The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-11-11 06:30:13

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

อัยการนิเทศ

(เปน็ หนังสือราชการของสำ�นักงานอัยการสงู สดุ )

เลม่ ท่ี ๗๔ พทุ ธศักราช ๒๕๕๔

การสง่ บทความเพือ่ พิจารณาลงพิมพ์ใน “หนงั สอื อัยการนิเทศ” โปรดสง่ มาท่…ี
ส�ำ นักงานอยั การพิเศษฝ่ายสารสนเทศ สำ�นักงานวิชาการ สำ�นักงานอัยการสงู สดุ
ศูนยร์ าชการเฉลมิ พระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ (อาคารราชบุรดี ิเรกฤทธ)์ิ

ช้นั ๗ เลขที่ ๑๒๐ หมูท่ ่ี ๓ ถนนแจ้งวฒั นะ แขวงทุง่ สองห้อง เขตหลักสี่
กรงุ เทพมหานคร ๑๐๒๑๐

อัยการนเิ ทศ

(เปน็ หนังสือราชการของสำ�นกั งานอยั การสงู สดุ )
เลม่ ที่ ๗๔ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔


หลากหลายประเดน็ จากบทสัมภาษณ์
๑๗
- สมั ภาษณพ์ เิ ศษ ๓๑
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอยั การ สำ�นักงานคดที รพั ยส์ นิ ทางปัญญา
และการคา้ ระหวา่ งประเทศ ๔๑
๗๑
บทความ ๗๙

- หลกั นติ ิธรรมกบั กระบวนการยตุ ธิ รรมทีเ่ ก่ยี วข้องกบั พนักงานอัยการ
ศาสตราจารย์ ดร. คณิต ณ นคร
- ขอ้ สงั เกตบางประการเกย่ี วกบั การทุเลาการบังคบั ตามคำ�ส่งั ทางปกครองกบั
การบรรเทาทุกข์ช่ัวคราวตามพระราชบัญญัติจัดต้งั ศาลปกครองและ
วธิ พี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
นิธนิ ันท์ สขุ วงศ์
- สิทธิการตายโดยปฏเิ สธการรักษา
ดร. วชิ ช์ จรี ะแพทย์
- การสั่งคดีอาญาทีจ่ ะไมเ่ ป็นประโยชนแ์ กส่ าธารณชนหรอื จะมีผลกระทบ
ต่อความปลอดภยั หรือความมน่ั คงของชาตหิ รอื ต่อผลประโยชนอ์ นั สำ�คญั ของประเทศ
อนชุ าติ คงมาลัย
- หลกั การคน้ หาพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนตามกฎหมายฝรัง่ เศส
รองศาสตราจารย์ ดร. อุดม รฐั อมฤต

คำ�พพิ ากษาศาลฎกี า

- กันสว่ น ขัดทรพั ย์ เจา้ หนจ้ี �ำ นองขอรับช�ำ ระหนกี้ อ่ น (ฎ. ๑๑๐/๒๕๕๓) ๙๓
- การกระทำ�ความผิดหลายกรรมตา่ งกัน (ฎ. ๑๑๐๙/๒๕๕๓) ๙๖
- การจา่ ยค่าปรับท่ีได้ช�ำ ระตามค�ำ พิพากษาใหแ้ ก่เจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ (ฎ. ๘๗๕/๒๕๕๓) ๙๘
- การชั่งนํา้ หนักพยานหลักฐาน (ฎ. ๗๕๐๙/๒๕๕๒) ๑๐๑
- การชง่ั น้าํ หนกั พยานหลักฐาน (ฎ. ๗๑๕/๒๕๕๓) ๑๐๕
- การบรรยายคำ�ฟ้องความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์
พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๗, ๒๘ และมาตรา ๓๑ (ฎ. ๑๕๙๘/๒๕๕๓) ๑๑๑
- การยึดทรัพย์สนิ ที่เกีย่ วเนือ่ งกับการกระท�ำ ความผดิ สน้ิ สดุ ลง (ฎ. ๑๘๖๘/๒๕๕๓) ๑๑๔
- การยน่ื บัญชีระบุพยานในคดีอาญา (ฎ. ๓๗๒/๒๕๕๓) ๑๑๖
- ฉอ้ โกง ฉอ้ โกงประชาชน จัดหางานให้คนหางานเพือ่ ไป
ทำ�งานต่างประเทศโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต (ฎ. ๔๑๙๑/๒๕๕๒) ๑๑๙
- ใช้เอกสารสิทธิอันเปน็ เอกสารราชการปลอม ฉ้อโกง (ฎ. ๙๔๘๒/๒๕๕๒) ๑๒๓
- ผู้สนบั สนนุ (ฎ. ๔๙๔๖/๒๕๕๓) ๑๒๗
- รอการลงโทษ (พร้อมหมายเหต)ุ (ฎ. ๗๑๕๖/๒๕๕๒) ๑๓๐
- ลักทรพั ย์ในสถานทบ่ี ชู าสาธารณะ ลกั ทรพั ย์ทเ่ี ปน็ พระพทุ ธรปู หรือ
วตั ถุในทางศาสนาท่เี ป็นสกั การะของประชาชน (ฎ. ๙๑๙๓/๒๕๕๒) ๑๓๓
- เอาไปเสยี ซงึ่ เอกสารของผู้อ่ืน ปลอมเอกสารสิทธิอันเปน็ เอกสารราชการ
ใชเ้ อกสารสิทธอิ นั เปน็ เอกสารราชการปลอม (ฎ. ๘๔๙๐/๒๕๕๒) ๑๓๖

คำ�พพิ ากษาและค�ำ ส่งั ศาลปกครองสงู สุด

- การจัดทำ�รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม (อ. ๓๕๒/๒๕๕๒) ๑๔๓
- การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมเกย่ี วกับห้องชดุ (อ. ๒๐๘/๒๕๕๓) ๑๕๐
- การเบกิ คา่ เช่าบ้านจากทางราชการ (อ. ๑๓๙/๒๕๕๓) ๑๕๕
- การเปดิ เผยขอ้ มูลขา่ วสารของทางราชการ (อ. ๑๘๐/๒๕๕๓) ๑๖๑
- การส้ินสุดสมาชิกภาพของสมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารส่วนต�ำ บล (อ. ๒๑๑/๒๕๕๓) ๑๖๗

คำ�ชี้ขาดความเหน็ แย้งของอัยการสงู สดุ

- จำ�หน่ายภาพยนตรใ์ นราชอาณาจักรโดยไมผ่ า่ นการตรวจสอบและ (ชย. ๔๙๘/๒๕๕๒) ๑๗๓
ไดร้ บั อนญุ าตจากคณะกรรมการ

- ฉ้อโกง (ชย. ๑๖๖/๒๕๕๓) ๑๗๕
- ใชบ้ ตั รอิเลก็ ทรอนกิ ส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ฯลฯ (ชย. ๔๙๕/๒๕๕๒) ๑๗๗
- ดหู มิ่นผอู้ ืน่ ซึง่ หนา้ (ชย. ๑๕๘/๒๕๕๓) ๑๘๓
- เปน็ ธรุ ะจดั หา ลอ่ ไป พาไปซึง่ หญิงเพื่อการอนาจาร, ๑๘๕
พาหรอื สง่ คนออกไปนอกราชอาณาจักรโดยใชอ้ บุ ายหลอกลวง (ชย. ๕๔๖/๒๕๕๒) ๑๘๘
- ยึดถือครอบครองทำ�ประโยชน์หรอื อยู่อาศัยในทด่ี ิน ก่นสร้าง แผว้ ถางหรอื ๑๙๑
กระท�ำ ดว้ ยประการใด ๆ อันเป็นการเสือ่ มเสียแกส่ ภาพปา่ สงวนแห่งชาต ิ (ชย. ๕๘๖/๒๕๕๒)
- ลักทรพั ย์ทีเ่ ปน็ ของนายจ้างในเวลากลางคืน (ชย. ๓๗๐/๒๕๕๒)

ตอบขอ้ หารอื ส�ำ นกั งานอยั การสงู สุด

- การขอรับเงินคา่ ทดแทนทีด่ ินทถ่ี กู เวนคืนท่ไี ด้น�ำ สง่ คนื เปน็ (๑๖/๒๕๕๓) ๑๙๕
รายได้แผน่ ดินตามกฎหมาย (๑๒/๒๕๕๓) ๑๙๗
- การจัดซอ้ื อาหารเสริม (นม) โรงเรยี น (๑๑/๒๕๕๔) ๒๐๑
ของเทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสุรศกั ดิ์ (๑๐/๒๕๕๓) ๒๐๓
- การบอกเลกิ สญั ญาจ้าง (๑๒/๒๕๕๔) ๒๐๕
- การเบิกเงนิ ค่าอาหารเสริม (นม) โรงเรยี น (๓๕/๒๕๕๓) ๒๐๗
- ก�ำ หนดระยะเวลาเร่ิมตน้ และแล้วเสรจ็ ตามสัญญาจา้ งก่อสรา้ ง (๑๙/๒๕๕๓) ๒๐๙
- คา่ ปรับตามสัญญาซ้ือขายเครอ่ื งบนิ EMBRAER ร่นุ EMB ๑๓๕ LR (๗/๒๕๕๔) ๒๑๑
- คา่ ฤชาธรรมเนียมในการฟอ้ งคด ี (๓๗/๒๕๕๓) ๒๑๓
- ค�ำ สงั่ อายดั ตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลรัษฎากร (๙/๒๕๕๔) ๒๑๕
- ต้งั กรรมการสอบสวนทางวินัยตามฐานความผิดท่ี (๑๓/๒๕๕๓) ๒๑๗
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ ีมตชิ ม้ี ูลความผิดทางอาญาไวแ้ ลว้
- แนวทางในการค�ำ นวณคา่ เสียหายกรณีทน่ี ติ ิบุคคลใช้เอกสารปลอม
- สญั ญาจดั ซ้อื อาหารเสรมิ (นม) โรงเรียน
ของเทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศักด์ิ

หนงั สือเวียน

- การดำ�เนินการตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ ๒๒๑
วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒
(อส ๐๐๐๓(คก)/ว ๗๐ (๑๖ ม.ี ค. ๒๕๕๔))

- แนวทางปฏิบัตใิ นการดำ�เนินการเพอื่ ขอให้จ�ำ เลยใช้คา่ สนิ ไหมทดแทน ๒๒๓
ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑
และมาตรา ๔๔/๒ (อส ๐๐๒๗(ปผ)/ว ๕๔ (๒๒ ก.พ. ๒๕๕๔)) ๒๒๖
- พระราชบัญญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั และวิธพี จิ ารณาคดีเยาวชน ๒๔๔
และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ (อส ๐๐๒๗(พก)/ว ๕๑ (๑๔ ก.พ. ๒๕๕๔)) ๒๔๖
- มอบหมายให้อธบิ ดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงและอธิบดีอัยการฝา่ ยคดศี าลสงู เขต
รบั รองอทุ ธรณ์ (อส ๐๐๐๓(คก)/ว ๓๗ (๒ ก.พ. ๒๕๕๔)) ๒๗๑
- สาระสำ�คัญของพระราชบญั ญตั ิองคก์ รอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓
และพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการฝา่ ยอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓
(อส ๐๐๒๗(พก)/ว ๓๖ (๓๑ ม.ค. ๒๕๕๔))
- หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกบั การที่พนักงานอยั การจะ
ข้ึนทะเบียนเป็นอนญุ าโตตลุ าการ ให้แก่หนว่ ยงานภายนอก
(อส ๐๐๔๐(ญต)/ว ๓ (๖ ม.ค. ๒๕๕๔))

คำ�วินิจฉัยคณะกรรมการวนิ จิ ฉัยการเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสาร

- อุทธรณ์ค�ำ สง่ั มิให้เปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสารของสำ�นกั งานอัยการคดศี าลแขวงสุพรรณบรุ ี ๒๗๕
เกี่ยวกับการด�ำ เนินการทางคดีตามกระบวนการยตุ ธิ รรม (สค ๖๕/๒๕๕๒) ๒๗๘
- อุทธรณค์ ำ�สั่งมใิ หเ้ ปดิ เผยขอ้ มลู ข่าวสารของส�ำ นกั งานอยั การพเิ ศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี ๖ ๒๘๓
(ตลิง่ ชัน) เกย่ี วกับสำ�นวนคดี (สค ๙๖/๒๕๕๒) ๒๘๖
- อุทธรณค์ ำ�สัง่ มใิ ห้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของส�ำ นกั งานอยั การสูงสุดเก่ียวกบั ๒๙๐
การดำ�เนินการทางวินัย (สค ๑๒๕/๒๕๕๒) ๒๙๓
- อุทธรณค์ �ำ ส่งั มิให้เปิดเผยข้อมลู ข่าวสารของสำ�นกั งานอัยการเขต ๔ ๒๙๗
เกี่ยวกับเอกสารในส�ำ นวนการสอบสวน (สค ๑๕๔/๒๕๕๒)
- อุทธรณค์ �ำ ส่ังมิใหเ้ ปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารของสำ�นักงานอัยการสงู สุดเกี่ยวกับ
การดำ�เนินการทางวนิ ยั (สค ๑๗๘/๒๕๕๒)
- อทุ ธรณ์คำ�สั่งมิใหเ้ ปดิ เผยข้อมูลข่าวสารของสำ�นกั งานอัยการพิเศษ
ฝ่ายคดอี าญาธนบรุ ี ๖ (ตล่งิ ชนั ) เกยี่ วกับสำ�นวนคดอี าญา (สค ๒๔/๒๕๕๓)
- อทุ ธรณค์ ำ�สั่งมิให้เปดิ เผยข้อมูลขา่ วสารของส�ำ นักงานอยั การพเิ ศษ
ฝ่ายคดีศาลแขวง ๖ เกย่ี วกับส�ำ นวนการสอบสวนกรณีผูอ้ ุทธรณ์เปน็ ผูเ้ สียหาย
ในคดีฉ้อโกง (สค ๗๑/๒๕๕๓)

สัมภาษณพ์ ิเศษ

นายศิริศกั ดิ์ ติยะพรรณ

อธิบดีอัยการ ส�ำ นักงานคดีทรัพย์สิน
ทางปญั ญาและการคา้ ระหว่างประเทศ

อัยการนิเทศ 1

เนอื่ งจากทา่ นไดร้ ับการแตง่ ตง้ั มาดำ�รงตำ�แหนง่ อธบิ ดอี ยั การ สำ�นักงานคดที รพั ย์สินทางปัญญา
และการคา้ ระหวา่ งประเทศเมอื่ ไมน่ านมาน้ี ดงั นนั้ จงึ ขอทราบขอ้ มลู สว่ นตวั ของทา่ น เพอื่ เปน็ การ
แนะนำ�ตวั
สมัยเด็ก ๆ ผมเรียนอยู่ต่างจังหวัดเพ่ิงจะเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงท่ีเข้ามาสมัครสอบ
คัดเลือกเพ่ือเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาและก็โชคดีสามารถสอบคัดเลือกเข้าเรียนได้ที่โรงเรียน
เตรียมอุดมศึกษาพญาไท หลังจากน้ันได้เข้าศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ส�ำ เรจ็ การศกึ ษา นติ ศิ าสตรบณั ฑติ (เกยี รตนิ ยิ มด)ี เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ตอ่ มาเมอ่ื ส�ำ เรจ็ การศกึ ษาจาก
ส�ำ นกั อบรมศกึ ษากฎหมายแหง่ เนตบิ ณั ฑติ ยสภา กไ็ ดป้ ระกอบอาชพี เปน็ ทนายความอสิ ระระยะหนงึ่
เมื่อคุณสมบัติครบถ้วนก็ได้สมัครสอบเข้ารับราชการเป็นพนักงานอัยการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐
ผมมีนิสัยชอบความเป็นอิสระจึงเลือกท่ีจะเป็นพนักงานอัยการ ซ่ึงผมรู้สึกว่าเป็นสถาบันที่ให้
ความเป็นอิสระแก่บุคลากรขององค์กรมาก ขอเพียงประพฤติตนให้อยู่ในทำ�นองคลองธรรม ไม่
ฝ่าฝืนกฎระเบียบวนิ ยั ปฏิบัติตนให้ขยนั ขันแข็งอย่างเหมาะสม ไมท่ ำ�การใด ๆ ใหเ้ สอื่ มเสียศักด์ศิ รี
ของตนเองและองคก์ รกอ็ ยูไ่ ด้อย่างสบาย ผมจึงเลอื กก�ำ หนดชีวติ ตนเองใหเ้ ปน็ พนกั งานอัยการโดย
ไม่ลังเลท่ีจะสละโอกาสที่สามารถเปล่ียนเส้นทางชีวิตไปแนวทางอื่นทั้งหมด และก็ได้ปฏิบัติหน้าท่ี
พนักงานอยั การมาตลอดจนถึงปจั จบุ นั
ในดา้ นการศกึ ษานนั้ หลงั จากเขา้ รบั ราชการเปน็ พนกั งานอยั การไดย้ า้ ยไปประจ�ำ การส�ำ นกั งาน
อัยการจังหวัดเชยี งใหม่ ซง่ึ เปน็ จังหวัดแรก เปน็ เวลา ๒ ปี ผมไดล้ าศึกษาตอ่ ท่ี University of Miami
ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญาโทนิติศาสตรมหาบัณฑิตด้านกฎหมายเปรียบเทียบ M.C.L.
เม่ือกลับมาปฏิบัติหน้าท่ีที่ประเทศไทยได้ระยะหนึ่งผมก็สมัครสอบคัดเลือกได้รับทุนของรัฐบาล
เบลเย่ียมให้ไปศึกษากฎหมายต่อที่ประเทศเบลเย่ียมโดยศึกษาท่ีมหาวิทยาลัย Vrije Universiteit
Brussel(VUB) ได้รับปริญญาโทนิติศาสตรมหาบัณฑิตด้านกฎหมายระหว่างประเทศและ
ความรว่ มมอื LL.M (International Law and Cooperation) นอกจากน้ีก็ยังไดเ้ ขา้ รับการฝกึ
อบรมหลักสตู รพเิ ศษต่าง ๆ บา้ ง เช่น หลักสูตรการปอ้ งกนั อาชญากรรมและการบรหิ ารงานยตุ ิธรรม
ทางอาญาของสถาบนั UNAFEI ประเทศญป่ี นุ่ หลกั สตู รการบรหิ ารจดั การการใหบ้ รกิ ารทางกฎหมาย
ภาครัฐของธนาคารเพ่ือการพัฒนาแห่งเอเชียและกระทรวงยุติธรรมของประเทศญ่ีปุ่น วิทยาลัย
การทัพเรือ รนุ่ ท่ี ๒๕ หลักสตู รการเสรมิ สร้างสังคมสันตสิ ขุ ของสถาบันพระปกเกล้า ฯลฯ
ขอทราบประวัติการรับราชการในฐานะพนักงานอัยการ ท่ีผ่านมาท่านเคยดำ�รงตำ�แหน่งใด
กอ่ นท่ีจะมาด�ำ รงต�ำ แหน่งอธบิ ดีอัยการ ณ ส�ำ นกั งานคดแี ห่งน้ี
ชีวิตราชการส่วนใหญ่ของผมจะอยู่ในส่วนกลาง แต่ก็มีโอกาสย้ายไปปฏิบัติราชการในส่วน
ภูมภิ าค ๓ ครัง้ ครง้ั แรกไปประจ�ำ ส�ำ นกั งานอัยการจังหวดั เชียงใหมใ่ นต�ำ แหน่งอัยการจงั หวัดผชู้ ว่ ย
เป็นเวลา ๒ ปี ระหว่างนั้นเคยได้รับคำ�ส่ังจากอธิบดีอัยการเขตให้ไปช่วยราชการสำ�นักงาน

2 อัยการนเิ ทศ

อยั การจงั หวดั พะเยาอยู่ ๓ เดอื น ครง้ั ทสี่ อง เมอื่ ไปด�ำ รงต�ำ แหนง่ อยั การจงั หวดั ประจ�ำ ศาลแขวงสรุ นิ ทร์
และอยั การจงั หวดั ประจ�ำ ศาลแขวงนครปฐม ครง้ั ทส่ี าม เมอ่ื ไปด�ำ รงต�ำ แหนง่ อธบิ ดอี ยั การคดปี กครอง
จงั หวัดนครศรธี รรมราช และ อธบิ ดีอัยการคดศี าลสูงเขต ๔ ที่จงั หวัดขอนแก่น สำ�หรับในส่วนกลาง
ผมได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าทใ่ี นหลายสำ�นักงาน คือ สำ�นกั งานคดีอาญา สำ�นกั งานวชิ าการ สำ�นกั งาน
ทปี่ รกึ ษากฎหมาย ส�ำ นกั งานคดแี พง่ ส�ำ นกั งานคดอี ยั การสงู สดุ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการอยั การ และ
สำ�นักงานต่างประเทศ โดยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของต่างประเทศเป็นส่วนมาก ตำ�แหน่งล่าสุดก่อน
ท่ีจะมาดำ�รงตำ�แหน่งอธิบดีอัยการ สำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
กค็ ือ อธิบดอี ยั การ สำ�นักงานต่างประเทศ
ขอทราบวา่ ในการรบั ราชการในฐานะพนกั งานอยั การทผี่ า่ นมา ทา่ นไดร้ บั มอบหมายใหท้ ำ�หนา้ ที่
พเิ ศษอยา่ งใดบ้าง
การทำ�งานท่ีผ่านมานั้นเคยได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่พิเศษบางประการ ซ่ึงผมถือว่าเป็น
หน้าท่ีสำ�คัญอันมเี กยี รติ ไดแ้ ก่ การท�ำ หน้าทเี่ ป็นเลขานกุ ารส�ำ นักงานวชิ าการ เลขานุการสำ�นักงาน
ตา่ งประเทศ และเลขานกุ ารรองอัยการสูงสดุ รวมทงั้ เคยท�ำ หนา้ ทีเ่ ปน็ โฆษก ส�ำ นกั งานอยั การสูงสุด
คนแรก
ทราบว่าท่ีผ่านมา ท่านได้ปฏิบัติงานพิเศษนอกเหนือจากงานประจำ�อีกด้วย จึงขอทราบว่า
งานพิเศษอะไรบ้างทเี่ ป็นท่ภี ูมใิ จของท่าน
สำ�หรับประสบการณ์พิเศษที่เป็นกำ�ไรชีวิตก็คือการทำ�หน้าที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
ยกร่าง พ.ร.บ. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ท่ีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และเลขานุการ
คณะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.สง่ ผ้รู า้ ยข้ามแดน พ.ศ. ๒๕๕๐ นอกจากนีก้ ็ยงั เคยไดร้ บั เชิญไปบรรยาย
วิชาความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศและการสง่ ผูร้ า้ ยข้ามแดน ณ สถาบัน UNAFEI ประเทศญีป่ ่นุ ใน
ฐานะวทิ ยากรพเิ ศษ (Visiting Expert) ผลงานในอดีตที่ภมู ิใจกค็ ือเปน็ ผแู้ ปล พ.ร.บ. ความรว่ มมอื
ระหวา่ งประเทศในเรอ่ื งทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๖ เปน็ ภาษาองั กฤษ ซง่ึ กย็ งั ใชก้ นั อยใู่ นปจั จบุ นั รวมทงั้
การมสี ว่ นในการดำ�เนนิ การน�ำ ตวั นายราเกซ สกั เสนา ผตู้ อ้ งหาส�ำ คญั เปน็ ผรู้ า้ ยขา้ มแดนจากแคนาดา
กลบั มาประเทศไทย และการจดั สง่ นายวิคเตอร์ บูท ผู้ตอ้ งหาคา้ อาวุธ สงครามเปน็ ผ้รู า้ ยขา้ มแดน
ให้กับสหรฐั อเมรกิ า
ต่อไปจะขอสัมภาษณ์ท่านถึงงานในหน้าท่ีอธิบดีอัยการ สำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและ
การค้าระหว่างประเทศ โดยจะขอให้ท่านอธิบายถึงภาพรวมของงานในอำ�นาจหน้าท่ีของ
ส�ำ นักงานคดที รพั ย์สินทางปญั ญาและการค้าระหวา่ งประเทศวา่ ครอบคลุมเร่อื งอะไรบา้ ง
คำ�ส่ังสำ�นักงานอัยการสูงสุดที่ ๔๔๒/๓๕๔๐ เร่ืองการจัดระเบียบริหารราชการ และ

อยั การนเิ ทศ 3

การแบ่งส่วนราชการ (ฉบับที่ ๓) ไดก้ ำ�หนดอ�ำ นาจหนา้ ท่ีของสำ�นกั งานคดีทรพั ย์สินทางปญั ญาและ
การค้าระหว่างประเทศ ใหร้ องรับการดำ�เนนิ คดีทอี่ ยู่ในอำ�นาจพิจารณาพพิ ากษาของศาลทรพั ย์สนิ
ทางปญั ญาและการค้าระหว่างประเทศท้งั หมด อันไดแ้ ก่
(๑) คดีอาญาเกีย่ วกบั เครือ่ งหมายการคา้ ลขิ สิทธิ์ สิทธบิ ัตร
(๒) คดีอาญาเกย่ี วกบั ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๑ ถึงมาตรา ๒๗๕
(๓) คดแี พง่ เกยี่ วกบั เครอื่ งหมายการคา้ ลขิ สทิ ธ์ิ สทิ ธบิ ตั ร และคดพี พิ าทตามสญั ญาถา่ ยทอด
เทคโนโลยี หรอื สัญญาอนญุ าตใหใ้ ช้สิทธิ
(๔) คดแี พง่ อันเก่ยี วเน่อื งกับการกระท�ำ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๑
ถึงมาตรา ๒๗๕
(๕) คดแี พง่ เกยี่ วกบั การซอื้ ขาย แลกเปลยี่ นสนิ คา้ หรอื ตราสารการเงนิ ระหวา่ งประเทศหรอื
การใหบ้ รกิ ารระหวา่ งประเทศ การขนสง่ ระหวา่ งประเทศ การประกนั ภยั และนติ กิ รรมอนั เกย่ี วเนอ่ื ง
(๖) คดีแพ่งเกี่ยวเนอื่ งกับเลตเตอรอ์ อฟเครดติ ท่อี อกเกยี่ วเนือ่ งกบั กจิ กรรมตาม (๕) การสง่
เงนิ เขา้ มาในราชอาณาจกั รหรอื สง่ ออกไปนอกราชอาณาจกั ร ทรสั ตรชี ที รวมทงั้ การประกนั เกย่ี วกบั
กจิ กรรมดังกล่าว
(๗) คดีแพง่ เกีย่ วกบั การกักเรอื
(๘) คดแี พง่ เกย่ี วกบั การทมุ่ ตลาด และการอดุ หนนุ สนิ คา้ หรอื การใหบ้ รกิ ารจากตา่ งประเทศ
(๙) คดีแพ่งหรือคดีอาญาท่ีเก่ียวกับข้อพิพาทในการออกแบบวงจรรวม การค้นพบทาง
วิทยาศาสตร์ ช่ือทางการค้า ช่อื ทางภมู ิศาสตรท์ แ่ี สดงถึงแหล่งกำ�เนิดของสินคา้ ความลบั ทางการคา้
และการคมุ้ ครองพันธ์พุ ืช
(๑๐) คดีแพ่งหรือคดีอาญาท่ีมีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอ�ำ นาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ
การคา้ ระหวา่ งประเทศ
(๑๑) คดแี พง่ เกี่ยวกบั อนญุ าโตตลุ าการเพือ่ ระงับขอ้ พพิ าทตาม (๓) ถงึ (๑๐)
จะเห็นได้ว่า งานในอำ�นาจหน้าท่ีของสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง
ประเทศค่อนข้างกว้างครอบคลุมหลายเร่ือง แต่สามารถพิจารณารวม ๆ เป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือ
ดา้ นทรัพยส์ ินทางปญั ญาดา้ นหนึง่ กบั ด้านการคา้ ระหวา่ งประเทศอีกดา้ นหน่งึ

โดยที่ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าเร่ืองทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมี
ความสำ�คัญมากทั้งในระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ จึงอยากให้ท่านช่วยอธิบาย
ใหเ้ หน็ ถึงความส�ำ คัญของเรื่องน้ี
ก็คงจะต้องทำ�ความเข้าใจกันก่อนว่าจริง ๆ แล้วทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง
ประเทศคืออะไรมีความสำ�คัญอย่างไร ซ่ึงผมอยากจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า ทรัพย์สิน

