The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-11-11 06:30:13

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

๔. หลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารด�ำ เนินการตามหนังสือเจตนา
เป็นการกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำ�เนินการของผู้เก่ียวข้อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติตาม
หนังสือแสดงเจตนาไดอ้ ย่างถูกต้องตามความปรารถนาของผทู้ ำ�หนงั สือ โดยกำ�หนดหลักการ
กว้าง ๆ ซึ่งสถานบริการสาธารณสุข อาจปรับใช้แนวทางซึ่งปฏิบัติอยู่ก่อนแล้ว ให้สนองต่อ
กรณีมีผู้น�ำ หนงั สอื แสดงเจตนามาแสดง ประกอบด้วย
๔.๑ เมื่อผู้แสดงเจตนาเข้ารับการรักษาตัว ให้แสดงหนังสือต่อเจ้าหน้าที่ของ
สถานพยาบาลโดยไม่ชกั ชา้ และให้เก็บรกั ษาไว้ เพือ่ ใชป้ ระกอบการด�ำ เนนิ การทเี่ กย่ี วขอ้ ง
๔.๒ กรณผี ู้ปว่ ยยังมสี ติสัมปชัญญะ ให้ผปู้ ระกอบวิชาชพี เวชกรรมท�ำ ความเข้าใจ
อธบิ ายภาวะความเปน็ ไปของโรคใหผ้ ปู้ ว่ ยทราบ รวมถงึ แนวทางการรกั ษาตอ่ ไป แตห่ ากผปู้ ว่ ย
ไมอ่ ย่ใู นภาวะทจ่ี ะรบั ร้ไู ด้ ใหส้ ่ือสารกบั ญาติหรอื บคุ คลใกล้ชิด
๔.๓ กรณีมีปัญหาในการดำ�เนินการ หรือการตีความตามหนังสือแสดงเจตนา
ผู ้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขควรปรึกษากับบุคคลใกล้ชิดหรือญาติที่ระบุไว้ในหนังสือ
แสดงเจตนาเพ่ือกำ�หนดแนวทางการรักษาต่อไป ท้ังนี้ เพ่ือประโยชน์สูงสุดของผู้ทำ�หนังสือ
แสดงเจตนา และตรงกบั ความประสงค์ของผ้ทู ำ�หนังสือแสดงเจตนามากทสี่ ุด
๔.๔ กรณีผู้แสดงเจตนาอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ให้หนังสือนั้นมีผลเมื่อผู้น้ันพ้นจาก
สภาพการต้ังครรภ์
๕. ให้สำ�นักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ดำ�เนินการออกประกาศว่าด้วย
แนวทางปฏบิ ตั ิส�ำ หรับสถานบรกิ ารสาธารณสขุ
หลกั การ
กำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการ
สาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพ่ือยุติการทรมานจากการ
เจบ็ ปว่ ย
เหตุผล
เพอื่ ใหห้ นงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเ่ี ปน็ ไปเพยี งเพอื่ ยดื การตายใน
วาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ หรอื เพอื่ ยตุ กิ ารทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย ตามมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
สุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มผี ลในทางปฏบิ ัติได้ จึงจ�ำ เปน็ ต้องออกกฎกระทรวง ดังนี้

44 อัยการนเิ ทศ

(รา่ ง)
กฎกระทรวง
กำ�หนดหลกั เกณฑ์ และวิธีการด�ำ เนนิ การ ตามหนงั สอื แสดงเจตนา
ไมป่ ระสงค์จะรบั บรกิ ารสาธารณสุขท่เี ปน็ ไปเพียงเพอื่ ยืดการตายในวาระสุดท้ายของชวี ิต
หรือเพอ่ื ยตุ กิ ารทรมานจากการเจ็บป่วย

พ.ศ. ....

