิน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 99 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 104 3.5 การประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูล สังเคราะห์ข้อมูล และจัดท ารายงานผลประเมิน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 109


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ย สำรบัญ (ต่อ) หน้า 3.6 เกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ การให้คะแนน การแปลความหมาย การแปลผล ทั้งรูปแบบเชิงปริมาณและ เชิงคุณภาพ และการอ่านค่าผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ในรูปแบบแผนภาพ หรือรูปแบบกราฟต่าง ๆ 110 บทที่ 4 ผลกำรศึกษำ 4.1 ผลการประเมินบริบท (Context Evaluation) 116 4.2 การประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในส่วนที่เป็นปัจจัย น าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ 129 4.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 136 4.4 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ 185 4.5 การประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทาง รับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้ 212 4.6 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและ รัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ไปใช้ 227 4.7 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ไปใช้ 245 4.8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ส าหรับ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 257 4.9 ร้อยละของประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมใน การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ส าหรับหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางการรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ ไม่ทนต่อการทุจริต) และหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) 259 4.10 ปัจจัยความส าเร็จและเงื่อนไขส าคัญของการด าเนินการในการน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 261


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ร สำรบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 5 สรุป อภิปรำยผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 263 5.2 การอภิปรายผลการศึกษา 276 5.3 ข้อเสนอแนะ 297 เอกสำรอ้ำงอิง 308 ภำคผนวก (QR-Code) 313 ผนวก ก ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามรายสถานศึกษา 314 ผนวก ข ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตฯ และวัฒนธรรมค่านิยม สุจริตฯ ของผู้ตอบแบบประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ ทั้ง 5 หลักสูตร 457 ผนวก ค รายงานการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ทิศทางการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ านวนไม่น้อยกว่า 9 คน และผู้ให้ข้อมูลส าคัญ 492 ผนวก ง การน าเสนอผลการด าเนินการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 496 ผนวก จ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (แนวค าถามสัมภาษณ์กลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลส าคัญทั้ง 5 หลักสูตร และแนวค าถามแบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ/ นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน 506 ผนวก ฉ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บแบบประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ (ข้อมูลเชิงปริมาณ) (แบบประเมินชุด A-H) 511


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ล สำรบัญตำรำง หน้า ตำรำงที่ ก ขนาดตัวอย่างเชิงปริมาณในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ ฉ ตำรำงที่ ข ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ในภาพรวม ฎ ตำรำงที่ ค ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสังกัดหน่วยงาน ฐ ตำรำงที่ ง ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ฑ ตำรำงที่ จ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ฒ ตำรำงที่ ฉ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ด ตำรำงที่ ช ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ต ตำรำงที่ ซ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome-Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ท ตำรำงที่ ฌ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome-Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ ไม่ทนต่อการทุจริต) บ ตำรำงที่ ญ ผลลัพธ์ด้านความรู้ เจตคติและพฤติกรรม (Outcome - Knowledge Attitude Behavior) จ าแนกตาม 4 องค์ประกอบย่อย ในหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทุจริต) ฝ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 2.1 เปรียบเทียบการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการติดตามและประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 29 ตำรำงที่ 2.2 สรุปองค์ประกอบความซื่อสัตย์สุจริต (Integrity) จากการทบทวนวรรณกรรม 45 ตำรำงที่ 2.3 ตารางสรุปงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการประเมินจริยธรรม การประเมินความรู้ ทัศนคติ ค่านิยม หรือพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต 49 ตำรำงที่ 2.4 ตารางสรุปงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการน าหลักสูตรไปใช้และการประเมินการใช้ หลักสูตร 54 ตำรำงที่ 2.5 สรุปผลการศึกษาของประเทศที่ขับเคลื่อนสังคมเพื่อให้ประสบความส าเร็จ 67 ตำรำงที่ 3.1 แสดงข้อมูลจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ของส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร 75 ตำรำงที่ 3.2 รายละเอียดจ านวนกลุ่มตัวอย่าง ส าหรับกลุ่มหลักสูตรจัดการเรียนการสอน (2 หลักสูตร) 82 ตำรำงที่ 3.3 รายละเอียดจ านวนกลุ่มตัวอย่าง ส าหรับกลุ่มหลักสูตรจัดการฝึกอบรม (3 หลักสูตร) 83 ตำรำงที่ 3.4 จ านวนกลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key Informant) จ าแนกตามหลักสูตรจัดการเรียน การสอน (2 หลักสูตร) 84 ตำรำงที่ 3.5 จ านวนกลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key Informant) จ าแนกตามหลักสูตรจัดฝึกอบรม (3 หลักสูตร) 84 ตำรำงที่ 3.6 ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการเรียน การสอน 85 ตำรำงที่ 3.7 ผู้ให้ข้อมูลส าคัญอื่น ๆ 85 ตำรำงที่ 3.8 โครงสร้างเครื่องมือการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (หลักสูตรการเรียนการสอน) ส าหรับผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการฯ 91 ตำรำงที่ 3.9 โครงสร้างเครื่องมือการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (หลักสูตรการเรียนการสอน) ส าหรับผู้บริหาร/ครูอาจารย์/นักเรียนนักศึกษา ผู้ตอบแบบประเมินฯ 91 ตำรำงที่ 3.10 โครงสร้างเครื่องมือการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (หลักสูตรฝึกอบรม) ส าหรับผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการฯ 93 ตำรำงที่ 3.11 โครงสร้างเครื่องมือการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (หลักสูตรฝึกอบรม) ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมผู้ตอบแบบประเมินฯ 93 ตำรำงที่ 3.12 เครื่องมือประเมินตามประเภทของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 95


