The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paporn, 2023-02-14 23:54:06

รวมเล่ม รายงานติดตามผลสัมฤทธิ์ฯ2565

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 96 โครงสร้ำงเครื่องมือกำรประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำ จ ำนวน 5 หลักสูตร ดังนี้ 1. องค์ประกอบที่มุ่งวัด 1.1 ส ำหรับหลักสูตรกำรเรียนกำรสอน ในการวัดผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนที่ได้รับจาก หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในแต่ละช่วงชั้นนั้น คณะผู้ประเมินได้ท าการวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ และการวัดประเมินผล ท าให้ได้สัดส่วนร้อยละของจ านวนข้อค าถามในแต่ละ องค์ประกอบจ าแนกตามช่วงวัย ดังนี้ องค์ประกอบ พฤติกรรมที่ยึดมั่นควำมซื่อสัตย์สุจริต ของเด็กและเยำวชนไทย ปฐม วัย ประถม 1-3 ประถม 4-6 มัธยม 1-3 มัธยม 4-6 อุดม ศึกษำ 1. แยกแยะส่วนตนและส่วนรวม 30% 25% 25% 20% 20% 20% 2. ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต 40% 40% 40% 30% 30% 30% 3. Strong : จิตพอเพียงต้านทุจริต 15% 15% 15% 25% 25% 25% 4. พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม 15% 20% 20% 20% 20% 25% 1.2 ส ำหรับหลักสูตรฝึกอบรม การวัดผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ได้รับ จากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในแต่ละกลุ่มนั้น คณะผู้ประเมินได้ท าการวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของหลักสูตร ฝึกอบรม การจัดกระบวนการฝึกอบรม และการวัดประเมินผล ท าให้ได้สัดส่วนร้อยละของจ านวนข้อค าถามใน แต่ละองค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบ กำรมีวัฒนธรรมค่ำนิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในกำรต่อต้ำน กำรทุจริตและประพฤติมิชอบของประชำชน หลักสูตร กลุ่มทหำร และต ำรวจ หลักสูตร วิทยำกร ป.ป.ช. หลักสูตร โค้ช 1. ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตร 11.9% 11.3% 11.3% 2. ค่านิยมสุจริตของประชาชน 28.6% 22.6% 22.6% 3. ทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ 30.9% 24.6% 24.6% 4. พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ 28.6% 41.5% 41.5% 2. สัดส่วนน้ ำหนักคะแนน คณะผู้ประเมินร่วมกับผู้เชี่ยวชาญได้ก าหนดสัดส่วนน้ าหนักคะแนนส าหรับการประเมินผลลัพธ์ในส่วน ที่เป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน/ผู้เข้ารับการฝึกอบรมของแต่ละหลักสูตร ได้ใช้สัดส่วนน้ าหนักระหว่าง คะแนนความรู้ (K) : พฤติกรรม (B) เท่ากับ 25 : 75 ทั้งนี้ในการวัดด้านเจตคติ/ทัศนคติของผู้เรียนและผู้เข้ารับ การฝึกอบรมได้จัดให้อยู่ในกลุ่มของพฤติกรรม (Behavior) ที่มีลักษณะแนวโน้มของความรู้สึกในการกระท า การปฏิบัติโครงสร้างของการวัดของแต่ละหลักสูตร มีดังรายละเอียดต่อไปนี้ ตำรำงที่ 3.13 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จ านวน 40 ชั่วโมง ช่วงชั้น องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) ปฐมวัย o แยกแยะส่วนตนและส่วนรวม 1 - 1 o ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต 2 - 2


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 97 ช่วงชั้น องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o Strong : จิตพอเพียงต้านทุจริต 1 - 1 o พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม 1 - 1 รวม 5 . 5 ประถมศึกษำตอนต้น o แยกแยะส่วนตนและส่วนรวม 2 1 1 o ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต 1 2 1 o Strong : จิตพอเพียงต้านทุจริต 1 1 2 o พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - 1 6 รวม 5 5 10 ประถมศึกษำตอนปลำย o แยกแยะส่วนตนและส่วนรวม 2 3 1 o ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต 3 3 1 o Strong : จิตพอเพียงต้านทุจริต 1 2 2 o พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - 1 6 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร* - 6 - รวม 6 15 10 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) มัธยมศึกษำตอนต้น o ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต 6 - - o การกระท า และการพูดความจริง ไม่ลักขโมย ไม่เอาเปรียบ ไม่ฉวยโอกาส (สัตย์จริง โปร่งใส) - - 6 o การกระท า และการพูดที่แสดงถึงการแยกแยะ ประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม - - 6 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงการปฏิบัติต่อ ผู้อื่นที่ไม่แตกต่างกัน (เสมอภาค ยุติธรรม) - - 8 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงความรับผิดชอบ ต่อตนเองและผู้อื่น การท าตามระเบียบวินัย (ความรับผิดชอบต่อหน้าที่) 8 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 6 1 28 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) มัธยมศึกษำตอนปลำย o ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต 6 - - o การกระท า และการพูดความจริง ไม่ลักขโมย ไม่เอาเปรียบ ไม่ฉวยโอกาส (สัตย์จริง โปร่งใส) - - 6 o การกระท า และการพูดที่แสดงถึงการแยกแยะ ประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม - - 6 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงการปฏิบัติ ต่อผู้อื่นที่ไม่แตกต่างกัน (เสมอภาค ยุติธรรม) - - 8 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงความรับผิดชอบ ต่อตนเองและผู้อื่น การท าตามระเบียบวินัย (ความรับผิดชอบต่อหน้าที่) 8


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 98 ช่วงชั้น องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 6 1 28 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) หมำยเหตุ * ในการวัด “ควำมพึงพอใจ” จัดอยู่ในการวัดด้านความรู้สึกซึ่งเป็นประเภทเดียวกับด้านเจตคติ (A) ทั้งนี้ ไม่ได้วัดในช่วงชั้นปฐมวัย กับประถมศึกษาตอนต้น ดังนั้น ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ไม่ได้มีการเปิดสอน ในช่วงชั้นดังกล่าวจะไม่ได้น าคะแนนมาร่วมประเมินผลสัมฤทธิ์ในส่วนของผู้เรียน ตำรำงที่ 3.14 หลักสูตรอุดมศึกษา จ านวน 45 ชั่วโมง องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต 6 - - o การกระท า และการพูดความจริง ไม่ลักขโมย ไม่เอาเปรียบ ไม่ฉวยโอกาส (สัตย์จริง โปร่งใส) - - 6 o การกระท า และการพูดที่แสดงถึงการแยกแยะประโยชน์ ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม - - 6 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงการปฏิบัติต่อผู้อื่นที่ไม่แตกต่างกัน (เสมอภาค ยุติธรรม) - - 8 o การกระท า และการพูด ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อตนเอง และผู้อื่น การท าตามระเบียบวินัย (ความรับผิดชอบต่อหน้าที่) 8 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 6 1 28 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) ตำรำงที่ 3.15 หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ จ านวน 12 ชั่วโมง องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้ผ่ำนกำรอบรม K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต 5 - - o ด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต - - 12 o ด้านทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ - 12 - o ด้านพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ - - 12 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 5 13 24 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ )


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 99 ตำรำงที่ 3.16 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช/ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ จ านวน 18 ชั่วโมง องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้ผ่ำนกำรอบรม K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต 5 - - o ด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต - - 12 o ด้านทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ - 12 - o ด้านพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ - - 12 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 5 13 24 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) ตำรำงที่ 3.17 หลักสูตรโค้ช จ านวน 15 ชั่วโมง องค์ประกอบ กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้ผ่ำนกำรอบรม K ด้ำนควำมรู้ (จ ำนวนข้อ) A ด้ำนเจตคติ (จ ำนวนข้อ) B ด้ำนพฤติกรรม ที่พึงประสงค์ (จ ำนวนข้อ) o ความรู้การโค้ชการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต 6 - - o ด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต - - 12 o ด้านทัศนคติต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ - 12 - o ด้านพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ - - 12 o ทักษะการโค้ช - - 10 o ความพึงพอใจต่อหลักสูตร - 1 - รวม 6 13 34 สะท้อนผลต่อหลักสูตร (ปลายเปิด 3 ข้อ ) กำรพัฒนำเครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้ำนทุจริตศึกษำ ประกอบด้วย การพัฒนาข้อค าถามในการส ารวจส าหรับการศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative research) และข้อค าถาม ในการสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญเชิงคุณภาพ ส าหรับการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) (รายละเอียดดูได้ที่หน้า 96-102 กลุ่มตัวอย่างเชิงคุณภาพและแนวข้อค าถามเชิงคุณภาพ) 3.3 รำยงำนกำรทดสอบหำควำมเที่ยงตรง (Validity) ควำมเชื่อมั่น (Reliability) ควำมเข้ำใจที่ตรงกัน หรือควำมเป็นปรนัย (Objectivity) ของเครื่องมือประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริต ศึกษำใปใช้ ชุดเครื่องมือแบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร ที่คณะผู้วิจัยได้สร้างขึ้น แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1) รูปแบบหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มตัวอย่าง อันได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ผู้บริหาร ครู/อาจารย์ผู้สอน และนักเรียน/นักศึกษา และ 2) รูปแบบหลักสูตรฝึกอบรม ประกอบด้วย 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร และผู้ผ่านการฝึกอบรม ดังรายละเอียดปรากฏในตารางที่ 3.12


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 100 3.3.1 กำรตรวจสอบควำมเที่ยงตรงในด้ำนเนื้อหำ (Content Validity) เป็นกระบวนการพัฒนา ความถูกต้องแม่นย าของชุดเครื่องมือประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา คณะผู้วิจัยได้น าเครื่องมือ ที่ได้สร้างขึ้นร่วมประชุมหารือกับผู้อ านวยการส านักต้านทุจริตศึกษา ส านักงาน ป.ป.ช. และคณะท างานของ ส านักต้านทุจริตศึกษา ส านักงาน ป.ป.ช. ผ่านช่องทาง Zoom พร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ และ ตรวจสอบหาคุณภาพด้วยดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ (Content Validity Index for Scale: S-CVI) จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จ านวน 10 คน โดยค านวณจากค่าดัชนีความเที่ยงตรงรายข้อ I-CVI ที่ได้จากการน า จ านวนผู้เชี่ยวชาญที่เห็นว่าข้อค าถามนั้นมีความสอดคล้อง (ให้คะแนน 3 และ 4) หารด้วยจ านวนผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมด 1 คะแนน หมายถึง ข้อค าถามไม่สอดล้องกับนิยามเชิงปฏิบัติการ 2 คะแนน หมายถึง ข้อค าถามมีความสอดคล้องกับนิยามเชิงปฏิบัติการเล็กน้อย ควรปรับปรุงอย่างมาก 3 คะแนน หมายถึง ข้อค าถามค่อนข้างสอดล้องกับนิยามเชิงปฏิบัติการ ควรปรับปรุงเล็กน้อย 4 คะแนน หมายถึง ข้อค าถามมีความสอดคล้องกับนิยามเชิงปฏิบัติการ จากนั้นน าค่า I-CVI ทุกข้อในเครื่องมือฉบับนั้นมาค านวณหาค่าเฉลี่ยเพื่อค านวนหาดัชนีความเที่ยงตรง เชิงเนื้อหาทั้งฉบับ (Content Validity Index for Scale:S-CVI) ซึ่งเกณฑ์ดัชนีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ทั้งฉบับต้องมีค่าไม่น้อยกว่า 0.9 รายละเอียดดังผลแสดงในตารางที่ 3.19 ตำรำงที่ 3.18 รายชื่อเครื่องมือประเมินหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แบบประเมิน ชุด เครื่องมือ รำยชื่อหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำ หลักสูตร กำรศึกษำ ขั้นพื้นฐำน หลักสูตร อุดมศึกษำ หลักสูตร กลุ่มทหำร และต ำรวจ หลักสูตร วิทยำกร ป.ป.ช. หลักสูตร โค้ช แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้ก ากับ ดูแลหลักสูตร) ชุด A A1 A6 A7 A8 A9 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับครู/อาจารย์ผู้สอน) ชุด B B1 B6 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ ส าหรับผู้ปกครอง ชุด C C1 C6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้าน วัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรม) ชุด D D7 D8 D9 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้าน พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (ส าหรับนักเรียน/นักศึกษา) ชุด E E1-E5 E6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้าน พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (ส าหรับผู้สอนประเมิน นร./นศ.) ชุด F F1-F5 F6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้าน พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ชุด G G1-G5 G6


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 101 แบบประเมิน ชุด เครื่องมือ รำยชื่อหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำ หลักสูตร กำรศึกษำ ขั้นพื้นฐำน หลักสูตร อุดมศึกษำ หลักสูตร กลุ่มทหำร และต ำรวจ หลักสูตร วิทยำกร ป.ป.ช. หลักสูตร โค้ช (ส าหรับเพื่อนประเมิน นร./นศ.) แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้าน พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (ส าหรับผู้ปกครองประเมิน นร./ นศ.) ชุด H H1-H5 H6 ตำรำงที่ 3.19 ผลการประเมินค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาทั้งฉบับ (Content Validity Index : S-CVI โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ รหัส แบบสอบถำม แบบสอบถำม CVI ข้อแนะน ำ 1. A1 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน) 0.90 2. A6 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา) 0.90 3. A7 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้ก ากับดูแลหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ) 0.90 4. A8 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับก ากับดูแลหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช.) 0.90 5. A9 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับก ากับดูแลหลักสูตรโค้ช) 0.90 6. B1 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) 1.00 7. B6 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา) 1.00 8. C1 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้ปกครองนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) 0.90 9. C6 แบบประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ (ส าหรับผู้ปกครองนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา) 0.90 10. D7 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ) 0.90 ปรับการอธิบายมาตรวัด ของวัฒนธรรมค่านิยม สุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการ ทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยให้ระบุให้ชัดเจนว่า 0 ถึง 10 มีความหมาย อย่างไร 11. D8 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช.) 0.90 12. D9 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรโค้ข) 0.90 13. E1 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของเด็กปฐมวัย) 0.90 14. E2 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน 0.90


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 102 รหัส แบบสอบถำม แบบสอบถำม CVI ข้อแนะน ำ (ประเมินตนเองของนักเรียน ป. 1-3) 15. E3 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ป. 4-6) 0.90 16. E4 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ม. 1-3) 0.90 ปรับการอธิบายมาตรวัด ของวัฒนธรรมค่านิยม สุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการ ทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยให้ระบุให้ชัดเจนว่า 0 ถึง 10 มีความหมาย อย่างไร 17. E5 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ม. 4-6) 0.90 18. E6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ประเมินตนเองของนักศึกษา) 0.90 19. F1 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ครูประเมินเด็กปฐมวัย) 1.00 20. F2 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ครูประเมินนักเรียน ป. 1-3) 1.00 21. F3 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ครูประเมินนักเรียน ป. 4-6) 1.00 22. F4 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ครูประเมินนักเรียน ม. 1-3) 1.00 23. F5 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ครูประเมินนักเรียน ม. 4-6) 1.00 24. F6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (อาจารย์ประเมินนักศึกษา) 1.00 25. G1 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เพื่อนประเมินเด็กปฐมวัย) 1.00 26. G2 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เพื่อนประเมินนักเรียน ป. 1-3) 1.00 27. G3 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เพื่อนประเมินนักเรียน ป. 4-6) 1.00 28. G4 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เพื่อนประเมินนักเรียน ม. 1-3) 1.00 29. G5 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (เพื่อนประเมินนักเรียน ม. 4-6) 1.00 30. G6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (เพื่อนประเมินนักศึกษา) 1.00 31. H1 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ผู้ปกครองประเมินเด็กปฐมวัย) 1.00