4 อยั การนเิ ทศ

ทางปัญญาเป็นเร่ืองซง่ึ มนุษยใ์ ช้ผลผลิตทางปัญญาของตนไม่ว่าจะในเชงิ ของวรรณกรรม ศลิ ปกรรม
ความรู้ทางเทคโนโลยี ส่ิงประดิษฐ์ และวิธีบริหารจัดการมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชยกรรมหรือ
อุตสาหกรรมก่อให้เกิดรายได้จนกลายเป็นองค์ประกอบส�ำ คัญของการพัฒนาและธำ�รงความมั่นคง
ทางเศรษฐกจิ ส่วนการค้าระหว่างประเทศนน้ั มหี ลกั การสง่ เสรมิ ให้การนำ�สินค้า ผลิตภณั ฑ์ แรงงาน
รวมท้ังเงินทุนและผลกำ�ไรผ่านแดนจากประเทศหน่ึงไปประเทศอื่น ๆ เป็นไปโดยเสรี ไม่ตกอยู่ใต้
กฎเณฑ์การกดี กนั ทางการค้า หรอื อยใู่ ต้กฎระเบียบต่าง ๆ รวมท้งั ภาษีศุลกากรใหน้ ้อยท่สี ดุ
เม่ือกล่าวถึงเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาเราก็จะคิดไปถึงเรื่องการรับรองและคุ้มครองสิทธิ
ของเจา้ ของหรอื ผคู้ รองสทิ ธิ และเมอื่ กลา่ วถงึ การคา้ ระหวา่ งประเทศ เรากม็ กั จะคดิ ไปถงึ การอ�ำ นวย
ความสะดวกลดขอ้ ขดั แยง้ ในเรอ่ื ง การเคลอื่ นไหวขา้ มแดนไปมาของสนิ คา้ เงนิ ทนุ และบคุ คลซงึ่ จะไป
ทำ�งานหรอื ให้บรกิ ารดา้ นต่าง ๆ จากประเทศหนึง่ ขา้ มแดนเขา้ ไปในอีกประเทศหน่ึง ทง้ั สองเรอ่ื งนี้มี
ความส�ำ คญั มากเพราะเปน็ พน้ื ฐานส�ำ คญั ของความมน่ั คงทางเศรษฐกจิ และสงั คม ของทกุ ประเทศทวั่ โลก
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในยคุ ของโลกาภวิ ฒั น์ หรอื Globalization ในปจั จบุ นั ทปี่ ระเทศตา่ ง ๆ ตอ้ งพงึ่ พงิ
เทคโนโลยแี ละการคา้ ระหวา่ งประเทศเปน็ หลกั ตอ่ ความมน่ั คงและการดำ�รงอยขู่ องตน ท�ำ ใหเ้ กดิ การ
แขง่ ขนั คดิ คน้ เทคโนโลยี และเพมิ่ ขดี ความสามารถทางการคา้ ระหวา่ งประเทศของตน ซง่ึ จะเปน็ ผลดี
ในการส่งเสริมการอุปโภค บริโภค ทำ�ให้เกิดการแลกเปล่ียนสินค้าและบริการหลากหลายจาก
ทั่วโลกและเกิดแข่งขันกันท้ังด้านคุณภาพและราคาอันจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อประชาชนที่จะ
เลือกบริโภคสินค้าท่ีตนเห็นว่ามีคุณภาพและราคาที่ตนพอใจ ท้ังยังเป็นบ่อเกิดของการจ้างแรงงาน
สร้างงานบริการในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีและ
สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่ขยายวงกว้างในระดับระหว่างประเทศหรือ
ระดบั โลกโดยไมต่ อ้ งจำ�กัดอยู่ในวงแคบ ๆ เฉพาะภายในประเทศเท่าน้ัน
ตามที่ท่านอธิบายถึงความส�ำ คัญของทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศดังกล่าว
ท่านเหน็ ว่าประเทศไทยไดม้ กี ารพัฒนาในเรือ่ งนอ้ี ยา่ งไรบ้าง
หากเรามองภาพการพัฒนาของประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคงหรือเป็นประเทศชั้นน�ำ
แล้วจะเห็นวา่ ประเทศต่าง ๆ เหลา่ น้ันได้พฒั นาจากการเปน็ ประเทศท่ีเดิมส่งสนิ ค้าขน้ั ปฐมภูมิหรอื
พนื้ ฐาน เช่น วัตถุดิบต่าง ๆ มาเปน็ การส่งสินค้าท่มี กี ารแปลงรปู ใหม้ มี ลู คา่ สงู ขน้ึ ในระดบั ต่าง ๆ อัน
จะนำ�รายได้มาสู่ประเทศมากกว่าการส่งวัตถุดิบ และในท่ีสุดก็พัฒนาความรู้ความสามารถในเชิง
เทคโนโลยีของตนจนกลายเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี สามารถใช้ตัวเทคโนโลยีเป็นสินค้า ซึ่งประเทศ
อืน่ ๆ ท่ยี ังไมไ่ ด้พัฒนาเทยี บเท่าจะต้องพง่ึ พิง สำ�หรบั ประเทศไทยนน้ั ไดต้ ระหนกั ถึงความส�ำ คัญของ
การพฒั นาทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศอยา่ งมากและไดพ้ ยายามพฒั นาตนเองมา
ตามล�ำ ดับ ประเทศไทยได้จัดต้งั หน่วยงานท่เี กี่ยวข้องกบั เร่ืองนนั้ ไวห้ ลายหนว่ ยงาน ซ่ึงแนน่ อนย่อม
รวมถงึ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ โดยส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศนด้ี ว้ ย

อัยการนิเทศ 5

ในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีน้ัน ผมเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยเราน่าจะยังอยู่ในข้ันตอนของ
การเป็นผู้ซอื้ เชา่ หรือยมื เทคโนโลยขี องประเทศอ่ืนมาใชเ้ ป็นส่วนมาก และเรานา่ จะยังอยู่ในฐานะ
ของประเทศที่อยู่ระหว่างการศกึ ษาคน้ คว้า หรอื Learning State ยิ่งกว่าการเป็นประเทศเจา้ ของ
ผผู้ ลติ หรอื สรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยี หรอื IP-based nation อยา่ งไรกต็ ามเหน็ วา่ ประเทศไทยมแี นวโนม้
ทดี่ ีและอาจพฒั นาตนเองไปสู่จดุ มุ่งหมายไดใ้ นอนาคต

ท่านคิดว่าสำ�นักงานอัยการสูงสุด และสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง
ประเทศควรมีวิสัยทัศน์และจัดวางนโยบายในการพัฒนางานด้านคดีทรัพย์สินทางปัญญาและ
การคา้ ระหว่างประเทศ เพ่อื ให้สอดคลอ้ งกับทิศทางการพฒั นาในระดับสากลเช่นใด
โดยทสี่ �ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศไดร้ บั มอบหมายใหป้ ฎบิ ตั ิ
หนา้ ทตี่ รงนี้ และเรอื่ งทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศเปน็ เรอื่ งทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ทกุ ฝา่ ย
มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในสังคม รวมท้ังมีประเด็นเก่ียวพันกับเร่ืองระหว่าง
ประเทศ การมีวิสัยทัศน์ท่ีกว้างไกลและการจัดวางนโยบายให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาใน
ระดับสากล จึงมีความสำ�คัญอย่างมากต่อมาตรฐานหรือศักยภาพในการทำ�งานและความเชื่อถือ
หรือยอมรับของหน่วยงานที่เก่ียวข้องรวมท้ังประชาชนท้ังในระดับประเทศและระหว่างประเทศ
ต่อมาตรฐานหรือคุณภาพของพนักงานอัยการสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ ซ่ึงจะหมายถึง
พนักงานอัยการท้ังปวงและส�ำ นักงานอัยการสูงสุดในภาพรวมด้วย ผมคิดว่ามีความจ�ำ เป็นอย่างยิ่ง

6 อัยการนิเทศ

ที่ผู้บริหารสำ�นักงานอัยการสูงสุดจะต้องให้ความสนใจสนับสนุนให้บุคคลากรของสำ�นักงานคดี
ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคุณภาพมีมาตรฐานและความพร้อมตลอดจน
ขวัญกำ�ลงั ใจในการทำ�งานอยเู่ สมอ
วสิ ยั ทศั นท์ ดี่ ยี อ่ มเกดิ จากความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งตอ่ บทบาทและความส�ำ คญั ของพนกั งานอยั การ
เรอื่ งทรัพยส์ ินทางปัญญาน้ันมีขั้นตอนส�ำ คญั ของระบบอยู่ ๔ ประการคือ (๑) Creation ซง่ึ ได้แก่
การสร้างสรรค์ หรือการประดิษฐ์คิดค้น (๒) Exploitation หรือการนำ�ไปใช้ประโยชน์
(๓) Protection หรอื การคมุ้ ครอง (๔) Enforcement หรอื การบงั คบั ใชก้ ฎหมายในการปอ้ งกนั และ
ปราบปรามการละเมดิ
ในส่วนของพนักงานอัยการน้ันเนื่องจากเป็นทั้งเจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย (Law
enforcement) และผฟู้ อ้ งรอ้ งด�ำ เนนิ คดี (Prosecutor) จงึ มบี ทบาทโดยตรงในสว่ นของ Protection
และ Enforcement หรือการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของหรือผู้ครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาโดย
การฟ้องร้องดำ�เนินคดีกับผู้ละเมิดสิทธิ และเรียกค่าเสียหายทดแทนให้ผู้ถูกละเมิด ข้ันตอน
การคุ้มครองสิทธิถือเป็นหัวใจสำ�คัญของระบบ เพราะหากขั้นตอนนี้ไม่มีประสิทธิภาพก็จะทำ�ให้
กระบวนการทั้งหมดล้มเหลว ในทางระหว่างประเทศทั่วโลกถือว่าข้ันตอนน้ีสำ�คัญมากและได้
มอบหมายบทบาทสำ�คัญน้ีให้พนกั งานอัยการ
ส่วนเร่ืองของการค้าระหว่างประเทศน้ันจริง ๆ แล้วควรใช้คำ�ว่าการค้าและธุรกิจระหว่าง
ประเทศ (International Trade and International Business Transaction) เพราะมไิ ดม้ ีเฉพาะ
การซอ้ื ขายสนิ คา้ เทา่ นนั้ แตย่ งั รวมไปถงึ การใหบ้ รกิ าร เชน่ การรบั ขน การรบั สรา้ ง และกจิ การประเภท
ต่าง ๆ เช่น การประกันภัยด้วย การค้าและธุรกิจระหว่างประเทศ ซ่ึงล้วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำ�
นติ กิ รรม สญั ญา ขอ้ ตกลงตา่ ง ๆ และกห็ นไี มพ่ น้ ทอ่ี าจจะเกดิ ขอ้ พพิ าทขดั แยง้ ดา้ นกฎหมายเกย่ี วกบั
สทิ ธหิ นา้ ที่ การเรยี กรอ้ งคา่ เสยี หาย ตลอดจนการประนปี ระนอม อนญุ าโตตลุ าการ หรอื การฟอ้ งรอ้ ง
เพ่ือยุติปญั หาข้อขดั แย้ง มีหลายกรณที ่ีรฐั หรือหนว่ ยงานของรฐั เขา้ ไปเป็นคกู่ รณี นอกจากนี้ก็อาจมี
ผู้จงใจหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ ที่เก่ียวข้องเป็นการร้ายแรงถึงข้ันเป็นความผิดอาญา
เหล่านีจ้ ึงหนไี ม่พน้ ที่พนกั งานอัยการจะตอ้ งมบี ทบาทและหนา้ ท่ีเข้าไปเกย่ี วขอ้ ง ซ่ึงบทบาทตรงน้ีก็
เป็นบทบาทส�ำ คญั เป็นทย่ี อมรบั กันทว่ั ไปเช่นกัน
คำ�ถามก็คือ ในขณะท่ีวงการท่ัวโลกรวมทั้งหน่วยงานและบุคคลภายนอกต่างตื่นตัวในเรื่อง
ของทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ และตา่ งกต็ ระหนกั และยอมรบั ความส�ำ คญั ของ
การปกปอ้ งคมุ้ ครองทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการพฒั นาขดี ความสามารถของการคา้ ระหวา่ งประเทศ
และผู้เกยี่ วข้อง อีกทง้ั ยงั มอบหมายและมุง่ หวังใหอ้ ยั การเปน็ ผมู้ ีหน้าทีร่ บั ผิดชอบอย่างสำ�คัญในการ
บังคับใช้กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องน้ัน พนักงานอัยการเราเองได้เข้าใจและตระหนักบทบาทตรงนี้หรือ
ไม่เพียงใด เราได้ตรวจสอบประเมินขีดความสามารถหรือศักยภาพของเราหรือไม่ว่าอยู่ในระดับ
มาตรฐานที่จะแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ถึงศักยภาพ คุณภาพและประสิทธิภาพให้เป็นที่น่าเชื่อถือ

อยั การนิเทศ 7

ไวว้ างใจสามารถเปน็ หลกั พงึ่ พงิ ในดา้ นความรแู้ ละขอ้ คดิ เหน็ ประเดน็ กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งแลว้ หรอื ยงั
หากมคี วามจ�ำ เปน็ จะตอ้ งเพมิ่ ศกั ยภาพเราจะท�ำ อยา่ งไร ขอ้ ส�ำ คญั อกี ประการหนงึ่ กค็ อื ท�ำ อยา่ งไรเรา
จะสามารถเสรมิ สรา้ งและธ�ำ รงความไวว้ างใจของสงั คมตอ่ คณุ ภาพและมาตรฐานของพนกั งานอยั การ
เราใหไ้ ปสจู่ ดุ นน้ั ได้ หากสงั คมยงั ไมร่ บั ทราบถงึ บทบาท ความส�ำ คญั และศกั ยภาพของพนกั งานอยั การ
ด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหวา่ งประเทศ ท�ำ อยา่ งไรเราจงึ สามารถท�ำ ให้สงั คมรบั ทราบ
และตระหนักถงึ ศกั ยภาพและความสำ�คญั ที่วา่ นัน้
เมอื่ อ�ำ นาจหนา้ ทขี่ องส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศมคี วามส�ำ คญั
ดงั กลา่ ว ทา่ นในฐานะอธบิ ดอี ยั การของส�ำ นกั งานคดแี หง่ น้ี ทา่ นมนี โยบายในการพฒั นาหนว่ ยงาน
และใหค้ วามสนบั สนนุ ให้บุคลากรมคี ณุ ภาพ มีมาตรฐานและความพร้อมตลอดจนขวญั ก�ำ ลงั ใจ
ในการท�ำ งานอยู่เสมอไดอ้ ยา่ งไร
ในฐานะอธิบดีอัยการ สำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ผมคิด
ว่านโยบายหลัก ๆ ในการท�ำ งานกค็ อื การเพิ่มประสิทธภิ าพและศกั ยภาพของบุคลากรในส�ำ นักงาน
ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจและความชำ�นาญกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งอยา่ งจรงิ จงั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ จะตอ้ ง
ประชาสัมพันธ์ให้สังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศทราบ
ถึงศักยภาพและความสำ�คัญของบทบาทพนักงานอัยการในด้านการคุ้มครองและพัฒนาทรัพย์สิน
ทางปญั ญาและการค้าระหวา่ งประเทศ
นอกจากนกี้ ็จะพยายามเพิม่ บทบาทของพนกั งานอัยการในด้านอน่ื ๆ โดยไมจ่ �ำ กัดอยู่เฉพาะ
การด�ำ เนนิ คดเี ทา่ นนั้ จากทก่ี ลา่ วมานน้ั กอ็ าจมคี �ำ ถามตอ่ ถงึ การน�ำ แนวคดิ หรอื นโยบายมาปฏบิ ตั ใิ ห้
เกดิ เปน็ รปู ธรรม ซง่ึ ผมจะขอช้ีใหเ้ หน็ โครงการเบื้องตน้ ที่คิดไว้ครา่ ว ๆ ตามวัตถุประสงค์ ดงั น้ี
๑. การเตรยี มความพรอ้ มเพือ่ รับมอื กับแนวโนม้ ที่การดำ�เนินคดีเกียวกับทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศซึ่งจะต้องพัฒนาไปสู่ระดับระหว่างประเทศและระดับสากลมากข้ึน
ตวั อยา่ งเชน่ การด�ำ เนนิ คดลี ะเมดิ สทิ ธิ สทิ ธบิ ตั ร สนิ คา้ ปลอม ฯลฯ ซงึ่ ผเู้ กย่ี วขอ้ งเปน็ ชาวตา่ งประเทศ
หรือเกี่ยวพันกับต่างประเทศในรูปแบบของอาชญากรรมข้ามชาติ หรือจัดทำ�กันเป็นขบวนการของ
องคก์ รอาชญากรรมข้ามชาติ จะน�ำ แนวคิดแบบทอ้ งถ่นิ หรอื กฎระเบยี บภายใน (Domestic rules)
เพียงอย่างเดียวมาเป็นหลักอาจไม่เพียงพอ ต่อไปการพิจารณาสั่งสำ�นวนและการดำ�เนินคดีของ
อยั การจะไมจ่ �ำ กัดเฉพาะผตู้ ้องหาทเ่ี ป็น นาย ก. นาย ข. ซึง่ เปน็ ลูกจา้ ง หรือผปู้ ระกอบอาชีพราย
ยอ่ ยเพยี งเลก็ นอ้ ยตามรปู คดที พี่ นกั งานสอบสวนตงั้ มาโดยละเลย นายทนุ หรอื ตวั การใหญ่ ซงึ่ อาจเปน็
ขบวนการข้ามชาติ ซง่ึ การละเลยไม่สาวลึกไปถงึ ตัวการใหญ่ นอกจากจะท�ำ ให้คณุ ค่าการดำ�เนนิ คดี
ของพนกั งานอยั การดอ้ ยลงแลว้ ยงั อาจเปน็ สว่ นหนงึ่ ของสาเหตทุ ที่ ำ�ใหก้ ระบวนการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
ของประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเบี่ยงเบนไปจากปรัชญาหรือหลักเกณฑ์ของการคุ้มครองสิทธิ
ในเร่ืองทรัพย์สินทางปัญญาท่ีควรจะเป็นและกลับกลายเป็นช่องทางให้ผู้ไม่สุจริตเข้ามาแสวงหา

8 อยั การนิเทศ

ผลประโยชน์โดยมิชอบก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตท่ัวไป ซึ่งท่ีจริงพนักงาน
อัยการเองก็มีเครื่องมือสำ�คัญท่ีจะดำ�เนินการได้อยู่แล้วโดยการนำ�หลักเกณฑ์เรื่องความร่วมมือ
ระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา และการสอบสวนคดีซ่ึงมีโทษตามกฎหมายไทยกระทำ�ลงนอก
ราชอาณาจกั รมาใชป้ ระโยชน์ แตป่ จั จบุ นั ยงั ไมม่ กี ารด�ำ เนนิ การตรงนเี้ ปน็ รปู ธรรม ผมคดิ วา่ ถงึ เวลาแลว้
ทพ่ี นักงานอยั การจะต้องเปลย่ี นทศั นคตใิ นการพจิ ารณาส่งั คดี และจะต้องมีวิสยั ทัศน์ทีก่ วา้ งไกลข้นึ
ในดา้ นการคา้ ระหวา่ งประเทศนน้ั จะมมี ติ ใิ นเรอ่ื งของตา่ งประเทศเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งอยา่ งชดั เจน
การดำ�เนินคดีไม่ว่าจะเป็นการแก้ต่างหรือว่าต่างพนักงานอัยการจำ�เป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ
และความช�ำ นาญหลกั ปฎบิ ัตริ ะหวา่ งประเทศอยา่ งมาก โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ถา้ พจิ ารณาถงึ บคุ ลากร
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาล
ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ หรอื แมแ้ ตท่ นายโจทก์ ทนายจ�ำ เลย หรอื ส�ำ นกั งาน
กฎหมายท่ีดำ�เนินคดีก็ล้วนแต่เป็นบุคคลากรท่ีมีคุณภาพในระดับระหว่างประเทศ หากพนักงาน
อัยการสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ไม่สามารถกระทำ�ให้ตนมี
ความรู้ความสามารถทัดเทียมกันก็ยากท่ีจะพ้นการถูกเปรียบเทียบถึงคุณภาพและมาตรฐานซึ่งจะ
ท�ำ ใหก้ ารท�ำ งานของพนกั งานอยั การดอ้ ยคณุ คา่ ในสายตาผเู้ กยี่ วขอ้ งและสงั คมโดยรวมอยา่ งแนน่ อน
ในสว่ นของการเตรยี มความพรอ้ มทวี่ า่ นี้ ส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ ง
ประเทศกำ�ลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจัดท�ำ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพบุคคลากร โครงการหนึ่ง
และโครงการพฒั นาปรบั ปรงุ เพอ่ื เพม่ิ ศกั ยภาพและประสทิ ธภิ าพในการด�ำ เนนิ คดขี องพนกั งานอยั การ
เกยี่ วกับทรพั ยส์ ินทางปัญญาและการคา้ ระหว่างประเทศอกี โครงการหนงึ่ รวม เปน็ ๒ โครงการ
๒. การจัดตงั้ ขยายระบบงานให้ครอบคลมุ ครบถว้ นตามอ�ำ นาจหนา้ ที่
โดยท่ัวไปบทบาทและหน้าที่ของพนักงานอัยการมิได้จำ�กัดอยู่เฉพาะการดำ�เนินคดีเท่าน้ัน
การดำ�เนินคดเี ปน็ เพยี งสว่ นหนึง่ ของการอ�ำ นวยความยุติธรรม พนักงานอัยการยังมีบทบาทอำ�นาจ
หนา้ ทรี่ กั ษาผลประโยชนข์ องรฐั ใหค้ �ำ ปรกึ ษาหารอื ขอ้ กฎหมายแกห่ นว่ ยงานของรฐั รวมทงั้ คมุ้ ครอง
สทิ ธปิ ระชาชน แมว้ า่ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ จกั ไดก้ �ำ หนดหนว่ ยงานไวร้ องรบั งานตามบทบาทเหลา่ นี้
ไว้แล้ว เช่น ให้สำ�นักงานที่ปรึกษากฎหมาย ทำ�หน้าท่ีตรวจร่างสัญญา และให้คำ�ปรึกษาหารือ
ขอ้ กฎหมายแก่ส่วนราชการ รวมท้งั แตง่ ตัง้ เป็นตวั แทนเข้าร่วมเจรจาสัญญาต่าง ๆ หรือให้ส�ำ นักงาน
คมุ้ ครองสิทธแิ ละช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย (สคช.) เปน็ ผดู้ แู ลดา้ นคุ้มครองสิทธิ แตใ่ นการ
ปฏบิ ตั หิ น้าทตี่ า่ ง ๆ ดังกลา่ วเกีย่ วกับเร่อื งทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาและการค้าระหวา่ งประเทศเป็นเร่ือง
ที่จะต้องอาศยั ความร้พู ิเศษเฉพาะด้าน เชน่ ในเรอื่ งการค้าระหว่างประเทศ การเจรจาจัดทำ�สัญญา
ถา่ ยทอดเทคโนโลยี และการอนญุ าตใหใ้ ชส้ ทิ ธิ (License Agreement) ฯลฯ อาจจะตอ้ งอาศยั ความรู้
ด้านการค้าระหว่างประเทศ และทรพั ย์สนิ ทางปัญญา ซึ่งส�ำ นักงานทปี่ รึกษาอาจมคี วามคุน้ เคยและ
ความช�ำ นาญนอ้ ยกวา่ ส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ หรอื การคมุ้ ครอง
สทิ ธปิ ระชาชนเกีย่ วกบั สิทธิในทางทรัพยส์ ินทางปญั ญา สำ�นักงานคุ้มครองสิทธ ิ กอ็ าจไม่ช�ำ นาญใน

อยั การนิเทศ 9

เรอื่ งดงั กลา่ วโดยตรงเปน็ ตน้ ผมจงึ เหน็ วา่ มคี วามจำ�เปน็ และถงึ เวลาแลว้ ทส่ี ำ�นกั งานอยั การสงู สดุ จะ
ตอ้ งพจิ ารณาขยายขอบเขตงานของสำ�นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศให้

10 อยั การนิเทศ

ครอบคลมุ ถงึ การตรวจรา่ งสญั ญา หรอื เจรจาสญั ญา รวมทงั้ การใหค้ ำ�ปรกึ ษาหารอื ในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั
ทรัพย์สนิ ทางปัญญาและการคา้ ระหว่างประเทศแก่หนว่ ยงานของรัฐและประชาชน
ขออนุญาตต้ังคำ�ถามแทรกในช่วงนี้ว่า การขยายขอบเขตงานของสำ�นักงานคดีแห่งนี้ดังกล่าว
จะไมเ่ ปน็ การท�ำ งานซาํ้ ซอ้ นกบั งานของส�ำ นกั งานทป่ี รกึ ษากฎหมายหรอื ส�ำ นกั งานคมุ้ ครองสทิ ธิ
และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนตามที่กำ�หนดในประกาศคณะกรรมการอัยการ เรื่อง
การแบง่ หนว่ ยงานและการก�ำ หนดอ�ำ นาจหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานภายในของส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ
พ.ศ. ๒๕๕๔ หรือไม่ อย่างไร
ทก่ี ลา่ วเชน่ นมี้ ไิ ดห้ มายความวา่ ส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ
จะท�ำ งานซา้ํ ซอ้ นกบั ส�ำ นกั งานทป่ี รกึ ษากฎหมายหรอื ส�ำ นกั งานคมุ้ ครองสทิ ธฯิ แตเ่ ปน็ เรอ่ื งจดั ตงั้ งาน
ในสว่ นทข่ี าดหรอื ไมส่ มบรู ณใ์ หส้ มบรู ณข์ น้ึ และในการด�ำ เนนิ การกอ็ าจเปน็ การท�ำ งานรว่ มกนั ระหวา่ ง
ส�ำ นักงานคดีทรพั ยส์ ินทางปญั ญาและการคา้ ระหว่างประเทศ กับสำ�นักงานทปี่ รึกษากฎหมาย หรอื
ส�ำ นกั งานคมุ้ ครองสทิ ธฯิ นอกจากนก้ี อ็ าจจะตอ้ งรว่ มมอื กบั ส�ำ นกั งานตา่ งประเทศในเรอ่ื งทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ดว้ ย
สำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าจะดำ�เนินการจัดต้ังโครงการศึกษาในเรื่องนี้
รวมทง้ั โครงการรว่ มมอื กบั ส�ำ นกั งานทปี่ รกึ ษากฎหมาย ส�ำ นกั งานตา่ งประเทศ และส�ำ นกั งานคมุ้ ครอง
สทิ ธฯิ ตอ่ ไป
ผมขอพูดถึงแนวคดิ หรอื นโยบายข้อสุดทา้ ย คอื
๓. การดำ�เนินการให้อัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานงานกลางความร่วมมือระหว่างประเทศ
เกีย่ วกบั การด�ำ เนนิ คดีทรพั ย์สนิ ทางปัญญาและการคา้ ระหว่างประเทศ
ผมคดิ วา่ เรอื่ งนม้ี คี วามสำ�คญั และทา้ ทายไมน่ อ้ ย ไมใ่ ชเ่ รอื่ งงา่ ย แตก่ ม็ คี วามเปน็ ไปไดส้ งู เพราะ
โดยอ�ำ นาจหนา้ ทพ่ี นกั งานอยั การจะเปน็ ผดู้ ำ�เนนิ คดแี ทนรฐั และอยั การสงู สดุ เปน็ ผปู้ ระสานงานกลาง
ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาในมิติใหญ่อยู่แล้ว ความร่วมมือระหว่างประเทศ
เกยี่ วกบั การด�ำ เนนิ คดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศในกรอบอ�ำ นาจของอยั การสงู สดุ
จะครอบคลุมท้ังคดีอาญา คดีแพ่ง อนุญาโตตุลาการรวมท้ังกลไกการระงับข้อพิพาทในเร่ืองที่
เกย่ี วขอ้ งดว้ ย หากด�ำ เนนิ การไดส้ ำ�เรจ็ ส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ
จะทำ�หน้าท่เี ป็นหน่วยงานเครอ่ื งมอื ของอัยการสงู สุดในฐานะผูป้ ระสานงานกลาง ท�ำ นองเดียวกับที่
สำ�นักงานต่างประเทศเป็นหน่วยงานเคร่ืองมือเร่ืองความร่วมมือระหว่างประเทศในเร่ืองทางอาญา
ของอยั การสงู สดุ ในฐานะผปู้ ระสานงานกลางเชน่ กนั การด�ำ เนนิ การเรอื่ งนอี้ าจตอ้ งใชเ้ วลาเตรยี มการ
และผลักดันพอสมควร ผมเช่อื ว่าหากผู้บรหิ ารสำ�นกั งานอยั การสูงสุดเห็นความส�ำ คญั และสนบั สนุน
เรอื่ งนน้ี า่ จะส�ำ เรจ็ ซง่ึ ส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศจะจดั ตง้ั โครงการ
เบอ้ื งต้นเพอ่ื ศกึ ษาและเตรยี มการผลักดันต่อไป

