The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ying4468420, 2022-09-21 11:02:41

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

๓๙๖

กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มงุ่ ให้ผู้เรยี นได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบดา้ นเพ่ือความ
เปน็ มนุษยท์ ่สี มบูรณ์ ทง้ั ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสงั คม เสรมิ สร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จรยิ ธรรม มี
ระเบยี บวินัย ปลูกฝงั และสร้างจติ สานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้และอยู่
ร่วมกับผอู้ ่นื อย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ดงั นี้

๑. กิจกรรมแนะแนว
เป็นกิจกรรมทส่ี ่งเสริมและพัฒนาผเู้ รียนให้รูจ้ ักตนเอง รรู้ กั ษส์ งิ่ แวดล้อม สามารถคิดตดั สนิ ใจ

คดิ แกป้ ัญหา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวติ ทง้ั ด้านการเรยี น และอาชพี สามารถปรับตนไดอ้ ย่างเหมาะสม
นอกจากนย้ี งั ชว่ ยให้ครูรจู้ กั และเข้าใจผเู้ รียน ท้ังยงั เป็นกิจกรรมท่ชี ่วยเหลอื และให้คาปรกึ ษาแก่ผปู้ กครองใน
การมีสว่ นร่วมพัฒนาผู้เรียน

๒. กจิ กรรมนักเรยี น
เป็นกจิ กรรมทีม่ ุ่งพัฒนาความมีระเบยี บวินยั ความเป็นผู้นาผูต้ ามทดี่ ี ความรับผดิ ชอบ

การทางานร่วมกนั การรู้จักแก้ปญั หา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้อ
อาทร และสมานฉนั ท์ โดยจดั ใหส้ อดคล้องกบั ความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผู้เรียน ใหไ้ ด้
ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ไดแ้ ก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมนิ และปรบั ปรงุ
การทางาน เนน้ การทางานรว่ มกนั เป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวฒุ ภิ าวะของผเู้ รียน
บรบิ ทของสถานศึกษาและท้องถ่ิน กิจกรรมนกั เรียนประกอบด้วย

๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร
๒.๒ กจิ กรรมชมุ นุม ชมรม
๓. กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์
เปน็ กจิ กรรมทส่ี ่งเสริมให้ผเู้ รียนบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ สงั คม ชมุ ชน และท้องถิ่นตาม
ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถงึ ความรบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มจี ติ
สาธารณะ เชน่ กิจกรรมอาสาพฒั นาตา่ ง ๆ กจิ กรรมสร้างสรรคส์ ังคม

ระดบั การศึกษา
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน จัดระดบั การศึกษาเปน็ ๓ ระดบั ดงั นี้
๑. ระดับประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๖) การศกึ ษาระดับนเ้ี ปน็ ช่วงแรกของการศึกษา

ภาคบังคับ มุ่งเน้นทักษะพ้ืนฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคานวณ ทักษะการคิดพ้ืนฐาน การ
ติดต่อส่ือสาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพ้ืนฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่าง
สมบูรณ์และสมดุลท้ังในด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรู้แบบ
บรู ณาการ

๒. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓) เป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษาภาค
บังคับ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้สารวจความถนัดและความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตน
มีทักษะในการคิดวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ และคิดแก้ปัญหา มีทักษะในการดาเนินชีวิต มีทักษะการใช้
เทคโนโลยีเพ่ือเป็นเครอื่ งมือในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความสมดลุ ท้ังดา้ นความรู้ ความคิด

๓๙๗

ความดีงาม และมีความภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนใช้เป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพหรือการศึกษา
ต่อ

๓. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔ – ๖) การศึกษาระดับน้ีเน้นการเพ่ิมพูน
ความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคนท้ังด้าน
วิชาการและวิชาชพี มีทกั ษะในการใช้วิทยาการและเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคดิ ขั้นสูง สามารถนาความรู้
ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและประเทศตามบทบาท
ของตน สามารถเปน็ ผู้นา และผู้ให้บริการชมุ ชนในดา้ นต่าง ๆ

โครงสร้างเวลาเรียน

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน กาหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาเรียน ดงั นี้

กลุ่มสาระการเรยี นร้/ู เวลาเรียน
กจิ กรรม
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
รายวิชา ๘ กลุ่มสาระ
รวมเวลาเรยี น ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ – ๖
(พนื้ ฐาน)
๘8๐ ๘8๐ ๘8๐ ๑,640
 กิจกรรมพฒั นา (๒2 นก.) (๒2 นก.) (๒2 นก.) (41 นก.)
ผู้เรยี น
รายวิชา / กจิ กรรม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐
ที่สถานศกึ ษาจัด
เพ่ิมเติมตามความ ปีละไมน่ ้อยกวา่ ๒0๐ ชั่วโมง ไม่น้อยกวา่
พร้อมและจุดเนน้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑,๒๐๐ ชว่ั โมง/ปี ๑,600 ช่ัวโมง

รวมเวลาเรียนท้งั หมด รวม ๓ ปี
ไมน่ อ้ ยกวา่
๓,๖๐๐ ช่วั โมง

กรอบโครงสรา้ งเวลาเรยี นตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551

โครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน ซ่ึงระบุการจัด
เวลาเรียนของแต่ละกลุม่ สาระการเรยี นรู้ เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ส่วนรายวิชา
เพ่ิมเติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาสามารถจัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และ บริบท
ของสถานศกึ ษาโดยการกาหนดเวลาเรยี นในแต่ละระดบั การศึกษา ซ่ึงสรปุ ไดด้ งั น้ี

ระดับประถมศึกษา : กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8
กลุ่ม มีเวลาเรียนรวม 840 ช่ัวโมงต่อปี กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 120 ชั่วโมงต่อปี และรายวิชา/กิจกรรมที่
สถานศึกษาจัดเพ่ิมติมตามความพร้อมและจุดน้นไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อปี รวมไม่น้อยกว่า 1,000
ชวั่ โมงตอ่ ปี

๓๙๘

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น : กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับกลุม่ สาระการเรยี นรู้
8 กลุ่ม มีเวลาเรียนรวม 880 ชั่วโมงต่อปี (22 หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 120 ชั่วโมงต่อปี และ
รายวิชา/กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพ่ิมเติมตามความพร้อมและจุดเน้นปีละไม่น้อยกว่า 200 ช่ัวโมงต่อปี
รวมไมน่ อ้ ยกวา่ 1,200 ช่ัวโมงตอ่ ปี

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : กาหนดกรอบโครงสร้งเวลาเรียนพื้นฐานสาหรับกลุ่มสาระการ
เรียนรู้ 8 กลุ่ม มีเวลาเรียนรวม 3 ปี จานวน 1,640 ชั่วโมง (41 หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 360
ชัว่ โมง และ รายวิชา/กิจกรรมท่สี ถานศึกษาจัดเพม่ิ เติมตามความพร้อมและจุดน้ันปลี ะไม่น้อยกว่า 1,600
ชว่ั โมง (40 หนว่ ยกิต) รวม 3 ปี ไมน่ อ้ ยกว่า 3,600 ช่ัวโมง

การกาหนดโครงสรา้ งเวลาเรยี นพนื้ ฐาน และเพิ่มเติม สถานศกึ ษาสามารถดาเนินการ ดังน้ี
ระดับประถมศกึ ษา สามารถปรับเวลาเรียนพืน้ ฐานของแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ได้ตาม

ความเหมาะสม ท้ังน้ี ตอ้ งมีเวลาเรียนรวมตามทีก่ าหนดไวใ้ นโครงสรา้ งเวลาเรียนพื้นฐาน และผ้เู รียนต้องมี
คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั ทก่ี าหนด

ระดับมัธยมศึกษา ต้องจัดโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานให้เป็นไปตามท่ีกาหนดและ
สอดคลอ้ งกับเกณฑก์ ารจบหลักสตู ร

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่กาหนดไว้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ปีละ ๑๒๐

ช่ัวโมง และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ จานวน ๓๖๐ ชั่วโมงน้ัน เป็นเวลาสาหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว

กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ในส่วนกิจกรรมเพ่ือสังคมและ

สาธารณประโยชนใ์ หส้ ถานศึกษาจัดสรรเวลาให้ผ้เู รยี นได้ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดงั นี้

ระดบั ประถมศกึ ษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ช่วั โมง

ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม.๑-๓) รวม ๓ ปี จานวน ๔๕ ช่วั โมง

ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔-๖) รวม ๓ ปี จานวน ๖๐ ชวั่ โมง

โครงสรา้ งการจดั หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนเซกา
ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น

กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น มัธยมศึกษาปีที่ ๑ มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓
1. กจิ กรรมแนะแนว ๑๒๐ ชวั่ โมง/ปี ๑๒๐ ชว่ั โมง/ปี ๑๒๐ ชว่ั โมง/ปี

ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒
๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐

2. กจิ กรรมนักเรียน ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
2.1 กจิ กรรม ลส./ยว.

