The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paporn, 2023-02-14 23:54:06

รวมเล่ม รายงานติดตามผลสัมฤทธิ์ฯ2565

โครงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ประจำปี 2565

รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 146 ตารางที่ 4.9 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกรายสถานศึกษาตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร (แสดง 10 อันดับ แรก) ที่ โรงเรียน จังหวัด ปัจจัยน าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 1 ชุมชนวัดพระปรางค์ วิริยวิทยา สิงห์บุรี 9.63 23.73 49.01 15.00 97.37 A ดีมาก 2 บ้านบ่อยายส้มแก้ว ประชาสรรค์ ชัยนาท 8.15 22.04 49.51 15.00 94.69 A ดีมาก 3 วัดหนองโพธิ์ สระบุรี 6.67 23.73 49.98 13.29 93.66 A ดีมาก 4 ชุมชนวัดกลางท่าข้าม สิงห์บุรี 9.26 21.19 48.01 14.98 93.43 A ดีมาก 5 วัดปัญจทายิกาวาส ปทุมธานี 9.63 20.76 47.89 14.76 93.04 A ดีมาก 6 วัดเกาะเซิงหวาย สระบุรี 7.41 19.07 48.95 14.99 90.41 A ดีมาก 7 วัดโพธิ์ทอง ชัยนาท 9.63 20.34 45.34 14.98 90.28 A ดีมาก 8 วัดโภคาภิวัฒน์ สิงห์บุรี 9.26 19.92 46.62 13.62 89.42 A ดีมาก 9 บ้านซับพริก สระบุรี 8.89 19.07 46.34 14.85 89.15 A ดีมาก 10 วัดส่องคบ (ท้ายเมือง อนุสรณ์) ชัยนาท 9.26 21.19 44.56 14.07 89.07 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 1 บ้านหนองศรีวิชัย ปราจีนบุรี 8.15 22.88 47.82 14.73 93.58 A ดีมาก 2 วัดสารวนาราม ปราจีนบุรี 9.63 21.19 46.88 14.91 92.61 A ดีมาก 3 อนุบาลอุดมวิทย์ ปราจีนบุรี 8.15 19.49 49.94 13.71 91.30 A ดีมาก 4 บ้านหนองจิก ปราจีนบุรี 8.89 20.34 46.88 14.87 90.98 A ดีมาก 5 บ้านสามแยก ชลบุรี 8.15 19.49 47.83 14.94 90.40 A ดีมาก 6 กองทัพบกอุปถัมภ์ อนุบาลค่ายนวมิน ทราชินี ชลบุรี 7.41 22.88 45.70 14.39 90.37 A ดีมาก 7 บ้านทัพนคร จันทบุรี 7.41 20.76 49.12 12.72 90.01 A ดีมาก 8 บ้านโนนหัวบึง ปราจีนบุรี 8.15 22.04 46.69 12.67 89.55 A ดีมาก 9 ไทยรัฐวิทยา 108 บ้าน ส านักทอง ระยอง 9.26 20.34 45.16 14.73 89.48 A ดีมาก 10 อนุบาลวัดโคกท่าเจริญ ชลบุรี 6.67 20.76 47.18 14.82 89.43 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 1 บ้านท่าลาดขาว นครราชสีมา 10.00 24.58 47.54 14.92 97.04 A ดีมาก 2 เขื่องใน (เจริญราษฎร์) อุบลราชธานี 9.26 22.88 49.62 13.92 95.68 A ดีมาก 3 บ้านแสนค า (นาชุมสามัคคี) อุบลราชธานี 10.00 22.88 47.11 13.89 93.88 A ดีมาก 4 บ้านแพง อุบลราชธานี 9.63 19.49 49.16 14.99 93.27 A ดีมาก 5 บ้านกุดน้อย นครราชสีมา 9.26 25.00 43.55 14.90 92.71 A ดีมาก 6 วัดหนองพลวง นครราชสีมา 9.26 25.00 43.31 14.80 92.37 A ดีมาก 7 บ้านกลางใหญ่ อุบลราชธานี 8.89 20.76 48.29 14.26 92.20 A ดีมาก 8 บ้านค ากลาง อุบลราชธานี 9.63 23.31 43.63 14.62 91.19 A ดีมาก 9 บ้านโคกสะอาด นครราชสีมา 8.15 19.92 48.52 14.53 91.11 A ดีมาก


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 147 ที่ โรงเรียน จังหวัด ปัจจัยน าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 10 บ้านภูหล่น อุบลราชธานี 8.52 21.61 47.29 13.15 90.57 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 1 บ้านด่าน อุดรธานี 9.26 22.46 49.51 14.20 95.42 A ดีมาก 2 บ้านวังโปร่ง หนองบัวล าภู 8.52 23.73 48.39 14.09 94.72 A ดีมาก 3 บ้านนาโฮง อุดรธานี 9.26 20.34 49.97 14.97 94.54 A ดีมาก 4 บ้านโคกม่วย หนองบัวล าภู 7.41 23.31 49.62 13.65 93.99 A ดีมาก 5 บ้านเซประชาอุทิศ อุดรธานี 9.26 23.31 47.19 13.69 93.44 A ดีมาก 6 บ้านบ่อใหญ่ ขอนแก่น 8.89 23.73 47.24 13.36 93.21 A ดีมาก 7 เทศบาล 1 หนองแสง นครพนม 8.52 22.46 46.91 14.80 92.68 A ดีมาก 8 บ้านหนองนกเขียน หนองบัวล าภู 9.63 21.19 46.83 14.97 92.62 A ดีมาก 9 บ้านป่าก้าว อุดรธานี 9.63 18.65 47.25 15.00 90.52 A ดีมาก 10 บ้านโจดใหญ่ ขอนแก่น 9.26 21.19 45.03 14.85 90.32 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 1 บ้านแม่ลากเนินทอง เชียงราย 10.00 25.00 47.73 15.00 97.73 A ดีมาก 2 บ้านผาตั้ง พะเยา 8.15 20.76 49.32 13.18 91.40 A ดีมาก 3 แม่โมงเย้า เชียงราย 8.15 19.92 48.71 14.14 90.91 A ดีมาก 4 บ้านแม่สะเต เชียงใหม่ 7.41 23.73 45.24 12.96 89.34 A ดีมาก 5 บ้านป่าคา พะเยา 9.63 23.31 41.32 14.73 88.99 A ดีมาก 6 บ้านกาดถี พะเยา 8.89 23.73 41.84 14.46 88.92 A ดีมาก 7 บ้านขี้เหล็กดอยดินแดง เชียงราย 10.00 17.37 46.55 14.73 88.65 A ดีมาก 8 บ้านกระแล เชียงราย 7.78 17.37 49.52 13.55 88.22 A ดีมาก 9 บ้านศาลา เชียงใหม่ 7.04 20.34 45.75 15.00 88.12 A ดีมาก 10 บ้านผาฮาว พะเยา 8.15 22.46 42.84 13.75 87.19 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 1 วัดเขามโน นครสวรรค์ 9.63 23.73 49.08 14.77 97.21 A ดีมาก 2 บ้านขุนห้วยนกแล ตาก 8.52 24.58 46.73 14.90 94.72 A ดีมาก 3 ข้านช่อกระถินพัฒนา นครสวรรค์ 9.26 21.19 48.47 14.36 93.27 A ดีมาก 4 บ้านห้วยตูม เพชรบูรณ์ 9.26 25.00 43.54 14.90 92.69 A ดีมาก 5 มะต้องประชาสรรค์ พิษณุโลก 9.26 25.00 43.82 14.52 92.59 A ดีมาก 6 บ้านน้ าจวง พิษณุโลก 6.67 22.88 47.56 14.30 91.41 A ดีมาก 7 บ้านซับชมภู เพชรบูรณ์ 8.52 19.49 49.03 14.35 91.39 A ดีมาก 8 บ้านหนองนมวัว นครสวรรค์ 7.04 22.04 47.79 14.14 91.00 A ดีมาก 9 ชุมชนวัดย่านขาด (ประชาสงเคราะห์) พิษณุโลก 8.89 21.61 45.90 14.17 90.57 A ดีมาก 10 รวมไทยพัฒนา 2 ตาก 9.26 24.58 43.65 13.06 90.54 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 1 วัดปากช่อง ราชบุรี 8.15 24.15 48.86 14.62 95.78 A ดีมาก 2 บ้านดอนตาลเสี้ยน กาญจนบุรี 8.89 20.34 49.52 14.98 93.73 A ดีมาก 3 บ้านมาบแค นครปฐม 8.15 22.04 49.38 12.97 92.53 A ดีมาก 4 วัดวังกุลา สุพรรณบุรี 9.63 19.07 48.87 14.48 92.04 A ดีมาก 5 บ้านหนองหมู กาญจนบุรี 8.52 18.65 49.06 14.41 90.63 A ดีมาก 6 กุศลวิทยา สมุทรสาคร 8.15 24.15 43.46 14.79 90.55 A ดีมาก 7 วัดบ่อกรุ คุรุประชา สุพรรณบุรี 7.41 23.31 45.70 12.85 89.26 A ดีมาก


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 148 ที่ โรงเรียน จังหวัด ปัจจัยน าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) สรรค์ 8 บ้านพยอมงาม กาญจนบุรี 8.52 23.73 43.70 13.01 88.95 A ดีมาก 9 นิคมสร้างตนเอง กระเสียว 1 สุพรรณบุรี 8.15 21.19 46.14 12.70 88.17 A ดีมาก 10 พระต าหนัก สวนกุหลาบ มหามงคล นครปฐม 8.15 21.61 43.51 14.55 87.82 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 1 บ้านคลองโหยน สุราษฎร์ธานี 8.15 24.15 49.75 12.80 94.85 A ดีมาก 2 บ้านบางประสามัคคี สุราษฎร์ธานี 8.89 22.04 47.58 14.49 93.00 A ดีมาก 3 บ้านหัวว่าว ชุมพร 9.26 20.76 47.97 14.90 92.90 A ดีมาก 4 บ้านในปราบราษฎร์ ประสงค์ สุราษฎร์ธานี 9.26 19.92 49.31 14.20 92.68 A ดีมาก 5 ปากน้ าหลังสวนวิทยา ชุมพร 9.26 25.00 43.12 14.57 91.95 A ดีมาก 6 เทศบาล 2 บ้านอู่มาด สุราษฎร์ธานี 8.52 20.76 47.85 14.71 91.83 A ดีมาก 7 บ้านบ่อพระ สุราษฎร์ธานี 8.15 19.49 48.94 14.40 90.97 A ดีมาก 8 วัดอินทการาม สุราษฎร์ธานี 8.15 23.73 44.74 13.77 90.39 A ดีมาก 9 บ้านร่าหมาด กระบี่ 7.04 22.88 45.44 14.27 89.62 A ดีมาก 10 ศรียาภัย ชุมพร 7.41 23.31 43.40 14.31 88.42 A ดีมาก ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 1 วัดล าใน พัทลุง 9.63 21.19 49.11 14.84 94.77 A ดีมาก 2 วัดควนธานี ตรัง 8.15 23.73 47.53 14.92 94.33 A ดีมาก 3 บ้านดูซงปาแย ปัตตานี 9.26 19.07 49.26 14.34 91.93 A ดีมาก 4 บ้านต ามะลังเหนือ สตูล 7.78 21.19 47.59 14.69 91.24 A ดีมาก 5 บ้านลูโบ๊ะลือซง นราธิวาส 7.78 22.88 45.75 13.66 90.07 A ดีมาก 6 บ้านเขาปู่ พัทลุง 7.78 23.73 43.81 14.28 89.60 A ดีมาก 7 บ้านทุ่งคลองควาย พัทลุง 8.52 19.92 46.91 14.24 89.58 A ดีมาก 8 เพลินพิศ นราธิวาส 9.26 25.00 39.83 14.96 89.04 A ดีมาก 9 วัดหรังแคบ พัทลุง 7.78 22.46 44.53 13.65 88.42 A ดีมาก 10 บ้านท่าโต๊ะเมฆ ตรัง 8.52 22.04 43.08 14.77 88.40 A ดีมาก กรุงเทพมหานคร 1 สุเหร่าสามวา (ซุน เวทย์สฤษฎ์อุทิศ) กทม. 7.78 19.92 49.12 15.00 91.81 A ดีมาก 2 วัดพรหมสุวรรณสามัคคี กทม. 7.04 17.80 49.48 13.93 88.24 A ดีมาก 3 ศรีพฤฒา กทม. 8.52 19.49 45.18 13.86 87.05 A ดีมาก 4 วัดคฤหบดีจันทรสถิตย์ กทม. 9.63 21.19 42.20 13.73 86.75 A ดีมาก 5 วัดประชาบ ารุง กทม. 8.15 19.07 43.47 14.58 85.27 A ดีมาก 6 วัดก าแพง กทม. 5.19 17.37 49.35 13.33 85.23 A ดีมาก 7 ประชาราษฎร์บ าเพ็ญ กทม. 9.63 20.34 41.74 13.22 84.93 A ดีมาก 8 ขุมทองเพชรทองค า อุปถัมภ์ กทม. 7.04 15.26 48.59 13.29 84.17 A ดีมาก 9 สุเหร่าศาลาแดง กทม. 8.52 19.92 40.49 14.68 83.60 A ดีมาก 10 วัดทองเพลง กทม. 8.52 16.10 44.66 13.45 82.73 A ดีมาก หมายเหตุรายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-2)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 149 เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ดังตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 5.2 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาทั้ง 4 สังกัด ใน 8 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือ มีค่าคะแนนอยู่ระหว่าง 73.71-79.53 คะแนน ซึ่งถือว่าถือว่ามีผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับ B ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ A หรือในระดับที่ดีมาก (ค่าคะแนน เท่ากับ 80.45 คะแนน) (ดูได้จากตารางที่ 5.2 และตารางที่ 5.3) เมื่อดูการกระจายตัวของระดับผลสัมฤทธิ์ในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ สถานศึกษาที่อยู่ใน ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ทุกภาค (ยกเว้นส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2) รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ อยู่ในระดับ B หรือระดับดี ตารางที่ 4.10 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ในภาพรวม ร้อยละ รวม ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A (80.00-100.00) B (60.00-79.99) C (50.00-50.99) D (0.00-49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 47.27 51.16 0.77 0.77 129 3,513 78.93 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 53.50 45.86 0.63 0.00 157 4,202 80.45 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 46.83 52.53 0.63 0.00 158 4,144 78.78 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 48.18 50.90 0.91 0.00 110 2,773 78.93 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 40.30 59.73 0.00 0.00 134 3,532 78.30 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 45.34 54.66 0.00 0.00 161 4,698 79.27 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 45.00 52.50 2.50 0.00 120 3,229 78.94 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 43.40 56.60 0.00 0.00 143 4,025 79.53 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 39.02 58.54 2.44 0.00 123 3,512 78.93 B กรุงเทพมหานคร 13.77 82.61 3.62 0.00 138 3,512 73.71 B รวม 42.39 56.45 1.09 0.07 1,373 36,712 78.61 B 4.3.3.1 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อพิจารณาจากค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ จ าแนกตามสถานศึกษาในสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถานศึกษาที่ได้ค่าคะแนนสูงสุด คือ โรงเรียนบ้านแม่ลากเนินทอง จังหวัดเชียงราย มีค่า คะแนนรวมเท่ากับ 97.73 ซึ่งหมายถึงมีค่าประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ใน ระดับดีมาก ในขณะที่ โรงเรียนบ้านซับใต้ สีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้ค่าคะแนนต่ าสุด โดยมีค่าคะแนนรวม เฉลี่ยเท่ากับ 53.75 ซึ่งหมายถึงมีค่าผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรอยู่ในระดับปรับปรุง ดังปรากฏในตารางที่ 4.11 เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) ไปใช้แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ดังตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 5.5 แสดงให้ เห็นว่า สถานศึกษาใน 6 ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ได้แก่ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-2, 4 และส านักงาน ป.ป.ช.


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 150 ภาค 6-9 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไป ซึ่งถือว่ามี ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ระดับ A ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3, 5 และ กรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ B โดยมีค่าคะแนน อยู่ในช่วงระหว่าง 76.40-79.51 คะแนน (ดูได้จากตารางที่ 4.12) ตารางที่ 4.11 สถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามสถานศึกษา สังกัด (แสดง 10 อันดับแรก) ที่ โรงเรียน จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ ฯ(100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1 บ้านแม่ลากเนินทอง เชียงราย สปภ.5 10.00 25.00 47.73 15.00 97.73 A ดีมาก 2 ชุมชนวัดพระ ปรางค์วิริยวิทยา สิงห์บุรี สปภ.1 9.63 23.73 49.01 15.00 97.37 A ดีมาก 3 วัดเขามโน นครสวรรค์ สปภ.6 9.63 23.73 49.08 14.77 97.21 A ดีมาก 4 บ้านท่าลาดขาว นครราชสีมา สปภ.3 10.00 24.58 47.54 14.92 97.04 A ดีมาก 5 วัดปากช่อง ราชบุรี สปภ.7 8.15 24.15 48.86 14.62 95.78 A ดีมาก 6 เขื่องใน (เจริญ ราษฎร์) อุบลราชธานี สปภ.3 9.26 22.88 49.62 13.92 95.68 A ดีมาก 7 บ้านด่าน อุดรธานี สปภ.4 9.26 22.46 49.51 14.20 95.42 A ดีมาก 8 บ้านคลองโหยน สุราษฎร์ธานี สปภ.8 8.15 24.15 49.75 12.80 94.85 A ดีมาก 9 วัดล าใน พัทลุง สปภ.9 9.63 21.19 49.11 14.84 94.77 A ดีมาก 10 บ้านวังโปร่ง หนองบัวล าภู สปภ.4 8.52 23.73 48.39 14.09 94.72 A ดีมาก ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 7.61 20.62 39.21 12.62 80.06 A ดีมาก หมายเหตุรายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ผนวก ก-3) ตารางที่ 4.12 ร้อยละของจ านวนสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา ไปใช้ ร้อยละ รวม ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 53.77 46.23 0.00 0.00 106 2,777 80.97 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 53.48 45.83 0.69 0.00 144 3,948 80.61 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 49.65 49.65 0.70 0.00 143 3,645 79.35 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 54.55 45.45 0.00 0.00 77 1,686 80.86 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 42.40 57.60 0.00 0.00 125 3,334 78.63 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 52.34 47.66 0.00 0.00 128 3,752 80.47 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 51.46 48.54 0.00 0.00 103 2,722 80.37 A


