The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ying4468420, 2022-09-21 11:02:41

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

หลักสูตรโรงเรียนเซกา

๑๔๖

คาอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐาน

ว ๓๓๑๐๒ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

ศึกษาการแบ่งช้ัน สมบัติของโครงสร้างโลก หลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีสนับสนุนการเคลื่อนท่ีของ
แผ่นธรณีรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณีท่ีสัมพันธ์การเคล่ือนที่ของ แผ่นธรณี กระบวนการเกิดภูเขาไฟ
ระเบิด กระบวนการเกิด ขนาด ความรุนแรง ผลจากแผ่นดินไหว กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิพื้นท่ี
เสี่ยงภัย แนวทาง การเฝ้าระวังและการปฏิบัติตน ปัจจัยสาคัญที่มีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์
ใน แต่ละบริเวณของโลก การหมุนเวียนของอากาศที่เป็นผลมาจากความแตกต่างของความกดอากาศ ทิศ
ทางการเคล่ือนทข่ี องอากาศ ทเ่ี ปน็ ผลมาจากการหมุนรอบตัวเองของโลก การหมุนเวียนของอากาศตามเขต
ละติจูด ผลที่มีต่อภูมิอากาศ ปัจจัยท่ีทาให้เกิดการหมุนเวียนของน้าผิวหน้าในมหาสมุทร รูปแบบการ
หมุนเวียนของน้าผิวหน้าในมหาสมุทร ผลของการหมุนเวียนของอากาศและน้าผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อ
ลักษณะภมู ิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สงิ่ มีชีวิต และสงิ่ แวดล้อม ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงและภมู ิอากาศ
ของโลก แนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของมนุษย์ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก สัญลักษณ์ลมฟ้า
อากาศ ท่ีสาคัญจากแผนที่อากาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการอธิบาย ยกตัวอย่าง ระบุ
สืบค้นข้อมูล นาเสนอ แปล ความหมาย และการวางแผน เห็นคุณค่าของการน าองค์ความรู้ที่ค้นพบและ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ มี
คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมที่พึงประสงค์

รหสั ตัวชี้วัด
ว ๓.๑ ม.๖/๑ ม.๖/๒ ม.๖/๓ ม.๖/๔ ม.๖/๕ ม.๖/๖ ม.๖/๗ ม.๖/๘ ม.๖/๙ ม.๖/๑๐ ม.๖/๑๑ ม.

๖/๑๒ ม.๖/๑๓ ม.๖/๑๔
รวมทง้ั หมด ๑ ตวั ชีว้ ดั

ว ๓๐๒๐๑ ฟสิ ิกส์ ๑ ๑๔๗
ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์

ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

ศึกษาความรู้ทางฟสิ ิกส์ ประวัตคิ วามเป็นมา พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทางฟิสกิ ส์ การวัด
ปริมาณทางฟิสิกส์ความคลาดเคลื่อนในการวัด การแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ ความหมายจาก
กราฟเส้นตรง ความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง การกระจัด ความเรว็ ความเร่งของการ เคล่อื นที่ของวัตถุใน
แนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ ค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก แรง ลัพธ์ของแรงสองแรงที่
ทามุมต่อกัน กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล การใช้กฎการ เคลื่อนท่ีของนิวตันกับ
สภาพการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึง ๆ ใน กรณีท่ีวัตถุหยุดน่ิงและ
วัตถุเคล่ือนท่ี สัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่ึง ๆ และนาความรู้เรื่องแรงเสียด
ทานไปใช้ในชีวิตประจาวนั การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และปริมาณต่าง ๆ ของการเคลอ่ื นที่แบบโพรเจก
ไทล์ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคล่ือนท่ี อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมุม มวล
ของวัตถุในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ การ ประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมใน
การอธิบายการโคจรของดาวเทียม

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การ สังเกต
การวเิ คราะห์ การอธิปราย การอธิบายและการสรปุ ผล เพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกดิ ความรู้ ความคิด และความเขา้ ใจ
มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่ิง ที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตตนเอง ตลอดจนมีจิตวิทยา
ศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ ม ทีถ่ กู ต้อง

ผลการเรียนรู้
1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของ

หลกั การและแนวคดิ ทางฟิสิกส์ท่ีมีผลต่อการแสวงหาความรใู้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยีได้
2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อน ใน

การวัดมาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมท้ังแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปล
ความหมายจากกราฟเส้นตรงได้

3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของ การ
เคลอ่ื นทีข่ องวัตถใุ นแนวตรงทมี่ ีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทง้ั ทดลองหาคา่ ความเรง่ โน้มถ่วง
ของโลก และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องได้

4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทามุมต่อกันได้
5. เขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทาต่อวัตถุอสิ ระ ทดลองและอธบิ ายกฎการเคลื่อนทขี่ องนวิ ตันและ
การใช้กฎการเคลือ่ นท่ีของนิวตันกับสภาพการเคล่อื นท่ีของวตั ถุ รวมท้ังคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง
ได้
6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีทาให้วัตถุมีน้าหนัก รวมทั้ง คานวณ
ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้องได้
7. วิเคราะห์ อธิบาย และคานวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีท่ี วัตถุ
หยุดน่ิงและวตั ถเุ คล่ือนท่ี รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธ์คิ วามเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวตั ถุคู่ หนงึ่ ๆ
และนาความรู้เร่อื งแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้

๑๔๘

8. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
ทดลองการเคลอ่ื นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ได้

9. ทดลองและอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างแรงสูศ่ ูนย์กลาง รัศมีของการเคลอื่ นที่ อตั ราเรว็ เชิงเส้น
อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถใุ นการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ รวมท้ังคานวณ ปริมาณต่าง
ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และประยกุ ตใ์ ช้ความรูก้ ารเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของ ดาวเทียมได้
รวมทงั้ หมด 9 ผลการเรียนรู้

๑๔๙

คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๐๒ ฟิสิกส์ ๒ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๘๐ ชั่วโมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟ ความสัมพันธ์ระหว่าง แรง
กับตาแหนง่ รวมท้ังอธิบาย และคานวณกาลังเฉลี่ย อธบิ ายและคานวณพลังงานจลน์ พลงั งานศักย์ พลงั งาน
กล ทดลองหาความสัมพันธร์ ะหว่างงานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธร์ ะหว่างงานกบั พลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง
ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ
พลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมท้ังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรง ลัพธ์และพลังงานจลน์ และคานวณ
งานท่ีเกิดขึ้นจากแรงลัพธ์ กฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้ง วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เก่ียวข้องกับการเคลื่อนท่ีของวัตถุในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ กฎการอนุรักษ์พลังงานกล การทางาน
ประสิทธิภาพและการได้เปรยี บเชิงกลของเคร่ืองกลอยา่ งง่าย บางชนิด โดยใช้ความรู้เรื่องงานและสมดุลกล
รวมทัง้ คานวณประสิทธิภาพและการได้เปรยี บเชิงกล และคานวณโมเมนตมั ของวัตถุ และการดลจากสมการ
และพื้นท่ีใต้กราฟ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง ลัพธ์กับเวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับ
โมเมนตมั ทดลอง อธิบาย และคานวณ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วกับการชนของวัตถุในหนึ่งมติ ิ ท้งั แบบยืดหยุ่น
ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยก จากกันในหน่ึงมิติซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ความสัมพันธ์
ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมี ของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น อัตราเร็วเชิงมมุ และมวลของวัตถุ ในการ
เคล่ือนท่ีแบบวงกลมใน ระนาบระดับ รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง และประยุกต์ใช้ความร้กู าร
เคลอ่ื นท่แี บบ วงกลม ในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เก่ียวข้อง กบั การเคลือ่ นที่แบบโพรเจกไทล์ และทดลองการเคลือ่ นท่ีแบบโพรเจกไทล์

โดยใชท้ ักษะการสงั เกต การสารวจและค้นหา การระบุ การแยกแยะ การเปรยี บเทียบ การ จาแนก
ประเภท การสรุปอ้างอิง การแปลผล การพิสูจน์ การต้ังสมมติฐาน และ การทดลอง เพื่อให้เกิดความ
ซื่อสตั ย์สุจริต มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน และ มีจติ สาธารณะ

ผลการเรยี นรู้
1. วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ ระหว่าง

แรงกับตาแหน่ง รวมท้งั อธิบาย และคานวณกาลงั เฉลี่ย
2. อธิบาย และคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ ระหว่าง

งานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่าง ขนาดของ
แรงท่ีใช้ดึงสปริงกับระยะท่ีสปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ ยืดหยุ่น รวมท้ัง
อธิบาย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งงานของแรงลัพธแ์ ละพลงั งานจลน์ และคานวณงานที่ เกิดขึ้นจากแรงลัพธ์

3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับ
การเคลือ่ นที่ของวตั ถุในสถานการณต์ า่ งๆ โดยใชก้ ฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล

4. อธิบายการทางาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเคร่ืองกลอย่างง่ายบางชนิด โดย
ใชค้ วามร้เู รื่องงานและสมดลุ กล รวมทัง้ คานวณประสิทธิภาพและการไดเ้ ปรียบเชิงกล

5. อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวตั ถุ และการดลจากสมการและพ้ืนท่ีใต้กราฟ ความสัมพันธ์
ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา รวมทงั้ อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงดลกับโมเมนตัม

๑๕๐

6. ทดลอง อธบิ าย และคานวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกยี่ วกับการชนของวตถุในหน่งึ มิติ ท้งั แบบ ยืดหยุ่น
ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกันในหนง่ึ มิตซิ ่ึงเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม

7. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
การทดลองการเคลอ่ื นทแ่ี บบโพรเจกไทล์

8. ทดลอง และอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่าง แรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคล่ือนที่ อัตราเร็ว เชิง
เส้น อตั ราเร็วเชิงมุม และมวลของวตั ถุ ในการเคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทั้งคานวณ ปริมาณ
ตา่ งๆท่ีเกี่ยวข้องและประยกุ ต์ใชค้ วามรกู้ ารเคล่อื นท่ีแบบวงกลม ในการอธิบายการโคจรของ ดาวเทียม
รวมทั้งหมด 8 ผลการเรยี นรู้

๑๕๑

คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม

ว๓๐๒๐๓ ฟิสกิ ส์ ๓ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาวเิ คราะห์หลกั การพ้ืนฐานเก่ยี วกบั การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกกอยา่ งงา่ ย คล่ืน ปรากฏการณ์
ทีเ่ กีย่ วกับคลนื่ ธรรมชาติของเสยี ง เรโซแนนซ์ของเสียง หูและการได้ยินของมนุษย์ ความเขม้ เสยี ง
ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทก แสง ธรรมชาตขิ องแสง และสมบตั ิเชงิ เรขาคณิตของแสง หลกั การ
ของทัศนูปกรณ์บางชนดิ และทฤษฎีการรับร้สู ขี องนัยน์ตาคน รวมท้งั ฝกึ ปฏิบัตกิ ารตา่ ง ๆ เข้าใจ
ความสมั พนั ธข์ องความรวู้ ิทยาศาสตร์ท่มี ตี ่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ และ การนาความรู้มาใชป้ ระโยชน์
โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การ สารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูล
และการอภปิ ราย ดว้ ยวธิ กี ารเรยี นร้ดู ้วยตนเอง การทางานกลมุ่ การเรียนการสอนในรปู แบบตา่ ง ๆ ที่
ส่งเสรมิ การสร้างองคค์ วามรู้ตามศกั ยภาพและความสนใจของ ผเู้ รียน เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจ
สามารถสอ่ื สารส่ิงทีเ่ รียนรู้ มีความใฝ่เรียนรู้ มีวนิ ัยและความ มุง่ มัน่ ในการทางาน มีความสามารถในการคดิ
การแกป้ ัญหาและการตดั สินใจ สามารถนาความรู้ไป ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้อย่างเหมาะสม
สอดคล้องกับลักษณะของความเป็นไทย มีจิต วิทยาศาสตร์ จิตสาธารณะ จริยธรรม คณุ ธรรมและคา่ นิยมท่ี
เหมาะสม ตลอดจนมคี วามสามารถใน การใชท้ ักษะชีวิต ปฏิบัตหิ นา้ ทีข่ องตนเองได้อย่างดีและทางาน
ร่วมกบั ผู้อ่นื ได้อย่างเป็นกลั ยาณมติ ร มี จิตสานกึ ในการอนรุ ักษธ์ รรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม โดยมกี ารวัดและ
การประเมินผลด้วยวธิ ที ี่ หลากหลาย เหมาะสมตามศักยภาพของนกั เรยี น

ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายการเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย
2. อธบิ ายการเคลื่อนทแี่ บบคลื่น และการเกดิ คลนื่ กล
3. อธบิ ายสมบัตขิ องคลืน่ ได้แก่ การสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน
4. อธิบายการเกิดคลื่นนิ่ง
5. อธบิ ายการเกิดเสยี งและสมบตั ขิ องเสยี ง ได้แก่ การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และ การ

เลย้ี วเบน
6. อธิบายเก่ยี วกับการไดย้ นิ ไดแ้ ก่ ระดับเสียง ระดับสงู ต่าของเสียง คณุ ภาพเสยี ง และผลของ

มลพิษทางเสยี งต่อการไดย้ นิ
7. อธบิ ายความถธ่ี รรมชาติและการส่นั พ้องของวัตถุ
8. อธบิ ายปรากฏการณบ์ างอยา่ งของเสียง และการนาความรูม้ าประยุกต์ใช้ประโยชนด์ า้ นต่างๆ
9. อธิบายการสะท้อนของแสง การหาตาแหนง่ ขนาดและชนดิ ของภาพท่ีเกิดจากกระจกเงาราบ

และกระจกเงาโค้ง ท้งั โดยการเขยี นภาพและการคานวณ
10. อธิบายการหกั เหของแสงเมอ่ื ผ่านรอยต่อระหวา่ งตัวกลางสองชนิด
11. อธบิ ายการหาตาแหนง่ ขนาดและชนิดของภาพที่เกิดจากเลนสบ์ าง ท้งั โดยการเขียนภาพ

และการคานวณ
12. อธิบายปรากฏการณท์ เี่ กี่ยวกับแสง ได้แก่ การกระจายแสง การสะท้อนกลบั หมดของแสงรงุ้

การทรงกลด และมริ าจ

๑๕๒

13. อธบิ ายหลกั การทางานของทัศนอปุ กรณบ์ างชนิด ไดแ้ ก่ เครื่องฉายภาพ กลอ้ งถา่ ยรูปกลอ้ ง
จุลทรรศน์ และกล้องโทรทรรศน์

14. อธบิ ายความสวา่ งและการมองเห็นสี
15. อธบิ ายการเลี้ยวเบนและการแทรกสอดของแสงทผ่ี ่านช่องเล็กยาว (หรือสลิต) และการใช้ เกรต
ตงิ 16. อธบิ ายการกระเจงิ ของแสง
รวมท้ังหมด 16 ผลการเรียนรู้

๑๕๓

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๐๔ ฟสิ ิกส์ ๔ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๘๐ ชวั่ โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

ศกึ ษาหลักการของไฟฟาและแมเหล็กในเร่ือง กฎของคูลอมบ สนามไฟฟา ศกั ยไฟฟา ความจแุ ละตัว
เก็บประจุ กฎของโอหม สภาพตานทานและสภาพนาไฟฟา การวเิ คราะหวงจรไฟฟากระแสตรงอยางงายการ
หาพลังงานไฟฟาที่ใชในเครื่องใชไฟฟา สนามแมเหล็ก ความสัมพันธระหวางแมเหล็กและไฟฟาหลักการ
ของมอเตอร กฎการเหนี่ยวนาแม เหล็กไฟฟ าของฟาราเดย และกฎของเลนซ หลักการของเครื่อง
กาเนิดไฟฟา ไฟฟากระแสสลับ การแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป นไฟฟากระแสตรง แนวคิดทฤษฎีแม
เหล็กไฟฟาของแมกซเวลล คล่ืนแมเหล็กไฟฟาและสเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา

โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. ทดลอง และอธิบายการทาวัตถทุ ี่เป็นกลางทางไฟฟ้าให้มีประจุไฟฟา้ โดยการขัดสีกนั และการเหนีย่ วนา
ไฟฟ้าสถิต
๒. อธิบาย และคานวณแรงไฟฟา้ ตามกฎของคลู อมบ์
๓. อธบิ าย และคานวณสนามไฟฟา้ และแรงไฟฟ้าที่กระทากับอนภุ าคที่มปี ระจุไฟฟา้ ที่อยใู่ นสนามไฟฟ้า
รวมท้ังหาสนามไฟฟา้ ลพั ธเ์ นอ่ื งจากระบบจดุ ประจโุ ดยรวมกันแบบเวกเตอร์
๔. อธบิ าย และคานวณพลงั งานศกั ย์ไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้าและความตา่ งศักยร์ ะหวา่ งสองตาแหน่งใด ๆ
๕. อธบิ ายส่วนประกอบของตัวเก็บประจุความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประจไุ ฟฟา้ ความต่างศกั ย์ และความจขุ อง
ตัวเก็บประจุ และอธบิ ายพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ และความจุสมมลู รวมทัง้ คานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกย่ี วขอ้ ง
๖. นาความรเู้ ร่อื งไฟฟ้าสถิตไปอธบิ ายหลักการทางานของเครอื่ งใช้ไฟฟ้าบางชนดิ และปรากฏการณ์ใน
ชวี ติ ประจาวัน
๗. อธบิ ายการเคลอื่ นท่ขี องอเิ ล็กตรอนอิสระและกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนา ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง
กระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนากับความเร็วลอยเลอ่ื นของอเิ ลก็ ตรอนอิสระ ความหนาแน่นของอิเลก็ ตรอนในลวด
ตัวนาและพน้ื ทีห่ นา้ ตดั ของลวดตัวนา และคานวณปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง
๘. ทดลอง และอธบิ ายกฎของโอหม์ อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งความต้านทานกบั ความยาว พนื้ ทห่ี นา้ ตัด
และสภาพตา้ นทานของตวั นาโลหะท่ีอุณหภูมิคงตวั และคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง รวมท้ังอธบิ าย
และคานวณความตา้ นทานสมมลู เมอ่ื นาตวั ตา้ นทานมาต่อกันแบบอนุกรมและแบบขนาน
๙. ทดลอง อธิบาย และคานวณอเี อม็ เอฟของแหลง่ กาเนิดไฟฟา้ กระแสตรง รวมทง้ั อธิบายและคานวณ
พลงั งานไฟฟา้ และกาลังไฟฟ้า
๑๐. ทดลอง และคานวณอีเอ็มเอฟสมมูลจากการต่อแบตเตอร่แี บบอนุกรมและแบบขนานรวมท้ังคานวณ
ปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้องในวงจรไฟฟา้ กระแสตรงซึง่ ประกอบดว้ ยแบตเตอรแี่ ละตัวตา้ นทาน

๑๕๔

๑๑. อธิบายการเปลย่ี นพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า รวมทง้ั สืบคน้ และอภปิ รายเก่ียวกับเทคโนโลยี ที่
นามาแก้ปัญหาหรือตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลงั งานไฟฟา้ โดยเน้นด้านประสิทธภิ าพและความ
ค้มุ คา่ ด้านคา่ ใช้จา่ ย
๑๒. สงั เกต และอธิบายเสน้ สนามแมเ่ หลก็ อธิบายและคานวณฟลกั ซ์แมเ่ หลก็ ในบรเิ วณท่ีกาหนดรวมท้งั
สังเกต และอธบิ ายสนามแม่เหล็กทเี่ กิดจากกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนาเสน้ ตรงและโซเลนอยด์
๑๓. อธิบาย และคานวณแรงแมเ่ หล็กที่กระทาต่ออนุภาคที่มีประจไุ ฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแมเ่ หลก็ แรง
แม่เหล็กท่ีกระทาตอ่ เส้นลวดท่ีมกี ระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รัศมีความโค้งของการเคล่ือนที่
เม่อื ประจุเคล่อื นทตี่ ง้ั ฉากกับสนามแมเ่ หลก็ รวมท้ังอธิบายแรงระหว่างเส้นลวดตวั นาคู่ขนานท่มี ี
กระแสไฟฟ้าผ่าน
๑๔. อธบิ ายหลกั การทางานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทัง้ คานวณปรมิ าณ
ตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วข้อง
๑๕. สงั เกต และอธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟเหนีย่ วนากฎการเหน่ยี วนาของฟาราเดย์ และคานวณปรมิ าณตา่ ง
ๆ ทเ่ี กย่ี วข้อง รวมทงั้ นาความรู้เรือ่ งอีเอม็ เอฟเหนยี่ วนาไปอธบิ ายการทางานของเครื่องใช้ไฟฟา้
๑๖. อธิบาย และคานวณความตา่ งศักย์อาร์เอ็มเอสและกระแสไฟฟ้าอารเ์ อม็ เอส
๑๗. อธบิ ายหลกั การทางานและประโยชนข์ องเครื่องกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั ๓ เฟส การแปลงอีเอ็มเอฟ
ของหม้อแปลง และคานวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง
๑๘. อธบิ ายการเกดิ และลักษณะเฉพาะของ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ แสงไม่โพลาไรสแ์ สงโพลาไรสเ์ ชงิ เส้น และ
แผ่นโพลารอยด์รวมท้งั อธบิ ายการนาคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าในช่วงความถี่ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้และหลกั การ
ทางานของอุปกรณท์ ่ีเกย่ี วข้อง
๑๙. สบื ค้น และอธิบายการสื่อสารโดยอาศัยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ ในการสง่ ผ่านสารสนเทศ และเปรียบเทยี บ
การส่อื สารดว้ ยสญั ญาณแอนะล็อกกับสัญญาณดิจทิ ลั
รวมทั้งหมด ๑๙ ผลการเรยี นรู้

๑๕๕

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๐๕ ฟสิ กิ ส์ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ

ศึกษาหลักการของสสารและฟสิกสแผนใหม่ในเร่ือง ความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสาร
การถ่ายโอนพลังงานความร้อนตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน สภาพยืดหยุ่น ความเค้น ความเครียดว
และมอดุลัสของยัง ความดันในของไหลและกฎพาสคัล แรงพยุงและหลักอารคิมีดีส ความตึงผิว การ
เคลื่อนที่ในของไหล และหลักแบร์นูลลี แก๊สอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส กฎของแก๊สและพลังงานภายใน
ระบบของแกส แนวคดิ เก่ียวกับแบบจาลองอะตอม สมมติฐานของพลงั ค์ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ การเกดิ เส้น
สเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจน การคนพบอิเล็กตรอน ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่ืนและ
อนุภาค กัมมันตภาพรังสี การสลายกัมมันตรังสี ปฏิกิริยานิวเคลียร พลังงานนิวเคลียร รังสีในธรรมชาติ
การปองกนั อันตรายและการใชประโยชนจากกมั มันตภาพรงั สี และพลังงานนิวเคลยี ร

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ติ ประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมทเี่ หมาะสม

ผลการเรียนรู
1. อธิบายและคานวณความร้อนท่ีทาให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ความร้อนท่ีทาให้สสารเปลี่ยนสถานะ

และความร้อนทเ่ี กดิ จากการถ่ายโอนตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน
2. อธิบายสภาพยืดหยุ่นและลักษณะการยืดและหดตัวของวัสดุท่เี ป็นแท่งเมือ่ ถูกกระทาด้วยแรงคา่ ต่าง ๆ

รวมท้ัง ทดลอง อธิบายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาว และมอดุลัสของยัง และ
นาความรู้เรอื่ งสภาพยืดหยุ่นไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
3. อธิบายและคานวณความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลักการ
ทางานของแมนอมิเตอร์ บารอมเิ ตอร์ และเครือ่ งอดั ไฮดรอลกิ
4. ทดลอง อธิบายและคานวณขนาดแรงพยงุ จากของไหล
5. ทดลอง อธบิ ายและคานวณความตึงผิวของของเหลว รวมทงั้ สงั เกตและอธบิ ายแรงหนืดของของเหลว
6. อธิบายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการความต่อเนื่อง และสมการแบร์นูลลี รวมทั้งคานวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนาความร้เู กี่ยวกับสมการความต่อเน่ืองและสมการแบร์นูลลีไปอธิบายหลักการ
ทางานของอปุ กรณต์ า่ ง ๆ
7. อธบิ ายกฎของแก๊สอุดมคตแิ ละคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้อง
8. อธิบายแบบจาลองของแก๊สอุดมคติ ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส และอัตราเร็วอาร์เอ็มเอสของโมเลกุลของ
แกส๊ รวมทง้ั คานวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่ เกย่ี วข้อง
9. อธบิ ายและคานวณงานท่ที าโดยแก๊สในภาชนะปิดโดยความดันคงตวั และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
ความร้อน พลังงานภายในระบบ และงาน รวมท้ังคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง และนาความรู้
เรอ่ื งพลงั งานภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเครือ่ งใช้ในชวี ติ ประจาวัน
10. อธิบายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ และการเกิดเส้นสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจน
รวมทั้งคานวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง

๑๕๖

11. อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและคานวณพลังงานโฟตอน พลังงานจลน์ของโฟโตอิเล็กตรอน
และฟงั ก์ชนั งานของโลหะ

12. อธบิ ายทวิภาวะของคล่ืนและอนภุ าค รวมท้ัง อธบิ ายและคานวณความยาวคล่นื เดอบรอยล์
13. อธิบายกมั มันตภาพรงั สีและความแตกต่างของรงั สีแอลฟา บีตาและแกมมา
14. อธิบายและคานวณ กัมมันตภาพของนิวเคลียส กัมมันตรังสี รวมทั้ง ทดลอง อธิบาย และคานวณ

จานวนนิวเคลียสกมั มันตภาพรังสที ี่เหลอื จากการสลาย และครึง่ ชวี ิต
15. อธิบายแรงนิวเคลียร์ เสถียรภาพของนิวเคลียส และพลังงานยึดเหนี่ยว รวมท้ังคานวณปริมาณต่าง ๆ

ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
16. อธิบายปฏิกริ ิยานวิ เคลียร์ ฟิชชัน และฟิวชนั รวมท้ังคานวณพลงั งานนิวเคลียร์
17. อธบิ ายประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ และรงั สี รวมทั้ง อันตรายและการปอ้ งกันรงั สใี นดา้ นต่าง ๆ
18. อธิบายการค้นคว้าวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคแบบจาลองมาตรฐาน และการใช้ประโยชน์จากการ

คน้ คว้าวิจยั ด้านฟิสิกส์อนภุ าคในดา้ นต่าง ๆ
รวมท้ังหมด ๑๘ ผลการเรียนรู้

๑๕๗

คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๒๑ เคมี ๑ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์

ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ

อธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทาปฏิบัติการเคมีเพ่ือให้มี
ความปลอดภัยท้ังต่อตนเอง ผู้อื่นและส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เลือก และใช้
อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการทาปฏิบัติการ และวัดปริมาณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม นาเสนอแผนการ
ทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง ระบุหน่วยวัดปริมาณต่างๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดให้
เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟกเตอร์เปล่ียนหน่วย สืบค้นข้อมูลสมมติฐาน การทดลอง หรือผล
การทดลองท่เี ป็นประจักษ์พยานในการเสนอแบบจาลองอะตอมของนักวิทยาศาสตร์และอธิบายววิ ัฒนาการ
ของแบบจาลองอะตอม เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ และระบุจานวนโปรตอน นิวตรอน และ
อิเล็กตรอนของอะตอมจากสัญลักษณ์นิวเคลียร์ รวมท้ังบอกความหมายของไอโซโทป อธิบาย และเขียน
การจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อยเมื่อทราบเลขอะตอมของธาตุ ระบุหมู่
คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ของธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันในตารางธาตุ
วเิ คราะห์ และบอกแนวโน้มสมบตั ขิ องธาตเุ รพรีเซนเททฟี ตามหมแู่ ละตามคาบ บอกสมบัติของธาตโุ ลหะแท
รนซิชัน และเปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ อธิบายสมติ และคานวณคร่ึงชีวิต
ของไอโซโทปกัมมันตรังสี สืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อ
สง่ิ มีชวี ิตและส่งิ แวดล้อม อธบิ ายการเกิดไอออนและการเกดิ พันธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรือสญั ลักษณ์
แบบจุดของลิวอิส เขียนสูตร และเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก คานวณพลังงานที่เก่ียวข้องกับปฏิกิริยา
การเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจักรบอร์น-ฮาเบอร์ อธิบายสมบัติของสารประกอบไอออนิก เขียน
สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยาของสารประกอบไอออนิก อธิบายการเกิดพันธะโคเว
เลนต์แบบพันธะเด่ียว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้างลิวอสิ เขียนสูตร และเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์
วิเคราะห์ และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทั้งคานวณพลังงานที่
เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใช้
ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อเิ ลก็ ตรอนในวงเวเลนซแ์ ละระบุสภาพขั้วของโมเลกลุ โคเวเลนต์ ระบชุ นิดของแรง
ยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด และการละลายน้าของสาร
โคเวเลนต์ สืบค้นข้อมูล และอธิบายสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิดต่างๆ อธิบายการเกิด
พนั ธะโลหะและสมบัติของโลหะ เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์
และโลหะ สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชนข์ องสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ
โลหะ ได้อยา่ งเหมาะสม

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม

ผลการเรยี นรู
๑. อธิบายข้อปฏิบัติเบ้ืองตน้ และปฏิบัติตนทแี่ สดงถึงความตระหนักในการทาปฏิบัติการเคมีเพ่ือให้มีความ
ปลอดภยั ทงั้ ตอ่ ตนเอง ผอู้ ่ืนและสงิ่ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแกไ้ ขเมอื่ เกิดอบุ ัตเิ หตไุ ด้