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 103 รหัส แบบสอบถำม แบบสอบถำม CVI ข้อแนะน ำ 32. H2 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ผู้ปกครองประเมินนักเรียน ป. 1-3) 1.00 33. H3 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ผู้ปกครองประเมินนักเรียน ป. 4-6) 1.00 34. H4 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ผู้ปกครองประเมินนักเรียน ม. 1-3) 1.00 35. H5 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ผู้ปกครองประเมินนักเรียน ม. 4-6) 1.00 36. H6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ผู้ปกครองประเมินนักศึกษา) 1.00 3.3.2 ผลกำรทดสอบควำมเชื่อมั่นแบบควำมสอดคล้องภำยใน (Internal Consistency) ของเครื่องมือ ในการทดสอบหาความเชื่อมั่นแบบความสอดคล้องภายใน (Internal Consistency) เป็นการตรวจสอบ คุณภาพเครื่องมือในด้านความคงเส้นคงวาของผลการวัดหรือเป็นการตรวจสอบความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น จากการวัดผล เนื่องจากในชุดเครื่องมือมีส่วนที่มุ่งวัดพฤติกรรมโดยวิธีการประเมินตนเอง (self-assessment) จ านวน 9 ฉบับ เพื่อรับประกันว่าผู้ตอบสามารถตอบได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่มีความล าเอียงในการตอบ รวมทั้ง ความเข้าใจเนื้อหาสิ่งที่มุ่งวัดประเมินที่จะส่งผลให้เครื่องมือมีความน่าเชื่อถือ จึงต้องทดสอบคุณภาพในด้านนี้ โดยใช้เกณฑ์ความเชื่อมั่นที่ยอมรับได้อยู่ที่ 0.7 ด้วยหลักเกณฑ์ดังกล่าวคณะผู้วิจัยได้น าไปทดสอบกับนักเรียนและนักศึกษา จ านวนช่วงชั้นละ 30 คน บุคลากรต ารวจ และบุคลากรภาครัฐในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กลุ่มละจ านวน 30 คน ช่วงระหว่างวันที่ 1-10 มิถุนายน 2565 ซึ่งหาความเชื่อมั่นโดยใช้สัมประสิทธิ์ของ Cronbach’s Alpha ได้ผลดังตารางที่ 3.20 ตำรำงที่ 3.20 ผลการทดสอบความเที่ยงแบบความสอดคล้องภายใน (Internal Consistency) รหัส แบบสอบถำม แบบสอบถำม Cronbach's Alpha D7 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรกลุ่มทหารต ารวจ) 0.825 D8 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช.) 0.910 D9 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรด้านวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมที่ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรโค้ข) 0.856 E1 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของเด็กปฐมวัย) 0.864 E2 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 0.812


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 104 รหัส แบบสอบถำม แบบสอบถำม Cronbach's Alpha หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ป. 1-3) E3 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ป. 4-6) 0.878 E4 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ม. 1-3) 0.729 E5 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ประเมินตนเองของนักเรียน ม. 4-6) 0.778 E6 แบบประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ประเมินตนเองของนักศึกษา) 0.836 3.4 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ ประกอบด้วยเครื่องมือเชิงปริมาณ และเครื่องมือเชิง คุณภาพ โดยที่เครื่องมือเชิงปริมาณดังที่ปรากฏในตารางที่ 3.11 หน้า 84 (รายละเอียดชุดแบบประเมินดูได้ที่ ภาคผนวก) ส่วนเครื่องมือในการประเมินเชิงคุณภาพ จะประกอบด้วยแนวค าถามดังที่ปรากฏในหน้าที่ 101- 104 ส่วนการเก็บรวบรวมข้อมูลคณะผู้วิจัยได้มีการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีชื่อเรียกว่า TYIntegrity โดยระบบ TYIntegrity ดังกล่าวเป็นระบบที่คณะผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการประเมินผลพฤติกรรมเด็กและ เยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตและการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ในปี 2563 และการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ในปี 2564 และได้มีการปรับปรุง ให้สอดรับกับการออกแบบตัวอย่างและเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ ตามกรอบแนวคิดและโครงสร้างเครื่องมือ กำรใช้ระบบ TYIntegrity การด าเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ โดยใช้เครื่องมือ ที่ได้รับการออกแบบตามกรอบแนวคิดและโครงสร้างเครื่องมือ และเก็บข้อมูลเข้าระบบโปรแกรมในรูปแบบ Online ที่เรียกว่าระบบ Thai Youth Integrity Assessment ที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างตามขอบเขตการ ด าเนินงาน (Terms of Reference: TOR) ข้อ 5.2.1 โดยวิธีด าเนินการเก็บข้อมูลที่ผ่านระบบ Thai Youth Integrity Assessment มีขั้นตอนดังนี้ 1. หลักสูตรการจัดการเรียนการสอน ขั้นตอนแรก เมื่อระบบ generate User และ Password ให้สถานศึกษาตามที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง เพื่อใช้เป็น User และ Password ส าหรับเข้าสู่ระบบแล้ว ด าเนินการจัดส่ง user และ Password ให้กับ ผู้ประสานงานสถานศึกษาผ่างช่องทาง Email และไลน์กลุ่มที่แยกตามประเภทหลักสูตรและสังกัด หลังจากผู้ประสานงานสถานศึกษาหรือหน่วยงานได้รับ User และ Password ก็จะเข้าใช้งานระบบ โดยการ login เข้าสู่ระบบ Thai Youth Integrity Assessment (ดังภาพที่ 3.13) เพื่อกรอกข้อมูลพื้นฐานของ สถานศึกษา


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 105 แผนภำพที่ 3.13 การ login เข้าสู่ระบบ Thai Youth Integrity Assessment ส าหรับผู้ประสานงานสถานศึกษา ขั้นตอนที่สอง ส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) เมื่อผู้ ประสานงานสถานศึกษากรอกข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาเรียบร้อยแล้ว จะท าการเลือกช่วงชั้นที่จะมีการ ประเมิน เพิ่มจ านวนห้องของแต่ละชั้นในช่วงชั้นที่เลือก และกดปุ่ม “สุ่มห้องที่จะถูกประเมิน” ระบบจะท าการ สุ่มห้องที่จะประเมิน หลังจากนั้นด าเนินการขั้นตอนต่อไป (ดังแสดงในภาพที่ 3.14) ในกรณีของหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ผู้ประสานงาน สถานศึกษา จะท าการกรอกชื่อคณะที่จะประเมินแล้วกดสุ่มเลือกคณะที่จะถูกประเมิน หลังจากนั้นท าการเพิ่ม ชื่อหลักสูตรที่เปิดสอนภายใต้คณะที่ถูกเลือกแล้วท าการกดสุ่มเลือกหลักสูตรที่จะถูกประเมิน หลังจากนั้น ด าเนินการขั้นตอนต่อไป


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 106 แผนภำพที่ 3.14 การสุ่มห้องที่จะประเมินผ่านระบบ Thai Youth Integrity Assessment (ส าหรับหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน) แผนภำพที่ 3.15 การสุ่มห้องที่จะประเมินผ่านระบบ Thai Youth Integrity Assessment (ส าหรับหลักสูตร อุดมศึกษา) ขั้นตอนที่สำม เมื่อระบบสุ่มห้องที่ถูกประเมินให้แล้ว ผู้ประสานงานสถานศึกษาด าเนินการกดที่เมนู “จัดการข้อมูลแบบประเมิน” และกดปุ่ม “นักเรียน/นักศึกษา” หรือกดปุ่ม “ผู้บริหาร และครู/อาจารย์ผู้สอน” ท าการคัดลอก link หรือ QR-Code เพื่อจัดส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตอบแบบประเมิน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 107 แผนภำพที่ 3.16 การคัดลอก link หรือ QR-Code เพื่อจัดส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตอบแบบประเมิน (ส าหรับ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน) แผนภำพที่ 3.17 การคัดลอก link หรือ QR-Code เพื่อจัดส่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตอบแบบประเมิน (ส าหรับ หลักสูตรอุดมศึกษา)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 108 2. หลักสูตรการฝึกอบรม ด าเนินการโดย ขั้นตอนแรก เมื่อระบบ generate User และ Password ให้หน่วยงานต่าง ๆ ตามที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง เพื่อใช้เป็น User และ Password ส าหรับเข้าสู่ระบบแล้ว ด าเนินการจัดส่ง User และ Password ให้กับ ผู้ก ากับดูแลหลักสูตรของหน่วยงานที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ผ่านช่องทาง Email แผนภำพที่ 3.18 การ login เข้าสู่ระบบ Thai Youth Integrity Assessment ส าหรับผู้ก ากับดูแลหลักสูตร ขั้นตอนที่สอง จัดส่ง link แบบประเมินส าหรับผู้ผ่านการฝึกอบรมตามบัญชีรายชื่อของหน่วยงาน ตามแต่ละหลักสูตรที่ส านักงาน ป.ป.ช. จัดส่งมาให้ โดยส่งผ่านช่องทาง Email หรือ SMS หรือ โทรศัพท์ เพื่อตอบแบบประเมินฯ 3. การก ากับติดตาม คณะผู้วิจัยได้ก าหนดช่องทางการติดต่อสื่อสารส าหรับให้ค าปรึกษา การก ากับ กับติดตาม ผ่านช่องทาง 1) เว็บไซต์ http://tyintegrity.org 2) E-mail: [email protected] 3) Line กลุ่มเพื่อประสานงานในแต่ละหลักสูตร และสังกัดของหน่วยงาน ตลอดระยะเวลา ด าเนินโครงการ 4) ช่องทางการให้ค าปรึกษาคลินิกออนไลน์ “TYintegrity ให้ค าปรึกษาออนไลน์” การพูดคุย ออนไลน์ด้วยระบบ Zoom Could Meeting ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน-20 กรกฎาคม 2565 5) ด้านการให้ค าปรึกษา การประชุมชี้แจง และการประชุมสรุปผลการด าเนินงาน (1) ให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ วิธีได้มาซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการประเมิน การใช้งานระบบออนไลน์ในการเก็บข้อมูล


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 109 พร้อมมีช่องทางส าหรับการติดต่อสอบถามข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน (Help Desk) และก าหนด ผู้รับผิดชอบในการตอบค าถาม/ให้ค าปรึกษาที่ชัดเจน (2) จัดประชุมชี้แจงรูปแบบประชุมทางไกล (VDO Conference) เพื่อชี้แจงแนวทาง การประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้ผู้บริหาร และผู้ประสานงานของสถานศึกษาของหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ได้รับทราบ โดยก าหนดจัดในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2644 (3) จัดประชุมสรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ต่อส านักงาน ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลุ่มเป้าหมายไม่น้อยกว่า 50 คน ณ ส านักงาน ป.ป.ช. หรือสถานที่เอกชน ในเขตกรุงเทพมหานครหรือปริมณฑล หมำยเหตุ: กรณีการด าเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ปรับ รูปแบบการชี้แจงแบบ Social Distancing หรือรูปแบบประชุมทางไกล (VDO Conference) / รูปแบบประชุม online 4. การประมวลผล ระบบจะท าการประมวล โดยผ่านระบบ TYintegrity 3.5 กำรประมวลผล วิเครำะห์ข้อมูล สังเครำะห์ข้อมูล และจัดท ำรำยงำนผลประเมินผลสัมฤทธิ์กำรน ำ หลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ 3.5.1 กำรประมวล จะท าการประมวลผลโดยผ่านระบบ TYintegrity และกำรวิเครำะห์ข้อมูลใช้การ วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงบรรยาย ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย แต่ก่อนที่จะวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว คณะผู้วิจัยได้ มีการน าคะแนนจากแต่ละกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มครู/อาจารย์ผู้สอน/ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร กลุ่มผู้เรียน/ผู้ผ่านการฝึกอบรม กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มเพื่อนของนักเรียน/นักศึกษา การก าหนดน้ าหนัก คะแนน (ดูการก าหนดน้ าหนักคะแนนอย่างละเอียดในหัวข้อ 3.2 เกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ การให้คะแนน การแปลความหมาย การแปลผล ทั้งรูปแบบเชิงปริมาณและเชิง คุณภาพ และการอ่านค่าผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ในรูปแบบแผนภาพ หรือรูปแบบ กราฟต่าง ๆ ในหน้าที่ 79) เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ข้อมูลที่ได้จากการ ประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จะน าไปใช้เป็นปัจจัยน าเข้า ส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์ เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ ด้านการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร และการเรียนการสอน เพื่อรับฟัง ข้อเสนอแนะทิศทางการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ านวนไม่น้อยกว่า 9 คน จ าแนกเป็น หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ านวน 5 คน หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) จ านวน 2 คน และหลักสูตรฝึกอบรม จ านวน 2 คน รวมทั้งการ สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลส าคัญในแต่ละหลักสูตรทั้ง 5 หลักสูตร (ผู้ให้ข้อมูลส าคัญประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู/ อาจารย์ผู้สอน/ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร และนักเรียน/นักศึกษา/ผู้ผ่านการฝึกอบรม) และผู้ให้ข้อมูลอื่นในแต่ละ หลักสูตรทั้ง 5 หลักสูตร จ านวน 9 คน ก่อนที่จะน าข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล และจัดการ รายงานผล


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 110 3.5.2 รูปแบบรำยงำนกำรประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำ (Report) การจัดท ารายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Report) โดยอย่างน้อยต้อง ประกอบด้วยเนื้อหา ดังนี้ 1) รายงานรายหลักสูตรของแต่ละหลักสูตร 2) รายงานรายหน่วย และรายประเภทของสถานศึกษาในแต่ละหลักสูตร 3) รายงานรายเขตพื้นที่การศึกษาส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4) รายงานจ าแนกตามแนวทางการน าหลักสูตรไปใช้ 5) รายงานรายหน่วย และรายประเภทของหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 6) รายงานในภาพรวมระดับภาค (9 ภาค แบ่งตามส านักงาน ป.ป.ช.ภาค) กรุงเทพมหานคร และ ระดับประเทศ โดยรูปแบบการน าเสนอข้อมูลสรุปผลการศึกษาน าเสนอในรูปแบบของตาราง ภาพประกอบ และการ ค านวณหาค่าทางสถิติในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งอธิบายความจากค่าสถิติที่ปรากฏ รวมทั้งจัดท าบทสรุป ผู้บริหาร ในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และจัดท าอินโฟกราฟิก (Infographic) ข้อมูลประเมิน ผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 3.6 เกณฑ์กำรประเมินผลสัมฤทธิ์ในกำรน ำหลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ กำรให้คะแนน กำรแปล ควำมหมำย กำรแปลผล ทั้งรูปแบบเชิงปริมำณและเชิงคุณภำพ และกำรอ่ำนค่ำผลสัมฤทธิ์กำรน ำ หลักสูตรต้ำนทุจริตศึกษำไปใช้ ในรูปแบบแผนภำพ หรือรูปแบบกรำฟต่ำง ๆ ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ของแต่ละสถานศึกษาและ หน่วยงานนั้น จะพิจารณาคะแนนจาก 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการน าหลักสูตรต้านทุจริตไปใช้ซึ่งสะท้อนถึง กระบวนการ (Process) ของการใช้หลักสูตรของผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้รับผิดชอบหลักสูตร และด้าน ผลสัมฤทธิ์ของการใช้หลักสูตรซึ่งสะท้อนถึงผลลัพธ์ (Outcome) ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้เรียนและผู้เข้ารับการ ฝึกอบรม และความพึงพอใจต่อหลักสูตรของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การก าหนดเกณฑ์ในการพิจารณาว่าสถานศึกษา/หน่วยงานมีผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อยู่ในระดับใด พิจารณาจากคะแนนรวมการประเมินที่ได้จากการประเมินแต่ละแหล่ง โดยมีคะแนนรวม 100 คะแนน แล้วน าไปเทียบกับเกณฑ์การประเมินและแปลความหมายของคะแนน เกณฑ์การตัดสินผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา มีลักษณะแบบอิงเกณฑ์แบบสัมบูรณ์ (Absolute Criterion Reference) โดยก าหนดจุดตัด (cut off score) ด้วยคะแนนร้อยละ (%) ทั้งนี้ได้ก าหนดให้คะแนนที่ต่ ากว่า 50 คะแนน ถือ ว่าสถานศึกษา/หน่วยงานนั้นมีผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุง ดังนี้ คะแนนประเมิน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ คุณภำพ กำรแปลควำมหมำย 80.00 - 100.00 A ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับดีมาก 60.00 - 79.99 B ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับดี 50.00 - 59.99 C ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับพอใช้ 0.00 - 49.99 D ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับปรับปรุง


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 111 กำรให้คะแนน กำรแปลควำมหมำย กำรแปลผล การให้คะแนนเพื่อประเมินตัดสินผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตไปใช้ คณะผู้วิจัยได้สร้าง องค์ประกอบของคะแนนขึ้นเป็น 3 องค์ประกอบ เพื่อให้สามารถอธิบายคุณลักษณะและแปลความหมายของ ตัวแปรแต่ละองค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) เป็นการประเมินศักยภาพของผู้บริหาร/ผู้ก ากับหลักสูตรและ ความพร้อมของระบบสนับสนุนในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประเมินโดยผู้บริหาร/ผู้ก ากับหลักสูตร องค์ประกอบที่ 2 กระบวนกำร (Process) เป็นการประเมินกระบวนการน าหลักสูตรไปใช้ใน การเรียนการสอน/การฝึกอบรม ประเมินโดยครู/อาจารย์/ผู้ก ากับหลักสูตร องค์ประกอบที่ 3 ผลลัพธ์ (Outcome) เป็นการประเมินผลลัพธ์ใน 2 ส่วน ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ที่ เกิดขึ้นกับผู้เรียน/ผู้เข้ารับการฝึกอบรม และความพึงพอใจต่อหลักสูตรของผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้ 3.1 ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน/ผู้เข้ำรับกำรฝึกอบรม จ าแนกตามองค์ประกอบย่อยที่ มุ่งวัดของแต่ละหลักสูตร โดยได้มีการถ่วงน้ าหนักตามกลุ่มผู้ประเมินในหลักสูตรการเรียนการสอน 3.2 ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ประเมินโดยผู้เรียน/ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ผู้บริหาร/ครู/ อาจารย์/ผู้ก ากับหลักสูตร/ผู้ปกครอง ในการพิจารณาเกณฑ์การให้คะแนน การแปลความหมายและการแปลผลของหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา จ านวน 5 หลักสูตร โดยการก าหนดน้ าหนักคะแนนจะคิดคะแนนรวมผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาแยกตามประเภทของหลักสูตร ที่ได้มาจากการวิเคราะห์จุดมุ่งหมายของหลักสูตร และความคิดเห็นของ ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ จ าแนกตามบทบาทหน้าที่ ระดับความเกี่ยวข้อง และผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังรายละเอียดสมการคะแนนจ าแนก ตามหลักสูตร ต่อไปนี้ 1. หลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน Y1 = 0.10*[Y11] + 0.25*[Y12] + 0.50*[Y13] + 0.15*[Y14] หรือ Y1 = 0.10*(Y11) + 0.25*(Y12) + 0.50*(Y13) + 0.03*(Y141) + 0.045*(Y142) + 0.045*(Y143) + 0.03*(Y144) โดยที่ Y1 = คะแนนถ่วงน้ าหนักผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา Y11 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านปัจจัยน าเข้าประเมินโดยผู้บริหาร (คะแนน 10%) Y12 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านกระบวนการประเมินโดยครู (คะแนน 25%) Y13 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านผลสัมฤทธิ์นักเรียน* (คะแนน 50%) Y131 (ปฐมวัย) = 0.1X1 + 0.4X2 + 0.1X3 + 0.4X4 Y132 (ป.1-3) = 0.2X1 + 0.4X2 + 0.1X3 + 0.3X4 Y132 (ป.4-6) = 0.2X1 + 0.4X2 + 0.1X3 + 0.3X4 Y132 (ม.1-3) = 0.3X1 + 0.3X2 + 0.2X3 + 0.2X4 Y132 (ม.4-6) = 0.4X1 + 0.2X2 + 0.2X3 + 0.2X4 เมื่อ X1 คือ นักเรียนประเมินตนเอง X2 คือ ครูประเมิน X3 คือ เพื่อนนักเรียนประเมิน X4 คือ ผู้ปกครองประเมิน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 112 Y14 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านความพึงพอใจต่อหลักสูตร (คะแนน 15%) Y141 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้บริหาร (น้ าหนัก 20%) Y142 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยครู (น้ าหนัก 30%) Y143 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยนักเรียน (น้ าหนัก 30%) Y144 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ปกครอง (น้ าหนัก 20%) สรุปคะแนนรวมในแต่ละองค์ประกอบได้ดังนี้ องค์ประกอบ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลสัมฤทธิ์ ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ผู้ประเมิน ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้บริหาร ครูผู้สอน นักเรียน ผู้ปกครอง คะแนน ถ่วงน้ ำหนัก 10% 25% 50%* 15% 20% 30% 30% 20% คะแนนเต็ม (100) 10 25 50 3 4.5 4.5 3 หมำยเหตุ ในกรณีที่สถานศึกษาขั้นพื้นฐานใดไม่ได้มีการเปิดสอนในช่วงชั้นปฐมวัยและประถมศึกษาตอนต้น จะไม่ได้น าคะแนนประเมิน ความพึงพอใจต่อหลักสูตรของผู้เรียนมาร่วมคิดคะแนนถ่วงน้ าหนักร่วมด้วยในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร เนื่องจากไม่ได้มี การวัดความพึงพอใจของนักเรียนในช่วงชั้นดังกล่าว * กำรถ่วงน้ ำหนักคะแนนผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร ในแต่ละระดับมีแนวคิดดังนี้ ระดับปฐมวัย การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดดังนี้ ครูผู้สอนและผู้ปกครองมีบทบาทส าคัญในการกล่อมเกลาและ ปลูกฝังเด็กระดับปฐมวัยมากที่สุด จึงก าหนดให้น้ าหนักการประเมินครูผู้สอน ร้อยละ 40 ผู้ปกครองร้อยละ 40 การประเมินตนเอง ร้อยละ 10 และเพื่อนร้อยละ 10 ประถมศึกษำตอนต้น การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดดังนี้ ครูผู้สอนมีบทบาทส าคัญในการกล่อมเกลา ปลูกฝังและ รู้จักเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้นมากที่สุด ร้อยละ 40 รองลงมาผู้ปกครอง ร้อยละ 30 การประเมินตนเอง ร้อยละ 20 และ เพื่อนร้อยละ 10 ประถมศึกษำตอนปลำย การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดเช่นเดียวกับระดับประถมศึกษาตอนต้น ดังนี้ ครูผู้สอนมี บทบาทส าคัญในการกล่อมเกลา ปลูกฝังและรู้จักเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายมากที่สุด ร้อยละ 40 รองลงมาผู้ปกครอง ร้อยละ 30 การประเมินตนเอง ร้อยละ 20 และเพื่อนร้อยละ 10 มัธยมศึกษำตอนต้น การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดดังนี้ ในแต่ละแหล่งประเมินเริ่มมีน้ าหนักคะแนนใกล้เคียงกัน โดยที่การประเมินตนเองเพิ่มขึ้นจากระดับประถมศึกษาเป็นร้อยละ 30 เพราะนักเรียนเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้นและให้ความส าคัญกับ ตนเองมากขึ้น ครูผู้สอนมีบทบาทต่อนักเรียนลดลงจากระดับประถมศึกษาเป็นร้อยละ 30 เพื่อนมีบทบาทต่อเด็กนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 20 และผู้ปกครองลดลงจากระดับประถมศึกษาเป็นร้อยละ 20 มัธยมศึกษำตอนปลำย การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดดังนี้ การประเมินตนเองมีน้ าหนักมากที่สุดเพิ่มขึ้นจากระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น เป็นร้อยละ 40 เพราะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นช่วงวัยรุ่นตอนกลางที่มีความคิดเป็นของตนเองและยึด ตนเองเป็นส าคัญมากขึ้น ครูผู้สอนมีบทบาทต่อนักเรียนลดลงจากระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นร้อยละ20 เพื่อนและผู้ปกครองมีบทบาท ต่อเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 20 เท่ากับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 2. หลักสูตรอุดมศึกษำ Y2 = 0.10*[Y21] + 0.25*[Y22] + 0.50*[Y23] + 0.15*[Y24] หรือ Y2 = 0.10*(Y21) + 0.25*(Y22) + 0.50*(Y23) + 0.03*(Y241) + 0.045*(Y242) + 0.045*(Y243) + 0.03*(Y244) โดยที่ Y2 = คะแนนผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา Y21 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านปัจจัยน าเข้าประเมินโดยผู้บริหาร (คะแนน 10%) Y22 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านกระบวนการประเมินโดยอาจารย์ (คะแนน 25%)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 113 Y23 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านผลสัมฤทธิ์นักศึกษา* (คะแนน 50%) Y23 = 0.5X1 + 0.1X2 + 0.3X3 + 0.1X4 เมื่อ X1 คือ นักศึกษาประเมินตนเอง X2 คือ อาจารย์ประเมิน X3 คือ เพื่อนนักศึกษาประเมิน X4 คือ ผู้ปกครองประเมิน Y24 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านความพึงพอใจต่อหลักสูตร (คะแนน 15%) Y241 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้บริหาร (น้ าหนัก 20%) Y242 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยอาจารย์ (น้ าหนัก 30%) Y243 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยนักศึกษา (น้ าหนัก 30%) Y244 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ปกครอง (น้ าหนัก 20%) สรุปคะแนนรวมในแต่ละองค์ประกอบได้ดังนี้ องค์ประกอบ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลสัมฤทธิ์ ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ผู้ประเมิน ผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษา ผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษา ผู้ปกครอง คะแนน ถ่วงน้ ำหนัก 10% 25% 50%* 15% 20% 30% 30% 20% คะแนนเต็ม (100) 10 25 50 3 4.5 4.5 3 หมำยเหตุ* การก าหนดน้ าหนักความส าคัญ มีแนวคิดดังนี้ การประเมินตนเองมีน้ าหนักมากที่สุดเพิ่มขึ้นจากระดับมัธยมศึกษาปลาย เป็นร้อยละ 50 เพราะนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1-2 เป็นช่วงวัยรุ่นตอนกลางที่มีความคิดเป็นของตนเองและยึดตนเองเป็น ส าคัญมากขึ้น รองลงมาเป็นเพื่อนที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อเยาวชนเพิ่มขึ้นจากระดับมัธยมศึกษาเป็นร้อยละ 30 อาจารย์ผู้สอนมี บทบาทต่อนักศึกษาลดลงจากระดับมัธยมศึกษาเป็นร้อยละ 10 และผู้ปกครองมีบทบาทต่อนักศึกษาลดลงจากระดับมัธยมศึกษาเป็น ร้อยละ 10 3. หลักสูตรฝึกอบรมกลุ่มทหำรและต ำรวจ Y3 = 0.10*[Y31] + 0.25*[Y32] + 0.50*[Y33] + 0.15*[Y34] หรือ Y3 = 0.10*(Y31) + 0.25*(Y32) + 0.50*(Y33) + 0.03*(Y341) + 0.12*(Y342) โดยที่ Y3 = คะแนนผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา Y31 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านปัจจัยน าเข้าประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 10%) Y32 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านกระบวนการประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 25%) Y33 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านผลสัมฤทธิ์ผู้ผ่านการฝึกอบรม (คะแนน 50%) Y34 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านความพึงพอใจต่อหลักสูตร (คะแนน 15%) Y341 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ก ากับหลักสูตร (น้ าหนัก 20%) Y342 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ผ่านการฝึกอบรม (น้ าหนัก 80%)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 114 สรุปคะแนนรวมในแต่ละองค์ประกอบได้ดังนี้ องค์ประกอบ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลสัมฤทธิ์ ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ผู้ประเมิน ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ผ่านการฝึกอบรม ผู้ก ากับ หลักสูตร ผู้ผ่านการ ฝึกอบรม คะแนน ถ่วงน้ ำหนัก 10% 25% 50%* 15% 20% 80% คะแนนเต็ม (100) 10 25 50 3 12 4. หลักสูตรฝึกอบรมวิทยำกร ป.ป.ช./บุคลำกรภำครัฐและรัฐวิสำหกิจ Y4 = 0.10*[Y41] + 0.25*[Y42] + 0.50*[Y43] + 0.15*[Y44] หรือ Y4 = 0.10*(Y41) + 0.25*(Y42) + 0.50*(Y43) + 0.03*(Y441) + 0.12*(Y442) โดยที่ Y4 = คะแนนผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา Y41 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านปัจจัยน าเข้าประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 10%) Y42 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านกระบวนการประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 25%) Y43 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านผลสัมฤทธิ์ผู้ผ่านการฝึกอบรม (คะแนน 50%) Y44 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านความพึงพอใจต่อหลักสูตร (คะแนน 15%) Y441 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ก ากับหลักสูตร (น้ าหนัก 20%) Y442 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ผ่านการฝึกอบรม (น้ าหนัก 80%) สรุปคะแนนรวมในแต่ละองค์ประกอบได้ดังนี้ องค์ประกอบ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลสัมฤทธิ์ ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ผู้ประเมิน ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ผ่านการฝึกอบรม ผู้ก ากับ หลักสูตร ผู้ผ่านการ ฝึกอบรม คะแนน ถ่วงน้ ำหนัก 10% 25% 50%* 15% 20% 80% คะแนนเต็ม (100) 10 25 50 3 12 5. หลักสูตรฝึกอบรมโค้ช Y5 = 0.10*[Y51] + 0.25*[Y52] + 0.50*[Y53] + 0.15*[Y54] หรือ Y5 = 0.10*(Y51) + 0.25*(Y52) + 0.50*(Y53) + 0.03*(Y541) + 0.12*(Y542) โดยที่ Y5 = คะแนนผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา Y51 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านปัจจัยน าเข้าประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 10%) Y52 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านกระบวนการประเมินโดยผู้ก ากับหลักสูตร (คะแนน 25%) Y53 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านผลสัมฤทธิ์ผู้ผ่านการฝึกอบรม (คะแนน 50%) Y54 = คะแนนถ่วงน้ าหนักด้านความพึงพอใจต่อหลักสูตร (คะแนน 15%) Y541 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ก ากับหลักสูตร (น้ าหนัก 20%) Y542 = คะแนนประเมินความพึงพอใจโดยผู้ผ่านการฝึกอบรม (น้ าหนัก 80%)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 115 สรุปคะแนนรวมในแต่ละองค์ประกอบได้ดังนี้ องค์ประกอบ ปัจจัยน ำเข้ำ (Input) กระบวนกำร (Process) ผลลัพธ์ (Outcome) ผลสัมฤทธิ์ ควำมพึงพอใจต่อหลักสูตร ผู้ประเมิน ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ก ากับหลักสูตร ผู้ผ่านการฝึกอบรม ผู้ก ากับ หลักสูตร ผู้ผ่านการ ฝึกอบรม คะแนน ถ่วงน้ ำหนัก 10% 25% 50%* 15% 20% 80% คะแนนเต็ม (100) 10 25 50 3 12


