The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by scicrpaoschool, 2022-12-20 23:07:59

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

รายวิชาวิทยาศาสตร์ 6

แผนจัดการเรียนรู้ที่ 21

ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ปฏิกิริยาเคมี หน่วยย่อยท่ี 3

เรอ่ื ง สมการเคมี เวลา 1 ช่ัวโมง

วันท่ีทำการสอน.........................เดือน............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปัญญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ชวี้ ดั

เมอื่ เกิดสารใหม่ สามารถเขยี นแทนการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีดว้ ยสมการ ว 2.1 ม.3/3 อธิบายการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี รวมถึงการจดั เรยี งตวั ใหม่

ขอ้ ความ หรือ สมการเคมี โดยสมการเคมีจะแสดงอตั ราส่วนตำ่ สดุ ของ ของอะตอมเม่อื การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและสมการ

จำนวนอนภุ าคของสารตัง้ ตน้ ทท่ี ำปฏิกิริยากนั พอดีและจำนวนอนุภาคของ ขอ้ ความ

ผลิตภณั ฑท์ เ่ี กดิ ขน้ึ

สารต้ังตน้ 1 + สารต้งั ตน้ 2 ผลิตภณั ฑ์1 + ผลติ ภณั ฑ์2

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน /ภาระงาน

- สมการเคมี - ใบงาน เรอ่ื ง สมการเคมี

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 6. เคร่ืองมอื การคิด

- ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - Six Thinking hats ( White hat, Yellow hat, Blue hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7.ขั้นของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วิธวี ัดผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน เร่ือง สมการเคมี -ประเมินใบงาน เร่ือง

“บอกชอ่ื สารทม่ี ีสมบตั ิเปน็ กรด มาคนละ 1 อยา่ ง” – บทเรียนออนไลน์ เรือ่ ง สมการเคมี

Purpose : (2 นาที ) สมการเคมี

เราจะเรียนเรอื่ ง สมการเคมี เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถเขยี นสมการเคมเี พอื่ อธิบายการเรียง

ตวั ใหมข่ องอะตอมเมือ่ การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี โดยใช้แบบจำลองและสมการขอ้ ความได้

Work mode (50 นาที)

1. นกั เรียนศกึ ษาเรือ่ งสมการเคมี ในบทเรียนออนไลน์ (พอเพยี ง3 : การมีภมู คิ มุ้ กันทดี่ )ี

(20 นาที)

3. นักเรียนคิดอย่างมีวจิ ารณญาณเพ่อื ตอบคำถามกระตุ้นความคิด “แก๊สคารบ์ อนมอน

นอกไซด์ มสี ตู รเคมอี ยา่ งไ?/ H2SO4 ประกอบด้วยธาตุอะไรบ้าง อย่างละก่อี ะตอม ?
(คดิ 4 : คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ) (สมรรถนะที่ 2) (White hat) (5 นาท)ี

4. นักเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง สมการเคมี (20 นาท)ี

5. นักเรียนและครูรว่ มกันเฉลยใบงาน เรื่อง สมการเคมี และสรปุ บทเรยี น โดยนกั เรยี น

ตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “การที่เราระบสุ ัญลักษณ์แสดงสถานะของสารตง้ั ตน้ และ

ผลติ ภณั ฑ์ ลงในสมการเคมี มีขอ้ ดอี ยา่ งไร?/นกั เรยี นจะสรปุ หลกั ในการเขียนสมการเคมี

ได้ว่าอยา่ งไร? (Yellow hat, Blue hat) (5 นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี

- 1 สิ่งทีน่ ักเรียนยงั สงสยั จากการเรียนในวนั นี้? (2 นาที)

- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงานเร่อื ง สมการเคมี

ตอนที่ 1 จงเขยี นสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าเคมีใหส้ มบรู ณ์ (ข้อละ 2 คะแนน)

1. เมอ่ื นำลวดแมกนเี ซียม(Mg) ใสล่ งในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) ไดผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ปน็ สารละลายแมกนเี ชียม
คลอไรด์(MgCl2) และแกส๊ ไฮโดรเจน(H2)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ปฏิกิรยิ าในเซลลเ์ ชื้อเพลิงไฮโดรเจน-ออกซเิ จน(H2-O2) เกิดจากการผา่ นแก๊สท้งั 2 ชนดิ เขา้ ไปทำปฏิกริ ิยากันใน
สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ทเี่ ปน็ เบส และมโี ลหะแพลตทินัม(Pt) เปน็ ตวั เรง่ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ผลิตผลทไี่ ดเ้ ปน็ นำ้ บริสทุ ธิ์
กระแสไฟฟา้ และพลงั งานความร้อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตอนท่ี 2 จงดลุ สมการเคมีต่อไปนี้ให้สมบรู ณ์ (ข้อละ 1 คะแนน)

1. …………..H2(g) + ……………..Cl2(g) ………………HCl(g)
2. …………..CaCO3(s) + ……………..CaO(s) ………………CO2(g)
3. …………..Na(s) + ……………..H2O(l)
4. …………..H2SO4(aq) + ……………..NaOH(aq) ………………NaOH(aq) + …………………H2(g)
……………..H2O(l) ………………Na2SO4(aq) +
5. …………..CH4(g) + ……………..O2(g)
6. …………..Na(s) + ……………..Cl2(g) ………………CO2(g) + ………………H2O(g)
………………NaCl(aq)


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน

ตอนท่ี 1

คำถามที่ 1

คะแนนเต็ม 2 คะแนน ไม่มีคะแนน
คำตอบอื่นๆ หรือไม่ตอบคำถาม
เขียนสมการเคมีได้ถกู ต้อง คือ
ไมม่ ีคะแนน
Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + H2(g) คำตอบอื่นๆ หรือไม่ตอบคำถาม

คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน

เขียนสมการเคมไี ด้ถกู ต้อง คอื

2H2(g) + O2(g) 2H2O(l)

ตอนที่ 2

คำถามท่ี 1

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
คำตอบอนื่ ๆ หรือไม่ตอบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คือ
ไม่มีคะแนน
…1...H2(g) + …1....Cl2(g) …2…HCl(g) คำตอบอื่นๆ หรอื ไมต่ อบคำถาม
คำถามท่ี 2
ไม่มคี ะแนน
คะแนนเตม็ 1 คะแนน คำตอบอนื่ ๆ หรอื ไม่ตอบคำถาม

ดลุ สมการเคมีไดถ้ ูกต้อง คอื

…1….CaCO3(s) + …1….CaO(s) …1…CO2(g)
คำถามที่ 3

คะแนนเต็ม 1 คะแนน

ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คือ

…2…Na(s) + …2…H2O(l) …2…NaOH(aq) +
…1…H2(g)


คำถามที่ 4

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
คำตอบอ่นื ๆ หรอื ไมต่ อบคำถาม
ดลุ สมการเคมีไดถ้ ูกต้อง คอื

..1..H2SO4(aq) + ..2..NaOH(aq) ..1..Na2SO4(aq) +
..2..H2O(l)

คำถามท่ี 5

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
คำตอบอ่นื ๆ หรือไมต่ อบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกต้อง คอื

…1…CH4(g) + …2…O2(g) …1…CO2(g) +
…2…H2O(g)

คำถามที่ 6

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
คำตอบอนื่ ๆ หรือไม่ตอบคำถาม
ดลุ สมการเคมีได้ถูกตอ้ ง คือ

…2…Na(s) + …1…Cl2(g) …2…NaCl(aq)

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

9-10 ดมี าก หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

7-8 ดี

5-6 พอใช้

0-4 ปรับปรุง


ขอ้ สอบ O-NET (2561) 1 ขอ้

(เฉลยตอบข้อท่ี 4 )


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 22

ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ปฏกิ ิริยาเคมี หน่วยยอ่ ยท่ี 3
เรอ่ื ง กฎทรงมวล เวลา 2 ชั่วโมง

วนั ท่ีทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผสู้ อน นายสเุ วช สืบปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ชี้วัด

กฎทรงมวล มีใจความว่า มวลของสารกอ่ นทำปฏิกริ ิยาเทา่ กบั มวลของ ว 2.1 ม.3/4 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์

สารหลังทำปฏกิ ิรยิ า ซึ่งการเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้นเก่ียวขอ้ งกับ 2 สว่ น คือ

ระบบและสงิ่ แวดลอ้ ม โดยระบบ หมายถงึ สงิ่ ต่างๆ ท่ีอยูใ่ นขอบเขตที่เรา

สนใจและต้องการศกึ ษา แบ่งเปน็ ระบบปิด และ ระบบเปิด สว่ น

ส่ิงแวดลอ้ ม หมายถงึ สงิ่ ตา่ งๆทอี่ ย่นู อกเหนอื ขอบเขตท่เี ราสนใจและศกึ ษา

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้ินงาน /ภาระงาน

- กฎทรงมวล - ใบงาน KWL เรื่อง กฎทรงมวล

- ใบงาน เร่ือง กฎทรงมวล

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 6. เครื่องมือการคดิ

- ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา - KWL

กจิ กรรมการเรียนรู้

7.ขน้ั ของกิจกรรม 8.ส่ือ 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน KWL เร่ืองกฎทรง - ประเมนิ ใบงาน KWL

“ยกตัวอยา่ งจำนวนท่หี ารด้วย 3 ลงตวั มาคนละ 1 จำนวน” มวล เร่อื ง กฎทรงมวล

Purpose : (2 นาที )

เราจะเรยี น เรอ่ื ง กฎทรงมวล เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถอธิบายระบบและกฎทรงมวลได้ - ใบงาน เรือ่ ง กฎทรงมวล - ประเมินใบงาน เรื่อง

Work mode (110 นาที) กฎทรงมวล

1. นักเรยี นตอบคำถาม “นกั เรยี นรู้อะไร เกยี่ วกบั กฎทรงมวล? โดยบนั ทึกความรลู้ งในใบ - - บทเรียนออนไลน์ เรือ่ ง

งาน KWLบนั ทกึ ลงในช่อง K (Know) (KWL : K) /นกั เรยี นตอ้ งการเรยี นรู้อะไรบ้าง กฏทรงมวล

