The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางทัชชกร สุริยะไกร
ครู กศน.ตำบล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thatchakorn.yulin, 2024-04-23 15:26:13

แผนรายสัปดาห์ ม.ปลาย 2-66

นางทัชชกร สุริยะไกร
ครู กศน.ตำบล

รากศัพท์ ความหมาย clar bright dur hard; strong รากศัพท์ที่เกี่ยวกับกฎหมาย (Law) และสังคม (Social) เช่น รากศัพท์ ความหมาย ver true; to prove civ / cit city; government cert to be sure or certain; approve ตัวอย่างเช่น 1. contort = con (ร่วมกัน, ด้วยกัน) เป็น prefix + tort (บิด) เป็นรากศัพท์ ดังนั้น ความหมายของ contort คือ ทำให้คด, งอ, บิด 2. torsion = tors (บิด) เป็นรากศัพท์ + ion (การ,ความ) เป็น suffix ดังนั้น ความหมายของ torsion จึงมีความหมายว่า "การบิด" 3. irremovable = ir (ไม่) เป็น prefix + remove (เคลื่อนย้าย) เป็นรากศัพท์ + able (สามารถ) เป็น suffix ดังนั้น ความหมายของคำ irremovable จึงมีความหมายว่า "เคลื่อนย้ายไม่ได้" 4. circumlocution = circum (รอบ ๆ) เป็น prefix + locu (พูด) เป็นรากศัพท์ + tion (การ , ความ) เป็น suffix ดังนั้น ความหมายของ circumlocution จึงมีความหมายว่า "การพูดจาแบบอ้อค้อม" 5. triarchy = tri (สาม) เป็น prefix + archy (การปกครอง) เป็นรากศัพท์ ดังนั้น triarchy จึงมีความหมายว่า "การปกครองโดยคน 3 คน " 3. ปัจจัย (Suffix) ปัจจัยคือส่วนที่เติมหลังรากศัพท์ มักจะเปลี่ยนความหมายและหน้าที่ของคำด้วย หรือเป็นส่วนหนึ่งของ คำที่อยู่ข้างหลังคำหลัก (Base words) หรือรากศัพท์(Roots) โดยทั่วไป ปัจจัย (Suffixes) ช่วยชี้แนะชนิดของคำ (Parts of speech) เช่น การเติมปัจจัย -er , -ist , -or หลังคำหลัก และทำให้คำหลัก(Base words) เปลี่ยนชนิดของคำเป็น คำนาม


ประเภทของปัจจัย (Suffixes) สรุปได้ดังนี้ 1. ปัจจัยที่ทำให้กริยาเป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนคำหลักเป็นชนิดของคำนาม เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ation combine combination ment payment payment er paint painter al propose proposal 2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นคำนาม คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำนาม เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ness kind kindness ce absent absence ism human humanism 3. ปัจจัยที่ทำให้คำนามเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำนาม แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำศัพท์ เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ful success successful ish selfish selfish 4. ปัจจัยที่ทำให้คำกริยาเป็นคุณศัพท์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำกริยา แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำคุณศัพท์ เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ing amuse amusing able remark remarkable ive creat creative 1. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นกริยาวิเศษณ์ คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิดของคำกริยา วิเศษณ์ เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ly private privately 2. ปัจจัยที่ทำให้คุณศัพท์เป็นกริยา คือ ปัจจัยที่เติมหลังคำคุณศัพท์ แล้วเปลี่ยนเป็นชนิด ของคำกริยา เช่น ปัจจัย ตัวอย่างคำ ความหมาย ize civil civilize en bright brighten


ตัวอย่างเช่น คำ (Word ) + ปัจจัย (Suffix) คำใหม่ (New word) 1.kind (adj) + Ness = kindness (noun) 2. assist (verb) + Ant = assistant (noun) 3.danger (noun)+ Ous = dangerous (adjective) 4. use (verb) + Ful = useful (adjective) 5. instant (noun)+ Ly = instantly (adverb) ตัวอย่างการวิเคราะห์หน่วยคำที่ประกอบอยู่ในคำศัพท์ 1. Oxygen is an invisible gas. Definition = cannot be seen Prefix = in Root= vis Suffix= ible Part of speech= adj 2. Barbara talks incessantly. Definition =without stopping, constantly Prefix =in Root = cess Suffix = ant Suffix = ly Part of speech = adverb 3. The school board allocated some money for the purchase of computer equipment. Definition = to distribute for a specific purpose Prefix = al Root = loc


Suffix = ate Suffix = ed Part of speech = verb 4. There are laws against indecent behavior. Definition = not conforming to standards, not appropriate Prefix = in Root = dec Suffix = ent Part of speech = adj. 5. Ever since he was sick, Vincent's hair has looked flat and lusterless. Definition = without shine, dull Root = lust Suffix = less Part of speech = adj. 6. Yoko is reading a nonfiction book. Definition = literature that is based on fact, not fiction Prefix = non Root = fict Suffix = ion Part of speech = noun 7. It finally occurred to Sam that the more he studied the better grade he received. Definition = to come to mind, happen Prefix = oc Root = curr Suffix = ed Part of speech = verb 8. Some products have disclaimers written on their packages.


Definition = a denial of legal responsibilities and demands Prefix = dis Root = claim Suffix = er Part of speech = plural noun 9. Carlos placed the camera on a tripod. Definition = a three - legged stand Prefix = tri Root = pod Part of speech = noun 10. Katrina was readmitted to school after a year off. Definition = allowed in again Prefix = re Prefix = ad Root = mit Suffix = ed Part of speech = verb การใช้ Prefix in- im- il- และ ir- inin + accessible = inaccessible (adj.) access (v.) คือ "เข้าถึง" accessible (adj.) เป็นรูปคำคุณศัพท์ของเจ้า ตัวนี้เจอพี่ in- มาอยู่ข้างหน้า เลยแปลว่า "เข้าไม่ถึง" หรือ "ไม่สามารถเข้าถึงได้" in + accurate = inaccurate (adj.) คำนี้แปลว่า "ไม่ถูกต้อง" (มาจาก accuracy (n.) ความถูกต้อง แม่นยำ) มีเพื่อนสนิท คือคำว่า incorrect (adj.) แปลว่า ไม่ ถูกต้องเช่นกัน in + effective = ineffective (adj.) effective (adj.) แปลว่า มีประสิทธิภาพ ใส่ in- เข้าไปก็แปลว่าไม่มีประสิทธิภาพ in + complete = incomplete (adj.) อะไรที่มันยังไม่เสร็จสิ้น ไม่สมบูรณ์ ก็ใช้คำนี้


individual (adj./n.) คำนี้มองไปถึงรากศัพท์ของมัน เกิดจาก prefix in- รวมกับ คำที่ทำหน้าที่เป็น base (ในที่นี้คือ dividual) มาจากรากเดิมคือ divide ที่แปลว่า "แบ่ง" เลยแปลว่าออกมาได้ว่า อะไรที่เป็นปัจเจกบุคคล คนเดียว ไม่แบ่ง imim + balance = imbalance (n.) คำนี้ได้เดาได้ง่าย ๆ เลย balance ก็คือ สมดุล เท่าเทียมกัน ในภาษาอังกฤษออกเสียง (แบ-เลิ่นซ์) imbalance ก็คือ อะไรที่ไม่สมดุล ไม่พอดีกัน im + maturity = immaturity (n.) คำนี้ถ้าเป็น adj. จะเขียนว่า immature มาจาก mature / maturity (หม่ะ-เชอร์ / หม่ะ-เชอ-หริ-ถิ) แปลว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ ใส่ im- เข้าไปก็เหมือนทำตัวเป็นเด็ก ๆ "ขาดวุฒิภาวะ" im + possible = impossible (adj.) โอ้วว คำนี้ยอดฮิตเลยนะเนี่ย possible = เป็นไปได้ impossible ก็เป็นไปไม่ได้ im + mobilize = immobilize (v.) ดูที่คำว่า mobile ก่อน มันแปลว่าอะไรที่เคลื่อนที่ได้ (อย่าง mobile phone นั่นไง) mobilize (v.) คือเคลื่อนที่ เคลื่อนพล (ในทางทหาร) หรือ มีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง ใส่ im- เข้า ทุกอย่างก็หยุดเลย ไม่ขยับไปไหน im + polite = impolite (adj.) polite คือ สุภาพ อ่อนน้อมครับ พอเป็น impolite ไม่สุภาพ ilil + legal = illegal (adj.) legal (adj.) คืออะไรที่ถูกต้องตามที่กฎหมายว่าไว้ il + literate = illiterate (adj.) literate (adj.) มาจาก literacy (n.) หลาย ๆ ครั้งจะมีการทำสถิติสำรวจ literacy rate ตามประเทศ


ต่าง ๆ ซึ่งก็คือ อัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรในประเทศนั้น ๆ พอใส่ il- เข้าไปก็เลยแปลว่า อ่านไม่ออก เขียน ไม่ได้ irir + regular = irregular (adj.) regular แปลว่า ปกติ สม่ำเสมอ พอใส่ prfix ตัวนี้เข้าไปก็เลยแปลว่า ผิดปกติ ถ้าใครจำ Verb ในภาษาอังกฤษได้ว่า verb จะสามารถแบ่งเป็นกลุ่มปกติ (เพราะเติม -ed) กับกลุ่มไม่ปกติ (เพราะเปลี่ยน รูป) 1. regular verbs: walk walked walked / study studied studied 2. irregular verbs: go went gone / drink drank drunk ir + rensponsible = irresponsible (adj.) responsible เฉยๆ แปลว่า รับผิดชอบ irresponsible ก็คือ ขาดความรับผิดชอบ ir + relevant = irrelevant (adj.) ถ้าใครรู้จักคำว่า relate (v.) ก็น่าจะเดาคำนี้ได้ relate แปลว่า เกี่ยวข้อง คำว่า relative (n.) แปลว่า ญาติ ๆ ของเรา (คนที่เกี่ยวของกับเรา) relevant (adj.) ก็แปลว่า เกี่ยวข้อง


แบบทดสอบก่อนเรียน Choose the best answer. 1. Which sentence has the linking sound? a. Its all over. b. I will do my homework. c. No one laugh at that man. d. He went to the zoo last week. 2. Which item is a warning sign? a. Stop b. No parking c. Do not Enter d. Pedestrian Crossing 3. Which group of words has the same pronunciation? a. mixed, needed, cooked b. cheated, waited, wanted c. dropped, washed, rented d. trained, started, disturbed


4. Which word stresses at the first syllable? a. engineer b. opposite c. undertake d. transportation 5. Which sentence has the rising intonation? a. Are you ready? b. How do you do? c. The weather is fine. d. What time are you leaving?