อัยการนเิ ทศ 11

แนวคิดท่ีท่านอธิบดีกล่าวมาน้ันคณะผู้สัมภาษณ์เห็นด้วยอย่างยิ่ง จึงอยากขอให้ท่านอธิบาย
เพิ่มเติมวา่ จะเริ่มด�ำ เนนิ การอย่างไร และคิดวา่ จะมีปญั หาอปุ สรรคอย่างไรบา้ งหรือไม่
เป็นคำ�ถามท่ีดีมากเพราะการคิดทำ�การใด ๆ ก็ตามจะสำ�เร็จผลได้ต่อเมื่อได้มีการเริ่มลงมือ
อย่างจริงจัง เพราะการสามารถเริ่มลงมือปฏิบัติได้ย่อมแสดงว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นเร่ืองท่ีสามารถ
นำ�ไปดำ�เนนิ การได้จรงิ มใิ ชเ่ ป็นเพียงการจนิ ตนาการ ผมจะขออธิบายง่าย ๆ ครบั ว่าการดำ�เนนิ การ
ทง้ั หมดผมยดึ หลกั การบรหิ ารขน้ั พนื้ ฐานอนั ประกอบไปดว้ ย อกั ษร M สามตวั คอื (๑) Man อนั ไดแ้ ก่
ก�ำ ลงั คนหรอื บุคคลากร (๒) Money หมายถงึ เงนิ ทนุ ทรพั ย์ งบประมาณ และ (๓) Management
ซ่ึงหมายถึง การบรหิ ารจดั การหรือวธิ กี าร เมือ่ ผมลองใช้หลกั สาม M เขา้ วเิ คราะหป์ ระเมนิ สถานะ
ของสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันว่าพร้อมท่ีผมในฐานะ
ผู้นำ�หน่วยจะเริ่มดำ�เนินการตามแนวคิดและนโยบายได้หรือไม่ ก็พบว่ายังมีอุปสรรคพอสมควร
กล่าวคือ :
ด้านบคุ คลากร หรือ Man ของสำ�นักงานคดที รพั ย์สนิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ
ยงั มขี อ้ จ�ำ กดั ทงั้ ดา้ นอตั รากำ�ลงั ดา้ นศกั ยภาพความรเู้ กยี่ วกบั ภาษาองั กฤษแนวปฎบิ ตั แิ ละกฎหมาย
ระหว่างประเทศท่ีเก่ียวข้อง รวมท้ังด้านทัศนคติและความพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการพัฒนาไปสู่
การเปลีย่ นแปลงตามกระแสโลกาภิวฒั น์ อันจำ�เปน็ ตอ่ การยกระดบั การปฎบิ ตั หิ นา้ ท่ีไปสู่มาตรฐาน
อัยการสากลตามนโยบายของสำ�นกั งานอัยการสงู สุด
ดา้ นงบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ย ในการด�ำ เนนิ การ หรอื Money นน้ั พบวา่ เปน็ อปุ สรรคส�ำ คญั เพราะ
แม้ลักษณะของงานมีความจำ�เป็นท่ีพนักงานอัยการจะต้องติดต่อประสานงานตลอดจนเข้าร่วมการ
ประชมุ สัมมนา กับหนว่ ยงานและองค์การระหว่างประเทศทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ตลอดจนการจัดสง่ พนักงาน
อยั การเขา้ รบั การฝกึ ฝนอบรมความรเู้ กยี่ วกบั งานในหนา้ ท่ี แตส่ �ำ นกั งานอยั การสงู สดุ ยงั ไมไ่ ดจ้ ดั สรร
งบประมาณในสว่ นนใี้ หส้ ำ�นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ และส�ำ นกั งาน
คดที รัพย์สินทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศเองก็ยังไม่เคยจัดตงั้ ของบประมาณในสว่ นนี้
ดา้ นบรหิ ารจดั การ หรอื Management ยงั ไมเ่ คยมกี ารบรหิ ารจดั การเพอื่ การพฒั นาในลกั ษณะ
นอี้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งเปน็ ระบบ แมจ้ ะมคี วามพยายามทจ่ี ะรเิ รมิ่ พฒั นาบา้ งในขณะทม่ี กี ารจดั ตงั้ ส�ำ นกั งาน
คดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศขนึ้ ใหม่ ๆ แตก่ ไ็ มม่ กี ารด�ำ เนนิ การตอ่ และในทสี่ ดุ
กล็ ม้ เลกิ ไป
ปญั หาอุปสรรคดงั กล่าวเป็นปญั หาพ้นื ฐานทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ เกียรติคณุ และความเชือ่ ถอื ใน
ศักยภาพของสำ�นักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และสำ�นักงานอัยการสูงสุด
อย่างมาก เป็นเร่ืองที่จะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วนอย่างเป็นระบบและต่อเน่ือง และกว่าจะ
เหน็ ผลเปน็ รปู ธรรมชดั เจนกน็ า่ จะตอ้ งใชเ้ วลานาน และตอ้ งพยายามอธบิ ายใหผ้ บู้ รหิ ารระดบั สงู ของ
ส�ำ นกั งานอัยการสงู สดุ เขา้ ใจปัญหาและสนับสนนุ ใหเ้ กดิ การพัฒนาเปลย่ี นแปลง

12 อยั การนเิ ทศ

ผมเห็นว่าการแก้ปัญหาในระยะเร่ิมต้นน้ันน่าจะแก้ปัญหาจาก อักษร M ตัวแรกอันได้แก่
Man หรอื บุคคลากรเสียกอ่ น ผมเชอื่ ว่าทรัพยากรบุคคลเป็นส่ิงท่ีมีคา่ มากทส่ี ุด การด�ำ เนินการตาม
แนวคดิ เพอ่ื การพฒั นาดงั กลา่ วจำ�เปน็ จะตอ้ งมบี คุ คลทม่ี ศี กั ยภาพ และสนใจความรเู้ กย่ี วกบั ทรพั ยส์ นิ
ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศจ�ำ นวนหนงึ่ มารว่ มกนั ท�ำ งานจงึ จะเกดิ พลงั น�ำ ไปสคู่ วามส�ำ เรจ็
หากบคุ คลากรของส�ำ นกั งานคดที รพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศมขี อ้ จ�ำ กดั กจ็ �ำ เปน็
จะตอ้ งขอความรว่ มมอื จากบคุ ลากรภายนอกซง่ึ ไดแ้ กพ่ นกั งานอยั การสำ�นกั งานอน่ื ๆ หรอื บคุ คลากร
ภายนอกสำ�นักงานอัยการสูงสุดทง้ั ชาวไทยและชาวต่างประเทศมาชว่ ยเหลือ
ในส่วนของ M ตัวท่ีสองหรือ Money น้ันเนื่องจากสำ�นักงานอัยการสูงสุดยังมิได้จัดสรร
งบประมาณไวโ้ ดยตรง และการขอใหจ้ ดั สรรงบประมาณกม็ ขี น้ั ตอนไมอ่ าจด�ำ เนนิ การไดร้ วดเรว็ หรอื
หวงั ผลไดท้ กุ กรณี จงึ ตอ้ งพงึ่ พงิ วธิ กี ารบรหิ ารจดั การทไี่ มต่ อ้ งใขง้ บประมาณเลยหรอื ใชเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย
จากการเสียสละของผู้ดำ�เนินการไปพลางก่อนจนกว่าจะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจาก
ส�ำ นกั งานอัยการสงู สุด
ส�ำ หรบั M ตวั ทสี่ ามหรอื Management จะตอ้ งมปี ระสทิ ธภิ าพเพยี งพอทจี่ ะทำ�ใหก้ ารดำ�เนนิ
การบรรลุวตั ถปุ ระสงค์และต้องสามารถใช้แกไ้ ขปญั หาของ M ตวั อ่นื ไดด้ ว้ ย
จากแนวคดิ ทว่ี า่ จะตอ้ งเรม่ิ จากการแกป้ ญั หาขอ้ ขดั ขอ้ งเรอื่ งบคุ ลากรกอ่ น จงึ ไดก้ �ำ หนดกจิ กรรม
ขน้ึ มากจิ กรรมหนงึ่ เกย่ี วกบั การจดั การฝกึ อบรมระยะสน้ั ความรภู้ าษาองั กฤษและกฎหมายทรพั ยส์ นิ
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นให้พนักงานอัยการอย่างน้อย
กลมุ่ หนง่ึ ใหค้ วามสนใจทจี่ ะเรยี นรเู้ รอ่ื งเกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ ไมว่ า่
จะเขา้ มารว่ มกจิ กรรมในฐานะผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม หรอื ฐานะวทิ ยากรซง่ึ จะตอ้ งรว่ มกนั ศกึ ษาคน้ ควา้
พฒั นา หรอื เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การ ชว่ ยด�ำ เนนิ กจิ กรรม ผเู้ ขา้ รบั การอบรมจะไดค้ วามรู้
ทางภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่าง
ประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในระยะเริ่มต้นจะเป็นกิจกรรมนำ�ร่องซึ่งใช้งบประมาณไม่มาก
เนื่องจากใช้สถานท่ีของสำ�นักงานอัยการสูงสุด ไม่เสียค่าวิทยากร เพราะวิทยากรส่วนใหญ่จะเป็น
พนกั งานอยั การจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทมี่ คี วามรภู้ าษาองั กฤษ และกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งหรอื กฎหมาย
ระหว่างประเทศ โดยทวี่ ิทยากรเตม็ ใจโดยจิตอาสาเพราะเหน็ ประโยชนท์ ี่จะเกดิ แกส่ ว่ นรวม หากได้
รบั ความสนใจในระดบั ทนี่ า่ พอใจ กจ็ ะด�ำ เนนิ กจิ กรรมดงั กลา่ วตอ่ เนอื่ งไป โดยสามารถเพมิ่ หวั ขอ้ วชิ า
ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ทงั้ นโ้ี ดยหวงั วา่ นอกจากจะเปน็ การพฒั นาองคค์ วามรแู้ ลว้ ยงั ทำ�ใหจ้ �ำ นวนบคุ ลากร
เพ่ิมขนึ้ อันจะเป็นกำ�ลงั ส�ำ คญั สามารถทำ�ใหโ้ ครงการต่าง ๆ ซ่ึงจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ พนักงานอยั การ
และสำ�นกั งานอยั การสูงสดุ ด�ำ เนนิ การไดส้ ำ�เรจ็
คาดว่าจะสามารถเรม่ิ ดำ�เนินกจิ กรรมนี้ไดป้ ระมาณเดือนมกราคม ๒๕๕๕

อยั การนเิ ทศ 13

ขอเปน็ ค�ำ ถามสดุ ท้าย โดยทราบวา่ เนอ่ื งจากในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ประเทศไทยจะเปล่ยี นแปลงเปน็
เขตเศรษฐกจิ เสรี ASEAN ซง่ึ จะมผี ลกระทบในเรอื่ งของทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ ง
ประเทศมากขึ้น จงึ อยากทราบความคิดเห็นของท่านในเรื่องน้ี
เนอ่ื งมาจากการจดั ตงั้ สมาคม ASEAN น้ัน เลยี นแบบมาจากการจดั ตั้งประชาคมยุโรป ซง่ึ แต่
เดมิ ยโุ รปแยกกนั เปน็ ประเทศ สง่ ผลใหเ้ สยี งตอ่ รองทางการคา้ นอ้ ยมาก แตพ่ อรวมกนั แลว้ มกี ารพฒั นา
เป็นตลาดรว่ ม คือ ไม่มีการเก็บภาษผี า่ นแดน ถอื ว่าสินคา้ ทุกประเทศเป็นดินแดนเดียวกนั ทำ�ให้มี
เสยี งตอ่ รองในเวทโี ลกมาก ASEAN เหน็ ความสำ�เรจ็ ในการรวมสหภาพยโุ รปดงั กลา่ ว กเ็ ลยมแี นวคิด
เดนิ ตามซึ่งจะส่งผลหลายอย่างคือ ในปที รี่ วม ASEAN เป็นหนึ่งเดยี ว การเคลอ่ื นไหวของสินคา้ และ
บรกิ าร รวมทงั้ แรงงานจากประเทศหนง่ึ ไปยงั อกี ประเทศหนงึ่ ในกลมุ่ สมาชกิ ASEAN กจ็ ะเปน็ ไปโดย
สะดวกมากขนึ้ การเกบ็ ภาษีคา่ ผ่านแดนกอ็ าจจะเกบ็ ภาษีในอัตราพเิ ศษ หรืออาจไดร้ บั ยกเว้นภาษี
ไปเลย ทำ�ให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตข้ึน และเกิดอำ�นาจต่อรองกับประเทศอ่ืนหรือประชาคมอื่นได้
สว่ นเรอ่ื งทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศนน้ั ในการท�ำ สญั ญากบั กลมุ่ ประชาคมอน่ื ก็
อาจจะเปน็ ไปในรปู แบบการคา้ เสรี (FTA) และเนอ่ื งจากบทบาทของอยั การในสว่ นเกย่ี วกบั ทรพั ยส์ นิ
ทางปัญญาน้ัน จัดอยู่ในส่วนของการป้องกัน ปราบปราม การคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย และ
การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย แตข่ ณะเดยี วกนั กจ็ ะเกดิ การแขง่ ขนั ในระหวา่ งประเทศสมาชกิ ดว้ ยกนั มากขนึ้
หากเราไม่เตรียมความพร้อมในเร่ืองนี้เราก็จะสู้เขาไม่ได้ ซ่ึงเห็นว่า หากพนักงานอัยการเข้าใจ
ความเป็นมาและปัญหาเหล่าน้ี ก็จะเป็นผลดีกับการดำ�เนินคดีและการบังคับใช้กฎหมายในส่วนน้ี
ดังน้นั สำ�นกั งานอยั การสงู สุดควรตระหนกั และให้ความส�ำ คัญกบั บทบาทดังกล่าว.

14 อยั การนิเทศ

บทความ

อัยการนิเทศ 15

16 อยั การนเิ ทศ

หลักนิตธิ รรมกับกระบวนการยตุ ธิ รรมท่ีเกย่ี วขอ้ งกับพนักงานอยั การ๑

ศาสตราจารย์ ดร. คณติ ณ นคร๒

หลกั นติ ธิ รรม (The rule of low) เปน็ ค�ำ ทใี่ ชใ้ นประเทศ Common law หรอื บางทเี รยี กวา่
The Supremacy of Law หรือหลักกฎหมายเป็นใหญ่ หลักนิติธรรม คือ การใช้อำ�นาจรัฐต้อง
อย่บู นพน้ื ฐานของกฎหมายรับรอง และการใช้อำ�นาจรัฐตอ้ งตรวจสอบได้ (Accountability) สว่ น
ในประเทศ Civil law ไม่ใชว้ า่ หลักนติ ิธรรม (The rule of law) แต่การใช้อำ�นาจรฐั กอ็ ยบู่ นพื้นฐาน
ของกฎหมายท่ีรองรับ และการใช้อำ�นาจรัฐก็ต้องตรวจสอบได้ เรียกว่าหลักนิติรัฐ (Legar State)
ดังน้นั หลกั นิตธิ รรมกบั หลกั นิตริ ัฐ จงึ มพี นื้ ฐานเหมือนกันคอื ใกลเ้ คยี งกนั จนเปน็ ผืนเดยี วกนั เพยี งแต่
พดู ในบริบทต่างกนั
หลกั นติ ริ ัฐ มาจากการแบง่ แยกอำ�นาจ ดังทจ่ี ะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญแบง่ อำ�นาจออกเปน็
นิตบิ ญั ญตั ิ บริหาร และตุลาการ โดยอำ�นาจทงั้ สามตอ้ งมีกลไกท่มี ีการตรวจสอบด้วย เปน็ การตรวจ
สอบเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรบั ผดิ ชอบ (Accountability) การตรวจสอบตอ้ งเปน็ การตรวจสอบในแนวราบ
การตรวจสอบในแนวด่ิงของผู้บังคับบัญชามิใช่ Accountability นักบริหารเรียกการตรวจสอบใน
แนวดิ่งว่าเป็น Responsibility การตรวจสอบในแนวราบ หมายถึงการตรวจสอบโดยองค์การอ่ืน
และการตรวจสอบทส่ี �ำ คญั ท่ีสดุ กค็ ือการตรวจสอบโดยประชาชน (Public Accountability)
กระบวนการยุติธรรมก็ต้องเป็นกระบวนการท่ีต้องตรวจสอบได้ ถ้ากระบวนการยุติธรรม
ตรวจสอบไมไ่ ด้ ก็อาจใช้อำ�นาจเกินขอบเขตซ่งึ จะทำ�ให้เกดิ ความเสียหายแก่สว่ นรวม กระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญาของเรากอ่ นปี ๒๕๔๐ ยงั เปน็ กระบวนการทต่ี รวจสอบอยู่ เพราะเจา้ พนกั งานของ
รัฐสามารถออกหมายอาญาโดยไมม่ ีการตรวจสอบ แต่พอเราประกาศใช้รัฐธรรมนญู ปี ๒๕๔๐ แล้ว
การออกหมายอาญาทุกประเภท หมายจับ หมายค้น เปน็ อำ�นาจของศาล ศาลกจ็ ะต้องตรวจสอบ
กระบวนการออกหมาย กล่าวได้ว่าเมื่อปี ๒๕๔๐ กระบวนการยุติธรรมของเราก็เข้าสู่ทิศทางที่
ถูกต้องและท่ีดีด้วย แต่ว่าในเร่ืองเกี่ยวกับการออกหมายจับในตอนนั้นยังไม่เข้าใจกัน ทางตำ�รวจก็
เลยขอว่าไวอ้ ีก ๕ ปี แต่ปรากฏวา่ กฎหมายมิไดแ้ ก้ภายในอกี ๕ ปี แตไ่ ปแก้เมือ่ ปี ๒๕๔๗ นบั วา่ โชคดี
มหาศาลเพราะว่าเมือ่ หลังจากปี ๒๕๔๗ (วันท่ี ๑๙ กนั ยายน ๒๕๔๙) ได้มีการยกเลกิ รัฐธรรมนญู
ปี ๒๕๔๐ ไป แตเ่ ราไดไ้ ปบญั ญตั ไิ วใ้ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาแลว้ ตงั้ แตป่ ี ๒๕๔๗ จงึ

๑ถอดความจากการบรรยายเรื่อง “หลักนิติธรรมกับกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอัยการ” เมื่อวันท่ี
๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๑ ในการประชุมทางวิชาการเร่ือง “หลักนิติธรรมกับทหาร” ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต
กรุงเทพฯ พมิ พใ์ น วารสารพระธรรมนญู เล่มที่ ๔๙ ฉบับ “หลกั นติ ธิ รรม” พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๒
๒ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพ่ือความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และประธาน
คณะกรรมการปฏิรปู กฎหมาย, อดีตคณบดีคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, อดตี อัยการสงู สุด

อัยการนิเทศ 17

ยงั มผี ลบงั คบั ไดอ้ ยู่ ไมเ่ ชน่ นน้ั เรากค็ งยาํ่ กลบั ไปใหม่ จงึ ถอื เปน็ ความโชคดที กี่ ระบวนการยตุ ธิ รรมของ
ไทยเราท�ำ ใหม้ คี วามเปน็ ธรรม มกี ารตรวจสอบทดี่ ขี น้ึ สรปุ ไดว้ า่ กระบวนการยตุ ธิ รรมของไทยเราเปน็
กระบวนการยตุ ธิ รรมทม่ี กี ารตรวจสอบทสี่ มบรู ณเ์ ชน่ เดยี วกบั นานาประเทศ ดงั นน้ั วธิ พี จิ ารณาความ
อาญาหลงั จากมกี ารแก้ไขแล้วเมื่อปี ๒๕๔๗ จึงเป็นวธิ พี ิจารณาความอาญาท่ีไม่ได้ด้อยกว่าประเทศ
ใดในโลกนี้ แต่หลงั จากนัน้ รู้สึกจะมกี ารแก้อะไรทีผ่ ิด ๆ ไปมากในปี ๒๕๕๐-๒๕๕๑ ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทน่ี า่
เสยี ดายว่าความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมยงั ไม่เปน็ อย่างเดียวกัน
ทนี ก้ี ม็ สี งิ่ ทผ่ี บู้ รรยายอยากจะฝากกค็ อื วา่ หลงั จากปี ๒๕๔๐ กตกิ ามนั ไดเ้ ปลยี่ นไปแลว้ แตด่ ู
เหมือนทางปฏิบัติจะยังไม่เปลี่ยนตาม กล่าวคือ การขอให้ออกหมายตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความอาญาเราไมไ่ ดผ้ า่ นการกลนั่ กรองจากอยั การกอ่ น ซงึ่ ไมม่ ปี ระเทศใดในโลกทตี่ �ำ รวจ
จะตรงไปยงั ศาลเลยโดยไมใ่ หอ้ ยั การดกู อ่ น คอื อยา่ งนอ้ ยอยั การจะไดเ้ หน็ วา่ มคี วามนา่ เชอื่ ถอื อะไรตา่ ง ๆ
อนั เปน็ ไปตามความจ�ำ เปน็ เปน็ การกลน่ั กรองอกี ชนั้ หนง่ึ ดงั นน้ั กระบวนการของเราจากต�ำ รวจไปถงึ
ศาลเลยจึงยังขาดตรงน้อี ยู่ จรงิ ๆ แล้วตอนทเี่ รายกร่างรฐั ธรรมนญู ปี ๒๕๔๐ เราเขา้ ใจวา่ คนท่ีจะไป
แก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญน้ันคงเข้าใจเรื่องนี้ แต่ผู้บรรยาย
เหน็ ว่าคนแก้ยงั ไม่มีความเขา้ ใจกเ็ ลยขาดตรงนไี้ ป
ทีนี้การออกหมายจับ หมายค้น เท่าท่ีสังเกตดูที่ผู้บรรยายบอกว่ากติกาเปลี่ยนแล้วแต่
ทางปฏิบัติยังไม่เปลี่ยนนั้น จะเห็นได้จากเราออกหมายกันง่ายเกินไป คล้าย ๆ กับว่าเป็นเพียง
การเปล่ียนอำ�นาจลงนามในหมายเท่าน้ัน ไปออกกันลักษณะน้ันก็เลยเกิดปัญหาตามมามากมายที่
เหน็ ชัด ๆ ก็คดีทีไ่ ปยงิ ต้เู ยน็ ทอ่ี ยุธยา หลายท่านกค็ งทราบดี อนั นัน้ ก็เปน็ การออกหมายค้นในเวลา
กลางคนื และกไ็ มไ่ ดอ้ ะไรเลย แตต่ เู้ ยน็ พงั แลว้ กม็ คี นโวยวายขนึ้ ต�ำ รวจกเ็ ลยยกตเู้ ยน็ หนี พอคนโวยวาย
บอกวา่ อันนเ้ี ปน็ การทำ�ลายหลักฐานก็ยกตู้เย็นกลบั ผู้บรรยายกล่าวว่าสองสามภี รรยาทีเ่ ป็นเจา้ ของ
บา้ นนเี้ ทา่ ทที่ ราบ รสู้ กึ จะนอนผวากนั เลย คอื เราไมเ่ ขา้ ใจ ซงึ่ จรงิ ๆ แลว้ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบใหด้ ี ไมใ่ ชท่ �ำ
ง่าย ๆ ไม่ใชว่ า่ จะตอ้ งอำ�นวยความสะดวกใหเ้ จา้ พนกั งาน เพราะว่าการทใี่ ห้กระบวนการยตุ ิธรรม
ตรวจ คือตรวจให้มีน้ําหนัก ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วการดำ�เนินงานของเราก็จะง่ายขึ้น หรือท่ีมีเร่ือง
สด ๆ รอ้ น ๆ อยา่ งกรณอี อกหมายจบั ทา่ นสนุ ยั มโนมยั อดุ ม อยา่ งนเ้ี ปน็ ตน้ ทง้ั ๆ ทท่ี า่ นกไ็ มร่ เู้ รอ่ื งอยู่
ในตา่ งประเทศ กรณเี ชน่ นจี้ ะเกดิ ขน้ึ ไมไ่ ด้ แตข่ องเราเกดิ ขนึ้ ไดเ้ สมอ อนั นเ้ี ปน็ เรอ่ื งทท่ี า่ นตอ้ งลองคดิ ดู
วา่ มเี หตมุ ผี ลหรอื ไม่ กรมพระธรรมนญู เปน็ หนว่ ยงานทดี่ ี เนอ่ื งจากวา่ พนกั งานสอบสวนของกรม ฯ คอื
นายทหารพระธรรมนญู กด็ ี อยั การทหารกด็ ี โดยเฉพาะสองหนว่ ยนอ้ี ยใู่ นใตร้ ม่ เดยี วกนั ซง่ึ แตกตา่ งไป
จากพลเรอื นอยา่ งสนิ้ เชงิ เพราะพลเรอื นนน้ั ต�ำ รวจกบั อยั การอยใู่ ตร้ ม่ คนละรม่ การประสานงานกไ็ มด่ ี
ตอนร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ตำ�รวจต้องการระยะเวลาระยะหนง่ึ ท่จี ะควบคุมเอาตัวผู้ตอ้ งหาไว้ ที่
เรายกรา่ งกนั เราตอ้ งการวา่ เมอื่ จบั แลว้ ตอ้ งไปศาลเลยหรอื อยา่ งชา้ ตอ้ งวนั รงุ่ ขนึ้ เพราะศาลจะไดร้ วู้ า่
เหตุท่ีออกหมายจับยังมีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีศาลก็ปล่อยเลย แต่ตำ�รวจก็ขอไว้ว่าให้เขามีเวลานิดหน่อย
ก็เป็นอันตกลงกันว่า ๔๘ ชั่วโมง สังเกตหรือไม่ว่าถ้าปกติถูกจับจะเอาตัวไว้ ๔๘ ชั่วโมง แต่ถ้า

18 อัยการนเิ ทศ

คนใหญ่คนโตมบี ารมีเยอะ ๆ เขาจะโยนเผือกรอ้ นไปใหศ้ าลเลย อย่างกรณกี ำ�นันเปา๊ ะ แสดงให้เห็น
วา่ เราปฏิบัตไิ มถ่ ูก เพราะเมือ่ ถูกแลว้ ตอ้ งไปศาลทันทเี ลย เพ่อื ศาลจะไดด้ ูว่ามเี หตุจะเอาตวั บุคคลไว้
ในอำ�นาจรัฐอกี หรือไม่ ในทางปฏบิ ัตเิ ราจงึ ยังไม่มีความเป็นเอกภาพเท่าท่ีควร สรปุ ไดว้ า่ การขอให้
ออกหมายโดยไม่ผ่านอยั การเป็นเรอื่ งของกฎหมายไมส่ มบูรณ์ แตก่ รณที ีม่ นั เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ
ในกระบวนการยุตธิ รรมเปน็ เรื่องความเข้าใจกฎหมาย

