The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by scicrpaoschool, 2022-12-20 23:07:59

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

หลกั สูตรระดบั ช้ันเรียน
โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวดั เชียงราย

พทุ ธศกั ราช 2565
(ฉบบั ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ัด พทุ ธศักราช ๒๕๖๐)

ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน
พทุ ธศกั ราช 25๕๑

รายวชิ า ว 23102 (วิทยาศาสตร์ 6)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓
ชอื่ ครูผสู้ อน

นายสเุ วช สืบปัญญา

สำนักการศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดเชยี งราย

กรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถน่ิ
กระทรวงมหาดไทย


โครงการสอน (Course Outline)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั ว23103
ครูผูส้ อน นายสุเวช สืบปญั ญา
ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี …….  มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3/2 -3/6 ภาคเรียนท่ี 2 / 2565
ลกั ษณะวิชา  สาระพน้ื ฐาน สาระเพมิ่ เติม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน อื่น ๆ

1) คำอธบิ ายรายวิชา ( ภาคเรยี นที่ 2 )

ศกึ ษา วเิ คราะห์ ออกแบบการทดลองและดำเนนิ การทดลองดว้ ยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายกฏการสะท้อนของ

แสง เขียนแผนภาพการเคลอ่ื นท่ีของแสงแสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงา อธบิ ายการหักเหของแสงเม่ือผ่านตัวกลางโปร่งใส

ท่ีแตกต่างกันและอธิบายการกระจายแสง ของแสงขาวเมือ่ ผา่ นปรซิ ึม เขยี นแผนภาพการเคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกดิ ภาพ

จากเลนสบ์ าง แสดงการเกิดภาพของทศั นอุปกรณ์และเลนสต์ า อธบิ ายผลของความสวา่ งท่ีมีตอ่ ดวงตา วัดความสว่าง

ของแสง โดยใชอ้ ุปกรณ์วดั ความสว่างของแสง ตระหนักในคุณค่าของความรูเ้ รื่อง ความสวา่ งของแสงทมี่ ตี ่อดวงตา โดยวิเคราะห์

สถานการณ์ปญั หาและเสนอแนะการจัดความสว่าง ให้เหมาะสมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ระบุสมบัติทางกายภาพและการใช้

ประโยชนว์ ัสดปุ ระเภท พอลิเมอร์ เซรามกิ ส์และวัสดผุ สม โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์และสารสนเทศ ตระหนกั ถึงคณุ คา่ ของ

การใช้วัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกส์และวัสดุผสม โดยเสนอแนะแนวทางการใช้วัสดุอย่างประหยัดและคุ้มค่า อธิบายการ

เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี รวมถึงการจัดเรียงตวั ใหม่ของอะตอม เมอื่ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี โดยใชแ้ บบจำลองและสมการขอ้ ความ อธิบายกฎ

ทรงมวล โดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ วิเคราะห์ปฏิกิริยาดูดความร้อน และปฏิกิริยาคายความร้อน จากการเปลี่ยนแปลงพลังงาน

ความร้อนของปฏิกิริยา อธิบายปฏิกิริยาการเกิดสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบสและ

ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ อธิบายปฏิกิริยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง ระบุประโยชน์และโทษของ

ปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และยกตัวอย่างวิธีการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีที่พบใน

ชีวติ ประจำวนั จากการสบื ค้นข้อมลู ออกแบบวิธีแกป้ ญั หาในชีวิตประจำวันโดยใชค้ วามร้เู ก่ยี วกับปฏกิ ิรยิ าเคมี โดยบูรณาการ

วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วง

จากสมการ F= Gm1m2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิดฤดู และการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ สร้างแบบจำลองที่
r2

อธิบายการเกิดข้างขึ้นข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาการขึ้นและตกของดวงจันทร์ และการเกิดน้ำขึ้นน้ำลง อธิบายการใช้

ประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ และยกตวั อยา่ งความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล

และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็น

คณุ ค่าของการนำไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจำวัน มจี ติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม


2) ตัวชวี้ ดั รายภาค ( ภาคเรยี นท่ี 2 ) ความสอดคล้อง
ตวั ชวี้ ดั รายภาค กบั หลกั สตู ร
แกนกลาง
1. ออกแบบการทดลอง และดำเนนิ การทดลองดว้ ยวธิ ที ี่เหมาะสมในการอธบิ ายกฎการสะท้อน ว 2.3 ม3/13
ของแสง
2. เขียนแผนภาพ การเคล่ือนทขี่ องแสงแสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงา ว 2.3 ม3/14
3. อธิบายการ หักเหของแสงเม่ือผ่านตัวกลางโปร่งใสที่แตกต่างกัน และอธิบายการกระจายแสง ว 2.3 ม3/15
ของแสงขาวเมื่อผ่านปริซมึ จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
4. เขยี นแผนภาพการเคลื่อนทขี่ องแสงแสดงการเกดิ ภาพจากเลนส์บาง ว 2.3 ม3/16
5. อธิบายปรากฏการณ์ทีเ่ กย่ี วกบั แสงและการทำงานของทัศนอุปกรณจ์ ากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ ว 2.3 ม3/17
6. เขียนแผนภาพการเคล่ือนทีข่ องแสงแสดงการเกิดภาพของทัศน-อุปกรณแ์ ละเลนสต์ า ว 2.3 ม3/18
7. อธิบายผลของความสวา่ งท่ีมีตอ่ ดวงตาจากข้อมลู ท่ีได้จากการสืบค้น ว 2.3 ม3/19
8. วดั ความสว่างของแสงโดยใชอ้ ปุ กรณว์ ดั ความสวา่ งของแสง ว 2.3 ม3/20
9. ตระหนกั ในคุณค่าของความรู้เรื่องความสว่างของแสง ที่มีต่อดวงตาโดยวเิ คราะหส์ ถานการณ์ ว 2.3 ม3/21
ปัญหาและเสนอแนะการจดั ความสว่างใหเ้ หมาะสมในการทำกจิ กรรมต่าง ๆ
10. ระบสุ มบัตทิ างกายภาพและการใช้ประโยชน์วัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกสแ์ ละวัสดุผสม ว 2.1 ม3/1
โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษแ์ ละสารสนเทศ
11. ตระหนกั ถึงคณุ ค่าของการใชว้ ัสดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ เซรามกิ ส์ และวัสดุผสม โดยเสนอแนะ ว 2.1 ม3/2
แนวทางการใชว้ ัสดุอย่างประหยัดและคมุ้ คา่
12. อธบิ ายการเกิดปฏิกิริยาเคมี รวมถงึ การจัดเรยี งตวั ใหมข่ องอะตอมเมื่อการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ว 2.1 ม3/3
โดยใช้แบบจำลองและสมการข้อความ
13. อธิบายกฎทรงมวล โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1 ม3/4
14. วิเคราะหป์ ฏิกริ ิยาดดู ความร้อน และปฏิกริ ยิ าคายความร้อน จากการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ว 2.1 ม3/5
ความร้อนของปฏิกิริยา
15. อธบิ ายปฏิกริ ยิ าการเกิดสนมิ ของเหล็ก ปฏิกริ ยิ าของกรดกบั โลหะ ปฏิกริ ยิ าของกรดกับเบส ว 2.1 ม3/6
และปฏกิ ริ ิยาของเบสกับโลหะ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และอธิบายปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ การ
เกิดฝนกรด การสงั เคราะห์ด้วยแสง โดยใชส้ ารสนเทศ รวมทั้งเขยี นสมการข้อความแสดงปฏิกิรยิ า
ดงั กลา่ ว


16. ระบปุ ระโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ิยาเคมีที่มีต่อสง่ิ มีชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม และยกตัวอย่าง ว 2.1 ม3/7
วธิ กี ารป้องกันและแกป้ ัญหาท่ีเกดิ จากปฏกิ ริ ยิ าเคมีทีพ่ บในชีวติ ประจำวนั จากการสืบคน้ ข้อมลู ว 2.1 ม3/8
ว 3.1 ม3/1
17. ออกแบบวธิ ีแกป้ ญั หาในชีวิตประจำวนั โดยใชค้ วามรู้เก่ียวกับปฏกิ ิริยาเคมี โดยบรู ณาการ ว 3.1 ม3/2
วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ว 3.1 ม3/3
ว 3.1 ม3/4
18. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตยด์ ว้ ยแรงโน้มถว่ งจากสมการ F=(Gm1m2) /
r2

19. สรา้ งแบบจำลองที่อธบิ ายการเกิดฤดูและการเคล่ือนท่ีปรากฏของดวงอาทติ ย์

20. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายการเกดิ ขา้ งข้นึ ข้างแรม การเปลีย่ นแปลงเวลาการขนึ้ และตกของ
ดวงจนั ทร์ และการเกิดนำ้ ขน้ึ นำ้ ลง

21. อธบิ ายการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ และยกตัวอย่างความก้าวหน้าของโครงการ
สำรวจอวกาศ จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้

3) เนอื้ หาวชิ า เน้อื หาการสอน
ภาคเรียนท่ี 1 1. แสง และการมองเห็น
- กฎการสะท้อนของแสง
ระยะเวลา - การเคล่ือนที่ของแสง
เนื้อหาการเรยี นกอ่ นสอบกลางภาค– สอบกลางภาค - การเกดิ ภาพจากกระจกเงา
- การหักเหของแสง
- การเกดิ ภาพจากเลนส์
- การเกิดภาพของทัศนอปุ กรณ์
- การเกดิ ภาพของเลนสต์ า
- ความสว่างของแสง

2. พอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ และวัสดผุ สม
- สมบตั ทิ างกายภาพของพอลิเมอร์ เซรามิกส์
และวสั ดผุ สม
- การใช้ประโยชนจ์ ากพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวสั ดุผสม
- คุณค่าของพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดผุ สม
- การใชว้ ัสดอุ ยา่ งประหยดั และคุม้ ค่า


เนอ้ื หาการเรยี นหลงั สอบกลางภาค – สอบปลายภาค 1. ปฏกิ ิริยาเคมี
- การเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
- แบบจำลองอะตอม
- สมการเคมี
- กฎทรงมวล
- ปฏิกิริยาดดู ความร้อน
- ปฏิกริ ิยาคายความร้อน
- การเปลี่ยนแปลงพลังงานความร้อนของปฏกิ ริ ยิ าเคมี
- ปฏิกิริยาเคมีในชีวติ ประจำวัน
- ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีในชวี ติ ประจำวัน

2. เอกภพ

- การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์
- การเกดิ ฤดูกาล
- การเคลอ่ื นที่ปรากฏของดวงอาทิตย์
- ขา้ งขึน้ ข้างแรม
- การข้นึ และตกของดวงจนั ทร์
- การเกดิ นำ้ ข้นึ น้ำลง
- เทคโนโลยีอวกาศ
- การสำรวจอวกาศ

4) วธิ กี ารวัดผลประเมนิ ผล

สดั สว่ นคะแนนการวัดผลประเมนิ ผล = คะแนนประเมินตามสภาพจรงิ

( 80 คะแนน ) : คะแนนสอบ ( 20 คะแนน )

การวดั ตัวช้ีวดั รายภาค

ภาคเรียนที่ ตัวช้วี ดั รายภาคทตี่ ้องการวดั (ข้อท่)ี

2 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17,

18, 19, 20, 21, 22, 23, 24


5) รายละเอยี ดการเกบ็ คะแนน
ภาคเรยี นท่ี 2
การเกบ็ คะแนนก่อนสอบกลางภาค (ประเมนิ ตามสภาพจริง) : 35 คะแนน

ตัวชวี้ ดั รายภาคที่ตอ้ งการวัด วธิ กี ารวดั คะแนน
(ขอ้ ท)ี่ 10
1-12 - แบบทดสอบหลงั เรยี น 5
เรอื่ ง แสง และการมองเหน็ 10
13-14 - แบบทดสอบหลังเรยี น 10
เรื่อง พอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดผุ สม
1-14 - ใบงานตามเครื่องมือการสอนคิด คะแนน
1-14 - ใบงานตามแนวทาง PISA 8
7
การเกบ็ คะแนนหลังสอบกลางภาค (ประเมินตามสภาพจริง) : 35 คะแนน 10
10
ตวั ช้ีวัดรายภาคทต่ี อ้ งการวัด วธิ ีการวัด
(ข้อท่ี) คะแนน
15-20 - แบบทดสอบหลังเรยี น 10
เรอ่ื ง ปฏกิ ริ ิยาเคมี
20-24 - แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรื่อง เอกภพ
15-24 - ใบงานตามเครื่องมือการสอนคิด
15-24 - ใบงานตามแนวทาง PISA

การเกบ็ คะแนนจติ พิสยั : 10 คะแนน

ตวั ช้ีวัดรายภาคทีต่ อ้ งการวัด วิธกี ารวัด
(ข้อท)ี่
1-29 - การตรงตอ่ เวลา
- ความรบั ผดิ ชอบ
- การตงั้ ใจเรียน


การเกบ็ คะแนนสอบปลายภาค (ประเมินตามสภาพจรงิ ) : 20 คะแนน

ตวั ชี้วดั รายภาคทต่ี ้องการวดั วิธีการวดั คะแนน
(ขอ้ ท่ี) - แบบทดสอบปลายภาคเรยี น 20

20,21,22,23,24


โครงสร้างรายวิชาพ้ืนฐาน
รายวิชา ว23103 วิทยาศาสตร์ 6

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 60 ชว่ั โมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ

อตั ราสว่ นคะแนน 80 : 20

ลำดั ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้/ เน้ือหาสาระ เวลา นำ้ หนกั ภาระงาน/
บที่ การเรยี นรู้ ตัวช้ีวดั (ชวั่ โมง) คะแนน ช้ินงาน
1 แสงและการ
ว2.3 ม.3/13, ม. - กฎการสะท้อนของแสง 25 34 - เครื่องมอื การ
มองเห็น 3/14, - การเคล่อื นทข่ี องแสง สอนคิด
ม.3/15, ม.3/16, - การเกิดภาพจากกระจกเงา
2 พอลเิ มอร์ เซรา ม.3/17, ม.3/18, - การหักเหของแสง 6 8 - เคร่ืองมอื การ
มกิ ส์ และวัสดุ ม.3/19, ม.3/20, - การเกิดภาพจากเลนส์ สอนคิด
ผสม ม.3/21 - การเกดิ ภาพของทศั นอุปกรณ์

- การเกดิ ภาพของเลนส์ตา

- ความสวา่ งของแสง

ว2.1 ม.3/1, ม.3/2 - สมบัติทางกายภาพของ

พอลเิ มอร์ เซรามกิ ส์

และวสั ดุผสม

- การใช้ประโยชน์จากพอลิเมอร์

เซรามิกส์ และวัสดุผสม

- คุณคา่ ของพอลเิ มอร์

เซรามิกส์ และวัสดผุ สม

- การใช้วัสดุอยา่ งประหยดั

และคุม้ คา่


ลำดั ชือ่ หนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้/ เน้อื หาสาระ เวลา นำ้ หนกั ภาระงาน/
บท่ี การเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน ชิ้นงาน
3 ปฏกิ ิริยาเคมี
ว2.1 ม.3/3, ม.3/4, - การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี 17 22 - เครอ่ื งมอื การ
4 เอกภพ สอนคดิ
ม.3/5, ม.3/6, ม.3/7, - แบบจำลองอะตอม
10 16 - เครอื่ งมอื การ
ม.3/8 - สมการเคมี สอนคดิ

- กฎทรงมวล

- ปฏกิ ริ ยิ าดดู ความร้อน

- ปฏิกิริยาคายความร้อน

- การเปลีย่ นแปลงพลังงาน

ความรอ้ นของปฏกิ ิริยาเคมี

- ปฏิกริ ยิ าเคมีในชีวติ ประจำวัน

- ประโยชน์และโทษของ

ปฏกิ ริ ิยาเคมีในชีวติ ประจำวัน

ว3.1 ม.3/1, ม.3/2, - การโคจรของดาวเคราะห์

ม.3/3, ม.3/4 รอบดวงอาทิตย์

- การเกดิ ฤดกู าล

- การเคลื่อนท่ีปรากฏของ

ดวงอาทติ ย์

- ข้างขึ้น ข้างแรม

- การขึ้นและตกของดวงจันทร์

- การเกดิ นำ้ ข้ึนนำ้ ลง

- เทคโนโลยีอวกาศ

- การสำรวจอวกาศ


ลำดั ชอ่ื หนว่ ย มาตรฐานการเรียนรู้/ เนื้อหาสาระ เวลา น้ำหนัก ภาระงาน/
(ชวั่ โมง) คะแนน ชิ้นงาน
บท่ี การเรียนรู้ ตัวชวี้ ัด
58 80
รวม 2 20
60 100
ปลายภาค

รวมท้งั หมด


- กฎการสะท้อนของแสง - สมบตั ทิ างกายภาพของพอลเิ มอร์ เซรามกิ ส์
- การเคลอ่ื นท่ีของแสง และวสั ดผุ สม
- การเกิดภาพจากกระจกเงา - การใช้ประโยชน์จากพอลเิ มอร์ เซรามิกส์
- การหักเหของแสง และวัสดผุ สม
- การเกดิ ภาพจากเลนส์ - คุณคา่ ของพอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ และวัสดผุ สม
- การเกดิ ภาพของทศั นอปุ กรณ์
- การเกิดภาพของเลนสต์ า
- ความสว่างของแสง

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2
คล่ืน แสง และการมองเหน็ พอลเิ มอร์ เซรามิกส์ และวัสดผุ สม

ว23103 วิทยาศาสตร์ 6
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3

เวลา 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3
ปฏกิ ิรยิ าเคมี เอกภพ

- การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี - การโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์
- แบบจำลองอะตอม - การเกดิ ฤดกู าล
- สมการเคมี - การเคลอ่ื นทป่ี รากฏของดวงอาทติ ย์
- กฎทรงมวล - ข้างข้ึน ขา้ งแรม
- ปฏกิ ริ ิยาดดู ความรอ้ น - การขึ้นและตกของดวงจนั ทร์
- ปฏกิ ิริยาคายความร้อน


แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 1

ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ แสงและการมองเหน็ หนว่ ยย่อยที่ 1

เรอื่ ง กฎการสะท้อนของแสง เวลา 1 ชัว่ โมง

วนั ท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผสู้ อน นายสุเวช สบื ปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ชี้วดั

เม่อื แสงเกดิ การสะท้อนจะเป็นไปตามกฎการสะทอ้ นของแสง ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลอง และดำเนนิ การ