๑๕๘

๒. อธบิ ายการเลือกใชอ้ ปุ กรณ์หรือเครื่องมือในการทาปฏิบัติการ และวัดปริมาณตา่ งๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสมได้
๓. นาเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลองได้
๔. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่างๆ ของสาร และเปล่ียนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟก
เตอร์เปลยี่ นหน่วยได้
๕. สืบค้นข้อมูลสมมติฐาน การทดลอง หรือผลการทดลองท่ีเป็นประจักษ์พยานในการเสนอแบบจาลอง
อะตอมของนกั วิทยาศาสตร์และอธิบายวิวฒั นาการของแบบจาลองอะตอมได้
๖. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ และระบุจานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจาก
สัญลักษณน์ ิวเคลียร์ได้ รวมท้งั บอกความหมายของไอโซโทปได้
๗. อธิบาย และเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานย่อยเม่ือทราบเลข
อะตอมของธาตไุ ด้
๘. ระบุหมู่ คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ของธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชันในตาราง
ธาตุได้
๙. วเิ คราะห์ และบอกแนวโน้มสมบตั ิของธาตุเรพรเี ซนเททฟี ตามหมแู่ ละตามคาบได้
๑๐. บอกสมบตั ขิ องธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทยี บสมบตั ิกับธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรเี ซนเททฟี
๑๑. อธิบายสมติ และคานวณครง่ึ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มันตรงั สี
๑๒. สบื ค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ได้
๑๓. อธิบายการเกดิ ไอออนและการเกดิ พนั ธะไอออนิก โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สญั ลกั ษณแ์ บบจุดของลิวอสิ ได้
๑๔. เขยี นสตู ร และเรยี กชื่อสารประกอบไอออนิกได้
๑๕. คานวณพลังงานทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ปฏกิ ิรยิ าการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวฏั จกั รบอรน์ -ฮาเบอร์ได้
๑๖. อธิบายสมบตั ิของสารประกอบไอออนิกได้
๑๗. เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธขิ องปฏิกริ ยิ าของสารประกอบไอออนิกได้
๑๘. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพนั ธะเดยี่ ว พันธะคู่ และพนั ธะสาม ด้วยโครงสร้างลวิ อิสได้
๑๙. เขียนสตู ร และเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์ได้
๒๐. วเิ คราะห์ และเปรยี บเทยี บความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทงั้ คานวณพลังงาน
ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ปฏกิ ิริยาของสารโคเวเลนตจ์ ากพลังงานพันธะได้
๒๑. คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์และระบุ
สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ได้
๒๒. ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด และ
การละลายน้าของสารโคเวเลนตไ์ ด้
๒๓. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายสมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาขา่ ยชนดิ ต่างๆได้
๒๔. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัตขิ องโลหะได้
๒๕. เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้นข้อมูลและ
นาเสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชนข์ องสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ ได้อย่างเหมาะสม
รวมท้งั หมด ๒๕ ผลการเรยี นรู

๑๕๙

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๒๒ เคมี ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

แปลความหมายสัญลักษณ์ในสมการเคมี เขียนและดุลสมการเคมีของปฏิกิริยาเคมีบางชนิด
คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับมวลสาร คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีท่ี
เกี่ยวข้องกับความเข้มข้นของสารละลาย คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีท่ีเกี่ยวข้องกับปริมาตร
แก๊ส คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีหลายขน้ั ตอน ระบุสารกาหนดปริมาณ และคานวณปริมาณ
สารต่างๆ ในปฏิกิริยาเคมี คานวณผลได้ร้อยละของผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาเคมี บอกความหมายของมวล
อะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ มวลโมเลกุลและมวลสูตร อธิบาย และคานวณ
ปริมาณใดปริมาณหนึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล จานวนอนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สท่ี STP
คานวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสดั สว่ นคงท่ี คานวณสูตรอย่างง่าย
และสูตรโมเลกุลของสาร คานวณความเข้มข้นของสารละลายในหน่วยต่างๆ อธิบายวิธีการ และเตรียม
สารละลายให้มีความเข้มข้นในหน่วยโมลาริตี และปริมาตรสารละลายตามที่กาหนด เปรียบเทียบจุดเดือด
และจุดเยือกแข็งของสารละลายกบั สารบรสิ ุทธ์ิ รวมทงั้ คานวณจุดเดือดและจดุ เยือกแข็งของสารละลาย

โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. บอกความหมายสัญลักษณใ์ นสมการเคมี เขยี นและดุลสมการเคมีของปฏกิ ิรยิ าเคมบี างชนดิ ได้
๒. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิริยาเคมที เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั มวลสารได้
๓. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกริ ยิ าเคมีที่เกีย่ วข้องกบั ความเข้มข้นของสารละลายได้
๔. คานวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ิรยิ าเคมที ี่เกย่ี วข้องกบั ปริมาตรแก๊สได้
๕. คานวณปรมิ าณของสารในปฏิกิริยาเคมีหลายขนั้ ตอนได้
๖. ระบสุ ารกาหนดปรมิ าณ และคานวณปรมิ าณสารตา่ งๆ ในปฏิกิรยิ าเคมีได้
๗. คานวณผลไดร้ ้อยละของผลิตภัณฑ์ในปฏิกริ ิยาเคมีได้
๘. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคานวณมวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ มวลโมเลกลุ และมวลสูตร
ได้
๙. อธบิ าย และคานวณปริมาณใดปริมาณหน่ึงจากความสมั พันธ์ของโมล จานวนอนุภาค มวล และปริมาตร
ของแกส๊ ที่ STP ได้
๑๐. คานวณอตั ราสว่ นโดยมวลของธาตอุ งคป์ ระกอบของสารประกอบตามกฎสดั ส่วนคงที่ได้
๑๑. คานวณสูตรอยา่ งง่ายและสตู รโมเลกุลของสารได้
๑๒. คานวณความเข้มขน้ ของสารละลายในหนว่ ยต่างๆ ได้
๑๓. อธิบายวิธีการ และเตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้นในหน่วยโมลาริตี และปริมาตรสารละลายตามที่
กาหนดได้

๑๖๐

๑๔. เปรียบเทียบจุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสารละลายกับสารบริสุทธิ์ รวมท้ังคานวณจุดเดือดและจุด
เยือกแข็งของสารละลายได้
รวมทั้งหมด ๑๔ ผลการเรยี นรู้

๑๖๑

ว ๓๐๒๒๓ เคมี ๓ คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ
ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

ศกึ ษาสมบัติของแกส๊ ความสมั พนั ธ์ปริมาตร อุณหภมู ิ ความดัน จานวนโมล ของแก๊สที่ สภาวะต่าง
ๆ กฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์ลูสแซก กฎรวมแก๊ส กฎของอโวกาโดร กฎแก๊ส อุดมคติ ทฤษฎี
จลน์ของแก๊ส การแพร่ของแก๊ส กฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม ความหมายอัตราการ เกิดปฏิกิรยิ าเคมี อัตรา
การเกิดปฏิกิริยาเคมีเฉล่ีย อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ณ ขณะหนึ่ง ทฤษฎีการ ชนของแก๊ส ทฤษฎีสภา
นะแทรนซิชัน ความเข้มข้น พ้ืนท่ีผิว อุณหภูมิ ตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีผลต่ออัตรา การเกิดปฏิกิริยาเคมี
ความหมายของปฏิกิริยาผันกลับได้และภาวะสมดุล ปฏิกิริยาไปข้างหน้า ปฏิกิริยาย้อนกลับ ค่าคงที่สมดุล
ความเข้มข้น ความดัน อุณหภูมิท่ีมีผลต่อภาวะสมดุล หลักของเลอ ชาเตอลิเอ โดยใช้ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ การใช้จานวน การทดลอง การกาหนดและ ควบคุมตัวแปร การสังเกต การวัด การจัด
กระทาและส่ือความหมายข้อมลู การตีความหมายขอ้ มูล และลงขอ้ สรปุ

โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
1. อธิบายความสัมพันธ์และคานวณปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สที่ภาวะต่าง ๆ ตามกฎของ
บอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก
2. คานวณปรมิ าตร ความดัน หรอื อณุ หภมู ขิ องแกส๊ ทีภ่ าวะตา่ ง ๆ ตามกฎรวมแก๊ส
3. คานวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จานวนโมล หรือมวลของแก๊สจากความสัมพนั ธ์ตามกฎของอาโว
กา- โดร และกฎแก๊สอุดมคติ
4. คานวณความดันย่อยหรือจานวนโมลของแก๊สในแก๊สผสม โดยใช้กฎความดันย่อยของดอลตัน
5. อธิบายการแพร่ของแกส๊ โดยใช้ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส คานวณและเปรียบเทยี บอัตราการแพรข่ องแก๊ส
โดยใชก้ ฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม
6. สืบค้นข้อมูล นาเสนอตัวอย่าง และอธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติและกฎต่าง ๆ ของ
แก๊สในการอธิบายปรากฏการณ์ หรือแกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวันและในอตุ สาหกรรม
7. ทดลองและเขียนกราฟการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสารท่ีทาการวัดในปฏิกิริยา
8. คานวณอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และเขียนกราฟการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของสารที่ไม่ได้วัดใน
ปฏิกิริยา
9. เขียนแผนภาพ และอธิบายทิศทางการชนกันของอนุภาคและพลังงานที่ส่งผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา
เคมี

10. ทดลอง และอธิบายผลของความเข้มข้น พ้ืนที่ผิวของสารต้ังต้น อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยา
ท่ีมีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

11. เปรียบเทียบอัตราการเกิดปฏิกิริยาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นพ้ืนท่ีผิวของสารตั้งต้น
อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยา

๑๖๒

12. ยกตวั อยา่ งและอธบิ ายปัจจยั ทม่ี ีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมใี นชีวติ ประจาวัน หรอื อตุ สาหกรรม
13. ทดสอบและอธิบายความหมายของปฏกิ ริ ิยาผนั กลับได้และภาวะสมดุล
14. อธิบายการเปล่ียนแปลงความเข้มข้นของสารอัตราการเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้า และอัตราการ

เกิดปฏิกริ ิยายอ้ นกลับ เมอ่ื เริ่มปฏกิ ริ ิยาจนกระทง่ั ระบบอย่ใู นภาวะสมดุล
15. คานวณค่าคงทสี่ มดุลของปฏกิ ริ ยิ า
16. คานวณความเขม้ ขน้ ของสารทภ่ี าวะสมดุล
17. คานวณค่าคงที่สมดลุ หรือความเข้มข้นของปฏกิ ิรยิ าหลายข้นั ตอน
18. ระบปุ ัจจัยท่มี ผี ลต่อภาวะสมดุลและคา่ คงทส่ี มดุลของระบบ รวมท้ังคาดคะเนการเปลีย่ นแปลงที่

เกิดข้นึ เม่ือภาวะสมดุลของระบบถูกรบกวน โดยใช้หลักของเลอชาเตอลิเอ
19. ยกตัวอยา่ ง และอธิบายสมดุลเคมีของกระบวนการที่เกิดข้ึนในส่ิงมชี ีวติ ปรากฏการณใ์ นธรรมชาติ

และกระบวนการในอุตสาหกรรม
รวมทั้งหมด 19 ผลการเรียนรู้

๑๖๓

คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๒๔ เคมี ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาทฤษฎีกรด-เบส ของอารเ์ รเนียส เบรินสเตด-ลาวรี ลวิ อิส คู่กรด-คเู่ บสของสารตาม ทฤษฎีเบ
รินสเตด-ลาวรี สารละลายบัฟเฟอร์ ความสามารถในการแตกตัว ความแรงของกรด-เบส ค่า pH ความ
เข้มข้นของ H3O+ OH- การแตกตัวของกรด-เบส ค่าคงที่การแตกตัวของกรด-เบส ปฏิกิริยา ระหว่างกรด
และเบส ค่าคงท่ีการแตกตัวของนา้ ปฏกิ ิริยาไฮโดรลิซิสของเกลือ การไทเทรตกรด-เบส การเลือกใช้อินดิเค
เตอร์ที่เหมาะสมสาหรับการไทเทรต ศึกษาเลขออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัว รีดิวซ์ ตัวออกซิไดส์ ตัวถูก
รีดิวซ์ ตัวถูกออกซิไดส์ คร่ึงปฏิกิริยาออกซิเดชัน คร่ึงปฏิกิริยารีดักชัน การ ดุลสมการรีดอกซ์โดยใช้เลข
ออกซเิ ดชนั และครึ่งปฏิกริ ิยา เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี เซลล์กัลวานิก เซลลอ์ ิเล็ก โทรไลติก แผนภาพเซลล์ ศักย์ไฟฟ้า
มาตรฐานของเซลล์ เซลล์ปฐมภูมิ เซลล์ทุติยภูมิ การชุบโลหะ การ แยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การทา
โลหะให้บริสุทธ์ิ การป้องกันการกัดกร่อนของโลหะ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับเซลล์ไฟฟ้า
เคมีในชีวิตประจาวัน โดยใช้ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
การใชจ้ านวน การทดลอง การสังเกต การ จัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม

ผลการเรยี นรู้
1. ระบุ และอธบิ ายว่าสารเป็นกรดหรือเบสโดยใชท้ ฤษฎีกรด – เบสของอาร์เรเนยี ส เบรินสเตด –

ลาวรี และลวิ อิส
2. ระบุคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรนิ สเตด-ลาวรี
3. คานวณ และเปรยี บเทียบความสามารถในการแตกตัวหรือความแรงของกรดและเบส
4. คานวณค่า pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลาย

กรดและเบส
5. เขยี นสมการเคมีแสดงปฏกิ ริ ยิ าสะเทิน และระบุความเปน็ กรด-เบสของสารละลายหลงั การสะเทิน
6. เขยี นปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลิซสิ ของเกลือ และระบุความเป็นกรด-เบสของสารละลายเกลือ
7. ทดลอง และอธิบายหลักการการไทเทรตและเลือกใช้อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมสาหรับการ

ไทเทรต กรด-เบส
8. คานวณปริมาณสารหรือความเข้มข้นของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต
9. อธิบายสมบัติองค์ประกอบ และประโยชนข์ องสารละลายบฟั เฟอร์
10. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอย่างการใช้ประโยชน์ และการแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้
เกี่ยวกับ กรด–เบส
11. คานวณเลขออกซิเดชัน และระบุปฏิกิริยาท่ีเป็นปฏิกิริยารีดอกซ์

๑๖๔

12. วเิ คราะห์การเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชนั และระบตุ วั รีดวิ ซ์และตวั ออกซิไดส์ รวมทัง้ เขียนคร่งึ
ปฏกิ ิรยิ าออกซิเดชนั และครึ่งปฏิกิรยิ ารดี ักชนั ของปฏิกิริยารีดอกซ์

13. ทดลอง และเปรยี บเทียบความสามารถในการเปน็ ตวั รีดิวซ์หรือตัวออกซิไดส์ และเขียนแสดง
ปฏิกริ ิยารีดอกซ์

14. ดลุ สมการรดี อกซด์ ้วยการใช้เลขออกซิเดชนั และวธิ คี ร่ึงปฏิกริ ยิ า
15. ระบอุ งคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมีไฟฟา้ และเขียนสมการเคมีของปฏกิ ริ ยิ าที่แอโนดและแคโทด

ปฏิกริ ยิ ารวม และแผนภาพเซลล์
16. คานวณคา่ ศักย์ไฟฟา้ มาตรฐานของเซลลแ์ ละระบปุ ระเภทของเซลลเ์ คมไี ฟฟา้ ข้วั ไฟฟ้าและ
ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ่ีเกิดขึน้
17. อธบิ ายหลักการทางาน และเขียนสมการแสดงปฏกิ ริ ิยาของเซลล์ปฐมภมู แิ ละเซลลท์ ุตยิ ภมู ิ
18. ทดลองชบุ โลหะและแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟา้ และอธบิ ายหลักการทางเคมีไฟฟา้ ทีใ่ ชใ้ นการ
ชุบโลหะ การแยกสารเคมีดว้ ยกระแสไฟฟ้า การทาโลหะให้บรสิ ทุ ธิ์ และการป้องกันการกัดกรอ่ นของ
โลหะ
19. สบื ค้นขอ้ มลู และนาเสนอตวั อย่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทีเ่ กี่ยวข้องกบั เซลลเ์ คมีไฟฟ้าใน

ชวี ิตประจาวนั
รวมทั้งหมด 19 ผลการเรียนรู้

๑๖๕

คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๒๕ เคมี ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

