The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by scicrpaoschool, 2022-12-20 23:07:59

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 29

ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ปฏิกิริยาเคมี หนว่ ยย่อยท่ี 1

เรอ่ื ง ประโยชน์และผลกระทบจากปฏิกิริยาเคมี เวลา 1 ชัว่ โมง

วันท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผ้สู อน นายสเุ วช สบื ปญั ญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ช้วี ดั

ปฏกิ ริ ิยาเคมี มบี ทบาทตอ่ ชวี ติ ประจำวนั ของมนษุ ยใ์ นดา้ นต่างๆ เช่น ใช้ ว 2.1 ม.3/7 ระบปุ ระโยชนแ์ ละโทษของปฏกิ ริ ยิ าเคมที มี่ ตี อ่ ส่ิงมชี วี ติ

เป็นส่วนประกอบของสารปรุงแต่งอาหาร ยารักษาโรค เคร่ืองสำอาง วัสดุ และสง่ิ แวดล้อม และยกตวั อยา่ งวธิ กี ารป้องกนั และแกป้ ญั หาทเ่ี กิดจาก

อปุ กรณ์ต่างๆ แตบ่ างครัง้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีอาจกอ่ ใหเ้ กดิ โทษไดเ้ ช่นกนั ดังน้นั ปฏิกิรยิ าเคมีทพี่ บในชวี ติ ประจำวนั จากการสืบค้นข้อมลู

จงึ ควรศึกษาประโยชน์และผลกระทบทเ่ี กิดจากปฏกิ ริ ยิ าเคมี เพอื่ ป้องกัน

อนั ตรายและนำไปใช้ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน /ภาระงาน

- ประโยชน์และผลกระทบจากปฏกิ ริ ิยาเคมี - ใบงาน PMI เรอ่ื ง ประโยชน์และโทษของปฏิกริ ิยาเคมี

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6. เครื่องมือการคดิ

- ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต - PMI

กิจกรรมการเรยี นรู้

7.ขั้นของกจิ กรรม 8.สอ่ื 9.วิธีวดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน PMI เร่อื ง - ประเมนิ ใบงาน PMI

“ยกตัวปฏิกิรยิ าเคมี ท่นี ักเรยี นรจู้ กั มาคนละ 1 ชนดิ ประโยชนแ์ ละโทษของ เรอื่ ง ประโยชนแ์ ละโทษ

Purpose : (2 นาที ) ปฏิกริ ยิ าเคมี ของปฏิกริ ิยาเคมี

เราจะเรียนเร่ืองประโยชนแ์ ละผลกระทบจากปฏิกริ ิยาเคมี เพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถระบุ – บทเรยี นออนไลน์ เรอื่ ง

ประโยชน์และโทษของปฏิกิรยิ าเคมีทม่ี ีตอ่ ส่งิ มีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม และยกตัวอย่างวิธกี าร ประโยชน์และโทษของ

ป้องกนั และแก้ปญั หาทีเ่ กดิ จากปฏิกิริยาเคมีทพ่ี บในชีวิตประจำวันจากการสืบคน้ ขอ้ มูลได้ ปฏกิ ิริยาเคมี

Work mode (50 นาท)ี

1. . นกั เรยี นศกึ ษาเร่ืองประโยชนแ์ ละผลกระทบจากปฏกิ ริ ิยาเคมี ในบทเรียนออนไลน์ ซึ่ง

หากนักเรยี นคนใดสงสยั สามารถสอบถามเพื่อใหค้ รอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ (คิด4: คดิ อย่างมี

วจิ ารณญาณ) (สมรรถนะที่ 6) (พอเพยี ง3 : การมภี ูมิคมุ้ กนั ทด่ี )ี (15 นาท)ี

2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ฝนกรด ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง? (5 นาท)ี

3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหป์ ระโยชน(์ P) โทษ(M) และวธิ กี ารป้องกันแก้ไข(I)

เก่ียวกับปฏกิ ริ ยิ าเคมี โดยบนั ทึกลงในใบงาน PMI เรอ่ื ง ประโยชน์และโทษของปฏกิ ริ ยิ า

เคมี โดยสืบค้นความรู้เพม่ิ เตมิ จากอินเตอรเ์ น็ต (คิด 1: คิดวเิ คระห)์ (สมรรถนะท่ี 2)

( PMI ) (25 นาท)ี

5. นักเรียนและครสู รปุ บทเรยี น เรอื่ งประโยชน์และผลกระทบจากปฏกิ ิริยาเคมี (5 นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สง่ิ ที่นักเรยี นสามารถนำไปปรบั ใช้ จากการเรียนในวนั น?้ี (2 นาที)

- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาท)ี


ใบงาน PMI เรื่อง ประโยชนแ์ ละโทษของปฏิกริ ิยาเคมี

คำคำชีแ้ จง ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ระดมความคิด โดยระบุประโยชน์ของปฏิกิริยาเคมี ลงในชอ่ ง (P) โทษของ
ปฏิกิรยิ าเคมีลงในช่อง(M) และแนวทางป้องกัน/แก้ไขในการใชป้ ฏกิ ริ ิยาเคมี ลงในช่อง (I)

ประโยชน์ ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมี
(P) โทษ แนวทางป้องกัน/แก้ไข
(M) (I)

สรุป


แบบประเมนิ ใบงาน PMI

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน PMI

ลำดับ ชอื่ -สกลุ การแสดงความ เนอ้ื หา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการ
ท่ี ของผู้รบั การประเมนิ คิดเหน็ 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน )
( 4 คะแนน ) ไม่ผ่าน

ลงชือ่ ....................................................ผูป้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรุง

นกั เรียนได้ระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ขนึ้ ไปถือวา่ ผา่


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
ความคิดเห็น - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง P - แสดงความคดิ เห็นในช่อง P
- แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง P - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง P
ได้ 10 ขอ้ ข้นึ ไป ได้ น้อยกว่า 7 ข้อ
- แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง ได้ 9-10 ข้อ ได้ 7-8 ขอ้ - แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง M

Mได้ 10 ข้อข้นึ ไป - แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง ได้ น้อยกวา่ 7 ขอ้
- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง I - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง I
M ได้ 9-10 ขอ้ M ได้ 7-8 ข้อ
ได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป ได้ น้อยกว่า 7 ข้อ
- แสดงความคิดเห็นในช่อง I - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง I

ได้ 9-10 ข้อ ได้ 7-8 ข้อ

เน้อื หา - เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระที่ - เนือ้ หาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เน้อื หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี - เนือ้ หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี
กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ กวา่ 59%
การนำเสนอ
- เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา
ความสวยงาม 100% 80-99% 60-79% ตำ่ กว่า 59%
การตรงต่อ
- ลำดับหวั ขอ้ เน้อื หาชดั เจน - ลำดับหวั ข้อเน้ือหาชดั เจน - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผลตำ่
เวลา - มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปได้อยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% กว่า 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99% - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม
- ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม
อักขระ60-79% อกั ขระต่ำว่า 59%
อักขระ100% อักขระ80-99% - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม
- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมีความ - บคุ ลิกภาพดี
- ความพรอ้ มในการนำเสนอ - ใช้สสี ันสวยงามและมคี วาม - ใช้สีสันสวยงามหรอื เป็นไป
มนั่ ใจ สะอาด ตามเกณฑ์อย่างใดอยา่ งหนง่ึ
- มกี ารใชส้ อื่ ประกอบการ ไดบ้ างสว่ น
ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้ากว่า ส่งผลงานครบถว้ น แต่ช้ากวา่
นำเสนอ - ใช้สีสนั สวยงาม เวลาทีก่ ำหนด 10 นาที เวลาทก่ี ำหนด 15 นาที
- ความพร้อมในการนำเสนอ - มีความสะอาด
- ใชส้ สี ันสวยงาม - มีความคดิ สรา้ งสรรค์
- มคี วามสะอาด
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย เวลาทกี่ ำหนด 5 นาที
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม

เวลาท่ีกำหนด


ขอ้ สอบ O-NET (2561) 1 ขอ้
(เฉลยตอบข้อท่ี 3 บริเวณทม่ี ีการจราจรคบั ค่งั )


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 30

ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ปฏิกริ ิยาเคมี หนว่ ยย่อยที่ 1

เรื่อง การใชส้ ารเคมอี ยา่ งถูกตอ้ งและปลอดภยั เวลา 2 ชวั่ โมง

วนั ที่ทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สบื ปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ช้ีวัด

ทุกครงั้ ทม่ี ีการนำสารเคมมี าใช้ประโยชน์ ต้องตระหนักถึงผลกระทบท่ี ว 2.1 ม.3/8 ออกแบบวิธแี กป้ ญั หาในชวี ติ ประจำวันโดยใช้ความรู้

ตามมาเสมอ หากเราใช้ผดิ วธิ ีหรอื ใช้ในปรมิ าณที่มากเกินไปและจดั เกบ็ ไม่ เกีย่ วกับปฏิกริ ยิ าเคมี โดยบรู ณาการวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์

เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอนั ตรายต่อส่ิงมชี วี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม ดงั นนั้ จึงควร เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์

มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับสารเคมี

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- การใช้สารเคมอี ย่างถูกตอ้ งและปลอดภัย - ใบงาน Cause & effect เร่ือง จะเป็นอย่างไรหากในอนาคต มี

การใชส้ ารเคมีในทางเกษตรมากขนึ้

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง อันตรายจากสารตอ้ งหา้ มใน

เคร่ืองสำอาง

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 6. เครอ่ื งมือการคิด

- ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต - Cause & effect

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ข้ันของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วธิ ีวดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน Cause & effect - ประเมนิ Cause

“ยกตวั อย่างสารเคมี ที่ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั มาคนละ 1 ชนิด เรอื่ ง จะเป็นอยา่ งไรหากใน & effect เรือ่ ง จะ

Purpose : (2 นาที ) อนาคต มกี ารใช้สารเคมี เป็นอยา่ งไรหากใน

เราจะเรยี นเร่อื งการใชส้ ารเคมอี ยา่ งถกู ต้องและปลอดภยั เพ่อื ใหน้ กั เรยี นสามารถ ในทางเกษตรมากข้ึน อนาคต มกี ารใช้

ออกแบบวิธีแกป้ ัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรเู้ กี่ยวกับปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยบูรณาการ - ใบงานตามแนวทาง PISA สารเคมีในทาง

วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์ได้ เรื่อง อนั ตรายจากสาร เกษตรมากขึ้น

Work mode (110 นาที) ตอ้ งห้ามในเครอ่ื งสำอาง - ประเมินใบงาน

1. นักเรียนศกึ ษาเรอื่ งการใช้สารเคมอี ย่างถกู ตอ้ งและปลอดภยั ในบทเรียนออนไลน์ ซึ่ง - บทเรยี นออนไลน์ เรือ่ ง ตามแนวทาง PISA

หากนกั เรียนคนใดสงสยั สามารถสอบถามเพอื่ ให้ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ (พอเพียง3 : การมี การใชส้ ารเคมอี ยา่ งถูกตอ้ ง เรือ่ ง อันตรายจาก

ภูมิคมุ้ กนั ท่ดี ี) (30 นาท)ี และปลอดภยั สารตอ้ งหา้ มใน

3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “หากน้ำยาลา้ งหอ้ งนำ้ กระเดน็ ใสผ่ วิ หนงั เครอื่ งสำอาง

นกั เรยี นจะมีวธิ ปี ฏิบตั ติ นอยา่ งไร?/นกั เรียนจะมวี ธิ ีในการใชส้ เปรย์ฉดี ผม อยา่ งปลอดภัย

อยา่ งไร? (5 นาท)ี

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันระดมความคดิ เพือ่ วเิ คราะหถ์ ึงผลกระทบจากการใชส้ ารเคมี