อาศัยอำ�นาจตามความในมาตรา ๑๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัติให้กระทำ�ได้ โดยอาศัยอำ�นาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรี
ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ในกฎกระทรวงน้ี
“หนังสือแสดงเจตนา” หมายความว่า หนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าของบุคคลผู้ทำ�หนังสือ
แสดงเจตนาทไ่ี มป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเ่ี ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ยของ
ชวี ติ หรอื เพอ่ื ยตุ กิ ารทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย โดยใหม้ ผี ลเมอื่ ผทู้ �ำ หนงั สอื อยใู่ นภาวะทไี่ มอ่ าจจะแสดง
เจตนาดว้ ยตนเองได้ โดยวิธีสื่อสารตามปกติ
“บริการสาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการ
ทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย” หมายความวา่ วธิ กี ารทางการแพทย์ หรอื วธิ กี ารอนื่ ใด ทผ่ี ปู้ ระกอบวชิ าชพี
เวชกรรมตดั สนิ ใจนำ�มาใชก้ บั ผทู้ ำ�หนงั สอื แสดงเจตนา เพอื่ วตั ถปุ ระสงคจ์ ะยดื การตายออกไปโดยไม่
ทำ�ให้ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาพ้นไปจากความตาย หรือพ้นจากการทรมานโดยส้ินเชิงได้ แต่ผู้ป่วย
ยงั คงได้รบั การดแู ลรกั ษาแบบประคบั ประคอง
“วาระสุดท้ายของชีวิต” หมายความว่า ภาวะของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา อันเกิดจาก
การบาดเจ็บ หรือโรค ทีไ่ มอ่ าจจะรักษาใหห้ ายได้ และจากการพยากรณโ์ รคตามมาตรฐานทว่ั ไปใน
ทางวิชาชีพเห็นว่า ภาวะนั้นจะนำ�ไปสู่การตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน และให้
รวมถงึ ภาวะที่ผปู้ ว่ ยอยูใ่ นสภาพผักถาวรดว้ ย
“สภาพผกั ถาวร” หมายความวา่ ภาวะของผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การวนิ จิ ฉยั ตามมาตรฐานทางวชิ าการ
แพทย์ ว่ามีการสูญเสียหน้าท่ีอย่างถาวรของเปลือกสมองใหญ่ ท่ีทำ�ให้ขาดความสามารถในการ
รบั รแู้ ละตดิ ตอ่ สอื่ สารอยา่ งยาวนานและถาวรโดยปราศจากพฤตกิ รรมการตอบสนองใด ๆ ทแี่ สดงถงึ
การรับรไู้ ด้ จะมีกเ็ พียงปฏกิ ิรยิ าสนองตอบอัตโนมตั ิเท่าน้นั
“การทรมานจากการเจ็บป่วย” หมายความว่า ความทุกข์ทรมานทางกาย ทางจิตใจของ
ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา อันเกิดจากการบาดเจ็บ หรือโรคท่ีไม่อาจรักษาให้บรรเทาอาการต่าง ๆ
ที่จะทำ�ให้ความทุกข์ทรมานดังกล่าว ลดน้อยลงพอที่จะทำ�ให้คุณภาพชีวิตดีข้ึน หรือหายจากการ

อยั การนเิ ทศ 45

บาดเจ็บหรือโรคนั้นได้ เช่น การเป็นอัมพาตสิ้นเชิงตั้งแต่คอลงไป โรคสมองเส่ือม โรคที่มีความผิด
ปกติของระบบกล้ามเนื้อและขอ้ ที่มสี าเหตุจากความผดิ ปกตทิ างพนั ธุกรรม เป็นตน้
“ผ้ปู ระกอบวิชาชีพด้านสาธารณสขุ ” หมายความวา่ ผปู้ ระกอบวิชาชพี ตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
สถานพยาบาล
“ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม” หมายความวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
วชิ าชพี เวชกรรม
ข้อ ๒ เพ่ือให้หนังสือแสดงเจตนามีความชัดเจนที่จะดำ�เนินการตามความประสงค์ของผู้ทำ�
หนงั สือดงั กล่าว หนงั สือแสดงเจตนาควรมีข้อมูลใหส้ ามารถสอ่ื ความหมายได้ ดังน้ี
(๑) รายการทแี่ สดงขอ้ มลู ของผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนา เชน่ ชอื่ สกลุ อายุ หมายเลขบตั รประจ�ำ
ตัวประชาชน ท่อี ยู่ หมายเลขโทรศัพทท์ ต่ี ิดตอ่ ได้
(๒) วนั เดือน ปีทท่ี ำ�หนงั สือแสดงเจตนา
(๓) ช่ือพยานและสถานภาพของพยานที่รับรองสติสัมปชัญญะของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา
ท้ังน้ี ถา้ มีใบรบั รองแพทยก์ ใ็ ห้แนบไว้กับหนงั สอื แสดงเจตนาด้วย
(๔) ระบปุ ระเภทของบรกิ ารสาธารณสุขที่ไมต่ อ้ งการจะได้รับ
(๕) กรณที ผี่ ทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนา มไิ ดเ้ ขยี นหนงั สอื แสดงเจตนาดว้ ยตนเอง อาจใหผ้ อู้ น่ื เขยี น
หรอื พมิ พ์หนงั สือแสดงเจตนาแทนได้ โดยให้ระบุชอ่ื ผู้เขียนหรือผูพ้ ิมพไ์ ว้ดว้ ย
(๖) ลายมือช่ือหรือลายพิมพ์น้ิวมือของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา ลายมือชื่อของพยาน และ
ผเู้ ขียนหรอื ผพู้ ิมพ์
หนังสือแสดงเจตนาอาจระบุช่ือบุคคลใกล้ชิดท่ีผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาให้ความไว้วางใจ ซึ่ง
ต้องเป็นผู้มีความสามารถสมบูรณ์ตามกฎหมายไว้ด้วยก็ได้ เพ่ือทำ�หน้าที่อธิบายตามความประสงค์
ท่ีแท้จริง ของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาที่ระบุไว้ไม่ชัดเจน บุคคลผู้ถูกระบุช่ือดังกล่าว ต้องแสดง
การยอมรับโดยต้องลงลายมอื ช่ือไว้ในหนงั สอื แสดงเจตนาไว้ดว้ ย
ผทู้ ำ�หนังสอื แสดงเจตนาอาจเปลยี่ นแปลงหนังสอื แสดงเจตนาไดต้ ลอดเวลา ในกรณมี ีหนังสือ
แสดงเจตนาหลายฉบับ ใหถ้ ือฉบับท่ที �ำ คร้งั สุดทา้ ยเป็นฉบบั ทม่ี ผี ลบงั คับ
หนังสือแสดงเจตนาอาจระบุรายละเอียดอ่ืน ๆ เช่น ความประสงค์ในการเสียชีวิตท่ีบ้าน
ความปรารถนาของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาที่จะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ การปฏิบัติตาม
ความเชอื่ ทางศาสนา และวฒั นธรรมของผทู้ ำ�หนงั สอื แสดงเจตนา ทง้ั น้ี สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ควร
ให้ความรว่ มมือตามสมควร
ข้อ ๓ บุคคลสามารถทำ�หนังสือแสดงเจตนา ณ ที่ใดก็ได้ แต่ในกรณีมีความประสงค์จะ
ทำ�หนังสือแสดงเจตนาท่ีสถานบริการสาธารณสุข เม่ือผู้น้ันแสดงความจำ�นงต่อเจ้าหน้าท่ีของ
สถานบริการดังกล่าว ให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องให้อำ�นวย
ความสะดวกตามสมควร