แบบทดสอบหลังเรียน Choose the best answer. 1. Which sentence has the linking sound? a. It’s all over. b. I will do my homework. c. No one laugh at that man. d. He went to the zoo last week. 2. Which item is a warning sign? a. Stop b. No parking c. Do not Enter d. Pedestrian Crossing 3. Which group of words has the same pronunciation? a. mixed, needed, cooked b. cheated, waited, wanted c. dropped, washed, rented d. trained, started, disturbed


4. Which word stresses at the first syllable? a. engineer b. opposite c. undertake d. transportation 5. Which sentence has the rising intonation? a. Are you ready? b. How do you do? c. The weather is fine. d. What time are you leaving?


เฉลยแบบทดสอบ ข้อ เฉลย 1 a 2 d 3 b 4 a 5 a


เฉลยใบกิจกรรม ใบกิจกรรมที่ 1 ใบกิจกรรมที่ 2


ใบกิจกรรมที่ 5 1. package 2. rather 3. takes up 4. Would 5. much


ครั้งที่3 วันที่19 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 เวลา 13.00 – 16.00 น. แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์ รายวิชา การเรียนรู้สู้ภัยธรรมขาติ3 (สค32032) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หน่วยที่ 1 ไฟป่ากับหมอกควัน แผนพบกลุ่ม จำนวน 3 ชั่วโมง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองระยอง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองในโลก และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อความมั่นคงของชาติ 2. เนื้อหาตามหลักสูตร เรื่องที่ 1 ไฟป่า 1 ความหมายของไฟป่า 2. ลักษณะการเกิดไฟป่า 3. สถานการณ์การเกิดไฟป่า 4. แนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า เรื่องที่ 2 หมอกควัน 1. ความหมายของหมอกควัน 2. ลักษณะการเกิดหมอกควัน 3. สถานการณ์การเกิดหมอกควัน 4. แนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากหมอกควัน 3. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (ตัวชี้วัด) 1. ผู้เรียนมีความรู้ความหมายของไฟป่าและหมอกควัน 2. ผู้เรียนสามารถอธิบายสาเหตุและปัจจัยการเกิดไฟป่าและหมอกควัน 3. ผู้เรียนอธิบายผลกระทบที่เกิดจากไฟป่าและหมอกควัน 4. ผู้เรียนบอกสถานการณ์การเกิดไฟป่าและหมอกควันในประเทศต่างๆ ในโลก 5. ผู้เรียนบอกวิธีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันได้ 4. สมรรถณะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


5. กระบวนการจัดการเรียนรู้5 STEPS 1. การเรียนรู้ตั้งคำถาม (learning to Question) 1. ครูผู้สอนกล่าวทักทายผู้เรียนโดยสอบถามว่าจังหวัดระยองเรามีภูมิอากาสเป็นอย่างไรบ้าง 2. ครูผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนจำนวน 5 ข้อ 3. ครูผู้สอนตั้งคำถามกับผู้เรียน ดังนี้ • ภูมิภาคใดในประเทศไทยที่มีหมอกควันมากที่สุด • ภาคตะวันออกจังหวัดใดเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากที่สุด • อะไรที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟป่าและหมอกควัน 2. การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 1. ครูผู้สอนอธิบายเนื้อหาไฟป่าและหมอกควันประกอบกับใบความรู้เรื่องไฟป่าและหมอกควัน 2. ครูผู้สอนให้ผู้เรียนดูคลิปวีดีโอเรื่องไฟป่า และหมอกควัน ไฟป่า หมอกควัน 3. การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 1. ครูผู้สอนให้ผู้เรียน แบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่มคละชายหญิง จำนวน 6-8 คน พร้อมกับตั้งชื่อกลุ่ม เกี่ยวกับสิ่งของที่จะนำไปใช้เวลาเกิดไฟป่าหรือหมอกควัน เช่น กลุ่มหน้ากากอนามัย กลุ่มถังดับเพลิง กลุ่มสายยาง เป็นต้น 2. เมื่อได้กลุ่มตามที่กำหนดแล้วครูผู้สอนอธิบายใบกิจกรรมกลุ่ม เรื่องไฟป่า และหมอกควัน เมื่อผู้เรียนดูคลิปจบ ครูผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มส่งปัญหาที่เกิด และแนวทางแก้ปัญหาให้รอดจากภัยธรรมชาติ 3. ในระหว่างผู้เรียนทำกิจกรรมแบ่งกลุ่ม ครูผู้สอนคอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา กระตุ้นเพื่อให้ ผู้เรียนอยากทำกิจกรรมกลุ่ม 4. การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 1. แต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานของกลุ่ม โดยก่อนนำเสนอผลงาน ให้กลุ่มแจ้งชื่อกลุ่มและทำไมเลือก ชื่อกลุ่มนี้ เพราะอะไร กลุ่มมีใครบ้าง ใครทำอะไรในกลุ่ม จากนั้นนำเสนอผลงานและจบด้วยการแสดงความรู้สึกว่า กลุ่มได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการดูคลิปวีดีโอและสรุปเนื้อหาในครั้งนี้ มีอะไรเป็นจุดเด่น มีอะไรเป็นข้อบกพร่องบ้าง และ จะแก้ไขข้อบกพร่องในครั้งต่อไปอย่างไร 2. ครูผู้สอนร่วมอภิปรายผลสรุปแต่ละกลุ่มที่นำเสนอ 5. การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) ครูผู้สอนให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ตนเข้าใจ ไปใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวมเพื่อแก้ปัญหาสังคมอย่างสร้างสรรค์ เป็นแผ่นพับให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายของไฟป่าและหมอกควัน สาเหตุการเกิดพร้อมบอกแนวทางการแก้ปัญหาของ ไฟป่าและหมอกควัน ให้ออกแบบตามความถนัดของผู้เรียน เพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ต่อสังคมปัจจุบัน


6. งานที่มอบหมาย 1. ศึกษาแบบเรียนวิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 และใบความรู้ เรื่อง ไฟฟ่าและหมอกควัน 2. ใบงาน กรต.ที่ 1 เรื่อง ไฟป่า 3. ใบงาน กรต.ที่ 2 เรื่อง หมอกควัน 4. ใบกิจกรรมเรื่องไฟป่าและหมอกควัน 7. สื่อ/แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2. ใบความรู้ 3. ใบกิจกรรมเรื่องไฟป่าและหมอกควัน 4. ใบงาน กรต. 5. แบบทดสอบ 8. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) ที่ ตัวชี้วัด เนื้อหา (กรต.) จำนวนชั่วโมง หมายเหตุ 1 2 -บอกความหมายของไฟป่า - อธิบายสาเหตุและปัจจัยการเกิดไฟป่า -บอกชนิดของไฟปา -บอกผลกระทบที่เกิดจากไฟป่าต่อประเทศไทย -ตระหนักถึงภัยและผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า -บอกวิธีการปฏิบัติขณะเกิดไฟป่า - บอกวิธีการปฏิบัติหลังเกิดไฟป่า - บอกแนวทางการป้องกันและการ แก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า -บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดไฟป่า -บอกวิธีปฏิบัติขณะเกิดไฟป่า -บอกความหมายของหมอกควัน -บอกลักษณะการเกิดหมอกควัน -บอกสาเหตุและปัจจัยการเกิดหมอกควัน -บอกผลกระทบที่เกิดจากหมอกควันต่อ ประเทศไทย -ตระหนักถึงภัยและผลกระทบที่ เกิดจากหมอกควัน 1. ความหมายของไฟป่า 2. ลักษณะการเกิดไฟป่า 3. สาเหตุและปัจจัยการเกิดไฟป่า 4. ชนิดของไฟป่า 5. ผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า ต่อประเทศ 6. สถานการณ์การเกิด ไฟป่าในประเทศไทย 7. แนวทางการป้องกันและ การ แก้ไขปัญหาที่เกิดจาก ไฟป่า 8. การเตรียมความพร้อม เพื่อปองกันการเกิดไฟป่า 9. การปฏิบัติขณะเกิด ไฟป่า 10. การปฏิบัติหลังเกิด ไฟป่า 1. ความหมายของหมอกควัน 2. อธิบายสาเหตุและปัจจัย การเกิดหมอกควัน 3. ผลกระทบที่เกิดจาก หมอก ควันได้ 4. สถานการณ์หมอก ควัน ในประเทศไทยและ ประเทศตาง ๆ ในโลก 17 ชั่วโมง ใบงาน กรต. เรื่องไฟป่า ใบงาน กรต. เรื่อง หมอกควัน


