ประเทศไทยเปล่ยี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชยเ์ ปน็ ระบอบประชาธปิ ไตย ตั้งแตว่ นั ท่ี 24
มถิ ุนายน 2475 เปน็ ต้นมา นับเป็นการส้ินสุดการปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยแ์ ละเรมิ่ ตน้ การปกครองระบอบ
ประชาธปิ ไตย ระบบรฐั สภาอันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข มีรฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ รูปแบบของรัฐเป็นรฐั
เดยี่ ว มอี ำนาจอธปิ ไตยหรอื อำนาจสงู สดุ ในการปกครองรฐั เป็นของประชาชน พระมหากษัตริยท์ รงใช้อำนาจอธิปไตย
แทนปวงชน โดยทรงใช้อำนาจนติ ิบัญญตั ิผ่านทางรฐั สภา ทรงใชอ้ ำนาจบรหิ ารผา่ นทางคณะรฐั มนตรแี ละทรงใช้อำนาจ
ตุลาการผ่านทางศาล
โครงสรา้ งการเมอื งการปกครองของไทย
แผนภมู ิแสดงโครงสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
รัฐธรรมนูญ
พระมหากษตั ริย์
(ทรงใชอ้ ำนาจอธิปไตยแทนปวงชน)
อำนาจอธิปไตย
นิติบญั ญตั ิ (รัฐสภา) บริหาร ตุลาการ
(คณะรัฐมนตรี) (ศาล)
ส.ส. ส.ว. นายก รัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญ
สมาชิกสภา วฒุ ิสภา (1 คน) (ไม่เกิน 35 คน) ศาลยตุ ิธรรม
ผแู้ ทนราษฎร ศาลปกครอง
ศาลรัฐธรรมนูญ
ศาลทหาร
อำนาจอธปิ ไตย หมายถึง อำนาจสงู สุดในการปกครองประเทศโดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้เปน็ อำนาจของปวง
ชนชาวไทย ซึง่ สอดคลอ้ งกบั หลักการของระบอบประชาธิปไตยท่ถี ือว่า ประชาชนเปน็ เจ้าของประเทศ
ดงั นัน้ อำนาจอธปิ ไตยจึงเป็นเครื่องชี้ถึงความเป็นประชาธปิ ไตยและความเปน็ เอกราชของชาติ เพราะประเทศท่ีมี
เอกราชและเปน็ อสิ ระไมอ่ ยูภ่ ายใตก้ ารปกครองของรฐั อื่นเท่านั้น จงึ จะใช้อำนาจอธปิ ไตยได้โดยสมบรู ณ์
อำนาจอธปิ ไตย แบ่งออกเป็น 3 อำนาจ ไดแ้ ก่ อำนาจนิตบิ ัญญัติ (รฐั สภา) อำนาจบริหาร (คณะรัฐมนตรี) และอำนาจ
ตุลาการ (ศาล) โดยรฐั ธรรมนูญบัญญตั ิใหพ้ ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ผู้ทรงใชอ้ ำนาจอธปิ ไตยท้งั สามแทนปวงชนชาวไทย โดย
ผา่ นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรแี ละศาลตามลำดบั
ทงั้ นี้ สถาบนั ทงั้ สามดงั กล่าวตา่ งมีอำนาจเปน็ อิสระตอ่ กนั แตม่ ีความสัมพนั ธ์ซึง่ กนั และกนั สามารถตรวจสอบและ
ถว่ งดุลการใช้อำนาจของอกี ฝ่ายหนึง่ ได้ อำนาจอธปิ ไตยทัง้ 3 มดี ังนี้
1. อำนาจนิตบิ ญั ญัติ คือ อำนาจในการตรากฎหมายใช้บงั คับแก่พลเมืองของประเทศ โดยรฐั สภาเป็นผทู้ ำหน้าที่ทีโ่ ดย
ตรง พระมหากษตั ริย์จะทรงใช้อำนาจนติ บิ ัญญตั ิผา่ นทางรัฐสภา โดยทรงลงพระปรมาภไิ ธยในร่างพระราชบญั ญตั ทิ ี่
ผา่ นการพิจารณาจากรัฐสภาแล้วเปน็ ผลให้กฎหมายฉบับนน้ั มีผลใช้บังคบั โดยสมบูรณ์
2. อำนาจบริหาร คือ อำนาจในการบงั คับใชก้ ฎหมาย บรหิ ารและจัดการปกครองบ้านเมืองใหเ้ ปน็ ระเบยี บเรียบร้อย
เพอ่ื ใหเ้ กิดความเจรญิ ก้างหนา้ และความผาสุกของประชาชน ผู้ทำหน้าทด่ี า้ นบรหิ ารโดยตรง คอื รัฐบาลหรือ
คณะรัฐมนตรี พระมหากษตั ริย์จะทรงใช้อำนาจบรหิ ารผ่านทางคณะรฐั มนตรี เช่น ทรงลงพระปรมาภิไธยแตง่ ตั้ง
ข้าราชการระดบั สูงให้ปฏิบัตหิ น้าท่ี เช่น ปลัดกระทรวงและอธบิ ดีกรมต่าง ๆ เป็นต้น
2. อำนาจตลุ าการ คือ อำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดใี ห้เปน็ ไปตามกฎหมาย โดยศาลเปน็ ผู้ใชอ้ ำนาจหรอื
ปฏบิ ัติหนา้ ทน่ี โี้ ดยตรง พระมหากษัตรยิ ์จะทรงใช้อำนาจตลุ าการผา่ นทางศาล เชน่ ทรงลงพระปรมาภไิ ธย
แตง่ ตั้ง ประธานศาลฎีกาและผ้พู ิพากษาให้ปฏิบตั ิหนา้ ที่ เปน็ ตน้
เรอ่ื งที่ 4
การมสี ่วนรว่ มทางการเมืองการปกครองในระดับทอ้ งถิ่นและระดบั ประเทศ
ในสงั คมประชาธิปไตย ถอื ว่าอำนาจอธิปไตย ซ่ึงเปน็ อำนาจสงู สุดในการปกครองรัฐ เปน็ ของประชาชน ประชาชนจึง
บทบาทในการมีสว่ นรว่ มกำหนดแนวทางการปกครองรัฐเพอ่ื ประโยชน์แกป่ วงชน สนองความต้องการของปวงชน
ฉะนน้ั การมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองการปกครองจงึ เป็นหัวใจของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย
รปู แบบการมีสว่ นร่วมทางการเมอื ง
การมสี ว่ นรว่ มทางการเมืองการปกครอง หมายถึง การท่ปี ระชาชนในฐานะเป็นเจา้ ของประเทศมีสว่ นในการกำหนด
นโยบายหรอื กำหนดการตดั สนิ ใจของรฐั บาลในการดำเนนิ งานของรัฐเพือ่ ประโยชนแ์ ก่ประชาชน
การมีส่วนรว่ มทางการเมืองการปกครองของไทยมีหลายรูปแบบ เชน่ การแสดงความคิดเห็นของประชาชนผา่ นสือ่ ตา่ ง
ๆ เช่น หนงั สือพมิ พ์ วิทยุการจัดอภปิ รายทางการเมืองเพือ่ หาขอ้ มลู หรอื ข้อสรุปการลงคะแนนเสยี งเลอื กต้งั ตัวแทน
ระดับท้องถิน่ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ การสมัครเป็นสมาชกิ พรรคการเมือง การสมัครรับเลอื กตง้ั เปน็ สมาชิก
สภาทอ้ งถ่นิ หรอื สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร การชุมนมุ โดยสงบและปราศจากอาวุธเพอื่ เรียกรอ้ งผลประโยชนใ์ หก้ ับกลมุ่
พรรคการเมอื ง หมายถึง กลุ่มบคุ คลท่มี อี ุดมการณท์ างการเมืองหรอื มีเจตนารมณ์ในการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คมและ
การเมอื งแนวเดียวกนั มารวมตัวกัน เพ่ือนำแนวคิดทางการเมอื ง เศรษฐกิจ สังคมเป็นหลักในการบรหิ ารประเทศ
โดยสมัครรบั เลือกตัง้ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร โดยมุ่งหวงั จะเป็นรฐั บาลหรอื เป็นฝา่ ยค้านเพอื่ เขา้ ไปทำหนา้ ทคี่ วบคมุ
การทำงานของรฐั บาล การเลือกตง้ั เปน็ สทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องประชาชนชาวไทย การเลอื กต้งั เปน็ การมีสว่ นรว่ มทางการ
เมืองท่ีสำคญั รปู แบบหนึ่งประโยชน์ของการเลอื กตัง้ การเลือกต้งั เป็นวธิ ีการเปลยี่ นอำนาจ ทำให้มีการหมุนเวยี น
ผลดั เปล่ียนอำนาจตามวธิ ีการหรือกระบวนการทก่ี ำหนดไว้ในรัฐธรรมนญู โดยประชาชน
บทบาทหนา้ ที่ ความรบั ผดิ ชอบของตนเองในฐานะพลเมืองดขี องทอ้ งถนิ่ และประเทศชาติ
การดำเนินชวี ติ ตามวถิ ีทางประชาธิปไตย เชน่ การเคารพความคิดเห็นของกนั และกนั ยอมรับความคิดเหน็ ของสมาชิก
สว่ นใหญ่และแสดงความคิดเหน็ ทส่ี ร้างสรรค์ เพ่ือหาทางเลือกทด่ี ที ่สี ุดท่จี ะพัฒนาสงั คมให้เจริญกา้ วหนา้ และอำนวย
ความผาสุกใหแ้ กส่ มาชิกสว่ นใหญ่ รวมท้งั สมาชกิ จะดำรงชีวติ อยู่ร่วมกนั อย่างสันติสุข ถงึ แม้จะมคี วามขดั แยง้ กนั ก็
สามารถหาขอ้ ยุติไดด้ ้วยการใช้เหตุผลตดั สนิ ใจกับปญั หานนั้ โดยไมม่ ีการใชก้ ำลังเขา้ แกไ้ ขปญั หา ดงั น้ัน ตวั เราจงึ ต้อง
รบั รบู้ ทบาทและหนา้ ท่ขี องตนเองในฐานะพลเมืองที่ดี การเปน็ สมาชิกในชุมชน จึงมีบทบาทและหนา้ ที่ ดงั น้ี
มีความรกั และภมู ิใจในชมุ ชนทอ้ งถิน่ ของตนเองดว้ ยการชว่ ยรักษาและพัฒนาชมุ ชนและท้องถ่ินของตนใหม้ สี ภาพ
แวดลอ้ มทสี่ วยงาม สะอาด นา่ อยู่อาศยั และไร้มลพิษตา่ ง ๆเคารพและปฏิบัตติ ามขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรม
และระเบียบข้อบงั คบั กฎหมายของชุมชน ประเทศชาตจิ ะทำให้สมาชิกของชุมชนอยรู่ ว่ มกนั อย่างสงบสุขรกั ษา
สาธารณสมบัติของชุมชนไวใ้ ห้คงอยูแ่ ละใชท้ รัพยากรของชุมชนอยา่ งประหยดั เพือ่ ประโยชน์ร่วมกัน ซ่งึ จะทำให้
สมาชกิ ของชุมชนไดร้ บั ประโยชน์จากสาธารณสมบัตนิ น้ั ๆ อย่างเตม็ ท่แี ละยาวนานเสียสละประโยชน์สว่ นตนเพือ่
ประโยชน์ส่วนรวม เช่น เสยี ภาษีหรอื คา่ ธรรมเนียมทกุ ชนิดทช่ี ุมชนหรือประเทศชาติกำหนด เพือ่ ชมุ ชน ประเทศชาติ
จะได้นำเงินเหล่านั้นไปใช้บำรงุ รกั ษาและพฒั นาชมุ ชนให้เจรญิ ก้าวหนา้ ต่อไปสนบั สนุนนโยบายของทางราชการที่
ตอ้ งการรกั ษาและพัฒนาชุมชนใหเ้ จรญิ ก้าวหน้า รวมทงั้ ร่วมมือกบั ทางราชการปอ้ งกันมใิ ห้ใครมาทำลายสภาพ
แวดล้อมทดี่ ีของชมุ ชนบทบาทและหน้าที่ต่าง ๆ ของเราทป่ี ฏิบัติต่อชมุ ชนและประเทศชาติ จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อ
ตนเองดว้ ย อาทิ ถ้าเราเคารพสทิ ธิของกนั และกนั และเคารพกฎหมาย สมาชกิ ในชุมชนนน้ั กจ็ ะอยูร่ ่วมกนั อย่างสันติ
เราเองกย็ ่อมจะได้รับประโยชน์อย่างมาก
คุณธรรมของการเปน็ พลเมอื งดใี นสงั คมประชาธปิ ไตยในระดบั กลมุ่ สงั คม ทอ้ งถิ่นและประเทศชาติ
1. การเห็นแกป่ ระโยชน์ส่วนรวม เพราะสงั คมประชาธิปไตยจะดำรงอยู่ได้ และสามารถพัฒนาให้มีความเจริญกา้ วหน้า
ไดอ้ ย่างมาก ถา้ สมาชิกในสังคมเห็นแกป่ ระโยชนส์ ่วนรวมและยอมเสยี สละ ประโยชนส์ ว่ นตนเพอื่ ประโยชน์ส่วนรวม
เสมอ
2. การรับฟังความคิดเหน็ ของกันและกนั และเคารพในมตขิ องเสียงสว่ นมาก สมาชกิ ในสงั คมประชาธปิ ไตยมกั จะมีค
วามคดิ เห็นในปัญหาต่าง ๆ ของสงั คมและแนวทางแกไ้ ขปญั หานัน้ แตกต่างกนั จงึ จำเปน็ ตอ้ งใชเ้ สียงขา้ งมาก หาข้อยุติ
เก่ียวกับแนวทางในการแกไ้ ขปัญหานน้ั ๆ แตท่ ั้งนเี้ สียงส่วนมากก็จะตอ้ งเคารพความคดิ เหน็ ของเสยี งสว่ นนอ้ ย และจะ
ต้องไมถ่ ือว่าเสียงสว่ นน้อยเปน็ ฝา่ ยผดิ จงึ จะทำให้สงั คมประชาธปิ ไตยโดยดำรงอยไู่ ดอ้ ย่างสนั ติ
3. การมรี ะเบียบวินยั และรบั ผดิ ชอบหน้าท่ี ถา้ สมาชิกในสังคมประชาธิปไตยโดยยึดมั่นในระเบียบวนิ ัย ควบคุมตนเอง
ได้ ไมล่ ะเมดิ สิทธิของผูอ้ น่ื และต้ังใจปฏิบตั ิหนา้ ทขี่ องตนใหด้ ีท่สี ุดเทา่ ทจ่ี ะดไี ด้ สงั คมประชาธิปไตยน้นั กจ็ ะมีแตค่ วาม
สงบสุขและเจริญก้าวหน้า
4. ความซอ่ื สตั ยส์ ุจริต ถา้ สมาชิกในสังคมประชาธปิ ไตยทกุ คนยึดมน่ั ในความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ เช่น ไมล่ ักทรพั ย์ ไม่
เบียดเบยี นทรพั ยส์ นิ ของผอู้ น่ื มาเป็นของตน หรือถา้ ข้าราชการก็ปฏบิ ัตหิ น้าท่ี
ดว้ ยความซือ่ สัตย์สจุ รติ ไมเ่ ห็นแกอ่ ามิสสนิ จา้ ง ไมท่ ำการคอรัปชนั่ สังคมนน้ั จะมสี ันตสิ ขุ และเจริญกา้ วหนา้ ขึ้นเรือ่ ย ๆ
ใบงานที่ 4
เร่ือง การเมอื งการปกครองของไทย
