The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by scicrpaoschool, 2022-12-20 23:07:59

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง ปรากฏการณ์เก่ียวกบั แสง

สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
ว2.3 ม.3/17 อธิบายปรากฏการณท์ ่เี กี่ยวกับแสงและการทำงานของทัศนอปุ กรณจ์ ากขอ้ มูลที่รวบรวมได้

รงุ้ (Rainbow) มิราจ (Mirage)
รงุ้ ปฐมภูมิ เปน็ รงุ้ ตวั ลา่ ง เกดิ จากแสงขาวส่องทางด้านบนของ ที่มา : http://physic512.blogspot.com/2014/10/blog-post_12.html

ละอองน้ำ เกิดการหกั เห สะทอ้ นกลบั และหกั เหออกสอู่ ากาศเข้าสู่ https://sites.google.com/site/scisci003/bth-thi-1/1-4-prak-d-
นยั น์ตาของผู้สงั เกต รุ้งปฐมภมู ินจี้ ะเห็นสมี ่วงอย่ดู ้านบน สีแดงอยู่ karn-thi-keiyw-kab-saeng
ดา้ นลา่ ง
เป็นปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ จากแสงจากทอ้ งฟ้า หกั เหและสะท้อนกลับ
รงุ้ ทตุ ิยภมู ภิ มู ิ เป็นรุ้งตัวบน เกดิ จากแสงขาวสอ่ งทางด้านลา่ ง หมดจากชน้ั ของอากาศรอ้ นบนพ้นื ดิน ทเี่ ปน็ เช่นนเ้ี พราะในขณะท่ีแสงแดด
ของละอองนำ้ เกิดการหักเหสะทอ้ นกลบั หมด 2 ครัง้ แลว้ หกั เหออกสู่ ร้อนจดั อากาศที่ใกล้ผิวถนนจะมอี ุณหภูมิสงู กว่าอากาศท่อี ย่สู ูงจากผิวถนน
อากาศเข้าส่นู ัยนต์ าของผู้สังเกต รงุ้ ทตุ ิยภูมินีจ้ ะเห็นสแี ดงอยู่ขา้ งบน สี ขึ้นไป อากาศทอี่ ยู่ใกล้ผวิ ถนนจงึ มีความหนาแน่นน้อยกว่า ความหนาแน่น
ม่วงอยขู่ ้างลา่ ง ของอากาศทแ่ี ตกต่างกันเปรียบเสมือนตวั กลางท่แี ตกต่างกนั ดงั นั้นเม่อื แสง
จากทอ้ งฟา้ เดินทางผา่ นความหนาแนน่ ของอากาศทแ่ี ตกต่างกัน แสงจึงเกิด
การหักเหได้ และเม่ือมุมตกกระทบโตกวา่ มมุ วิกฤต จึงเกิดการสะทอ้ นกลับ
หมด

การเกดิ สีบนทอ้ งฟ้า

(ภาพเเสดงร้งุ กินนำ้ ปฐมภมู ิ (วงใน) เเละร้งุ ทุติยภมู ิ (วงนอก))

พระอาทิตย์ทรงกลด ( Sun Halo ) แสงสตี า่ งๆมคี วามสามารถในการกระเจงิ ของแสงแตกต่างกันข้นึ อยกู่ บั
พลงั งานของแสงสีน้นั โดยพลังงานของแสงมากการกระเจิงของแสงจะมคี ่า
เกิดข้ึนจากบรรยากาศของโลกในช้ัน มาก น่ันหมายความว่าแสงสีม่วงจะมีความสามารถในการกระเจิงของแสง
โทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็น มากที่สุด ในเวลากลางวันแสงอาทิตยท์ ำมมุ ชันกบั พน้ื โลก แสงจะเดิน
บรรยากาศชั้นล่างสุด และเป็นทอ่ี ยู่ของ ทางผา่ นบรรยากาศเปน็ ระยะทางส้ันๆ แสงสีม่วง คราม และน้ำเงนิ จะ
กลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดตงั้ แต่ช่วง กระเจงิ เตม็ ทอ้ งฟา้ เราจึงมองเหน็ ท้องฟ้าเป็นสฟี ้า ในยามเช้าและยามเย็น
เช้าตรู่กอ่ นดวงอาทิตยข์ ึน้ จนทำให้ละอองนำ้ ใน แสงอาทิตย์ทำมุมลาดกบั พ้นื โลก แสงจะเดินทางผา่ นบรรยากาศเป็น
อากาศ ณ เวลาแขง็ ตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ ระยะทางยาว แสงสมี ่วง ครามน้ำเงนิ ซ่งึ กระเจงิ ได้ดที ่ีสดุ จะกระเจิงทิง้
จำนวนมหาศาลลอยอยูบ่ นท้องฟ้า เมื่อพระอาทติ ยข์ ้ึน และส่องแสงทำมุม ไปมากเพราะระยะทางมาก ทำใหเ้ หลอื แสงสีแดง สม้ ซึ่งกระเจิงไดน้ ้อย
กบั เกลด็ น้ำแขง็ ได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง มากเขา้ ตาเรา
ทำใหเ้ กดิ เปน็ แถบสรี ุ้ง คล้ายการเกิดร้งุ กินน้ำหลังฝนตกขึ้น สว่ นแสงสีท่ีตา
มองเห็นนั้น จะขึน้ กบั การทำมุมของแสงอาทิตยแ์ ละเกล็ดน้ำแข็ง แต่
โดยทัว่ ไปเรามักจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อนๆ มากทส่ี ดุ ถ้าเกดิ จากการ
สะท้อนของแสงจะปรากฏเปน็ สีเขียว แตถ่ ้าเกดิ จากการหักเหของแสงจะ
เปน็ สแี ดงเพลงิ ในตอนกลาง และเป็นสีน้ำเงนิ ปนแดงตามขอบนอก


คำถามที่ 1 (1 คะแนน)

ปรากฏการณ์พระอาทิตยท์ รงกลด เกดิ ข้ึนที่บรรยากาศชน้ั ใด

1. มีโซสเฟียร์ 2. โทรโพสเฟยี ร์

3. สตราโตสเฟยี ร์ 4. เทอรโ์ มสเฟยี ร์

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)

จากถ้อยความ เพราะเหตุใด ในเวลากลางวนั เราจงึ มองเห็นทอ้ งฟ้ามสี ีฟ้า

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามท่ี 3

จากข้อมลู ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจรงิ หรอื ไมเ่ ปน็ ความจรงิ (2 คะแนน)

ข้อความที่เปน็ ความจริง ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในช่อง “ใช”่

ข้อความท่ีไมเ่ ป็นความจรงิ ให้ทำเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช”่

ขอ้ ความ ใช่ ไมใ่ ช่
1) รุ้งปฐมภมู ิ จะเห็นสีแดงอยู่ข้างบน สีมว่ งอยู่ข้างล่าง

2) พระอาทิตย์ทรงกลด เกดิ จากการหักเหและการสะท้อนของแสงอาทิตย์ ทำใหเ้ กดิ
เป็นแถบสรี ุ้ง
3) ถา้ พลงั งานของแสงมาก จะทำให้การกระเจิงของแสงจะมคี า่ มาก ดังนน้ั แสงสีน้ำเงนิ จึง
มีความสามารถในการกระเจงิ ของแสงมากทส่ี ุด
4) เมอื่ อากาศที่อยู่ใกล้ผิวถนนมีความหนาแนน่ น้อยกว่า อากาศที่อย่สู ูงจากผวิ ถนนขน้ึ ไป
ทำให้แสงจากทอ้ งฟา้ เดินทางผา่ นความหนาแนน่ ของอากาศทแี่ ตกตา่ งกนั จงึ เกิดการหัก
เหของแสงได้ และเม่ือมมุ ตกกระทบโตกว่ามุมวกิ ฤต จึงเกิดการสะท้อนกลบั หมด ทำให้
เกดิ มริ าจ


เฉลยและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คำถามท่ี 1

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน

ข้อ 2. โทรโพสเฟยี ร์ คำตอบอ่ืนๆ

คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ตอบคำถามได้ถูกต้องโดยอา้ งอิงจากถอ้ ยความ คอื ใน ตอบคำถามได้ถูกต้องบางสว่ น แต่ไมไ่ ดอ้ ธิบาย ตอบไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่
เวลากลางวนั แสงอาทิตยท์ ำมุมชนั กับพ้นื โลก แสงจะเดิน ชัดเจน เชน่ ในเวลากลางวันแสงอาทติ ยท์ ำมมุ ตอบคำถาม
ทางผา่ นบรรยากาศเป็นระยะทางสัน้ ๆ แสงสมี ่วง คราม ชันกบั พน้ื โลก แสงสีม่วง คราม และน้ำเงิน จะ
และน้ำเงนิ จะกระเจิงเต็มท้องฟ้า เราจงึ มองเหน็ กระเจิงเตม็ ท้องฟ้า เราจงึ มองเหน็ ท้องฟา้ เป็นสี
ท้องฟ้าเปน็ สีฟ้า ฟ้า

คำถามที่ 3 ใช่ ไมใ่ ช่
จากข้อมูล ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจรงิ หรือ ไม่เปน็ ความจรงิ (2 คะแนน)
X X
ขอ้ ความท่เี ป็นความจริง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย X ในช่อง “ใช”่ X
ขอ้ ความที่ไม่เปน็ ความจริง ให้ทำเครอ่ื งหมาย X ในชอ่ ง “ไมใ่ ช”่ X

ข้อความ

1) รงุ้ ปฐมภูมิ จะเห็นสีแดงอยขู่ ้างบน สมี ว่ งอยูข่ ้างล่าง

2) พระอาทิตย์ทรงกลด เกดิ จากการหกั เหและการสะทอ้ นของแสงอาทติ ย์ ทำให้เกิดเป็นแถบสรี ุ้ง

