The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

463413380972019958_final_ตำแหน่งการปกครอง_10.07.66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pongnimma, 2023-07-12 09:59:36

463413380972019958_final_ตำแหน่งการปกครอง_10.07.66

463413380972019958_final_ตำแหน่งการปกครอง_10.07.66

370 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ————————— หลักการ ยกเลิกข้อความในข้อ ๒๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วย ระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ เหตุผล เพื่อยกย่องเชิดชูพระสังฆาธิการทุกระดับ ให้เป็นที่ปรึกษาของเจ้าคณะทุกชั้น ทั้งใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค


สมัยรัตนโกสินทร์ 371 *ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๙๑ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์* ————————— อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครอง คณะสงฆ์” ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๒๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน


372 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ “เพื่อยกย่องเชิดชูพระสังฆาธิการผู้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยความเรียบร้อย มหาเถร สมาคมจะให้มีที่ปรึกษาของเจ้าคณะในชั้นใดๆ ก็ได้ ให้ที่ปรึกษามีหน้าที่ให้คำ ปรึกษาแก่เจ้าคณะชั้นนั้นๆ” ตราไว้ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ สมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนคณะสังฆาธิการ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ (พศ. ๒๕๖๓)


374 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ————————— หลักการ ยกเลิกกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอน พระสังฆาธิการ และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๓๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถร สมาคม ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ เหตุผล ๑. เนื่องจากการแต่งตั้งเจ้าคณะตำแหน่งต่างๆ ตามบทบัญญัติในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ยังใช้คำต่างกันอยู่ บางแห่ง ฉะนั้น ในกฎมหาเถรสมาคมนี้ จึงเห็นสมควรกำ หนดใช้คำว่า “พระภิกษุ” ให้เหมือน กันทุกแห่ง ๒. เนื่องจากพระสังฆาธิการระดับรองเจ้าคณะภาค มิได้กำ หนดระยะเวลาการ ดำ รงตำแหน่งไว้ ดังนั้น จึงเห็นสมควรกำ หนดระยะเวลาการดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค ไว้เช่นเดียวกับพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะภาค ๓. เนื่องจากพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะ แต่งตั้งเจ้าคณะตำ บลขึ้นไปจนถึง รองเจ้าคณะจังหวัด มีภาระหน้าที่ในการปกครองดูแลคณะสงฆ์ภายในเขตอำ นาจของตน จึงเห็นสมควรให้ผู้ดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะอำ เภอ และเจ้าคณะตำ บล มีอำ นาจแต่งตั้งเลขานุการทำ หน้าที่เลขานุการได้เช่นเดียวกับเจ้าคณะชั้นอื่น ๔. เนื่องจากการแต่งตั้งเจ้าอาวาสนอกจากพระอารามหลวง เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะ ตำ บลนั้นกับเจ้าคณะอำ เภอปรึกษาสงฆ์และทายกทายิกาแห่งวัดนั้น พิจารณาคัดเลือกมัก เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ฉะนั้น จึงเห็นสมควรให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองเจ้าสังกัด โดยตรงร่วมกันพิจารณาคัดเลือก


สมัยรัตนโกสินทร์ 375 ๕. เนื่องจากพระสังฆาธิการผู้ดำ รงตำ แหน่งหรือเคยดำ รงตำ แหน่ง ตั้งแต่ระดับ เจ้าคณะภาคลงมาจนถึงรองเจ้าคณะตำ บล ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยเรียบร้อยจนมีอายุครบ ๘๐ ปีบริบูรณ์ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะชั้นนั้นๆ ๖. เนื่องจากการพ้นจากตำแหน่งหน้าที่พระสังฆาธิการ ตามบทบัญญัติข้อ ๓๕ (๔) ยังไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติว่าด้วยการแต่งตั้งพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัด รอง เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำ เภอ รองเจ้าคณะอำ เภอ เจ้าคณะตำ บล และรองเจ้าคณะตำ บล จึงเห็นสมควรกำ หนดการย้ายออกไปนอกเขตที่ตนมีสำ นักอยู่ให้ชัดเจน ๗. เนื่องจากพระสังฆาธิการผู้ได้รับโทษถูกถอดถอน หรือถูกปลดจากตำ แหน่ง หน้าที่ฐานละเมิดจริยา ยังคงดำ รงตำแหน่งพระสังฆาธิการบางตำแหน่งได้อยู่ ฉะนั้น จึงเห็น สมควรให้พ้นจากตำแหน่งพระสังฆาธิการทุกตำแหน่ง ๘. เนื่องจากพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะภาคและรองเจ้าคณะภาค สมควร ได้รับการแต่งตั้งและการพ้นจากตำ แหน่งหน้าที่พร้อมกัน เพื่อความเรียบร้อยดีงามแห่ง การคณะสงฆ์และการพระศาสนา จึงเห็นสมควรให้เจ้าคณะภาค และรองเจ้าคณะภาค ซึ่ง ดำ รงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้พ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันถัด จากวันประกาศกฎมหาเถรสมาคมในแถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป จึงสมควรตรากฎมหาเถรสมาคมฉบับนี้


376 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ *ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๘๖ ฉบับพิเศษ วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๑ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ* ————————— อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๐ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถร สมาคมไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ” ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ตั้งแต่วันใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ยกเลิก (๑) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอน พระสังฆาธิการ (๒) กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๓๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถร สมาคม ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ


สมัยรัตนโกสินทร์ 377 บรรดากฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ หรือประกาศอื่นใดในส่วนที่กำ หนดไว้แล้ว ในกฎมหาเถรสมาคมนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับกฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้กฎมหาเถรสมาคม นี้แทน หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๔ ในกฎมหาเถรสมาคมนี้ พระสังฆาธิการ หมายถึง พระภิกษุผู้ดำ รงตำแหน่ง ปกครองคณะสงฆ์ ดังต่อไปนี้ ๑. เจ้าคณะใหญ่ ๒. เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค ๓. เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด ๔. เจ้าคณะอำ เภอ รองเจ้าคณะอำ เภอ ๕. เจ้าคณะตำ บล รองเจ้าคณะตำ บล ๖. เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ส่วนตำแหน่งอื่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น จะได้มีระเบียบมหาเถรสมาคมกำ หนดเทียบ กับตำแหน่งที่กล่าวแล้ว ข้อ ๕ พระภิกษุผู้ดำ รงตำแหน่งพระสังฆาธิการตามข้อ ๔ อยู่ก่อนวันใช้กฎมหาเถร สมาคมนี้ ให้ถือว่าเป็นพระสังฆาธิการผู้ดำ รงตำแหน่งดังกล่าวนั้น ตามกฎมหาเถรสมาคมนี้ ผู้รักษาการแทนในตำ แหน่งดังกล่าวในวรรคต้น ก่อนวันใช้กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ถือว่าเป็นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งนั้นๆ ตามกฎมหาเถรสมาคมนี้ด้วย หมวด ๒ การแต่งตั้งพระสังฆาธิการ ข้อ ๖ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำแหน่งตามข้อ ๔ ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้ (๑) มีพรรษาสมควรแก่ตำแหน่ง (๒) มีความรู้สมควรแก่ตำแหน่ง (๓) มีความประพฤติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย


378 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ (๔) เป็นผู้ฉลาดสามารถในการปกครองคณะสงฆ์ (๕) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพไร้ความสามารถ หรือมีจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคเรื้อน หรือเป็นวัณโรคในระยะอันตรายจนเป็นที่น่ารังเกียจ (๖) ไม่เคยต้องคำวินิจฉัยลงโทษในอธิกรณ์ที่พึงรังเกียจมาก่อน (๗) ไม่เคยถูกถอดถอนหรือถูกปลดจากตำแหน่งใด เพราะความผิดมาก่อน ส่วนที่ ๑ เจ้าคณะใหญ่ ข้อ ๗ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำ แหน่งเจ้าคณะใหญ่ ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีก ส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๓๐ และ (๒) มีสมณศักดิ์ไม่ตํ่ากว่ารองสมเด็จพระราชาคณะ ข้อ ๘ สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๗ ให้ดำ รงตำแหน่ง เจ้าคณะใหญ่ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ข้อ ๙ พระภิกษุผู้จะเป็นเลขานุการเจ้าคณะใหญ่ ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ โดย อนุโลม ในการแต่งตั้งเลขานุการเจ้าคณะใหญ่ ให้เจ้าคณะใหญ่พิจารณาแต่งตั้ง เลขานุการเจ้าคณะใหญ่พ้นจากหน้าที่ ในเมื่อผู้แต่งตั้งให้พ้นจากหน้าที่หรือผู้แต่งตั้ง พ้นจากตำแหน่ง เมื่อมีการแต่งตั้งหรือพ้นจากหน้าที่แล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนา เพื่อรายงานมหาเถร สมาคมทราบ ส่วนที่ ๒ เจ้าคณะภาค ข้อ ๑๐ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะภาค ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีก ส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๒๐ และ