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 116 บทที่ 4 ผลการศึกษา ผลการศึกษาที่จะน าเสนอในบทนี้ประกอบด้วยประเด็นต่าง ๆ อันได้แก่ ผลการประเมินบริบท ผลการ ประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในส่วนที่เป็นปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ ในภาพรวมของทั้งประเทศ จากนั้นจะน าเสนอโดยการจ าแนกเป็นรายหลักสูตร ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นว่า สถานศึกษามีศักยภาพและความพร้อมในการน าหลักสูตรไปใช้อย่างไร การน า หลักสูตรไปใช้รวมถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น รายละเอียดมีดังต่อไปนี้ 4.1 ผลการประเมินบริบท (Context Evaluation) การประเมินบริบทของการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจ าปี พ.ศ. 2565 เป็นการน าเสนอสารสนเทศจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา ประกอบด้วย (1) นโยบายการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (2) สภาวการณ์ปัญหาด้านการ ทุจริตคอร์รัปชัน (3) ความส าคัญและจ าเป็นของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (4) ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาของปีที่ผ่านมา และ (5) เครือข่ายความร่วมมือในการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 4.1.1 นโยบายและการขับเคลื่อนตัวชี้วัดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) ยุทธศาสตร์ ที่ 1 “สร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต” มุ่งเน้นให้ความส าคัญในกระบวนการปรับสภาพสังคมให้เกิดภาวะที่ “ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้าง วัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ด าเนินการผ่านสถาบัน หรือกลุ่ม ตัวแทนที่ท าหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม และได้ก าหนดกลยุทธ์ 4 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 ปรับฐาน ความคิดทุกช่วงวัยตั้งแต่ปฐมวัย ให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม กลยุทธ์ ที่ 2 ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต กลยุทธ์ที่ 3 ประยุกต์หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริต และกลยุทธ์ที่ 4 เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต โดยกลยุทธ์ที่ 1 กลยุทธ์ที่ 2 และกลยุทธ์ที่ 3น าสู่การจัดท า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมและสื่อการเรียนรู้ส าหรับ ทุกช่วงวัย คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (AntiCorruption Education) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ประกอบด้วย 5 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3. หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและ ต ารวจ) 4. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ 5. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 117 ประสานงานกับส านักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส านักงานต ารวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับส านักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาน าหลักสูตรไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่ ในการน าหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา ที่ผ่านมาส านักงาน ป.ป.ช. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานอื่นที่มีสถานศึกษาใน สังกัด โดยได้น าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ที่ผ่านมา (พฤษภาคม 2562) และสถาบันอุดมศึกษาได้น าหลักสูตรอุดมศึกษาไปปรับใช้ในการเรียน การสอนตามความพร้อมของแต่ละสถาบัน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้น าหลักสูตรไปพิจารณาปรับใช้กับ กลุ่มเป้าหมายในการฝึกอบรมตามความพร้อมและความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงาน ทั้งหลักสูตรกลุ่มทหาร และต ารวจ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ และหลักสูตรโค้ช โดยมีรายวิชาที่มุ่งสร้าง ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความหมาย และขอบเขตของการกระท าทุจริตในลักษณะต่าง ๆ ทั้งทางตรง และทางอ้อม ความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต ความส าคัญของการต่อต้านการทุจริต 4 ชุดวิชา ได้แก่ 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อ การทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) ได้มุ่งเน้นการพัฒนาคนและการพัฒนาระบบ ในส่วนการพัฒนาคน เน้นการปรับพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคม โดยกลุ่มเด็กและเยาวชน เน้นการปลูกฝังและหล่อหลอมให้มีจิตส านึกและพฤติกรรม ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตผ่านหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติตั้งแต่ปฐมวัยจนถึง อุดมศึกษา กลุ่มประชาชนทั่วไป เน้นการสร้างวัฒนธรรมและพฤติกรรมสุจริต ควบคู่กับส่งเสริมการมีส่วนร่วม ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่งเสริมการสร้างธรรมาภิบาลในการ บริหารงาน รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกจากหน้าที่การงาน พร้อมกับสร้างจิตส านึกและค่านิยมของบุคลากร ในการต่อต้านการทุจริต สนับสนุนการมีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสการทุจริต การขับเคลื่อนตัวชี้วัดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่น ความซื่อสัตย์สุจริต และตัวชี้วัดที่ 1.2 ร้อยละของประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรม ในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีผลการติดตามและประเมินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563-2564 ดังนี้ ตัวชี้วัดที่ 1.1 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับมอบหมายจากส านักงาน ป.ป.ช. ในการ ประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต โดยรูปแบบการประเมินพฤติกรรมเด็ก และเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตในครั้งนั้น มีลักษณะเป็นการประเมิน 360 องศา โดยที่เด็กและ เยาวชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เด็กและเยาวชนไทยใน 7 ช่วงวัย คือ 1) ปฐมวัย 2) ประถมศึกษาตอนต้น 3) ประถมศึกษาตอนปลาย 4) มัธยมศึกษาตอนต้น 5) มัธยมศึกษาตอนปลาย 6) อุดมศึกษาปีที่ 1-2 และ 7) อุดมศึกษาปีที่ 3-4 ที่อยู่ในสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จ านวน 4,316 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ านวน 177 แห่ง และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม จ านวน 50 แห่ง รวมทั้งสิ้นจ านวน 4,542 แห่ง กระจายอยู่ใน 77 จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร โดยผู้ที่จะต้องประเมินเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย 4 กลุ่ม คือ 1) เด็กและเยาวชนต้องประเมินตนเอง 2) ครู/ อาจารย์ผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา 3) เพื่อนของเด็กและเยาวชน และ 4) ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 118 รวมทั้ง 4 กลุ่ม มีจ านวนทั้งสิ้น 140,625 คน นอกจากนี้ยังมีการจัดท าฐานสถานการณ์จ าลอง เพื่อสังเกต พฤติกรรมเด็กและเยาวชนในแต่ละสถานศึกษาอีกจ านวน 4,542 ฐาน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินเด็กและ เยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตมี 2 ลักษณะ คือ 1) แบบประเมินเชิงปริมาณ ที่มุ่งเน้นประเมิน พฤติกรรมเชิงจริยธรรมที่พึงประสงค์ของกลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 กลุ่ม ซึ่งจ าแนกเป็น 7 ช่วงวัย จ านวน 28 ชุด เครื่องมือ และ 2) ฐานสถานการณ์จ าลอง ซึ่งเป็นการประเมินเชิงคุณภาพที่ให้เด็กและเยาวชนได้สะท้อนมุมมอง และความคิดเห็นที่มีต่อสถานการณ์บางอย่าง มุ่งประเมินผ่านกรอบ 4 ด้านตามชุดสาระการเรียนรู้ของหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา อันประกอบด้วย 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองกับความ รับผิดชอบต่อสังคม การแปลความหมาย คะแนนดิบที่ได้จากเครื่องมือแต่ละช่วงชั้นจากแต่ละกลุ่ม จะน ามาแปล ความหมายในลักษณะคะแนนอิงกลุ่ม (Norm referenced score) โดยในการแปลความหมาย ถ้าคะแนนดิบที่ได้ มีค่าคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงนั้น ๆ หมายถึง เด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (ดูรายละเอียดในส านักงาน ป.ป.ช., 2564ก) ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต มีค่าเท่ากับร้อยละ 52.1 ก าหนดไว้ในแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563-2565) พบว่า สูงกว่าค่าเป้าหมาย อยู่ร้อยละ 6.1 และเมื่อน าระดับผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรไปใช้มาวิเคราะห์ร่วมกับ ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ผลการประเมินชี้ให้เห็นว่า สถานศึกษาที่ มีระดับผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรไปใช้สูง คือ มีศักยภาพและความพร้อมสูง เด็กและเยาวชนในสถานศึกษานั้น มีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูง และเมื่อระดับผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรไปใช้ลดต่ าลง สัดส่วนของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์มีค่าลดน้อยลงเช่นกัน (ส านักงาน ป.ป.ช., 2564ก) ในการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ส านักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับส านักงาน ป.ป.ช. ได้ด าเนินการส ารวจ โดยวิธีการสัมภาษณ์ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบ Stratified Two-Stage Sampling กับเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 12-24 ปี ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 4,375 คน โดยมุ่งส ารวจผ่านกรอบพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริตของเด็กและเยาวชน 3 ด้าน 1) ด้านความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 2) ด้านความเท่าเทียมและเสมอภาค และ 3) ด้านการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เกณฑ์ในการแปลความหมาย คิดจาก ผู้ที่ได้คะแนนเฉลี่ย 2.00-3.00 คะแนนอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 1.00-1.99 คะแนน อยู่ในระดับปานกลาง และคะแนนเฉลี่ย 0.00-0.99 คะแนน อยู่ในระดับน้อย ผลการศึกษาพบว่า เด็กและเยาวชนให้คะแนนการมี พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยคะแนนเฉลี่ย 2.24 คะแนน จากเต็ม 3 คะแนน โดยมีเด็กและเยาวชน ร้อยละ 78.3 มีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตอยู่ในระดับมากและร้อยละ 21.7 อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต อยู่ในระดับน้อยมีจ านวนเพียงเล็กน้อย (ส านักงาน สถิติแห่งชาติ, 2564) ตัวชี้วัดที่ 1.2 ร้อยละของประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมใน การต่อต้านการการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พบว่า ในการประเมินของปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้ด าเนินการโดยส านัก ส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต ส านักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับส านักงาน ป.ป.ช. ประจ าจังหวัด และ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยมีกลุ่มตัวอย่างในการส ารวจทั้งสิ้น 129,358 คน โดยจ าแนกเป็น กลุ่มโค้ชชมรม/กรรมการชมรม/สมาชิกชมรม ของชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต ร้อยละ 2.9 กลุ่มผู้เคย ร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการ STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต ร้อยละ 1.6 กลุ่มคณะกรรมการชุมชน (กรณี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 119 กรุงเทพมหานครหรือในเขตเทศบาล) ร้อยละ 0.8 กลุ่มคณะกรรมการหมู่บ้าน ร้อยละ 39.7 และกลุ่มประชาชน ทั่วไป ร้อยละ 55.0 โดยมุ่งประเมินใน 3 ด้านคือ 1) ด้านค่านิยมสุจริต 2) ด้านทัศนคติการทุจริตและประพฤติ มิชอบ และ 3) ด้านพฤติกรรมการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ผลการศึกษาพบว่า การมีวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประจ าปี พ.ศ. 2563 มีค่า เฉลี่ยที่ 2.35 จากคะแนนเต็ม 3 โดยมีค่าคะแนนระดับมาก ที่ร้อยละ 73.3 ค่าคะแนนระดับปานปลาง ที่ร้อยละ 26.6 และค่าคะแนนวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ที่ร้อยละ 0.78 (ส านักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วม ต้านทุจริต ส านักงาน ป.ป.ช., 2563) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ส านักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับ ส านักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้ด าเนินการส ารวจ โดยวิธีการสัมภาษณ์ สุ่มตัวอย่างแบบ Stratified Three-Stage Sampling กับประชาชนอายุระหว่าง 25 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 9,625 คน โดยมุ่งส ารวจ ผ่านกรอบวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต 3 ด้าน คือ 1) ค่านิยมสุจริตของประชาชน 2) ทัศนคติต่อการทุจริตและ ประพฤติมิชอบของประชาชน และ 3) พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน ผลการส ารวจ พบว่า ประชาชนให้คะแนนการมีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้าน การทุจริตและประพฤติมิชอบ ด้วยคะแนนเฉลี่ย 2.18 คะแนน จากเต็ม 3 คะแนน โดยมีประชาชนร้อยละ 70.9 มีวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริตฯ อยู่ในระดับมาก และร้อยละ 29.1 อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนประชาชนที่มี วัฒนธรรมค่านิยมสุจริตฯ อยู่ในระดับน้อย มีจ านวนเล็กน้อย (ส านักงานสถิติแห่งชาติ, 2564) 4.1.2 สภาวการณ์ปัญหาด้านการทุจริตคอร์รัปชัน องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ได้ประกาศคะแนนดัชนี การรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) ประจ าปี 2021 (พ.ศ. 2564) จากจ านวน 180 ประเทศทั่วโลก (ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)) โดยพบว่า ประเทศเดนมาร์ก ฟินแลนด์ และนิวซีแลนด์ ได้ต าแหน่งอันดับที่ 1 ของโลก ด้วยคะแนนสูงสุด 88 คะแนน ในขณะที่ประเทศไทย ได้ 35 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 6 ของกลุ่มประเทศ อาเซียน (10 ประเทศ) ซึ่งประเทศสิงค์โปร์ ได้คะแนนสูงสุด คือ 85 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก ค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย ในปี 2021 ลดลงจากปี 2020 โดยพบว่าจาก แหล่งข้อมูลทั้ง 9 แหล่ง ประเทศไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้น 1 แหล่ง คงที่ 4 แหล่ง และลดลง 4 แหล่ง ดังรายละเอียด ต่อไปนี้ คะแนนเพิ่มขึ้น 1 แหล่งข้อมูล ได้แก่ แหล่งข้อมูล Varieties of Democracy Institute (V-DEM) ได้ 26 คะแนน (ปี 2020 ได้ 20 คะแนน) V-DEM วัดเกี่ยวกับความหลากหลายของประชาธิปไตย การถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและ ตุลาการ ตลอดจนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งในปี 2016 มีการวัดใน อาเซียน เพียง 4 ประเทศ แต่ต่อมาในปี 2017 จนถึงปัจจุบัน มีการวัดในประเทศกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ในแหล่งข้อมูล Varieties of Democracy Institute (V-DEM) มีประเด็นที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ น ามาค านวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ตามค าถามที่ว่า การทุจริตทางการเมืองเป็นที่แพร่หลาย มากน้อยเพียงใด (How pervasive is political corruption?) คะแนนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการวิเคราะห์ บรรยากาศทางการเมืองในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยได้จัดให้มีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้ ภาคการเมืองต่าง ๆ สามารถท ากิจกรรมทางการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชน และภาคประชาชนได้มีบทบาทในการ แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ส่งผลให้บรรยากาศความเป็นประชาธิปไตยมีมากขึ้น รวมถึงการตอบค าถาม