ในชีวติ ประจำวนั โดยลงในใบงาน Cause & effect เร่ือง จะเปน็ อยา่ งไรหากอนาคต มี

การใชส้ ารเคมใี นทางเกษตรมากขนึ้ โดยสืบคน้ ความรเู้ พิ่มเติมจากอนิ เตอร์เนต็ (คดิ 1: คิด

วิเคราะห์) (สมรรถนะที่ 4) (25 นาท)ี

5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานจากใบงาน Cause & effect เร่อื ง จะเปน็

อยา่ งไรหากมกี ารใช้สารเคมใี นทางเกษตรมากข้นึ ท่ีหน้าชน้ั เรยี นกลมุ่ ละ 3 นาที (15 นาท)ี

6. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด “สารเคมจี ากการเกษตร เช่น ดีดที ี สง่ ผล

กระทบอยา่ งไรบา้ ง? (5 นาท)ี

7. นกั เรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง อนั ตรายจากสารตอ้ งห้ามในเคร่ืองสำอาง

(20 นาที)


8. นกั เรยี นและครูรว่ มกันเฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง อนั ตรายจากสารตอ้ งหา้ ม
ในเครอื่ งสำอาง และสรปุ บทเรยี น โดยนักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด “หากมคี น
เผลอกลนื ยาฆ่าแมลงเข้าไป นักเรยี นจะมีวิธใี นการชว่ ยเหลอื อย่างไร?/เพราะเหตุใด จงึ ไม่
ควรทิ้งสารเคมรี ว่ มกับขยะประเภทอน่ื และมีวธิ ีในการกำจัดขยะประเภทสารเคมี อยา่ ง
ถกู ต้องอย่างไร? (10 นาท)ี
Reflective thinking (5 นาท)ี
- ประโยชน์ 1 ขอ้ ท่ไี ด้รบั จากการเรียนในวันนี้? (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงาน Cause & Effect

เรอื่ ง จะเปน็ อยา่ งไรหากในอนาคต มีการใช้สารเคมีในทางเกษตรมากขนึ้

Cause (เหต)ุ : เรื่อง จะเป็นอยา่ งไรหากในอนาคต
มีการใชส้ ารเคมใี นทางเกษตรมากข้ึน

Effect (ผลตอ่ มนุษย์) Effect (ผลตอ่ พืชและสัตว์) Effect (ผลตอ่ สงิ่ แวดล้อม)

สรุป


สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
ว2.1 ม.3/8 ออกแบบวิธแี ก้ปญั หาในชีวิตประจำวันโดยใช้ความรเู้ กยี่ วกับปฏิกิริยาเคมี โดยบูรณาการวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี
และวิศวกรรมศาสตร์

อันตรายจากสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง
ความขาวใสไร้ริ้วรอยของใบหน้านัน้ จดั เป็นสงิ่ ทีท่ กุ คนตอ้ งการ ไมว่ า่ จะเปน็ เพศหญงิ หรอื ชาย ไมว่ ่าจะอย่ใู นช่วง

อายไุ หน อีกทง้ั เนื่องด้วยเมอื งไทยของเราเป็นเมอื งทม่ี อี ากาศรอ้ นและแสงแดดทแี่ ผดเผาไมป่ ราณผี วิ พรรณทำให้คนไทย
ส่วนใหญ่นอกจากจะมสี ผี วิ ท่ีคลำ้ แล้วยงั ประสบปญั หาผิวต่างๆ เช่น ฝา้ กระ และจดุ ดา่ งดำ อันเป็นเหตใุ หต้ อ้ งรีบแก้ไข
และทำ
การรักษาโดยเฉพาะในกลมุ่ ของผู้หญิงอยา่ งเราๆ จดุ ด่างพร้อยบนใบหน้าถอื เป็นสิ่งทต่ี อ้ งกำจัดออกไปโดยเร็ว

ปัจจบุ นั มผี ผู้ ลติ เครอ่ื งสำอางที่ทำให้ผิวขาวออกวางจำหนา่ ยในท้องตลาดมากมาย ซึง่ เรารู้จักกนั ในนาม ครมี หน้า
ขาว (Whitening Products) ครมี หนา้ ขาวนจี้ ัดเป็นผลติ ภัณฑ์ยอดฮติ ในบรรดาสภุ าพสตรี เพราะเหน็ ผลเรว็ ผวิ ขาวเนียนใสจริง แตภ่ ายในระยะเวลาอนั
สั้น ความขาวใสน้ี จะถูกแทนทีด่ ว้ ยอาการขา้ งเคียง คอื รอยไหมด้ ำที่คอ่ ยๆแผว่ งกวา้ ง รอยแดง ผนื่ แพ้ หนา้ บาง ติดเชือ้ ง่าย ซง่ึ ใช้เวลาในการรกั ษา
นานและในบางรายอาจเปน็ ถาวร เมอ่ื ผบู้ รโิ ภคถกู เอาเปรยี บและไดร้ บั ผลกระทบจากผลติ ภณั ฑท์ ่ไี ม่มีคณุ ภาพ อย.จึงเขา้ มามบี ทบาทในการสบื สวน
หาสาเหตุ และไดป้ ระกาศ รายช่ือสารต้องห้ามใชเ้ ป็นส่วนประกอบในเครือ่ งสำอาง อนั ไดแ้ ก่ สารปรอท สารไฮโดรควโิ นน สเตยี รอยด์ และกรดเรติ
โนอกิ เปน็ ตน้

จากการสุ่มตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑ์ครมี หน้าขาว-หนา้ ใส เพือ่ ตรวจสอบคุณภาพจากหลายหนว่ ยงานพบว่า จำนวนถึงร้อยละ 20 ของ
ผลิตภณั ฑเ์ หล่านท้ี ี่มสี ารปรอทในปริมาณสงู ปนอยใู่ นระดบั หลายพนั ถงึ หลายหมนื่ ส่วนในล้านสว่ น ปรอทถกู กำหนดเปน็ สารหา้ มใช้ ตามประกาศ
กระทรวงสาธารณสขุ เรื่อง กำหนดวตั ถุทีห่ า้ มใชเ้ ปน็ สว่ นผสม ใน การผลติ เครือ่ งสำอาง ลำดับท่ี 221 ตามท่ปี รากฏในราชกิจจานุเบกษา เลม่ 125
ตอน พเิ ศษ 80 ง ลงวนั ที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดช่อื สารหา้ มใช้ คอื “ปรอท และสารประกอบของปรอท”

กลไกการออกฤทธใิ์ ห้ผิวหน้าขาว สารปรอทท่ใี ชอ้ ย่ใู นรปู ของไดวาเลนซแ์ คทไอออน
[mercuric (II) ion, Hg2+] จะยบั ยง้ั การทำงานของเอนไซมไ์ ทโรซเิ นส (Tyrosinase) ทำให้มกี าร
สร้าง
เมด็ สีเมลานนิ (Melanin) ลดลง จงึ ชว่ ยให้สผี ิวขาวขน้ึ นอกจากนี้ปรอทยงั มี ฤทธฆิ์ า่ เชอ้ื
แบคทเี รยี ชนดิ staphylococcus จึงป้องกันสวิ ได้ด้วย
ผลขา้ งเคยี งจากการใช้ สารประกอบของปรอททำให้เกดิ การแพ้ ผน่ื แดง ผวิ หน้าดำ เกิดฝ้าถาวร ผิวบางลง และเม่ือใชต้ ิดต่อกัน เปน็
เวลานานจะทำใหเ้ กดิ พษิ สะสมของสารปรอทในผิวหนงั และดดู ซมึ เขา้ สู่กระแส โลหติ ทำให้ตับและไตอักเสบ เกดิ โรคโลหติ จาง ทางเดนิ ปัสสาวะ
อกั เสบ อกี ท้ังในสตรมี ีครรภ์ปรอทจะดูดซมึ เข้าสรู่ ่างกาย และไปสู่ทารก ทำใหเ้ ด็กมสี มองพกิ ารและปัญญาออ่ น
วธิ ีปฎบิ ตั เิ มื่อเกดิ ผลขา้ งเคยี ง หลงั ใชห้ ากมอี าการคนั หรอื อักเสบให้หยุดการใชแ้ ละไปพบแพทย/์ ไปโรงพยาบาล เพอ่ื ประเมินแนว
ทางการรกั ษา

ท่มี า : https://med.mahidol.ac.th/ramapharmacy/th/knowledge/general/04072016-2055-th


คำถามท่ี 1 (1 คะแนน)
สัญลกั ษณใ์ ด ท่ีทำให้เราเช่ือถือไดว้ า่ มผี ลติ ภัณฑเ์ ครอ่ื งสำอางนน้ั มคี วามปลอดภัย

1. 2.

3. 4.

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)
จากถ้อยความ สารปรอท ท่ีใช้ในเคร่อื งสำอาง มีกลไกในการออกฤทธใ์ิ ห้ผวิ หนา้ ขาวอย่างไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามที่ 3
จากข้อมลู ขอ้ ความต่อไปน้ี เป็นความจริง หรือ ไมเ่ ป็นความจรงิ (2 คะแนน)

ข้อความทีเ่ ป็นความจริง ให้ทำเคร่ืองหมาย X ในช่อง “ใช”่
ข้อความที่ไม่เปน็ ความจรงิ ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่”

ขอ้ ความ ใช่ ไม่ใช่
1) ผ่ืนแพ้ หนา้ บาง ตดิ เชอื้ ง่าย เปน็ ตวั อย่างหนึง่ ของผลขา้ งเคยี ง ของผู้ท่ใี ช้เคร่ืองสำอาง
ที่มีปรอทหรือสารประกอบของปรอทเปน็ สว่ นประกอบ
2) ปรอท มีฤทธฆ์ิ า่ เช้ือแบคทีเรีย ชนดิ streptococcus จึงป้องกนั สวิ ได้
3) สารปรอท ส่งผลต่อสตรีมีครรภ์ โดยจะดูดซึมเข้าสรู่ า่ งกาย และไปส่ทู ารก ทำใหเ้ ด็กมี
สมองพิการและปัญญาอ่อน
4) วิธปี ฏบิ ัติเม่ือเกดิ ผลข้างเคียงจากเครื่องสำอางท่ีมีปรอทหรือสารประกอบของปรอท
คอื หลงั ใชห้ ากมีอาการคันหรืออักเสบให้หยุดการใช้ทันที แล้วรอใหผ้ วิ หนงั กลับมาเป็น
ปกติ


เฉลยและเกณฑ์การใหค้ ะแนน

คำถามที่ 1 คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน
ข้อ 4. คำตอบอ่ืนๆ หรือไม่ตอบตำถาม

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง โดยอา้ งองิ จากถ้อย ตอบคำถามถกู ต้องบางสว่ น คือ ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไมต่ อบ
ความ คือ ยับย้งั การทำงานของเอนไซมไ์ ท ยบั ย้ังการทำงานของเอนไซมไ์ ทโร คำถาม
โรซิเนส (Tyrosinase) ทำใหม้ กี ารสรา้ งเม็ด ซิเนส (Tyrosinase) แต่ไม่ได้
สีเมลานนิ (Melanin) ลดลง จงึ ชว่ ยใหส้ ผี วิ รายละเอียด
ขาวขึน้