สมัยรัตนโกสินทร์ 379 (๒) กำลังดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาคนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๒ ปี หรือ (๓) กำลังดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดในภาคนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๔ ปี หรือ (๔) มีสมณศักดิ์ไม่ตํ่ากว่าพระราชาคณะชั้นเทพ หรือ (๕) เป็นพระราชาคณะซึ่งเป็นพระคณาจารย์เอก หรือเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) ไม่ได้ หรือได้แต่ ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณี ข้อ ๑๑ ในการแต่งตั้งเจ้าคณะภาค เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะใหญ่พิจารณาคัดเลือก พระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๑๐ เสนอมหาเถรสมาคมพิจารณา เพื่อมีพระบัญชา แต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาคอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ ในกรณีที่เจ้าคณะภาคพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้เจ้าคณะภาคซึ่งได้รับแต่งตั้ง แทน อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ข้อ ๑๒ ในการแต่งตั้งรองเจ้าคณะภาค ให้นำ บทบัญญัติในข้อ ๑๑ วรรคแรก มาใช้ บังคับโดยอนุโลม รองเจ้าคณะภาค อยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ ในกรณีที่รองเจ้าคณะภาคพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้รองเจ้าคณะภาคซึ่งได้รับ แต่งตั้งแทน อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ข้อ ๑๓ พระภิกษุผู้จะเป็นเลขานุการเจ้าคณะภาคหรือเลขานุการรองเจ้าคณะภาค ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ โดยอนุโลม ในการแต่งตั้งเลขานุการดังกล่าวในวรรคแรก ให้เจ้าคณะภาคหรือรองเจ้าคณะภาค แล้วแต่กรณี พิจารณาแต่งตั้ง เลขานุการดังกล่าวในวรรคสอง พ้นจากหน้าที่ ในเมื่อผู้แต่งตั้งให้พ้นจากหน้าที่ หรือ ผู้แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อมีการแต่งตั้งหรือพ้นจากหน้าที่แล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนา และรายงานเจ้าคณะ ใหญ่เพื่อทราบ


380 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ส่วนที่ ๓ เจ้าคณะจังหวัด ข้อ ๑๔ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะ อีกส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ กับมีสำ นักอยู่ในเขตจังหวัดนั้น และ (๒) กำลังดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๒ ปี หรือ (๓) กำลังดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะอำ เภอในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๔ ปี หรือ (๔) มีสมณศักดิ์ไม่ตํ่ากว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ หรือเป็นพระคณาจารย์ โทขึ้นไป หรือเป็นเปรียญธรรมไม่ตํ่ากว่า ๖ ประโยค ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ไม่ได้ หรือได้แต่ ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณี ข้อ ๑๕ ในการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดในภาคใด ให้เจ้าคณะภาคนั้นพิจารณา คัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๑๔ เสนอเจ้าคณะใหญ่พิจารณา เพื่อมี พระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม ข้อ ๑๖ ในการแต่งตั้งรองเจ้าคณะจังหวัด ให้นำ บทบัญญัติในข้อ ๑๕ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ข้อ ๑๗ พระภิกษุผู้จะเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดหรือเลขานุการรองเจ้าคณะ จังหวัด ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ โดยอนุโลม ในการแต่งตั้งเลขานุการดังกล่าวในวรรคแรก ให้เจ้าคณะจังหวัดหรือรองเจ้าคณะ จังหวัด แล้วแต่กรณี พิจารณาแต่งตั้ง เลขานุการดังกล่าวในวรรคสอง พ้นจากหน้าที่ ในเมื่อผู้แต่งตั้งให้พ้นจากหน้าที่ หรือ ผู้แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อมีการแต่งตั้งหรือพ้นจากหน้าที่แล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนาและรายงานเจ้าคณะ ภาคเพื่อทราบ


สมัยรัตนโกสินทร์ 381 ส่วนที่ ๔ เจ้าคณะอำ เภอ ข้อ ๑๘ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำ แหน่งเจ้าคณะอำ เภอ ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะ อีกส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ กับมีสำ นักอยู่ในเขตจังหวัดนั้น และ (๒) กำลังดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำ เภอนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๒ ปี หรือ (๓) กำลังดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะตำ บลในอำ เภอนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๔ ปี หรือ (๔) มีสมณศักดิ์ไม่ตํ่ากว่าชั้นสัญญาบัตร หรือเป็นพระคณาจารย์ตรีขึ้นไป หรือเป็นเปรียญธรรม ไม่ตํ่ากว่า ๔ ประโยค ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ไม่ได้ หรือได้แต่ ไม่เหมาะสม เจ้าคณะภาคอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณี โดยอนุมัติของเจ้าคณะใหญ่ ข้อ ๑๙ ในการแต่งตั้งเจ้าคณะอำ เภอในจังหวัดใด ให้เจ้าคณะจังหวัดนั้นคัดเลือก พระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๑๘ เสนอเจ้าคณะภาค เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโดย อนุมัติของเจ้าคณะใหญ่ ข้อ ๒๐ ในการแต่งตั้งรองเจ้าคณะอำ เภอ ให้นำ บทบัญญัติในข้อ ๑๙ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ข้อ ๒๑ พระภิกษุผู้จะเป็นเลขานุการเจ้าคณะอำ เภอหรือเลขานุการรองเจ้าคณะ อำ เภอ ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ โดยอนุโลม ในการแต่งตั้งเลขานุการดังกล่าวในวรรคแรก ให้เจ้าคณะอำ เภอหรือรองเจ้าคณะ อำ เภอ แล้วแต่กรณี พิจารณาแต่งตั้ง เลขานุการดังกล่าวในวรรคสอง พ้นจากหน้าที่ ในเมื่อผู้แต่งตั้งให้พ้นจากหน้าที่ หรือผู้แต่งตั้งพ้นจากหน้าที่ เมื่อมีการแต่งตั้งหรือพ้นจากหน้าที่แล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนาและรายงานเจ้าคณะ จังหวัดเพื่อทราบ


382 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ส่วนที่ ๕ เจ้าคณะตำ บล ข้อ ๒๒ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะตำ บล ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีก ส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๕ กับมีสำ นักอยู่ในเขตอำ เภอนั้น และ (๒) กำลังดำ รงตำแหน่งรองเจ้าคณะตำ บลนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๒ ปี หรือ (๓) กำลังดำ รงตำแหน่งเจ้าอาวาสในตำ บลนั้นมาแล้วไม่ตํ่ากว่า ๔ ปี หรือ (๔) เป็นพระภิกษุมีสมณศักดิ์ หรือเป็นพระคณาจารย์ หรือเป็นเปรียญธรรม หรือเป็นนักธรรมชั้นเอก ถ้าจะคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตาม (๒) (๓) หรือ (๔) ไม่ได้ หรือได้แต่ ไม่เหมาะสม เจ้าคณะจังหวัดอาจพิจารณาผ่อนผันได้เฉพาะกรณีโดยอนุมัติของเจ้าคณะภาค ข้อ ๒๓ ในการแต่งตั้งเจ้าคณะตำ บลในอำ เภอใด ให้เจ้าคณะอำ เภอนั้นคัดเลือก พระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๒๒ เสนอเจ้าคณะจังหวัดพิจารณาแต่งตั้ง เมื่อ ได้แต่งตั้งแล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนาและรายงานเจ้าคณะภาคเพื่อทราบ ข้อ ๒๔ ในการแต่งตั้งรองเจ้าคณะตำ บล ให้นำ บทบัญญัติในข้อ ๒๓ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ข้อ ๒๕ พระภิกษุผู้จะเป็นเลขานุการเจ้าคณะตำ บล ต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๖ โดยอนุโลม ในการแต่งตั้งเลขานุการเจ้าคณะตำ บล ให้เจ้าคณะตำ บลพิจารณาแต่งตั้ง เลขานุการเจ้าคณะตำ บล พ้นจากหน้าที่ ในเมื่อผู้แต่งตั้งให้พ้นจากหน้าที่ หรือ ผู้แต่งตั้งพ้นจากหน้าที่ เมื่อมีการแต่งตั้งหรือพ้นจากหน้าที่แล้ว ให้แจ้งกรมการศาสนาและรายงานเจ้าคณะ อำ เภอเพื่อทราบ