ที่ ตัวชี้วัด เนื้อหา (กรต.) จำนวนชั่วโมง หมายเหตุ - บอกวิธีการปฏิบัติขณะเกิดหมอกควัน - บอกวิธีการปฏิบัติหลังเกิดหมอกควัน - บอกแนวทางการป้องกันและการ แก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากหมอกควัน -บอกวิธีการเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิดหมอกควัน -บอกวิธีปฏิบัติขณะเกิดหมอกควัน 5. วิธีการเตรียมความ พร้อมรับ สถานการณ์การเกิด หมอกควัน 6. วิธีปฏิบัติขณะเกิดหมอกควัน 9. การวัดผลและประเมินผล ลงชื่อ.......................................................... (…………………………………………………) ตำแหน่ง ………………………………………… วันที่ ......เดือน…………….......พ.ศ…………….... การวัดผลตามจุดประสงค์ เครื่องมือการวัดผล เกณฑ์การประเมินผล ความรู้ (Knowledge) อธิบาย ความหมายของไฟป่าและ หมอกควันได้ 1.แบบทดสอบ 2.ใบงาน กรต.เรื่องไฟป่าและ หมอกควัน 1.ผ่านการทำแบบทดสอบ หลังเรียนได้ คะแนน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 2. ใบงาน ทักษะ (Skill) สามารถบอกแนวทางวิธีการเตรียมความ พร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันได้ 1.ใบกิจกรรมดูคลิปวีดีโอเรื่อง ไฟป่าและหมอกควัน 2.การนำเสนอหน้าชั้นเรียน ผู้เรียน 60% มีทักษะการเอาตัวรอด จากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันได้ เจตคติ (Attitude)มีความรู้สึก เจตคติที่ดี 1.วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นและ หาแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีต่อสังคม 2.สามารถนำความรู้ไปสร้างสรรค์งาน และ นวัตกรรมที่ใช้เป็นสื่อต่อสังคม 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการ ทำงาน (รายบุคคล) 2. แบบสังเกตการมีส่วนร่วม ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กระบวนการกลุ่ม 3.สื่อ นวัตกรรมสร้างสรรค์ เกี่ยวกับไฟป่าและหมอกควัน 1.ผู้เรียน60% ขึ้นไปมีส่วนร่วมในการร่วม กิจกรรมและอภิปรายแลกเปลี่ยนความ คิดเห็น 2.แผ่นพับความรู้เรื่องไฟป่าและหมอกควัน


ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. .................................................................................................................................. ............................................................. ลงชื่อ....................................................... (นางเพ็ญประภา แสนอุบล) ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองระยอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองระยอง วันที่ ......เดือน…………….......พ.ศ……………....


แบบทดสอบก่อนเรียน วิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย 1. ไฟป่าส่งผลกระทบอะไรต่อสังคมพืช ก. การเกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก ข. เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของน้ำ ค. เกิดการสูญเสียหน้าดิน ง. ลดการเจริญเติบโตและคุณภาพของเนื้อไม้ 2. เกิดเหตุไฟฟ้าแจ้งเบอร์โทร ก. 1478 ข. 1347 ค. 1362 ง. 1784 3. ข้อใดคือวิธีการรับมือกับไฟป่า ก. สวมหน้ากากอนามัย ข. กำกัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงใกล้บ้าน ค. ศึกษาผลกระทบต่อไฟป่าในประเทศต่างๆ ง. ศึกษาผลกระทบจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 4. ข้อใดอธิบายความหมายของหมอกควันได้ถูกต้องที่สุด ก. หมอกซึ่งมีควันผสมอยู่เป็นจ้านวนมากในอากาศ ข. เมฆที่เกิดในระดับใกล้พื้นดิน ท้าให้ทัศนวิสัยหรือการมองเห็นเลวลง ค. สภาพอากาศที่มีสารเจือปน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์และพืชผล ง. ปรากฏการณ์ที่ฝุ่นควันและอนุภาคแขวนลอยในอากาศรวมตัวกันในสภาวะที่อากาศปิด 5. จังหวัดใดในภาคเหนือของประเทศไทยได้รับหมอกควันมากที่สุด ก. แม่ฮ่องสอน ข. พิษณุโลก ค. เชียงใหม่ ง. ลำปาง


เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน วิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 (สค32032) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1. ง 2. ค 3. ข 4. ง 5. ค


ความหมายของไฟป่า "ไฟป่า" คือไฟท่ีเกิดขึ้นนจากสาเหตุอันใดก็ตามแล้วลุกลามไปได้โดยอิสระปราศจากการควบคุม ท้ ทั้งนี้ไม่ว่าไฟนั้นนจะลุกลามเข้าป่าธรรมชาติหรือสวนป่า องค์ประกอบของไฟ (สามเหลี่ยมไฟ) ไฟเป็นผลลัพธ์ท่ีเกิดจากขบวนการทางเคมี เมื่อมีองค์ประกอบทั้ ง 3 ประการมา รวมตัวกันในสัดส่วนท่ีเหมาะสมและเกิดการสันดาปให้เกิดไฟขึ้น คือ 1. เชื้อเพลิง ได้แก่ อินทรีย์สารทุกชนิดที่ติดไฟได้ เช่น ต้นไม้ ไม้พุ่ม ก้านไม้ ตอไม้ กอไผ่ รวมไปถึงดินอินทรีย์ และชั้นถ่านหินที่อยู่ใต้ผิวดิน 2. ความรอ้น ซึ่งจะมาจาก 2 แหล่ง คือแหล่งความร้อนตามธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า การเสียดสีขอกิ่งไม้และแหล่ง ความรอ้นจากการกระทำของมนษุย์ เช่น การจุดไฟในป่าด้วยสาเหตุต่างๆ 3. ออกซิเจน เป็นก๊าซที่มีโดยทั่วไปในป่า ซ่ึงจะมีการแปรผันตามทิศทางของลม ชนิดของไฟป่า ไฟป่าแบ่งเป็น 3 ชนิด ซึ่งตามลักษณะของเชื้อเพลิฃ ที่ถูกเผาไหม้ ได้แก่ ไฟใต้ดิน ไฟผิวดิน และไฟเรือนยอด 1. ไฟใต้ดินเป็นไฟที่เหมือนอินทรย์วัตถุที่สะสมอยู่ในดิน โดยลุกลามไปช้าๆใต้ผิวดินซึ่งยากที่จะ สังเกตเห็นได้ เน่ืองจากเปลวไฟหรือแสงสว่างไม่โผล่พ้นขึ้นมาบนดินเลย ท้ังควันก็มีน้อยยากต่อการดาเนินการดับไฟ ใน ประเทศไทยพบไฟใต้ดินในป่าพรุแถบภาคใต้ของประเทศ ซึ่งไฟใต้ดินยังสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ - ไฟใต้ดินสมบูรณ์แบบ คือไฟที่ไหม้อยู่ใต้ผิดพื้นป่าจริงๆ ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจจับความ ร้อนจึงจะพบไฟชนดิ นี้ - ไฟกึ่งผิวดินกึ่งใต้ดิน ได้แก่ไฟที่ไหม้ไปในแนวระนาบตามพื้นป่าเช่นเดียวกับไฟผิวดิน ขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็ไหม้ในแนวดิ่งลึกลงไปในชั้นใต้ผิวพื้นป่า 2. ไฟผิวดิน เป็นไฟที่เผาไหม้เชื้อเพลิงบนผิวดิน ไฟชนิดนี้จะเผาไหม้ลุกลามไปตามผืนป่าซึ่งเชื้อเพลิงส่วน ใหญ่ได้แก่ หญ้า ใบไม้แห้ง กิ่งไม้ท่ีร่วงหล่น ลูกไม้ รวมทั้งไม้พุ่มต่างๆ ไฟชนิดนี้มีการลุกลามอย่างรวดเร็วซึ่งความรุนแรง จะขึ้นอยูกับความหนาแน่นของเชื้อเพลิงไฟป่าท่ีเกิดขึ้นนในประเทศไทยสว่นใหญเป็นไฟชนิดนี้ 3. ไฟเรือนยอดเป็นไฟที่ลุกลามไปตามเรือนยอดของต้นไม้ โดยเฉพาะในป่าสน ซ่ึงไม้ชนิดนี้มียางซึ่งช่วย ให้เกิดการลุกลามได้ดี โดยมี 2 ลักษณะคือลักษณะท่ีอาศัยไฟผิวดินเป็นส่ือในการลุกไหม้ก่อนไหม้ลุกลามไปตามเรือนยอด และไปสู่เรือนยอดต้นอ่ืนต่อไป และที่ไม่อาศัยไฟผิวดินเป็นส่ือ เกิดในป่าที่มีเรือนยอดแน่นทึบติดกันและมีไม้ยืนต้นชนิดที่ ติดไฟได้ง่าย ซึ่งรุนแรงและยากต่อการควบคุม เราสามารถแบ่งไฟเรือนยอดออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้ - ไฟเรือนยอดที่ต้องอาศัยไฟผิวดินเป็นสื่อ คือไฟที่ต้องอาศัยไฟที่ลุกลามไฟตามผิวดินเป็นตัวนำเปลวไฟ ขึ้นไฟสู่เรือนยอดของต้นไม้ ลักษณะของไฟชนิดนี้จะเห็นไฟผิวดินลุกลามไปก่อนแล้วตามด้วยไฟเรือนยอด - ไฟเรือนยอดที่ไม่ต้องอาศัยไฟผิวดิน เกิดในป่าที่มีต้นไม้ที่ติดไฟได้ง่ายและมีเรือนยอดแน่นทึบต่อติดกัน การลุกลามจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงจากเรือนยอดหนึ่งไปสู่อีกเรือนยอดหนึ่งและเมื่อลูกไฟตกลงบนพื้นป่าก็จะทำ ให้เกิดไฟผิวดินไปพร้อมๆ กันด้วยรูปร่างของไฟ ประกอบด้วย 1. หัวไฟ คือ ส่วนของไฟที่ลุกลามไปตามทิศทางลม หรือลุกลามขึ้นไปตามความ ลาดชันของ ภูเขา เป็นส่วนของไฟที่มีอัตราการลุกลามรวดเร็วที่สุดมีเปลวไฟยาวที่สุด มีควาวรุนแรงของไฟมากที่สุด จึงเป็นส่วนของ ไฟที่มีอันตรายมากที่สุดด้วยเช่นกัน 2. หางไฟ คือส่วนของไฟท่ีไหม้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหัวไฟ คือไหม้สวนทางลม หรือไหม้ ลงมาตามลาดเขา ไฟจึงลุกลามไปอย่างช้า ๆ เป็นส่วนของไฟที่เข้าควบคุมได้ง่ายที่สุด ใบความรู้เรื่องไฟป่าและหมอกควัน