เก่ียวกับเร่ืองระบบและกฎทรงมวล โดยบนั ทกึ ความรลู้ งในใบงาน KWL บันทึกลงในช่อง

W (Want) (KWL : W) (5 นาท)ี

2.นักเรยี นศกึ ษาเรื่องระบบและกฎทรงมวล เร่ือง กฎทรงมวล ในบทเรียนออนไลน์

(พอเพียง3 : การมีภมู ิค้มุ กันทีด่ )ี (25นาท)ี

4. นักเรียนฟังครูอธิบายตวั อย่างการใชก้ ฎทรงมวล โดยครเู ขยี นตัวอยา่ งโจทยค์ ำนวณบน

กระดานประกอบการอธบิ าย (สมรรถนะท่ี 3) (15 นาที)

5. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “ระบบ และ สิ่งแวดล้อม คอื อะไร?/ระบบเปิด

และ ระบบปดิ มีความเหมอื นหรอื แตกต่างกัน อยา่ งไรบา้ ง? (คดิ 2: คิดเปรยี บเทียบ)

(10 นาที)

6. นกั เรียนทำใบงาน เร่ือง กฎทรงมวล (25 นาท)ี
7. นกั เรียนและครรู ว่ มกันเฉลยใบงาน เรอื่ ง กฎทรงมวล (15 นาที)


8. นักเรยี นตอบคำถาม “จากบทเรยี น นักเรยี นไดเ้ รยี นรูอ้ ะไรบ้างเกย่ี วกับเรือ่ ง การ
ถ่ายทอดพลงั งาน? โดยบนั ทึกความรู้ลงในใบงาน KWL บนั ทกึ ลงในชอ่ ง L (Learn)
(KWL : L) (5 นาท)ี
9. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ องค์ความร้จู ากบทเรยี น โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

“กฎทรงมวล มใี จความวา่ อยา่ งไร?/สาร A 25 กรมั ทำปฏกิ ิริยาพอดกี บั สาร B 15 กรมั

พบวา่ ได้สาร C และ D อย่างละ 20 กรัม ปฏิกิริยาดงั กลา่ วเปน็ ไปตามกฎทรงมวลหรอื ไม่

อย่างไร?(10นาท)ี

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 ส่ิงทน่ี กั เรียนยังสงสยั จากการเรียนในวนั นี้? (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงานตารางบันทกึ ความรู้ KWL

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนบนั ทึกความรทู้ ไี่ ดล้ งในตารางต่อไปนี้ พรอ้ มท้ังเขียนสรปุ ความลงในบรรทัดทว่ี า่ งไว้ขา้ งลา่ งของแบบบนั ทึก

K : Know W : Want L : Learn
(นกั เรียนรอู้ ะไร) (นักเรียนตอ้ งการรู้อะไร) (นกั เรยี นได้เรยี นรู้อะไร)

สรุป : ............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................... ........................................................ ............................
............................................................................................................................. ....................................................


ใบงานเรื่อง กฎทรงมวล

คำชแ้ี จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ต้อง

1. ระบบปดิ แตกตา่ งจากระบบเปดิ ในเรือ่ งของการปดิ ภาชนะใช่หรือไม่ อยา่ งไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
..................................................................................................................................................................................... ...................
................................................................................................................ ............................

2. การทดสอบปฏกิ ิริยาระหว่างกรดกบั เบส สง่ิ ใด คือ ระบบและสง่ิ แวดล้อม ตามลำดับ (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...............

3. “สาร A 25 กรัม ทำปฏิกิริยาพอดีกับสาร B 15 กรัม พบวา่ ไดส้ าร C และ D อยา่ งละ 20 กรัม” จากข้อความดังกลา่ ว
เป็นไปตามกฎทรงมวลหรอื ไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................. ...........................................................................
............................................................................................................................................

4. การทดลองเผาสารชนิดหน่ึงทห่ี นกั 100 กรมั เกดิ สารใหม่ 45 กรัม และมีแกส๊ เกดิ ข้ึน ถา้ การเผาชนดิ น้ีทำในภาชนะปดิ
และเป็นไปตามกฎทรงมวล จะมแี ก๊สเกดิ ขึ้นกก่ี รัม (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ...........................................................................
...................................................................................................................................................................... ..................................
................................................................................................. ...........................................

5. นำสาร ก ใสล่ งในสารละลายของสาร ข 30 กรัม เกิดสาร ค 25 กรัม และตรวจพบสาร ข ปริมาณคร่ึงหน่ึงของตอน
เร่ิมตน้ รวมออกมาดว้ ย สาร ก และ ข ที่ทำปฏกิ ริ ิยากนั เป็นก่กี รมั (2 คะแนน)
...................................................................................................................................................... ..................................................
................................................................................. .......................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............


เฉลยและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คำถามท่ี 1

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน

ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ ง คือ แตกตา่ ง โดยระบบปดิ ตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งบางสว่ น คือ แตกต่าง โดย ตอบไม่ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม
เปน็ ระบบทไี่ มม่ กี ารถ่ายเทมวลของสารระหวา่ ง
ระบบกบั สงิ่ แวดลอ้ ม ซึ่งสามารถเปิดหรือปดิ ระบบปิด เป็นระบบทไี่ ม่มกี ารถ่ายเทมวลของสาร
ภาชนะก็ได้ แตร่ ะบบเปดิ เปน็ ระบบทีม่ กี ารถ่ายเท
มวลสารระหว่างระบบกับสง่ิ แวดลอ้ ม จะเกิดขน้ึ ระหวา่ งระบบกบั สิง่ แวดลอ้ ม แตร่ ะบบเปดิ เป็น
เมอื่ เปิดฝาภาชนะเทา่ น้ัน
ระบบทม่ี ีการถ่ายเทมวลสารระหวา่ งระบบกับ

สิ่งแวดลอ้ ม โดยไมไ่ ด้อธิบายเกีย่ วกบั ประเดน็ ของ

การปดิ ฝาภาชนะ

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้องทง้ั 2 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ระบบ คอื สง่ิ ทเ่ี กิดขน้ึ ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ งเพยี ง 1 ประเด็น ตอบไม่ถกู ต้อง หรือไม่ตอบ
จากปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งกรดกับเบส สว่ นสิ่งแวดล้อม คือ อปุ กรณท์ ่ใี ช้ใน คำถาม
การทดลอง

คำถามที่ 3

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบคำถามไดถ้ กู ตอ้ งทัง้ 2 ประเดน็ คือ เปน็ ไปตามกฎทรงมวล และ ตอบคำถามไดถ้ กู ต้องบางส่วน คอื เปน็ ไป ตอบไม่ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่
อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ คอื เนอื่ งจากมวลของสารก่อนทำปฏกิ ริ ยิ า ตามกฎทรงมวล แตไ่ ม่ไดอ้ ธบิ ายเหตผุ ล ตอบคำถาม
ระหว่างสาร A กับ สาร B มีค่าเทา่ กบั ประกอบ
25 + 15 = 40 กรัม และมวลของสารหลงั ทำปฏกิ ิรยิ า คอื มวลของ
สาร C และ D มีค่าเทา่ กับ 20 + 20 = 40 กรัม ซง่ึ มคี า่ เท่ากนั

คำถามท่ี 4 ไม่มคี ะแนน
ตอบไมถ่ กู ต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม
คะแนนเตม็ 2 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกตอ้ ง คอื มแี กส๊ เกิดข้ึน 55 กรัม


คำถามที่ 5 ไม่มีคะแนน
ตอบไม่ถกู ตอ้ ง หรอื ไม่ตอบคำถาม
คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ กู ตอ้ ง คือ สาร A มคี ่า 10 กรมั

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

9-10 ดมี าก

7-8 ดี

5-6 พอใช้

0-4 ปรับปรุง


แบบประเมินใบงาน KWL

คำชแี้ จง : ให้ผูส้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนดตามตาราง
แนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

ลำดับ ชื่อ-สกลุ การแสดงความ เนื้อหา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงตอ่ เวลา รวม สรปุ ผลการ
ที่ ของผรู้ บั การประเมิน คดิ เหน็ ( 4 คะแนน ( 4 คะแนน ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/

( 4 คะแนน ) ) ) ไมผ่ ่าน

ลงชือ่ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดีมาก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ตำ่ กวา่ 10 ปรับปรุง

นักเรียนได้ระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน KWL

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
การแสดง 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
ความ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง k ได้
คดิ เหน็ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง k - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง k - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง k
นอ้ ยกวา่ 7 ขอ้
ได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป ได้ 9-10 ขอ้ ได้ 7-8 ข้อ - แสดงความคิดเห็นในช่อง w ได้

- แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง wได้ - แสดงความคดิ เห็นในช่อง - แสดงความคดิ เห็นในช่อง น้อยกว่า 7 ขอ้
- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง l ได้
10 ข้อข้นึ ไป w ได้ 9-10 ขอ้ w ได้ 7-8 ข้อ
นอ้ ยกว่า 7 ข้อ
- แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง l ได้ - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง l - แสดงความคดิ เห็นในชอ่ ง l

10 ขอ้ ขนึ้ ไป ได้ 9-10 ข้อ ได้ 7-8 ข้อ

เนือ้ หา - เน้ือหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เน้อื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนื้อหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี
กำหนด 100%
การ กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกว่า 59%
นำเสนอ - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา
100% - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษาต่ำ
ความ
สวยงาม - ลำดบั หวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน 80-99% 60-79% กวา่ 59%
- มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง
- ลำดบั หวั ข้อเน้ือหาชดั เจน - มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผลตำ่
สมเหตสุ มผล 100%
- พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% กว่า 59%
- ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม
สมเหตุสมผล 80-99%
อักขระ100%
- บุคลกิ ภาพดแี ละมีความมน่ั ใจ - พดู ชัดเจนเสยี งดังฟังชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
- มกี ารใช้ส่ือประกอบการ
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม
นำเสนอ
- ความพร้อมในการนำเสนอ อักขระ80-99% อักขระ60-79% อกั ขระต่ำว่า 59%
- ใชส้ ีสนั สวยงาม
- มีความสะอาด - บุคลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
- มีความคดิ สร้างสรรค์
- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