สืบคน้ ขอ้ มูลและนาเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มพี ันธะเด่ียว พันธะคู่ หรือพันธะสามท่ีพบ
ในชีวิตประจาวัน เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสูตรโครงสร้างแบบเส้นของ
สารประกอบอนิ ทรีย์ วิเคราะห์โครงสร้างและระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟังก์ชัน
เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ ท่ีมีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน ๑ หมู่ ตามระบบ
IUPAC เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุด
เดอื ดและการละลายในน้าของสารประกอบอนิ ทรีย์ทมี่ หี มูฟ่ ังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างตา่ งกนั ระบุ
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน
หรือปฏิกริ ิยากับโพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนตเขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาการไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน ทดสอบปฏิกิริยาเอ
สเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการ
นาสารประกอบอนิ ทรยี ์ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวันและอตุ สาหกรรม ระบุประเภทของปฏิกิริยาการเกิด
พอลิเมอร์จากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์ วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมทั้งการนาไปใช้ประโยชน์ ทดสอบและระบุประเภทของพลาสติก
และผลิตภัณฑ์ยาง รวมทั้งการนาไปใช้ประโยชน์ อธิบายผลของการปรับเปล่ียนโครงสร้าง และการ
สังเคราะหพ์ อลเิ มอร์ท่มี ีต่อสมบัตขิ องพอลเิ มอร์ สืบค้นข้อมูลและนาเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใช้และ
การกาจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์และแนวทางแก้ไข กาหนดปัญหาและนาเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยใช้
ความรู้ทางเคมีจากสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน การประกอบอาชีพหรืออุตสาหกรรม แสดง
หลักฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมีร่วมกับสาขาวิชาอื่น รวมทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
หรือกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์
เพ่ือแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นท่ีสนใจ นาเสนอผลงานหรือช้ินงานท่ีได้จากการแก้ปัญหาใน
สถานการณ์หรือประเด็นที่สนใจโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการสัมนา การเข้าร่วม
ประชุมวิชาการ หรือการแสดงผลงานส่งิ ประดิษฐ์ในงานนิทรรศการ

โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาค วามรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. สืบคน้ ข้อมลู และนาเสนอตัวอยา่ งสารประกอบอนิ ทรยี ์ที่มพี ันธะเดยี่ ว พันธะคู่ หรอื พันธะสามได้
๒. เขยี นสูตรโครงสร้างลวิ อสิ สูตรโครงสรา้ งแบบยอ่ และสตู รโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบอนิ ทรยี ์ได้
๓. วเิ คราะห์โครงสร้างและระบปุ ระเภทของสารประกอบอนิ ทรียจ์ ากหมูฟ่ งั ก์ชันได้
๔. เขียนสูตรโครงสร้างและเรยี กชื่อสารประกอบอินทรยี ์ประเภทต่างๆ ท่มี ีหมฟู่ ังก์ชนั ไม่เกิน ๑ หมู่ ตามระบบ
IUPAC ได้
๕. เขยี นไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งของสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ

๑๖๖

๖. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้าของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด
โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกันได้
๗. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับ
โบรมีน หรือปฏิกริ ิยากบั โพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนตได้
๘. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยา
การไฮโดรลิซสิ และปฏกิ ิริยาสะปอนนฟิ เิ คชนั ได้
๙. ทดสอบปฏิกิรยิ าเอสเทอรฟิ ิเคชัน ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ และปฏกิ ิริยาสะปอนนฟิ เิ คชนั
๑๐. สืบค้นข้อมูล และนาเสนอตัวอย่างการนาสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันและ
อตุ สาหกรรมได้
๑๑. ระบปุ ระเภทของปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลเิ มอร์จากโครงสรา้ งของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอรไ์ ด้
๑๒. วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ รวมท้ังการนาไปใช้
ประโยชน์ได้
๑๓. ทดสอบและระบุประเภทของพลาสตกิ และผลิตภณั ฑ์ยาง รวมทั้งการนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้
๑๔. อธบิ ายผลของการปรบั เปล่ยี นโครงสรา้ ง และการสงั เคราะหพ์ อลิเมอร์ทมี่ ีต่อสมบัตขิ องพอลเิ มอรไ์ ด้
๑๕. สืบค้นขอ้ มูลและนาเสนอตัวอยา่ งผลกระทบจากการใชแ้ ละแนวทางการกาจัดผลติ ภณั ฑ์พอลิเมอร์ได้
๑๖. ระบุปัญหาและนาเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยใช้ความรู้ทางเคมีจากสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนใน
ชีวติ ประจาวนั การประกอบอาชพี หรอื อตุ สาหกรรมได้
๑๗. แสดงหลักฐานถึงการบูรณาการความรู้ทางเคมีร่วมกับสาขาวิชาอื่น รวมทั้งทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์หรือกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาและความคิด
สร้างสรรค์ เพือ่ แกป้ ัญหาในสถานการณห์ รอื ประเด็นทส่ี นใจ
๑๘. นาเสนอผลงานหรือชิ้นงานที่ได้จากการแก้ปัญหาในสถานการณ์หรือประเด็นท่ีสนใจโดยใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศได้
๑๙. แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการสัมนา การเข้าร่วมประชุมวิชาการ หรือการแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์ใน
งานนทิ รรศการ
รวมทั้งหมด ๑๙ ผลการเรียนรู

๑๖๗

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๔๑ ชวี วิทยา ๑ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์

ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของส่ิงมีชีวิต ลักษณะเฉพาะของส่ิงมีชีวิต แขนงวิชาที่เก่ียวข้องกับ
ชีววิทยา และการใช้ความรู้ทางชีววิทยาที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม ชีววิทยากับการ
ดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ความตระหนักในเรื่องของชีวจริยธรรม การศึกษาชีววิทยาโดยวิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ รวมท้ังการศึกษาวิธีการทางานของนักวิทยาศาสตร์ และนาความรู้เกี่ยวกับชีววิทยามา
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน การทากิจกรรมสะเต็มศึกษาโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง ศึกษาเคมีท่ีเป็นพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต โครงสร้างและหน้าท่ีของสารต่างๆ ท่ี เป็น
องค์ประกอบในเซลล์ของส่ิงมีชีวิต และปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของส่ิงมีชีวิต ศึกษาส่วนประกอบของ กล้อง
จลุ ทรรศน์ใช้แสง หลกั การทางาน วิธีการใช้รวมทั้งการดูแลและเกบ็ รักษา ศกึ ษาโครงสร้าง และ หน้าท่ขี อง
ส่วนท่ีห่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ การ หายใจระดับ
เซลล์ซึ่งเป็นกระบวนการท่ีเซลล์สร้างพลังงานจากการสลายสารอาหารสาหรับนาไปใช้ใน กิจกรรมต่างๆ
ของเซลล์ และการแบ่งเซลล์

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายและสรุปสมบตั ทิ ี่สาคญั ของสง่ิ มีชีวิตและความสัมพันธข์ องการจดั ระบบในสง่ิ มีขวี ิตทที่ าให้
สงิ่ มชี วี ติ ดารงชีวิตอยูไ่ ด้
๒. อภปิ รายและบอกความสาคญั ของการระบปุ ญั หา ความสมั พันธ์ระหว่างปญั หา สมมติฐาน และวธิ ีการ
ตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมทั้งการออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมตฐิ าน
๓. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายเก่ียวกบั สมบตั ิของน้าและบอกความสาคัญของนา้ ทม่ี ตี ่อสงิ่ มีชวี ติ และยกตวั อย่าง
ธาตุชนิดตา่ งๆทม่ี ีความสาคญั ตอ่ ร่างกายส่งิ มีชวี ิต
๔. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของคาร์โบไฮโดรต ระบุกลมุ่ ของคาร์โบไฮเดรตรวมทงั้ ความสาคญั ของ
คาร์โบไฮเดรตทีม่ ตี ่อส่งิ มีชวี ิต
๕. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายโครงสรา้ งของโปรตนี และความสาคัญของโปรตีนทมี่ ตี ่อส่งิ มีชีวิต
๖. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสรา้ งของลิพดิ และความสาคัญของลิพดิ ที่มีตอ่ สงิ่ มีชีวิต
๗. อธิบายโครงสร้างของกรดนวิ คลอิ ิกและระบชุ นิดของกรดนวิ คลิอิกและความสาคญั ของกรดนิวคลิอิกทม่ี ี
ต่อสง่ิ มีชีวิต
๘. สบื ค้นขอ้ มูลและอธบิ ายปฏกิ ริ ิยาเคมที ี่เกดิ ขึน้ ในสิ่งมชี ีวติ
๙. อธบิ ายการทางานของเอนไซม์ในการเร่งปฏกิ ิรยิ าเคมใี นส่งิ มีชีวติ และระบุปจั จัยที่มีผลต่อการทางานของ
เอนไซม์
๑๐. บอกวธิ กี ารและเตรยี มตัวอยา่ งส่ิงมีชวี ติ เพ่ือศึกษาภายใตก้ ลอ่ งจุลทรรศน์ใชแ้ สง วัดขนาดโดยประมาณ
และวาดภาพที่ปรากฏภายใต้กล้อง บอกวธิ ีการใช้ และการดูแลรักษากลอ้ งจุลทรรศนใ์ ช้แสงท่ีถกู ตอ้ ง
๑๑. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ทข่ี องสว่ นท่หี อ่ หุ้มเซลล์ของเซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์

๑๖๘

๑๒. สบื ค้นข้อมูล อธิบาย และระบชุ นิดและหน้าท่ีของออรแ์ กเนลล์
๑๓. อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ทข่ี องนวิ เคลียส
๑๔. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอรต์
๑๕. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย และเขียนภาพการลาเลียงสารโมเลกลุ ใหญอ่ อกจากเซลลด์ ้วยกระบวนการเอกโซ
ไซโทซิส และการลาเลยี งสารโมเลกุลใหญเ่ ข้าสู่เซลล์ด้วยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ
๑๖. สงั เกตการแบง่ นิวเคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิสจากตัวอยา่ งภายใต้กล้องจลุ ทรรศน์ พร้อมทง้ั
อธบิ ายและเปรียบเทียบการแบง่ นวิ เคลยี สแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิส
๑๗. อธบิ าย เปรียบเทยี บ และสรุปข้นั ตอนการหายใจระดับเซลล์ในภาวะที่มีออกซิเจนเพยี งพอและภาวะที่
มีออกซิเจนไม่เพียงพอ
๑๘. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดิน
อาหาร สัตว์ท่ีมที างเดินอาหารแบบไมส่ มบูรณ์ และสัตว์ทีม่ ีทางเดนิ อาหารแบบสมบรู ณ์
๑๙. สังเกต อธบิ าย การกินอาหารของไฮดราและพลานาเรีย
๒๐. อธิบายเก่ียวกับโครงสรา้ ง หน้าที่ และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซมึ สารอาหารภายในระบบ
ยอ่ ยอาหารของมนษุ ย์
รวมทัง้ หมด ๒๐ ผลการเรียนรู

๑๖๙

คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม

ว ๓๐๒๔๒ ชวี วทิ ยา ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

ศึกษาเก่ียวกับโครโมโซม และสารพันธุกรรม โครงสร้างของ DNA การจาลอง DNA การ ควบคุม
ลักษณะพันธุกรรมของ DNA มิวเทชัน และการเกิดมิวเทชัน ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม
การศกึ ษาพันธุกรรมของเมนเดล การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่ เป็นส่วนขยายของ
พันธศุ าสตรเ์ มนเดล การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมเพศ ยนี บนโครโมโซมเดียวกัน ศึกษาเทคโนโลยที าง DNA
พันธุวิศวกรรมและการโคลนยีน การหาขนาดของ DNA และการหาลาดับ นิวคลีโอไทด์ การประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีทาง DNA กับความปลอดภัยทางชีวภาพและชีวจริยธรรม ศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ
หลักฐานและข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต แนวคิด เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
พนั ธศุ าสตร์ประชากร ปจั จัยทีท่ าใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงความถ่ขี อง แอลลีล และกาเนดิ สปีซีส์

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรยี นรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจา
วนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
1. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และสรปุ ผลการทดลอง ของเมนเดล
2. อธิบาย และสรุปกฎแห่งการแยก และกฎแหง่ การรวมกลมุ่ อยา่ งอสิ ระ และนากฎของเมนเดลนไ้ี ปอธิบาย
การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมและใชใ้ นการคานวณโอกาสในการเกดิ ฟโี นไทป์ และจีโนไทป์แบบต่าง
ๆ ของรุ่น F1 และ F2
3. สบื คน้ ข้อมลู วิเคราะห์ อธบิ าย และสรุปเก่ยี วกบั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม ท่ี เป็นสว่ นขยาย
ของพันธศุ าสตรเ์ มนเดล
4. สบื คน้ ขอ้ มลู วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลักษณะทางพนั ธุกรรมทีม่ ีการแปรผนั ไมต่ อ่ เนื่อง และลักษณะ
ทางพนั ธุกรรมทม่ี ีการแปรผันตอ่ เนอ่ื ง
5. อธบิ ายการถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม และยกตัวอย่างลกั ษณะทางพันธุกรรมที่ถกู ควบคมุ ดว้ ยยนี บนออ
โตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ
6. สบื คน้ ขอ้ มูล อธิบายสมบัติและหนา้ ที่ของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองคป์ ระกอบทาง เคมีของ DNA
และสรปุ การจาลอง DNA
7. อธบิ าย และระบุข้นั ตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหนา้ ท่ีของ DNA และ RNA แต่ละชนดิ ใน
กระบวนการสงั เคราะห์ โปรตีน
8. สรุปความสมั พันธร์ ะหว่างสารพนั ธกุ รรม แอลลลี โปรตนี ลักษณะทางพันธุกรรม และ เช่อื มโยงกับ
ความรู้เรอ่ื งพันธุศาสตร์เมนเดล
9. สืบค้นขอ้ มูล และอธิบายการเกดิ มิวเทชันระดบั ยีนและระดบั โครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชัน รวมทง้ั
ยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการทเี่ ปน็ ผลของการเกดิ มิวเทชัน
๑๐. อธบิ ายหลกั การสรา้ งสง่ิ มีชวี ติ ดดั แปรพันธกุ รรมโดยใช้ดีเอน็ เอรีคอมบิแนนท์

๑๗๐

11. สบื คน้ ขอ้ มลู ยกตัวอยา่ ง และอภิปรายการนาเทคโนโลยที างดเี อน็ เอไปประยุกต์ใชท้ ั้งใน ด้าน
สิง่ แวดลอ้ ม นิตวิ ิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคานงึ ถึงด้าน ชวี จรยิ ธรรม
12. สืบคน้ ข้อมลู และอธิบายเกย่ี วกับหลักฐานท่สี นบั สนนุ และขอ้ มลู ที่ใช้อธบิ ายการเกิด วิวัฒนาการของ
สง่ิ มชี ีวิต
13. อธบิ าย และเปรยี บเทียบแนวคดิ เกี่ยวกบั วิวัฒนาการของส่งิ มีชีวิตของฌอง ลามาร์ก และ ทฤษฎี
เกี่ยวกบั วิวัฒนาการของสงิ่ มชี ีวิตของชาลส์ ดารว์ ิน
14. ระบุสาระสาคัญ และอธิบายเงอ่ื นไขของภาวะสมดุลของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิรก์ ปัจจยั ที่ทาให้ เกิดการ
เปล่ียนแปลงความถี่ของแอลลลี ในประชากร พร้อมทั้งคานวณหาความถข่ี องแอลลีลและจโี น ไทปข์ อง
ประชากรโดยใชห้ ลกั ของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์
15. สบื ค้นขอ้ มลู อภปิ ราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปีชีสใ์ หม่ของสง่ิ มีชีวิต
รวม 15 ผลการเรียนรู้

๑๗๑

คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๔๓ ชวี วทิ ยา ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์

ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษา วิเคราะห์ โครงสร้างเน้ือเยื่อและหน้าท่ี ส่วนลาต้น และรากของพืช การเจริญเติบโต ของ
ส่วนลาต้น ราก ของพืช โครงสร้างของดอก การสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืชดอก การถ่ายละออง เรณู การ
ปฏิสนธิ และวัฏจักรของพืช การเกิดผล เมล็ด และการงอกของเมล็ด โครงสร้าง และหน้าท่ี ของใบ การ
ค้นคว้าเกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ปฏิกิริยาท่ีเกิดขึ้นในกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง
แรงวัตถุท่ีใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ปัจจัยบางประการที่มีผลต่ออัตรา การสังเคราะห์ด้วยแสง
การแลกเปล่ียนก๊าซ การคายน้า การลาเลียงสารในพืช การควบคุมการ เจริญเติบโตของพืช และการ
ตอบสนองของพืชตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่เี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. อธบิ ายเกีย่ วกับชนดิ และลกั ษณะของเนื้อเย่ือพชื และเขียนแผนผังเพ่ือสรปุ ชนิดของเน้ือเยื่อพืช
๒. สังเกต อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสรา้ งภายในของรากพืชใบเลย้ี งเดย่ี วและรากพืชใบเลี้ยงคู่จากการ

ตดั ตามขวาง
๓. สงั เกต อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลาต้นพืชใบเล้ยี งเด่ยี วและลาตน้ พืชใบเล้ียงคจู่ าก

การตดั ตามขวาง
๔. สังเกต และอธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพชื จากการตัดตามขวาง
๕. สืบคน้ ข้อมูล สังเกต และอธบิ ายการแลกเปลี่ยนแกส๊ และการคายน้าของพชื
๖. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบายกลไกการลาเลียงน้าและธาตุอาหารของพชื
๗. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายความสาคญั ของธาตอุ าหาร และยกตัวอยา่ งธาตุอาหารท่สี าคัญท่มี ีผลตอ่ การ

เจรญิ เตบิ โตของพชื
๘. อธิบายกลไกการลาเลยี งอาหารในพืช
๙. สืบคน้ ข้อมูล และสรปุ การศึกษาท่ไี ดจ้ ากการทดลองของนกั วทิ ยาศาสตร์ในอดตี เกยี่ วกับกระบวนการ

สังเคราะห์ด้วยแสง
๑๐.อธบิ ายขั้นตอนท่เี กดิ ข้ึนในกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพืช C๓
๑๑.เปรยี บเทียบกลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซดใ์ นพืช C๓ พืช C๔ และ พืช CAM
๑๒.สบื ค้นข้อมูล อภิปราย และสรุปปัจจยั ความเขม้ ของแสง ความเขม้ ขน้ ของคาร์บอนไดออกไซด์ และ

อุณหภมู ิ ทมี่ ีผลต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช
๑๓.อธบิ ายวฏั จกั รชีวิตแบบสลับของพืชดอก
๑๔.อธิบาย และเปรียบเทยี บกระบวนการสรา้ งเซลล์สบื พันธุ์เพศผแู้ ละเพศเมียของพืชดอก และอธบิ ายการ

ปฏิสนธขิ องพชื ดอก

๑๗๒

๑๕.อธบิ ายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสรา้ งของเมล็ดและผล และยกตวั อย่างการใช้
ประโยชนจ์ ากโครงสร้างตา่ งๆ ของเมลด็ และผล

๑๖.ทดลอง และอธบิ ายเก่ียวกบั ปัจจยั ต่างๆ ท่มี ีผลต่อการงอกของเมลด็ สภาพพกั ตวั ของเมลด็ และบอก
แนวทางในการแก้สภาพพกั ตัวของเมลด็

๑๗.สบื คน้ ข้อมลู อธิบายบทบาทและหนา้ ทข่ี องออกซนิ ไซโทไคนิน จบิ เบอเรลลนิ เอทิลนี และกรดแอบไซ
ซิก และอภปิ รายเกย่ี วกับการนาไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร

๑๘.สืบค้นขอ้ มลู ทดลอง และอภิปรายเกย่ี วกับสง่ิ เรา้ ภายนอกทม่ี ีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพืช
รวมทง้ั หมด ๑๘ ผลการเรยี นรู

๑๗๓

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๔๔ ชวี วิทยา ๔ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษา วิเคราะห์ ขบวนการและวิธีการเอาอาหารเข้าสู่เซลล์ร่างกายของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว และ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ประเภทการย่อยอาหารในสิ่งมีชีวิต เปรียบเทียบโครงสร้าง หน้าท่ีใน ระบบย่อย
อาหารของสัตว์มีกระดูกสันหลังและมนุษย์ ขบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์ เพื่อให้ได้ พลังงาน
โครงสร้างการหายใจของส่ิงมีชีวิตและขบวนการควบคุมการแลกเปลี่ยนแก๊สในมนุษย์ โครงสร้างระบบ
ขับถ่ายของส่ิงมีชีวิต ขบวนการลาเลียงสารเข้า – ออกจากเซลล์ร่างกาย โครงสร้าง หน้าที่ของระบบ
ลาเลียงสารในร่างกาย ส่วนประกอบของเลือด หมู่เลือด โครงสร้างหน้าที่และกลไก การทางานของระบบ
ภูมิค้มุ กันโรคของมนุษย์

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชวี ิตประจาวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลการเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่ มี

ทางเดนิ อาหาร สัตวท์ ม่ี ที างเดินอาหารแบบไมส่ มบูรณ์และสัตว์ที่มที างเดินอาหารแบบสมบูรณ์
2. สงั เกต อธบิ าย การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรยี สังเกต อธบิ าย และเปรียบเทียบ
3. อธิบายเกยี่ วกบั โครงสรา้ ง หน้าทแี่ ละกระบวนการย่อยอาหาร และการดดู ซมึ สารอาหาร ภายใน

ระบบย่อยอาหารของมนุษย์
4. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างท่ีทาหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊สของฟองน้า ไฮดรา

พลานาเรยี ไสเ้ ดือนดนิ แมลง ปลา กบ และนก
5. สงั เกต และอธิบายโครงสรา้ งของปอดในสัตว์เลี้ยงลกู ดว้ ยน้านม
6. สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนแก๊ส และกระบวนการแลกเปลี่ยน แก๊ส

ของมนุษย์
7. อธิบายการทางานของปอด และทดลองวัดปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของมนษุ ย์
8. สบื ค้นข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบระบบหมนุ เวียนเลอื ดแบบเปดิ และระบบหมนุ เวยี น เลอื ด

แบบปดิ
9. สังเกต และอธิบายทิศทางการไหลของเลือดและการเคลื่อนที่ของเซลล์เม็ดเลือดในหาง ปลา

และสรุปความสัมพันธร์ ะหว่างขนาดของหลอดเลือดกับความเรว็ ในการไหลของเลือด
10. อธบิ ายโครงสร้างและการทางานของหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์
11. สังเกต และอธิบายโครงสรา้ งหัวใจของสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม ทิศทางการไหลของเลือด ผ่าน

หัวใจของมนุษยแ์ ละเขียนแผนผังสรปุ การหมุนเวียนเลือดของมนุษย์
12. สืบค้นข้อมูล ระบุความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวเพลตเลต และ

พลาสมา

๑๗๔

13. อธิบายหมู่เลือดและหลักการให้และรับเลือดในระบบ ABO และระบบ Rh 14. อธิบาย และ
สรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหน้าที่ของน้าเหลือง รวมทั้งโครงสร้างและ หน้าท่ีของหลอดน้าเหลือง และ
ตอ่ มน้าเหลือง

14. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทาลายสิ่งแปลกปลอมแบบ ไม่
จาเพาะและแบบจาเพาะ

15. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบการสรา้ งภูมิคุ้มกันก่อเองและภูมิคุ้มกันรบั มา
16. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเก่ียวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทาให้เกิดเอดส์ ภูมิแพ้
การสร้างภูมติ า้ นทานต่อเนอ้ื เยอ่ื ตนเอง
17. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าท่ีในการกาจัดของเสียออกจาก
ร่างกายของฟองน้า ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดอื นดิน แมลง และสตั ว์มีกระดูกสันหลัง
18. อธบิ ายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของไต และโครงสร้างที่ใช้ลาเลียงปสั สาวะออกจากรา่ งกาย
19. อธบิ ายกลไกการทางานของหน่วยไต ในการกาจัดของเสยี ออกจากร่างกาย และเขยี น แผนผัง
สรปุ ข้นั ตอนการกาจัดของเสียออกจากร่างกายโดยหนว่ ยไต
20. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย และยกตัวอยา่ งเกีย่ วกับความผดิ ปกติของไตอันเนือ่ งมาจากโรค ตา่ ง ๆ
รวมทงั้ หมด ๒๐ ผลการเรียนรู

๑๗๕

คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม

ว ๓๐๒๔๕ ชีววิทยา ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

สืบค้นข้อมูล อธิบาย และอภิปรายหลักฐานที่สนับสนุนและข้อมูลที่ใช้อธิบายการเกิดวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิต เปรียบเทยี บแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสงิ่ มีชีวิตของฌอง ลายมาร์ก และทฤษฎีเก่ียวกับ
วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตของชาลส์ ดาร์วินระบุสาระสาคัญและอธิบายเง่ือนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-
ไวน์เบริ ก์ ปจั จัยทท่ี าให้เกิดการเปลยี่ นแปลงความถีข่ องแอลลลี ในประชากร พรอ้ มท้ังคานวณหาความถี่ของ
แอลลีลและจีโนไทป์ของประชากรโดยใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก กระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิต
ความสาคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และความเชื่อมโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม
ความหลากหลายของสปีชีส์และความหลากหลายของระบบนิเวศ การเกิดเซลล์เร่ิมแรกของสิ่งมีชีวิตและ
วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว ลักษณะสาคัญและยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตกลุ่มแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตกลุ่ม
โพรทิสต์ สิ่งมีชีวิตกลุ่มพืช สิ่งมีชีวิตกลุ่มฟังไจ และสิ่งมีชีวิตกลุ่มสัตว์ยกตัวอย่างการจาแนกส่ิงมีชีวิตจาก
หมวดหมู่ใหญ่จนถึงหมวดหมู่ย่อย และวิธีการเขียนช่อื วทิ ยาศาสตร์ในลาดับขั้นสปีชสี ์ สร้างไดโคโทมัสคีย์ใน
การระบุสิ่งมีชีวิตหรือตัวอย่างท่ีกาหนดออกเป็นหมวดหมู่ กระบวนการถ่ายทอดพลังงานในระบบ นิเวศ
การเกิดไบโอแมกนิฟิเคชัน และบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอ แมกนิฟิเคชัน เขียนแผนภาพเพื่อ
อธิบาย วัฏจักรไนโตรเจน วัฏจักรกามะถนั และวฏั จกั รฟอสฟอรัส ลักษณะของไบโอมท่ีกระจายอย่ตู ามเขต
ภมู ศิ าสตร์ตา่ งๆ บนโลก เก่ยี วกับลักษณะเฉพาะของประชากรของ สิง่ มีชวี ติ บางชนิด การเพิม่ ของประชากร
แบบ เอ็กโพเนนเชียลและการเพ่ิมของประชากร แบบลอจิสติก ปัจจัยท่ีควบคุมการ เติบโตของประชากร
ปัญหาการขาด แคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้า และ ผลกระทบที่มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเสนอ
แนวทางการวางแผนการ จัดการน้าและการแก้ไขปัญหา ปัญหามลพิษ ทางอากาศ และผลกระทบท่ีมีต่อ
มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทางการ แก้ไขปัญหา ปัญหาทเ่ี กดิ กับทรัพยากรดนิ และผลกระทบ
ท่ีมีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการทาลาย
ป่าไม้รวมท้ังเสนอแนวทางในการป้องกันการทาลายป่าไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ ปัญหาผลกระทบที่ทาให้
สตั วป์ ่ามจี านวนลดลงและแนวทางในการอนรุ ักษส์ ัตวป์ ่า

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. สบื คน้ ข้อมลู และอธิบายเก่ียวกับหลกั ฐานท่ีสนับสนนุ และข้อมลู ทใ่ี ช้อธบิ ายการเกิดวิวัฒนาการ

ของสง่ิ มชี วี ิต
๒. อธิบายและเปรียบเทยี บแนวคดิ เก่ยี วกบั วิวฒั นาการของสิง่ มีชีวิตของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎี

เกี่ยวกบั วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวติ ของชาลส์ ดารว์ ิน
๓. ระบุสาระสาคญั และอธบิ ายเง่ือนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก ปจั จัยที่ทาให้เกิดการ

เปลย่ี นแปลงความถ่ีของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคานวณหาความถ่ีของแอลลีลและจโี นไทปข์ อง
ประชากรโดยใชห้ ลกั ของฮาร์ดี-ไวน์เบิรก์

๑๗๖

๔. สบื คน้ ข้อมูล อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปีชีส์ใหมข่ องสงิ่ มีชีวติ
๕. อภปิ รายความสาคญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ และความเชอ่ื มโยงระหว่างความ
หลากหลายทางพันธกุ รรม ความหลากหลายของสปชี สี แ์ ละความหลากหลายของระบบนเิ วศ
๖. อธบิ ายการเกิดเซลล์เรม่ิ แรกของสิง่ มชี ีวติ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวติ เซลล์เดยี ว
๗. อธบิ ายลกั ษณะสาคญั และยกตวั อยา่ งสงิ่ มีชวี ิตกล่มุ แบคทีเรีย สงิ่ มชี วี ิตกลุ่มโพรทสิ ต์ สิ่งมีชีวิต
กลุ่มพืช ส่ิงมชี วี ติ กลุม่ ฟังไจ และส่งิ มีชวี ติ กลมุ่ สัตว์
๘. อธิบายและยกตัวอย่างการจาแนกส่ิงมีชวี ิตจากหมวดหมู่ใหญ่จนถงึ หมวดหมู่ย่อย และวิธีการ
เขียนชอื่ วทิ ยาศาสตร์ในลาดับขั้นสปีชสี ์
๙. สร้างไดโคโทมสั คียใ์ นการระบสุ ิ่งมชี วี ติ หรือตวั อย่างท่ีกาหนดออกเปน็ หมวดหมู่
๑๐. เคราะห์ อธบิ าย และยกตวั อย่าง กระบวนการถา่ ยทอดพลังงานในระบบ นเิ วศ
๑๑. อธบิ าย ยกตัวอย่างการเกิดไบโอแมกนิฟิเคชนั และบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอ แมกนฟิ ิเค
ชัน
๑๒. สบื ค้นข้อมูล และเขยี นแผนภาพเพ่ืออธิบาย วัฏจกั รไนโตรเจน วัฏจกั รก ามะถัน และ วัฏจักร
ฟอสฟอรัส
๑๓. สืบคน้ ขอ้ มูล ยกตัวอยา่ ง และอธิบาย ลักษณะของไบโอมที่กระจายอย่ตู ามเขต ภูมศิ าสตร์
ต่างๆ บนโลก
๑๔. สืบค้นขอ้ มลู ยกตวั อย่าง อธิบาย และ เปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลงแทนท่แี บบ ปฐมภมู แิ ละ
การเปล่ยี นแปลงแทนที่แบบทุตยิ ภมู ิ
๑๕. สืบค้นข้อมลู อธบิ าย ยกตวั อย่างและสรุป เก่ียวกับลักษณะเฉพาะของประชากรของ สง่ิ มีชีวิต
บางชนดิ
๑๖. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย เปรียบเทยี บ และ ยกตัวอยา่ งการเพม่ิ ของประชากรแบบเอ็กโพเนน
เชียลและการเพ่ิมของประชากรแบบลอจิสติก
๑๗. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งปัจจัยที่ควบคุมการ เตบิ โตของประชากร
๑๘. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปัญหาการขาด แคลนน้า การเกิดมลพิษทางน้า และ ผลกระทบ
ที่มตี อ่ มนุษย์และสิ่งแวดลอ้ ม รวมท้งั เสนอแนวทางการวางแผนการ จัดการน้าและการแกไ้ ขปัญหา
๑๙. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หามลพษิ ทางอากาศ และผลกระทบทีม่ ตี ่อมนุษย์ และ
สง่ิ แวดล้อม รวมทงั้ เสนอแนวทางการ แกไ้ ขปญั หา
๒๐. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ปัญหาทเ่ี กดิ กบั ทรัพยากรดิน และผลกระทบทม่ี ีต่อมนุษย์และ
ส่งิ แวดล้อม รวมท้งั เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา
๒๑. วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ ปญั หาผลกระทบทเี่ กดิ จากการทาลายป่าไม้รวมทงั้ เสนอแนวทาง
ในการป้องกนั การทาลายปา่ ไม้และการอนรุ ักษ์ปา่ ไม้
๒๒. วเิ คราะห์ อภปิ ราย และสรุปปัญหาผลกระทบที่ทาให้สัตว์ป่ามีจานวนลดลงและแนวทางใน
การอนุรักษ์สตั ว์ป่า
รวมทั้งหมด ๒๒ ผลการเรยี นรู