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 120 ของผู้เชี่ยวชาญ ในรูปแบบ Expert survey แสดงให้เห็นทัศนคติที่ดีขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมเรียกรับสินบนของ เจ้าหน้าที่รัฐ ความโปร่งใสในการบริหารเงินงบประมาณ และการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อีกทั้งใน ปีนี้มีการปรับเปลี่ยนระเบียบวิธีวิจัยที่ท าให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น คะแนนคงที่ 4 แหล่งข้อมูล ได้แก่ 1. แหล่งข้อมูล Bertelsmann Stiftung Transformation Index (BF (TI)) ได้ 37 คะแนน (ปี 2020 ได้ 37 คะแนน) BF (TI) ใช้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และประเมินกระบวนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย และ ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี และดูความเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน คือ 1) ด้านการเมือง 2) ด้านเศรษฐกิจ และ 3) ด้านการจัดการของรัฐบาล ทั้งนี้ BF (TI) จะมีการเผยแพร่ผลทุก 2 ปี โดยมีรูปแบบการวิจัยเป็น Qualitative expert survey ซึ่งการเผยแพร่ชุดข้อมูลล่าสุดเป็นรายงานฉบับ ปี 2020 ถึงแม้รัฐบาลจะมีนโยบายในการแก้ไข ปัญหาการทุจริต ตลอดจนการด าเนินการต่าง ๆ แต่จากการรับรู้ของผู้ประเมินยังคงขาดความเชื่อมั่นในการ ลงโทษผู้กระท าการทุจริต รวมถึงขาดความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การประชาสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดการรับรู้ถึงความจริงจังของรัฐบาลที่ให้ความส าคัญกับการป้องกันการทุจริต ยังไม่ชัดเจน 2. แห ล่งข้อมู ล Economist Intelligence Unit Country Risk Ratings (EIU) (ได้ 37 คะแนน ) ปี 2020 ได้ 37 คะแนน EIU วิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญ ได้แก่ ความโปร่งใสในการจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณ การใช้ทรัพยากรของราชการ/ส่วนรวม การแต่งตั้ง ข้าราชการจากรัฐบาลโดยตรง มีหน่วยงานอิสระในการตรวจสอบการจัดการงบประมาณของหน่วยงานนั้น ๆ มีหน่วยงานอิสระด้านยุติธรรมตรวจสอบผู้บริหาร/ผู้ใช้อ านาจ ธรรมเนียมการให้สินบน เพื่อให้ได้สัญญา สัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ EIU มีการส ารวจเก็บข้อมูลประมาณเดือนกันยายนของทุกปี โดยข้อมูลที่ได้ จะถูกน ามาวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ EIU จ านวน 2-3 คน ที่ผ่านมาภาครัฐได้มีการจัดท ารายละเอียด ทั้งแผนการใช้จ่าย เป้าหมาย และแหล่งที่มาของรายได้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือข้อมูล เกี่ยวกับงบประมาณ การใช้ทรัพยากรของราชการ และการแต่งตั้งข้าราชการ ผ่านรูปแบบหรือช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ รวมถึงการเปิดช่องทางให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการด าเนินงานของภาครัฐ แต่ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญของ EIU อาจเห็นว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะด าเนินการต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว แต่ประเทศไทยยังคงมีปัญหาไม่แตกต่าง จากปีที่ผ่านมาในเรื่องความโปร่งใสในการจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณ การใช้ทรัพยากรของราชการ การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง การตรวจสอบการจัดการงบประมาณในกรณีต่าง ๆ จึงท าให้ผู้เชี่ยวชาญยังคงมอง สถานการณ์ประเทศไทยไม่ต่างจากเดิม 3. แหล่งข้อมูล Global Insight Country Risk Ratings (GI) ได้ 35 คะแนน (ปี 2020 ได้ 35 คะแนน) ในแหล่งข้อมูล Global Insight Country Risk Ratings (GI) มีประเด็นที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ น ามาค านวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต คือ “ความเสี่ยงของการที่บุคคลหรือบริษัทจะต้องเผชิญกับการ ติดสินบนหรือการคอร์รัปชันในรูปแบบอื่นเพื่อที่จะท าให้การด าเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น เพื่อให้ได้รับ สัญญาเพื่อการน าเข้าและส่งออก หรือเพื่อความสะดวกสบายเกี่ยวกับงานด้านเอกสารต่าง ๆ มีมากน้อย เพียงใด” ซึ่งถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละประเทศ ซึ่งได้รับข้อมูลจากกลุ่มลูกค้า ผู้ท าสัญญากับภาครัฐ นัก ล ง ทุ น นักธุรกิจ ผู้รับงานอิสระ และเครือข่ายนักข่าว ถึงแม้รัฐบาลมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน แต่ผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง (กลุ่มลูกค้า ผู้ท าสัญญากับภาครัฐ นักลงทุน นักธุรกิจ ผู้รับงาน อิสระ และเครือข่ายนักข่าว) เห็นว่าการด าเนินธุรกิจในประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับการ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 121 ติดสินบนหรือสิ่งตอบแทนส าหรับการพิจารณาสัญญาและการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ตลอดจนการคอร์รัปชันใน รูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้การด าเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น 4. แหล่งข้อมูล PRS International Country Risk Guide (PRS) ได้ 32 คะแนน (ปี 2020 ได้ 32 คะแนน) ในแหล่งข้อมูล Political Risk Services International Country Risk Guide (ICRG) มีประเด็นที่ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ น ามาค านวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต คือ “การประเมินการ คอร์รัปชันในระบบการเมือง ซึ่งรูปแบบของการคอร์รัปชันที่นักธุรกิจมักพบได้โดยตรงและบ่อยครั้ง คือ การเรียก รับเงินหรือการจ่ายสินบนเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตการน าเข้าและส่งออก (Import and Export Licenses) การจ่ายสินบนเพื่อให้เข้าถึงการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Exchange Controls) และการเข้าถึงระบบการ ประเมินภาษี (Tax Assessments) รวมถึงการจ่ายสินบนเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ต ารวจ (Police Protection) และการจ่ายสินบนเพื่อให้ได้รับอนุมัติการกู้ยืมเงิน (Loans) เป็นต้น ทั้งนี้ ได้ตระหนักถึงการ คอร์รัปชันที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด ได้แก่ การคอร์รัปชันจากระบบอุปถัมภ์ ระบบเครือญาติ การฝากเข้า ท างาน การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ การระดมทุนลับของพรรคการเมือง และการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง นักการเมืองกับภาคธุรกิจ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ข้อมูลแล้วเห็นว่า การด าเนินธุรกิจในประเทศไทย ยังมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับปัญหาการเรียกรับเงินหรือการจ่ายสินบนในการด าเนินธุรกิจ แม้ว่ารัฐบาล จะมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันด้วยการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่ออ านวยความสะดวก ในการให้บริการประชาชน แต่ผู้เชี่ยวชาญยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อการด าเนินการตลอดจนการแก้ไขปัญหา อย่างเป็นรูปธรรม ท าให้เกิดการรับรู้ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา คะแนนลดลง 4 แหล่งข้อมูล ได้แก่ 1. แหล่งข้อมูล IMD World Competitiveness Yearbook (IMD)ได้ 39 คะแนน (ปี 2020 ได้ 41 คะแนน) IMD น าข้อมูลสถิติทุติยภูมิและผลการส ารวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูง ไปประมวลผลจัดอันดับ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และพิจารณาจาก 4 องค์ประกอบ คือ 1) สมรรถนะทางเศรษฐกิจ 2) ประสิทธิภาพของภาครัฐ 3) ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ 4) โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ IMD ส ารวจข้อมูล ประมาณเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปีในแหล่งข้อมูล IMD World Competitiveness Yearbook (IMD) โดยมีประเด็นที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ น ามาค านวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตจากแบบ ส ารวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงในประเทศไทย คือ “มีการติดสินบนและคอร์รัปชันหรือไม่” คะแนนลดลง จากปัญหาการติดสินบนและการทุจริตที่สั่งสมมา ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ยังปรากฏผ่านการ น าเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่า มีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 อาทิ การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงปัญหาการติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการอนุมัติ-อนุญาต และการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ บางราย ถึงแม้รัฐบาลได้มีการพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติ-อนุญาตที่อ านวยความสะดวกแก่ประชาชน มากขึ้น แต่ยังมีการเปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนขาดการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่มีการน ามาใช้ จึงท าให้ ผู้ประเมินอาจมองว่าปัญหาดังกล่าว ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา 2. แหล่งข้อมูล The Political and Economic Risk Consultancy (PERC) ได้ 36 คะแนน (ปี 2020 ได้ 38 คะแนน) PERC ส ารวจข้อมูลจากนักธุรกิจในท้องถิ่นและนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เข้าไปท าธุรกิจใน ประเทศนั้น ๆ ได้แก่ นักธุรกิจจากสมาคมธุรกิจ ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ในเอเชีย ผู้แทนหอการค้า ประเทศต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในแต่ละประเทศ ประกอบด้วย ผู้บริหารในประเทศ ผู้ที่มีสัญชาติเป็น บุคคลประเทศนั้น ๆ และผู้บริหารชาวต่างชาติ ใช้การสัมภาษณ์ซึ่งหน้า การสอบถามทางโทรศัพท์ ตลอดจนการ ตอบแบบส ารวจออนไลน์ เป็นต้น ทั้งนี้ PERC มีหลักเกณฑ์ในการส ารวจโดยการสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็น


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 122 การถามค าถามที่แสดงให้เห็นถึงระดับการรับรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน โดยมีค าถามที่ใช้ในการส ารวจที่ส าคัญ คือ ท่านจะให้คะแนนปัญหาการทุจริตในประเทศที่ท่านท างานหรือประกอบธุรกิจเท่าใด คะแนนลดลง เนื่องจาก มุมมองการรับรู้ของผู้ตอบแบบสอบถามอาจมองว่า รัฐบาลยังคงให้ความส าคัญกับการแก้ปัญหาทางการเมือง มากกว่าการสร้างมาตรการอย่างเป็นระบบในการต่อสู้กับปัญหาการทุจริตที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อการบริหารจัดการของรัฐบาล เศรษฐกิจ สังคม และการด ารงชีวิต ของประชาชน อีกทั้งปัญหาในเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการทุจริตในวงกว้าง เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งถูกมองว่าเป็นอุปสรรคในการด าเนินงานของภาคธุรกิจ 3. แหล่งข้อมูล World Economic Forum (WEF) ได้ 42 คะแนน (ปี 2020 ได้ 43 คะแนน) ในแต่ละ ปี WEF ได้จัดท ารายงานการวัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทั่วโลก (The Global Competitiveness Report: GCR) โดยรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ ผ่าน “แบบส ารวจความคิดเห็นผู้บริหาร” (The Executive Opinion Survey: EOS) ซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อส ารวจความพึงพอใจของนักธุรกิจต่างประเทศ และนักธุรกิจ ภายในประเทศ ว่าการประกอบธุรกิจในประเทศเหล่านั้นมีความสะดวกระดับใด มีปัจจัยใดบ้างที่เป็นปัญหาและ อุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ โดยแบบส ารวจดังกล่าว มีข้อค าถามเกี่ยวกับ “ประเด็นการทุจริตคอร์รัปชัน” ซึ่งองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ น ามาคิดค านวณค่าคะแนน CPI ของประเทศไทย โดย WEF จะส ารวจ ข้อมูลประมาณเดือนมกราคม-มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งในปี 2021 แม้จะไม่ได้มีการจัดอันดับความสามารถ ทางการแข่งขันของแต่ละประเทศ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่จะใช้ดัชนีใหม่ที่พัฒนาขึ้นและน ามาใช้ชี้วัด เป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา โดยเน้นในเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน คะแนนลดลง มุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับ สถานการณ์การทุจริตแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้หน่วยงานภาครัฐจะมีการตื่นตัวในการปรับปรุงและพัฒนา ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางนโยบาย Digital Government รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัลเพื่อให้ เกิดความโปร่งใส แต่ภาพลักษณ์การแข่งขันภายในประเทศ ยังคงถูกมองว่ามีการด าเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ ให้กับกลุ่มนายทุน หรือบริษัทขนาดใหญ่ให้มีอ านาจควบคุมตลาดในระดับสูง ส่วนภาพรวมของปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับประเด็นสินบนและการแทรกแซงการด าเนินธุรกิจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบกับยังปรากฏกรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่อย่างต่อเนื่อง 4. แหล่งข้อมูล World Justice Project (WJP) ได้ 35 คะแนน (ปี 2020 ได้ 38 คะแนน) WJP เป็นดัชนี ชี้วัดหลักนิติธรรม (Rule of Law) โดยมีเกณฑ์การวัด ประกอบด้วย 8 เกณฑ์ ได้แก่ ขีดจ ากัดอ านาจของรัฐบาล (Constraints on Government Powers) ปราศจากการคอร์รัปชัน (Absence of Corruption) การเปิดเผย ข้อมูลภาครัฐ (Open Government) สิทธิขั้นพื้นฐาน (Fundamental Rights) ความสงบเรียบร้อยของสังคม (Order and Security) การบังคับใช้กฎหมาย (Regulatory Enforcement) กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง (Civil Justice) และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (Criminal Justice) องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จะน าค่าคะแนนของแหล่งข้อมูล WJP เฉพาะเกณฑ์ที่ 2 คือ ปราศจากการคอร์รัปชัน (Absence of Corruption) โดยผู้เชี่ยวชาญจะถามค าถามทั้งหมด 53 ข้อ เกี่ยวกับขอบเขตของเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ต าแหน่งหน้าที่ราชการ ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ค าถามเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ รัฐบาล รวมไปถึงระบบสาธารณสุข หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การก ากับดูแล ต ารวจ และศาล คะแนนลดลง เนื่องจากการรับรู้ของผู้ประเมินที่มองว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความรู้ความเข้าใจตลอดจนปฏิบัติตามแนวทาง เกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมแล้วก็ตาม แต่การด าเนินการยังขาด ความชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งการก าหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อ านาจและดุลพินิจของ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการใช้อ านาจหน้าที่ตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 123 องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยระบุว่า แม้ทั่วโลกก าลังเผชิญกับปัญหาโควิด-19 แต่รัฐบาลของนานาประเทศยังคงต้องให้ความส าคัญกับ สิทธิเสรีภาพทางสังคม ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนการสร้างความ เข้มแข็งและความเป็นอิสระให้กับหน่วยงานตรวจสอบ รวมถึงการรับมือกับปัญหาการทุจริตข้ามชาติ ทั้งในเรื่อง ช่องว่างของกฎหมายเพื่อสามารถน าตัวผู้กระท าผิดมาลงโทษ ในส่วนของส านักงาน ป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ยังคงมุ่งมั่นสานต่อและพัฒนาการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันทุกภารกิจของส านักงาน ป.ป.ช. ทั้งภารกิจ ป้องกันการทุจริต ภารกิจปราบปรามการทุจริต และภารกิจตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งแสวงหาและสร้าง ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและภาคประชาชน เพื่อให้การ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยมีประสิทธิภาพ เกิดสังคมโปร่งใส สุจริตอย่างแท้จริง อันจะ ส่งผลต่อการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้ต่อไป 4.1.3 ความส าคัญและจ าเป็นของของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ถือเป็นเครื่องมือส าคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) และเป็นกลไกส าคัญในการขับเคลื่อนแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) ภายใต้ การพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ข้อที่ 1 ประชาชนมีวัฒนธรรมและ พฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต โดยมี 2 ตัวชี้วัดส าคัญ ได้แก่ 1.1 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมที่ยึด มั่นความซื่อสัตย์สุจริต และตัวชี้วัดที่ 1.2 ร้อยละของประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและ พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในการด าเนินงานหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ประกอบด้วย 5 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3. หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) 4. หลักสูตร วิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการ ทุจริต) และ 5. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน ส านักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับ ส านักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ส านักงานต ารวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับ ส านักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาน าหลักสูตรไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร มีจุดมุ่งหมายที่ส าคัญดังนี้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) เป็นหลักสูตรการเรียน การสอนที่มีจุดมุ่งหมายเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรว ม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และหน้าที่ของพลเมืองกับ ความรับผิดชอบต่อสังคมในการต่อต้านการทุจริต ส าหรับนักเรียนในระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1-6 และระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1-6 โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 124 การท าโครงงานกระบวนการเรียนรู้ การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) เป็นหลักสูตรการเรียน การสอนที่มีจุดมุ่งหมายเกี่ยวกับการปรับฐานความคิดต้านทุจริตส่วนตนและส่วนรวม สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต ยกระดับดัชนีสร้างพลเมืองดีในสังคม และปราบทุจริตด้วยจิตพอเพียง ส าหรับนักศึกษาใน ระดับอุดมศึกษา โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มุ่งเน้นให้นักศึกษาเกิดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ ด้านการป้องกันการทุจริต หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) เป็นหลักสูตรการ ฝึกอบรมที่มีจุดมุ่งหมายเกี่ยวกับการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต ส าหรับกลุ่มทหาร (ตามแนวทางรับราชการและหลักสูตรเพิ่มพูนความรู้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว) และกลุ่มต ารวจ (หลักสูตรการฝึกอบรมที่เลื่อนต าแหน่งสูงขึ้น และหลักสูตรนักเรียน นายสิบต ารวจ) โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ทักษะ เจตคติด้าน การป้องกันการทุจริต และเสริมพลังคนรุ่นใหม่และน าไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน สังคมและ ประเทศชาติ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่ สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีจุดมุ่งหมายในการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคิดแยกแยะ ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ส าหรับบุคลากรส านักงาน ป.ป.ช. กลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ และ กลุ่มอาจารย์และบุคลากรในระดับอุดมศึกษา โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มุ่งเน้นให้ผู้เรียน เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ ด้านการป้องกันการทุจริต และเกิดทักษะการเป็นวิทยากร และ หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการสร้าง โค้ชที่มีความสามารถและทักษะเพื่อเป็นตัวแทนของส านักงาน ป.ป.ช. ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และ ประสบการณ์เกี่ยวกับการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความไม่ทนและ ความละอายต่อการทุจริต และจิตพอเพียงต้านทุจริต ด้วยเทคนิคและวิธีการที่เหมาะสม จะช่วยให้ทุกภาคส่วน มีความตระหนักรู้ และเห็นความส าคัญของปัญหาการทุจริต อันจะน าไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ เกิดค่านิยมต้านทุจริตให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เกิดความรู้ความเข้าใจ เจตคติ ด้านการป้องกันการทุจริต 4.1.4 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ผ่านมา ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พบว่า เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรโดยเน้นประเมินการน าหลักสูตรไปใช้ โดยประเมิน เพียง 2 หลักสูตร ในหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน อันได้แก่ 1) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และ 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) โดยกลุ่มเป้าหมายในการวิจัย ได้แก่ สถานศึกษา จ านวน 3,311 แห่ง ที่กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคและ ทุกจังหวัดของประเทศไทย เป็นสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา สถาบันอุดมศึกษาในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในสถานศึกษาแต่ละแห่งจะมีกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้บริหาร