ได้บางสว่ น

- ใชส้ สี นั สวยงาม - ใชส้ ีสันสวยงามและมคี วาม - ใช้สสี ันสวยงามหรอื เปน็ ไปตาม
- มีความสะอาด สะอาด เกณฑ์อย่างใดอย่างหนงึ่
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์


แนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ

ขอ้ ใดกล่าวถึง "กฎทรงมวล" ไดถ้ ูกตอ้ งท่ีสดุ

ก. สารต้งั ต้นกอ่ นเกดิ ปฏกิ ิรยิ ามากกวา่ สารผลติ ภณั ฑห์ ลงั เกิดปฏกิ ริ ยิ า
ข. สารตงั้ ตน้ ก่อนเกดิ ปฏกิ ิรยิ านอ้ ยกวา่ สารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกิดปฏกิ ริ ิยา
ค. สารตั้งต้นก่อนเกดิ ปฏกิ ิริยาเทา่ กับสารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกดิ ปฏิกริ ิยา
ง. ถูกทกุ ขอ้

(เฉลย ค.สารต้ังต้นกอ่ นเกดิ ปฏิกิรยิ าเทา่ กบั สารผลติ ภณั ฑ์หลงั เกดิ ปฏกิ ริ ยิ า)


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 23

ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ปฏิกิริยาเคมี หน่วยย่อยท่ี 3

เรอื่ ง พลังงานกบั ปฏิกริ ิยาเคมี เวลา 1 ช่วั โมง

วนั ท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปัญญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ชีว้ ดั

การเปลีย่ นแปลงพลังงานระหวา่ งระบบกับส่ิงแวดลอ้ ม สามารถแบ่งได้ 2 ว 2.1 ม.3/5 วิเคราะหป์ ฏกิ ริ ยิ าดดู ความร้อน และปฏกิ ริ ยิ าคายความ

ประเภท คอื การเปลีย่ นแปลงประเภทคายความร้อน ซงึ่ ทำใหร้ ะบบมี ร้อน จากการเปล่ยี นแปลงพลังงานความรอ้ นของปฏกิ ริ ยิ า

อณุ หภูมสิ ูงกวา่ สงิ่ แวดลอ้ ม ส่วนเปล่ียนแปลงประเภทดูดความรอ้ น จะทำ

ใหร้ ะบบมีอณุ หภมู ิต่ำกวา่ สงิ่ แวดลอ้ ม

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชิน้ งาน /ภาระงาน

- พลงั งานกบั ปฏิกิรยิ าเคมี - ใบงาน Compare & contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 6. เครอ่ื งมอื การคดิ

- ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปญั หา - Compare & contrast

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ข้นั ของกจิ กรรม 8.ส่อื 9.วธิ วี ดั ผล

Do Now : (3 นาที) - ใบงาน Compare & - ประเมนิ ใบงาน

“ยกตัวอย่างพลังงานท่นี กั เรียนรจู้ กั มาคนละ 1 อย่าง” contrast เรื่อง พลังงาน Compare & contrast

Purpose : (2 นาที ) กับปฏิกิรยิ าเคมี เร่ือง พลงั งานกับ

เราจะเรียนเรื่องพลงั งานกับปฏิกริ ยิ าเคมี เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถวิเคราะหป์ ฏิกิริยาดดู – บทเรียนออนไลนเ์ รอ่ื ง ปฏิกริ ยิ าเคมี

ความรอ้ น และปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ นได้ พลงั งานกับปฏกิ ิรยิ าเคมี

Work mode (50 นาท)ี

1. นกั เรยี นศึกษาเร่ืองพลงั งานกบั ปฏิกิริยาเคมี ในบทเรยี นออนไลน์ ซ่ึงหากนกั เรียนคนใด

สงสยั สามารถสอบถามเพือ่ ใหค้ รอู ธิบายเพิ่มเตมิ (พอเพียง3 : การมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี )ี

(20 นาท)ี

3. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ “การเปลย่ี นแปลงพลังงานระหว่างระบบกบั

สง่ิ แวดล้อม แบ่งไดก้ ป่ี ระเภท อะไรบา้ ง?/การเปลี่ยนแปลงประเภทดูดความร้อน มีการ

เปลี่ยนแปลงพลงั งาน อยา่ งไร? (5 นาท)ี

4. นักเรียนทำใบงาน Compare & contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏิกิริยาเคมี เพือ่

เปรยี บเทยี บความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการเปล่ยี นแปลงประเภทคายความ

ร้อน และการเปล่ยี นแปลงประเภทดดู ความรอ้ น (คิด 2: คดิ เปรยี บเทยี บ) (สมรรถนะที่ 2)

(Compare & contrast) (20 นาที)

5. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ บทเรียน โดยนกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด “การ

เปล่ยี นแปลงประเภทคายความรอ้ น คืออะไร?/การเปลย่ี นแปลงประเภทคายความร้อน

แตกต่างจากการเปลยี่ นเปลยี่ นประเภทดดู ความร้อน อยา่ งไร? (5 นาที)


Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สงิ่ ท่นี กั เรียนทำได้ดี จากการเรยี นในวนั นี?้ (2 นาท)ี
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงาน Compare & Contrast เรื่อง พลงั งานกบั ปฏิกริ ิยาเคมี

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบควำมเหมือนและควำมแตกต่ำง ของกำรเปลี่ยนแปลงประเภทคำยควำมร้อน
และกำรเปลี่ยนแปลงประเภทดูดควำมร้อน

การเปลย่ี นแปลงประเภทคายความร้อน การเปลีย่ นแปลงประเภทดดู ความร้อน

สว่ นทต่ี ่าง ส่วนทเี่ หมือน สว่ นทต่ี ่าง

สรุป :

………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………


แบบประเมนิ ใบงาน compare & contrast

คำช้ีแจง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมินกำหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน compare & contrast

ช่ือ-สกุล รูปแบบ เนอื้ หา นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรปุ ผลการ
ลำดบั ท่ี ของผู้รับการ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
(4คะแนน) (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมิน (4คะแนน) (4คะแนน) ไม่ผ่าน

ลงชอ่ื ....................................................ผู้ประเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน compare & contrast

เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
- ครบองคป์ ระกอบ - ครบองคป์ ระกอบ
- เปรยี บเทียบส่ิงทเี่ หมอื น - ครบองค์ประกอบ - ครบองคป์ ระกอบ - เปรียบเทียบสิ่งที่เหมอื น

และตา่ งไดต้ รงตามเน้อื หา - เปรียบเทียบสงิ่ ที่เหมือน - เปรียบเทียบส่ิงที่เหมือน และต่างไดต้ รงตามเน้อื หา
อย่างถกู ตอ้ งสมบูรณ์ อย่างถูกตอ้ ง
และต่างไดต้ รงตามเน้อื หา และตา่ งไดต้ รงตามเนือ้ หา ต่ำวา่ 59%

อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกต้อง

80-99% 60-79%

การแสดง - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคดิ เหน็ - แสดงความคดิ เห็น - - แสดงความคิดเห็น
ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปัญหา/
ความคิดเหน็ ผลกระทบของปญั หา/เหตุ ผลกระทบของปญั หา/ เหตกุ ารณไ์ ด้ 6-7 ขอ้ เหตกุ ารณไ์ ด้ น้อยกวา่ 6
ข้อ
การฌไ์ ด้ 10 ข้อขน้ึ ไป เหตกุ ารณไ์ ด้ 8-9 ข้อ

เนอื้ หา - เน้อื หาครบถว้ นตามสาระท่ี - เน้ือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนื้อหาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกตอ้ งตามสาระที่

กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำว่า 59%

- เขยี นถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา

100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%

- ลำดับหวั ข้อเนื้อหาชดั เจน - ลำดบั หวั ข้อเนื้อหาชดั เจน - มกี ารสรุปได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล

- มกี ารสรุปได้อย่าง - มีการสรปุ ได้อยา่ ง สมเหตสุ มผล 60-79% ตำ่ วา่ 59%

สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%

การนำเสนอ - พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟังชดั - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟังชัด - การพูดเหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้

- ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง

อกั ขระ100% อกั ขระ80-99% อักขระ60-79% ตามอกั ขระต่ำวา่ 59%

- บคุ ลกิ ภาพดีและมคี วาม - บุคลิกภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม

มั่นใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ

- มีการใชส้ ่อื ประกอบการ ได้บางสว่ น

นำเสนอ

- ความพร้อมในการนำเสนอ

ความสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงามและมคี วาม - ใช้สีสันสวยงามหรือเป็นไป

- มคี วามสะอาด - มีความสะอาด สะอาด ตามเกณฑอ์ ย่างใดอย่าง

- มีความคิดสรา้ งสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ หน่งึ

- ความเป็นระเบยี บอ่านงา่ ย


ขอ้ สอบ O-NET(2562) 1 ขอ้

เฉลยตอบขอ้ ท่ี 1


แผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 24

ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี หน่วยยอ่ ยท่ี 1

เรื่อง การเปล่ยี นแปลงพลงั งานเมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมี เวลา 2 ชว่ั โมง

วันท่ีทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผ้สู อน นายสเุ วช สบื ปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตวั ชีว้ ดั

เมื่อเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมจี ะทำใหพ้ ลังงานความรอ้ นเกดิ การเปลี่ยนแปลง โดย ว 2.1 ม.3/5 วเิ คราะหป์ ฏกิ ริ ยิ าดดู ความรอ้ น และปฏิกริ ิยาคายความ

การเปลย่ี นแปลงประเภทคายพลังงาน จะมกี ารใชพ้ ลงั งานในการสลายแรง รอ้ น จากการเปล่ยี นแปลงพลังงานความรอ้ นของปฏิกริ ยิ า

ยึดเหน่ียวระหวา่ งอะตอมของสารตัง้ ตน้ น้อยกว่าพลงั งานทไ่ี ดจ้ ากการสรา้ ง

แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอะตอมของผลติ ภณั ฑ์ ส่วนการเปลย่ี นแปลงประเภท