3. ปีกไฟ คือส่วนของไฟท่ีไหม้ตั้งฉากหรือขนานไปกับทิศทางหลักของหัวไฟ ปีกไฟแบ่งเป็นปีก ซ้ายและปีกขวา โดยกาหนดปีกซ้ายปีกขวาจากการยืนที่หางไฟแล้วหันหน้าไปทางหัวไฟ ปีกไฟโดยท่ัวไปจะมีอัตราการ ลกุ ลามและความรุนแรงนอ้ ยกวา่ หัวไฟ แต่มากกวา่ หางไฟ 4. นิ้วไฟ คอื ส่วนของไฟทเ่ี ปน็ แนวยาวแคบๆ ยื่นออกไปจากตัวไฟหลัก น้ิวไฟแต่ละน้ิวจะมี หัวไฟและปีกไฟของมนั เอง นว้ิ ไฟเกดิ จากเงื่อนไขของลักษณะเชอ้ื เพลงิ และลักษณะความลาดชันของพน้ื ท่ี 5. ขอบไฟ คือขอบเขตของไฟป่าน้ันๆ ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซ่ึงอาจจะเป็นช่วงที่ไฟกาลังไหม้ ลุกลามอยู่หรือเป็นช่วงทีไ่ ฟนน้ั ได้ดบั ลงแล้วโดยสิ้นเชงิ 6. ง่ามไฟ คือส่วนของขอบไฟที่อยู่ระหว่างนิ้วไฟ ซ่ึงจะมีอัตราการลุกลามช้ากว่านิ้วไฟ ทั้งนี้ เนื่องจากเงื่อนไขของลักษณะเชื้อพลงิ และลักษณะความลาดชันของพื้นที่ 7. ลูกไฟ คือส่วนของไฟที่ไหม้หน้าตัวไฟหลักโดยเกิดจากการที่สะเก็ดไฟจากตัวไฟหลักถูกลม พันให้ปลิวไปตกหน้าแนวไฟหลักและเกิดการลกุ ไหม้กลายเป็นไฟป่าอีกชั้นหนึ่ง สาเหตุของการเกิดไฟป่า ไฟป่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ต้องอาศัยปัจจัย 3 สิ่งคือ เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน ซึ่งเป็น องค์ประกอบของไฟ" โดยปกตินั้นในป่ามีทั้งเชื้อเพลิงเช่น กิ่งไม้ใบไม้แห้งต่างๆและออกซิเจนหรืออากาศอยู่แล้ว หากมี ความร้อนขึ้นย่อมทำให้เกิดไฟป่าขึ้น ฉะนั้น"ความร้อน"จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่าขึ้น ต้นเหตุที่ทำให้เกิดความร้อนขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นไฟป่าอาจเกิดจากธรรมชาติเอง เช่น ต้นไม้เสียดสีกัน ฟ้าผ่าเป็นต้น หรือจากคนที่จุดไฟขึ้นด้วย วัตถุประสงค์ต่างๆ ในประเทศไทยไม่พบไฟป่าที่เกิดโดยความร้อนตามธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือของคนทั้งสิ้น มนุษย์จึงเป็นต้นเหตุของไฟป่า ที่สาคัญยิ่ง "สาเหตุ" ที่ทำให้เกิดไฟป่าโดยฝีมือของมนุษย์ทั้งตั้งใจหรือโดยประมาทใน ประเทศไทยแบ่งตามลักษณะของกิจกรรมและวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นดังนี้ -ล่าสัตว์ จุดไฟเพื่อให้สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน เพื่อสะดวกในการล่า - เผาไร่ เผากากจัดวัชพืช เตรียมพื้นที่เพาะปลูก โดยปราศจากการควบคุมทาให้ไฟลุกลามเข้าไปในป่า - หาของป่า ตีผึ้ง เก็บไข่มดแดง ผักหวาน หน่อไม้ เก็บเห็ด เก็บฟืน - เลี้ยงสัตว์ เพื่อให้หญ้าแตกใบอ่อนเป็นอาหารสัตว์ในบริเวณใกล้พื้นที่ป่าแล้วเกิดลุกลามเข้าไปในป่า - นักท่องเที่ยว หุงต้มอาหาร ให้แสงสว่าง ใหความอบอุ่น แล้วดับไฟไม่สนิทเกิดเป็นไฟป่าในที่สุด - ความขัดแยง้ ชาวบ้านอาจเกิดความขัดแย้งกับหน่วยราชการในพื้นที่แล้วแกลง้ โดยจุดไฟเผาป่า - ลักลอบทำไม้ เผาทางให้โล่งเตียนเพื่อสะดวกในการลากไม้ ไล่ยุง หุงต้มอาหารในป่า เป็นต้น ผลกระทบจากไฟป่า 1. ผลกระทบจากไฟป่าต่อสังคมพืช - ขาดช่วงการสืบพันธุ์ทดแทนตามธรรมชาติ - เปลี่ยนแปลงโครงสร้างป่า - ลดการเจริญเติบโตและคุณภาพของเนื้อไม้ทันทีที่เกิด"ไฟป่าขึ้นความร้อนและเปลวไฟจากไฟป่า จะทำลายลูกไม้ กล้าไม้ เล็กๆในป่า หมดโอกาสเติบโตเป็นไม้ใหญ่ ส่วนต้นไม้ใหญ่หยุดการเจริญเติบโต เนื้อไม้เสื่อมคุณภาพลง เป็นแผลเกิดเชื้อ โรคและแมลงเข้ากัดทำลายเนื้อไม้ สภาพป่าที่สมบูรณ์ เปลี่ยนสภาพเป็นทุ่งหญ้าไปในที่สุด


2. ผลกระทบจากไฟป่าและสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในป่า - ทำอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ป่า - ทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศํยของสัตว์ป่า - ทำอันตรายต่อชีวิตของสัตว์เล็ก ๆ และจุลินทรีย์ในดิน"ไฟป่า" ส่งผลให้สัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บ ล้มตาย เพราะหนีไฟไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกอ่อนและสัตว์ที่เคลื่อนไหวช้าที่หนีรอดก็ขาดที่อยู่อาศัยรวมไปถึงแหล่งอาหารในที่สุดก็อาจถึงตาย เช่นเดียวกัน 3. ผลกระทบจากไฟป่าต่อสภาวะอากาศโลก - การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น - การเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกหมอกควันที่เกิดจาก"ไฟป่า" ก่อให้เกิดผลกระทบมากมายทั้งสภาวะอากาศเป็นพิษ ทำลายสุขภาพของคนเกิดทัศน์วิสัยไม่ดีต่อการบินเครื่องบินบางครั้งไม่สามารถขึ้นบินหรือลงจอดได้ส่งผลให้เกิดผล เสียหายทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงสูญเสียสภาพความสวยงามตามธรรมชาติ ทาให้สภาพไม่เหมาะในการท่องเที่ยวอีกต่อไป 4. ผลกระทบจากไฟป่าต่อดินต่อป่าไม้ - เกิดการสูญเสียหน้าดินโดยการกัดชะและการพังทลาย - เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของดิน"ไฟป่า" เผาทำลายสิ่งปกคลุมดิน หน้าดินจึงเปิดโล่ง เมื่อฝนตกลงมาเม็ดฝนก็จะตก กระแทกกับหน้าดินโดยตรง เกิดการชะล้างพังทลายของดินได้ง่าย ทำให้หน้าที่ไหลบ่าไปตามหน้าดิน พัดพาหน้าดินอัน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยและดินอัดตัวแน่นทึบขึ้นการซึมน้ำไม่ดี ทาให้การอุ้มน้กหรือดูดซับาความชื้นของดินลดลงไม่สามารถถ เก็บกักน้าและธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชได้ 5. ผลกระทบจากไฟป่าต่อน้ำ - สมดุลของน้าเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดอุทกภัยและภัยแล้ง - เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของน้ำที่เต็มไปด้วยตะกอนและขี้เถ้าจากผลของไฟป่าจะไหลสู่ลำห้วยลำธาน ทำให้ลำห้วยขุ่นข้น มีสภาพไม่เหมาะต่อการใช้อีกต่อไป เมื่อดินตะกอนไปถับถมในแม่น้ำมากขึ้น ลำน้ำก็จะตื้นเขิน จุน้ำได้น้อยลง เมื่อฝนตก ลงมาน้ำก็จะเอ่อล้นท่วมสองฝั่งเกิดเป็นอุทกภัย ที่สร้างความเสียหายในด้านการเกษตรการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์