3) ถา้ พลังงานของแสงมาก จะทำใหก้ ารกระเจงิ ของแสงจะมีคา่ มาก ดังนัน้ แสงสีนำ้ เงนิ จงึ มคี วามสามารถใน
การกระเจงิ ของแสงมากท่สี ุด
4) เมือ่ อากาศท่ีอยูใ่ กล้ผวิ ถนนมคี วามหนาแน่นน้อยกว่า อากาศทีอ่ ยู่สงู จากผิวถนนข้ึนไป ทำให้แสงจาก
ท้องฟา้ เดนิ ทางผา่ นความหนาแนน่ ของอากาศท่แี ตกต่างกนั จึงเกิดการหักเหของแสงได้ และเม่ือมมุ ตก
กระทบโตกวา่ มมุ วกิ ฤต จงึ เกดิ การสะทอ้ นกลับหมด ทำให้เกิดมิราจ

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มีคะแนน
ตอบถูกทง้ั 4 ข้อ : ไมใ่ ช่ ใช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์


แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram
คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น ให้ทำเครื่องหมาย✔ลงในช่องรายการประเมนิ กำหนด

ความ สรปุ ผล

ลำดบั ท่ี ช่ือ-สกุล ความ ครอบคลมุ สอดคลอ้ ง ตรงต่อเวลา ความ การ
ของผูร้ ับการประเมิน ถูกต้องของ เนอ้ื หา และ 4 สะอาด รวม ประเมนิ
เรยี บร้อย 20 ผ่าน/ไม่
เนอื้ หา 4 เชอ่ื มโยง คะแนน ผา่ น
4 ของเน้อื หา 4

4

4321 43214 32 14321 4321

ลงชอื่ .................................................... ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรงุ

นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ

ประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)

รูปแบบ - มหี ัวขอ้ ที่ชดั เจน - มีหัวขอ้ ท่ีชดั เจน - มหี วั ข้อทีช่ ดั เจน - มหี ัวขอ้ ทชี่ ดั เจน

- เขยี นอยู่ในกรอบ - เขียนอยูใ่ นกรอบ - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ

- ใชค้ ำสำคญั ตรงประเด็น - ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น

- ใชส้ ัญลักษณห์ รือภาพสือ่ - ใช้สัญลักษณ์หรอื ภาพส่อื

ความหมาย ความหมาย

- ใช้สีสันทั่วแผน่

เนอ้ื หา - เน้ือหาครบถว้ นตามสาระที่ - เนื้อหาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระท่ี - เน้ือหาถูกต้องตามสาระที่

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกว่า 59%

- เขยี นถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ กว่า 59%

- ลำดบั หวั ข้อเน้อื หาชดั เจน - ลำดับหัวข้อเนอื้ หาชัดเจน - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% ต่ำกว่า 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พดู ชัดเจนเสยี งดังฟงั ชดั - พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟังชัด - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง

อกั ขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอักขระตำ่ กว่า 59%

- บุคลิกภาพดแี ละมีความ - บุคลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มกี ารใช้ส่ือประกอบการ ได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใช้สีสนั สวยงามและมีความ - ใช้สสี ันสวยงามหรอื เปน็ ไป

- มคี วามสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอยา่ ง

- มคี วามคิดสร้างสรรค์ - มีความคิดสร้างสรรค์ หน่ึง

- ความเปน็ ระเบยี บอ่านงา่ ย

การตรงตอ่ ส่งผลงานครบถว้ น ตรงตาม ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้ากว่า สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กวา่ สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้ากวา่

เวลา เวลาที่กำหนด เวลาท่กี ำหนด 5 นาที เวลาที่กำหนด 10 นาที เวลาทีก่ ำหนด 15 นาที


ขอ้ สอบ O-NET (2561) 1 ขอ้
ฉายแสงสแี ดง สีน้ำเงิน และสีเขียว ครั้งละสี ด้วยปริมารของแสงเท่ากนั ในหอ้ งมืดสนิทให้ตกกระทบวัตถุชิ้น

หน่ึง พร้อมทัง้ บันทกึ ผลการสงั เกตวัตถุ ได้ผลดังตาราง

จากข้อมูล ข้อความใดกล่าวถูกต้อง
1. วตั ถดุ ดู กลืนแสงสเี ขยี วได้มากกว่าแสงสแี ดงและสนี ้ำเงิน
2. วตั ถสุ ะทอ้ นแสงสีแดงและสนี ำ้ เงนิ ไดม้ ากกว่าแสงสเี ขยี ว
3. ถ้าฉายด้วยแสงขาว จะมองเหน็ วตั ถเุ ปน็ สีขาว
4. ถา้ ฉายดว้ ยแสงสแี ดงและสีนำ้ เงินพร้อมกนั วตั ถุจะดดู กลืนแสงทัง้ หมด

(เฉลย ตอบ 4. ถ้าฉายด้วยแสงสแี ดงและสีนำ้ เงนิ พร้อมกนั วัตถุจะดูดกลืนแสงท้งั หมด)


แผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 9

ช่ือหน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเหน็ หนว่ ยย่อยที่ 1

เร่ือง ทัศนอุปกรณ์ เวลา 1 ชั่วโมง

วันท่ที ำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผ้สู อน นายสุเวช สบื ปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ช้วี ัด

ทศั นอุปกรณ์ คืออปุ กรณท์ ีน่ ำความร้เู ร่ืองแสง ได้แก่ การ ว 2.3 ม.3/17 อธิบายปรากฏการณ์ที่เกีย่ วกบั แสงและการทำงานของทัศน

สะทอ้ นและการหักเกของแสงมาประยุกตใ์ ช้ในอปุ กรณ์ เช่น แว่น อปุ กรณจ์ ากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้

ขยาย แว่นสายตา กล้องจุลทรรศน์ เคร่ืองฉายภาพ เปน็ ต้น

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- ทัศนอุปกรณ์ - ใบงาน Mind mapping เรอ่ื ง ทศั นอปุ กรณ์

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6. เครือ่ งมอื การคดิ

- ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - Mind mapping

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขนั้ ของกิจกรรม 8.สอื่ 9.วิธวี ดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน Mind mapping - ประเมินใบงาน Mind

“ยกตวั อยา่ งอปุ กรณท์ างวทิ ยาศาสตร์ มาคนละ 1 ชนดิ เรอ่ื ง ทศั นอุปกรณ์ mapping เรอื่ ง ทศั น์อุปกรณ์

Purpose : (2 นาที ) - Power point

เราจะเรยี นเรอ่ื ง ทัศนอปุ กรณ์ เพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถอธิบายการทำงานของ ประกอบการสอนเรอ่ื ง

ทศั น์อปุ กรณจ์ ากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ได้ ทศั นอุปกรณ์

Work mode (50 นาที) - บทเรียนออนไลน์ เรื่อง

1. นักเรยี นศกึ ษาเร่ืองทัศนอปุ กรณ์ ในบทเรียนออนไลน์ (พอเพยี ง3 : การมี ทศั นอุปกรณ์

ภมู คิ มุ้ กนั ท่ีดี) ซ่งึ หากนักเรียนคนใดสงสัย สามารถสอบถามเพ่อื ให้ครอู ธบิ าย

เพ่มิ เตมิ (พอเพยี ง3 :การมีภมู ิคมุ้ กนั ที่ด)ี (15 นาที)

2. นกั เรียนฟังครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เรื่องทศั นอปุ กรณ์ โดยใชส้ ื่อ Power point

ประกอบการสอน (สมรรถนะที่ 3) (10 นาที)

3. นกั เรยี นคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณเพือ่ ตอบคำถามกระตุน้ ความคิด ““ทัศน

อุปกรณ์ คอื อะไร?/จงยกตัวอย่างทศั นอปุ กรณ์มา 1 ชนิด? (5 นาที)

4. นักเรียนสรปุ องคค์ วามร้ใู นรปู แบบผังมโนทศั น์ โดยทำใบงาน Mind

mapping เรื่องทศั น์อุปกรณ์ (คดิ 9: คดิ เชิงมโนทศั น)์ (15 นาท)ี
5. นกั เรยี นและครสู รุปบทเรียน โดยนกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ “ทศั น
อปุ กรณม์ ปี ระโยชนต์ อ่ ชีวิตประจำวันอย่างไร?/ กล้องจลุ ทรรศน์ นำหลักการใด

ของเรอื่ งแสง มาใช้ประโยชน์

Reflective thinking (5 นาท)ี

- ประโยชนท์ น่ี ักเรยี นไดร้ บั คนละ 1 ขอ้ จากการเรยี นในวันน?้ี (2 นาท)ี

- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงาน Mind mappi

คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มระดมความคดิ เพ่ือสรุปองค์ความรู้ เกย่ี วกบั เรอื่


ing เรอื่ ง ทศั นอปุ กรณ์

องทศั น์อุปกรณ์ ในรปู แบบของ Mind mapping


คำชี้แจง : แบบประเมินใบงาน Mind mapping

ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนดตามตารางแนบ
ท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

ลำดับท่ี ชอื่ -สกลุ รูปแบบ เนอื้ หา นำเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรุปผลการ
ของผูร้ ับการ สวยงาม ประเมนิ ผา่ น/ไม่
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 คะแนน
ประเมิน ผา่ น

ลงชือ่ ....................................................ผู้ประเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขนึ้ ไปถอื วา่ ผา่ น


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)

รปู แบบ - เขียนความคดิ รวบยอดหลกั - เขียนความคิดรวบยอด - เขยี นความคดิ รวบยอดหลกั - เขยี นความคดิ รวบยอดหลัก

ไวต้ รงกลาง หลกั ไวต้ รงกลาง ไว้ตรงกลาง ไว้ตรงกลาง

- มีก่ิงแกว้ กงิ่ ก้อย และก่ิง - มีกิง่ แก้ว กิ่งก้อย และกง่ิ - มกี งิ่ แกว้ กิ่งก้อย และกิ่ง - มกี งิ่ แก้ว ขาดกง่ิ กอ้ ย แต่

ยอ่ ยตามลำดบั ยอ่ ยตามลำดบั ย่อยตามลำดบั ขาดก่งิ ยอ่ ย

- ตวั หนงั สืออยบู่ นเสน้ - ตัวหนงั สืออยูบ่ นเสน้ - ใช้สสี นั ทั่วแผน่ - ใช้สสี ันไม่ทว่ั แผน่

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคญั ตรงประเดน็

- ใชส้ ญั ลักษณ์หรือภาพสอ่ื - ใชส้ ีสันท่วั แผน่

ความหมาย

- ใชส้ ีสันทัว่ แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ต่ำกว่า 59%

- ลำดบั หัวข้อเน้ือหาชัดเจน - ลำดับหวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน - มีการสรุปได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ กวา่ 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พดู ชดั เจนเสียงดงั ฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง

อกั ขระ100% อักขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระตำ่ กว่า 59%

- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมคี วาม - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

ม่นั ใจ - ความพร้อมในการนำเสนอ

- มีการใช้สือ่ ประกอบการ ได้บางสว่ น

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงามและมีความ - ใช้สสี นั สวยงามหรือเปน็ ไป

- มีความสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอยา่ ง

- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สร้างสรรค์ หน่งึ

- ความเป็นระเบยี บอา่ นง่าย

การตรงต่อ ส่งผลงานครบถว้ น ตรงตาม สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า ส่งผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากว่า

เวลา เวลาท่ีกำหนด เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที เวลาทีก่ ำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ ข.
ภาพใดตอ่ ไปน้ีไม่ใช่ประโยชน์ของกระจกนูน

ก.