46 อยั การนิเทศ

ข้อ ๔ หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารดำ�เนินการตามหนงั สือแสดงเจตนา มีดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) ผเู้ กบ็ รกั ษาหนงั สอื แสดงเจตนาของผใู้ ดไว้ เมอื่ ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาเขา้ รบั การรกั ษาตวั
ในสถานบริการสาธารณสขุ ใด ใหแ้ สดงหนงั สอื แสดงเจตนาของผ้นู ้ัน หรือขอ้ มลู หลักฐานท่เี ก่ียวข้อง
ต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขของสถานบริการสาธารณสุขนั้นโดยไม่ชักช้า
และให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขนำ�หนังสือแสดงเจตนาของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาหรือ
สำ�เนาหนังสือแสดงเจตนาท่ีรับรองความถูกต้องแล้ว เก็บรักษาไว้เพ่ือใช้ประกอบการดำ�เนินการ
ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
(๒) เม่ือผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาเข้ารับการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขใด และแสดง
หนังสือแสดงเจตนาต่อเจ้าหน้าที่ของสถานบริการสาธารณสุขน้ัน กรณีที่ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา
ยังมีสติสัมปชัญญะดีพอที่จะส่ือสารกับผู้อื่นได้ตามปกติ ให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้รับผิดชอบ
การรกั ษาผูท้ �ำ หนังสือแสดงเจตนา อธบิ ายใหผ้ ู้ปว่ ยทราบ โดยอธิบายภาวะและความเป็นไปของโรค
ของผทู้ �ำ หนังสือแสดงเจตนาในขณะน้นั พรอ้ มทง้ั ขอค�ำ ยืนยันการปฏิเสธการรบั บริการสาธารณสขุ
ตามหนงั สอื แสดงเจตนาดงั กลา่ ว รวมทงั้ อธบิ ายถงึ วธิ ปี ฏบิ ตั ติ ามหนงั สอื แสดงเจตนานน้ั ใหผ้ ทู้ �ำ หนงั สอื
แสดงเจตนารบั ทราบกอ่ นดำ�เนินการตามหนงั สอื แสดงเจตนา
ในกรณีที่ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะรับรู้ หรือส่ือสารกับผู้อื่นได้
ตามปกติ ใหผ้ ปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมผรู้ บั ผดิ ชอบการรกั ษาผทู้ ำ�หนงั สอื แสดงเจตนาแจง้ ญาตหิ รอื
บคุ คลใกลช้ ดิ เชน่ เดียวกนั กับในวรรคแรก
(๓) กรณที มี่ ปี ญั หาการด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนา หรอื การตคี วามหนงั สอื แสดงเจตนา
ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมผรู้ บั ผดิ ชอบการรกั ษาผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาควรปรกึ ษาหารอื กบั บคุ คล
ใกล้ชดิ ตามขอ้ ๒ วรรค ๒ หรอื ญาตผิ ทู้ �ำ หนังสอื แสดงเจตนา เพอื่ ก�ำ หนดแนวทางการดูแลรักษาต่อ
ไป โดยทำ�การรักษาเพือ่ ประโยชนส์ ูงสดุ ของผู้ท�ำ หนงั สอื แสดงเจตนา และตรงกบั ความประสงคข์ อง
ผู้ทำ�หนงั สอื แสดงเจตนามากทส่ี ุด
(๔) ในกรณีที่ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอยู่ระหว่างการต้ังครรภ์ ให้หนังสือแสดงเจตนามีผลก็
ตอ่ เมอ่ื ผนู้ ้ันพน้ จากสภาพการตง้ั ครรภ์
ข้อ ๕ ให้สำ�นักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติด�ำ เนินการออกประกาศว่าด้วยแนวทาง
ปฏบิ ตั สิ �ำ หรบั สถานบรกิ ารสาธารณสขุ เพอ่ื ใหผ้ ู้ประกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสุขและเจ้าหนา้ ท่ีของ
สถานบริการสาธารณสุข สามารถปฏิบตั งิ านใหเ้ ปน็ ไปตามกฎกระทรวงน้ี
ขอ้ ๖ กฎกระทรวงฉบบั นใ้ี หใ้ ชบ้ งั คบั ตง้ั แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ตน้
ไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อยั การนเิ ทศ 47

หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศกฎกระทรวงฉบบั นี้ เพ่อื ให้หนงั สือแสดงเจตนาไม่ประสงคจ์ ะ
รบั บรกิ ารสาธารณสุขทเี่ ปน็ ไปเพยี งเพ่อื ยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพอื่ ยุติการทรมาน
จากการเจ็บป่วย ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มีผลในทาง
ปฏบิ ตั ิได้ จึงจำ�เป็นต้องออกกฎกระทรวงน้ี
รายชอ่ื หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั กฎกระทรวงก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารด�ำ เนนิ การตาม
หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระ
สุดทา้ ยของชีวติ หรอื เพ่อื ยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ....
สว่ นราชการ
๑. กระทรวงสาธารณสขุ
๒. สถานพยาบาลของกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบรหิ าร
สว่ นจงั หวดั เทศบาล องคก์ ารบริหารส่วนตำ�บล สภากาชาดไทย และหนว่ ยงานของรฐั อ่ืน ๆ
๓. สำ�นักงานศาลยุตธิ รรม
๔. สถาบนั กฎหมายอาญา ส�ำ นักงานอัยการสงู สดุ
๕. สำ�นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
รัฐวิสาหกิจ
๑. สถานพยาบาลของรฐั วสิ าหกจิ ทกุ แหง่
สภาวิชาชพี คณะกรรมการวิชาชพี ดา้ นสาธารณสุข
๑. องคก์ รวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ ทมี่ กี ฎหมายจดั ตง้ั ไดแ้ ก่ แพทยสภา ทนั ตแพทยสภา สภา
การพยาบาล สภากายภาพบำ�บัด สภาเภสชั กรรม สภาเทคนิคการแพทย์
๒. คณะกรรมการวิชาชพี ท่จี ดั ตง้ั ขน้ึ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ เชน่ คณะ
กรรมการการแพทยแ์ ผนไทย คณะกรรมการการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ คณะกรรมการรงั สเี ทคนคิ
คณะกรรมการการแพทย์แผนจีน เปน็ ต้น
องค์กรเอกชน สมาคมและมูลนธิ ิ
๑. แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชปู ถัมภ์
๒. สถาบนั เวชศาสตรผ์ ้สู งู อายุ
๓. สภาผสู้ งู อายแุ ห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภ์
๔. สภาทนายความ
๕. สมาคมโรงพยาบาลเอกชน
การด�ำ เนินการ
กรณีนี้มีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานที่ได้ให้ความคิดเห็นประกอบการพิจารณาของ

48 อยั การนเิ ทศ

คณะรฐั มนตรี ได้แก่ ส�ำ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม ส�ำ นักงานอยั การสงู สุด กระทรวงยตุ ธิ รรม เป็นตน้
ตอ่ มาคณะรัฐมนตรไี ด้ประชมุ ปรึกษาเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ลงมตอิ นมุ ัติหลกั การของ
ร่างกฎกระทรวงกำ�หนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับ
บริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมาน
จากการเจ็บป่วย พ.ศ. .... ตามทส่ี �ำ นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพแห่งชาตเิ สนอ และส่งให้ส�ำ นกั งาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำ�นักงานศาล
ยุติธรรม และสำ�นักงานอัยการสงู สุดไปประกอบการพิจารณาด้วย แลว้ ดำ�เนินการตอ่ ไป๒
ในช้ันพจิ ารณาของสำ�นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี าไดพ้ จิ ารณารา่ งกฎกระทรวงน้ี โดยเชญิ
หนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วข้องมาพิจารณาจนไดข้ อ้ ยตุ ิเปน็ มตทิ ่ปี ระชมุ แก้ไขร่างกฎกระทรวงน้ีใหม่ เป็นดังนี้
ร่างกฎกระทรวงที่แกไ้ ขใหม่
๑. แก้ไขเหตผุ ล เป็นดังนี้
“โดยท่ีมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบญั ญัตสิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญตั ิใหบ้ ุคคลมีสทิ ธิ
ทำ�หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะขอรับบริการสาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระ
สุดท้ายของชีวิตตนหรือเพ่ือยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้ ดังนั้น เพ่ือกำ�หนดหลักเกณฑ์และ
วิธีการดำ�เนนิ การตามหนังสอื แสดงเจตนาดงั กล่าวใหเ้ ป็นไปในแนวทางเดยี วกนั จึงจำ�เปน็ ต้องออก
กฎกระทรวงน”้ี
เหตผุ ล เพ่ือให้เป็นไปตามรปู แบบการร่างกฎกระทรวง
๒. แก้ไขรา่ งข้อ ๑ นยิ ามค�ำ วา่ “หนงั สอื แสดงเจตนา” เปน็ ดงั นี้
“ “หนงั สอื แสดงเจตนา” หมายความวา่ หนงั สอื ซง่ึ บคุ คลแสดงเจตนาไวล้ ว่ งหนา้ วา่ ไมป่ ระสงค์
จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพ่ือยุติ
การทรมานจากการเจ็บปว่ ย”
เหตผุ ล เนอื่ งจากหากใหห้ นงั สอื แสดงเจตนามผี ลเมอ่ื ผทู้ �ำ หนงั สอื อยใู่ นภาวะทไ่ี มอ่ าจจะแสดง
เจตนาดว้ ยตนเองได้ จะเปน็ การขยายเพม่ิ หลกั การของพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา ๑๒ ซึง่ เป็นกฎหมายแม่
๓. แก้ไขร่างข้อ ๑ นิยามคำ�ว่า “บริการสาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระ
สดุ ทา้ ยของชีวิต หรอื เพือ่ ยตุ กิ ารทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย” เปน็ ดงั นี้
“ “บรกิ ารสาธารณสขุ ทีเ่ ปน็ ไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดทา้ ยของชวี ติ หรอื เพื่อยุตกิ าร
ทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย” หมายความวา่ วธิ กี ารทผี่ ปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมนำ�มาใชก้ บั ผทู้ �ำ หนงั สอื
แสดงเจตนาเพอ่ื ประสงคจ์ ะยดื การตายออกในวาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ออกไป โดยไมท่ �ำ ใหผ้ ทู้ �ำ หนงั สอื