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 151 ร้อยละ รวม ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 47.06 52.94 0.00 0.00 119 3,416 80.37 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 42.45 55.66 1.89 0.00 106 2,585 79.51 B กรุงเทพมหานคร 33.33 66.67 0.00 0.00 3 55 76.40 B รวม 49.48 50.14 0.38 0.00 1,055 27,920 80.06 A 4.3.3.2 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ผลการประเมิน พบว่า สถานศึกษาที่ได้ค่าคะแนนสูงสุด คือ โรงเรียนอนุบาลอุดมวิทย์ จังหวัดปราจีนบุรี มีค่าคะแนนรวมเท่ากับ 91.30 ซึ่งหมายถึงมีค่าประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตต้านทุจริตศึกษา ไปใช้ อยู่ใน ระดับดีมาก ในขณะที่ โรงเรียนเพ็ญพัฒนา จังหวัดลพบุรี ได้ค่าคะแนนต่ าสุด โดยมีค่าคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 53.22 ซึ่งหมายถึงมีค่าผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรอยู่ในระดับปรับปรุง ดังปรากฏในตารางที่ 4.13 ตารางที่ 4.13 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) (แสดง 10 อันดับแรก) ที่ โรงเรียน จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1 อนุบาลอุดมวิทย์ ปราจีนบุรี สปภ.2 8.15 19.49 49.94 13.71 91.30 A ดีมาก 2 กองทัพบกอุปถัมภ์ อนุบาลค่ายนวมิน ทราชินี ชลบุรี สปภ.2 7.41 22.88 45.70 14.39 90.37 A ดีมาก 3 โรงเรียนเจริญสุข อุดมวิทยา ก าแพงเพชร สปภ.6 7.04 20.76 44.30 13.80 85.89 A ดีมาก 4 ท่าโขลงพระนคร ลพบุรี สปภ.1 5.93 22.04 43.46 13.84 85.26 A ดีมาก 5 ศรีวรลักษณ์ ก าแพงเพชร สปภ.6 7.04 17.37 46.32 11.76 82.49 A ดีมาก 6 เมรี่อิมมาคุเลต คอนแวนต์ ชลบุรี สปภ.2 9.26 18.65 39.88 13.81 81.59 A ดีมาก 7 สุวัฒนบดี ลพบุรี สปภ.1 7.04 19.07 40.90 14.55 81.55 A ดีมาก 8 กิตติวิทยา ตราด สปภ.2 6.67 20.34 39.79 13.82 80.62 A ดีมาก 9 มหาไถ่ศึกษาบ้านไผ่ ขอนแก่น สปภ.4 7.41 18.65 40.36 13.78 80.18 A ดีมาก 10 ดาราสมุทรภูเก็ต ภูเก็ต สปภ.8 8.15 17.80 41.33 12.28 79.55 B ดี ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษา เอกชน (สช.) 6.58 16.82 38.28 10.93 72.60 B ดี หมายเหตุ: รายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-4)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 152 เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ดังตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 5.6 แสดงให้เห็นว่า มีเพียงส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 เท่านั้นที่มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้อยู่ใน ระดับ A คือ ระดับดีมาก ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1-5, 7-9 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ B โดยมีค่าคะแนนอยู่ในช่วงระหว่าง 63.83-79.50 คะแนน (ดูได้จากตาราง ที่ 4.14) ตารางที่ 4.14 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) แต่ละ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ร้อยละ รวม ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค A (80.00-100.00) B (60.00-79.99) C (50.00-50.99) D (0.00-49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 16.67 75.00 8.33 0.00 12 392 69.70 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 55.56 44.44 0.00 0.00 9 135 79.50 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 0.00 100.00 0.00 0.00 1 63 63.83 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 50.00 25.00 25.00 0.00 4 371 70.11 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 0.00 100.00 0.00 0.00 1 20 76.48 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 50.00 50.00 0.00 0.00 4 131 80.76 A ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 0.00 50.00 50.00 0.00 2 109 65.59 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 0.00 100.00 0.00 0.00 3 75 72.28 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 0.00 100.00 0.00 0.00 1 20 72.28 B กรุงเทพมหานคร* - - - - - - - - รวม 29.73 62.16 8.11 0.00 37 1,316 72.60 B หมายเหตุ*ไม่มีสถานศึกษาส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้ารับการประเมิน 4.3.3.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ค่าคะแนนการ ประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ผลการ ประเมิน พบว่า สถานศึกษาที่ได้ค่าคะแนนสูงสุด คือ โรงเรียนเทศบาล 1 หนองแสง จังหวัดนครพนม มีค่า คะแนนรวมเท่ากับ 92.68 ซึ่งหมายถึงมีค่าประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ ดีมาก ในขณะที่ โรงเรียนเทศบาลหินกอง จังหวัดสระบุรี ได้ค่าคะแนนต่ าสุด โดยมีค่าคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 43.59 ซึ่งหมายถึงมีค่าผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรอยู่ในระดับปรับปรุง ดังปรากฏในตารางที่ 4.15 เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ค่าคะแนนการ ประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้แต่ละ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ดังตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 5.7 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาใน พื้นที่ทั้ง 9 ส านักงาน ป.ป.ช. มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้อยู่ในระดับ B คือ ระดับดี โดยมีค่าคะแนนอยู่ในช่วงระหว่าง 71.20-76.39 คะแนน (ดูได้จากตารางที่ 4.16)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 153 ตารางที่ 4.15 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) (แสดง 10 อันดับแรก) ที่ โรงเรียน จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1 เทศบาล 1 หนองแสง นครพนม สปภ.4 8.52 22.46 46.91 14.80 92.68 A ดีมาก 2 เทศบาล 2 บ้านอู่มาด สุราษฎร์ธานี สปภ.8 8.52 20.76 47.85 14.71 91.83 A ดีมาก 3 บ้านศาลา เชียงใหม่ สปภ.5 7.04 20.34 45.75 15.00 88.12 A ดีมาก 4 ซับสมบูรณ์พิทยาลัย ขอนแก่น สปภ.4 8.15 20.34 44.48 14.68 87.64 A ดีมาก 5 อนุบาลเทศบาล ต าบลย่านตาขาว ตรัง สปภ.9 8.15 20.34 47.26 11.50 87.24 A ดีมาก 6 เทศบาล 1 อนุบาล เด็กน่ารัก ชัยภูมิ สปภ.3 7.78 20.76 44.26 14.19 86.99 A ดีมาก 7 บ้านเขาตูม บ้านตะบิงตีงี ปัตตานี สปภ.9 9.26 20.76 43.02 13.64 86.68 A ดีมาก 8 เทศบาลสวนสนุก ขอนแก่น สปภ.4 7.04 19.07 46.03 13.46 85.59 A ดีมาก 9 เทศบาลทองผาภูมิ กาญจนบุรี สปภ.7 7.78 17.37 47.05 13.33 85.53 A ดีมาก 10 เทศบาล 2 (วัดทุ่งสวน) ก าแพงเพชร สปภ.6 7.41 19.49 45.05 12.83 84.78 A ดีมาก กรมส่งเสรมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 6.60 17.28 38.40 12.17 74.44 B ดี หมายเหตุ: รายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-5) ตารางที่ 4.16 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) แต่ละส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ร้อยละ รวม ส านักงาน ป.ป.ช.ภาค A (80.00- 100.00) B (60.00- 79.99) C (50.00- 50.99) D (0.00- 49.99) จ านวน สถานศึกษา จ านวน นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ระดับ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 18.18 72.73 0.00 9.09 11 344 71.20 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 50.00 50.00 0.00 0.00 4 119 73.07 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 21.43 78.57 0.00 0.00 14 436 75.05 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 31.03 68.97 0.00 0.00 29 716 76.39 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 12.50 87.50 0.00 0.00 8 178 73.07 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 13.79 86.21 0.00 0.00 29 815 73.61 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 6.67 80.00 13.33 0.00 15 398 71.30 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 28.57 71.43 0.00 0.00 21 534 75.68 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 18.75 75.0 6.25 0.00 16 479 75.10 B กรุงเทพมหานคร - - - - - - - - รวม 21.09 76.19 2.04 0.68 147 4,019 74.44 B หมายเหตุ*ไม่มีสถานศึกษากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เข้ารับการประเมิน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 154 4.3.3.4 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ค่าคะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ผลการประเมิน พบว่า สถานศึกษาที่ได้ค่าคะแนนสูงสุด คือ โรงเรียนสุเหร่าสามวา (ซุน เวทย์สฤษฎ์อุทิศ) มีค่าคะแนนรวมเท่ากับ 91.81 ซึ่งหมายถึงมีค่าประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับดีมาก ในขณะที่ โรงเรียนคารีอุปถัมภ์ ได้ค่าคะแนนต่ าสุด โดยมีค่าคะแนนรวมเฉลี่ยเท่ากับ 52.01 ซึ่งหมายถึงมีค่าผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรอยู่ในระดับปรับปรุง ดังปรากฏในตารางที่ 4.17 ตารางที่ 4.17 สรุปค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) (แสดง 10 อันดับแรก) ที่ โรงเรียน จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ฯ (100%) ระดับ การแปล ความรู้ ความหมาย เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ความพึงพอใจ ต่อหลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) 1 สุเหร่าสามวา ซุน เวทย์สฤษฎ์อุทิศ กทม. กทม. 7.78 19.92 49.12 15.00 91.81 A ดีมาก 2 วัดพรหมสุวรรณ สามัคคี กทม. กทม. 7.04 17.37 49.48 13.93 87.81 A ดีมาก 3 ขุมทอง เพชรทองค า อุปถัมภ์ กทม. กทม. 7.04 18.22 48.59 13.29 87.13 A ดีมาก 4 ประชาราษฎร์บ าเพ็ญ กทม. กทม. 9.63 20.76 43.40 13.22 87.01 A ดีมาก 5 วัดทองเพลง กทม. กทม. 8.52 19.49 45.50 13.45 86.96 A ดีมาก 6 วัดคฤหบดี จันทรสถิตย์ กทม. กทม. 9.63 21.19 42.20 13.73 86.75 A ดีมาก 7 วัดก าแพง กทม. กทม. 5.19 17.80 49.35 13.33 85.65 A ดีมาก 8 วัดประชาบ ารุง กทม. กทม. 8.15 18.65 43.47 14.58 84.85 A ดีมาก 9 วัดนาคนิมิตร กทม. กทม. 7.41 19.92 44.42 12.05 83.78 A ดีมาก 10 สุเหร่าศาลาแดง กทม. กทม. 8.52 19.92 40.49 14.68 83.60 A ดีมาก กรุงเทพมหานคร (กทม.) 6.65 16.13 38.75 12.10 73.63 B ดี หมายเหตุ: รายละเอียดสามารถดูได้ที่ภาคผนวก ก (ตารางที่ ก-6) เมื่อพิจารณาเฉพาะสถานศึกษาในสังกัดสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ค่าคะแนนการประเมินผล สัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ตัวเลขที่ปรากฏใน ตารางที่ 5.7 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้อยู่ในระดับ B คือ ระดับดี โดยมีค่าคะแนนอยู่ที่ 73.63 คะแนน ซึ่งสถานศึกษาส่วนใหญ่ มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ B คิดเป็นร้อยละ 82.9 รองลงมาคือ สถานศึกษามีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับ A คิดเป็นร้อยละ 13.4 (ดูได้จากตารางที่ 4.18)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 155 ตารางที่ 4.18 ร้อยละของสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ าแนกตามระดับผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ร้อยละ รวม กรุงเทพมหานคร A (80.00-100.00) B (60.00-79.99) C (50.00-50.99) D (0.00-49.99) ผลสัมฤทธิ์ ระดับ รวม (n=137 แห่ง) 13.43 82.84 3.73 - 73.63 B 4.3.4 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามแต่ละประเด็นในแต่ละองค์ประกอบ 4.3.4.1 ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า (Input) จะพิจารณา 16 ประเด็น แต่ละประเด็นมี ผลการประเมินเป็นดังนี้ 1) ศักยภาพผู้บริหาร การรับทราบเจตนารมณ์ การมีส่วนร่วมและการเตรียมพร้อมของ สถานศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหารและครูผู้สอน เกือบทั้งหมดรู้จักหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อีกทั้งยังทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต การเสริมสร้างพฤติกรรมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเจตนารมณ์ของหลักสูตรด้านการยกระดับ CPI ของประเทศไทย เป็นที่รับรู้กันต่ าสุดในหมู่ผู้บริหาร และครูผู้สอนที่ได้มีการน าหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษาของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 10.6 และ 11.3 ตามล าดับ (ดูตารางที่ 4.19) ตารางที่ 4.19 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่ารู้จักและทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. รู้จักหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาและทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ส าคัญที่สุด 1.1 ไม่ทราบ 1.17 3.35 1.2 ทราบ (ถ้าทราบ คิดว่าเจตนารมณ์ของหลักสูตรนี้คืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 98.83 96.65 1.2.1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 39.35 37.10 1.2.2 ยกระดับ CPI ของประเทศไทย 10.62 11.30 1.2.3 เสริมสร้างพฤติกรรมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 32.81 34.00 1.2.4 ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 17.21 17.60 2. มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 2.1 ไม่มีส่วนร่วม 14.79 23.53 2.2 มีส่วนร่วม (ถ้ามี มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรในลักษณะใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 85.21 76.47 2.2.1 ร่วมรับรู้ 24.79 24.75 2.2.2 ร่วมคิดแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 22.00 19.87 2.2.3 ร่วมร่างหลักสูตร 10.10 9.92 2.2.4 ร่วมทดลองใช้หลักสูตร 15.79 23.80 2.2.5 ร่วมก ากับติดตามและร่วมประเมินผลการใช้หลักสูตร 27.33 21.67


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 156 2) ระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอน ข้อมูลที่ ปรากฏในตารางที่ 4.19 แสดงให้เห็นว่า ทั้งผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่ (แต่ก็เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น) ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร คือ ส่วนร่วมในการรับรู้เท่านั้น มีเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ระบุว่า มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร 3) การเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตร ผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหาร และครูผู้สอนมากกว่าร้อยละ 75 เคยเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา สัดส่วนของ ผู้บริหารที่เคยเข้าร่วมมีสูงกว่าครูผู้สอน และส่วนใหญ่เป็นการจัดประชุมชี้แจงโดยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพฐ. หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้จัด ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมประชุมชี้แจงมากกว่าร้อยละ 90 ระบุว่า การชี้แจงมีความชัดเจน แต่ก็มีข้อเสนอแนะว่าควรจะเพิ่มเติมการจัดกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ การประเมินผล การเรียน การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้และการสอน (รายละเอียดดังตารางที่ 4.20) ตารางที่ 4.20 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่เคยการเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. เคยเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่เคยเข้าร่วม 16.31 21.05 1.2 เคยเข้าร่วม (ถ้าเคย การประชุมชี้แจงนั้น จัดโดยหน่วยงานใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 83.69 78.95 1.2.1 สพฐ./กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 28.93 29.88 1.2.2 ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 41.92 41.88 1.2.3 ส านักงาน ป.ป.ช. 17.51 20.97 1.2.4 กลุ่มโรงเรียนเป็นผู้จัด 5.00 3.09 1.2.5 โรงเรียน/อปท. จัดเอง 5.93 3.45 1.2.6 อื่น ๆ 0.71 0.73 2. ถ้าเคยเข้าร่วม คิดว่าการประชุมชี้แจงมีความชัดเจนเพียงพอต่อการน าหลักสูตรไปใช้ หรือไม่ 2.1 ชัดเจนเพียงพอ 94.71 89.93 2.2 ไม่ชัดเจน (ถ้าไม่ชัดเจน ประเด็นที่ควรเพิ่มเติมคืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 5.29 10.07 - การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ (lesson plan) 17.14 16.00 - การจัดการเรียนรู้ 18.57 20.53 - การสอน 12.86 13.60 - การจัดกิจกรรม 17.62 21.87 - การประเมินผลการเรียนรู้ 19.52 16.80 - การตัดสินผลการเรียน 13.33 10.13 - อื่น ๆ 0.95 1.07 นอกจากการประชุมชี้แจงที่จัดโดยหน่วยงานภายนอกแล้ว ยังได้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาภายในสถานศึกษา ดังจะเห็นได้จากตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 4.21 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาร้อยละ 93.15 มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเฉพาะการจัดให้กับ ครูผู้สอน มีสถานศึกษาเพียงร้อยละ 10.78 เท่านั้นที่ได้มีการจัดประชุมชี้แจงให้กับผู้ปกครอง ส่วนใหญ่มีการ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 157 ชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรแต่ก็เฉพาะในสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ตารางที่ 4.21 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษามีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 6.85 1.2 มี (ถ้ามี กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมการประชุมชี้แจงคือกลุ่มใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 93.15 1.2.1 กลุ่มผู้บริหาร 11.03 1.2.2 กลุ่มครูผู้สอน 28.54 1.2.3 ผู้ปกครอง 10.78 1.2.4 นักเรียน 16.49 1.2.5 บุคลากรทุกคนในโรงเรียน 20.84 1.2.6 คณะกรรมการโรงเรียน 12.32 4) การก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหาร สถานศึกษาของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไว้ อย่างชัดเจนถึงร้อยละ 98.32 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ฝ่ายวิชาการจะเป็นผู้รับผิดชอบ รองลงมาคือ ครูผู้สอน (รายละเอียดดังตารางที่ 4.22) ตารางที่ 4.22 ร้อยละของผู้บริหารสถานศึกษาที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 1.68 1.2 มี (ถ้ามี ผู้รับผิดชอบหลักสูตรคือใคร) 98.32 1.2.1 ฝ่ายวิชาการ 49.74 1.2.2 กลุ่มสาระวิชา 11.75 1.2.3 ครูผู้สอน 26.16 1.2.4 ครูฝ่ายปกครอง 11.16 1.2.5 ครูประจ าชั้น 0.30 1.2.6 อื่น ๆ 0.89 นอกจากนี้ ในส่วนของการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร พบว่า หลักสูตรระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐานมากกว่าร้อยละ 90 มีการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร โดยการเตรียมผู้บริหารส่วนใหญ่จะใช้วิธีการ ส่งไปอบรม ในขณะที่ครูผู้สอนส่วนใหญ่จะได้รับการเตรียมโดยการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (รายละเอียด ดังตารางที่ 4.23)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 158 ตารางที่ 4.23 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนระบุว่าสถานศึกษามีแนวทางในการเตรียม ผู้รับผิดชอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. มีแนวทางการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 3.41 9.10 1.2 มี (ถ้ามี ใช้วิธีการใดในการเตรียม) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 96.59 90.90 1.2.1 สอนงาน 21.82 21.75 1.2.2 ระบบพี่เลี้ยง 10.09 7.51 1.2.3 ส่งไปอบรม 36.73 30.37 1.2.4 ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 30.01 38.70 1.2.5 อื่น ๆ 1.35 1.67 5) การท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และการจัดงบประมาณ สนับสนุนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษากว่า ร้อยละ 94 ระบุ ว่าสถานศึกษาได้มีการจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ใช้แผนการเรียนรู้ ของ สพฐ. เป็นหลัก (รายละเอียดดังตารางที่ 4.24) ในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผลการประเมิน พบว่า สถานศึกษามากกว่าร้อยละ 96 มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่ระบุไว้ใน แผนการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือ กิจกรรมที่สอดแทรกในวิถีชีวิตประจ าวันของสถานศึกษา และกิจกรรม พัฒนาผู้เรียนอื่น ๆ ส่วนสถานศึกษาที่มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาเป็นการเฉพาะนั้นมีเพียงร้อยละ 4.44 เท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นการจัดสรรร่วมกับรายวิชา/ กิจกรรมอื่น ๆ ที่เหลือเกือบร้อยละ 50 ไม่มีการจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะ (รายละเอียดดังตารางที่ 4.24) ตารางที่ 4.24 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริม การเรียนรู้ และการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แผนที่จัดท ามีลักษณะ 1.1 ไม่มี 5.75 1.2 มีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ขึ้นเอง (lesson plan) 12.16 1.3 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ของ สพฐ. 78.73 1.4 อื่น ๆ (ใช้ทั้ง 2 ลักษณะ ทั้ง 1.1 และ 1.2) 3.35 2. สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 2.1 ไม่มี 4.01 2.2 มี (ถ้ามี ลักษณะของกิจกรรม เป็นอย่างไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 95.99 2.2.1 ตามที่ระบุในแผนการจัดการเรียนรู้ 38.73 2.2.2 เป็นกิจกรรมที่สอดแทรกในวิถีปฏิบัติของสถาบัน 35.94 2.2.3 เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 23.03 2.2.4 อื่น ๆ 2.30