สมัยรัตนโกสินทร์ 383 ส่วนที่ ๖ เจ้าอาวาส ข้อ ๒๖ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำ แหน่งเจ้าอาวาส ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีก ส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๕ และ (๒) เป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ในถิ่น นั้น ข้อ ๒๗ ในการแต่งตั้งเจ้าอาวาสนอกจากพระอารามหลวงในตำ บลใด ให้เป็นหน้าที่ ของเจ้าคณะอำ เภอ รองเจ้าคณะอำ เภอ เจ้าคณะตำ บล รองเจ้าคณะตำ บล เจ้าสังกัด ถ้าไม่มี รองเจ้าคณะอำ เภอ ไม่มีรองเจ้าคณะตำ บล ให้เจ้าคณะอำ เภอเลือกเจ้าอาวาสในตำ บลนั้น รวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่า ๓ รูป ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๒๖ แล้ว ให้เจ้าคณะอำ เภอรายงานเสนอเจ้าคณะจังหวัดเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง ถ้าพระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดอยู่ด้วย ให้เจ้าคณะอำ เภอรายงานเสนอเจ้าคณะจังหวัด เพื่อเจ้าคณะภาคพิจารณาแต่งตั้ง ข้อ ๒๘ ในการแต่งตั้งรองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส นอกจากพระอารามหลวง ให้เจ้าอาวาสวัดนั้นพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๒๖ และ ระบุหน้าที่ที่ตนจะมอบหมายให้ปฏิบัติ แล้วเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ เพื่อเจ้าคณะ จังหวัดพิจารณาแต่งตั้ง ข้อ ๒๙ พระภิกษุผู้จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวงในกรุงเทพมหานคร ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ (๒) เป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ และ (๓) มีสมณศักดิ์ (ก) ไม่ตํ่ากว่าพระราชาคณะชั้นราช สำ หรับพระอารามหลวงชั้นเอก (ข) ไม่ตํ่ากว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ สำ หรับพระอารามหลวงชั้นโท (ค) ไม่ตํ่ากว่าพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสชั้นเอก สำ หรับพระอารามหลวง ชั้นตรี


384 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ข้อ ๓๐ พระภิกษุผู้จะดำ รงตำ แหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวงในจังหวัดอื่น นอกจากกรุงเทพมหานคร ต้องมีคุณสมบัติโดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง ดังนี้ (๑) มีพรรษาพ้น ๑๐ (๒) เป็นผู้ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ และ (๓) มีสมณศักดิ์ (ก) ไม่ตํ่ากว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ สำ หรับพระอารามหลวงชั้นเอก (ข) ไม่ต่ากว่าพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสชั้นเอก สำ ํ หรับพระอารามหลวง ชั้นโท (ค) ไม่ตํ่ากว่าพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสชั้นโท หรือพระครูสัญญาบัตร ที่มีนิตยภัต ไม่ตํ่ากว่าพระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสชั้นโท สำ หรับพระอารามหลวงชั้นตรี ข้อ ๓๑ ในการแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัด พิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และข้อ ๒๙ หรือข้อ ๓๐ แล้วแต่กรณี เสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับ เพื่อมหาเถรสมาคมพิจารณา ถ้าพระภิกษุผู้จะดำ รงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ตามข้อ ๒๙ หรือข้อ ๓๐ แล้วแต่กรณี ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดอยู่ด้วย ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะภาคดำ เนินการ ตามความในวรรคต้น ข้อ ๓๒ ในการแต่งตั้งรองเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ให้ เจ้าอาวาสพระอารามหลวงนั้นพิจารณาคัดเลือกพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติตามข้อ ๖ และ ข้อ ๒๖ และระบุหน้าที่ที่ตนจะมอบหมายให้ปฏิบัติ แล้วรายงานเจ้าคณะจังหวัดเพื่อ พิจารณาเสนอตามลำดับจนถึงมหาเถรสมาคม ข้อ ๓๓ สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วย เจ้าอาวาสพระอารามหลวง ตามมติมหาเถรสมาคม


สมัยรัตนโกสินทร์ 385 ส่วนที่ ๗ ที่ปรึกษาเจ้าคณะ ข้อ ๓๔ การแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะตามข้อ ๒๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ให้เป็นไปดังนี้ พระสังฆาธิการผู้ดำ รงตำแหน่ง หรือเคยดำ รงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะ ภาค เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำ เภอ รองเจ้าคณะอำ เภอ เจ้าคณะ ตำ บล และรองเจ้าคณะตำ บล ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยเรียบร้อยจนมีอายุครอบ ๘๐ ปีบริบูรณ์ ให้ยกย่องเชิดชูเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้นๆ เว้นแต่ทุพพลภาพ หรือพิการ ถ้ายังมีความ เหมาะสมหรือยังหาผู้ดำ รงตำแหน่งในชั้นนั้นๆ ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคม จะพิจารณาให้ดำ รงตำแหน่งเดิมต่อไปอีกไม่เกิน ๓ ปี เฉพาะกรณี ในการแต่งตั้งที่ปรึกษา ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเสนอตามลำดับจนถึงมหาเถรสมาคม พิจารณา เพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม ส่วนที่ ๘ เบ็ดเตล็ด ข้อ ๓๕ เมื่อได้มีการแต่งตั้งพระภิกษุให้ดำ รงตำ แหน่งตามหมวด ๑ แห่ง กฎมหาเถรสมาคมนี้แล้ว ให้ผู้มีอำ นาจแต่งตั้งแจ้งให้กรมการศาสนาทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่แต่งตั้ง หมวด ๓ การพ้นจากตำแหน่งหน้าที่พระสังฆาธิการ ข้อ ๓๖ พระสังฆาธิการย่อมพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ เมื่อ (๑) ถึงมรณภาพ (๒) พ้นจากความเป็นพระภิกษุ (๓) ลาออก (๔) ย้ายออกไปนอกเขตที่ตนมีสำ นักอยู่ (๕) ยกเป็นกิตติมศักดิ์


386 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ (๖) รับตำแหน่งหน้าที่เจ้าคณะหรือรองเจ้าคณะอื่น (๗) ให้ออกจากตำแหน่งหน้าที่ (๘) ถูกปลดจากตำแหน่งหน้าที่ (๙) ถูกถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ ข้อ ๓๗ พระสังฆาธิการรูปใดประสงค์จะลาออกจากตำ แหน่งหน้าที่ก็ย่อมทำ ได้ เมื่อผู้มีอำ นาจแต่งตั้งได้พิจารณาอนุญาตแล้ว จึงเป็นอันพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ข้อ ๓๘ ในกรณีที่พระสังฆาธิการทุกตำแหน่ง เว้นเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค รอง เจ้าคณะภาค ย้ายออกไปนอกเขตที่ตนมีสำ นักอยู่ คือ เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำ เภอ ย้ายออกไปจากจังหวัดนั้น เจ้าคณะตำ บล รองเจ้าคณะตำ บล ย้ายออกไป จากอำ เภอนั้น พระสังฆาธิการรูปนั้นย่อมพ้นจากตำแหน่งหน้าที่นั้น เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งให้ เป็นผู้รักษาการแทนในตำแหน่งเดิม ข้อ ๓๙ พระสังฆาธิการรูปใดดำ รงตำแหน่งหน้าที่โดยเรียบร้อยตลอดมาจนถึงชรา ทุพพลภาพ หรือพิการ สมควรได้รับปลดเปลื้องภาระเพื่อให้พักผ่อนหรือรักษาตัว ก็ให้ผู้มี อำ นาจแต่งตั้งพิจารณายกเป็นกิตติมศักดิ์ ข้อ ๔๐ พระสังฆาธิการดำ รงตำแหน่งเจ้าคณะ หรือรองเจ้าคณะ ได้เพียงตำแหน่ง เดียว ข้อ ๔๑ การให้ออกจากตำ แหน่งหน้าที่ ให้ผู้มีอำ นาจแต่งตั้งกระทำ ได้ในกรณีที่ พระสังฆาธิการหย่อนความสามารถไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของตน ข้อ ๔๒ การปลดและการถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ ให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ใน หมวด ๔ แห่งกฎมหาเถรสมาคมนี้ ข้อ ๔๓ เมื่อพระสังฆาธิการพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ตาม ข้อ ๓๖ ให้ผู้บังคับบัญชารายงานโดยลำดับจนถึงผู้มีอำ นาจแต่งตั้งภายใน ๓๐ วัน และให้ ผู้มีอำ นาจแต่งตั้งแจ้งให้กรมการศาสนาทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงาน


สมัยรัตนโกสินทร์ 387 หมวด ๔ จริยาพระสังฆาธิการ ส่วนที่ ๑ จริยา ข้อ ๔๔ พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎ กระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จ พระสังฆราช สังวรและปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด ข้อ ๔๕ พระสังฆาธิการต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งโดย ชอบด้วยอำ นาจหน้าที่ ถ้าไม่เห็นพ้องด้วยคำสั่งนั้นให้เสนอความเห็นทัดทานเป็นลายลักษณ์ อักษรภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง และเมื่อได้ทัดทานดังกล่าวมานั้นแล้ว แต่ผู้สั่งมิได้ถอนหรือแก้คำสั่งนั้น ถ้าคำสั่งนั้นไม่ผิดพระวินัยต้องปฏิบัติตาม แล้วรายงาน จนถึงผู้สั่ง ในกรณีที่มีการทัดทานคำสั่งดังกล่าวในวรรคแรก ให้ผู้สั่งรายงานเรื่องทั้งหมดไปยัง ผู้บังคับบัญชาเหนือตน เพื่อพิจารณาสั่งการ ในการปฏิบัติหน้าที่ ห้ามมิให้ทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่จะได้รับ อนุญาตพิเศษเป็นครั้งคราว ข้อ ๔๖ พระสังฆาธิการต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง มิให้เกิดความ เสียหายแก่การคณะสงฆ์และการพระศาสนา และห้ามมิให้ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร ข้อ ๔๗ พระสังฆาธิการต้องปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ และห้ามมิให้ใช้อำ นาจหน้าที่ใน ทางที่ไม่สมควร ข้อ ๔๘ พระสังฆาธิการต้องสุภาพเรียบร้อยต่อผู้บังคับบัญชาเหนือตนและผู้อยู่ใน ปกครอง ข้อ ๔๙ พระสังฆาธิการต้องรักษาส่งเสริมสามัคคีในหมู่คณะ และช่วยเหลือซึ่งกัน และกันในทางที่ชอบ ข้อ ๕๐ พระสังฆาธิการต้องอำ นวยความสะดวกในหน้าที่การคณะสงฆ์และการ พระศาสนา


388 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ข้อ ๕๑ พระสังฆาธิการต้องรักษาข้อความอันเกี่ยวกับการคณะสงฆ์ที่ยังไม่ควร เปิดเผย ส่วนที่ ๒ การรักษาจริยา ข้อ ๕๒ ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น มีหน้าที่ควบคุม ดูแล แนะนำ ชี้แจง หรือสั่ง ให้ผู้อยู่ในบังคับบัญชา ปฏิบัติตามจริยาโดยเคร่งครัด ถ้าผู้บังคับบัญชารู้อยู่ว่าผู้อยู่ในบังคับบัญชาละเมิดจริยา ต้องพิจารณาว่าความ ละเมิดของผู้อยู่ในบังคับบัญชารูปนั้น อยู่ในอำ นาจที่ตนจะสั่งลงโทษได้หรือไม่ ถ้าอยู่ใน อำ นาจที่ตนจะสั่งลงโทษได้ ก็ให้สั่งลงโทษ แล้วรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเหนือตน ถ้าเห็นว่า ความละเมิดนั้นควรจะลงโทษหนักกว่าที่ตนมีอำ นาจจะลงโทษได้ ก็ให้รายงานผู้บังคับบัญชา เหนือตนขึ้นไป เพื่อพิจารณาลงโทษตามควร ผู้บังคับบัญชารูปใด ไม่จัดการลงโทษผู้อยู่ในบังคับบัญชาที่ละเมิดจริยาหรือจัดการ ลงโทษโดยไม่สุจริต ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชารูปนั้นละเมิดจริยา ข้อ ๕๓ พระสังฆาธิการรูปใด ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษฐานละเมิดจริยา ต้อง ปฏิบัติตามทันที ถ้าเห็นว่าคำสั่งลงโทษไม่เป็นธรรม ก็มีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามวิธีการที่บัญญัติ ไว้ในระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการร้องทุกข์ แต่ถ้าปรากฏว่าเป็นการร้องทุกข์เท็จ ให้ ถือว่าเป็นการละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง ส่วนที่ ๓ การละเมิดจริยา ข้อ ๕๔ พระสังฆาธิการรูปใดประพฤติละเมิดจริยา ต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยา อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) ถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่ (๒) ปลดจากตำแหน่งหน้าที่ (๓) ตำ หนิโทษ (๔) ภาคทัณฑ์


สมัยรัตนโกสินทร์ 389 ข้อ ๕๕ การถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่นั้น จะทำ ได้ต่อเมื่อพระสังฆาธิการละเมิด จริยาอย่างร้ายแรง แม้ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ทุจริตต่อหน้าที่ (๒) ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเกินกว่า ๓๐ วัน (๓) ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์ และการขัดคำสั่งนั้นเป็นเหตุให้เกิด ความเสียหายอย่าง ร้ายแรงแก่การคณะสงฆ์ (๔) ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง แก่การคณะสงฆ์ (๕) ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดรายงานโดยลำ ดับจนถึงผู้มีอำ นาจแต่งตั้ง เมื่อได้สอบสวนและได้ความจริงตามรายงานนั้นแล้ว ให้ผู้มีอำ นาจแต่งตั้งสั่งถอดถอน ตำแหน่งหน้าที่ได้ ข้อ ๕๖ พระสังฆาธิการรูปใดต้องอธิกรณ์ หรือถูกฟ้องเป็นจำ เลยในคดีอาญา และ อยู่ในระหว่างพิจารณาวินิจฉัย หรือมีกรณีต้องหาว่าละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง และอยู่ใน ระหว่างสอบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่า จะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่าง พิจารณาหรือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ ก็ได้ การให้พักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น ให้พักตลอดเวลาที่พิจารณาหรือสอบสวน เมื่อ พิจารณาหรือสอบสวนเสร็จแล้ว ถ้าปรากฏว่าพระสังฆาธิการที่ถูกสั่งให้พักนั้นไม่มีความผิด และไม่มีมลทินความผิดเลย ผู้บังคับบัญชาผู้สั่งให้พักต้องสั่งให้พระสังฆาธิการรูปนั้นกลับ ดำ รงตำแหน่งเดิม เมื่อได้สั่งพักจากตำแหน่งหน้าที่นั้น หรือสั่งให้กลับดำรงตำแหน่งเดิมแล้ว ให้รายงาน โดยลำดับจนถึงผู้มีอำ นาจแต่งตั้ง และจึงให้กรมการศาสนาทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันสั่ง แต่ถ้าปรากฏว่าถึงแม้การพิจารณาหรือสอบสวนจะไม่ได้ความสัตย์ว่าได้กระทำผิด แต่มีมลทินหรือมัวหมอง ให้ผู้มีอำ นาจแต่งตั้งพิจารณา ถ้าเห็นว่าจะให้กลับเข้ารับหน้าที่อีก อาจเสียหายแก่การคณะสงฆ์ ก็สั่งปลดจากตำแหน่งหน้าที่ได้


390 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ข้อ ๕๗ พระสังฆาธิการรูปใด ได้รับโทษฐานละเมิดจริยาตามข้อ ๕๔ (๑) หรือ (๒) ต้องพ้นจากตำแหน่งพระสังฆาธิการทุกตำแหน่ง ข้อ ๕๘ การตำ หนิโทษนั้น จะกระทำ ได้ต่อเมื่อพระสังฆาธิการรูปใดละเมิดจริยาซึ่ง ไม่ร้ายแรงถึงกับถอดถอนหรือปลดจากตำแหน่งหน้าที่ มีเหตุที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรปรานี ในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งตำ หนิโทษ โดยแสดงความผิดของพระสังฆาธิการรูปนั้น ให้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร และจะให้ทำ ทัณฑ์บนไว้ด้วยก็ได้ การตำ หนิโทษเช่นนี้ ให้มีการกำ หนดไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันสั่งลงโทษ แต่เมื่อผู้บังคับ บัญชาเห็นว่าพระสังฆาธิการรูปนั้นกลับปฏิบัติดีในทางการคณะสงฆ์พอควรแล้ว จะสั่งลบล้าง การตำ หนิโทษก่อนครบกำ หนดก็ได้ หากในระหว่างกำ หนดที่สั่งลงโทษไว้ พระสังฆาธิการ รูปนั้นละเมิดจริยาในกรณีเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันซํ้าอีก ให้ถือว่าเป็นการละเมิดจริยา อย่างร้ายแรง ข้อ ๕๙ กรณีดังกล่าวแล้วในข้อ ๕๘ ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นว่ายังไม่ควรลงโทษถึง ตำ หนิโทษ ควรลงโทษเพียงภาคภัณฑ์ ก็ให้มีอำ นาจลงโทษภาคทัณฑ์ได้ โดยแสดงความผิด ของพระสังฆาธิการรูปนั้นให้ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร และจะให้ทำ ทัณฑ์บนไว้ด้วยก็ได้ การลงโทษภาคภัณฑ์นี้ ให้มีกำ หนดไม่เกิน ๑ ปี นับแต่วันสั่งลงโทษ แต่เมื่อผู้บังคับ บัญชาเห็นว่าพระสังฆาธิการรูปนั้นกลับปฏิบัติดีในทางการคณะสงฆ์พอควรแล้ว จะสั่งลบล้าง การภาคทัณฑ์ก่อนครบกำ หนดก็ได้ หากในระหว่างกำ หนดที่สั่งลงโทษไว้ พระสังฆาธิการ รูปนั้นละเมิดจริยาอีก ให้ลงโทษสถานอื่นถัดขึ้นไปตามควรแก่กรณี ข้อ ๖๐ เมื่อได้มีการลงโทษตามข้อ ๕๘ หรือข้อ ๕๙ แล้ว ให้ผู้สั่งลงโทษรายงาน ผู้บังคับบัญชาเหนือตนทราบ