ให้ผู้เรียนรวบรวมขอ้ มูล ชือ่ ของหัวหน้าฝา่ ยปกครอง สถานที่ทำงานของบุคคลเหลา่ น้ันในเขตพื้นทีท่ ผ่ี เู้ รยี นอาศยั อยู่
ตง้ั แต่ระดับจงั หวดั อำเภอ ตำบล หมู่บา้ นเพอื่ จะไดร้ จู้ กั และสามารถตดิ ตอ่ กับบคุ คลเหลา่ นนั้ ไดถ้ ูกตอ้ งตามบทบาท
หนา้ ที่
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 5
เร่ือง การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งการปกครองในระดับท้องถนิ่ และระดบั ประเทศ
ให้ผูเ้ รยี นสืบคน้ ขอ้ มูลเกยี่ วกับการมีสว่ นรว่ มทางการเมอื งการปกครองในระดับทอ้ งถิ่นและระดบั ประเทศแลว้ นำความ
รู้ทไี่ ด้มาอธิบาย
1.การมสี ว่ นร่วมทางการเมอื ง หมายถึง
.........................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.จงบอกรปู แบบของการมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งว่ามีรปู แบบใดบ้าง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.ใหผ้ ้เู รยี นอธิบายลกั ษณะการแสดงกจิ กรรมที่ใช้ความรนุ แรงในการแสดงออกถงึ การมีส่วนรว่ มทางการเมอื ง ดงั น้ี
3.1.การประท้วง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.2.การลอบทำร้ายบคุ คลสำคญั ทางการเมือง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4.ใหอ้ ธิบายปญั หาการมสี ่วนรว่ มทางการเมืองของประชาชนตามท่ีเขา้ ใจพอสังเขป
4.1.ปัญหาความตนื่ ตัวทางการเมอื ง
4.2.ปัญหาวฒั นธรรมทางการเมืองและการศกึ ษา
4.3.ปญั หาจากบทบาทของพรรคการเมือง
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรื่อง การเมืองการปกครองประเทศไทย
1. การปกครองโดยใชเ้ สยี งสว่ นใหญ่จดั เปน็ การปกครองรปู แบบใด
ก. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ข. การปกครองระบบคอมมิวนสิ ต์
ค. การปกครองแบบสหพันธรัฐ ง. การปกครองแบบสงั คมนยิ ม
2. อำนาจอธปิ ไตยแบ่งออกไดก้ ส่ี ว่ น
ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น
ค. 4 สว่ น ง. 5 ส่วน
3. ขอ้ ใดท่ไี ม่จดั ว่าเปน็ อำนาจอธิปไตย
ก. อำนาจนิตบิ ญั ญัติ ข. อำนาจบรหิ าร
ค. อำนาจศาล ง. อำนาจตุลาการ
4. องคก์ ารบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นการกระจายอำนาจการบรหิ ารราชการแบบใด
ก. การบรหิ ารราชการส่วนท้องถนิ่ ข. การบริหารราชการส่วนกลาง
ค. การบริหารราชการส่วนภูมิภาค ง. การบรหิ ารราชการส่วนจังหวัด
5. กรุงเทพมหานคร จดั การบรหิ ารราชการแบบใด
ก. การบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน ข. การบริหารราชการส่วนกลาง
ค. การบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาค ง. การบริหารราชการรปู แบบพิเศษ
6. ขอ้ ใดไม่จัดว่าเป็นการจัดระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนภูมิภาค
ก. จงั หวดั ข. อำเภอ
ค. ตำบล ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก
7. สำนกั นายกรฐั มนตรีมีฐานะใดในการบริหารราชการส่วนกลาง
ก. นิติบุคคล ข. กรม
ค. กระทรวง ง. สำนกั
8. การจัดตง้ั ยบุ ยกเลิก หนว่ ยงานของสำนกั นายกรัฐมนตรี จะออกกฎหมายในข้อใด
ก. ประกาศ ข. กฎกระทรวง
ค. พระราชบัญญตั ิ ง. ถกุ ทุกข้อ
9. หน่วยงานใดที่จดั การปกครองโดยการบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ รปู แบบพิเศษ
ก. องค์การบรหิ ารส่วนตำบล ข. องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั
ค. เมืองพัทยา ง. เทศบาลตำบล
10. การใช้อำนาจในการปกครองประเทศไทยอยู่ภายใตก้ รอบทกี่ ำหนดไว้ของส่งิ ใด
ก. กฎหมาย ข. รฐั ธรรมนูญ
ค. ความตอ้ งการของรัฐ ง. ความต้องการของประชาชน
1.ก 2 .ข เฉลย คำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
เรอื่ ง การเมอื งการปกครองประเทศไทย
3.ค 4. ก 5. ง 6. ค 7. ง 8. ค 9. ค 10. ข
แบบทดสอบหลังเรยี น
เร่อื ง การเมอื งการปกครองประเทศไทย
1. อำนาจอธปิ ไตยแบ่งออกได้กส่ี ่วน
ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น
ค. 4 ส่วน ง. 5 ส่วน
2. ข้อใดที่ไม่จดั ว่าเป็นอำนาจอธิปไตย
ก. อำนาจนิติบัญญตั ิ ข. อำนาจบริหาร
ค. อำนาจศาล ง. อำนาจตลุ าการ
3. การปกครองโดยใชเ้ สยี งส่วนใหญจ่ ัดเป็นการปกครองรปู แบบใด
ก. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ข. การปกครองระบบคอมมวิ นสิ ต์
ค. การปกครองแบบสหพนั ธรฐั ง. การปกครองแบบสังคมนิยม
4. ข้อใดไม่จัดว่าเปน็ การจดั ระเบยี บบริหารราชการส่วนภูมภิ าค
ก. จงั หวดั ข. อำเภอ
ค. ตำบล ง. ไม่มขี อ้ ใดถูก
5. องค์การบรหิ ารสว่ นตำบล (อบต.) เปน็ การกระจายอำนาจการบรหิ ารราชการแบบใด
ก. การบรหิ ารราชการสว่ นท้องถน่ิ ข. การบริหารราชการสว่ นกลาง
ค. การบริหารราชการสว่ นภูมิภาค ง. การบรหิ ารราชการสว่ นจงั หวัด
6. หน่วยงานใดทีจ่ ัดการปกครองโดยการบรหิ ารราชการส่วนทอ้ งถนิ่ รปู แบบพเิ ศษ
ก. องคก์ ารบริหารสว่ นตำบล ข. องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั
ค. เมืองพัทยา ง. เทศบาลตำบล
7. การใชอ้ ำนาจในการปกครองประเทศไทยอยู่ภายใต้กรอบทกี่ ำหนดไวข้ องสิ่งใด
ก. กฎหมาย ข. รฐั ธรรมนญู
ค. ความต้องการของรัฐ ง. ความตอ้ งการของประชาชน
8. กรงุ เทพมหานคร จัดการบรหิ ารราชการแบบใด
ก. การบรหิ ารราชการส่วนท้องถน่ิ ข. การบรหิ ารราชการส่วนกลาง
ค. การบรหิ ารราชการส่วนภูมภิ าค ง. การบรหิ ารราชการรูปแบบพิเศษ
9. สำนักนายกรฐั มนตรมี ีฐานะใดในการบรหิ ารราชการส่วนกลาง
ก. นติ ิบคุ คล ข. กรม
ค. กระทรวง ง. สำนัก
10.การจัดต้ัง ยบุ ยกเลกิ หน่วยงานของสำนกั นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม จะออกกฎหมายในข้อใด
ก. ประกาศ ข. กฎกระทรวง
ค. พระราชบัญญตั ิ ง. ถกุ ทกุ ขอ้
เฉลยคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน
เรอ่ื ง การเมืองการปกครองประเทศไทย
1.ข 2 .ค 3.ก 4. ค 5. ก 6. ค 7.ข 8. ง 9. ง 10. ค
เฉลยใบงานที่ 1
เรื่อง ภูมศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย
ความสำคญั ทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย
1 ใหอ้ ธบิ ายความหมายของคำวา่ “ภูมิศาสตร์กายภาพ”
ตอบ ภูมศิ าสตรา์ ยภาพ หมายถงึ การศึกษาลกั ษณะตา่ งๆบนผวิ โลก อนั เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงทางธรรมชาติ ไดแ้ ก่
ลักษณะภมู ิประเทศ ภมู อิ ากาศ ทรพั ยากรธรรมชาติ
2 ใหอ้ ธิบาย “ลกั ษณะทางกายภาพกบั การดำรงชวี ิตของคนในภูมภิ าคตา่ งๆของประเทศไทย”
ตอบ ลักษณะทางกายภาพจะมคี วามแตกต่างกันออกไปในแต่ละภาค
1.ภาคเหนือ สว่ นใหญเ่ ปน็ เทอื กเขสงู สลับซับซ้อน พ้ืนทร่ี ะหว่างหุบเขาเป็นทรี่ าบแคบๆและมีนำ้ ไหลผ่าน จึง
เหมาะตอ่ การต้งั ถิน่ ฐานและทำการเกษตร แตก่ ารคมนาคมไม่สะดวกทำให้ชมุ ชนภาคเหนอื พัฒนาค่อนข้างอิสระ สรา้ ง
สงั คมขึ้นมาตามแนวคิดตามความเชื่อของตนเอง ชุมชน และหมบู่ า้ น เรียบง่าย ใฝ่สนั ติ ช่วยเหลือแบง่ ปัน ไม่
เอาเปรยี บกัน มีการรว่ มมือจดั การระบบนิเวศระหว่างชมุ ชน มีความเช่อื ผีแหง่ ธรรมชาติ เช่นผีขนุ น้ำ ผฝี าย ผีเหมอื ง
ชาวบา้ นจงึ ละเวน้ การทำลายตน้ ไมแ้ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
2.ภาคใต้ พนื้ ที่เป็นคาบสมุทร ทำใหบ้ างพ้ืนทีเ่ ป็นเมืองทา่ เป็นศนู ยก์ ลางในการแลกเปลี่ยน ภาคใตใ้ ช้เสน้ ทาง
ทางทะเลติดต่อกบั โลกภายนอกทำใหช้ ุมชนมคี วามสัมพันธใ์ กลช้ ดิ กนั มกี ารติดต่อพึ่งพาอาศัยแลกเปลย่ี นผลผลติ กัน
เช่น ผลไม้ ของปา่ สมุนไพร ขา้ ว เกลือ กะปิ กุ้งแห้ง ปลา เป็นตน้
3.ภาคกลาง พนื้ ทเี่ ป็นท่รี าบล่มุ ใกล้แม่นำ้ จงึ นยิ มสรา้ งบ้านใตถ้ นุ สูง ประชาชนมวี ถิ ชี วี ิตสัมพนั ธ์กบั น้ำ และมี
ประเพณีเก่ยี วข้องกบั นำ้ เชน่ ประเพณแี ข่งเรอื ภาคกลางเปน็ ภาคท่ีมกี ารอุตสาหกรรมมากท่สี ดุ ในประเทศ
4.ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เปน็ ภาคทมี่ พี ้นื ท่ีใหญ่ที่สดุ แต่สภาพแวดลอ้ มไม่ค่อยอุดมสมบรู ณ์ จึงไม่เออ้ื ตอ่
การประกอบอาชพี โดยเฉพาะฤดแู ลง้ จะขาดแคลนน้ำเพื่ออปุ โภคบริโภค และมปี ัญหาดินเค็ม ประชาชนพยายามปรบั
ตวั ใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดล้อม โดยประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลยี้ งสตั ว์ ปลกู ข้าวไวบ้ ริโภคในครัวเรือน หรอื ปลกู พชื ทน
แล้ง เชน่ ขา้ วโพด มันสำปะหลัง อ้อย ปอ เปน็ ต้น ที่อยอู่ าศยั จะปลูกบา้ นใตถ้ นุ สูงเพ่ือใหล้ มพดั ผา่ น และมพี ้ืนท่ใี นการ
ทำกจิ กรรมต่างๆ
5.ภาคตะวันออก พน้ื ท่ีสว่ นใหญเ่ ปน็ เนนิ เขาสลับกบั ทส่ี ูงซึ่งลาดเอยี งลงสู่อา่ วไทยมีทีร่ าบลุ่มแมน่ ้ำ ท่รี าบ
ชายฝง่ั มภี ูมิอากาศร้อนและฝนตกชุก ทำใหเ้ หมาะแก่การประกอบอาชีพประมง ทำเหมอื งแร่รตั นชาติ
6.ภาคตะวันตก เป็นภูเขา ซึ่งเป็นแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ ปา่ ไม้ และต้นนำ้ ลำธาร จึงไมเ่ หมาะ
กบั อาชพี เกษตรกรรม แต่มีการสร้างเข่อื นในเขตภูเขาและระบบชลประทานได้ท่วั ถึงทำใหป้ ระชาชนสามารถใชน้ ้ำใน
ระบบชลประทานช่วยได้มาก แต่ผลผลติ ทีไ่ ด้ในแตล่ ะปไี ม่มากนัก พชื สำคญั เช่น ข้าว อ้อย สับปะรดและมันสำปะหลงั
3 ใหบ้ อกทตี่ ัง้ และอาณาเขตติดต่อของภูมิภาคประเทศไทยว่ามีลักษณะอย่างไร
ตอบ - ท่ตี ้ังประเทศไทยอยู่ในซีกโลกเหนอื ฝงั่ ตะวนั ออก อย่ใู นแหลมทองระหว่างละติจดู ที่ 5องศา 37 ลิปดาเหนอื
กับ 20 องศา 22ลิปดาเหนือ และลองจิจดู 97 องศา 22ลปิ ดาตะวนั ออก กับ 105 องศา37 ลิปดาตะวันออก
ประเทศไทยมีเนอ้ื ที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร ต้งั อยบู่ นคาบสมุทรอนิ โดจีน อยทู่ ศิ ตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องทวปี เอเชีย
เนื้อที่ใหญอ่ ันดับ 3 ของเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ รูปรา่ งยาวมากกว่ากว้าง
อาณาเขตติดต่อ