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ศ สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 3.13 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จ านวน 40 ชั่วโมง 96 ตำรำงที่ 3.14 หลักสูตรการศึกษาอุดมศึกษา จ านวน 45 ชั่วโมง 98 ตำรำงที่ 3.15 หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ จ านวน 12 ชั่วโมง 98 ตำรำงที่ 3.16 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช/บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ จ านวน 18 ชั่วโมง 99 ตำรำงที่ 3.17 หลักสูตรโค้ช จ านวน 15 ชั่วโมง 99 ตำรำงที่ 3.18 รายชื่อเครื่องมือประเมินหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 100 ตำรำงที่ 3.19 ผลการประเมินค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity Index : S-CVI โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ 101 ตำรำงที่ 3.20 ผลการทดสอบความเที่ยงแบบความสอดคล้องภายใน (Internal Consistency) 103 ตำรำงที่ 4.1 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม 130 ตำรำงที่ 4.2 ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสังกัด และองค์ประกอบ 136 ตำรำงที่ 4.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร 139 ตำรำงที่ 4.4 สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ระดับสูงสุด และต่ าสุด จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร 141 ตำรำงที่ 4.5 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามเขตพื้นที่การศึกษา (เรียงตามคะแนน การประเมินรวม 10 อันดับแรก) กลุ่มสถานศึกษาสังกัด สพฐ. 142 ตำรำงที่ 4.6 ร้อยละของสถานศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ที่มีการจัดการเรียน การสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามเขตพื้นที่การศึกษา (เรียงตามคะแนนการประเมินรวม 10 อันดับแรก) 142 ตำรำงที่ 4.7 สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ เรียงตามคะแนน การประเมินรวม (แสดง 10 อันดับแรก) 143


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ษ สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.8 ร้อยละของสถานศึกษาในทั้ง 4 สังกัดที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 144 ตำรำงที่ 4.9 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกรายสถานศึกษาตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร (แสดง 10 อันดับแรก) 146 ตำรำงที่ 4.10 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ในภาพรวม 149 ตำรำงที่ 4.11 สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ค่าคะแนน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสถานศึกษาสังกัด (แสดง 10 อันดับแรก) 150 ตำรำงที่ 4.12 ร้อยละของจ านวนสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 150 ตำรำงที่ 4.13 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) (แสดง 10 อันดับแรก) 151 ตำรำงที่ 4.14 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 152 ตำรำงที่ 4.15 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น (สถ.) (แสดง 10 อันดับแรก) 153 ตำรำงที่ 4.16 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) แต่ละ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 153 ตำรำงที่ 4.17 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) (แสดง 10 อันดับแรก) 154