๒.๒ กจิ กรรมชุมนุม 20 20 20 20 20 20

รวม ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐

๓๙๙

ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖
กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ๑๒๐ชว่ั โมง/ปี ๑๒๐ชวั่ โมง/ปี ๑๒๐ช่ัวโมง/ปี
1. กจิ กรรมแนะแนว
ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒

๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐

2. กจิ กรรมนกั เรยี น 20 20 20 20 20 20
2.1 กจิ กรรมรกั ษา
ดินแดน 20 20 20 20 20 20
๒.๒ กิจกรรมชุมนุม
๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
3. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
สาธารณประโยชน์

รวม

หลกั สูตรกจิ กรรมแนะแนว
การจัดกจิ กรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ความสาคญั

พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีความมุ่งหมายวา่ การจัดการศกึ ษาต้องเปน็ ไปเพ่ือ
พฒั นาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณท์ ง้ั ร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้ และ คุณธรรม มีจริยธรรมและ
วัฒนธรรม ในการดารงชวี ิตสามารถอยูร่ ่วมกับผูอ้ น่ื อย่างมคี วามสขุ และกาหนดแนวการจัดการศึกษาต้องยดึ
หลกั ว่า ผูเ้ รยี นทกุ คนมคี วามสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถอื ว่าผ้เู รียนมีความสาคัญที่สดุ ใน
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและ เต็มตามศกั ยภาพ โดย
จดั เน้ือหาสาระและกจิ กรรมให้สอดคล้องกบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รยี น คานงึ ถึงความแตกต่าง
ระหวา่ งบุคคล ฝกึ ทกั ษะกระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใชใ้ น
การปอ้ งกนั แก้ไขปัญหา และเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ ดังนน้ั หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จึงกาหนดใหม้ ีสาระการเรียนรู้ ๘ กล่มุ วชิ า และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น

๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กจิ กรรมนักเรยี น เป็นกิจกรรมที่ผเู้ รียนเป็นผ้ปู ฏบิ ัติดว้ ยตนเองอยา่ งครบ

๓. กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์

๔๐๐

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมและเทคโนโลยที ี่ก่อให้เกิดผลดี และผลเสียสง่ ผล
ให้การดาเนินชวี ิต ให้สามารถดารงชวี ิตอย่ใู นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ค่ามีศกั ด์ิศรี การแนะแนวจึงมคี วามสาคัญ
ในการทาใหท้ ุกคนอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมอย่างมีความสขุ บนปรัชญา พ้ืนฐาน “การพ่งึ ตวั เอง”

ธรรมชาติ/ลกั ษณะเฉพาะ
กจิ กรรมแนะแนวเป็นกระบวนการพฒั นาและส่งเสรมิ ผ้เู รียนดว้ ยการจัดบรกิ าร และกิจกรรมที่

หลากหลายเป็นรายบุคคลและเป็นกลมุ่ โดยมุง่ ส่งเสรมิ และเติมเต็มให้ ผเู้ รียนสามารถจัดการชวี ิตของตน
ไดต้ ามความสนใจ ความถนดั และความสามารถ บนพน้ื ฐานของความเชอื่ ว่าทุกคนมีความแตกต่างกนั ทุก
คนมคี ุณคา่ สามารถพฒั นาตนเองให้เจรญิ งอกงามไดอ้ ย่างเตม็ ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล

ขอบขา่ ย
การจัดกิจกรรมแนะแนว สถานศึกษาต้องจัดทั้งบริการ และจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมท้ังด้าน

การศึกษา อาชพี ชวี ติ และสังคม เปน็ รายบคุ คลและรายกลมุ่ โดยมกี ารดาเนนิ การดงั น้ี

๑. จดั บรกิ ารครบ ๕ งาน
1. งานศกึ ษา รวบรวมขอ้ มลู
2. งานสารสนเทศ
3. งานให้คาปรึกษา
4. งานกิจกรรมส่งเสริม พัฒนา ชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี น
5. งานติดตามประเมินผล

มาตรฐานกจิ กรรมแนะแนว
มาตรฐานท่ี ๑ รจู้ กั เขา้ ใจและเหน็ คุณค่าในตนเองและผู้อ่นื
มาตรฐานท่ี ๒ มคี วามสามารถแสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศ
มาตรฐานท่ี ๓ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจและแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างเหมาะสม
มาตรฐานที่ ๔ มีความสามารถในการปรับตวั และการดารงชีวิตไดอ้ ย่างมีความสุข
มาตรฐานที่ ๕ มคี า่ นิยมที่ดี มีวินยั มคี ุณธรรม จริยธรรม
มาตรฐานท่ี ๖ มีจติ สานกึ รบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศไทย

มาตรฐานท่ี ๑ รกั และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผอู้ นื่ หมายถึง มคี วามสามารถในการรู้จักเข้าใจ
ตวั เอง ท้ังในด้านความถนดั ความสนใจ ความสามารถ จุดเด่น จดุ ด้อย นสิ ัย อารมณ์
ความภูมิใจ และเหน็ คณุ ค่าในตนเองและผู้อื่น

มาตรฐานท่ี ๒ รู้จักแสวงหาและใชข้ ้อมูลสารสนเทศ หมายถงึ มีทักษะ และวิธีการในการแสวงหา
ข้อมลู จาก แหลง่ ตา่ ง ๆ รวบรวม และจดั ระเบยี บข้อมลู สามารถจดั ระบบ กลน่ั กรอง
เลอื กใช้ข้อมูลอยา่ งฉลาด เหมาะสม และเห็นคณุ คา่ ในการใชข้ อ้ มลู สารสนเทศ

มาตรฐานที่ ๓ สามารถพัฒนาบุคลกิ ภาพและปรบั ตวั อย่ใู นสังคมได้อย่างมสี ขุ หมายถึง
สามารถกาหนดเปา้ หมาย วางแผน วเิ คราะห์ และประเมินผล ตลอดจนปรับปรุงแผนการ
ดาเนนิ งาน โดยใช้ขอ้ มลู คุณธรรมและจรยิ ธรรมเปน็ พน้ื ฐานในการตดั สินใจ

๔๐๑

มาตรฐานที่ ๔ มเี จตคตทิ ด่ี ีต่ออาชีพสุจริต หมายถึง การเขา้ ใจยอมรบั ตนเองและผู้อ่ืน มวี ฒุ ภิ าวะ
ทางอารมณ์ แสดงออกอย่างเหมาะสม มีมนุษยสัมพนั ธ์ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืน และ
ดารงชีวติ อยใู่ นสังคมได้อย่างมีความสุข

มาตรฐานท่ี ๕ มีค่านิยมท่ีดี มวี ินยั มีคุณธรรม จริยธรรม

มาตรฐานที่ ๖ มจี ติ สานึกรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว

แนวการจดั กิจกรรมนักเรียน
การจัดกิจกรรมแนะแนว สถานศึกษาต้องบริหารจัดการให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่และมีส่วน

รว่ มในการพฒั นาผ้เู รียน ให้บรรลุจดุ หมายของหลักสูตร และมาตรฐานการแนะแนวด้านผูเ้ รียน โดยจัดเวลาให้
เป็นไปตามสัดส่วนของการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น รวมท้ังการจัดบริการและกิจกรรม
นอกห้องเรียนให้ครอบคลุมท้ัง ๕ งาน และมีกิจกรรมอย่างน้อย ๙ กิจกรรม ตามแนวการจัดกิจกรรมแนะ
แนวดงั น้ี

การจัดกิจกรรมแนะแนว มีภาระงาน ๒ ลกั ษณะ คอื
1. การจดั กจิ กรรมแนะแนว
2. การจดั กจิ กรรมในและนอกห้องเรียน

การประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น กิจกรรมแนะแนว
กาหนดการวดั ผลและประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมแนะแนวโดยใชร้ ะเบียบตามหลักสูตรการศึกษา

ข้ันพน้ื ฐานวา่ ดว้ ยการวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ซึ่งมีรายละเอียดดังน้ี คือ
1. เกณฑ์และวิธีการตัดสนิ ผลการเขา้ ร่วมกจิ กรรม โดยนักเรียนจะได้รับการตดั สินผลว่าผ่าน (ผ)

การเข้าร่วมกิจกรรมต้องผา่ นการประเมนิ ดังน้ี
1.1 มีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมตลอดปกี ารศึกษา ร้อยละ 80 ของเวลาทัง้ หมด
1.2 ผ่านการเขา้ ประเมนิ จดุ ประสงค์สาคญั ของหลักสูตร และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์จาก

การเข้ารว่ มกจิ กรรม หรอื มผี ลการประเมนิ จากการเข้ารว่ มกิจกรรมตลอดปกี ารศึกษา รอ้ ยละ80 ข้ึนไป
1.3 นักเรียนท่ีมีผลการเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ผ่าน ( มผ ) จะต้องได้รับการพัฒนาจนกว่า

จะผ่านการเขา้ รว่ มกจิ กรรม และปรบั ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเปน็ ผ่าน (ผ ) ต่อไป
2. ครูผจู้ ดั กจิ กรรมแนะแนว สามารถเลือกใช้วธิ กี ารประเมินผลตามความเหมาะสมดงั ต่อไปนี้

1. แฟม้ ผลงาน
2. การประเมินสภาพจรงิ
3. การประเมนิ ตนเอง
4. การประเมินโดยกลุม่ / เพ่ือน
5. การสังเกต
6. การสัมภาษณ์
7. การเขยี นรายงาน
8. หลักฐานการเข้ารว่ มกจิ กรรม

๔๐๒

กจิ กรรมนกั เรยี น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดกจิ กรรมไว้ ๒ ประเภท คอื
๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนกั ศึกษาวิชาทหาร
๒) กิจกรรมชมุ นมุ
โรงเรียนเซกาไดจ้ ดั หลักสู้กจิ กรรมผู้เรยี น ไดแ้ ก่ ดงั นี้

ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ไดแ้ ก่ ลกู เสือ ยวุ กาชาด และชุมนมุ
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย ได้แก่ นกั ศึกษาวิชาทหารและชมุ นมุ

1. กิจกรรมลกู เสือ
สาระของกิจกรรมลูกเสือตามแนวหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

สาระกิจกรรมลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่
ลกู เสอื สามญั ร่นุ ใหญ่ คือ ลูกเสอื ทีเ่ รียนอยูใ่ นระดบั ชว่ งชั้นที่ ๓ (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ – ๓) ซง่ึ

ต้องเรยี นรกู้ จิ กรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ดงั นี้
ชน้ั ม.๑ เรียนรู้หลักสตู รกจิ กรรมลูกเสอื โลก
ชนั้ ม.๒ เรยี นรู้หลักสตู รกจิ กรรมลูกเสือช้ันพิเศษ
ชนั้ ม.๓ เรียนร้หู ลักสูตรกิจกรรมลูกเสือหลวง

สาระของหลักสูตรกิจกรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ แบ่งออกเปน็ ๑๐ หน่วยกจิ กรรมตามช่วงช้ันท่ี ๓ (ม.๑ – ๓)
หนว่ ยกิจกรรม
หนว่ ยที่ ๑ ระเบียบวนิ ัยและทักษะทางลกู เสือ
หน่วยที่ 2 ชีวิตตอ้ งสู้
หน่วยท่ี ๓ ศรทั ธายดึ มั่นชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และวฒั นธรรม
หน่วยที่ ๔ สนองพระคณุ บิดา – มารดา และผู้มีพระคุณ
หนว่ ยท่ี ๕ เทิดทูนเกยี รติคุณสถานศกึ ษา บชู าพระคณุ ครูอาจารย์
หนว่ ยท่ี ๖ เพอื่ นช่วยเพื่อน
หนว่ ยที่ ๗ ลูกเสือทัว่ โลกเปน็ พ่ีนอ้ งกนั
หนว่ ยท่ี ๘ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยแี ก้ปัญหา และพัฒนาส่งิ แวดล้อมชมุ ชน
หนว่ ยที่ ๙ สบื สานมรดก ภูมิธรรม ภมู ิปัญญาไทย
หนว่ ยที่ ๑๐ ส่คู วามเป็นเลศิ

หมายเหตุ
1. ให้บรู ณาการเน้ือหาเชิงวชิ าการของลูกเสือ กับเนื้อหาของ ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ เพ่ือเนน้
การปฏบิ ัติกิจกรรม รวมทั้งการเรยี นการสอนวชิ าชีพพเิ ศษลกู เสอื ๗๖ วิชา และ
เครื่องหมายลกู เสอื หลวง
2. ลกู เสอื สามัญรนุ่ ใหญท่ ก่ี าลังเรียนตามหลักสูตรในแตล่ ะช่วงชน้ั อาจสอบวชิ าพิเศษลูกเสอื ได้
ตามจานวนวชิ าทเี่ หมาะสม
3. วชิ าพิเศษลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่ ๗๖ วชิ า

๔๐๓

การวดั และประเมนิ ผลกจิ กรรมลกู เสอื
การวัดและการประเมินผลกจิ กรรมของลกู เสือ เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถตาม
กระบวนการของลูกเสอื และพัฒนาทางด้านคุณธรรม ความมีระเบยี บวนิ ยั ของลูกเสอื การปฏบิ ตั ติ นอยู่ใน
กรอบประเพณีอันดงี านและไมก่ ่อใหเ้ กิดความยุง่ ยากใดๆ ในการเมืองเพราะการลูกเสอื เปน็ กาลังส่วนหน่งึ
ในการสรา้ งความมัน่ คงให้แก่ประเทศชาติ ดงั นั้นการวัดและประเมนิ ผลกจิ กรรมลูกเสอื จึงควรกระทาควบคู่
ไปกับการพฒั นาหรือสร้างคุณธรรมและวนิ ัยให้ลูกเสอื และตรวจสอบการการปฏิบตั ิตนตามกฎของลกู เสือ
10 ประการอยา่ งสม่าเสมอและต่อเนื่องตลอดปกี ารศึกษา
กาหนดการวดั ผลและประเมินผลการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญ รุ่นใหญ่ โดยใช้ระเบียบตามหลกั สูตร
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 วา่ ดว้ ยการวัดและประเมินผลการจดั กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนซ่ึงมี
รายละเอียดคือ
1. เกณฑแ์ ละวธิ ีการตัดสนิ ผลการเข้ารว่ มกิจกรรม โดยนักเรียนจะได้รับการตดั สินผลการเรียนวา่
ผ่าน (ผ) การเขา้ ร่วมกจิ กรรมตอ้ งผ่านการประเมิน ดังน้ี

1.1 มเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมตลอดภาคเรยี น ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทัง้ หมด
1.2 ผ่านการเขา้ ประเมินจดุ ประสงคส์ าคัญของหลักสตู รและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
จากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมระดับคณุ ภาพ 2 ขน้ึ ไปหรือมผี ลการประเมินการเขา้ ร่วมกจิ กรรมตลอดภาคเรยี น
ร้อยละ60 ข้นึ ไป
1.3 นักเรยี นท่มี ผี ลการเข้าร่วมกจิ กรรม ไมผ่ า่ น (มผ)จะต้องไดร้ ับการพัฒนาจนกว่าจะ
ผา่ นการเข้าร่วมกิจกรรมและปรบั ผลการเข้ารว่ มกจิ กรรมเป็นผ่าน (ผ)ต่อไป
2. การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการจดั กจิ กรรมลกู เสอื / เนตรนารี สามัญรุ่นใหญ่
กาหนดการการประเมินคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงคด์ ังตอ่ ไปนี้
2.1 สนใจใฝ่รู้ ประเมินจากการเข้ารว่ มกจิ กรรมอย่างสมา่ เสมอ มคี วามสนใจใน
การปฏิบัตงิ านท่ีได้รบั มอบหมาย
2.2 ประพฤติตนดี มีสมั มาคารวะ ประเมินจากพฤตกิ รรมท้ังในชัว่ โมงการเข้ารว่ ม
กจิ กรรมและนอกเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม
2.3 เสียสละและบาเพญ็ ประโยชนต์ ่อสังคม ประเมนิ จากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของ
โรงเรยี นและช่วยเหลืองานชมุ ชนอยเู่ สมอ
2.4 รับผดิ ชอบ ประเมนิ จากความรับผิดชอบในการทางานที่ได้รับมอบหมายทัง้ ในระบบ
กลุ่มและรายบุคคล
2.5 ความมรี ะเบียบวนิ ัยในการแตง่ เครื่องแบบท้ังเครื่องแบบนกั เรียนและการแตง่ กาย
เครอื่ งแบบลกู เสือ / เนตรนารี สามญั รุน่ ใหญ่
3. การวางแผนการวดั และประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรม กาหนดแผนการวัดผลและประเมินผลตาม
หลกั สตู ร การจัดกิจกรรมลูกเสอื / เนตรนารี สามัญรุน่ ใหญ่ โดยกาหนดการประเมนิ เกณฑ์วิธีการและ
เครื่องมือ
วัดประเมินผลดังนี้
3.1 การวดั ผลและประเมนิ ผลตลอดปกี ารศึกษา กาหนดการประเมินคือ

1) การวัดและประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
2) การวัดและประเมินจดุ ประสงค์สาคัญของหลักสูตร

๔๐๔

3.2 เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์และผลการปฏบิ ตั ิงานตามเกณฑ์ระดับ
คุณภาพดังน้ี

1) ระดบั 4 หมายถึง คณุ ภาพระดบั ดีมาก
หมายถงึ การปฏิบัติงานท่ีมีคุณภาพจากผลการประเมินรอ้ ยละ 80 ข้ึนไป

2) ระดบั 3 หมายถึง คุณภาพระดับ ดี
หมายถึง การปฏบิ ตั งิ านท่มี ีคณุ ภาพจากผลการประเมินร้อยละ 70 – 79

3) ระดบั 2 หมายถงึ คุณภาพระดับ พอใช้
หมายถึง การปฏิบตั ิงานท่มี ีคุณภาพจากผลการประเมนิ ร้อยละ 60 – 69

4) ระดับ 1 หมายถงึ คุณภาพระดบั ปรบั ปรุง
หมายถึงการปฏบิ ัติงานที่มีระดับคุณภาพจากผลการประเมิน ต่ากว่าร้อยละ 60

นักเรียนทผ่ี า่ น (ผ) การประเมินตอ้ งมผี ลการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ข้ึนไป

หลกั สตู รกิจกรรมยวุ กาชาด

เพอื่ ใหก้ จิ กรรมยุวกาชาดเปน็ ไปตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ในกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน จงึ กาหนดหลกั การของกิจกรรมยุวกาชาดไว้ดังนี้

1. เปน็ กจิ กรรมท่ีสร้างพื้นฐานในการคิด ปฏบิ ัติตามหลักการกาชาดและยุวกาชาด
กฎหมายมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน รวมท้ังทักษะในการจดั การ ทักษะในการดาเนินชีวติ
สามารถคดิ เป็น ทาเปน็ และแกป้ ัญหาได้

2. มคี วามเป็นเอกภาพและมีความหลากหลายในกิจกรรม กลา่ วคอื เป็นกิจกรรมทมี่ ี
โครงสร้างหลกั สูตรยืดหยุน่ ทงั้ นเ้ี พ่ือความจาเป็นและความสอดคล้องสาหรับการพฒั นาคุณภาพชวี ิต ความ
เปน็ ไทย และความเปน็ พลเมืองดขี องชาติ

3. สามารถสนองตอบต่อสภาพความต้องการทแ่ี ท้จริงของสถานศึกษาและทอ้ งถ่ิน

วัตถุประสงคข์ องกิจกรรมยวุ กาชาด
1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะตามหลักการของกาชาดและยุวกาชาด
2. มีสุขภาพ และสมรรถภาพทดี่ ี สามารถนาความรู้ไปใช้เป็นประโยชนต์ ่อตนเองแลผูอ้ ื่น
3. มเี มตตา กรุณา และมีไมตรจี ิตตอ่ บุคคลทั่วไป
4. บาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคม และเห็นคุณค่าในการอนรุ ักษส์ ่งิ แวดล้อม
5. มีทักษะในการปฏิบตั ิกจิ กรรมและอย่รู ว่ มกับผู้อ่นื ได้อย่างมคี วามสขุ

หลักสตู รของกิจกรรมยุวกาชาด
หลักสตู รกจิ กรรมยุวกาชาด แบง่ เปน็ กิจกรรมบังคับและกิจกรรมพิเศษ
1. กิจกรรมบังคบั ประกอบด้วย 4 กลมุ่ กจิ กรรม คอื

1. กลุ่มกิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด
2. กลุ่มกิจกรรมสขุ ภาพ
3. กลมุ่ กจิ กรรมสัมพนั ธภาพและความเข้าใจอนั ดี
4. กลุม่ กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์