ค. ง.

(เฉลย ตอบขอ้ ค.)


แผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 10

ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ แสงและการมองเหน็ หน่วยย่อยที่ 1

เร่อื ง การเกิดภาพจากเคล่ือนท่ีของแสงผ่านทัศนอุปกรณ์และเลนสต์ า เวลา 2 ช่วั โมง

วนั ทท่ี ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สบื

ปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตัวช้ีวัด

การเกิดภาพจากการเคลือ่ นทขี่ องแสงผ่านทัศนอุปกรณ์และเลนส์ ว 2.3 ม.3/18 เขียนแผนภาพการเคล่อื นที่ของแสงแสดงการเกดิ ภาพ

ตา อาศัยหลักการหักเหของแสงผา่ นเลนสน์ นู เช่น กล้องจลุ ทรรศน์ ของทศั นอุปกรณแ์ ละเลนส์ตา

ใชห้ ลกั การหักเหของแสงผา่ นเลนสน์ นู 2 จึงทำใหม้ องเหน็ ภาพจรงิ

หวั กลับทีม่ ขี นาดใหญก่ ว่าวตั ถุ ส่วนการเกดิ ภาพผา่ นเลนส์ตา เกดิ

จากแสงผา่ นกระจกตา รูมา่ นตา แล้วแสงถกู เลนสต์ าหักเห เพอ่ื

รวมแสงให้ไปโฟกสั ทีเ่ รตนิ า

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชิ้นงาน /ภาระงาน

- การเกดิ ภาพจากเคลือ่ นท่ีของแสงผ่านทศั นอปุ กรณแ์ ละเลนส์ตา - ใบงาน PMI เรอ่ื ง ทศั นอปุ กรณก์ ับชวี ิตประจำวนั

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง สายตาสน้ั -สายตายาว คืออะไร

- แบบทดสอบท้ายบทเรยี นออนไลน์ 5 ข้อ เรอ่ื ง การเกดิ ภาพจาก

เคลือ่ นท่ขี องแสงผ่านทัศนอปุ กรณแ์ ละเลนสต์ า

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เครอ่ื งมอื การคิด

- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - PMI

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ข้นั ของกจิ กรรม 8.สอื่ 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน PMI เรือ่ ง ทัศน - ประเมนิ ใบงาน PMI เรือ่ ง

“ยกตวั อยา่ งทศั นอปุ กรณ์ จากคาบเรยี นทผ่ี า่ นมา มาคนละ 1 อย่าง” อุปกรณก์ บั ชีวติ ประจำวัน ทัศนอุปกรณ์กับชวี ติ ประจำวนั

Purpose : (2 นาที ) - ใบงานตามแนวทาง PISA - ประเมินใบงานตามแนวทาง

เราจะเรียน เรือ่ ง การเกดิ ภาพจากเคลื่อนที่ของแสงผา่ นทัศนอุปกรณ์ เรอื่ ง สายตาสั้น-สายตายาว คือ PISA เร่อื ง สายตาสั้น-สายตา

และเลนสต์ า เพ่อื ให้ นกั เรยี นสามารถเขียนแผนภาพการเคลือ่ นที่ของ อะไร ยาว คอื อะไร

แสงแสดงการเกดิ ภาพของทัศนอุปกรณแ์ ละเลนสต์ าได้ - Power point เรอ่ื ง การ

Work mode (110 นาที) เกิดภาพจากเคลือ่ นทขี่ องแสง

1. นักเรียนศกึ ษาเรอื่ งการเคล่อื นท่ขี องแสงแสดงการเกดิ ภาพของทศั น ผ่านทศั นอุปกรณแ์ ละเลนสต์ า

อปุ กรณ์และเลนสต์ าในบทเรยี นออนไลน์ ซึ่งหากนักเรยี นคนใดสงสยั - บทเรยี นออนไลน์ เรือ่ ง การ

สามารถสอบถามเพือ่ ให้ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกดิ ภาพจากเคลือ่ นที่ของแสง

(พอเพียง3 : การมีภูมิคมุ้ กนั ทด่ี )ี (15 นาที) ผา่ นทัศนอุปกรณ์และเลนสต์ า

2. นกั เรียนนักเรยี นฟังครูอธิบายเพม่ิ เติม เรอื่ ง การเกิดภาพจากเคลอื่ นที่

ของแสงผา่ นทัศนอุปกรณแ์ ละเลนสต์ า โดยใช้ส่ือ Power point

ประกอบการสอน (10 นาท)ี


3. นกั เรียน(ตวั แทนจากการสมุ่ ) ออกมาเขยี นแผนภาพการเคลอ่ื นทขี่ อง
แสงแสดงการเกิดภาพจาก 1.กลอ้ งจุลทรรศน์ 2.คนสายตาสั้น และ 3.
คนสายตายาว ทหี่ น้าชน้ั เรียนจากน้นั เพอื่ นนักเรียนและครรู ว่ มกนั เฉลย
และอภปิ รายรว่ มกัน (15 นาท)ี
4. นกั เรยี นทำใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง สายตาสน้ั -สายตายาว คือ
อะไร (15 นาท)ี
5 .นกั เรยี นและครรู ่วมกันเฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง สายตา
สน้ั -สายตายาว คอื อะไร(10 นาที)
6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันวเิ คราะห์ข้อดี(P) ข้อเสีย(M) และข้อ
นา่ สนใจ/แนวทางแกไ้ ข(I) เกีย่ วกบั ทศั อปุ กรณท์ ่ีใช้ในชวี ิตประจำวนั โดย
บันทึกลงในใบงาน PMI เร่อื ง ทัศอุปกรณ์กับชวี ติ ประจำวนั โดยสบื คน้
ความรเู้ พิ่มเตมิ จากอินเตอรเ์ น็ต (คิด 1: คิดวเิ คระห์) (สมรรถนะที่ 3)
( PMI ) (20 นาท)ี
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น จากใบงาน
PMI เรื่อง ทัศอุปกรณ์กบั ชีวติ ประจำวนั กลมุ่ ละ 3 นาที (15นาที)
8. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ บทเรียน โดยนักเรียนตอบคำถามกระต้นุ
ความคิด “เลนสส์ ำหรบั สายตาสัน้ และสายตายาว เปน็ ทัศนอปุ กรณท์ ี่
สามารถชว่ ยแกไ้ ขปญั หาสายตาสนั้ และสายตายาวไดอ้ ยา่ งไร?/กระจกเงา
นนู ทต่ี ดิ ตามทางแยก มหี ลกั การในการเกิดภาพอยา่ งไร และมี
ประโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง? (10นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สิ่ง ทน่ี ักเรียนสามารถนำไปปรบั ใช้ จากการเรยี นในวันน?้ี (2 นาท)ี
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงานตามแนวทาง PISA

\

เรื่อง สายตาสน้ั -สายตายาว คอื อะไร

สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
ว2.3 ม.3/18 เขยี นแผนภาพการเคล่ือนท่ีของแสงแสดงการเกดิ ภาพของทัศนอปุ กรณ์และเลนสต์ า


คำถามท่ี 1 (1 คะแนน)

หากเปรียบดวงตา เปน็ เหมือนกลอ้ งถ่ายรปู แลว้ เรตินา เปรียบไดก้ บั ส่วนใดของกลอ้ งถ่ายรปู

1. เลนส์ 2. แฟลช

3. ฟลิ ม์ ถ่ายรปู 4. ปุ่มชัตเตอร์

คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)
จากถ้อยความ เลนสน์ ูน สามารถแกไ้ ขปญั หาสายตายาวไดอ้ ย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามที่ 3 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมูล ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจริง หรือ ไม่เป็นความจรงิ (2 คะแนน)

ขอ้ ความท่เี ป็นความจริง ให้ทำเครือ่ งหมาย X ในชอ่ ง “ใช่”
ขอ้ ความที่ไมเ่ ป็นความจริง ใหท้ ำเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”

ข้อความ
1) เรตินา มีหน้าทเ่ี ป็นฉากรับภาพ
2) คนสายตาสนั้ 400 จะมองไดไ้ กลและชัดที่สุดที่ระยะ 0.25 เมตร

3) คนสายตาปกติ จะมองเห็นระยะใกลไ้ ด้ชดั เจนทสี่ ดุ โดยเฉล่ียทร่ี ะยะ 34 เซนตเิ มตร
4) ถ้าเลนสต์ าบางเกินไป ทำให้แสงรวมกันหนา้ เรตินา มองไกลชัดอย่างเดียวเกิดอาการ
สายตายาว


เฉลยและเกณฑก์ ารให้คะแนน

คำถามท่ี 1

คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ข้อ 3. ฟลิ ม์ ถา่ ยรูป คำตอบอนื่ ๆ