(Law of reflection) คอื ทดลองด้วยวิธที ี่เหมาะสมในการอธิบายกฎการสะทอ้ นของแสง

1.รังสตี กกระทบ รังสสี ะท้อน และเสน้ ปกตจิ ะอยู่ในแนวระนาบ

เดยี วกัน

2. มมุ ตกกระทบ = มุมสะทอ้ น

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน /ภาระงาน

- กฎการสะท้อนของแสง - ใบงานตามแนวทาง PISA เร่ือง กฎการสะท้อนของแสง

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เคร่อื งมือการคิด
- ความสามารถในการคดิ - Six Thinking hats (White hat, Blue hat)

กิจกรรมการเรยี นรู้

7.ข้ันของกจิ กรรม 8.ส่ือ 9.วธิ ีวดั ผล
- ประเมินใบงานตาม
Do Now : (3 นาที) - ใบงานตามแนวทาง PISA แนวทาง PISA เรือ่ ง กฎ
การสะท้อนของแสง
“เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อยา่ งไร” เรื่อง กฎการสะท้อนของ

Purpose : (2 นาที ) แสง

เราจะเรียนเรอ่ื งกฎการสะท้อนของแสง เพื่อให้นักเรียนสามารถอธบิ ายกฎ - Power point

การสะท้อนของแสงได้ ประกอบการสอนเรอ่ื ง กฎ

Work mode (50 นาที) การสะท้อนของแสง

1. นักเรยี นศกึ ษาเรอ่ื ง กฎการสะท้อนของแสง ในบทเรยี นออนไลน์ - บทเรยี นออนไลน์ เร่อื ง

(พอเพียง3 :การมภี มู ิคมุ้ กนั ทด่ี )ี (20 นาท)ี กฎการสะทอ้ นของแสง

2. นกั เรยี นฟงั ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เรอ่ื ง กฎการสะท้อนของแสง โดยใชส้ ือ่

Power point ประกอบการสอน (10 นาท)ี

3. นกั เรยี นคิดอย่างมวี จิ ารณญาณเพือ่ ตอบคำถามกระตุ้นความคิด “วัตถุ
ชนดิ ใด สามารถสะทอ้ นแสงไดด้ ี? /หลงั จากแสงตกกระทบกบั วตั ถุแล้วเกิด
การสะท้อนออกมา ทศิ ทางของแสงท่ีสะท้อนจะเปน็ อย่างไร? (คดิ 4: คิด

อยา่ งมวี จิ ารณญาณ) (สมรรถนะท่ี 2) (White hat) (5 นาที)

4. นกั เรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง กฎการสะท้อนของแสง (10

นาท)ี

5. นกั เรียนและครรู ่วมกันเฉลยใบงานตามแนว PISA เร่อื ง กฎการสะทอ้ น

ของแสง และสรปุ องค์ความรูจ้ ากบทเรียน โดยนักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้

ความคดิ “ปจั จัยใดบา้ ง ทีม่ ีผลตอ่ การสะทอ้ นของแสง?/ นักเรียนจะสรุป

เก่ยี วกบั กฎการสะท้อนของแสงไดว้ า่ อย่างไร?(White hat, Blue hat)

(5นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 2 สงิ่ ท่ีนักเรียนยังสงสยั จากการเรียนในวันน?้ี (2 นาที)

- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
ว2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลอง และดำเนนิ การทดลองดว้ ยวิธีทเี่ หมาะสมในการอธิบายกฎการสะทอ้ นของแสง

การสะทอ้ นของแสง (Reflection) เป็นปรากฏการณท์ ่ีแสงมีการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนทท่ี ่ี
บรเิ วณรอยตอ่ ของตวั กลาง 2 ชนดิ โดยแสงจะเคลอ่ื นทยี่ ้อนกลบั ไปในตวั กลางเดมิ แสงอาจเกดิ การสะท้อน
สมบูรณ์ (specular reflection) เชน่ การสะท้อนผ่านกระจกเงา หรืออาจสะท้อนไม่สมบูรณ์ (diffuse
reflection)

เมอื่ แสงเคล่อื นท่ผี ่านกลุ่มควันหรือฝุ่นละออง จะเห็นเป็นลำแสงเส้นตรง และสามารถทะลผุ ่านวตั ถุได้
วตั ถทุ ี่ยอมให้แสงเคล่ือนที่ผ่านเป็นเส้นตรงไปไดน้ ้นั เราเรียกวัตถุนีว้ า่ วัตถโุ ปรง่ ใสเชน่ แก้ว อากาศ น้ำ เปน็ ต้น
ถ้าแสงเคล่ือนทผ่ี า่ นวตั ถบุ างชนิดแล้วเกิดการกระจายของแสงออกไป โดยรอบ ทำใหแ้ สงเคลอื่ นท่ีไมเ่ ปน็
เส้นตรง เราเรียกวตั ถุนัน้ ว่า วัตถโุ ปร่งแสง เช่น กระจกฝา้ กระดาษไข พลาสตกิ ฝ้า เปน็ ต้น ส่วนวตั ถุท่ีไมย่ อม
ให้แสงเคลือ่ นท่ผี ่านไปได้ เราเรียกว่า วตั ถทุ บึ แสง เชน่ ผนงั คอนกรีต กระดาษแข็งหนาๆ เป็นต้น วัตถทุ ึบแสง
จะสะท้อนแสงบางสว่ นและดูดกลนื แสงบางสว่ นไวท้ ำใหเ้ กิดเงาขนึ้

การสะท้อนของแสง (Reflection) เมื่อแสงเดินทางมากระทบวัตถแุ สงจะสะท้อนกลับไปยังตวั กลาง
เรยี กว่าการสะทอ้ น การสะท้อนของแสงทำใหเ้ กดิ มุมตกกระทบคือมุมท่แี สงตกกระทบทำกบั เส้นปกติกับ
กระจก และมุมสะท้อนคือมุมทีแ่ สงสะท้อนทำกบั เสน้ ปกติกับกระจก การสะท้อนของแสงเมอ่ื ตกกระทบ
พ้นื ผวิ วตั ถุที่เรยี บ แสงจะสะท้อนอยา่ งเปน็ ระเบยี บ มีทิศทางแน่นอน แต่ถา้ แสงตกกระทบพื้นผวิ ทข่ี รุขระจะ
ส่งผลให้แสงสะทอ้ นกลับไปคนละทิศละทางไม่เป็นระเบยี บ

เส้นปกติ

รังสตี กกระทบ (Incident Ray) คือ รงั สขี องแสงทพ่ี งุ่ เขา้ หาพ้ืนผวิ ของวัตถุ
รังสีสะท้อน (Reflected Ray) คือ รังสีของแสงท่พี ุ่งออกจากพืน้ ผวิ ของวัตถุ
เสน้ ปกติ (Normal) คอื เสน้ ที่ลากต้งั ฉากกบั พน้ื ผวิ ของวัตถุตรงจดุ ที่แสงกระทบ
มมุ ตกกระทบ (Angle of Incidence) คือ มมุ ทรี่ ังสีตกกระทบทำกบั เสน้ ปกติ
มุมสะท้อน (Angle of Reflection) คือ มุมทร่ี ังสสี ะทอ้ นทำกบั เส้นปกติ


กฎการสะท้อนของแสง ( Law of Reflection )
1. รงั สตี กกระทบ รงั สีสะท้อน และเสน้ ปกตจิ ะอย่ใู นแนวระนาบเดียวกัน
2. มมุ ตกกระทบ = มมุ สะท้อน

คำถามที่ 1 (1 คะแนน) ท่ีมา : https://th.wikipedia.org/wiki/
วตั ถุในข้อใด ไม่ใช่ วัตถโุ ปร่งใส
2. แกว้
1. น้ำ 4. กระจกฝ้า
3. อากาศ

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)
จากถ้อยความ การสะท้อนของแสงผ่านวตั ถุท่มี ผี ิวเรียบและผิวขรุขระ มีความแตกตา่ งกันอย่างไร

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ......................................................................

คำถามที่ 3 (2 คะแนน) ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมลู ขอ้ ความต่อไปน้ี เปน็ ความจรงิ หรือ ไมเ่ ป็นความจริง (2 คะแนน)

ขอ้ ความท่ีเปน็ ความจริง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย X ในช่อง “ใช”่
ขอ้ ความท่ีไมเ่ ปน็ ความจรงิ ใหท้ ำเคร่ืองหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช่”

ข้อความ

1) การสะทอ้ นของแสง เกิดขึ้นบรเิ วณรอยต่อของตัวกลาง 2 ชนิด

2) วัตถุท่ียอมใหแ้ สงเคล่ือนท่ีผ่านเป็นเส้นตรงไปได้ เรียกวา่ วตั ถุโปร่งแสง
3) รงั สสี ะท้อน คือ รงั สขี องแสงท่พี ุ่งเข้าหาพืน้ ผวิ ของวตั ถุ
4) ตามกฎการสะท้อนของแสง รงั สีตกกระทบ รงั สีสะท้อน และเสน้ ปกตจิ ะอยใู่ น
แนวระนาบเดยี วกัน


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน

คำถามที่ 1

คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน

ขอ้ 4. กระจกฝา้ คำตอบอื่นๆ

คำถามท่ี 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง โดยอา้ งอิงจาก ตอบคำถามถกู ต้องบางส่วน ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่