1. กลมุ่ กจิ กรรมกาชาดและยุวกาชาด ประกอบดว้ ย

๔๐๕

1.1 กาชาดสากล
1.2 สภากาชาดไทย
1.3 ยวุ กาชาด
กลุ่มกิจกรรมน้ีเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกยุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจใน
หลักการและอุดมการณ์ของกาชาด มีศรัทธาในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความเสียสละ เป็นคนดี มี
คุณธรรม ช่วยสร้างสรรค์สังคมเป็นผู้นาในการเผยแพร่กิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด ส่งเสริม สันติภาพ
และคุณคา่ ของความเป็นมนุษย์ รวมทง้ั กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ
2. กล่มุ กิจกรรมสขุ ภาพ ประกอบดว้ ย
2.1 สุขภาพ
2.2 การปอ้ งกันชีวติ และสุขภาพ
กลุ่มกิจกรรมนี้เป็นการจัดกิจกรรมให้สมาชิกยุวกาชาดได้ศึกษาและฝึกทักษะในการป้องกัน
ชีวิตและสุขภาพ การเสริมสร้างสมรรถภาพ มีความรู้และทักษะในการรักษาอนามัยของตนเองและ
ส่งเสริมอนามัยของผู้อ่ืน การปฐมพยาบาลและเคหะพยาบาล การเตรียมตัวป้องกันอุบัติเหตุและ
ภยนั ตรายตา่ ง ๆ เช่น เอดส์ สารเสพตดิ ฯลฯ
3. กลมุ่ กิจกรรมสมั พนั ธภาพและความเข้าใจอันดี ประกอบด้วย
3.1 ความสามคั คแี ละความพร้อมเพรียง
3.2 ความมีระเบียบวินัย
3.3 สมั พนั ธภาพและความเขา้ ใจอนั ดี
กลุ่มกิจกรรมนี้เป็นการจัดกิจกรรมให้สมาชิกยุวกาชาดได้รู้จักตนเอง มีระเบียบวินัย มี
บุคลิกภาพท่ีดี รู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นและสังคมได้ดี มีความสามัคคี มีสัมพันธภาพและความเข้าใจ
อนั ดีกบั บุคคลท่ัวไป ยอมรับความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลที่มีพื้นฐานการดารงชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่าง
กนั สามารถทางานร่วมกับผอู้ ่ืนได้อย่างมีความสุข มีการพบปะแลกเปล่ียนความคิดเห็นประสบการณ์ของ
ยวุ กาชาดทป่ี ฏบิ ตั ิงาน สร้างเสรมิ สนั ตภิ าพ ซึง่ เปน็ พนื้ ฐานการทางานในดา้ นอน่ื
4. กลุ่มกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ ประกอบด้วย
4.1 การบาเพ็ญประโยชน์
4.2 การอนุรกั ษส์ งิ่ แวดล้อม
กลุ่มกิจกรรมนี้เป็นการจัดกิจกรรมสง่ เสริมและสนบั สนนุ ให้สมาชกิ ยุวกาชาดปฏิบัติตนสนอง
ต่ออุดมการณ์และวัตถุประสงค์ของยุวกาชาด มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
และมรดกของชาติ พร้อมท่ีจะอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ปลูกฝังและฝึกฝนให้เป็นผู้มีความ
เสยี สละ บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม

2. กิจกรรมพิเศษ หมายถึง กิจกรรมที่เสริมสร้างกิจกรรมหลัก ทั้งนี้เพื่อสร้างทักษะ ความสามารถ ความ
ถนัด และความสนใจของผู้เรียนโดยเฉพาะ ซึง่ ผู้เรียนสามารถเอกเข้าร่วมกิจกรรมและเมื่อผา่ นเกณฑก์ ารให้
เครื่องหมาย ผู้เรียนจึงมีสิทธิประดับเครื่องหมายกิจกรรมพิเศษน้ัน ๆ สถานศึกษาจะต้องกาหนดกิจกรรม
เวลา จานวนครง้ั จานวนคน ตามความเหมาะสมกบั ระดบั ของสมาชิกยุวกาชาด

การวัดผลและประเมนิ ผลกจิ กรรมยุวกาชาด
การวดั ผลและประเมนิ ผลกิจกรรมยุวกาชาด มี 2 สว่ นคือ

๔๐๖

1. การวัดและประเมินผลกจิ กรรมบงั คับ เป็นการวัดและประเมนิ ผลเพ่ือใหส้ มาชกิ ยุวกาชาดผา่ น
ชว่ งชัน้ หรือจบหลกั สตู ร โดยการเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผา่ นการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา
กาหนด และมีการประเมินผลตลอดภาคเรียน โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 ประเมนิ ก่อนจดั กจิ กรรม เพื่อทราบคุณลักษณะและลกั ษณะนิสยั พน้ื ฐานของสมาชิกยุว
กาชาดแต่ละคน

ระยะท่ี 2 ประเมนิ ระหว่างจดั กิจกรรม เพื่อประเมินคณุ ลกั ษณะลักษณะนิสัย และพฤติกรรมท่ี
สมาชิกยวุ กาชาดแสดงออกเป็นประจาและต่อเนื่อง

ระยะท่ี 3 ประเมนิ หลักการจัดกจิ กรรม เพอื่ ทราบผลการพัฒนาพฤติกรรมของสมาชิกยุวกาชาด
2. การวัดผลและประเมินผลกจิ กรรมพเิ ศษ เป็นการวดั และประเมินผลเพื่อให้สมาชกิ ยวุ กาชาดมี
สิทธ์ปิ ระดบั เคร่ืองหมายกจิ กรรมพิเศษได้ เม่อื สมาชกิ ยวุ กาชาดสามารถสอบผ่านเกณฑท์ ี่สถานศึกษา
กาหนด

เกณฑก์ ารผ่านกจิ กรรม
1. กจิ กรรมบงั คบั เกณฑ์การผา่ นกจิ กรรมบังคับ มี 2 ขอ้
1. เข้ารว่ มกจิ กรรมไมน่ ้อยกว่า 80 % หรือตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
2. ผ่านจุดประสงค์ที่สาคัญของแตล่ ะกจิ กรรม
2. กิจกรรมพเิ ศษ เกณฑ์การผา่ นกจิ กรรมพิเศษศึกษาไดจ้ ากคมู่ ือการจดั กจิ กรรมพเิ ศษยุวกาชาด

กิจกรรมนักศกึ ษาวิชาทหาร
การฝึกศกึ ษาของนกั ศกึ ษาวิชาทหาร

รายละเอียดการให้คะแนน
๑. คะแนนสอบภาคปฏิบตั ิ ๖๐ คะแนน นศท. ทีม่ ีเวลาเขา้ รบั การฝกึ วชิ าทหาร ไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ
๘๐ของเวลาเรียน ทง้ั หมดทงั้ หมด ๘๐ ช้ัวโมง คือเวลาเรยี นทง้ั หมด ๘๐ ชัว่ โมง คือเวลาเรียนไมต่ า่ กวา่ ๖๔
ชั่วโมง จึงมีสทิ ธิในการสอบ ภาคปฏบิ ตั ิ ถ้านศท.คนใดขาดสอบภาคปฏิบตั จิ ะไม่ได้คะแนนนี้และไม่มสี ิทธิใน
การสอบภาคทฤษฏี รวมทั้งหมดสิทธิในการฝึกภาคสนามด้วย
๒. คะแนนสอบภาคทฤษฏี ๕๔๐ คะแนน แบ่งการดาเนินการดังน้ี

๒.๑ คะแนนเฉพาะวิชาระหว่างปี ๑๘๐ คะแนน เปน็ คะแนนท่ี นศท. ทาการสอบชว่ั โมง
สดุ ท้ายของแตล่ ะวชิ า หรอื การทารายงานเปน็ คะแนนเกบ็ สะสมไว้

๒.๒ คะแนนความขยันหมน่ั เพยี ร ๖๐ คะแนน เปน็ คะแนนที่ นศท. เขา้ รับการฝึกวิชา
ทหารครบ ๒๐ ครง้ั กจ็ ะได้คะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน ถ้าขาด ๑ ครงั้ ( ๔ ชั้วโมง ) จะถูกตัด ๑๒ คะแนน แต่
ถา้ ขาดถงึ ๕ คร้งั ( ๒๐ ช่วั โมง ) จะถูกตดั คะแนน ๖๐ คะแนน และหมดสิทธใิ นการสอบภาคปฏิบัติและ
การสอบทฤษฎี

๒.๓ คะแนนกิจกรรมพเิ ศษ ๖๐ คะแนน ได้แก่ การรับฟังปฐมนิเทศ การทากจิ กรรมในชัว่ โมง
การทากิจกรรมพิเศษ เชน่ การบรจิ าคโลหติ การบาเพญ็ สาธารณประโยชน์ การพัฒนาความสะอาดสถานที่

๒.๔ ต่างๆ รวมการเขา้ ร่วมในพิธีชุมนุมสวนสนาม เป็นตน้ คะแนนสอบภาคทฤษฎปี ลายปี
๒๔๐ คะแนน นศท. จะเข้าสอบภาคทฤษฎีปลายปีการศึกษาได้ จะต้องมีเวลาเขา้ การฝึกวชิ าทหารไมต่ า่ กว่า
รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมด ( คือต้องเข้ารบั การฝกึ วิชาทหาร๖๔ ชว่ั โมง ) และตอ้ งผ่านการสอบ
ภาคปฏบิ ตั ิแล้ว หาก นศท. คนใดขาดการสอบภาคทฤษฏี ไมว่ า่ กรณใี ดๆจะหมดสิทธกิ ารฝึกภาคสนามและ
ถอื วา่ สอบตกในปีการศึกษานั้น ๆ

๔๐๗

๓. คะแนนยิงปืน ๕๐ คะแนน นศท. ชัน้ ปีที่ ๑ และ ๒ ทาการยิงปนื ในการฝึกปกติ สาหรบั นศท.
ชัน้ ปที ี่ ๓ - ๕ ทาการยงิ ปืนในการฝกึ ภาคสนาม