สมัยรัตนโกสินทร์ 391 หมวด ๕ บทเฉพาะกาล ข้อ ๖๑ เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค ซึ่งดำ รงตำ แหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้พ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศกฎมหาเถรสมาคมใน แถลงการณ์คณะสงฆ์เป็นต้นไป ตราไว้ ณ วันที่ ๑ เดือน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ สมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


392 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ————————— หลักการ ยกเลิกข้อความในข้อ ๓๔ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วย การแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ เหตุผล เพื่อยกย่องเชิดชูพระสังฆาธิการผู้ดำ รงตำแหน่ง หรือเคยดำ รงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ เจ้าคณะภาคลงมาจนถึงรองเจ้าคณะตำ บล ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยเรียบร้อยจนมีอายุ ๘๐ ปี บริบูรณ์ หรือมีอายุยังไม่ถึง ๘๐ ปี แต่ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นสมควรยกย่องเชิดชู ให้เสนอ แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้นๆ ได้ และสมควรให้พระสังฆาธิการตั้งแต่เจ้าคณะ จังหวัดขึ้นไปเสนอพระสังฆาธิการผู้สมควรยกย่องเชิดชู แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะ ในชั้นนั้นๆ ได้


สมัยรัตนโกสินทร์ 393 *ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๙๑ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ* ————————— อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี และมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมตรากฎมหาเถรสมาคมไว้ดัง ต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๘ (พ.ศ. ๒๕๔๖) แก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอน พระสังฆาธิการ” ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อความในข้อ ๓๔ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน


394 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ “การแต่งตั้งที่ปรึกษาเจ้าคณะตามข้อ ๒๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ. ๒๕๔๑) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๗ (พ.ศ. ๒๕๔๖) ว่าด้วยระเบียบ การปกครองคณะสงฆ์ ให้เป็นไปดังนี้ พระสังฆาธิการผู้ดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำ เภอ รองเจ้าคณะอำ เภอ เจ้าคณะตำ บล และรองเจ้าคณะตำ บล ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยเรียบร้อยจนมีอายุครบ ๘๐ ปี บริบูรณ์ หรือ ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นสมควรยกย่องเชิดชู ให้ยกย่องเชิดชูเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะในชั้นนั้นๆ พระสังฆาธิการผู้ดำ รงตำแหน่งดังกล่าว ตามความในวรรคสอง ที่มีอายุครบ ๘๐ ปี บริบูรณ์ แต่ไม่ทุพพลภาพ หรือพิการ ถ้ายังมีความเหมาะสม หรือยังหาผู้ดำ รงตำแหน่ง ในชั้นนั้นๆ ไม่ได้ หรือได้แต่ไม่เหมาะสม มหาเถรสมาคมจะพิจารณาให้ดำ รงตำแหน่งเดิม ต่อไปอีกไม่เกิน ๓ ปี เฉพาะกรณี การแต่งตั้งที่ปรึกษาตามความในวรรคสอง หรือให้ดำ รงตำ แหน่งเดิมตามความ ในวรรคสาม ให้ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเสนอตามลำดับจนถึงมหาเถรสมาคมพิจารณา เพื่อมี พระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม ในกรณีพระสังฆาธิการผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดขึ้นไป เห็นสมควรยกย่อง เชิดชูพระสังฆาธิการรูปใดให้เป็นที่ปรึกษาในชั้นนั้นๆ ให้ดำ เนินการเสนอตามลำดับ จนถึง มหาเถรสมาคมพิจารณา เพื่อมีพระบัญชาแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม” ตราไว้ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ สมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


สมัยรัตนโกสินทร์ 395 บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ------------------------------ หลักการและเหตุผล เพื่อให้การแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการเป็นไปตามความในมาตรา ๒๐/๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี มาตรา ๒๐/๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และแก้ไขเพิ่มเติม มหาเถรสมาคมจึงได้ตรา กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ขึ้น


396 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓)* ------------------------------ เพื่อให้การแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการเป็นไปตามความในมาตรา ๒๐/๒ แห่ง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี มาตรา ๒๐/๑ วรรคสอง และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มหาเถรสมาคมตรากฎ มหาเถรสมาคมไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓)” ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมความต่อไปนี้เป็นข้อ ๕/๑ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ “ข้อ ๕/๑ การขอรับพระราชดำริในการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ตามความใน มาตรา ๒๐/๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (พ.ศ. ๒๕๐๕) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ปฏิบัติดังนี้ * ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๑๐๘ ตอนที่ ๗ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓, หน้า ๑ - ๔.


สมัยรัตนโกสินทร์ 397 (๑) การแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าอาวาสพระอาราม หลวง เมื่อได้ดำ เนินการตามกฎมหาเถรสมาคมนี้แล้ว ให้เสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาทุก กรณี จากนั้นให้สมเด็จพระสังฆราชในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคมเสนอไปยัง ราชเลขานุการในพระองค์ เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลี พระบาท เมื่อมีพระราชดำ ริเป็นประการใด ให้มหาเถรสมาคมมีมติให้มีพระบัญชาตั้งหรือ ตราตั้งแล้วแต่กรณีตามพระราชดำ รินั้น แล้วให้เลขาธิการมหาเถรสมาคมรายงานนายก รัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป (๒) การถอดถอนจากตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และ เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เมื่อได้ดำ เนินการตามกฎมหาเถรสมาคมนี้แล้ว ให้เสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณาทุกกรณี จากนั้นให้สมเด็จพระสังฆราชในฐานะประธานกรรมการ มหาเถรสมาคมเสนอไปยังราชเลขานุการในพระองค์เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เมื่อมีพระราชดำ ริเป็นประการใด ให้มหาเถรสมาคมมี มติเห็นชอบโดยอนุวัตตามพระราชดำ รินั้น แล้วจึงจะดำ เนินการต่อไปได้และให้เลขาธิการ มหาเถรสมาคมรายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป (๓) การแต่งตั้งและถอดถอนพระสังฆาธิการอื่นนอกจาก (๑) และ (๒) ให้ดำ เนินการ ไปตามกฎมหาเถรสมาคมนี้ แต่ถ้ามีพระราชดำ ริเป็นประการใด ให้ผู้ได้รับพระราชทาน กระแสพระราชดำ ริ นำความกราบทูลหรือแจ้งผู้มีอำ นาจแต่งตั้งหรือถอดถอนให้ดำ เนินการ อนุวัตตามพระราชดำ รินั้น (๔) การแต่งตั้งพระสังฆาธิการตาม (๑) กรณีครบวาระพร้อมกันให้ดำ เนินการตาม ลำดับศักดิ์ของตำแหน่งพระสังฆาธิการจากสูงลงมาตํ่า ความในข้อนี้ ไม่กระทบถึงการที่จะมีพระราชดำ ริเป็นประการอื่นในทุกกรณี” ตราไว้ ณ วันที่ ๒๓ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๕ (พ.ศ. ๒๕๔๕) ว่าด้วยการโอนอำนาจหน้าที่ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ


สมัยรัตนโกสินทร์ 399 บันทึกหลักการและเหตุ ประกอบกฎมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการโอนอำ นาจหน้าที่ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นอำ นาจหน้าที่ของสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ————————— หลักการ โอนกิจการบริหารและอำ นาจหน้าที่ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นของสำ นักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เหตุผล ด้วยได้มีพระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัติให้สอดคล้องกับการโอนอำ นาจหน้าที่ ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำ นาจหน้าที่ของส่วนราชการ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ กำ หนดให้มีสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้โอนบรรดากิจการ อำ นาจ หน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพัน ข้าราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของกระทรวง ศึกษาธิการในส่วนของกรมการศาสนา เฉพาะส่วนราชการที่เกี่ยวกับกิจการคณะสงฆ์มาเป็น ของสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติและ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น จึงจำ เป็นต้องตรากฎมหาเถรสมาคมนี้