หลักการด�ำ เนินคดอี าญา

๑. การดำ�เนนิ คดอี าญาโดยเอกชน (Private Prosecution) เปน็ การด�ำ เนนิ คดีด้ังเดิมสมัย
ท่ีบ้านเมืองยังไมเ่ ป็นปึกแผ่น พอใครถกู ประทษุ ร้ายขึ้นก็รอ้ งตอ่ ผ้ตู ัดสนิ เปน็ การด�ำ เนินคดีซ่งึ ทุกวัน
น้ียังมีอยู่ เราเรียกว่าดำ�เนินคดีโดยผเู้ สียหาย เปน็ การด�ำ เนินคดที ีไ่ มต่ า่ งจากการด�ำ เนนิ คดีแพง่
๒. การด�ำ เนนิ คดอี าญาโดยประชาชน (Popular Prosecution) อนั นจี้ รงิ ๆ แลว้ เปน็ รากเหงา้
ของการดำ�เนินคดีของประเทศอังกฤษ การดำ�เนินคดีโดยประชาชนน้ีเกิดข้ึนควบคู่กันไปกับ
การดำ�เนินคดีโดยผู้เสยี หาย ในการด�ำ เนนิ คดีอาญาโดยประชาชนน้นั ถือวา่ ประชาชนทุกคนมหี น้าท่ี
รกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย แนวคดิ เชน่ นใี้ นกฎหมายไทยดงั้ เดมิ กม็ ี คอื กฎหมายลกั ษณะโจร ๕ เสน้ กลา่ วคอื
ในละแวก ๕ เส้นในรศั มีบา้ นของเรามีหน้าท่ดี ูแล ถ้าเราไมด่ แู ลก็ต้องมโี ทษ แนวคดิ อนั น้เี รยี กว่าเปน็
แนวคดิ ทวี่ า่ ทกุ คนมหี นา้ ทต่ี อ้ งรกั ษาความเรยี บรอ้ ย และกใ็ นแนวคดิ เรอ่ื งการด�ำ เนนิ คดโี ดยประชาชนน้ี
ประชาชนทกุ คนมสี ทิ ธฟิ อ้ งคดไี ด้ อยา่ งผบู้ รรยายถกู ตศี รี ษะ ทกุ ทา่ นสามารถฟอ้ งคดไี ดไ้ มจ่ �ำ เปน็ ตอ้ ง
เปน็ ผบู้ รรยายเทา่ นนั้ ฟอ้ งโดยผบู้ รรยายกเ็ ปน็ การด�ำ เนนิ คดโี ดยเอกชน ฟอ้ งโดยทา่ นเปน็ การด�ำ เนนิ คดี
โดยประชาชน ท่ีผู้บรรยายกล่าวไว้ว่าเป็นรากเหง้าของอังกฤษ แล้วต่อมาในอังกฤษก็เป็นปัญหา
เพราะองั กฤษไมค่ อ่ ยไวใ้ จอำ�นาจรฐั เทา่ ไหร่ กวา่ จะเกดิ ตำ�รวจองั กฤษขนึ้ มาไดเ้ กอื บจะเปน็ จลาจลใน
มหานครลอนดอน จะเหน็ ไดว้ า่ ต�ำ รวจองั กฤษเขาท�ำ แทนประชาชนท�ำ ใหป้ ระชาชนรกั ต�ำ รวจมาก ซง่ึ
จะตา่ งจากต�ำ รวจประเทศอ่นื โดยสน้ิ เชิงแม้ในประเทศเยอรมัน ต�ำ รวจองั กฤษเขาไมพ่ กอาวุธ แตจ่ ะ
ใชก้ ระบองคอยดแู ลไมใ่ หเ้ กดิ เหตรุ า้ ย แลว้ ใครไปท�ำ รา้ ยต�ำ รวจจะเปน็ เรอื่ งใหญท่ ม่ี ี เมอื่ เปน็ อยา่ งนน้ั
อังกฤษจงึ พฒั นาใหม้ ี D.P.P. (Director of Public Prosecutions) คนท่ีไปองั กฤษในช่วงก่อนท่จี ะ
เปลย่ี นแปลง จะเข้าไปวา่ D.P.P. คอื อัยการ แต่จรงิ ๆ แล้วไมใ่ ชเ่ ปน็ เพยี งเจา้ พนกั งานของรัฐคนหน่งึ
ทม่ี าดกู ารฟอ้ งคดโี ดยประชาชนใหอ้ ยกู่ บั รอ่ งกบั รอย บางเรอ่ื งตอ้ งขออนญุ าตเขากอ่ น ดไี มด่ จี ะเขา้ ไป
ดำ�เนินคดีในศาล ถ้ามีเรื่องที่เขาสามารถจัดการได้เขาจะจัดตั้งทนายเพื่อเข้าไปดำ�เนินคดีในศาล
การด�ำ เนินคดีลักษณะนจ้ี งึ มคี คู่ วาม เพราะผู้ที่ถกู ฟอ้ งกเ็ ป็นประชาชนคนหน่ึง ผ้ทู ฟ่ี ้องก็เป็นตวั แทน
ของประชาชนเขา้ ไปเปน็ คคู่ วามทตี่ อ่ สกู้ นั องั กฤษเพง่ิ ยกเลกิ ระบบนไี้ ปเมอ่ื ปี ค.ศ. ๑๙๘๖ เดย๋ี วนเี้ ขา
มอี ยั การแลว้ เมอ่ื ปี ค.ศ. ๑๙๘๖ นนั้ เอง และตอนน้คี นทเี่ ปน็ หัวหน้าใหญข่ องอังกฤษก็คอื D.P.P.
เดมิ นนั้ เอง เปลยี่ นบทบาทไปจากทจี่ ะมาควบคมุ การฟอ้ งกเ็ ปลย่ี นเปน็ หวั หนา้ อยั การ การด�ำ เนนิ คดี

อัยการนเิ ทศ 19

ของสหรัฐอเมริกาดำ�เนินคดีอาญาโดยประชาชนเหมือนกัน เพราะเหตุว่าคนที่เป็นหัวหน้าใหญข่ อง
อัยการจะมาจากการเลือกตั้ง หรือหากมลรัฐใดไม่มาจากการเลือกตั้งก็มาจากการแต่งต้ังของผู้ท่ี
ได้รับการเลือกต้ัง เพราะฉะนั้นอัยการของสหรัฐฯ เขาทำ�แทนประชาชน ทีนี้มาดูนิติสัมพันธ์ คือ
ความสมั พันธ์ระหวา่ งองค์กรตา่ ง ๆ ถ้าเปน็ การด�ำ เนินคดโี ดยประชาชนจะมี ๓ ฝา่ ย หมายถึง โจทก์
จ�ำ เลยสกู้ ันโดยมาศาลเปน็ คนกลาง ศาลในประเทศ Common Law ส่วนใหญ่จะคอยคุมกตกิ าของ
การต่อสู้ เพราะวา่ เป็นนิติสมั พนั ธ์ ๓ ฝ่าย และมีการต่อสกู้ ัน
๓. การดำ�เนินคดีอาญาโดยรัฐ (Public Prosecution) คือการดำ�เนินคดีที่ถือว่ารัฐมี
หนา้ ทด่ี แู ลรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย การดำ�เนนิ คดอี าญาโดยรฐั อยั การมใิ ชค่ คู่ วามเนอื้ หา สมยั กอ่ น
เมอื่ มอี ยั การใหม่ ๆ อัยการไม่เข้าใจบทบาทจะอยู่คนละมุมกับจำ�เลย คาดหมดั ต้ังมวยเป็นผ้แู พ้ชนะ
กบั ราษฎร จนกระท่งั ศาลฎกี ามีคำ�วินิจฉยั ออกมาว่า ไม่ใช่คาดหมดั ตัง้ มวยเปน็ คู่แพช้ นะกับราษฎร
เพยี งสามารถวา่ ความใหไ้ ดค้ วามจรงิ ปรากฏปลดเปลอื้ งขอ้ สงสยั ในทางอรรถคดี ท�ำ ดงั นจ้ี งึ จะเปน็ การ
ปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ที่ อยั การตอ้ งเขา้ ใจบทบาทตนกอ่ นวา่ อยั การตอ้ งท�ำ ความจรงิ ใหป้ รากฏ เพราะนค่ี อื
หลกั นติ ธิ รรมทส่ี �ำ คญั ถา้ เขาไมเ่ ขา้ ใจบทบาทนมี้ นั กจ็ ะท�ำ ใหก้ ารปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องเขาผดิ เพยี้ นไปได้ คอื
การด�ำ เนนิ คดโี ดยรฐั ทกุ ฝา่ ยตอ้ งมหี นา้ ทต่ี รวจสอบความจรงิ ใหป้ รากฏจะเปน็ ต�ำ รวจกด็ ีอยั การกด็ หี รอื
แมแ้ ตศ่ าลกด็ มี หี นา้ ทต่ี อ้ งทำ�อยา่ งกระตอื รอื รน้ การด�ำ เนนิ คดโี ดยรฐั มอี ยั การรว่ มดว้ ยในการพจิ ารณา
คดี การดำ�เนินคดีโดยรัฐน้ีอัยการต้องรับผิดชอบในชั้นเจ้าพนักงาน การตรวจสอบความจริงในคดี
อาญานน้ั มี ๒ ชน้ั คอื ตรวจสอบชน้ั เจา้ พนกั งานเสยี กอ่ นและอยา่ งมคี วามเปน็ ภาววสิ ยั เมอื่ ตรวจสอบ
แลว้ และเมอื่ ไดค้ วามเปน็ บวกกจ็ ะขน้ึ สศู่ าล ซงึ่ กเ็ ปน็ การตรวจสอบอยา่ งเปน็ ภาววสิ ยั มาก การใหส้ ทิ ธิ
ตา่ ง ๆ ทจี่ ะตอ่ สคู้ ดกี เ็ ปน็ ทม่ี น่ั ใจวา่ ผทู้ ถ่ี กู ลงโทษนนั้ ใชจ่ รงิ ๆ แตข่ องไทยเรานนั้ ไมแ่ น่ สว่ นการด�ำ เนนิ
คดนี นั้ ศาลจะรบั ผดิ ชอบในชนั้ พจิ ารณาพพิ ากษา มบี ทบาททสี่ �ำ คญั เขาเรยี กวา่ เปน็ นายเหนอื อยั การ
เปน็ เจา้ นายเหนอื ในชน้ั เจา้ พนกั งาน ศาลกเ็ ปน็ นายเหนอื ในชนั้ พจิ ารณาพพิ ากษา ทนี ใ้ี นรปู แบบของ
การดำ�เนินคดีโดยรัฐจะมีรูปแบบนิติสัมพันธ์ ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐมีหน้าท่ีอำ�นวยความยุติธรรม รัฐ
มิอาจเปน็ ปฏปิ ักษ์กบั ใคร มีหน้าท่อี �ำ นวยความยุตธิ รรมทีถ่ กู ต้องทีด่ ดี ้วย
ระบบการดำ�เนนิ คดีอาญา มี ๒ ระบบ คือ ระบบไต่สวน (Inquisitorial System) กบั
ระบบกลา่ วหา (Accusatorial System)
ระบบไต่สวน กค็ อื ระบบเปาบนุ้ จน้ิ ก็คือว่าไม่มีการแยกหนา้ ท่ีสอบสวนกบั หนา้ ท่ีพิจารณา
พิพากษาออกจากกันให้องค์กรท่ีต่างหากจากกันทำ�แต่ว่าในอำ�นาจขององค์กรเดียวเช่นเดียวกับ
เปาบนุ้ จน้ิ คอื เปาบนุ้ จน้ิ มหี นา้ ทใ่ี นการรบั เรอ่ื งทม่ี กี ารกลา่ วหาจนกระทง่ั ตดั สนิ นอกจากนน้ั เปาบนุ้ จนิ้
ยงั มีคุกอกี เปาบุ้นจ้ินจะทำ�อะไรไดห้ มดรวมทงั้ เร่ืองผู้ไตส่ วนด้วย ผู้ถูกกลา่ วหาจึงตกเปน็ กรรมในคดี
(Prozessobjekt) นเี้ ปน็ ระบบไตส่ วนเดมิ ซง่ึ ไมม่ ที ไี่ หนในโลกปจั จบุ นั เพราะอ�ำ นาจเบด็ เสรจ็ อยทู่ คี่ น
หรอื องคก์ รเดยี วเปน็ เรอ่ื งทอี่ นั ตราย ดงั นน้ั จงึ มกี ารจดั แยกองคก์ รกอ่ นทจี่ ะถงึ ศาลออกมา จงึ เกดิ ระบบ
กลา่ วหา ซง่ึ เปน็ ระบบทแ่ี กไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของระบบไตส่ วนแยกอำ�นาจสอบสวนฟอ้ งรอ้ ง กบั อำ�นาจ

20 อัยการนิเทศ

พจิ ารณาพพิ ากษาใหก้ บั องคก์ รทต่ี า่ งกนั ใช้ ใหศ้ าลเปน็ แตผ่ มู้ อี �ำ นาจพจิ ารณาพพิ ากษา และท�ำ ใหเ้ กดิ
องค์กรใหม่ขึ้น คือ องค์กรอัยการ ฝร่ังเศสเป็นชาติแรกท่ีพัฒนาระบบการดำ�เนินคดีที่มีอิทธิพลไป
ทวั่ โลก ท�ำ ใหค้ นทเ่ี คยตกเปน็ กรรมในคดมี าเปน็ ประธานในคดี (Prozesssubjekt) มสี ทิ ธติ า่ ง ๆ มนษุ ย์
เราจะตกเปน็ กรรมไมไ่ ด้ สมยั กอ่ นเรามเี รอื่ งทาส ทาสกค็ อื ผไู้ มม่ สี ทิ ธเิ ลยจงึ มกี ารเลกิ ทาส เหน็ หรอื ไม่
วา่ ถงึ แมเ้ ขาจะตกอยใู่ นอำ�นาจรฐั บางประการ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ อ่ เขาอยา่ งเปน็ มนษุ ยน์ น่ั คอื หลกั นติ ธิ รรม
ถา้ ทา่ นปฏบิ ตั เิ กนิ เลยกไ็ มใ่ ชแ่ ลว้ ค�ำ วา่ ประธานในคดี ยกตวั อยา่ งกอ็ ยา่ งเชน่ สภาพบคุ คลยอ่ มเกดิ เมอ่ื
คลอดแลว้ อยรู่ อดเปน็ ทารกสน้ิ สดุ เมอื่ ตาย ค�ำ วา่ สภาพบคุ คล คอื การทรงสทิ ธขิ องมนษุ ยเ์ รม่ิ แตเ่ มอื่
คลอด มนษุ ยต์ อ้ งทรงสทิ ธมิ นษุ ยท์ ไี่ มม่ สี ทิ ธยิ อ่ มไมไ่ ด้ แลว้ ยงิ่ ปจั จบุ นั ยงิ่ รณรงคใ์ นเรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชน
สรปุ กค็ อื วา่ การด�ำ เนนิ คดอี าญาทง้ั ของ Common Law และของ Civil Law ตา่ งกเ็ ปน็ ระบบกลา่ วหา
ดว้ ยกนั แตกตา่ งกนั เพยี งวธิ กี ารคน้ หาความจรงิ ในศาลเทา่ นน้ั ระบบ Civil Law ซงึ่ มรี ากเหงา้ มาจาก
ระบบไต่สวนเดมิ ศาลก็ Active ในการตรวจสอบค้นหาความจรงิ แตใ่ นระบบ Common Law ก็
จะเปน็ เร่อื งการตอ่ สู้และกม็ เี รือ่ งเก่ยี วกับการค้นหาความจริงโดยการ Cross Examination ซึ่งเขามี
ความเชอื่ วา่ การ Cross จะท�ำ ใหไ้ ดค้ วามจรงิ บทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการ Cross Examination ในประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาเยอรมนั กม็ มี าดง้ั เดมิ แตใ่ นต�ำ ราบอกวา่ มนั ตายตงั้ แตใ่ นทอ้ งเพราะ
ว่ามันใชไ้ ม่ได้ เมื่อศาล Active แลว้ Cross กันทำ�ไม เกดิ ความลา่ ช้าในกระบวนการยตุ ธิ รรมเปล่า ๆ
ศาลไทยเราสมยั ก่อนจะน่งั จดจนมคี นค่อนขอดว่าผ้พู พิ ากษาเปน็ ผทู้ ่ีน่ังจดตามค�ำ บอก จดเขยี นอา่ น
ออกบ้างไมอ่ อกบ้าง ตอนนกี้ ม็ กี ารพัฒนามาเปน็ การบนั ทกึ กด็ ขี ้นึ หน่อย
ผูฟ้ อ้ ง ผ้ถู กู ฟอ้ ง และผ้ตู ดั สนิ ไดแ้ ยกจากกนั แล้วทง้ั ระบบ Common Law และ Civil Law
แต่วิธีการตรวจสอบค้นหาความจริงต่างกัน การดำ�เนินคดีระบบกล่าวหาของ Common Law
เป็นการดำ�เนินคดีท่ีเอาประชาชนเป็นตัวต้ัง เป็นการดำ�เนินคดีท่ีมีลักษณะของการต่อสู้ระหว่าง
สองฝา่ ย เป็นการด�ำ เนนิ คดที ี่ศาลมีบทบาทวางเฉย (Passive) เห็นได้จากการดูภาพยนตร์ ศาลของ
อเมริกันจะนั่งคนเดียวเป็นผู้ควบคุมกติกาเป็นเหมือนกรรมการฟุตบอล ศาล Passive จะไม่ลงไป
ซักถามแต่ศาลไทยมีความรู้สึกว่าถ้าศาลลงไปถามพยานจะทำ�ให้เสียความเป็นกลางกับ Passive
มนั คนละเรือ่ งกัน แต่เราเข้าใจปะปนกันการดำ�เนินคดีในระบบกล่าวหาของ Common Law เปน็
การดำ�เนินคดีที่มีหน้าที่นำ�สืบ เราเรียนกันซ่ึงผู้บรรยายก็เรียนเหมือนท่าน ก่อนที่ผู้บรรยายจะไป
เรียนเมืองนอก เขาบอกว่าในคดีอาญา หน้าที่นำ�สืบเป็นของโจทก์ โจทก์มีหน้าที่น�ำ สืบก่อน ซึ่งยัง
หาไม่เจอเลย ผู้บรรยายไปเรียนจริง ๆ กลับมาก็ไม่เห็นว่าเขียนไว้ตรงไหน ไม่มีหรอกครับ แต่ถ้า
คดีแพ่งนั้นมีภาระการพิสูจน์ตกแก่ผู้กล่าวอ้าง ในคดีอาญาไม่มี คดีอาญาคือการทำ�ความจริงให้
ปรากฏ ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันทำ�ความจริงให้ปรากฏ และก็ใน Common Law เขาใช้วิธีการที่
เรียนแลว้ ว่าเป็น Cross Examination เป็นสำ�คญั การด�ำ เนินคดรี ะบบกลา่ วหาของ Civil Law เปน็
การด�ำ เนนิ คดีทมี่ รี ฐั เป็นตวั ตง้ั เป็นการอำ�นวยความยุตธิ รรม การด�ำ เนินคดีไม่มแี ละไมอ่ าจมคี ูค่ วาม
ในเน้อื หาได้ อัยการมิใชค่ ่คู วาม เปน็ ผู้ที่จะมาชว่ ยท�ำ ความเปน็ จรงิ ให้ปรากฏ เปน็ การด�ำ เนนิ คดที ีม่ ี

อยั การนิเทศ 21

ความเป็นภาววิสัย (Objectivity) ในทุกขั้นตอน เป็นการด�ำ เนินคดีทีม่ ีอัยการเป็นผรู้ ับผิดชอบใน
ชั้นเจ้าพนักงานท้ังหมด และการดำ�เนินคดีในช้ันนี้ต้องมีความเป็นภาววิสัย (Objectivity) ซึ่งต่าง
ประเทศอัยการเขามีอำ�นาจไปดูแลการสอบสวนตั้งแต่ต้นมือ แต่เขาไม่ได้ลงไปทุกเร่ืองเขาเข้าไปใน
บางเร่ืองแตเ่ ขาต้องรับรู้ ตอ้ งมีการรายงานเข้ามาแลว้ เขาจะดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ซ่ึงในบางเร่ืองอาจ
จะไมต่ อ้ งลงไป แตข่ องไทยเรากอ่ นส�ำ นวนจะมาถงึ อยั การไมร่ เู้ รอ่ื งเลย ไมพ่ บแมก้ ระทงั่ ตวั ผตู้ อ้ งหาท่ี
เราจะฟอ้ งคดเี ลย ผบู้ รรยายคดิ วา่ ระบบของทหาร เราสามารถทจ่ี ะพฒั นาไดโ้ ดยทไี่ มต่ อ้ งแกก้ ฎหมาย
เลย ท�ำ ความเขา้ ใจแลว้ กอ็ อกระเบยี บใหด้ ี ออกระเบยี บใหก้ ระบวนการนเี้ ปน็ กระบวนการเดยี วแลว้
มอบใหอ้ ยั การทหารเขา้ ไปดแู ลในเรอื่ งใหญ่ ๆ ซง่ึ กท็ �ำ ไดเ้ ปน็ การบกุ เบกิ มใิ ชร่ อจนกระทงั่ ส�ำ นวนเสรจ็
อย่างท่พี วกอัยการพลเรือนรอกนั อยู่ ตอนนีค้ วามจรงิ มีแนวโนม้ พัฒนาไปในทิศทางน้นั ถ้าทา่ นดูใน
พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษกฎหมายได้ทำ�ให้เป็นผืนเดียวกันแล้ว แต่ว่าเราก็ยังไม่เข้าใจ
บทบาท อัยการลงไปสอบสวนคดีพิเศษเป็นอัยการคนหนึ่ง แล้วตอ่ มาส่งสำ�นวนมาเหน็ ชอบแล้ววา่
มีหลักฐานพอฟ้อง มาถึงอัยการอีกคนบอกไม่ฟ้อง ผู้บรรยายว่าไม่เข้าใจนะ เมื่อมีการเข้าไปเช่นน้ี
จรงิ ๆ ตอ้ งบรหิ ารงานคดใี หด้ ี โดยเฉพาะอยั การสงู สดุ ตอ้ งวางกฎเกณฑใ์ หด้ ี มใิ ชท่ �ำ อยา่ งทเี่ คยทำ� ถา้
ท�ำ อยา่ งทเี่ คยทำ�นน้ั สบาย แตถ่ า้ ทำ�ใหด้ จี ะเหนือ่ ยต้องดูแลใหเ้ กิดความเปน็ ธรรม ดงั น้นั ในปจั จบุ นั
ผบู้ รรยายคดิ วา่ อยั การทลี่ งไปรวมทง้ั อยั การทหารดว้ ยทเี่ ขา้ ไปเกยี่ วขอ้ ง เพยี งแตเ่ ขา้ ไปรบั รไู้ ปเซน็ รบั
ทราบ ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนน้ั ทา่ นทราบหรอื ไมท่ ใ่ี นตา่ งประเทศนน้ั การใหอ้ ยั การลงไปดแู ลนน้ั จะเปน็ เกราะ
ปอ้ งกนั ไมใ่ หอ้ �ำ นาจภายนอกเขา้ มาแทรกแซงดว้ ย อยา่ งของพลเรอื นนช้ี ดั เจนเพราะวา่ พระราชบญั ญตั ิ
พนักงานอัยการ มาตรา ๑๗ บัญญัติไว้ว่า ทางฝ่ายอ่ืนสามารถให้อัยการทำ�หน้าที่ใด ๆ แต่จะมา
เก่ียวกับเรื่องการดำ�เนินคดีของเขาไม่ได้ ก่อนที่จะเป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐
อยั การกม็ คี วามเปน็ อสิ ระ รฐั ธรรมนญู ปี ๒๕๕๐ กบั ของเกา่ ผบู้ รรยายไมเ่ หน็ ความแตกตา่ งเพราะขน้ึ
อยทู่ ี่ว่าคนคนนัน้ เขา้ ใจบทบาทหรอื ไม่ พออัยการลงไปต�ำ รวจท�ำ งานสบายจะถูกการเมอื งแทรกแซง
ยาก แตเ่ รามไิ ดค้ ดิ อยา่ งนน้ั เราคดิ วา่ ลงไปเพอ่ื ใหค้ รบ เหมอื นการนงั่ พจิ ารณาขอใหค้ รบกแ็ ลว้ กนั หลบั
บ้างต่นื บ้างกไ็ มเ่ ปน็ ไร อย่างนีเ้ ปน็ ต้น ในการด�ำ เนนิ คดีศาลตอ้ งรบั ผิดชอบในชัน้ พจิ ารณาพพิ ากษา
ศาลต้องกระตอื รือรน้ (active) ในการตรวจสอบความจรงิ อนั นค้ี ือสภาพของกระบวนการยตุ ิธรรม
ของสองประเทศทผ่ี บู้ รรยายเรยี นไดเ้ หน็ ทนี เี้ รามาดกู ารด�ำ เนนิ กระบวนการยตุ ธิ รรมของไทยเราบา้ ง
ของเราน่ีเป็นการด�ำ เนินคดโี ดยรฐั รฐั เป็นใหญ่ แม้เราจะใหผ้ เู้ สียหายฟอ้ งคดีเองได้ ผูเ้ สยี หายกม็ ิใช่
เป็นพระเอก อัยการต่างหากเป็นพระเอก ในมาตรา ๓๒ เขาบอกว่า ถา้ เป็นโจทกร์ ว่ มกนั จะมาท�ำ ให้
คดขี องอยั การเสยี หายไมไ่ ด้ แตต่ ามปกตเิ รากถ็ อื วา่ พอผเู้ สยี หายฟอ้ งเปน็ โจทกร์ ว่ มกนั อยั การกบ็ อก
ว่าสบายแล้วคณุ ก็รบั ผิดชอบไปแล้วกนั อยา่ งนไี้ มไ่ ด้ เราทำ�กันอย่างนนั้ ไดเ้ รากส็ บายเรา อยั การเรา
อยากสบาย อยากได้เงินเดือนเยอะ จริง ๆ เงินเดือนเยอะเขาให้ความรับผิดชอบนะ แต่ของเราก็
ไปคิดตา่ งออกไปผู้เสยี หายเป็นบทบาทรองเป็นพระรองนะ ตามกฎหมายของเราเปน็ การด�ำ เนนิ คดี
แบบอยา่ ง Civil Law ซ่งึ Civil Law กบั Common Law มิไดม้ าคดิ กนั เองนะครบั ในหลวงรชั กาล

22 อยั การนเิ ทศ

ที่ ๕ พระองคท์ า่ นเปน็ ผตู้ ดั สนิ พระทยั แตว่ ่าเราก็ไดร้ บั อิทธิพลจากอังกฤษ ผู้บรรยายเหน็ วา่ สงั คม
เรามีโรคชนดิ หน่งึ เรยี กว่า โรคเอาอย่าง จึงเกดิ การเบีย่ งเบน วนั นีก้ ไ็ ดน้ ำ�บทความท่ีผู้บรรยายเขียน
เรอ่ื งนติ ธิ รรมอ�ำ พรางในนติ ศิ าสตรไ์ ทยมาฝาก ซง่ึ ไดม้ อบใหฝ้ า่ ยจดั ไวแ้ ลว้ ทบ่ี อกวา่ เปน็ โรคเอาอยา่ ง
เป็นอย่างไร คอื ตอนนั้นผู้บรรยายไดร้ บั เชิญใหไ้ ปพูดถงึ เรอื่ งเกี่ยวกับนิติธรรมอ�ำ พรางในนิตศิ าสตร์
ไทย กง็ งมากวา่ จะพดู อย่างไรดี ผบู้ รรยายก็มานั่งวเิ คราะห์ซึง่ ก็ใช่จรงิ ๆ ด้วย เพราะผู้บรรยายเคย
บวชเรียนแล้ว การบวชแล้วสึกนี้เป็นวัฒนธรรมไทยประเทศเดียวท่ีอ่ืนถ้าบวชแล้วสึกออกมาคนจะ
ประณามว่าไม่แนจ่ รงิ แตข่ องเราได้รับการยกยอ่ งไปสู่ขอลูกสาวใครกไ็ ด้ เราเรยี กว่าเปน็ คนสกุ แล้ว
เราก็เอาอย่างกันมา คุณแม่ผู้บรรยายก็เค่ียวเข็ญว่าลูกนะก่อนแต่งงานบวชให้แม่ก่อน ซ่ึงตอนนั้น
ก็เพื่อสนองความต้องการของคุณแม่ก็ไปบวช ถ้ารู้ว่าการบวชแล้วสึกเป็นเร่ืองของวัฒนธรรมไทย
ก็ไม่บวชหรอกเพราะจริง ๆ แล้วเราทำ�อะไรให้ดีก็ได้ ไม่จำ�เป็นต้องเข้าไปอยู่ในวัดนี่ก็เป็นตัวอย่าง
ทีน้ีที่เก่ียวข้องกับกระบวนการยุติธรรมก็คือ ในหลวงรัชกาลท่ี ๔ บอกว่าเรา Civil Law แต่เราก็
ส่งคนไปเรียนท่ีอังกฤษแทนที่จะไปเรียนที่เยอรมัน ฝรั่งเศส สมัยก่อน ๆ ไปเรียนอังกฤษหมดเลย
อย่างนี้เรียกว่าเอาอย่างเสด็จในกรมหลวงราชบุรีถ้าท่านจะไปดูในความสำ�เร็จของนักเรียนอังกฤษ
ดูได้จากตัวประธานศาลฎีกาเพราะแทบทุกคนเป็นนักเรียนอังกฤษท้ังส้ิน คนที่หลุดรอดเห็นมีอยู่
๒ คนคอื อาจารย์ประกอบ หตุ ะสงิ ห์ ซงึ่ จบเยอรมนั กับอีกท่านคอื อาจารยอ์ �ำ นคั ฆ์ คลา้ ยสังข์ แต่
ความคดิ ของท่านผู้บรรยายไมท่ ราบนะแต่จริง ๆ แล้วกเ็ ป็นอยา่ งน้ัน อาจารยห์ ยุด ตอนท่านจะไป
เรียนต่างประเทศท่านบอกว่าท่านไปพบผู้ใหญ่ท่านหน่ึง ท่านก็อยากไปเรียนอังกฤษเหมือนกันแต่
ผู้ใหญ่บางท่านนั้นบอกว่าอย่าไปเรียนเลยอังกฤษไปเรียนเยอรมันดีกว่าท่านเลยไปเยอรมัน ท่าน
กลับมาก็คิดต่างจากคนอื่นจนกระท่ังเขาบอกว่าอาจารย์หยุดเพ้ียน ๆ เหมือนกัน ทำ�นองเดียวกับ
ผูบ้ รรยายกเ็ พ้ียน ๆ นอกจากบทความนแ้ี ลว้ ผบู้ รรยายก็มีบทความอีก ๓ อัน ผู้บรรยายมอบใหแ้ ล้ว
กค็ ิดวา่ ทา่ นคงจะไดร้ ับส�ำ เนาต่อไปนะครบั
วธิ พี จิ ารณาความอาญาทด่ี ี ถา้ ทา่ นจะปรบั ปรงุ กระบวนยตุ ธิ รรมทางอาญาทหาร อยา่ ไปยงุ่
กบั พลเรือน ปลอ่ ยให้เขาเละเทะไปตามเร่อื ง ท่านจะทำ�ใหด้ ีได้ ทา่ นต้องเขา้ ใจว่าวิธพี จิ ารณาความที่
ดจี ะตอ้ งมีเนือ้ หา ๓ ประการ
๑. ต้องมีความเป็นเสรีนยิ ม เสรีนยิ มมไิ ดเ้ กดิ ขึน้ งา่ ย ๆ กฎหมายเรานด่ี ีแล้ว แต่การบังคบั
ใช้ไม่ค่อยได้เรื่อง คนยังไม่มีความเป็นเสรีนิยมเท่าท่ีควร อย่างนี้ต้องฝึกอบรม นี่ผู้บรรยายคิดว่า
ตามที่ท่านมาเปิดเวทีเช่นน้ีน้ันตรงเป้าเลยที่จะทำ�ให้เราได้คิดกันว่าเราจะทำ�อย่างไรให้ดีท่ีสุดโดย
คมุ้ ครองสทิ ธิเขา ปฏิบัตติ อ่ เขาอยา่ งเปน็ มนษุ ย์
๒. ต้องมีเป็นประชาธิปไตย ยกตัวอย่างเช่นการพิจารณาคดีจะต้องพิจารณาเปิดเผย ไป
ทำ�ในห้องมืดมิได้ การพิจารณาลับถ้าเกิดขึ้นได้ก็จะต้องมีข้อจำ�กัดอย่างมาก ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ความสงบเรยี บรอ้ ยศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน หรอื ความลบั อนั เกยี่ วกบั ความปลอดภยั ของประเทศ
นอกนนั้ ตอ้ ง Public เพอื่ ใหม้ กี ารตรวจสอบได้ คอื หากไปท�ำ ในหอ้ งมดื คนกจ็ ะไมร่ หู้ รอื บางคดที เ่ี ปน็