๔. คะแนนฝกึ ภาคสนาม ๓๕๐ คะแนน นศท. ต้องผ่านการสอบภาคปฏิบตั กิ ารสิบภาคทฤษฎี
และมคี ุณสมบัติตามทร่ี ะเบยี บกาหนดจงึ จะเขา้ รบั การฝกึ ภาคสนามได้

การศกึ ษา ตามระเบียบและหลักสตู รการฝกึ วชิ าทหารสาหรับ นศท. ( ชาย, หญิง ) ช้นั ปที ี่ ๑ - ๕
ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ของกระทรวงกลาโหม กาหนดคะแนนเต็มตลอดปกี ารศกึ ษาไว้ ๑,๐๐๐ คะแนน แยก
ออกเปน็
- คะแนนสอบภาคปฏิบัติ ๖๐ คะแนน
- คะแนนสอบภาคทฤษฏี ๕๔๐ คะแนน

- - คะแนนเฉพาะวิชาระหว่างปี ๑๘๐ คะแนน
- - คะแนนความขยนั หมัน่ เพียร ๖๐ คะแนน
- - คะแนนกิจกรรมพเิ ศษ ๖๐ คะแนน
- - คะแนนสอบข้อเขียนปลายปี ๒๔๐ คะแนน
- คะแนนยงิ ปนื ๕๐ คะแนน
- คะแนนการฝึกภาคสนาม ๓๕๐ คะแนน
รวม ๑,๐๐๐ คะแนน

ผลการสอบ
นศท.ชาย หญงิ ชน้ั ปีท่ี ๑ - ๕ จะตอ้ งผา่ นการสอบตามขนั้ ตอน จะขาดขน้ั ตอนใดตอนหน่ึงไม่ได้ คือ

- ไมถ่ กู ตัดคะแนนคะแนนความประพฤติในความผดิ สถานต่าง ๆ เกินกว่า ๕๐ คะแนนข้นึ ไปจาก
๑๐๐ คะแนน

- มเี วลาเรยี นในการฝึกภาคปกติไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาการเรียนท้งั หมด ( เวลาทง้ั หมด
๘๐ คะแนน )

- ตอ้ งผา่ นการสอบภาคปฏบิ ตั ิ
- ต้องผา่ นการสอบภาคทฤษฎีปลายปี
- ผ่านการฝกึ ภาคสนาม
- มีคะแนนรวมทัง้ หมด รอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไป ( คะแนนทงั้ หมด ๑๐๐๐ คะแนน ) จึงจะมีสิทธิเลอ่ื น

สิทธิขณะเปน็ นักศึกษาวิชาทหาร
- นศท. ทมี่ อี ายุครบ ๑๗ ปีบรบิ ูรณ์อยา่ งเข้า ๑๘ ปี ในพทุ ธศักราชใดให้ไปแสดงตนเพ่ือลงบญั ชเี ปน็

ทหารกองเกิน ในพุทธศักราชน้ัน

- นศท.ชนั้ ปีท่ี ๑ - ๓ ถา้ ผู้ใดมีอายุ ๒๐ ปบี รบิ ูรณ์และจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการ
ทหารกองประจาการ ในปถี ัดไปตอ้ งแจง้ ใหส้ ถานศึกษาดาเนนิ การขอยกเวน้ ฯ โดยตอ้ งนาสาเนา สด.๙ และ
สาเนาทะเบียนบา้ นให้สถานศึกษาดาเนนิ การ

- นศท. ช้ันปที ่ี ๑ - ๓ เคยขอยกเวน้ ฯ ไวแ้ ลว้ แต่เม่ือโอนย้ายสถานศึกษาต้องดาเนินการขอยกเว้น
ฯ ใหม่- นศท. ช้นั ปีท่ี ๔ - ๕ มสี ทิ ธิขอผ่อนผนั การเรยี กพล โดยนาสาเนา สด.๘ ( สมดุ ประจาตัวทหาร
กองหนนุ ) หรือสาเนาหนังสือสาคญั ประจาตัวแสดงวทิ ยฐานะสาเร็จการฝกึ วิชาทหารช้ันปที ่ี ๓ หรอื สาเนา
คาส่งั แต่งตั้งยศ, สาเนาทะเบียนบา้ น เพ่อื ดาเนนิ การขอผ่อนผนั ไปยัง จทบ.ตน้ สงั กัด- การแตง่ กาย

๔๐๘

เคร่ืองแบบ นศท. บคุ คลที่ รด. ,มทบ..จทบ.. ประกาศมสี ภาพเปน็ นศท. หลังจากได้รับการฝึกวิชาทหารไม่
น้อย ๑๖ ช่วั โมง มสี ทิ ธแิ ตง่ เครือ่ งแบบนักศกึ ษาวชิ าทหารไดต้ าม พ.ร.บ. เครอื่ งแบบนักศึกษาวิชาทหาร
และเครื่องแบบนักศึกษาวชิ าทหาร และเคร่ืองแบบผู้กากบั นักศึกษาวชิ าทหาร พ.ศ. ๒๕๒๑

- การเพมิ่ คะแนนพเิ ศษ นศท. ทส่ี าเร็จการฝึกวชิ าทหารต้ังแตช่ ้นั ปที ่ี ๑ ขึ้นไปมีสทิ ธใิ นการเพมิ่
คะแนนตามชัน้ ปีทีส่ าเร็จการฝกึ วิชาทหาร เมอื่ สอบคดั เข้าตอ่ โรงเรยี น ตามข้อบังคับ กห.วา่ ด้วย โรงเรยี น
ทหาร พ.ศ.๒๔๙๒ คอื

- - สาเรจ็ การฝกึ วชิ าทหารชัน้ ปที ี่ ๑ เพิม่ ให้ ๓ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทง้ั ส้นิ
- - สาเรจ็ การฝึกวชิ าทหารชน้ั ปที ี่ ๒ เพม่ิ ให้ ๔ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทั้งสิ้น
- - สาเร็จการฝึกวชิ าทหารชัน้ ปีท่ี ๓ เพม่ิ ให้ ๕ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทง้ั ส้ิน
- - สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารช้นั ปที ่ี ๔ เพิ่มให้ ๖ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทั้งสิ้น
- - สาเร็จการฝกึ วิชาทหารชั้นปีท่ี ๕ เพิ่มให้ ๗ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทั้งส้ิน
-- การยกเว้นการเรยี กมาตรวจเลือกเขา้ รับราชการทหารกองประจาการ นศท. ทอี่ ยใู่ น
ระหว่างการเข้ารบั การฝกึ วชิ าทหารกองประจาการในยามปกติ พ.ร.บ. รบั ราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗

ขอ้ ผูกพันต่อทางราชการ
- เม่ือสาเร็จการฝกึ วิชาทหารตามหลกั สตู รการฝึกวิชาทหาร ชั้นปที ่ี ๓ หรือชัน้ ปีท่ี ๕ แล้วจะตอ้ ง

เข้ารบั ราชาการ ทหารในการเรียกพล เพ่ือตรวจสอบ เพอ่ื ฝึกวชิ าทหารทดสอบความพรั่งพร้อม เพ่ือ
ตรวจสอบ เพ่ือฝึกวิชาทหาร ทดสอบความพรั่งพรอ้ ม หรอื การระดมพลดังกลา่ ว มีกาหนดเวลา ๑๐ ปี ตาม
ระบบความควบคุมกาลังสารอง นับต้ังแตว่ นั ทส่ี าเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชั้นปที ่ี ๓ และเมอ่ื ถูกเรยี กพลให้
ถือว่าเป็นปีแรกตามเง่ือนไขท่ีผกู พนั หากหลกี เล่ยี ง, ขดั ขนื ไม่ปฏบิ ัติตามจะไดร้ บั โทษ ตาม พ.ร.บ. รบั
ราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔๖, ๔๗

การขอรับหนงั สอื สาคัญประจาตวั
การขอรับหนังสือสาคัญประจาตวั วทิ นฐานะการฝกึ วชิ าทหารช้นั ปีท่ี ๓ และสมุดประจาตวั ทหารกองหนนุ
ประเภทที่ ๑ ( สด.๘ ) ผทู้ ่มี สี ทิ ธิไ์ ดร้ ับ คอื ผสู้ าเร็จการฝึกวิชาทหารช้ันปท่ี ี่ ๓ และดาเนินการข้นึ ทะเบียน
กองประจาการและปลดเปน็ ทหารกองหนุนแลว้

- การขอรับหนังสือสาคัญประจาตวั แสดงวทิ ยฐานะสาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชั้นปที ี่ ๓ จาก รด. หรือ
ศฝ.นศท.จทบ. ประมาณเดือน พ.ย. ของปที ่ีไปเขา้ รบั การฝึกภาคสนาม

- นาหนงั สือสาคญั ฯ ตามขอ้ ๕.๑ ไปตดิ ต่อขอรับสมุดประจาตัวทหารกองหนุน ( สด.๘ ) ทส่ี ัสดี
อาเภอ/ เขตตามภูมลิ าเนาทหาร ทลี่ งชือ่ เป็นทหารกองเกนิ

การขอเล่ือนยศ/ปรบั ยศให้ตรงตามคณุ วฒุ ิ
-นศท.ชาย ทสี่ าเรจ็ การฝึกชัน้ ปีที่ ๓ ไม่รายงานตวั เข้ารับการฝึกชัน้ ปีท่ี ๔ และสาเรจ็ ชั้นปที ่ี ๔ ไม่

รายงานตัวเขา้ รบั การฝึกชัน้ ปที ่ี ๕ ถ้ามวี ุฒิการศึกษาเพิม่ ข้ึน ใหต้ ดิ ต่อขอปรับยศใหต้ รงตามคุณวฒุ ไิ ด้ จทฐ
ต้นสงั กัด หรอื เม่อื ถูกเรียกพล

- นศท. หญงิ ทส่ี าเรจ็ การฝึกชนั้ ปีท่ี ๓ ไมร่ ายงานตัวเขา้ รับการฝึกชัน้ ปีท่ี ๔ ไทร่ ายงานตัวเข้ารบั
การฝึกช้ันปีที่ ๕ ถ้ามีคณุ วฒุ กิ ารศกึ ษาระดับอนุปรญิ ญา หรือเทียบเท่าขนึ้ ไป ก็ดาเนนิ การปรบั ยศให้ตรง