ใบบันทึกกิจกรรมเรื่องไฟป่าและหมอกควัน กลุ่ม...................................... คำชี้แจง ครูผู้สอนให้ผู้เรียนบันทึกเนื้อหาจากการดูคลิวีดีโอเรื่องไฟผ่าและหมอกควัน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานที่ 1 กรต. ไฟป่า 1.ให้ผู้เรียนอธิบายความหมายของคำว่า “ไฟป่า” มาพอสังเขป ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. 2 ให้ผู้เรียนชมวีดีทัศน์เกี่ยวกับ สำเหตุกำรเกิดไฟป่าผลกระทบที่เกิดจำกไฟป่า ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. ............ .................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. 3. ให้อธิบาย ฤดูกำลเกิดไฟป่าในประเทศไทย .................................................................................................................... ........ ............................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .... .......................... 4 ให้ศึกษาค้นคว้าหาเหตุการณ์ไฟป่าสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. ........................... ... 5. ให้ศึกษาค้นคว้าหาเหตุการณ์ไฟป่าสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ อย่างน้อย 1 เหตุการณ์แล้ว วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. ..............................


6. เมื่อมีไฟป่าเกิดขึ้นผู้เรียนจะมีวิธีการรับมือก่อนเกิดไฟป่าในขณะเกิดไฟป่า และ หลังเกิดไฟป่าอย่างไร ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. 7. ให้เสนอแนวทำงการป้องกันและกำรแก้ไขปัญหำผลกระทบที่เกิดจำกไฟป่า ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................ ...............................


ใบงานที่2 กรต. หมอกควัน 1. อธิบายสาเหตุของการเกิดหมอกควัน ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. 2. อธิบายปัจจัยที่ทำให้ปัญหาหมอกควันมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .............................. 3. บอกผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดจากหมอกควัน ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. 4. อธิบายสถานการณ์หมอกควันในชุมชนของท่าน 1 ประเด็กเกิดจากสาเหตุใด ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. 5. ท่านจะเตรียมความพร้อมในการรับสถานการณ์การเกิดหมอกควันในชุมชนอย่างไร ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .................... ......... ......................................................................................................................... ... .............................. 6. การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์หมอกควันให้ถูกต้องควรปฏิบัติตน ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. .............................


แบบทดสอบหลังเรียน วิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย 1. ไฟป่าส่งผลกระทบอะไรต่อสังคมพืช ก. การเกิดปรากฎการณ์เรือนกระจก ข. เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของน้ำ ค. เกิดการสูญเสียหน้าดิน ง. ลดการเจริญเติบโตและคุณภาพของเนื้อไม้ 2. เกิดเหตุไฟฟ้าแจ้งเบอร์โทร ก. 1478 ข. 1347 ค. 1362 ง. 1784 3. ข้อใดคือวิธีการรับมือกับไฟป่า ก. สวมหน้ากากอนามัย ข. กำกัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงใกล้บ้าน ค. ศึกษาผลกระทบต่อไฟป่าในประเทศต่างๆ ง. ศึกษาผลกระทบจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 4. ข้อใดอธิบายความหมายของหมอกควันได้ถูกต้องที่สุด ก. หมอกซึ่งมีควันผสมอยู่เป็นจ้านวนมากในอากาศ ข. เมฆที่เกิดในระดับใกล้พื้นดิน ท้าให้ทัศนวิสัยหรือการมองเห็นเลวลง ค. สภาพอากาศที่มีสารเจือปน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์และพืชผล ง. ปรากฏการณ์ที่ฝุ่นควันและอนุภาคแขวนลอยในอากาศรวมตัวกันในสภาวะที่อากาศปิด 5. จังหวัดใดในภาคเหนือของประเทศไทยได้รับหมอกควันมากที่สุด ก. แม่ฮ่องสอน ข. พิษณุโลก ค. เชียงใหม่ ง. ลำปาง


เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน วิชาการเรียนรู้สู้ภัยธรรมชาติ 3 (สค32032) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1. ง 2. ค 3. ข 4. ง 5. ค


แผนการจัดการเรียนรู้รายสัปดาห์รายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน่วยที่ 4 Hello! Could you tell me about Culture Differences… แผนพบกลุ่ม จำนวน 3 ชั่วโมง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองระยอง 1. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ความเข้าใจทักษะและเจตคติเกี่ยวกับภาษา ท่าทาง การฟัง พูดอ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศด้วย ประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และงานอาชีพของตนถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะ ของเจ้าของภาษา 2. เนื้อหาตามหลักสูตร เรื่องที่ 1 การติดต่อทางโทรศัพท์กับผู้คุ้นเคย เรื่องที่ 2 การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เรื่องที่ 3 การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อการประกอบอาชีพ เรื่องที่ 4 การใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างตามแบบ ตามมารยาททางสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา เรื่องที่ 5 ความเชื่อและขนบธรรมเนียมประเพณีของเจ้าของภาษา เรื่องที่ 6 การเปรียบเทียบโครงสร้างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เรื่องที่ 7 การเปรียบเทียบสำนวน คำพังเพย สุภาษิต บทกลอน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 3. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (ตัวชี้วัด) 3.1 ผู้เรียนรู้จักสำนวนภาษาที่เหมาะสมในการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติพี่น้องและผู้คุ้นเคย 3.2. ผู้เรียนรู้จักการใช้โทรศัพท์ในการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ 3.3 ผู้เรียนเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 3.4 ผู้เรียนเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้ 3.5 ผู้เรียนสามารถเปรียบเทียบสำนวน คำพังเพย สุภาษิต บทกลอน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ 3.6 ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวัฒนธรรม สำนวน คำพังเพย ในภาษาอังกฤษ ครั้งที่ 4 วันที่26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 9.00-12.00 น.


4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. กระบวนการเรียนรู้ 5 STEPs ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (learning to Question) 1. ครูผู้สอนกล่าวทักทายผู้เรียน 2. ครูผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 5 ข้อ 3. ครูผู้สอนตั้งคำถามกับผู้เรียน ดังนี้ -ผู้เรียนเคยสนทนากับชาวต่างชาติหรือไม่ -ผู้เรียนเคยไปต่างประเทศไหม แต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างไร ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 1. ให้ผู้เรียน ดูสื่อ เรื่องทักษะวิธีการพูดสนทนาแบบต่าง ๆ และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกต้อง 2. ครูผู้สอนตั้งประเด็นคำถาม เรื่องผู้เรียนมีทักษะหรือวิธีการพูดที่ถูกต้องหรือไม่ โดยการให้ผู้เรียนจับคู่ ฝึกการพูดสนทนาตามแบบต่าง ๆ 3. ผู้เรียนฝึกการพูดบทสนทนา เกี่ยวกับหัวข้อการติดต่อโทรศัพท์กับผู้คุ้นเคย การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อการประกอบอาชีพ 4. ครูผู้สอนสอนวิธีการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติ พี่น้อง และผู้ที่คุ้นเคยในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้ สำนวนและภาษาที่เหมาะสม ใช้สำนวนภาษาที่ใช้พูดทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการทราบ โดยใช้รูปประโยคขอร้อง ประโยคคำถามลักษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและการขอบคุณ เช่น การ สอบถามเส้นทางการเดินทางไปที่ต่าง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เครื่องบิน สอบถามข้อมูลด้านการคุ้มครอง ผู้บริโภค/สุขภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ


5. ครูผู้สอนให้ผู้เรียนแบ่งทีม ออกเป็น 4 ทีม ตามจำนวนของผู้เรียน ทีมละเท่า ๆ กัน เพื่อเล่น เกม Find me if you can. (เกมเรียงคำศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษ) 6. ครูผู้สอนให้ผู้เรียนตั้งชื่อทีม เป็นภาษาอังกฤษ 7. ครูผู้สอนแจกใบกิจกรรมให้กับผู้เรียนแต่ละทีม ทีมละ 1 ใบ 8. เมื่อผู้เรียนได้รับใบกิจกรรมแล้ว ให้ครูผู้สอนชี้แจงการเล่นเกม ดังนี้ - สมาชิกในทีมต้องแบ่งหน้าที่กันดังนี้ ฝ่ายค้นหาสำนวนภาษาอังกฤษ ฝ่ายค้นหาความหมายภาษาไทย - ในเกม จะมีสำนวนทั้งหมด 10 สำนวน ซึ่งได้ใส่สำนวนภาษาอังกฤษไว้ทั้งหมด ซึ่งจะไม่ได้ถูกวางคำศัพท์ไว้ อย่างถูกต้อง -ผู้เล่นแต่ละทีม ต้องค้นหาคำที่ถูกต้อง เมื่อได้แล้วจึงนำสำนวนที่ได้มาเรียงตัวอักษรถูก -เมื่อเรียงอักษรเป็นสำนวนถูกต้องแล้ว ฝ่ายหาความหมายภาษาไทยต้องจดลงใบกิจกรรมให้ถูกต้อง -มีเวลาเพียง 10 นาทีในการเล่นเกม ทีมไหนทำเวลาได้ดี และเรียงถูกต้องที่สุดจะเป็นทีมชนะ ส่วนทีมที่แพ้ ต้องหยิบยกสำนวนภาษาอังกฤษขึ้นมาทีมละ 1 สำนวน -ทีมที่ชนะ นำเสนอคำศัพท์หน้าชั้นเรียน FIND ME IF YOU CAN -ครูผู้สอนให้ผู้เรียนทั้ง 4 ทีม สแกนเข้าเกมพร้อมกัน -ครูผู้สอนจะมีเฉลยในมือ อยู่ท้ายแผน ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 1. ครูผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้ และแหล่งเรียนรู้ สื่อ Internet ต่าง ๆ ในการศึกษาหาข้อมูล 2. ให้ผู้เรียนแต่ละคนสรุปความรู้ในเรื่องที่เรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้าและจากการนำเสนอผลงานของแต่ ละคนเขียนลงในใบกิจกรรมตามประเด็นที่กำหนด พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจหรือยังสนใจ


3. พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการใช้ภาษา น้ำเสียงและภาษาท่าทางต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมกับบุคคล สถานที่ เวลา และโอกาส ขนบธรรมเนียมประเพณีของเจ้าของภาษา โครงสร้างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ และ สำนวนภาษา 4. ผู้สอนตั้งประเด็นคำถาม เรื่อง ผู้เรียนมีทักษะหรือวิธีการใช้ภาษาในการสื่อสารได้เหมาะสมหรือไม่ มีความ เข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณีของเจ้าของภาษามากน้อยเพียงใด รวมถึงสามารถเปรียบเทียบโครงสร้าง ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ และเปรียบเทียบสำนวนภาษาไทยกับภาษาอังกฤษได้หรือไม่ ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 1. ผู้เรียนฝึกนำเสนอการพูดบทสนทนา เกี่ยวกับหัวข้อการติดต่อโทรศัพท์กับผู้คุ้นเคย การติดต่อทาง โทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อการประกอบอาชีพ 2. ผู้เรียนจับกลุ่มออกมานำเสนอวิธีการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติ พี่น้อง และผู้ที่คุ้นเคยใน เรื่องต่าง ๆ โดยใช้สำนวนและภาษาที่เหมาะสม ใช้สำนวนภาษาที่ใช้พูดทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่ ต้องการทราบ โดยใช้รูปประโยคขอร้อง ประโยคคำถามลักษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและการขอบคุณ เช่น การสอบถามเส้นทางการเดินทางไปที่ต่าง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เครื่องบิน สอบถามข้อมูลด้านการคุ้มครอง ผู้บริโภค/สุขภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 1. ทำแบบทดสอบหลังเรียน 2. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้ และแหล่งเรียนรู้ สื่อ Internet ต่าง ๆ ในการศึกษาหาข้อมูล 3. ให้ผู้เรียนแต่ละคนสรุปความรู้ในเรื่องที่เรียนรู้จากการศึกษาค้นคว้าและจากการนำเสนอผลงานของ แต่ละคนเขียนลงในใบกิจกรรมตามประเด็นที่กำหนด พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ หรือยังสนใจ


4. ผู้เรียนทำคำศัพท์สำนวนไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษติดให้ความรู้ในสถานที่สาธารณะในชุมชนของ ตนเอง 6. งานที่มอบหมาย 1. ศึกษาแบบเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม และใบความรู้ 2. ครูผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง (กรต.) ในหัวข้อตามแบบเรียน 7. สื่อ/แหล่งเรียนรู้/อุปกรณ์ 1. มุมหนังสือ ศกร.ตำบล 2. หนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม 4. ใบความรู้ 8. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) จำนวน 22 ชั่วโมง ที่ ตัวชี้วัด เนื้อหา (กรต.) จำนวน ชั่วโมง หมายเหตุ 1 หลักไวยากรณ์ (Grammar focus) การใชCan Could และ Would 11 ชั่วโมง ใบกิจกรรมที่ 4 กรต. 2 หลักไวยากรณ์ (Grammar focus) Preposition คำบุพบท 11 ชั่วโมง ใบกิจกรรมที่ 5 กรต. 9. การวัดผลและประเมินผล การวัดผลตามจุดประสงค์ เครื่องมือการวัดผล เกณฑ์การประเมินผล ความรู้ (Knowledge) 1. ผู้เรียนรู้จักสำนวนภาษาที่เหมาะสมใน การพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพื่อน ญาติพี่ น้องและผู้คุ้นเคย 2. ผู้เรียนรู้จักการใช้โทรศัพท์ในการ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ 3. ผู้เรียนเข้าใจความแตกต่างทาง วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบหลังเรียน ทำแบบทดสอบผ่าน 70% ขึ้นไป ทักษะ (Skill) 1. ผู้เรียนเปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้ ใบกิจกรรม ร้อยละ 80 ของผู้เรียนทำใบ กิจกรรมได้อย่างถูกต้อง


การวัดผลตามจุดประสงค์ เครื่องมือการวัดผล เกณฑ์การประเมินผล 2. ผู้เรียนสามารถเปรียบเทียบสำนวน คำ พังเพย สุภาษิต บทกลอน ภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษได้ เจตคติ (Attitude) 1. ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวัฒนธรรม สำนวน คำพังเพย ในภาษาอังกฤษ การทำกิจกรรมพบกลุ่ม การตั้งคำถาม และการตอบคำถาม ลงชื่อ.............................................................ผู้สอน (…………………………..………………) วันที่…......เดือน…………….......พ.ศ…………….... ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ..................................... .................................................................................................................................................................. ลงชื่อ...................................................ผู้อำนวยการ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองระยอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเมืองระยอง วันที่......เดือน…………….......พ.ศ………..


ใบกิจกรรมที่ 1 รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ชื่อ-นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุ่ม…………….............รหัสนักศึกษา........…..……..………


ใบกิจกรรมที่2 รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001)


ใบกิจกรรมที่3 รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001)


ใบกิจกรรมที่ 4 (กรต.) รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001)


ใบกิจกรรมที่ 5 (กรต.) รายวิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม (พต31001) ชื่อ-นามสกุล ………........................…………………………………. รหัสกลุ่ม…………….............รหัสนักศึกษา........….


ใบความรู้ Telephone Conversation ในชีวิตประจำวันของเรานั้น โทรศัพท์นับว่าเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะใช้ในการติดต่อสื่อสารได้อย่างฉับไวแล้ว ยังจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ไม่ว่าเป็นชนิดติดตั้งในตัวอาคารหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดรถยนต์ (Mobile Telephone) หรือ โทรศัพท์มือถือ (Portable / Handheld telephone) ต่างก็ใช้ภาษาสนทนาอย่างเดียวกัน ตามปกติเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดัง ขึ้น เราควรรีบรับแล้วทักทายด้วยประโยคเหล่านี้ 1. Hello! Good morning / afternoon / evening. This is ………………….. company. May I help you ? (เฮลโล่ กู๊ด มอร์นิ่ง / อ๊าฟเตอร์นูน / อิ๊ฟนิ่ง ธิส อิส ................... คัมพะนิ เมย์ ไอ เฮ็ลพ ยู) สวัสดีครับ (ตอนเช้า / ตอนบ่าย / ตอนเย็น ) นี่คือบริษัท .......................ผมช่วยอะไรคุณได้บ้างครับ ? 2. Hello! Vichai speaking. What can I do for you ? (เฮลโล่ วิชัย สปีกกิ้ง ว็อท แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู) สวัสดีครับ วิชัยกำลังพูดครับ ผมช่วยอะไรคุณได้บ้างครับ ? 3. Hello, this is vichai Saendee speaking. (เฮลโล่ ธิส อีส วิชัย แสนดี สปีคกิ้ง) สวัสดีครับ นี่วิชัย แสนดี กำลังพูดครับ 4. Hello, this is 3735135.May I help you ? (เฮลโล่ ธิส อิส ธรี เซวึ่น ธรี ไฟว วัน ธรี ไฟว เมย์ ไอ เฮ็ลพ ยู) สวัสดีครับ นี้ 3735135 ผมช่วยอะไรคุณได้บ้างครับ 5. This is Doctor Thongchai’s residence. What can I do for you? (อิส อีส ด็อกเตอร์ ธงไชย เร็ซซิดึนส ว็อท แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู) ที่นี่บ้านพักคุณหมอธงไชย มีอะไรให้ช่วยไหมครับ หลังจากที่เราทราบแล้วว่า ผู้ที่รับโทรศัพท์นั้นเป็นใคร เราซึ่งเป็นผู้โทรก็จะต้องแนะนำตัวเองบ้าง พร้อมทั้งชี้แจง จุดประสงค์ที่โทรมาด้วย เช่น 1. This is Roger Aslin. May I speak to Khyn Thanpol Chadchaidee? (ธิส อีส โรเจอร์ แอสลิน เมย์ ไอ สปีค ทู คุณธนพล จาดใจดี) นี่ผมโรเจอร์ แอสลิน ขอคุยกับคุณธนพล จาดใจดีหน่อยได้ไหมครับ 2. This is Roger Aslin. Is Khyn Thanapol there? (ธิส อีส โรเจอร์ แอสลิน อีส คุณ ธนพลล แธร์) นี่ผมโรเจอร์ แอสลินครับ คุณธนพลอยู่ที่นั่นหรือเปล่าครับ