ดูดพลงั งาน มกี ารใชพ้ ลังงานในการสลายแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอะตอมของ

สารต้ังตน้ มากกวา่ พลังงานทีไ่ ด้จากการสรา้ งแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอะตอม

ของผลติ ภณั ฑ์

3. สาระการเรียนรู้ 4. ช้นิ งาน /ภาระงาน

- การเปลีย่ นแปลงพลงั งานเมอื่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี - ใบงานการทดลอง เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงพลงั งานเมอ่ื เกิดปฏกิ ิริยา

เคมี

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง พลังงานกบั การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 6. เครอื่ งมือการคดิ

- ความสามารถในการแกป้ ัญหา - Six Thinking hats (White hat, Blue hat, Green hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7.ขัน้ ของกิจกรรม 8.สอื่ 9.วิธวี ดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงานการทดลอง เรือ่ ง - ประเมนิ การทดลอง

“ยกตวั อย่างปฏกิ ริ ิยาคายความร้อน มาคนละ 1 ขอ้ ” การเปลย่ี นแปลงพลังงาน เรือ่ ง การเปล่ียนแปลง

Purpose : (2 นาที ) เมอื่ เกิดปฏิกิรยิ าเคมี พลังงานเมือ่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ า

เราจะเรียนเรือ่ งการเปลยี่ นแปลงพลงั งานเมือ่ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสามารถ - วสั ดุ อปุ กรณ์และสารเคมี เคมี

เคราะห์ปฏิกิรยิ าดดู ความร้อน และปฏกิ ริ ิยาคายความร้อน จากการเปลยี่ นแปลงพลังงาน ที่ใชใ้ นการทดลอง เรอื่ ง -ประเมนิ ใบงานตาม

ความร้อนของปฏิกิริยาได้ การเปลย่ี นแปลงพลงั งาน แนวทาง PISA เร่ือง

Work mode (110 นาท)ี เม่อื เกิดปฏิกิริยาเคมี พลงั งานกบั การ

1. นกั เรียนและครทู บทวนความรจู้ ากคาบเรยี นที่ผ่านมา โดยนักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ - ใบงานตามแนวทาง PISA เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี

ความคิด “ปฏิกริ ิยาเคมี คอื อะไร?/ปฏกิ ิรยิ าดูดความรอ้ นและคายความร้อน คืออะไร? เรื่อง พลังงานกับการ

(White hat) (10 นาท)ี เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี

2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาใบงานการทดลอง เรื่อง การเปลยี่ นแปลงพลังงานเมอ่ื

เกิดปฏิกริ ิยาเคมี (พอเพียง 3: การมภี มู คิ มุ้ กนั ทด่ี )ี (10 นาที)

3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ฟงั ครอู ธิบายการทดลอง เรอ่ื ง การเปลยี่ นแปลงพลังงานเมื่อ

เกิดปฏิกริ ิยาเคมี (10 นาท)ี

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ปฏบิ ตั ิกิจกรรมการทดลองตามใบงานการทดลอง เร่ือง การ

เปลย่ี นแปลงพลังงานเมือ่ เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี (สมรรถนะท่ี 4) (พอเพียง7: สังคม) (25 นาท)ี


5. นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายการทดลอง และตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ “จากการ
ทดลอง ตวั แปรตน้ ตวั แปรตามและตัวแปรควบคมุ คือสง่ิ ใด?/ จากการทดลอง นักเรยี น
สามารถสรปุ การเปลย่ี นแปลงพลังงานเมือ่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ได้วา่ อยา่ งไร? (White hat,
Blue hat) (สมรรถนะท่ี 5) (10 นาที)
6. นกั เรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง พลงั งานกับปฏกิ ริ ิยาเคมี (20 นาที)
8. นกั เรียนและครรู ่วมกนั เฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง พลังงานกับปฏิกิรยิ าเคมี

(15 นาท)ี

9.นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปองคค์ วามรจู้ ากบทเรียน โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

“จงยกตวั อยา่ งปฏิกิรยิ าดดู ความรอ้ นและคายความร้อนทีพ่ บในชวี ติ ประจำวัน? / นกั เรยี น

สามารถนำความรู้เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงพลงั งานเมอ่ื เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ไปประยุกตใ์ ช้ใน

ชีวิตประจำวนั ได้อย่างไรบา้ ง? (White hat, Green hat) (10 นาที)

Reflective thinking (5 นาท)ี
- 1 สิง่ ท่นี ักเรียนไดร้ บั จากการเรยี นในวนั น?้ี (2 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที))


ใบงานการทดลอง การเปลย่ี นแปลงพลงั งานเมอ่ื เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

รายช่อื สมาชกิ

จุดประสงค์ เพ่อื ศึกษาการเปลี่ยนแปลงเมอื่ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมีได้

วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี

1. น้ำตาลทราย 100 g. 2. สารละลายกรดซลั ฟวิ รกิ (H2SO4) 20 ml.

3. แอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl)100 g. 4. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2) 100 g.

5. น้ำกลัน่ 30 ml. 6. ช้อนตกสารเบอร์ 2 3 คัน

7. แท่งแก้วคนสาร 2 แทง่ 8. บีกเกอร์ขนาด 50 ml. 4 ใบ

วิธีการทดลอง

1. ตักนำ้ ตาลทรายดว้ ยชอ้ นตักสารเบอร์ 2 จำนวน 2 ช้อน ใส่ลงในบีกเกอร์ใบที่ 1 แลว้ รนิ สารละลายกรด

ซัลฟิวริก 20 ml. ลงในบกี เกอร์ สังเกตการเปล่ยี นแปลงและบันทึกผลการทดลอง

2. ตกั แอมโมเนยี มคลอไรดแ์ ละแคลเซยี มไฮดรอกไซดด์ ว้ ยชอ้ นตักสารเบอร์ 2 อย่างละ 2 ชอ้ น ใส่ลงในบกี

เกอรใ์ บที่ 2 ใช้แท่งแก้วคนสารใหผ้ สมกนั แลว้ รินนำ้ กลนั่ 30 ml. ลงในบีกเกอร์ สงั เกตการเปล่ียนแปลงและ

บนั ทกึ ผลการทดลอง

3. ตรวจสอบการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ โดยการใช้มือสัมผัสด้านขา้ งบีกเกอรใ์ บที่ 1 และใบที่ 2 ตามลำดับ

แล้วบนั ทึกผลการทดลอง

(ทมี่ า : คูม่ อื ครวู ชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3


สมมติฐาน (2 คะแนน)

............................................................................................................................. ............................................

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตวั แปรต้น (1คะแนน

....................................................................................................................................... ...................................

ตวั แปรตาม (1 คะแนน)

........................................................................................................................................................................

ตัวแปรควบคุม (1 คะแนน)

............................................................................................................................. ....................................

ตารางบนั ทึกผลการทดลอง (2 คะแนน)

สาร ผลการสงั เกต

การเปล่ยี นแปลงท่ีสังเกตได้ ความรสู้ ึกเม่ือนำมอื ไปสมั ผัสบีก

เกอร์

นำ้ ตาลทราย + H2SO4

NH4Cl + Ca(OH)2

สรุปผลการทดลอง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................ ............................

คำถามทา้ ยการทดลอง (ข้อละ 2 คะแนน)
1. เม่ือผสมน้ำตาลทรายกบั กรดซัลฟิวรกิ เขา้ ด้วยกนั จะเกิดปฏิกิริยาเคมีและมีการเปล่ยี นแปลงพลังงานหรือไม่
อย่างไร
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................


2. เมอ่ื ผสมแอมโมเนียมคลอไรด์ แคลเซียมไฮดรอกไซด์และน้ำกลน่ั เข้าดว้ ยกนั จะเกิดปฏิกริ ิยาเคมีและมีการ
เปลีย่ นแปลงพลงั งานหรือไม่ อย่างไร
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
3. เหตุการณใ์ ดบ้างในชวี ติ ประจำวัน ทีม่ ีการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมีแบบดดู ความร้อนและคายความรอ้ น
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................................................................. .......


เฉลยและเกณฑก์ ารให้คะแนนใบงานการทดลอง
เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงพลงั งานเมอ่ื เกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี

สมมติฐาน ( 2 คะแนน)

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง
ตอบคำถามได้ถูกต้องทง้ั 2 ประเดน็ คอื ถ้าสาร ตอบคำถามได้ถูกต้อง หรอื ไมต่ อบคำถาม

เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีแบบคายความร้อนแลว้ อณุ หภมู ิ เพยี ง 1 ประเดน็

ของสิ่งแวดล้อมจะเพิ่มขึ้น เมื่อสมั ผัสภาชนะทบ่ี รรจุ

จะร้สู กึ ร้อน และถา้ สารเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีแบบดูดความ

ร้อนแล้ว อุณหภมู ขิ องสงิ่ แวดล้อมจะลดลง เม่ือ

สมั ผัสภาชนะท่ีบรรจุจะร้สู กึ เยน็

ตัวแปรตน้ ( 1 คะแนน) ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไม่ตอบ
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ น้ำตาลทรายผสมกรดซัลฟวิ ริก และ
แอมโมเนยี มคลอไรด์ผสมแคลเซยี มไฮดรอกไซดแ์ ละน้ำกล่ัน

ตวั แปรตาม ( 1 คะแนน) ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่ตอบ
คะแนนเตม็ 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ อุณหภมู ิของสิง่ แวดลอ้ มหลังผสม
(ความร้สู กึ เมื่อสัมผัสบีกเกอร์

ตวั แปรควบคมุ ( 1 คะแนน) ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรอื ไม่ตอบ
คะแนนเตม็ 1 คะแนน คำถาม
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คอื ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการทดลอง และ
อุณหภมู ิของส่งิ แวดล้อมก่อนผสม


ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง (2 คะแนน)

สาร ผลการสังเกต
ความรสู้ กึ เมื่อนำมือไปสัมผัสบีกเกอร์
การเปล่ียนแปลงที่สงั เกตได้ รสู้ กึ เย็น