๑๗๗

คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ

ว ๓๐๒๖๑ โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต

ศึกษาเก่ียวกับวิทยาศาสตร์โลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก การแบ่งช้นั โครงสร้างโลก คล่ืน
ไหวสะเทือน แบบจาลองโครงสร้างโลก การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี ทฤษฎีและหลักฐานสนับสนุนการ
แปรสัณฐานโลก ทฤษฎีและหลักฐานการแผข่ ยายพ้ืนสมุทร การเคลื่อนทข่ี องแผ่นธรณี การเปลี่ยนลกั ษณะ
ของช้ันหิน ศึกษาธรณีพิบัติภัย ความสัมพันธ์ของตาแหน่งการเกิดภูเขาไฟบนแผ่นธรณี ลักษณะและปัจจัย
ในการปะทุของภูเขา กลไกการเกิดแผ่นดินไหว แบบจาลองการเกิดสึนามิ แนวทางการปฏิบัติตนให้
ปลอดภัยจากธรณีพิบัติภัย การลาดบั เหตุการณ์ทางธรณีวิทยา การลาดับช้ันหิน การวางตัวของชั้นหิน การ
เปลี่ยนแปลงทางธรณีท่ีส่งผลต่อลาดับช้ันหิน อายุทางธรณีวิทยา การเทียบสัมพันธ์ทางลาดับชั้นหิน การ
ลาดบั เหตกุ ารณท์ างธรณีวทิ ยา

โดยใช้การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวนั มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม

ผลการเรียนรู
๑. อธิบายการแบง่ ชน้ั และสมบัติของโครงสร้างโลกพร้อมยกตวั อยา่ งข้อมลู ที่สนบั สนนุ
๒. อธิบายหลักฐานทางธรณวี ิทยาที่สนบั สนนุ การเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี
๓. ระบุสาเหตแุ ละอธบิ ายแนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กบั การเคล่ือนทีข่ องแผ่นธรณีพรอ้ ม

ยกตัวอยา่ งหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทีพ่ บ
๔. วเิ คราะห์หลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทีพ่ บในปจั จุบนั และอธิบายลาดับเหตกุ ารณ์ทางธรณวี ทิ ยาใน

อดีต
๕. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภูเขาไฟระเบิดและปัจจัยที่ทาใหค้ วามรุนแรงของการปะทแุ ละ

รปู ร่างของภูเขาไฟแตกต่างกัน รวมท้ังสืบคน้ ข้อมูลพื้นทเ่ี ส่ียงภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้า
ระวงั และการปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภัย

๖. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดนิ ไหว รวมทัง้ สืบคน้
ขอ้ มูลพ้ืนที่เส่ียงภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย

๗. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสนึ ามิรวมทั้งสืบคน้ ข้อมลู พนื้ ทีเ่ ส่ยี งภยั ออกแบบ
และนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั
รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรยี นรู

๑๗๘

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๖๒ โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์

ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาทรพั ยากรธรณี สมบตั ิทางกายภาพบางประการของแร่ การระบชุ นิดแร่ การใชป้ ระโยชนจ์ าก
ทรัพยากรณ์แร่ กระบวนการเกิดหินอัคนี การจาแนกหินอัคนี กระบวนการเกิดหินตะกอน การจาแนกหิน
ตะกอน กระบวนการเกิดหินแปร การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหิน กระบวนการเกิดแหล่งกักเก็บปิโต
เลยี ม กระบวนการเกิดถ่านหิน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี สมบตั ขิ องผลติ ภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลยี ม
องค์ประกอบของแผนท่ีภูมิประเทศและแผนที่ธรณีวิทยา แผนท่ีภูมิประเทศและเส้นช้ันความสูง ลักษณะ
ของแผนทธี่ รณวี ิทยา การใช้ประโยชน์จากแผนที่ภมู ิประเทศและแผนทธ่ี รณีวิทยา

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความ รู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

ผลการเรียนรู
๑. ตรวจสอบและระบชุ นดิ แร่ รวมท้ังวิเคราะห์สมบตั ิและนาเสนอการใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากร

แร่ท่เี หมาะสม
๒. ตรวจสอบ จาแนกประเภท และระบุชื่อหินรวมทงั้ วเิ คราะห์สมบัตแิ ละนาเสนอการใช้ประโยชน์

ของทรพั ยากรหนิ ท่ีเหมาะสม
๓. อธบิ ายกระบวนการเกิด และการสารวจแหล่งปิโตรเลียมและถ่านหนิ โดยใชข้ ้อมลู ทาง

ธรณีวทิ ยา
๔. อธบิ ายสมบตั ขิ องผลติ ภัณฑท์ ไ่ี ด้จากปิโตรเลยี มและถา่ นหิน พรอ้ มนาเสนอการใชป้ ระโยชน์

อยา่ งเหมาะสม
๕. อ่านและแปลความหมายจากแผนท่ีภมู ปิ ระเทศและแผนท่ธี รณีวิทยาของพ้ืนทท่ี ่ีกาหนด พรอ้ ม

ท้งั อธบิ ายและยกตัวอย่างการนาไปใชป้ ระโยชน์
รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู

๑๗๙

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๖๓ โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ ๓ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาปัจจัยสาคัญที่มผี ลตอ่ การรับและคายพลงั งานจากดวงอาทิตย์ ปัจจยั สาคัญทมี่ ีผลตอ่ อุณหภูมิ
อากาศในแต่ละบริเวณของโลก กระบวนการท่ที าให้เกิดสมดุลพลังงาน แรงคอลิออลสิ แรงสู่ศนู ย์กลาง แรง
เสียดทานที่มีผลต่อการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูดและผลท่ีมีต่อ
ภมู ิอากาศ การแบ่งชั้นน้าในมหาสมุทร ปัจจัยที่ทาให้เกิดการแบ่งช้ันนาในมหาสมุทร การหมุนเวียนของน้า
ในมหาสมุทร รูปแบบการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทร ผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทรท่ีมีต่อ
ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างเสถียรภาพอากาศและการเกิดเมฆ แนวปะทะอากาศแบบ
ตา่ งๆ ลกั ษณะลมฟา้ อากาศ ปัจจัยที่มีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงภมู ิอากาศของโลก เหตุการณ์ทีเ่ ปน็ ผลจากการ
เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก แนวปฏิบัติของมนษุ ย์ท่ชี ่วยชะลอการเปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก สญั ลกั ษณล์ ม
ฟ้าอากาศบนแผนที่อากาศ การคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องต้นจากแผนที่อากาศและข้อมูล
สารสนเทศอ่นื ๆ

โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มทเ่ี หมาะสม

ผลการเรียนรู
๑. อธิบายปัจจยั สาคัญทม่ี ีผลต่อการรับรแู้ ละคายพลงั งานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกัน และผลท่ีมี

ต่ออุณหภมู ิอากาศในแต่ละบริเวณของโลก
๒. อธบิ ายกระบวนการท่ีทาใหเ้ กิดสมดุลพลงั งานของโลก
๓. อธิบายผลของแรงเนื่องจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริออลิส แรงสู่ศนู ยก์ ลาง

และแรงเสยี ดทานท่ีมีต่อการหมุนเวียนของอากาศ
๔. อธบิ ายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูดและผลทมี่ ตี อ่ ภูมิอากาศ
๕. อธิบายปัจจยั ท่ที าใหเ้ กดิ การแบง่ ชนั้ นา้ ในมหาสมุทร
๖. อธบิ ายปัจจัยทีท่ าให้เกิดการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทรและรูปแบบการหมนุ เวียนของน้าใน

มหาสมุทร
๗. อธบิ ายผลของการหมุนเวียนของน้าในมหาสมุทรท่ีมตี ่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชวี ิต และ

สิ่งแวดล้อม
๘. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งเสถียรภาพอากาศและการเกิดเมฆ
๙. อธบิ ายการเกิดแนวปะทะอากาศแบบต่างๆและลักษณะลมฟ้าอากาศท่ีเก่ียวข้อง
๑๐. อธบิ ายปจั จัยตา่ งๆทม่ี ีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศของโลก พร้อมยกตวั อย่างข้อมูลสนบั สนุน
๑๑. วเิ คราะห์และอภปิ รายเหตุการณท์ ีเ่ ป็นผลจากการเปล่ียนแปลงภูมอิ ากาศโลก และนาเสนอ

แนวปฏิบตั ขิ องมนุษยท์ ่ีมีสว่ นชว่ ยในการชะลอการเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลก
๑๒. แปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟ้าอากาศบนแผนทอ่ี ากาศ

๑๘๐

๑๓. วเิ คราะหแ์ ละคาดการณ์ลักษณะลมฟ้าอากาศเบื้องตน้ จากแผนที่อากาศและข้อมลู สารสนเทศ
อน่ื ๆ เพื่อวางแผนในการประกอบอาชีพและการดาเนินชวี ติ ให้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ
รวมทั้งหมด ๑๓ ผลการเรยี นรู

๑๘๑

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๖๔ โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ ๔ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์

ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาทฤษฎีกาเนิดเอกภพ ทฤษฎีบิกแบง วิวัฒนาการของเอกภพ ระหว่างความเร็วกับระยะทาง
ของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซี ตาแหน่งของระบบสุริยะ การเกิดดาวฤกษ์
กระบวนการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์ ปฏิกิริยาลูกโซ่โปรตอน-โปรตอน วัฏจักรคาร์บอน ไนโตรเจน
ออกซิเจน ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ ค่าโชติมาตรของดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์ อุณหภมู ิผวิ และสเปกตรัม
ของดาวฤกษ์ ระยะทางของดาวฤกษ์ หลกั การแพรัลแลกซ์ มวลของดาวฤกษ์ ววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์ แผน
ภาพเฮริ ์ซปรงุ -รัชเซลล์

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจาวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม

ผลการเรยี นรู
๑. อธบิ ายการกาเนดิ และการเปลย่ี นแปลงพลังงาน สสาร ขนาดอณุ หภูมิของเอกภพหลงั เกิดบิ

กแบงในช่วงเวลาตา่ งๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ
๒. อธบิ ายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎบี กิ แบงจากความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความเรว็ กับระยะทางของ

กาแล็กซี รวมท้ังข้อมลู การค้นพบไมโครเวฟพืน้ หลังจากอวกาศ
๓. อธบิ ายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแลก็ ซีทางชา้ งเผอื ก และระบุตาแหนง่ ของระบบสรุ ยิ ะ

พรอ้ มอธบิ ายเชือ่ มโญงกับการสังเกตเหน็ ทางชา้ งเผือกของคนบนโลก
๔. อธิบายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลยี่ นแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาดจากดาว

ฤกษ์กอ่ นเกิดจนเปน็ ดาวฤกษ์
๕. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งพลงั งานของดาวฤกษ์และผลท่เี กิดขน้ึ โดยวิเคราะห์ปฏกิ ริ ิยาลูกโซ่

โปรตอน-โปรตอน และวัฏจักรคาร์บอน ไนโตรเจน ออกซเิ จน
๖. ระบปุ ัจจยั ทีส่ ่งผลตอ่ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างความสอ่ งสว่างกบั

โชติมาตรของดาวฤกษ์
๗. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
๘. อธบิ ายวิธกี ารหาระยะทางของดาวฤกษ์ด้วยหลกั การแพรลั แลกซ์ พร้อมคานวณหาระยะทาง

ของดาวฤกษ์
๙. อธบิ ายลาดบั วิวัฒนาการที่สมั พนั ธก์ บั มวลตงั้ ตน้ และวเิ คราะห์การเปลี่ยนแปลงสมบตั ิบาง

ประการของดาวฤกษ์ในลาดับวิวฒั นาการจากแผนภาพเฮิร์ซปรงุ -รัสเซลล์
รวมท้ังหมด ๙ ผลการเรยี นรู

๑๘๒

คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม

ว ๓๐๒๖๕ โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ๕ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์

ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

ศึกษากระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณ์ของดาวเคราะห์ที่
เอื้อต่อการดารงชีวิต การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ กฎเคพเลอร์ กฏความโน้มถ่วงของนิวตัน
คาบการโคจรของดาวเคราะห์ โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะและพายุสุริยะ ผลของลมสุริยะ
และพายุสุริยะ ทรงกลมฟ้า พิกัดของดาวในระบบขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร เส้นทางการข้ึนการตกของ
ดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ เวลาสุริยคติ การเปรียบเทียบเวลา มุมห่างและตาแหน่งวงโคจรของดาวเคราะห์
เทคโนโลยอี วกาศ กลอ้ งโทรทรรศน์ ยานอวกาศ ดาวเทียม

โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะ
การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มที่เหมาะสม

ผลการเรียนรู
๑. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบสุริยะ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์และลักษณะของดาว

เคราะหท์ เ่ี อ้ือตอ่ การดารงชีวติ
๒. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฏความโน้มถ่วงของนวิ

ตัน พร้อมคานวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์
๓. อธบิ ายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุรยิ ะ และวเิ คราะห์ นาเสนอ

ปรากฏการณห์ รือเหตุการณท์ ี่เกย่ี วข้องกับผลของลมสรุ ิยะ และพายสุ ุริยะทม่ี ีต่อโลกรวมทั้งประเทศไทย
๔. สรา้ งแบบจาลองทรงกลมฟา้ สงั เกต และเช่อื มโยงจดุ และเส้นสาคญั ของแบบจาลองทรงกลมฟา้

กบั ทอ้ งฟา้ จรงิ และอธบิ ายการระบพุ ิกัดของดาวในระบบขอบฟ้าและระบบศูนย์สูตร
๕. สงั เกตทอ้ งฟ้า และอธิบายเส้นทางการขึ้นการตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์
๖. อธิบายเวลาสุริยคตปิ รากฏ โดยรวบรวมขอ้ มูลและเปรียบเทยี บเวลาขณะท่ีดวงอาทิตยผ์ า่ น

เมรเิ ดยี นของผ้สู ังเกตในแต่ละวนั
๗. อธบิ ายเวลาสรุ ิยคตปิ านกลางและการเปรยี บเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก

๘. อธบิ ายมมุ ห่างทส่ี ัมพันธก์ บั ตาแหน่งในวงโคจร และอธิบายเชื่อมโยงกบั ตาแหน่งปรากฏของดาวเคราะหท์ ี่สังเกตไดจ้ าก
โลก