คำถามท่ี 3 ใช่ ไม่ใช่
ข้อความ X X
X
1) ผ่นื แพ้ หน้าบาง ตดิ เชือ้ งา่ ย เป็นตัวอย่างหนงึ่ ของผลข้างเคยี ง ของผทู้ ่ีใช้เคร่ืองสำอางที่ X
มปี รอทหรือสารประกอบของปรอทเป็นส่วนประกอบ
2) ปรอท มีฤทธฆิ์ า่ เชื้อแบคทีเรยี ชนิด streptococcus จงึ ป้องกันสวิ ได้
3) สารปรอท สง่ ผลตอ่ สตรมี ีครรภ์ โดยจะดดู ซมึ เข้าสรู่ า่ งกาย และไปสู่ทารก ทำใหเ้ ด็กมี
สมองพิการและปัญญาอ่อน
4) วิธปี ฏบิ ัตเิ มือ่ เกิดผลข้างเคียงจากเครื่องสำอางที่มีปรอทหรอื สารประกอบของปรอท คอื
หลงั ใชห้ ากมีอาการคันหรืออักเสบใหห้ ยุดการใช้ทันที แล้วรอใหผ้ ิวหนงั กลับมาเปน็ ปกติ

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบถูกทง้ั 4 ข้อ : ใช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ไมใ่ ช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

5 ดมี าก

4 ดี

3 พอใช้

0-2 ปรับปรุง


แบบประเมินใบงาน Cause and Effect

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

ช่อื -สกุล การแสดง เนอ้ื หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ลำดับท่ี ของผรู้ ับการ ความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
คดิ เหน็ (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมนิ (4คะแนน) (4คะแนน) ไมผ่ า่ น

ลงชอ่ื ....................................................ผู้ประเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถือวา่ ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง)
ความคิดเห็น - แสดงความคิดเห็น - - แสดงความคิดเห็น
- แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเหน็
ผลกระทบของปัญหา/เหตุ ผลกระทบของปญั หา/
การฌไ์ ด้ 10 ข้อข้นึ ไป ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปญั หา/ เหตกุ ารณไ์ ด้ นอ้ ยกว่า 6
ข้อ
เหตุการณไ์ ด้ 8-9 ข้อ เหตุการณไ์ ด้ 6-7 ขอ้

เน้ือหา - เนื้อหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%

- ลำดับหัวข้อเน้อื หาชดั เจน - ลำดบั หวั ขอ้ เน้ือหาชัดเจน - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มีการสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ วา่ 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พูดชดั เจนเสียงดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง

อกั ขระ100% อักขระ80-99% อักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บุคลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

ม่นั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มกี ารใชส้ อื่ ประกอบการ ได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงามและมคี วาม - ใช้สสี นั สวยงามหรือเป็นไป

- มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อย่างใดอยา่ ง

- มีความคิดสร้างสรรค์ - มีความคิดสร้างสรรค์ หนึง่

- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย

การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้ กว่า ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่

เวลา เวลาทีก่ ำหนด เวลาทก่ี ำหนด 5 นาที เวลาท่ีกำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที


แนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ
สัญลกั ษณข์ ้อใดหมายถึงวตั ถมุ พี ษิ ห้ามรับประทานหรือสูดดม

ก. ค.

ข. ง.

(เฉลย ง.)


แผนจัดการเรยี นรทู้ ี่ 31

ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ เอกภพ หนว่ ยย่อยท่ี 4

เร่อื ง ระบบสุริยะ เวลา 1 ชวั่ โมง

วันที่ทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สบื ปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ชวี้ ดั

ระบบสรุ ยิ ะ(SOLAR SYSTEM) คอื ระบบทม่ี ีดวงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลาง ว 3.1 ม.3/1 อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตยด์ ้วยแรง

ประกอบดว้ ยดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ 8 ดวง ดวงจันทรบ์ รวิ ารของดาว โนม้ ถ่วงจากสมการ F=(Gm1m2) / r2
เคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และอกุ กาบาต ซึ่ง

วัตถทุ ั้งหมดในระบบสรุ ยิ ะจะโคจรรอบดวงอาทิตย์โยอาศยั แรงโนม้ ถ่วงดงึ ดูด

เขา้ ด้วยกัน

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้นิ งาน /ภาระงาน

- ระบบสุรยิ ะ - ใบงาน Mind mapping เรอ่ื ง ระบบสรุ ยิ ะ

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 6. เครอื่ งมอื การคดิ

- ความสามารถในการสอื่ สาร - Mind mapping

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขนั้ ของกิจกรรม 8.ส่อื 9.วิธีวัดผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน Mind mapping - ประเมินใบงาน Mind

“บอกชอื่ ดวงดาวท่ีนกั เรยี นร้จู ักมาคนละ 1 ชอ่ื ” เรื่อง ระบบสุรยิ ะ mapping เรื่อง ระบบ

Purpose : (2 นาที ) - Power point สุรยิ ะ

เราจะเรียนเร่อื ง ระบบสุรยิ ะ เพอ่ื ให้นกั เรียนสามารถอธิบายเกย่ี วกับความสัมพนั ธ์ ประกอบการสอนเร่อื ง

ระหว่างวตั ถุตา่ งๆ ใสระบบสรุ ยิ ะได้ ระบบสรุ ิยะ

Work mode (50 นาที) - บทเรยี นออนไลน์ เรือ่ ง

1. นกั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งระบบสรุ ยิ ะ ในบทเรียนออนไลน์ สามารถสอบถามเพ่อื ให้ครอู ธบิ าย ระบบสรุ ิยะ

เพมิ่ เตมิ (พอเพียง3 : การมีภมู คิ ุม้ กนั ทดี่ )ี (20 นาที)

2. นกั เรยี นฟังครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ เร่ือง กฎการสะทอ้ นของแสง โดยใชส้ ือ่ Power point

ประกอบการสอน (10 นาที)

3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสรุปองคค์ วามร้เู ก่ยี วกบั ระบบสรุ ยิ ะในรูปแบบผงั มโนทัศน์โดย

ทำลงในใบงาน Mind mapping เรอ่ื งระบบสรุ ิยะ โดยสืบค้นความร้เู พม่ิ เตมิ จาก

อินเตอร์เนต็ (คดิ 9: คดิ เชิงมโนทศั น์) (สมรรถนะท่ี 4) (พอเพยี ง4 :เงอื่ นไขความรู้)

(15 นาท)ี

4. นกั เรยี นและครูสรุปบทเรยี น โดยนักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด “ดาวเคราะห์

และดาวเคราะหแ์ คระ มคี วามแตกต่างกันอย่างไร?/ โลกจดั เป็นดาวประเภทใด?/ วตั ถุ

ต่างๆในระบบสรุ ยิ ะ มีความสัมพนั ธ์กนั อย่างไร?(5 นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สิง่ ที่นักเรยี นสงสยั จากการเรยี นในวันน้?ี (2 นาท)ี

- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาท)ี


แนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ

ระบบสุรยิ ะอยู่ในกาแล็กซีใด

ก. กาแล็กซีแมกเจลแลนเล็ก
ข. กาแลก็ ซีแมกเจลแลนใหญ่
ค. กาแล็กซีทางชา้ งเผือก
ง. กาแล็กซบี ๊ิกแบง

(เฉลย ค. กาแลก็ ซีทางชา้ งเผือก )


ใบงาน Mind mapp

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มระดมความคดิ เพื่อสรุปองค์ความรู้ เกีย่ วกับเร่อื


ping เรอื่ ง ระบบสรุ ยิ ะ

องระบบสุริยะ ในรูปแบบของ Mind mapping


แบบประเมินใบงาน Mind mapping

คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

ลำดับท่ี ชอื่ -สกลุ รูปแบบ เนื้อหา นำเสนอ ความ ตรงต่อเวลา รวม สรุปผลการ
ของผูร้ บั การ สวยงาม ประเมิน ผ่าน/ไม่
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 คะแนน
ประเมิน ผา่ น

ลงชื่อ ....................................................ผู้ประเมนิ

................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรยี นได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขนึ้ ไปถอื ว่า ผ่าน


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)

รปู แบบ - เขียนความคดิ รวบยอดหลกั - เขียนความคิดรวบยอด - เขยี นความคดิ รวบยอดหลกั - เขยี นความคดิ รวบยอดหลัก

ไวต้ รงกลาง หลกั ไวต้ รงกลาง ไว้ตรงกลาง ไว้ตรงกลาง

- มีก่ิงแกว้ กงิ่ ก้อย และก่ิง - มกี ิง่ แก้ว กิ่งก้อย และกง่ิ - มกี งิ่ แกว้ กิ่งก้อย และกิ่ง - มกี งิ่ แก้ว ขาดกง่ิ กอ้ ย แต่

ยอ่ ยตามลำดบั ยอ่ ยตามลำดบั ย่อยตามลำดบั ขาดก่งิ ยอ่ ย

- ตวั หนงั สืออยบู่ นเสน้ - ตวั หนงั สืออยูบ่ นเสน้ - ใช้สสี นั ทั่วแผน่ - ใช้สสี ันไม่ทว่ั แผน่

- ใช้คำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคญั ตรงประเดน็

- ใชส้ ญั ลกั ษณ์หรือภาพสอ่ื - ใชส้ ีสันท่วั แผน่

ความหมาย

- ใชส้ ีสันทัว่ แผน่

เนอ้ื หา - เนอ้ื หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ต่ำกว่า 59%

- ลำดบั หัวข้อเน้ือหาชัดเจน - ลำดับหวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน - มีการสรุปได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ กวา่ 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พดู ชดั เจนเสียงดงั ฟงั ชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง

อกั ขระ100% อักขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระตำ่ กว่า 59%

- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมคี วาม - บคุ ลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

ม่นั ใจ - ความพร้อมในการนำเสนอ

- มีการใช้สือ่ ประกอบการ ได้บางสว่ น

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงามและมีความ - ใช้สสี นั สวยงามหรือเปน็ ไป

- มีความสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอยา่ ง

- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สร้างสรรค์ หน่งึ

- ความเป็นระเบยี บอา่ นง่าย

การตรงต่อ ส่งผลงานครบถว้ น ตรงตาม สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า ส่งผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากว่า

เวลา เวลาท่ีกำหนด เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที เวลาทีก่ ำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 32

ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ เอกภพ หนว่ ยยอ่ ยที่ 4

เรื่อง ค่าแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ท่โี คจรรอบดวงอาทติ ย์ เวลา 2 ชั่วโมง

วนั ท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สบื ปญั ญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ช้วี ดั

แรงโน้มถ่วงท่ที ำให้ดาวเคราะหโ์ คจรรอบดวงอาทติ ย์ สามารถคำนวณได้ ว 3.1 ม.3/1 อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตยด์ ้วยแรง

จากสมการ F=(Gm1m2) / r2 โน้มถว่ งจากสมการ F=(Gm1m2) / r2
คา่ แรงโนม้ ถ่วงจะแปรผนั ตรงกับผลคณู ของมวลของวตั ถุท้ังสองและ

แปรผกผนั กบั กำลังสองของระยะทางระหว่างดาวเคราะหก์ บั ดวงอาทติ ย์

ดังน้นั ดวงอาทติ ย์จะดึงดดู ดาวเคราะห์แตล่ ะดวงดว้ ยแรงท่ตี ่างกัน

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- ค่าแรงโนม้ ถว่ งของดาวเคราะหท์ ีโ่ คจรรอบดวงอาทติ ย์ - ใบงาน เรอ่ื ง คา่ แรงโน้มถว่ งของดาวเคราะห์ท่โี คจรรอบดวงอาทติ ย์

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง กฎของไอสไตนเ์ ร่อื งแรงโนม้ ถ่วง

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 6. เครอ่ื งมือการคิด

- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - Six Thinking hats (White hat, Green hat)

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขนั้ ของกจิ กรรม 8.ส่ือ 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน เรือ่ ง คา่ แรงโนม้ - ประเมนิ ใบงาน เร่ือง

“ยกตวั อย่างวัตถุที่มีน้ำหนักเบา มาคนละ 1 ชนิด” ถ่วงของดาวเคราะหท์ ่โี คจร ค่าแรงโน้มถว่ งของดาว

