รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 296 ประเด็น จุดร่วม จุดต่าง ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาของ ประเทศไทย o เยอรมัน มีการใช้กิจกรรม เสริมการเรียน (Extracurriculum) โดยเฉพาะการใช้ เกมเป็นสื่อกระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้ กระบวนการประชาธิปไตยด้วย ตนเอง การให้ความส าคัญกับ การทัศนศึกษา (study visit) ในพิพิธภัณฑ์และสถานที่ ทางประวัติศาสตร์ o เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีการ ส่งเสริมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ต่าง ๆ (Multimedia Publicity) ในการน าส่งข้อความหรือสาร ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้าน การคอร์รัปชัน (Anti-corruption message) ร่วมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ กับกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทาง เทคโนโลยีทางการสื่อสารใหม่ๆ ปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายผ่าน ช่องทางเทคโนโลยีทางการสื่อสาร ใหม่ๆ 4. เนื้อหาและ กิจกรรมของ หลักสูตรที่ ค านึงถึงบริบท ของแต่ละพื้นทื่ ที่มีความต่างกัน กิจกรรมมีความหลากหลาย และค านึงถึงศักยภาพของ กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับ การพัฒนา o ฟินแลนด์ หลักการส าคัญของ การเรียนจะเป็นการเน้นน าให้ นักเรียนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ การสนับสนุนอย่างใกล้ชิดของ โรงเรียนและผู้ปกครอง เพื่อ มุ่งหวังให้นักเรียนมีความสุขและ สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ได้ตามจินตนาการและตาม ศักยภาพ o เยอรมัน มีหน่วยงานที่มี บทบาทอย่างมากในการจัด กิจกรรมทางการศึกษาหรือ การเรียนการสอนนอกห้องเรียน เพื่อเสริมสร้างการเป็นพลเมือง ให้กับกลุ่มต่าง ๆ ทั้งภายในและ นอกประเทศ o เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีการ ส่งเสริมค่านิยมทางบวกกับวัย หนุ่มสาว ด้วยวิธีการพร่ าสอน ค่านิยมทางบวกในทุกล าดับขั้น ของพัฒนาการในวัยหนุ่มสาว ร่วมสร้างและการมีส่วนร่วม ท าให้ สอดคล้องกับหลักสูตรของ การพัฒนาเนื้อหาและกิจกรรม ของหลักสูตรควรค านึงถึงบริบท ของแต่ละพื้นที่ที่มีความต่างกัน พร้อมทั้งควรสื่อสารให้ชัดเจนว่า ในการน าหลักสูตรลงสู่การปฏิบัติ ควรประยุกต์เนื้อหาสาระ พัฒนา กิจกรรมให้ เหมาะสมกับสภาพ บริบทแวดล้อมของแต่ละพื้นที่
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 297 ประเด็น จุดร่วม จุดต่าง ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาของ ประเทศไทย โรงเรียน และร่วมไม้ร่วมมือกับผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย การส่งเสริม ภาครัฐ ใสสะอาด เพื่อส่งเสริมและ สนับสนุนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนใน วัฒนธรรมใสสะอาดซื่อสัตย์ใน ภาครัฐ การส่งเสริมจริยธรรมใน ภาคเอกชน 5.ความร่วมมือรวม พลังทุกภาคส่วน ใช้ความร่วมมือรวมพลัง ของทุกภาคส่วนในการให้ เข้ามามีส่วนร่วมในการ ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชันและสนับสนุน การศึกษาต้านทุจริตศึกษา o ฟินแลนด์ มีคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติที่ท าหน้าที่ ก าหนดนโยบายมาจากภาคส่วน ต่าง ๆ ได้แก่ ผู้บริหารด้าน การศึกษา แรงงาน องค์กรภาค ธุรกิจต่าง ๆ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิจัย ตัวแทนจาก ภาคอุตสาหกรรม ตัวแทนจากภาค สาธารณสุข ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ และคนกลุ่มน้อย เจ้าหน้าที่ระดับ ท้องถิ่น สหภาพครู และสหภาพ นักเรียน o เยอรมัน มุ่งเน้นการ กระจายอ านาจให้กับทุกภาคส่วน ในการด าเนินงานพัฒนาความเป็น พลเมืองที่เข้มแข้ง o เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มียุทธวิธีในการส่งเสริมจริยธรรม ส าหรับทุกคน (All for Integrity) โดยการส่งเสริมจริยธรรมให้กับ ชุมชนทุกชุมชนในฮ่องกง การพัฒนากลยุทธ์การส่งเสริมการ ท างานร่วมกันแบบเครือข่ายใน การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยดึงความรู้ ความสามารถ และ ทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานมา ใช้ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพและ เกิดประโยชน์สูงสุด 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะการขับเคลื่อนสังคมสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 1) ความชัดเจนในนโยบายระดับประเทศ ที่ต้องให้ความส าคัญ และมองว่าการสร้างสังคมที่ ไม่ทนต่อการทุจริตเป็นเรื่องของทุกคน เพราะฉะนั้นการออกแบบนโยบายจึงจะต้องมุ่งเน้นที่คนทุกคนในสังคม ไม่เฉพาะแต่ในระบบการเรียนหรือการท างาน 2) การขับเคลื่อนจะต้องมีชุดท างานหรือองค์กรท างานระดับชาติ ที่มีลักษณะการท างานแบบ เครือข่าย ที่ไม่ใช่การท างานแบบโครงสร้าง เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสังคม เพื่อสร้างความร่วมมือและรวมพลัง ทุกภาคส่วนให้เกิดขึ้นได้จริง
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 298 3) การมุ่งเน้นที่เป้าหมายของการขับเคลื่อนสังคมแทนการมุ่งเน้นกระบวนการ โดยให้อิสระ กับองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ในการออกแบบเนื้อหากิจกรรมได้ด้วยตนเอง รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างระบบ นิเวศของการเรียนรู้มากกว่าการสอน 4. การสร้างกลไกการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) โดยใช้ประเด็นการต่อต้าน การทุจริตเป็นวาระส าคัญของชาติอย่างแท้จริง เสริมสร้างค่านิยมใหม่ให้เด็กและเยาวชน คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ เป็นพลังใหม่ในการร่วมกันคิด ร่วมกันท า สร้างสรรค์ ออกแบบ และพัฒนาสร้างสังคมที่มีคุณภาพ ปราศจาก การทุจริตคอร์รัปชัน 5. การพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-corruption Education) ที่ไม่ใช่เป็นเพียงการ สอนภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่เป็นโอกาสของการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ (Learning) ที่ทุกภาคส่วนสามารถ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความเข้าใจร่วมกัน เสริมสร้างบทบาทของคนในสังคม ได้พัฒนาและบูรณาการ ร่วมกันในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 5.3.2 ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากการสัมภาษณ์เชิงลึกของกลุ่มเป้าหมาย สะท้อนให้เห็นความคาดหวังและความต้องการในการ พัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตให้สามารถน าไปด าเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุก กลุ่มเป้าหมาย ข้อเสนอแนะมีทั้งในลักษณะข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย การบริหารจัดการหลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล รวมทั้งความคาดหวังต่อหลักสูตร