๙. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายการสารวจอวกาศโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในชว่ งความยาวคล่นื ตา่ งๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ มาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวันหรือในอนาคต

๑๐. สบื ค้นขอ้ มูล ออกแบบ และนาเสนอกจิ กรรมการสังเกตดาวบนท้องฟา้ ด้วยตาเปลา่ และ/หรอื กล้อง
โทรทรรศน์
รวมทั้งหมด ๑๐ ผลการเรียนรู

๑๘๓

คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ

วชิ า IS 30201 การศกึ ษาค้นควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง จานวน 1 หนว่ ยกิต

ศึกษา วิเคราะห์ ฝึกทกั ษะตั้งประเด็นปัญหา/ ตั้งคาถามเกยี่ วกับสถานการณป์ จั จุบันและ สังคมโลก
ตั้งสมมติฐานและให้เหตุผลทสี่ นับสนุนหรอื โต้แย้งประเดน็ ความรู้ โดยใช้ความรู้จากศาสตร์ สาขาต่างๆ และ
มีทฤษฎีรองรับ ออกแบบ วางแผล และรวบรวมข้อมูล ค้นคว้าแสวงหาความรู้เกี่ยวกับ สมมติฐานที่ตั้งไว้
จากแหลง่ เรียนรู้ท้งั ปฐมภูมแิ ละทุติยภูมิ และสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และ พิจารณาความน่าเช่ือถือ
ของแหล่งเรียนรู้อย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีครบถ้วนสมบูรณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิ ธีการที่
เหมาะสม สังเคราะห์ สรุปผลองค์ความรู้ร่วมกัน มีกระบวนการกลุ่มใน การวิพากษ์แลกเปล่ียนความ
คิดเห็น โดยใช้ความรู้จากวิชาสาขาต่างๆ เสนอแนวคิด วิธีการแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ โดยกระบวนการ
คิด กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการปฏิบัติ เพ่ือให้เกิดทักษะใน การค้นคว้าแสวงหาความรู้ สังเคราะห์
สรุป อภิปรายผลเปรียบเทียบเชื่อมโยงความรู้ ความเป็นมาของ ศาสตร์ เข้าใจหลักการและวิธีคิดในสิ่งที่
ศกึ ษา เห็นประโยชน์และคุณคา่ ของการศึกษาคน้ คว้าดว้ ย ตนเอง

ผลการเรียนรู้
1. ตั้งประเดน็ ปัญหา จากสถานการณป์ จั จบุ นั และสงั คมโลก
2. ต้งั สมมตฐิ านและให้เหตผุ ลท่สี นับสนนุ หรือโตแ้ ย้งประเด็นความรูโ้ ดยใชค้ วามรู้จาก สาขาวิชา

ต่างๆ และมีทฤษฎีรองรับ
3. ออกแบบ วางแผน ใชก้ ระบวนการรวบรวมข้อมูลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
4. ศึกษา ค้นควา้ แสวงหาความรเู้ ก่ียวกบั ประเดน็ ทเี่ ลือก จากแหลง่ เรียนรูท้ ีม่ ีประสทิ ธภิ าพ
5. ตรวจสอบความนา่ เช่อื ถอื ของแหล่งที่มาของข้อมลู
6. วเิ คราะหข์ ้อค้นพบดว้ ยสติท่เี หมาะสม
7. สงั เคราะห์ สรปุ องค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการกลุม่
8. เสนอแนวคิด การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรจู้ ากการค้นพบ

รวม 8 ผลการเรียนรู้

๑๘๔

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ

วชิ า IS 30202 การสื่อสารและการนาเสนอ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์

ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง จานวน 1 หนว่ ยกติ

ศกึ ษา เรียบเรยี งและถ่ายทอดความคิดอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับสถานการณ์ปจั จบุ ันและ สงั คมโลก
โดยเขยี นโครงร่าง บทนา เน้ือหา สรุป ในรปู ของรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวชิ าการเป็น ภาษาไทย ความ
ยาวจานวน 4,000 คา หรือเป็นภาษาองั กฤษ ความยาว 2,500 คา มีการอ้างองิ แหล่ง ความรทู้ ่ีเช่ือถอื ได้
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรียบเรียงและถ่ายทอดสื่อสาร นาเสนอความคิด อย่างชัดเจนเป็นระบบ มี
การนาเสนอในรูปแบบเดี่ยว หรือกลุ่ม โดยใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีหลากหลายและ มีการเผยแพร่ผลงานสู่
สาธารณะ ในการเขียนรายงานเชิงวิชาการ และทักษะการสื่อสารที่มี ประสิทธิภาพ เห็นประโยชน์และ
คุณคา่ ในการสร้างสรรคง์ าน และถ่ายทอดสง่ิ ทเ่ี รยี นรใู้ หเ้ ป็น ประโยชนแ์ ก่สาธารณะ

ผลการเรียนรู้
1. วางโครงร่างการเขียนตามหลกั เกณฑ์ องค์ประกอบและวิธีเขยี นโครงรา่ ง
2. เขยี นรายงานการศึกษาเชิงวิชาการเปน็ ภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรือภาษาอังกฤษ ความ

ยาว 2,500 คา
3. นาเสนอข้อค้นพบ ข้อสรปุ จากประเด็นท่เี ลือกในรปู แบบเด่ยี ว หรือกล่มุ โดยใชเ้ ทคโนโลยี ที่

หลากหลาย
4. เผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณะ โดยใช้การสนทนาวพิ ากษ์ผา่ นสอื่ อิเล็กทรอนิคส์ เช่น e-

comference,
social media online

5. เหน็ ประโยชนแ์ ละคุณค่าการสร้างสรรคง์ านและถา่ ยทอดสิ่งท่ไี ด้เรยี นรใู้ หเ้ ปน็ ประโยชน์
รวม 5 ผลการเรียนรู้

๑๘๕

คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม

ว ๓๐๒๘๑ เทคนิคปฏิบัตกิ ารทางเคมี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาข้อควรปฏิบัติในการทางานในห้องปฏิบัติการเคมี ซึ่งเก่ียวข้องกับการใช้และความปลอดภัย
ใน หอ้ งปฎิบัตกิ ารเคมี เทคนิคพื้นฐานการวัด กระบวนการวดั ความผิดพลาดของการวดั ความถกู ต้องความ
ไม่ แน่นอนของการวัด รวมทั้งการอ่านการบันทึกผลของการวัด เลขนัยสาคัญของผลลัพธ์ท่ีได้จากการ
คานวณ บวก ลบ คูณ หาร การปัดตัวเลขและการเปลี่ยนหน่วย เทคนิคการใช้อุปกรณ์ และเครื่องแก้วที่ใช้
ใน ห้องปฏิบัติการเคมี เทคนิควิธีการและปฏิบัติการทดลองเก่ียวกับการถ่ายเทสาร การกรอง การเตรียม
สารละลาย การแยกสารโดยการสกัดด้วยตัวทาละลาย และการแยกสารโดยใช้เทคนิคโครมาโทกราฟี การ
กลั่นสาร โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจ การอธิบาย
การ วเิ คราะห์ และการอภิปราย เพื่อให้มีความเขา้ ใจ มีทักษะกระบวนการและเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เห็น
คุณค่า ของวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการทดลอง ท างาน
ดว้ ยความ รอบคอบและปลอดภัย ทราบวิธีป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุ ภัยอันตรายท่ีแอบแฝงอยู่ในสารเคมี
ตลอดจน สามารถใชอ้ ปุ กรณ์ และตดิ ตงั้ อุปกรณ์ที่เหมาะสมกบั กระบวนการทดลองได้

ผลการเรียนรู้
๑. ระบุข้อควรปฏิบัตแิ ละปฏบิ ัติตามข้อควรปฏิบัตใิ นห้องปฏิบตั กิ ารเคมีได้
๒. ระบุหน่วยพน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ การเปลี่ยนหน่วยและการคานวณโดยคานงึ ถึงเลขนัยสาคญั

ได้
๓. แปลความหมายของตัวอักษร ตวั เลข ทีป่ รากฏบนอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารเคมีได้
๔. เปรียบเทียบความเท่ียงของเคร่ืองแก้วท่ใี ชใ้ นห้องปฏิบัติการเคมีและเลอื กใชเ้ คร่ืองแก้วไดอ้ ยา่ ง

เหมาะสม
๕. คานวณและเตรียมสารละลายทีม่ คี วามเข้มขน้ ในหน่วยของร้อยละโดยมวล ร้อยละโดยปริมาตร

และส่วนในล้านส่วน (ppm)
๖. สามารถสกัดสารโดยใช้เทคนิคการสกัดดว้ ยตวั ทาละลายและใชอ้ ปุ กรณใ์ นการแยกสารไดอ้ ยา่ ง

ถูกต้อง
๗. ระบุหลักการและสามารถแยกสารโดยใชเ้ ทคนิคโครมาโทกราฟีได้
๘. สามารถวัด ความเปน็ กรด-เบสของสารละลายไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
๙. สามารถอธบิ ายและเลือกใช้วธิ ีการกลน่ั ได้อยา่ งเหมาะสม

รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรียนรู้

๑๘๖

คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๘๒ เทคนิคปฏบิ ัตกิ ารทางชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์

ชนั้ มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกติ

ศึกษากระบวนการแก้ปัญหาและสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเทคนิคปฏิบัติการพื้นฐานทางชีววิทยา
เกี่ยวกบั ระบบนิเวศ เนอื้ เยอื้ พืชและสัตว์ เทคนคิ ทางจลุ ชีววทิ ยา และเทคนคิ การสกดั ดีเอน็ เอจากพืช

ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาทางเคมี เกี่ยวกับการวิเคราะห์หาปริมาณของวิตามินซีในผักและผลไม้
สมบัติของแร่ยิบซมั ที่ใช้ในอุตสาหกรรม ภาวะและปฏิกิริยาการเกดิ สนิมเหล็ก ผลของสารประกอบเฮไลด์
ที่มีผลต่อสุขภาพ เพ่ือให้นักเรียนเป็นผู้ใฝ่รู้ มีความกระตืนรือร้นในกระบวนการค้นคว้า มีทักษะในการใช้
เครื่องมือท่ีเก่ียวข้องกับปฏิบัติการพื้นฐานทางชีววิทยา และมีทักษะในการใช้เคร่ืองมือที่เกี่ยวข้องกับ
ปฏิบัติการพ้นื ฐานทางเคมี และ มีจติ วทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทีพ่ ึงประสงค์

ผลการเรยี นรู้
๑. มีความรูเ้ ก่ยี วกบั วิธกี ารคน้ คว้าหาขอ้ มูลในเร่ืองทีส่ นใจ รวมทั้งวิธกี ารทดลองและเทคนิคท่ี

เกี่ยวขอ้ ง

๒. มที ักษะในการใช้อปุ กรณ์ เลอื กใช้หรอื ดัดแปลงอปุ กรณ์และวัสดทุ างชีววิทยาเพื่อใชใ้ นการ
ทดลองได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

๓. สามารถนาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และความรทู้ างชีววทิ ยามาประยุกตใ์ ช้แกป้ ญั หา
พน้ื ฐานทางชวี วิทยา

๔. มีความสามารถในการสบื เสาะหาความรแู้ ละมีทักษะปฏิบตั ิการเบ้ืองต้นทางเคมี

๕. มีความรู้ในเทคนิคการไทเทรต และสามารถปฏิบตั ิการทดลอง วเิ คราะห์หาปรมิ าณวิตามนิ ซีใน
ผกั และผลไม้

๖. มที กั ษะในการแก้ปัญหาและสามารถแสวงหาความรู้ดว้ ยวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์

๗. มีความรแู้ ละความคดิ ริเร่ิมในการสร้างสรรคผ์ ลงานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

๘. มีเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการตัดสินใจ

รวมท้ังหมด ๘ ผลการเรยี นรู

๑๘๗

คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ

ว ๓๐๒๘๓ เทคนิคปฏบิ ตั ิการทางฟิสกิ ส์ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ฝึกกระบวนการคิดและการทดลองแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ เก่ียวกับการวัดระยะทาง เวลา อุณหภูมิ
ในระดับขนาดที่แตกต่างกันจากการใช้ในชีวิตประจาวัน การวัดปริมาณทางไฟฟ้า ความผิดพลาดและ
ขอบเขตของการวัด

ศึกษาวิธีการ และลงมือปฏิบัติการค้นคว้าความรู้ท่ีต้องการผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ศึกษาการ
วัดและประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ศึกาาและปฏิบัติการเกี่ยวกับวงจรควบคุม การเขียน
โปรแกรม

เพ่ือให้นักเรียนเป็นผู้ใฝ่รู้ มีความกระตืนรือร้นในกระบวนการค้นคว้า ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
เกยี่ วขอ้ งกบั ปฏิบตั ิการพ้ืนฐานทางฟสิ ิกส์ เพ่ิมทกั ษะความชานาญและความรู้ในการใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูป
ด้วยตนเองผา่ นตัวช่วยเหลือในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้วงจรควบคุมร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใน
การอ่านค่าและประมวลผลข้อมูลในการทาโครงงาน การทดลองต่างๆ และ มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม
จรยิ ธรรม และคา่ นิยมท่พี งึ ประสงค์

ผลการเรียนรู้
๑. มีความรู้และความสามารถเข้าใจหลกั การเบ้ืองต้นเกย่ี วกับการวดั
๒. มที กั ษะในการใช้เครื่องมือวดั ตา่ งๆ
๓. มคี วามละเอียดรอบคอบและระมดั ระวังในการใชเ้ ครอื่ งมือวดั
๔. ปฏบิ ตั ิการ ค้นควา้ ความรู้ที่ต้องการผ่านเครือข่ายคอมพวิ เตอร์
๕. ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และแก้ไขปัญหาเบ้อื งต้น
๖. ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จด้วยตนเอง ผา่ นตวั ช่วยเหลอื ในโปรแกรมคอมพวิ เตอรต์ า่ งๆ
๗. ใชว้ งจรควบคมุ ในการวัดผลและการประมวลผลขอ้ มูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
๘. ออกแบบและทาการทดลองเล็กๆ ท่ใี ช้วงจรควบคมุ รว่ มกบั โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในการ
อา่ นค่าและประมวลผลข้อมลู

รวมทงั้ หมด ๘ ผลการเรยี นรู้

๑๘๘

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๘๔ ระเบียบวิธวี จิ ัยเบ้ืองต้น ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

ศึกษาหลกั การเขียนระเบียบวิธวี ิจยั เบอ้ื งตน้ โดยการสบื ค้นและวิเคราะหง์ านวิจัยด้านวทิ ยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี นาเสนอผลการวิเคราะห์งานวิจัยท่ีได้ศึกษาค้นคว้า เขียนเค้าโครงงานวิจัย
ของตนเองเพ่ือเป็นแนวทางในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโ ลยี ตลอดจน
วิเคราะหแ์ ละเลอื กสถิตเิ พือ่ การวิจัยทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้เหมาะสม มกี ารจดั การวางแผนจัดทารายงาน และ
การนาเสนอรายงาน ด้วยระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ มีทักษะการส่ือสาร การนาเสนอผลงาน
สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าอย่างมีหลักการ สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่าง
สร้างสรรค์ สามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน และในสถานการณ์ใหม่ๆ เป็นผู้มีจิตรวิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี เปน็ ผมู้ ีคณุ ธรรม และมีความเป็นนักวจิ ยั อยา่ งลึกซงึ้

ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายระเบยี บวิธีวิจยั
๒. สบื คน้ ขอ้ มลู งานวิจยั ทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี
๓. เขยี นและนาเสนอเค้าโครงงานวิจยั ของตนเองในสาขาทีส่ นใจ