อยั การนิเทศ 23

คดีใหญค่ นสนใจมาก อาจจะตอ้ งพิจารณาในบลั ลงั ก์ทีใ่ หญ่หนอ่ ย ไม่ใช่ว่าบัลลงั ก์เขา้ ไปแล้วแทบจะ
เบยี ดกัน หรือว่ามีนั่งได้ ๒–๓ คน อยา่ งน้ันไมไ่ ด้
๓. ตอ้ งเป็นการกระทำ�เพื่อสงั คม เพื่อใหผ้ ู้น้ันกลบั เข้าสูส่ ังคมได้ เน้ือหาท้ังหลายน้ีเราจะดู
ได้เลยวา่ วิธพี ิจารณาความอาญาของประเทศใดดหี รอื ไม่ดี ผูบ้ รรยายรับรองว่าของเราโดยกฎหมาย
แล้วดี แต่เนื่องจากคนไปคิดให้เปลี่ยน ได้รับการเล่าเรียนมาสมัยท่ีผู้บรรยายเรียนก็ได้แต่บอกว่า
พนักงานสอบสวนมอี �ำ นาจ ๑ ถงึ ๑๐ อยั การมอี �ำ นาจ ๑ ถึง ๑๐ ศาลมอี ำ�นาจ ๑ ถึง ๑๐ แต่บอกว่า
ผตู้ อ้ งหาหรอื จ�ำ เลยมสี ทิ ธติ อ่ สคู้ ดไี ดอ้ ยา่ งเตม็ ทแ่ี ลว้ กจ็ บ ไมบ่ อกเลยวา่ มอี ะไรบา้ ง การทเี่ ราเลา่ เรยี น
มาผู้บรรยายมานกึ ถงึ ตอนท่ีผู้บรรยายไปเรียนต่างประเทศจึงพบวา่ เราเรียนแบบอ�ำ นาจนยิ ม เพราะ
ฉะนั้นคนในสงั คมมคี วามเป็นอ�ำ นาจนยิ มสงู การอ�ำ นวยความยตุ ธิ รรมกเ็ ลยเกิดปัญหา
ลักษณะของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เราจะมองว่าเป็นเรื่องให้อำ�นาจซึ่งไม่จริง
เลย กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาเป็นกฎหมายที่มีลักษณะ ๒ ประการในขณะเดยี วกนั คือ เปน็
กฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการรักษาความสงบเรยี บรอ้ ยของสังคมและเป็นกฎหมายทค่ี ุม้ ครองสิทธิ ถ้า
ท่านไปอ่านกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้สอดรับกับหลักท่ีดีที่ผู้บรรยายมาว่านี้ จะเห็นเลย
นะครับ เช่นเขาบอกว่าห้ามมิให้จับเว้นแต่ เขาไม่ได้บอกว่ามีอำ�นาจจับนะ ห้ามมิให้จับเว้นแต่เป็น
การรองรับโดยหลักกฎหมาย หรือห้ามเข้าไปในบ้านในเคหสถานเว้นแต่ กฎหมายเขียนลักษณะนี้
ท้งั สิน้ แต่เราคดิ ว่าเป็นเรือ่ งอำ�นาจ จริง ๆ คำ�วา่ อำ�นาจควรจะใชค้ ำ�วา่ “อำ�นาจหน้าท”่ี มากกวา่ เรา
มีอ�ำ นาจหน้าท่ีท่จี ะท�ำ อะไร แตถ่ า้ เปน็ อ�ำ นาจเราอาจจะหลงได้ เราก็อาจจะใชเ้ กินเลย ทีนี้ลกั ษณะ
ทง้ั ๒ ประการนน้ั ตอ้ งสมดลุ กนั หากเราเนน้ มากไปในเรอื่ งสทิ ธเิ สรภี าพ การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย
กจ็ ะเสยี แตถ่ า้ เรารกุ รานสทิ ธเิ สรภี าพมากคนกจ็ ะแย่ ฉะนนั้ จะตอ้ งท�ำ อยา่ งไรใหส้ มดลุ และผบู้ รรยาย
คดิ วา่ ของเรากด็ นี ะ เชน่ การสอบสวน มาตรา ๑๓๐ เขาบอกวา่ ใหเ้ รม่ิ ท�ำ การสอบสวนโดยไมช่ กั ชา้ จะ
กระท�ำ ทใ่ี ด เวลาใดกไ็ ดแ้ ลว้ แตจ่ ะเหน็ สมควรโดยผตู้ อ้ งหาไมจ่ �ำ ตอ้ งอยดู่ ว้ ย แตใ่ นทางปฏบิ ตั ทิ พ่ี บเหน็
พอจะเรมิ่ สอบสวนกเ็ รมิ่ อยากจะไดต้ วั บคุ คลมาอยใู่ นอ�ำ นาจรฐั แลว้ ทง้ั ๆ ทก่ี ารรวบรวมพยานหลกั ฐาน
ยงั ไมค่ ่อยสมบูรณเ์ ท่าทค่ี วร อนั นีเ้ ราก็เริม่ ผิดแล้ว ในต่างประเทศหากเขาจะจบั เมอ่ื เป็นอนั แน่นอน
วา่ เรอื่ งจะไปสู่ศาล ยงิ่ คดใี หญ่เขาจะทำ�ใหเ้ งียบทีส่ ุด ผบู้ รรยายเคยไปญ่ปี นุ่ อยั การญปี่ ่นุ เขาบอกว่า
ถ้าคดีใหญ่จะไม่รู้เลยว่าใครสอบสวน ของเราน่ีออกมาให้สัมภาษณ์กันเป็นตุเป็นตะแต่พอคดีมาถึง
อยั การ อัยการสัง่ ไม่ฟอ้ งกเ็ ลยหน้าแตก ฉะนน้ั ตอ้ งท�ำ อยา่ งมีความรอบคอบเพื่อให้เกิดความเชือ่ ม่นั
ถา้ ฟอ้ งไปแลว้ ของญป่ี นุ่ นผี่ บู้ รรยายเคยอา่ นเจออยั การญปี่ นุ่ เขาฟอ้ งไปศาลลงโทษ ๙๙.๖๑% ของเรา
ถ้าจำ�เลยปฏิเสธ ผู้บรรยายเข้าใจว่า ๕๐/๕๐ ยิงกันในผับต่อหน้าคนต้ังเยอะยังยกฟ้องเลยอย่างนี้
เปน็ ต้น แสดงวา่ กระบวนการยุตธิ รรมไทยยังแย่
หลักในการดำ�เนินคดี ผู้บรรยายต้องพูดถึงการดำ�เนินคดีแพ่งเพื่อเปรียบเทียบให้เห็น
ความแตกต่าง การดำ�เนินคดีแพง่ ใชห้ ลกั ความตกลง (Negotiation Principle) ในภาษาเยอรมัน
เรยี กวา่ Verhandlungsgundsat คอื วา่ คกู่ รณตี อ่ รองกนั ได้ เชน่ ผบู้ รรยายกเู้ งนิ ทา่ นไปแลว้ ไมใ่ ช้ ทา่ น

24 อยั การนิเทศ

กฟ็ อ้ งผบู้ รรยาย ทา่ นเหน็ หนา้ ผบู้ รรยายเซยี ว ๆ ทา่ นกบ็ อกอาจารยเ์ อามา ๑๐ บาท ผบู้ รรยายยอมจา่ ย
ก็จบ แต่ถ้าเป็นคดีอาญาจบไม่ได้ เพราะคดีอาญาเป็นเรื่องตรวจสอบเพื่อเอาผิด ดังนั้น คดีแพ่ง
เมอื่ เปน็ เรอ่ื งของการตกลงศาลกว็ างเฉย การวางเฉยของศาลกเ็ ปน็ เรอ่ื งปกตขิ องคดแี พง่ คดแี พง่ เปน็
เรอ่ื งภาระของคกู่ รณที จ่ี ะเอาพยานมาสศู่ าลและจะตอ้ งพสิ จู นใ์ หศ้ าลเชอื่ ฝา่ ยตน แตค่ ดอี าญาเปน็ เรอื่ ง
ของการตรวจสอบแต่คดแี พง่ กไ็ มใ่ ชว่ ่าเป็นเร่ืองของการตกลงกันหมด ถา้ เป็นคดีที่เกีย่ วข้องกบั สว่ น
รวมศาลก็จะต้องดำ�เนินคดีเหมือนคดีอาญาเป็นการตรวจสอบเหมือนกัน ตรวจสอบคือตรวจสอบ
ความจรงิ เชน่ จะตงั้ ใครเปน็ ผปู้ กครองเดก็ มใิ ชส่ กั แตว่ า่ ไมม่ คี นคดั คา้ น ศาลจะตอ้ งดวู า่ คนนนั้ เหมาะสม
หรือไม่หรือคดีที่เก่ียวกับกรรมสิทธ์ิในท่ีดินก็ต้องดูว่าความจริงเป็นอย่างไร สมมุติท่านมีที่ดินหลาย
แปลง แปลงท่ีท่านมีบ้านอยู่คงไม่มีใครมาบุกรุกโวยวาย แต่ถ้าเป็นที่ดินแปลงอื่น ท่านไปดูทุกวัน
หรอื กเ็ ปลา่ ทกุ ปไี หม ทกุ สบิ ปหี รอื กเ็ ปลา่ พอทา่ นอยากจะขายปรากฏวา่ มนั เปน็ ของผอู้ น่ื ไปเสยี กอ่ น
แลว้ เปน็ ของผอู้ ่ืนไป เขาเรยี กวา่ เปน็ ครอบครองปรปกั ษ์ ท่านลองนึกถึงคดีของท่านพระพยอม ท่าน
พระพยอมมีความรู้สึกว่า เอ๊ะมันยังไง ความจริงมีปัญหา คดีน้ีถ้าเราจะว่ากันให้ถึงแก่นก็แปลกอยู่
คดแี พง่ เปน็ เรอ่ื งของการตอ่ สกู้ ม็ หี นา้ ทน่ี �ำ สบื แนน่ อน หนา้ ทน่ี �ำ สบื เดย๋ี วนไี้ มไ่ ดเ้ รยี กวา่ หนา้ ทน่ี �ำ สบื แต่
เรยี กวา่ ภาระการพสิ จู น์ คอื ภาระทจี่ ะตอ้ งน�ำ พยานหลกั ฐานมาเสนอ รวมทง้ั ภาระทจี่ ะตอ้ งพสิ จู นใ์ ห้
ศาลเชือ่ ภาระการพสิ ูจน์จงึ มี ๒ อยา่ ง แตก่ อ่ นเราเรยี กหน้าทีน่ �ำ สบื เดยี๋ วนเ้ี ราเรียกภาระการพสิ จู น์
ความจริงเรอื่ งเดยี วกนั คนแกก้ ฎหมายกแ็ กไ้ ปแกม้ าในส่ิงท่เี ขา้ ใจกนั ดแี ลว้ แก้ไปแก้มาทำ�ให้ฉงนว่า
มนั ใชข่ องเก่าหรือไม่ ผู้บรรยายไปดูแล้วของเก่าน่นั เอง
หลกั การด�ำ เนนิ คดอี าญาใช้หลกั การตรวจสอบ(ExaminationPrinciple) เยอรมนั เรยี กวา่
Untersuchungrundsatz คดีอาญาเป็นเรื่องที่จะต้องทำ�ให้เกิดความเชื่อถือในองค์กรสอบสวน
และองคก์ รตัดสิน ท้งั สององคก์ รตอ้ งสรา้ งความเชอ่ื ถือศรัทธา ทีนค้ี วามเช่ือถอื ศรทั ธาของทางท่าน
โดยเฉพาะท่านที่เป็นอัยการทหารหรือเป็นนายทหารพระธรรมนูญท่านจะทำ�อย่างไร ผู้บรรยาย
คิดว่า ท่านจะสร้างความเชื่อถือศรัทธาก็คือว่าการตรวจสอบอำ�นาจฟ้องต้องทำ�ให้ดี หลาย ๆ
ประเทศเขามีวิธีการแตกต่างกัน อย่างเช่น สหรัฐอเมริกาไม่ใช่เปิดการพิจารณาได้เลย เขาต้อง
ผ่าน Grand Jury ผ่านการกลั่นกรองให้ดี Grand Jury อนุญาตแล้วถึงจะเข้าสู่การพิจารณาได้
ส่วนในระบบของทางยุโรป ต้องมีการแนบสำ�นวนการสอบสวนพร้อมฟ้องให้ศาลตรวจดูได้ การ
สอบสวนมีความสมบูรณ์จึงจะมีการประทับฟ้อง ส่วนตามระบบของไทยเรา เราไม่ได้ส่งสำ�นวน
การสอบสวน แต่เรามีมาตรการและเป็นมาตรการที่หลงลืม คือ มาตรการไต่สวนมูลฟ้องก่อน
การประทับฟ้อง เราไม่ค่อยทำ�กัน เท่าที่ปรากฏในประวัติที่จารึกไว้ ตอนท่ีผู้บรรยายทำ�งานอยู่
ผู้บรรยายพบครั้งเดียวคืออัยการในจังหวัดในภาคอีสานฟ้องว่า จำ�เลยบุกรุกเข้าไปในโรงแรม ศาล
บอกว่าโรงแรมเป็นที่สาธารณสถานจะบุกรุกได้อย่างไร ศาลไต่สวนได้ความว่าเป็นท่ีท่ีเขากันไว้
สำ�หรับเจา้ ของ แตโ่ ดยท่ัวไปเราไม่ไดล้ งไปดูในเนอ้ื หาว่ามอี ะไรอย่ใู นนนั้ หรอื เปล่า ตอนทผ่ี ูบ้ รรยาย
เป็นอัยการสูงสุด ผู้บรรยายเคยปรารภกับศาลว่าคดีของอัยการถูกยกฟ้องมาก ท่านช่วยไต่สวน

อยั การนเิ ทศ 25

มูลฟ้องให้ที เพื่อท่ีจะได้เฉ่งไปท่ีตำ�รวจได้ การสั่งไต่สวนมูลฟ้องอัยการไม่เสียหายเลย แล้ว
ผู้บรรยายก็มาบอกน้อง ๆ บอกว่าต่อไปน้ีถ้าศาลที่ไหนสั่งไต่สวนมูลฟ้อง ผู้บรรยายต้องเข้าไปดูแล
ใกล้ชดิ เพราะผบู้ รรยายจะไปดวู า่ ศาลท่านสงั่ ดไี หม จะดวู า่ เปน็ เร่ือง Conflict ระหว่างบุคคลหรือ
ไม่ ผ้บู รรยายจะได้แก้แต่ละอย่าง ถ้าศาลทา่ นสัง่ ถูก ผู้บรรยายจะไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ เพ่ือประโยชน์เวลา
โยกย้ายอะไรต่าง ๆ ผู้บรรยายจะได้เอาไว้เป็นข้อมูล แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องหาวิธีแก้อ่ืนเพ่ือไม่ให้เกิด
ความเสยี หาย การไตส่ วนมลู ฟอ้ งจรงิ ๆ แลว้ เปน็ เรอ่ื งใหญ่ แมแ้ ตผ่ เู้ สยี หายฟอ้ งจะเหน็ ไดว้ า่ ผเู้ สยี หาย
ฟอ้ งเราใชข้ น้ั ตอนการไตส่ วนมลู ฟอ้ งกอ่ นประทบั ฟอ้ งเบาบางมากเลย อนั ทจี่ รงิ การทศ่ี าลจะประทบั
ฟ้องไว้ต้องเกอื บจะลงโทษได้แล้ว ควรจะเปน็ อยา่ งนน้ั แตข่ องเราเพยี งไต่สวนปากเดยี วก็รับ แล้วก็
ไปอยู่ในศาลสู้กนั ไปส้กู ันมาพอ ๓ ปี ๔ ปี ผพู้ พิ ากษาเปล่ียนหนา้ กันไปจนกระท่ังผตู้ ัดสนิ สดุ ทา้ ยไม่
ไดส้ มั ผัสพยานแม้แตป่ ากเดียวก็มี นน่ั คือในอดีต ปัจจุบนั กค็ อ่ นข้างยาก ในกรณีทอี่ ยั การฟอ้ งศาลก็
ตอ้ งพจิ ารณาเรอื่ งไตส่ วนมลู ฟอ้ งดว้ ย ผบู้ รรยายคดิ วา่ ศาลทหารทา่ นกต็ อ้ งดบู า้ งเหมอื นกนั ถา้ สมมตุ ิ
ว่าอัยการมณฑลทหารบกน้ีฟ้องมาก่ีเร่ืองยกไป ๕๐/๕๐ หรืออะไรนี่ ผู้บรรยายว่า ๘๐ ก็แย่แล้ว
เพราะควรจะ ๙๐ ข้ึนไป ตอ้ งลงโทษแน่นอน แต่ถา้ มา ๖๐, ๗๐ ต้องสงั่ ไต่สวนมลู ฟอ้ งแล้ว เราต้อง
อ�ำ นวยความยุตธิ รรมอย่างนี้ เราจึงเรียกวา่ นติ ิธรรม ทนี ้ีในกระบวนการยตุ ิธรรมของรฐั ตอ้ งมคี วาม
เชอื่ ถอื ได้ จะทำ�อยา่ งไร การบรรยายฟอ้ งความจรงิ แลว้ เราทำ�กนั ผดิ มาตลอด เพราะเราบรรยายฟอ้ ง
เพียงแค่ใหค้ รบองคป์ ระกอบของความผิดทีเ่ ราฟ้อง จริง ๆ แล้วกฎหมายอกี อย่างหน่ึง มาตรา ๑๕๘
(๕) บอกว่าฟ้องต้องทำ�เป็นหนังสือและต้องมีการกระทำ�ทั้งหลายที่อ้างว่าจำ�เลยได้กระทำ�ความผิด
ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเก่ียวกับการกระทำ�นั้น ๆ อีกทั้งบุคคลและส่ิงของที่เกี่ยวข้องด้วยพอ
สมควรเท่าที่จะทำ�ให้จำ�เลยเข้าใจข้อหาได้ดี ในกรณีหมิ่นประมาทต้องแนบหรือบรรยายมาว่า ที่
หมน่ิ ประมาทเปน็ อยา่ งไร เหน็ ไหมครบั วา่ เขาใหบ้ รรยายขอ้ เทจ็ จรงิ แตเ่ ราไมบ่ รรยายขอ้ เทจ็ จรงิ ศาล
ก็เลยไมร่ ูว้ า่ ขอ้ เท็จจริงคืออะไรเป็นอยา่ งไร จะไป Active ก็ไมไ่ ด้ แตค่ วามจริงท�ำ ไดน้ ะถา้ เราเข้าใจ
ถ้าเคยบรรยายอยา่ งทีก่ ลา่ วเรากเ็ ปลีย่ นใหม่ ของฝ่ายทหารนา่ จะทำ�ใหเ้ ป็นแบบอย่าง ผู้บรรยายคดิ
วา่ ทางพลเรอื นเขาจะไดต้ าม เพราะพลเรอื นสอนกนั ยาก ทหารมวี นิ ยั มนั ท�ำ งา่ ย และอยากใหเ้ กดิ ถา้
เราบรรยายมาสมบรู ณจ์ �ำ เลยกเ็ ขา้ ใจกต็ อ่ สคู้ ดไี ด้ เชน่ เราบอกวา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ไดค้ วามวา่ เปน็ การปอ้ งกนั
เกนิ กวา่ เหตุ เวลาเราฟอ้ งจรงิ เราไมไ่ ดบ้ รรยายขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ ปอ้ งกนั เกนิ กวา่ เหตุ เราบรรยายเหมอื น
กบั ฆา่ คนตายจะไปรู้ได้อย่างไร ไปรูอ้ กี ทีกเ็ สยี เวลาไปมากแล้ว คือจรงิ ๆ ถา้ บรรยายมาศาลท่านเหน็
ข้อเทจ็ จริงอย่างนี้ไมใ่ ชป่ ้องกันเกนิ กว่าเหตหุ รอกเป็นปอ้ งกันพอสมควรแก่เหตกุ ย็ กฟ้องได้เลย มันมี
กระบวนการทจี่ ะท�ำ แตเ่ ราไมค่ อ่ ยไดท้ �ำ ท�ำ ไมตอ้ งบรรยายอยา่ งนน้ั เมอื่ บรรยายอยา่ งนนั้ กห็ มายความ
วา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏในฟอ้ งกเ็ ปน็ ขอ้ หาทต่ี อ้ งพสิ จู นใ์ นศาล ขอ้ หาทตี่ อ้ งพสิ จู นใ์ นศาลเขาบอกวา่ จะ
ออกนอกทางไมไ่ ดน้ ะครบั มาตรา ๑๙๒ ทที่ า่ นศกึ ษามาแลว้ บอกวา่ หา้ มมใิ หศ้ าลพพิ ากษานอกเหนอื
ขอ้ เทจ็ จรงิ ทก่ี ลา่ วในฟอ้ ง กฎหมายเรารบั กนั หมดเลย แตเ่ รามาแกม้ าตรา ๑๙๒ จนเละเทะของดง้ั เดมิ
จรงิ ๆ ดอี ยแู่ ลว้ เราไมเ่ ขา้ ใจฟอ้ งวา่ ลกั ทรพั ยไ์ ดค้ วามวา่ ยกั ยอกยกอะไรอยา่ งน้ี formality เกดิ ขน้ึ เยอะ

26 อัยการนิเทศ

ในกระบวนการยุตธิ รรมของเราซ่งึ ไม่ใช่เปน็ สิ่งทเี่ ปน็ เนอื้ หา การบรรยายฟอ้ งผบู้ รรยายวา่ ทา่ นนา่ ไป
ท�ำ ใหถ้ กู กน็ า่ จะดมี าก วา่ ง ๆ ผบู้ รรยายจะมาใหค้ วามรกู้ จ็ ะดเี หมอื นกนั อยั การจะตอ้ งสรา้ งความเชอ่ื ถอื
ศรทั ธาแก่ศาล คอื มี Accountability เพราะมฉิ ะนนั้ ศาลอาจส่ังไต่สวนมลู ฟอ้ งได้ อยั การมใิ ชฟ่ อ้ ง
มาฟ้องไปด่วนมาด่วนไป ไม่ใช่แบบน้ัน เพราะหากอัยการฟ้องไป ท่ีผู้บรรยายเรียนแล้วว่า โอกาส
ที่จะติดคุกมีมาก และกระบวนการยุติธรรมอย่างนี้จึงจะมีประสิทธิภาพ ในญ่ีปุ่นเม่ือสองสามวันน้ี
นะครับ รัฐมนตรีเกษตรยงิ ตวั ตาย ที่ฆ่าตวั ตายเพราะตามพื้นฐานของคนญ่ปี ุ่นเขาอยู่อยา่ งไร้เกยี รติ
เขาอยูไ่ ม่ได้ แต่ถา้ เขาไมฆ่ ่าตัวตายผบู้ รรยายรับรองได้ติดคุกแน่ เพราะอยั การเขาไม่เคยยกเว้น หรือ
ประธานาธิบดีนิกสัน ผู้บรรยายคิดว่าถ้าไม่นิรโทษกรรมเสียก่อนคงจะไปนอนกินข้าวแดง เพราะ
ว่าเขาตั้ง Special Prosecutor สอบสวนและผลทำ�ท่าไม่ดี ประธานาธิบดีจอห์นสันก็เลยนิรโทษ
กรรมให้ เห็นหรือไม่ ประเทศทีก่ ระบวนการยตุ ธิ รรมท่ดี ีมีประสทิ ธภิ าพ ผบู้ รรยายกลา่ วว่าป้องกนั
การยึดอำ�นาจได้ โดยเฉพาะสังคมไทยทุกครั้งท่ีมีการยึดอำ�นาจจะอ้างเรื่องทุจริต แต่หลายครั้ง
ไมเ่ ปน็ มรรคเปน็ ผล คดที จุ ริตท่สี นามบนิ สุวรรณภูมจิ ะส�ำ เร็จหรือไมก่ ็ไม่รู้ ลองตดิ ตามดูกแ็ ล้วกนั
การตรวจสอบอ�ำ นาจฟอ้ งของอยั การเปน็ การตรวจสอบทง้ั ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ กฎหมาย เพราะ
บางทกี ารบรรยายมาไมผ่ ดิ กฎหมายกไ็ ด้ จ�ำ เลยหรอื ผตู้ อ้ งหาเขาบอกวา่ ทท่ี ำ�อยา่ งนไี้ มผ่ ดิ หรอก ไปดซู ิ
บทความของอาจารย์นั้นอาจารย์นีด้ ู พอเขา้ ไปดูกใ็ ช่ ก็จะจบเลย แตข่ องเราไม่ ต้องไปสกู้ ันในศาลเอา
อยั การตอ้ งตรวจสอบความจรงิ อยา่ งมคี วามเปน็ ภาววสิ ยั อนั นคี้ อื หวั ใจของหลกั นติ ธิ รรม
ของอยั การ ถ้าอัยการทำ�งานดว่ นมาด่วนไปอะไรต่าง ๆ กไ็ ม่ใชก่ ารอำ�นวยการความยตุ ธิ รรมที่ดี
ศาลต้องตรวจสอบความจริงในคดีที่ส่ังประทับฟ้องไว้แล้วอย่างกระตือรือร้น (Active)
และตอ้ งประกนั ความบรสิ ทุ ธข์ิ องจ�ำ เลยดว้ ย พอบอกวา่ ประกนั ความบรสิ ทุ ธกิ์ อ็ าจจะงง ผบู้ รรยาย
ก็เคยมีคนมาขอความเป็นธรรมจากผู้บรรยายให้ผู้บรรยายถอนฟ้อง ผู้บรรยายบอกว่าผู้บรรยายจะ
ถอนไปไดอ้ ยา่ งไร คุณดูซิมาตรา ๓๕ เขาบอกวา่ การถอนฟอ้ ง ศาลจะอนญุ าตหรอื ไม่อนญุ าตก็ได้
แล้วแต่จะเห็นสมควรประการใด การถอนฟ้องเป็นความรับผิดชอบระหว่างศาลกับอัยการร่วมกัน
เขายังบอกต่อไปว่าถ้าย่ืนคำ�ให้การแล้วให้ถามว่าคัดค้านไหม ถ้าคัดค้านอนุญาตไม่ได้ ผู้บรรยาย
คิดว่าบางทีเราต้องไปอ่านกฎหมายกันเสียใหม่เหมือนกัน อนุญาตไม่ได้หมายความว่าอย่างไร
ศาลเขา Protect ความบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงในบ้านเราถ้าอัยการถอนฟ้องต่อศาล ถามว่า
จำ�เลยจะคัดค้านหรือไม่ ผู้บรรยายเช่ือว่าทุกคนไม่คัดค้านหรอก เพราะว่าคัดค้านไปแล้วก็ไม่มั่นใจ
ว่าจะได้รับการยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง นั่นเป็นลักษณะแสดงให้เห็นว่ากฎหมายเราดี แต่ว่า
ทางปฏบิ ตั เิ ราอาจจะยงั ไมเ่ ขา้ ใจกฎหมายทำ�ใหก้ ระบวนการยตุ ธิ รรมเราเปน็ Formal Justice แทนท่ี
จะเปน็ Material Justice นี่กย็ งั เปน็ ปัญหาอยู่
ความรบั ผดิ ชอบของอยั การ เราจะเหน็ วา่ อยั การแบกความรบั ผดิ ชอบมาก นท่ี างนกั วชิ าการ
พูดนะ ไม่ได้ถามว่ามีความรับผิดชอบจริงหรือไม่ ประการแรก อัยการรับผิดชอบในความถูกต้อง
ชอบดว้ ยกฎหมายของการสอบสวน มกี ารดแู ลในเรอ่ื งคดคี วาม การแจง้ ขอ้ หาเปน็ มายงั ไงรบั ผดิ ชอบ