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 125 สถานศึกษา จ านวน 3,310 คน ครู/อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร จ านวน 3,311 คน และผู้ปกครองเด็กและ เยาวชน จ านวน 43,852 คน โดยตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตร ประกอบด้วย ศักยภาพและความพร้อม ของระบบสนับสนุนในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ในการจัดการเรียน การรับรู้และมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ (ส านักงาน ป.ป.ช., 2564ข) การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีเกณฑ์การ ประเมินและแปลค่าความหมายคะแนน อยู่ 6 ระดับ ได้แก่ คะแนน 50-54.99 = E ไม่มีศักยภาพและ ความพร้อม 55-64.99 = D มีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก 65-74.99 = C มีศักยภาพและความพร้อมน้อย 75-84.99 = B มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง 85-94.99 = A มีศักยภาพและความพร้อมมาก และ คะแนน 95-100 = AA มีศักยภาพและความพร้อมมากที่สุด จากการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (ส านักงาน ป.ป.ช., 2564ก) พบว่า สถานศึกษาในภาพรวมมี ค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 63.06 สะท้อนให้เห็นว่า สถานศึกษามีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก (D) มีเพียง ไม่ถึงร้อยละ 10 เท่านั้นที่มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง คือ ได้เกรด B ขึ้นไป สถานศึกษาส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 90 ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีความจ าเป็นเร่งด่วนที่จะได้มีการกระตุ้นและสนับสนุนส่งเสริมให้มีศักยภาพ และความพร้อมในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ทั้งสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และสถาบันอุดมศึกษา สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษายังมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์กับระดับความรู้ ความเข้าใจ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย แต่แบบแผน ความสัมพันธ์ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนดังเหตุผลที่เกี่ยวกับการออกแบบการวิจัยดังได้กล่าวไปแล้ว ข้างต้นที่สถานศึกษาที่ตกเป็นกลุ่มเป้าหมายในปี 2563 จ านวน 3,311 แห่ง ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คือ ร้อยละ 23.0 ส าหรับสถานศึกษาสังกัด สพฐ. และร้อยละ 3.3 ส าหรับสถานศึกษาสังกัด กระทรวง อว. ที่ได้มี การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้เต็มรูปแบบ ดังนั้นจึงเป็นความจ าเป็นและส าคัญที่ส านักงาน ป.ป.ช. ได้จัดให้มีการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเน้นไปที่ สถานศึกษาที่มีการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้เต็มรูปแบบ คือ เปิดรายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต ส าหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และเปิดเป็น 1 รายวิชา จ านวน 3 หน่วยกิต ส าหรับหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) และ ขณะเดียวกันยังขยายผลการประเมินครอบคลุมถึงสถานศึกษาในสังกัด สช. รวมถึงอีก 3 หลักสูตร อันได้แก่ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) รวมถึงการวิเคราะห์เอกสารหลักสูตรเพื่อตรวจสอบคุณภาพของ องค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตรในเรื่องจุดมุ่งหมาย/วัตถุประสงค์ ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวิชา วิธีจัดการ เรียนรู้/วิธีการฝึกอบรม ขอบเขตเนื้อหา/เนื้อหาสาระของหลักสูตร สื่อการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ว่ามี ความสอดคล้อง เหมาะสม ครอบคลุมและถูกต้องตามหลักการพัฒนาหลักสูตรอย่างไร ภาษาที่ใช้สามารถ สื่อสารให้เข้าใจและมีความชัดเจนในการน าไปสู่การปฏิบัติหรือไม่ รวมทั้งความสอดคล้องกับสถานการณ์และ บริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรที่ดูจากผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับ ผู้เรียน/ผู้เข้ารับการอบรมโดยตรง (ส านักงาน ป.ป.ช., 2564ข)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 126 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในส่วนของการประเมินเอกสารหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร ตาม 6 องค์ประกอบที่ ประเมิน คือ วัตถุประสงค์ของหลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร เนื้อหา สาระ/หน่วยการเรียนรู้ วิธีการจัดการ เรียนรู้/สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดและการประเมินการเรียนรู้ และผลผลิตที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เรียน พบว่า ทุกหลักสูตรมีวัตถุประสงค์ของหลักสูตร และโครงสร้างหลักสูตรครบถ้วน ส่วนองค์ประกอบเนื้อหา สาระ/หน่วยการเรียนรู้ และวิธีการจัดการเรียนรู้/สื่อและแหล่งเรียนรู้ ก็พบว่าส่วนใหญ่มีความครบถ้วนเช่นกัน ยกเว้นเพียง หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) ที่พบว่า ในองค์ประกอบเนื้อหา สาระ/หน่วยการเรียนรู้ และวิธีการจัดการเรียนรู้/สื่อและแหล่งเรียนรู้ ไม่มีความ ครบถ้วน ทั้งนี้ ในทุกหลักสูตรพบความไม่ครบถ้วนในองค์ประกอบ การวัดและการประเมินการเรียนรู้ เช่นเดียวกันกับองค์ประกอบผลผลิตที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เรียน ที่พบเพียงหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) หลักสูตรเดียวที่มีความครบถ้วนในองค์ประกอบนี้ ส่วนในภาพรวม ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พบว่า หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยาการผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีคะแนนเฉลี่ยรวม ผลสัมฤทธิ์ของการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาสูงสุด คือ มีค่าคะแนนเฉลี่ย 84.42 คะแนน รองลงมาคือ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) (ค่าคะแนนเฉลี่ย 81.17) ทั้งนี้ ทั้ง 2 หลักสูตรคะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ A มีผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรระดับดีมาก หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการ รู้คิดต้านทุจริต) (ค่าคะแนนเฉลี่ย 74.63) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) (ค่าคะแนนเฉลี่ย 73.94) และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ค่าคะแนนเฉลี่ย 65.28) โดยทั้ง 3 หลักสูตรที่เหลือมีคะแนน อยู่ในระดับคุณภาพ B ผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร ระดับดี(ส านักงาน ป.ป.ช., 2565) จะเห็นได้ว่าผลการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาปีงบประมาณ พ.ศ 2563 และ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พบว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่ปรึกษาในการด าเนินการวิจัยประเมินผล ในทั้ง สองปีประเมิน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเป็นลักษณะโครงการวิจัยประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดของการด าเนินงาน กล่าวคือ ในส่วนของขอบเขตหลักสูตร ที่ในปีประเมิน 2563 ประเมินเฉพาะหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน 2 หลักสูตร ส่วนในปีประเมิน 2564 ประเมินครอบคลุมทั้ง 5 หลักสูตร ทั้งกลุ่มหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน (2 หลักสูตร) และกลุ่มหลักสูตร การฝึกอบรม (3 หลักสูตร) ในด้านลักษณะกลุ่มเป้าหมายสถานศึกษาก็มีความแตกต่างกัน โดยในปีประเมิน 2563 กลุ่มเป้าหมายสถานศึกษามีลักษณะที่แตกต่างกันตามรูปแบบการน าหลักสูตรไปใช้ (6 รูปแบบ) ส่วนในปี ประเมิน 2564 กลุ่มเป้าหมายสถานศึกษามุ่งประเมินไปที่สถานศึกษาที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ เต็มรูปแบบเท่านั้น รวมถึงความแตกต่างในส่วนของผู้ให้ข้อมูลหลักในการประเมิน ที่ในปีประเมิน 2563 มีผู้ให้ ข้อมูลหลักประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู/อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร และผู้ปกครองของผู้เรียน ส่วนในปีประเมิน 2564 ผู้ให้ข้อมูลหลักประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู/อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร และผู้เรียน/ผู้ผ่านการฝึกอบรม (ส านักงาน ป.ป.ช., 2564ข) ผลการวิเคราะห์และถอดบทเรียนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ผ่านมา ด้านเป้าหมายการประเมิน พบว่าในแต่ละโครงการมีเป้าหมายการประเมินที่แตกต่างกัน การประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตร ส่วนใหญ่จะมุ่งตอบระดับและศักยภาพของการใช้หลักสูตรใน สถานศึกษา ว่ามีศักยภาพในการน าไปใช้ในระดับที่ ส่วนในการวัดสัมฤทธิผลของผู้เรียนหรือผู้ผ่านการฝึกอบรม


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 127 มีการเพิ่มเข้าไปในการประเมินผลสัมฤทธิ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตามการวัดสัมฤทธิผลดังกล่าว ก็เป็นเพียงองค์ประกอบที่จะประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของคะแนนการใช้หลักสูตรซึ่งเป็นหน่วยในการประเมิน ก็เป็นระดับองค์กร ส่วนการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน และ การส ารวจค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน ในการส ารวจพฤติกรรมและค่านิยมดังกล่าว จะมุ่งหาค าตอบในระดับปัจเจก เพื่อจะตอบตัวชี้วัดในระดับ ภาพรวม ด้านขอบเขตหลักสูตร จะพบว่า ในการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในปีประเมิน 2563 ประเมินเพียง 2 หลักสูตรการจัดการเรียนการสอน แต่อย่างไรก็ตามในปีประเมิน 2564 มีการประเมิน ครอบคลุมทั้ง 5 หลักสูตร ทั้งหลักสูตรกลุ่มการเรียนการสอนและหลักสูตรฝึกอบรม ส่วนในด้านการประเมิน พฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทยนั้น ในการประเมินพฤติกรรม ปีประเมิน 2563 ตัวองค์ประกอบในการประเมินพฤติกรรมมีการพัฒนาเชื่อมโยงกับ 2 หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อย่างไรก็ตาม ในการส ารวจพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564 (ซึ่งประเมินในกลุ่มเด็ก และเยาวชนอายุ 12-25 ปี ที่มีทั้งอยู่และไม่อยู่ในระบบการศึกษา) องค์ประกอบในการประเมินดังกล่าวไม่ได้ เชื่อมโยงกับเนื้อหาในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ส่วนในการส ารวจวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและ พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งการประเมินในปี พ.ศ. 2563 และปี พ.ศ. 2564 องค์ประกอบที่ใช้ในการประเมินไม่ได้เชื่อมโยงกับหลักสูตรฝึกอบรมแต่อย่างใด ด้านลักษณะการประเมิน จะเห็นว่า ในส่วนการประเมินเชิงปริมาณนั้น จะมีความแตกต่างกัน ทั้งการ ประเมินผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทย ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (ที่ด าเนินการในปีงบประมาณ 2564) ใช้ลักษณะการประเมินเชิงปริมาณ ที่เรียกว่า Multi-Raters หรือมีผู้ประเมินหลายคน ส่วนในการประเมินตามแผนงานย่อยการป้องกันการทุจริตและ ประพฤติมิชอบประชาชนมีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ มีลักษณะการประเมินเป็นการประเมินตนเองเพียงอย่างเดียว หรือ Self-Rated ส่วนใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เป็นการเก็บข้อมูล ในลักษณะ Multi-Raters ในขณะที่การส ารวจพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย และการส ารวจวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของประชาชน มีลักษณะการประเมินในรูปแบบ Self-Rated คือให้เด็กและเยาวชน หรือประชาชน ประเมิน ตนเองเท่านั้น จากการวิเคราะห์และถอดบทเรียนจากการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการติดตามและ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ผ่านมาดังกล่าว คณะผู้วิจัยได้สรุปช่องว่างในการด าเนินงาน ได้ดังต่อไปนี้ 1) ในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ผ่านมา ยังไม่มุ่งศึกษาเฉพาะกลุ่มเป้าหมายสถานศึกษาที่น าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้เต็มรูปแบบ เพื่อให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์เชิงการน าไปใช้อย่างแท้จริง ซึ่งเชื่อมโยงไปยัง ผลลัพธิ์ที่เป็นพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน และวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติ และพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน 2) การไม่เชื่อมกันเชิงแนวคิด (concept) ระหว่างจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา กับองค์ประกอบการประเมิน ของการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทย ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต และการประเมินวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้าน การทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 128 3) ในการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชน ลักษณะการประเมิน เป็นการประเมินตนเอง (Self-rated) อย่างเดียว มีโอกาสสูงที่เด็กและเยาวชน จะประเมิน มากเกินไป (Overestimation) การประเมินในลักษณะครอบคลุม 360 องศา หรือ 270 องศา หรือมีผู้ประเมิน หลายคน (Multi-raters) น่าจะเหมาะสมกว่า 4) ในการประเมินผลตามแผนงานย่อยการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประชาชนมีวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 การส ารวจพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย พ.ศ. 2564 และการส ารวจวัฒนธรรม ค่านิยมสุจริต ทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประชาชน พ.ศ. 2564 ที่ผลการประเมินเป็นคะแนนเฉลี่ย ซึ่งยังไม่สะท้อนการประเมินระดับพฤติกรรม ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย มีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต และร้อยละของประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและ พฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ 4.1.5 เครือข่ายความร่วมมือในการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เครือข่ายความร่วมมือในการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตในประเทศไทยที่ผ่านมา พบว่า มีการสร้าง เครือข่ายชุมชนที่ไม่ทนต่อการทุจริตและได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง และตรวจสอบ การทุจริตในระดับพื้นที่ผ่านโครงการ STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต ซึ่งผลการด าเนินโครงการดังกล่าว พบว่า 1) มีการจัดตั้งชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตในทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อท าหน้าที่จับตามอง และแจ้งเบาะแสการทุจริต 2) มีหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีหน่วยงานที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้มากกว่า 38,000 แห่ง โดยผลการด าเนินโครงการ สะท้อนถึงจ านวนหน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นคู่ขนานกับรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันที่มีพัฒนาการ ตามสถานการณ์และบริบทโลก ซึ่งมีผลต่อการสื่อสาร การสร้างสรรค์สิ่งพิมพ์หรือนวัตกรรมที่ยังไม่สามารถ เข้าถึงกลุ่มที่มีความหลากหลายในสังคมด้วยข้อจ ากัดของการผลิตสื่อ ภาษาที่ใช้และกลไกที่จะน าสื่อไปใช้ใน บริบทสังคมไทย ส าหรับโครงการ STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริต เป็นเครือข่ายที่จัดตั้งโดยหน่วยงานราชการ เน้นการให้ความรู้ ปลูกฝังการเสริมสร้างค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต ต่อต้านการคอร์รัปชัน มุ่งเน้นในเรื่อง การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมให้กับประชาชนทุกระดับในพื้นที่ ใน พ.ศ. 2555 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เป็นองค์กรที่เกิดขึ้นจากการเริ่มภารกิจครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2554 ในชื่อ “ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน” มีองค์กรจากภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วม 23 แห่ง ต่อมาใน พ.ศ. 2555 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิใน พ.ศ. 2557 ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 54 องค์กร โดยการ รวมตัวกันของผู้ที่มีเป้าหมายเดียวกันในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน และการขับเคลื่อนงานผ่านการท า โครงการ ดังนั้นมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จึงมีพันธกิจในการสร้างความน่าเชื่อถือให้ องค์กรเป็นที่ยอมรับในฐานะ “ศูนย์กลางการขับเคลื่อนพลังสังคมเพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน” ที่มีศักยภาพที่สุด สร้างเครือข่ายการท างานทั้งในระดับประเทศและระดับสากลผ่านการกระจายงาน การพัฒนาเครื่องมือเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถด าเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างแนวร่วม การท างาน สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับนโยบายทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้แนวทาง การต่อต้านคอร์รัปชันด าเนินไปอย่างเป็นรูปธรรมและบังเกิดผลอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมการสร้างต้นแบบ ที่ดีในสังคมทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคล เน้นการท างานติดตามตรวจสอบโครงการภาครัฐตาม ยุทธศาสตร์ 3 ป. คือ ปลูกฝัง ป้องกัน และเปิดโปง ทั้งนี้มูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมเป็น