400 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ *ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๙๐ ตอนที่ ๑๒ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๕ (พ.ศ. ๒๕๔๕) ว่าด้วยการโอนอำ นาจหน้าที่ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นอำ นาจหน้าที่ของสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ* ————————— อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๑๕ ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมตรา กฎมหาเถรสมาคมไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ กฎมหาเถรสมาคมนี้ เรียกว่า “กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๕ (พ.ศ. ๒๕๔๕) ว่าด้วยการโอนอำ นาจหน้าที่ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นอำ นาจหน้าที่ ของสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ข้อ ๒ กฎมหาเถรสมาคมนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในแถลงการณ์ คณะสงฆ์เป็นต้นไป ข้อ ๓ ในกฎมหาเถรสมาคมทุกกฎ ให้แก้ไขคำ ว่า “กรมการศาสนา” เป็น “สำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” และคำว่า “อธิบดีกรมการศาสนา” เป็น “ผู้อำ นวยการ สำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ตราไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ สมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม


แจ้งความสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ใช้ตราประจำตำแหน่งในคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๗ และ พ.ศ. ๒๕๐๙


402 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์


สมัยรัตนโกสินทร์ 403


404 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์


สมัยรัตนโกสินทร์ 405


406 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์


สมัยรัตนโกสินทร์ 407


408 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ดรรชนี ก กฎพระสงฆ์ ๘, ๙ กฎมหาเถรสมาคม ๑๔, ๓๘, ๔๑, ๔๓, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙, ๕๕, ๕๗, ๕๘, ๖๐, ๖๔, ๖๕, ๖๖, ๖๗, ๙๗, ๙๘, ๑๐๐, ๑๐๕, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๐, ๑๑๑, ๑๑๕, ๑๑๖, ๑๑๙, ๒๔๕, ๒๕๐, ๒๕๓, ๒๗๐, ๒๗๑, ๒๗๒, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๑, ๓๑๐, ๓๑๒ กฎหมาย ๘, ๑๔, ๑๕, ๑๘, ๒๐, ๒๕, ๒๗, ๒๘, ๓๐, ๓๖, ๓๘, ๔๑, ๔๕, ๕๒, ๕๘, ๕๙, ๖๐, ๗๒, ๗๓, ๗๔, ๘๓, ๘๗, ๘๘, ๙๒, ๙๕, ๙๖, ๙๘, ๑๐๐, ๑๐๕, ๑๐๖, ๑๑๐, ๑๑๘, ๑๑๙, ๑๒๐, ๑๒๘, ๑๕๘, ๒๒๑, ๒๕๓, ๒๗๑, ๒๘๐, ๒๘๔, ๒๙๕, ๒๙๗, ๓๐๑, ๓๑๒ กรรมการมหาเถรสมาคม ๓๖, ๓๘, ๔๑, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๕๑, ๘๓, ๘๔, ๘๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๓, ๑๐๔, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๑๙, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๖๔, ๑๗๕, ๑๙๑, ๒๒๙, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๙, ๒๖๐, ๒๖๑, ๒๖๒, ๒๖๓, ๒๖๔, ๒๖๙, ๒๗๙, ๓๑๒, ๓๑๓ การปกครองคณะสงฆ์ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๐, ๑๑, ๑๒, ๑๔, ๑๗, ๑๘, ๒๐, ๒๑, ๒๓, ๒๕, ๒๖, ๒๗, ๒๘, ๒๙, ๓๓, ๓๕, ๓๙, ๔๐, ๔๓,


สมัยรัตนโกสินทร์ 409 ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๕๑, ๕๒, ๕๕, ๕๘, ๕๙, ๖๐, ๖๔, ๖๕, ๘๔, ๘๘, ๙๕, ๑๐๗, ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๘, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๘, ๑๓๐, ๑๓๒, ๑๓๗, ๑๔๒, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๕๕, ๑๕๖, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๘๙, ๑๙๑, ๒๔๕, ๒๔๖, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๙, ๒๗๐, ๒๗๑, ๒๘๐, ๒๘๔, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๑๐, ๓๑๒ การปกครองคณะสงฆ์ส่วนกลาง ๑๙, ๔๖, ๑๐๘ การปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ๒๐, ๔๓, ๑๐๙ ข เขตปกครองคณะสงฆ์ ๒๒, ๔๖, ๕๓, ๕๔, ๑๐๘, ๒๗๐, ๒๗๑, ๓๐๐ ค คณะกลาง ๑๐, ๑๙, ๒๐, ๒๒, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๔๙, ๒๗๔, ๒๗๖ คณะคามวาสี ๓, ๔, ๑๓๔ คณะคามวาสีฝ่ายขวา ๕, ๙, ๑๐, ๑๓๕, ๑๓๖, ๑๓๗, ๑๓๘, ๑๓๙, ๒๔๖ คณะคามวาสีฝ่ายซ้าย ๕, ๙, ๑๐, ๑๓๕, ๑๓๖, ๑๓๗, คณะใต้ ๑๐, ๑๙, ๒๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๒๕๑ คณะป่าแก้ว ๔, ๕, ๑๓๕, ๑๓๖ คณะสงฆ์ ๑, ๒, ๔, ๕, ๖, ๙, ๑๐, ๑๑, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๗, ๑๘, ๑๙, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๓, ๒๕, ๒๖, ๒๗, ๒๘, ๒๙, ๓๐, ๓๑, ๓๒,


410 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ๓๕, ๓๖, ๓๘, ๓๙, ๔๐, ๔๑, ๔๒, ๔๓, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙, ๕๐, ๕๒, ๕๔, ๕๕, ๕๖, ๕๗, ๕๘, ๕๙, ๘๒, ๘๓, ๘๕, ๘๖, ๘๘, ๙๐, ๙๖, ๙๗, ๙๘, ๑๐๐, ๑๐๕, ๑๐๗, ๑๑๗, ๑๑๘, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๖, ๑๒๗, ๑๒๘, ๑๓๒, ๑๓๔, ๑๓๕, ๑๓๗, ๑๔๑, ๑๔๒, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๕๕, ๑๕๖, ๑๖๓, ๑๖๔, ๑๘๙, ๒๒๓, ๒๒๙, ๒๓๔, ๒๔๕, ๒๔๗, ๒๕๐, ๒๕๒, ๒๗๑, ๓๑๓ คณะเหนือ ๑๐, ๑๙, ๒๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๒๕๑ คณะอรัญวาสี ๓, ๔, ๕, ๙, ๑๐, ๑๓๕, ๑๓๗,๑๓๘, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๔๙ คณะธรรมยุติกนิกาย ๑๓, ๔๕, ๑๔๘, ๒๗๙ คณะธรรมยุต ๑๓, ๒๐, ๒๒, ๒๘, ๔๗, ๘๓, ๑๔๖, ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๕๙, ๑๖๐, ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๗๖, ๒๗๑, ๒๗๙ จ เจ้าคณะกลาง ๑๐, ๑๓๘, ๑๔๕ เจ้าคณะแขวง ๒๐, ๒๓, ๒๕๓, ๑๕๔, ๑๕๕, ๒๒๑, ๒๓๒, ๒๔๖, ๒๙๖ เจ้าคณะจังหวัด ๒๓, ๒๗, ๓๑, ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๕๔, ๕๖, ๕๘, ๕๙, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๒๐๐, ๒๒๙, ๒๓๓, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๙, ๒๔๖, ๒๕๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒


สมัยรัตนโกสินทร์ 411 เจ้าคณะตรวจการภาค ๒๗, ๕๖ เจ้าคณะตำ บล ๒๗, ๓๑, ๓๒, ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๕๔, ๕๖, ๕๗, ๕๘, ๕๙, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๒๐๐, ๒๒๙, ๒๓๔, ๒๓๗, ๒๔๐, ๒๔๖, ๒๕๐, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๙, ๓๑๑, ๓๑๒ เจ้าคณะธรรมยุต ๑๑, ๔๖, ๒๗๑ เจ้าคณภาค ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๕๔, ๕๘, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๑๒๒, ๒๒๙, ๒๔๖, ๒๕๐, ๒๗๒, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๑, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒, ๓๑๓ เจ้าคณะมณฑล ๒๐, ๒๒, ๑๕๔, ๒๒๐, ๒๓๒, ๒๔๖ เจ้าคณะเมือง ๗, ๒๐, ๒๓, ๑๔๒, ๑๕๒, ๑๕๔, ๒๒๑, ๒๓๒, ๒๕๑ เจ้าคณะหมวด ๒๓, ๑๕๔, ๑๕๕, ๒๒๑, ๒๔๖, ๓๐๐ เจ้าคณะใหญ่ ๕, ๑๐, ๑๓, ๑๘, ๑๙, ๒๐, ๒๒, ๒๘, ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๕๓, ๕๕, ๕๘, ๖๐, ๘๓, ๑๐๘, ๑๑๙, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๓๗, ๑๓๘, ๑๓๙, ๑๔๐, ๑๔๑, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๑, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๖๓, ๑๗๖, ๒๒๙,๒๓๑, ๒๓๒, ๒๔๖, ๒๕๐, ๒๗๐, ๒๗๑, ๒๗๒, ๒๗๓, ๒๗๔, ๒๗๕, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๓๐๐, ๓๑๒