ข้อเสนอแนะจ าแนกได้ตามหลักสูตร ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 5.3.2.1 หลักสูตรการศึกษาขั นพื นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) มีข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ด้านนโยบาย 1) ควรมีการสร้างกลไกส่งเสริมและพัฒนากระบวนการน าหลักสูตรต้านทุจริตไปใช้อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน 2) หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการสื่อสารถึงความส าคัญจ าเป็นว่า ครอบครัวคือจุดเริ่มต้นในการสร้างเสริมความซื่อสัตย์สุจริต ส่งเสริมให้ครอบครัวเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียน ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมภายในครอบครัว ใช้ครอบครัวเป็นฐานในการพัฒนานักเรียน 3) โรงเรียน ควรมุ่งเน้นและส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกการท างาน ฝึกความรับผิดชอบทั้งต่อ ตนเอง เพื่อน และโรงเรียน 4) สังคมและชุมชน ควรเน้นให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมการบ าเพ็ญประโยชน์ ให้ชุมชน สังคม นอกโรงเรียนให้มากขึ้น 5) การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาพลเมืองเชิงวิพากษ์ในอนาคต ควรให้ชุมชนทุกภาคส่วนเข้าไป มีส่วนร่วมมากที่สุด นับตั้งแต่การวางแผน การจัดการศึกษา ตลอดจนการประเมิน และวิพากษ์การศึกษาใน มิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม 6) การพัฒนาผู้บริหารและครูให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถเป็นผู้น าในการน าตนเอง ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตได้อย่างแท้จริง พัฒนาผู้บริหารและครูให้มีความตระหนักรู้และเห็นความส าคัญ ของการมีสติรู้คิดในตนเอง ที่สามารถเป็นผู้น าในการน าตนเองปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 299 7) การพัฒนาผู้น าท้องถิ่น ผู้ปกครอง ชุมชนและบริบทที่เด็กและเยาวชนอาศัยอยู่ควรมี การพัฒนาในเรื่องเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต ด้านเนื อหาสาระ 1) ควรพิจารณาความยากง่ายของเนื้อหาสาระของหลักสูตรที่เด็กแต่ละช่วงวัยจะสามารถ เรียนรู้ เข้าใจ และน าไปปฏิบัติได้ โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล บริบทสภาพแวดล้อม พื้นที่อาศัย 2) ควรเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชด าริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่มุ่งเน้นการใช้เงินอย่างมีคุณค่า ใช้อย่างมีประโยชน์ ไม่ใช้จ่ายเกินก าลังที่ตนเองหามาได้ รู้จัก พอเพียง 3) ควรมีการด าเนินการก าหนดข้อตกลงหรือข้อปฏิบัติเพื่อสร้างเสริมความตระหนักรู้และ ความเข้าใจ เกี่ยวกับองค์ความรู้ในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการต่อต้านการทุจริตอย่างสม่ าเสมอและต่อเนื่อง 4) ส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับชีวิตของเด็กและเยาวชนจาก ประสบการณ์สิ่งใกล้ตัว 5) น าหลักค าสอนทางศาสนาและผู้น าทางจิตวิญญาณมาเป็นแนวทางส าคัญในการด าเนินชีวิต 6) ควรมีการน าประเด็นปัญหาในสังคมปัจจุบันมาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ท าให้เกิดปัญหา ต่างๆ มากมายในชีวิตและชุมชนที่เป็นข่าวในปัจจุบันนั้น เป็นสื่อที่ดีที่จะน ามาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กได้ สะท้อนปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาที่เชื่อมโยงกับความเป็นจริงเพื่อให้สังคมสงบสุข 7) ต้องสอดแทรกเนื้อหาสาระทุจริตศึกษาเข้าไปสู่วิชาอื่น ๆ เช่น ลูกเสือเนตรนารี เพื่อสร้างวินัย ด้านวิธีการถ่ายทอด/สื่อสาร 1) ในการถ่ายทอดความรู้ของครูผู้สอน ควรต้องตระหนักและสร้างความเชื่อมโยงในแต่ละจุด ที่เป็นข้อบกพร่องของนักเรียนให้ได้ เช่น เรียนแล้วน าไปใช้อะไรได้บ้าง เปิดโอกาสให้นักเรียนกล้าแสดงออก กล้าที่จะซักถามในเรื่องที่เกิดความสงสัยหรือไม่เข้าใจ รับฟังปัญหาของนักเรียน 2) ครูผู้สอนควรพูดคุยและท าความเข้าใจกับผู้ปกครอง โดยอธิบายให้เห็นความส าคัญของ ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่เรื่องของการส่งเด็กแค่มาเรียนได้ความรู้ ท างานเป็นให้จบ ๆ ไป แต่สามารถน าสิ่งที่ได้นี้ ไปประกอบสัมมาชีพ เป็นบุคคลที่อยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย ไม่มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องเล็กน้อย 3) ควรสอดแทรกหลักจริยธรรมเข้าไปในบทเรียน ทุกวิชาเรียนต้องยึดหลักความจริง ผิดก็ว่าผิด ยึดสิ่งที่กระท าตามความจริง ตัวอย่างเช่น วิชาคณิต วิทย์ ที่สามารถวัดผลได้คิดเลขผิดก็ต้องยอมรับว่าผิด ทดลองผิดพลาดก็ต้องยอมรับว่าผิดพลาด 4) ควรส่งเสริมให้การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับสังคม ปัจจุบันคือมุ่งเน้นให้เด็กลงมือปฏิบัติ แก้ไขปัญหาตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเพื่อน าความรู้ไปใช้ใน ชีวิตประจ าวัน และน าเสนอแนวคิดของตนเองได้อย่างสร้างสรรค์ ด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ 1) ควรออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจ าวัน ใช้เทคนิค บทบาทสมมติ (Role play) กิจกรรมเชิงรุก (Active Learning) สร้างสถานการณ์ในโรงเรียน กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การปลูกผักสวนครัว การเตรียมอุปกรณ์ เพื่อรู้จักการบ่มนิสัย การไม่เอารัดเอาเปรียบ เป็นต้น 2) ควรมีการน ารูปแบบการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐานตามหลักพุทธศาสนา (อริยสัจ 4) มาใช้ ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้และการวางแผนกระบวนการเรียนรู้ที่ให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมใน การสะท้อนคิด การหยั่งรู้จากการระเบิดจากข้างใน เป็นการมองเห็นอย่างลึกซึ้งในการเรียนรู้แต่ละเรื่องหรือ สถานการณ์ปัญหาที่ครูได้วางแผนไว้