Purpose : (2 นาที ) รอบดวงอาทิตย์ เคราะห์ทโี่ คจรรอบดวง

เราจะเรียนเร่ืองค่าแรงโนม้ ถว่ งของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทติ ย์ เพือ่ ให้นักเรยี น - ใบงานตามแนวทาง PISA อาทิตย์

สามารถอธบิ ายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ด้วยแรงโนม้ ถ่วงจากสมการ เรอ่ื ง กฎของไอสไตนเ์ ร่อื ง - ใบงานตามแนวทาง

F=(Gm1m2) / r2 ได้ แรงโนม้ ถ่วง PISA เรอื่ ง กฎของ
Work mode (110 นาที)
- บทเรียนออนไลน์ เร่ือง ไอสไตน์เรอ่ื งแรงโนม้ ถ่วง

1. นกั เรยี นและครูทบทวนความรจู้ ากคาบเรยี นทีผ่ ่านมา โดยนกั เรยี นตอบคำถามกระต้นุ กฎของไอสไตนเ์ รือ่ งแรงโนม้

ความคดิ “วัตถุ ที่อยูใ่ นระบบสรุ ยิ ะ มอี ะไรบา้ ง?/ ดาวตกและอกุ กาบาต มคี วามเหมือน ถ่วง

หรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร? (คดิ 2: คดิ เปรยี บเทียบ) (White hat) (5 นาที)

2. นกั เรียนศึกษาเร่อื งคา่ แรงโน้มถว่ งของดาวเคราะหท์ ีโ่ คจรรอบดวงอาทิตย์ ในบทเรียน

ออนไลน์ (พอเพียง3 : การมีภูมคิ มุ้ กนั ทด่ี )ี ( 25 นาที)

3. นักเรยี นฟังครูอธบิ ายการคำนวณหาคา่ แรงโนม้ ถ่วงระหวา่ งดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์

จากสมการ F=(Gm1m2) / r2 โดยครูยกตวั อยา่ งโจทยค์ ำนวณบนกระดาน (15 นาที)
4. นกั เรยี นทำใบงานเร่อื ง คา่ แรงโน้มถว่ งของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ (20 นาท)ี

5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั เฉลยใบงานเรือ่ ง ค่าแรงโนม้ ถว่ งของดาวเคราะห์ท่ีโคจรรอบดวง

อาทิตย์ (คดิ 1:คดิ วเิ คราะห์) (สมรรถนะท่ี 2) (5 นาที)

6. นกั เรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคิด “ระยะทางในหน่วย A.U. มคี ่าเท่าไร?/ โลก และ

ดาวเสาร์ มคี ่าแรงโนม้ ถ่วงระหว่างดาวเคราะหก์ บั ดวงอาทิตยเ์ ทา่ กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร?

(White hat) (5 นาที)


7. นกั เรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง กฎของไอสไตนเ์ รื่องแรงโนม้ ถ่วง(20 นาที)
8. นักเรียนและครรู ว่ มกันเฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เร่อื ง กฎของไอสไตนเ์ รือ่ งแรง
โนม้ ถว่ ง(10 นาที)
9. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ องค์ความรจู้ ากบทเรียน โดยตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ

“ดวงอาทิตยด์ ึงดดู ดาวเคราะหแ์ ตล่ ะดวงด้วยแรงที่เท่ากันหรือไม่ อยา่ งไร?/ นกั เรยี นจะ

สรุปเรื่อง ค่าแรงโนม้ ถ่วงของดาวเคราะหท์ ี่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ไดว้ า่ อยา่ งไร? (White

hat, Blue hat)(10 นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สงิ่ ทีน่ ักเรียนไดร้ บั จากการเรยี นในวันนี?้ (2 นาท)ี
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาท)ี


ใบงาน เร่อื ง ค่าแรงโนม้ ถ่วงของดาวเคราะห์ทโ่ี คจรรอบดวงอาทติ ย์

ตอนที่ 1 จงตอบคำถามให้ถูกตอ้ ง
1. ค่าคงตัวในสนามโนม้ ถ่วงสากล มคี ่าเท่าไร (1 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เพราะเหตุใด ดาวเคราะห์และบรวิ ารอ่นื ๆ ของดวงอาทิตย์ จงึ สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ (1 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ค่าแรงโนม้ ถว่ ง มีความสัมพันธ์กบั ผลคูณของมวลของวัตถทุ ง้ั สองและค่ากำลังสองของระยะทางระหวา่ งดาว
เคราะห์กับดวงอาทิตยอ์ ย่างไร (2 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตอนท่ี 2 จงแสดงวธิ ที ำ
1. ดาวเคราะห์ A มีมวล 5.67 x 1026 มรี ะยะทางเฉลย่ี จากดวงอาทติ ย์ 9.543 A.U. จงหาค่าแรงโน้มถ่วง
ระหว่างดาวเคราะห์ A และดวงอาทิตย์ ( 3 คะแนน)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ดาวเคราะห์ดวงหนึง่ มรี ะยะทางเฉลีย่ จากดวงอาทติ ย์ 1.524 A.U. ดาวเคราะหด์ วงนีจ้ ะมีอัตราเร็วในการโคจร
รอบดวงอาทิตย์เท่าไร (กำหนดให้มวลของดวงอาทิตยเ์ ท่าน้ัน 1.98 x 1030)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยและเกณฑ์การใหค้ ะแนน

ตอนท่ี 1
ขอ้ 1

คะแนนเตม็ 1คะแนน ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คอื ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ตอบคำถาม
ค่าคงตัวโนม้ ถ่วงสากลมีคา่ เท่ากบั 6.674 x 10-11 N.m2Kg-2
ข้อ 2

คะแนนเตม็ 1คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ เพราะดวงอาทติ ยแ์ ละดาวเคราะหม์ ี ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่ตอบคำถาม
แรงโนม้ ถว่ งกระทำซึ่งกันและกนั
ขอ้ 3

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องโดยอธิบาย ตอบคำถามได้ถูกต้องบางส่วน ตอบคำถามไม่ถูกต้อง

ความสมั พันธ์ค่าแรงโนม้ ถ่วงกับผลคูณของ โดยอธบิ ายความสมั พนั ธ์ของ หรอื ไม่ตอบคำถาม

มวลของวัตถุท้งั สองและค่ากำลงั สองของ ค่าแรงโนม้ ถว่ งกบั ผลคณู ของมวล

ระยะทางระหวา่ งดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์ ของวตั ถุทงั้ สองได้ถูกต้อง หรือค่า

คอื คา่ แรงโนม้ ถว่ งจะแปรผันตรงกบั ผลคณู กำลังสองของระยะทางระหว่าง

ของมวลของวตั ถุท้ังสองและแปรผกผนั กบั ดาวเคราะห์กับดวงอาทิตย์ อยา่ ง

กำลงั สองของระยะทางระหวา่ งดาวเคราะห์ ใดอยา่ งหน่ึง

กบั ดวงอาทติ ย์

ตอนที่ 2

ขอ้ 1 Gm1m2
วธิ ีทำ จากสมการ F =
แทนค่า F = r2

(6.674 x 10-11 N.m2Kg-2)(5.69 x 1026Kg)(1.98 x 1030Kg)

[(9.543)(1.496 x 1011m)]2

F = 3.69 x 1012 N


ดังนนั้ คา่ แรงโนม้ ถ่วงระหว่างดาวเคราะห์ A กับดวงอาทติ ย์ มีคา่ เท่ากับ 3.69 x 1012 นวิ ตนั

คะแนนเตม็ 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
แสดงวิธที ำได้ถูกต้องทง้ั 3 แสดงวิธีทำได้ถูกต้อง 2 แสดงวิธที ำไดถ้ ูกต้อง ไม่ตอบคำถาม
ขน้ั ตอน โดยเขียนสมการ แทน ขน้ั ตอน เพียง 1ขั้นตอน
ค่าสมการ และหาคำตอบได้
ถูกต้อง

ขอ้ 2 GM
วิธีทำ จากสมการ v2 =
แทนค่า v2 = r
(6.674 x 10-11 N.m2Kg-2)(1.98 x 1030Kg)

(1.524)(1.496 x 1011m)

v2 = 2.40 x 104 m/s
ดังน้นั ดาวเคราะห์ดวงนี้โคจรรอบดวงอาทติ ย์ในอัตราเรว็ เทา่ กับ 2.40 x 104 เมตรต่อวนิ าที

คะแนนเตม็ 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ไดค้ ะแนน
แสดงวิธีทำไดถ้ ูกต้องท้ัง 3 แสดงวธิ ีทำได้ถูกต้อง 2 แสดงวิธีทำได้ถูกต้อง ไม่ตอบคำถาม
ข้นั ตอน โดยเขียนสมการ แทน ขัน้ ตอน เพยี ง 1ขนั้ ตอน
คา่ สมการ และหาคำตอบได้
ถกู ต้อง

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

9-10 ดีมาก หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

7-8 ดี

5-6 พอใช้

0-4 ปรบั ปรุง


ใบงานตามแนวทาง PISA เร่ือง กฎของไอนส์ ไตน์เรอ่ื งแรงโน้มถว่ ง

สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
ว3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตยด์ ว้ ยแรงโน้มถว่ งจากสมการ F=(Gm1m2) / r2

กฎของไอนส์ ไตน์เร่ืองแรงโน้มถ่วง (Einstein's Theory of Gravitation)
ในช่วงตน้ ศตวรรษที่ 20 แบบจำลองแรงโนม้ ถ่วงต่างออกไปจากแบบจำลองของนิวตันมาก แบบจำลองใหมน่ ้คี น้ พบโดย
ไอนส์ ไตน์ โดยทฤษฎสี มั พันธภาพ ไอน์สไตนส์ รา้ งสนามโน้มถ่วง 4 มติ ซิ ้ึงไดแ้ ก่ กวา้ ง ยาว สงู และเวลา เขาให้คำจำกัดความวา่ มวล
สารทำให้มติ ิกวา้ ง ยาว สูง และเวลาบดิ เบ้ียวไป เหมอื นกบั ตอนท่เี ราน่ังลงบนทีน่ อนแลว้ เบาะนอนบุบโคง้ เป็นรูปกระทะ ย่ิงนำ้ หนัก
มากเบาะยิ่งบุบโคง้ เปน็ รปู กระทะอันใหญ่ ถา้ เพือ่ เรากลงิ้ ลกู แก้วหา่ งจากตัวเราที่กำลังนั่งอยู่บนเบาะลกู แกว้ นั้นจะเคลื่อนที่เปน็
เส้นตรงต่อไป แตถ่ ้าลกู บอลกล้งิ ผา่ นใกล้ตัวเราลูกแกว้ จะโคจรเป็นวงกลมรอบตัวเรา เหมือนท่ีดวงจันทร์โคจรรอบโลก
ถ้ามองตามความคิดของนิวตัน ดวงจันทร์โคจรรอบโลกไดเ้ พราะมีแรงดึงดดู ดึงไวเ้ หมือนกบั การผกู เชือกกับกอ้ นหินแล้ว
แกว่ง แตถ่ า้ มองตามความคดิ ของไอนส์ ไตนด์ วงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกเพราะดวงจนั ทรอ์ ยภู่ ายใตส้ นามโนม้ ถ่วง 4 มติ ิ ความจรงิ แล้ว
ถงึ แมว้ า่ ทฤษฎขี องไอน์สไตน์จะถกู ตอ้ งแม้นยำกวา่ ของนิวตนั แตใ่ นทางปฏบิ ัตินิยมใชก้ ฎแรงโนม้ ถ่วงของนิวตันมากกว่าเนอื่ งจาก
คำนวณงา่ ยกวา่ สนามโนม้ ถ่วงของไอน์สไตนอ์ ย่างมาก
หลมุ ดำ (Black Holes)