คำถามท่ี 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้องโดยอ้างอิงจากถ้อยความ ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องบางสว่ น ตอบไมถ่ ูกตอ้ ง หรือไมต่ อบ
คือเลนส์นนู บบี แสงให้ตัดกนั ที่เรตนิ า ทำให้ แต่ไม่ได้อธิบายชัดเจน เชน่ คำถาม
มองเห็นภาพท่อี ยู่ไกลชดั เลนสน์ นู บีบแสง แตไ่ ม่ได้
อธิบายเก่ียวกบั การเกิดภาพ

คำถามที่ 3 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมูล ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจริง หรอื ไมเ่ ปน็ ความจริง (2 คะแนน) X
X X
ขอ้ ความท่ีเปน็ ความจริง ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่ X
ขอ้ ความท่ีไมเ่ ป็นความจรงิ ใหท้ ำเคร่อื งหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช”่

ข้อความ
1) เรตินา มีหน้าทเี่ ปน็ ฉากรับภาพ
2) คนสายตาสน้ั 400 จะมองไดไ้ กลและชดั ทีส่ ดุ ที่ระยะ 0.25 เมตร

3) คนสายตาปกติ จะมองเห็นระยะใกล้ได้ชดั เจนทสี่ ดุ โดยเฉลีย่ ทร่ี ะยะ 34 เซนติเมตร
4) ถา้ เลนส์ตาบางเกนิ ไป ทำให้แสงรวมกนั หน้าเรตนิ า มองไกลชัดอย่างเดยี วเกิดอาการ
สายตายาว

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบถูกทง้ั 4 ข้อ : ใช่ ใช่ ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์


ใบงาน PMI เรือ่ ง ทศั นอปุ กรณก์ บั ชีวิตประจำวนั

คำคำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ระดมความคดิ โดยระบขุ ้อดีของทศั นอปุ กรณ์ ลงในช่อง (P) ข้อเสีย/ข้อจำกัด
ของทัศอปุ กรณ์ ลงในช่อง(M) และข้อเสอนแนะ/ข้อทีน่ า่ สนใจ ของทัศนอุปกรณ์ ลงในช่อง (I)

ทศั นอุปกรณก์ ับชีวติ ประจำวนั

ข้อดี ข้อเสีย/ขอ้ กำจดั ข้อท่นี ่าสนใจ/ขอ้ เสนอแนะ

(P) (M) (I)

สรุป


แบบประเมินใบงาน PMI

คำช้ีแจง : ให้ผูส้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

ลำดับ ชอื่ -สกลุ การแสดงความ เนื้อหา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการ
ที่ ของผรู้ บั การประเมนิ คิดเห็น 20 คะแนน ประเมิน ผา่ น/
( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน )
( 4 คะแนน ) ไมผ่ ่าน

ลงชอื่ ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรงุ

นักเรียนได้ระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

เกณฑ์การ ระดับการประเมิน
ประเมิน
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
การแสดง
ความคิดเหน็ - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง P - แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง P - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง P - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง P
ได้ 10 ข้อขึน้ ไป ได้ 9-10 ขอ้ ได้ 7-8 ขอ้ ได้ น้อยกวา่ 7 ขอ้

- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง - แสดงความคดิ เห็นในช่อง M
Mได้ 10 ข้อข้นึ ไป M ได้ 9-10 ข้อ M ได้ 7-8 ข้อ ได้ นอ้ ยกวา่ 7 ข้อ

- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง I - แสดงความคิดเห็นในช่อง I - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง I - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง I
ได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป ได้ 9-10 ข้อ ได้ 7-8 ข้อ ได้ นอ้ ยกว่า 7 ขอ้

เนื้อหา - เนอ้ื หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระที่ - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระที่ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระท่ี
กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ กว่า 59%
การนำเสนอ
- เขียนถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลักภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา
ความสวยงาม 100% 80-99% 60-79% ต่ำกวา่ 59%
การตรงตอ่
- ลำดบั หวั ข้อเนอื้ หาชดั เจน - ลำดบั หวั ขอ้ เนอื้ หาชัดเจน - มีการสรปุ ได้อยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผลตำ่
เวลา - มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% กวา่ 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99% - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- พดู ชดั เจนเสียงดังฟังชดั - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม
- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม
อกั ขระ60-79% อกั ขระตำ่ วา่ 59%
อกั ขระ100% อกั ขระ80-99% - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมีความ - บุคลิกภาพดี
- ความพรอ้ มในการนำเสนอ - ใชส้ สี นั สวยงามและมีความ - ใชส้ สี ันสวยงามหรือเป็นไป
มั่นใจ สะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอยา่ งหนง่ึ
- มกี ารใช้ส่อื ประกอบการ ได้บางส่วน
ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กวา่ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ช้ากวา่
นำเสนอ - ใช้สีสันสวยงาม เวลาทกี่ ำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที
- ความพร้อมในการนำเสนอ - มีความสะอาด
- ใชส้ สี นั สวยงาม - มีความคดิ สร้างสรรค์
- มีความสะอาด
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้ากวา่
- ความเป็นระเบียบอา่ นง่าย เวลาท่กี ำหนด 5 นาที
ส่งผลงานครบถ้วน ตรงตาม

เวลาทก่ี ำหนด


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ

ในการถ่ายรูปวตั ถใุ ด ๆ จะต้องจัดให้วตั ถนุ ัน้ อยู่ท่ีตำแหนง่ ใดของเลนส์หน้ากล้อง

ก. มากกวา่ สองเทา่ ของความยาวโฟกสั
ข. น้อยกวา่ ความยาวโฟกสั
ค. เทา่ กบั สองเทา่ ของความยาวโฟกสั
ง. เท่ากับความยาวโฟกัส

(เฉลย ก. มากกว่าสองเท่าของความยาวโฟกสั )


แผนจัดการเรียนรู้ท่ี 20

ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี หนว่ ยยอ่ ยที่ 3

เรื่อง การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี เวลา 2 ช่วั โมง

วันท่ที ำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผูส้ อน นายสุเวช สบื ปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ช้ีวัด

ปฏิกริ ยิ าเคมี หมายถึง กระบวนการเปลยี่ นแปลงไปเปน็ สารใหม่ ส่งผล ว 2.1 ม.3/3 อธิบายการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี รวมถึงการจดั เรยี งตวั ใหม่

ใหม้ ีสมบตั ทิ างเคมแี ละองค์ประกอบของสารจะเปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ โดย ของอะตอมเม่ือการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี โดยใชแ้ บบจำลองและสมการ

เรียกสารท่ีนำมาทำปฏกิ ิรยิ าเคมีวา่ สารตั้งต้น และเรียกสารใหม่ท่ีเกิดขน้ึ ว่า ขอ้ ความ

ผลติ ภณั ฑ์

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี - ใบงาน Mind mapping เรื่อง ปฏกิ ิรยิ าเคมี

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง ปฏิกริ ิยาเคมใี นดอกไม้ไฟ

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 6. เครอ่ื งมือการคดิ
- ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - Mind mapping

กิจกรรมการเรยี นรู้

7.ข้ันของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วิธีวัดผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน Mind mapping - ประเมนิ ใบงาน Mind

“ยกตวั อย่างสารเคมใี นชีวติ ประจำวนั มาคนละ 1 อย่าง” เร่ือง ปฏิกริ ิยาเคมี mapping เรือ่ ง ปฏกิ ริ ยิ า

Purpose : (2 นาที ) เคมี

เราจะเรยี น เรื่อง การเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี เพอื่ ใหน้ ักเรียนสามารถอธบิ ายการเกดิ ปฏิกริ ิยา - ใบงานตามแนวทาง PISA

เคมีได้ เร่ือง ปฏกิ ริ ยิ าเคมีในดอกไม้ - ประเมินใบงานตาม

Work mode (110 นาท)ี ไฟ แนวทาง PISA เรอ่ื ง

1.นักเรยี นศึกษาเรอ่ื งการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยสืบคน้ ข้อมลู จากบทเรียนออนไลนแ์ ละ ปฏกิ ิริยาเคมใี นดอกไม้ไฟ

อินเตอร์เนต็ (พอเพยี ง3 : การมภี มู ิค้มุ กนั ทีด่ )ี (25นาที) - บทเรียนออนไลน์ เร่อื ง การ

3. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “ปฏิกริ ยิ าเคมี หมายถึงอะไร?/สารใหม่ที่เกดิ ขึน้ เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี

หลงั ปฏิกิรยิ าเคมี เรยี กว่าอะไร? (10 นาท)ี

4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันระดมความคิดเพ่อื สรปุ องค์ความรใู้ นรปู แบบผังมโนทศั น์ ลง

ในใบงาน Mind mapping (คิด 9:คดิ เชิงมโนทัศน)์ (สมรรถนะท่ี 4) (25 นาท)ี

5. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานจากใบงาน Mind mapping เรอ่ื ง

ปฏิกริ ิยาเคมี ทหี่ นา้ ช้นั เรยี นกลุม่ ละ 3 นาที (15 นาที)
6. นักเรยี นทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง ปฏิกิริยาเคมีในดอกไมไ้ ฟ (15 นาท)ี

7. นักเรียนและครรู ่วมกนั เฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง ปฏิกริ ยิ าเคมใี นดอกไมไ้ ฟ

(10 นาท)ี


8.นกั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ องคค์ วามรูจ้ ากบทเรยี น โดยตอบคำถามกระตุ้นความคดิ

“สารต้ังต้น และสารผลิตภณั ฑ์ ในปฏกิ ริ ิยาเคมี มคี วามสมั พนั ธก์ ันอย่างไร?/เพราะเหตุ

ใด นำ้ เดือดกลายเป็นไอ ไมจ่ ดั วา่ เปน็ ปฏิกริ ยิ าเคมี?(10นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สิ่งทน่ี กั เรยี นไดร้ ับ จากการเรยี นในวนั นี?้ (2 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงาน Mind mapping ปฏิกิรยิ าเคมี

คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มระดมความคิดเพ่ือสรุปองค์ความรู้ เกี่ยวกับเร่อื งปฏิกิรยิ าเคมี ในรูปแบบ
ของ Mind mapping


ใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง ปฏกิ ิริยาเคมใี นดอกไม้ไฟ

สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
ว2.1 ม.3/3 อธบิ ายการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี รวมถึงการจดั เรียงตวั ใหมข่ องอะตอมเม่ือการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและ
สมการข้อความ

ปฏิกิรยิ าเคมีในดอกไม้ไฟ

ปฏกิ ริ ิยาที่เกดิ ขึ้นกบั ดอกไม้ไฟทีส่ วยงาม เปน็ การระเบิด
ของสารเคมี ทำให้ เหน็ สีสันทีส่ วยงาม เปน็ ปฏกิ ิรยิ าทเ่ี กดิ ขนึ้ อย่าง
รวดเรว็ รนุ แรงและเปน็ อันตราย เพราะมีการคายพลงั งานออกมา
แสงสีท่เี กดิ ข้ึนจากดอกไมไ้ ฟนับเปน็ หัวใจสำคญั ท่ี
ดงึ ดูดความสนใจให้ทุกสายตาตอ้ งจบั จ้องมาที่การแสดงน้ี กระบวนการเกิดแสงสีท่เี กิดขน้ึ เกิดมา
จากปรากฏการณ์ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นเร่ืองของ Atomic emission spectroscopy หรอื การปลดปล่อย
แสงจากอะตอม ซงึ่ มีกลไกการเกิดขึ้นดังนี้ เมอ่ื อะตอมไดร้ ับพลังงานในรปู ของความร้อน อเิ ลก็ ตรอนจะถูกกระตนุ้
จากสภาวะพืน้ (ground state) ข้นึ ไปสสู่ ภาวะเร้า (excited state) ซงึ่ มรี ะดับพลงั งานสูงกว่า อะตอมจะไมค่ ง
สภาพอยู่ในระดบั นเี้ นื่องจากมพี ลงั งานสูงเกินไปจึงลดระดับพลงั งานของอิเล็กตรอนมาสู่ระดบั พลงั งานท่ีต่ำกวา่
ในขณะเดียวกนั พลงั งานส่วนตา่ งทเ่ี กดิ จากการลดระดบั พลังงานจะถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟา้ พลงั งานท่ีปลดปลอ่ ยออกมาจากการเปล่ยี นสถานะของอิเล็กตรอนในอะตอมจะเปน็ ค่าเฉพาะของ
ธาตแุ ต่ละชนดิ ดังนั้นสที ่ีปรากฏในดอกไม้ไฟสตี า่ งๆ จึงเกดิ จากการปลดปล่อยแสงจากอะตอมของธาตตุ ่างชนดิ กนั
เชน่ สแี ดง จาก สตรอนเชียม (Sr) และ ลิเธยี ม (Li) สีสม้ จาก แคลเซยี ม (Ca) สีเหลือง จากโซเดยี ม (Na)
สเี ขยี ว จาก แบเรยี ม (Ba) สฟี า้ จาก ทองแดง (Cu) สมี ว่ ง จาก สตรอนเชียมผสมกับทองแดง
ในการเลอื กใชธ้ าตชุ นิดตา่ งๆ เปน็ ตัวกำเนิดสีในดอกไม้ไฟนยิ มใชเ้ กลือคลอไรด์ของธาตชุ นิดน้นั ๆ เช่น
แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) และแบเรียมคลอไรด์ (BaCl2) เน่อื งจากอะตอมของคลอรนี มีสว่ นชว่ ยในการเพม่ิ ความ
เข้มให้กับสที ไี่ ด้จากอะตอมของโลหะ นอกจากการเลอื กใช้สารเคมใี นการสรา้ งสีสันให้กับดอกไม้ไฟแล้ว การ
ออกแบบสว่ นประกอบของดอกไม้ไฟถือเปน็ สงิ่ สำคญั อกี ประการหนง่ึ ท่ีจะทำให้ดอกไมไ้ ฟทจ่ี ุดขึ้นสู่ท้องฟ้ามรี ปู แบบ
ตามท่ีต้องการ ส่วนประกอบของดอกไมไ้ ฟประกอบดว้ ย 4 ส่วนหลกั คอื ภาชนะบรรจุ, เม็ดดาว, เชื้อปะทุ
ระเบิด และ ชนวน


ภาชนะบรรจจุ ะแบ่งออกเปน็ สองส่วนยอ่ ย คือ ส่วนของฐาน (lift charge) ท่ที ำหน้าทีน่ ำดอกไม้ไฟข้นึ ส่ทู ้องฟา้ ก่อน
การจุดระเบิด และส่วนของตัวดอกไม้ไฟที่มีชนวนหนว่ งเวลา (time fuse) ที่ทำหน้าที่ควบคมุ การระเบดิ ทีร่ ะดับ
ความสูงตามต้องการ

เมื่อชนวนบริเวณฐานถูกจุดขน้ึ
ขน้ั ที่ 1) ตวั ของดอกไม้ไฟจะพุ่งทะยานข้นึ สู่ทอ้ งฟา้ ในขณะเดยี วกนั ชนวนหน่วงเวลาจะถูกจุดขึ้น ระหว่าง

นัน้ ความยาวของชนวนหนว่ งเวลา จะเป็นตวั กำหนดระดับความสูงของการระเบดิ
ขน้ั ท่ี 2) เมอ่ื ชนวนหน่วงเวลาถูกเผาไหม้จนหมดจะทำใหเ้ กิดการระเบิดของเช้ือปะทุ ระเบิด (burst charge) ที่

บรรจุอยภู่ ายในตัวดอกไม้ไฟ ส่งผลให้เม็ดดาว (stars) ท่ีถูกเรยี งตามรปู แบบท่ตี อ้ งการเกิดการระเบดิ ข้ึนอีกต่อหน่งึ
ข้นั ท่ี 3) ภายในเมด็ ดาว หรอื stars จะประกอบไปดว้ ยเชื้อเพลิงและสารเคมชี นดิ ต่างๆ ท่ีรอทำปฏิกิรยิ า

ภายหลังการระเบิด เม่ือเชือ้ เพลงิ ภายในเม็ดดาวลุกติดไฟจะมี การถ่ายเทอิเล็กตรอนไปยังตัวออกซิไดซ์ (oxidizer)
ซงึ่ เป็นสารประกอบเปอร์คลอเรท และเกิดแก๊สออกซเิ จน เป็นผลิตภัณฑด์ งั สมการ (1)
.

.
ออกซิเจนที่เกิดขึ้นจะทำหน้าทใ่ี นการออกซิไดซซ์ ัลเฟอรแ์ ละคารบ์ อนในเม็ดดาวเพื่อใหเ้ กิดแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์
และคาร์บอนไดออกไซด์อุณหภมู สิ ูงออกมา ดงั สมการที่ (2)

.
สมการที่ (3) ความร้อนทีเ่ กิดขน้ึ จากแกส๊ ทั้งสองชนิดน้จี ะทำใหส้ ารเคมีท่หี นา้ หน้าท่เี ปน็ ตัวเกดิ สปี ลดปลอ่ ยแสง
ออกมาเกิดเปน็ ดอกไม้ไฟทีม่ ีสีสนั และรูปแบบตามตอ้ งการนั่นเอง

.


แม้ว่าการจุดดอกไมไ้ ฟในแต่ละครง้ั จะเกดิ ข้นึ ในช่วงระยะเวลาช่วั พริบตา แต่กลไกและปฏกิ ิรยิ าเคมีท่ี
เกดิ ข้ึนภายในนั้นต้องผา่ นการคิดคน้ และพัฒนามาเปน็ ระยะเวลาอันยาวนานจนทำให้ดอกไม้ไฟบางลูกมรี าคาถึง
หลักล้านเลยทเี ดยี ว

ท่มี า : https://sites.google.com/site/ptikiriyakabkhemi/-ptikiriya-ni-dxkmi-fi


คำถามที่ 1 (1 คะแนน)

สฟี ้า ของดอกไม้ไฟ เกดิ จากการปลดปลอ่ ยอะตอมของธาตุใด

1. ลิเธยี ม 2. สตรอนเชียม

3. แบเรยี ม 4. ทองแดง

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)

จากถ้อยความ ดอกไม้ไฟ ประกอบด้วยส่วนประกอบอะไรบา้ ง

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามที่ 3

จากข้อมูล ขอ้ ความต่อไปนี้ เปน็ ความจริง หรือ ไมเ่ ปน็ ความจริง (2 คะแนน)

ข้อความท่เี ปน็ ความจริง ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่

ข้อความท่ีไม่เป็นความจริง ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช”่

ขอ้ ความ ใช่ ไมใ่ ช่

1) กระบวนการเกดิ แสงสีของดอกไม้ไฟ เกิดมาจากปรากฏการณ์ของ Atomic emission X

spectroscopy

2) เมือ่ อะตอมได้รบั พลังงานในรปู ของความร้อน อเิ ล็กตรอนจะถูกกระตุ้นจากสภาวะพื้น ขึ้นไปสู่ X

สภาวะเรา้ ซงึ่ มีระดบั พลงั งานตำ่ กวา่

3) พลังงานสว่ นตา่ งทเ่ี กดิ จากการลดระดับพลังงานของอเิ ล็กตรอนจะถูกปลดปลอ่ ยออกมาในรูปของ X

คลน่ื แสง

4) ออกซเิ จนที่เกดิ ขนึ้ จะทำหน้าทีใ่ นการออกซิไดซ์ซัลเฟอร์และคารบ์ อนในเม็ดดาวเพ่ือให้เกิด X

แกส๊ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และคารบ์ อนไดออกไซด์อุณหภมู ิสงู ออกมา ดังสมการ

O2(g) + C CO2(g)