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 300 3) ครูผู้สอนควรค านึงถึงหลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความสอดคล้องกันระหว่าง เป้าหมาย กิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อให้การน าหลักสูตรไปใช้เกิดประสิทธิผล สูงสุด ดังตัวอย่างกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ต่อไปนี้ เป้าหมาย: นักเรียนเข้าใจและตระหนักถึงภัย และผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของการทุจริต ขอบข่ายเนื้อหา: ความหมายของการซื่อสัตย์และการทุจริต ผลกระทบของการทุจริตทั้งใน และนอกสถานศึกษา สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ระเบียบ กฎหมาย และเกณฑ์การประเมินเกี่ยวกับความ โปร่งใสของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา และช่วยเหลือสังคม กิจกรรมการเรียนรู้: วิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study) เกี่ยวกับผลกระทบจากการทุจริต ของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน จ าลองสถานการณ์ (Simulation) เกี่ยวกับการทุจริต เพื่อให้นักเรียนหา แนวทางการแก้ปัญหา การจัดโครงงานเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือสถานศึกษา สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ศึกษาดูงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามทุจริต การวัดและประเมินผล: ประเมินจากผลงานนักเรียนจากโครงการหรือชิ้นงานที่สะท้อนถึง เข้าใจและความตระหนักถึงภัยและผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของการทุจริตทั้งในและนอกโรงเรียน ตลอดจน สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ด้านการส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ 1) ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ร่วมคิดวิธีที่ไม่ท าผิด การแก้ไขปัญหาเชิงบวก กรณีเช่น ท าสิ่งของ หล่นหาย แล้วส่งคืนเจ้าของ 100 % เป็นสิ่งที่ควรด าเนินกิจกรรมเหล่านี้เพื่อฝึกนิสัยความสุจริตให้แก่นักเรียน/ นักศึกษา 2) ควรสร้างความตระหนักโดยเริ่มจากกิจกรรมที่จะช่วยปลูกฝังค่านิยมให้กับเด็ก ตัวอย่างเช่น หากมีคนท าเงินหล่นไว้ในแต่ละวันมีใครน ากลับมาส่งคืนบ้าง เน้นในเรื่องการสร้างความซื่อสัตย์ให้กับตนเอง กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมโฮมรูมของอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพบปะพูดคุยสร้างแนวทางทางความคิดให้กับ นักเรียนโดยเน้นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัว 3) การส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม ควรส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความ รับผิดชอบต่อตนเอง มีวินัยในตนเองในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเองในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการ ใช้ชีวิตที่บ้านหรือที่โรงเรียน ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของญี่ปุ่นมีการก าหนดเป้าหมายระยะสั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาเฉพาะบุคคล และส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจ ท างานส าเร็จด้วยความอดทนและฝึก การรอคอย โดยปัจจัยที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้รับการบ่มเพาะที่ดีคือบริบทของสังคมและ ชุมชนนั้น กระท าในสิ่งเดียวกันอย่างต่อเนื่องและสม่ าเสมอจนกลายเป็นวัฒนธรรมและค่านิยมเชิงบวก 4) ควรเน้นเรื่องพฤติกรรมเชิงสังคมเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยปลูกฝังจริยธรรม อย่างเช่น การท ากิจกรรมกีฬาสี การสอนหลักอริยสัจ หรือหลักสากลเกี่ยวกับการสอน เน้นปัญหาเป็นฐาน หรือหลักศาสนาอื่นที่เด็กนับถือ เพราะเด็กบางคนไม่จ าเป็นต้องเรียนศาสนาพุทธอย่างเดียว 5) ควรมีการสร้างวัฒนธรรมการวางแผนล่วงหน้า เรื่องการใช้ชีวิต (ยกเหตุการณ์ส าคัญ ๆ เช่น เรื่องการออมเงิน เป็นต้น) โดยให้นักเรียนสร้างเป้าหมาย และเนื้อหาของเป้าหมายนั้นต้องเป็นรูปธรรม เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่เพ้อฝัน ง่ายต่อการปฏิบัติ เข้าใจและสามารถด าเนินการได้จริง ด้านสื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1) ควรมีการปรับปรุงสื่อและแหล่งข้อมูลที่จะเข้าถึงในการน ามาจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ ทันสมัยและเน้นสื่อที่มีความเหมาะสมกับวัยของนักเรียนในระดับชั้นต่าง ๆ 2) ควรมีการผลิตสื่อสร้างสรรค์ให้ครูและนักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า คิดวิพากษ์ วิจารณ์ได้
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 301 ด้านการพัฒนาครูผู้สอน 1) ควรส่งเสริมและพัฒนาให้ความรู้กับครูผู้สอน ได้ตระหนักถึงความซื่อสัตย์สุจริต และ รวมถึงผลกระทบของการทุจริต ทั้งในหน้าที่ของตนเอง และสังคม รวมทั้งนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีทุจริตในวงราชการการที่ผ่านมา 2) ครูต้องมีความคิดในการสอนแบบใหม่ ต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถสอนตนเองได้ด้วย เพราะถ้าหากเจอสถานการณ์คับขันแล้วครูไม่อยู่ด้วยเขาต้องสามารถแก้ไขปัญหาเองได้ 3) ควรมีการพัฒนาครูผู้น าต้นแบบด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การต่อต้านการทุจริต 4) ควรพัฒนาทักษะการตั้งค าถามที่เหมาะสมให้กับครูผู้สอนเพื่อฝึกให้เด็กและเยาวชนได้ สะท้อนคิดที่หลากหลาย 5) พัฒนาเทคนิคกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ครูเป็นครูโค้ชและเป็นครูกัลยาณมิตร มีจิตใจเมตตาและน าพาเด็กและเยาวชนให้เดินในเส้นทางของความถูกต้องเหมาะสม ข้อเสนอแนะส าหรับสถานศึกษาที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 1) สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1.1) สถานศึกษาน าโดยผู้บริหารระดับสูง ควรสร้างการตระหนักรู้ให้เห็นคุณค่า และความส าคัญที่จะต้องน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ให้เห็นผลมากที่สุดกับทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภายในโรงเรียนทั้งหมด การสร้างความรู้ความเข้าใจกับบุคลากรทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ปกครอง และผู้บริหาร ระดับสูง ต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง อย่างจริงจัง มีการสร้างขวัญและก าลังใจให้กับครูผู้สอนและ ผู้เรียน 1.2) สถานศึกษาสนับสนุนสื่อ อุปกรณ์ที่จ าเป็น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ของ ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ควรสนับสนุนงบประมาณในการสร้างการเรียนรู้ภายนอกสถานศึกษาให้มากขึ้น ให้ผู้เรียนได้รู้ ได้เห็น และได้ลงมือปฏิบัติจริง จัดสรรบุคลากรให้เพียงพอ 1.3) สถานศึกษาควรท าความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้สอนในรายวิชาที่ใกล้เคียงกัน ในการจัดการเรียนการสอน อาทิ รายวิชาสังคม รายวิชาหน้าที่พลเมือง กับรายวิชาการป้องกันการทุจริต เพื่อให้เกิดการสอดประสานเสริมพลังกัน และลดการซ้ าซ้อนของเนื้อหาระหว่างรายวิชา เพื่อประโยชน์ต่อการ เรียนรู้ 1.4) สถานศึกษาโดยเฉพาะผู้น าในสถานศึกษา ครู อาจารย์บุคลากร ต้องปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่จะช่วยปลูกฝังและตอกย้ าการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ได้ถูกสอนไปในชั้นเรียน 2) สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 2.1) สถานศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงควรให้ความส าคัญกับการเข้าใจถึง บริบทแต่ละแห่งของตนเองว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะสามารถพัฒนาการน าหลักสูตรไปใช้ ให้สอดคล้องกับความพร้อมของแต่ละสถานศึกษา 2.2) สถานศึกษาควรก าหนดให้เป็นรายวิชาพื้นฐานให้ทุกชั้นเรียนได้เรียน 2.3) ก าหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน มีการจัดการฝึกอบรม หรือจัดส่งไปฝึกอบรม เพื่อให้ครูผู้สอนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาและสามารถน าไปถ่ายทอดสู่ผู้เรียนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหา สนับสนุนสื่อประกอบการจัดการเรียนการสอนให้เพียงพอ