สมมตุ ิว่าเราอยู่ในยานอวกาศทีก่ ำลงั ลงจอดบนพืน้ ผวิ ดาว นำ้ หนกั ของเราจะข้ึนอยู่กบั มวล
ของเราและมวล ของดาวดวงนั้น ถา้ ดวงดาวหดลงครงึ่ หน่ึงแต่มวลยงั เทา่ เดิมนำ้ หนักเราจะเพ่มิ ขึน้
4 เท่าตามกฎแรงโนม้ ถ่วงทวี่ า่ ระยะทางผกผนั กำลงั สอง ทำให้แรงโนม้ ถว่ งมากข้ึนเมือ่ รศั มจี ากจดุ
ศูนยก์ ลางมวลถึงมวลแตล่ ะอันลดลง ถ้าดวงดาวมขี นาดลดลง 10 เทา่ จะทำใหน้ ำหนักเราเพิ่มข้นึ
100 เท่า ดวงดาวดงั ลักษณะนีต้ อ้ งใชย้ านท่ีมอี ตั ราเร็วสูงมากจงึ จะทำให้หลดุ พน้ จากแรงโนม้ ไปสู่
อวกาศได้ ถา้ ดวงดาวอยา่ งดวงอาทิตย์ของเรายุบตัวลง 3 km จะทำใหว้ ตั ถทุ ห่ี ยุด พน้ มันไดต้ ้องมี
อัตราเร็วแสง ถา้ ดวงดาวมขี นาดลดลง 10 เท่า จะทำใหน้ ำหนกั เราเพ่มิ ขน้ึ 100 เท่า ความจริง
แลว้ ดวงอาทิตย์ของเรามมี วล น้อยไม่สามารถยบุ ตัวลงได้ แตส่ ำหรับดวงอาทติ ยท์ ใ่ี หญเ่ ปน็ 1.5 เทา่ ของดวงอาทติ ย์ของเรา มี
โอกาสยบุ ตวั ทำใหแ้ รงโนม้ ถ่วงเพมิ่ ขึ้นมหาศาล จนไมม่ ีวตั ถุใดหลุดพน้ จากอำนาจโน้มถว่ งได้ แมก้ ระท้งั แสง ทำใหเ้ กดิ ปรากฏการณ์
น้ีวา่ หลุมดำ เราจะค้นพบหลมุ ดำได้อยา่ งไร ในเมอื่ มนั ไมมแี สงออกมาเลย เราอาศยั ดูดาวรอบข้างวา่ โดนหลมุ ดำดูดเขา้ ไปหรอื ไม่
แรงโนม้ ถว่ งสากล (Universal Gravitation) เรารวู้ า่ โลกเปน็ ทรงกลม แตท่ ำไมโลกตอ้ งกลม? เนอื่ งจากการเคล่ือนทเี่ ข้าหาดวง
หาดวงดาวจะเคลอ่ื นท่พี ่งุ มายังดาวนัน้ และแรงโนม้ ถ่วงดดู โลกให้เขา้ หาศูนยก์ ลางเท่ากันทกุ ด้านจึงทำให้โลกกลม

ท่มี า : http://sirindapopla.blogspot.com/2013/08/2-universal-law-

of-gravity-300-20-1680.html


คำถามท่ี 1 (1 คะแนน)

เรานยิ มใชก้ ฎของแรงโน้มถ่วง ของนกั วิทยาศาสตรท์ า่ นใด

1. เซอร์ ไอแซก นิวตนั 2. รอเบริ ต์ ไอนส์ ไตน์

3. ไมเคลิ ฟาราเดย์ 4. อริสโตเตลิ

คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)
จากถ้อยความ ทำไมโลกจึงเปน็ ทรงกลม

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามที่ 3 ใช่ ไมใ่ ช่
จากข้อมลู ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจรงิ หรือ ไมเ่ ปน็ ความจริง (2 คะแนน)

ขอ้ ความทเ่ี ปน็ ความจริง ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่
ขอ้ ความท่ีไมเ่ ปน็ ความจรงิ ให้ทำเคร่ืองหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”

ขอ้ ความ
1) ไอนส์ ไตน์สรา้ งสนามโนม้ ถ่วง 3 มติ ิซ้ึง ไดแ้ ก่ กว้าง ยาว และเวลา

2) น้ำหนกั ของเราจะขน้ึ อยกู่ ับมวลของเราและมวลของดาวดวงน้ัน ถา้ ดวงดาวมขี นาดลดลง 10
เทา่ จะทำให้นำหนกั เราเพิม่ ข้ึน 10 เท่า
3) หลุมดำมแี รงโนม้ ถว่ งมหาศาลจึงไม่มวี ัตถุใดหลุดพน้ จากอำนาจโนม้ ถว่ งของหลุมดำได้
4) ดาวเสาร์ มีคา่ สนามโน้มถว่ งมากกว่าค่าสนามโน้มถว่ งของโลกและดวงจนั ทร์รวมกนั


เฉลยและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คำถามที่ 1

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ข้อ 1. เซอร์ ไอแซก นิวตัน คำตอบอืน่ ๆ

คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องโดยอ้างองิ จากถ้อย ตอบคำถามได้ถูกต้องบางสว่ น คอื ตอบไมถ่ ูกต้อง หรือไม่

ความ คอื เนื่องจากการเคลื่อนทีเ่ ขา้ หาดวง เนือ่ งจากการเคล่ือนท่ีเข้าหาดวงหาดวงดาว ตอบคำถาม

หาดวงดาวจะเคล่ือนทพี่ ุ่งมายังดาวนนั้ และ จะเคล่ือนทีพ่ ุ่งมายงั ดาวน้นั หรือแรงโนม้

แรงโน้มถ่วงดดู โลกให้เข้าหาศูนย์กลาง ถว่ งดูดโลกใหเ้ ข้าหาศนู ย์กลางเท่ากันทุก

เท่ากันทุกด้านจึงทำให้โลกกลม ด้านจงึ ทำใหโ้ ลกกลม อยา่ งใดอย่างหน่ึง

คำถามที่ 3 ใช่ ไมใ่ ช่
จากข้อมลู ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรือ ไม่เปน็ ความจริง (2 คะแนน) X
X
ขอ้ ความทีเ่ ปน็ ความจริง ให้ทำเครื่องหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่
ข้อความท่ีไมเ่ ปน็ ความจริง ใหท้ ำเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ไมใ่ ช”่ X
X
ข้อความ
1) ไอน์สไตน์สรา้ งสนามโน้มถ่วง 3 มติ ิซึ้ง ได้แก่ กวา้ ง ยาว และเวลา
2) น้ำหนกั ของเราจะขึน้ อย่กู ับมวลของเราและมวลของดาวดวงน้นั ถา้ ดวงดาวมีขนาดลดลง 10
เทา่ จะทำให้นำหนกั เราเพ่ิมขึ้น 10 เทา่
3) หลุมดำมแี รงโน้มถ่วงมหาศาลจงึ ไม่มวี ตั ถุใดหลุดพ้นจากอำนาจโน้มถว่ งของหลุมดำได้
4) ดาวเสาร์ มีค่าสนามโน้มถ่วงมากกวา่ คา่ สนามโน้มถว่ งของโลกและดวงจนั ทร์รวมกนั

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มีคะแนน
ตอบถูกทงั้ 4 ข้อ : ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ไมใ่ ช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ

เพราะเหตุใดดาวเคราะห์ทง้ั 8 ดวง ในระบบสุริยะจึงต้องโคจรรอบดวงอาทติ ย์

ก. เพราะดวงอาทิตย์เปน็ ศูนย์กลางของระบบสรุ ิยะ
ข. เพราะดวงอาทิตย์มขี นาดใหญ่กวา่ ดาวเคราะหด์ วงอื่นๆ
ค. เพราะดวงอาทิตย์มีแรงโน้มถ่วงมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอ่นื ๆ
ง. เพราะดวงอาทิตย์มีแสงสว่างในตวั เอง จงึ ทำให้ดาวเคราะห์ดวงอื่นโคจรรอบ

(เฉลย ค. เพราะดวงอาทิตยม์ ีแรงโนม้ ถว่ งมากกวา่ ดาวเคราะหด์ วง
อน่ื ๆ)


แผนจดั การเรยี นรูท้ ี่ 33

ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ เอกภพ หน่วยย่อยท่ี 4

เรอ่ื ง การเกดิ ฤดูกาล เวลา 1 ช่ัวโมง

วนั ที่ทำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปญั ญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตัวช้วี ัด

ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ภูมอิ ากาศบนโลกจะเกิดการเปลีย่ นแปลงอยา่ งมี ว 3.1 ม.3/2 สร้างแบบจำลองท่อี ธิบายการเกดิ ฤดูและการเคลอื่ นท่ี

รูปแบบ บางช่วงเป็นฤดูร้อน บางช่วงเป็นฤดูหนาว เพราะโลกโคจรรอบ ปรากฏของดวงอาทติ ย์

ดวงอาทติ ยใ์ นลักษณะท่แี กนโลกเอียง ทำให้บริเวณตา่ งๆบนโลกไดร้ ับแสง

ไม่เท่ากัน บรเิ วณท่ีไดร้ บั แสงอาทิตย์ในแนวตั้งฉาก จะไดร้ บั ความเขม้ ของ

แสงสูงกว่าจงึ เป็นฤดรู ้อน สว่ นบรเิ วณทไ่ี ดร้ ับแสงอาทติ ย์ในแนวเฉียงซึ่ง

ได้รับแสงอาทติ ยน์ ้อยกวา่ จงึ เปน็ ฤดูหนาว

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้ินงาน /ภาระงาน

- การเกดิ ฤดกู าล - ใบงาน Cause & effect เร่อื ง จะเปน็ อย่างไร หากในอนาคตมแี ต่

ฤดหู นาว

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 6. เครื่องมือการคดิ

- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ - Cause & effect

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ข้นั ของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วธิ ีวดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน Cause & effect - ประเมินใบงาน Cause

“บอกฤดกู าลทนี่ ักเรยี นชอบ” เรอื่ ง จะเปน็ อยา่ งไร หาก & effect เรือ่ ง จะเปน็

Purpose : (2 นาที ) ในอนาคตมีแต่ฤดูหนาว อย่างไร หากในอนาคตมี

เราจะเรียนเร่ือง การเกิดฤดูกาล เพอ่ื ให้นักเรยี นสามารถสร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบายการ - powerpoint เรื่องการ แตฤ่ ดหู นาว

เกดิ ฤดูได้ เกดิ ฤดกู าล

Work mode (50 นาท)ี

1. นักเรยี นฟังครอู ธบิ ายเก่ียวกับ เร่ือง การเกดิ ฤดูกาล โดยใชส้ ื่อ powerpoint

(พอเพยี ง3 : การมีภูมิค้มุ กันทดี่ )ี (10 นาที)

2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหเ์ กีย่ วกับฤดูกาล ทม่ี ผี ลต่อสง่ิ มชี ีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม

โดยทำลงในใบงาน Cause & effect เร่อื ง จะเป็นอยา่ งไร หากในอนาคตมแี ต่ฤดหู นาว

(คดิ 4: คิดอย่างมวี จิ ารณญาณ) (สมรรถนะท่ี 2) (15 นาท)ี

3. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสร้างแบบจำลองการเกดิ ฤดกู าลโดยสมุ่ ตวั แทนนักเรียนออกมา

วาดแบบจำลองบนกระดาน จากนน้ั เพ่อื นนักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและสรปุ

บทเรียนเก่ยี วกบั การเกดิ ฤดูกาล โดยนกั เรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ “ฤดูกาล เกดิ

จากอะไร และมคี วามสำคญั อยา่ งไร?/ หากแกนโลกไมเ่ อยี ง นักเรยี นคิดว่าจะสง่ ผลต่อ