1.อาณาเขตตดิ ตอ่ กับเมยี นมาร(์ พมา่ ) ในภาคเหนอื ภาคตะวนั ตก ภาคใต้ 10 จังหวดั ระนอง ชมุ พร ประจวบคีรีขนั ธ์
เพชรบรุ ี ราชบรุ ี กาญจนบุรี ตาก แมฮ่ อ่ งสอน เชียงใหมแ่ ละเชยี งราย
2. อาณาเขตตดิ ตอ่ กับประเทศลาว ในภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ รวม 12 จังหวัด คอื จังหวัดเชยี งราย
พะเยา นา่ น อตุ รดติ ถ์ พษิ ณุโลก เลย หนองคายบึงกาฬ นครพนม มกุ ดาหาร อำนาจเจรญิ และอุบลราชธานี มแี ม่น้ำ
โขงเป็นเสน้ ก้นั พรมแดนทางน้ำ ส่วนทางบกมที ิวเขาหลวงพระบางกัน้ ทางตอนบนและทวิ เขาพนมดงรักบางสว่ นก้นั
เขตแดนตอนลา่ ง
3.อาณาเขตตดิ ตอ่ กบั ประเทศกัมพชู า ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวันออก รวม 7 จังหวดั คือ อุบลราชธานี
ศรีสะเกษ สุรนิ ทร์ บุรรี ัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด
4.อาณาเขตตดิ ต่อกับมาเลเซีย ในภาคใต้ 4 จงั หวดั คอื จังหวดั สตูล สงขลา ยะลา และนราธวาส มีเทอื กเขาสันกาลา
คีรแี ละแม่น้ำโก-ลก จงั หวดั นาราธวิ าสเปน็ เส้นก้ันแดน
5.อาณาเขตทางทะเล ติดตอ่ กับทะเลดา้ นอ่าวไทยและดา้ นทะเลอนั ดามันรวมเป็นระยะทาง 2,705 กโิ ลเมตร
5.1.ด้านทะเลอ่าวไทย มี 18 จังหวดั มี ภาคกลาง 4 จงั หวดั คอื กรงุ เทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร
และสมทุ รสงคราม ภาคตะวนั ออก มี 5 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบรุ ี จันทบรุ ี ตราด
ภาคตะวันตก 2 จังหวัด คือ จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ เพชรบรุ ี ภาคใต้ 7 จงั หวดั คือ จงั หวัดชุมพร สุราษฎรธ์ านี
นครศรีธรรมราช พทั ลงุ สงขลา ปตั ตานแี ละนราธวิ าส
5.2ดา้ นทะเลอนั ดามัน มี 6 จงั หวัด อยู่ในภาคใต้ คอื จงั หวัดระนอง พังงา ภเู กต็ กระบี่ ตรัง และสตูล
4. ใหเ้ ขยี นภูมภิ าคประเทศไทยตามทส่ี ภาวิจยั แห่งชาติไดแ้ บ่งเปน็ 6 ภูมิภาค มีลักษณะสณั ฐานเปน็ อย่างไร
ตอบ 1.ภาคเหนอื ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสลบั หุบเขา เป็นแนวเหนือใต้ เปน็ ภาคที่มีภูเขามากกว่าภาคอืน่ ๆ
เช่น ทวิ เขาหลวงพระบาง ทวิ เขาผปี ันน้ำ ทิวเขาแดนลาว ทวิ เขาถนนธงชยั ทม่ี ยี อดเขาสูงสดุ ในประเทศไทย คือ ดอย
อนิ ทนนท์ สงู 2,565 เมตร เป็นต้นกำเนดิ แม่นำ้ ปงิ วัง ยม น่าน หบุ เขามีทง้ั ท่รี าบแคบๆและท่ีกว้างใหญ่ซงึ่ จะมี
ประชากรอยหู่ นาแน่น ภาคเหนอื มี 9 จังหวดั คอื จงั หวดั เชียงราย แมฮ่ อ่ งสอน พะเยา เชียงใหม่น่าน ลำพูน ลำปาง
แพร่ และอุตรดติ ถ์
2.ภาคกลาง เปน็ ท่ีราบตำ่ หรอื ทีร่ าบลุม่ ตอนบนเป็นทีร่ าบดอน ตอนล่างเป็นท่รี าบลมุ่ มคี วามอุดมสมบรู ณม์ าก
เป็นอู่ข้าวอู่นำ้ ของไทย คอื ทร่ี าบเจ้าพระยา มแี มน่ ้ำสายสำคญั คอื แมน่ ้ำเจา้ พระยา เกดิ จากการไหลมาบรรจบของ ปงิ
วงั ยม นา่ น ทปี่ ากนำ้ โพ จังหวัดนครสวรรค์ ทีแ่ ยกออกไปมีแม่น้ำสุพรรณบุรี แมน่ ำ้ ท่าจนี แมน่ ้ำน้อย แมน่ ้ำลพบรุ ี
ภาคกลางมี 22 จังหวดั คือ สุโขทยั พษิ ณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ(์ กลางตอนบน)นครสวรรค์ ชยั นาท
ลพบุรี สงิ หบ์ รุ ี อา่ งทอง สระบรุ ี สพุ รรณบุรี พระนครศรีอยธุ ยา นครนายก ปทุมธานี นนทบรุ ี กรุงเทพมหานคร
สมทุ รปราการ สมุทรสาคร สมทุ รสงคราม
3.ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เป็นทีร่ าบสูง มีทวิ เขาและแมน่ ำ้ แบง่ เขตจากภาคอ่ืนๆ พ้นื ท่ีภาคนี้คล้ายกระทะ
หงาย สูงดา้ นตะวนั ตกและค่อยๆลาดไปทางตะวันออก มภี ูเขายอดปา้ น เชน่ ภเู รือ ภูกระดงึ แม่นำ้ สำคัญคอื แม่นำ้ ชี
แมน่ ำ้ มลู ภาคนมี้ ี 20 จังหวดั คอื จังหวดั เลย หนองคาย บงึ กาฬ อดุ รธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธ์ุ
มกุ ดาหาร ชนั ภมู ิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บรุ ีรัมย์ สรุ ินทร์ ศรสี ะเกษ อบุ ลราชธานี อำนาจเจริญ
และหนองบัวลำภู
4.ภาคตะวนั ออก มีเนื้อทนี่ ้อยทีส่ ดุ เปน็ ทวิ เขา ทรี่ าบลุม่ และทร่ี าบชายฝัง่ ทวิ เขาสำคัญคือ ทวิ เขาบรรทดั
ทิวเขาสนั กำแพง ทร่ี าบลุ่มแม่นำ้ ได้แก่ ท่รี าบลุ่มแม่น้ำปราจนี บุรี ทีร่ าบแม่นำ้ บางปะกง ส่วนทรี่ าบชายฝง่ั ทะเลมี
บรเิ วณแคบๆแตบ่ างแห่งมชี ายหาดสวยงาม เชน่ บางแสน พัทยา และมีเกาะจำนวนมาก ท่ีใหญ่สุด คอื เกาะชา้ ง รอง
ลงมาคือ เกาะกดู ภาคน้มี ี 7 จังหวดั คือ จังหวัดปราจนี บรุ ี ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ระยอง จันทบุรี ตราด และสระแก้ว
5.ภาคตะวันตก เป็นทิวเขา ท่รี าบเชิงเขา ที่ราบระหว่างหบุ เขาคล้ายภาคเหนอื แตกตา่ งจากภาคเหนือคือมี
บรเิ วณทต่ี ดิ กับทะเล ทวิ เขาสำคญั คอื ถนนธงชัย ทวิ เขาตะเนาศรี ทีร่ าบลุม่ แมน่ ้ำมีไมม่ ากนกั ที่ขนาดใหญ่คือ ท่รี าบ
ลุ่มแมน่ ำ้ กลอง แม่นำ้ ปงิ แม่นำ้ เพชรบรุ ี ที่ราบชายฝงั่ ทะเลส่วนใหญเ่ ป็นหาดโคลน หรอื หาดทรายปนโคลนเชน่ หาด
ชะอำ อา่ วมะนาว อา่ วประจวบครี ขี นั ธ์ มที รี่ าบเชิงเขาต่อเน่ืองกับทีร่ าบภาคกลาง เทอื กเขาเป็นแหล่งกำเนดิ ของ
แม่น้ำแควนอ้ ย(แม่นำ้ ไทรโยค)แม่น้ำแควใหญ่(ศรสี วัสด์ิ)ซึง่ ไหลมาบรรจบกนั เปน็ แม่น้ำแมก่ ลอง ระหวา่ งแนวเขามีชอ่ ง
ทางตดิ ต่อพมา่ ท่ีสำคญั คือ ดา่ นแม่ละเมา จังหวัดตาก ดา่ นเจดยี ส์ ามองค์ จงั หวัดกาญจนบรุ ี ภาคนม้ี ี 5 จงั หวดั คอื
จงั หวดั ตาก กาญจนบรุ ี ราชบรุ ี เพชรบุรี และประจวบครี ีขันธ์
6.ภาคใต้ เปน็ คาบสมทุ รย่นื ลงไปในทะเล มีทวิ เขาเปน็ สันตรงกลาง มีท่ีราบรมิ ฝ่งั ทะเลด้านตะวันออกและดา้ น
ตะวนั ตก ทรี่ าบด้านตะวนั ออกจะกวา้ งกว่าดา้ นตะวนั ตก พน้ื ที่แบ่งเปน็ 3 ส่วน คอื บรเิ วณทวิ เขา ทรี่ าบชายฝัง่ อา่ ว
ไทย ท่รี าบฝ่ังทะเลอนั ดามัน ทิวเขาสันกาลาคีรีกั้นพรมแดนไทยกบั มาเลเซยี ท่รี าบชายฝ่ังอ่าวไทยเปน็ ที่ราบคอ่ นข้าง
ใหญต่ อ่ เนือ่ งไปตลอดต้งั แต่จงั หวดั ชุมพรจนถึงนราธวิ าส ชายฝง่ั ดา้ นอา่ วไทยมีแนวคอ่ นขา้ งเรยี บตรง มที ง้ั หาดโคลน
และหาดทราย ทสี่ วยงามอย่ทู ี่หาดสมิหรา จงั หวัดสงขลา ทีร่ าบชายฝ่ังทะเลอนั ดามนั เปน็ ทีร่ าบแคบๆ บางแหง่ มภี เู ขา
ชายฝั่งทำใหเ้ กดิ หนา้ ผาชันตามแนวชายฝง่ั ทะเล ชายฝ่ังเหว้าแหว่งมอี า่ วและเกาะมากมาย เชน่ เกาะภูเกต็ เกาะตะรุ
เตา แมน่ ้ำสายสำคัญคอื แม่น้ำตาปี สายยาวทส่ี ดุ ไหลลงส่อู ่าวไทย และแมน่ ำ้ โก-ลก ภาคใตม้ ี 14 จังหวัด คือ ชมุ พร
สรุ าษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พทั ลงุ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบ่ี ภเู ก็ต ตรงั และสตูล
เฉลยใบงานที่ 2
เรื่อง การใช้ข้อมลู ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพชุมชน ทอ้ งถนิ่ ในการดำรงชวี ิต
ใหอ้ ธิบายความหมายและความสำคญั ลกั ษณะขอ้ มลู ในระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์
1.จงบอกทต่ี ้ังของอาณาเขตประเทศไทย
ตอบ ทต่ี ั้งประเทศไทยอยู่ในซีกโลกเหนอื ฝ่งั ตะวนั ออก อย่ใู นแหลมทองระหวา่ งละตจิ ูดที่ 5องศา 37 ลิปดาเหนือ กบั
20 องศา 22ลปิ ดาเหนอื และลองจจิ ดู 97 องศา 22ลิปดาตะวันออก กับ 105 องศา37 ลิปดาตะวันออก ประเทศ
ไทยมีเนอื้ ที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร ทีต่ ้งั จะใชก้ ำหนดเป็นพิกดั ทางภมู ศิ าสตรใ์ นแผนทีใ่ นรปู ของตัวเลขเชิงรหสั ทีถ่ กู
กำหนดคา่ ขึน้ เพอื่ บอกตำแหน่งของสถานท่ีตา่ งๆ ใชจ้ ุดตดั ของเสน้ สมมติ ละตจิ ูด และลองจิจูด มคี ่าเป็นองศา ลิปดา
และฟิลิปดา เพ่ือง่ายตอ่ การจัดเก็บขอ้ มลู ทป่ี รากฏบนผวิ โลก
2.ให้อธบิ ายอาณาเขตติดตอ่ กบั ประเทศไทยว่ามีประเทศใดบ้าง ลักษณะเป็นอยา่ งไร
ตอบ ทิศเหนือ ตดิ ต่อประเทศสหภาพพมา่ และ ประเทศลาว ดินแดนเหนอื สุดของประเทศคือ อำเภอแมส่ าย
จังหวดั เชียงราย ลักษณะภูมิประเทศเปน็ ทวิ เขาสลับหุบเขาเปน็ ภาคทมี่ ีภเู ขามากกว่าภาคอ่ืน
ทิศใต้ ตดิ ตอ่ ประเทศมาเลเซยี ใตส้ ดุ คอื อำเภอเบตง จงั หวดั ยะลา เป็นคาบสมุทรยน่ื ลงไปในทะเล มีทวิ
เขาเปน็ สนั ตรงกลางมที ร่ี าบริมฝ่ังทะเลด้านตะวนั ออกและด้านตะวนั ตก ชายฝั่งดา้ นอา่ วไทยมีแนวค่อนข้างเรยี บตรง
ท่ีราบชายฝั่งทะเลอันดามนั เป็นท่ีราบแคบๆมภี ูเขาชายฝ่ังทำให้เกดิ หนา้ ผาชนั ตามแนวชายฝง่ั ทะเล
ทิศตะวันออก ตดิ ต่อประเทศลาวและกมั พชู า ตะวันออกสุดคือ ตำบลโพธก์ิ ลาง อำเภอโขงเจียม จงั หวดั
อบุ ลราชธานี
ทิศตะวนั ตกตดิ ตอ่ ประเทศสหภาพพมา่ ตะวันตกสดุ คอื ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน
เปน็ ทิวเขา ที่ราบเชงิ เขา
3.ใหอ้ ธบิ ายลักษณะภูมิอากาศของไทยแบบเคิปเปน 6 ภูมภิ าค
ตอบ ภูมิอากาศเปน็ แบบรอ้ นชืน้ จำแนกเขตภูมอิ ากาศยอ่ ยของไทยตามวิธกี ารเคปิ เปนได้ดังนี้
1.ภูมอิ ากาศแบบท่งุ หญ้าเมืองร้อน หรอื ทุ่งหญา้ สะวันนา
-ลกั ษณะเดน่ ชัด ฤดฝู นสนั้ ฤดูแลง้ ยาวนาน
-มฝี นประมาณ 4 เดอื น ปริมาณฝนปานกลาง
-พชื พรรณธรรมชาติ เปน็ ท่งุ หญ้าเมอื งร้อน หรอื ทงุ่ หญ้าสลบั ป่าไม้
2.ภูมอิ ากาศแบบป่ามรสุม หรือ มรสมุ เขตร้อน
-ลักษณะเดน่ ชดั ฤดูฝนยาว ฤดูแลง้ สนั้
-ฝนตกหนักเกอื บตลอดปี
-พชื พรรณธรรมชาติ เปน็ ป่าดงดิบและปา่ ไม้ผลดั ใบเมอื งรอ้ น
ประเทศไทยมี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูร้อน แตล่ ะฤดขู น้ึ กับอิทธพิ ลลมมรสุมของทวปี เอเชยี และอทิ ธพิ ล
จากแสงอาทติ ย์
1.ฤดูฝน เรม่ิ กลางเดือน พฤษภาคม ถงึ กลางเดือน พฤศจิกายน มลี มมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใตจ้ ากมหาสมทุ ร
อินเดยี เข้าสู่ประเทศไทยนำฝนตกที่ภาคใต้ แบ่งเปน็ 2 ช่วง คอื ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตแ้ ละลมมรสุมตะวันออกเฉยี ง
เหนือ จะนำฝนมาตกทงั้ 2 ช่วง
2.ฤดูหนาว เร่ิมกลางเดือน พฤศจิกายน ถึงเดอื น กมุ ภาพันธ์ เป็นลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื จะหนาวมาก