นำ้ ตาลทราย + H2SO4 เกิดของแข็งสีดำและฟองแก๊ส

NH4Cl + Ca(OH)2 เกิดกลิน่ ฉุน รสู้ กึ รอ้ น

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่ได้คะแนน

บนั ทกึ ผลการทดลองได้ครบถ้วนถูกต้องทงั้ 4 บนั ทึกผลการทดลองไดถ้ ูกต้อง 2-3 บนั ทึกผลการทดลองได้ถูกตอ้ ง 0-1

ชอ่ ง ชอ่ ง ชอ่ ง

สรุปผลการทดลอง (2 คะแนน)

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน

สรุปผลการทดลองได้ถูกต้องครอบคลมุ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการ สรุปผลการทดลองได้ ตอบคำถามไม่ถูกต้อง

ทดลอง โดยแบ่งเปน็ 2 กรณี คอื ถกู ต้องเพียง 1 กรณี หรอื ไมต่ อบคำถาม

กรณที ่ี 1 เมอื่ รนิ สารละลายกรดซลั ฟิวริกเขม้ ขน้ ทม่ี ีนำ้ ตาลทราย

อยู่ มปี ฏกิ ริ ยิ าเคมีเกิดขนึ้ ได้สารใหมเ่ กิดขึน้ สงั เกตจากการเกดิ ฟอง

แก๊สและของแข็งสีดำ และเป็นปฏกิ ิรยิ าเคมแี บบคายความรอ้ น

เพราะเมอื่ สมั ผัสด้านขา้ งบีกเกอร์จะร้สู กึ ร้อน แสดงว่าสิ่งแวดลอ้ มมี

อุณหภูมสิ ูงขึน้ จากการคายพลงั งานออกมา

กรณีที่ 2 เมื่อผสมแอมโมเนียมคลอไรดก์ ับแคลดซยี มไฮดรอกไซด์

และนำ้ กลนั่ มีปฏิกริ ิยาเคมเี กดิ ข้นึ ไดส้ ารใหม่เกิดข้นึ สังเกตจากการ

เกดิ กลน่ิ ฉุน และเป็นปฏิกริ ยิ าเคมแี บบดูดความร้อน เพราะเม่ือ

สัมผัสดา้ นข้างบีกเกอรจ์ ะรู้สึกเยน็ แสดงวา่ สิง่ แวดล้อมมีอุณหภมู ิ

ลดลงจากการดดู พลงั งานเขา้ ไป


คำถามท้ายการทดลอง 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้องบางส่วน ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไม่
คำถามท่ี 1 คอื เกิดปฏิกิริยาเคมี และมีการ ตอบคำถาม
เปลยี่ นแปลงพลงั งาน แต่ไม่ได้
คะแนนเต็ม 2 คะแนน อธบิ ายเหตผุ ล
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ เกิดปฏิกริ ิยาเคมี
และมีการเปลย่ี นแปลงพลงั งาน โดยเมอื่ 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
สัมผัสดา้ นขา้ งบกี เกอรจ์ ะร้สู กึ รอ้ น แสดงว่า ตอบคำถามได้ถูกต้องบางส่วน ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรอื ไม่
ระบบคายพลังงานออกมาสสู่ ่ิงแวดล้อม คือ เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี และมี ตอบคำถาม
คำถามที่ 2 การเปลย่ี นแปลงพลงั งาน แต่
ไมไ่ ด้อธบิ ายเหตผุ ล
คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คอื เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี
และมีการเปล่ยี นแปลงพลังงาน โดยเมอื่
สัมผัสด้านขา้ งบกี เกอรจ์ ะรสู้ ึกเยน็ แสดงวา่
ระบบดดู พลังงานจากสิ่งแวดล้อมเขา้ ไป

คำถามที่ 3 1 คะแนน ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องเพยี ง 1 ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไม่
คะแนนเตม็ 2 คะแนน ประเด็น ตอบคำถาม
ตอบคำถามได้ถูกต้อง ทัง้ 2 ประเด็น คือ
- ปฏกิ ริ ยิ าเคมแี บบดูดความร้อน เชน่

การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช การ
ละลายเกลอื แกงดว้ ยนำ้ เป็นตน้
- ปฏิกิรยิ าแบบคายความร้อน เชน่ การ
หายใจของคนและสตั ว์ การเผาไหม้
ของเช้ือเพลิง การละลายนำ้ ของ
โซดาไฟ เป็นตน้

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
13-15 ดีมาก
10-12 ดี
7-9 พอใช้
0-6 ปรับปรุง


สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
ว2.1 ม.3/5 วเิ คราะหป์ ฏิกิริยาดดู ความรอ้ น และปฏกิ ริ ิยาคายความร้อน จากการเปลย่ี นแปลงพลังงานความรอ้ นของปฏกิ ริ ยิ า

ที่มา : https://www.slideshare.net/seksan082/ss-56233000


คำถามที่ 1 (1 คะแนน)

สิ่งใด ไมต่ ้องเขียนลงในสมการเคมี

1. พลังงาน 2. สารตั้งตน้

3. เวลา 4. ผลติ ภณั ฑ์

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)

จากถ้อยความ ปฏกิ ิริยาคายความร้อน คืออะไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามที่ 3

จากข้อมูล ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรือ ไม่เป็นความจริง (2 คะแนน)

ขอ้ ความทเ่ี ป็นความจริง ให้ทำเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ใช่”

ข้อความท่ีไม่เปน็ ความจรงิ ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช”่

ข้อความ ใช่ ไม่ใช่

1) ปฏกิ ริ ิยาแบบดดู พลงั งาน สารตง้ั ตน้ จะมีพลงั งานน้อยกว่าผลิตภัณฑ์

2) ปฏกิ ิริยาแบบดดู พลังงาน ใช้พลังงานในการสลายพนั ธะของสารต้ังตน้ น้อยกวา่ พลงั งานที่

คายออกมาเพื่อสรา้ งพันธะใหม่

3) ปฏิกริ ยิ าแบบคายความร้อน จะทำใหส้ ่งิ แวดล้อมมีพลงั งานสงู ขนึ้

4) เมอื่ เราเอามือสัมผสั ภาชนะแลว้ รู้สึกร้อน แสดงว่าเปน็ ปฏกิ ิรยิ าแบบดูดความร้อน


เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน

คำถามที่ 1

คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน

ขอ้ 3. เวลา คำตอบอ่นื ๆ

คำถามที่ 2

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบไม่ถูกตอ้ ง หรือไมต่ อบ
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องโดยอา้ งองิ จากถอ้ ย ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องบางส่วน คอื คำถาม

ความ คอื ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ่ีมกี ารดดู พลังงาน ปฏกิ ิรยิ าเคมที ี่มีการดูดพลงั งานเพื่อสลาย

เพื่อสลายพันธะของสารตง้ั ตน้ น้อยกว่า พันธะของสารตงั้ ต้นน้อยกวา่ พลังงานที่

พลังงานท่ีคายออกมาเพ่อื สร้างพนั ธะใหม่ คายออกมาเพื่อสรา้ งพนั ธะใหม่

โดยสารต้งั ต้นจะมีพลังงานสงู กวา่ ผลิตภณั ฑ์

คำถามท่ี 3

จากข้อมูล ข้อความต่อไปน้ี เปน็ ความจริง หรอื ไมเ่ ปน็ ความจรงิ (2 คะแนน)

ข้อความท่เี ป็นความจริง ใหท้ ำเครือ่ งหมาย X ในช่อง “ใช่”

ขอ้ ความที่ไมเ่ ปน็ ความจริง ให้ทำเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช”่

ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่

1) ปฏกิ ริ ยิ าแบบดูดพลังงาน สารตั้งต้นจะมีพลังงานน้อยกว่าผลติ ภัณฑ์ X

2) ปฏกิ ิริยาแบบดูดพลงั งาน ใชพ้ ลังงานในการสลายพันธะของสารตัง้ ต้นนอ้ ยกว่าพลังงานท่ี X

คายออกมาเพื่อสร้างพนั ธะใหม่

3) ปฏกิ ิริยาแบบคายความร้อน จะทำให้สิ่งแวดล้อมมีพลังงานสูงข้ึน X

4) เม่อื เราเอามอื สัมผัสภาชนะแล้วรสู้ กึ ร้อน แสดงวา่ เปน็ ปฏิกิริยาแบบดูดความร้อน X

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ คี ะแนน
ตอบถูกทั้ง 4 ข้อ : ใช่ ไม่ใช่ ใช่ ไม่ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์


ขอ้ สอบ O-NET (2562) 1 ข้อ

(เฉลยตอบขอ้ ท่ี 4 ไม่มสี ารตกผลกึ )


แผนจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6

ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ แสงและการมองเหน็ หน่วยย่อยที่ 1

เรอ่ื ง การกระจายของแสงขาวเมื่อผ่านปริซึม เวลา 2 ช่ัวโมง

วนั ที่ทำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผสู้ อน นายสุเวช สืบปญั ญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตัวชว้ี ดั

แสงที่เราเห็นในธรรมชาติ ไดแ้ ก่ แสงอาทติ ยแ์ ละแสงจากหลอดไฟ ว 2.3 ม.3/15 อธิบาย การหกั เหของแสงเมือ่ ผา่ นตัวกลางโปร่งใสที่

เป็นแสงขาว(WHITE LIGHT) เมอื่ ฉายแสงขาว ให้ผา่ นปรซิ ึม แสง แตกตา่ งกัน และอธบิ ายการกระจายแสงของแสงขาวเม่อื ผา่ นปริซมึ จาก
ขาวจะกระจายเป็นแสงสีตา่ งๆ ไดแ้ ก่ มว่ ง คราม นำ้ เงนิ เขียว หลักฐานเชงิ ประจักษ์

เหลอื ง แสด และแดง เรียกแถบสีเหล่านีว้ ่า สเปกตรัมของแสงขาว

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน /ภาระงาน

- การกระจายของแสงขาวเมือ่ ผ่านปริซมึ - ใบงานการทดลอง เรอื่ ง การกระจายของแสงขาวเมื่อผา่ นปรซิ มึ