๒หนังสือส�ำ นกั เลขาธิการคณะรฐั มนตรี ที่ นร ๐๕๐๓/๒๓๐๒๓ ลงวันที่ ๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ เรอื่ ง ร่างกฎกระทรวง
ก�ำ หนดหลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเ่ี ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ยดื การตาย
ในวาระสุดทา้ ยของชีวติ หรอื เพือ่ ยุตกิ ารทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย พ.ศ. ....

อัยการนเิ ทศ 49

แสดงเจตนาพ้นจากความตายหรอื ยุตกิ ารทรมานจากการเจ็บปว่ ย ทั้งน้ี ผ้ทู �ำ หนังสือแสดงเจตนายัง
คงไดร้ บั การดูแลรกั ษาแบบประคบั ประคอง”
เหตุผล ตัดค�ำ ว่า “วิธีการทางการแพทย”์ ในร่างกฎกระทรวงเดมิ ออก เนอ่ื งจากในอนาคต
อาจมคี วามกา้ วหนา้ ทางวิทยาการในการรกั ษาโรคใหม่ ๆ ทเี่ ป็นท่ยี อมรับและไดผ้ ลดมี ากกวา่ เฉพาะ
วธิ ีการทางแพทย์ การก�ำ หนดวา่ เป็นวิธกี ารใด ๆ มคี วามหมายครอบคลุมกวา่ และรวมถงึ วธิ ีการทาง
แพทยด์ ้วย
๔. แกไ้ ขร่างขอ้ ๑ นิยามคำ�วา่ “วาระสุดทา้ ยของชวี ิต” และ “สภาพผกั ถาวร” เป็นดงั น้ี
“วาระสุดท้ายของชีวิต” หมายความว่า ภาวะของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอันเกิดจาก
การบาดเจ็บหรือโรคที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ และจากการพยากรณ์โรคตามมาตรฐานทาง
การแพทยเ์ ห็นวา่ ภาวะน้นั จะน�ำ ไปส่กู ารตายอยา่ งหลีกเลย่ี งไมไ่ ดใ้ นระยะเวลาอันใกล้จะถึง และให้
รวมถึงภาวะของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาท่ีได้รับการวินิจฉัยตามมาตรฐานทางการแพทย์ว่า มีการ
สญู เสยี หนา้ ทอี่ ยา่ งถาวรของเปลอื กสมองใหญท่ ท่ี �ำ ใหข้ าดความสามารถในการรบั รแู้ ละตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
อยา่ งถาวร โดยปราศจากพฤติกรรมการตอบสนองใด ๆ ที่แสดงถึงการรับรู้ได้จะมีกเ็ พียงปฏิกริ ิยา
สนองตอบอัตโนมตั เิ ท่านนั้ ”
เหตผุ ล ในรา่ งกฎกระทรวงเดมิ การก�ำ หนดค�ำ นยิ าม “สภาพผกั ถาวร” เพอื่ ขยายความหมาย
คำ�นิยาม “วาระสุดทา้ ยของชีวติ ” โดยไม่มกี ารบังคบั ใชต้ ่อไปในเน้อื หาของรา่ งกฎกระทรวงอีก จะ
ไมเ่ ป็นไปตามรูปแบบการร่างกฎหมาย ทัง้ ค�ำ ว่า “สภาพผักถาวร” เปน็ คำ�ทแี่ ปลมาจากภาษาศพั ท์
เทคนคิ เฉพาะในวงการแพทยว์ า่ persistent vegetative state ท�ำ ใหไ้ มเ่ ขา้ ใจความหมาย จงึ จ�ำ เปน็
ต้องให้ความหมายไว้
๕. แก้ไขรา่ งข้อ ๑ นิยามค�ำ ว่า “การทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย” เปน็ ดังนี้
“การทรมานจากการเจ็บป่วย” หมายความว่า ความทุกข์ทรมานทางกาย ทางจิตใจของ
ผูท้ �ำ หนังสือแสดงเจตนา อนั เกิดจากการบาดเจบ็ หรือโรคทีไ่ มอ่ าจรกั ษาใหห้ ายได้”
เหตผุ ล เพอื่ ใหม้ กี ารก�ำ หนดหลกั เกณฑก์ ารวินิจฉัยทช่ี ดั เจน
๖. แก้ไขร่างขอ้ ๒ เป็นดังนี้
“ขอ้ ๒ หนงั สอื แสดงเจตนาตอ้ งมคี วามชดั เจนเพยี งพอทจ่ี ะด�ำ เนนิ การตามความประสงคข์ อง
ผทู้ �ำ หนงั สอื ดังกลา่ ว โดยมขี ้อมลู เปน็ แนวทางในการทำ�หนงั สอื ดงั น้ี
(๑) รายการทแี่ สดงขอ้ มลู ของผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาโดยระบชุ อ่ื นามสกลุ อายุ หมายเลข
บัตรประจ�ำ ตวั ประชาชน ท่อี ยู่ หรือหมายเลขโทรศพั ท์ทีต่ ิดตอ่ ได้
(๒) วัน เดอื น ปีที่ทำ�หนงั สอื แสดงเจตนา
(๓) ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำ�ตัวประชาชนของพยาน และความเก่ียวข้องกับ
ผทู้ �ำ หนงั สือแสดงเจตนา
(๔) ระบุประเภทของบริการสาธารณสุขท่ไี มต่ ้องการจะได้รับ