412 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ เจ้าคณะอำ เภอ ๒๗, ๓๑, ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๕๔, ๕๖, ๕๘, ๕๙, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๒๑, ๒๒๙, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๙, ๒๔๖, ๒๕๐, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๓๐๙, ๓๑๑, ๓๑๒ เจ้าอธิการ ๑๕๔, ๒๒๑, ๒๙๖, ๓๐๐ เจ้าอาวาส ๕, ๖, ๑๓, ๒๐, ๒๓, ๒๗, ๓๒, ๔๒, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๕๔, ๕๖, ๕๗, ๕๘, ๕๙, ๖๒, ๖๓, ๘๓, ๑๐๙, ๑๑๒, ๑๑๔, ๑๑๕, ๑๑๖, ๑๒๐, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๗๕, ๑๗๖, ๑๗๗, ๑๙๐, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๒๑, ๒๒๙, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๑, ๒๕๐, ๒๗๒, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๙๗, ๓๐๑, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒, ๓๑๓ ฐ ฐานานุกรม ๑๓๗, ๑๓๙, ๑๔๑, ๑๕๔, ๑๖๓, ๑๗๔, ๑๘๙, ๑๙๐, ๒๐๐, ๒๐๑, ๒๐๒, ๒๑๑, ๒๑๒, ๒๑๓, ๒๑๔, ๒๒๐, ๒๒๑, ๒๓๑, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๘, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๙ ป ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ๙๐, ๙๒, ๙๓ ประมุขสงฆ์ ๔, ๕, ๑๐, ๒๒, ๒๙, ๓๘, ๕๒, ๑๓๑, ๑๓๓, ๑๓๖, ๑๖๔, ๒๔๙, ๒๕๒


สมัยรัตนโกสินทร์ 413 เปรียญ ๑๓, ๒๗, ๓๐, ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๙, ๑๕๑, ๑๕๓, ๑๕๖, ๑๖๓, ๑๙๐, ๒๐๑, ๒๒๑, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๒๕, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๘, ๒๓๙ เปรียญธรรม ๖๒, ๖๓, ๑๖๓, ๑๘๙, ๑๙๐, ๒๒๐, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๑, ๒๔๖, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐ ผ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ๓๒, ๕๔, ๕๕, ๕๖, ๕๗, ๕๘, ๖๐, ๖๓, ๑๐๙, ๑๑๔, ๑๗๗, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๕๐, ๒๘๐, ๓๐๑, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ๕๑, ๗๑, ๗๓, ๗๔, ๗๕, ๗๖, ๗๗, ๗๘, ๗๙, ๘๐, ๘๑, ๘๒, ๘๔, ๘๕, ๘๖, ๘๗, ๘๘, ๘๙, ๙๐, ๙๒, ๑๐๐, ๑๐๑, ๒๕๓, ๒๕๙, ๒๖๑, ๒๗๙ พ พระคณาจารย์ ๒๗, ๓๐, ๖๒, ๖๓, ๒๘๒, ๒๘๕, ๒๙๕, ๒๙๗ พระคณาธิการ ๑๔, ๓๑, ๓๒, ๕๕, ๕๖, ๕๗, ๕๘ พระครู ๒, ๕, ๖, ๗, ๖๓, ๑๒๙, ๑๓๐, ๑๓๒, ๑๓๖, ๑๓๗, ๑๓๙, ๑๔๐, ๑๔๒, ๑๔๕, ๑๔๙, ๑๕๑, ๑๕๒, ๑๕๓, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๖๓, ๑๙๑, ๒๐๑, ๒๐๒, ๒๒๕, ๒๓๒, ๒๔๘


414 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ พระครูฐานานุกรม ๑๗๔, ๑๘๙, ๑๙๐, ๒๒๐, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๔๐, ๒๔๙ พระครูประทวน ๒๒๕, ๒๔๙ พระครูสัญญาบัตร ๖๓, ๑๖๓ ๑๙๐, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๑๓, ๒๒๑, ๒๒๕, ๒๓๑, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๕, ๒๔๘, ๒๙๖, ๓๑๐, ๓๑๑ พระพุทธศาสนา ๑, ๒, ๔, ๖, ๓๖, ๔๑, ๔๒, ๕๒, ๕๓, ๕๙, ๘๒, ๘๓, ๙๖, ๑๐๕, ๑๒๐, ๑๒๖, ๑๒๗, ๑๒๘, ๑๒๙, ๑๓๑, ๑๓๔, ๑๔๑, ๑๔๒, ๒๒๘, ๒๔๔, ๒๕๐, ๒๕๑, ๒๗๑, ๒๘๐, ๒๘๔, ๒๙๕, ๒๙๗ พระมหาเถรสังฆราช ๒ พระมหาสามีสังฆราช ๓, ๒๔๗, ๒๔๘ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ๑๔, ๑๕, ๒๑, ๒๕, ๒๖, ๒๘, ๒๙, ๓๕, ๓๖, ๓๘, ๓๙, ๔๐, ๔๑, ๔๒, ๔๓, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙, ๕๐, ๕๒, ๕๕, ๕๗, ๕๘, ๕๙, ๗๑, ๗๒, ๗๔, ๗๕, ๗๖, ๗๗, ๗๘, ๗๙, ๘๐, ๘๑, ๘๒, ๘๔, ๘๖, ๘๗, ๘๘, ๘๙, ๙๐, ๙๑, ๙๒, ๙๕, ๙๖, ๙๗, ๙๘, ๙๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๒, ๑๐๓, ๑๐๔, ๑๐๕, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๐, ๑๑๑, ๑๑๒, ๑๑๓, ๑๑๔, ๑๑๕, ๑๑๖, ๑๑๗, ๑๑๘, ๑๑๙, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๕๖, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๖๓, ๑๖๔, ๑๗๕, ๒๔๕, ๒๕๐, ๒๕๒, ๒๕๔, ๒๕๙, ๒๖๓, ๒๖๙, ๒๘๐, ๒๘๔, ๒๘๙, ๒๙๖, ๓๐๑, ๓๑๒


สมัยรัตนโกสินทร์ 415 พระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ๑๔, ๑๕, ๑๗, ๑๘, ๑๙, ๒๑, ๒๓, ๒๕, ๒๖, ๒๘, ๙๕, ๑๔๘, ๑๕๖, ๑๕๘, ๒๒๐, ๒๕๘ พระราชาคณะ ๕, ๗, ๑๓, ๑๘, ๑๙, ๒๐, ๒๓, ๓๐, ๓๘, ๔๑, ๕๒, ๖๒, ๖๓, ๙๘, ๑๐๔, ๑๒๘, ๑๓๖, ๑๓๗, ๑๓๘, ๑๓๙, ๑๔๐, ๑๔๑, ๑๔๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๑, ๑๕๒, ๑๕๓, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๕๖, ๑๕๘, ๑๕๙, ๑๖๓, ๑๗๔, ๑๘๙, ๑๙๐, ๒๐๐, ๒๐๑, ๒๐๒, ๒๑๑, ๒๑๒, ๒๑๓, ๒๑๔, ๒๒๐, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๒๙, ๒๓๐, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๕, ๒๓๗, ๒๓๘, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๑, ๒๔๕, ๒๔๖, ๒๔๘, ๒๔๙, ๒๕๑, ๒๕๙, ๒๖๐, ๒๖๓, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๓ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ๒๒, ๑๔๐, ๑๕๑, ๑๕๘, ๑๖๓, ๑๘๙, ๒๒๙, ๒๓๐, ๒๓๓, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๘, ๒๔๐, ๒๔๘, ๒๕๙ พระสังฆาธิการ ๑๔, ๔๔, ๕๓, ๕๕, ๕๗, ๕๘, ๕๙, ๖๐, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๖๓, ๑๙๐, ๑๙๑, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๒, ๒๗๐, ๒๗๒, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๑, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒, ๓๑๓ พระอธิการ ๑๕๔, ๒๒๑, ๒๓๒ พระอารามหลวง ๑๐, ๖๓, ๑๕๑, ๑๗๔, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๑๑, ๒๑๒, ๒๒๓, ๒๒๘, ๒๒๙, ๒๓๐, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๔๑,