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ส สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.18 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 155 ตำรำงที่ 4.19 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่ารู้จักและทราบเจตนารมณ์ ของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 155 ตำรำงที่ 4.20 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่เคยการเข้าร่วมรับฟังการประชุม ชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) 156 ตำรำงที่ 4.21 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 157 ตำรำงที่ 4.22 ร้อยละของผู้บริหารสถานศึกษาที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 157 ตำรำงที่ 4.23 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนระบุว่าสถานศึกษามีแนวทางในการ เตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) 158 ตำรำงที่ 4.24 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 158 ตำรำงที่ 4.25 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 159 ตำรำงที่ 4.26 ร้อยละของผู้บริหารและครูผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุและ อุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 159 ตำรำงที่ 4.27 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นใน การจัดการเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) 160 ตำรำงที่ 4.28 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 160


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ห สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.29 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าแหล่งที่ได้มาของเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 161 ตำรำงที่ 4.30 ร้อยละของผู้บริหารและครูผู้สอนที่ระบุถึงการนิเทศและก ากับติดตามการจัด การเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) 161 ตำรำงที่ 4.31 ร้อยละของสถานศึกษาที่บ่งชี้ถึงกระบวนการในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน 162 ตำรำงที่ 4.32 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครูผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 163 ตำรำงที่ 4.33 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน (หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต)) จ าแนกแต่ละช่วงชั้น 164 ตำรำงที่ 4.34 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน (หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต)) จ าแนกแต่ละช่วงชั้นและสังกัด 166 ตำรำงที่ 4.35 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามผู้บริหาร และครูผู้สอน 167 ตำรำงที่ 4.36 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 168 ตำรำงที่ 4.37 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 169 ตำรำงที่ 4.38 สรุปจุดเด่น จุดด้อย ปัญหาและอุปสรรคของสถานศึกษาที่ได้คะแนนสูงสุดและ ต่ าสุด 181 ตำรำงที่ 4.39 ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้เรียงตามสถานศึกษา 185


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฬ สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.40 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร 188 ตำรำงที่ 4.41 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่ารู้จักและทราบเจตนารมณ์ ของหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 189 ตำรำงที่ 4.42 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุถึงการเข้าร่วมรับฟังการประชุม ชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 190 ตำรำงที่ 4.43 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 191 ตำรำงที่ 4.44 ร้อยละของผู้บริหารสถานศึกษาที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 191 ตำรำงที่ 4.45 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนระบุว่าสถานศึกษามีแนวทางในการ เตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 191 ตำรำงที่ 4.46 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัด กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนตามหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 192 ตำรำงที่ 4.47 ร้อยละของอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 193 ตำรำงที่ 4.48 ร้อยละของผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุ และอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 193 ตำรำงที่ 4.49 ร้อยละของอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็น ในการจัดการเรียนตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 194 ตำรำงที่ 4.50 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 194


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 อ สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.51 ร้อยละของครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าแหล่งที่ได้มาของเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 195 ตำรำงที่ 4.52 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุถึงการนิเทศและก ากับติดตาม การจัดการเรียนการสอนหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 195 ตำรำงที่ 4.53 ร้อยละของสถานศึกษาที่บ่งชี้ถึงกระบวนการในการน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน 196 ตำรำงที่ 4.54 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของ การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ 197 ตำรำงที่ 4.55 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 198 ตำรำงที่ 4.56 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามผู้บริหาร และอาจารย์ผู้สอน 199 ตำรำงที่ 4.57 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart) 200 ตำรำงที่ 4.58 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart) ไปใช้ 201 ตำรำงที่ 4.59 สรุปจุดเด่น จุดด้อย ปัญหาและอุปสรรคของสถานศึกษาที่ได้คะแนนสูงสุดและ ต่ าสุด หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใสใจสะอาด “Youngster with Good Heart) 209 ตำรำงที่ 4.60 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้ 213 ตำรำงที่ 4.61 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุว่าศักยภาพของหน่วยงานและความพร้อมของระบบ สนับสนุน 214