ถ้อยความ คอื การสะท้อนของแสงเม่ือ โดยบอกการสะท้อนของแสงเม่ือ ตอบคำถาม

ตกกระทบพน้ื ผวิ วัตถุที่เรียบ แสงจะ ตกกระทบวตั ถุท่มี ีผิวเรียบหรือ

สะทอ้ นอย่างเป็นระเบยี บ มีทศิ ทาง ผิวขรขุ ระถูกต้อง เพียงชนิด

แน่นอน แต่ถา้ แสงตกกระทบพน้ื ผวิ ท่ี เดียว

ขรขุ ระจะส่งผลให้แสงสะทอ้ นกลับไปคน

ละทศิ ละทางไมเ่ ปน็ ระเบียบ

คำถามท่ี 3 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมลู ข้อความต่อไปนี้ เปน็ ความจรงิ หรอื ไม่เป็นความจรงิ (2 คะแนน) x
x
ข้อความท่ีเป็นความจริง ใหท้ ำเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ใช่” X x
ขอ้ ความท่ีไม่เป็นความจรงิ ให้ทำเครือ่ งหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช่”

ขอ้ ความ

1) การสะท้อนของแสง เกิดข้ึนบริเวณรอยต่อของตวั กลาง 2 ชนิด

2) วตั ถทุ ยี่ อมให้แสงเคล่ือนที่ผา่ นเป็นเสน้ ตรงไปได้ เรียกว่า วัตถโุ ปรง่ แสง
3) รังสีสะท้อน คือ รงั สขี องแสงทีพ่ ่งุ เข้าหาพ้นื ผิวของวตั ถุ
4) ตามกฎการสะท้อนของแสง รงั สีตกกระทบ รังสสี ะท้อน และเส้นปกติจะอยูใ่ น
แนวระนาบเดยี วกนั

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบถูกทง้ั 4 ข้อ : ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่ใช่ ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์


แนวข้อสอบ O-NET (57) 1 ข้อ

ตอบ 3 แสงสะทอ้ นเป็นระเบียบ แสงสะทอ้ นไมเ่ ป็นระเบียบแสดงการสะทอ้ นของแสงกฎการสะทอ้ นของแสง (Law of
Reflection) มมุ ตกกระทบคือมมุ ท่ีรังสีตกกระทบ (Incident ray) ทากบั เสน้ ปกติ (Normal) ของผวิ สะทอ้ นมมุ สะทอ้ น
(Reflected ray) คือมุมท่ีรังสีสะทอ้ นทากบั เส้นปกติการสะทอ้ นของแสงที่มีระเบียบจะได้


แผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2

ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น หนว่ ยย่อยท่ี 1

เรอ่ื ง การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาระนาบ เวลา 2 ช่ัวโมง

วันท่ีทำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผสู้ อน นายสเุ วช สบื ปัญญา

1. สาระสาคญั 2. มาตรฐานตวั ชีว้ ดั

กระจกเงาระนาบ มีลกั ษณะผวิ เกลยี้ งเป็นมนั ภาพท่เี กดิ บน ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลอง และดาเนนิ การทดลองดว้ ยวธิ ีท่ี

กระจกเงาระนาบ เกดิ จากแสงตกกระทบผิวกระจกเงาระนาบ เหมาะสมในการอธิบายกฎการสะทอ้ นของแสง

แลว้ สะทอ้ นกลบั มาเขา้ ตา โดยภาพท่เี ห็นจะกลบั ดา้ นจากซา้ ย

เป็นขวา แตม่ ีขนาดเทา่ กบั วตั ถจุ รงิ เรยี กวา่ “ภาพเสมือน”

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชนิ้ งาน /ภาระงาน

- การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาราบ - ใบงานการทดลอง เรือ่ ง การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาระนาบ

- ใบงาน Mind mapping เรื่อง การสะท้อนของแสง

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 6. เครอ่ื งมอื การคดิ
- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - Mind mapping

กิจกรรมการเรียนรู้

7.ข้นั ของกจิ กรรม 8.สือ่ 9.วธิ ีวดั ผล
- ประเมินใบงานการ
Do Now : (3 นาที) -ใบงานการทดลอง เรอ่ื ง ทดลอง เรื่อง การ
สะทอ้ นแสงของกระจก
“ยกตวั อย่างวตั ถทุ สี่ ะทอ้ นแสงได้ มาคนละ 1 ชนิด” การสะทอ้ นแสงของกระจก เงาระนาบ
- ประเมินใบงาน Mind
Purpose : (2 นาที ) เงาระนาบ mapping เรอื่ ง การ
สะทอ้ นของแสง
เราจะเรยี นเรื่องการสะท้อนของกระจกเงาระนาบ เพือ่ ให้นักเรยี นสามารถ - วสั ดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการ

ออกแบบการทดลอง และดำเนนิ การทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธบิ าย ทดลอง เรื่อง การสะทอ้ น

กฎการสะท้อนของแสงได้ แสงของกระจกเงาระนาบ

Work mode (110 นาที) - ใบงาน Mind mapping

1. นักเรียนและครูทบทวน เรือ่ ง กฎการสะท้อนของแสง ในคาบเรยี นที่ผา่ นมา เรื่อง การสะทอ้ นของแสง

โดยนักเรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคิด “กฎการสะท้อนของแสง มใี จความ - บทเรยี นออนไลน์ เรื่องการ

ว่าอยา่ งไร?/ มุมตกกระทบและมมุ สะทอ้ น คอื อะไร? (5 นาที) สะทอ้ นแสงของกระจกเงา
2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาใบงานการทดลอง เรอ่ื ง การสะท้อนแสงของ ระนาบ
กระจกเงาระนาบ (พอเพียง 3: การมีภมู คิ มุ้ กันทด่ี ี) (10 นาท)ี

3. นกั เรยี นฟังครอู ธิบายขน้ั ตอนการทดลอง เรอ่ื ง การสะทอ้ นแสงของกระจก

เงาระนาบ (10 นาที)

4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันปฏบิ ตั กิ ารทดลองตามใบงานการทดลอง เรื่อง

การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาระนาบ และตอบคำถามท้ายการทดลอง

(25 นาที)

5. นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายผลการทดลองและเฉลยคำตอบ จากใบงาน

การทดลองเร่อื ง การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาระนาบ โดยตอบคำถามกระตนุ้

ความคดิ “จากการทดลอง (15 นาที)


6. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรุปองคค์ วามรู้ในรูปแบบผังมโนทศั น์ ลงในใบ
งาน Mind mapping เร่อื ง การสะท้อนของแสง โดยสบื ค้นความรเู้ พมิ่ เตมิ
จากบทเรียนออนไลน์ และอินเตอรเ์ นต็ (คดิ 9: คดิ เชงิ มโนทัศน์)
(สมรรถนะที่ 6) (20 นาท)ี
7.นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น จากใบงาน Mind
mapping เรอื่ ง การสะท้อนของแสง กลุ่มละ 3 นาที (สมรรถนะท่ี 3)
(15 นาท)ี
8. นักเรียนและครรู ว่ มกันสรปุ บทเรยี น เร่อื ง การสะทอ้ นของแสง โดย
นกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด “มุมตกกระทบและมุมสะทอ้ น มี
ความสัมพันธ์กนั อยา่ งไร?/ ภาพเสมือน คืออะไร? (10นาที)

Reflective thinking (5 นาที)

- 1 สิง่ ทนี่ ักเรยี นไดร้ ับ จากการเรยี นในวันน้?ี (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาท)ี


แนวขอ้ สอบ O-NET (2549) 1 ข้อ

คลนื่ ใดต่อไปน้ี เปน็ คล่นื ทตี่ อ้ งอาศัยตัวกลางในการเคล่ือนที่

1. คลน่ื แสง 2. คล่ืนเสียง 3. คล่นื ผิวน้ํา

คําตอบทถ่ี กู ต้องคือ

1. ท้ัง 1 , 2 และ 3

2. ข้อ 2 และ 3

3. ขอ้ 1 เทา่ นน้ั

4. ผดิ ทกุ ข้อ

(ตอบ ขอ้ 2. ขอ้ 2 และ 3 )


ใบงานการทดลอง เรอื่ ง การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาระนาบ

จดุ ประสงค์ เพื่อใหน้ กั เรยี นสามารถอธิบายการสะท้อนของแสงและกฎการสะท้อนของแสง

วสั ดอุ ุปกรณ์

1. กลอ่ งก้นั แสง 1 ใบ 2. ไฟฉาย 1 กระบอก

3. กระดาษสีขาว 1 แผ่น 4. กระจกเงาระนาบ 1 แผน่

5. ไมโ้ ปรแทรกเตอร์ 1 อัน 6. ดนิ สอ 1 แทง่

วธิ ีการทดลอง

1. นำกระดาษสีขาวมาวาดเส้นตรงลงบนกระดาษ เพื่อเปน็ แนววางกระจกเงาระนาบ

2. วางกระดาษสีขาวบนโต๊ะ แล้ววางกระจกเงาระนาบลงบนเสน้ ตรงที่วาดไว้ โดยวางกระจกเงาระนาบใหต้ ้งั

ฉากกบั กระดาษ

3. สอ่ งไฟฉายผ่านกลอ่ งกั้นแสง โดยให้ทำมมุ กับเสน้ ปกตเิ ป็น 0o จากนน้ั ใชด้ นิ สอลากเส้นลำแสงตกกระทบ

และลำแสงสะทอ้ น

4. ใชไ้ มโ้ ปรแทรกเตอร์วดั มมุ สะทอ้ นและบนั ทึกผลการทดลอง

5. ทำการทดลองเชน่ เดยี วกบั ข้อ 4-5 แต่เปลย่ี นมุมเป็น 30o, 45o, 60o และ 90o ตามลำดับ

(ทมี่ า : ค่มู ือครูวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3)


สมมติฐาน (1คะแนน)..............................................................................................................................