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 129 ส่วนหนึ่งในการพัฒนา ACT Ai ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นโดยมีหน่วยงานรัฐที่ให้ความร่วมมือสนับสนุน ด้านข้อมูล ได้แก่ กรมบัญชีกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ท าให้แพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวม ข้อมูลของโครงการรัฐไว้จ านวนมากกว่า 19.8 ล้านโครงการ น ามาแสดงผลโดยละเอียด และมีการน าเสนอ ที่เข้าใจง่าย เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการตรวจค้นข้อมูลของโครงการรัฐ (องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), ม.ป.ป., ออนไลน์) ส าหรับองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จัดเป็นเครือข่ายระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นจากกลุ่มพันธมิตร ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการต่อต้านการคอร์รัปชันระดับโลก เป็นองค์กรที่ท าหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการต่อต้าน การทุจริตตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา โดยองค์กรเริ่มด าเนินการภารกิจแรกเกี่ยวกับกฎหมายการทุจริต และการแจ้งเบาะแส ทั้งนี้เนื่องจากเล็งเห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาทางกฎหมายอันสืบเนื่องจากการ ไม่สามารถควบคุมการใช้อ านาจของเจ้าหน้าที่ได้ (Kimeu,2014, p. 231) อย่างไรก็ตามแม้มีมาตรการทาง กฎหมายแต่กลับพบว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการต่อต้านการทุจริต หากไม่มีการด าเนินการ มาตรการทางสังคมและการส่งเสริมความเข้มแข็งของประชาชนในการมีส่วนร่วม การร่วมตรวจสอบ และ การแจ้งเบาะแสเพิ่มขึ้นควบคู่กันไปด้วย จากการศึกษาเอกสารและสถานการณ์ข้างต้น พบว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละระดับมีความรู้ ความสามารถที่แตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นความส าคัญของความเชื่อ ร่วมกับการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีที่มา จากหลากหลายกลุ่ม ร่วมกันเพื่อด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการท างานเป็นการ ท างานร่วมกันแบบเครือข่ายที่จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการท างานให้ดีขึ้น โดยดึงความรู้ ความสามารถและ ทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานมาใช้ เช่น ภาครัฐบาล ควรมุ่งเน้นการปราบปรามโดยใช้อ านาจทางกฎหมาย และการออกนโยบายอย่างจริงจัง ภาคเอกชน ควรสนับสนุนงบประมาณและส่งเสริมการพัฒนาการใช้ เทคโนโลยีทันสมัยหรือนวัตกรรมใหม่ส าหรับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และการประสาน เครือข่าย การท างานร่วมกันโดยภาคประชาสังคม 4.2 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในส่วนที่เป็นปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาได้รับการพัฒนาขึ้น โดยคณะอนุกรรมการจัดท าหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริตของส านักงาน ป.ป.ช. โดยได้รับความร่วมมือจาก ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ที่มีความเกี่ยวข้องกับ ประเด็นดังกล่าว เพื่อน าไปใช้เป็นมาตรฐานกลางในการจัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษาของประเทศ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยถึงอุดมศึกษา ในสถานศึกษาทั่วประเทศ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่พัฒนาขึ้นดังกล่าว ประกอบด้วย 5 หลักสูตร คือ 1) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) 3) หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) 4) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ 5) หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้าน ทุจริต) ซึ่งก่อนที่จะน าเสนอผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในแต่ละหลักสูตร คณะผู้วิจัยจะน าเสนอผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวมของทั้ง 5 หลักสูตรก่อน รายละเอียดดังต่อไปนี้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 130 4.2.1 การประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม ในภาพรวมของการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร พบว่า หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในภาพรวมอยู่ใน ระดับ A คือ ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ระดับดีมาก (ค่าคะแนนรวมผลสัมฤทธิ์ เท่ากับ 81.59) ส่วนอีก 4 หลักสูตรคือ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้าง วิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทาง รับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีคะแนนการประเมินผล สัมฤทธิ์หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในภาพรวมอยู่ในระดับ B คือ ผลสัมฤทธิ์ของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ระดับดีโดยคะแนนประเมินผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) มีคะแนนประเมินผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 78.61 หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและ รัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีคะแนนประเมินผลสัมฤทธิ์เฉลี่ย อยู่ที่ 78.45 ตามมาด้วยหลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) มีคะแนนประเมินผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 78.21 และหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่าคะแนนประเมินผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 62.01 ตามล าดับ (ดูจากตารางที่ 4.1 และแผนภาพ ที่ 4.1) ตารางที่ 4.1 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม หลักสูตร ปัจจัยน าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ (Outcome) คะแนน รวม ผลสัมฤทธิ์ (100 คะแนน) ระดับ การแปล ความหมาย ความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึงพอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1.หลักสูตรโค้ช{n=423} 6.88 21.67 39.55 13.49 81.59 A ระดับดีมาก 2.หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน {n=36,699} 7.38 19.72 39.05 12.46 78.61 B ระดับดี 3.หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./ บุคลากรภาครัฐและ รัฐวิสาหกิจ{n=780} 4.90 16.92 44.23 12.40 78.45 B ระดับดี 4.หลักสูตรกลุ่มทหารและ ต ารวจ {n=204} 5.72 17.33 42.11 13.05 78.21 B ระดับดี 5.หลักสูตรอุดมศึกษา {n=526} 5.20 9.54 33.46 11.81 62.01 B ระดับดี หมายเหตุ ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ n หมายถึง จ านวนนักเรียน/นักศึกษา/ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ประเมิน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 131 แผนภาพที่ 4.1 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม การประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวมทั้ง 5 หลักสูตร จ าแนกตาม องค์ประกอบ อันได้แก่ 1) ปัจจัยน าเข้า 2) กระบวนการ และ 3) ผลลัพธ์ ผลการประเมินในแต่ละองค์ประกอบ มีดังต่อไปนี้ 1. ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า (Input) ซึ่งพิจารณาจากศักยภาพของผู้บริหารและความพร้อมของ ระบบสนับสนุนในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ที่ครอบคลุมถึงความสามารถในการบริหารจัดการ น าหลักสูตรต้านทุจริตไปใช้ในสถานศึกษา/หน่วยงาน การรับรู้เจตนารมณ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา การมี ส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร การเข้าร่วมรับฟังและการประชุมชี้แจง การก าหนดและเตรียมผู้รับผิดชอบ หลักสูตร การจัดท าแผนการเรียนรู้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตร การจัดสรรงบประมาณ สนับสนุนการจัดการเรียนการสอน/การฝึกอบรม การจัดหาสื่อ เอกสาร วัสดุ และอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการ จัดการเรียนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา การนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอน และระดับ การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา/หน่วยงาน และก าหนดค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักในอัตราส่วน ร้อยละ 10 โดยผู้บริหาร และครู/อาจารย์ผู้สอนของสถานศึกษา ในกรณีหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน ส่วนในกรณีหลักสูตรการฝึกอบรม คือ ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร ผลการประเมินปัจจัยน าเข้าของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร พบว่า ปัจจัยน าเข้าของ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่มีค่าคะแนนสูงสุด คือ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) (ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 7.38 คะแนน) รองลงมาคือ หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิด ต้านทุจริต) (ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 6.88 คะแนน) ในขณะที่หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยาการผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีค่าคะแนน องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยน าเข้าต่ าสุด คือ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 4.90 คะแนน 81.59 78.61 78.45 78.21 62.01 50 55 60 65 70 75 80 85 หลักสูตรโค้ช {n=423} หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน {n=36,699} หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ {n=780} หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ {n=204} หลักสูตรอุดมศึกษา {n=526}


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 132 แผนภาพที่ 4.2 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม จ าแนกตาม องค์ประกอบปัจจัยน าเข้า 2. ผลการประเมินกระบวนการ (Precess) ซึ่งพิจารณาจากการประเมินกระบวนการจัดการเรียน การสอน/การจัดการฝึกอบรม และผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรจัดการเรียนการสอนไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ที่ครอบคลุมถึงการด าเนินการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ครอบคลุมประเด็นการมีส่วนร่วมในการปลูกฝัง ให้นักเรียนมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต การทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา การมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร การเข้าร่วมรับฟังและประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา การเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร การน าหลักสูตรไปจัดการเรียนรู้ และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาในหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบต่อ สังคม การจัดหาเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา สื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา การนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และระดับการ น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา/หน่วยงาน และก าหนดค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักในอัตราส่วน ร้อยละ 25 โดยผู้บริหาร และครู/อาจารย์ผู้สอนของสถานศึกษา ในกรณีหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน ส่วนในกรณีหลักสูตรการฝึกอบรม คือ ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร ผลการประเมินกระบวนการของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร พบว่า กระบวนการของ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่มีค่าคะแนนสูงสุด คือ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) (ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 18.35 คะแนน) รองลงมาคือ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) (ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 17.33 คะแนน) ในขณะที่ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่าคะแนนองค์ประกอบที่เป็น กระบวนการต่ าสุด คือ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 7.80 คะแนน 0.00 1.00 2.00 3.00 4.00 5.00 6.00 7.00 8.00 หลักสูตรโค้ช หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ หลักสูตรอุดมศึกษา 6.88 7.38 4.90 5.72 5.20


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 133 แผนภาพที่ 4.3 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม จ าแนกตาม องค์ประกอบกระบวนการ 3. ผลการประเมินผลลัพธ์(Outcome) ซึ่งพิจารณาจากการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน/ นักศึกษา/ผู้เข้ารับการฝึกอบรมในด้านความรู้ (K) เจตคติของนักเรียน/นักศึกษา/ผู้เข้ารับการฝึกอบรม (A) พฤติกรรมที่พึงประสงค์ การมีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศนคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริต และประพฤติมิชอบของเด็กและเยาวชน/ประชาชน การน าไปใช้ในชีวิตประจ าวัน และน าไปปฏิบัติในหน้าที่ ความรับผิดชอบ (B) ว่าบรรลุผลตามจุดมุ่งหมาย/วัตถุประสงค์ของหลักสูตรมากน้อยเพียงใด โดยก าหนด ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักในอัตราส่วนร้อยละ 50 ส่วนการประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรของผู้บริหาร/ครู- อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร/ผู้ก ากับดูแลหลักสูตร และนักเรียน/นักศึกษาผู้เข้ารับการฝึกอบรม ก าหนด ค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักในอัตราส่วนรวมร้อยละ 15 ผลการประเมินผลลัพธ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 5 หลักสูตร ซึ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 2) ความพึงพอใจต่อหลักสูตร ผลการประเมินดังที่ปรากฏในตารางที่ 4.1 แสดงให้เห็นว่า ความรู้ เจตคติและพฤติกรรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้น าการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) มีค่าคะแนนผลลัพธ์ สูงสุด คือ 43.68 คะแนน ในขณะที่หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่าคะแนนต่ าสุด คือ 33.49 คะแนน นอกจากนี้ในส่วนของความพึงพอใจต่อหลักสูตร พบว่า หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) มีค่าคะแนนความพึงพอใจต่อหลักสูตรสูงสุด (ค่าคะแนน 13.48 คะแนน) รองลงมาคือ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ (ตามแนวทางรับราชการกลุ่มทหารและต ารวจ) (ค่าคะแนนเท่ากับ 13.05 คะแนน) ในขณะที่หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) มีค่าคะแนน องค์ประกอบที่เป็นผลลัพธ์ต่ าสุด คือ มีค่าคะแนนเท่ากับ 11.81 คะแนน 0 5 10 15 20 25 หลักสูตรโค้ช หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ หลักสูตรอุดมศึกษา 21.67 19.72 16.92 17.33 9.54 กระบวนการ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 134 แผนภาพที่ 4.4 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม จ าแนกตาม องค์ประกอบผลลัพธ์ 39.55 39.05 44.23 42.11 33.46 0 10 20 30 40 50 หลักสูตรโค้ช หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ หลักสูตรอุดมศึกษา ความรู้เจตคติฯ 13.49 12.46 12.4 13.05 11.81 10.5 11 11.5 12 12.5 13 13.5 14 หลักสูตรโค้ช หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หลักสูตรกลุ่มทหารและต ารวจ หลักสูตรอุดมศึกษา ความพึงพอใจฯ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 135 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 136 4.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้ ซึ่งประเมินโดยนักเรียน 36,712 คน จากโรงเรียนจ านวน 1,373 แห่ง ใน 4 สังกัด คือ ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน ภาพรวมอยู่ในระดับดี(ระดับ B) โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 78.61 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 7.38 คะแนน กระบวนการ 19.72 คะแนน ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 39.05 คะแนน และความพึงพอใจต่อหลักสูตร 12.46 คะแนน ตารางที่ 4.2 ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามสังกัด และองค์ประกอบ สถานศึกษา สังกัด จ านวน สถานศึกษา ที่ประเมิน จ านวน นักเรียน ที่ประเมิน ปัจจัยน าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ หลักสูตรต้าน ทุจริตศึกษา รวมเฉลี่ย (100 คะแนน) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความ พึงพอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ส านักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 1,055 27,920 7.61 20.62 39.21 12.62 80.06 A ดีมาก ส านักงาน คณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน (สช.) 37 1,316 6.58 16.82 38.28 10.93 72.60 B ดี กรมส่งเสริมการ ปกครองท้องถิ่น (สถ.) 147 4,019 6.60 17.28 38.40 12.17 74.44 B ดี กรุงเทพมหานคร (กทม.) 134 3,457 6.65 16.13 38.75 12.10 73.63 B ดี รวม 1,373 36,712 7.38 19.72 39.05 12.46 78.61 B ดี เมื่อพิจารณาจ าแนกผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ตามรายสังกัด พบว่า โรงเรียนสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนนสูงสุด เท่ากับ 80.06 (หมายถึง ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับดีมาก) รองลงมาคือ สถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) (คะแนน 74.44) สถานศึกษาสังกัด กรุงเทพมหานคร (กทม.) (คะแนน 73.63) และคะแนนต่ าสุดคือ สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) (คะแนน 72.60) แต่ก็ถือว่าสถานศึกษาสังกัด กทม. สถ. และ สช. มีผลสัมฤทธิ์ ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในระดับดี (ระดับ B) แต่ก็ยังมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ต่ ากว่าค่าเฉลี่ย ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวมของประเทศ ยกเว้นสถานศึกษาสังกัด สพฐ. เท่านั้น (ดูจากตารางที่ 4.2 และแผนภาพที่ 4.5)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 137 แผนภาพที่ 4.5 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามสังกัด เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบ คือ ปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ ผลที่ได้มีดังนี้ ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า ซึ่งประเมินโดยผู้บริหารสถานศึกษาจากโรงเรียนทั้งหมด 1,373 แห่ง ค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) โดยรวมมี ค่าคะแนนเท่ากับ 7.38 (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) สังกัดสถานศึกษาที่มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าสูงสุด คือ สังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนน 7.61 คะแนน ในขณะที่สถานศึกษา สังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น มีค่าคะแนนต่ าสุดใกล้เคียงกัน คือ อยู่ระหว่าง 6.58-6.65 คะแนน (ดูตารางที่ 4.2 และแผนภาพที่ 4.6) ผลการประเมินกระบวนการ ซึ่งประเมินโดยครูผู้สอน/ผู้รับผิดชอบหลักสูตรจากโรงเรียนทั้งหมด 1,373 แห่ง ค่าคะแนนการประเมินกระบวนการของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) โดยรวมมีค่าคะแนนเท่ากับ 19.72 คะแนน สังกัดสถานศึกษาที่มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ สังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนน 20.62 คะแนน ในขณะที่สถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีค่าคะแนนต่ าสุด คือ 10.13 คะแนน ผลการประเมินผลลัพธ์ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม และ 2) ความพึง พอใจต่อหลักสูตร ผลการประเมินดังที่ปรากฏในตารางที่ 4.2 แสดงให้เห็นว่า ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม ของนักเรียนที่เรียนในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) โดยรวมมีค่า คะแนนเท่ากับ 39.05 คะแนน สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่า 68.00 70.00 72.00 74.00 76.00 78.00 80.00 82.00 80.06 72.60 74.44 73.63