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 159 ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 3. สถานศึกษามีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เป็นการเฉพาะ ในลักษณะ 3.1 ไม่มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นการเฉพาะ 49.89 3.2 เป็นการจัดสรรร่วมกับรายวิชา/กิจกรรมอื่น ๆ 45.67 3.3 เป็นการจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะ 4.44 6) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เมื่อพิจารณาจาก ครูผู้สอนในหลักสูตรระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90.90) สะท้อนให้เห็นว่ามีการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจัดส าหรับนักเรียนทุกชั้นเรียน รูปแบบ ของกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ควรจะได้มีการปรับปรุงทั้งรูปแบบและสื่อประกอบกิจกรรมมากกว่าที่จะปรับใน เรื่องเวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม (รายละเอียดดังตารางที่ 4.25) ตารางที่ 4.25 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ข้อค าถาม ร้อยละ 1. ไม่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 9.10 2. มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 90.90 2.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ 2.1.1 กลุ่มนักเรียนในรายวิชาที่สอนเท่านั้น/บางชั้น 15.03 2.1.2 กลุ่มนักเรียนทุกชั้น 85.97 2.2 หากจะช่วยให้นักเรียนมีผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ที่พึงประสงค์มากขึ้นกว่านี้ กิจกรรมที่จัดนั้น จะต้องมีการปรับปรุงในประเด็น 2.2.1 รูปแบบกิจกรรม 41.64 2.2.2 สื่อประกอบกิจกรรม 41.05 2.2.3 เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม 15.91 2.2.4 อื่น ๆ 1.40 7) การจัดหาสื่อวัสดุและอุปกรณ์ที่ท าในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่ในสัดส่วนที่พอ ๆ กับครูผู้สอน ระบุว่ามี การจัดหาสื่อวัสดุเพื่อจัดการเรียนการสอน แต่ในกลุ่มนี้ครึ่งต่อครึ่งระบุว่าสื่อ วัสดุ อุปกรณ์มีไม่เพียงพอ (รายละเอียดดังตารางที่ 4.26) ตารางที่ 4.26 ร้อยละของผู้บริหารและครูผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. สถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตาม หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 27.31 30.01 1.2 มี (ถ้ามี สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ดังกล่าว คิดว่าเพียงพอ หรือไม่) 72.69 69.99 1.2.1 มีสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอ 49.65 48.06 1.2.2 มีสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่เพียงพอ 50.35 51.94


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 160 ในกลุ่มครูผู้สอนที่ระบุว่า สื่อไม่เพียงพอ เสนอว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ในลักษณะสื่อมัลติมีเดีย เป็นหลัก รองลงมาคือ อุปกรณ์ส านักงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือเครื่องฉาย Smart Board เป็นต้น (รายละเอียดดังตารางที่ 4.27) ตารางที่ 4.27 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 2. มีสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาแต่ไม่เพียงพอ ควรมีการเพิ่มเติม (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 2.1 สื่อมัลติมีเดีย 32.10 2.2 อุปกรณ์ส านักงาน 15.16 2.3 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เช่น TV เครื่องฉาย Smart Board) 20.40 2.4 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 23.55 2.5 สื่อสองภาษา 7.58 2.6 อื่น ๆ 1.21 8) เอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริต ในประเด็นความพร้อมของเอกสารประกอบการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นความรู้ หนังสือ ต าราหรือคู่มือจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ผลการประเมินพบว่า ทั้งผู้บริหารและครูผู้สอนมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันที่ระบุว่ามีเอกสาร หนังสือ ต ารา หรือคู่มือเพื่อจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร แต่เอกสารดังกล่าวควรได้รับการปรับปรุงในด้านกิจกรรม ประกอบการเรียนรู้มากที่สุด รองลงมาคือ เนื้อหาสาระที่อยู่ในเอกสาร หนังสือ หรือต าราดังกล่าว (รายละเอียดดังตารางที่ 4.28) ตารางที่ 4.28 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. สถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตาม หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 1.1 ไม่มี 12.31 14.20 1.2 มี (ถ้ามี ควรต้องปรับปรุงหรือไม่) 87.69 85.80 1.2.1 ไม่ควรปรับปรุง 56.64 62.05 1.2.2 ควรปรับปรุง (ถ้าควรปรับปรุง ประเด็นที่ควรได้รับการปรับปรุง คืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 43.36 37.95 - เนื้อหาสาระ 24.66 25.23 - กิจกรรม 36.16 38.80 - แผนการสอน 19.80 19.55 - แบบประเมินผลการเรียนรู้ 18.54 15.10 - อื่น ๆ 0.84 1.32


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 161 เอกสารที่น ามาประกอบการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็น เอกสารที่ได้รับมาจากหน่วยงานที่สถานศึกษาของตนเองสังกัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สพฐ./สถ./สช./กทม. และ ส านักงาน ป.ป.ช. หรือจากเขตพื้นที่การศึกษา (รายละเอียดดังตารางที่ 4.29) ตารางที่ 4.29 ร้อยละของครูผู้สอนที่ระบุว่าแหล่งที่ได้มาของเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัด การเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สร้างเอง 12.80 2. จากสพฐ./สถ./สช./กทม./อว. 48.79 3. จากส านักงาน ป.ป.ช. 0.00 4. จากกลุ่มโรงเรียน/กลุ่มมหาวิทยาลัย 3.33 5. จากเขตพื้นที่การศึกษา 27.90 6. อื่น ๆ 7.18 9) การนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหารระบุว่า ได้รับการนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียน การสอนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็นสัดส่วนสูงกว่าครูผู้สอน มีแผนหรือปฏิทินการด าเนินงาน แบบบันทึก รายงานผลการนิเทศ การสรุปรายงานผลการนิเทศ การได้รับการสรุปรายงานผลและติดตามผลของการให้ ข้อเสนอแนะ เป็นสัดส่วนสูงกว่าครูผู้สอน ตารางที่ 4.30 ร้อยละของผู้บริหารและครูผู้สอนที่ระบุถึงการนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ผู้สอน 1. มี/ได้รับการนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 1.1 ไม่มี/ไม่ได้รับ 20.90 33.36 1.2 มี/ได้รับ (ถ้ามี/ได้รับ มีการด าเนินการในลักษณะใดบ้าง) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 79.10 66.64 1.2.1 มีแผน/ก าหนดปฏิทินการด าเนินงานไว้อย่างชัดเจนและได้แจ้งให้ทราบ ล่วงหน้า 90.83 88.42 1.2.2 มีแบบบันทึกรายงานผลการนิเทศและติดตาม 91.66 -* 1.2.2 มีการสรุปรายงานผลการนิเทศและติดตามแจ้งให้ทราบ 96.16 87.70 1.2.3 มี/ได้รับการสรุปรายงานผล และติดตามผลของการให้ข้อเสนอแนะว่ามี การปรับปรุงแก้ไข 95.24 94.10 หมายเหตุ: *ไม่มีข้อมูล เนื่องจากสอบถามเฉพาะกลุ่มผู้บริหาร 4.3.4.2 ผลการประเมินกระบวนการ (Process) กระบวนการในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่จะน าเสนอ ในส่วนนี้ จะใช้ข้อมูลที่ได้จากครู/อาจารย์ผู้สอน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนรู้ใน 4 หัวข้อ วิชา ของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ที่ประกอบด้วย 1) การคิด แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ผลการประเมินในแต่ละ หัวข้อ ดังนี้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 162 หัวข้อวิชา เรื่อง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ข้อมูลจากครูผู้รับผิดชอบจากสถานศึกษา 1,373 แห่ง ได้สะท้อนให้เห็นว่า ร้อยละ 56.1 มีการจัดการเรียนรู้ เป็น “หัวข้อวิชา” เรื่อง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ในลักษณะ จัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งผู้ที่ได้จัดการเรียนรู้ชุดวิชานี้ เกือบจะทั้งหมดยังได้สะท้อนอีกว่า วัตถุประสงค์การ เรียนรู้ กิจกรรมและเนื้อหาสาระที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรมีความชัดเจนและมีความเหมาะสมกับผู้เรียน รวมถึง มีความชัดเจนในการวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรม หัวข้อวิชา เรื่อง ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต พบว่า โดยส่วนใหญ่โรงเรียน จัดการเรียนการสอนในหน่วยการเรียนรู้นี้ในลักษณะ จัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ (ร้อยละ 62.42) ซึ่งผู้ที่ได้จัดการ เรียนรู้ชุดวิชานี้ เกือบจะทั้งหมดยังได้สะท้อนอีกว่า วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมและเนื้อหาสาระที่ก าหนด ไว้ในหลักสูตรมีความชัดเจนและมีความเหมาะสมกับผู้เรียน รวมถึงมีความชัดเจนในการวัดและประเมินผล การจัดกิจกรรม หัวข้อวิชา เรื่อง STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต พบว่า โรงเรียนที่จัดการเรียนการสอน ในหน่วยการเรียนรู้นี้โดยส่วนใหญ่จัดการเรียนการสอนในลักษณะจัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ (ร้อยละ 62.05)ซึ่งผู้ ที่ได้จัดการเรียนรู้ชุดวิชานี้ เกือบจะทั้งหมดยังได้สะท้อนอีกว่า วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมและเนื้อหา สาระที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรมีความชัดเจนและมีความเหมาะสมกับผู้เรียน รวมถึงมีความชัดเจนในการวัดและ ประเมินผลการจัดกิจกรรม หัวข้อวิชา เรื่อง พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม พบว่า เช่นเดียวกันกับหัวข้อทั้ง 3 หัวข้อที่กล่าวมาแล้วข้างต้น มีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนหัวข้อนี้ ร้อยละ 62.13 ที่จัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งผู้ที่ได้จัดการเรียนรู้ชุดวิชานี้ เกือบจะทั้งหมดยังได้สะท้อนอีกว่า วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมและเนื้อหา สาระที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรมีความชัดเจนและมีความเหมาะสมกับผู้เรียน รวมถึงมีความชัดเจนในการวัดและ ประเมินผลการจัดกิจกรรม ตารางที่ 4.31 ร้อยละของสถานศึกษาที่บ่งชี้ถึงกระบวนการในการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ตัวบ่งชี้ผลสัมฤทธิ์ในการใช้ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หน่วยเรียนรู้ ที่ 1* หน่วยเรียนรู้ ที่ 2** หน่วยเรียนรู้ ที่ 3*** หน่วยเรียนรู้ ที่ 4**** 1. สถานศึกษาได้มีการจัดการเรียนในหน่วยการเรียนรู้ 1.1 ไม่ได้จัดเลย 1.02 1.46 3.93 1.60 1.2 จัดบางส่วน โดยบูรณาการกับวิถีชีวิตในสถานศึกษา 9.25 8.08 7.36 7.21 1.3 จัดบางส่วน โดยจัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 5.10 3.86 4.08 3.86 1.4 จัดบางส่วน โดยเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 3.50 3.13 3.42 3.57 1.5 จัดบางส่วน โดยบูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอื่น ๆ 8.96 7.43 6.63 6.05 1.6 จัดบางส่วน โดยบูรณาการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระสังคมศึกษา/วิชา การศึกษาทั่วไป 16.02 13.62 12.53 15.59 1.7 จัดเป็นหน่วยการเรียนรู้/จัดเป็นหน่วยเรียนรู้ในวิชาเลือก 56.15 62.42 62.08 62.13 1.8 จัดเป็นหน่วยเรียนรู้ ไปปรับใช้/ประยุกต์ใช้ในรายวิชาตนเอง 0.00 0.00 0.00 0.00 1.9 จัดเป็นหน่วยเรียนรู้ในรายวิชาบังคับ 3 หน่วยกิต 0.00 0.00 0.00 0.00 2. วัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรมีความชัดเจน หรือไม่ 2.1 ชัดเจนแล้วไม่ต้องปรับปรุง 91.83 93.87 94.61 95.46 2.2 ควรปรับปรุง 8.17 6.13 5.39 4.54


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 163 ตัวบ่งชี้ผลสัมฤทธิ์ในการใช้ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หน่วยเรียนรู้ ที่ 1* หน่วยเรียนรู้ ที่ 2** หน่วยเรียนรู้ ที่ 3*** หน่วยเรียนรู้ ที่ 4**** 3. กิจกรรมที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรช่วยท าให้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ได้ หรือไม่ 3.1 บรรลุได้ 97.94 98.08 97.28 98.37 3.2 บรรลุไม่ได้ (ถ้าบรรลุไม่ได้ ปรับปรุงอย่างไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 2.06 1.92 2.72 1.63 4. เนื้อหาที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรมีความเหมาะสมกับผู้เรียน หรือไม่ 4.1 เหมาะสม 96.39 97.19 96.59 97.86 4.2 ไม่เหมาะสม (ถ้าไม่เหมาะสม ปรับปรุงอย่างไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 3.61 2.81 3.41 2.14 5. มีการวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรมที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรชัดเจน หรือไม่ 5.1 ชัดเจน 93.88 95.78 95.39 95.92 5.2 ไม่ชัดเจน (ถ้าไม่ชัดเจน ปรับปรุงอย่างไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 6.12 4.22 4.61 4.08 หมายเหตุ * องค์ประกอบที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม **. องค์ประกอบที่ 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ***. องค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ****. องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ในส่วนของประเด็นความส าเร็จของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้จะพิจารณาจากการรับรู้ ของผู้บริหาร ครู/อาจารย์ผู้สอนจากข้อค าถามที่ถามว่า “ท่านคิดว่าการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน สถานศึกษาของท่านได้ผลสัมฤทธิ์มากน้อยเพียงใด” ซึ่งมีค่าคะแนนของค าถามตั้งแต่ 0-10 คะแนน ผลการ ประเมินพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามองว่า สถานศึกษาได้น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ได้ผลสัมฤทธิ์ใน ระดับที่สูงกว่าครูผู้สอนรับรู้(ดูตารางที่ 4.32) ตารางที่ 4.32 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครูผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน าหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ คะแนนเฉลี่ย กระบวนการ (Process) ผู้บริหาร ครูผู้สอน ความส าเร็จของการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ 8.01 7.89 แผนภาพที่ 4.9 คะแนนเฉลี่ยของผู้บริหารและครูผู้สอนที่บ่งชี้ถึงระดับความส าเร็จของการน าหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ 7.80 7.85 7.90 7.95 8.00 8.05 ผู้บริหาร ครู/อาจารย์ผู้สอน 8.01 7.89 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 164 4.3.4.3 ผลการประเมินผลลัพธ์ (Outcome) การประเมินผลลัพธ์ (Outcome) จะพิจารณาจาก 2 ประเด็น คือ 1) ความรู้ เจตคติและ พฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน มีองค์ประกอบในการประเมินอยู่ 4 ด้าน กล่าวคือ ด้านแยกแยะส่วนตนและส่วนรวม ด้านละอายและไม่ทนต่อการทุจริต ด้านจิตพอเพียงต้านทุจริต และด้าน พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม และ 2) ความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน สถานศึกษา ผลการประเมินมีดังนี้ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน จากผล การประเมินความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนในภาพรวม พบว่า คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริตของเด็กและเยาวชนของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะสูงกว่าหลักสูตรอุดมศึกษาทั้ง 4 องค์ประกอบ โดยคะแนนพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยมากที่สุด คือ องค์ประกอบที่ 3 “จิตพอเพียงต้านทุจริต” (ค่าคะแนนเฉลี่ย 87.56) รองลงมาคือ องค์ประกอบที่ 1 “แยกแยะ ส่วนตนและส่วนรวม” (ค่าคะแนนเฉลี่ย 85.50) องค์ประกอบที่ 4 “พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม” (ค่าคะแนนเฉลี่ย 82.82) และองค์ประกอบที่ 2 “ความละอายและไม่ทนต่อการทุจริต” (ค่าคะแนนเฉลี่ย 80.38) ตามล าดับ (รายละเอียดดังตารางที่ 4.33) ตารางที่ 4.33 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่น ความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการ ทุจริต) จ าแนกแต่ละช่วงชั้น ช่วงชั้น องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตน และส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทน ต่อการทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียง ต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับ ความรับผิดชอบ ต่อสังคม รวมคะแนน เฉลี่ย ร้อยละพฤติกรรม ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริตฯ (ร้อยละของผู้ผ่านเกณฑ์) ปฐมวัย 85.50 80.38 87.56 82.82 82.02 55.99 ประถมศึกษา ตอนต้น 79.85 78.60 71.66 83.50 78.59 49.99 ประถมศึกษา ตอนปลาย 77.04 73.28 74.94 77.40 76.54 49.32 มัธยมศึกษา ตอนต้น 66.26 69.77 72.57 76.05 71.16 52.19 มัธยมศึกษา ตอนปลาย 70.85 72.74 77.08 80.39 73.78 50.16 รวม 78.05 75.85 76.20 80.24 77.50 51.23 นักเรียนแต่ละคนในแต่ละช่วงวัยซึ่งเป็นผู้ที่มีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูงเกิน กว่าค่าเฉลี่ยของแต่ละช่วงวัย ถือได้ว่าเป็นผู้ผ่านเกณฑ์การมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น ร้อยละของพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตฯ มีค่าเท่ากับจ านวนเด็กและเยาวชนที่ผ่านเกณฑ์ในแต่ละ ช่วงวัย หารด้วยจ านวนเด็กและเยาวชนทั้งหมดในช่วงวัยนั้น ๆ (สัดส่วนนี้ปรากฏในตารางที่ 4.33)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 165 แผนภาพที่ 4.10 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่น ความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) จ าแนกแต่ละช่วงชั้น 85.50 80.38 87.56 82.82 50.00 60.00 70.00 80.00 90.00 องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนและ ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิต พอเพียงต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองและความ รับผิดชอบต่อสังคม ปฐมวัย 79.85 78.60 71.66 83.50 65.00 70.00 75.00 80.00 85.00 องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนและ ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียงต้าน ทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองและความ รับผิดชอบต่อสังคม ประถมศึกษาตอนต้น 77.04 73.28 74.94 77.40 50.00 55.00 60.00 65.00 70.00 75.00 80.00 องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนและ ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิต พอเพียงต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองและความ รับผิดชอบต่อสังคม ประถมศึกษาปลาย 66.26 69.77 72.57 76.05 60.00 65.00 70.00 75.00 80.00 องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตน และส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียงต้าน ทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองและความ รับผิดชอบต่อสังคม มัธยมศึกษาตอนต้น