ตวั แปรตน้ (1 คะแนน) ...........................................................................................................................

ตวั แปรตาม (1 คะแนน)....................................................................................................................... ....

ตัวแปรควบคมุ (1 คะแนน).....................................................................................................................

ตารางบันทึกผลการทดลอง (3 คะแนน)

มมุ ตกกระทบ (องศา) มุมสะท้อน (องศา)

0o

30o

45o

60o

90o

สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................

คำถามท้ายการทดลอง
1. เมือ่ แสงจากไฟฉายทำมุมกับเส้นปกติ มมุ ตกกระทบและมุมสะท้อน มคี ่าแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................


2. ถา้ ขนาดของมุมตกกระทบเปล่ยี นไป ขนาดของมุมสะท้อนจะเปล่ียนแปลงหรือไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
.................................................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................. ...................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
3. มมุ ตกกระทบและมุมสะท้อน มีความสมั พนั ธ์กันอยา่ งไร ( 2 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
.................................................................................................................................................. ..................................
................................................................................................. ...................................................................................


เฉลยและเกณฑ์การใหค้ ะแนน ใบงานการทดลอง เรอ่ื ง การเกิดภาพจากกระจกเงาระนาบ

สมมติฐาน ( 1 คะแนน) ไมไ่ ด้คะแนน
คะแนนเตม็ 1 คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คอื มุมของลำแสงที่ตกกระทบกับกระจกเงามี ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ตอบ

ค่าเทา่ ดับมมุ ของลำแสงที่สะทอ้ นออกมา คำถาม

ตวั แปรต้น ( 1 คะแนน) ไม่ได้คะแนน
คะแนนเตม็ 1 คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ มุมตกกระทบทท่ี ำมมุ ตา่ งๆ กับเสน้ ปกติ คำถาม

ตัวแปรตาม ( 1 คะแนน) ไม่ได้คะแนน
คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ มุมสะท้อนทเี่ กิดจากการฉายแสง คำถาม

ตวั แปรควบคมุ ( 1 คะแนน) ไมไ่ ด้คะแนน
คะแนนเตม็ 1 คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบ
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ ความเข้มของแสงไฟฉายที่ผา่ นกล่องกน้ั คำถาม
แสง กระจกเงาระนาบ และกล่องกนั้ แสง


ตารางบันทึกผลการทดลอง (3 คะแนน) มุมสะท้อน (องศา)
มมุ ตกกระทบ (องศา)
0o บนั ทกั ผลการทดลอง
30o ตามท่ีไดท้ ดลอง
45o
60o
90o

คะแนนเต็ม 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน

บนั ทึกผลการทดลองได้ บันทึกผลการทดลอง 4 บันทึกผลการทดลอง 3 บนั ทึกผลการทดลอง 0-
ครบถว้ นทงั้ 5 ชอ่ ง ชอ่ ง ช่อง 2 ชอ่ ง

สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ไดค้ ะแนน

สรปุ ผลการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งครอบคลมุ ตามวัตถปุ ระสงค์ สรปุ ผลการทดลองได้ ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง
ของการทดลอง คอื เม่ือฉายแสงไปตกกระทบกระจก ถูกต้องบางสว่ น เช่น มมุ หรือไมต่ อบคำถาม
เงาระนาบ โดยทำมมุ ต่างๆ กับเส้นปกติ จะเห็นลำแสง ตกกระทบมีค่าเท่ากับมุม
สะทอ้ นที่ออกมามีคา่ เท่ากับมุมตกกระทบ ยกเว้นมมุ 0o สะทอ้ น แต่ไม่ได้อธิบาย
และ 90o จะไมเ่ ห็นแสงสะท้อนเนอ่ื งจากมมุ 0o แสงตก เก่ยี วกับมุม 0o และ 90o
กระทบและแสงสะท้อนอยู่ในแนวเดยี วกัน สว่ นมุม 90o
แสงจะไมต่ กกระทบกับกระจกเงาระนาบ


คำถามท้ายการทดลอง 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน
คำถามท่ี 1

คะแนนเตม็ 2 คะแนน

ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ ไม่แตกตา่ ง ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องบางสว่ น ตอบคำถามไม่ถูกต้อง
เพราะมุมตกกระทบมีค่าเท่ากับมมุ สะท้อน เชน่ ไมแ่ ตกต่าง แต่ไมไ่ ด้อธิบาย หรือไมต่ อบคำถาม

เหตผุ ลประกอบ

คำถามท่ี 2 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
คะแนนเตม็ 2 คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ เปลยี่ นแปลง ตอบคำถามได้ถูกต้องบางสว่ น เช่น ตอบคำถามไม่ถูกต้อง
เพราะมุมตกกระทบมีขนาดเท่ากับมุม เปลย่ี นแปลง แต่ไม่ไดอ้ ธิบาย หรือไมต่ อบคำถาม
สะท้อน ถา้ ขนาดของมมุ ตกกระทบ เหตุผลประกอบ
เปล่ยี นไป ขนาดของมุมสะท้อนก็จะ
เปลยี่ นไปด้วย

คำถามท่ี 3 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน
คะแนนเตม็ 2 คะแนน

ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ มุมตกกระทบ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องบางส่วน เชน่ ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง
มีขนาดเท่ากบั มุมสะท้อนเสมอ เมอื่ ผวิ มมุ ตกกระทบมีขนาดเท่ากับมุม หรือไมต่ อบคำถาม
ของวัตถเุ รยี บ สะทอ้ นเสมอแตไ่ ม่ได้กล่าวถึง
ขอ้ ยกเว้น

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

13-15 ดมี าก

10-12 ดี หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือว่าผ่านเกณฑ์

7-9 พอใช้

0-6 ปรบั ปรุง


ใบงาน Mind mapping

คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นสรปุ องค์ความรู้ เรือ่ งการสะท้อนของแสง ในรูปแบบของ Min


g เรอื่ ง การสะทอ้ นของแสง

nd mapping โดยสบื คน้ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ จากบทเรียนออนไลน์และอนิ เตอรเ์ นต็


แบบประเมินใบงาน Mind mapping

คาชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียน โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมิน
กาหนดตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Mind mapping

ลำดบั ท่ี ชื่อ-สกุล รูปแบบ เนอื้ หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผลการ
ของผ้รู ับการ สวยงาม เวลา ประเมนิ ผ่าน/
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 คะแนน
ประเมนิ ไมผ่ ่าน

ลงชื่อ ......................................ผปู้ ระเมิน

................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
รปู แบบ
- เขยี นความคิดรวบยอดหลกั - เขยี นความคิดรวบยอด - เขยี นความคดิ รวบยอดหลกั - เขยี นความคิดรวบยอดหลัก
เน้ือหา
ไว้ตรงกลาง หลกั ไวต้ รงกลาง ไว้ตรงกลาง ไว้ตรงกลาง
การนำเสนอ
- มกี ิ่งแกว้ ก่งิ ก้อย และก่ิง - มกี งิ่ แกว้ ก่งิ กอ้ ย และกิง่ - มกี ิ่งแก้ว กิ่งกอ้ ย และกง่ิ - มกี งิ่ แกว้ ขาดกิ่งก้อย แต่

ยอ่ ยตามลำดบั ย่อยตามลำดบั ย่อยตามลำดับ ขาดกิ่งย่อย

- ตัวหนงั สอื อยบู่ นเสน้ - ตวั หนังสอื อยู่บนเส้น - ใช้สสี ันท่วั แผ่น - ใชส้ ีสันไม่ทว่ั แผ่น

- ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็ - ใช้คำสำคญั ตรงประเดน็

- ใชส้ ัญลกั ษณห์ รอื ภาพส่ือ - ใชส้ สี นั ทัว่ แผน่

ความหมาย

- ใชส้ สี นั ทว่ั แผน่

- เนอ้ื หาครบถ้วนตามสาระที่ - เนื้อหาถูกต้องตามสาระท่ี - เนื้อหาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระท่ี

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำวา่ 59%

- เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ข้อเนอื้ หาชัดเจน - ลำดับหวั ขอ้ เน้อื หาชดั เจน - มีการสรุปไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% ตำ่ กว่า 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

- พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พูดชดั เจนเสยี งดังฟังชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกต้อง

อักขระ100% อักขระ80-99% อักขระ60-79% ตามอักขระต่ำกวา่ 59%

- บุคลกิ ภาพดแี ละมคี วาม - บคุ ลิกภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

ม่ันใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มกี ารใชส้ ื่อประกอบการ ไดบ้ างส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงามและมีความ - ใช้สีสันสวยงามหรอื เปน็ ไป
- มีความสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอยา่ ง
การตรงตอ่ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มีความคิดสร้างสรรค์ หน่ึง
เวลา - ความเป็นระเบียบอา่ นง่าย
ส่งผลงานครบถ้วน ตรงตาม สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้ากว่า ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้ากว่า สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่

เวลาทีก่ ำหนด เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที เวลาท่กี ำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที


แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 3

ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ แสงและการมองเหน็ หนว่ ยย่อยท่ี 1

เร่อื ง การเกิดภาพจากการสะทอ้ นของแสงจากกระจกเงาโคง้ เวลา 1 ช่ัวโมง

วนั ท่ที ำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผูส้ อน นายสุเวช สบื ปัญญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตัวชีว้ ดั

กระจกเงาโคง้ มลี กั ษณะโคง้ เหมอื นทรงกลม แบ่งเปน็ กระจกเว้า และ ว 2.3 ม.3/14 เขยี นแผนภาพ การเคล่ือนทข่ี องแสงแสดงการเกดิ ภาพ

กระจกนูน ซ่งึ ภาพทไี่ ดจ้ ากกระจกเงาโค้งจะมสี ดั สว่ นทแี่ ตกต่างไปจากวัตถุ จากกระจกเงา

จรงิ ข้ึนอยกู่ บั ประเภทของกระจกเงาโค้ง โดยภาพทเ่ี กดิ แบง่ เป็น 2

ประเภท คือ ภาพจรงิ และ ภาพเสมอื น

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้นิ งาน /ภาระงาน

- การเกดิ ภาพจากการสะทอ้ นของแสงจากกระจกเงาโคง้ - ใบงาน Compare & contrast เปรียบเทยี บการเกดิ ภาพจากกระจก

เงาโคง้

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เครื่องมือการคิด

- ความสามารถในการคดิ - Compare & contrast

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ข้นั ของกิจกรรม 8.สอ่ื 9.วธิ วี ัดผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน Compare & - ประเมนิ ใบงาน

“ยกตัวอย่างของใชใ้ นหอ้ งนอน มาคนละ 1 ชนิด contrast เปรยี บเทยี บการ Compare & contrast

Purpose : (2 นาที ) เกดิ ภาพจากกระจกเงาโค้ง เปรียบเทยี บการเกดิ

เราจะเรียนเร่อื ง การเกดิ ภาพจากการสะท้อนของแสงของกระจกเงาโคง้ เพือ่ ให้ -- Power point ภาพจากกระจกเงาโคง้

นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดภาพจากการสะทอ้ นของแสงของกระจกเงาโค้งได้ ประกอบการสอนเรื่อง

Work mode (50 นาท)ี การเกดิ ภาพจากการ

1. นกั เรียนศกึ ษาเรื่อง การเกิดภาพจากการสะทอ้ นของแสงของกระจกเงาโคง้ จาก สะทอ้ นของแสงของกระจก
บทเรยี นออนไลน์ ซงึ่ หากนักเรยี นคนใดสงสัย สามารถสอบถามเพ่ือให้ครูอธิบาย เงาโค้ง
เพม่ิ เติม (พอเพยี ง3 : การมีภมู ิคมุ้ กันท่ดี )ี (15 นาท)ี

2. นักเรียนฟังครูอธบิ ายเพม่ิ เติม เรื่อง กฎการสะท้อนของแสง โดยใช้สื่อ Power - บทเรยี นออนไลน์ เรือ่ ง
point ประกอบการสอน (10 นาที) การเกิดภาพจากการ
3. นักเรียนคดิ อย่างมวี ิจารณญาณเพอ่ื ตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ “กระจกเงาโคง้ สะทอ้ นของแสงของกระจก
แบ่งเป็นกีช่ นดิ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง?/ ภาพทเี่ กดิ จากกระจกนนู เปน็ ภาพชนิดใด? เงาโคง้
(คิด3: คดิ วิพากษ์) (สมรรถนะท่ี 2) (5 นาที)

4. นักเรียนทำใบงาน Compare & contrast เปรยี บเทียบการเกิดภาพจาก

กระจกเงาโคง้ เพื่อเปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกตา่ งของการเกดิ ภาพ

จากกระจกนนู และกระจกเว้า (คดิ 2 : คดิ เปรียบเทียบ) (Compare & contrast)

(15 นาท)ี


5. นกั เรยี นและครสู รปุ บทเรยี น เร่ือง การเกิดภาพจากการสะทอ้ นแสงของกระจก
เงาโค้ง โดยนักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ “จงอธบิ ายหลักการในการเกดิ
ภาพจากการสะท้อนแสงของกระจกเงาโคง้ ?/ ภาพเสมอื น และ ภาพจริง มคี วาม
แตกต่างกันอย่างไร? (5นาท)ี
Reflective thinking (5 นาที)
- 1 สิ่ง ที่นักเรียนรแู้ ลว้ จากการเรยี นในวันน้?ี (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ขอ้ สอบ O-NET(2562) 1 ขอ้

(เฉลยตอบขอ้ ท่ี 3 ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะรงั สี 1 ควรสะทอ้ นท่กี ระจก ผา่ นจดุ F แลว้ ไปตดั กบั รงั สที ่ี 2 ซงึ้ สะทอ้ นท่ขี ่วั กระจก)


ใบงาน Compare & Contrast
เปรียบเทยี บการเกดิ ภาพจากกระจกเงาโค้ง

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบกำรเกิดภำพจำกกระจกเงำโคง้ คือ กระจกเวำ้ และ กระจกนูน

การเกดิ ภาพจากกระจกเว้า การเกดิ ภาพจากกระจกนูน

สว่ นทต่ี า่ ง ส่วนทเ่ี หมอื น ส่วนทตี่ า่ ง

สรุป :

………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………

…………………แ…บ…บ…ป…ระ…เม…นิ …ใบ…ง…าน…c…o…m…p…ar…e…&…c…o…nt…ra…st……………………………………

………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………


คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนดตามตาราง
แนบท้ายแบบประเมินใบงาน compare & contrast

ช่อื -สกุล รปู แบบ เนื้อหา นำเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรุปผลการ
ลำดับท่ี ของผู้รับการ สวยงาม 20 คะแนน ประเมนิ ผา่ น/ไม่
(4คะแนน) (4คะแนน) (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมนิ (4คะแนน) ผ่าน

ลงช่อื ....................................................ผูป้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรียนไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ขึ้นไปถอื วา่ ผา่ น

ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน compare & contrast

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
- ครบองคป์ ระกอบ - ครบองค์ประกอบ
- ครบองค์ประกอบ - ครบองค์ประกอบ


- เปรียบเทยี บสิง่ ท่เี หมือน - เปรยี บเทยี บสิ่งทีเ่ หมอื น - เปรยี บเทียบสง่ิ ท่ีเหมือน - เปรียบเทียบสิง่ ท่เี หมอื น
และตา่ งไดต้ รงตามเนือ้ หา และต่างได้ตรงตามเนือ้ หา และตา่ งได้ตรงตามเนอ้ื หา และตา่ งได้ตรงตามเนอื้ หา
อยา่ งถูกตอ้ งสมบรู ณ์ อยา่ งถูกต้อง อยา่ งถูกตอ้ ง อย่างถูกต้อง
80-99% 60-79% ต่ำวา่ 59%

การแสดง - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็ - - แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น ผลกระทบของปัญหา/เหตุ ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปญั หา/

การฌไ์ ด้ 10 ข้อขน้ึ ไป เหตกุ ารณไ์ ด้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณไ์ ด้ 6-7 ข้อ เหตกุ ารณไ์ ด้ น้อยกวา่ 6

ขอ้

เน้ือหา - เนอื้ หาครบถ้วนตามสาระที่ - เน้อื หาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระที่

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถกู ต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%

- ลำดบั หัวข้อเน้ือหาชดั เจน - ลำดบั หวั ขอ้ เนื้อหาชัดเจน - มีการสรปุ ไดอ้ ย่าง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรุปได้อย่าง - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% ตำ่ ว่า 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พดู ชดั เจนเสยี งดังฟังชัด - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง

อกั ขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระต่ำว่า 59%

- บุคลกิ ภาพดีและมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มกี ารใช้ส่อื ประกอบการ ได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพร้อมในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงามและมีความ - ใช้สสี นั สวยงามหรอื เปน็ ไป

- มีความสะอาด - มคี วามสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อย่างใดอยา่ ง

- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคิดสรา้ งสรรค์ หนึ่ง

- ความเป็นระเบยี บอ่านง่าย


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 4

ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ แสงและการมองเห็น หนว่ ยย่อยที่ 1

เร่อื ง หลักการเขยี นภาพทเี่ กดิ จากการสะท้อนของกระจกเงาโค้ง เวลา 2 ช่ัวโมง

วันทที่ ำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสุเวช สืบปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ช้วี ดั

หลักการเขยี นภาพทีเ่ กิดจากการสะท้อนของกระจกเงาโคง้ คือ ลากรังสี ว 2.3 ม.3/14 เขียนแผนภาพ การเคล่อื นทีข่ องแสงแสดงการเกดิ ภาพ

ตกกระทบขนานกบั แกนมุขสำคญั โดยรงั สสี ะทอ้ นต้องผ่านจดุ โฟกสั จากกระจกเงา

จากน้นั ลากรังสีตกกระทบผา่ นจดุ ศนู ย์กลางความโค้ง จดุ ทีร่ ังสสี ะทอ้ นทงั้

สองเส้นตดั กันจะเป็นตำแหนง่ ภาพ

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน /ภาระงาน
- หลกั การเขียนภาพที่เกดิ จากการสะท้อนของกระจกเงาโค้ง - ใบงานการทดลอง เรอ่ื ง การสะท้อนแสงบนกระจกเว้าและนนู
- ใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง การเขียนภาพท่ีเกดิ จากการสะท้อน
ของกระจกเงาโคง้