50 อัยการนิเทศ

(๕) ในกรณที ผี่ ทู้ ำ�หนงั สอื แสดงเจตนาให้ผ้อู ่นื เขียนหรอื พิมพ์หนงั สอื แสดงเจตนาให้ระบชุ อ่ื
นามสกลุ และหมายเลขบตั รประจ�ำ ตัวประชาชนของผู้เขียน หรือผพู้ ิมพ์ไวด้ ว้ ย
หนังสือแสดงเจตนาต้องลงลายมือช่ือหรือลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำ�หนังสือแสดง
เจตนา พยาน และผเู้ ขียนหรือผพู้ ิมพไ์ วด้ ว้ ย
ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาอาจระบชุ อ่ื บคุ คล เพอ่ื ท�ำ หนา้ ทอ่ี ธบิ ายตามความประสงคท์ ี่
แทจ้ รงิ ของผู้ท�ำ หนังสอื แสดงเจตนาทร่ี ะบไุ ว้ไม่ชดั เจน บุคคลผู้ถกู ระบชุ อื่ ดงั กลา่ วตอ้ ง
ลงลายมอื ชือ่ หรือลายพิมพน์ ว้ิ มือ และหมายเลขบตั รประจ�ำ ตวั ประชาชนไว้ในหนงั สอื
แสดงเจตนาด้วย
หนงั สอื แสดงเจตนาอาจจะระบรุ ายละเอยี ดอนื่ ๆ เชน่ ความประสงคใ์ นการเสยี ชวี ติ
ณ สถานที่ใดตามความประสงค์ที่จะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ การปฏิบัติ
ตามประเพณีและความเชื่อทางศาสนา ให้สถานบริการสาธารณสุขให้ความร่วมมือ
ตามสมควร”
เหตผุ ล การแสดงเจตนาตอ้ งมขี อ้ มลู ทชี่ ดั เจนในการด�ำ เนนิ การตามความประสงคข์ องผแู้ สดง
เจตนา โดยแสดงรายละเอยี ดของข้อมูลและความประสงคใ์ ห้ครบถ้วนชดั เจน
๗. แกไ้ ขร่างข้อ ๓ เป็นดงั นี้
“ขอ้ ๓ บคุ คลสามารถทำ�หนงั สอื แสดงเจตนา ณ ทใ่ี ดกไ็ ด้ ถา้ ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาประสงค์
จะทำ�หนังสือแสดงเจตนา ณ สถานบริการสาธารณสุข ให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขและ
เจา้ หนา้ ที่ทเ่ี กยี่ วขอ้ งใหอ้ ำ�นวยความสะดวกตามสมควร”
เหตุผล เพอ่ื เปน็ การอ�ำ นวยความสะดวกแกผ่ แู้ สดงเจตนา
๘. แก้ไขร่างข้อ ๔ เป็นดังน้ี
“ข้อ ๔ เมื่อผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาเข้ารับการรักษาตัวในสถานบริการสาธารณสุข ให้นำ�
หนังสือแสดงเจตนายื่นต่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขของสถานบริการสาธารณสุขน้ันโดย
ไมช่ ักช้า
ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอาจยกเลิกหรือเปล่ียนแปลงหนังสือแสดงเจตนาได้ ในกรณีที่มีการ
แสดงเจตนาหลายฉบบั ใหถ้ อื ฉบับที่ทำ�หลงั สดุ เปน็ ฉบบั ทม่ี ีผลบงั คบั ”
เหตผุ ล กรณที ม่ี กี ารแสดงเจตนาไวแ้ ลว้ ใหแ้ สดงตอ่ ผเู้ กย่ี วขอ้ งเพอื่ จะไดท้ ราบเจตนาและกรณี
มกี ารแสดงเจตนาหลายฉบบั ตอ้ งกำ�หนดให้ฉบับสุดทา้ ยมีผลบงั คับ
๙. แก้ไขรา่ งขอ้ ๔ ในร่างกฎกระทรวงเดิมเป็นขอ้ ๕ ดังน้ี
“ข้อ ๕ หลักเกณฑ์ วิธีการดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาเม่ือวาระสุดท้ายของชีวิต
ใกล้จะมาถึงหรอื เพอ่ื ยุติการทรมานจากการเจบ็ ป่วย ให้ด�ำ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) กรณีที่ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนายังมีสติสัมปชัญญะดีพอท่ีจะสื่อสารได้ตามปกติให้
ผู้ประกอบวิชาชพี เวชกรรมผู้รบั ผดิ ชอบการรกั ษา อธิบายให้ผู้ท�ำ หนงั สือแสดงเจตนาทราบถงึ ภาวะ