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 302 3) สถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 3.1) สถานศึกษาควรเตรียมความพร้อมในทุกด้านก่อนน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ หรือควรก าหนดไว้ในนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีการก าหนดลงไปยังสถานศึกษาที่สังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 3.2) สถานศึกษาควรท าความเข้าใจ ประชุมชี้แจงกับครูผู้สอนเกี่ยวกับหลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตร แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน 3.3) ด าเนินการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งผู้บริหารองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน ผู้ปกครอง ตลอดจนคณะกรรมการสถานศึกษา 3.4) ระหว่างสถานศึกษาในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ควรมีการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งทางด้านวิชาการ และด้านประสบการณ์การบริหารจัดการ รวมถึงเพื่อจัด เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดแสดงผลงาน พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 4) สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) 4.1) สถานศึกษาควรประชุมวางแผน ชี้แจง เตรียมความพร้อม รวมถึงปรับหลักสูตร ให้เหมาะสมและให้ครูผู้สอนออกแบบกิจกรรมปรับใช้กับนักเรียน ปรับกิจกรรมให้ทันสมัยและเท่าทันเสมอ มีระบบการประเมินที่ชัดเจน และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันอยู่เสมอ 4.2) สถานศึกษาควรมีการจัดสะท้อนผลการจัดการเรียนรู้ในหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาสู่ครอบครัวและชุมชนให้ได้รับทราบ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากครอบครัว และ ชุมชน 4.3) สถานศึกษาควรด าเนินการให้ตัวสถานศึกษาเอง เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่จะช่วย ปลูกฝังและตอกย้ าการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ได้ถูกสอนไปในชั้นเรียน 5.3.2.2 หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตร อุดมศึกษา ดังนี้ ด้านนโยบาย 1) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ควรพัฒนากลไกการ ขับเคลื่อนการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถาบันการศึกษาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลลัพธ์ การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการพัฒนาและเสริมสร้างพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของนักศึกษา 2) เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยมีบทบาทในการก าหนดนโยบายการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการน าหลักสูตรต้านทุจริตมาใช้อย่าง จริงจัง มีการก ากับ ติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาหลักสูตรแบบเน้นผลลัพธ์ (Outcome Based Education) เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนร่วม นักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการก าหนดหลักสูตรต่าง ๆ ว่าต้องการ เรียนรู้อะไร และอย่างไร 3) ควรเปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นต่อหลักสูตร และมีโอกาสได้ออกแบบ หลักสูตรต้านทุจริตในรูปแบบของพวกเขาเอง โดยที่ทาง ป.ป.ช. อาจก าหนดบรรทัดฐานเป็นกรอบในการ ด าเนินกิจกรรมว่าให้ท าอะไรได้บ้าง อะไรที่ท าไม่ได้บ้าง อย่างชัดเจน
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 303 ด้านกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ 1) การบูรณาการแนวคิดของการต้านทุจริตสู่กิจกรรมการเรียนการสอน อาจารย์ผู้สอน มหาวิทยาลัยทุกรายวิชาสามารถน าหลักการและแนวคิดของการต้านทุจริตในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปสอดแทรก และบูรณาการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการฝึกปฏิบัติการท างานของแต่ละรายวิชาได้ใน ด้านคุณธรรมและจริยธรรม โดยอาจใช้รูปแบบการสอนแบบไม่สอน ให้นักศึกษาได้ซึมซับไปแบบไม่รู้ตัว โดยไม่ ใช้การยัดเยียดเนื้อหาหรือบีบบังคับให้ท า เพราะนักศึกษาเป็นวัยที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและสร้าง ความรู้จากการลงมือปฏิบัติได้ 2) นักศึกษาต้องการหลักสูตรที่เน้นภาคปฏิบัติ หลักสูตรทุจริตศึกษาต้องเน้นให้นักศึกษา ปฏิบัติมากกว่าเรียนทฤษฎี ถ้าดูภาพเคลื่อนไหวเขาจะชอบมากกว่าภาพนิ่งในการสอน นักศึกษามีหลากหลาย สาขาวิชาท าให้การเรียนการสอนต้องเปลี่ยนไปตามตัวผู้เรียน จึงควรเพิ่มมิติในการเรียนรู้มากขึ้น 3) ควรส่งเสริมกิจกรรมชมรมนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เสริมสร้างค่านิยมของนักศึกษาระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องในการต่อต้านการทุจริต ต่อต้านการโกงทุกประเภท 4) ควรมีกิจกรรมการเรียนรู้จากสถานที่จริง กรณีเช่น พานักศึกษาไปสังเกตการณ์เลือกตั้ง ตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ เป็นหูเป็นตาให้แก่ประชาชนและระบอบประชาธิปไตย ด้านการส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ การใช้นวัตกรรมในการแก้ไขปัญหา อาจารย์ผู้สอนควรใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเชิงบวก ต้องหา กิจกรรมเชิงบวกให้ผู้ศึกษาท า ถ้าหากนักศึกษาท าผิดไม่ควรลงโทษด้วยการกระท าที่รุนแรง ต้องใช้กระบวนการ ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice: RJ) ความเป็นกระบวนการที่มุ่งผลลัพธ์ในเชิงสมานฉันท์ เสริมพลังผู้เสียหาย และประสานความเข้าใจระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านการมีส่วนร่วมในการแสดงความ คิดเห็นและหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการแก้ไขปัญหาเชิงบวก ถือเป็นนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาที่ดี ถ้าหากใช้ การกระท าที่รุนแรงไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งท าให้คนที่ถูกลงโทษนั้นก้าวร้าวมากขึ้น ด้านผู้สอน 1) ควรมีการเสริมสร้างให้อาจารย์ผู้สอนเกิดความตระหนักในเรื่องของจิตส านึกที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้เรียน และต้องเป็นแบบอย่างที่เน้นการกระท าส าคัญกว่าค าพูด ต้องท าให้สังคมเห็นว่า ไม่เป็นผู้เลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน 2) ควรมีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่กลางส าหรับอาจารย์ผู้สอนวิชา หลักสูตรทุจริตการศึกษา ได้มาเสนอแนวคิด แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนวปฏิบัติที่เหมาะสม