๔๐๙

ตามคุณวฒุ ิ( เปน็ ว่าท่ี ร.ต. ) โดยส่งหลักฐานไดท้ ี่ ศฝ.นศท.มทบ. / นฝ.นศท.จทบ. ท่ี นศท. สาเรจ็ การฝึก
วิชาทหารหรอื สง่ ที่ รด. ก็ได้

สิทธิเมื่อสาเร็จการฝึกวิชาทหาร
- การขอลดวนั รบั ราชการกองประจาการ สาหรบั ผสู้ าเรจ็ การฝกึ วิชาทหารช้นั ปที ี่ ๑ - ๒ โดยตอ้ ง

มาขอใบรับรองการฝึก หรือ หนงั สือ สาคญั ประจาตัวแสดงวทิ ยฐานะสาเร็จการฝกึ วิชาทหาร จาก รด. หรือ
ศนู ยก์ ารฝึก นศท. หรือหนว่ ยฝึก นศท. เพ่อื นาไปสดงตอ่ คณะกรรมการการตรวจเลือก

- สาเร็จการฝกึ ชัน้ ปที ี่ ๒ ถา้ สมคั รเขา้ รับราชการกองประจาการ ๖ เดือน ถ้าจับฉลากแดง เข้ารับ
ราชการกองประจาการ ๑ ปี

- นศท. ท่สี าเรจ็ การฝึกวชิ าทหาร เมื่อสาเร็จการศึกษาจะได้รับการแต่งตั้งยศตามระเบียบ กห. วา่ ดว้ ย
การแต่งตงั้ ยศผ้สู าเร็จการฝึกวิชาทหาร ตามหลักสูตร กห. วา่ ด้วยการสง่ เสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. ๒๕๓๘

การข้นึ ทะเบยี นกองประจาการและนาปลด นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร เป็นทหารกองหนนุ สาหรบั ผู้สาเรจ็
การฝกึ วชิ าทหารช้นั ปที ี่ ๓ ตอ้ งสง่ หลกั ฐานการขอข้ึนทะเบยี นกองประจาการและปลดเปน็ ทหื ารกองหนุน
ระหวา่ งรบั การฝกึ ดังน.ี้

- สาเนาทะเบียนบา้ น ๒ ฉบบั
- สด.๙ ฉบบั จริง พรอ้ มสาเนา สด.๙ ๒ ฉบับ
- รปู ถา่ ย ขาว/ดา แตง่ เคร่ืองแบบ นศท. หนา้ ตรงไม่สวมหมวก ขนาด ๓ X ๔ ซม. ๒ รปู
- หนังสอื รบั รองจากสถานศึกษา " กาลงั ศกึ ษา" หรอื สาเนาใบ รบ. และแตก่ รณีการขอแต่งตัง้ ยศ
- สาเร็จการฝกึ ชนั้ ปที ี่ ๑ - ๒ เมือ่ เข้ารบั ราชการกองประจาการครบกาหนดแล้ว จทบ. ต้นสังกัด
เปน็ ผดู้ าเนินการให้ไดร้ บั ยศตามท่ี ทบ. กาหนด
- นศท.ชาย สาเรจ็ การฝึกชัน้ ปที ่ี ๓ ส่งหลกั ฐานระหว่างเขา้ รบั ราชการฝึก หลกั ฐานเชน่ เดยี วกับการ
ขน้ึ ทะเบยี นกองประจาการและนาปลดและสง่ หลักฐานเช่นเดยี วกบั การขน้ึ ทะเบียนกองประจาการและนา
ปลดและสง่ หลกั ฐานพร้อมกนั
- นศท. ชาย สาเรจ็ การฝกึ ช้ันปที ่ี๔-๕ ส่งหลกั ฐานการแตง่ ต้ังยศเม่ือสาเร็จการฝึกแล้วท่ี รด. ศฝ.
นศท.มทบ./นฝ.นศท.จทบ. ที่ นศท. สาเร็จการฝึกวชิ าทหาร ดงั น.้ี -

- - สาเนาหลงั สอื สาคัญ แสดงวทยฐานะการฝกึ วชิ าทหารชั้นปีท่ี ๔ หรือ ๕
- - สาเนาทะเบียนบ้าน
- - สาเนาวฒุ ิการศกึ ษา ที่สาเรจ็ ครงั้ สดุ ทา้ ย
- - สาเนา สด.๘
- - สาเนาคาสั่งแต่งตั้งยศครัง้ สุดทา้ ย ( ถา้ มี )
- นศท. หญิง สาเร็จการฝึกชน้ั ปีท่ี ๓ - ๕ ส่งหลกั ฐานการแตง่ ตั้งยศเม่ือสาเรจ็ การฝึกแล้ว
ท่ี รด. ศฝ.นศท.มทบ./นฝ. นศท. จทบ. ที่ นศท. สาเร็จการฝึกวชิ าทหาร ดงั น.ี้ -
- - สาเนาหนังสือสาคัญแสดงวทิ ยฐานะสาเร็จการฝกึ วิชาทหารชนั้ ปี ๓ หรือปี ๔ หรือ
ปี ๕
- - สาเนาวฒุ ิการศกึ ษาท่ีสาเร็จครงั สดุ ทา้ ย
- - สาเนาทะเบยี นบ้าน

๔๑๐

หลกั เกณฑก์ ารแต่งตั้งยศ นักศึกษาวชิ าทหาร

สาเรจ็ การศกึ ษาวชิ าทหาร สาเรจ็ การศึกษา แต่งตง้ั ยศเปน็

ชั้นปีท่ี ๑ - ม.๖ หรื่อเทียบเท่า สบิ ตรี, จา่ ตรี ,จา่ อากาศตรี
ช้นั ปที ่ี ๑
ชั้นปที ่ี ๒ - วิชาชพี ไม่นอ้ ยกว่า ๒ ปี สิบตรี, จ่าตรี ,จ่าอากาศตรี
ชั้นปที ี่ ๑
ชั้นปที ่ี ๒ - ไม่สาเรจ็ การศึกษาตามหลกั สตู ร สบิ ตรี, จ่าตรี ,จ่าอากาศตรี
ชน้ั ปีที่ ๒
ชั้นปีที่ ๓ - อนปุ ริญญาขึน้ ไป สิบโท, จา่ โท ,จ่าอากาศโท
ชั้นปที ่ี ๓
ชน้ั ปีที่ ๓ - ม.ปลายหรือเทยี บเทา่ สิบโท, จา่ โท ,จา่ อากาศโท
ชั้นปีท่ี ๔
- วชิ าชีพ ๒ ปีต่อจาก ม.๓ สิบโท, จา่ โท ,จา่ อากาศโท
ช้ันปที ี่ ๔
- ไม่สาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตร
ชั้นปีท่ี ๔
- ม.๖ หรือ ปวช.๓ สบิ เอก,จ่าเอก,จา่ อากาศเอก
ชน้ั ปีที่ ๕
- ปรญิ ญา,อนุปริญญา จ่าสิบตรี,พนั จา่ ตรี,พนั จา่ อากาศตรี
ชน้ั ปที ่ี ๕
- ไมส่ าเรจ็ การศึกษาระดับ จา่ สบิ ตรี,พนั จา่ ตรี,พันจา่ อากาศตรี

ปรญิ ญาตรี อนปุ ริญญา

- สาเร็จการศกึ ษาอนปุ ริญญา จา่ สบิ โท,พันจา่ โท,พนั จ่าอากาศโท

หรือเทยี บเทา่

- ปรญิ ญาตรี หรอื เทียบเท่าปรญิ ญา จา่ สบิ เอก,พันจ่าเอก,พันจ่าอากาศ

ตรี เอก

- ไม่สาเร็จการศึกษาระดบั ปริญญาตรี จา่ สบิ เอก,พันจ่าเอก,พันจา่ อากาศ

เอก

- สาเรจ็ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรี, ว่าท่ี รอ้ ยตรี , ว่าที่ เรือตรี,

อนปุ ริญญาตรี หรอื เทียบเท่า วา่ ท่ี เรืออากาศตรี

อนุปรญิ ญา

การปกครองบังคับบญั ชา
การตัดคะแนนความประพฤตินักศกึ ษาวชิ าทหารสถานหนกั (ตั้งแต่ ๕๐ คะแนน ขน้ึ ไป)

๑. การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี
- ละท้ิงหน้าท่ใี นขณะเปน็ เจา้ หน้าทีร่ กั ษาการหรือเขา้ เวรยามหรอื ปฏบิ ัติหน้าท่ีจนเกิดผลเสียหาย
- ขาดการรวมพลเพือ่ ความพรงั่ พร้อมตามคาสั่งจนเกดิ ผลเสยี หาย

๒. การปกครองและความสามคั คี
- เจตนาขดั คาส่ังหนา้ นักศกึ ษาวิชาทหารคนอนื่ ๆ
- เจตนากอ่ การวิวาทกับนักศึกษาวิชาทหารคนอนื่ ๆ ดว้ ยกัน จนเกิดผลเสียหายต่อสว่ นรวม

๓. การปฏิบัติ
- รายงานเทจ็
- เสพย์หรอื มีไว้ซึ่งยาเสพย์ติดใหโ้ ทษ
- เล่นการพนัน
- ใหร้ า้ ย ข่วู า่ ทารา้ ยผูบ้ งั คับญั ชาหรือผ้ทู าการฝึก

๔๑๑

- ปลอมแปลงเอกสารหรือลายมอื ช่อื
- ทุจรติ อยา่ งร้ายแรงเชน่ การเปลยี่ นตวั สอบหรือเปลี่ยนตวั ฝกึ
- ไม่รกั ษาความลบั ของ ทางราชการ
- พกพาหรือครอบครองอาวุธ
- เจตนากระทาความผิดกฏหมายอาญาอน่ื ๆ เชน่ ลกั ทรพั ย์ฯ
- เจตนาทาลายส่ิงของทางราชการ เชน่ ขีด,เขยี น,โต๊ะ,ฝาผนงั ฯลฯ
- แสดงกิริยาวาจาโอหังต่อผู้บงั คับบัญชาหรอื ผูท้ าการฝึก
- กล่ันแกล้งผ้บู ังคบั บญั ชาหรือครฝู ึก
- ปฏิบัตติ นไม่เหมาะสมจนเกิดผลเสยี หายต่อหนว่ ยบญั ชาการกาลงั สารองหรือนศท. เปน็ สว่ นรวม
อย่างรา้ ยแรง
- ทาให้ของทางราชการสูญหาย