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง การกระจายของแสง

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เคร่อื งมอื การคดิ

- ความสามารถในการแก้ปญั หา - Six Thinking hats (White hat, Blue hat, Green hat )

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ขัน้ ของกจิ กรรม 8.ส่ือ 9.วิธีวดั ผล

Do Now : (3 นาที) -ใบงานการทดลอง เร่อื ง - ประเมินใบงานการ

“บอกสีของรุ้งกินน้ำ มาคนละ 1 สี” การกระจายของแสงขาว ทดลอง เรอื่ ง การ

Purpose : (2 นาที ) เม่ือผ่านปรซิ มึ กระจายของแสงขาวเมื่อ

เราจะเรียน เรอ่ื ง การกระจายของแสงขาวเม่ือผ่านปรซิ ึม เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถ - วัสดุอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการ ผ่านปริซมึ

อธบิ ายการกระจายแสงของแสงขาวเม่อื ผา่ นปรซิ มึ จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ได้ ทดลอง เรือ่ ง การกระจาย - ประเมนิ ใบงานตาม

Work mode (110 นาท)ี ของแสงขาวเม่อื ผา่ นปรซิ มึ แนวทาง PISA เรอ่ื ง การ

1. นกั เรียนและครูทบทวน เรื่อง การหกั เหของแสง ในคาบเรียนที่ผา่ นมา โดย - ใบงานตามแนวทาง PISA กระจายของแสง

นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ “เมอื่ แสงเกนิ ทางผา่ นอากาศและน้ำ เร่อื ง การกระจายของแสง

ตามลำดับ แสงมีการหกั เห อยา่ งไร?/ยกตัวอย่างการหักเหของแสงทีพ่ บใน

ชวี ติ ประจำวัน?(White hat)(5 นาท)ี

2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาใบงานการทดลอง เรื่อง การกระจายของแสงขาวเมอ่ื

ผ่านปรซิ มึ (พอเพียง 3: การมภี มู คิ มุ้ กันท่ีดี) (สมรรถนะท่ี 4 ) (10 นาท)ี

3. นักเรียนฟงั ครอู ธิบายขั้นตอนการทดลอง เรื่อง การกระจายของแสงขาวเม่ือผา่ น

ปรซิ ึม(10 นาท)ี

4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ปฏบิ ตั ิการทดลองตามใบงานการทดลอง และรว่ มกัน

แกไ้ ขปัญหา เรื่อง การกระจายของแสงขาวเมอ่ื ผ่านปรซิ ึม และตอบคำถามท้าย

การทดลอง (คิด 5 : คดิ แก้ปญั หา) (สมรรถนะที่ 5) (25 นาท)ี
5. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายผลการทดลองและเฉลยคำตอบ จากใบงานการ

ทดลองเร่ือง การกระจายของแสงขาวเมื่อผ่านปริซมึ โดยตอบคำถามกระตุ้น

ความคดิ “จากการทดลอง นักเรยี นสามารถสรุปการกระจายของแสงขาวเม่อื ผา่ น

ปรซิ ึม ไดว้ า่ อยา่ งไร?/ เพราะเหตใุ ด เวลาท่ีมองแสงโดยไม่ผา่ นปรซิ มึ จึงไมเ่ ห็นแถบ


สเปคตรัมของแสงขาว?
(Blue hat, White hat) (15 นาที)
6. นกั เรียนทำใบงานตามแนวทาง PISA เรือ่ ง การกระจายของแสง (20 นาที)
7.นักเรียนและครรู ่วมกนั เฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เรื่อง การกระจายของแสง
(15 นาที)
8. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ บทเรยี น โดยนักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
“สเปคตรมั ของแสงขาว ประกอบด้วยสีอะไรบา้ ง? /นักเรียนสามารถนำความรูเ้ ร่ือง
การกระจายของแสงขาว ไปปรับใชใ้ นการอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาตไิ ดอ้ ย่างไร
บา้ ง จงยกตัวอย่าง? (White hat, Green hat) (10นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- 3 ส่ิง ที่นักเรยี นทำไดด้ ี จากการเรียนในวนั นี?้ (2 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)


ใบงานการทดลอง เร่อื ง การกระจายของแสงขาวเมือ่ ผา่ นปริซึม

จุดประสงค์ เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถทดลองและอธิบายการกระจายของแสงขาวผา่ นปริซมึ ได้

วสั ดอุ ุปกรณ์

1. กระดาษสขี าว 2. กระดาษแข็งสีดำ

3. ไฟฉาย 1 กระบอก 4. ปรซิ มึ สามเหลยี่ ม 1 อนั

5. ไม้บรรทัด 1 อนั 6. กรรไกร หรือ คตั เตอร์ 1 อัน

วิธกี ารทดลอง
1. ตดั กระดาษแขง็ สดี ำใหม้ ีขนาด 20 x 5 เซนตเิ มตร
2. ใช้กรรไกร หรอื คตั เตอร์ตดั บริเวณก่ึงกลางของกระดาษแขง็ สีดำ โดยตัดจากขอบดา้ นกวา้ ง
ประมาณ 2 เซนตเิ มตร
3. พบั ขอบดา้ นขา้ งของกระดาษแข็งสีดำ ขา้ งละ 2 เซนติเมตร ท้ัง 2 ดา้ น วางกระดาษแขง็ สีดำทพ่ี บั

เรยี บร้อยแลว้
บนโตะ๊ โดยวางกระดาษดา้ นที่มรี อยตดั ไว้ดา้ นล่าง

4. ปดิ ไฟใหม้ ดื วางไฟฉายไว้ดา้ นหลังกระดาษแข็งสดี ำ แลว้ นำปรซิ ึมสามเหล่ยี มวางไว้ดา้ นหนา้ กระดาษ
แข็งสีดำ

และนำกระดาษสขี าววางไว้เป็นฉากด้านหลังปรซิ ึม
5. เปดิ ไฟฉาย สงั เกตแถบสีทีเ่ กดิ ขึ้นบนกระดาษสีขาว และบนั ทกึ ผล

(ท่ีมา : https://www.scimath.org/video-science/item/9474-2018-11-21-04-48-06)

ตารางบันทึกผลการทดลอง (2 คะแนน)

การทดลอง ผลการสังเกต
ฉายแสงไฟผา่ นปริซึม


สรุปผลการทดลอง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ..................................................................
.............................................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ..................................................................

คำถามทา้ ยการทดลอง
1. เมื่อแสงจากไฟฉายผา่ นปริซึม แสงทไ่ี ด้ออกมาก่สี ี อะไรบา้ ง (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ..................................................................
..................................................................................................................................................................... ..........................
........................................................................................................ .......................................................................................

2. เพราะเหตใุ ด เวลามองแสงโดยไมผ่ ่านปรซิ มึ จงึ ไม่เหน็ แถบสีต่าง ๆ (2 คะแนน)
............................................................................................. ..................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ยกตัวอยา่ งการกระจายของแสงขาวท่ีพบในชีวิตประจำวัน เชน่ เดียวกับปรซิ ึม มา 2 ข้อ (2 คะแนน)
............................................................................................................................. ..................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยและเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ใบงานการทดลอง เรื่อง การกระจายของแสงขาวเมอ่ื ผ่านปริซึม

ตารางบันทกึ ผลการทดลอง (2 คะแนน) ผลการสังเกต
การทดลอง
บนั ทึกผลการทดลองตามท่ีสงั เกตได้
ฉายแสงไฟผา่ นปริซมึ

คะแนนเต็ม 2 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน
บันทึกผลการทดลองได้ถูกตอ้ ง คือ เมอื่ แสงจากไฟฉายตก ไม่บนั ทึกผลการทดลอง
กระทบปริซมึ สามเหลย่ี ม จะเกดิ แถบท่ีบนกระดาษขาว
ได้แก่ สีมว่ ง คราม นำ้ เงนิ เขียว เหลอื ง แสด และแดง
(ระบสุ ตี ามทส่ี ังเกตได้ เนอ่ื งจากบางสอี าจเห็นไม่ชัดเจน)

สรปุ ผลการทดลอง (2 คะแนน)

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมไ่ ด้คะแนน
สรุปผลการทดลองไดถ้ ูกต้องครอบคลุมตาม
วัตถปุ ระสงค์ของการทดลอง คือ เม่อื แสง สรุปผลการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วน เช่น ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง
ขาวตกกระทบปริซึมสามเหลี่ยม จะเกดิ การ
หกั เหและกระจายออกเป็นแถบสตี ่างๆ เรียก เม่ือแสงขาวตกกระทบปริซึมสามเหล่ยี ม จะ หรอื ไมต่ อบคำถาม
แถบสเี หลา่ นว้ี า่ สเปกตรัมของแสงขาว
เกดิ การหักเหของแสง หรือมีการกระจาย

แสงออกเป็นแถบสีต่างๆ โดยไมไ่ ด้ระบุ

ความสมั พนั ธ์ระหว่างการหักเหและการ

กระจายของแสงเมื่อผา่ นปรซิ ึมสามเหล่ยี ม

คำถามท้ายการทดลอง ไม่ได้คะแนน
คำถามที่ 1 ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบคำถาม

คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้อง คือ ไดท้ ้งั หมด 7 สี ไดแ้ ก่ สีมว่ ง คราม
น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง


คำถามท่ี 2 ไมไ่ ดค้ ะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง หรือไม่ตอบคำถาม
คะแนนเตม็ 2 คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้อง คือ เพราะตาของเราไมส่ ามารถแยกสีจาก
แสงขาวได้

คำถามที่ 3 ไม่ได้คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกต้อง หรือไมต่ อบคำถาม
คะแนนเต็ม 2 คะแนน
ตอบคำถามได้ถูกต้องทั้ง 2 ตัวอยา่ ง เชน่ รุ้งกนิ นำ้ ฟองสบู่ พระ
อาทิตย์ทรงกลด เป็นต้น