ทางภาคเหนอื ตอนบน เช่นทจี่ ังหวัดเชยี งราย และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ที่จังหวดั เลย
3.ฤดูร้อน เริ่มกลางเดือน กุมภาพนั ธ์ ถึงเดือน พฤษภาคม เป็นชว่ งที่พระอาทติ ยม์ าตง้ั ฉากทปี่ ระเทศไทย
อากาศร้อนและมี “ลมตะเภา”พัดสูฝ่ ั่งเป็นลมประจำถิ่นพัดสลับกับ “ลมวา่ ว” ฤดรู ้อนมีการเลน่ วา่ วและแข่งขันว่าวกนั
มาก คนจงึ มกั เขา้ ใจผิดว่า “ลมตะเภา” เป็น “ลมวา่ ว” ซง่ึ แทจ้ รงิ ลมว่าวจะพดั ออกสู่อา่ วไทยในชว่ งฤดหู นาว
ประเทศไทยตงั้ อยูใ่ นเขตรอ้ นใกล้เส้นศูนยส์ ตู ร ทำใหภ้ มู ิอากาศมลี ักษณะเปน็ แบบรอ้ นช้ืน หรือ แบบสะวนั นา
ตามวธิ เี คปิ เปน ที่แบง่ เปน็ 6 ภูมภิ าค ดังน้ี
1.ภาคเหนอื มีอากาศรอ้ นชนื้ ฤดรู อ้ น ร้อนมาก ฤดหู นาว หนาวมากวา่ ภาคอน่ื เพราะอยูไ่ กลจากทะเลและ
มหาสมุทร แตเ่ น่ืองจากเปน็ ภูเขาเมอื่ มีลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้พัดจากอ่าวเบงกอล และมหาสมทุ รอินเดยี มาปะทะทิว
เขา ทำใหม้ ีฝนตกชุก ส่งผลใหม้ ปี า่ ไม้มากและพ้นื ดนิ ช่มุ ช้ืน
2.ภาคกลาง อากาศแบบฝนเมืองรอ้ น (แบบสะวันนา) รบั อิทธิพลลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ พัดอากาศชนื้ จาก
ทะเลมหาสมทุ รสูแ่ ผน่ ดนิ ในฤดฝู น และลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนอื พดั เอาความหนาวเยน็ จากไซบเี รยี ลงมาในฤดู
หนาว ฤดูร้นและหนาวมีอุณหภูมเิ ฉลยี่ ไมต่ ่างกันนกั
3.ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื อากาศแบบฝนเมอื งรอ้ นเฉพาะฤดู หรือร้อนชื้นสลับแลง้ ในฤดรู ้อน ร้อนจัด
ฤดูหนาว อากาศหนาวจดั ฤดฝู นมีฝนตกชุก แต่พ้นื ผิวดนิ ไมซ่ ับนำ้ ฝน ทำให้น้ำท่วมเป็นประจำทกุ ปี มนี ้ำเฉพาะฤดฝู น
เมอ่ื ฤดรู อ้ นน้ำจะแห้งหมด ภาคน้ีจงึ มีปัญหาเรอื่ งขาดแคลนน้ำและดินขาดความอุดมสมบูรณ์ พนื้ ที่บางแหง่ ใช้
ประโยชนด์ ้านการเกษตรไม่ได้เต็มทซี่ งึ่ ครอบคลุมพืน้ ทถ่ี ึง 5 จังหวัด คอื รอ้ ยเอด็ สุรนิ ทร์ มหาสารคาม ยโสธร และ
ศรสี ะเกษ ปจั จบุ ันรัฐบาลได้พยายามปรับปรงุ พ้ืนท่ีใหด้ ขี ้ึน
4.ภาคตะวันออก เป็นแบบทุ่งหญ้าเมอื งร้อน และมรสุมเมอื งร้อน อุณหภูมแิ ตล่ ะฤดูไม่ตา่ งกันมากนัก เป็น
ภาคทม่ี ฝี นตกชกุ ไดร้ ับอิทธพิ ลจากลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตพ้ ัดผ่านอา่ วไทยนำความชมุ่ ชืน้ มาสูแ่ ผน่ ดิน
5.ภาคตะวันตก อากาศแบบฝนเมอื งร้อน แมจ้ ะมลี มมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
พดั ผา่ น แตม่ เี ทอื กเขาถนนธงชยั และตะนาวศรกี ้ันขวางลม เขตน้ีจึงมปี ริมาณนำ้ ฝนตกนอ้ ย จังหวัดทฝี่ นตกนอ้ ยสดุ คอื
จังหวัดตาก แหง้ แล้งท่สี ุดของไทย
6.ภาคใต้ แบบฝนเมืองรอ้ น และมรสมุ เมืองรอ้ น ภาคใต้เป็นคาบสมทุ ร ไดร้ บั อิทธิพลจากลมมรสมุ ตะวันตก
เฉยี งใต้ และลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ทำให้มีอากาศดที ี่สดุ ไม่ร้อน ไม่หนาวมาก
4.ใหอ้ ธบิ ายสญั ลกั ษณห์ รือเคร่อื งหมายรายละเอยี ดของส่งิ ตา่ งๆบนผวิ โลกท่ีแสดงลงบนแผนท่ี มีกีป่ ระเภท อะไรบา้ ง
ตอบ สัญลักษณข์ องสง่ิ ต่างๆบนผวิ โลกท่ีแสดงลงบนแผนทม่ี ี 5 ประเภท
1.แหลง่ น้ำ เชน่ ลำธาร แมน่ ำ้ หนอง บงึ ทล่ี ุ่มชายฝง่ั
2.ส่งิ ท่มี นุษยส์ ร้างขึน้ เชน่ ถนน ทางรถไฟ อาคาร ฯลฯ
3.ลกั ษณะพื้นท่ีสูงๆต่ำๆ เช่น เขา ภเู ขา
4.พชื พรรณ เชน่ ป่าไม้ สวน ไรน่ า
5.สง่ิ ทีก่ ำหนดข้นึ เป็นพิเศษ เช่น แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
การแสดงสญั ลกั ษณใ์ นแผนท่ีมี 3 ลักษณะ คือ แบบจุด แบบเส้น และแบบรปู ร่างหรือพ้ืนที่
แบบจุด (Point) จะมีตำแหน่งท่ตี งั้ เฉพาะเจาะจง หรือเพียงอยา่ งเดยี ว เชน่ หมุดหลักเขต บ่อน้ำ จดุ ชมววิ
จุดความสูง อาคาร ตึก ส่งิ ก่อสรา้ ง
แบบเสน้ (Arc) เป็นการวางตัวไปตามทางระหว่างจุด 2 จดุ เชน่ ลำน้ำ ถนน โครงข่ายสาธารณูปโภค
เสน้ ชั้นความสูง
แบบพ้นื ที่หรอื รูปรา่ ง (Polygon) มพี ้นื ทเี่ ดียวกนั ถกู ล้อมรอบดว้ ยเสน้ แสดงขอบเขต เชน่ เขตตำบล อำเภอ
จังหวดั ขอบเขตอุทยานแหง่ ชาติ เขตนำ้ ท่วม
เฉลยใบงานที่ 3
เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน และการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ
ให้อธิบายรายละเอียดเก่ยี วกับทรัพยากรธรรมชาตใิ นชุมชน และการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติ ดังน้ี
1.ให้อธบิ ายลักษณะของดนิ มีกล่ี กั ษณะ และการใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ
ตอบ ลักษณะของดินมี 3 ชนดิ คอื
1. ดนิ เหนียว เมื่อเปียกมีความยืดหยนุ่ อาจปน้ั เปน็ กอ้ นหรอื คลงึ เป็นเส้นยาวได้ เหนยี วเหนะหนะตดิ มือ
เปน็ ดินท่ีมกี ารมีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี และอากาศไม่ดี แตส่ ามารถอุ้มนำ้ ไดด้ ี สามารถจับยดึ และ
แลกเปลีย่ นธาตุอาหารพชื ไดส้ ูง เหมาะใชท้ ำนาปลูกข้าว เพราะเก็บนำ้ ไดน้ าน
2. ดินทราย มกี ารระบายน้ำและอากาศดมี าก ความสามารถอุม้ น้ำไดต้ ่ำความอดุ มสมบรู ณต์ ำ่ จับยดึ ธาตุ
อาหารพชื ได้น้อย ดนิ ทรายจงึ ขาดทง้ั อาหารและนำ้
3. ดนิ ร่วน มีเน้ือดนิ ค่อนขา้ งละเอียดนุ่มมอื ยืดหยนุ่ ได้บ้าง มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง แต่เปน็ เนอื้ ดนิ ที่
เหมาะสำหรบั การเพาะปลูก ในธรรมชาตมิ กั ไม่คอ่ ยพบ แตจ่ ะมีดินทม่ี ีเน้ือดินใกล้เคียงกันมากกวา่
ประโยชน์ของดนิ
1.มีประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม ดินเปน็ ต้นกำเนดิ ของการเกษตรกรรม เปน็ แหล่งผลิตอาหารของ
มนษุ ย์
2.มปี ระโยชน์ในการเลย้ี งสัตว์ ดินเป็นแหลง่ อาหารสัตวท์ ้งั พวกพืชและหญ้าทีข่ ้นึ ตลอด เปน็ ทีอ่ ยู่
อาศัยของสัตว์บางชนดิ
3.เปน็ แหลง่ ทอ่ี ยู่อาศยั แผ่นดินเป็นท่ีตง้ั ของบ้านเมอื ง บ้านเรือน
4. เป็นแหลง่ เกบ็ กักน้ำทำใหม้ นี ้ำใชต้ ลอดปี
2.ใหบ้ อกประเภทของป่าไม้ในประเทศไทย มกี ี่ประเภท ก่ีชนิด อะไรบ้าง
ตอบ ปา่ ไม้มี 2 ประเภท คือ
1.ปา่ ไม่ผลัดใบ มี 30%ของเนอ้ื ทีป่ า่ ทงั้ ประเทศ จำแนกย่อยเป็น 4 ชนดิ
1.1.ป่าดบิ เมืองรอ้ นประกอบด้วยเทอื กเขาสลับซับซ้อน ปา่ ไม้หนาแน่น อย่ใู นเขตพื้นที่ 4 จังหวดั คอื
นครราชสมี า นครนายก สระบุรแี ละปราจีนบุรี เปน็ อุทยานแหง่ ชาติแหง่ แรกของไทย คือ อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่
อากาศเยน็ สบายเฉล่ยี ตลอดปี 23 องศาเซลเซส
1.2.ป่าสน พบในระดบั ความสงู จากนำ้ ทะเล 1,400 เมตร ไมท้ พ่ี บเปน็ สนสามใบ พืชพ้ืนลา่ งเปน็ พวกหญ้า
ตา่ งๆ ดอกไมด้ นิ
1.3.ปา่ พรุพื้นทม่ี ีน้ำท่วมขัง อยูใ่ นพ้ืนท่ีช่มุ นำ้ ทะเลนอ้ ย ระบบนเิ วศมคี วามหลากหลาย เช่น บึงน้ำจดื ปา่ พรุ
เสม็ด ดงแขม
1.4.ป่าชายหาดจะมแี นวปะการงั ทีส่ มบรู ณม์ าก ทั้งนำ้ ต้ืนและน้ำลึก บนบกมสี ภาพปา่ ที่สมบูรณ์ทงั้ ปา่ ดิบ ป่า
ชายหาดและป่าชายเลน
2.ป่าผลดั ใบ
ปา่ เบญจพรรณ ในเขตอุทยานแหง่ ชาตเิ ข่อื นศรนี ครินทร์ พ้นื ที่บริเวณคอ่ นขา้ งราบถึงเนนิ เขา บางพ้ืนท่ีพบไมไ้ ผ่เป็น
กล่มุ หนาแนน่ มีไม้ยืนต้นแทรกประปราย พบมากตอนกลางติดชายฝงั่ อา่ งเก็บนำ้ มพี ันธไ์ ม้เช่น แดง มะคา่ โมง ประดู่
รกฟ้า มะกอกปา่ ปา่ เบญจพรรณ มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ปา่ เบญพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ เต็งรัง มสี ัตว์ปา่ อาศยั อยู่ ประเภท
ลงิ กัง พญากระรอกดำ เม่นใหญแ่ ผงคอส้นั นกเขาเปล้าธรรมดา นกโพระดกธรรมดา นกแอน่ ฟ้าหงอน เต่าเหลอื ง
ตะกวด จิ้งเหลนภเู ขาเกล็ดเรยี บ
3.ให้อธบิ ายปัญหาของทรัพยากรนำ้ และการอนุรักษน์ ้ำ
ตอบ ปัญหาสำคญั ท่ีเกดิ ขึ้น
1.ปัญหามนี ้ำนอ้ ยเกินไป เนือ่ งจากตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ปริมาณนำ้ ฝนน้อยลง เกดิ ความแห้งแลง้ การเพาะ
ปลูกและเลย้ี งสตั ว์มปี ญั หาไปดว้ ย
2.ปญั หามนี ำ้ มากเกินไปเน่ืองจากตัดไม้มากเกินไป เกิดน้ำท่วม น้ำปา่ ไหลหลาก น้ำไหลบา่ ในฤดฝู น สรา้ ง
ความเสยี หายแก่ชวี ติ และทรัพยส์ ิน
3.ปญั หาน้ำเสีย เปน็ ปัญหาใหม่ในปจั จบุ นั มกี ารทงิ้ ขยะ สงิ่ ปฏกิ ลู สแู่ ม่นำ้ ลำคลอง น้ำเสียจากโรงงาน
อตุ สาหกรรม น้ำฝนพัดพาสารพษิ จากการเกษตรกรรมซึง่ น้ำเสียทเ่ี กดิ ขนึ้ ส่งผลต่อสขุ ภาพอนามยั เป็นอนั ตรายต่อสัตว์
น้ำและมนุษย์ สง่ กลิน่ เหม็นรบกวน ใช้ประโยชน์จากแหลง่ นำ้ ในการอปุ โภคบริโภค การเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม
ไม่ได้
การอนุรักษ์นำ้
1. ใชน้ ้ำอย่างประหยดั
2. มกี ารสงวนนำ้ ไว้ใช้ในบางฤดูกาล เช่นจัดทำระบบชลประทาน
3. การพัฒนาแหล่งนำ้ ในพื้นทข่ี าดแคลนนำ้
4. ปอ้ งกนั นำ้ เสีย ควรมกี ารบำบัดนำ้ เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม มกี ารขจัดสารพิษก่อนปลอ่ ยลงสแู่ มน่ ้ำ
5. การนำน้ำเสียกลับมาใช้ เช่นนำ้ ทใ่ี ช้ในกจิ กรรมหนงึ่ อาจนำกลับมาใช้ในอกี กจิ กรรมหน่ึงได้ เชน่ น้ำลา้ ง
ภาชนะอาหารนำมารดตน้ ไม้
4. ปจั จุบนั ประเทศไทยประสบภาวะวิกฤติการณท์ รพั ยากรธรรมชาติอย่างไร บอกมา 3 ข้อ
ตอบ 1.การนำทรัพยากรธรรมชาติมาใชม้ ากเกินไปโดยไม่มีการสร้างการทดแทนกจ็ ะทำใหเ้ กิดความสูญเสีย หรือ
ถกู ทำลายได้ เช่น การตดั ถนนเพ่ือใชใ้ นการคมนาคม หรือการสร้างเขื่อนกกั เกบ็ น้ำจะตอ้ งใชเ้ น้ือที่บริเวณ พ้ืนดิน
จำนวนมหาศาล ทำใหพ้ ้ืนดินท่ีเป็นป่ าไมถ้ กู โค่นทำลายลง ทำใหป้ ่ าไมล้ ดลงพ้ืนท่ีป่ าถกู ทำลายทำใหส้ ภาพอากาศท่ี
ชุ่มช้ืนอุดมสมบูรณ์ เกิดความแหง้ แลง้ ฤดูกาลผนั แปรหรือฝนตกไม่ตอ้ งตามฤดูการ หรือตกนอ้ ย
2.การใช้พ้นื ดนิ เพือ่ การเพาะปลกู มากขนึ้ มีการทำลายป่าเพ่อื การเพาะปลกู เป็นการทำลายแหลง่ ตน้ นำ้ ลำธาร
3.การใชส้ ารเคมีในการเพาะปลูกเกินความจำเป็น ทำใหด้ ินท่ีอดุ มสมบรู ณ์เสือ่ มสภาพเม่อื ทรัพยากรเสอื่ มลง สภาพ
สง่ิ แวดล้อมก็เสือ่ มไปดว้ ย
เฉลยใบงานที่ 4