การเกดิ ฤดูกาลหรอื ไม่อย่างไร? (คดิ 7:คิดประยกุ ต)์ (25 นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สิ่งท่นี ักเรียนสามารถนำไปปรบั ใช้ จากการเรียนในวันนี?้ (2 นาท)ี

- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาท)ี


ใบงาน Cause & Effect
เร่อื ง จะเปน็ อยา่ งไร หากในอนาคตมแี ต่ฤดูหนาว

Cause (เหตุ) : จะเป็นอย่างไร หากในอนาคตมแี ต่ฤดหู นาว
Effect (ผลต่อมนษุ ย์) Effect (ผลต่อสตั ว์และ Effect (ผลต่อ

พชื ) ส่ิงแวดล้อม)

สรุป


แบบประเมินใบงาน Cause and Effect

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

ช่อื -สกุล การแสดง เนอ้ื หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ลำดับท่ี ของผรู้ ับการ ความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
คดิ เหน็ (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมนิ (4คะแนน) (4คะแนน) ไมผ่ า่ น

ลงชอ่ื ....................................................ผู้ประเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง

นักเรยี นได้ระดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถือวา่ ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
การแสดง 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง)
ความคิดเห็น - แสดงความคิดเห็น - - แสดงความคิดเห็น
- แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเหน็
ผลกระทบของปัญหา/เหตุ ผลกระทบของปญั หา/
การฌไ์ ด้ 10 ข้อข้นึ ไป ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปญั หา/ เหตกุ ารณไ์ ด้ นอ้ ยกว่า 6
ข้อ
เหตุการณไ์ ด้ 8-9 ข้อ เหตุการณไ์ ด้ 6-7 ขอ้

เน้ือหา - เนื้อหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%

- เขียนถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลกั ภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%

- ลำดับหัวข้อเน้อื หาชดั เจน - ลำดบั หวั ขอ้ เน้ือหาชัดเจน - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มีการสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มีการสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ วา่ 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พูดชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พูดชดั เจนเสียงดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง

อกั ขระ100% อักขระ80-99% อักขระ60-79% ตามอักขระตำ่ วา่ 59%

- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บุคลกิ ภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม

ม่นั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มกี ารใชส้ อื่ ประกอบการ ได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงาม - ใชส้ สี นั สวยงามและมคี วาม - ใช้สสี นั สวยงามหรือเป็นไป

- มคี วามสะอาด - มคี วามสะอาด สะอาด ตามเกณฑ์อย่างใดอยา่ ง

- มีความคิดสร้างสรรค์ - มีความคิดสร้างสรรค์ หนึง่

- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย

การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้ กว่า ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ ้ากวา่

เวลา เวลาทีก่ ำหนด เวลาทก่ี ำหนด 5 นาที เวลาท่ีกำหนด 10 นาที เวลาที่กำหนด 15 นาที


ขอ้ สอบ O-NET(2562) 1 ขอ้
(เฉลยตอบข้อที่ 4 ในช่วงเวลา A เงาของเสาธงท่เี กดิ ในช่วงเท่ียงวนั จะมีความยาวนอ้ ยกว่าในชว่ งเวลา B)


แผนจดั การเรียนรู้ที่ 34

ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ เอกภพ หนว่ ยยอ่ ยท่ี 4

เรื่อง การเคล่อื นที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์ เวลา 2 ชว่ั โมง

วันที่ทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสุเวช สบื ปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตัวช้ีวดั

ดวงอาทติ ย์ มีการเปล่ียนแปลงตำแหน่งการข้นึ -ตก เรยี กวา่ การเคลอ่ื นท่ี ว 3.1 ม.3/2 สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายการเกดิ ฤดแู ละการเคล่อื นที่

ปรากฏของดวงอาทติ ย์ ซึ่งเกดิ ขน้ึ อย่างเป็นวัฏจักร เกดิ จากการท่โี ลกโคจร ปรากฏของดวงอาทติ ย์

รอบดวงอาทิตยใ์ นลักษณะทแ่ี กนของโลกเอยี งเปน็ มมุ 23.5 องศา ทำให้

ตำแหนง่ การขึน้ -ตก ของดวงอาทติ ย์เปลยี่ นแปลงไปในแต่ละวนั และจะ

กลับมาตำแหนง่ เดมิ เมอื่ ครบวัฏจกั ร หรือ 1 ปี

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- การเคล่อื นทป่ี รากฏของดวงอาทติ ย์ - ใบงานการทดลอง เรอ่ื ง การขึน้ -ตก ของดวงอาทิตย์

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง ตำแหน่งการขึน้ ตก ของดวงอาทิตย์

ในรอบ 1 ปี

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6. เคร่อื งมอื การคดิ

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา - Six Thinking hats (White hat, Blue hat, Green hat)

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขน้ั ของกิจกรรม 8.สื่อ 9.วธิ ีวัดผล

Do Now : (3 นาที) -บทเรียนออนไลน์ เร่อื ง - ประเมนิ การทดลอง

“บอกสถานที่ดพู ระอาทิตย์ตกดินยอดนยิ ม มาคนละ 1 สถานท่”ี การขึ้น-ตก ของดวงอาทิตย์ เร่อื ง การขึน้ -ตก ของ

Purpose : (2 นาที ) - ใบงานการทดลอง เร่อื ง ดวงอาทติ ย์

เราจะเรยี นเรื่องการเคลอื่ นทีป่ รากฏของดวงอาทติ ย์ เพื่อใหน้ กั เรียนสามารถอธิบายการ การขึ้น-ตก ของดวง -ประเมนิ ใบงานตาม

เคลอื่ นท่ปี รากฏของดวงอาทติ ย์ได้ อาทิตย์ แนวทาง PISA เร่ือง

Work mode (110 นาท)ี - วสั ดุ อปุ กรณ์และสารเคมี ตำแหนง่ การขึน้ ตก ของ

1. นักเรียนศกึ ษาเร่ืองการเคลือ่ นทป่ี รากฏของดวงอาทิตย์ ในบทเรยี นออนไลน์ ซึง่ หาก ทีใ่ ชใ้ นการทดลอง เรื่อง ดวงอาทิตยใ์ นรอบ 1 ป-ี

นักเรียนคนใดสงสัย สามารถสอบถามเพ่อื ใหค้ รอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ (พอเพยี ง3 : การมี การขึ้น-ตก ของดวง

ภูมิค้มุ กันทด่ี )ี (30 นาท)ี อาทติ ย์

2. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “ในแตล่ ะวันตำแหนง่ การขนึ้ -ตก ของดวงอาทิตย์ - ใบงานตามแนวทาง PISA

เหมือนกันหรือไม่อย่างไร?/การเคล่ือนทป่ี รากฏของดวงอาทิตยเ์ กดิ จากอะไร? เรื่อง ตำแหน่งการขนึ้ ตก

(White hat) (5 นาท)ี ของดวงอาทติ ย์ในรอบ 1 ปี

3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฟังครอู ธบิ ายการทดลอง เร่อื ง การขึน้ -ตก ของดวงอาทติ ย์ (10นาท)ี - บทเรียนออนไลน์ เร่อื ง
4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการทดลองตามใบงานการทดลองเรื่องการขน้ึ - การเคลอ่ื นท่ปี รากฏของดวง
ตก ของดวงอาทิตย์ (คดิ 4:คิดสงั เคราะห)์ (สมรรถนะท่ี 4) (พอเพยี ง7: สงั คม) (30 นาท)ี อาทติ ย์

5. นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายการทดลอง และตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “จากการ

ทดลอง ตัวแปรตน้ ตัวแปรตามและตวั แปรควบคุม คือสง่ิ ใด?/ จากการทดลอง นักเรียน

สามารถสรปุ การขน้ึ -ตก ของดวงอาทติ ย์ ได้วา่ อยา่ งไร? (White hat, Blue hat)

(5 นาที)


6. นักเรยี นทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง ตำแหนง่ การขึน้ ตก ของดวงอาทติ ย์ในรอบ
1 ปี (15 นาที)
7. นกั เรยี นและครรู ่วมกันเฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง ตำแหนง่ การขนึ้ ตก ของ

ดวงอาทิตย์ในรอบ 1 ปี (10 นาท)ี

8.นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปองคค์ วามรู้จากบทเรยี น โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

“การขึ้น-ตก ของดวงอาทติ ย์ มคี วามสำคญั ต่อสง่ิ มีชวี ิตอย่างไร?/นักเรยี นสามารถนำ

ความรู้เกี่ยวกับการขึ้น-ตก ของดวงอาทิตย์ ไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอยา่ งไร? (White

hat, Green hat) (5 นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สง่ิ ท่ีนักเรยี นสงสัย จากการเรยี นในวันน?้ี (2 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงานการทดลอง เรือ่ ง การขน้ึ -ตก ของดวงอาทติ ย์

รายช่ือสมาชิก

จดุ ประสงค์ เพ่อื ศึกษาทิศทางการข้ึนตกของดวงอาทติ ย์ในรอบ 1 ปี

วสั ดุอุปกรณ์และสารเคมี 2. กระดาษ A4 สีขาว 2 แผ่น
1. ลูกโลกในแนวแกนเอียง 1 ชุด 4. ชุดขาตงั้ 1 ชุด
3. ปากกาเมจิก 1 ด้าม 6. กรรไกร 1 เล่ม
5. ฝาแก้วน้ำพลาสติกทรงโดม 1 ฝา 8. เทปกาวใส 1 ม้วน
7. ดินสอ 1 แท่ง

วิธกี ารทดลอง ลกู โลกในแนวแกนเอียง ฝาแก้วน้ำพลาสติกรูปโดม

1. เตรียมชดุ ทรงกลมท้องฟ้า

1.1 ตดั กระดาษ A4 สขี าว เปน็ วงกลมใหม้ เี ส้นผ่านศนู ยก์ ลางเท่ากบั เส้นผ่านศนู ย์กลางของฝาแก้วนำ้

พลาสติกทรงโดม

1.2 ใช้ดนิ สอลากเส้นตรงบนกระดาษวงกลมแบ่งเปน็ สส่ี ่วนเทา่ ๆ กนั เขียนกำหนดทศิ เหนือ(N) ใต(้ S)

ตะวันออก(E) และตะวันตก(W)

1.3 นำกระดาษวงกลมที่ไดม้ าประกอบติดกับฝาแกว้ นำ้ พลาสติกทรงโดมด้วยเทปกาวใสใหแ้ นน่

2. เตรียมชดุ แสงจากดวงอาทติ ย์


2.1 วางชดุ ขาโตะ๊ บนหลอดทดลอง แล้วนำปากกาเมจิกมายดึ กับชุดขาตั้งด้วยเทปกาวใสใหแ้ น่น

2.2 รอบๆ ฐานของชดุ ขาตงั้ ใชก้ ระดาษกำหนดตำแหนง่ 4 ตำแหน่ง ดังนี้
- ตำแหนง่ ท่ี 1 การข้ึนตกของดวงอาทติ ยใ์ นวนั ท่ี 21 มนี าคม
- ตำแหนง่ ที่ 2 การขนึ้ ตกของดวงอาทิตย์ในวันท่ี 21 มิถุนายน
- ตำแหนง่ ท่ี 3 การขึ้นตกของดวงอาทติ ยใ์ นวันที่ 23 กนั ยายน
- ตำแหน่งที่ 2 การขนึ้ ตกของดวงอาทติ ยใ์ นวนั ที่ 22 ธันวาคม

3. ใชเ้ ทปกาวใสติดชดุ ทรงกลมท้องฟา้ บนลกู โลกตำแหน่งเส้นศนู ยส์ ูตร โดยทศิ บนทรงกลมท้องฟา้ ต้อง
สอดคล้องกบั ทิศบนลกู โลก คอื ทศิ เหนือช้ไี ปทางขว้ั โลกเหนอื ทศิ ใต้ช้ไี ปทางขั้วโลกใต้ และเส้นเชื่อมทิศ
ตะวันออกอยใู่ นแนวเดียวกันกับเส้นศูนยส์ ูตรบนลกู โลก