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

9-10 ดีมาก

7-8 ดี หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

5-6 พอใช้

0-4 ปรับปรุง


สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
ว2.3 ม.3/15 อธิบาย การหักเหของแสงเม่ือผา่ นตัวกลางโปร่งใสทแี่ ตกต่างกนั และอธิบายการกระจายแสงของแสงขาว
เมอื่ ผา่ นปริซมึ จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์

หมายถงึ แสงขาวซง่ึ ประกอบด้วยแสงหลายความถ่ีตก
กระทบปริซมึ แลว้ ทำใหเ้ กดิ การหกั เหของแสง 2 ครง้ั (ท่ผี วิ รอยต่อของปริซึม ทง้ั ขาเข้า และขาออก) ทำใหแ้ สงสีตา่ ง ๆ
แยกออกจากกันอยา่ งเปน็ ระเบียบเรียงตามความยาวคลื่นและความถ่ี ท่ีเราเรียกวา่ สเปกตรมั (Spectrum) รุ้งกินน้ำ เป็น
การกระจายของแสง เกิดจากแสงขาวหกั เหผา่ นผวิ ของละอองน้ำ ทำให้แสงสีต่าง ๆ กระจายออกจากกันแล้วเกดิ การ
สะทอ้ นกลับหมดทผี่ ิวดา้ นหลังของละอองนำ้ แลว้ หกั เหออกสู่อากาศ ทำใหแ้ สงขาวกระจายออกเปน็ แสงสตี ่าง ๆ กนั แสง
จะกระจายตวั ออกเมื่อกระทบถูกผิวของตวั กลาง เราใชป้ ระโยชน์จากการกระจายตัวของลำแสง เมือ่ กระทบตัวกลางน้ี
เช่น ใช้แผ่นพลาสตกิ ใสปิดดวงโคมเพื่อลดความจ้าจากหลอดไฟหรือ โคมไฟชนิดปดิ แบบต่าง ๆ

เราจะมองเหน็ รุ้งเปน็ สว่ นโค้งวงกลมเสมอเพราะ เนือ่ งจากดวงอาทิตยเ์ คลือ่ นที่ขนานกับผิวโลกทำให้ละอองนำ้ แต่
ละท่อี ยู่บนผวิ โคง้ เดยี วกัน หักเหแสงสเี ดยี วกันเขา้ สู่ตาของผู้สงั เกตแนวทางเดินของแสงที่มาจากหยดน้ำแต่ละหยดเมื่อ
มองดโู ดยสว่ นรวมจะมีลักษณะเป็นรปู กรวยกลมโดยมตี าเราเป็นยอดกรวยและมีวงร้งุ เป็นฐานกรวย ขณะทด่ี วงอาทิตย์อยู่
ทีข่ อบฟ้า เราจะมองเห็นร้งุ เป็นรปู คร่ึงวงกลมพอดี ถ้าดวงอาทติ ย์มีตำแหน่งท่ีสงู ข้ึนเร่ือยๆ รงุ้ ที่เรามองเห็นจะมีสว่ นโคง้
เลก็ ลงเรือ่ ยๆ ร้งุ ท่ีแต่ละคนมองเหน็ อาจจะไมใ่ ช่รุ้งตัวเดยี วกนั กไ็ ด้ และถ้าผู้สังเกตซ่ึงอยู่ท่ีสงู มากๆเชน่ บนยอดเขาหรอื บน
เครอ่ื งบินมีโอกาสที่จะมองเห็นร้งุ เปน็ รปู วงกลมเต็มได(้ คล้ายกบั พระอาทติ ยท์ รงกลด)

แสงขาวในธรรมชาติ ประกอบไปดว้ ยแสงสี 7 สี คือ มว่ ง คราม นำ้ เงิน เขียว เหลอื ง แสด และ แดง แต่ ตาเรามี
เซลลร์ บั แสงอยู่ 3 สี คือ แดง น้ำเงนิ และ เขยี ว จงึ ทำให้เราไมส่ ามารถแยกสีในแสงขาวไดเ้ หมอื นปริซึม

ทม่ี า : https://pirun.ku.ac.th/~fscijsw/Light&device/light/html/body4-1.htm


คำถามที่ 1 (1 คะแนน) 2. แดง
ขอ้ ใด ไม่ใช่ แถบสีในสเปกตรมั 4. ชมพู

1. คราม
3. เขียว

คำถามที่ 2 (2 คะแนน)
จากถ้อยความ เพราะเหตใุ ด ตาของมนุษย์ จึงไมส่ ามารถแยกแถบสสี เปกตรัมของแสงขาวได้เชน่ เดียวกับปรซิ ึม

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามท่ี 3
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ เปน็ ความจรงิ หรือ ไม่เป็นความจริง (2 คะแนน)

ข้อความท่ีเป็นความจริง ใหท้ ำเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่
ขอ้ ความท่ีไมเ่ ปน็ ความจรงิ ใหท้ ำเครื่องหมาย X ในชอ่ ง “ไม่ใช่”

ขอ้ ความ ใช่ ไม่ใช่
1) แสงขาว ประกอบดว้ ยแสงหลายความถีต่ กกระทบปริซึมแลว้ ทำให้เกิดการหักเห
ของแสงเพยี งครั้ง
2) ร้งุ กินนำ้ เป็นการสะท้อนของแสง เกดิ จากแสงขาวหกั เหผา่ นผิวของละอองน้ำ
3) เราจะมองเห็นรุ้งเป็นสว่ นโค้งวงกลมเสมอเพราะ เนื่องจากดวงอาทติ ย์เคลื่อนที่ตงั้ ฉาก
กับผิวโลกทำให้ละอองน้ำแตล่ ะท่ีอย่บู นผิวโคง้ เดียวกัน
4) การใชแ้ ผ่นพลาสติกใสปดิ ดวงโคมเพื่อลดความจา้ จากหลอดไฟ เป็นการใช้ประโยชน์
จากการกระจายตัวของลำแสงเมื่อกระทบตัวกลาง


คำถามท่ี 1 เฉลยและเกณฑ์การให้คะแนน ไมม่ ีคะแนน
คะแนนเต็ม 1 คะแนน คำตอบอื่นๆ

ข้อ 4. ชมพู
คำถามที่ 2

คะแนนเต็ม 2 คะแนน 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
ตอบไม่ถูกต้อง
ตอบคำถามไดถ้ ูกต้องโดยอา้ งอิงจากถ้อยความ คือ ตอบคำถามได้ถูกต้องบางสว่ น แต่ หรอื ไม่ตอบคำถาม

เน่ืองจากตาเรามีเซลล์รบั แสงอยู่ 3 สี คือ แดง ไมไ่ ดอ้ ธบิ ายชัดเจน เช่น เนอื่ งจาก

น้ำเงนิ และ เขียว จงึ ทำใหเ้ ราไมส่ ามารถแยกสใี น ตาเรามีเซลล์รบั แสงอยู่ 3 สี

แสงขาวไดเ้ หมือนปริซึม

คำถามที่ 3 ใช่ ไม่ใช่
จากข้อมูล ข้อความต่อไปนี้ เป็นความจรงิ หรอื ไม่เปน็ ความจรงิ (2 คะแนน) X X

ข้อความท่ีเป็นความจริง ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ใช”่ X
ขอ้ ความท่ีไมเ่ ป็นความจรงิ ให้ทำเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช่” X

ขอ้ ความ
1) แสงขาว ประกอบด้วยแสงหลายความถต่ี กกระทบปริซึมแลว้ ทำให้เกดิ การหกั เห
ของแสงเพียงครงั้
2) รุ้งกนิ นำ้ เป็นการสะท้อนของแสง เกิดจากแสงขาวหกั เหผ่านผวิ ของละอองน้ำ

3) เราจะมองเหน็ ร้งุ เปน็ สว่ นโคง้ วงกลมเสมอเพราะ เน่ืองจากดวงอาทิตยเ์ คล่ือนที่ต้ังฉากกบั ผิว
โลกทำให้ละอองน้ำแต่ละที่อยู่บนผวิ โค้งเดียวกนั
4) การใช้แผ่นพลาสตกิ ใสปิดดวงโคมเพื่อลดความจ้าจากหลอดไฟ เปน็ การใช้ประโยชน์จาก
การกระจายตัวของลำแสงเม่ือกระทบตัวกลาง

คะแนนเตม็ 2 คะแนน 1 คะแนน ไม่มีคะแนน
ตอบถูกทง้ั 4 ข้อ : ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ไมใ่ ช่ ใช่ ตอบถูก 3 ข้อ ตอบถูก 2-0 ข้อ

หมายเหตุ : ไดร้ ะดบั พอใชข้ นึ้ ไป ถือว่าผา่ นเกณฑ์


ขอ้ สอบ O-NET (ปี 2561) 1 ข้อ
ออ้ มต้องการศึกษาการกระจายของแสง จงึ จัดชดุ การทดลองโดยฉายลำแสงสีเขยี วให้เขา้ สปู่ รซิ ึมสี่เหลย่ี ม ผลคอื

ปรากฏเพยี งแสงสีเขยี วบนฉาก ดงั แผนภาพ 2 มติ ิ ทีม่ องจากดา้ นบน

ออ้ มควรปรบั ชดุ การทดลองอย่างไร เพื่อใหป้ รากฏการกระจายของแสงบนฉากขาวอย่างชดั เจน

1. 2.

3. 4.