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 166 เมื่อพิจารณาพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและพฤติกรรม ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน เฉพาะหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกตามช่วงวัย (ซึ่งช่วงวัยในที่นี้แบ่งเป็น 5 ช่วงชั้น คือ ปฐมวัย ประถมศึกษา ตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย) ตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 4.34 สะท้อนกว่า มีลักษณะเป็นรูปร่างตัว V กล่าวคือ ในช่วงปฐมวัยมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด (คะแนนเฉลี่ย 82.02) คะแนนเฉลี่ยดังกล่าวมีค่าลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และลดลงต่ าสุดเมื่ออยู่ในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น และ เริ่มสูงขึ้นเมื่ออยู่ในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย ตารางที่ 4.34 คะแนนเฉลี่ยและร้อยละของเด็กและเยาวชนที่บ่งชี้ถึงความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ยึดมั่น ความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จ าแนกแต่ละช่วงชั้นและสังกัด สังกัด/ช่วงชั้น องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตน และส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทน ต่อการทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียง ต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับ ความรับผิดชอบ ต่อสังคม รวมคะแนน เฉลี่ย ร้อยละพฤติกรรม ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริตฯ สพฐ. 78.56 76.07 76.73 80.62 77.90 51.98 ปฐมวัย 85.26 80.33 87.82 82.57 82.03 56.14 ประถมศึกษา ตอนต้น 80.45 78.74 72.45 84.06 79.03 51.21 ประถมศึกษา ตอนปลาย 77.37 73.39 75.28 77.87 76.82 49.69 มัธยมศึกษา ตอนต้น 66.70 70.09 73.07 76.46 71.54 53.07 มัธยมศึกษา ตอนปลาย 72.95 75.10 78.97 82.11 75.39 57.14 สช. 74.65 75.87 72.86 77.82 75.61 49.77 ปฐมวัย 89.00 85.52 87.46 86.47 84.99 66.46 ประถมศึกษา 78.55 81.08 70.65 81.00 78.51 50.00 64 66 68 70 72 74 76 78 80 82 84 82.02 78.59 76.54 71.16 73.78 รวมคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมฯ 70.85 72.74 77.08 80.39 50.00 60.00 70.00 80.00 90.00 องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตนและ ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทนต่อ การทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิต พอเพียงต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองและความ รับผิดชอบต่อสังคม มัธยมศึกษาตอนปลาย


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 167 สังกัด/ช่วงชั้น องค์ประกอบที่ 1 แยกแยะส่วนตน และส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ละอายและไม่ทน ต่อการทุจริต องค์ประกอบที่ 3 จิตพอเพียง ต้านทุจริต องค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับ ความรับผิดชอบ ต่อสังคม รวมคะแนน เฉลี่ย ร้อยละพฤติกรรม ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริตฯ ตอนต้น ประถมศึกษา ตอนปลาย 74.26 72.06 72.63 73.50 74.24 49.87 มัธยมศึกษา ตอนต้น 61.17 67.32 68.33 72.76 67.46 42.52 มัธยมศึกษา ตอนปลาย 64.28 68.48 72.34 78.59 70.51 32.08 สถ. 75.70 73.92 74.65 78.72 75.69 48.72 ปฐมวัย 86.52 79.81 88.17 83.22 82.36 56.14 ประถมศึกษา ตอนต้น 78.08 77.16 67.31 81.84 76.55 45.28 ประถมศึกษา ตอนปลาย 75.26 71.63 73.63 75.46 75.11 47.13 มัธยมศึกษา ตอนต้น 65.55 68.90 71.54 74.94 70.35 49.29 มัธยมศึกษา ตอนปลาย 70.05 71.31 76.14 79.28 72.89 47.40 กทม. 77.98 76.36 74.97 79.88 77.12 48.60 ปฐมวัย 85.58 80.19 85.04 83.58 81.08 52.46 ประถมศึกษา ตอนต้น 77.38 77.71 69.86 81.7 77.01 44.81 ประถมศึกษา ตอนปลาย 76.96 74.44 74.16 76.67 76.30 48.23 มัธยมศึกษา ตอนต้น 67.22 70.30 72.97 76.75 71.88 57.01 มัธยมศึกษา ตอนปลาย 66.35 69.40 73.91 76.91 70.86 30.77 2) ความพึงพอใจต่อหลักสูตร จากผลการประเมินความคิดเห็นและความพึงพอใจเกี่ยวกับ การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา พบว่า ผู้บริหารและครูผู้สอนสะท้อนให้เห็นว่า มีความ พึงพอใจต่อหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในระดับ 8 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน (รายละเอียดดังตารางที่ 4.35) ตารางที่ 4.35 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามผู้บริหารและครูผู้สอน คะแนนเฉลี่ย ผลลัพธ์ (Outcome) ผู้บริหาร ครูผู้สอน มีความพึงพอใจต่อหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 8.36 8.26


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 168 แผนภาพที่ 4.11 ระดับของค่าเฉลี่ยที่บ่งชี้ถึงระดับความพึงพอใจเกี่ยวกับการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้จ าแนกตามผู้บริหารและครูผู้สอน สะท้อนผลหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จากการวิเคราะห์ข้อมูล ส่วนของการสะท้อนผลหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ซึ่งเป็นลักษณะของค าถาม ปลายเปิด เป็นบทสนทนากับ Chatbot โดยในการสะท้อนผลหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) จะมีสองค าถามด้วยกันในบทสนทนา ประกอบไปด้วย ค าถามแรก ถามว่า “ถ้าจะท าให้หลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ได้ผลมากกว่านี้ จะต้องปรับอะไร” และตามด้วยค าถามที่สอง ที่ถามว่า “ท่านอยากให้ส านักงาน ป.ป.ช. สนับสนุนการจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) อย่างไรบ้าง” การสะท้อนผลหลักสูตรจากบทสนทนา ปรากฏผลดังตารางที่ 4.36 ตารางที่ 4.36 สรุปข้อสะท้อนที่พบจากการสะท้อนผลการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ ถ้าจะท าให้หลักสูตรได้ผลมากกว่านี้ จะต้องปรับอะไร ท่านอยากให้ส านักงาน ป.ป.ช. สนับสนุนการจัดหลักสูตร อย่างไรบ้าง o บังคับให้เป็นรายวิชาเพิ่มเติมอย่างจริงจัง และบังคับต้อง เรียนในทุกระดับชั้น o ควรมีการพิจารณาน ารายวิชาที่มีเป้าหมายเดียวกัน อาทิ วิชาคุณธรรม ต้านทุจริตศึกษา และความเป็นพลเมืองใน ระบอบประชาธิปไตย มารวมกัน ร่วมศึกษาแบบต่อเนื่อง กันเป็นชุดวิชาในแต่ละระดับชั้น เพื่อจะได้ลดความ ซ้ าซ้อนของการเรียนและเวลาเรียน o ควรมีการปรับปรุงด้านเนื้อหาและเวลา กิจกรรม สื่อการ สอน ให้เหมาะสม และมีความต่อเนื่อง เนื้อหาให้ง่ายต่อ การเข้าใจ ทันสมัย ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน เหมาะสมกับบริบทและวัย ไม่มากจนเกินไป o มีการจัดอบรมสร้างความเข้าใจครูผู้สอน การจัดเวที แลกเปลี่ยน มีบริการให้ค าปรึกษา มีระบบพี่เลี้ยง แนะน าการใช้หลักสูตรสู่การปฏิบัติ จัดกิจกรรมร่วมกับ สถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ถอดบทเรียนเพื่อ น าไปสู่การปรับปรุงแก้ไข ให้ความส าคัญอย่างต่อเนื่อง o สนับสนุนสื่อการเรียนรู้ การเรียนการสอน คู่มือ ต ารา เอกสาร สื่อประกอบการเรียนรู้ เพิ่มสื่อให้มี ความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ New Media หรือสื่อในลักษณะแบบแผนใหม่ และเพียงพอ o การจัดสรรงบประมาณสนับสนุน ในการจัดซื้อสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และการจัดกิจกรรม ในการจัดการศึกษา 8.2 8.22 8.24 8.26 8.28 8.3 8.32 8.34 8.36 ผู้บริหาร ครูผู้สอน 8.36 8.26 ผลลัพธ์ความพึงพอใจฯ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 169 ถ้าจะท าให้หลักสูตรได้ผลมากกว่านี้ จะต้องปรับอะไร ท่านอยากให้ส านักงาน ป.ป.ช. สนับสนุนการจัดหลักสูตร อย่างไรบ้าง o มีการเตรียมพร้อมบุคลากร ส่งบุคลากรไปฝึกอบรม สร้างความเข้าใจ ให้ความรู้สร้างเจตนารมณ์ร่วม เรียนรู้ เทคนิคการสอน รวมถึงบุคลากร ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี o การจัดการเรียนการสอน ควรเน้นเป็นกิจกรรมการ เรียนรู้ ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง สนุกแต่มีสาระ สอดแทรก สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียน การสอน รับฟังแนวคิดทุกฝ่าย และควรมีการจัด กิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 4.3.5 แนวทางการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ แนวทางการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ใน สถานศึกษามี6 รูปแบบ อันได้แก่ 1) บูรณาการกับวิถีชีวิตในโรงเรียน 2) จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 3) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอื่น ๆ 5) บูรณาการการเรียนการสอน กับกลุ่มสาระสังคมศึกษา และ 6) เปิดเป็นรายวิชาเพิ่มเติม จากผลการศึกษาพบว่า สถานศึกษาที่เข้าร่วมรับ การประเมิน ทั้งหมดจ านวน 1,373 แห่ง ส่วนใหญ่น าไปเปิดเป็นรายวิชาเพิ่มเติม คิดเป็นร้อยละ 68.2 รองลงมา คือ การบูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระสังคมศึกษา (ร้อยละ 13.8) ดังปรากฏในตารางที่ 4.37 ตารางที่ 4.37 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการน าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกัน การทุจริต) ไปใช้ ลักษณะการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ สพฐ. (1,055) สช. (37) สถ. (147) กทม. (134) รวม (1,373) 1. บูรณาการกับวิถีชีวิตในโรงเรียน 3.51 16.22 5.44 4.48 4.15 2. จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 1.99 5.41 4.08 11.19 3.20 3. จัดเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 1.42 13.51 8.84 9.70 3.35 4. บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอื่น ๆ 4.64 5.41 12.93 21.64 7.21 5. บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระสังคมศึกษา 4.17 45.95 43.54 48.51 13.84 6. เปิดรายวิชาเพิ่มเติม 84.27 13.51 25.17 4.48 68.24 รวม 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 4.3.6 การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะทิศทางการปรับปรุง หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ผลสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key Informant) ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการด้านการศึกษา การพัฒนา หลักสูตร และการเรียนการสอน และผู้ให้ข้อมูลส าคัญอื่น ๆ เพื่อสะท้อนทิศทางการปรับปรุงหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ประกอบด้วยผู้บริหาร โรงเรียน ครู และนักเรียน จ านวน 8 โรงเรียนในสังกัดของสพฐ. สช. สถ. และ กทม. สังกัดละ 2 โรงเรียน เป็นผู้อ านวยการโรงเรียน 8 คน ครูผู้สอน 9 คน และนักเรียน 14 คน รวมผู้ให้ข้อมูลส าคัญ 31 คน เพื่อให้ได้ ข้อมูลคุณเชิงภาพเพิ่มเติมจากการส ารวจเชิงปริมาณ ผลการสัมภาษณ์เชิงลึก ประมวลได้ดังต่อไปนี้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 170 1. การประเมินบริบท (Context) หลักสูตรการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตร ในเรื่องจุดมุ่งหมาย รายวิชา ค าอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวิชา จ าแนกตามระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ การประเมินการเรียนรู้และการประเมินผล มีความสอดคล้อง เหมาะสม ครอบคลุมและถูกต้องตามหลักการ พัฒนาหลักสูตร สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทสังคมในปัจจุบัน ผลการวิเคราะห์บริบทสภาพแวดล้อมของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ผู้ให้ข้อมูลส าคัญมีความคิดเห็นว่า “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็นตัวขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศตามแผนที่ 21 ได้ เพราะหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษานั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ในยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ที่ให้ ความส าคัญในการปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงเยาวชน โดยหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาถูกบรรจุในหลักสูตรให้จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยที่พร้อมรับความรู้ และปลูกฝังคุณธรรมได้อย่างดี” (สพฐ. 2) นอกจากนั้น หลักสูตรต้านการทุจริตศึกษา สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติได้ เพราะว่า “หลักสูตรนี้ มีหลักการ จุดประสงค์ กระบวนการ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ในยุทธศาตร์ ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ว่า “ภาครัฐโปร่งใส ปลอดภัยการทุจริต และประพฤติมิชอบ รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) และที่ส าคัญหลักสูตรต้านการทุจริตศึกษา ยังมีเป้าหมายไปสู่กลุ่มบุคคลที่หลากหลาย จึงท าให้มีหลักสูตรต่าง ๆ ดังนี้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรอุดมศึกษา หลักสูตรกลุ่มทหารและ ต ารวจ หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ หลักสูตรโค้ช โดยหลักสูตรเหล่านี้จะ เกี่ยวข้องกับบุคคลที่หลากหลายในสังคม จึงท าให้เชื่อว่าหากบุคคลเหล่านี้ได้ผ่านกระบวนการตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาแล้ว ก็จะท าให้ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยเบาบางหรือลดน้อยลง” (สพฐ. 1) 2. การประเมินปัจจัยน าเข้า (Input) การประเมินศักยภาพของผู้บริหารและความพร้อมของระบบ สนับสนุนในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีความสามารถในการบริหาร จัดการน าหลักสูตรไปใช้ มีการรับรู้เจตนารมณ์ของหลักสูตร การเข้าร่วมรับฟังและการประชุมชี้แจง การแต่งตั้ง คณะกรรมการด าเนินการ รับผิดชอบการจัดท าแผนการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ การจัดหาสื่อ เอกสารใบงาน วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนการสอน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามนิเทศ และก ากับติดตามการใช้หลักสูตรการจัดการเรียนการสอน การวัดประเมินผล ซึ่งประกอบด้วย ครูสายชั้น และ ผู้อ านวยการโรงเรียน มีการเยี่ยมชั้นเรียน สังเกตพฤติกรรมนักเรียน และน าผลการติดตามวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป 3. การประเมินกระบวนการใช้หลักสูตร (Process) กระบวนการจัดการเรียนการสอน หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) สถานศึกษาสามารถน าหลักสูตรไปใช้ใน การจัดการเรียนการสอนได้ประสบผลส าเร็จเป็นอย่างดี โดยมีการจัดการเรียนการสอนเป็นหลายรูปแบบ ได้แก่ (1) เป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้แก่นักเรียน จ านวนหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวม 20 ชั่วโมงต่อภาคเรียน ในการให้ ความรู้ต้านทุจริตศึกษาตามหน่วยการเรียนรู้ เรื่องการคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ความละอายและไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบ ต่อสังคม (2) ส่วนบางโรงเรียน มีการบูรณาการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในวิชาอื่น เช่น หน้าที่พลเมือง และมี การสอดแทรกเนื้อหาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในรายวิชาอื่น เช่น สังคมศึกษา ศีลธรรม ลูกเสือเนตรนารี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 171 เป็นต้น นอกจากนั้น มีการปลูกฝังให้นักเรียนมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตในการท ากิจกรรม โครงการเสริมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังเช่น “โรงเรียนได้มีการศึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้มีความเข้าใจหลักสูตรและน ามาบรรจุไว้ในหลักสูตร ของสถานศึกษาและจัดการเรียนการสอนตามนโยบายของต้นสังกัด โดย ระดับชั้นปฐมวัย ปีที่ 2 และ 3 มีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการเข้ากับแผนจัดประสบการณ์ปฐมวัย สื่อ 60 พรรษา สมเด็จ พระเทพฯ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ให้เป็นรายวิชาเพิ่มเติม ระดับประถม มีครูประจ าชั้นเป็นผู้สอน ส่วนระดับมัธยมศึกษา มีครูประจ าวิชาสอน นอกจากนั้น มีการจัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร เช่น กิจกรรมเดินรณรงค์ การจัดท าป้าย เขียนค าขวัญ เป็นต้น” “การน าหลักสูตรมาใช้ มีการปรับหลักสูตรสถานศึกษา เป็นหลักสูตรฉบับปรับปรุง 2565 โดยเพิ่มวิชา ต้านทุจริตศึกษาเข้าไป จัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ทุกระดับชั้นตั้งแต่อนุบาล 2 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คิดว่าประสบความส าเร็จในการน าหลักสูตรมาใช้ เพราะครูได้ศึกษาหลักสูตร มีความเข้าใจและน าไป ถ่ายทอด รวมทั้งมีกิจกรรมจิตอาสา และโรงเรียนสุจริตที่ด าเนินการอยู่แล้ว รวมทั้งมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ (1) กิจกรรมสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ “การต่อต้านการทุจริต” (2) การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการด าเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (3) มีการจัดให้ครูได้เข้าอบรมอย่างสม่ าเสมอ” “ในระดับปฐมวัย โรงเรียนมีการสอนโดยบูรณาการใน 4 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่ สาระตัวเด็ก บุคคลและ สถานที่แวดล้อม ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก กิจกรรมการสอนมีการบูรณาการในวิชาต่าง ๆ สอนย้ าบ่อย ๆ มีการสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีก าลังใจ มีการเล่านิทาน ครูพูดคุย เด็กจะมีสมาธิได้นาน มีการ เปิดวิดีโอให้เด็กดู วาดรูประบายสี มีนิทานและเพลงเต้นประกอบเนื้อหาวิชา” “ทางกทม. มีโครงการโตไปไม่โกง ปรับเป็นต้านทุจริต น ามาบูรณาการสอนให้กับเด็กได้ สอนในวิชา แนะแนว สอนเป็นหัวข้อ” ปัญหา/อุปสรรค ด้านการเรียนการสอน/การออกแบบกิจกรรม แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ ป.ป.ช. จัดท าร่วมกับ สพฐ. เมื่อน ามาใช้ พบว่า มีกระบวนการหรือการใช้สื่อ ที่เหมือน ๆ กันในแต่ละระดับ จึงท าให้บางแผนหรือขั้นตอน ในแผนนั้น ๆ ครูต้องออกแบบแผนใหม่ หรือไปหาสื่อด้วยตนเอง นอกจากนั้น พบว่าปัญหาอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอน ครูบางส่วนขาดความรู้หลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา งบประมาณมีจ ากัดในการจัดท าอุปกรณ์การสอน สื่อการสอน เช่น ใบงาน เป็นต้น มีข้อจ ากัดเรื่องเวลา ท าให้ครูมีการบูรณาการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษากับวิชาอื่น และปัญหารูปแบบ การจัดการเรียนการสอนแบบ active learning ที่จะจัดกิจกรรมให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์มากขึ้น 4. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร (Outcome) การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรการจัด การเรียนการสอน เป็นการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ในด้านความรู้ เจตคติของผู้เรียน และพฤติกรรมที่ พึงประสงค์ ตามจุดมุ่งหมาย/วัตถุประสงค์ของหลักสูตร รวมทั้งการประเมินความพึงพอใจต่อหลักสูตรของ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอนและนักเรียน 4.1 การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาใช้ในโรงเรียน สรุปได้ดังนี้ “โรงเรียนประสบความส าเร็จดี นักเรียนมีความรู้ เจตคติและพฤติกรรมที่ดี เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น นักเรียนมีจิตอาสา ซื่อสัตย์ เช่น เก็บเงินได้น าส่งครูประกาศหาเจ้าของ ดูแลของส่วนรวม มีจิตอาสา ร่วมงานชุมชน เช่น ชมรมนาฏศิลป์จิตอาสาในวันส าคัญทางศาสนา และวันส าคัญของสถาบัน พระมหากษัตริย์”