อยั การนเิ ทศ 27

ในความชอบดว้ ยระเบยี บของการสอบสวน ในประการตอ่ มารบั ผดิ ชอบในความละเอยี ดรอบคอบของ
การสอบสวน ตอ้ งละเอยี ดรอบคอบในประการทสี่ าม ตอ้ งท�ำ ใหส้ นิ้ กระแสความจรงิ ๆ ในการท�ำ งาน
ของเราบางทเี รารบี เรง่ เปน็ อยั การพลเรอื นมกั รบี เรง่ เพราะกงั วลวา่ จะครบขงั อยา่ งนี้ ผบู้ รรยายเหน็ วา่
ท�ำ ไม่ได้ เม่ือจะครบขังแล้ว ถา้ ยังไม่สมบูรณก์ ต็ ้องรอต้องทำ�ใหล้ ะเอยี ดนะครบั คือ ความรับผดิ ชอบ
ประการท่สี ี่ คอื รบั ผดิ ชอบในการเชือ่ ถอื ไดข้ องการสอบสวน ปล่อยกป็ ลอ่ ยไป ตอ้ งมีความเชื่อถือวา่
สงิ่ ทท่ี �ำ ไปตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบมคี วามยตุ ธิ รรมเพยี งพอ จะเหน็ วา่ ความรบั ผดิ ชอบอยั การเปน็ อยา่ งไร
รับผดิ ชอบสงู มาก ในประเทศเยอรมนั เขาบอกว่า อยั การรบั ผิดชอบมากกวา่ ศาลเสียอกี เขาอธบิ าย
อยา่ งนเ้ี ขาบอกวา่ ศาลนป้ี กตไิ มท่ �ำ คนเดยี ว ท�ำ สองคนความรบั ผดิ ชอบกแ็ บง่ กนั ไปคนละครงึ่ ถา้ ๓ คน
ก็ ๑ ใน ๓ ถา้ ๕ คนก็ ๑ ใน ๕ แตอ่ ยั การนเี้ ตม็ เปาเลย เขาบอกวา่ อาชพี อยั การมนั แบกความรบั ผดิ ชอบ
ไว้สูงเหลือเกินเพราะส่ังคดีคนเดียว การส่ังคดีกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลทำ�ให้ผู้อ่ืนเสียหาย
แต่คนทัว่ ไปท�ำ ผดิ กเ็ ข้าไปในโบสถ์ เข้าไปสารภาพบาปกบั หลวงพ่ี หลวงพ่กี บ็ อกว่า ลูกต่อไปกด็ ใู หด้ ี
หนอ่ ย เขาบอกวา่ ของอยั การไปปรบั ทกุ ขก์ บั ใครไมไ่ ดเ้ ลย ไปปรบั ทกุ ขพ์ ดู กบั ภรรยากไ็ มไ่ ด้ อยั การจะ
ตอ้ งดแู ลความสามารถในการตอ่ สคู้ ดขี องผตู้ อ้ งหาดว้ ย ความจรงิ อยั การเราจะไมค่ อ่ ยไดเ้ จอผตู้ อ้ งหา
ตามปกติวันทเ่ี ราเจอวนั แรก คือ วนั ทเี่ ปน็ จำ�เลยและปรากฏตัวตอ่ หนา้ ศาล ในวันท่ีศาลเรยี กเข้าไป
ถามคำ�ให้การ เขาก็เจอกับอัยการนะครับ ตอนท่ผี ู้บรรยายรบั ราชการท่ีจงั หวดั ภูเกต็ มคี ดเี ร่อื งหนึ่ง
ไดค้ วามวา่ ผตู้ อ้ งหาในคดที ผี่ บู้ รรยายฟอ้ งนใี้ นคนื วนั เกดิ เหตตุ �ำ รวจไปพบอมุ้ ไกอ่ ยกู่ ลางถนน ปรากฏ
วา่ ไก่ชาวบา้ นตัวนห้ี ายไป เราไมร่ วู้ ่าเขาไปรบั มาหรือไปลกั เอามา จึงฟอ้ งวา่ ลักทรัพย์หรือรบั ของโจร
ทนี พ้ี อไปศาลตอนนัน้ ผบู้ รรยายก็ไมม่ คี วามรู้อะไรลึกซึ้ง ผบู้ รรยายก็เพง่ิ จบนิติศาสตรเ์ ปน็ อยั การมา
ได้ ๓ – ๔ ปี ศาลกถ็ ามจ�ำ เลยว่า “เขาหาว่าเราลักทรพั ย์หรือรับของโจรจะว่าอยา่ งไร” จ�ำ เลยกต็ อบ
ว่า “ครบั ” ตอบอย่างหนา้ ระรนื่ ยิ้มแยม้ แจ่มใส “ลักทรัพย์หรือ” “ครบั ” ยิ้มอีก “หรอื รบั ของโจร”
“ครับ” ยิม้ อีก นเ่ี รื่องจริงทเี่ กดิ ข้นึ ในคดีของผู้บรรยายเอง ในการทำ�งานของเรากอ็ ยากให้เสร็จ แต่
เสรจ็ มหี ลายเสรจ็ เสรจ็ กบั ส�ำ เรจ็ เปน็ คนละอยา่ ง เสรจ็ คอื เสรจ็ ไปตามขนั้ ตอน ส�ำ เรจ็ คอื ฟอ้ งไดถ้ กู ตอ้ ง
และไดผ้ ล ในคดีท่เี ล่ามาน้ี ศาลกเ็ ปรยขึน้ ว่า “เอางี้นะโจทก์ ลงโทษฐานรับของโจร” ผูบ้ รรยายกไ็ ม่
ไดต้ อบว่า “ครบั ” หรอก เพราะวา่ เปน็ อ�ำ นาจของศาล ผ้บู รรยายไมไ่ ดพ้ ดู อะไร ท�ำ ไมศาลจะลงโทษ
ฐานรับของโจรก็เพราะความผิดฐานรับของโจรนั้นจ�ำ คุกไม่เกิน ๕ ปี แต่ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
จำ�คกุ ไม่เกิน ๕ ปี เหมือนกนั แต่มีโทษขน้ั ตํา่ เป็นกรณีการฟอ้ งใหล้ งโทษซึง่ ศาลต้องเลอื กลงโทษฐาน
ท่เี บา ศาลก็ลงโทษฐานรับของโจร พอผู้บรรยายไปเรียนทีเ่ ยอรมัน ตายล่ะ ไมไ่ ดด้ แู ลความสามารถ
ในการต่อส้คู ดขี องเขาเลย เพราะน่าเช่ือว่าจำ�เลยวกิ ลจริต ในเรอ่ื งท่ีผบู้ รรยายเลา่ นี้ ผบู้ รรยายบอก
ไดเ้ ลยว่า ผูต้ อ้ งหาคนน้สี ตไิ ม่ดแี น่ ๆ คือคนไมส่ มบูรณท์ างด้านจติ ถา้ ผู้บรรยายจะทำ�อย่างมีความ
รับผิดชอบก็จะต้องบอกศาลให้ส่งต่อให้ผู้ตรวจสุขภาพจิต เร่ืองน้ีมีเขียนไว้ในมาตรา ๑๔ ว่าในช้ัน
พิจารณาในช้ันสอบสวนถ้ามีประเด็นวิกลจริต ให้ส่งไปให้หมอตรวจได้ ถ้าเขาวิกลจริตจริง ๆ ต้อง
พกั คดไี ว้ ขณะเขาท�ำ ผดิ ขณะเขาวิกลจรติ ก็ต้องไมฟ่ ้อง หรือระหว่างด�ำ เนนิ คดถี ้าเขาเกดิ วิกลจรติ

28 อยั การนเิ ทศ

ขึน้ มากต็ ้องพักคดไี ว้ ผูบ้ รรยายไม่ไดท้ ำ� ท่านผู้พิพากษาเองกไ็ มไ่ ด้ท�ำ ผบู้ รรยายก็บกพรอ่ งอย่างแรง
คือแทนที่จะแถลงให้ท่านศาลดำ�เนินการตามมาตรา ๑๔ ผู้บรรยายก็เลยบกพร่อง แต่ก็บกพร่อง
โดยสจุ ริตนะ ทนี ้ใี นการให้เขาดูแลนี้ จะต้องดูวา่ หลกั ฐานท่ีไดม้ าโดยชอบหรอื ไมช่ อบ ข้ออ้างก็ตอ้ งดู
เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมมากทส่ี ดุ นคี่ อื หลกั นติ ธิ รรมผตู้ อ้ งหาของเรา สงั เกตดผู ตู้ อ้ งหาทเี่ ปน็ ผใู้ หญ่
มักจะกล่าวว่าไม่ขอให้การจะขอให้การช้ันศาล เขาขอให้การชั้นศาลเม่ือไหร่แสดงว่าเขาไม่แน่ใจว่า
กระบวนการยุติธรรมของเราจะให้ความเป็นธรรมได้ ความจรงิ ถ้าเขาใหก้ ารชน้ั สอบสวนแลว้ มเี งือ่ น
แงท่ ี่จะตรวจสอบไดต้ รวจสอบตงั้ แตต่ น้ และเมอื่ ที่สดุ คดีกอ็ าจไมถ่ งึ ศาล แต่ที่จริงแลว้ เป็นเร่ืองทเ่ี ขา
ไม่ไว้ใจกระบวนการสอบสวนอยแู่ ลว้ เขาจะไว้ใจอยา่ งไร
สรปุ ว่าการจะให้เกดิ หลกั นิติธรรมจริง ๆ พนกั งานอัยการต้องทำ�ดงั นี้
๑. พนักงานอยั การต้องมีหนา้ ทีด่ ูแลรักษาความสงบเรยี บร้อย ในขณะเดยี วกนั มหี น้าท่ี
ในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องทำ�สองอย่างนี้ให้ดีด้วยให้ส�ำ เร็จไม่ใช่เพียงแค่เสร็จ
มนษุ ย์เราจริง ๆ แล้วมีความตอ้ งการอยู่ ๒ อยา่ ง คอื เราต้องการปจั จยั ๔ ในการอยู่รอด กบั ส่ิงที่เรา
ตอ้ งการอีกอย่างหนง่ึ คอื ปัจจยั ไม่ใช่ทาง objective แต่ส่ิงทเี่ ปน็ subjective ความตอ้ งการของ
มนษุ ยด์ งั กลา่ วน้ี คอื ตอ้ งการความเปน็ ธรรม ถา้ เราไดป้ จั จยั สแ่ี ลว้ ไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมน้ี กช็ อกชาํ้
เวลาพูดเร่ืองนี้ผู้บรรยายนึกถึงคุณยายไฮเสมอ คุณยายท่านสู้หัวชนฝา ในเรื่องความยุติธรรม
กระบวนการยุติธรรมน้ีในประเทศท่ีกระบวนการยุติธรรมดีจะเอ้ือต่อการพัฒนาสังคมได้ดี รวมท้ัง
เออ้ื ตอ่ ทางดา้ นเศรษฐกจิ ดว้ ย กระบวนการยตุ ธิ รรมถา้ ไมด่ ี ผบู้ รโิ ภคกจ็ ะรบั กรรม เพราะกระบวนการ
ยตุ ิธรรมไมด่ จี ะก่อความเสียหายมาก ถา้ ดกี ป็ ้องกนั การท�ำ ไม่ดไี ด้ แตถ่ า้ ท�ำ ไมด่ ี ก็อาจจะย่งุ การให้
ความเป็นธรรมทำ�ให้เกิดความสงบ ไม่ต้องออกประท้วงเพื่อให้เกิดความไม่สงบ อยากจะฝากให้
เหน็ วา่ กรมพระธรรมนญู สามารถน�ำ รอ่ งได้อย่างดี โดยไม่ตอ้ งแกก้ ฎหมายเลย เพยี งแตจ่ ัดระบบให้
ดีเพื่อใหเ้ กิดความยตุ ิธรรม
๒. พนักงานอัยการต้องมีความเป็นกลาง ไม่ใช่เข้าข้างใครต่อใครก็ได้ และมีความเป็น
ภาววิสัยในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี
๓. พนักงานอัยการต้องมีความรับผิดชอบ (accountability) ต่อองค์กรอ่ืนในกระบวน
การยตุ ธิ รรม และต้องมีความรับผดิ ชอบตอ่ ประชาชน (public accountability)
ถ้าทำ�ได้ ๓ อย่างนี้ ก็คงจะรู้ว่าจะดำ�เนินการอย่างไร ผู้บรรยายคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว
ศาลยตุ ธิ รรมกจ็ ะเปน็ ศาลทยี่ ุตธิ รรม มที า่ นใดจะถามหรอื ไม่
ถาม ขอเรยี นถามสัก ๒ – ๓ เรอื่ ง เชน่ เร่ืองโรงงานต่าง ๆ ปลอ่ ยน้ําเสยี แล้วประชาชนได้
รับความเสียหาย มีการไปตรวจสถานที่จนทุกวันนี้ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เรื่องคดีเชอร์ร่ีแอน
ทว่ี า่ มกี ารวเิ คราะหค์ ดเี พอ่ื ออกมาเปน็ กฎหมาย ผเู้ สยี หายในคดไี ดร้ บั ความเสยี หายอยา่ งไร และเรอ่ื ง
ของการพฒั นาคน อยากจะเรยี นถามวา่ ทา่ นผบู้ รรยายมองและมคี วามคดิ อยา่ งไรใหป้ ระชาชนไดร้ บั
ความเป็นธรรมดว้ ยนิตแิ ทนท่จี ะถกู กระท�ำ โดยนติ ิ

อัยการนเิ ทศ 29

ตอบ ผู้บรรยายคิดว่าสิ่งท่ีสำ�คัญที่สุดในกระบวนการยุติธรรม คือ กระบวนการที่จะต้อง
รว่ มมอื ในการทำ�งานต้องมีโครง มีเป้าหมายในการกระท�ำ การใช้กฎหมาย เพอ่ื น�ำ ไปปฏบิ ตั ิ แตถ่ ้า
ต่างคนต่างปฏิบัติก็จะขาดประสิทธิภาพทันที ไม่มีประเทศไหนท่ีเขาเอาไปเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้
ก็ต้องทำ�ความเขา้ ใจกนั กเ็ ป็นประเด็นท่อี ยากจะฝากไว้ อีกเรื่องหนง่ึ ทพี่ ูดถึงคดเี ชอรร์ ่ีแอน เป็นยอด
ตัวอยา่ งที่ดีทส่ี ดุ นะครบั เปน็ ส่ิงท่ีต่ืนเตน้ กนั มาก ผูบ้ รรยายจัดเสวนามาถงึ ๒ – ๓ ครั้ง เราไดข้ อ้ สรุป
มากพอสมควร แต่ว่าไม่มีใครด�ำ เนินการ เราก็ไม่ม่ันใจว่าเชอร์ร่ีแอนใครเป็นคนท�ำ อันน้ีความจริง
เราก็มีความผิดอยู่หลายด้าน ผู้บรรยายเรียนว่าไม่มีประเทศใดในโลกที่ศาลฎีกาหรือศาลสูงสุดของ
ประเทศวินิจฉัยข้อเท็จจริง เขามีแต่วินิจฉัยข้อกฎหมายท้ังน้ัน เพราะเป็น reviewcourt และเม่ือ
review ข้อกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ส�ำ คญั จ�ำ นวนผพู้ พิ ากษากต็ อ้ งน้อย อยา่ งศาลสงู สดุ สหรฐั อเมรกิ า
(Supreme Court) มีผพู้ ิพากษา ๙ คน ญ่ีปนุ่ เขามพี ลเมืองมากกว่าเราตง้ั ๒ เทา่ เขามีผู้พพิ ากษา
ศาลฎีกา ๑๕ คน เยอรมนั ก็ ๑๕ คน ในศาลเป็นเรอ่ื งใหญข่ องเรา ผ้บู รรยายไมเ่ คยพบวา่ ประเทศ
ไหนเกนิ ๑๕ คน ถา้ จะมีกอ็ าจจะเปน็ ๑ ใน ๒ ก็อาจเปน็ ไปได้ เพราะฉะนนั้ คดที ขี่ น้ึ สู่ศาลฎีกาไม่ใช่
ศาลฎีกามี ๙ คนหรือ ๑๕ คนถึงจะท�ำ งานไดด้ ี ไมใ่ ช่นะครบั เขามเี ครอ่ื งไม้เครอื่ งมือในการจัดการ
ของสหรฐั อเมรกิ าเขามี “Clerk” ซงึ่ มคี วามสามารถ ของญป่ี นุ่ เขากม็ เี ขาเรยี กวา่ “นกั วจิ ยั ” ผบู้ รรยาย
คิดว่าคนทเี่ ปน็ ผู้พพิ ากษาศาลฎีกา หรอื Supreme Court Justice หน้าท่หี ลักประการหน่งึ ก็คือ
การอา่ นหนงั สอื อ่านใหฉ้ ลาดเพอ่ื จะใชค้ วามฉลาดน้ัน ผบู้ รรยายไปเจอทีป่ ระเทศญปี่ ุ่น กไ็ ปดูงานมี
เครอื่ งมอื เครอ่ื งไม้ สะสมความรู้ ถา้ ขน้ึ เปน็ ผพู้ พิ ากษาของศาลฎกี าเขาเกษยี ณทหี ลงั นะครบั คนของ
เขาสุดยอดทัง้ น้ัน ในการทำ�งานของเรานมี้ กี ารเรียกวา่ ตกยุค ทีท่ ะเลาะกนั ตลอด ในมหาวทิ ยาลยั ก็
ทะเลาะกนั เพราะไมม่ รี ะบบ ผบู้ รรยายคดิ วา่ สรา้ งระบบไมถ่ กู ตอนทผี่ บู้ รรยายไปดงู านทญี่ ป่ี นุ่ บรรดา
ศาลฎีกาเขากพ็ ดู ตอนน้ีมคี ดีคา้ งอยูเ่ ยอะ จำ�นวนหน่ึงของเขาน้ี ผบู้ รรยายคดิ วา่ อาจจะมี ๑๐ เขา้ ใจ
ว่าไง เขาพูดออกมาค�ำ หนง่ึ จับใจผ้บู รรยายมาก เขาบอกวา่ เขาเกรงวา่ ประชาชนจะไมเ่ ชอื่ ถือศรทั ธา
ในศาลเขา ของเรานี้มีค้างมาและก็เพิ่มไม่ส้ินสุด แล้วเราก็เสียภาษีอานเลยกระบวนการยุติธรรม
น้ีแพง แล้วก็คดีเชอร์ร่ีแอนตรงเรื่องพวกนี้ ศาลชั้นต้นน้ันเห็นไปอย่างหน่ึง ศาลอุทธรณ์พิพากษา
เชอร์ร่ีแอน ศาลอุทธรณ์ไม่ได้เห็นแต่พิพากษายืน ศาลฎีกาไม่เห็นเลยแต่พิพากษากลับ ผู้บรรยาย
ถามว่าคดีความข้อเท็จจริงศาลใช้อะไรฟัง โดยเฉพาะพยานบุคคลเวลาให้การอย่างนี้ อาจจะยึกยัก
ความน่าเช่ือถือ ความสามารถในการพูดจาไม่ทราบไม่มี มันไปไหน ศาลอุทธรณ์ถ้าจะทำ�อีกต้อง
เป็นศาลท่ีมีโอกาสได้พิจารณาคดีใหม่ แต่ของเราข้ามขั้นตอนไม่ได้พิจารณา แต่อีกหลายอย่างเช่น
ความเช่ือหรือไม่เช่ือ ไม่มีหลักกระบวนการยุติธรรม ต้องปรับปรุงอีกเร่ืองหนึ่ง เพราะฉะน้ัน คดี
เชอรร์ แ่ี อน ผบู้ รรยายไมร่ หู้ รอกวา่ ความจรงิ คอื ใคร ผบู้ รรยายตอบไมไ่ ด้ ในระบบศาลฎกี าคนท่ีท�ำ คดี
เสยี หายมกี ารฟอ้ งเรยี กคา่ เสยี หายตอ้ งจา่ ย ๑๕ – ๒๐ ลา้ น ทจ่ี า่ ยไป คอื ภาษขี องเราดว้ ย ถา้ เราท�ำ ใหด้ ี
คงไมต่ อ้ งเสียภาษีมากมายขนาดน้ี ถา้ เราท�ำ ใหด้ ขี น้ึ ตอนนค้ี ดีเชอร์รีแ่ อนก็หายตน่ื เต้นกันมากข้นึ
ผู้บรรยายต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ให้โอกาสมาพูดเสวนาทางวิชาการถ้ามีอะไรที่ผู้บรรยาย
สามารถรับใช้ได้ กย็ นิ ดถี า้ มีโอกาส ขอบคณุ ครบั

30 อัยการนเิ ทศ

ข้อสังเกตบางประการเก่ยี วกบั
การทุเลาการบังคบั ตามค�ำ ส่งั ทางปกครองกบั การบรรเทาทุกข์ชั่วคราว
ตามพระราชบัญญตั ิจัดตัง้ ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒*

นิธินันท์ สขุ วงศ์**

โดยทั่วไปการฟอ้ งคดปี กครองตอ่ ศาลปกครองไม่เป็นเหตุใหม้ ีการทเุ ลาการบังคับตามค�ำ ส่ัง
ทางปกครอง๑ คำ�ส่งั ทางปกครอง๒ จึงมผี ลระหวา่ งทม่ี กี ารฟ้องคดแี ละในระหว่างการพจิ ารณาคดี
ของศาลยกเว้นแต่จะมีการขอให้ศาลสั่งทุเลาไว้ในระหว่างการพิจารณาคดี การทุเลาการบังคับทาง
ปกครองนนั้ นอกจากจะขอทเุ ลาตัวค�ำ สั่งทางปกครองได้แล้ว ยังสามารถขอทุเลาถงึ กฎได้อีกด้วย๓
นอกจากการทุเลาการบังคับตามคำ�สั่งทางปกครองหรือกฎแล้ว ก็ยังอาจใช้วิธีการบรรเทาทุกข์
ชั่วคราวได้อีก ซ่ึงการทุเลาการบังคับตามคำ�สั่งทางปกครองหรือกฎกับวิธีการบรรเทาทุกข์ช่ัวคราว
นั้น มีความแตกต่างกนั กล่าวโดยสรปุ การทุเลาการบงั คับตามค�ำ ส่ังทางปกครองหรอื กฎน้ัน จะใช้
ในกรณที ี่ค�ำ สง่ั ทางปกครองหรือกฎมผี ลหรอื อาจจะมีผลต่อผ้ฟู อ้ งคดี ผ้ฟู อ้ งคดีจึงมคี วามจ�ำ เป็นต้อง
ขอให้ศาลใหค้ วามคมุ้ ครองในระหวา่ งที่มีการพจิ ารณาค�ำ สง่ั ทางปกครองหรอื กฎทเ่ี ปน็ ขอ้ พิพาทกนั
ในศาล ส่วนวิธีการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวน้ัน การให้ความคุ้มครองไม่จ�ำ เป็นที่จะต้องเป็นผลมาจาก
คำ�สั่งทางปกครองหรือกฎเทา่ น้นั มลู เหตทุ ศี่ าลจะใหค้ วามค้มุ ครองน้ัน อาจจะมาจากการกระท�ำ ใน
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานทางปกครองหรืออาจจะมาจากการละเมิดทางปกครอง

*บทความน้ีปรับปรุงจากบทความที่ผู้เขียนได้เขียนขึ้นเพ่ือใช้ประกอบในการอภิปรายทางวิชาการ ในการจัดทำ�หลักสูตร
แนวทางการบรรยายวิชาการ การดำ�เนินคดปี กครองของพนกั งานอยั การ ของสำ�นกั งานคดปี กครอง สำ�นกั งานอัยการสงู สดุ
**นติ ศิ าสตรบณั ฑติ , เนตบิ ณั ฑติ , นติ ศิ าสตรมหาบณั ฑติ (กฎหมายมหาชน), นกั บรหิ ารกจิ การยตุ ธิ รรม (กระบวนการยตุ ธิ รรม
ทางปกครอง), อยั การจังหวัดประจำ�ส�ำ นกั งานอยั การสูงสดุ สำ�นักงานอยั การพเิ ศษฝ่ายคดปี กครอง ๒
๑ระเบยี บของทปี่ ระชมุ ใหญต่ ลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ้ ๖๙ (ทา้ ยบทความ
น้ี ซ่ึงตอ่ ไปในบทความนี้จะใชค้ ำ�ว่า ระเบยี บฯ แทน)
๒พระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๕ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้
“ค�ำ ส่งั ทางปกครอง” หมายความว่า
(๑) การใช้อำ�นาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าทีท่ ่ีมีผลเป็นการสรา้ งนิติสมั พนั ธข์ ึ้นระหวา่ งบุคคลในอนั ท่จี ะกอ่ เปลี่ยนแปลง
โอน สงวน ระงบั หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหนา้ ทข่ี องบุคคล ไม่วา่ จะเป็นการถาวรหรอื ชวั่ คราว เช่น การสั่งการ
การอนญุ าต การอนมุ ัติ การวินิจฉยั อทุ ธรณ์ การรับรอง และการรบั จดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถงึ การออกกฎ
๓พระราชบญั ญัตจิ ดั ต้ังศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญตั ินี้
“กฎ” หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถ่ิน ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ
บทบัญญตั อิ ่นื ทมี่ ีผลบงั คบั เป็นการทวั่ ไป โดยไม่มุ่งหมายใหใ้ ช้บังคับแกก่ รณใี ดหรือบุคคลใดเปน็ การเฉพาะ