กรณีศึกษาต่าง ๆ ของแต่ละมหาวิทยาลัย รวมทั้งเปิดให้ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาร่วมกันพัฒนานักศึกษา ข้อเสนอแนะส าหรับสถานศึกษาที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 1) สถาบันอุดมศึกษาควรก าหนดเป้าหมายการพัฒนาของสถาบัน ให้สถาบันอุดมศึกษาเป็น ต้นแบบสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ควรมีการแสดงเจตนารมณ์ของผู้บริหารและก าหนดยุทธศาสตร์ที่จะ ขับเคลื่อนของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตใน สถาบันอุดมศึกษา มีการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็นแก่นในการช่วยขับเคลื่อนให้สถาบันบรรลุยุทธศาสตร์ ดังกล่าว 2) สถาบันอุดมศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของสถาบันควรให้ความส าคัญ สร้างแรง บันดาลใจ แรงจูงใจ สร้างความเข้าใจร่วมกันของทุกภาคส่วนภายในสถาบันอุดมศึกษาให้รับรู้ ตระหนักถึง ความส าคัญของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา มีนโยบายและการก ากับดูแลให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้ก าหนดไว้
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 304 3) สถาบันอุดมศึกษาควรมีการก าหนดผู้รับผิดชอบ หรือคณะกรรมการอ านวยการในระดับ สถาบัน เพื่อช่วยขับเคลื่อนการน าหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ คณะกรรมการอ านวยการดังกล่าวนี้ มีหน้าที่ในการ บริหารจัดการหลักสูตรในทุกด้าน ทั้งเนื้อหา ผู้สอน กิจกรรม เพื่อที่จะสามารถปรับให้ทันสมัยและเป็นที่สนใจ ของผู้เรียน รวมถึงประสานก ากับติดตามหลักสูตรอย่างจริงจัง ต่อเนื่องเป็นระบบ 4) ควรมีการจัดตั้งเครือข่ายอาจารย์ผู้สอนในระดับอุดมศึกษา จัดสัมมนาผู้สอน การจัด กิจกรรมประชุมแลกเปลี่ยนกันระหว่างอาจารย์ด้วยกัน มีการฝึกอบรมการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อพัฒนาและทบทวนความรู้อย่างสม่ าเสมอ 5.3.2.3 หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) มีข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตร กลุ่มทหารและต ารวจ ดังนี้ ด้านนโยบาย 1) ต้องการให้มีนโยบายในการผลักดันให้น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาเป็นวิชาหลักใน แผนการเรียนเพื่อให้สอดคล้องกับผู้เรียนมากที่สุด และด้านงบประมาณที่ใช้เพื่อการเรียนการสอน การจัดท า สื่อที่ดี รวมไปถึงต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เข้ามาดูแลและให้ ค าแนะน าเพิ่มเติม เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ และเป็นการเพิ่มศักยภาพอย่างตรงจุดให้กับผู้เรียน 2) ต้องการให้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ได้สอดแทรกเข้าไปในทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งนักเรียนเตรียมทหาร และข้าราชการทหาร ในรายวิชาคุณธรรม ศีลธรรม การต้านทุจริตศึกษา ด้านวิทยากร ควรมีการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้รับผิดชอบการสอนวิชาต้านทุจริตศึกษา โดยให้แต่ละหน่วย ส่งตัวแทนเข้ารับการอบรม หรือสามารถเชิญวิทยากรจาก ป.ป.ช. โดยตรงมาบรรยาย เพื่อจะได้ถ่ายทอดข้อมูล การต้านทุจริตศึกษาที่ถูกต้องแก่ผู้เข้ารับการศึกษา ด้านสื่อการสอน ต้องการให้มีการรวบรวมข้อมูล สถิติ องค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการสอนไว้เพื่อให้ผู้สอน มีข้อมูลเชิงลึก สื่อการสอนที่ส าคัญ ข้อมูลการจัดอันดับต่าง ๆ ที่เป็นประเด็นส าคัญเพื่อน ามาถ่ายทอดให้แก่ ผู้เรียน โดยข้อมูลดังกล่าวนี้จะต้องได้มาจากองค์กรหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ผู้เรียนก็จะได้รับ ประโยชน์และองค์ความรู้จากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาอย่างถูกต้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ด้านเนื อหาหลักสูตร 1) ควรเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อส าหรับผู้เรียน เนื่องจากหลักสูตรที่มีความเป็น ภาควิชาการมากเกินไปจะท าให้ผู้เรียนเกิดความตึงเครียด กิจกรรมในห้องเรียนที่เน้นเรื่องการพูดตามสไลด์ การให้ผู้เข้าอบรมมองตัวหนังสือเป็นส่วนใหญ่ อาจส่งผลให้ผู้เข้าอบรมรู้สึกถึงความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ ศึกษาอย่างตั้งใจ 2) ในทุกเนื้อหาวิชาควรมีการสอดแทรกตัวอย่าง หรือสื่อมัลติมีเดียที่ท าให้เห็นภาพได้ชัดเจน ยิ่งขึ้น ลดเนื้อหาในเรื่องของกฎหมายที่มีความซับซ้อนลง ด้านกิจกรรมการฝึกอบรม 1) มีกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าอบรมปฏิบัติเพื่อเป็นการทดสอบจิตใจ ทดสอบความคิด และเจตคติ ว่าหากต้องเจอกับสถานการณ์จริงจะมีวิธีการปฏิบัติตนอย่างไร
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 305 2) เพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้ใหม่ จึงควรให้มีการเรียนรู้นอกห้องเรียน การศึกษาดูงานนอก สถานที่ไปยังหน่วยงานส าคัญ เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ส. DSI จะสร้างความน่าสนใจให้กับผู้เรียน และยังเป็นการ พักผ่อนสมองจากการเรียนเนื้อหาที่เป็นวิชาการแล้วอีกด้วย 3) ควรเพิ่มเติมการจัดกิจกรรม workshop ร่วมกันระหว่างผู้เรียน เพื่อให้สามารถร่วมแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ด้านความคาดหวังต่อหลักสูตร 1) ควรมีการฝึกอบรมหลักสูตรนี้ในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ไปจนถึง ข้าราชการระดับสูง โดยเนื้อหาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับคุณวุฒิ วัยวุฒิ และหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ละระดับ เพื่อเป็นการปลูกฝังและสร้างจิตส านึกในการต่อต้านการทุจริตในข้าราชการทุกระดับ 2) ควรเสริมให้มีสถาบันต้นแบบหรือมีองค์กรและบุคลากรตัวอย่างที่ได้รับการปูนบ าเหน็จ รางวัลส าหรับผู้ที่ได้แสดงความซื่อสัตย์และไม่ทนต่อการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงตัวอย่างของผู้ที่กระท า การทุจริตที่ได้รับการลงโทษอย่างเป็นรูปธรรม หรือมีการศึกษาองค์กรต้นแบบที่มีอยู่จริงจากนานาชาติ เช่น Independent Commission Against Corruption (ICAC) ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่มีผลสัมฤทธิ์ เป็นที่ประจักษ์ในการขับเคลื่อนประเทศผ่านหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยการเปลี่ยนทัศนคติของคนฮ่องกง จากลักษณะที่เรียกว่า “Passive Acceptance” ไปสู่ “Zero Tolerance” จึงได้มีผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์ ดังกล่าวได้ และให้เกิดมีความเข้มแข็งในจิตใจที่ต้องต่อต้านกับการทุจริตของบุคคลากรในองค์กรได้อย่างเป็น รูปธรรม 3) การขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้เกิดความส าเร็จและยั่งยืนสืบต่อไป ควรจะ ขยายกรอบระยะเวลาในการเสริมสร้างวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต รวมถึงการสร้างทัศนคติและพฤติกรรมการ ต่อต้านการทุจริตและการประพฤติมิชอบแก่บุคลากรให้ยาวนานเพิ่มมากขึ้น โดยจะต้องสร้างให้เกิดเป็น วัฒนธรรมที่สามารถส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ สืบเนื่องกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งต้องแสดงให้เห็นได้ว่า ผู้กระท าความดีต้องได้รับผลตอบกลับที่ดี และผู้ที่กระท าความชั่วก็จะต้องได้รับผลตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์ ได้อย่างแน่นอน 5.3.2.4 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น า การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตร วิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ดังนี้ ด้านนโยบาย 1) เนื่องจากจุดเด่นของหลักสูตรสามารถสร้างหรือผลิตบุคลากรที่จะไปเป็นวิทยากรที่มี ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต และมีหลักการในการปรับฐานความคิดของผู้อื่นให้ ทันสมัย ทันต่อสังคมดิจิทัล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความกตัญญู เพื่อให้เกิดเป็น คนที่มีจิตพอเพียงและต้านทุจริตได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้คนหลายกลุ่มหลายระดับ ยังไม่ได้ มีการรับรู้ถึงเรื่องของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเหล่านี้ ดังนั้นทางส านักงาน ป.ป.ช. จึงควรเร่งด าเนินการ ประชาสัมพันธ์หลักสูตรให้มากขึ้นในกลุ่มคนทุกระดับ ทุกกลุ่มคน ให้ครอบคลุมครบถ้วน เพื่อผู้คนทั้งหลายจะ ได้ตื่นตัวและให้ความสนใจ ให้ความส าคัญกับเรื่องเหล่านี้ อันจะส่งผลท าให้สังคมของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลง ไปเป็นสังคมของผู้คนที่มีจิตพอเพียงต้านทุจริต และเป็นสังคมที่ไม่ทนและละอายต่อการทุจริตได้ในที่สุด
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 306 2) หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาควรต้องได้รับการบรรจุลงในยุทธศาสตร์ประจ าปีขององค์กร โดยมีผู้บริหารองค์กรเป็นผู้ขับเคลื่อนและมอบหมายให้ทีมผู้รับผิดชอบในการจัดการอบรม เพื่อสร้างวิทยากร ให้เพียงพอและเหมาะสมกับจ านวนบุคลากรในองค์กรที่ต้องได้รับการปลูกฝังและปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ ครอบคลุม และทั่วถึง ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร ควรมีการจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเฉพาะในกลุ่มผู้ควบคุมดูแลหลักสูตรฝึกอบรมทั้ง 3 หลักสูตรนี้ เพื่อใช้เป็นเวทีให้ความรู้ในเรื่องการจัดการอบรมเกี่ยวกับเนื้อหาการต้านทุจริต การจัดรูปแบบ การอบรม การจัดกิจกรรมการอบรม รวมถึงการก าหนดงบประมาณที่สมเหตุสมผลส าหรับการจัดการอบรม เพื่อให้ผู้ควบคุมดูแลหลักสูตรได้มีความเข้าใจและมีความสามารถในการด าเนินการจัดการอบรมให้มี ประสิทธิภาพและประสบความส าเร็จได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ควบคุมดูแล หลักสูตรอบรมที่มีอยู่ ให้สามารถสื่อสาร ติดต่อ ปรึกษาหารือ และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ต่อไป ด้านเนื อหา 1) ส านักงาน ป.ป.ช. ควรสร้าง ผลิต และพัฒนาสื่อการฝึกอบรมที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้เข้ารับ การฝึกอบรมสามารถเข้าใจในเรื่องราวที่กล่าวถึงในเนื้อหาของหลักสูตรได้อย่างง่าย ๆ ชัดเจน และไม่ซับซ้อน เกินไป เพื่อท าให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องเพิ่มขึ้น 2) ควรปรับปรุงหลักสูตรให้เป็นสื่อออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ในหลากหลายช่องทาง โดยไม่ จ ากัดอยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่นนี้แล้วการขยายฐานคิดและการปลูกฝังในเรื่องของจิตพอเพียง ต้านทุจริตก็จะสามารถบังเกิดขึ้นได้ในวงกว้างอย่างแท้จริง ด้านวิทยากร ควรมีระบบการพัฒนาวิทยากรแกนน า ซึ่งประกอบด้วยการก าหนดคุณสมบัติของวิทยากร แกนน าที่สอดคล้องกับหลักสูตร การประชุมสัมมนาร่วมกันของวิทยากร ด าเนินการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้อง การออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม เทคนิคการฝึกอบรมใหม่ ๆ ตลอดจนการมีหลักสูตรใน การพัฒนาทักษะเฉพาะของวิทยากรของแต่ละหน่วยงานให้มีทักษะและความรู้ในมาตรฐานเดียวกัน โดยอาจ จัดตั้งกลุ่มวิทยากร หรือแคมป์พัฒนาทักษะแบบที่จะสามารถละลายพฤติกรรมของทุกหน่วยให้เข้ากันได้เป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน ด้านการประเมินผลสัมฤทธิ์ ควรมีระบบการติดตามประเมินผลส าหรับกลุ่มเป้าหมายที่ส าเร็จหลักสูตรออกไปแล้ว หลังจากที่ไปปฏิบัติงานได้มีการน าไปใช้อย่างไรบ้าง เกิดปัญหาอย่างไรบ้าง เพื่อน าผลประเมินมาใช้ปรับปรุง หลักสูตร แก้ไขในจุดที่เป็นปัญหา เพื่อให้สามารถน าไปประยุกต์ใช้กับการท างานได้อย่างเต็มความสามารถ มากที่สุด 5.3.2.5 หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีข้อเสนอแนะที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก สรุปประเด็นส าคัญในการพัฒนาหลักสูตร ฝึกอบรมโค้ช ดังนี้ 1) เพื่อให้เกิดความส าเร็จและยั่งยืน โดยการสนับสนุนจากส านักงาน ป.ป.ช. ในการขับเคลื่อน หลักสูตรต้านทุจริตศึกษานั้น ต้องด าเนินการในเชิงสังคม เนื่องจากสังคม ชุมชนชาวไทยยังมีวัฒนธรรมและ ความเลื่อมใส ศรัทธาในพุทธศาสนา ซึ่งมักจะปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี ไม่คิดทุจริตได้ดังนั้น การให้พระภิกษุสงฆ์ ผู้รักษาศีลมาเป็นผู้อบรม สั่งสอน ชี้แนะในเรื่องจิตพอพียงต้านทุจริตจึงเป็นหนทางที่ยังมีความเหมาะสม
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 307 2) ต้องการให้ทุกระดับสังคม หน่วยงาน ได้มีการบูรณาการกันในเรื่องของการให้ความรู้ การส่งเสริมความซื่อสัตย์ และการเข้าถึงจิตส านึกของการต้านทุจริต ยึดมั่นความสุจริตที่ถูกต้อง เชื่อมโยง อุดกั้นช่องว่างระหว่างวัยและสังคม โดยใช้การสื่อสารและกิจกรรมร่วมมาเป็นเครื่องมือส าหรับการพัฒนา การต้านการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นวิธีการที่จะสามารถพัฒนาในด้านการต้านการทุจริต และ ส่งเสริมความซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ทุกส่วนของสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด 3) เนื่องจากรูปแบบการทุจริตมีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะต่าง ๆ ของสังคม เทคโนโลยี ดังนั้น ส านักงาน ป.ป.ช. ควรต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทันสมัยและทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะน าไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 308 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ, กรมวิชาการ. (2523). การประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับจริยธรรมไทย, แนวทางการ พัฒนาจริยธรรมไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา. เกรียงศักดิ์ โชควรกุล. (2561). กลยุทธ์การต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นด้วยการสร้างค่านิยมของกลุ่มนักศึกษาใน จังหวัดชัยภูมิ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. 