3. I’m Peter Thomson. Could I speak to Mr. Thanapol, please? (ไอม ปีเตอร์ ทอมสัน คูด ไอ สปีค ทู มิสเตอร์ ธนพล พลีส) ผมชื่อปีเตอร์ ทอมสันครับ ผมขอพูดกับคุณธนพล หน่อยได้ไหมครับ 4. I’m calling from the board of Investment and I like to speak to Mr. Somsak of TYK company. Would you get him on the phone, please? (ไอม คอลลิ่ง ฟรอม เธอะ บอร์ด ออฟ อินเวสเม้นท แอน ไอ ไลค ทู สปีค ทู มิสเตอร์ สมศักดิ์ ออฟ ทีวายเค คัม พะนิ ยูด ยู เก็ท ฮิม ออน เธอะ โฟน พลีส) ผมโทรจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผมอยากจะพูดคุยกับคุณสมศักดิ์ ที่อยู่บริษัททีวายเค คุณช่วยตาม เขามารับสายหน่อยได้ไหมครับ 5. Can I speak to Mr, Decha, please? (แคน ไอ สปีค ทู มิสเตอร์ เดชา พลีส) ผมขอพูดกับคุณเดชา หน่อยได้ไหมครับ ในกรณีที่เบอร์โทรศัพท์นั้น ไม่ใช่สายตรง หรือที่เรียกว่า “Direct line” จำเป็นต้องผ่านพนักงานตอบรับโทรศัพท์ (Operator) และเราไม่ทราบเบอร์ติดต่อภายในจึงต้องขอให้เขาต่อสายให้โดยพูดว่า 1. Extension 124 please. (อิคสเท็นชั่น วัน ทเว้นตี้ฟอร์ พลีส) ช่วยกรุณาต่อ 124 หน่อยครับ 2. The Managing Director’s office, please. (เธอะ เมเน็จจิ่ง ไดเร็คเตอร์ส อ๊อฟฟิซ พลีส) ช่วยกรุณาต่อห้องกรรมการผู้จัดการให้ผมหน่อยครับ 3. Room number 407 please. (รูม นัมเบอร์ ฟอร์-โอ-เซวึ่น พลีส) ช่วยกรุณาต่อห้อง 407 ให้ผมหน่อยครับ 4. Please give me Sales Department. (พลีส กีฟ มี เซลส ดีพาทเม้นท์) ช่วยต่อแผนกขายให้ผมหน่อยครับ 5. Could I have extension 318, please (คูด ไอ แฮ็ฟ อิคสเท็นชั่น ทรี – วัน – เอ้ท พลีส) ช่วยกรุณาต่อ 318 ให้หน่อยครับ ถ้าบุคคลที่เราถามหาไม่อยู่ ฝ่ายผู้รับก็อาจจะพูดว่า


1. I’m sorry he isn’t in right now. Would you like to leave a message? (ไอม ซ้อรี่ ฮี อีสซึ่น อิน ไร้ท นาว วู้ด ยู ไลค ทู ลีฟ อะ เม็สซิจ) เสียใจครับเขาไม่อยู่ตอนนี้ คุณจะทิ้งข้อความไว้หรือไม่ครับ 2. I’m sorry he is out for lunch. Shall I have him call you back? (ไอม ซ้อรี่ ฮี อีส เอ้าท ฟอร์ ลันช แชล ไอ แฮ็ฟ ฮิม คอล ยู แบ็ค) เสียใจครับ เขาออกไปทานอาหารกลางวันครับ จะให้ผมบอกให้เขาโทรกลับหาคุณไหมครับ 3. I’m sorry he just left and I don’t think he’ll be back again today. (ไอม ซ้อรี่ ฮี จันท เล็ฟท แอนด์ ไอ โด้นท ธิงค ฮีล บี แบ็ค อะเก็น ทูเดย์) ผมเสียใจครับ เขาเพิ่งจะออกไป และผมก็ไม่คิดว่าเขาจะกลับเข้ามาอีกวันนี้ 4. He’s just stepped out. (ฮีส จัสท สเต็พท เอ้าท) เขาเพิ่งจะเดินออกไปเดี๋ยวนี้เอง 5. I’m sorry Mr. Thanapol is tied up at the moment. (ไอม ซ้อรี่ มิสเตอร์ ธนพล อีส ไทท อัพ แอท เธอะ โมเม้นท) เสียใจครับ คุณธนพลไม่ว่างที่จะรับสายในขณะนี้ 6. I’m sorry he’s not available at the moment. (ไอม ซ้อรี่ ฮี แฮส อะ วิซิทเทอะ วิธ ฮิม ไร้ท นาว อีส แธร์ เอนนี่ เม็สซิจ) เสียใจครับเขาไม่ว่างเลยในขณะนี้ 7. I’m sorry he has a visitor with him right now. Is there any message? (ไอม ซ้อรี่ ฮี แฮส อะ วิซิทเทอะ วิธ ฮิม ไร้ท นาว อีส แธร์ เอนนี่ เม็สซิจ) เสียใจครับเขามีแขกขณะนี้ มีข้อความอะไรไหมครับ 8. I’m sorry he is in a meeting (ไอม ซ้อรี่ ฮี อีส อิน อะ มีทติ้ง) เสียใจครับ เขาอยู่ในที่ประชุมครับ 9. I’m sorry he’s on another line at the moment. (ไอม ซ้อรี่ อีส ออน อะนัธเธ่อร์ ไลน แอท เธอะ โมเม้นท) เสียใจครับ เขาติดอยู่อีกสายหนึ่งในขณะนี้ ถ้าเราทราบว่าเขาไม่อยู่ และอยากจะฝากข้อความไว้ หรือขอให้เขาโทรกลับเมื่อเขากลับเข้ามาเราก็จะพูดว่า 1. May I leave a message for him? (เมย์ ไอ ลีฟว อะ เม็สเซ้จ ฟอร์ ฮิม)


ผมฝากข้อความไว้ให้เขาหน่อยได้ไหมครับ 2. Would you ask him to call me when he comes in ? May number is…………….. (วูด ยู อ้าคส ฮิม ทู คอล มี เว็น ฮี คัมส อิน มาย นัมเบอร์ อีส...........) คุณช่วยกรุณาบอกให้เขาโทรหาผม เมื่อเขากลับเข้ามาหน่อยครับ เบอร์โทรของผมคือ ...................... 3. Could you ask him to call me back right away? (คูด ยู อ๊าสค ฮิม ทู คอล มี แบ็ค ไร้ท อะเวย์) คุณช่วยกรุณาบอกให้เขารีบโทรกลับหาผมในทันทีเลยได้ไหมครับ 4. Would you have him return my call? (วูด ยู แฮ็ฟ ฮิม รีเทิน มาย คอล) คุณช่วยกรุณาบอกให้เขาโทรกลับหาผมหน่อยได้ไหมครับ 5. Please have him call me back at 3735135 between 2.00 to 5.00 p.m. I’ll be at this number till 5.15 p.m. (พลีส แฮ็ฟ ฮิม คอล มี แบ็ค แอท ธรี–เซเว่น–ธรี-ไฟว-วัน-ธรี-ไฟว บีทะวีน ทู ทู ไฟว พีเอ็ม ไอล บี แอท ธิส นัม เบอร์ ทิล ไฟว-ฟิ๊ฟทีน พีเอ็ม) ช่วยกรุณาบอกให้เขาโทรกลับหาผมตามเบอร์โทรนี้ 3735135ระหว่างเวลาบ่าย 2 โมง ถึง บ่าย 5 โมง ผมจะอยู่ที่ หมายเลขนี้จนกระทั่งถึงเวลาบ่าย 5 โมง 15 นาที 6. Please ask him to call me back when he is free. (พลีส อ๊าสค ฮิม ทู คอล มี แบ็ค เว็น ฮี อีส ฟรี) โปรดบอกให้เขาโทรกลับหาผมด้วยเมื่อเขาว่าง 7. When can I expect him to return my call? (เว็น แคน ไอ เอ๊กซเป็ค ฮิม ทู รีเทิน มาย คอล) เขาจะโทรกับหาผมได้เมื่อไหร่ครับ 8. I have some urgent business with him. (ไอ แฮ็ฟ ซัม เออเจ่น บิสเนส วิธ ฮิม) ผมมีเรื่องด่วนกับเขา 9. Please tell him I called. (พลีส เท็ล ฮิม ไอ คอลท) โปรดบอกเขาด้วยว่าผมโทรหาครับ 10. Well, then, I’ll phone him again. (เวล เธ็น ไอล โฟน ฮิม อะเก็น) อ้อ! ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรหาเขาอีกครับ


11. Could you tell me where to reach him? (คูด ยู เท็ล มี แวร์ ทู รีช ฮิม) คุณช่วยบอกผมหน่อยครับว่าจะติดต่อเขาได้อย่างไร 12. I’ll ring him at about 8.30 p.m. (ไอล ริง ฮิม แอท อะเบ้าท เอ้ท-เธอตี้ พี เอ็ม) ผมจะโทรหาเขาประมาณ 8.30 น. ครับ ถ้าต้องการให้ผู้ที่โทรมาถือสายรอเราพูดว่า 1. Just a moment, please (จัสท อะ โมเม้นท พลีส) กรุณารอสักครู่ครับ 2. Hold on, please. (โฮลด ออน พลีส) ถือสายไว้ก่อนครับ 3. Hang on please. (แฮง ออน พลีส) ถือสายไว้ก่อนครับ 4. Wait a moment, please. (เว็ท อะ โมเม้นท พลีส) กรุณารอสักครู่ครับ 5. Just a second, please. (จัสท อะ เช็คคั่น พลีส) กรุณารอสักครู่ครับ 6. Will you hold the line for a moment? (วิล ยู โฮลด เธอะ ไลน ฟอร์ อะ โมเม้นท) คุณจะกรุณาถือสายรอสักครู่ได้ไหมครับ ถ้าต้องการทราบชื่อของเขาก่อน เราก็จะพูดว่า 1. Who is calling please? (ฮู อีส คอลลิ่ง พลีส) ใครโทรมาครับ 2. Who shall I say is calling? (ฮูแชลไอเซย์อีสคอลลิ่ง) จะให้ผมบอกว่าใครโทรมาดีครับ 3. Who is this, please? ใครพูดครับ 4. May I ask who is calling, please? (เมย์ ไอ อ๊าสค ฮู อีส คอลลิ่ง พลีส) จะกรุณาบอกได้ไหมครับ ว่าใครโทรมาครับ 5. Can you tell me where you’re calling from, please? (แคน ยู เท็ล มี แวร์ ยูเออะ คอลลิ่ง ฟรอม พลีส)


คุณจะกรุณาบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าคุณโทรมาจากไหนครับ 6. Who did you say you wanted to speak to? (ฮู ดิด ยู เซย์ ยู ว้อทเต็ด ทู สปีค ทู) คุณพูดว่าคุณต้องการพูดกับใครนะครับ ถ้าเราไม่รู้จักคนที่เขาถามหา หรือสงสัยว่าเขาจะโทรผิดเบอร์ก็อาจจะพูดว่า 1. This is 3735135.What number are you calling? (ธิส อีส ธรี-เซเว่น-ธรี-ไฟว-วัน-ธรี-ไฟว ว็อท นัมเบอร์ อาร์ ยู คอลลิ่ง) นี่โทร 3735135 ไม่ทราบว่าคุณต้องการโทรถึงเบอร์อะไรครับ 2. I’m sorry. You have the wrong number. (ไอม ซ้อรี่ ยู แฮ็ฟ เธอะ ร็อง นัมเบอร์) ผมเสียใจครับ คุณโทรผิดเบอร์ครับ 3. I’m afraid you have the wrong number, this is……………………. (ไอม อะเฟรด ยู แฮ็ฟ เธอะ ร็อง นัมเบอร์ ธิส อีส .......................... ผมเกรงว่าคุณจะโทรเบอร์ผิดนะครับ นี่เบอร์โทร ............................... 4. There is no one by that name here. You must have the wrong number. This is (แธร์ อีส โน วัน บาย แธ็ท เนม เฮียร์ ยู มัสท แฮ็ฟ เธอะ ร็องนัมเบอร์ ธิส อีส ...................... ) ที่นี่ไม่มีคนชื่อนั้นหรอกครับ คุณต้องโทรเบอร์ผิดแน่เลย นี่เบอร์โทร ......................... 5. Mr.Thanapol has changed offices. His new number is …………………………. (มิสเตอร์ ธนพล แฮส เช็นจ อ๊อฟฟิซ ฮิส นิว นัมเบอร์ อีส ........................) คุณธนพบเปลี่ยนทีทำงานใหม่แล้วครับ เบอร์โทรใหม่ของเขาคือ 6. His extension number has changed. The new number is………………………. (ฮิส อิคซเท็นชั่น นัมเบอร์ แฮส เช็นจ เธอะ นิว นัมเบอร์ อีส .......................) เบอร์ต่อของเขาเปลี่ยนไปแล้ว เบอร์ใหม่คือ................................................... 7. Nobody by that name works here. (โนบอดี้ บาย แธ็ท เนม เวิคส เฮียร์) ไม่มีคนที่ชื่อนั้น ทำงานอยู่ที่นี่หรอกครับ 8. Sorry, the number’s changed. (ซ้อรี่ เธอะ นัมเบอร์ส เช็นจท) เสียใจครับ เบอร์โทรนั้นเปลี่ยนไปแล้วครับ 9. No, this isn’t the number you want.


(โน ธิส อีสซึ่น เธอะ นัมเบอร์ ยู ว้อนท) ไม่ครับ นี่ไม่ใช้เบอร์ที่คุณต้องการหรอกครับ ถ้าคู่สนทนาพูดไม่ชัด หรือโทรศัพท์ขัดข้องเราก็อาจจะพูดว่า 1. I beg your pardon? (ไอเบอยัวร์พ้าดึน) ขอโทษครับ / อะไรนะครับ 2. Would you speak a little louder? กรุณาพูดดังหน่อยได้ไหมครับ 3. Will you speak up, please? (วิลยูสปีคอัพพลีส ) กรุณาพูดดัง ๆ ครับ 4. Please speak more slowly. (พลีส สปีค มอร์ สโลลี่) กรุณาพูดช้า ๆ หน่อยครับ 5. I’m sorry I can’t hear (ไอม ซ้อรี่ ไอค้านท เฮียร์ยู) ผมเสียใจครับ ผมไม่ได้ยินที่คุณพูดเลยครับ 6. I’ll get someone who speaks English. (ไอล เก็ท ซัมวัน ฮูส ปีคส อิงลิช) ผมจะหาคนพูดภาษาอังกฤษได้มานะครับ 7. Now there is no one here who understands English. (นาว แธร์ อีส โน วัน เฮียร์ ฮู อันเดร์สแต็นด์ส อิงลิช ตอนนี้ ที่นี่ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย ถ้าผู้ที่โทรมาบอกเราว่าเขาต้องการพูดกับคนนั้น คนนี้และบังเอิญบุคคลนั้นอยู่บริเวณนั้นเราก็จะบอกเขาว่า 1. Anong, you are wanted on the phone line 7. (ให้เขากดปุ่มแล้วพูด) (อนงค์ ยู อาร์ ว้อนเต็ด ออน เธอะ โฟน ไลน เซเว่น) คุณอนงค์ โทรศัพท์ถึงคุณ สาย 7 ครับ 2. It’s for you, Kanya. (ส่งหูรับให้เขา) (อิทส ฟอร์ ยู กัญญา) โทรศัพท์ ถึงคุณครับ คุณกัญญา แต่ถ้าผู้ที่ถูกถามหาเป็นผู้รับโทรศัพท์นั้นเอง เขาก็จะพูดว่า 1. ( สปีคกิ้ง ) กำลังพูดครับ 2. This is he / she. (ธิสอีสฮี / ซี)ผม/ดิฉันคือคนนั้นแหละ 3. I’m on the line. (ไอมออนเธอะ ไลน)ผมกำลังพูดครับ 4. Here’s Thanapol. (เฮียสธนพล) นี่คือ ธนพล ครับ


5. Thanapol is speaking. (ธนพล อีส สปีคกิ้ง) ธนพละกำลังพูดครับ ควรกล่าวขอบคุณที่เขาโทรมาหาโดยพูดว่า 1. Thanks for calling. Goodbye. (แธ้งส ฟอร์ คอลลิ่ง กู้ดบาย) ขอบคุณที่โทรมาลาก่อนครับ 2. Thank you for your call. ขอบคุณที่โทรมา 3. Nice talking to you. Goodbye. (ไนซ ทอคกิ่ง ทู ยู กู้ดบาย) ผมดีใจที่ได้พูดกับคุณครับ ลาก่อน


ใบความรู้ การเปรียบเทียบโครงสร้างภาษาไทย และภาษาอังกฤษ Provert (สุภาษิต คำพังเพย) ในภาษาอังกฤษ และภาษาไทยมีความหมายที่คล้ายกันและแตกต่างกันบ้างตามบริบททาง วัฒนธรรม สุภาษิตอังกฤษมักจะใช้คำพูดตรง ๆ มากกว่าสุภาษิตของไทย ที่มีลักษณะเปรียบเปรย ลองศึกษาสำนวน ไทยและเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษต่อไปนี้ สำนวนอังกฤษ Health is wealth. Love is blind. Prevention is better than cure. Spare the rod, spoil the child Go to Rome do as Roman do. Two heads are better than one. Where there’s a will, there’s a way. Together we live; separate we die. When the cat’s away, the nice dance will play. God helps those who help themselves. Rome was not built in a day. Never do things by halves A tree is known by its fruit. A bird in the hand is worth two in the bush. สำนวนไทย ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน กันไว้ดีกว่าแก้ รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม อย่าทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล สิบเบี้ยใกล้มือ Strike while the iron is hot. Action speaks louder than words. Don’t judge a book by its cover. Speech is silver, silence is golden. Time and tide waited for no one. Still waters run deep. Reading makes a full man. ไม้อ่อนดัดง่าย การกระทำสำคัญกว่าคำพูด อย่าตัดสินคนแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก พูดไปสองไพ่เบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง สายน้ำไม่เคยรอท่า วันเวลาไม่เคยรอใคร น้ำนิ่งไหลลึก การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์


Click to View FlipBook Version