4. วางชุดลกู โลกที่ประกอบเข้ากบั ชุดทรงกลมท้องฟา้ เรยี บรอ้ ยแลว้ ในตำแหนง่ ท่ี 1 บนชุดแสงจากดวง
อาทิตย์ ปรับปากกาเมจกิ ให้อยู่ในแนวเดยี วกับทศิ ตะวันออกของชุดทรงกลมท้องฟ้า

5. หมุนลูกโลกจำลองจากทิศตะวนั ตกไปตะวนั ออก เพอื่ จำลองการหมุนรอบตวั เองของโลก เขยี นปากกา
เมาจิกท่ชี ุดขาตงั้ ลากไปบนชุดทรงกลมท้องฟา้ สังเกตแนวเส้นปากกาทเี่ กดิ ขึ้นบนทรงกลมท้องฟา้

ขอ้ 4 ขอ้ 5

6. ทำการทดลองในข้อ 4-5 ซำ้ อกี ครั้ง โดยเปลีย่ นตำแหนง่ ของลูกโลกและหมุนปลายปากกาเมาจกิ ไปที่
ตำแหนง่ ท่ี 2,3 และ 4 ตามลำดบั โยปลายปากกาเมจิกต้องอยใู่ นความสูงระดบั เดมิ เสมอ สงั เกตแนวเสน้ ปากกาที่
เกิดบนทรงกลมท้องฟา้ แตล่ ะตำแหนง่


สมมติฐาน (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ............................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตัวแปรตน้ (1 คะแนน)
............................................................................................................................. .............................................
ตัวแปรตาม (1 คะแนน)
........................................................................................................................................................................
ตัวแปรควบคมุ (1 คะแนน)
............................................................................................................................. ....................................

ตารางบันทกึ ผลการทดลอง (4 คะแนน)

วาดรูปแนวเสน้ ปากกา ลักษณะของแนวเส้นปากกา
ทเี่ กิดขนึ้ บนทรงกลมท้องฟ้า ท่เี กดิ ขึน้ บนทรงกลมท้องฟา้ ทง้ั 4 ตำแหน่ง
ตำแหน่งที่ 1

ตำแหนง่ ท่ี 2

ตำแหน่งท่ี 3

ตำแหนง่ ท่ี 4


สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
................................................................................................................................................................. ...................
....................................................................................................................................................................................
คำถามทา้ ยการทดลอง
1. แนวเสน้ ของปากกาเมจิกบนทรงกลมท้องฟา้ หมายถึงสงิ่ ใด (1 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

2. วันที่ 21 มถิ นุ ายน การข้ึน-ตก ของดวงอาทิตย์ เป็นอย่างไร (1 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

3. การขน้ึ -ตก ของดวงอาทิตยใ์ นรอบ 1 ปี มีตำแหน่งเหมือนเดิมหรือไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................


เฉลยและเกณฑก์ ารให้คะแนนใบงานการทดลอง

เรื่อง การขนึ้ -ตก ของดวงอาทติ ย์

สมมติฐาน ( 2 คะแนน)

คะแนนเต็ม 2 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน

ตอบคำถามได้ถูกต้องครบถว้ น คือ ถา้ ตำแหนง่ การขน้ึ ตกของดวง ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ
อาทติ ยเ์ ปลย่ี นไปตลอด 1 ปี ดงั น้ันแนวเส้นปากกาท่เี กิดข้ึนบนทรง คำถาม
กลมท้องฟ้าในแตล่ ะตำแหนง่ จะไม่เหมือนกัน

ตวั แปรต้น ( 1 คะแนน) ไมไ่ ด้คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คอื แนวแกนของโลกท่เี อียง และตำแหน่ง
ต่างๆ ของลูกโลก

ตัวแปรตาม ( 1 คะแนน) ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่ตอบ
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ แนวเสน้ ของปากกาเมจิกท่ีขดี ลงบนทรง
กลมท้องฟา้ ในแตล่ ะตำแหน่ง

ตวั แปรควบคุม ( 1 คะแนน) ไม่ไดค้ ะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไมต่ อบ
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ ลูกโลกเอยี ง ตำแหน่งและทศิ ของทรง
กลมท้องฟ้าทีต่ ิดบนลกู โลก


ตารางบนั ทึกผลการทดลอง (4 คะแนน) ลักษณะของแนวเสน้ ปากกา
ท่เี กดิ ขึ้นบนทรงกลมท้องฟา้ ท้ัง 4 ตำแหน่ง
วาดรูปแนวเส้นปากกา ตำแหน่งท่ี 1 แนวเสน้ ปากกาจะเร่ิมจากทศิ
ทเ่ี กดิ ขึน้ บนทรงกลมท้องฟา้ ตะวันออกและไปสิน้ สุดท่ีทิศตะวนั ตก

ตำแหนง่ ที่ 2 แนวเส้นปากกาจะเร่มิ จากทิศ
ตะวนั ออกเฉียงไปทางทิศเหนือและไปส้ินสุดที่ทิศ
ตะวันตกเฉียงไปทางทิศเหนือ

ตำแหนง่ ท่ี 3 แนวเสน้ ปากกาจะเรม่ิ จากทศิ
ตะวันออกและไปสิน้ สุดท่ีทิศตะวันตก

ตำแหน่งที่ 4 แนวเสน้ ปากกาจะเรม่ิ จากทศิ
ตะวันออกเฉียงไปทางทิศใต้และไปส้นิ สดุ ที่ทิศ
ตะวนั ตกเฉียงไปทางทิศใต้

คะแนนเตม็ 4 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
คะแนน
วาดรูปแสดงแนวเสน้ วาดรูปแสดงแนวเสน้ วาดรูปแสดงแนวเสน้ วาดรปู แสดงแนวเส้น
วาดรปู แสดงแนวเสน้ ปากกาทเ่ี กดิ ข้นึ บนทรง ปากกาที่เกดิ ขึ้นบนทรง ปากกาท่ีเกิดขึ้นบน ปากกาที่เกิดข้นึ บน
ปากกาทเ่ี กดิ ข้ึนบน กลมท้องฟา้ และเขยี น กลมทอ้ งฟ้าและเขยี น ทรงกลมทอ้ งฟา้ และ ทรงกลมทอ้ งฟ้าและ
ทรงกลมท้องฟา้ และ อธบิ ายลกั ษณะของแนว อธิบายลกั ษณะของแนว เขยี นอธบิ ายลกั ษณะ เขียนอธบิ ายลกั ษณะ
เขียนอธบิ ายลกั ษณะ เส้นปากกาท่ีเกดิ ขึ้นบน เสน้ ปากกาทีเ่ กดิ ขน้ึ บน ของแนวเสน้ ปากกาท่ี ของแนวเสน้ ปากกาท่ี
ของแนวเส้นปากกาท่ี ทรงกลมท้องฟ้าได้ ทรงกลมท้องฟา้ ได้ เกิดขน้ึ บนทรงกลม เกิดขึ้นบนทรงกลม
เกดิ ขน้ึ บนทรงกลม ถูกต้อง3 ตำแหน่ง ถกู ต้อง2 ตำแหน่ง ทอ้ งฟ้าไดถ้ กู ต้องเพยี ง ท้องฟ้าไมถ่ ูกต้องทง้ั
ทอ้ งฟา้ ไดถ้ ูกต้องทงั้ 4 1 ตำแหนง่ 4 ตำแหนง่
ตำแหนง่


สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน

สรุปผลการทดลองไดถ้ ูกต้อง คอื ในแตล่ ะวนั ดวงอาทติ ย์ สรุปผลการทดลองได้ถูกต้องบางสว่ น ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง
ไมไ่ ดข้ ้ึนและตกในตำแหนง่ เดมิ ตลอดทง้ั ปี เนื่องจากแกน เช่น ดวงอาทิตยไ์ มไ่ ดข้ นึ้ และตกใน หรอื ไมต่ อบคำถาม
โลกเอยี งทำมมุ 23.5 องศา จากแนวตัง้ ฉากกับระนาบวง ตำแหนง่ เดมิ ตลอดทงั้ ปี แตไ่ มไ่ ด้
โคจร สงั เกตไดจ้ ากแนวเส้นปากกาท่ีเกดิ ขึ้นบนทรงกลม อธบิ ายเหตผุ ลประกอบและเชื่อมโยง
ท้องฟา้ ทัง้ 4 ตำแหนง่ จะแตกตา่ งกัน กบั การทดลอง

คำถามทา้ ยการทดลอง

คำถามที่ 1

คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน

ตอบคำถามได้ถกู ต้อง คอื ทิศทางการข้นึ ตกของดวงอาทติ ย์ ตอบคำถามไมถ่ กู ต้อง หรือไม่ตอบคำถาม

คำถามท่ี 2

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน

ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ ง คอื ในวันท่ี 21 มถิ นุ ายน ดวงอาทิตยข์ น้ึ ทางทศิ ตอบคำถามไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่ตอบคำถาม
ตะวนั ออกเฉยี งไปทางทศิ เหนือ และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางทศิ เหนือ

คำถามท่ี 3

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน

ตอบคำถามได้ถูกตอ้ ง คือ การข้นึ ตกของดวง ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งบางส่วน เชน่ ตอบคำถามไมถ่ กู ตอ้ ง หรอื ไมต่ อบ

อาทติ ยใ์ นรอบ 1 ปี ไมไ่ ดข้ ึ้นและตกในตำแหน่ง การขึ้นตกของดวงอาทติ ยใ์ นรอบ 1 คำถาม

เดิม แตม่ กี ารเปล่ียนแปลงเล็กน้อยในแตล่ ะวนั ปี ไม่ไดข้ ึ้นและตกในตำแหนง่ เดิม

และเม่ือครบ 1 ปี จะกลับมาท่ีตำแหนง่ เดิมอกี แต่ไมไ่ ดอ้ ธบิ ายเหตผุ ลประกอบ

ครั้ง เนือ่ งจากแกนโลกเอียงทำมมุ 23.5 องศา

จากแนวต้งั ฉากกับระนาบวงโคจรของโลก

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14-15 ดีมาก หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์

11-13 ดี

8-10 พอใช้

0-7 ปรบั ปรุง


ใบงานตามแนวทาง PISA เร่อื ง ตำแหน่งการข้นึ ตก ของดวงอาทติ ย์ในรอบ 1 ปี

สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ
ว3.1 ม.3/2 สร้างแบบจำลองทอี่ ธบิ ายการเกดิ ฤดแู ละการเคลอ่ื นทปี่ รากฏของดวงอาทติ ย์