(ตอบข้อที่ 4)


แผนจดั การเรียนร้ทู ี่ 7

ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น หน่วยย่อยท่ี 1

เรื่อง การเกิดภาพจากการหกั เหของแสงผ่านเลนส์ เวลา 1 ช่ัวโมง

วนั ทีท่ ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สืบปญั ญา

1. สาระสำคญั 2. มาตรฐานตวั ชี้วดั

เลนส์ มี 2 ชนิด คือ เลนสเ์ ว้า และ เลนส์นูน ภาพที่เกิดจากเลนส์เวา้ ว 2.3 ม.3/16 เขยี นแผนภาพการเคลอื่ นทข่ี องแสงแสดงการเกิดภาพ

จะไดภ้ าพเสมอื น ส่วนภาพท่เี กดิ จากเลนสน์ ูน จะได้ทง้ั ภาพจรงิ และ จากเลนส์บาง

ภาพเสมอื น ข้ึนอยูก่ บั ระยะของวตั ถุ

การเขยี นแผนภาพการเคล่อื นทข่ี องแสงแสดงการเกดิ ภาพจากเลนส์

สามารถทำไดโ้ ดยลากรงั สตี กกระทบขนานกับแกนมขุ สำคัญ แล้วหกั เหผา่ น

จุดโฟกสั หลังเลนส์ จากนนั้ ลากเสน้ รงั สตี กกระทบผ่านจุดก่งึ กลางเลนส์ จดุ

ทีร่ งั สีทง้ั สองตดั กนั จะเป็นตำแหนง่ ทีเ่ กดิ ภาพ

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน /ภาระงาน

- การเกดิ ภาพจากการหักเหของแสงผา่ นเลนส์ - ใบงานเรื่อง แผนภาพการเคล่ือนท่ีของแสงผ่านเลนส์

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6. เครอ่ื งมือการคดิ

- ความสามารถในการคดิ - Six Thinking hats (White hat, Yellow hat, Blue hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7.ขัน้ ของกจิ กรรม 8.สือ่ 9.วธิ ีวดั ผล

Do Now : (3 นาท)ี - ใบงานเรอ่ื ง แผนภาพการ - ประเมนิ ใบงานเรอ่ื ง แผนภาพ

“จากภาพนักเรียนเหน็ อะไรบา้ ง (ภาพลวงตา) เคลือ่ นทขี่ องแสงผา่ นเลนส์ การเคลอ่ื นทีข่ องแสงผ่านเลนส์

- Power point เรอ่ื ง

Purpose : (2 นาที ) การเกิดภาพจากการหกั เห

เราจะเรยี นเร่ือง การเกดิ ภาพจากการหกั เหของแสงผา่ นเลนส์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียน ของแสงผา่ นเลนส์

สามารถเขียนแผนภาพการเคลอ่ื นทข่ี องแสงแสดงการเกิดภาพจากเลนส์บางได้

Work mode (50 นาท)ี

1. นักเรยี นฟงั ครอู ธบิ ายเร่อื ง การเกิดภาพจากการหกั เหของแสงผา่ นเลนส์ โดยใช้

ส่อื Power point ประกอบการสอน ซ่ึงหากนกั เรยี นคนใดสงสัย สามารถ

สอบถามเพอ่ื ใหค้ รูอธบิ ายเพ่ิมเติม (พอเพยี ง3 : การมีภูมคิ ุ้มกนั ท่ีด)ี (25 นาที)

2. นกั เรียนคิดอย่างมวี ิจารณญาณเพ่ือตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด “ภาพทเ่ี กิดจาก

เลนสเ์ ว้า เป็นภาพชนดิ ใด?/เลนสเ์ ว้าและเลนสน์ นู มสี มบตั ิ อย่างไร? (White hat)

(5 นาที)

3. นักเรียนทำใบงาน เร่อื ง แผนภาพการเคลอื่ นที่ของแสงผ่านเลนส์ (15 นาท)ี

4. นักเรยี นและครสู รุปบทเรยี น เรอื่ ง การเกิดภาพจากการหักเหของแสงผา่ นเลนส์

โดยนักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด “เลนส์เว้า และ เลนสน์ นู มปี ระโยชน์

อยา่ งไร?/ ภาพท่เี กิดจากการหกั เหของแสงผา่ นเลนส์เว้าและเลนสน์ นู มคี วาม


เหมอื นหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร?/นักเรยี นจะสรปุ ข้ันตอนในการเขยี นแผนภาพ
แสดงการเกดิ ภาพจากการหักเหของแสงผา่ นเลนส์ ได้วา่ อยา่ งไร? (Yellow hat,
White hat) (คิด 2: คิดเปรียบเทียบ) (5นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- 2 ส่งิ ท่นี ักเรียนได้รบั จากการเรยี นในวันน?้ี (2 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาที)


ใบงานเรือ่ ง แผนภาพการเคลอ่ื นที่ของแสงผา่ นเลนส์

จงเขยี นแผนภาพแสดงการเกิดภาพจากการหักเหของแสงผ่านเลนส์ และตอบคำถามให้ถูกตอ้ ง
คำถามท่ี 1 จงเขียนภาพที่เกดิ จากหักเหของแสงผา่ นเลนสน์ นู และบอกลักษณะของภาพทเี่ กิดขน้ึ (ข้อละ 2 คะแนน)
เลนส์นูน

เลนส์เว้า


เฉลยและเกณฑก์ ารให้คะแนน
เลนส์นูน

เลนส์เวา้

11 - 12
9 - 10
7-8

6


ขอ้ สอบ O-NET(2564) 1 ขอ้


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 8

ช่อื หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น หน่วยย่อยท่ี 1

เร่อื ง ปรากฏการณเ์ กย่ี วกับแสง เวลา 2 ชั่วโมง

วันท่ที ำการสอน.........................เดอื น............................พ.ศ................. ผู้สอน นายสเุ วช สบื ปัญญา

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐานตัวชวี้ ดั

ปรากฏการณเ์ กี่ยวกบั แสง เกยี่ วขอ้ งกับการกระจายของแสง ว 2.3 ม.3/17 อธิบายปรากฏการณท์ เ่ี ก่ยี วกบั แสงและการทำงานของ

การหกั เหของแสงและการสะทอ้ นของแสง ซึ่งทำให้เกดิ ทศั นอุปกรณ์จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้

ปรากฏการณท์ างธรรมชาติท่ีเกยี่ วกับแสง เช่น มิราจ รุ้งกนิ น้ำ

พระอาทติ ยท์ รงกลด เปน็ ต้น

3. สาระการเรียนรู้ 4. ชนิ้ งาน /ภาระงาน

- ปรากฏการณเ์ กย่ี วกบั แสง - ใบงาน Diagram เรื่อง ปรากฏการณ์เกยี่ วกบั แสง

- ใบงานตามแนวทาง PISA เรอื่ ง ปรากฏการณเ์ กยี่ วกับแสง

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 6. เครอื่ งมอื การคิด

- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ - Diagram

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7.ข้ันของกจิ กรรม 8.ส่อื 9.วิธีวดั ผล
- ประเมินใบงาน
Do Now : (3 นาที) - ใบงาน Diagram เรอื่ ง Diagram เรอ่ื ง
ปรากฏการณ์เกย่ี วกบั
“ยกตวั อย่างปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มาคนละ 1 อย่าง” ปรากฏการณเ์ กยี่ วกบั แสง แสง
- ประเมินใบงานตาม
Purpose : (2 นาที ) - ใบงานตามแนวทาง PISA แนวทาง PISA เรื่อง
ปรากฏการณเ์ กย่ี วกับ
เราจะเรียน เร่ือง ปรากฏการณเ์ กีย่ วกบั แสง เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถอธิบาย เรื่อง ปรากฏการณเ์ ก่ยี วกับ แสง

ปรากฏการณ์ท่เี กยี่ วกบั แสงได้ แสง

Work mode (110 นาที) - Power point

1. นักเรียนศึกษาเร่ืองปรากฏการณ์เกี่ยวกบั แสง ในบทเรยี นออนไลน์ ซง่ึ หาก ประกอบการสอนเรอื่ ง

นกั เรียนคนใดสงสัย สามารถสอบถามเพอ่ื ใหค้ รูอธิบายเพม่ิ เตมิ ปรากฏการณเ์ กยี่ วกบั แสง

(พอเพยี ง3 :การมภี ูมิคุ้มกันทด่ี ี) (15 นาท)ี - บทเรียนออนไลน์ เรื่อง

2. นักเรียนฟังครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เรอื่ ง ปรากฏการณเ์ ก่ียวกบั แสง โดยใช้ส่ือ ปรากฏการณเ์ กยี่ วกบั แสง

Power point ประกอบการสอน (10 นาที)

3. นกั เรยี นคดิ อย่างมวี ิจารณญาณเพ่อื ตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ

“ปรากฏการณเ์ กยี่ วกบั แสง ทพี่ บในธรรมชาติ ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง?/ปรากฏการณ์

มิราจ เกดิ จากอะไร? (สมรรถนะที่ 2) (5 นาที)
4. นกั เรยี นทำใบงานตามแนวทาง PISA เรอ่ื ง ปรากฏการณเ์ กย่ี วกบั แสง

(20 นาที)

5 .นักเรียนและครรู ่วมกนั เฉลยใบงานตามแนวทาง PISA เร่ือง ปรากฏการณ์

เกย่ี วกบั แสง (15 นาที)

6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรปุ องค์ความร้ปู รากฏการณ์เกยี่ วกับแสง ในรปู แบบ

แผนผงั Diagram ลงในใบงาน เร่ืองปรากฏการณ์เก่ียวกับแสง

(คิด 9: คดิ เชิงมโนทัศน์) (สมรรถนะท่ี 6) (20 นาที)


7. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น จากใบงาน
Diagram เรอ่ื ง ปรากฏการณเ์ กย่ี วกบั แสง กลมุ่ ละ 3 นาที (15นาที)
8. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปบทเรียน โดยนักเรียนตอบคำถามกระตนุ้
ความคดิ “ทศั นอุปกรณ์ คอื อะไร?/จงยกตวั อยา่ งทัศนอุปกรณ์มา 1 ชนดิ /
กลอ้ งจลุ ทรรศน์ นำหลักการใดของเรอ่ื งแสง มาใช้ประโยชน์ (10นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- 2 สิ่ง ทน่ี ักเรยี นสามารถนำไปปรบั ใช้ จากการเรยี นในวันน?ี้ (2 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 1 ขอ้ (3 นาท)ี


ใบงาน Diagram เรอ่ื ง ปรากฏการณ์เกย่ี วกบั แสง

คำชี้แจง ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคดิ เพ่ือสรุปองค์ความรู้ เกี่ยวกับเร่ืองทศั นอุปกรณ์ ในรปู แบบของ Diagram

ปรากฏการณ์เกี่ยวกับแสง

การสะท้อนกลับหมด ลึกจรงิ -ลึกปรากฏ

มริ าจ ร้งุ กินนา้


Click to View FlipBook Version