สถานกลาง (ครั้งละตง้ั แต่ ๒๑-๔๙ คะแนน)
๑. การปฏิบตั หิ น้าที่

- ละทง้ิ หนา้ ทีใ่ นขณะเป็นเจา้ หน้าที่รักษาการหรือเข้าเวรยามหรอื ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี
- ขาดการรวมพลเพอื่ ความพร่ังพร้อมตามคาส่ัง
๒. การปกครองและความสามคั คี

- ขดั คาส่งั หรอื ไม่ปฏิบัตติ ามคาสัง่
- ก่อความว่นุ วายในขณะทาการฝกึ
- ไม่รกั ษาความสามัคีภายในหมูค่ ณะ
๓. การปฏบิ ัติ
- กลา่ วคาเท็จ
- ทจุ รติ การสอบหรือฝ่าฝนื ระเบียบการสอบ
- ทาใหส้ ิ่งของทางราชการเสียหาย
- แสดงกริ ิยาวาจาไม่เคารพผู้บังคบั บญั ชาหรือครฝู กึ
- หลีกเลี่ยงการฝึก
- แสดงความเห็นแก่ตัวไม่เสียสละใหห่ ม่คู ณะ
- เสพยส์ รุ าหรือของมนึ เมา
สถานเบา (ครั้งละไมเ่ กิน ๒๐ คะแนน)
๑. การปฏิบัตหิ นา้ ที่
- คยุ กันในเวลารักษาการณห์ รือเข้าเวรยามปฏิบัติหน้าท่ี
- หลกี เลยี่ งการรวมพล
๒. การปกครองและความสามคั คี
- ไมป่ ฏบิ ตั ิตามคาสงั่ คาชีแ้ จงโดยไมเ่ จตนา
- ไมป่ ฏิบัติให้ถกู ต้องตามระเบียบและแบบธรรมเนยี ม
๓. การปฏิบตั ิ
- เล็บยาว เลบ็ ไมส่ ะอาด ฟันไม่สะอาด
- ผมยาว

๔๑๒

- - ปี ๑-๓ ด้านข้างเกรียน ๓ ดา้ นด้านบนไม่เกนิ ๔ ซม.
- - ปี ๔-๕ ทรงสงู ด้านบนไม่เกิน ๗ ซม.
- มีหนวด, เครา
- เครือ่ งหมายสกปรก
- แต่งกายไม่เรียบร้อย

๔. การปฏิบตั ติ น
- ไม่แสดงความเคารพต่อผบู้ งั คบั บัญชาหรือผู้ทาการฝกึ สอน
- แสดงกริ ิยาวาจาไมส่ ภุ าพ
- ไม่มาเข้ารบั การฝกึ ใหท้ นั ตามกาหนดเวลา
- ไมม่ ีระเบียบในการเดินข้ึนหรือลงรถ
- หลบั ในขณะทาากรฝึกศึกษา
- คยุ กันหรอื เลน่ กันในขณะทาการฝกึ หรอื เข้าแถวหรือรวมพล
- ไมย่ อมเขา้ แถวหรือเข้าแถวช้าเม่อื เรียกแถว
- ปัสสาวะไมถ่ ูกที่
- ไมร่ ักษามารยาทในการรบั ประทานอาหาร
- สูบบุหรใี่ นระหว่างการฝกึ ศึกษา

การปกครองบังคบั บญั ชาของผบู้ งั คับบญั ชา ผบู้ ังคบั บญั ชาของ นศท. ระหวา่ งการฝึก คอื
- ผู้บงั คับบญั ชาในสถานศึกษา ไดแ้ ก่ ผช.ผกท. , และ ผกท.พ.
- ผู้บังคบั บัญชาในระหวา่ งฝึกฝา่ ยทหาร ไดแ้ ก่
- - ครฝู ึก, ผู้บังคบั หนว่ ยฝึก, หวั หน้าแผนกการฝกึ , ผูอ้ านวยการกองการฝึก , ผบู้ ัญชาการ

ฝกึ กาลงั สารองเจ้ากรมการรักษาดินแดน, ผู้บัญชาการทหารบก
- - ผชู้ ว่ ยในการปกครองบงั คับบญั ชา นศท. ในเวลาฝกึ หรอื ชุมนุม นศท. คือ ผกท. พ.,

ผช.ผกท.
- การแต่งต้งั นศท. ดาเนนิ การโดย ศฝ.รด. กับสถานศึกษาวชิ าทหาร หรอื ศฝ./นฝ.นศท. มทบ./

จทบ.ในสว่ นภูมิภาคกบั สถานศกึ ษาวชิ าทหาร พจิ ารณาแต่ตง้ั นศท. ท่มี คี วามประพฤติดีมวี นิ ัย เป็นสารวตั ร
นศท. ตาแหน่ง หน.หมู่ หน.หมวด, หน.กองรอ้ ย เพื่อทาหน้าที่ช่วยเหลือผู้บังคบั บัญชา ควบคุมระเบียบวินัย
ในระหว่างนศท. ดว้ ยกัน โดยจะดาเนินการคัดเลอื กภายในวนั ทาการฝึกครงั้ ที่ ๔ นับจากวันเปิดการฝกึ โดย
ให้ปฏบิ ัติหนา้ ที่ ๑ ปีการศกึ ษา

การตัดคะแนนความประพฤติ ในรอบปกี ารศึกษา นศท. จะมคี ะแนนประพฤติ คนละ ๑๐๐
คะแนน ผูบ้ ังคบั บญั ชา ตามข้อ ๑ มีสทิ ธติ ัดคะแนนความประพฤติตามระเบยี บที่ รด. กาหนดผู้ที่ถูก ตัด
คะแนนเกิน ๕๐ คะแนน จะหมดสทิ ธิสอบ ถูกตดั คะแนน ๑๐๐ คะแนน หมดสภาพการเปน็ นศท.

กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่กาหนดไว้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ปีละ ๑๒๐
ชั่วโมง และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ จานวน ๓๖๐ ช่ัวโมงน้ัน เป็นเวลาสาหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชนใ์ ห้สถานศกึ ษาจัดสรรเวลาใหผ้ เู้ รยี นได้ปฏิบตั กิ จิ กรรม ดงั น้ี

๔๑๓

ระดบั ประถมศกึ ษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชว่ั โมง

ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ม.๑-๓) รวม ๓ ปี จานวน ๔๕ ชว่ั โมง

ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.๔-๖) รวม ๓ ปี จานวน ๖๐ ชัว่ โมง

แนวทางการจัดกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
1. ช่วยงานจาจร 1. ชว่ ยงานจาจร
2. บริจาคโลหติ 2. บรจิ าคโลหติ
3. รว่ มงานรฐั พธิ ี 3. รว่ มงานรฐั พธิ ี
4. ร่วมงานประเพณีท้องถ่ิน 4. ร่วมงานประเพณีท้องถน่ิ
5. รว่ มรณรงคเ์ ช่น โรคเอดส์ ยาเสพ 5. รว่ มรณรงค์เชน่ โรคเอดส์ ยาเสพตดิ

ตดิ เป็นต้น เป็นต้น
6. เกบ็ กวาด/ซ่อมแซม สถานท่ี 6. เก็บกวาด/ซ่อมแซม สถานที่

สาธารณะ สาธารณะ
7. ช่วยเหลืออุทกภัย วาตภยั ฯ 7. ช่วยเหลอื อุทกภัย วาตภยั ฯ
8. ยุวทตู /มัคเุ ทศกน์ ้อย 8. ยวุ ทตู /มัคเุ ทศก์น้อย
9. อย.นอ้ ย 9. อย.น้อย
10.อาสาสมัคร 10.อาสาสมัคร
11.เสียงตามสายของชมุ ชน 11.เสียงตามสายของชมุ ชน
12.ยุวอนามัย 12.ยุวอนามยั
13.อนุรักษ์และสง่ เสริมส่ิงแวดลอ้ ม 13.อนุรักษ์และสง่ เสริมส่งิ แวดล้อม
ฯลฯ ฯลฯ

หมายเหตุ ผูเ้ รียนจะตอ้ งขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นอยา่ งน้อย ๕ กิจกรรมขึ้นไปต่อภาคเรียน

กจิ กรรม การวัด เครอ่ื งมอื วัดและเกณฑก์ ารประเมนิ
14. ยวุ ทูต/มคั ุเทศกน์ ้อย
15. อย.น้อย วธิ วี ัด เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมิน
16. อาสาสมคั ร
17. เสียงตามสายของชมุ ชน การบนั ทกึ การเข้า แบบบนั ทกึ การ เขา้ รว่ มกจิ กรรมอย่างนอ้ ย

ร่วมกิจกรรม เขา้ ร่วมกิจกรรม ๑ ครัง้ ต่อภาคเรียน

การบันทึกการเข้า แบบบันทกึ การ เขา้ ร่วมกิจกรรมอย่างน้อย

ร่วมกจิ กรรม เข้าร่วมกิจกรรม ๑ ครง้ั ตอ่ ภาคเรยี น

ตรวจแบบบนั ทกึ แบบบันทกึ การลง เข้าร่วมกิจกรรมอยา่ งน้อย

การลงเวลา เวลา ๕ ชว่ั โมงตอ่ ภาคเรียน

การตรวจแบบ แบบบันทึกการ เข้าร่วมเปน็ นักจดั รายการ

บันทึกการจัด จัดรายการ ในสถานวี ิทยชุ มุ ชนอย่าง

รายการ น้อย ๑ ครงั้ ต่อภาคเรยี น

๔๑๔

18. ยุวอนามยั การตรวจแบบ แบบบันทึกการ เขา้ รว่ มกิจกรรมอยา่ งนอ้ ย
บนั ทึกการการเข้า เขา้ ร่วมกิจกรรม ๑ ครัง้ ต่อภาคเรยี น
19. อนุรักษ์และสง่ เสรมิ
สิ่งแวดลอ้ ม รว่ มกจิ กรรม แบบบนั ทึกการ เขา้ รว่ มกจิ กรรมอนรุ ักษ์
เขา้ ร่วมกจิ กรรม และสง่ เสรมิ สิง่ แวดลอ้ ม
การตรวจแบบ อย่างน้อย ๑ ครงั้ ตอ่ ภาค
บนั ทึกการการเข้า
เรยี น
รว่ มกจิ กรรม