คำถามท่ี 1 คะแนนเต็ม 1 คะแนน เฉลยและเกณฑ์การใหค้ ะแนน ไมม่ คี ะแนน

ข้อ 4. ทองแดง คำตอบอ่นื ๆ
คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องโดยอ้างอิงจากถอ้ ยความ คอื
สว่ นประกอบของดอกไมไ้ ฟประกอบด้วย 4 ส่วนหลกั คอื ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องบางสว่ น โดยบอก ตอบไม่ถกู ต้อง หรอื ไม่ตอบ
ภาชนะบรรจุ, เมด็ ดาว, เชอื้ ปะทุระเบดิ และ ชนวน
สว่ นประกอบหลักในดอกไม้ไฟถกู ต้อง 3 สว่ น คำถาม

คำถามท่ี 3
จากข้อมลู ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจรงิ หรอื ไม่เปน็ ความจรงิ (2 คะแนน)

ข้อความท่ีเป็นความจรงิ ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่”

ขอ้ ความ ใช่ ไม่ใช่
X X
1) กระบวนการเกดิ แสงสีของดอกไมไ้ ฟ เกดิ มาจากปรากฏการณ์ของ Atomic emission spectroscopy X
X
2) เม่ืออะตอมได้รับพลังงานในรปู ของความรอ้ น อิเล็กตรอนจะถูกกระตุ้นจากสภาวะพื้น ข้นึ ไปสสู่ ภาวะเร้า
ซงึ่ มีระดบั พลังงานต่ำกวา่

3) พลังงานส่วนตา่ งทเ่ี กดิ จากการลดระดับพลงั งานของอเิ ล็กตรอนจะถกู ปลดปล่อยออกมาในรปู ของคล่ืน
แสง

4) ออกซิเจนท่ีเกดิ ขึ้นจะทำหน้าทใี่ นการออกซิไดซซ์ ลั เฟอรแ์ ละคารบ์ อนในเม็ดดาวเพ่ือใหเ้ กดิ แก๊สซลั เฟอร์

ไดออกไซดแ์ ละคาร์บอนไดออกไซด์อณุ หภมู สิ ูงออกมา ดังสมการ

O2(g) + C CO2(g)

ข้อความที่ไมเ่ ป็นความจริง ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่”

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบถูกทงั้ 4 ขอ้ : ใช่ ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่ใช่ ตอบถกู 3 ข้อ ตอบถกู 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์


แบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Mind mapping

ลำดับที่ ชอ่ื -สกุล รปู แบบ เน้ือหา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ของผูร้ ับการ สวยงาม เวลา ประเมิน ผา่ น/
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 คะแนน
ประเมิน ไม่ผ่าน

ลงชื่อ ....................................................ผูป้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

นักเรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Mind mapping

เกณฑ์การ ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
รูปแบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)

เนอ้ื หา - เขียนความคิดรวบยอดหลกั - เขียนความคดิ รวบยอด - เขียนความคิดรวบยอดหลัก - เขยี นความคดิ รวบยอดหลัก

การนำเสนอ ไวต้ รงกลาง หลักไวต้ รงกลาง ไว้ตรงกลาง ไว้ตรงกลาง

- มกี ิง่ แก้ว ก่งิ กอ้ ย และกิง่ - มีกงิ่ แกว้ กง่ิ ก้อย และก่งิ - มีกง่ิ แกว้ กิ่งกอ้ ย และก่งิ - มีกงิ่ แกว้ ขาดกิ่งก้อย แต่

ย่อยตามลำดับ ยอ่ ยตามลำดบั ยอ่ ยตามลำดับ ขาดก่งิ ยอ่ ย

- ตัวหนังสอื อยบู่ นเส้น - ตวั หนงั สอื อยบู่ นเส้น - ใช้สสี นั ทัว่ แผน่ - ใชส้ ีสนั ไมท่ ่วั แผ่น

- ใช้คำสำคญั ตรงประเด็น - ใช้คำสำคญั ตรงประเด็น

- ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพสือ่ - ใชส้ ีสันทั่วแผน่

ความหมาย

- ใชส้ สี นั ทว่ั แผน่

- เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระที่ - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระที่ - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่ - เนือ้ หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถกู ตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหัวข้อเนือ้ หาชดั เจน - ลำดับหวั ขอ้ เนื้อหาชัดเจน - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรุปได้อยา่ ง - มีการสรุปได้อยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ กว่า 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

- พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - พูดชดั เจนเสยี งดังฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง

อกั ขระ100% อักขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระต่ำกวา่ 59%

- บุคลิกภาพดีและมีความ - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม

มน่ั ใจ - ความพร้อมในการนำเสนอ

- มกี ารใชส้ ่ือประกอบการ ได้บางสว่ น

นำเสนอ

- ความพร้อมในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมคี วาม - ใช้สสี ันสวยงามหรอื เปน็ ไป
- มีความสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอยา่ ง
การตรงตอ่ - มีความคิดสร้างสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ หนึ่ง
เวลา - ความเปน็ ระเบยี บอา่ นงา่ ย
สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กวา่ สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กว่า ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่

เวลาทีก่ ำหนด เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที เวลาทก่ี ำหนด 10 นาที เวลาทกี่ ำหนด 15 นาที


ขอ้ สอบ O-NET(2564) 1 ขอ้

(เฉลยตอบขอ้ ที่ 3 ธาตุ B สามารถนำไปผลติ เปน็ สารก่งึ ตัวนำที่ใชใ้ นโทรทศั น์ได)้


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 21

ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ปฏิกิริยาเคมี หน่วยย่อยท่ี 3

เรอ่ื ง สมการเคมี เวลา 1 ช่ัวโมง

วันท่ีทำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปัญญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ชวี้ ดั

เมอื่ เกิดสารใหม่ สามารถเขยี นแทนการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีดว้ ยสมการ ว 2.1 ม.3/3 อธิบายการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี รวมถึงการจดั เรยี งตวั ใหม่

ขอ้ ความ หรือ สมการเคมี โดยสมการเคมีจะแสดงอตั ราส่วนตำ่ สดุ ของ ของอะตอมเม่อื การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและสมการ

จำนวนอนภุ าคของสารตัง้ ตน้ ทท่ี ำปฏิกิริยากนั พอดีและจำนวนอนุภาคของ ขอ้ ความ

ผลิตภณั ฑท์ เ่ี กดิ ขน้ึ

สารต้ังตน้ 1 + สารต้งั ตน้ 2 ผลิตภณั ฑ์1 + ผลติ ภณั ฑ์2

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน /ภาระงาน

- สมการเคมี - ใบงาน เรอ่ื ง สมการเคมี

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6. เคร่ืองมอื การคิด

- ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - Six Thinking hats ( White hat, Yellow hat, Blue hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7.ขั้นของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วิธวี ัดผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน เร่ือง สมการเคมี -ประเมินใบงาน เร่ือง

“บอกชอ่ื สารทม่ี ีสมบตั ิเปน็ กรด มาคนละ 1 อยา่ ง” – บทเรียนออนไลน์ เรือ่ ง สมการเคมี

Purpose : (2 นาที ) สมการเคมี

เราจะเรียนเรอื่ ง สมการเคมี เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถเขยี นสมการเคมเี พอื่ อธิบายการเรียง

ตวั ใหมข่ องอะตอมเมือ่ การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและสมการขอ้ ความได้

Work mode (50 นาที)

1. นกั เรียนศกึ ษาเรือ่ งสมการเคมี ในบทเรียนออนไลน์ (พอเพยี ง3 : การมีภมู คิ มุ้ กันทดี่ )ี

(20 นาที)

3. นักเรียนคิดอย่างมีวจิ ารณญาณเพ่อื ตอบคำถามกระตุ้นความคิด “แก๊สคารบ์ อนมอน

นอกไซด์ มสี ตู รเคมอี ยา่ งไ?/ H2SO4 ประกอบด้วยธาตุอะไรบ้าง อย่างละก่อี ะตอม ?
(คดิ 4 : คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ) (สมรรถนะที่ 2) (White hat) (5 นาท)ี

4. นักเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง สมการเคมี (20 นาท)ี

5. นักเรียนและครูรว่ มกันเฉลยใบงาน เรื่อง สมการเคมี และสรปุ บทเรยี น โดยนกั เรยี น

ตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “การที่เราระบสุ ัญลักษณ์แสดงสถานะของสารตง้ั ตน้ และ

ผลติ ภณั ฑ์ ลงในสมการเคมี มีขอ้ ดอี ยา่ งไร?/นกั เรยี นจะสรปุ หลกั ในการเขียนสมการเคมี

ได้ว่าอยา่ งไร? (Yellow hat, Blue hat) (5 นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สิ่งทีน่ ักเรียนยงั สงสยั จากการเรียนในวนั นี้? (2 นาที)

- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงานเร่อื ง สมการเคมี

ตอนที่ 1 จงเขยี นสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าเคมีใหส้ มบรู ณ์ (ข้อละ 2 คะแนน)

1. เมอ่ื นำลวดแมกนเี ซียม(Mg) ใสล่ งในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ สารละลายแมกนเี ชียม
คลอไรด์(MgCl2) และแกส๊ ไฮโดรเจน(H2)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปฏิกิรยิ าในเซลลเ์ ชื้อเพลิงไฮโดรเจน-ออกซเิ จน(H2-O2) เกิดจากการผา่ นแก๊สท้งั 2 ชนดิ เขา้ ไปทำปฏิกริ ิยากันใน
สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ทเี่ ปน็ เบส และมโี ลหะแพลตทินัม(Pt) เปน็ ตวั เรง่ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ผลิตผลทไี่ ดเ้ ปน็ นำ้ บริสทุ ธิ์
กระแสไฟฟา้ และพลงั งานความร้อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตอนท่ี 2 จงดลุ สมการเคมีต่อไปนี้ให้สมบรู ณ์ (ข้อละ 1 คะแนน)

1. …………..H2(g) + ……………..Cl2(g) ………………HCl(g)
2. …………..CaCO3(s) + ……………..CaO(s) ………………CO2(g)
3. …………..Na(s) + ……………..H2O(l)
4. …………..H2SO4(aq) + ……………..NaOH(aq) ………………NaOH(aq) + …………………H2(g)
……………..H2O(l) ………………Na2SO4(aq) +
5. …………..CH4(g) + ……………..O2(g)
6. …………..Na(s) + ……………..Cl2(g) ………………CO2(g) + ………………H2O(g)
………………NaCl(aq)