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 138 คะแนนผลสัมฤทธิ์สูงสุด (มีค่าคะแนน 39.21 คะแนน) ในขณะที่สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มีค่าคะแนนต่ าสุด เท่ากับ 38.28 คะแนน ในส่วนความพึงพอใจต่อหลักสูตร ข้อมูลที่ปรากฏว่าในตารางที่ 4.2 แสดงให้เห็นว่าคะแนนความ พึงพอใจต่อหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ของผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้เรียน โดยรวมมีค่าคะแนนความพึงพอใจต่อหลักสูตร 12.46 คะแนน สถานศึกษาสังกัดส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์สูงสุด (ค่าคะแนน 12.62 คะแนน) ในขณะที่ ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มีค่าคะแนนต่ าสุด คือ 10.93 คะแนน ส่วนสถาน ศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย เท่ากันคือ ประมาณ 12 คะแนน แผนภาพที่ 4.6 คะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามองค์ประกอบเปรียบเทียบกับคะแนนเต็มในแต่ละองค์ประกอบ (คะแนนเต็ม 10) (คะแนนเต็ม 25) (คะแนนเต็ม 50) (คะแนนเต็ม 15) 7.38 2.62 0 2 4 6 8 10 12 ปัจจัยน าเข้า 19.72 5.28 0 5 10 15 20 25 30 กระบวนการ 39.05 10.95 0 10 20 30 40 50 60 ผลลัพธ์ (ความรู้ เจตคติฯ) 12.46 2.54 0 5 10 15 20 ผลลัพธ์ (ความพึงพอใจฯ)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 139 4.3.1 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 4.3 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาทั้ง 9 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดี (B) และเมื่อดูการกระจายระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในแต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานครแล้ว ตัวเลขในตารางเดียวกัน ยังชี้ให้เห็นว่า สถานศึกษาในส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ อยู่ในระดับดีมาก มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 80.45 คะแนน ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาคที่เหลือรวมถึง กรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้มีค่าคะแนนใกล้เคียงกัน คือ มีค่าคะแนนอยู่ระหว่าง 73-79 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับดี (B) และรายชื่อของสถานศึกษาที่มีคะแนน ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ สูงสุดและต่ าสุดในแต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร (ดังปรากฏในตารางที่ 4.4) ตารางที่ 4.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค จ านวน สถานศึกษา ที่ประเมิน จ านวน นักเรียน ที่ประเมิน ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ หลักสูตร ต้านทุจริต ศึกษา รวมเฉลี่ย (100 คะแนน) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความ พึงพอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 129 3,513 7.46 20.28 38.78 12.41 78.93 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 157 4,202 7.44 20.90 39.48 12.63 80.45 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 158 4,144 7.51 20.04 38.79 12.43 78.78 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 110 2,773 7.49 19.55 39.76 12.13 78.93 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 134 3,532 7.63 20.39 37.81 12.47 78.30 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 161 4,698 7.52 20.12 39.04 12.60 79.27 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 120 3,229 7.23 19.93 39.18 12.59 78.94 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 143 4,025 7.43 19.98 39.48 12.63 79.53 B ดี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 123 3,084 7.35 19.60 39.50 12.48 78.93 B ดี กรุงเทพมหานคร 138 3,512 6.70 16.17 38.76 12.10 73.71 B ดี รวม 1,373 36,712 7.38 19.72 39.05 12.46 78.61 B ดี ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร และตามองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบ คือ ปัจจัย น าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ ผลที่ได้มีดังนี้ ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า ค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าของสถานศึกษาในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าสูงสุด คือ 7.63 คะแนน รองลงมาคือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 มีคะแนน 7.52 คะแนน ในขณะที่สถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าต่ าสุด คือ 6.70 คะแนน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 140 ผลการประเมินกระบวนการ พบว่า ค่าคะแนนผลการประเมินกระบวนการของสถานศึกษาในพื้นที่ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ 20.90 คะแนน รองลงมาคือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 มีค่าคะแนน 20.39 คะแนน ในขณะที่สถานศึกษาพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนกระบวนการ ต่ าสุด คือ 16.17 คะแนนเท่านั้น ผลการประเมินผลลัพธ์ซึ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม และ 2) ความ พึงพอใจต่อหลักสูตร ผลการประเมินที่ปรากฏในตารางที่ 4.3 แสดงให้เห็นว่า ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม ของนักเรียน/นักศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-4 และส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6-9 มีค่าคะแนนผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน คือ 38.27-39.37 คะแนน ในขณะที่ความรู้ เจตคติและพฤติกรรมของ นักเรียน/นักศึกษาของสถานศึกษาในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 มีค่าคะแนนผลลัพธ์ต่ าสุด คือ 37.38 คะแนน ในส่วนของคะแนนความพึงพอใจต่อหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ในพื้นที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-9 และกรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนใกล้เคียงกัน คือ 12.10-12.63 คะแนน แผนภาพที่ 4.7 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร 77.31 78.85 76.77 77.62 76.5 77.55 77.11 78.02 77.31 72.24 68 70 72 74 76 78 80 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 กรุงเทพมหานคร


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 141 ตารางที่ 4.4 สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ระดับสูงสุด และต่ าสุด จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ภาค สถานศึกษาที่มีคะแนนการประเมิน ผลสัมฤทธิ์สูงสุด สถานศึกษาที่มีคะแนนการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ต่ าสุด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 97.37 คะแนน ระดับ A โรงเรียนชุมชนวัดพระปรางค์วิริยวิทยา สังกัด สพฐ. จังหวัดสิงห์บุรี 43.59 คะแนน ระดับ D โรงเรียนเทศบาลหินกอง สังกัด สถ. จังหวัดสระบุรี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 93.58 คะแนน ระดับ A โรงเรียนบ้านหนองศรีวิชัย สังกัด สพฐ. จังหวัดปราจีนบุรี 58.80 คะแนน ระดับ C โรงเรียนบ้านหนองประดู่ สังกัด สพฐ. จังหวัดปราจีนบุรี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 97.04 คะแนน ระดับ A โรงเรียนบ้านท่าลาดขาว สังกัด สพฐ. จังหวัดนครราชสีมา 53.75 คะแนน ระดับ C โรงเรียนบ้านซับใต้ สีคิ้ว สังกัด สพฐ. จังหวัดนครราชสีมา ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 95.42 คะแนน ระดับ A โรงเรียนบ้านด่าน สังกัด สพฐ. จังหวัดอุดรธานี 60.57 คะแนน ระดับ B โรงเรียนไตรคามราษฎร์บ ารุง สังกัด สพฐ. จังหวัดขอนแก่น ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 97.73 คะแนน ระดับ A โรงเรียนบ้านแม่ลากเนินทอง สังกัด สพฐ. จังหวัดเชียงราย 59.24 คะแนน ระดับ C โรงเรียนบ้านห้วยกล้า สังกัด สพฐ. จังหวัดเชียงราย ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 97.21 คะแนน ระดับ A โรงเรียนวัดเขามโน สังกัด สพฐ. จังหวัดนครสวรรค์ 61.48 คะแนน ระดับ B โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองสวรรคโลก สังกัด สถ. จังหวัดสุโขทัย ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 95.78 คะแนน ระดับ A โรงเรียนวัดปากช่อง สังกัด สพฐ. จังหวัดราชบุรี 55.34 คะแนน ระดับ C โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสนหา (สมัครพลผดุง) สังกัด สถ. จังหวัดนครปฐม ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 94.85 คะแนน ระดับ A โรงเรียนบ้านคลองโหยน สังกัด สพฐ. จังหวัดสุราษฎร์ธานี 61.46 คะแนน ระดับ B โรงเรียนอนุบาลพฤษชาติ สังกัด สช. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 94.77 คะแนน ระดับ A โรงเรียนวัดล าใน สังกัด สพฐ. จังหวัดพัทลุง 56.51 คะแนน ระดับ C โรงเรียนบ้านบาราเฮาะ สังกัด สพฐ. จังหวัดปัตตานี กรุงเทพมหานคร 91.81 คะแนน ระดับ A โรงเรียนสุเหร่าสามวา (ซุน เวทย์สฤษฎ์อุทิศ) สังกัด กรุงเทพมหานคร 52.01 คะแนน ระดับ C โรงเรียนคารีอุปถัมภ์ สังกัด กรุงเทพมหานคร เมื่อดูผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้เฉพาะสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งประเมินโดย นักเรียน 27,920 คน จากโรงเรียนจ านวน 1,055 แห่ง จ าแนกตามส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 2 ประเภท คือ 1) ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และ 2) ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 4.5 แสดงให้เห็นว่า ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวม อยู่ในระดับ A หรือระดับดีมากทั้งสองส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 142 ตารางที่ 4.5 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามเขตพื้นที่การศึกษา (เรียงตามคะแนนการประเมินรวม 10 อันดับแรก) กลุ่มสถานศึกษา สังกัด สพฐ. เขตพื้นที่การศึกษา จ านวน นักเรียน ที่ ประเมิน จ านวน สถาน ศึกษา ที่ ประเมิน ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ หลักสูตร ต้านทุจริต ศึกษา รวมเฉลี่ย (100 คะแนน) ความรู้ ระดับ เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) สพม. ล าปาง-ล าพูน 4 1 7.41 23.73 44.28 13.73 89.15 A สพป. พัทลุง เขต 2 81 2 8.52 23.09 43.26 14.11 88.98 A สพม. สมุทรสาคร สมุทรสงคราม 23 2 8.15 23.52 43.39 13.3 88.35 A สพป. อุดรธานี เขต 3 129 7 7.88 21.43 44.87 13.57 87.75 A สพป. ราชบุรี เขต 1 112 6 8.02 22.32 43.4 13.68 87.42 A สพป. นครปฐม เขต 1 43 2 6.85 20.98 45.82 13.13 86.78 A สพป. สุราษฎร์ธานี เขต 3 429 16 8.24 21.98 42.32 13.13 85.68 A สพม. สุราษฎร์ธานีชุมพร 176 8 8.19 21.82 42.37 13.19 85.57 A สพป. หนองบัวล าภู เขต 1 389 16 7.87 21.8 41.95 13.72 85.34 A สพม. สุพรรณบุรี 10 1 7.78 20.35 43.73 13.47 85.32 A หมายเหตุรายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-7) ตารางที่ 4.6 ร้อยละของสถานศึกษาในกลุ่มสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามเขตพื้นที่การศึกษา (เรียงตาม คะแนนการประเมินรวม 10 อันดับแรก) ร้อยละ รวม เขตพื้นที่การศึกษา A (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ สพม.ล าปาง-ล าพูน 100.00 0.00 0.00 0.00 1 4 89.15 A สพป.พัทลุง เขต 2 100.00 0.00 0.00 0.00 2 81 88.98 A สพม. สมุทรสาคร สมุทรสงคราม 100.00 0.00 0.00 0.00 2 23 88.35 A สพป.อุดรธานี เขต 3 85.71 14.29 0.00 0.00 7 129 87.75 A สพป.ราชบุรี เขต 1 88.33 16.77 0.00 0.00 6 112 87.42 A สพป.นครปฐม เขต 1 100.00 0.00 0.00 0.00 2 43 86.78 A สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 3 75.00 25.00 0.00 0.00 16 429 85.68 A สพม. สุราษฎร์ธานี ชุมพร 75.00 25.00 0.00 0.00 8 176 85.57 A สพป.หนองบัวล าภู เขต 1 68.75 31.25 0.00 0.00 16 389 85.34 A สพม.สุพรรณบุรี 100.00 0.00 0.00 0.00 1 10 85.32 A หมายเหตุรายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-8)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 143 4.3.2 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้เรียงตามสถานศึกษา เมื่อน าค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้มาจัดเรียงล าดับจากมากไปหาน้อยตามรายสถานศึกษา ตารางที่ 4.7 (ซึ่งน าเสนอเพียง 10 อันดับ แรกเท่านั้นในหน้านี้ แต่ล าดับตั้งแต่ 1-1,373 ดูในภาคผนวก ก) แสดงให้เห็นว่า โรงเรียนบ้านลาดเนินทอง จังหวัดเชียงราย สังกัด สพฐ. ได้คะแนนสูงสุด คือ 97.73 คะแนน อยู่ในระดับ A รองลงไปคือ โรงเรียนชุมชนวัด พระปรางค์วิริยวิทยา จังหวัดสิงห์บุรี สังกัด สพฐ. (97.37 คะแนน) ส่วนสถานศึกษาที่ได้คะแนนต่ าสุด คือ โรงเรียนเทศบาลหินกอง จังหวัดสระบุรี สังกัด สถ. ได้เพียง 45.70 คะแนน อยู่ในระดับ D ซึ่งถือว่าผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้อยู่ในระดับปรับปรุง ตารางที่ 4.7 สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้เรียงตามคะแนนการประเมินรวม (แสดง 10 อันดับแรก) ที่ สถานศึกษา จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความหมาย ความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1 บ้านแม่ลาก เนินทอง เชียงราย สปภ.5 10.00 25.00 47.73 15.00 97.73 A ดีมาก 2 ชุมชนวัดพระ ปรางค์วิริยวิทยา สิงห์บุรี สปภ.1 9.63 23.73 49.01 15.00 97.37 A ดีมาก 3 วัดเขามโน นครสวรรค์ สปภ.6 9.63 23.73 49.08 14.77 97.21 A ดีมาก 4 บ้านท่าลาดขาว นครราชสีมา สปภ.3 10.00 24.58 47.54 14.92 97.04 A ดีมาก 5 วัดปากช่อง ราชบุรี สปภ.7 8.15 24.15 48.86 14.62 95.78 A ดีมาก 6 เขื่องใน (เจริญราษฎร์) อุบลราชธานี สปภ.3 9.26 22.88 49.62 13.92 95.68 A ดีมาก 7 บ้านด่าน อุดรธานี สปภ.4 9.26 22.46 49.51 14.20 95.42 A ดีมาก 8 บ้านคลองโหยน สุราษฎร์ธานี สปภ.8 8.15 24.15 49.75 12.80 94.85 A ดีมาก 9 วัดล าใน พัทลุง สปภ.9 9.63 21.19 49.11 14.84 94.77 A ดีมาก 10 บ้านวังโปร่ง หนองบัวล าภู สปภ.4 8.52 23.73 48.39 14.09 94.72 A ดีมาก หมายเหตุรายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-1) 4.3.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามสังกัด ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้ซึ่งประเมินโดยนักเรียน 36,712 คน จากโรงเรียนจ านวน 1,373 แห่ง ใน 4 สังกัด คือ ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดี(ระดับ B) โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 78.61 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 7.38 คะแนน กระบวนการ 19.72 คะแนน ความรู้ เจตคติ และพฤติกรรม 39.05 คะแนน และความพึงพอใจต่อหลักสูตร 12.46 คะแนน (ดูจากตารางที่ 4.6 แผนภาพที่ 5.2)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 144 ส่วนสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีค่าคะแนนสูงสุด คือ 80.06 อยู่ในระดับ A รองลงมาคือ สถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น (สถ.) เป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม (ค่าคะแนน 74.44 คะแนน) สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) (ค่าคะแนน 73.63 คะแนน) และสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มีค่าคะแนนต่ าสุด คือ 72.60 คะแนน แต่ทั้งหมดนี้ถือว่ามีผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ในระดับ B หรือระดับดีเป็นที่น่าสังเกตว่าสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพียงร้อยละ 50 มีผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ในระดับดีมาก หรือระดับ A ส่วนที่เหลืออีก 3 สังกัด คือ ส านักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับ B หรือระดับดี ตารางที่ 4.8 ร้อยละของสถานศึกษาในทั้ง 4 สังกัดที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ร้อยละ รวม กลุ่มสถานศึกษา A (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 49.48 50.14 0.38 0.00 1,055 27,920 80.06 A ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชน (สช.) 29.73 62.16 8.11 0.00 37 1,316 72.60 B กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 21.09 76.19 2.04 0.68 147 4,019 74.44 B กรุงเทพมหานคร (กทม.) 13.43 82.84 3.73 0.00 134 3,457 73.63 B รวม 42.39 56.45 1.09 0.07 1,373 36,712 78.61 B


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 145 แผนภาพที่ 4.8 ร้อยละของสถานศึกษาในทั้ง 4 สังกัดที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 49.48 29.73 21.09 13.43 0.00 10.0020.0030.0040.0050.00 ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) A 50.14 62.16 76.19 82.84 0.00 20.00 40.00 60.00 80.00100.00 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) B 0.38 8.11 2.04 3.73 0.00 2.00 4.00 6.00 8.00 10.00 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) C 0.00 0.00 0.68 0.00 0.00 0.20 0.40 0.60 0.80 ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน (สช.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) D


Click to View FlipBook Version