การตดั สนิ การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น เปน็ กิจกรรมส่งเสริมการเรยี นร้แู ละพัฒนาการของผู้เรียนตามมาตรฐานการ
เรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ย่ิงขึ้น และเป็นเงื่อนไขสาคัญอีกประการหน่ึงของ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ีผู้เรียนทุกคนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ครบถ้วนถ้วน และผ่าน
การประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด จึงจะได้รับการพิจารณาตัดสินให้ผ่านช่วงชั้น การประเมิน
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน มีแนวทางในการดาเนนิ การ ดังนี้

1. การประเมินผู้เรยี นในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ผรู้ ับผิดชอบกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นแตล่ ะ
กิจกรรม และผู้เกี่ยวข้องดาเนินการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์ของกิจกรรม
อย่างต่อเน่ืองตลอดช่วงเวลาของการจัดกิจกรรม โดยรวบรวมจากบันทึกการเข้าร่วมกิจกรรมและผลการ
ปฏิบัติกิจกรรม และตดั สินการเข้าร่วมกิจกรรมเมอื่ สน้ิ สุดระยะเวลาปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

2. การตัดสินผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ใหป้ ระเมินและตดั สนิ เปน็ รายกิจกรรม
โดยพิจารณาจากผลการประเมินตามจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรมกับเวลาที่เข้าร่วมกิจกรรมแล้วตัดสิน
ตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด

3. การแจ้งผลการประเมนิ การประเมินให้ระดับผลการเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นให้
เป็นไปตามแนวทางที่สถานศึกษากาหนด เม่ือให้ระดับผลการเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละกิจกรรมแล้ว ควรแจ้ง
ให้ผู้เรียนทราบโดยเร็ว และให้ผู้เรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินทาการซ่อมเสริมให้ผ่านทุกๆกิจกรรม ใน
ขณะเดียวกันให้แจ้งผลการประเมินให้ฝ่ายทะเบียนของสถานศึกษาบันทึกผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา
ผู้เรยี นของผูเ้ รยี นแตล่ ะคนสะสมไวเ้ ป็นหลกั ฐาน

4. การสรปุ ผลการประเมินผ่านชว่ งช้นั เมื่อจบช่วงชน้ั นายทะเบยี นจะรวบรวมผลการเขา้
ร่วมกิจกรรมของผู้เรียนแต่ละคนตลอดช่วงชั้น ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมได้ครบตาม
เกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด จะไดร้ บั การพจิ ารณาใหผ้ ่านช่วงชัน้ ร่วมกับเกณฑม์ าตรฐานการผา่ นช่วงชน้ั อ่ืนๆ
ผู้เรียนที่ผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่ครบตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด จะต้องเข้าร่วม
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นต่อไป ให้ครบตามเกณฑ์จงึ จะได้รบั การพิจารณาให้ผ่านช่วงช้นั

เกณฑก์ ารผ่านกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนท่โี รงเรยี นกาหนด มีดงั นี้
1. ผู้เรียนตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80
2. ผู้เรยี นตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนในขณะเรียนอย่างต่อเนื่องตามชว่ งเวลาท่ีจดั กิจกรรมนัน้ ๆ
3. ระดบั ผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมมี 3 ระดับ ดงั นี้

3.1 ผ่าน ( ผ) หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนนรวมร้อยละ 50 - 100 และมีเวลาเข้า ร่วม
กิจกรรม 80 %

๔๑๕

3.2 ไมผ่ ่าน (มผ ) หมายถงึ ผู้เรียนได้คะแนนรวมต่ากว่า ร้อยละ 50 และมีเวลาเข้าร่วม
กจิ กรรมน้อยกวา่ 80 %

3.3 ปรับปรุง ( ปป ) หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ต้องได้รับการ
ปรบั ปรุงแก้ไขเพ่อื ใหผ้ ่านกิจกรรม

แนวทางการประเมนิ ผลกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน

กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน

กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและ
ซอ่ มเสรมิ สาธารณประโยชน์
ไม่ผ่าน
ประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
ผา่ น 1. เวลาเขา้ ร่วมกิจกรรม
2. การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
3. ผลงาน/ชนิ้ งาน/

คณุ ลกั ษณะของผูเ้ รียน

ส่งผลการประเมนิ

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นมี 2 แนวทาง คือ
๑. การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนรายกิจกรรม มีแนวปฏิบัตดิ ังน้ี
1.1 ตรวจสอบเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผูเ้ รยี นใหเ้ ป็นไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด
1.2 ประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงาน/ช้ินงาน/

คุณลกั ษณะของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากาหนดด้วยวธิ ีการที่หลากหลาย เนน้ การมีส่วนรว่ มในการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

1.3 ผู้เรยี นทม่ี ีเวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม มีการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงาน/ช้นิ งาน/
คุณลักษณะตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนดเป็นผผู้ า่ นการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นรายกิจกรรม และนา
ผลการประเมนิ ไปบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน

1.4 ผเู้ รียนทม่ี ผี ลการประเมนิ ไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงาน/คณุ ลักษณะตามทสี่ ถานศึกษากาหนดการประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น

๔๑๖

ครู หรอื ผู้รบั ผดิ ชอบตอ้ งดาเนินการซ่อมเสรมิ และประเมนิ จนผ่าน ทง้ั น้ีควรดาเนินการให้เสร็จสิ้นในปี
การศึกษานน้ั ๆ ยกเว้นมเี หตุสุดวสิ ยั ให้อยใู่ นดลุ พนิ จิ ของสถานศกึ ษา

๒. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่อื การตัดสนิ
การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนเพอ่ื ตัดสนิ เล่ือนชนั้ และจบการศกึ ษาเปน็ การประเมนิ การ

ผ่านกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียนเป็นรายป/ี รายภาค เพ่ือสรปุ ผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม สรุปผลรวมเพ่อื สรุปผล
การผา่ นในแต่ละกิจกรรม สรปุ ผลรวมเพอื่ เลื่อนช้ันและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่ือการจบแตล่ ะระดับ
การศกึ ษา โดยการดาเนนิ การดงั กลา่ วมแี นวทางปฏบิ ตั ิ ดงั นี้

2.1 กาหนดให้มีผรู้ บั ผิดชอบในการรวบรวมข้อมลู เกีย่ วกับการร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนของ
ผู้เรยี นทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา

2.2 ผรู้ บั ผดิ ชอบสรปุ และตดั สินผลการรว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนของผเู้ รียนเปน็ รายบุคคล
ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศกึ ษาทส่ี ถานศึกษากาหนด ผู้เรยี นตอ้ งผา่ น
กจิ กรรม 3 กจิ กรรมสาคัญดงั น้ี

2.1.1 กจิ กรรมแนะแนว
2.2.2 กิจกรรมนักเรียน ได้แก่ กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพ็ญประโยชน์
และนักศกึ ษาวิชาการทหาร และกจิ กรรมชมุ นุม ชมรม
2.2.3 กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
2.3 ผ้รู บั ผดิ ชอบเสนอผลการประเมินต่อคณะอนกุ รรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกจิ กรรม
พฒั นาผู้เรียนเพื่อให้ความเหน็ ชอบ
2.4 ผ้รู บั ผดิ ชอบเสนอผ้บู ริหารสถานศกึ ษาพิจารณาเพอื่ อนมุ ตั ผิ ลการประเมนิ กิจกรรม
พฒั นาผเู้ รียนผ่านเกณฑก์ ารจบแตล่ ะระดับการศึกษา
เกณฑ์การตัดสิน
๑) กาหนดเกณฑ์การประเมินตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานกาหนดไว้ 2 ระดบั
คอื ผ่าน และ ไมผ่ า่ น
๒) เกณฑ์การตัดสินผลการประเมนิ รายกิจกรรม
ผา่ น หมายถงึ ผ้เู รยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และมผี ลงาน/

ช้นิ งาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
ไมผ่ ่าน หมายถงึ ผูเ้ รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไมผ่ า่ นการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม

หรอื มผี ลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากาหนด
๓) เกณฑ์การตัดสินผลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนรายป/ี รายภาค

ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ ระดบั “ผา่ น” ในกิจกรรมสาคัญทั้ง 3 กจิ กรรม คอื
กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรยี น และกจิ กรรมเพ่ือสงั คมและ
สาธารณประโยชน์

ไม่ผา่ น หมายถงึ ผ้เู รียนมีผลการประเมนิ ระดบั “ไม่ผา่ น” ในกิจกรรมสาคญั ใดกิจกรรมหนึง่
ใน 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น และกจิ กรรมเพ่ือ
สงั คมและสาธารณประโยชน์

๔) เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นเพอื่ จบระดับการศึกษา
ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมนิ ระดับ “ผา่ น” ทกุ ชัน้ ปีในระดับการศึกษา นน้ั
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินระดบั “ไมผ่ า่ น” บางชนั้ ปใี นระดับการศึกษาน้นั

๔๑๗

( หมายเหตุ การประเมินผลอาจเขยี นแยกการประเมนิ ผลแตล่ ะกิจกรรม หรอื เขียนรวมในภาพรวมของ
กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นก็ได้ )


Click to View FlipBook Version