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฮ สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.62 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุถึงการเข้าร่วมรับฟังการประชุม และการจัดประชุม ชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 214 ตำรำงที่ 4.63 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุถึงการมอบหมายผู้รับผิดชอบและการจัดท าแผน การฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 215 ตำรำงที่ 4.64 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุถึงรูปแบบการฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา 215 ตำรำงที่ 4.65 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุถึงคุณสมบัติหรือหลักเกณฑ์ของผู้เข้ารับการ ฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 216 ตำรำงที่ 4.66 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ)ที่ระบุถึงคุณสมบัติ ความเหมาะสมหรือหลักเกณฑ์ของ วิทยากร 216 ตำรำงที่ 4.67 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและต ารวจ) ที่ระบุถึงการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน การจัดหาสื่อ วัสดุอุปกรณ์และเอกสารความรู้ หนังสือ ต าราหรือคู่มือการฝึกอบรมตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา 217 ตำรำงที่ 4.68 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน าหลักสูตรกลุ่มทหารและ ต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้จ าแนกตามผู้ก ากับ ดูแลหลักสูตร (คะแนนเต็ม 10) 217 ตำรำงที่ 4.69 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรที่ระบุถึงการติดตามประเมินผลการจัดฝึกอบรม ตามหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและ ต ารวจ) 218 ตำรำงที่ 4.70 คะแนนเฉลี่ยของหน่วยงานที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและ พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน (หลักสูตร กลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ)) จ าแนก ตามองค์ประกอบ 219


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กก สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.71 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตร กลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้ จ าแนกตามผู้ก ากับดูแลหลักสูตร 220 ตำรำงที่ 4.72 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยม สุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ 220 ตำรำงที่ 4.73 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางการรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) 221 ตำรำงที่ 4.74 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ไปใช้ 227 ตำรำงที่ 4.75 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุว่าศักยภาพ ของหน่วยงานและความพร้อมของระบบสนับสนุน 229 ตำรำงที่ 4.76 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึงการเข้า ร่วมรับฟังการประชุม และการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 230 ตำรำงที่ 4.77 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึง การมอบหมายผู้รับผิดชอบและการจัดท าแผนการฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา 231 ตำรำงที่ 4.78 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึงรูปแบบ การฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 231 ตำรำงที่ 4.79 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึง คุณสมบัติหรือหลักเกณฑ์ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 232 ตำรำงที่ 4.80 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึง คุณสมบัติ ความเหมาะสมหรือหลักเกณฑ์ของวิทยากร 232


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ขข สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.81 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึง การจัดสรรงบประมาณสนับสนุน การจัดหาสื่อวัสดุอุปกรณ์และเอกสารความรู้ หนังสือ ต าราหรือคู่มือการฝึกอบรมตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 233 ตำรำงที่ 4.82 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้จ าแนกตามผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและ รัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) (คะแนนเต็ม 10) 234 ตำรำงที่ 4.83 ร้อยละของผู้ก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ที่ระบุถึง การติดตามประเมินผลการจัดฝึกอบรมตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 234 ตำรำงที่ 4.84 คะแนนเฉลี่ยของหน่วยงานที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและ พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน (หลักสูตร วิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต)) จ าแนกตามองค์ประกอบ 235 ตำรำงที่ 4.85 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคม ที่ไม่ทนต่อการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามผู้ก ากับดูแลหลักสูตร 236 ตำรำงที่ 4.86 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต) ที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมใน การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ 237 ตำรำงที่ 4.87 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) 238 ตำรำงที่ 4.88 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ของหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) 245 ตำรำงที่ 4.89 คะแนนเฉลี่ยของผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) ที่บ่งชี้ ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบของประชาชน จ าแนกตามองค์ประกอบ 247