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 6. เครอ่ื งมอื การคดิ

- ความสามารถในการคิด - Six Thinking hats(White hat)

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ขนั้ ของกจิ กรรม 8.สอื่ 9.วิธีวดั ผล
- ประเมนิ ใบงานการ
Do Now : (3 นาที) -ใบงานการทดลอง เร่อื ง ทดลอง เรอื่ ง การ
สะทอ้ นแสงบนกระจกเวา้
“บอกประโยชนข์ องแสง มาคนละ 1 ขอ้ การสะทอ้ นแสงบนกระจก และนนู
- ประเมินใบงานตาม
Purpose : (2 นาที ) เวา้ และนนู แนวทาง PISA เรื่อง การ
เขียนภาพทีเ่ กดิ จากการ
เราจะเรยี นเรอ่ื งหลักการเขียนภาพทเ่ี กดิ จากการสะทอ้ นของกระจกเงาโคง้ เพือ่ ให้ - วัสดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการ สะท้อนของกระจกเงาโคง้

นกั เรยี นเขยี นแผนภาพ การเคลอื่ นทขี่ องแสงแสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงาได้ ทดลอง เรอื่ ง การสะทอ้ น

Work mode (110 นาท)ี แสงบนกระจกเว้าและนนู

1. นกั เรียนและครทู บทวน เร่อื ง การเกิดภาพจากการสะท้อนของแสงของกระจกเงาโค้ง - ใบงานตามแนวทาง PISA

ในคาบเรยี นที่ผา่ นมา โดยนกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “กระจกเงาโคง้ มีกี่ เรือ่ ง การเขียนภาพท่ีเกิด

ประเภท อะไรบ้าง?/ ยกตวั อยา่ งกระจกเงาโคง้ ในชวี ิตประจำวนั ที่นักเรยี นรู้จักมี จากการสะทอ้ นของกระจก

อะไรบ้าง? (White hat) (5 นาที) เงาโค้ง

2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาใบงานการทดลอง เรื่อง การสะท้อนแสงบนกระจกเว้าและนูน

(พอเพียง 3: การมีภมู ิคุ้มกันทีด่ )ี (สมรรถนะท่ี 4 ) (10 นาที)

3. นักเรยี นฟังครอู ธิบายข้นั ตอนการทดลอง เรอ่ื ง การสะท้อนแสงบนกระจกเวา้ และนนู

(10 นาท)ี

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ปฏิบตั กิ ารทดลองตามใบงานการทดลอง และร่วมกนั แกไ้ ข
ปญั หา เรอ่ื ง การสะท้อนแสงบนกระจกเวา้ และนูน และตอบคำถามท้ายการทดลอง
(คดิ 5 : คดิ แกป้ ัญหา) (สมรรถนะที่ 5 ) (25 นาที)


5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายผลการทดลองและเฉลยคำตอบ จากใบงานการทดลอง
เรื่อง การสะทอ้ นแสงบนกระจกเวา้ และนนู โดยตอบคำถามกระตุ้นความคิด “จากการ
ทดลอง นกั เรียนสามารถสรปุ การสะท้อนแสงบนกระจกเวา้ และนนู ได้วา่ อย่างไร?/ จดุ ท่ี
แสงสะท้อนจากกระจกเวา้ มารวมกนั เรยี กว่าอะไร? (คิด12 :คดิ เชิงกลยทุ ธ)
(สมรรถนะที่ 6) (White hat) (15 นาท)ี
6. นักเรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง การเขยี นภาพที่เกิดจากการสะท้อนของ
กระจกเงาโค้ง (20 นาท)ี
7.นักเรยี นและครรู ่วมกันเฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง การเขยี นภาพทเ่ี กดิ จากการ
สะทอ้ นของกระจกเงาโค้ง (15 นาท)ี
8. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ บทเรยี น เรอ่ื ง หลกั การเขยี นภาพทเี่ กดิ จากการสะท้อนของ
กระจกเงาโคง้ โดยนักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “แสงสะท้อนท่ไี ดจ้ ากการตก
กระทบกระจกนนู และกระจกเวา้ เหมอื นกันหรือไม่ อยา่ งไร?/ หลกั การเขยี นภาพที่เกดิ
จากการสะท้อนของกระจกเงาโคง้ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง? (White hat) (10นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- 2 สิง่ ทนี่ กั เรยี นยังสงสัย จากการเรียนในวนั น?ี้ (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ
เม่ือวางวตั ถุไว้ในตำแหนง่ A และ B ดังรูปข้อใดคือลักษณะภาพท่ีเกดิ ขนึ้ จากวัตถุทั้งสอง

ก. ภาพของวตั ถุ A ภาพเสมือนขนาดเลก็ กวา่ วตั ถภุ าพของวัตถุ B ภาพเสมือนขนาดใหญ่กว่าวตั ถุ
ข. ภาพของวัตถุ A ภาพจรงิ ขนาดใหญ่กวา่ วตั ถภุ าพของวตั ถุ B ภาพจรงิ ขนาดเล็กกว่าวัตถุ
ค. ภาพของวัตถุ A ภาพจรงิ ขนาดเลก็ กวา่ วตั ถุภาพของวัตถุ B ภาพเสมอื นขนาดใหญก่ ว่าวัตถุ
ง. ภาพของวัตถุ A ภาพจริงขนาดเลก็ กวา่ วัตถุภาพของวตั ถุ B ภาพจรงิ ขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

(เฉลย ภาพของวตั ถุ A ภาพจริงขนาดเลก็ กวา่ วตั ถภุ าพของวตั ถุ B ภาพเสมือนขนาดใหญก่ วา่ วตั ถุ)


ใบงานการทดลอง เรื่อง การสะท้อนแสงบนกระจกเงาเวา้ และกระจกนูน

จดุ ประสงค์ 1. เพอื่ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจการสะท้อนแสงของกระจกเวา้ และกระจกนนู

2. เพอ่ื ให้นกั เรียนสามารถระบุความแตกต่างระหว่างกระจกเว้าและกระจกนูน

วัสดอุ ุปกรณ์

1. กระจกเว้า 1 ชิ้น 2. กระจกนูน 1 ช้นิ

3. ไฟฉาย 1 กระบอก 4. กระดาษขาว 1 แผน่

5. แผ่นกัน้ แสง 1 แผ่น 6. กล่องก้ันแสง 1 ใบ

วิธกี ารทดลอง

1. วางกระดาษขาวบนโตะ๊ แล้วนำกระจกเว้าวางลงบนกระดาษขาวที่เตรียมไว้

2. นำแผน่ กั้นแสงทม่ี ชี อ่ ง 3 ช่อง ใสล่ งไปในกล่องก้ันแสง แลว้ ส่องไฟฉายผ่านกล่องกั้นแสง ให้ลำแสงตกกระทบ

กระจกเวา้

3. สงั เกตแนวรงั สขี องแสงตกกระทบและแสงสะทอ้ น

4. ทำการทดลองเชน่ เดียวกับข้อ 1-3 แตเ่ ปล่ียนเปน็ กระจกนูน

(ทมี่ า : คู่มอื ครูวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3)

สมมติฐาน (1 คะแนน) ............................................................................................................................. ............................................
ตวั แปรตน้ (1 คะแนน)..........................................................................................................................................................................
ตวั แปรตาม (1 คะแนน)....................................................................................................................... .................................................
ตัวแปรควบคมุ (1 คะแนน)....................................................................................................................... ..........................................


ตารางบนั ทึกผลการทดลอง (2 คะแนน) การสะท้อนของแสง
การทดลอง

ฉายแสงไฟท่ีกระจกเวา้

ฉายแสงไฟที่กระจกนูน

สรุปผลการทดลอง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...................................................................................
............................................................................................................................. ...................................................................................

คำถามทา้ ยการทดลอง
1. แสงสะทอ้ นท่ไี ด้จากการตกกระทบท่ีกระจกเวา้ และกระจกนูน เหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...................................................................................
............................................................................................................................. ...................................................................................
2. จุดทแี่ สงสะท้อนจากกระจกเวา้ มารวมกัน เรยี กวา่ อะไร (1 คะแนน)
............................................................................................................................. ...................................................................................
3. หากนกั เรยี นลากเสน้ รังสีสะท้อนจากกระจกนนู ไปทางด้านหลงั นักเรียนคิดวา่ ลำแสงจะตดั กันหรือไม่ อยา่ งไร (1 คะแนน)
............................................................................................................................. ..................................................................................