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 172 “พฤติกรรมของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตามที่มุ่งหวังไว้มาก เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่น นักเรียนจะช่วยกันท างานส่วนรวมมากขึ้น มีจิตอาสามากขึ้น ท าการบ้านด้วยตนเอง เวลาเก็บของได้ ก็น าแจ้งครูเพื่อส่งคืนเจ้าของต่อไป” “การน าหลักสูตรมาใช้ถือว่าประสบความส าเร็จ โดยสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ตามความ มุ่งหวังของหน่วยงานต้นสังกัด ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเกณฑ์ ของหลักสูตรที่ก าหนด จ านวนร้อยละ 100 และการน าไปใช้ในโรงเรียนขนาดเล็ก ง่ายต่อการบริหารจัดการ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน” 4.2 ปัจจัยที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ได้ประสบ ความส าเร็จ ได้แก่ ผู้บริหารมีส่วนส่งเสริม สนับสนุนการน าหลักสูตรไปใช้ และได้รับความร่วมมือจากครูผู้สอน และจากนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างดี มีการติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตร มีการน าผลจากการประเมินมาวิเคราะห์แล้วน าจุดอ่อนมาแก้ไขในปีต่อไป เน้นการวัดและประเมินผลตาม สภาพจริง โดยดูจากพฤติกรรม เช่น การไม่ลักขโมย การใช้จ่ายประหยัด เป็นต้น รวมทั้งสภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัว ชุมชน และสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่มีส่วนท าให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติตามได้ดีขึ้น “ปัจจัยที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ให้ประสบความส าเร็จ (1) จุดมุ่งหมาย ของหลักสูตรมีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงเรียน ที่ว่า “โรงเรียนมุ่งสู่การเป็นโรงเรียนคุณภาพ โดยน้อมน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ และการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนมาพัฒนา ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน” จึงท าให้การบริหารจัดการที่เกี่ยวกับโรงเรียน สอดคล้องกับหลักสูตรต้านทุจริต อาทิ กิจกรรมต่าง ๆ หรือโครงการที่บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการประจ าปี เป็นต้น (2) ครูผู้สอนน าหลักสูตรฯ ไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างจริงจัง (3) ผู้อ านวยการและ คณะกรรมการสถานศึกษาให้การส่งเสริม สนับสนุน การจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างจริงจัง” “ความส าเร็จที่เกิดจากการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เกิดจากความ ร่วมมือร่วมใจกันของผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง องค์กรท้องถิ่น และชุมชน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ของ คณะครูที่ศึกษาเนื้อหาและน าไปจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน มีการบูรณาการให้เข้ากับชีวิตประจ าวัน ของนักเรียน และได้รับความร่วมมือจากนักเรียนที่ตั้งใจเล่าเรียน น าความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน ทั้งในห้องเรียน โรงเรียน และที่บ้าน จนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองได้” “ปัจจัยที่ท าให้โรงเรียนประสบความส าเร็จ ได้แก่ ครูมีการศึกษาหลักสูตรฯ มีการจัดท าแผนการสอน มีสื่อ กระตุ้นความสนใจของนักเรียน เช่น ดูวิดีโอ เป็นต้น นักเรียนสามารถเรียนรู้และปฏิบัติได้ดี ครอบครัว ชุมชน และสังคมรอบข้าง มีส่วนช่วยส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษา” “ปัจจัยที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ให้ประสบความส าเร็จผู้อ านวยการ โรงเรียน มีการประเมินติดตามผล นิเทศ การเรียนการสอน การปฏิบัติงาน การท ากิจกรรมต่าง ๆ ของครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ผู้อ านวยการโรงเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ยินดี รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาของนักเรียนทุกคน เมื่อสิ้นปีการศึกษาจะมีการยกย่องเชิดชูเกียรติ โดยมอบเกียรติบัตรให้ครูและนักเรียน หรือบุคลากรผู้ที่มีความประพฤติดี มีคุณธรรมจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อต้านการทุจริต ต่อองค์กร ผู้ปกครองและชุมชนเห็นความส าคัญ และได้รับการสนับสนุนจาก ชุมชนเป็นอย่างดี”


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 173 4.3 สิ่งที่ต้องการการสนับสนุนจากส านักงาน ป.ป.ช. ในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (1) การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เป็นหลักสูตรแกนกลางของสถานศึกษา (2) การสนับสนุนในด้านงบประมาณการผลิตสื่อแก่ทางโรงเรียน เช่น การผลิตใบงาน รวมทั้ง การจัดโครงการกิจกรรมเสริมหลักสูตรต่าง ๆ เช่นโครงการเข้าค่าย โครงการจิตอาสา เป็นต้น (3) ให้มีการปรับปรุงแผนจัดการเรียนรู้ ให้มีกิจกรรมและสื่อที่น่าสนใจ ไม่ซ้ ากับระดับชั้นอื่น ๆ โดยแยกเล่มให้ชัดเจน จะเป็นสิ่งอ านวยความสะดวกให้กับครูผู้สอนและการวัดและประเมินผล (ในโรงเรียนที่มี บุคลากรจ ากัด) (4) ต้องการการสนับสนุนวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถจากส านักงาน ป.ป.ช. มาอบรมให้ ความรู้แก่ครูและนักเรียน (5) ต้องการสื่ออบรมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแก่ครู หรือจัดส่งเอกสารความรู้ ต้านทุจริตศึกษาแก่โรงเรียน (6) เพิ่มครูที่สอนวิชาสังคมศึกษา (7)การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เนื่องจากโรงเรียนสังกัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้รับทราบข้อมูลต่าง ๆ ช้ากว่าสังกัดอื่น ๆ (8) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ถูกต้องตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพราะปัจจุบันในหลักสูตร จะเป็นเพียงหัวข้อ หัวเรื่อง ที่จะให้แต่ละระดับชั้นเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง (9) ให้ส านักงาน ป.ป.ช. จัดกิจกรรม STRONG MODEL ให้กับนักเรียนในโรงเรียนพื้นที่ ห่างไกล อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง (10) ต้องการสื่อการเรียนการสอน เช่น คลิปวิดีโอ สารคดี หรือโปสเตอร์ที่เหมาะสมกับช่วงชั้น 4.4 ความเหมาะสมของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาปัจจุบันกับการเรียนรู้ของนักเรียน หลักสูตรมีความเหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นอย่างดีโดยมีการจัดหน่วยการเรียนรู้ที่เหมาะสม เป็น 4 หน่วยการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้มีการอธิบายและบอกรายละเอียดอย่างชัดเจน มีการจัดท า แผนการเรียนรู้ หรือแผนการจัดประสบการณ์ส าหรับปฐมวัย ไว้อ านวยความสะดวกให้แก่ครูผู้สอนได้อย่างดี มีการเสนอให้เพิ่มเนื้อหาความรู้ด้านกฎหมาย เพื่อให้เกิดความกลัว ไม่กล้าท าทุจริต หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาปัจจุบัน เหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักเรียน หลักสูตรดีมาก เป็นประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน กระจายความรู้จากเด็ก ไปสู่ครอบครัว ชุมชน หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา มีความเหมาะสมกับนักเรียน โดยหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามีเนื้อหาที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของนักเรียนตาม ชั้นปี หรือวัย 4.5 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเนื้อหาของหน่วยการเรียนรู้ เนื้อหาจากหน่วยการเรียนรู้ (แยกแยะส่วนตนส่วนร่วม ละอายและไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต้านทุจริต และความรับผิดชอบต่อ สังคม) ท าให้เกิดพฤติกรรมตามที่มุ่งหวัง เห็นการเปลี่ยนแปลง และความแตกต่างที่เกิดขึ้น โดยเนื้อหาจาก หน่วยการเรียนรู้ทั้ง 4 หน่วยในระดับโรงเรียนประถมศึกษา คิดว่าประสบความส าเร็จ นักเรียนมีพฤติกรรม ตามที่มุ่งหวัง เห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักเรียน เช่น ไม่มีการขโมย ไม่ลอกข้อสอบ เป็นต้น “พฤติกรรมของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตามที่มุ่งหวังไว้มาก เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่น นักเรียนจะช่วยกันท างานส่วนรวมมากขึ้น มีจิตอาสามากขึ้น ท าการบ้านด้วยตนเอง เวลาเก็บของได้ ก็น าแจ้งครูเพื่อส่งคืนเจ้าของต่อไป”


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 174 “เห็นการเปลี่ยนแปลง และแตกต่าง เพราะกิจกรรมที่นักเรียนปฏิบัติตั้งแต่เข้ามาในโรงเรียน ตอนเช้าจะมี ครูเวรประจ าวัน นักเรียนจิตอาสา จิตสาธารณะ ช่วยคัดกรอง และตรวจเช็คความเรียบร้อย กิจกรรม อบรมหน้าแถว จะอบรมเรื่องการต่อต้านการทุจริต วันละ 1 เรื่อง ครูประจ าชั้น เพิ่มเติมเน้นย้ า และ ประเมินพัฒนาการเพื่อส่งต่อ ครูประจ าวิชาสอนสอดแทรกและบันทึกพฤติกรรม และประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ทุกวันและทุกหน่วยการเรียนรู้” “โรงเรียนมีกิจกรรมจิตสาธารณะ ให้เด็กไปร่วม เด็กเล็กท าในโรงเรียน เด็กโตไปช่วยชุมชน เด็กมีการ รับผิดชอบ ท าเวร เด็กมีความช่วยเหลือกัน เด็กโรงเรียนนี้จะเข้าแถว รักษาสิทธิของเขา ไม่มีแทรกแถว มีจิตส านึกของเขาเอง เด็กรู้สึกละอายในการท าทุจริต เด็กรู้จักหน้าที่ ไม่เอาเปรียบกัน ไม่ทนการทุจริต โรงเรียนมีกิจกรรมของหายได้คืน เมื่อเด็กเก็บสิ่งของได้ให้น าไปแจ้งคุณครู มีจดชื่อไว้แจกเกียรติบัตร เด็กมี ความภาคภูมิใจ บูรณาการได้ตลอด” 4.6 ประโยชน์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาใช้ในโรงเรียน การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษามาใช้ เกิดประโยชน์ต่ออาจารย์ ผู้ที่เกี่ยวข้องและนักเรียนอย่างยิ่ง มีการนิเทศ ติดตาม จากผู้บริหาร ครู ให้นักเรียนปฏิบัติได้ ดูแลช่วยเหลือกัน ร่วมมือท ากิจกรรมต่าง ๆ ให้มีพฤติกรรมที่ดี “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวนักเรียน ที่ได้รับการปลูกฝังที่ดีเพื่อจะเติบโตเป็น ผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป ประโยชน์ต่อครูและผู้ปกครอง หลักสูตรท าให้เด็กเป็นคนดี ไม่ทะเลาะกัน ไม่มีปํญหา การลักขโมย มีความรับผิดชอบ ท าให้ผู้ปกครองสบายใจ” “เกิดประโยชน์เพราะได้ปลูกฝังจิตส านึกให้กับนักเรียนตั้งแต่ยังเด็กว่าการทุจริตเป็นสิ่งไม่ดี จะท าให้ ประเทศชาติล าบาก โตไปนักเรียนจะได้ไม่คดโกง มีความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าจะเกิดประโยชน์มากกว่านี้ นักเรียนควรได้เห็นตัวอย่างที่ดีจากผู้ใหญ่ คนรอบข้าง และตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ สื่อโซเชียลต่าง ๆ ควรน าเสนอโทษของการทุจริตมากกว่ามาก ๆ ว่าไม่ดีอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่มี ความเสียสละและซื่อสัตย์สุจริตมาก จะได้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนของชาติสืบต่อไป และหลาย หน่วยงานต้องช่วยกัน” “เกิดประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเอง เมื่อถูกปลูกฝังเรื่องการต้านทุจริต ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม สู่มหาวิทยาลัย สู่วัยท างาน จะเป็นสังคมที่น่าอยู่ สังคมคุณธรรม ซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ทุจริต ไม่โกง” “การน าหลักสูตรฯ มาใช้ ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อครู นักเรียน และผู้ปกครอง ครูเองได้มีการประชุม ชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรฯ รู้บทบาทหน้าที่ในการสอนแก่นักเรียน นักเรียนเองสามารถน าไปใช้ใน ชีวิตประจ าวัน และส่งต่อยังที่บ้าน และชุมชนได้ต่อไป” “การจัดอบรมครู ได้ไปอบรม 2-3 วัน เรื่องการเป็นครูแนะแนว หลักสูตรต้านทุจริตไม่มีตรงสาขา จึงมอบ ให้ครู 1 คน ไปอบรม กลับมาเผยแพร่ครูอื่น ๆ และน าไปบูรณาการกับวิชาอื่น ๆ 8 กลุ่มสาระ ครูท่านอื่น สามารถสอดแทรกในการสอน” “การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาใช้เกิดประโยชน์ทั้งต่อนักเรียน ครูและผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกับ สังคม/ชุมชน เช่น ช่วงการหาเสียงเลือกตั้งของเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนจะมี โครงการเดินรณรงค์การต่อต้านการทุจริตในการหาเสียงเลือกตั้งของนักเรียนประถมปีที่ 4-6 มีการแจก แผ่นพับแก่ประชาชนในการให้ความรู้การต้านทุจริต” 4.7 ประโยชน์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาต่อการพัฒนาคนและสังคม (1) หลักสูตรต้านทุจริตศึกษามีประโยชน์มากต่อการพัฒนาคน สามารถสร้างเยาวชนให้มี ความซื่อสัตย์สุจริต ให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมได้


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 175 (2) หลักสูตรปลูกฝังให้เยาวชนมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อต้านการกระท าที่ทุจริตประพฤติมิชอบ รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่คดโกงใคร เด็กรุ่นใหม่จะท าให้สังคมเปลี่ยนไปในทางที่ดี (3) ท าให้คนในสังคมตระหนักในปัญหาการทุจริตมากยิ่งขึ้น และจะท าให้เกิดความไม่ทนต่อ ปัญหาการทุจริต ท าให้สังคมน่าอยู่ มีการทุจริตน้อยลง (4) มีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต (5) หลักสูตรจะกล่อมเกลาให้คนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แบบยั่งยืน ส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนา ในทุก ๆ ด้าน ทัดเทียมกับอารยประเทศ (6) มีประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมให้น่าอยู่ เป็นสังคมที่ดี หากทุกโรงเรียนมีความพร้อมใจ กันน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาใช้ และมีการนิเทศติดตามอย่างต่อเนื่อง 4.8 ผลจากการสัมภาษณ์นักเรียน ได้ข้อสรุปดังนี้ 4.8.1 ก่อนเรียนและหลังเรียนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา นักเรียนมีความรู้ เจตคติ หรือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ นักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงความรู้ทั้ง 4 ด้าน และสามารถน ามาใช้ได้ เช่น พฤติกรรมเก็บเงินได้ น ามาส่งให้ครูประกาศหาเจ้าของมารับ รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม เช่น โครงการไร้ ถังขยะ ไม่มีการทุจริตการสอบ (มีการคุมสอบเข้มงวด) เป็นต้น เจตคติและพฤติกรรม มีการเปลี่ยนแปลง เช่น พบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะบอกเพื่อนว่า ไม่ถูก ไม่ท า รวมทั้งถ่ายทอดบอกต่อคนในครอบครัวและชุมชน “หลังจากได้เรียนวิชาต้านทุจริตแล้ว จะมีความรู้เพิ่มมากขึ้นและทุกคนจะช่วยเหลือกัน มีมารยาทดีต่อกัน ไม่มีการลักขโมย หากมีใครท าผิด เช่น ลอกการบ้านเพื่อน ก็จะบอกเพื่อนให้ค าแนะน าเพื่อน และน้อง ๆ ถึงสิ่งที่ควรท าและไม่ควรท า” “ก่อนเรียน ไม่ค่อยเข้าใจว่า วิชาต้านทุจริตศึกษาคืออะไร ต้องเรียนไปเพื่ออะไร แต่พอได้เรียน ได้รับ ความรู้เพิ่มขึ้นมาก และมีเจตคติที่ดีต่อวิชานี้ ความรู้ได้รับมาคือ การแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต เช่น แต่ก่อนจะท างานตัวเองให้เสร็จก่อนถึงค่อยไป เล่นเลยไม่ได้สนใจว่างานส่วนรวมเสร็จหรือยัง แต่เดี๋ยวนี้ จะช่วยงานส่วนรวมให้เสร็จก่อนถึงค่อยไปเล่น เช่น ช่วยเพื่อนกวาดถนนให้เสร็จ” “เนื้อหาสอดคล้องกับหลักศาสนา เด็กๆละหมาดตั้งแต่ ป.1 พัฒนาให้เด็กมีระเบียบวินัยมากขึ้น” 4.8.2 กิจกรรมการเรียนการสอน วิธีการสอนที่ใช้ในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ตรงใจกับ นักเรียน ได้แก่ วีดิทัศน์ (video) โดยการน าสื่อให้ดู และให้คิดวิเคราะห์แก้ปัญหา รวมทั้งกิจกรรม การแสดง ละครหรือบทบาทสมมติ (role play) “กิจกรรมการเรียนการสอนที่ชอบ คือ การเรียนการสอนที่มีการดูวิดิโอเกี่ยวกับการทุจริต และมีใบงาน ตอบค าถาม และการท างานกลุ่ม การท าโครงงาน ท าความดีในชุมชน จิตอาสา เช่น จิตอาสาเก็บขยะ การเสริฟน้ าเมื่อมีงานของชุมชน เป็นต้น” “การจัดการเรียนการสอน มีการเชิญวิทยากร (ต ารวจ) บรรยายเรื่องการปราบปรามการทุจริต มีการเข้า ร่วมกิจกรรมโครงการคัดแยกขยะ โครงการรณรงค์หาเสียง มีการแบ่งกลุ่มการเรียนในการคิดวิเคราะห์ ร่วมกัน มีการดูวิดีโอเกี่ยวกับการต้านทุจริต มีกิจกรรมแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ส่วนตน” “การได้แสดงความคิดเห็น มีการท ากลุ่มจัดท ารายงาน ชอบการเรียน และมีการท า mind map ชอบฟัง เสียงตามสาย มีเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ ชอบการดูวิดีโอ นิทานสอนใจ การต้านทุจริต และการ์ตูนใน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 176 youtube เรื่องเกี่ยวกับการโกงข้อสอบ ชอบเรื่องเล่าจากคุณครู และน าไปเล่าให้คุณพ่อ คุณแม่ฟัง เช่น สิทธิของประชาชน เป็นต้น” “กิจกรรมที่ตรงใจ ได้แก่ สมุดบันทึกความดี เปิดเพลงโตไปไม่โกง” 4.8.3 การพัฒนาในด้านการต้านการทุจริต และส่งเสริมความซื่อสัตย์สุจริต โดยจัดการอบรม หลักสูตรการต้านทุจริตในชุมชน ให้ตัวอย่าง เพื่อให้ซึมซับและปฏิบัติได้ว่า อะไรดี ไม่ดี โดยเริ่มการอบรมผู้น า ชุมชน หรือ อสม. ส่งเสริมความซื่อสัตย์สุจริต โดยเริ่มจากตัวเรา คนใกล้ตัว ดังเช่น “อยากเห็นทุกคนมองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเอง อยากให้มีคุณธรรม มีจิตอาสา ช่วยเหลือ ชุมชนเพื่อสังคมที่ดีขึ้น ส่งเสริมให้เด็กๆ มีความรู้ และท าความดี มีความซื่อสัตย์สุจริต รู้จักสอนน้องที่บ้าน ให้ท าสิ่งที่ดี ไม่ลักขโมย เป็นต้น” “อยากให้กฎหมายหรือบทลงโทษที่หนักกว่านี้ ควรส่งเสริมบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมาก ๆ เช่น การมอบรางวัล การกล่าวสรรเสริญ และไม่ยกย่องคนท าชั่ว ไม่ยกย่องคนที่ทุจริต” “การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียน เช่น การเข้าค่ายคุณธรรม การอบรมจริยธรรม เพื่อให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต รู้จักหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง มีความพอเพียง มีระเบียบวินัย อยากให้ทุกโรงเรียนมีการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อทุกคนจะได้มีความรู้” “เสนอให้มีการเขียน เล่านิทานต้านทุจริต” 4.9 ข้อเสนอแนะ 1. หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาดีมาก เสนอแนะให้จัดการเรียนการสอน เป็นรายวิชาเพิ่มเติม 1 รายวิชาหรือเป็นหลักสูตรแกนกลางของสถานศึกษา 2. เพิ่มเนื้อหาความรู้ด้านกฎหมายเพื่อให้เกิดความกลัว ไม่กล้าทุจริต 3. น าหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ามาเพิ่มในหลักสูตร 4. การจัดกิจกรรมการสอนให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์และปฏิบัติได้ 5. ครูผู้สอนต้องท าตัวให้เป็นตัวอย่างในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ปรับกระบวนการคิดใหม่ ส่งเสริมการสร้าง mindset ให้นักเรียน 6. ขอให้ปรับแผนการสอน ให้เป็นแบบส าเร็จรูปครบทั้ง 40 ชั่วโมง ปรับใบงานให้มีความ น่าสนใจ พร้อมใช้ เพื่ออ านวยความสะดวกให้ครูผู้สอน 7. เสนอแนะให้มีการจัดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้ครอบคลุมทุกกลุ่มในสังคม 8. รูปแบบและหัวข้อการประเมินควรหลากหลายและทันสมัย เช่น การท าข้อสอบออนไลน์ ผลการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการด้านการศึกษา หลักสูตรการเรียนการสอน (หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน) 1. การสร้างเด็กและเยาวชนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยึดมั่นความซื่อตรงนั้น ควรมีการส่งเสริมให้ เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม และควรส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง มีวินัยในตนเอง ในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตนเองในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่บ้าน หรือที่โรงเรียน ในการพัฒนา หลักสูตรการเรียนการสอนควรมีการก าหนดเป้าหมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาเฉพาะบุคคล และส่งเสริมให้เกิด ความภาคภูมิใจ ท างานส าเร็จด้วยความอดทนและฝึกการรอคอย