20(2). ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, กลุ่มยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนา ส านักนโยบายและยุทธศาสตร์. (2560). รายงานการวิจัยเรื่อง การศึกษาคุณธรรม จริยธรรมของผู้เรียนในสถานศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ : โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ส านักงานประเทศไทย. ชุติมา เชยชม. (2531) การปฏิบัติและแนวโน้มในการปฏิบัติจริยธรรมของครูภาษาไทย ในโรงเรียนมัธยมศึกษา ตามการรับรู้ของตนเอง (รายงานผลงานวิจัย). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชัยพร วิชชาวุธ และธีรพร อุวรรณโณ. (2525). แนวคิดและการพัฒนาใหม่ในการปลูกฝังจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ดวงเดือน พันธุมนาวิน และเพ็ญแข ประจนปัจจนึก. (2520). จริยธรรมของเยาวชนไทย. รายงานการวิจัยฉบับ ที่ 21 สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ การศาสนา. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2543). ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม การวิจัยและการพัฒนาบุคคล. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ทิศนา แขมมณี. (2546). การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยม : จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: เสริมสิน พรีเพรส ซิสเท็ม. บงกช สุทัศน์ ณ อยุธยา. (2564). ผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.จ. เชียงใหม่. วารสารธรรมศาสตร์. 40(1). บวร ขมชุณศรี และยุทธนา ปราณีต. (2564). การส่งเสริมการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบและการ ตัดสินใจทางการเมืองตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐของประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. 8(7), (กรกฎาคม). ผการัตน์ ทองจันทร์. (2561). การสร้างแอปพลิเคชัน "โตไปไม่โกง" เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันตามแนวคิด โรงเรียนสุจริต. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์. 10(2). พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต). (2546). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พุทธทาสภิกขุ. (2526). อะไรคืออะไร : ค าบรรยายประจ าวันเสาร์ ภาควิสาขบูชา 2521 หลานหินโค้ว ณ สานโมกขพลาราม อ าเภอไชยา. กรุงเทพฯ : ธรรมทานมูลนิธิ. พระครูอุดมเจติยารักษ์(ดนัย นรุตฺตโม/ส าแดงเดช), อนุชา พละกุล, ศิริเพ็ญ สุดแสนสง่า, มะลิ ทิพย์ประจง, สุบัน สวัสดิ์ประภา, และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี. (2562). การเสริมสร้างความรู้และควบคุมการทุจริตโดยพระสงฆ์ ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์. ปีที่ 6 ฉบับที่ 10 (ธันวาคม). ภิญโญ สาธร. (2530). วิถีประชาธิปไตยกับการพัฒนาจริยธรรมกับการศึกษา.กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 309 ราชบัณฑิตยสถาน. (2525). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525. (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ ากัด. รสิตา กุดแถลง. (2550). ความสัมพันธ์ระหว่างการอบรมเลี้ยงดูกับความซื่อสัตย์ของ นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น โรงเรียนองครักษ์ จังหวัดนครนายก. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามค าแหง. ศักดิ์สายันต์ ใยสามเสน และประทีป พืชทองหลาง. (2562). การพัฒนาคู่มือและสร้างเครือข่ายการสอน รายวิชาการต่อต้านการทุจริตในมหาวิทยาลัยในเขตภาคเหนือตอนบน. วารสารปัญญา. 26(2), (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562). ศิริรัตน์ นิลนาก. (2559). การพัฒนาหลักสูตรเด็กไทยหัวใจไม่โกง ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดทองศาลางาม ส านักงานเขตภาษีเจริญ สังกัดกรุงเทพมหานคร. วารสารสังคมศาสตร์ บูรณาการ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 3(1), (มกราคม - มิถุนายน). ส านักงาน ป.ป.ช.. (2565). รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ.2564. ขอนแก่น. โรงพิมพ์คลังนานาธรรม. ส านักงาน ป.ป.ช.. (2564ก). รายงานการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริต ปีงบประมาณ พ.ศ.2563. ขอนแก่น. โรงพิมพ์คลังนานาธรรม. ส านักงาน ป.ป.ช.. (2564ข). รายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ.2563. ขอนแก่น. โรงพิมพ์คลังนานาธรรม. สมรื่น สิทธิยา. (2559). การพัฒนาตัวบ่งชี้ความซื่อสัตย์สุจริต ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา. (ปริญญา นิพนธ์มหาบัณฑิต). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม. สามารถ กลางบุญเรือง. (2547) การสร้างแบบสอบวัดจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ส าหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5 . มหาวิทยาลัยขอนแก่น/ขอนแก่น. DOI https://doi.nrct.go.th/ ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=สุจริต (Upright school) ส าหรับเยาวชนของชาติ. วารสาร มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์. 10(2) (พฤษภาคม - สิงหาคม). สุชาดา กรเพชรปาณี. (2549). ความไม่ซื่อสัตย์ทางวิชาการของนักศึกษามหาวิทยาลัย. วารสารวิจัยและ วัดผลการศึกษา. 4(1) (มีนาคม 2549), 143-161. สุพัตรา สุภาพ. (2546). สังคมวิทยา. ภาคสังคมวิทยามานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพ์ครั้งที่ 23. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. ส านักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (2561). เกณฑ์ประกันคุณภาพการฝึกอบรมบุคคลกรของส านักงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์. กรุงเทพมหานคร : ส านักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์. ส านักงาน ป.ป.ช. (2561). หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education). เมืองนนทบุรี: ส านักงาน ป.ป.ช. ส านักงาน ป.ป.ช. (2562). รายงานการก ากับติดตามการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้. เมืองนนทบุรี: ส านักงาน ป.ป.ช. ส านักงาน ป.ป.ช. (2563). การประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา. เมืองนนทบุรี: ส านักงาน ป.ป.ช. ส านักงาน ป.ป.ช. (2563). รายงานการก ากับติดตามการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้. เมืองนนทบุรี: ส านักงาน ป.ป.ช. ส านักงานสถิติแห่งชาติ (2564). การส ารวจพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564. กรุงเทพมหานคร: ส านักงานสถิติแห่งชาติ.