ในรอบ 1 ปี เกดิ ปรากฏการณ์สำคัญทีเ่ ก่ียวข้องกับการข้ึน-ตกของดวงอาทิตย์ ดังนี้
1. วนั วสนั ตวษิ ุวตั (วะ-สนั -ตะ-วิ-สุ-วดั ) (Vernal Equinox) ในปี 2563 ตรงกับวนั ท่ี 20 ม.ี ค. เป็นวนั ท่ดี วงอาทติ ย์ขึน้ ทางทศิ
ตะวันออกและตกทางทิศตะวนั ตกพอดี สง่ ผลใหช้ ว่ งเวลากลางวนั เทา่ กบั กลางคืนพอดี นบั เปน็ วนั ทปี่ ระเทศทางซกี โลกเหนอื ย่างเขา้
สฤู่ ดูใบไมผ้ ลิ สว่ นซกี โลกใตเ้ ขา้ สฤู่ ดใู บไมร้ ่วง
2. วนั ครษี มายนั (ครดี -สะ-มา-ยัน) (Summer Solstice) ในปี 2563 ตรงกบั วันท่ี 21 มิ.ย. เปน็ วนั ทีด่ วงอาทติ ย์ขนึ้ ทางทศิ
ตะวนั ออกเฉยี งไปทางเหนอื มากท่ีสุด และตกทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงไปทางเหนือมากท่สี ุด ส่งผลให้ชว่ งเวลากลางวันยาวทสี่ ุดในรอบ
ปี สำหรับประเทศทางซกี โลกเหนอื นับเปน็ วนั ทีย่ ่างเขา้ สู่ฤดรู อ้ น สว่ นประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะส้ันทสี่ ดุ ในรอบปี
นบั เปน็ วนั ที่ยา่ งเข้าสู่ฤดหู นาว
3. วนั ศารทวิษุวัต (สาด-ทะ-วิ-สุ-วัด) (Autumnal Equinox) ในปี 2563 ตรงกับวันท่ี 22 ก.ย. เปน็ วันที่ดวงอาทิตย์ขนึ้ ทางทศิ
ตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี สง่ ผลให้ชว่ งเวลากลางวนั เทา่ กับกลางคืนพอดี นบั เปน็ วันท่ีประเทศทางซีกโลกเหนือย่างเข้า
สฤู่ ดใู บไม้รว่ ง ส่วนซีกโลกใตเ้ ข้าสฤู่ ดูใบไมผ้ ลิ
4. วันเหมายนั (เห-มา-ยนั ) (Winter Solstice) ในปี 2563 ตรงกับวนั ท่ี 21 ธ.ค. เป็นวนั ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉยี ง
ไปทางใตม้ ากทสี่ ดุ และตกทางทศิ ตะวันตกเฉยี งไปทางใตม้ ากทสี่ ดุ สง่ ผลใหช้ ่วงเวลากลางวันส้ันทสี่ ดุ และกลางคืนยาวทสี่ ดุ ในรอบปี
หรอื ทค่ี นไทยเรียกวา่ “ตะวนั ออ้ มข้าว” สำหรบั ประเทศทางซกี โลกเหนือ นบั เปน็ วันท่ีย่างเข้าสูฤ่ ดหู นาว สว่ นประเทศทางซีกโลกใต้
ช่วงกลางวนั จะยาวทส่ี ดุ ในรอบปี นับเป็นวนั ที่ยา่ งเขา้ สู่ฤดรู อ้ น.

ทม่ี า : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1595383


คำถามท่ี 1 (1 คะแนน)

ในแต่ละวันดวงอาทิตยข์ นึ้ ตก ในตำแหนง่ ที่แตกตา่ งกัน มสี าเหตุมาจากอะไร

1. ดวงอาทติ ย์และโลก ดึงดูดกัน 2. ดวงอาทติ ย์ โลก และ ดวงจนั ทรด์ ึงดดู กัน

3. แกนโลกเอยี ง 23.5O 4. แกนโลกเอยี ง 25.3O

คำถามท่ี 2 (2 คะแนน)

จากถ้อยความ วันศารทวษิ ุวัต คอื อะไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำถามที่ 3

จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรอื ไม่เป็นความจรงิ (2 คะแนน)

ขอ้ ความทีเ่ ป็นความจริง ให้ทำเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ใช่”

ข้อความท่ีไม่เปน็ ความจริง ให้ทำเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่”

ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่

1) วนั ศารทวษิ ุวัต เปน็ วันท่ีช่วงเวลากลางวนั เท่ากบั กลางคืนพอดี เชน่ เดยี วกับวันครีษมายนั

2) ช่วงเวลากลางวันยาวท่ีสุดในรอบปี สำหรบั ประเทศทางซีกโลกเหนอื คือ วนั วสันตวิษุวตั

3) ในปี 2563 วนั ท่เี กดิ “ตะวันออ้ มข้าว” ตรงกับวนั ท่ี 21 มิถุนายน

4) ชว่ งเวลากลางวนั สัน้ ท่สี ุดและกลางคืนยาวทีส่ ดุ ในรอบปี สำหรบั ประเทศทางซกี โลกเหนอื

นับเปน็ วันทีย่ า่ งเข้าสู่ฤดหู นาว เรียกว่าวัน เหมายนั


เฉลยและเกณฑก์ ารให้คะแนน

คำถามท่ี 1

คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน

ข้อ 3. แกนโลกเอยี ง 23.5O คำตอบอ่ืนๆ

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ตอบคำถามได้ถกู ต้องโดยอ้างอิงจากถอ้ ยความ ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งบางสว่ น คอื เป็นวันท่ี ตอบไมถ่ ูกตอ้ ง หรอื ไมต่ อบคำถาม
คอื เป็นวนั ที่ดวงอาทิตยข์ ้ึนทางทิศตะวนั ออก
และตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลา ดวงอาทติ ยข์ ึ้นทางทิศตะวนั ออกและตก
กลางวันเทา่ กับกลางคนื พอดี
ทางทิศตะวันตกพอดี หรอื ชว่ งเวลา

กลางวนั เทา่ กบั กลางคนื พอดี อยา่ งใดอย่าง

หนง่ึ

คำถามท่ี 3 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมลู ข้อความต่อไปน้ี เป็นความจรงิ หรอื ไม่เปน็ ความจริง (2 คะแนน) X X
X
ข้อความท่ีเปน็ ความจริง ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในชอ่ ง “ใช่” X
ขอ้ ความที่ไมเ่ ปน็ ความจรงิ ให้ทำเคร่อื งหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”

ข้อความ
1) วันศารทวษิ ุวัต เป็นวนั ที่ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี เช่นเดียวกบั วนั ครีษมายนั
2) ช่วงเวลากลางวนั ยาวทสี่ ุดในรอบปี สำหรับประเทศทางซีกโลกเหนือ คือ วันวสนั ตวิษุวัต

3) ในปี 2563 วนั ทเ่ี กิด “ตะวันออ้ มขา้ ว” ตรงกับวันที่ 21 มถิ นุ ายน
4) ชว่ งเวลากลางวันส้ันท่สี ดุ และกลางคนื ยาวที่สุดในรอบปี สำหรบั ประเทศทางซีกโลกเหนือ
นับเป็นวนั ทีย่ า่ งเข้าสฤู่ ดูหนาว เรยี กวา่ วัน เหมายนั

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบถูกท้ัง 4 ข้อ : ไม่ใช่ ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์


ขอ้ สอบ O-NET (2563) 1 ข้อ
(เฉลยตอบขอ้ ท่ี 2 มมี ุมทศิ 240 องศา และอยู่หา่ งจากดาว B เปน็ ระยะเชิงมมุ 40 องศา)


แผนจัดการเรียนร้ทู ี่ 35

ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ เอกภพ หนว่ ยยอ่ ยท่ี 4

เรื่อง การเกดิ นำ้ ขึ้น-นำ้ ลง เวลา 1 ชั่วโมง

วนั ที่ทำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตัวชว้ี ดั

การเกดิ นำ้ ขึ้น-น้ำลง เปน็ ปรากฏการณท์ เ่ี กดิ จากการเปลย่ี นแปลงของ ว 3.1 ม.3/3 สรา้ งแบบจำลองที่อธบิ ายการเกดิ ข้างข้นึ ข้างแรม การ

ระดบั น้ำทะเล มหาสมทุ ร หรอื แม่นำ้ ลำคลองทนี่ ำ้ ทะเลขึน้ ถงึ โดยเกิดจาก เปลย่ี นแปลงเวลาการขึน้ และตกของดวงจันทร์ และการเกิดน้ำขึน้ นำ้ ลง

อิทธพิ ลแรงดึงดูดระหวา่ งมวลของดวงจันทร์และโลก เรยี กว่า “แรงไทดัล”

ทำใหผ้ วิ โลกด้านทห่ี ันเข้าหาดวงจนั ทรแ์ ละด้านทต่ี รงขา้ มดวงจันทรม์ รี ะดบั

นำ้ ยกตวั สงู ข้นึ เกดิ เป็น “นำ้ ขึน้ ” ส่วนบรเิ วณที่อยู่ในแนวเส้นตัง้ ฉากกับ

เส้นตรงทีล่ ากผา่ นศูนยก์ ลางของโลกและดวงจันทร์จะเกิดเป็น “น้ำลง”

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชนิ้ งาน /ภาระงาน

- การเกดิ นำ้ ขนึ้ -น้ำลง - ใบงาน Diagram เรือ่ ง การเกิดน้ำขึ้น-น้ำลง

5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 6. เครอื่ งมอื การคิด

- ความสามารถในการคดิ - Diagram

กิจกรรมการเรยี นรู้

7.ขัน้ ของกจิ กรรม 8.ส่ือ 9.วิธีวัดผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงาน Diagram เร่ือง - ประเมนิ ใบงาน ใบงาน

“บอกชือ่ ชายหาด ทีน่ ักเรยี นร้จู ัก มาคนละ 1 ชื่อ” การเกดิ นำ้ ข้นึ -นำ้ ลง Diagram เรอื่ ง การเกิด

Purpose : (2 นาที ) - ส่อื Power point น้ำข้นึ -น้ำลง

เราจะเรียนเรื่อง การเกดิ นำ้ ขน้ึ -น้ำลง เพ่ือใหน้ กั เรียนสามารถสร้างแบบจำลองทอี่ ธบิ าย ประกอบการสอน เรอ่ื งการ

การเกดิ นำ้ ขึ้นนำ้ ลงได้ เกิดนำ้ ขนึ้ -นำ้ ลง

Work mode (50 นาท)ี

1. นักเรยี นฟังครูอธบิ าย เรอ่ื งการเกดิ นำ้ ข้ึน-นำ้ ลง โดยใชส้ ่อื Power point

ประกอบการสอน ซงึ่ หากนกั เรยี นคนใดสงสยั สามารถสอบถามเพอ่ื ให้ครูอธิบายเพิม่ เตมิ

(พอเพยี ง3 : การมีภมู ิคุ้มกันทด่ี )ี (25 นาที)

2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันสรุปองค์ความรเู้ กยี่ วกบั การเกดิ น้ำขึ้น-น้ำลง ในรปู แบบ

แผนผงั โดยทำลงในใบงาน Diagram เร่อื ง การเกิดน้ำขนึ้ -นำ้ ลง (คิด 9: คดิ เชิงมโน

ทัศน)์ (สมรรถนะท่ี 4) (20 นาที)

3. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรา้ งแบบจำลองการเกดิ นำ้ ขึน้ -นำ้ ลง โดยสุ่มตวั แทนนักเรยี น

ออกมาวาดแบบจำลองบนกระดาน จากน้นั เพื่อนนกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและสรุป

บทเรยี นเก่ยี วกับการเกดิ ฤดูกาล โดยนกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “นำ้ ข้ึน-น้ำลง

เกิดจากอะไร และมคี วามสำคญั ตอ่ อาชพี ใดบ้าง?/ ปรากฏการณ์ท่นี ำ้ ทะเลหนุนสูงสดุ และ

นำ้ ทะเลลงตำ่ สดุ เรยี กวา่ อะไร ? (5 นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สงิ่ ท่ีนกั เรียนสามารถได้รบั จากการเรยี นในวันน้ี? (2 นาที)

- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงาน Diagram เร่อื ง การเกิดนำ้ ข้นึ -น้ำลง

คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ระดมความคดิ เพ่ือสรปุ องค์ความรเู้ กยี่ วกบั เรื่อง การเกิดน้ำข้นึ -น้ำลง ใน
รปู แบบ Diagram

ปรากฏการณ์น้าขน้ึ -น้าลง

เกดิ จาก

น้าขนึ้
น้าเกดิ

นา้ ลง น้าตาย

แผนภาพ


Click to View FlipBook Version