เรอื่ ง การเมืองการปกครองของไทย
ใหผ้ เู้ รยี นรวบรวมขอ้ มลู ชื่อของหวั หน้าฝา่ ยปกครอง สถานท่ที ำงานของบุคคลเหลา่ น้นั ในเขตพืน้ ท่ที ี่ผเู้ รียนอาศยั อยู่
ตงั้ แตร่ ะดบั จงั หวัด อำเภอ ตำบล หมบู่ า้ นเพ่ือจะไดร้ จู้ ักและสามารถตดิ ตอ่ กบั บุคคลเหลา่ น้นั ได้ถูกตอ้ งตามบทบาท
หนา้ ที่
( ขึน้ อยูก่ บั ข้อมูลของผู้เรยี นแต่ละเขตพน้ื ที่ทีอ่ ยอู่ าศัย)
เฉลยใบงานที่ 5
เร่ือง การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งการปกครองในระดับท้องถิน่ และระดบั ประเทศ
ใหผ้ ูเ้ รยี นสบื คน้ ขอ้ มูลเกีย่ วกับการมีสว่ นร่วมทางการเมอื งการปกครองในระดบั ทอ้ งถ่ินและระดบั ประเทศแลว้ นำความ
รทู้ ี่ได้มาอธบิ าย
1.การมสี ว่ นร่วมทางการเมือง หมายถงึ
ตอบ การมีสว่ นรว่ มทางการเมอื ง หมายถึง การกระทำใดๆท่ีเกดิ โดยความเตม็ ใจ ไมว่ ่าจะประสบความสำเรจ็ จะมีการ
จดั การอย่างไร เปน็ ระเบียบหรอื ไม่ และจะเกดิ ตอ่ เนอื่ งหรอื เป็นครั้งคราว จะใชว้ ธิ ที ่ีถกู ตอ้ งตามกฎหมายหรอื ไมถ่ ูก
กฎหมายเพอื่ ผลในการมอี ิทธิพลต่อการเลอื กนโยบายของรัฐหรือตอ่ การบริหารงานของรัฐ หรอื ตอ่ การเลอื กผนู้ ำทาง
การเมืองของรฐั บาลท้งั ในระดบั ทอ้ งถิน่ หรือระดบั ชาติ
2.จงบอกรูปแบบของการมสี ว่ นร่วมทางการเมอื งว่ามีรปู แบบใดบ้าง
ตอบ รปู แบบของการมีสว่ นร่วมทางการเมือง มี 5 ประการ ดังนี้
1.การออกเสยี งเลอื กตัง้
2.การรณรงคห์ าเสียง
3.การเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่ม
4.การกระทำทีเ่ ปน็ เอกเทศตอ่ ปญั หาทางการเมืองและสงั คม
5.กิจกรรมที่ใชค้ วามรุนแรงและอาจทำผดิ กฎหมาย
3.ใหผ้ เู้ รยี นอธบิ ายลักษณะการแสดงกิจกรรมทใี่ ช้ความรุนแรงในการแสดงออกถึงการมีสว่ นร่วมทางการเมอื ง ดังน้ี
3.1.การประทว้ ง
ตอบ การประท้วง คือการมีส่วนรว่ มทางการเมอื งท่ีใช้ความรนุ แรงและกระทำเป็นกลุม่ โดยหาวิธกี ารตา่ งๆทัง้ ถูก
กฎหมายและไม่ถูกกฎหมายทจ่ี ะกระตนุ้ ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นด้วยกับความคิดเห็นหรอื นโยบายท่ีกลมุ่ ผู้ประท้วงกำหนด
3.2.การลอบทำร้ายบุคคลสำคญั ทางการเมอื ง
ตอบ การลอบทำรา้ ยบคุ คลสำคัญทางการเมอื ง เป็นการกระทำท่ีผิดกฎหมายและมโี ทษทางอาญา ไมว่ า่ การกระทำ
นน้ั จะมีความรนุ แรงมากหรือน้อยกต็ าม เชน่ การด่าวา่ นกั การเมือง การทำรา้ ยรา่ งกายด้วยการชกต่อย หรอื การลอบ
สงั หารถึงแก่ชีวิตกับนักการเมืองและหวั คะแนนทุกครงั้ ทมี่ กี ารหาสยี งเลือกตง้ั
4.ให้อธบิ ายปญั หาการมสี ่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามทเ่ี ขา้ ใจพอสังเขป
4.1.ปญั หาความตื่นตวั ทางการเมือง
ตอบ การมสี ว่ นร่วมทางการเมอื งในระบอบประชาธิปไตยนน้ั จะต้องเป็นแบบสมคั รใจไมใ่ ช่แบบปลุกระดม ซงึ่ การมี
สว่ นรว่ มแบบเสรีหรือสมคั รใจจะมีขน้ึ ไดเ้ ม่ือประชาชนได้ตระหนักและมสี ำนกึ ทางการเมืองหรือความต่ืนตัวทางการ
เมอื งเสียกอ่ น ทำให้มกี ารแสดงออกถึงแนวความคิดเห็นที่จะเป็นไปตามแนวนโยบายของใคร หรือพรรคการเมืองใด
นำสู่การออกมามีสว่ นรว่ มทางการเมืองได้
4.2.ปัญหาวัฒนธรรมทางการเมืองและการศึกษา
ตอบ วัฒนธรรมทางการเมอื งของคนไท โดยทว่ั ไปยังมคี วามเชื่อวา่ การเมอื ง หรอื การบริหารประเทศเปน็ เรือ่ งของคน
กล่มุ น้อยบางกลมุ่ เทา่ นนั้ และคนไทยยงั เหน็ ว่าการเมอื งเป็นเรอ่ื งของผลประโยชนอ์ ยา่ งชดั แจง้ เกินไป การเมอื งเป็น
เร่ืองของความ สกปรก หรือการกระทำทไี่ มส่ ุจรติ มกี ารแอบแฝงผลประโยชน์ ทำให้คนไทยขาดศรทั ธาหรอื ความ
กระตอื รอื ร้นท่จี ะเขา้ มามีสว่ นรว่ มทางการเมือง ถา้ เขา้ มากจ็ ะมีวัตถุประสงค์อย่างอนื่ เช่นแลกเปลี่ยนกับเงนิ ทอง หรอื
การชว่ ยเหลือในรูปแบบต่างๆ ไม่ได้มจี ติ สำนกึ ทางการเมอื ง
4.3.ปัญหาจากบทบาทของพรรคการเมอื ง
ตอบ ประชาชนมสี ่วนร่วมทางการเมืองน้อยอีกอยา่ งขาดองค์กรหรอื สถาบันทางการเมอื งท่ีคอยกระตุ้นให้ ประชาชน
มีความกระตือรอื รน้ ทางการเมอื งอย่เู สมอและเป็นกล่มุ ก้อน ทส่ี ำคญั คอื ระบบพรรคการเมือง ปัจจุบันองคก์ รออ่ นแอ
ขาดความเป็นสถาบนั ทตี่ อ่ เน่ือง คอื พรรคการเมอื งไทยขาดองค์กรท่ีพอจะเผชญิ กับความรบั ผดิ ชอบท่ีเพ่มิ ข้ึนอยา่ ง
รวดเร็ว พรรคการเมืองไทยต้ังข้นึ จากการรวมตัวสมาชกิ ที่สนบั สนุนผนู้ ำทางการเมอื งคนใดคนหนง่ึ มีสาขาพรรค
มากมายซ่ึงบางแห่งมีรูปแบบท่เี ปน็ ทางการแต่ไม่มบี ทบาทอะไรท่จี ะนำส่กู ารพัฒนาประเทศชาติ
แผนการจดั การเรียนรรู้ ายสัปดาห์
พัฒนาอาชพี ให้มีอยมู่ ีกนิ (อช11003) ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษา
หนว่ ยที่ 2 การจดั ทำแผนพฒั นาการตลาด (ต่อ)
แผนพบกลุ่ม จำนวน 1 ช่ัวโมง
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองระยอง
1.มาตรฐานการเรยี นรู้
มีความรู้ ความเข้าใจในการพฒั นาอาชพี ให้มผี ลติ ภัณฑห์ รืองานบริการ สรา้ งรายได้พอเพยี งต่อการ
ดำรงชวี ติ
2.เน้อื หาตามหลกั สูตร
เรอื่ งท่ี 4 การวิเคราะหก์ ลยทุ ธ์
เรื่องที่ 5 กิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด
3. ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง (ตวั ช้ีวดั )
4. วิเคราะห์กลยุทธ์
5. กำหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด
4. กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมเพ่ิมเตมิ
ขั้นนำ
1. ครูผู้สอนอธิบายทบทวนหวั ข้อเนือ้ หาทีใ่ หผ้ ูเ้ รียนไปเรียนรดู้ ว้ ยตวั เองในการพบกลุ่มครงั้ ท่ี
แล้ว จดั เกบ็ รวบรวมรายงานทผ่ี ้เู รยี นนำมาส่ง ให้ผเู้ รยี นทำการทดสอบยอ่ ยในเนอ้ื หาดังกลา่ ว(ผูเ้ รียนต้องได้
คะแนนร้อยละ 50 ข้นึ ไป สำหรับผู้เรยี นทท่ี ดสอบไมผ่ ่านตามเกณฑ์ตอ้ งทำการทดสอบใหม่นอกตาราง)
2. ครูผู้สอนยกตวั อย่างการเปดิ รา้ นกาแฟ และใหผ้ ้เู รยี นร่วมกันคดิ วางแผนการพัฒนารา้ น
กาแฟเพ่อื ให้ร้านประสบความสำเร็จ
ข้ันสอน / การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
1. ให้ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (ประเมินผลก่อนเรยี น)
2. ครใู ห้ผู้เรียนแบ่งกล่มุ ออกเป็น 3 กลมุ่ ระดมความคดิ รว่ มกนั โดยศึกษาเน้ือหาจากหนงั สอื เรียน
รายวิชาพฒั นาอาชีพใหม้ อี ย่มู กี นิ โดยให้ศึกษาเนอ้ื หาและระดมความคิดรว่ มกนั ดงั น้ี
กลุ่มท่ี 1 การกำหนดแผนกจิ กรรมการผลติ หรือการบรกิ าร
กลุ่มที่ 2 การพฒั นาระบบการผลิตหรือการบรกิ าร
กล่มุ ท่ี 3 การพัฒนาอาชีพใหม้ ีความมัน่ คง
3. ให้แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนนำเสนอ ความรู้ความเข้าใจท่ีได้จากการทำใบงาน
4. ครูและผูเ้ รยี นรว่ มกันสรปุ เรื่องท่นี ำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี นอกี คร้งั
5. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน นำคะแนนทีไ่ ด้เปรียบเทียบดูการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรยี น
6. ครผู ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนรว่ มของผ้เู ข้าเรยี นและทำการประเมินพฤตกิ รรมรายบคุ คล
ของผู้เรียนในกระบวนการกล่มุ ประเมนิ ผลการรายงานหน้าชั้น แลว้ สรุปลงในบนั ทึกหลังสอน
7.ใหผ้ ู้เรียนสรปุ ประเดน็ ท่ีไดร้ ับจากการพบกลุ่มในครง้ั ที่ 2 เก็บไว้ในแฟ้มสะสมงานของตนเอง และ
จัดเกบ็ เนอ้ื หาหวั ข้องานกลุม่ ท่ชี ่วยกันสรปุ ลงในแฟม้ สะสมงานกลุ่ม
ขัน้ สรปุ
1.ครใู หผ้ ้เู รียนศึกษาเน้อื หาเพ่มิ เติมและสรปุ เปน็ รูปเล่มรายงานในเรอ่ื ง การกำหนดคุณภาพ
การผลิตหรือการบริการ การวเิ คราะหท์ ุนปจั จยั การผลติ หรอื การบรกิ าร การกำหนดเป้าหมายการผลิตหรอื
การบริการ ความจำเปน็ และคุณค่าของธุรกิจเชิงรกุ การแทรกความนิยมเข้าสู่ความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภค
การสรา้ งรูปลักษณ์คณุ ภาพสินค้าใหม่ และนำส่งในการพบกลุ่มครั้งต่อไปพร้อมทงั้ ทำการทดสอบย่อยใน
เนื้อหาดงั กลา่ ว(ผเู้ รียนต้องไดค้ ะแนนรอ้ ยละ 50 ข้นึ ไป สำหรับผู้เรียนทีท่ ดสอบไม่ผา่ นตามเกณฑต์ ้องทำการ
ทดสอบใหม่นอกตาราง)
5. ส่อื /แหล่งเรยี นรู้
1.หนังสือเรียนรายวชิ าพัฒนาอาชพี ใหม้ อี ยู่มกี นิ อช11003
2.แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรยี น
3.แบบทดสอบยอ่ ยการเรียนร้ดู ว้ ยตัวเอง
4.หอ้ งสมุดประชาชน
5.อินเทอรเ์ น็ต
6.การวัดผลและประเมนิ ผล
การวัดผลตามจดุ ประสงค์ เครื่องมอื การวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ความรู้ (Knowledge) แบบทดสอบ ผ่านการตอบคำถามได้
อธิบายเรอื่ งการจดั ทำแผน 80% ขึ้นไป
พัฒนาการผลิตหรอื การบริการ
ทกั ษะ (Skill) หนังสอื เรยี นวิชาพฒั นาอาชพี ผเู้ รียนจบั ประเด็นสำคญั
ในการจดั ทำแผน พฒั นาการ ใหม้ ีอยู่มีกนิ อช 11003 เข้าใจในการจดั ทำแผน
ผลติ หรอื การบริการ ในการนำ พฒั นาการผลติ หรือการ
เสนอ บริการ 80% ขึ้นไป
เจตคติ (Attitude) การมสี ว่ นรว่ มในการอธิบาย ผูเ้ รยี น 80% ขึ้นไปมีสว่ นรว่ ม
มคี วามรสู้ ึก เจตคติทด่ี ีตอ่ ใน ความคดิ เหน็ ในการอธบิ ายแลกเปลย่ี น
การจดั ทำแผนพฒั นาการผลิต ความคิดเห็น
หรอื การบรกิ ารแบบมเี หตุผล
ลงชือ่ .................................................................
(...............................................................)
ตำแหนง่ ............................................................
วันท่ี.........เดือน.......................................พ.ศ............
ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหาร
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ .................................................................
(...............................................................)
ตำแหนง่ ...........................................................