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 คค สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 4.90 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทุจริต) ที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรม ในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ 249 ตำรำงที่ 4.91 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลหลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) 249 ตำรำงที่ 4.92 สรุปจุดเด่น จุดที่ควรปรับปรุง ปัญหาและอุปสรรคของหน่วยงานที่ได้คะแนน สูงสุดและต่ าสุด ส าหรับกลุ่มหลักสูตรจัดการฝึกอบรม 3 หลักสูตร 255 ตำรำงที่ 4.93 ร้อยละของประชาชนมีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมใน การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จ าแนกตามหลักสูตรในกลุ่มหลักสูตร การฝึกอบรม 260 ตำรำงที่ 5.1 ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 265 ตำรำงที่ 5.2 ร้อยละของสถานศึกษาในทั้ง 4 สังกัดที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 268 ตำรำงที่5.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร และในแต่ละองค์ประกอบ 269 ตำรำงที่ 5.4 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ในภาพรวม 269 ตำรำงที่ 5.5 ร้อยละของจ านวนสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในแต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 270 ตำรำงที่ 5.6 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในแต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 271 ตำรำงที่ 5.7 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ในแต่ละ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 271 ตำรำงที่ 5.8 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ าแนกตามระดับ ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 272


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งง สำรบัญตำรำง (ต่อ) หน้า ตำรำงที่ 5.9 ร้อยละของสถานศึกษาในแต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับการประเมินระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ 273 ตำรำงที่ 5.10 ร้อยละของหน่วยงานที่มีการน าหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับ ราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ไปใช้จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 274 ตำรำงที่ 5.11 ร้อยละของหน่วยงานที่มีผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 275 ตำรำงที่ 5.12 เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาของปีงบประมาณ 2563 - 2565 (5 หลักสูตร) 279 ตำรำงที่ 5.13 ตารางเปรียบเทียบค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ฯ รายหลักสูตรจ าแนกในแต่ละ องค์ประกอบการประเมิน 284 ตำรำงที่ 5.14 ความส าคัญของการปรับปรุงแก้ใขในแต่ละองค์ประกอบผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตไปใช้ 287 ตำรำงที่ 5.15 ตารางเปรียบเทียบสรุปผลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ 288 ตำรำงที่ 5.16 สรุปผลการวิเคราะห์จุดร่วม จุดต่างของประเทศฟินแลนด์ เยอรมัน เขตบริการ พิเศษฮ่องกงและข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาของประเทศไทย 295


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จจ สำรบัญแผนภำพ หน้า แผนภำพที่ 2.1 การเป็นปฏิสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลกัน (Reciprocal Determinism) 41 แผนภำพที่ 2.2 องค์ประกอบเบื้องต้นของทฤษฎีการกระท าด้วยเหตุผล 42 แผนภำพที่ 2.3 CIPO Model for Thai Anti-Corruption Education 48 แผนภำพที่ 2.4 ลักษณะการท างานร่วมกันของ 5 ประการที่มีผลกระทบสูงจากการปฏิบัติการสอน (The Synergistic Nature of the 5 High Impact Teaching Practices) 63 แผนภำพที่ 2.5 กรอบแนวคิดการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 69 แผนภำพที่ 2.6 องค์ประกอบในการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา กลุ่มหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน 71 แผนภำพที่ 2.7 องค์ประกอบในการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา กลุ่มหลักสูตร การฝึกอบรม 72 แผนภำพที่ 3.1 กรอบการด าเนินงานคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา 76 แผนภำพที่ 3.2 วิธีการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 77 แผนภำพที่ 3.3 วิธีการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 78 แผนภำพที่ 3.4 วิธีการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 78 แผนภำพที่ 3.5 วิธีการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน 79 แผนภำพที่ 3.6 วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างในสถานศึกษาแต่ละแห่ง หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 78 แผนภำพที่ 3.7 วิธีการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษาสังกัดกระทรวง อว. หลักสูตร อุดมศึกษา 80 แผนภำพที่ 3.8 วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างในสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่ง หลักสูตรอุดมศึกษา 80 แผนภำพที่ 3.9 วิธีการได้มาและเงื่อนไขการสุ่มตัวอย่าง หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ 81 แผนภำพที่ 3.10 วิธีการได้มาและเงื่อนไขการสุ่มตัวอย่าง หลักสูตรกลุ่มวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐฯ 81 แผนภำพที่ 3.11 วิธีการได้มาและเงื่อนไขการสุ่มตัวอย่าง หลักสูตรโค้ช 82