อยั การนิเทศ 31

หรือความรับผดิ อย่างอื่น หรอื จากสญั ญาทางปกครองกไ็ ด้ วธิ ีการบรรเทาทกุ ข์ช่ัวคราวจะเปิดกว้าง
กวา่ การทเุ ลาการบงั คับตามค�ำ ส่งั ทางปกครองหรอื กฎ
วธิ กี ารในการขอต่อศาล การทุเลาการบังคบั ตามค�ำ ส่งั ทางปกครองหรือกฎ คู่กรณขี อได้เอง
หรอื หากศาลเห็นเองโดยไมม่ ีค�ำ ขอของคู่กรณศี าลสามารถส่งั ได๔้ สว่ นการบรรเทาทกุ ขช์ ว่ั คราวน้นั
คกู่ รณเี ทา่ นนั้ ตอ้ งขอตอ่ ศาล ไมม่ กี ฎหมายใหอ้ ำ�นาจศาลเรม่ิ หรอื สงั่ การเองได้ (เพราะเปน็ การขอเพอ่ื
คมุ้ ครองประโยชนข์ องผขู้ อเอง) การทเุ ลาการบงั คบั ตามคำ�สง่ั ทางปกครองหรอื กฎนน้ั มกี ฎหมายให้
อ�ำ นาจศาลตามขอ้ ๗๑
ในสว่ นเมอ่ื มกี ารยน่ื ค�ำ ขอจะตอ้ งยนื่ กอ่ นศาลชข้ี าดตดั สนิ คดี ไมว่ า่ จะเปน็ การทเุ ลาการบงั คบั
ตามค�ำ สงั่ ทางปกครองหรือกฎหรือบรรเทาทุกขช์ วั่ คราว ซง่ึ ไมเ่ พยี งแต่การขอในศาลปกครองชน้ั ตน้
เทา่ นน้ั การขอทง้ั สองกรณไี มม่ กี ฎหมายหา้ มมใิ หข้ อในศาลปกครองสงู สดุ ดงั นน้ั หากคดใี ดทเี่ รม่ิ ตน้ ที่
ศาลปกครองสงู สดุ หรอื เปน็ คดที อ่ี ทุ ธรณค์ �ำ พพิ ากษาหรอื ค�ำ สงั่ ศาลปกครองชนั้ ตน้ ไปยงั ศาลปกครอง
สูงสดุ ๕ คกู่ รณกี ม็ สี ิทธขิ อได้ แต่หากเปน็ การสั่งโดยศาลปกครองสงู สุดแล้ว น่าจะต้องเปน็ ทสี่ ดุ และ
เด็ดขาด ไม่อาจอทุ ธรณต์ อ่ ไปไดแ้ ลว้ แตก่ อ็ าจขอโดยอา้ งเหตแุ ละขอ้ เท็จจริงใหมไ่ ดอ้ กี เชน่ กนั
เม่ือมีการยื่นคำ�ขอต่อศาลแล้ว หากเป็นการทุเลาการบังคับฯ ในกรณีท่ีคำ�ขอเร่ิมจาก
คู่กรณี ศาลตอ้ งใหค้ ู่กรณีอกี ฝา่ ยท�ำ คำ�ชแ้ี จงแสดงพยานหลักฐาน และตอ้ งท�ำ การไต่สวน ยกเวน้ เปน็
กรณีทเ่ี ร่มิ โดยศาลเอง ไมจ่ ำ�เป็นจะตอ้ งมกี ารไตส่ วน๖ ส่วนการบรรเทาทกุ ขน์ ้ัน หากเป็นการขอใน
ศาลปกครองชน้ั ตน้ ไมม่ กี ฎหมายก�ำ หนดใหต้ อ้ งไตส่ วนกอ่ น แตใ่ นทางปฏบิ ตั นิ า่ จะตอ้ งมกี ารไตส่ วน
กอ่ น เวน้ แตก่ รณีท่ชี ัดแจง้ จรงิ ๆ อาจจะไม่ต้องไตส่ วนกไ็ ด้ และเมอื่ ศาลมีค�ำ ส่ังยกหรือไมร่ ับค�ำ ขอ
บรรเทาทกุ ขฯ์ และมกี ารอทุ ธรณ์ กฎหมายเขยี นไวเ้ สมอื นวา่ จะตอ้ งมกี ารไตส่ วนหรอื จะไมไ่ ตส่ วนกไ็ ด๗้
ขอ้ พจิ ารณาในการสง่ั ทเุ ลาการบงั คบั ฯ การบรรเทาทกุ ขฯ์ ตอ้ งพจิ ารณาถงึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี
นนั้ นา่ จะไมช่ อบดว้ ยกฎหมายและการใหม้ ผี ลใชบ้ งั คบั ตอ่ ไปจะทำ�ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรง
ท่ียากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังและการทุเลาการบังคับตามกฎหรือค�ำ ส่ังทางปกครอง หรือ

๔ระเบยี บฯ ข้อ ๗๙
๕พระราชบญั ญตั ิจดั ตั้งศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๑๑ ศาลปกครองสงู สดุ มีอำ�นาจพิจารณาพิพากษาคดี ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับคำ�วินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทตามท่ีท่ีประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
ประกาศก�ำ หนด
(๒) คดีพิพาทเกย่ี วกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎกี า หรือกฎทีอ่ อกโดยคณะรฐั มนตรี หรือโดยความเหน็
ชอบของคณะรฐั มนตรี
(๓) คดที ่มี กี ฎหมายกำ�หนดให้อยูใ่ นอำ�นาจศาลปกครองสูงสดุ
(๔) คดที ่อี ทุ ธรณ์คำ�พพิ ากษาหรือคำ�สงั่ ของศาลปกครองชัน้ ต้น
๖ระเบียบฯ ขอ้ ๗๑
๗ระเบียบฯ ข้อ ๗๖
32 อัยการนิเทศ

การบรรเทาทุกข์นั้นไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ๘ และการ
บรรเทาทกุ ขฯ์ ตอ้ งพจิ ารณาตามลกั ษณะ ๑ ของภาค ๔ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่
เทา่ ท่สี ภาพของเรอ่ื งจะเปดิ ช่องให้กระทำ�ได้ และโดยไมข่ ัดตอ่ ระเบียบนแี้ ละหลกั กฎหมายท่วั ไปว่า
ด้วยวธิ ีพิจารณาคดปี กครอง๙
การทเุ ลาการบงั คบั ฯ ศาลจะสงั่ ไดต้ อ่ เมอ่ื ตลุ าการผแู้ ถลงคดไี ดเ้ สนอค�ำ แถลงการณแ์ ลว้ สว่ น
การบรรเทาทุกข์ฯ น้ัน ไม่จำ�เป็นต้องมีคำ�แถลงการณ์ และหากศาลได้ทำ�การไต่สวนพิจารณาแล้ว
หากยกค�ำ ขอหรอื ไมร่ บั ค�ำ ขอ ค�ำ สงั่ นน้ั เปน็ ทสี่ ดุ ทง้ั สองกรณไี มว่ า่ จะเปน็ การทเุ ลาการบงั คบั ฯ๑๐ หรอื
การบรรเทาทุกขฯ์ ๑๑ (ในสว่ นของค่กู รณีที่เปน็ ฝา่ ยย่นื คำ�ขอ)
หากศาลใหท้ เุ ลาการบงั คบั ฯ หรอื ใหบ้ รรเทาทกุ ขฯ์ คกู่ รณอี ทุ ธรณไ์ ด๑้ ๒ แตห่ ากเปน็ การทเุ ลา
การบังคับฯ คู่กรณีขอให้ระงับคำ�ส่ังศาลช้ันต้นได้๑๓ ส่วนการบรรเทาทุกข์ไม่มีกฎหมายกำ�หนดให้
คกู่ รณขี อได้ ซง่ึ ทีก่ ลา่ วมาคอื ภาพรวมของการทเุ ลาการบงั คบั ตามค�ำ สงั่ ทางปกครองหรอื กฎ และ
การบรรเทาทุกขช์ ว่ั คราว
ในส่วนต่อไป ผู้เขียนจะได้นำ�เสนอข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตาม
ค�ำ สงั่ ทางปกครองหรือกฎ และการบรรเทาทกุ ขช์ วั่ คราว
-ในกรณีทม่ี กี ารขอใหท้ ุเลาการบังคบั ตามคำ�ส่ังทางปกครอง หากในกรณที ่ีเอกชนมาขอ
ใหท้ เุ ลาการบงั คบั ทางปกครอง และหากศาลใหท้ เุ ลาจะมผี ลเทา่ กบั วา่ ศาลสง่ั ใหฝ้ า่ ยปกครองตอ้ ง
อนมุ ัติหรืออนุญาต โดยทวั่ ไปแลว้ ศาลจะไมใ่ ห้ทุเลา โดยเหตผุ ลสองประการ กลา่ วคอื
ประการแรก ถา้ ศาลอนญุ าตใหม้ กี ารคมุ้ ครองชว่ั คราว โดยการทเุ ลาการบงั คบั ตามนติ กิ รรม
ทางปกครองจะเปน็ ผลเทา่ กบั เปน็ การสงั่ ใหฝ้ า่ ยปกครองตอ้ งกระทำ�การในสง่ิ ทฝ่ี า่ ยปกครองไดป้ ฏเิ สธ
ซง่ึ ศาลถอื วา่ ขดั ตอ่ หลกั การแบง่ แยกอำ�นาจระหวา่ งฝา่ ยปกครองทเ่ี ปน็ ผกู้ ระทำ�การกบั ฝา่ ยปกครอง
ซง่ึ เป็นศาล และ
ประการทสี่ อง การปฏเิ สธไมอ่ นญุ าตหรอื ไมอ่ นมุ ตั ดิ งั กลา่ ว แมจ้ ะเปน็ นติ กิ รรมทางปกครอง
แตก่ ไ็ ม่ทำ�ให้สิทธิหน้าที่ของเอกชนทมี่ หี รือไม่มีอยู่ก่อนถกู ปฏเิ สธนัน้ เปล่ียนแปลงไปแตอ่ ย่างใด ซง่ึ
หลักในข้อน้ีถ้าตีความในอีกด้านหน่ึงจะปรากฏว่า หากนิติกรรมทางปกครองท่ีปฏิเสธคำ�ขอของ
เอกชนได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสิทธิและหน้าท่ีของเอกชนที่มีแต่เดิมก่อนการขอทุเลา
การบงั คบั ศาลก็อาจทุเลาการบังคบั โดยสง่ั ใหฝ้ ่ายปกครองตอ้ งกระทำ�ได้ ตวั อยา่ งเช่น คดี C.E., ๒๓
JANUARY ๑๙๗๐, Min. des Affaires socials c. Amoros, AJDA., ๑๙๗๐, P.๑๗๔ ขอ้ เทจ็ จรงิ

๘ระเบียบฯ ข้อ ๗๒
๙ระเบียบฯ ข้อ ๗๗
๑๐ระเบียบฯ ขอ้ ๗๐ และข้อ ๗๓
๑๑ระเบยี บฯ ข้อ ๗๖
๑๒ระเบยี บฯ ข้อ ๗๓ และข้อ ๗๖
๑๓ระเบียบฯ ข้อ ๗๓

อยั การนิเทศ 33

มวี า่ นายอโมโฮส นกั เรยี นแพทยท์ ก่ี �ำ ลงั จะจบการศกึ ษาขนั้ ตน้ เพอ่ื เปน็ แพทยอ์ นิ เทอรน์ ถกู ผอู้ �ำ นวยการ
ของโรงพยาบาลสง่ั ไม่รบั เปน็ แพทยอ์ ินเทอร์น จึงฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำ�สัง่ น้นั และไดข้ อให้ทเุ ลา
การบงั คบั โดยใหศ้ าลสง่ั ใหร้ บั ตนเปน็ แพทยอ์ นิ เทอรน์ กอ่ น สภาทป่ี รกึ ษาแหง่ รฐั ตดั สนิ วา่ “ผพู้ พิ ากษา
ศาลปกครองไมม่ คี ณุ สมบตั ทิ จ่ี ะสง่ั ใหฝ้ า่ ยปกครองตอ้ งกระทำ�การ... ดงั นนั้ ผพู้ พิ ากษาจงึ ไมม่ อี ำ�นาจ
ส่งั การใด ๆ เพือ่ ท่ีจะใหท้ เุ ลาการบังคบั ตามคำ�สัง่ ของฝ่ายปกครองทไ่ี ด้ปฏเิ สธ เวน้ แตค่ �ำ สั่งดงั กล่าว
จะก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงในสทิ ธิหน้าทหี่ รอื ในข้อเทจ็ จรงิ ซึง่ เกิดอยู่กอ่ นค�ำ ส่งั ปฏิเสธน้ัน ในคดนี ี้
ค�ำ สงั่ ดงั กลา่ วของฝา่ ยปกครองไมไ่ ดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในสทิ ธหิ นา้ ทที่ นี่ ายอโมโฮสมอี ยกู่ อ่ น
การถกู ปฏเิ สธแต่อยา่ งใด ศาลจงึ ไม่อาจสั่งใหท้ ุเลาการบังคบั ได้”๑๔
- ค�ำ สง่ั ทางปกครองบางประเภททส่ี งั่ ทเุ ลาแลว้ อาจมปี ญั หาในกระบวนบงั คบั ตามคำ�สงั่
ในภายหลัง การทเุ ลาการบังคับตามคำ�ส่ังทางปกครอง หากเป็นกรณที ่เี ปน็ ค�ำ ส่ังทก่ี ำ�หนดระยะ
เวลาการมผี ลเอาไว้ หากมีการทเุ ลาอาจสร้างปัญหาในทางปฏบิ ัตริ าชการได้
เชน่ ค�ำ สงั่ ลงโทษในเรอ่ื งการพกั ใชใ้ บอนญุ าต สมมตุ วิ า่ ฝา่ ยปกครองพกั ใชใ้ บอนญุ าตประกอบ
การท่องเท่ยี วของผฟู้ อ้ งคดีมีก�ำ หนดสามเดือน นบั ต้งั แต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ถึง ๑๐ ตุลาคม
๒๕๕๒ หากศาลส่ังให้ทุเลาการบังคับตามคำ�ส่ังลงโทษดังกล่าวไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาล
แล้ว ภายหลังศาลยกฟ้องและให้ฝ่ายปกครองผู้ออกคำ�สั่งเป็นฝ่ายชนะคดี และปรากฏว่าล่วงเลย
ระยะเวลาท่คี �ำ สง่ั มผี ลไปแลว้ (พ้น ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๕๒) จะลงโทษอยา่ งใด จะใหน้ ับสามเดอื น เริม่
ในเดอื นไหน จะใหน้ บั ใหมอ่ ยา่ งใด เพราะหากจะนบั ใหมจ่ ะท�ำ อยา่ งใดกบั ค�ำ สงั่ เดมิ ทมี่ กี �ำ หนดระยะ
เวลาไว้ เพราะคำ�สง่ั เดมิ มไิ ดถ้ กู ยกเลกิ หรอื เพกิ ถอนแตอ่ ยา่ งใด ศาลจะเขา้ ไปแกไ้ ขอยา่ งใด และกรณี
จะเปน็ ปญั หามากในกรณที คี่ ำ�สงั่ ทางปกครองในลกั ษณะของการลงโทษทจ่ี ะตอ้ งกระทำ�โดยเครง่ ครดั
ภายในระยะเวลานน้ั ๆ เทา่ นนั้ จรงิ ๆ ตวั อยา่ งเชน่ การทฝี่ า่ ยปกครองลงโทษพกั ใชใ้ บอนญุ าตการนำ�
คนไปประกอบพิธีฮัจญ์ ท่ีประเทศซาอุดิอารเบีย๑๕ ซ่ึงปกติ พิธีจะมีช่วงปลายปีจนถึงต้นปีถัดไป
ในแต่ละปี หากในปีใดห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทท่ีด�ำ เนินการดังกล่าวถูกลงโทษพักใช้ใบอนุญาตเป็น
เวลาหน่งึ ปี แล้วมีการฟอ้ งคดแี ละขอให้ศาลทุเลาค�ำ สัง่ ลงโทษและศาลให้ทเุ ลาคำ�สงั่ ลงโทษดังกล่าว
หากภายหลงั ล่วงเลยระยะเวลาการลงโทษไปแลว้ ผา่ นพน้ ปีนัน้ ไปแลว้ หากศาลพิพากษายกฟ้องให้
หน่วยงานทางปกครองชนะคดี จะให้ลงโทษในปีท่ีผ่านพ้นไปแล้วอย่างใด เพราะตัวคำ�ส่ังไม่ได้ถูก
เพิกถอน ศาลจะเข้ามาแก้ไขตัวคำ�ส่ังของฝ่ายปกครองไม่ได้ จะให้มีผลในปีถัดไปหลังจากที่ศาล
พิพากษาก็ไม่ได้ เพราะในปีนั้นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทน้ัน ๆ อาจมีการดำ�เนินการเพ่ือให้ได้รับ

๑๔ร.ต.อ.ธรรมนญู สมศกั ด,์ิ วธิ กี ารชว่ั คราวกอ่ นการพพิ ากษาคดปี กครอง, วทิ ยานพิ นธน์ ติ ศิ าสตรมหาบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั
รามค�ำ แหง, ๒๕๔๐, หนา้ ๔๙-๕๐.
๑๕คดนี ี้เปน็ คดที ่เี กิดข้ึนจรงิ เปน็ คดขี องกรมการศาสนาและกระทรวงวัฒนธรรม เน่ืองจากคดีดังกล่าวยงั อยใู่ นระหว่างการ
พจิ ารณาของศาลจึงไม่สมควรทจี่ ะกลา่ วในรายละเอยี ดในบทความนี้
34 อยั การนเิ ทศ

การอนุญาตให้จัดสรรบุคคลไปประกอบพิธีฮัจญ์จากทางราชการเรียบร้อยแล้ว หรือจะให้มีผลใน
ปีถดั ไป หรือในปขี องปถี ดั ไปอีกอย่างนั้นหรอื หากเป็นเชน่ น้นั ก็อาจจะเกิดการดอ้ื แพ่งและในทส่ี ุด
อาจหลีกเลีย่ งการบงั คบั ตามค�ำ สง่ั ทางปกครองได้ หากสมมุตวิ า่ ห้างหุน้ ส่วนหรือบรษิ ทั น้ัน ๆ เลิก
กิจการ แล้วไปจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นใหม่ หรือเชิดคณะบุคคลอื่นเพื่อประกอบกิจการดังกล่าวในนาม
ห้างหนุ้ สว่ นหรอื บรษิ ทั อนื่ แทนต่อไป จะท�ำ อยา่ งใดกบั โทษดังกล่าว
- การทเุ ลาการบงั คบั ตามคำ�สงั่ ทางปกครอง จะมผี ลถงึ มาตรการบงั คบั ทางปกครองดว้ ย
หรอื ไม่ โดยทั่วไปแล้วค�ำ สั่งทางปกครองจะมผี ลเมอ่ื มีการแจ้งค�ำ สง่ั ไปยงั ผู้รบั ค�ำ สั่ง๑๖
เชน่ คำ�สั่งใหร้ ื้อถอนอาคารภายในระยะเวลา ๓๐ วนั นบั แต่วันที่ไดร้ บั คำ�สั่ง หากผู้รับค�ำ สงั่
ได้รับคำ�สงั่ ในวนั ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ จะครบ ๓๐ วนั ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ค�ำ สั่งทาง
ปกครองมีผลในวันท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ท่ีผู้รับมีหน้าที่ต้องร้ือถอนอาคารออกไปภายในวันท่ี
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ การทุเลาการบังคับตามคำ�สั่งทางปกครอง ในกรณีข้างต้น เป็นการขอให้
คำ�ส่ังร้ือถอนยังไม่มีผล หากกรณีคำ�ส่ังดังกล่าว มีการระบุมาตรการบังคับทางปกครองไว้ด้วยใน
ตัวค�ำ สั่งทางปกครอง๑๗ เช่น หากพ้นกำ�หนด ๓๐ วนั ดังกล่าวแล้ว ไม่รอ้ื ถอน จะต้องถกู ปรบั เปน็
รายวนั วันละ ๑๐,๐๐๐ บาท จนกวา่ จะรื้อถอนเสร็จ เขา้ ไวด้ ้วยอย่างนแี้ ลว้ ระยะเวลาของมาตรการ
บงั คบั ทางปกครองจะเกดิ ขน้ึ ในวนั ที่ ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๕๐ เปน็ ตน้ ไป จนกวา่ จะมกี ารรอื้ ถอน ปญั หาวา่
การขอทุเลาการบังคับตามคำ�ส่ังทางปกครองจะมีผลถึงมาตรการบังคับที่จะเกิดในภายหลังหรือไม่
อาจแยกพิจารณาไดเ้ ป็นสองกรณี
๑. หากมีการฟ้องและขอทุเลา และศาลให้ทุเลาก่อนครบระยะเวลาท่ีมาตรการบังคับ
เร่ิมมีผล กล่าวคือ ในกรณีของตัวอย่างข้างต้น มีการฟ้องและขอทุเลา และศาลให้ทุเลาก่อนครบ
วันที่ ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๕๐ คำ�สัง่ ทางปกครอง (ค�ำ สงั่ รอ้ื ถอน) จะถูกระงับการมผี ลไว้ช่ัวคราว และมี
ผลตอ่ มาตรการบงั คับตอ้ งหยดุ ลงโดยอัตโนมตั ิด้วย
๒. หากมกี ารฟอ้ งและขอทเุ ลาและศาลใหท้ เุ ลาภายหลงั ระยะเวลาทมี่ าตรการบงั คบั เรม่ิ มผี ล
ไปแลว้ กลา่ วคือ ตามตัวอยา่ งข้างต้น หลงั วนั ท่ี ๑๗ สงิ หาคม ๒๕๕๐ เป็นต้นไป
๒.๑ ผฟู้ ้องคดมี ีสิทธยิ นื่ ไดห้ รือไม่ และการขอตอ้ งขออย่างใด
๒.๒ ศาลมีอ�ำ นาจพิจารณาสงั่ ไดห้ รอื ไม่

๑๖ดู พระราชบัญญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ หมวด ๔ มาตรา ๖๘ ถึงมาตรา ๗๔
๑๗พระราชบัญญตั วิ ธิ ีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๕๙ ก่อนใชม้ าตรการบังคบั ทางปกครองตามมาตรา ๕๘ เจา้ หน้าทจ่ี ะต้องมีคำ�เตอื นเปน็ หนังสอื ใหม้ กี ารกระท�ำ
หรือละเว้นกระทำ�ตามคำ�ส่ังทางปกครองภายในระยะเวลาท่ีกำ�หนดตามสมควรแก่กรณี คำ�เตือนดังกล่าวจะกำ�หนดไปพร้อมกับ
ค�ำ สั่งทางปกครองก็ได้

อยั การนเิ ทศ 35

กรณแี รก มาตรการบังคับเกดิ มีผลขึ้นแลว้ (ค่าปรับวนั ละ ๑๐,๐๐๐ บาท) ซง่ึ พระราชบัญญตั ิ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙๑๘ กำ�หนดให้ผู้ถูกมาตรการบังคับอาจอุทธรณ์การ
บังคบั น้ันได้ แสดงวา่ จะอทุ ธรณ์กอ่ นกไ็ ด้ หรอื ฟ้องหรือขอตอ่ ศาลเลยก็ได้ กฎหมายไม่ไดบ้ งั คับให้
ต้องอทุ ธรณ์โดยเด็ดขาด๑๙ ดังน้ัน การขอทเุ ลาในกรณนี ้ี ผ้เู ขียนเหน็ วา่ ผฟู้ ้องคดีจะต้องขอให้ทเุ ลา
ค�ำ สง่ั ทางปกครองเพยี งประการเดยี ว กย็ อ่ มมผี ลถงึ มาตรการบงั คบั ทางปกครองดว้ ย เพราะมาตรการ
บงั คบั จะเกดิ ขน้ึ ได้ ตอ่ เมอื่ ครบระยะเวลาตามค�ำ สงั่ ทางปกครอง หากค�ำ สงั่ ทางปกครองถกู ระงบั หรอื
หยุดชะงักลงก่อนครบระยะเวลา มาตรการบังคับทางปกครองก็ยอ่ มไม่มที างเกิดขึน้
กรณีทส่ี อง ศาลจะมอี �ำ นาจสง่ั ในสว่ นของมาตรการบงั คบั ไดห้ รือไม่ ระเบียบของทป่ี ระชุม
ใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ข้อ ๖๙๒๐ ให้ศาลมีอำ�นาจส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรือ
คำ�สั่งทางปกครองเท่านั้น มิได้กำ�หนดหรือกล่าวให้รวมถึงมาตรการบังคับทางปกครองแต่อย่างใด
ถึงแม้มาตรการบังคับทางปกครองจะเป็นขั้นตอนหรือวิธีการท่ีสืบต่อเนื่องจากคำ�สั่งทางปกครอง
เนอื่ งจากมาตรการบงั คบั ทางปกครองเป็นอำ�นาจของฝ่ายปกครองทีจ่ ะด�ำ เนินการได้เองโดยไมต่ ้อง
รอ้ งขอต่อศาล๒๑ และคดีท่ฟี อ้ งต่อศาลปกครองหากเป็นการฟอ้ งขอเก่ียวกบั การขอให้ใชม้ าตรการ
บังคับทางปกครอง ศาลเองก็จะจำ�หน่ายคดีเน่ืองจากฝ่ายปกครองสามารถดำ�เนินการได้เอง ไม่มี
เหตุจะต้องใช้สิทธิทางศาล ยกเว้นในบางกรณีเท่าน้ัน การท่ีจะใช้มาตรการบังคับทางปกครอง
ผู้เขียนเห็นว่า ผู้ถูกมาตรการบังคับนั้น ก็อุทธรณ์หรือฟ้องคดีได้ต่างหาก แม้จะไม่มีการฟ้องขอให้
เพกิ ถอนคำ�สัง่ ทางปกครองหลักก็ตาม เช่น กรณคี ำ�ส่งั ทางปกครองให้ผูร้ บั คำ�ส่ังตอ้ งกระทำ�การหรือ
ละเว้นกระทำ�การ และมมี าตรการบงั คบั ทางปกครองใหช้ ำ�ระคา่ ปรับไว้ดว้ ย ผ้ถู ูกมาตรการบงั คบั
(ค่าปรับ) จะอุทธรณ์หรือฟ้องคดีต่อศาลว่าค่าปรับนั้นกำ�หนดไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เกนิ อ�ำ นาจของเจา้ พนกั งานผนู้ นั้ ๒๒ กย็ อ่ มจะท�ำ ไดถ้ งึ แมค้ �ำ สงั่ ทางปกครองจะถงึ ทส่ี ดุ และไมม่ กี ารฟอ้ ง
คดตี อ่ ศาลแลว้ กต็ าม มาตรการบงั คบั ทางปกครองจงึ แยกออกจากคำ�สงั่ ทางปกครองได้ แตถ่ งึ อยา่ ง
ใดกต็ าม มาตรการบังคับทางปกครองกม็ สี ภาพโดยธรรมชาติเป็นค�ำ สั่งทางปกครองในตวั เอง ดงั นั้น
เมอ่ื เปน็ คำ�สง่ั ทางปกครองแล้ว ศาลปกครองก็มีอำ�นาจท่ีจะส่งั ทเุ ลาได้

๑๘พระราชบัญญตั วิ ิธปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๖๒ ผถู้ กู ดำ�เนินการตามมาตรการบงั คับทางปกครองอาจอุทธรณ์การบงั คบั ทางปกครองนน้ั ได้
การอทุ ธรณ์การบังคบั ทางปกครองใหใ้ ช้หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารเดยี วกนั กบั การอทุ ธรณ์คำ�สงั่ ทางปกครอง
๑๙มาตรการบังคับทางปกครองไม่มีกฎหมายกำ�หนดข้ันตอนอุทธรณ์ไว้โดยเฉพาะ จึงไม่ต้องอุทธรณ์ก่อนนำ�คดีมาฟ้อง
(ค�ำ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๖๕๑/๒๕๔๕)
๒๐ดู ระเบยี บฯ ทา้ ยบทความน้ี
๒๑พระราชบญั ญัติวิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๕๖ เจา้ หนา้ ทผี่ ทู้ ำ�ค�ำ สงั่ ทางปกครองมอี ำ�นาจทจี่ ะพจิ ารณาใชม้ าตรการบงั คบั ทางปกครองเพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามคำ�สง่ั
ของตนได้ตามบทบัญญัติในส่วนนี้ เว้นแต่จะมีการส่ังให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อนโดยเจ้าหน้าที่ผู้ท�ำ คำ�สั่งนั้นเอง ผู้มีอำ�นาจพิจารณา
คำ�อทุ ธรณห์ รือผู้มีอำ�นาจพิจารณาวินิจฉยั ความถูกตอ้ งของคำ�สงั่ ทางปกครองดงั กลา่ ว
๒๒ดู กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามพระราชบัญญตั ิวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
36 อยั การนิเทศ

ระเบยี บของทป่ี ระชุมใหญต่ ลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ว่าดว้ ยวิธพี ิจารณาคดปี กครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓
หมวด ๕