วันที.่ ........เดอื น.......................................พ.ศ............
แบบทดสอบย่อยประเมนิ ผลการเรียนรู้ดว้ ยตวั เอง
เรอื่ งศกั ยภาพธรุ กจิ และการจัดทำแผนพฒั นาการตลาด
คำสัง่ ใหผ้ ู้เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้
1. จงอธิบายความสำคัญและความจำเป็นในการพฒั นาอาชพี มาพอสังเขป
2. ท่านคิดวา่ อาชีพของท่านมีความสำคญั ตอ่ ทอ้ งถิ่นอย่างไร
3. ในปัจจบุ นั การประกอบอาชีพของทา่ นอยูใ่ นระยะใด มีสภาพเป็นอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไร
(ตอบตามความเข้าใจ)
4. การกำหนดทศิ ทางการตลาดประกอบดว้ ยองค์ประกอบที่สำคัญกสี่ ว่ น อะไรบา้ ง
(อธิบายพอสงั เขป)
5. การกำหนดเป้าหมายการตลาด หมายถงึ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรยี น
เรอ่ื งการจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรอื การบริการและการพัฒนาธุรกจิ เชงิ รกุ
คำส่งั จงนำเครื่องหมาย ✓ ไปวางไวห้ ลังประโยคหากข้อความกล่าวถูกและนำเคร่อื งหมาย ×
ไปวางไว้หลังประโยคหากข้อความกล่าวผิด
1. กำหนดวัตถปุ ระสงค์ เปน็ การกำหนดเป้าหมายของการดำเนนิ งานว่า ต้องการให้เกดิ อะไร
……………………..
2. พยากรณส์ ภาพการณใ์ นอนาคต เปน็ การคดิ ผลบรรลลุ ว่ งหน้าวา่ หากดำเนินการตามแผน
กจิ กรรมการผลิตหรอื การบริการแล้ว ธรุ กิจที่ดำเนนิ งานจะเกิดอะไรขึ้น ………………………..
3. กำหนดแนวทางการปฏิบตั ิ เป็นการกำหนดรายละเอยี ดขน้ั ตอนการปฏิบตั ิวา่ จะทำอย่างไร
เมือ่ ไร เพอ่ื ใหเ้ กิดผลตามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่กำหนดไว …………………………..
4. สำรวจสภาพแวดลอ้ ม เป็นการกำหนดรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัตวิ ่าจะทำอย่างไร เม่ือ
ไร เพ่อื ให้เกดิ ผลตามวัตถุประสงคท์ ี่กำหนดไว …………………………..
5. ประเมนิ แนวทางการปฏิบตั ิทีว่ างไว้ เป็นการตรวจสอบข้อมูลภายนอกเกี่ยวกับสภาพธรุ กจิ
ประเภทเดียวกนั ในชมุ ชน ความตอ้ งการของลกู คา้ …………………………..
6. ทบทวนและปรับแผน เปน็ การตรวจสอบข้อมูลธุรกจิ ของผ้ปู ระกอบการธรุ กจิ เกยี่ วกับ
แรงงาน เงนิ ทนุ เคร่ืองมอื /อุปกรณ์ วตั ถดุ ิบ และสถานที่ …………………………..
7. คุณภาพของการผลิตหรอื การบริการเปน็ ส่งิ สำคญั ท่ีผู้ประกอบการธุรกจิ ต้องรกั ษาระดับ
คณุ ภาพ และพฒั นาระดบั คุณภาพการผลิตหรอื การบรกิ ารใหเ้ หนือกวา่ คู่แขง่ ขัน
…………………………..
8. ความมนั่ คงของอาชีพขนึ้ อยกู่ บั องค์ประกอบอยา่ งน้อย 3 ประการ คอื (1) การลดความ
เส่ียงในผลผลติ (2) ความมุ่งมั่นพฒั นาอาชีพ และ (3) การยดึ หลักคณุ ธรรม …………………………..
9. การพฒั นาอาชพี เปน็ กระบวนการที่เนน้ ความสำคัญการพฒั นาระบบการจัดการทงั้ การ
ผลิตและการตลาดใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของผ้ผู ลติ …………………………..
10. การประกอบอาชีพมักจะประสบกับความเส่ียง เช่น เสย่ี งต่อการขาดทุน เสีย่ งต่อการไม่มี
เงินทุนในการดำเนนิ การ …………………………..
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน
1. ✓
2. ✓
3. ✓
4. ×
5. ×
6. ×
7. ✓
8. ✓
9. ×
10. ✓
ใบงานกลุม่ ท่ี 1
การกำหนดกจิ กรรมการผลติ หรือการบริการ
คำสั่ง ให้ผเู้ รยี นกำหนดกิจกรรมการผลิตหรอื การบริการในอาชพี ทผ่ี ู้เรียนดำเนนิ การเอง หรอื อาชพี ทส่ี นใจ
1. ลกั ษณะงานอาชพี
…………………………………………………………………………………………………………………………..……………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
2. ประเภทของผลผลิตหรอื การบริการ
……………………………………………………….………………………………………………………………….………………………….…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ชื่อเจ้าของธุรกจิ …………………………………………………………………………….……………………………………………….
4. ท่ตี ง้ั ของธุรกิจ…………………………………………………………………….…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………….
5. แผนกิจกรรมการผลิตหรอื การบรกิ าร คอื
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานกลุ่มท่ี 2
การพัฒนาระบบการผลติ หรอื การบริการ
คำส่งั ใหผ้ เู้ รยี นกำหนด การพัฒนาระบบการผลติ หรือการบรกิ ารในอาชพี ท่ผี เู้ รียนดำเนนิ การเอง หรืออาชพี
ท่ีสนใจ วา่ มีการพฒั นาระบบการผลิตหรือการบรกิ ารอย่างไร ตามกจิ กรรมการผลติ ที่กำหนดไว้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานกลมุ่ ท่ี 3
การพัฒนาอาชีพใหม้ คี วามม่นั คง
คำสัง่ ให้ผู้เรียน อภปิ รายว่าการพฒั นาอาชีพใหม้ ีความมัน่ คง ต้องอาศยั ปจั จยั ใดบา้ ง อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้
กศน.ตำบล......................................... กศน.อำเภอ.................................... จังหวดั ระยอง
สปั ดาหท์ .ี่ ...... วนั ท่.ี .......เดอื น.......................พ.ศ............ รายวิชา......................................ระดับ..................
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
2. ปญั หาอุปสรรค
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
3. แนวทางการแกไ้ ข
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
4. ส่ิงท่ไี ม่ได้ปฏบิ ัติตามแผนการจัดการเรียนรู้
...........................................................................................................................................................................
เหตผุ ล................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
5. การปรับปรุงพัฒนาการเรียนรูค้ รั้งต่อไป
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
6. ประเด็นที่นำไปสู่การวจิ ยั ในช้นั เรียน
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ลงชอื่ .................................................................
(...............................................................)
ตำแหน่ง............................................................
วันท่.ี ........เดือน.......................................พ.ศ............
ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.................................................................
(...............................................................)
ตำแหน่ง...........................................................
วนั ท่.ี ........เดือน.......................................พ.ศ............
แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายสัปดาห์
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
วชิ า สงั คมศกึ ษา รหสั รายวชิ า สค 11001 ระดบั ประถมศกึ ษา จำนวน 3 หน่วยกิต
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนกั เก่ยี วกับภูมศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ
ปกครองใน ทอ้ งถ่นิ ประเทศ นำมาปรบั ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ และการประกอบอาชพี เพ่ือความมนั่ คง
ของชาติ
2. เนื้อหาตามหลักสตู ร
ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพของ ชุมชน ท้องถนิ่ ท่ีเราอาศัยอยู่ ทต่ี ัง้ อาณาเขต
ภูมปิ ระเทศ ภมู อิ ากาศ
3. ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง (ตวั ชว้ี ัด)
1.มีความรูค้ วามเขา้ ใจ เกย่ี วกับภมู ศิ าสตรก์ ายภาพ ชุมชน ทอ้ งถ่ิน และภูมิศาสตร์ กายภาพ
ประเทศไทย
2.รูแ้ ละเข้าใจเก่ียวกับภูมศิ าสตรก์ ายภาพ ชุมชน ทอ้ งถิ่นและภมู ิศาสตรก์ ายภาพ ประเทศไทย
3. ตระหนกั ในความสำคัญเก่ียวกับภมู ิศาสตร์กายภาพ ชมุ ชน ท้องถนิ่ และภูมิศาสตรก์ ายภาพประเทศ
ไทย
4. กระบวนการจดั การเรียนรแู้ ละกิจกรรมเพ่มิ เติม
ขั้นนำ
1. ผสู้ อนสนทนากบั ผเู้ รียนในเรื่องลกั ษณะทางภูมิศาสตรก์ ายภาพชมุ ชนท่ีผเู้ รยี นอาศัยอยู่
2. ดู youtube
ttps://web.facebook.com/285036422240775/videos/256109365109866/?_rdc=
1&_rdr
3. ทบทวนเนื้อหาทีเ่ รียนในบทเรียนทผี่ ่านมา
ผู้สอนกลา่ วทกั ทายผเู้ รยี นพร้อมท้ังบอกวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรใู้ หผ้ ู้เรยี นดูและยกตวั อยา่ ง
ลักษณะทางกายภาพทแี่ ตกตา่ งกันของพืน้ ที่ในแต่ละจงั หวดั ของประเทศไทย เช่น ลักษณะภูมปิ ระเทศ
ลักษณะภมู อิ ากาศ เพ่อื เปรยี บเทยี บถึงความเหมอื นและความแตกตา่ งที่สามารถมองเห็นไดอ้ ย่างชัดเจนรว่ มกนั
วิเคราะหว์ า่ เหตุใดคนในแต่ละภาพถึงมคี วามแตกตา่ งกนั
ขัน้ สอน
1. ผสู้ อนอธบิ ายลกั ษณะทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพของ ชุมชน ท้องถิ่น
2. ผู้สอนให้ใบความรู้เรอ่ื ง ท่ีตัง้ และอาณาเขตของภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยไดแ้ ละทำใบงาน
และใหศ้ กึ ษาขอ้ มูลในชมุ ชนเรื่องลกั ษณะทางภูมิศาสตรก์ ายภาพ
http://gg.gg/c6y5r หรือ
ใบความรู้ เรอ่ื ง ทต่ี ้ังและอาณาเขตของภาคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
3. ผู้สอนให้ผูเ้ รยี นแนะนำตวั เอง และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การสง่ิ ต่างๆทอี่ ยใู่ นพนื้ ทชี่ ุมชน
ทอ้ งถนิ่ ที่ตน อาศยั อยู่ และประสบการณใ์ นการใชข้ ้อมูลท่ีสำคัญของชมุ ชน ทอ้ งถ่นิ และนำมาปรบั ใชใ้ นการ
ดำรงชวี ติ
4. จดั กล่มุ ผเู้ รยี น ใหผ้ ูเ้ รยี นช่วยกันวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของชมุ ชน และนำมาสรปุ ผล
รว่ มกนั กบั ผูส้ อน (การจับคู่โดยใหผ้ ู้เรียนจบั คู่กับเพือ่ นในห้องตามความสมัครใจ)
5. ครใู ห้ผู้เรยี นช่วยกนั สรปุ ทตี่ ัง้ และลักษณะทางกายภาพของชมุ ชนเปน็ แผนผังความคดิ
(Mind Map) บนกระดาษปร๊ฟู โดยใหผ้ ู้เรยี นออกมานำเสนอ
6.ให้ผู้เรยี นจดั กลุม่ ในการทำกจิ กรรม “ร่วมวิเคราะหข์ อ้ มูลชุมชนสกู่ ารพฒั นา” ซ่งึ มวี ตั ถุประสงค์
เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี นทราบและเข้าใจถงึ ความสำคญั ของข้อมลู ชุมชนเพ่ือนำความรจู้ ากข้อมลู มาปรับใช้ในการดำรง
ชีวติ ประจำวนั
7. ให้ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ นำผลการวิเคราะหข์ ้อมูลชมุ ชนของตนเองออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
8. ใหผ้ ู้เรยี นนำเสนอผลจาการทำกิจกรรม “รว่ มวิเคราะห์ขอ้ มลู ชมุ ชนสู่การพัฒนา” หน้าช้นั เรียน
และฟังการนำเสนอผลงานของทกุ กลุ่ม พรอ้ มทำการสรปุ เน้อื หาสาระทไี่ ดน้ ำเสนอ ผู้สอนเสริมความรู้
9. ผสู้ อนสรปุ หลงั จากทุกกลมุ่ นำเสนอหนา้ ช้ันเรียน
- ผูส้ อนเชอ่ื มโยงสง่ิ ท่ผี ้เู รยี นนำเสนอกบั เน้อื หาในเร่อื งภมู ิศาสตรก์ ายภาพประเทศไทย
- ผสู้ อนมอบหมายให้ผู้เรยี นทำ
- ทดสอบหลงั เรยี น
ท่ี ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา (กรต.) จำนวนชั่วโมง หมายเหตุ
1 ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์กายภาพของ ภมู ิศาสตรก์ ายภาพ 8 ชวั่ โมง ใบงานกรต.
ท่ี 1
ชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ การใช้ขอ้ มูล 9 ช่วั โมง ใบงานกรต.
2 การเลอื กท่อี ยู่และการประกอบ ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพชมุ ชน ที่ 2
ท้องถน่ิ ในการดำรงชวี ติ
อาชพี ทรัพยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน 9 ชว่ั โมง ใบงานกรต.
และการอนุรกั ษ์ ที่ 3
3. ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ
สื่อ/แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น
2. อนิ เตอร์เนต็
3. ใบความร้เู ร่ือง ลกั ษณะทางภูมศิ าสตร์กายภาพของชมุ ชน ท้องถ่นิ ใบความรเู้ รอื่ ง ลักษณะทาง
ภูมิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย ใบความรเู้ รอ่ื ง การใชข้ ้อมลู ภูมิศาสตรก์ ายภาพชุมชน ทอ้ งถ่นิ ในการดำรง
ชวี ิต
4. youtube
ttps://web.facebook.com/285036422240775/videos/256109365109866/?_rdc=1&_rdr
การวดั ผลและประเมนิ ผล
การสังเกต โดยสังเกตจาก
- การตอบคำถามและการแสดงความคิดเห็น
- การชว่ ยเหลือกนั ในกระบวนการกลุ่ม
- ความกระตอื รือร้น
- การทำงานเปน็ กลมุ่
- การนำเสนอ/รายงาน
เครือ่ งมือวดั และประเมนิ ผล
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
2. แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรยี น
3. แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม
เกณฑ์การวัดผลประเมินผล
- คะแนนท่ีได้จากการสงั เกตุพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ไม่ตำ่ กว่า 13 คะแนน
- คะแนนทไ่ี ดจ้ ากการทำแบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียนไมต่ ่ำกวา่ 8 คะแนน
- คะแนนที่ได้จากการประเมินการทำงานกลุ่มไมต่ ่ำกวา่ 13 คะแนน
ลงชื่อ............................................................
(……………………………….................)
ตำแหนง่ ............................
วนั ท่.ี .....เดือน…………….......พ.ศ……………....
ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ สถานศึกษาหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .......................................................
(………………………………..................)
ตำแหนง่ ......................................................
วนั ท่ี ......เดอื น…………….......พ.ศ……………....