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 310 ส านักงานสถิติแห่งชาติ (2564). การส ารวจวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริต ทัศนคติ และพฤติกรรมในการต่อต้านการ ทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน พ.ศ. 2564. กรุงเทพมหานคร: ส านักงานสถิติแห่งชาติ. ส านักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต. (2563). ผลการประเมินตัวชี้วัดย่อยที่ 1.2 ร้อยละของ ประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติ และพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติ มิชอบ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563. นนทบุรี: ส านักงาน ป.ป.ช.. เสถียรพงษ์ วรรณปก. (2537). ความหมายของจริธรรม. วารสารการศึกษา, 28(6), 14-41. Amy Sodaro, (2021) Understanding Socialization in Sociology in Action, Sage retrieved, https,//us.sagepub.com/sites/default/files/upm-assets/107837_book_item_107837.pdf Barnard, A., Schurink, W., & De Beer, M. (2008). A Conceptual Framework of Integrity. South African Journal of Industrial Psychology, 40-49. Bauman, Zygmunt and David Lyon. (2013) . Liquid surveillance: A conversation. Cambridge: Polity Brown, R. (1965). Social Psychology. New York : Free Press Bonawitz, M. F. (2002) . Analysis and comparison of the moral development of students required to graduate with an ethics course. Florida International University. Billingham M. (2007) Sociological perspectives. In, Stretch B and Whitehouse M (eds) Health 526 and social care. Oxford, UK, Heinemann, 301-334. Bloom, B.S. (Ed.). Engelhart, M.D., Furst, E.J., Hill, W.H., Krathwohl, D.R.(1956).Taxonomy of educational objectives, Handbook I, Cognitive Domain. New York, Longmans, Green and Co. Ltd. Clausen JA. (1968) Socialization and Society. Boston, MA, Little Brown and Company Cheng, Y. C., Hung, F. C., & Hsu, H. M. (2021). The Relationship between Academic Dishonesty, Ethical Attitude and Ethical Climate:The Evidence from Taiwan. Sustainability, 13(21) , 11615. Compton's dictionary by Merriam-Webster. (2001). Elmhurst, Ill. : Sucess Pub.Group Clausen JA. (1968). Socialization and Society. Boston, MA, Little Brown and Company Drummond, T. (1995). A brief summary of the best practices in college teaching. Retrieved April, 11, 2018. Fink, L. D. (2016). Five high-impact teaching practices: A list of possibilities. Collected Essays on Learning and Teaching, 9, 3-18. Gaitan L. (2014). Socialization and Childhood in Sociological Theorizing. In, Ben-Arieh A., Casas F., Frones I., Korbin J. (eds) Handbook of Child Well-Being. Springer, Dordrecht. เข้าถึงได้ จาก , https,//doi.org/10.1007/978-90-481-9063-8_180 Goldman Schuyler, K. (2010). Increasing leadership integrity through mind training and embodied learning. Consulting Psychology Journal: Practice and Research, 62(1), 21. Horton, P.B. and Hunt, C.L., 1982, Sociology, McGraw Hil! Kogakusha, USA., p 92
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 311 Harinie, L. T., Sudiro, A., Rahayu, M., & Fatchan, A. (2017). Study of the Bandura’s social cognitive learning theory for the entrepreneurship learning process. Social Sciences, 6(1), 1-6. Krathwohl, D. R. , Bloom, B. S. , Masia, B. B. ( 1 9 6 4 ) . Taxonomy of Educational Objectives. Handbook II, Affective Domain. New York, David McKay Co. Kohlberg, L. (1964). Development of Moral Character and Moral Ideology. In M.L. Hoffman & L.W. Hoffman (Eds), Review of Child Development Research. Vol.1.Hartord, C.T. : Connecticut Printer. Kuh, G. D. (2008). Excerpt from high-impact educational practices: What they are, who has access to them, and why they matter. Association of American Colleges and Universities, 14(3), 28-29. Li Sa, Ng. , Toon Hui, Ong. , & Wong, James. (2018) . Integrity: Fundamentals for Singapore's Governance Success. Civil Service College Singapore. Volume 19 Nather, F. (2013). Exploring the Impact of Formal Educationon the Moral Reasoning Abilities of College Students. College Student Journal, 47(3), 471-477 O’Donnel, Kelly. (2017). Integrity and Accountability for UN Staff. Retrieved October 29, 2020, from http://membercareassociates.org/wp-content/uploads/2017/04/Integrity-andAccountability-parts-1-and-2-UN-Special-March-and-April-2017-ODonnell.pdf Palanski, Michael E. & Yammarino, Francis J., (2007). "Integrity and Leadership:: Clearing the Conceptual Confusion," European Management Journal, Elsevier, vol. 25(3), pages 171-184, June. Piaget, Jean. (1960). The Moral Judgment of the Child. Illinois : The Free Press. Saeed, L., & Ahmad, S. J. (2014). Attitude of Students towards Ethical and Moral Values in Karachi, Pakistan. IOSR Journal of Research & Method in Education, 07-11. Sunar, O. B., & Tabancali, E. (2012). Ethic behaviours of schools administrations. ProcediaSocial and Behavioral Sciences, 46, 2457-2461. Sekartaji, P. R. A., Susetya, M. B., Dwiyanti, A. R., & Pandin, M. G. R. (2022). The Effects of Online Learning on Students’ Ethics and Moral Values. Scriven, M. S. (1991). Evaluation Thesaurus. (4 th). London : Sage Publications. Stake, E. R. (1976). The Constance of Educational Evaluation. Teacher College Record, 68, 523- 540. Stufflebeam, D. L. (2003) . The CIPP model for evaluation, in T. Kellaghan and D. L. Stuffelebeam (eds) ( pp. 31-62) , International Handbook of Educational Evaluation. Netherland: Kluwer Academic Publishers. Shobana, S. , & Kanakarathinam, R. (2017) . Awareness and need of ethics and values in education for students: A study among college teachers in Pollachi region. International Journal of Current Research and Review, 9(9), 26-31.
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 312 Tyler, R.W. (1950). Basic principles of curriculum and instruction. Illinois : The University of Chicago. Talcott Parsons, Social Structure and Personality, (New York: The Free Press, 1964), 129-154. Tina Besley and Michael A. Peters, “ Global Citizenship Education Politics, Problems and Prospects” In Teaching, Responsibility, and the Corruption of Youth” Publisher: Brill. Pages: 109–115 Transparency International, “CORRUPTION PERCEPTIONS INDEX” https://www.transparency.org/en/cpi/2020/index/deu (accessed on 18/07/2021) Timo, M. (2017). State of Civil Service Ethics in Finland. Wilhelm, W. J. (2003). Determinants of Moral Reasoning: Academic Factors, Gender, Richnessof-Life Experience, and Religious Preferences. Delta Pi Epsilon Journal, 46(2), 105-123 Zygaitiene, B., Kepaliene, I., & Baltusite, R. (2017). Moral values of generation Z students in general education schools of Lithuania and Latvia. In Rural Environment. Education. Personality. (REEP). Proceedings of the International Scientific Conference (Latvia). Latvia University of Agriculture.
รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 313 ภาคผนวก ผนวก ก ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการุทจริต) จ าแนกตามรายสถานศึกษา ผนวก ข ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตฯ และวัฒนธรรมค่านิยมสุจริตฯ ของผู้ตอบแบบ ประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ทั้ง 5 หลักสูตร ผนวก ค รายงานการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรและการ เรียนการสอน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะทิศทางการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ านวนไม่น้อย กว่า 9 คน และผู้ให้ข้อมูลส าคัญ ผนวก ง การน าเสนอผลการด าเนินการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผนวก จ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (แนวค าถามสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญทั้ง 5 หลักสูตร และแนวค าถามแบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนา หลักสูตรและการเรียนการสอน ผนวก ฉ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บแบบประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ (ข้อมูลเชิง ปริมาณ) (แบบประเมินชุด A-H)
h tt p s : / / t y i n t e g rit y . o r g