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฉฉ สำรบัญแผนภำพ (ต่อ) หน้า แผนภำพที่ 3.12 ขั้นตอนการพัฒนาเครื่องมือประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ 89 แผนภำพที่ 3.13 การ login เข้าสู่ระบบ Thai Youth Integrity Assessment ส าหรับ ผู้ประสานงานสถานศึกษา 105 แผนภำพที่ 3.14 การสุ่มห้องที่จะประเมินผ่านระบบ Thai Youth Integrity Assessment (ส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน) 106 แผนภำพที่ 3.15 การสุ่มห้องที่จะประเมินผ่านระบบ Thai Youth Integrity Assessment (ส าหรับหลักสูตรอุดมศึกษา) 106 แผนภำพที่ 3.16 การคัดลอก link หรือ QR-Code เพื่อจัดส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตอบ แบบประเมิน (ส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน) 107 แผนภำพที่ 3.17 การคัดลอก link หรือ QR-Code เพื่อจัดส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตอบ แบบประเมิน (ส าหรับหลักสูตรอุดมศึกษา) 107 แผนภำพที่ 3.18 การ login เข้าสู่ระบบ Thai Youth Integrity Assessment ส าหรับผู้ก ากับ ดูแลหลักสูตร 108 แผนภำพที่ 4.1 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน ภาพรวม 131 แผนภำพที่ 4.2 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน ภาพรวม จ าแนกตามองค์ประกอบปัจจัยน าเข้า 132 แผนภำพที่ 4.3 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน ภาพรวม จ าแนกตามองค์ประกอบกระบวนการ 133 แผนภำพที่ 4.4 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน ภาพรวม จ าแนกตามองค์ประกอบผลลัพธ์ 134 แผนภำพที่ 4.5 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามสังกัด 137 แผนภำพที่ 4.6 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามองค์ประกอบเปรียบเทียบกับคะแนนเต็ม ในแต่ละองค์ประกอบ 138 แผนภำพที่ 4.7 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร 140


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ชช สำรบัญแผนภำพ (ต่อ) หน้า แผนภำพที่ 4.8 ร้อยละของสถานศึกษาในทั้ง 4 สังกัดที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตาม ระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 145 แผนภำพที่ 4.9 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครูผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 163 แผนภำพที่ 4.10 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน (หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต)) จ าแนกแต่ละช่วงชั้น 165 แผนภำพที่ 4.11 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนก ตามผู้บริหารและครูผู้สอน 168 แผนภำพที่ 4.12 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของ การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ 197 แผนภำพที่ 4.13 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 199 แผนภำพที่ 4.14 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ จ าแนกตามผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอน 200 แผนภำพที่ 4.15 คะแนนเฉลี่ยของหน่วยงานที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติ และพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน (หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและ ต ารวจ)) จ าแนกตามองค์ประกอบ 219 แผนภำพที่ 4.16 คะแนนเฉลี่ยของหน่วยงานที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริต มีทัศนคติ และพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน (หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต)) จ าแนกตามองค์ประกอบ 236


Click to View FlipBook Version