ใบงานท่ี 1
ความสำคัญทางภมู ิศาสตร์กายภาพประเทศไทย
1 ให้อธบิ ายความหมายของคำวา่ “ภมู ิศาสตร์กายภาพ”
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2 ให้อธบิ าย “ลักษณะทางกายภาพกับการดำรงชีวิตของคนในภูมิภาคตา่ งๆของประเทศไทย”
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3 ให้บอกทีต่ ัง้ และอาณาเขตติดต่อของภมู ิภาคประเทศไทยวา่ มลี ักษณะอย่างไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. ใหเ้ ขียนภมู ภิ าคประเทศไทยตามทีส่ ภาวิจยั แห่งชาตไิ ดแ้ บ่งเปน็ 6 ภูมิภาค มลี ักษณะสณั ฐานเปน็ อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ใบงานท่ี 2
เรอื่ ง การใชข้ อ้ มลู ภูมศิ าสตรก์ ายภาพชมุ ชน ท้องถ่นิ ในการดำรงชวี ติ
ให้อธิบายความหมายและความสำคัญลักษณะขอ้ มูลในระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์
1.จงบอกท่ีตั้งของอาณาเขตประเทศไทย
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.ให้อธิบายอาณาเขตตดิ ตอ่ กับประเทศไทยว่ามปี ระเทศใดบา้ ง ลักษณะเปน็ อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.ให้อธิบายลักษณะภมู อิ ากาศของไทยแบบ 6 ภูมภิ าค
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4.ให้อธิบายสญั ลักษณ์หรือเครอ่ื งหมายรายละเอียดของส่ิงตา่ งๆบนผวิ โลกทแ่ี สดงลงบนแผนท่ี มีกปี่ ระเภท
อะไรบ้าง
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 3
เร่อื ง ทรัพยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ให้อธิบายรายละเอยี ดเกย่ี วกบั ทรัพยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน และการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ดงั น้ี
1.ใหอ้ ธิบายลกั ษณะของดนิ มกี ่ีลักษณะ และการใชป้ ระโยชนจ์ ากดนิ
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.ให้บอกประเภทของป่าไม้ในประเทศไทย มีกป่ี ระเภท กี่ชนิด อะไรบ้าง
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
3.ให้อธิบายปญั หาของทรพั ยากรนำ้ และการอนุรกั ษน์ ำ้
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4. ปัจจบุ นั ประเทศไทยประสบภาวะวิกฤติการณ์ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างไร บอกมา 3 ข้อ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรอื่ ง ภูมิศาสตร์กายภาพประเทศไทย
ใหผ้ ู้เรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ตอ้ งท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดียว
1. สง่ิ ใดทแ่ี สดงลักษณะของผิวโลกโดยแสดงบนพนื้ ราบและใชเ้ ครอื่ งหมายแทนส่งิ ทป่ี รากฏบนพืน้ โลก คืออะไร
ก. แผนที่ ข. ลูกโลก
ค. แผนผงั ง. ภาพถา่ ยอากาศ
2. ข้อใดเป็นแผนที่แสดงปรมิ าณ
ก. แผนท่ีแสดงฤดกู าล ข. แผนทแ่ี สดงชนิดของป่าไม้
ค. แผนท่แี สดงจำนวนประชากร ง. แผนทแ่ี สดงลักษณะทางธรณี
3. เม่อื ยนื หันหนา้ ไปทางทิศตะวนั ตก ทิศใต้ จะอยทู่ างดา้ นใด
ก. ด้านหนา้ ข. ด้านซ้าย
ค. ด้านขวา ง. ด้านหลัง
4. สญั ลกั ษณ์ทใ่ี ชแ้ ทนที่ต้งั เมืองในแผนที่ จดั เป็นสัญลักษณป์ ระเภทอะไร
ก. สัญลกั ษณ์ทีเ่ ป็นสี ข. สัญลกั ษณ์ทเ่ี ปน็ จดุ
ค. สญั ลักษณ์ท่ีเปน็ เส้น ง. สญั ลักษณท์ ี่เป็นพน้ื ท่ี
5. ประเทศไทยมตี ำแหนง่ ทต่ี ั้งอยูส่ ่วนไหนของโลก
ก. ซกี โลกเหนอื ฝั่งตะวนั ออก ข. ซีกโลกเหนือ ฝ่ังตะวนั ตก
ค. ซกี โลกใต้ ฝ่งั ตะวันออก ง. ซีกโลกใต้ ฝง่ั ตะวนั ตก
6. ขอ้ ใดคือจังหวดั ท่อี ยใู่ นภาคเหนือทัง้ หมด
ก. นา่ น แพร่ พิษณโุ ลก ลำพูน ข. เชียงใหม่ ลำปาง ชมุ พร ตาก
ค. เชยี งราย พะเยา อตุ รดิตถ์ แม่ฮ่องสอน ง. อตุ รดิตถ์ ลำพนู นครสวรรค์ แม่ฮ่องสอน
7. สดุ เขตชายแดนไทยดา้ นทิศเหนือและทิศใต้อยทู่ อ่ี ำเภอใด
ก. อ.แม่สาย และ อ.เบตง ข. อ.แม่อาย และ อ.เบตง
ค. อ.แมส่ อด และ อ.ยะหรง่ิ ง. อ.แม่สะเรยี ง และ อ.ยะหร่งิ
8.การแบ่งภมู ิภาคของโลกตามอณุ หภมู ิ ประเทศไทยจดั อยใู่ นเขตอากาศแบบใด
ก.เขตฝน ข.เขตมรสุม
ค.เขตร้อนช้นื ง.เขตหนาว
9. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของภาคกลางเหมาะแกก่ ารประกอบอาชพี ใดมากทส่ี ดุ
ก. การประมง ข. การเพาะปลกู
ค. การท่องเท่ยี ว ง. การอุตสาหกรรม
10.ข้อใดคือการแก้ปัญหาท่เี หมาะสมทีส่ ุด สำหรบั การยา้ ยถิน่ ฐานของประชากรจากตา่ งจงั หวัดเข้าสู่กรงุ เทพฯ
ก. ขยายพืน้ ทีท่ ำกนิ ในชนบท ข. ส่งเสริมการสรา้ งงานในชนบท
ค. ขยายการศกึ ษาและสาธารณสุข ง. ส่งเสริมใหไ้ ปทำงานในต่างประเทศ
เฉลยคำตอบ แบบทดสอบก่อนเรียน
เรอ่ื ง ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย
1.ก 2.ค 3.ข 4.ง 5.ก 6.ค 7.ก 8.ค 9.ง 10.ข
แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรอ่ื ง ภูมศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย
ให้ผเู้ รยี นเลือกคำตอบท่ถี กู ตอ้ งทส่ี ดุ เพียงคำตอบเดยี ว
1.เมื่อยืนหันหนา้ ไปทางทิศตะวันตก ทศิ ใต้ จะอยู่ทางดา้ นใด
ก. ด้านหนา้ ข. ด้านซ้าย
ค. ด้านขวา ง. ด้านหลงั
2.สง่ิ ใดทีแ่ สดงลกั ษณะของผวิ โลกโดยแสดงบนพ้นื ราบและใชเ้ คร่อื งหมายแทนส่ิงทีป่ รากฏบนพนื้ โลก คอื อะไร
ก. แผนที่ ข. ลูกโลก
ค. แผนผงั ง. ภาพถ่ายอากาศ
3.สัญลกั ษณ์ท่ใี ช้แทนท่ีต้งั เมืองในแผนที่ จดั เปน็ สัญลักษณ์ประเภทอะไร
ก. สญั ลกั ษณ์ทเ่ี ป็นสี ข. สญั ลักษณท์ เ่ี ปน็ จดุ
ค. สญั ลักษณ์ทเี่ ป็นเส้น ง. สัญลักษณท์ ี่เปน็ พน้ื ที่
4.สดุ เขตชายแดนไทยด้านทิศเหนือและทศิ ใตอ้ ยู่ทอ่ี ำเภอใด
ก. อ.แมส่ าย และ อ.เบตง ข. อ.แม่อาย และ อ.เบตง
ค. อ.แม่สอด และ อ.ยะหร่งิ ง. อ.แม่สะเรียง และ อ.ยะหริ่ง
5.ขอ้ ใดเปน็ แผนทแี่ สดงปรมิ าณ
ก. แผนทแี่ สดงฤดูกาล ข. แผนทแี่ สดงชนิดของปา่ ไม้
ค. แผนท่ีแสดงจำนวนประชากร ง. แผนทแี่ สดงลักษณะทางธรณี
6.ประเทศไทยมีตำแหน่งท่ีต้ังอย่สู ว่ นไหนของโลก
ก. ซีกโลกเหนือ ฝั่งตะวนั ออก ข. ซกี โลกเหนอื ฝง่ั ตะวันตก
ค. ซกี โลกใต้ ฝ่ังตะวันออก ง. ซกี โลกใต้ ฝั่งตะวันตก
7.ข้อใดคอื จงั หวัดที่อยู่ในภาคเหนือทงั้ หมด
ก. นา่ น แพร่ พษิ ณุโลก ลำพนู ข. เชยี งใหม่ ลำปาง ชุมพร ตาก
ค. เชียงราย พะเยา อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน ง. อุตรดิตถ์ ลำพูน นครสวรรค์ แม่ฮอ่ งสอน
8.ลักษณะภูมิประเทศของภาคกลางเหมาะแก่การประกอบอาชพี ใดมากทสี่ ุด
ก. การประมง ข. การเพาะปลูก
ค. การทอ่ งเทยี่ ว ง. การอุตสาหกรรม
9.ขอ้ ใดคือการแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสมท่ีสดุ สำหรับการย้ายถิ่นฐานของประชากรจากตา่ งจังหวดั เข้าสู่กรงุ เทพฯ
ก. ขยายพ้ืนท่ีทำกินในชนบท ข. ส่งเสรมิ การสรา้ งงานในชนบท
ค. ขยายการศึกษาและสาธารณสขุ ง. สง่ เสริมใหไ้ ปทำงานในตา่ งประเทศ
10.การแบ่งภมู ิภาคของโลกตามอุณหภูมิ ประเทศไทยจดั อยู่ในเขตอากาศแบบใด
ก.เขตฝน ข.เขตมรสุม
ค.เขตรอ้ นชื้น ง.เขตหนาว
เฉลยคำตอบ แบบทดสอบหลังเรียน
เรือ่ ง ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย
1.ข 2.ก 3.ง 4.ก 5.ค 6.ก 7.ค 8.ก 9.ข 10.ค
บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้
กศน.ตำบล......................................... กศน.อำเภอ.................................... จงั หวัดระยอง
สปั ดาห์ที่....... วนั ท่ี........เดอื น..............................พ.ศ............ รายวิชา...................................ระดับ..................
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
2. ปัญหาอุปสรรค
...............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
3. แนวทางการแกไ้ ข
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
4.ส่งิ ทีไ่ มไ่ ด้ปฏิบตั ติ ามแผนการจดั การเรียนรู้
...............................................................................................................................................................................
..... ........................................................................................................................................................................
เหตุผล
5. การปรับปรุงพัฒนาการเรียนร้คู ร้ังตอ่ ไป
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
6. ประเด็นท่ีนำไปสูก่ ารวิจัยในช้ันเรียน
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
ลงชอื่ .................................................................
(...............................................................)
ตำแหน่ง................................................................
วนั ที.่ ........เดอื น.......................................พ.ศ............
ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ าร
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
ลงชือ่ .................................................................
(...............................................................)
ตำแหน่ง................................................................
วนั ที.่ . ......เดือน..................................พ.ศ............
แผนการจดั การเรียนรู้รายสปั ดาห์
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วชิ า สงั คมศึกษา รหัสรายวชิ า สค 1101 ระดับประถมศกึ ษา จำนวน 3 หน่วยกติ
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนกั เก่ยี วกบั ภูมศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ
ปกครองใน ท้องถ่นิ ประเทศ นำมาปรับใช้ในการดำเนนิ ชีวิตและการประกอบอาชีพเพ่ือความมั่นคง
ของชาติ
เนือ้ หาตามหลักสตู ร
การ ไดเ้ รยี นรเู้ กี่ยวกับตนเอง สภาพแวดล้อม ท้องถ่ิน จังหวดั ภาค และ ประเทศของตนใน
ดา้ นลักษณะทาง ภมู ิศาสตร์กายภาพของชมุ ชน ท้องถน่ิ และของประเทศไทย ร้แู ละเขา้ ใจความเป็น
มาของประวตั ศิ าสตร์ชุมชนท้องถน่ิ และประเทศไทย การนำความรจู้ ากการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์
ชมุ ชนท้องถิน่ และของไทยมาเปน็ กรอบในการวิเคราะห์เหตกุ ารณ์ปัจจุบันและเสนอทางเลอื กท่เี ปน็ ทาง
ออกของวกิ ฤติสงั คมในแตล่ ะช่วง
2. ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั (ตัวช้วี ดั )
1.อธิบายความเป็นมาของประวัตศิ าสตร์ชุมชนท้องถน่ิ และประเทศไทยได้
2.ตระหนกั และสามารถนำความรจู้ ากการศึกษาประวัตศิ าสตร์ ชมุ ชนท้องถิ่นและของไทยมาเป็นกรอบ
ในการ วิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ปจั จุบันและเสนอทางเลือกทเ่ี ป็นทางออกของวกิ ฤตสิ งั คมในแตล่ ะช่วง
4 กระบวนการจดั การเรยี นร้แู ละกจิ กรรมเพ่มิ เติม
ขน้ั นำ
1.ผ้สู อนกลา่ วทักทายผเู้ รยี นพรอ้ มทั้งบอกวัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้
2.ผู้สอนพดู คุยถงึ ประวตั ิความเป็นมาของทอ้ งถน่ิ โดยใหผ้ ูเ้ รยี นเล่าประวตั ิสถานที่สำคัญท่รี ู้จัก
ในชุมชนตนเอง ให้เพื่อนฟัง โดย ให้ผเู้ รียนช่วยกนั ตอบแสดงความคดิ เหน็ ครูสรปุ เพิ่มเตมิ เสริมความรู้
3. .ผู้สอนให้ดู youtube https://www.youtube.com/watch?v=GHA4k6wrdDA
https://www.youtube.com/watch?v=fkTV1qfSDQ8
- ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ข้ันสอน
1.ผสู้ อนให้ผเู้ รยี น วดั ระดบั ความพรอ้ มของผูเ้ รียนดว้ ยการตอบแบบสมั ภาษณ์
2.ผสู้ อนแบง่ กลมุ่ ผ้เู รียนจำนวน 5 กลุ่ม ให้ผเู้ รยี นไปอา่ นใบความรูแ้ ละคน้ ควา้ สรปุ ตาม
หัวขอ้ ตอ่ ไป
ก่อนสโุ ขทยั - สมยั สโุ ขทยั - สมยั อยธุ ยา - สมยั ธนบุรี - สมยั รตั นโกสนิ ทร์
http://gg.gg/c6yay
3. ให้ผ้เู รียนนำเสนอเพือ่ แลกเปลยี่ นเรียนรู้นำเสนอหนา้ ชั้นเรียน
4. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนชว่ ยกนั ตอบแสดงความคดิ เห็น ครูสรุปผลเสริมความรู้
- ใหผ้ ูเ้ รยี นนำเสนองานท่ีมอบหมาย “Mind Map เรอื่ ง “แหล่งร้เู รียนประวตั ศิ าสตร์
ชมุ ชน”
5. ผสู้ อนสรุปหลงั จากทุกกล่มุ นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น และ ครูใหค้ วามร้เู พ่ิมเติมในส่วนท่ยี งั ไม่
สมบูรณ์
6. ผูส้ อนเชอ่ื มโยงส่ิงทีผ่ เู้ รียนนำเสนอกบั เน้ือหาในเรือ่ งประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย
7. ผู้สอนมอบหมายให้ผเู้ รียนทำ ใบงานท่ี 2 เร่อื ง ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย
8. ใหผ้ ้เู รยี นทำกจิ กรรมตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย เช่น ใบงาน ใบความรู้
- ทดสอบหลงั เรียน
สือ่ /แหลง่ เรียนรู้
1. หนงั สือเรียน
2. อนิ เตอรเ์ นต็
3. ใบความรู้เรื่อง ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย
4. youtube https://www.youtube.com/watch?v=GHA4k6wrdDA
https://www.youtube.com/watch?v=fkTV1qfSDQ8
การวดั ผลและประเมนิ ผล
การสังเกต โดยสังเกตจาก
- การตอบคำถามและการแสดงความคดิ เห็น
- การช่วยเหลอื กนั ในกระบวนการกลมุ่
- ความกระตือรือรน้
- การทำงานเป็นกลุ่ม
- การนำเสนอ/รายงาน
เครือ่ งมือวดั และประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
2. แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรยี น
3. แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
เกณฑก์ ารวดั ผลประเมนิ ผล
- คะแนนทไ่ี ดจ้ ากการสังเกตพุ ฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ไม่ต่ำกว่า 13 คะแนน
- คะแนนทไ่ี ด้จากการทำแบบทดสอบก่อน-หลงั เรียนไม่ตำ่ กว่า 8 คะแนน
- คะแนนทีไ่ ด้จากการประเมนิ การทำงานกลุ่มไมต่ ำ่ กว่า 13 คะแนน
ลงชอื่ .............................................................