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน ใบงานการทดลอง เรื่อง การสะทอ้ นแสงบนกระจกเวา้ และกระจกนนู

สมมติฐาน ( 1 คะแนน) ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่ตอบคำถาม
คะแนนเตม็ 1 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คอื ถา้ แสงไฟส่องตกกระทบกระจกเวา้ แสงจะสะท้อน
มารวมกันที่จุดโฟกสั และถ้าแสงไฟส่องตกกระทบกระจกนูน แสงจะกระจาย
ออกไป

ตวั แปรต้น ( 1 คะแนน) ไมไ่ ด้คะแนน
คะแนนเต็ม 1 คะแนน ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบคำถาม

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ กระจกเวา้ และกระจกนูน ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไมต่ อบคำถาม
ตัวแปรตาม ( 1 คะแนน)
คะแนนเต็ม 1 คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คอื การสะท้อนแสงของกระจกเวา้ และกระจกนนู

ตวั แปรควบคุม ( 1 คะแนน) ไมไ่ ด้คะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไมต่ อบคำถาม
คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ ลกั ษณะผวิ ของพน้ื การทดลอง และทศิ ทางการวาง
ไฟฉาย

ตารางบันทึกผลการทดลอง (2 คะแนน) การสะทอ้ นของแสง
การทดลอง
บนั ทกั ผลการทดลอง
ฉายแสงไฟที่กระจกเว้า ตามท่ีไดท้ ดลอง

ฉายแสงไฟท่ีกระจกนนู


คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
ไมบ่ ันทึกผลการทดลอง
บนั ทกึ ผลการทดลองได้ครบถ้วนทัง้ 2 ชอ่ ง บนั ทกึ ผลการทดลอง 1 ช่อง

สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ไดค้ ะแนน

สรปุ ผลการทดลองได้ถูกตอ้ งครอบคลุมตามวตั ถุประสงค์ สรปุ ผลการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งบางสว่ น ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง

ของการทดลอง คอื แสงไฟทตี่ กกระทบกระจกเว้า จะ เชน่ แสงไฟทีต่ กกระทบกระจกเวา้ จะ หรอื ไม่ตอบคำถาม

สะทอ้ นมารวมกนั ที่จดุ โฟกสั และเมื่อสอ่ งแสงไฟตกกระทบ สะทอ้ นมารวมกนั ท่จี ดุ โฟกัส หรอื แสง

กระจกนนู แสงสะท้อนจะกระจายออก แตห่ ากลากเสน้ ไฟตกกระทบกระจกนนู แสงสะท้อน

รงั สี พบวา่ เสน้ รังสี จะมาตัดกนั ท่จี ดุ โฟกัสหลงั กะจกนนู จะกระจายออก

คำถามทา้ ยการทดลอง

คำถามที่ 1

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ ไม่เหมอื นกัน เพราะ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องบางสว่ น เช่น ไม่ ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่

แสงไฟท่ตี กกระทบกระจกเวา้ จะสะท้อนมารวมกัน เหมอื นกัน แต่ไม่ได้อธิบายเหตผุ ล ตอบคำถาม
ที่จดุ โฟกสั ส่วนแสงไฟที่ตกกระทบกระจกนูนจะ ประกอบ

กระจายออก

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คอื จุดโฟกสั ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม

คำถามที่ 3

คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่ไดค้ ะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ ตัดกนั ทีห่ ลงั กระจกนูน ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไม่ตอบคำถาม

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

11-12 ดมี าก

9-10 ดี หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

6-8 พอใช้

0-5 ปรบั ปรุง


ใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง การเขยี นภาพทเี่ กิดจากการสะทอ้ นของกระจกเงาโคง้

สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
ว2.3 ม.3/14 เขยี นแผนภาพ การเคล่ือนที่ของแสงแสดงการเกิดภาพจากกระจกเงา

การสะท้อนแสงจากกระจกเงาโค้ง
แบ่งตามลกั ษณะความโคง้ ได้ 2 แบบ ดงั น้ี
กระจกเงานูน สามารถรับแสงท่ีตกกระทบไดม้ ากกวา่ กระจกเงาราบ ซ่ึงภาพท่ีเกิดข้ึนมีลกั ษณะ ดงั น้ี

- เป็นภาพเสมือนหวั ต้งั ขนาดเลก็ กวา่ วตั ถุ
- สามารถมองเห็นภาพไดใ้ นมุมกวา้ ง

กระจกเงาเว้า สามารถสะทอ้ นแสงใหเ้ ขา้ มาตดั กนั ภายในรัศมีความโคง้ ของกระจก ซ่ึงอาจเกิดไดท้ ้งั ภาพจริงและ
ภาพเสมือน ดงั น้ี

- ถา้ เป็นภาพเสมือน จะมีลกั ษณะหวั ต้งั อยหู่ ลงั กระจก ขนาดใหญก่ วา่ วตั ถุ
- ถา้ เป็นภาพจริง จะมีลกั ษณะหวั กลบั อยหู่ นา้ กระจก อาจมีขนาดเลก็ กวา่ วตั ถุ เท่ากบั วตั ถุ หรือใหญ่กวา่ วตั ถุ โดย

ข้นึ อยกู่ บั ตาแหน่งของวตั ถุ
หลกั การเขียนภาพจากกระจกเงาโค้ง

1. ลากเส้นรังสีตกกระทบจากปลายวตั ถถุ ึงผิวกระจก โดยใหข้ นานกบั เส้นแกนมขุ สาคญั จะไดร้ ังสีสะทอ้ นจากผิวกระจก
ผา่ นไปยงั จุดโฟกสั (F)

2.ลากเสน้ รังสีตกกระทบจากปลายวตั ถุผา่ นจุดศนู ยก์ ลางความโคง้ (C) ถึงผวิ กระจก จะไดร้ ังสีสะทอ้ นจากผวิ กระจกยอ้ นกลบั ไป
ยงั ทิศทางเดิม


3. ลากเส้นรังสีตกกระทบจากปลายวตั ถุผา่ นจุดโฟกสั ถึงผวิ กระจก จะไดร้ ังสีสะทอ้ นจากผิวกระจก ซ่ึงขนานกบั
เส้นแกนมุขสาคญั เมื่อลากเส้นรวมท้งั หมดจากขอ้ 1. ถึง 3. จุดตดั ของรังสีท่ีสะทอ้ น หรือจุดท่ีสามารถลากเสน้ เสมือนตดั กนั
จะเป็ นจุดที่เกิดภาพข้นึ

คำถามท่ี 1 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมลู ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจริง หรือ ไม่เป็นความจรงิ (2 คะแนน)

ข้อความทเ่ี ป็นความจริง ใหท้ ำเคร่ืองหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่
ข้อความที่ไม่เปน็ ความจรงิ ใหท้ ำเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช”่

ขอ้ ความ
1) ภาพจรงิ มีลกั ษณะหวั กลบั เสมอ

2) ภาพเสมือน มขี นาดใหญก่ ว่าวตั ถเุ สมอ
3) กระจกนนู สามารถเกดิ ได้ทงั้ ภาพจรงิ และภาพเสมือน

4) กระจกเวา้ ทำใหเ้ กดิ ภาพจรงิ ท่ีมีขนาดใหญก่ วา่ วัตถุเทา่ นั้น

คำถามที่ 2 จงเขยี นภาพทีเ่ กิดจากการสะท้อนของกระจกนนู และบอกลักษณะของภาพที่เกิดขน้ึ (ขอ้ ละ 2 คะแนน)

แผนภาพ ลกั ษณะของภาพทเี่ กดิ ขนึ้
2.1 วตั ถวุ างอยหู่ น้าจดุ ศนู ย์กลางความโคง้ (จุด C)

2.2 วตั ถุวางอยรู่ ะหว่างจุดศูนยก์ ลางความโคง้ (จดุ C)และจุดโฟกสั (จุดF)


คำถามที่ 3 จงเขยี นภาพที่เกิดจากการสะท้อนของกระจกเวา้ และบอกลักษณะของภาพทเ่ี กิดขนึ้ (ข้อละ 2 คะแนน)

แผนภาพ ลกั ษณะของภาพท่เี กิดข้นึ
3.1 วัตถวุ างทีจ่ ดุ ศูนยก์ ลางความโคง้ (จดุ C)

3.2 วัตถวุ างอยู่ระหว่างจุดศนู ย์กลางความโคง้ (จดุ C)และจุดโฟกสั (จดุ F)


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน

ใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง การเขยี นภาพที่เกิดจากการสะทอ้ นของกระจกเงาโค้ง

คำถามท่ี 1 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมลู ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจรงิ หรือ ไมเ่ ป็นความจรงิ (2 คะแนน)

ขอ้ ความทเ่ี ป็นความจริง ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ใช่”
ขอ้ ความท่ีไม่เปน็ ความจรงิ ใหท้ ำเคร่ืองหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”

ขอ้ ความ

1) ภาพจรงิ มลี ักษณะหวั กลบั เสมอ X
2) ภาพเสมือน มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุเสมอ X
3) กระจกนูน สามารถเกิดได้ท้งั ภาพจรงิ และภาพเสมือน X
4) กระจกเวา้ ทำให้เกดิ ภาพจรงิ ทม่ี ีขนาดใหญก่ วา่ วตั ถุเท่านน้ั X

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบถูกทัง้ 4 ข้อ : ใช่ ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

คำถามที่ 2 จงเขียนภาพท่ีเกิดจากการสะท้อนของกระจกนูน และบอกลักษณะของภาพทเ่ี กิดข้นึ (ข้อละ 2 คะแนน)

แผนภาพ ลักษณะของภาพทเ่ี กดิ ขนึ้
2.1 วัตถุวางอยู่หนา้ จดุ ศนู ย์กลางความโคง้ (จดุ C) เกดิ ภาพเสมือนหวั ตง้ั ขนาดเล็กกว่าวัตถุ
เกดิ หลังกระจกนูน

2.2 วัตถุวางอยู่ระหวา่ งจุดศนู ยก์ ลางความโคง้ (จุด C)และจุดโฟกัส(จุดF) เกดิ ภาพเสมือนหวั ต้งั ขนาดเลก็ กว่าวตั ถุ
เกิดหลังกระจกนูน


Click to View FlipBook Version