วธิ กี ารชัว่ คราวก่อนการพิพากษา
สว่ นท่ี ๑

การทุเลาการบังคับตามกฎหรอื ค�ำ สงั่ ทางปกครอง
ขอ้ ๖๙ การฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองเพอ่ื ขอใหเ้ พกิ ถอนกฎหรอื คำ�สง่ั ทางปกครอง ไมเ่ ปน็ เหตุ
ใหท้ ุเลาการบังคับตามกฎหรอื คำ�สั่งทางปกครองน้ัน เว้นแตศ่ าลจะมคี �ำ สั่งเปน็ อย่างอน่ื
ผู้ฟ้องคดีอาจขอมาในคำ�ฟ้องหรือย่ืนคำ�ขอในเวลาใด ๆ ก่อนศาลจะพิพากษาหรือมีคำ�สั่ง
ช้ีขาดคดี เพื่อขอให้ศาลมีคำ�ส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำ�สั่งทางปกครอง อันจะมีผลเป็นการ
ชะลอ หรือระงบั การบงั คับตามผลของกฎหรือคำ�สงั่ ทางปกครองไว้เปน็ การชวั่ คราว
คำ�ขอของผู้ฟ้องคดีตามวรรคสอง ต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าประสงค์จะขอทุเลา
การบงั คบั ตามกฎหรอื ค�ำ สงั่ ทางปกครองใดและการใหก้ ฎหรอื ค�ำ สง่ั ดงั กลา่ วมผี ลบงั คบั ตอ่ ไป จะท�ำ ให้
เกิดความเสยี หายทย่ี ากแกก่ ารเยยี วยาแก้ไขในภายหลงั อยา่ งไร
ขอ้ ๗๐ ในกรณที ศ่ี าลเหน็ วา่ ค�ำ ขอทเุ ลาการบงั คบั ตามกฎหรอื ค�ำ สงั่ ทางปกครองใด ยน่ื โดย
ไม่มขี ้ออา้ งหรอื ข้อเทจ็ จรงิ เพียงพอ หรอื ไมม่ เี หตผุ ลหรือสาระอันควรได้รบั การพิจารณา หรอื เหน็ ได้
อย่างชัดแจ้งว่าไม่สมควรมีคำ�ส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำ�ส่ังทางปกครองหรือเป็นกรณีที่ศาล
จะสัง่ ไมร่ ับคำ�ฟอ้ งคดีน้ันไวพ้ ิจารณาและจะสั่งจ�ำ หนา่ ยคดอี อกจากสารบบความแลว้ ใหม้ อี �ำ นาจสั่ง
ไม่รบั คำ�ขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำ�สัง่ ทางปกครองนน้ั คำ�ส่ังดงั กล่าวใหเ้ ป็นท่สี ดุ
ข้อ ๗๑ เมื่อได้รับคำ�ขอตามข้อ ๖๙ และเป็นกรณีท่ีศาลมิได้มีคำ�สั่งตามข้อ ๗๐ ให้ศาล
ส่งสำ�เนาคำ�ขอให้คู่กรณีทำ�คำ�ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานโดยด่วน แล้วนัดไต่สวนเพื่อมีคำ�สั่ง
เก่ียวกบั คำ�ขอดังกลา่ วโดยเรว็
ในกรณที ไี่ ม่มคี �ำ ขอตามข้อ ๖๙ แต่ศาลเห็นว่ามเี หตุสมควรทจี่ ะทุเลาการบงั คบั ตามกฎหรอื
คำ�สั่งทางปกครองท่ีเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี ให้ศาลมีอำ�นาจส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำ�สั่ง
ทางปกครองนัน้ โดยจะไต่สวนกอ่ นหรือไม่ก็ได้
ข้อ ๗๒ การมีคำ�ส่ังเก่ียวกับค�ำ ขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือค�ำ ส่ังทางปกครองให้กระท�ำ
โดยองค์คณะหลงั จากตุลาการผแู้ ถลงคดีไดเ้ สนอค�ำ แถลงการณแ์ ล้ว
ค�ำ แถลงการณต์ ามข้อน้ีจะกระท�ำ ดว้ ยวาจาก็ได้

อัยการนิเทศ 37

ในกรณที ศ่ี าลเหน็ วา่ กฎหรอื ค�ำ สง่ั ทางปกครองทเ่ี ปน็ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดนี น้ั นา่ จะไมช่ อบดว้ ย
กฎหมาย และการใหก้ ฎหรอื ค�ำ สง่ั ทางปกครองดงั กลา่ วมผี ลใชบ้ งั คบั ตอ่ ไปจะท�ำ ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
อย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง ท้ังการทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำ�ส่ังทาง
ปกครองน้ันไม่เป็นอุปสรรคแกก่ ารบรหิ ารงานของรฐั หรอื แก่บรกิ ารสาธารณะ ศาลมีอ�ำ นาจสง่ั ทเุ ลา
การบงั คับตามกฎหรอื คำ�สั่งทางปกครองได้ตามทีเ่ หน็ สมควร
ให้ศาลแจ้งคำ�ส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรือค�ำ สั่งทางปกครองให้คู่กรณีและผู้ออกกฎหรือ
ค�ำ สั่งดงั กล่าวทราบโดยพลัน และใหค้ ำ�สง่ั ศาลมีผลเมือ่ ผูอ้ อกกฎหรอื ค�ำ ส่ังได้รบั แจ้งคำ�ส่งั น้นั แลว้
ขอ้ ๗๓ ค�ำ ส่ังทุเลาการบังคับตามกฎหรอื คำ�ส่ังทางปกครอง ให้ผู้มสี ว่ นได้เสยี มีสิทธิอทุ ธรณ์
ตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ ไดภ้ ายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทผ่ี นู้ น้ั ไดร้ บั แจง้ หรอื ทราบคำ�สง่ั ศาล โดยผอู้ ทุ ธรณ์
อาจมีคำ�ขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำ�ส่ังระงับคำ�ส่ังของศาลปกครองชั้นต้นที่ส่ังทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรือค�ำ สั่งทางปกครองไว้เปน็ การชว่ั คราวก่อนการวินิจฉยั อทุ ธรณ์ก็ได้
คำ�ส่ังยกค�ำ ขอทุเลาการบังคบั ตามกฎหรือค�ำ สงั่ ทางปกครองใหเ้ ป็นทส่ี ุด
การอุทธรณ์คำ�สั่งตามวรรคหน่ึง ให้กระทำ�โดยยื่นคำ�ร้องอุทธรณ์คำ�ส่ังดังกล่าวต่อ
ศาลปกครองช้ันต้นท่ีมีคำ�ส่ังน้ันและให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีของศาลรีบส่งคำ�ร้องพร้อมด้วยคำ�ส่ังของ
ศาลปกครองช้ันต้น คำ�ขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือค�ำ ส่ังทางปกครอง สำ�นวนการไต่สวนคำ�ขอ
คำ�แถลงการณ์หรือบันทึกคำ�แถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี และเอกสารหรือสำ�เนาเอกสารที่
เกีย่ วขอ้ ง ไปยงั ศาลปกครองสงู สดุ โดยพลัน
ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดส่งคำ�ร้องให้องค์คณะในศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณา
ค�ำ รอ้ ง โดยใหน้ �ำ ความในข้อ ๗๑ วรรคหนึ่ง และขอ้ ๗๒ มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม แตอ่ งค์คณะจะ
ไมน่ ดั ไตส่ วนกไ็ ดแ้ ลว้ มคี �ำ สงั่ ยนื ตามค�ำ สงั่ ของศาลปกครองชน้ั ตน้ หรอื มคี ำ�สง่ั เปน็ อยา่ งอน่ื และสง่ ให้
ศาลปกครองชน้ั ตน้ อ่าน
ในการอ่านคำ�สั่งของศาลปกครองสูงสุด ให้ศาลปกครองช้ันต้นแจ้งให้คู่กรณีทราบก�ำ หนด
วันอ่านคำ�ส่ังเป็นการล่วงหน้าตามสมควร ถ้าไม่มีคู่กรณีมาศาลในวันนัดอ่านคำ�สั่งศาล ให้ศาลงด
การอา่ นและบนั ทกึ ไว้ และใหศ้ าลปกครองชน้ั ตน้ แจง้ คำ�สงั่ ดงั กลา่ วทางไปรษณยี ล์ งทะเบยี นตอบรบั
ไปยังคูก่ รณีทงั้ หมดหรือบางส่วนท่ีมไิ ดม้ าศาล
ขอ้ ๗๔ ในกรณีทค่ี ำ�พพิ ากษาหรอื ค�ำ สัง่ ชีข้ าดคดขี องศาลมไิ ด้กลา่ วถึงคำ�สงั่ ทุเลาการบงั คับ
ตามกฎหรือคำ�ส่ังทางปกครองท่ีศาลได้สั่งไว้ระหว่างการพิจารณา ให้คำ�สั่งดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
ตอ่ ไปจนกว่าจะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์ในกรณีที่ไมม่ ีการอทุ ธรณ์ หรอื จนกวา่ ศาลมคี ำ�ส่งั ถึงที่สุด
ไมร่ บั อทุ ธรณใ์ นกรณที มี่ กี ารอทุ ธรณ์ หากศาลมคี �ำ สงั่ รบั อทุ ธรณ์ ใหค้ �ำ สงั่ ดงั กลา่ วมผี ลใชบ้ งั คบั ตอ่ ไป
จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำ�สงั่ เป็นอย่างอ่ืน

38 อัยการนเิ ทศ

สว่ นท่ี ๒
การบรรเทาทุกข์ชั่วคราว

ขอ้ ๗๕ นอกจากกรณที กี่ ลา่ วในขอ้ ๖๙ ในเวลาใด ๆ กอ่ นศาลมคี �ำ พพิ ากษาหรอื ค�ำ สง่ั ชขี้ าด
คดี ผฟู้ อ้ งคดอี าจยนื่ ค�ำ ขอใหศ้ าลมคี �ำ สง่ั ก�ำ หนดมาตรการหรอื วธิ กี ารคมุ้ ครองอยา่ งใด ๆ เพอื่ บรรเทา
ทุกข์ช่ัวคราวก่อนการพิพากษา หรือคู่กรณีอาจย่ืนคำ�ขอให้ศาลมีคำ�สั่งกำ�หนดวิธีการเพื่อคุ้มครอง
ประโยชนข์ องผู้ขอในระหว่างการพจิ ารณาหรอื เพือ่ บงั คบั ตามค�ำ พพิ ากษาได้
ข้อ ๗๖ คำ�ส่ังของศาลในการกำ�หนดมาตรการหรอื วิธีการคุ้มครองอย่างใด ๆ เพ่อื บรรเทา
ทกุ ขช์ ัว่ คราวก่อนการพพิ ากษา หรือวิธกี ารเพ่อื คมุ้ ครองประโยชนข์ องผู้ขอในระหว่างการพจิ ารณา
หรือเพื่อบังคับตามคำ�พิพากษา ให้กระทำ�โดยองค์คณะ โดยไม่ต้องมีคำ�แถลงการณ์ของตุลาการ
ผ้แู ถลงคดี เว้นแต่องค์คณะจะเห็นสมควรให้มีค�ำ แถลงการณ์ ในกรณดี งั กล่าวค�ำ แถลงการณ์นน้ั จะ
กระทำ�ด้วยวาจากไ็ ด้
คำ�สั่งไม่รับหรือยกค�ำ ขอของผู้ฟอ้ งคดหี รือคกู่ รณีใหเ้ ปน็ ท่สี ดุ
ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี มสี ทิ ธอิ ทุ ธรณค์ �ำ สง่ั ก�ำ หนดมาตรการหรอื วธิ กี ารคมุ้ ครองอยา่ งใด ๆ เพอ่ื บรรเทา
ทกุ ขช์ ั่วคราวกอ่ นการพพิ ากษา หรือวธิ กี ารเพือ่ คมุ้ ครองประโยชนข์ องผูข้ อในระหว่างการพิจารณา
หรอื เพอื่ บงั คบั ตามค�ำ พพิ ากษาตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ ภายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทผี่ นู้ น้ั ไดร้ บั แจง้ หรอื
ทราบคำ�สงั่ ศาล
การอุทธรณ์คำ�สั่งตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำ�โดยยื่นคำ�ร้องอุทธรณ์คำ�สั่งดังกล่าวต่อ
ศาลปกครองชนั้ ตน้ ทม่ี ีคำ�สง่ั นั้น และให้พนักงานเจา้ หนา้ ทีข่ องศาลรีบสง่ คำ�รอ้ งพร้อมดว้ ยค�ำ สั่งของ
ศาลปกครองช้นั ต้น คำ�ขอกำ�หนดมาตรการหรอื วิธีการคุ้มครองอยา่ งใด ๆ เพือ่ บรรเทาทกุ ข์ชั่วคราว
กอ่ นการพพิ ากษาหรอื วธิ กี ารเพอ่ื คมุ้ ครองประโยชนข์ องผขู้ อในระหวา่ งการพจิ ารณาหรอื เพอ่ื บงั คบั
ตามคำ�พิพากษา สำ�นวนการไต่สวนค�ำ ขอ บนั ทึกค�ำ แถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี และเอกสาร
หรอื สำ�เนาเอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ งไปยงั ศาลปกครองสงู สดุ โดยพลัน
ใหป้ ระธานศาลปกครองสงู สดุ สง่ ค�ำ รอ้ งใหอ้ งคค์ ณะในศาลปกครองสงู สดุ เพอื่ พจิ ารณาค�ำ รอ้ ง
โดยใหน้ ำ�ความในข้อ ๗๑ วรรคหนึ่ง และวรรคหนงึ่ ของข้อน้มี าใชบ้ งั คับโดยอนุโลม แตอ่ งคค์ ณะจะ
ไม่นัดไต่สวนก็ได้ แล้วมีคำ�สั่งยืนตามคำ�ส่ังของศาลปกครองช้ันต้นหรือมีคำ�สั่งเป็นอย่างอื่น แล้วส่ง
ให้ศาลปกครองชัน้ ต้นอ่าน
ในการอ่านคำ�สั่งของศาลปกครองสูงสุด ให้ศาลปกครองชั้นต้นแจ้งให้คู่กรณีทราบก�ำ หนด
วันอ่านคำ�ส่ังเป็นการล่วงหน้าตามสมควร ถ้าไม่มีคู่กรณีมาศาลในวันนัดอ่านคำ�สั่งศาล ให้ศาลงด
การอา่ นและบนั ทกึ ไว้ และใหศ้ าลปกครองชน้ั ตน้ แจง้ คำ�สงั่ ดงั กลา่ วทางไปรษณยี ล์ งทะเบยี นตอบรบั
ไปยังคู่กรณี ท้งั หมดหรือบางส่วนท่ีมไิ ด้มาศาล

อยั การนเิ ทศ 39

ข้อ ๗๗ ให้นำ�ความในลักษณะ ๑ ของภาค ๔ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
แพ่งมาใช้บังคับกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคำ�ขอ เง่ือนไขในการออกคำ�สั่งของศาลและผลของ
คำ�ส่ังกำ�หนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองอย่างใด ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ช่ัวคราวก่อนการพิพากษา
หรือวิธีการเพ่ือคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณาหรือเพ่ือบังคับตามคำ�พิพากษา
โดยอนโุ ลม เทา่ ทส่ี ภาพของเรอ่ื งจะเปดิ ชอ่ งใหก้ ระท�ำ ได้ และโดยไมข่ ดั ตอ่ ระเบยี บนแี้ ละหลกั กฎหมาย
ทั่วไปวา่ ดว้ ยวธิ ีพิจารณาคดปี กครอง

40 อยั การนเิ ทศ

สิทธิการตายโดยปฏิเสธการรกั ษา

ดร.วิชช์ จีระแพทย*์
สบื เนอ่ื งจากคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาติ (คสช.) ไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบหลกั การรา่ งกฎกระทรวง
ก�ำ หนดหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ
ที่เป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย
พ.ศ. .... และใหเ้ สนอร่างกฎกระทรวงฯ ตอ่ คณะรฐั มนตรีเพื่อพิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ และดำ�เนิน
การตามข้นั ตอนต่อไป ซง่ึ ส�ำ นักงานคณะกรรมการสขุ ภาพแห่งชาติ (สช.) ไดพ้ จิ ารณาแลว้ เหน็ ควร
เสนอรา่ งกฎกระทรวงก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะ
รับบรกิ ารสาธารณสขุ ที่เปน็ ไปเพยี งเพอื่ ยดื การตายในวาระสดุ ท้ายของชวี ิต หรอื เพอ่ื ยุติการทรมาน
จากการเจบ็ ปว่ ย พ.ศ. .... เพอื่ เสนอคณะรฐั มนตรพี จิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบและดำ�เนนิ การตามความ
ในมาตรา ๒๕ (๖) แห่งพระราชบัญญตั ิสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อไป๑
สาระส�ำ คญั ของค�ำ เสนอเรอ่ื งทเ่ี สนอคณะรัฐมนตรีสำ�หรบั กฎกระทรวงดงั กล่าว มีดังนี้
พระราชบญั ญตั ิสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒ บญั ญัติวา่
“บุคคลมีสิทธิทำ�หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพื่อ
ยืดการตายในวาระสุดท้ายของชวี ิตตน หรือเพือ่ ยุติการทรมานจากการเจบ็ ป่วยได้
การดำ�เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาตามวรรคหนงึ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการ
ท่กี ำ�หนดในกฎกระทรวง
เมอื่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ ไดป้ ฏบิ ตั ติ ามเจตนาของบคุ คลตามวรรคหนง่ึ แลว้ มไิ ด้
ถอื ว่า การกระทำ�น้นั เปน็ ความผิดและให้พน้ จากความรับผดิ ทงั้ ปวง”
เป็นการรับรองสิทธิในการปฏิเสธการรักษา โดยบุคคลมีสิทธิทำ�หนังสือแสดงเจตนาไม่
ประสงค์จะรบั บรกิ ารสาธารณสุขทเ่ี ปน็ ไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดทา้ ยของชีวติ ตน หรือเพอื่
ยุติการทรมานจากการเจ็บปว่ ย ซง่ึ ในมาตรา ๑๒ วรรคสอง ก�ำ หนดใหม้ ีการออกหลักเกณฑ์ และวิธี
การปฏิบัติตามหนังสือแสดงเจตนาท่ีก�ำ หนดไว้ในกฎกระทรวงเพ่ือวางหลักเกณฑ์ วิธีการในการท�ำ
หนงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเี่ ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ย

* น.บ. (เกยี รตินยิ มอันดับ ๒) (จฬุ า), น.บ.ท., น.ม. (จุฬา), น.ด. (Doctor of laws มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์) รางวัล
สภาวิจยั แห่งชาติ : วิทยานิพนธร์ ะดบั ดีเยย่ี ม ปี ๒๕๕๐, นักปกครองระดบั สูง กรมการปกครอง รุน่ ที่ ๒๒, วปอ. ๓๕๕, ปปร. ๑
สถาบนั พระปกเกลา้ , บ.ย.ส. รุ่น ๙ ส�ำ นกั งานศาลยุติธรรม, นกั บริหารงานยุติธรรมระดับสงู รนุ่ ที่ ๔ สำ�นกั งานอยั การสูงสุด, วตท.
รนุ่ ท่ี ๗ วทิ ยาลยั ตลาดทนุ , อธิบดีอยั การ ส�ำ นักงานวิชาการ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ
๑หนงั สอื ส�ำ นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาติ ที่ สช. ๖๓๔/๒๕๕๒ ลงวนั ท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๕๒ และที่ สช. ๖๕๕/๒๕๕๒
ลงวนั ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ เรื่อง กฎกระทรวงตามมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐

อยั การนิเทศ 41

ของชีวติ ตน หรือเพือ่ ยตุ กิ ารทรมานจากการเจบ็ ป่วยได้ อนั ไดแ้ ก่ การด�ำ เนนิ การทั้งหลายเก่ียวกับ
หนังสอื แสดงเจตนาดังกลา่ วทเ่ี รยี กว่า “living will” หรอื “advance / decision” เพอ่ื ให้ผู้ป่วย
ที่ทำ�หนังสือแสดงเจตนาได้รับการดูแลรักษาตรงตามความประสงค์ หรือสามารถปฏิเสธการรักษา
ท่ีไม่เป็นประโยชน์ต่อตนในวาระสุดท้ายของชีวิตท่ีเรียกว่า “ยืดการตาย” หรือผู้ป่วยที่ต้องทรมาน
จากโรคบางโรคในระยะยาวโดยไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ยุติความทรมานน้ัน ด้วยความเคารพ
สิทธิท่ีจะตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่ต้องการรักษาด้วยวิธีการที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
ของผู้ป่วยและญาติ หรือทำ�ให้ไม่อาจตายอย่างสงบ หรือทำ�ให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำ�นวนมากโดยไม่
เกิดประโยชน์ใด ๆ นอกจากนัน้ ยงั เปน็ ภาระตอ่ ระบบบรกิ ารสาธารณสุขของประเทศโดยรวม เชน่
ผปู้ ่วยท่มี สี ภาพฟ้นื ไม่ไดต้ ายไม่ลง มีชีวิตอยดู่ ้วยเครื่องช่วยหายใจเทา่ นัน้ ทั้งน้ี การทำ�หนังสอื แสดง
เจตนาจะเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ เู้ กยี่ วขอ้ ง ปอ้ งกนั ความขดั แยง้ ของญาตใิ นการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ผปู้ ว่ ยได้
ทางหนงึ่ แตแ่ พทย์ พยาบาลยงั ใหก้ ารดแู ลผปู้ ว่ ยเพอ่ื บรรเทาความทกุ ขท์ รมานของผปู้ ว่ ย ไมว่ า่ จะท�ำ
หนงั สือแสดงเจตนาไว้หรอื ไม่ก็ตาม ตามแนวทางการดูแลรักษาแบบประคบั ประคอง
สำ�นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาติ (สช.) ซง่ึ มหี น้าที่ประสานงานกบั หนว่ ยงาน ดา้ น
นโยบายและยุทธศาสตร์ท้ังภาครัฐและเอกชนที่ดำ�เนินงานเก่ียวกับเร่ืองสุขภาพ ได้ร่วมกับศูนย์
กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ จดั กระบวนการยกร่าง
กฎกระทรวงกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำ�เนินการ ตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะ
รับบรกิ ารสาธารณสขุ ฯ ตัง้ แตก่ ลางปี ๒๕๕๑ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ทผ่ี า่ นมา โดยเริ่มจากการ
ศกึ ษาองคค์ วามรู้ ทง้ั จากกฎหมายและแนวปฏบิ ตั ใิ นตา่ งประเทศ กฎหมาย และขอ้ บงั คบั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ในประเทศ และยกรา่ งกฎกระทรวงไปพร้อม ๆ กบั การจัดประชุมรบั ฟังความเหน็ ของผู้ทรงคณุ วุฒิ
นกั วชิ าการ บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ และผแู้ ทนหนว่ ยงานผใู้ หบ้ รกิ ารสาธารณสขุ สภา
วชิ าชีพทีเ่ กย่ี วขอ้ ง องค์กรตา่ ง ๆ รวมถึงผแู้ ทนฝา่ ยผรู้ บั บริการและญาติผู้ปว่ ยในวาระสดุ ทา้ ย เพื่อ
ยกรา่ งกฎกระทรวงดงั กลา่ ว แลว้ จงึ ไดน้ ำ�รา่ งกฎกระทรวงทไ่ี ดไ้ ปจดั กระบวนการรบั ฟงั ความคดิ เหน็
ทง้ั โดยทางเอกสารและการจดั เวทรี บั ฟงั ความคดิ เหน็ เพอื่ พฒั นาปรบั ปรงุ รา่ งกฎกระทรวงหลายครงั้
ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ได้นำ�ความเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมมา
ปรบั ปรงุ รา่ งกฎกระทรวงใหม้ คี วามสมบรู ณข์ น้ึ แลว้ สง่ ให้ สช. เผยแพรร่ า่ งกฎกระทรวงดงั กลา่ ว เพอื่
รับฟังความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะโดย สช. ไดส้ ง่ รา่ งกฎกระทรวงไปยังสภาวิชาชีพราชวทิ ยาลัยที่
เกยี่ วขอ้ ง โรงพยาบาลทงั้ ภาครฐั และเอกชน คณะแพทยศาสตร์ วทิ ยาลยั พยาบาล สถาบนั การศกึ ษา
หนว่ ยงานองคก์ รท่เี กี่ยวข้อง นักกฎหมาย นกั วิชาการและประชาชนท่ีสนใจ
นอกจากร่างกฎกระทรวงแล้ว ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ ร่วมกับ สช. ยังได้
จัดทำ�ร่างแนวปฏิบัติเพื่อรองรับการดำ�เนินงานในทางรูปธรรมตามกฎกระทรวง และได้นำ�ท้ังร่าง
กฎกระทรวงและร่างแนวปฏิบัตินี้ ไปจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของสาธารณะโดยเชิญผู้แทนสถาน
พยาบาล แพทย์ พยาบาล ผปู้ ่วย ญาติผูป้ ว่ ย และประชาชนผสู้ นใจ เพื่อทำ�ความเขา้ ใจกบั การตาย

42 อัยการนเิ ทศ

ในบรบิ ททางสงั คม วฒั นธรรม และสทิ ธใิ นการปฏเิ สธการรกั ษาตามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒
ศนู ยก์ ฎหมายสขุ ภาพและจรยิ ศาสตร์ รว่ มกบั สช. ไดน้ �ำ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะทงั้ หมด
ไปปรบั ปรงุ รา่ งกฎกระทรวงอกี ครง้ั และน�ำ เขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของคณะกรรมการทปี่ รกึ ษาเพอื่ สง่ เสรมิ
การใช้สิทธิและหน้าท่ีด้านสุขภาพ อันประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ผทู้ รงคณุ วฒุ ดิ า้ นกฎหมาย ตวั แทนองคก์ รวชิ าชพี ตวั แทนองคก์ รดา้ นสขุ ภาพ ตวั แทนสอ่ื มวลชน และ
ได้ปรับปรุงมาโดยลำ�ดับจนเป็นฉบับสมบูรณ์นำ�เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสุขภาพ
แห่งชาติ (คสช.)
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีมติในการประชุมครั้งท่ี ๓/๒๕๕๒ เมื่อ
วันท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบหลักการของร่างกฎกระทรวงก�ำ หนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ
ดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพ่ือยืดการ
ตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. .... และให้เสนอร่าง
กฎกระทรวงต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพจิ ารณาให้ความเห็นชอบและด�ำ เนนิ การตามขน้ั ตอนตอ่ ไป
สาระสำ�คญั ของร่างกฎกระทรวง
๑. ค�ำ นยิ าม
๒. หลักเกณฑ์ วธิ ีการท�ำ หนังสือแสดงเจตนา
เพื่อความชดั เจนท่จี ะดำ�เนินการตามความประสงค์ของผูท้ �ำ หนังสอื แสดงเจตนา เป็นไปตาม
มาตรา ๑๒ วรรคสอง จ�ำ เปน็ ตอ้ งระบุขอ้ มลู สำ�คัญที่สมควรปรากฏในหนงั สือแสดงเจตนาไว้
ดังน้ี
๒.๑ วนั เดอื น ปี ที่ทำ�หนงั สือ และขอ้ มลู ของผู้แสดงเจตนาเพื่อใชร้ ะบตุ ัวบคุ คล
และอ�ำ นวยความสะดวกในการตดิ ตอ่ กบั ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ หรอื สถานพยาบาล
เช่น ช่อื สกลุ ของผ้ทู ำ�หนงั สือ ชือ่ พยาน รวมถึงประเภทของบรกิ ารสาธารณสุขท่ไี ม่ตอ้ งการรับ
๒.๒ ชือ่ บคุ คลใกล้ชิดท่ผี ทู้ �ำ หนังสอื เจตนาใหค้ วามไวว้ างใจเพ่อื ทำ�หน้าทอ่ี ธบิ าย
เจตนาทอี่ าจระบไุ วไ้ มช่ ดั เจน ในกรณที ผี่ แู้ สดงเจตนาไมอ่ ยใู่ นภาวะทจ่ี ะอธบิ ายดว้ ยตนเองได้
แต่ท้งั นี้ มใิ ช่การตัดสนิ ใจหรอื ปฏิเสธการรับบริการสาธารณสุขแทนผปู้ ่วย
๒.๓ ผ้ทู �ำ หนงั สือแสดงเจตนาสามารถเปล่ยี นแปลงหนงั สอื แสดงเจตนาไดต้ ลอด
เวลา ในกรณมี หี นงั สอื แสดงเจตนาหลายฉบบั ใหถ้ อื ฉบบั ทท่ี �ำ ครงั้ สดุ ทา้ ยเปน็ ฉบบั ทมี่ ผี ลบงั คบั
๒.๔ รายละเอยี ดความประสงคอ์ นื่ ๆ เชน่ ความปรารถนาจะไดร้ บั การเยยี วยาทาง
จิตใจ ซึง่ การปฏบิ ตั ติ ามความเช่ือทางศาสนา วฒั นธรรมของผ้ทู �ำ หนังสือแสดงเจตนา
๓. บคุ คลสามารถท�ำ หนังสือแสดงเจตนา ณ ท่ใี ดกไ็ ด้ แตใ่ นกรณีมีความประสงค์จะท�ำ
หนงั สือแสดงเจตนาทีส่ ถานบรกิ ารสาธารณสขุ ใหอ้ �ำ นวยความสะดวกตามสมควร

อัยการนเิ ทศ 43


Click to View FlipBook Version