(……………………………….................)
ตำแหนง่ .......................................
วนั ที่......เดือน…………….......พ.ศ……………....
ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษาหรือผูท้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอื่ .......................................................
(………………………………………)
ตำแหน่ง..............................................
วันที่ ......เดอื น…………….......พ.ศ……………....
ใบงานท.่ี 1
เรื่อง ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย
ใหผ้ ้เู รยี นอธบิ ายความรทู้ ไี่ ดศ้ กึ ษาค้นคว้าเก่ยี วกับประวตั ิศาสตร์ชาติไทย
1.จงบอกความหมายของประวตั ศิ าสตร์
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.จงบอกความสำคญั ของประวตั ศิ าสตร์ วา่ มคี วามสำคญั อย่างไรบ้าง
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ หมายความวา่ อย่างไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4.จงอธบิ ายวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ มีข้ันตอนอะไรบ้าง
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.
5.ให้อธบิ ายเก่ียวกับอาณาจกั รโบราณในภาคต่างๆของดนิ แดนประเทศไทยว่าแตล่ ะชว่ งเหตุการณ์มีความเป็น
มาอย่างไร
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
6.ใหอ้ ธิบายเหตกุ ารณเ์ ก่ยี วกับอาณาจักรตา่ งๆของชาตไิ ทยต้ังแต่อาณาจกั รสโุ ขทยั จนถึงกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ตาม
ความเขา้ ใจมาพอสงั เขป
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
ใบงานที่. 2
เรอื่ ง ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย
ให้ผเู้ รยี นอธบิ ายความรู้ทไี่ ด้ศึกษาค้นควา้ เก่ียวกับประวัติความเปน็ มาของชนชาตไิ ทย
1.กอ่ นสุโขทัย
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.สโุ ขทัย
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.อยธุ ยา
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4.ธนบุรี
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
5.รัตนโกสนิ ทร์
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
ใบงานท่.ี 3
เร่อื ง ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย
ให้ผูเ้ รียนอธบิ ายความรทู้ ไ่ี ดศ้ กึ ษาค้นคว้าเก่ยี วกบั ประวัตแิ ละผลงานของบรรพบุรษุ ไทยที่ปกป้องบา้ นเมือง
1.สมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหง
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
2.สมัยอยธุ ยา พระนเรศวรมหาราช
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
3.สมยั กรงุ ธนบรุ ี พระเจ้าตากสินมหาราช
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
4.รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุโลกมหาราช
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
5.รัชกาลที่ 9
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
แบบทดสอบก่อนเรียน เร่อื ง ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย
ใหเ้ ลือกคำตอบที่ถกู ต้องท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว
1.แหล่งโบราณคดีบา้ นเชยี ง อำเภอหนองหาน จงั หวดั อดุ รธานี จดั เป็นหลกั ฐานประเภทใด
ก. หลกั ฐานชนั้ ตน้ ข. หลักฐานช้ันสอง
ค. หลกั ฐานทเ่ี ป็นลายลกั ษณ์อักษร ง. แหลง่ ขอ้ มูลทเ่ี ก่ยี วกบั ภูมภิ าค
2.สมหวงั สนใจศึกษาเรื่องราวของปราสาทหินพมิ ายให้ถกู ตอ้ งชัดเจน สมหวังต้องศกึ ษาโดยใชว้ ิธกี ารใด
ก. วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ ข. วิธีการทางภูมศิ าสตร์
ค. วิธีการทางศิลปศาสตร์ ง. วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์
3.การศึกษาประวัติศาสตร์มคี วามเก่ยี วขอ้ งกับข้อใดมากท่สี ุด
ก. ขอ้ มลู ข. เวลา
ค. หลักฐาน ง. รปู ภาพ
4.สมมตเิ ทพเปน็ ฐานะของพระมหากษัตรยิ ท์ เี่ ปรยี บได้กับข้อใด
ก. เทวดา ข. เทพบตุ ร
ค. เทพเจา้ ง. เทพยดา
5.อยธุ ยาในชว่ งรัชสมยั ใดที่เจรญิ รุ่งเรอื งและม่ันคงเป็นปกึ แผ่น
ก. รชั สมัยสมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 1(อทู่ อง)-สมเด็จพระบรมราชาธริ าช
ข. รัชสมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ-สมเด็จพระนารายณม์ หาราช
ค. รชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม-สมเดจ็ พระเจ้าปราสาททอง
ง. รชั สมยั สมเดจ็ พระเพทราชา-สมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวท้ายสระ
6.สังคมในสมัยอยธุ ยาบคุ คลกลุ่มใดได้รับการยกย่องศรัทธาจากทุกชนชนั้
ก. พระมหากษัตริย์ ข. พระราชวงศ์
ค. พระมหาอุปราช ง. พระสงฆ์
7.ในสมยั กรุงธนบุรี ข้อใดเปน็ กษัตริยท์ ่ที รงกอบกู้เอกราชคืนจากพมา่ ไดส้ ำเร็จ
ก. สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ ข. สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ
ค. สมเดจ็ พระทนี่ ัง่ สุริยาสน์อมรินทร์ ง. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
8. เหตุผลในขอ้ ใดที่ทำใหต้ ้องเสียกรงุ ศรีอยุธยาครงั้ ที่ 2
ก. การวา่ งจากศึกสงครามเป็นเวลานาน ข. เกิดความแตกแยกกันเองในหมผู่ ู้นำ
ค. การขาดความสามัคคขี องคนในชาติ ง. ถกู ทุกข้อ
9. อาณาจักรรตั นโกสินทร์มพี ระมหากษตั ริย์ท้ังหมดกพี่ ระองค์
ก. 7 พระองค์ ข. 8 พระองค์
ค. 9 พระองค์ ง. 10 พระองค์
10.ก่อนจะก่อตัง้ อาณาจักรรตั นโกสินทรช์ าตไิ ทยได้ตัง้ ราชธานีอยู่ทใ่ี ด
ก.กรุงเทพมหานคร ข.กรงุ ธนบรุ ี
ค.กรุงศรีอยธุ ยา ง.กรงุ สุโขทัย
เฉลยคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย
1. ก 2. ง 3. ข 4. ค 5. ข 6. ง 7. ก 8. ง 9. ค 10. ข
แบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย
ให้เลือกคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ดุ เพยี งคำตอบเดยี ว
1.การศึกษาประวัตศิ าสตร์มีความเกยี่ วขอ้ งกบั ข้อใดมากท่ีสดุ
ก. ขอ้ มลู ข. เวลา
ค. หลกั ฐาน ง. รูปภาพ
2.แหลง่ โบราณคดบี า้ นเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอดุ รธานี จัดเปน็ หลักฐานประเภทใด
ก. หลักฐานชัน้ ต้น ข. หลกั ฐานช้นั สอง
ค. หลักฐานท่เี ปน็ ลายลักษณ์อักษร ง. แหล่งข้อมลู ทเ่ี ก่ยี วกับภมู ภิ าค
3.สมหวังสนใจศึกษาเรือ่ งราวของปราสาทหนิ พิมายให้ถกู ตอ้ งชัดเจน สมหวังต้องศึกษาโดยใชว้ ิธกี ารใด
ก. วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ข. วิธีการทางภูมศิ าสตร์
ค. วิธกี ารทางศลิ ปศาสตร์ ง. วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์
4.อยุธยาในชว่ งรชั สมัยใดท่ีเจรญิ รุ่งเรืองและมน่ั คงเป็นปึกแผน่
ก. รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดที ่ี 1(อทู่ อง)-สมเด็จพระบรมราชาธริ าช
ข. รชั สมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ-สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช
ค. รัชสมัยสมเดจ็ พระเจ้าทรงธรรม-สมเดจ็ พระเจ้าปราสาททอง
ง. รชั สมยั สมเด็จพระเพทราชา-สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทา้ ยสระ
5.สมมติเทพเป็นฐานะของพระมหากษตั ริยท์ เ่ี ปรียบได้กบั ข้อใด
ก. เทวดา ข. เทพบตุ ร
ค. เทพเจา้ ง. เทพยดา
6.ในสมยั กรุงธนบุรี ข้อใดเปน็ กษัตรยิ ท์ ที่ รงกอบกู้เอกราชคืนจากพม่าไดส้ ำเร็จ
ก. สมเด็จพระเจา้ ตากสิน ข. สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ
ค. สมเดจ็ พระทน่ี ั่งสุริยาสนอ์ มรินทร์ ง. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
7.สงั คมในสมัยอยธุ ยาบคุ คลกลุ่มใดได้รับการยกย่องศรทั ธาจากทกุ ชนช้นั
ก. พระมหากษตั ริย์ ข. พระราชวงศ์
ค. พระมหาอุปราช ง. พระสงฆ์
8.เหตผุ ลในขอ้ ใดท่ีทำใหต้ อ้ งเสียกรุงศรอี ยุธยาครง้ั ท่ี 2
ก. การว่างจากศึกสงครามเปน็ เวลานาน ข. เกิดความแตกแยกกนั เองในหมู่ผู้นำ
ค. การขาดความสามคั คขี องคนในชาติ ง. ถูกทกุ ขอ้
9.กอ่ นจะกอ่ ตัง้ อาณาจักรรตั นโกสินทร์ชาติไทยไดต้ ง้ั ราชธานอี ยู่ทใี่ ด
ก.กรงุ เทพมหานคร ข.กรุงธนบุรี
ค.กรงุ ศรีอยธุ ยา ง.กรุงสุโขทัย
10.อาณาจกั รรตั นโกสินทร์มพี ระมหากษตั ริย์ทั้งหมดกี่พระองค์
ก. 7 พระองค์ ข. 8 พระองค์
ค. 9 พระองค์ ง. 10 พระองค์
เฉลยคำตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น
เรื่อง ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย
1. ข 2. ก 3. ง 4. ข 5. ค 6. ก 7. ง 8. ง 9. ข 10. ค
บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
กศน.ตำบล......................................... กศน.อำเภอ.................................... จังหวดั ระยอง
สปั ดาห์ท.ี่ ...... วันที่........เดอื น..............................พ.ศ............ รายวิชา...................................ระดบั ..................
1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
2. ปัญหาอุปสรรค
...............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
3. แนวทางการแกไ้ ข
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
4.สงิ่ ท่ไี มไ่ ดป้ ฏบิ ัตติ ามแผนการจัดการเรียนรู้
...............................................................................................................................................................................
..... ........................................................................................................................................................................
เหตผุ ล
5. การปรับปรุงพัฒนาการเรียนรคู้ รั้งตอ่ ไป
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
6. ประเดน็ ท่ีนำไปสกู่ ารวิจัยในชั้นเรยี น
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
ลงช่อื .................................................................
(...............................................................)
ตำแหนง่ ................................................................
วันที.่ ........เดอื น.......................................พ.ศ............
ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
...............................................................................................................................................................................
.......... ...................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.................................................................
(...............................................................)
ตำแหนง่ ................................................................
วนั ท.ี่ . ......เดือน..................................พ.ศ........
แผนการจัดการเรียนรู้รายสปั ดาห์
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วิชา .......สังคมศึกษา........ รหสั รายวิชา .สค11001......... ระดับ....ประถม.... จำนวน .3..หน่วยกิต
4. มาตรฐานการเรียนรู้
มีความรู้ ความเขา้ ใจ ตระหนกั เกย่ี วกับภูมิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง
ในท้องถ่นิ ประเทศ นำมาปรับใช้ในการดำเนนิ ชวี ิตและการประกอบอาชพี เพ่อื ความม่นั คงของชาติ
2. เน้อื หาตามหลกั สูตร
1. ลกั ษณะทางภูมิศาสตรก์ ายภาพของชุมชน ท้องถิ่น
2. ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย
3. การใชข้ ้อมูลภมู ศิ าสตรก์ ายภาพชมุ ชน ทอ้ งถนิ่ และประเทศ เพ่อื ใช้ในการดำรงชีวติ และความม่นั คง
ของชาติ
3. ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั (ตัวชี้วัด)
1.ให้ผเู้ รียนรู้ เขา้ ใจความหมาย ความสำคญั ของเศรษฐศาสตร์
2.ให้ผเู้ รยี นมีความรู้ ความเข้าใจในขอบข่ายเปา้ หมายของการศกึ ษาเร่อื งเศรษฐศาสตร์
3. ผู้เรียนอธบิ ายความหมาย ความสำคญั หลักการ รปู แบบ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างรัฐกับประชาชนของ
ระบอบ ประชาธปิ ไตย
4.ใหผ้ ู้เรยี นรู้ เขา้ ใจ การใชอ้ ำนาจอธิปไตย เพือ่ การบรหิ ารงานระหวา่ งรัฐกับประชาชน
3. สาระการเรยี นรู้
4 กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ ละกิจกรรมเพิม่ เติม
ขน้ั นำ
- ทกั ทาย/สวสั ดี
- บอกวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้
- ครใู ห้ผเู้ รยี นยกตัวอย่าง พฤตกิ รรมการบรโิ ภคในครอบครวั
- ให้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
ข้ันสอน / การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
- ใหผ้ ู้เรียนแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั ปัจจัยในการเพิ่มการผลิตสนิ คา้ และบริการ
(โดยใช้วิธกี าร เชน่ การสมุ่ จากเลข 2 ตัวท้ายของรหัสผเู้ รียน)
- ใหผ้ ้เู รยี นสบื ค้นขอ้ มลู ในหัวขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมายในเรือ่ งตอ่ ไปน้ี และให้แต่ละกลมุ่ นำเสนอ
ในช้ันเรียน
(กิจกรรมท่ี 1)