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 177 “ปัจจัยที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้รับการบ่มเพาะที่ดีคือบริบทของสังคมและชุมชนนั้น กระท าในสิ่งเดียวกันอย่างต่อเนื่องและสม่ าเสมอจนกลายเป็นวัฒนธรรมและค่านิยมเชิงบวก” “ส าหรับการพัฒนาเด็กและเยาวชนแบบญี่ปุ่นให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องเริ่มที่ครอบครัวเป็นหลัก แล้วมาที่โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนในญี่ปุ่นไม่มีภารโรง นักเรียนท ากันเอง ฝึกกันเอง ดังนั้นในการฝึกความ รับผิดชอบ อาจจะไม่จ าเป็นต้องท าหลักสูตรอย่างเป็นทางการ รูปเล่ม แต่เน้นให้นักเรียนท างานบ้าน และ ท างานเพื่อประโยชน์ของโรงเรียน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เป็นต้นไป โดยให้เหมาะกับช่วงวัย” 2. ปัญหาในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาพลเมืองไทย และในการพัฒนาหลักสูตรและแนวทาง การจัดการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตในระบบการศึกษาของไทยนั้น ผู้บริหารและครูอาจ ไม่เข้าใจกระบวนการพัฒนาหลักสูตรอย่างแท้จริงและไม่ให้ความส าคัญต่อการน าหลักสูตรและแนวทาง การจัดการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตไปใช้อย่างต่อเนื่องในห้องเรียน ส่วนหนึ่งเกิดจาก การเห็นว่าเป็นการเพิ่มภาระงาน “ปัญหาที่พบ คือ การสอนครูเน้นการสอนเนื้อหาตามหนังสือมากกว่าการสอนที่เน้นการปฏิบัติจริง เด็กไม่ สามารถน าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้” 3. การปลูกฝังและพัฒนากระบวนการคิดของเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเป็น ธรรมชาติในระบบการศึกษา ระบบนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริตทั้งในและนอก สถานศึกษานั้น ต้องมีองค์ประกอบและการด าเนินการดังนี้ 3.1 องค์ประกอบทางครอบครัว สถานศึกษาต้องสื่อสารกับครอบครัวเรื่อง ความซื่อสัตย์ สุจริตให้ครอบครัวเป็นตัวอย่าง และให้เด็กฝึกประสบการณ์ในครอบครัว 3.2 องค์ประกอบในโรงเรียน เน้นให้นักเรียนได้ฝึกการท างาน ความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง เพื่อน และโรงเรียน 3.3 องค์ประกอบด้านสังคมและชุมชน ควรเน้นให้นักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมการบ าเพ็ญ ประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมนอกโรงเรียนให้มากขึ้น การพัฒนาผู้บริหารและครูให้เป็นผู้น าในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและสามารถเป็นผู้น าในการน าตนเอง ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ผู้น าท้องถิ่น ผู้ปกครอง ชุมชน และบริบทที่เด็กและ เยาวชนอาศัยอยู่ควรมีการพัฒนาในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเช่นกัน การด าเนินการโดยสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจองค์ความรู้ในการส่งเสริมและพัฒนาการ ต่อต้านการทุจริตอย่างสม่ าเสมอและต่อเนื่อง และส่งเสริมให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับชีวิต ของเด็กและเยาวชน โดยเป็นการน าหลักธรรมค าสอนทางศาสนามาเป็นแนวทางส าคัญในการด าเนินชีวิต 4. การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาพลเมืองเชิงวิพากษ์มีพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่การจัดการ เรียนรู้เน้นการบอกให้รู้และเน้นการท่องจ า ปัจจุบันสถานการณ์ของสังคมและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตมีการ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอด้วยวิวัฒนาการของโลกในยุคข้อมูลไร้พรมแดน ท าให้เด็กและเยาวชนสามารถค้นคว้า และแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ควรปรับวิธีการเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของ เด็กและการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์และนโยบายต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 178 “การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาพลเมืองเชิงวิพากษ์ในอนาคต ควรให้ชุมชน ทุกภาคส่วน เข้าไปมีส่วนร่วม มากที่สุด นับแต่ การวางแผน การจัดการศึกษา ตลอดจนการประเมิน และวิพากษ์การศึกษาในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม” “ครูควรพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการที่ส่งเสริมให้เด็กคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้นั้น เพื่อน าไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคมและประเทศชาติ” “แนวโน้มที่ควรจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต ควรจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสนใจเรียนโดยการร่วม แสดงความคิดเห็นและมีการตั้งค าถาม โดยร่วมตอบค าถามและแสดงความคิดเห็นในระหว่างเรียน” “วิธีการสอน ควรเป็น student center และ active learning โดยใช้ self-directed learning ควรหา วิธีการสอนให้เด็กเรียนรู้ได้เองโดยตรง เช่น หากจับไฟจึงจะรู้สึกว่าร้อน ให้เด็กได้รู้จักการวิพากษ์แสดง ความคิดเห็น และต้องรู้กฎหมาย เมื่อท าผิด ต้องมีบทลงโทษ” 5. แนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างเด็กและเยาวชนไทยรุ่นใหม่เพื่อรับใช้สังคม การประกอบ กิจการเพื่อสังคม และทักษะที่จ าเป็นภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบันนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ได้ให้แนวคิดต่าง ๆ ดังนี้ “เด็กและเยาวชน ควรจะมีความรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชด าริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งเน้นการใช้เงินอย่างมีคุณค่า ใช้อย่างมีประโยชน์ไม่ใช้จ่ายเกินก าลังที่ตนเองหามาได้ รู้จักพอเพียง” การสร้างเด็กและเยาวชนไทยรุ่นใหม่เพื่อรับใช้สังคม การที่เด็กและเยาวชนจะมีความคิดรับใช้สังคมได้นั้น ควรได้รับการพัฒนาให้เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการกระท านั้น โดยการน าประเด็นปัญหาในสังคมปัจจุบัน มาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ท าให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนที่เป็นข่าวในปัจจุบันนั้น เป็นสื่อที่ดีที่จะน ามาจัด กิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็กได้สะท้อนปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาที่เชื่อมโยงกับความเป็นจริงเพื่อให้สังคม สงบสุข โดยให้เด็กได้ตระหนักถึงปัญหาสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ า ในสังคมเพื่อให้มีบทบาทและมีส่วนช่วยรับใช้สังคม การประกอบกิจการเพื่อสังคม และเล็งเห็นถึงประโยชน์ ส่วนรวม “ทักษะที่จ าเป็นภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน ได้แก่ ทักษะการคิดแก้ปัญหา (คิดวิเคราะห์ วิพากษ์ สร้างสรรค์ และนวัตกรรม) ทักษะการบริหารจัดการตนเอง (การเรียนรู้ด้วยตนเอง รับมือกับ ปัญหา อดทนต่อความกดดัน และความสามารถในการปรับตัวได้ดี) ทักษะการท างานร่วมกับผู้อื่นและ ทักษะการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม” “เด็กและเยาวชนต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่เขาท านั้นเกิดประโยชน์อย่างไรต่อใคร โดยในเบื้องต้นต้องมองให้ได้ว่า สิ่งนั้นเกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างไร และควรจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้คิด วางแผนออกแบบให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในมุมกว้างขึ้น” “รูปแบบการเรียนการสอน เป็นการเรียนรู้ตามสภาพการณ์จริง กิจกรรมการเรียนรู้ควรมีการก าหนด หลักการและมีตัวอย่างให้โรงเรียนต่าง ๆ สามารถน าไปใช้ในสภาพจริง” 6. การเรียนการสอนในโรงเรียนรูปแบบใหม่ที่สอดคล้องกับสังคมปัจจุบันคือมุ่งเน้นให้เด็กลงมือปฏิบัติ สามารถแก้ไขปัญหาตามสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อน าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ าวันและน าเสนอแนวคิดของ ตนเองได้อย่างสร้างสรรค์


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 179 โรงเรียนควรจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่เพื่อสร้างก าลังคนที่ตอบโจทย์ปัญหาของสังคมปัจจุบัน โดยอ้างอิงตามหลักพุทธศาสนา การสอนตามหลักอริยสัจสี่ เป็นรูปแบบการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน การออกแบบการจัดการเรียนรู้และการวางแผนกระบวนการเรียนรู้ที่ให้เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมในการ สะท้อนคิด ควรเน้นการเรียนให้ผู้เรียนสามารถน าไปใช้และปฏิบัติได้จริง “รูปแบบการเรียนการสอน เป็นการเรียนรู้ตามสภาพการณ์จริง กิจกรรมการเรียนรู้ควรมีการก าหนด หลักการและมีตัวอย่างให้โรงเรียนต่าง ๆ สามารถน าไปใช้ในสภาพจริง” 7. ปัญหาและความคาดหวังของเด็กและเยาวชนไทยต่อการจัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษา ของไทย ประกอบด้วย ปัญหาระบบการศึกษาไทยที่เน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากกว่าการมุ่งเน้นในการ น าไปใช้จริง นอกจากนี้ ควรส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาและการมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ รู้จักการพึ่งตัวเอง และควรเน้นเรื่องพฤติกรรมเชิงสังคมเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังความเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาดังนี้ “การจัดการเรียนการสอนควรส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ ทักษะชีวิต การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น” “ความคาดหวังของเด็ก อาจเป็นที่เกรด และการเรียนต่อได้ ต้องเอาไปใช้ เรียนสนุก อีกมิติเด็กต้อง เข้าใจว่า อะไรท าได้ อะไรท าไม่ได้ ทุจริตคืออะไร มีการลงโทษ เรื่องขโมยเป็นกฎหมายอาญา พ่อแม่ต้อง สอนให้เด็กรู้กฎหมาย ต้องบอกเด็กว่าจะเสียสิทธิ์อะไร เช่น ติดคุก เข้ารับราชการไม่ได้ มีผลต่ออนาคตของ เด็ก เป็นต้น” “เด็กส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า เนื้อหาสาระที่เรียนปัจจุบันไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เรียนมาก เกินไปในสิ่งที่ไม่ต้องการ เนื้อหาไม่ทันสมัย และการจัดการเรียนรู้ของครูไม่น่าสนใจ” 8. ประสบการณ์และกิจกรรมเสริมหลักสูตรที่มีผลต่อการพัฒนาทักษะกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล ในด้านการตระหนักรู้ต่อความถูกต้อง ซื่อสัตย์ สุจริตนั้น “ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเปิดโอกาสให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียนได้จัดการเรียนรู้ทั้งใน หลักสูตรรายวิชาขั้นพื้นฐานและสอดแทรกในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตลอดจนกิจกรรมที่โรงเรียนจัดตาม ความต้องการของสังคมและบริบทของโรงเรียน” “กิจกรรมการพัฒนาโครงงานคุณธรรมเพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ฝึกวิเคราะห์พฤติกรรมของ ตนเองและการปฏิบัติกิจกรรมที่เหมาะสมในช่วงระยะเวลาที่ก าหนดเพื่อพัฒนาพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เช่น กิจกรรมการเข้าค่ายคุณธรรม จริยธรรม เพื่อพัฒนาการกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น และควรสอดแทรก หลักการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี” “สอดแทรกเนื้อหาสาระต้านทุจริตศึกษาเข้าไปสู่วิชาอื่น ๆ เช่น ลูกเสือเนตรนารี เพื่อสร้างวินัย และ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การปลูกผักสวนครัว การเตรียมอุปกรณ์ เพื่อรู้จักการบ่มนิสัย การไม่เอารัดเอาเปรียบ เป็นต้น 9. หลักสูตรมีความเหมาะสมกับบริบททางสังคมและเหมาะกับผู้เรียน (ตามช่วงชั้น วัย) โดยผู้เชี่ยวชาญ ด้านการศึกษาให้ความเห็นว่า “ผลจากการศึกษาวิจัยและประเมินหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลายฉบับ ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า หลักสูตรตัวชี้วัดเนื้อหาสาระส่วนใหญ่ ครูผู้สอน เห็นว่า วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย คุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีความเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงวัย


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 180 ยกเว้นเนื้อหาและตัวชี้วัดในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ควรจะมีการปรับลดให้น้อยลงและจัดกลุ่มสาระ การเรียนรู้เป็นวิชาบูรณาการให้มากขึ้น” “ควรมีการผลิตสื่อให้ครู และนักเรียน ได้ศึกษา ค้นคว้า คิดวิพากษ์วิจารณ์ได้” 10. ทิศทางและการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาได้ให้ข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. ทิศทางและการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาส าหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา เป็นต้นไป ควรเป็นดังนี้ - เป้าหมาย : นักเรียนเข้าใจและตระหนักถึงภัย และผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของการทุจริต - ขอบข่ายเนื้อหา : ความหมายของการซื่อสัตย์และการทุจริต ผลกระทบของการทุจริต ทั้งในและนอกสถานศึกษา สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ระเบียบ กฎหมาย และเกณฑ์การประเมินเกี่ยวกับ ความโปร่งใสของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา และช่วยเหลือสังคม - กิจกรรมการเรียนรู้ : วิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study) เกี่ยวกับผลกระทบจากการ ทุจริตของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน จ าลองสถานการณ์ (Simulation) เกี่ยวกับการทุจริต เพื่อให้นักเรียน หาแนวทางการแก้ปัญหา การจัดโครงงานเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือสถานศึกษา สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ศึกษาดูงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามทุจริต - การวัดและประเมินผล : ประเมินจากผลงานนักเรียนจากโครงการหรือชิ้นงานที่สะท้อนถึง เข้าใจและความตระหนักถึงภัย และผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของการทุจริตทั้งในและนอกโรงเรียน ตลอดจน สังคม ชุมชน และประเทศชาติ” (ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา 1) 2. ทิศทางของการปรับปรุงหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เสนอให้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็น หลักสูตรแกนกลางของสถานศึกษา ควรปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้น าหลักธรรมทางศาสนา เข้ามาเป็นเครื่องมือในการออกแบบวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรส่งเสริมทักษะการตั้งค าถามที่เหมาะสม เพื่อฝึกให้เด็กและเยาวชนได้สะท้อนความคิดที่หลากหลาย 3. แนวทางการแก้ไขปัญหา การรับรู้บทบาทของครู/อาจารย์ผู้สอน ในฐานะเป็นผู้ถ่ายทอด หลักสูตรไปสู่ผู้เรียนและการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้เรียนในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เพราะเป็นบุคคลที่ส าคัญที่ ใกล้ชิดกับผู้เรียนมากที่สุด เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนและน าไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวัน ได้แก่ “ให้ความรู้ครูผู้สอนได้ตระหนักถึงความซื่อสัตย์สุจริต และผลกระทบของการทุจริต ทั้งในหน้าที่ของตนเอง และสังคม รวมทั้งนักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีทุจริตในวงราชการการที่ผ่านมา” “การพัฒนาผู้บริหารและครูให้มีความตระหนักรู้และสามารถเป็นผู้น า ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างแรงจูงใจให้นักเรียน ครู ผู้บริหาร ผู้ปกครองและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง” “ก าหนดคุณสมบัติการเป็นคนดีในการคัดเลือกคนเข้าสู่ต าแหน่งครู และต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพครู” “ท าเอกสารข้อมูล เนื้อหาหลักสูตรทุจริตศึกษา และการส่งเสริมแบบบูรณาการและการใช้ active learning และการสร้างกลไกภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ให้ปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 181 ตารางที่ 4.38 สรุปจุดเด่น จุดด้อย ปัญหาและอุปสรรคของสถานศึกษาที่ได้คะแนนสูงสุดและต่ าสุด โอกาสในการพัฒนา จุดที่ควรปรับปรุง ปัญหาอุปสรรค 1. หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาและการบริหารหลักสูตร 1.1 จัดการสอนเป็นรายวิชาเพิ่มเติม เรียนสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง 40 ชั่วโมง ต่อปีการศึกษา 1.2 จัดการสอนบูรณาการกับรายวิชาอื่น 1.3 จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร 1.4 ครูประจ าวิชาสอนระดับมัธยม ครูประจ าชั้นสอนระดับประถม 1.5 มีคณะกรรมการหลักสูตร 1.6 มีคณะท างานติดตามนิเทศการใช้ หลักสูตร 1.7 ไม่มีปัญหางบประมาณ ได้รับการ สนับสนุนจากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและกรุงเทพมหานคร 1.8 โครงสร้างหลักสูตรดีอยู่แล้ว 1.1 บูรณาการหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษากับวิชาหน้าที่พลเมือง (ระดับมัธยมศึกษา) 1.2 การบูรณาการหลักสูตร ต้านทุจริตกับ 4 กลุ่มสาระวิชา ในระดับปฐมวัย 1.3 บูรณาการระดับอนุบาล สอดแทรกในกิจกรรมการ เรียนรู้ต่าง ๆ อาจท าให้เนื้อหา ไม่ครบถ้วน 1.4 การประเมินพฤติกรรมยังไม่ ครอบคลุม 360 องศา เช่น ควรมีการประเมินโดยผู้ปกครอง 1.5 บูรณาการในวิชาแนะแนว สอนเป็นหัวข้อ (ไม่ได้บอกว่า เป็นวิชาต้านทุจริต) และ สอดแทรกในวิชาปกติ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ป.ป.ช. จัดท า ให้มีการใช้สื่อเหมือนกันในแต่ละระดับ ครูต้องออกแบบใหม่หรือหาสื่อด้วย ตนเอง 1.2 แผนการสอน สื่อ ใบงาน หากมีการ จัดท าเป็นแผนการสอนส าเร็จรูปครบ 40 ชั่วโมง จะอ านวยความสะดวกแก่ ครูในโรงเรียนที่มีบุคลากรจ ากัด 1.3 เนื้อหาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเวลา 1.4 ขาดงบประมาณ การจัดท าสื่อ ใบงาน และอุปกรณ์การสอนอื่นๆและการจัด กิจกรรมเสริมต่าง ๆ และคู่มือแจกเด็ก 1.5 ปัญหาสื่อการเรียนการสอนส าหรับเด็ก ปฐมวัย เช่น นิทาน หุ่นมือ CD เพลงโต ไปไม่โกง 1.6 ช่วงการระบาดของโควิด 19 โรงเรียน ปิด ต้องจัดท าใบงานให้นักเรียนเพิ่ม งบประมาณมากขึ้น 1.7 การรับรู้ข่าวสารต่างๆช้ากว่าสังกัดอื่น ๆ 1.8 หลักสูตรมีหนังสือมาให้เฉพาะครูผู้สอน ไม่มีของนักเรียน 2. ผู้บริหารสถานศึกษา 2.1 ผู้บริหารส่งเสริมสนับสนุนหลักสูตร อย่างจริงจัง 2.2 คณะกรรมการสถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุนหลักสูตรอย่างจริงจัง 2.3 ผู้บริหารเห็นความส าคัญของหลักสูตร พูดคุยท าความเข้าใจ แก่ครูในการ จัดการเรียนการสอน 2.4 ผู้บริหารมีการติดตามผลนิเทศ การเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง รับฟังความคิดเห็น ปัญหาของนักเรียน 2.5 มีการมอบเกียรติบัตรให้ครูและนักเรียน ที่มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์สุจริต 2.1 ผู้บริหารเป็นรักษาการ ผู้อ านวยการโรงเรียน - 3. ครู 3.1 ครูศึกษาหลักสูตรและน าไปจัดกิจกรรม การเรียนการสอนอย่างจริงจัง 3.2 เน้นการวัดและประเมินผลตามสภาพ จริงจากพฤติกรรมผู้เรียน 3.1 ครูขาดความรู้ต้านทุจริตศึกษา 3.2 ครูขาดความรู้และการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 3.3 ครูแนะแนวเป็นคนสอนหัวข้อ 3.1 ปัญหาการจัดการสอนแบบ active learning เพื่อให้นักเรียนคิดเป็น 3.2 เนื้อหามาก เวลาจ ากัด การท ากิจกรรมยาก 3.3 ขาดแคลนครู มีอัตราครูขาด 3 คน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 182 โอกาสในการพัฒนา จุดที่ควรปรับปรุง ปัญหาอุปสรรค 3.3 ครูจัดท าแผนการสอน สื่อการสอน ที่กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน 3.4 การประเมินผลโดยการสอบมี ความเข้มงวด ไม่มีการทุจริต มีการทดสอบก่อนและหลังเรียน 3.5 มีการเชิญวิทยากร (ต ารวจ) บรรยาย เรื่องการปราบปรามการทุจริต 3.6 ครูเป็นต้นแบบของเด็กปฐมวัย โดยถือเป็นแบบอย่าง 3.7 ครูมีความรู้และสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็ก 3.8 ครูได้เข้ารับการอบรมอย่างสม่ าเสมอ 3.9 ครูมีการจัดการเรียนการสอนบูรณาการ เข้ากับชีวิตประจ าวันของนักเรียน 3.10 โรงเรียนมีกิจกรรมของหายได้คืน ครูจดชื่อเด็กที่เก็บของได้เพื่อแจก เกียรติบัตรแก่นักเรียน ต้านทุจริตศึกษาในวิชาแนะแนว 3.4 ปัญหาโรงเรียนเอกชนมีการเข้าออก ของครูค่อนข้างมาก แต่ทางโรงเรียน ก็มีแผนรองรับและส่งต่องาน 4. นักเรียน 4.1 นักเรียนให้ความร่วมมือ มีส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.2 นักเรียนมีความรู้ เจตคติและพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมีจิตอาสา และน าความรู้ไปสู่ครอบครัวได้ 4.3 นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และส่วนรวมดี 4.4 นักเรียนให้ความสนใจ ใฝ่เรียนรู้ มีพฤติกรรมที่ดี ไม่ลักขโมย ไม่ทะเลาะกัน มีจิตอาสา รับผิดชอบ 4.5 นักเรียนตั้งใจเรียน น าความรู้ไปปรับใช้ ในชีวิตประจ าวัน 4.6 นักเรียนชอบเรียนเพราะได้คะแนน เฉลี่ยสูงขึ้น 4.7 เนื้อหาสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม เด็ก ๆ ละหมาดตั้งแต่ประถมปีที่ 1 ช่วยพัฒนาให้เด็กมีระเบียบวินัยมากขึ้น 4.8 โรงเรียนมีกิจกรรมจิตสาธารณะเด็กโต ไปช่วยชุมชน เด็กเล็กท าในโรงเรียน 4.1 นักเรียนมัธยมมีความรู้ จิตส านึกดีขึ้น แต่พฤติกรรม บางเรื่องยังไม่ดี เช่น การลอก การบ้านเพื่อน 4.1 นักเรียนสายวิทย์คณิต ชอบเรียน ชอบสอบ แต่สายศิลป์ชอบท ากิจกรรม ต้องมีการสอนให้เหมาะสมกับกลุ่ม นักเรียน 5. ผู้ปกครอง ครอบครัว ชุมชน 5.1 ผู้ปกครองและชุมชนให้การส่งเสริม สนับสนุนหลักสูตร 5.2 มีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน เช่น - 5.1 มีนักเรียนพิเศษบางคนที่ขาดเรียน บางช่วงเพราะผู้ปกครองมาส่งเรียนไม่ได้ ครูต้องออกไปเยี่ยมบ้าน


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 183 โอกาสในการพัฒนา จุดที่ควรปรับปรุง ปัญหาอุปสรรค มีโครงการเดินรณรงค์ต่อต้านการทุจริต ในการเลือกตั้ง มีการแจก แผ่นพับให้ ความรู้แก่ประชาชนในการต่อต้านการ ทุจริต 5.3 โรงเรียนและผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ อันดี ครูรู้จักผู้ปกครองของนักเรียนทุกคน 5.4 สภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัว ชุมชน ช่วยให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติตนดีขึ้น 5.5 ครอบครัวและชุมชนมีส่วนช่วยในการ น าหลักสูตรไปใช้ โดยการหลอมรวม ค าสอนตามศาสนาอิสลามเรื่องความ ซื่อสัตย์สุจริต 5.2 สภาพเศรษฐกิจสังคม มีครอบครัว ยากจนท าให้นักเรียนบางคนขาดเรียน 6. ขนาดโรงเรียน 6.1 เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ง่ายต่อการ บริหารจัดการหลักสูตร เป็นไปใน แนวทางเดียวกัน - -


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 184 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 185 4.4 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ซึ่งประเมินโดยนักศึกษาจากสถาบันการศึกษารวม 526 คน จากมหาวิทยาลัย 35 แห่ง ผลการ ประเมินพบว่า ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในภาพรวมอยู่ในระดับดี (ระดับ B) โดยมีค่า คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 62.01 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยจ าแนกเป็นคะแนนปัจจัยน าเข้า 5.20 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) กระบวนการ 9.54 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 25 คะแนน) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม 35.46 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน) และความพึงพอใจต่อหลักสูตร 11.81 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ดังปรากฏในตารางที่ 4.39 เมื่อน าค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้มาจัดเรียงล าดับจากมากไปหาน้อย ตามรายสถานศึกษา ตารางที่ 4.39 แสดงให้เห็นว่า มีจ านวนสถานศึกษา 20 แห่ง ที่มีค่าคะแนนสูงกว่าค่า คะแนนรวมเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) และสถานศึกษาที่มีค่าคะแนนต่ ากว่าค่าคะแนนรวมเฉลี่ย มีจ านวน 15 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยทักษิณ มีค่าคะแนนสูงสุด เท่ากับ 83.83 (หมายถึง ผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับดี) ส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พบว่า มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ อยู่ในระดับพอใช้ (ค่าคะแนนเท่ากับ 47.39) ตารางที่ 4.39 ค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้เรียงตามสถานศึกษา ที่ สถานศึกษา จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค จ านวน นักศึกษา ที่ ประเมิน ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ ฯ (100%) ระดับ การ แปล ความ หมาย ความรู้ เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) 1 มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา สปภ.9 15 8.89 11.87 49.26 13.83 83.83 A ดีมาก 2 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร กทม. 15 9.26 15.68 41.16 13.87 79.96 B ดี 3 โรงเรียนนายร้อยต ารวจ นครปฐม สปภ.7 15 7.78 13.98 43.51 13.55 78.82 B ดี 4 มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ นนทบุรี สปภ.1 15 7.41 13.14 42.18 14.05 76.77 B ดี 5 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กรุงเทพมหานคร กทม. 15 6.67 8.48 45.40 12.83 73.37 B ดี 6 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เชียงราย สปภ.5 15 6.67 13.56 39.96 12.23 72.42 B ดี 7 มหาวิทยาลัยภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น สปภ.4 15 7.41 9.32 42.44 11.71 70.88 B ดี 8 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เชียงใหม่ สปภ.5 16 6.67 11.44 39.56 11.93 69.60 B ดี 9 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม นครปฐม สปภ.7 15 4.07 8.90 42.78 13.59 69.33 B ดี 10 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาสารคาม สปภ.4 15 5.19 8.90 41.50 13.50 69.08 B ดี 11 มหาวิทยาลัยราชภัฏ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร กทม. 15 7.04 9.75 40.17 11.77 68.71 B ดี 12 มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา นครสวรรค์ สปภ.6 15 7.04 10.17 39.10 11.51 67.82 B ดี 13 โรงเรียนกฎหมายและ การเมือง มหาวิทยาลัย สวนดุสิต กรุงเทพมหานคร กทม. 15 5.93 10.17 39.05 11.92 67.06 B ดี


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 186 ที่ สถานศึกษา จังหวัด ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค จ านวน นักศึกษา ที่ ประเมิน ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) (ถ่วงน้ าหนัก แล้ว) ผลลัพธ์ คะแนน ประเมิน ผลสัมฤทธิ์ ฯ (100%) ระดับ การ แปล ความ หมาย ความรู้ เจตคติ และ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) (ถ่วง น้ าหนัก แล้ว) 14 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สงขลา สปภ.9 15 5.19 8.48 41.23 11.75 66.64 B ดี 15 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กรุงเทพมหานคร กทม. 14 3.70 10.17 41.72 11.03 66.62 B ดี 16 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สปภ.5 15 5.19 8.05 39.11 12.52 64.86 B ดี 17 มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย เลย สปภ.4 15 4.07 7.20 44.11 9.43 64.81 B ดี 18 มหาวิทยาลัยราชภัฎ จันทรเกษม กรุงเทพมหานคร กทม. 15 5.93 8.90 36.37 12.29 63.48 B ดี 19 สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา กรุงเทพมหานคร กทม. 15 3.70 10.59 33.31 12.90 60.51 B ดี 20 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชียงใหม่ สปภ.5 15 5.19 8.90 32.02 14.15 60.25 B ดี 21 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี กรุงเทพมหานคร กทม. 16 3.70 5.09 38.04 10.89 57.72 C พอใช้ 22 วิทยาลัยอินเตอร์เทคล าปาง ล าปาง สปภ.5 15 3.70 8.90 30.67 13.04 56.31 C พอใช้ 23 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลรัตนโกสินทร์ นครปฐม สปภ.7 15 5.19 4.24 37.71 8.46 55.59 C พอใช้ 24 มหาวิทยาลัยราชภัฏ พิบูลสงคราม พิษณุโลก สปภ.6 15 3.70 8.48 29.43 11.63 53.23 C พอใช้ 25 มหาวิทยาลัยราชภัฏล าปาง ล าปาง สปภ.5 15 4.44 8.48 29.50 10.61 53.02 C พอใช้ 26 มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบูรณ์ เพชรบูรณ์ สปภ.6 15 3.70 8.90 29.08 11.15 52.83 C พอใช้ 27 มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม มหาสารคาม สปภ.4 15 3.70 10.17 28.29 10.54 52.70 C พอใช้ 28 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ยะลา สปภ.9 15 4.07 10.59 25.32 11.14 51.12 C พอใช้ 29 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อุบลราชธานี สปภ.3 15 3.70 8.90 26.33 11.49 50.42 C พอใช้ 30 มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ กรุงเทพมหานคร กทม. 15 4.07 8.48 25.96 11.37 49.87 D ปรับปรุง 31 มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา นครราชสีมา สปภ.3 15 4.07 8.90 25.89 10.47 49.33 D ปรับปรุง 32 มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุบลราชธานี อุบลราชธานี สปภ.3 15 3.70 8.48 25.78 11.07 49.03 D ปรับปรุง 33 มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น เชียงใหม่ สปภ.5 15 3.70 8.90 25.84 10.48 48.91 D ปรับปรุง 34 มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช สปภ.8 15 3.70 8.90 24.58 10.41 47.59 D ปรับปรุง 35 มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง ราชบุรี สปภ.7 15 3.70 8.90 24.38 10.41 47.39 D ปรับปรุง รวม 526 5.20 9.54 35.46 11.81 62.01 B ดี หมายเหตุ: ประเมินเฉพาะมหาวิทยาลัยที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับเข้มข้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 187 เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามองค์ประกอบทั้ง 3 องค์ประกอบ คือ ปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ ผลที่ได้มีดังนี้ ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า ซึ่งประเมินโดยผู้บริหารสถานศึกษาจากมหาวิทยาลัย 35 แห่ง ค่าคะแนน ปัจจัยน าเข้าของหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) โดยรวมมีค่าคะแนน ถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 5.20 (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) สถาบันการศึกษาที่มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าสูงสุด คือ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ มีค่าคะแนน 9.26 คะแนน ในขณะที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สถาบัน เทคโนโลยีจิตรลดา มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี วิทยาลัยอินเตอร์เทคล าปาง มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มหาวิทยาลัย ราชภัฏอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏ หมู่บ้านจอมบึง มีค่าคะแนนต่ าสุดเท่ากัน คือ 3.70 คะแนน ผลการประเมินกระบวนการ ซึ่งประเมินโดยอาจารย์ผู้สอน/ผู้รับผิดชอบหลักสูตรจากมหาวิทยาลัย 35 แห่ง ค่าคะแนนการประเมินกระบวนการของหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) โดยรวมมีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้วเท่ากับ 9.54 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 25 คะแนน) สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้ว 15.68 คะแนน ในขณะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้ว ต่ าสุด คือ 4.24 คะแนน เท่านั้น ผลการประเมินผลลัพธ์ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม และ 2) ความพึง พอใจต่อหลักสูตร ผลการประเมินดังที่ปรากฏในตารางที่ 4.39 แสดงให้เห็นว่า ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม ของนักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) (ซึ่งประเมิน โดยนักศึกษา จ านวน 526 คน) โดยรวมมีค่าคะแนนเท่ากับ 35.46 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน) สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์สูงสุด คือ มหาวิทยาลัยทักษิน มีค่าคะแนน 49.26 คะแนน ในขณะที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้ว ต่ าสุด คือ 24.38 คะแนน ในส่วนความพึงพอใจต่อหลักสูตร ข้อมูลที่ปรากฏว่าในตารางที่ 4.39 แสดงให้เห็นว่าคะแนนความ พึงพอใจต่อหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ของผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้เรียน โดยรวมมีค่าคะแนนความพึงพอใจต่อหลักสูตรเท่ากับ 11.81 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 15 คะแนน) สถานศึกษาที่มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์สูงสุด คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้ว 14.15 คะแนน ในขณะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีค่าคะแนนถ่วงน้ าหนักแล้ว ต่ าสุด คือ 8.46 คะแนน เท่านั้น 4.4.1 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ตัวเลขที่ปรากฏในตารางที่ 4.40 แสดงให้เห็นว่า ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 มีค่าคะแนนผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้สูงสุด คือ มีค่าคะแนนเท่ากับ 70.43 คะแนน รองลงมาคือ กรุงเทพมหานครและส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ที่มีค่า คะแนนใกล้เคียงกัน คือ 61.88 คะแนน และ 61.78 คะแนน ตามล าดับ ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 มีผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ต่ าสุด คือ 43.31 คะแนน และเมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบ


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 188 ทั้ง 3 องค์ประกอบ คือ ปัจจัยน าเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์ จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ผลที่ได้มีดังนี้ ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า ค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าของสถานศึกษาจ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมมีค่าเท่ากับ 5.20 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) ผลการประเมินใน ตารางที่ 4.40 พบว่า ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าสูงสุด คือ 7.41 คะแนน รองลงมาคือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 (6.05 คะแนน) ในขณะที่ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 มีค่าคะแนนปัจจัยน าเข้าต่ าสุด คือ 3.70 คะแนน ผลการประเมินกระบวนการ พบว่า ค่าคะแนนผลการประเมินกระบวนการของสถานศึกษาจ าแนก ตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมมีค่าเท่ากับ 9.54 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 25 คะแนน) ผลการประเมินในตารางที่ 4.40 พบว่า ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ 13.14 คะแนน รองลงมาคือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 (10.31 คะแนน) ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 มีค่าคะแนนกระบวนการต่ าสุด คือ 8.76 คะแนน ผลการประเมินผลลัพธ์ซึ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ 1) ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม และ 2) ความ พึงพอใจต่อหลักสูตร ผลการประเมินที่ปรากฏในตารางที่ 4.40 แสดงให้เห็นว่า ความรู้ เจตคติและพฤติกรรม ของนักเรียน/นักศึกษาของสถานศึกษาจ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมมี ค่าเท่ากับ 35.46 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน) ผลการประเมินในตารางที่ 4.40 พบว่า ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ 42.18 คะแนน รองลงมาคือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 (39.08 คะแนน) ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 มีค่าคะแนนผลลัพธ์ต่ าสุด คือ 24.58 ตารางที่ 4.40 สรุปผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และกรุงเทพมหานคร ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค จ านวน สถานศึกษา ที่ประเมิน จ านวน นักศึกษา ที่ ประเมิน ปัจจัย น าเข้า (Input) (10 คะแนน) กระบวนการ (Process) (25 คะแนน) ผลลัพธ์ คะแนนประเมิน ผลสัมฤทธิ์ หลักสูตรต้าน ทุจริตศึกษา รวมเฉลี่ย (100 คะแนน) ความรู้ ระดับ เจตคติและ พฤติกรรมฯ (50 คะแนน) ความพึง พอใจต่อ หลักสูตร (15 คะแนน) ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 1 15 7.41 13.14 42.18 14.05 76.77 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 2* - - - - - - - - ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 3 45 3.83 8.76 26.00 11.01 49.59 D ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 4 60 5.09 8.90 39.08 11.29 64.37 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 7 106 5.08 9.75 33.86 12.13 60.82 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 3 45 4.82 9.18 32.53 11.43 57.96 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 4 60 5.19 9.00 37.09 11.50 62.78 B ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 1 15 3.70 8.90 24.58 10.41 47.59 D ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 3 45 6.05 10.31 38.60 12.24 67.20 B กรุงเทพมหานคร 9 136 5.56 9.70 37.94 12.08 65.28 B รวม 35 526 5.20 9.54 35.46 11.81 62.01 B หมายเหตุ: ประเมินเฉพาะมหาวิทยาลัยที่น าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับเข้มข้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 189 ส่วนของคะแนนความพึงพอใจต่อหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จ าแนกตามส านักงาน ป.ป.ช. ภาค และ กรุงเทพมหานคร ในภาพรวมมีค่าเท่ากับ 11.81 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ผลการประเมินใน ตารางที่ 4.39 พบว่า ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 มีค่าคะแนนกระบวนการสูงสุด คือ 14.05 คะแนน รองลงมา คือ ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 (12.24 คะแนน) ในขณะที่ส านักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 มีค่าคะแนนกระบวนการ ต่ าสุด คือ 10.41 คะแนน 4.4.2 ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้จ าแนกตามแต่ละประเด็นในแต่ละองค์ประกอบ 4.4.2.1 ผลการประเมินปัจจัยน าเข้า (Input) จะพิจารณา 16 ประเด็น แต่ละประเด็นมี ผลการประเมินเป็นดังนี้ 1) ศักยภาพผู้บริหาร การรับทราบเจตนารมณ์ การมีส่วนร่วมและการเตรียมพร้อมของ สถานศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาระดับอุดมศึกษาในด้านการรู้จักและทราบ เจตนารมณ์ของหลักสูตร พบว่า หลักสูตรเป็นที่รู้จักของผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอน อีกทั้งยังทราบเจตนารมณ์ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในระดับสูง มากกว่าร้อยละ 95 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างสังคมที่ไม่ทน ต่อการทุจริต การเสริมสร้างพฤติกรรมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเจตนารมณ์ของหลักสูตรด้านการยกระดับ CPI ของประเทศไทย เป็นที่รับรู้กันต่ าสุดในหมู่ผู้บริหาร และอาจารย์ผู้สอนที่ได้มีการน าหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษาของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 13.89 (ดูตารางที่ 4.41) ตารางที่ 4.41 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่ารู้จักและทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. รู้จักหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาและทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาที่ส าคัญที่สุด (ถ้ารู้จัก ทราบทราบเจตนารมณ์ของหลักสูตรนี้คืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 100.00 100.00 1.1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 38.89 41.67 1.2 ยกระดับ CPI ของประเทศไทย 13.89 13.89 1.3 เสริมสร้างพฤติกรรมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 30.56 30.56 1.4 ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 16.67 13.89 2. มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 2.1 ไม่มีส่วนร่วม 60.00 82.86 2.2 มีส่วนร่วม (ถ้ามี มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรในลักษณะใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 40.00 17.14 2.2.1 ร่วมรับรู้ 29.03 23.08 2.2.2 ร่วมคิดแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 25.81 23.08 2.2.3 ร่วมร่างหลักสูตร 9.68 15.38 2.2.4 ร่วมทดลองใช้หลักสูตร 12.90 23.08 2.2.5 ร่วมก ากับติดตามและร่วมประเมินผลการใช้หลักสูตร 22.58 15.38


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 190 2) ระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอน ข้อมูลที่ ปรากฏในตารางที่ 4.40 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาพอ ๆ กัน ส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร คือ ส่วนร่วมในการรับรู้ ร่วมคิด แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมก ากับติดตามและร่วมประเมินผลการใช้หลักสูตร ในขณะที่การมีส่วนร่วมใน การร่างหลักสูตรยังมีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 3) การเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตร ผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหาร และอาจารย์ผู้สอนเคยเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาภาพรวมในระดับปานกลาง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาที่จัดโดยส านักงาน ป.ป.ช. นอกจากนี้ เกือบทั้งหมดเห็นว่าการประชุมชี้แจงนั้นมีความชัดเจนของการ ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการน าหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษา แต่ก็มีข้อเสนอแนะว่าควรจะเพิ่มเติมการ จัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียน การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้และการสอน (รายละเอียดดังตารางที่ 4.42) ตารางที่ 4.42 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุถึงการเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. เคยเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่เคยเข้าร่วม 62.86 60.00 1.2 เคยเข้าร่วม (ถ้าเคย การประชุมชี้แจงนั้น จัดโดยหน่วยงานใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 37.14 40.00 1.2.1 อว. 23.81 8.70 1.2.2 สกอ. 4.76 4.35 1.2.3 ส านักงาน ป.ป.ช. 42.86 56.52 1.2.4 กลุ่มมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัด 14.29 17.39 1.2.5 มหาวิทยาลัยจัดเอง 4.76 8.70 1.2.6 อื่น ๆ 9.52 4.35 2. ถ้าเคยเข้าร่วม คิดว่าการประชุมชี้แจงมีความชัดเจนเพียงพอต่อการน าหลักสูตรไปใช้หรือไม่ 2.1 ชัดเจนเพียงพอ 92.31 85.71 2.2 ไม่ชัดเจน (ถ้าไม่ชัดเจน ประเด็นที่ควรเพิ่มเติมคืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 7.69 14.29 - การจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ (lesson plan) 0.00 0.00 - การจัดการเรียนรู้ 25.00 0.00 - การสอน 25.00 33.33 - การจัดกิจกรรม 25.00 33.33 - การประเมินผลการเรียนรู้ 25.00 33.34 - การตัดสินผลการเรียน 0.00 0.00 - อื่น ๆ 0.00 0.00 นอกจากนี้ ส าหรับการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาภายในสถานศึกษา พบว่า สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามีการจัดประชุมเพียงร้อยละ 42.86 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส าหรับหลักสูตร ระดับอุดมศึกษามีการชี้แจงที่ต่ ามากหรือต่ ากว่าเกณฑ์การประเมิน กลุ่มเป้าหมายโดยส่วนใหญ่ที่เข้าร่วม ประชุม คือ กลุ่มครู/อาจารย์ ดังรายละเอียดที่ปรากฏในตารางที่ 4.43


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 191 ตารางที่ 4.43 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษามีการจัดประชุมชี้แจงเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 57.14 1.2 มี (ถ้ามี กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมการประชุมชี้แจงคือกลุ่มใด) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 42.86 1.2.1 กลุ่มผู้บริหาร 29.63 1.2.2 กลุ่มครู/อาจารย์ผู้สอน 40.74 1.2.3 ผู้ปกครอง 0.00 1.2.4 นักเรียน/นักศึกษา 14.81 1.2.5 บุคลากรทุกคนในโรงเรียน/มหาวิทยาลัย 14.81 1.2.6 คณะกรรมการโรงเรียน 0.00 4) การก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหาร สถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไว้ร้อยละ 45.7 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ คือ อาจารย์ ผู้สอนจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักสูตร (รายละเอียดดังตารางที่ 4.44) ตารางที่ 4.44 ร้อยละของผู้บริหารสถานศึกษาที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษาได้มีการก าหนดผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 54.29 1.2 มี (ถ้ามี ผู้รับผิดชอบหลักสูตรคือใคร) 45.71 1.2.1 ฝ่ายวิชาการ 18.75 1.2.2 กลุ่มสาระวิชา 18.75 1.2.3 ครู/อาจารย์ผู้สอน 56.25 1.2.4 ครูฝ่ายปกครอง/ฝ่ายพัฒนานักศึกษา 6.25 นอกจากนี้ ในส่วนของการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร พบว่า ในกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา มากกว่าร้อยละ 90 มีการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร ซึ่งวิธีในการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตร ผู้บริหารส่วน ใหญ่จะใช้วิธีการส่งไปอบรม ในขณะที่ครู/อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่จะได้รับการเตรียมเป็นผู้รับผิดชอบหลักสูตร นั้นโดยการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและได้รับการส่งไปอบรม (รายละเอียดดังตารางที่ 4.45) ตารางที่ 4.45 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนระบุว่าสถานศึกษามีแนวทางในการเตรียม ผู้รับผิดชอบหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. มีแนวทางการเตรียมผู้รับผิดชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 6.25 62.86 1.2 มี (ถ้ามี ใช้วิธีการใดในการเตรียม) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 93.75 37.14 1.2.1 สอนงาน 22.58 17.24


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 192 ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1.2.2 ระบบพี่เลี้ยง 12.90 6.90 1.2.3 ส่งไปอบรม 45.16 34.48 1.2.4 ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง 19.35 37.93 1.2.5 อื่น ๆ 0.00 3.45 5) การท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และการจัดงบประมาณ สนับสนุนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า ผู้บริหารหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ส่วนใหญ่ไม่มีการจัดท าแผนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ตารางที่ 4.46 ร้อยละของผู้บริหารที่ระบุว่าสถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริม การเรียนรู้ และการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สถานศึกษามีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แผนที่จัดท ามีลักษณะ 1.1 ไม่มี 51.43 1.2 มีการท าแผนการจัดการเรียนรู้ขึ้นเอง (lesson plan) 22.86 1.3 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ของ สพฐ. 25.71 1.4 อื่น ๆ 0.00 2. สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 2.1 ไม่มี 51.43 2.2 มี (ถ้ามี ลักษณะของกิจกรรม เป็นอย่างไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 48.57 2.2.1 ตามที่ระบุในแผนการจัดการเรียนรู้ 37.14 2.2.2 เป็นกิจกรรมที่สอดแทรกในวิถีปฏิบัติของสถาบัน 34.29 2.2.3 เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 28.57 2.2.4 อื่น ๆ 0.00 3. สถานศึกษามีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็น การเฉพาะ ในลักษณะ 3.1 ไม่มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นการเฉพาะ 68.57 3.2 เป็นการจัดสรรร่วมกับรายวิชา/กิจกรรมอื่น ๆ 31.43 3.3 เป็นการจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะ 0.00 ในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้จากผลการประเมิน พบว่า สถานศึกษาระดับ อุดมศึกษามีสัดส่วนไม่ถึงครึ่งที่ได้ระบุว่ามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมหลักสูตรดังกล่าวนี้ อย่างไรก็ตาม กิจกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรนี้ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมที่ระบุไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ รองลงมาคือ กิจกรรมที่สอดแทรกในวิถีชีวิตประจ าวันของสถานศึกษา และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอื่น ๆ ส่วนการจัดสรร งบประมาณสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนเกือบร้อยละ 69 ที่ระบุว่าไม่มีการจัดสรรงบประมาณเฉพาะเพื่อ สนับสนุนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เป็นเพียงการจัดสรรร่วมกับรายวิชา/กิจกรรมอื่น ๆ (รายละเอียดดังตาราง ที่ 4.46)


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 193 6) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เมื่อพิจารณาจาก คณาจารย์ผู้สอนในหลักสูตรระดับอุดมศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมหลักสูตรต่ า เพียงร้อยละ 45.71 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส าหรับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา คือ กลุ่มนักศึกษาในรายวิชาที่สอนเท่านั้น/บางชั้น รูปแบบของกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ควรจะได้มีการปรับปรุง ทั้งรูปแบบและสื่อประกอบกิจกรรมมากกว่าที่จะปรับในเรื่องเวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม (รายละเอียดดังตาราง ที่ 4.47) ตารางที่ 4.47 ร้อยละของอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ข้อค าถาม ร้อยละ 1. ไม่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 54.29 2. มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 45.71 2.1 กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ 2.1.1 กลุ่มนักเรียน/นักศึกษาในรายวิชาที่สอนเท่านั้น/บางชั้น 81.25 2.1.2 กลุ่มนักเรียน/นักศึกษาทุกชั้น 18.75 2.2 หากจะช่วยให้นักเรียน/นักศึกษามีผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ที่พึงประสงค์มากขึ้นกว่านี้ กิจกรรมที่จัดนั้น จะต้องมีการปรับปรุงในประเด็น 2.2.1 รูปแบบกิจกรรม 36.36 2.2.2 สื่อประกอบกิจกรรม 36.36 2.2.3 เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม 9.09 2.2.4 อื่น ๆ 18.08 7) การจัดหาสื่อวัสดุและอุปกรณ์ที่ท าในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา ในส่วนของระบบสนับสนุนด้านการจัดหาวัสดุและอุปกรณ์เพื่อจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาส่วนใหญ่ในสัดส่วนที่พอ ๆ กับอาจารย์ผู้สอน ระบุว่ามีการจัดหา สื่อวัสดุอุปกรณ์เพื่อจัดการเรียนการสอนที่เพียงพอแล้ว (รายละเอียดดังตารางที่ 4.48) ตารางที่ 4.48 ร้อยละของผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. สถานศึกษาได้มีการจัดหาสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนตาม หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา หรือไม่ 1.1 ไม่มี 65.71 62.86 1.2 มี (ถ้ามี สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ดังกล่าว คิดว่าเพียงพอ หรือไม่) 34.29 37.14 1.2.1 มีสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอ 33.33 23.08 1.2.2 มีสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่เพียงพอ 66.67 76.92


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 194 ในกลุ่มอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่า สื่อไม่เพียงพอควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็น ในการจัดการเรียนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พบว่า อาจารย์ผู้สอนมองว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อการสอน ในลักษณะสื่อมัลติมีเดีย เป็นหลัก รองลงมาคือ อุปกรณ์ส านักงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือเครื่องฉาย Smart Board เป็นต้น (รายละเอียดดังตารางที่ 4.49) ตารางที่ 4.49 ร้อยละของอาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าควรมีการเพิ่มเติมสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัด การเรียนตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 2. มีสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาแต่ไม่เพียงพอ ควรมีการเพิ่มเติม (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 2.1 สื่อมัลติมีเดีย 66.67 2.2 อุปกรณ์ส านักงาน 33.33 2.3 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เช่น TV เครื่องฉาย Smart Board) 0.00 2.4 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 0.00 2.5 อื่น ๆ 0.00 8) เอกสารความรู้หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรต้านทุจริต ในประเด็นความพร้อมของเอกสารประกอบการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นความรู้ หนังสือ ต าราหรือคู่มือจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตร ผลการประเมินพบว่า ทั้งผู้บริหารและอาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่ระบุว่ามีเอกสาร หนังสือ ต ารา หรือคู่มือเพื่อจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรไม่เพียงพอมากนัก อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของผู้บริหารและอาจารย์ ผู้สอน พบว่า เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรดังกล่าวควรได้รับการปรับปรุงในด้านกิจกรรม ประกอบการเรียนรู้มากที่สุด รองลงมาคือ เนื้อหาสาระที่อยู่ในเอกสาร หนังสือ หรือต าราดังกล่าว (รายละเอียด ดังตารางที่ 4.50) ตารางที่ 4.50 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าสถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ครูผู้สอน 1. สถานศึกษามีเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษา 1.1 ไม่มี 40.00 48.57 1.2 มี (ถ้ามี ควรต้องปรับปรุงหรือไม่) 60.00 51.43 1.2.1 ไม่ควรปรับปรุง 46.67 29.41 1.2.2 ควรปรับปรุง (ถ้าควรปรับปรุง ประเด็นที่ควรได้รับการปรับปรุงคืออะไร) (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) 53.33 70.59 - เนื้อหาสาระ 31.82 25.81 - กิจกรรม 27.27 29.03 - แผนการสอน 18.18 22.58 - แบบประเมินผลการเรียนรู้ 22.73 22.58 - อื่น ๆ 0.00 0.00


รายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์การน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 195 นอกจากนี้ เอกสารที่น ามาประกอบการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ได้รับมาจากส านักงาน ป.ป.ช. รองลงมาคือ การสร้างเอง (ร้อยละ 32.14) (รายละเอียด ดังตารางที่ 4.51) ตารางที่ 4.51 ร้อยละของครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุว่าแหล่งที่ได้มาของเอกสารความรู้ หนังสือ ต ารา หรือคู่มือ การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ปัจจัยน าเข้า (Input) ร้อยละ 1. สร้างเอง 32.14 2. จากสพฐ./สถ./สช./กทม./อว. 7.14 3. จากส านักงาน ป.ป.ช. 46.43 4. จากกลุ่มโรงเรียน/กลุ่มมหาวิทยาลัย 10.71 5. อื่น ๆ 3.57 9) การนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากผลการประเมิน พบว่า สถานศึกษาส่วนใหญ่ไม่มี/ไม่ได้รับการนิเทศและก ากับติดตามการ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อย่างไรก็ตาม สถานศึกษาที่ตอบว่ามี/ได้รับการนิเทศและ ก ากับติดตามการเรียนการสอนตามหลักสูตรนี้นั้น ได้มีแผนหรือปฏิทินการด าเนินงาน แบบบันทึกรายงานผล การนิเทศ และการสรุปรายงานผลการนิเทศ (รายละเอียดดังตารางที่ 4.52) ตารางที่ 4.52 ร้อยละของผู้บริหารและครู/อาจารย์ผู้สอนที่ระบุถึงการนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียน การสอนหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ร้อยละ ปัจจัยน าเข้า (Input) ผู้บริหาร ผู้สอน 1. มี/ได้รับการนิเทศและก ากับติดตามการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 1.1 ไม่มี/ไม่ได้รับ 82.86 74.29 1.2 มี/ได้รับ (ถ้ามี/ได้รับ มีการด าเนินการในลักษณะใดบ้าง) 17.14 25.71 1.2.1 มีแผน/ก าหนดปฏิทินการด าเนินงานไว้อย่างชัดเจนและได้แจ้งให้ทราบ ล่วงหน้า 50.00 50.00 1.2.2 มีแบบบันทึกรายงานผลการนิเทศและติดตาม 50.00 -* 1.2.2 มีการสรุปรายงานผลการนิเทศและติดตามแจ้งให้ทราบ 100.00 70.00 1.2.3 มี/ได้รับการสรุปรายงานผล และติดตามผลของการให้ข้อเสนอแนะว่ามีการ ปรับปรุงแก้ไข 100.00 100.00 หมายเหตุ * ไม่มีข้อมูลเนื่องจากสอบถามเฉพาะผู้บริหาร 4.4.2.2 ผลการประเมินกระบวนการ (Process) กระบวนการในการน าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่จะ น าเสนอในส่วนนี้ หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ใช้ข้อมูลที่ได้จาก อาจารย์ผู้สอน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนรู้ใน 4 หัวข้อวิชา ดังนี้ 1) ปรับฐาน ความคิดต้านทุจริตส่วนตนและส่วนรวม 2) สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต 3) ยกระดับดัชนี สร้างพลเมืองดี ในสังคม และ 4) ปราบทุจริตด้วยจิตพอเพียง ผลการประเมินในแต่ละหัวข้อ ดังนี้


Click to View FlipBook Version