416 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ๒๕๕, ๒๕๖, ๒๗๒, ๒๗๓, ๒๗๔, ๒๗๕, ๒๗๖, ๒๗๙, ๒๘๐, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒, ๓๑๓ ม มหาเถรสมาคม ๑๔, ๑๙, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๘, ๓๕, ๓๖, ๓๘, ๓๙, ๔๐, ๔๑, ๔๒, ๔๓, ๔๔, ๔๕, ๔๖, ๔๗, ๔๘, ๔๙, ๕๐, ๕๑, ๕๒, ๕๓, ๕๕, ๕๗, ๕๘, ๖๐, ๖๔, ๖๕, ๖๖, ๖๗, ๖๘, ๘๒, ๘๓, ๘๔, ๘๕, ๘๖, ๘๙, ๙๐, ๙๒, ๙๖, ๙๗, ๙๘, ๙๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๒, ๑๐๓, ๑๐๔, ๑๐๕, ๑๐๖, ๑๐๗, ๑๐๘, ๑๐๙, ๑๑๐, ๑๑๑, ๑๑๔, ๑๑๕, ๑๑๖, ๑๑๙, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๔๑, ๑๔๕, ๑๕๘, ๑๖๓, ๑๖๔, ๑๗๕, ๑๙๑, ๒๒๙, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๕, ๒๔๕, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๔, ๒๕๘, ๒๕๙, ๒๖๐, ๒๖๑, ๒๖๒, ๒๖๓, ๒๖๔, ๒๖๙, ๒๗๐, ๒๗๑, ๒๗๒, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๑, ๓๑๐, ๓๑๒, ๓๑๓ มหานิกาย ๙๐, ๑๕๘, ๑๕๙, ๑๖๐, ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๗๕, ๑๗๖, ๑๗๗, ๒๕๙, ๒๖๐, ๒๖๑, ๒๖๒, ๒๖๓, ๒๗๑ มหาสังฆนายก ๑๕๔, ๑๕๕, ๒๓๒, ๒๔๖ มหาสังฆปาโมกข์ ๒๔๖


สมัยรัตนโกสินทร์ 417 ร รองเจ้าคณะแขวง ๒๓, ๑๕๕, ๒๓๒ รองเจ้าคณะจังหวัด ๕๔, ๕๘, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๒๐๐, ๒๓๓, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๙, ๒๕๐, ๒๘๔, ๒๘๕, ๓๑๒ รองเจ้าคณะตำ บล ๕๔, ๕๘, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๖๘, ๑๐๙, ๒๕๐, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๙, ๓๑๑, ๓๑๒ รองเจ้าคณะภาค ๕๔, ๕๘, ๖๒, ๖๔, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๒๓๕, ๒๓๙, ๒๕๐, ๒๘๐, ๒๘๓, ๒๘๔, ๓๑๒ รองเจ้าคณะมณฑล ๒๒, ๑๕๔, ๒๓๒ รองเจ้าคณะเมือง ๒๓, ๑๕๔, ๒๓๒ รองเจ้าคณะอำ เภอ ๕๔, ๕๘, ๖๒, ๖๕, ๖๗, ๑๐๙, ๒๐๐, ๒๓๔, ๒๓๗, ๒๔๐, ๒๕๐, ๒๘๙, ๒๙๕, ๒๙๖, ๓๐๙, ๓๑๑, ๓๑๒ รองเจ้าอาวาส ๒๓, ๓๒, ๕๔, ๕๖, ๕๘, ๖๐, ๑๐๙, ๑๑๔, ๑๕๕, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๙, ๒๔๐, ๒๕๐, ๒๘๐, ๓๐๑, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒ ล ลังกา ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๑๒๙, ๑๓๐, ๑๓๓, ๑๓๔, ๑๓๕, ๑๔๖, ๒๔๗, ๒๔๘, ๒๕๐, ๒๕๑ ลังกาวงศ์ ๒, ๓, ๔, ๕, ๑๒๕, ๑๒๙, ๑๓๑, ๑๓๔, ๑๓๕, ๒๔๗, ๒๔๘, ๒๕๐


418 ตำแหน่งการปกครองคณะสงฆ์ไทยกับระบบสมณศักดิ์ ส สกลมหาสังฆปริณายก ๑๔, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๖, ๒๙, ๓๖, ๓๘, ๕๒, ๗๑, ๗๖, ๗๘, ๘๒, ๘๓, ๘๖, ๙๐, ๙๒, ๙๓, ๙๖, ๑๐๐, ๑๕๕, ๑๕๙, ๑๖๔, ๑๖๗, ๑๗๔, ๑๙๑, ๒๒๘, ๒๓๒, ๒๕๐, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๕, ๒๕๖, ๒๗๐ สมณศักดิ์ ๖, ๗, ๑๑, ๑๓, ๑๙, ๒๗, ๔๐, ๔๑, ๕๐, ๖๐, ๖๒, ๖๓, ๗๓, ๘๒, ๘๕, ๙๐, ๙๖, ๙๘, ๙๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๖, ๑๑๙, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๒๕, ๑๒๖, ๑๒๗, ๑๒๘, ๑๒๙, ๑๓๐, ๑๓๒, ๑๓๓, ๑๓๔, ๑๓๗, ๑๔๐, ๑๔๑, ๑๔๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๕, ๑๔๖, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑, ๑๕๒, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๕๖, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๖๒, ๑๖๓, ๑๖๔, ๑๗๕, ๑๘๙, ๑๙๐, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๐๑, ๒๒๑, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๒๕, ๒๒๘, ๒๒๙, ๒๓๐, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๔, ๒๓๕, ๒๓๘, ๒๔๑, ๒๔๕, ๒๔๖, ๒๔๗, ๒๔๘, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๔, ๒๕๙, ๒๖๓, ๒๗๒, ๒๗๙, ๒๘๓, ๒๘๔, ๒๘๕, ๒๙๕, ๒๙๖, ๒๙๗, ๓๐๐, ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๑, ๓๑๒, ๓๑๓ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ๑๑, ๑๗, ๑๙, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๒, ๑๕๖, ๑๖๔, ๑๖๕, ๑๗๔, ๒๐๒, ๒๒๘, ๒๓๑, ๒๕๗ สมเด็จพระราชาคณะ ๑๘, ๒๒, ๓๘, ๔๐, ๔๑, ๕๑, ๕๒, ๖๐, ๗๒, ๗๓, ๗๔, ๗๕, ๗๖, ๗๗, ๗๙, ๘๐, ๘๑, ๘๒, ๘๔, ๘๕,


สมัยรัตนโกสินทร์ 419 ๘๘, ๘๙, ๙๐, ๙๑, ๙๒, ๙๘, ๙๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๒, ๑๐๖, ๑๔๔, ๑๔๗, ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑, ๑๕๒, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๕๙, ๑๖๐, ๑๖๑, ๑๖๓, ๑๖๔, ๑๗๕, ๑๗๖, ๑๘๙, ๒๐๑, ๒๑๓, ๒๒๐, ๒๒๙, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๘, ๒๓๙, ๒๔๘, ๒๔๙, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๔, ๒๕๙, ๒๖๓, ๒๗๒, ๒๗๙, ๓๑๓ สมเด็จพระสังฆราช ๕, ๖, ๗, ๑๐, ๑๒, ๑๔, ๑๙, ๒๐, ๒๑, ๒๒, ๒๖, ๒๗, ๒๘, ๒๙, ๓๒, ๓๖, ๓๘, ๔๐, ๔๑, ๔๓, ๕๐, ๕๑, ๕๒, ๗๑, ๗๒, ๗๓, ๗๔, ๗๕, ๗๖, ๗๗, ๗๘, ๗๙, ๘๐, ๘๑, ๘๒, ๘๓, ๘๔, ๘๕, ๘๖, ๘๗, ๘๘, ๘๙, ๙๐, ๙๑, ๙๒, ๙๓, ๙๔, ๙๖, ๙๗, ๙๘, ๙๙, ๑๐๐, ๑๐๑, ๑๐๒, ๑๐๓, ๑๐๔, ๑๐๗, ๑๑๘, ๑๒๐, ๑๒๑, ๑๒๒, ๑๓๐, ๑๓๑, ๑๓๒, ๑๓๓, ๑๓๕, ๑๓๖, ๑๔๐, ๑๔๑, ๑๔๒, ๑๔๓, ๑๔๔, ๑๔๖, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑, ๑๕๒, ๑๕๔, ๑๕๕, ๑๕๗, ๑๕๘, ๑๕๙, ๑๖๑, ๑๖๔, ๑๖๕, ๑๖๖, ๑๖๗, ๑๗๔, ๑๗๕, ๑๘๙, ๑๙๐, ๑๙๑, ๒๐๐, ๒๐๑, ๒๑๑, ๒๑๒, ๒๑๓, ๒๑๔, ๒๒๐, ๒๒๕, ๒๒๘, ๒๓๑, ๒๓๒, ๒๓๓, ๒๓๔, ๒๓๕, ๒๓๖, ๒๓๗, ๒๓๘, ๒๔๐, ๒๔๖, ๒๔๘, ๒๔๙, ๒๕๐, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๔, ๒๕๕, ๒๕๖, ๒๕๗, ๒๕๘, ๒๕๙, ๒๖๑, ๒๖๓, ๒๖๔, ๑๗๑, ๒๗๒, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๔, ๒๙๕, ๒๙๗, ๓๑๐, ๓๑๒


Click to View FlipBook Version