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน

ตอนท่ี 1

คำถามที่ 1

คะแนนเต็ม 2 คะแนน ไม่มีคะแนน
คำตอบอื่นๆ หรือไม่ตอบคำถาม
เขียนสมการเคมีได้ถกู ต้อง คือ
ไมม่ ีคะแนน
Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + H2(g) คำตอบอื่นๆ หรือไม่ตอบคำถาม

คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน

เขียนสมการเคมไี ด้ถกู ต้อง คอื

2H2(g) + O2(g) 2H2O(l)

ตอนที่ 2

คำถามท่ี 1

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
คำตอบอนื่ ๆ หรือไม่ตอบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คือ
ไม่มีคะแนน
…1...H2(g) + …1....Cl2(g) …2…HCl(g) คำตอบอื่นๆ หรอื ไมต่ อบคำถาม
คำถามท่ี 2
ไม่มคี ะแนน
คะแนนเตม็ 1 คะแนน คำตอบอนื่ ๆ หรอื ไม่ตอบคำถาม

ดลุ สมการเคมีไดถ้ ูกต้อง คอื

…1….CaCO3(s) + …1….CaO(s) …1…CO2(g)
คำถามที่ 3

คะแนนเต็ม 1 คะแนน

ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คือ

…2…Na(s) + …2…H2O(l) …2…NaOH(aq) +
…1…H2(g)


คำถามที่ 4

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
คำตอบอ่นื ๆ หรอื ไมต่ อบคำถาม
ดลุ สมการเคมีไดถ้ ูกต้อง คอื

..1..H2SO4(aq) + ..2..NaOH(aq) ..1..Na2SO4(aq) +
..2..H2O(l)

คำถามท่ี 5

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
คำตอบอ่นื ๆ หรือไมต่ อบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คอื

…1…CH4(g) + …2…O2(g) …1…CO2(g) +
…2…H2O(g)

คำถามที่ 6

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
คำตอบอนื่ ๆ หรือไม่ตอบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกตอ้ ง คือ

…2…Na(s) + …1…Cl2(g) …2…NaCl(aq)

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

9-10 ดมี าก หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

7-8 ดี

5-6 พอใช้

0-4 ปรับปรุง


ขอ้ สอบ O-NET (2561) 1 ขอ้

(เฉลยตอบข้อท่ี 4 )


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 22

ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ปฏกิ ิริยาเคมี หน่วยยอ่ ยท่ี 3
เรอ่ื ง กฎทรงมวล เวลา 2 ชั่วโมง

วนั ท่ีทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผสู้ อน นายสเุ วช สืบปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ชี้วัด

กฎทรงมวล มีใจความว่า มวลของสารกอ่ นทำปฏิกริ ิยาเทา่ กบั มวลของ ว 2.1 ม.3/4 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์

สารหลังทำปฏกิ ิรยิ า ซึ่งการเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้นเก่ียวขอ้ งกับ 2 สว่ น คือ

ระบบและสงิ่ แวดลอ้ ม โดยระบบ หมายถงึ สงิ่ ต่างๆ ท่ีอยูใ่ นขอบเขตที่เรา

สนใจและต้องการศกึ ษา แบ่งเปน็ ระบบปิด และ ระบบเปิด สว่ น

ส่ิงแวดลอ้ ม หมายถงึ สงิ่ ตา่ งๆทอี่ ย่นู อกเหนอื ขอบเขตท่เี ราสนใจและศกึ ษา

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้ินงาน /ภาระงาน

- กฎทรงมวล - ใบงาน KWL เรื่อง กฎทรงมวล

- ใบงาน เร่ือง กฎทรงมวล

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 6. เครื่องมือการคดิ

- ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - KWL

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขน้ั ของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน KWL เร่ืองกฎทรง - ประเมนิ ใบงาน KWL

“ยกตัวอยา่ งจำนวนท่หี ารด้วย 3 ลงตวั มาคนละ 1 จำนวน” มวล เร่อื ง กฎทรงมวล

Purpose : (2 นาที )

เราจะเรยี น เรอ่ื ง กฎทรงมวล เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถอธิบายระบบและกฎทรงมวลได้ - ใบงาน เรือ่ ง กฎทรงมวล - ประเมินใบงาน เรื่อง

Work mode (110 นาที) กฎทรงมวล

1. นักเรยี นตอบคำถาม “นกั เรยี นรู้อะไร เกยี่ วกบั กฎทรงมวล? โดยบนั ทึกความรลู้ งในใบ - - บทเรียนออนไลน์ เรือ่ ง

งาน KWLบนั ทกึ ลงในช่อง K (Know) (KWL : K) /นกั เรยี นตอ้ งการเรยี นรู้อะไรบ้าง กฏทรงมวล

เก่ียวกับเร่ืองระบบและกฎทรงมวล โดยบนั ทกึ ความรลู้ งในใบงาน KWL บันทึกลงในช่อง

W (Want) (KWL : W) (5 นาท)ี

2.นักเรยี นศกึ ษาเรื่องระบบและกฎทรงมวล เร่ือง กฎทรงมวล ในบทเรียนออนไลน์

(พอเพียง3 : การมีภมู ิค้มุ กันทีด่ )ี (25นาท)ี

4. นักเรียนฟังครูอธิบายตวั อย่างการใชก้ ฎทรงมวล โดยครเู ขยี นตัวอยา่ งโจทยค์ ำนวณบน

กระดานประกอบการอธบิ าย (สมรรถนะท่ี 3) (15 นาที)

5. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “ระบบ และ สิ่งแวดล้อม คอื อะไร?/ระบบเปิด

และ ระบบปดิ มีความเหมอื นหรอื แตกต่างกัน อยา่ งไรบา้ ง? (คดิ 2: คิดเปรยี บเทียบ)

(10 นาที)

6. นกั เรียนทำใบงาน เร่ือง กฎทรงมวล (25 นาท)ี
7. นกั เรียนและครรู ว่ มกันเฉลยใบงาน เรอื่ ง กฎทรงมวล (15 นาที)


8. นักเรยี นตอบคำถาม “จากบทเรยี น นักเรยี นไดเ้ รยี นรูอ้ ะไรบ้างเกย่ี วกับเรือ่ ง การ
ถ่ายทอดพลงั งาน? โดยบนั ทึกความรู้ลงในใบงาน KWL บนั ทกึ ลงในชอ่ ง L (Learn)
(KWL : L) (5 นาท)ี
9. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ องค์ความร้จู ากบทเรยี น โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

“กฎทรงมวล มใี จความวา่ อยา่ งไร?/สาร A 25 กรมั ทำปฏกิ ิริยาพอดกี บั สาร B 15 กรมั

พบวา่ ได้สาร C และ D อย่างละ 20 กรัม ปฏิกิริยาดงั กลา่ วเปน็ ไปตามกฎทรงมวลหรอื ไม่

อย่างไร?(10นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 ส่ิงทน่ี กั เรียนยังสงสยั จากการเรียนในวนั นี้? (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงานตารางบันทกึ ความรู้ KWL

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนบนั ทึกความรทู้ ไี่ ดล้ งในตารางต่อไปนี้ พรอ้ มท้ังเขียนสรปุ ความลงในบรรทัดทว่ี า่ งไว้ขา้ งลา่ งของแบบบนั ทึก

K : Know W : Want L : Learn
(นกั เรียนรอู้ ะไร) (นักเรียนตอ้ งการรู้อะไร) (นกั เรยี นได้เรยี นรู้อะไร)

สรุป : ............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................... ........................................................ ............................
............................................................................................................................. ....................................................


ใบงานเรื่อง กฎทรงมวล

คำชแ้ี จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ต้อง

1. ระบบปดิ แตกตา่ งจากระบบเปดิ ในเรือ่ งของการปดิ ภาชนะใช่หรือไม่ อยา่ งไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
..................................................................................................................................................................................... ...................
................................................................................................................ ............................

2. การทดสอบปฏกิ ิริยาระหว่างกรดกบั เบส สง่ิ ใด คือ ระบบและสง่ิ แวดล้อม ตามลำดับ (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...............

3. “สาร A 25 กรัม ทำปฏิกิริยาพอดีกับสาร B 15 กรัม พบวา่ ไดส้ าร C และ D อยา่ งละ 20 กรัม” จากข้อความดังกลา่ ว
เป็นไปตามกฎทรงมวลหรอื ไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................................

4. การทดลองเผาสารชนิดหน่ึงทห่ี นกั 100 กรมั เกดิ สารใหม่ 45 กรัม และมีแกส๊ เกดิ ข้ึน ถา้ การเผาชนดิ น้ีทำในภาชนะปดิ
และเป็นไปตามกฎทรงมวล จะมแี ก๊สเกดิ ขึ้นกก่ี รัม (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
...................................................................................................................................................................... ..................................
................................................................................................. ...........................................

5. นำสาร ก ใสล่ งในสารละลายของสาร ข 30 กรัม เกิดสาร ค 25 กรัม และตรวจพบสาร ข ปริมาณคร่ึงหน่ึงของตอน
เร่ิมตน้ รวมออกมาดว้ ย สาร ก และ ข ที่ทำปฏกิ ริ ิยากนั เป็นก่กี รมั (2 คะแนน)
...................................................................................................................................................... ..................................................
................................................................................. .......................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............


เฉลยและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คำถามท่ี 1

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน

ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ ง คือ แตกตา่ ง โดยระบบปดิ ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งบางสว่ น คือ แตกต่าง โดย ตอบไม่ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม
เปน็ ระบบทไี่ มม่ กี ารถ่ายเทมวลของสารระหวา่ ง
ระบบกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ซึ่งสามารถเปิดหรือปดิ ระบบปิด เป็นระบบทไี่ ม่มกี ารถ่ายเทมวลของสาร
ภาชนะก็ได้ แตร่ ะบบเปดิ เปน็ ระบบทีม่ กี ารถ่ายเท
มวลสารระหว่างระบบกับสง่ิ แวดลอ้ ม จะเกิดขน้ึ ระหวา่ งระบบกบั สิง่ แวดลอ้ ม แตร่ ะบบเปดิ เป็น
เมอื่ เปิดฝาภาชนะเทา่ น้ัน
ระบบทม่ี ีการถ่ายเทมวลสารระหวา่ งระบบกับ

สิ่งแวดลอ้ ม โดยไมไ่ ด้อธิบายเกีย่ วกบั ประเดน็ ของ

การปดิ ฝาภาชนะ

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้องทง้ั 2 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ระบบ คอื สง่ิ ทเ่ี กิดขน้ึ ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ งเพยี ง 1 ประเด็น ตอบไม่ถกู ต้อง หรือไม่ตอบ
จากปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งกรดกับเบส สว่ นสิ่งแวดล้อม คือ อปุ กรณท์ ่ใี ช้ใน คำถาม
การทดลอง

คำถามที่ 3

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบคำถามไดถ้ กู ตอ้ งทัง้ 2 ประเดน็ คือ เปน็ ไปตามกฎทรงมวล และ ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องบางส่วน คอื เปน็ ไป ตอบไม่ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่
อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ คอื เนอื่ งจากมวลของสารก่อนทำปฏกิ ริ ยิ า ตามกฎทรงมวล แตไ่ ม่ไดอ้ ธบิ ายเหตผุ ล ตอบคำถาม
ระหว่างสาร A กับ สาร B มีค่าเทา่ กบั ประกอบ
25 + 15 = 40 กรัม และมวลของสารหลงั ทำปฏกิ ิรยิ า คอื มวลของ
สาร C และ D มีค่าเทา่ กับ 20 + 20 = 40 กรัม ซง่ึ มคี า่ เท่ากนั

คำถามท่ี 4 ไม่มคี ะแนน
ตอบไมถ่ กู ต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม
คะแนนเตม็ 2 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ ง คอื มแี กส๊ เกิดข้ึน 55 กรัม


คำถามที่ 5 ไม่มีคะแนน
ตอบไม่ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ตอบคำถาม
คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ กู ตอ้ ง คือ สาร A มคี ่า 10 กรมั

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

9-10 ดมี าก

7-8 ดี

5-6 พอใช้

0-4 ปรับปรุง


แบบประเมินใบงาน KWL

คำชแี้ จง : ให้ผูส้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนดตามตาราง
แนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

ลำดับ ชื่อ-สกลุ การแสดงความ เนื้อหา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงตอ่ เวลา รวม สรปุ ผลการ
ที่ ของผรู้ บั การประเมิน คดิ เหน็ ( 4 คะแนน ( 4 คะแนน ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/

( 4 คะแนน ) ) ) ไมผ่ ่าน

ลงชือ่ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรุง

นักเรียนได้ระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน KWL

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
การแสดง 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
ความ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง k ได้
คดิ เหน็ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง k - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง k - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง k
นอ้ ยกวา่ 7 ขอ้
ได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป ได้ 9-10 ขอ้ ได้ 7-8 ข้อ - แสดงความคิดเห็นในช่อง w ได้

- แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง wได้ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง - แสดงความคดิ เห็นในช่อง น้อยกว่า 7 ขอ้
- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง l ได้
10 ข้อข้นึ ไป w ได้ 9-10 ขอ้ w ได้ 7-8 ข้อ
นอ้ ยกว่า 7 ข้อ
- แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง l ได้ - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง l - แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง l

10 ขอ้ ขนึ้ ไป ได้ 9-10 ข้อ ได้ 7-8 ข้อ

เนือ้ หา - เน้ือหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เน้อื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนื้อหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี
กำหนด 100%
การ กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกว่า 59%
นำเสนอ - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา
100% - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษาต่ำ
ความ
สวยงาม - ลำดบั หวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน 80-99% 60-79% กวา่ 59%
- มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง
- ลำดบั หวั ข้อเน้ือหาชดั เจน - มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผลตำ่
สมเหตสุ มผล 100%
- พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% กว่า 59%
- ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม
สมเหตุสมผล 80-99%
อักขระ100%
- บุคลกิ ภาพดแี ละมีความมน่ั ใจ - พดู ชัดเจนเสยี งดังฟังชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
- มกี ารใช้ส่ือประกอบการ
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม
นำเสนอ
- ความพร้อมในการนำเสนอ อักขระ80-99% อักขระ60-79% อกั ขระต่ำว่า 59%
- ใชส้ ีสนั สวยงาม
- มีความสะอาด - บุคลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- มีความคดิ สร้างสรรค์
- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ได้บางสว่ น

- ใชส้ สี นั สวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมคี วาม - ใช้สสี ันสวยงามหรอื เปน็ ไปตาม
- มีความสะอาด สะอาด เกณฑ์อย่างใดอย่างหนงึ่
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ

ขอ้ ใดกล่าวถึง "กฎทรงมวล" ไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสดุ

ก. สารต้งั ต้นกอ่ นเกดิ ปฏกิ ิรยิ ามากกวา่ สารผลติ ภณั ฑห์ ลงั เกิดปฏกิ ริ ยิ า
ข. สารตงั้ ตน้ ก่อนเกดิ ปฏกิ ิรยิ านอ้ ยกวา่ สารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกิดปฏกิ ริ ิยา
ค. สารตั้งต้นก่อนเกดิ ปฏกิ ิริยาเทา่ กับสารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกดิ ปฏิกริ ิยา
ง. ถูกทกุ ขอ้

(เฉลย ค.สารต้ังต้นกอ่ นเกดิ ปฏิกิรยิ าเทา่ กบั สารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกดิ ปฏกิ ริ ยิ า)


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 23

ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ปฏิกิริยาเคมี หน่วยย่อยท่ี 3

เรอื่ ง พลังงานกบั ปฏิกริ ิยาเคมี เวลา 1 ช่วั โมง

วนั ท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปัญญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ชีว้ ดั

การเปลีย่ นแปลงพลังงานระหวา่ งระบบกับส่ิงแวดลอ้ ม สามารถแบ่งได้ 2 ว 2.1 ม.3/5 วิเคราะหป์ ฏกิ ริ ยิ าดดู ความร้อน และปฏกิ ริ ยิ าคายความ

ประเภท คอื การเปลีย่ นแปลงประเภทคายความร้อน ซงึ่ ทำใหร้ ะบบมี ร้อน จากการเปล่ยี นแปลงพลังงานความรอ้ นของปฏกิ ริ ยิ า

อณุ หภูมสิ ูงกวา่ สงิ่ แวดลอ้ ม ส่วนเปล่ียนแปลงประเภทดูดความรอ้ น จะทำ

ใหร้ ะบบมีอณุ หภมู ิต่ำกวา่ สงิ่ แวดลอ้ ม

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชิน้ งาน /ภาระงาน

- พลงั งานกบั ปฏิกิรยิ าเคมี - ใบงาน Compare & contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 6. เครอ่ื งมอื การคดิ

- ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปญั หา - Compare & contrast

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ข้นั ของกจิ กรรม 8.ส่อื 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน Compare & - ประเมนิ ใบงาน

“ยกตัวอย่างพลังงานท่นี กั เรียนรจู้ กั มาคนละ 1 อย่าง” contrast เรื่อง พลังงาน Compare & contrast

Purpose : (2 นาที ) กับปฏิกิรยิ าเคมี เร่ือง พลงั งานกับ

เราจะเรียนเรื่องพลงั งานกับปฏิกริ ยิ าเคมี เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถวิเคราะหป์ ฏิกิริยาดดู – บทเรียนออนไลนเ์ รอ่ื ง ปฏิกริ ยิ าเคมี

ความรอ้ น และปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ นได้ พลงั งานกับปฏกิ ิรยิ าเคมี

Work mode (50 นาท)ี

1. นกั เรยี นศึกษาเร่ืองพลงั งานกบั ปฏิกิริยาเคมี ในบทเรยี นออนไลน์ ซ่ึงหากนกั เรียนคนใด

สงสยั สามารถสอบถามเพือ่ ใหค้ รอู ธิบายเพิ่มเตมิ (พอเพียง3 : การมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี )ี

(20 นาท)ี

3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ “การเปลย่ี นแปลงพลังงานระหว่างระบบกบั

สง่ิ แวดล้อม แบ่งไดก้ ป่ี ระเภท อะไรบา้ ง?/การเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน มีการ

เปลี่ยนแปลงพลงั งาน อยา่ งไร? (5 นาท)ี

4. นักเรียนทำใบงาน Compare & contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏิกิริยาเคมี เพือ่

เปรยี บเทยี บความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการเปล่ยี นแปลงประเภทคายความ

ร้อน และการเปล่ยี นแปลงประเภทดดู ความรอ้ น (คิด 2: คดิ เปรยี บเทยี บ) (สมรรถนะที่ 2)

(Compare & contrast) (20 นาที)

5. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ บทเรียน โดยนกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด “การ

เปล่ยี นแปลงประเภทคายความรอ้ น คืออะไร?/การเปลย่ี นแปลงประเภทคายความร้อน

แตกต่างจากการเปลยี่ นเปลยี่ นประเภทดดู ความร้อน อยา่ งไร? (5 นาที)


Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สงิ่ ท่นี กั เรียนทำได้ดี จากการเรยี นในวนั นี?้ (2 นาท)ี
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงาน Compare & Contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏิกริ ิยาเคมี

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบควำมเหมือนและควำมแตกต่ำง ของกำรเปลี่ยนแปลงประเภทคำยควำมร้อน
และกำรเปลี่ยนแปลงประเภทดูดควำมร้อน

การเปลย่ี นแปลงประเภทคายความร้อน การเปลีย่ นแปลงประเภทดดู ความร้อน

สว่ นทต่ี ่าง ส่วนทเี่ หมือน สว่ นทต่ี ่าง

สรุป :

………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version