รวมทงั้ หมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๘๙

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ

ว ๓๐๒๘๖ ระเบยี บวิธวี ิจัยเบ้ืองตน้ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษาหลกั การเขียนระเบียบวธิ ีวจิ ยั เบ้ืองต้น โดยการสืบค้นและวิเคราะห์งานวจิ ัยด้านวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี นาเสนอผลการวิเคราะห์งานวิจัยที่ได้ศึกษาค้นคว้า เขียนเค้าโครงงานวิจัย
ของตนเองเพ่ือเป็นแนวทางในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตลอดจน
วิเคราะห์และเลอื กสถิติเพือ่ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไดเ้ หมาะสม มีการจัดการวางแผนจัดทารายงาน และ
การนาเสนอรายงาน ด้วยระเบียบวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ มีทักษะการสื่อสาร การนาเสนอผลงาน
สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าอย่างมีหลักการ สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาได้อย่าง
สร้างสรรค์ สามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน และในสถานการณ์ใหม่ๆ เป็นผู้มีจิตรวิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี เปน็ ผู้มีคุณธรรม และมีความเป็นนกั วจิ ัยอยา่ งลกึ ซ้ึง

ผลการเรยี นรู้
๑. อธิบายระเบยี บวิธีวจิ ัย
๒. สบื ค้นขอ้ มลู งานวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี
๓. เขียนและนาเสนอเคา้ โครงงานวจิ ัยของตนเองในสาขาทส่ี นใจ

รวมทงั้ หมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๙๐

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๘๕ โครงงานวิทยาศาสตรม์ .ปลาย กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เวลา ๔๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๐ หน่วยกิต

ศกึ ษาวเิ คราะห์ ความหมายและคณุ คา่ ของการทาโครงงานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ประเภท
ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิธดี าเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศึกษา
วิเคราะหแ์ ละอภิปรายตวั อย่างโครงงานเกย่ี วกบั ช่ือเรื่อง บทคัดย่อ การออกแบบการทดลอง การ
อภปิ รายและสรุปผล การเขียนเอกสารอา้ งอิง แนวคิดในการดดั แปลง ขยาย เพิม่ เตมิ จากโครงงานที่ได้
ศกึ ษา

กาหนดปญั หา สืบค้นข้อมูล และเสนอแนวทางแกป้ ัญหาในเร่อื งทสี่ นใจเป็นพเิ ศษ นาเสนอเคา้
โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ทาการทดลองเบ้ืองตน้ ศาึ าความปลอดภยั ใน
หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารและจรรยาบรรณในการใชส้ ตั วท์ ดลอง

เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความคิดระดับสูง สามารถเสนอเค้าโครงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี มีจติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มทพี่ ึงประสงค์

ผลการเรยี นรู้
๑. อธิบายความหมาย คุณค่า และประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์
๒. จดั ทาเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ที่จะดาเนินการวิจัยดว้ ยตนเอง
๓. นาเสนอเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ต่อทปี่ ระชุม

รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๙๑

คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม

ว ๓๐๒๐๕ ฟสิ ิกส์ ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษาหลักการของฟสิ ิกส์แผนใหม่ในเรือ่ งการค้นพบอิเล็กตรอนแนวคิดเกีย่ วกับแบบจาลองอะตอม
สมมติฐานของพลังค์ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกทวิภาวะของคลื่นและอนุภาคกัมมันตภาพรังสีการสลาย
กัมมันตรังสีปฏิกิริยานิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์รังสีในธรรมชาติการป้องกันอันตรายและการใช้ประโยชน์
จากกัมมันตภาพรงั สแี ละพลังงานนวิ เคลียร์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ ใน การสบื คน้ ขอ้ มลู การสารวจตรวจสอบ
สงั เกต แก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสบื ค้นข้อมูล การอธบิ าย การอภปิ ราย การทดลอง สรุป

เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจความคดิ มีความสามารถในการสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้การตัดสินใจการนา
ความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตรจ์ รยิ ธรรมคุณธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม

ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายการค้นพบอิเล็กตรอนและโครงสร้างอะตอมตามแบบจาลองอะตอมของทอมสันและ

รัทเทอรฟ์ อรด์
๒. อธบิ ายสมมตฐิ านของพลงั ค์
๓. อธบิ ายทฤษฎีอะตอมของไฮโดรเจนของโบร์และระดบั พลงั งานของอะตอม
๔. อธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกและปรากฏการณ์คอมป์ตันซ่ึงเป็นปรากฏการณ์ท่ีสนับสนุนว่าแสง

แสดงสมบตั ขิ องอนภุ าคได้
๕. อธิบายสมมติฐานของเดอบรอยล์และทวิภาวะของคลื่นและอนภุ าค
๖. อธิบายโครงสร้างอะตอมตามทฤษฎกี ลศาสตร์ควอนตัม
๗. อธบิ ายกมั มันตภาพรงั สแี ละการเปลีย่ นสภาพนวิ เคลยี สของธาตกุ ัมมนั ตรังสี
๘. อธิบายหลกั การท่ีเกยี่ วข้องการสลายของธาตุกัมมันตรังสี
๙. อธบิ ายไอโซโทปและการแยกไอโซโทป
๑๐. อธิบายแรงนวิ เคลยี รพ์ ลงั งานยึดเหนยี่ วและเสถยี รภาพของนวิ เคลยี ส
๑๑. อธิบายปฏิกริ ยิ านิวเคลียรแ์ ละพลังงานนวิ เคลียร์ที่เกดิ ขึ้นรวมทงั้ การใชป้ ระโยชน์
๑๒. อธิบายประโยชน์และโทษของรังสแี ละการป้องกัน
รวมทั้งหมด ๑๒ ผลการเรยี นรู้

๑๙๒

คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม

ว ๓๐๒๒๔ เคมี 5 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต

ศกึ ษา วิเคราะห์สมบัติการจาแนก และโครงสร้างของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน กรดอินทรีย์
แอลกอฮอล์ เอสเทอร์ แอลดีไฮด์คีโตน เอมีน เอไมด์ และหมู่อะตอมท่ีแสดงสมบัติเฉพาะโครงสร้าง
และสมบัติของไอโซเมอร์ ของสารประเภทต่าง ๆ ปโิ ตรเลยี ม การปรับปรุงคุณภาพของนา้ มันเชอ้ื เพลิง พอ
ลิเมอร์ ชนิดต่าง ๆ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวกับพอลิเมอร์พลาสติก เส้นใยธรรมชาติ เส้นใย
สังเคราะห์ ยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ การปรับปรุงคุณภาพยางด้วยวิธีวัลคาไนเซชัน การ
เกิดปฏิกิริยาและสมบัตขิ องคาร์โบไฮเดรต ไขมนั โปรตีน กรดนิวคลิอกิ และเอนไซม์ การเกดิ ปฏิกิริยาสะ
ปอนนิฟเิ คชนั กลไกการชาระล้างส่ิงสกปรกของสบู่และผงซักฟอก การเหม็นหืนของไขมัน ความสาคัญของ
สารชวี โมเลกุลแต่ละชนิดทีม่ ีตอ่ การดารงชีวิต

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
สารวจตรวจสอบ สงั เกต แก้ปญั หา ใช้เทคโนโลยใี นการสบื ค้นขอ้ มลู การอธิบาย การอภปิ ราย ทดลอง สรปุ

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้มีทักษะในการใช้ชีวิต เพื่อให้สามารถ
ดารงชีวิตในสงั คม รกั ความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย อยู่อย่างพอเพยี ง ซื่อสตั ย์ สุจริต ใฝ่
เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางานและ มจี ติ สาธารณะ

ผลการเรียนรู้
๑. อธิบายการเกิดสารประกอบของธาตคุ ารบ์ อน จาแนกสารประกอบไฮโดรคาร์บอน จาแนกสาร ประกอบ

ไฮโดรคาร์บอโดยใช้โครงสร้างของโมเลกุลเป็นเกณฑ์ บอกประเภท สมบัติของ สารประกอบของ
คาร์บอนแตล่ ะประเภท พร้อมทง้ั เขยี นสมการ อธิบายปฏิกิริยาเคมีได้
๒. เขียนสูตรโครงสร้างไอโซเมอร์ของสารประกอบของคาร์บอนประเภทต่างๆพร้อมท้ัง เรียกชื่อ
สารประกอบได้
๓. อธิบายการเกิดปฏกิ ิรยิ าบางชนิดของสารประกอบของคาร์บอนประเภทต่างๆได้พร้อมทั้งบอกประโยชน์
หรอื โทษของสารประกอบของคาร์บอนบางชนิดได้
๔. บอกประเภท สมบัติของสารประกอบของคาร์บอนโดยใช้หมู่อะตอมท่ีแสดง สมบัติเฉพาะแต่ละ
ประเภทเป็นเกณฑอ์ ธิบายการเกิดปฏิกริ ิยาบางชนิด และเรียกชื่อสารประกอบทีเ่ กี่ยวขอ้ งได้
๕. อธิบายการเกิดปิโตรเลียม การสารวจหาแหล่งปิโตรเลียม การกล่ันน้ามัน การปรับปรุงคุณภาพของ
น้ามัน การแยกก๊าซธรรมชาติ พร้อมท้ังยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการกลั่นน้ามันดิบ และก๊าซ
ธรรมชาตไิ ด้
๖. อธิบายความหมายของปิโตรเลียม เลขออกเทน เลขซีเทนปิโตรเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรม ปิโตรเคมี
ข้ันต้น อุตสาหกรรม ปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่อง พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ พลาสติก เส้นใยธรรมชาติ เส้นใย
สงั เคราะห์ ปฏกิ ริ ิยาวลั คาไนเซชันและภาวะมลพษิ ได้
๗. บอกความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของการผลิตผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ตลอดจนผลกระทบที่เกิด
จากการผลิต และการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีท่ีมตี อ่ สง่ิ แวดล้อม
๘. บอกสาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะมลพิษทั้งทางน้า ทางอากาศ และทางดิน วิธีปอ้ งกันไม่ให้เกดิ ภาวะมลพิษ
ได้

๑๙๓

๙. อธิบายความหมายสารชีวโมเลกุล บอกแหล่งที่พบ สมบัติ ปฏกิ ิริยาบางประการและวิธีทดสอบโปรตีน
เอนไซม์ คาร์โบไฮเดรท ลิพดิ ฟอสโฟลพิ ดิ สเตอรอยด์คอเลสเทอรอล และกรดนิวคลอี ิกได้

๑๐. บอกประโยชน์ของสารชีวโมเลกุลที่ใช้โดยตรง และท่ีนาไปใช้เป็นสารต้ังต้นในการผลิตสารชีวโมเลกุล
บางชนดิ ทางอตุ สาหกรรมได้

รวมทั้งหมด ๑๐ ผลการเรยี นรู้

๑๙๔

ว ๓๐๒๔๕ ชีววิทยา ๕ คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์และทฤษฎีของเซลล์ โครงสร้างของเซลล์ท่ีศึกษาด้วยกล้องจุ ลทรรศน์
อิเล็กตรอน การสื่อสารระหว่างเซลล์ การเปล่ียนแปลงสภาพของเซลล์และการชราภาพของเซลล์ ระบบ
น้าเหลืองและการสร้างภูมิคุ้มกัน กลไกการเกิดและประเภทพฤติกรรมของสัตว์ การส่ือสารระหว่างสัตว์
พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง DNA และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ศึกษามนุษย์กับความย่ังยืนของ
ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ประโยชน์ ปัญหาและการจัดการ หลักการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ ชนดิ พันธ์ุตา่ งถิ่นทีส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศ

โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
สารวจตรวจสอบ สงั เกต แก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู การอธบิ าย การอภปิ ราย ทดลอง สรุป

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้มีทักษะในการใช้ชีวิต เพื่อให้สามารถ
ดารงชีวิตในสังคม รักความเป็นไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่
เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางานและ มจี ติ สาธารณะ

ผลการเรียนรู้
1. สืบค้นข้อมูล อภิปรายและอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของส่วนประกอบภายในเซลล์ที่ศึกษาด้วยกล้อง

จลุ ทรรศน์
2. อภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างเซลล์ การเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล์และการชราภาพ

ของเซลล์
3. สืบค้นข้อมูล สารวจตรวจสอบ อภิปรายและสรุป เกี่ยวกับระบบน้าเหลือง ระบบภูมิคุ้มกัน รวมท้ัง

ปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการทางานของระบบภูมิคมุ้ กันของร่างกาย
4. คน้ ขอ้ มูล ทดลอง อภิปราย และสรปุ เกยี่ วกับพฤติกรรมของสตั ว์
5. สืบค้นข้อมูลวิเคราะห์ อภิปราย อธิบายและสรุปเทคโนโลยีทาง DNA และการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้

ในด้านต่างๆ
6. สบื คน้ ขอ้ มลู อภิปราย และอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งมนษุ ยก์ ับการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ
7. อภิปราย อธิบาย และสรุป แนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมท้ังการอนุรักษ์

และพัฒนาทย่ี ่ังยืน พร้อมทั้งนาเสนอแนวทางในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
8. สืบค้นขอ้ มลู อภปิ ราย และอธบิ ายเก่ียวกับชนิดพนั ธุต์ ่างถนิ่ ทีส่ ่งผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ ม
รวมท้ังหมด ๘ ผลการเรยี นรู้

ว 30101 ฟสิ ิกส์พน้ื ฐาน ๑๙๕
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4-6
คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์

เวลา 60 ช่ัวโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ

ศึกษาหลักการพื้นฐานของแรงและการเคล่ือนท่ีในเร่ืองระยะทางการกระจัดอัตราเร็วความเร็ว
ความเร่งการเคลื่อนที่แนวตรงการเคล่อื นที่แบบโพรเจกไทล์การเคลื่อนที่แบบวงกลมและการเคล่ือนท่ีแบบ
ฮาร์มอนิกอย่างง่ายแรงที่กระทาต่อวัตถุในสนามโน้มถ่วงและการเคล่ือนที่ของวัตถุในสนามโน้มถ่วง แรงท่ี
กระทาต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าในสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กรวมท้ังแรงนิวเคลียร์ในนิวเคลียส และ
การใช้ประโยชน์จากแรงและการเคลื่อนที่แบบต่างๆศึกษาหลักการพน้ื ฐานของพลังงานในเร่ืององค์ประกอบ
ของคลื่นสมบัติของคลื่นเสียงและการได้ยินความเข้มเสียงมลพิษทางเสียงสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
กัมมันตภาพรังสีรังสีในชีวิตประจาวันปฏิกิริยานิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์และการใช้ประโยชน์ในทาง
สรา้ งสรรคผ์ ลกระทบตอ่ สิง่ มีชวี ิตและส่งิ แวดล้อม

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ ใน การสบื คน้ ขอ้ มูล การสารวจตรวจสอบ
สังเกต แก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยใี นการสืบค้นข้อมูล การอธิบาย การอภปิ ราย การทดลอง สรปุ

เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจความคดิ มีความสามารถในการส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้การตัดสินใจการนา
ความรู้ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันมีจติ วิทยาศาสตร์จริยธรรมคุณธรรม และคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม

รหัสตัวช้ีวัด
ว4.1 ม 4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4
ว4.2 ม 4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3
ว5.1. ม 4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4 , ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7,
ม.4-6/8,ม.4-6/9
ว.8.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4 , ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7,
ม.4-6/8, ม.4-6/9, ม.4-6/10, ม.4-6/11, ม.4-6/12

รวมทั้งหมด 15 ตัวช้ีวดั (16 + 12 )


Click to View FlipBook Version