อัยการนิเทศ 51

และความเป็นไปของโรคในขณะน้ัน เพื่อขอคำ�ยืนยันหรือปฏิเสธก่อนที่จะปฏิบัติตามหนังสือแสดง
เจตนา
(๒) ในกรณีที่ผ้ทู ำ�หนังสอื แสดงเจตนาไม่มีสติสัมปชญั ญะดีพอทจ่ี ะสอ่ื สารได้ตามปกติ หากมี
บคุ คลตามขอ้ ๒ วรรคสาม หรือญาติของผ้ทู �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาให้ผปู้ ระกอบวิชาชีพผรู้ ับผดิ ชอบ
การรักษาอธิบายถึงภาวะและความเป็นไปของโรคให้บุคคลดังกล่าวทราบ และแจ้งรายละเอียด
เก่ียวกับการดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาก่อนที่จะปฏิบัติ
ตามหนังสอื แสดงเจตนาดงั กล่าว
(๓) ในกรณีท่มี ีปัญหาเกย่ี วกับการด�ำ เนนิ การตามหนงั สือแสดงเจตนา ใหผ้ ู้ประกอบวชิ าชีพ
เวชกรรมผู้รับผิดชอบการรักษาปรึกษากับบุคคลตามข้อ ๒ วรรคสาม หรือญาติผู้ทำ�หนังสือแสดง
เจตนานนั้ โดยคำ�นึงถงึ เจตนาของผ้ทู �ำ หนงั สือแสดงเจตนามากท่สี ุด
(๔) ในกรณีที่ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ให้หนังสือแสดงเจตนามีผล
ก็ตอ่ เมื่อผนู้ ้นั พ้นจากสภาพการตงั้ ครรภ์”
เหตผุ ล เนอ่ื งจากเปน็ ขนั้ ตอนการแสดงเจตนากอ่ นการดำ�เนนิ การตามวธิ กี ารในหนงั สอื แสดง
เจตนา จงึ ควรแยกไว้ต่างหากจากกนั เป็นอีกขอ้ หนงึ่ อกี ท้ังหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการในการปฏบิ ัตติ าม
หนังสือแสดงเจตนาขณะมีสติสัมปชัญญะหรือไม่มีสติสัมปชัญญะจะแตกต่างกัน นอกจากนี้เพื่อไม่
ให้ญาติใช้ดลุ พนิ จิ แตกต่างไปจากเจตนาของผูท้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนา
๑๐. แกไ้ ขรา่ งกฎกระทรวงขอ้ ๕ เดมิ เปน็ ขอ้ ๖ ดังนี้
“ข้อ ๖ ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติออกประกาศ
ก�ำ หนดแนวทางการปฏบิ ตั งิ านของสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ และ
เจา้ หนา้ ทข่ี องสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ตามกฎกระทรวงนี้ พรอ้ มทง้ั ตวั อยา่ งหนงั สอื แสดงเจตนาโดย
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
เหตุผล เน่ืองจากพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ไม่ได้ให้อำ�นาจสำ�นักงาน
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติออกประกาศกำ�หนด จึงเป็นอำ�นาจของคณะกรรมการสุขภาพ
แห่งชาตแิ ละตอ้ งประกาศในราชกิจจานุเบกษาใหเ้ ป็นท่รี ับรโู้ ดยทัว่ ไป
๑๑. แกไ้ ขรา่ งกฎกระทรวงขอ้ ๖ เดมิ เป็นขอ้ ๗ โดยปรบั ปรงุ ใหเ้ ป็นไปตามรปู แบบการร่าง
กฎหมาย
ส�ำ หรับพระราชบัญญัตสิ ุขภาพแห่งชาต ิ พ.ศ. ๒๕๕๐ บัญญัตไิ ว้ในสว่ นที่เกย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื ง
นี้ ดังน้ี
“มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัตินี้
“สุขภาพ” หมายความว่า ภาวะของมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และ
ทางสงั คม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดลุ

52 อยั การนิเทศ

“ปัญญา” หมายความว่า ความรู้ทั่ว รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ในเหตุผลแห่ง
ความดี ความชั่ว ความมปี ระโยชน์และความมโี ทษ ซงึ่ นำ�ไปสู่ความมจี ติ อนั ดงี ามและเอื้อเฟือ้ เผ่ือแผ่
“ระบบสุขภาพ” หมายความว่า ระบบความสัมพันธท์ ้งั มวลทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับสุขภาพ
“บริการสาธารณสุข” หมายความว่า บริการต่างๆ อันเก่ียวกับการสร้างเสริมสุขภาพ
การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยและบำ�บัดสภาวะ
ความเจบ็ ปว่ ย และการฟ้ืนฟสู มรรถภาพของบุคคล ครอบครวั และชมุ ชน
“บคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ” หมายความวา่ ผใู้ หบ้ รกิ ารสาธารณสขุ ทมี่ กี ฎหมาย ระเบยี บ หรอื
ข้อกำ�หนดรองรบั
“ผปู้ ระกอบวิชาชีพด้านสาธารณสขุ ” หมายความวา่ ผ้ปู ระกอบวชิ าชีพตามกฎหมายวา่ ด้วย
สถานพยาบาล
“สมชั ชาสขุ ภาพ” หมายความวา่ กระบวนการทใ่ี หป้ ระชาชนและหนว่ ยงานของรฐั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ไดร้ ว่ มแลกเปลย่ี นองคค์ วามรแู้ ละเรยี นรอู้ ยา่ งสมานฉนั ท์ เพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารเสนอแนะนโยบายสาธารณะ
เพื่อสุขภาพหรือความมีสุขภาพของประชาชน โดยจัดให้มีการประชุมอย่างเป็นระบบและอย่าง
มีสว่ นร่วม
“กรรมการ” หมายความวา่ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ
“คณะกรรมการสรรหา” หมายความว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการสขุ ภาพแห่งชาติ
“เลขาธิการ” หมายความว่า เลขาธกิ ารคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาติ
“ส�ำ นกั งาน” หมายความว่า สำ�นกั งานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
“คณะกรรมการบรหิ าร” หมายความวา่ คณะกรรมการบรหิ ารส�ำ นกั งานคณะกรรมการสขุ ภาพ
แหง่ ชาติ
“กรรมการบรหิ าร” หมายความวา่ กรรมการในคณะกรรมการบริหาร
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วน
ทอ้ งถนิ่ รัฐวิสาหกจิ องค์กรควบคมุ การประกอบวิชาชีพ องคก์ ารมหาชน และหนว่ ยงานอ่ืนของรัฐ
“รฐั มนตร”ี หมายความว่า รฐั มนตรผี รู้ กั ษาการตามพระราชบัญญัติน้ี
มาตรา ๕ บคุ คลมสี ทิ ธิในการด�ำ รงชวี ติ ในสิ่งแวดลอ้ มและสภาพแวดลอ้ มท่ีเอือ้ ตอ่ สุขภาพ
บคุ คลมหี นา้ ทร่ี ว่ มกบั หนว่ ยงานของรฐั ในการด�ำ เนนิ การใหเ้ กดิ สงิ่ แวดลอ้ มและสภาพแวดลอ้ ม
ตามวรรคหนึง่
มาตรา ๖ สุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและสุขภาพของระบบเจริญพันธุ์ ซึ่งมี
ความจำ�เพาะ ซับซ้อนและมีอิทธิพลต่อสุขภาพหญิงตลอดช่วงชีวิต ต้องได้รับการสร้างเสริมและ
ค้มุ ครองอย่างสอดคล้องและเหมาะสม
สุขภาพของเด็ก คนพิการ คนสูงอายุ คนด้อยโอกาสในสังคมและกลุ่มคนต่าง ๆ ท่ีมีความ
จ�ำ เพาะในเรือ่ งสุขภาพ ตอ้ งได้รบั การสรา้ งเสริมและค้มุ ครองอยา่ งสอดคล้องและเหมาะสมด้วย

อยั การนิเทศ 53

มาตรา ๗ ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำ�ไปเปิดเผยใน
ประการที่น่าจะทำ�ให้บุคคลน้ันเสียหายไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยน้ันเป็นไปตามความประสงค์ของ
บุคคลน้ันโดยตรง หรอื มีกฎหมายเฉพาะบญั ญัติใหต้ อ้ งเปดิ เผย แต่ไมว่ ่าในกรณใี ด ๆ ผู้ใดจะอาศัย
อำ�นาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอ่ืนเพื่อขอเอกสาร
เกยี่ วกบั ขอ้ มลู ดา้ นสุขภาพของบคุ คลทไ่ี ม่ใช่ของตนไมไ่ ด้
มาตรา ๘ ในการบริการสาธารณสุข บุคลากรด้านสาธารณสขุ ต้องแจง้ ขอ้ มูลด้านสุขภาพท่ี
เก่ียวข้องกับการให้บริการให้ผู้รับบริการทราบอย่างเพียงพอที่ผู้รับบริการจะใช้ประกอบการตัดสิน
ใจในการรบั หรอื ไมร่ บั บรกิ ารใด และในกรณที ผ่ี รู้ บั บรกิ ารปฏเิ สธไมร่ บั บรกิ ารใด จะใหบ้ รกิ ารนนั้ มไิ ด้
ในกรณีที่เกิดความเสียหายหรืออันตรายแก่ผู้รับบริการเพราะเหตุท่ีผู้รับบริการปกปิด
ขอ้ เทจ็ จริงทตี่ นรูแ้ ละควรบอกให้แจ้ง หรอื แจ้งขอ้ ความอันเป็นเทจ็ ผใู้ ห้บริการไมต่ ้องรับผดิ ชอบใน
ความเสยี หายหรืออันตรายน้นั เว้นแต่เป็นกรณีท่ีผ้ใู หบ้ รกิ ารประมาทเลนิ เลอ่ อย่างรา้ ยแรง
ความในวรรคหนง่ึ มใิ ห้ใช้บังคบั กับกรณีดังต่อไปนี้
(๑) ผู้รับบริการอยู่ในภาวะท่ีเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต และมีความจำ�เป็นต้องให้ความช่วยเหลือ
เปน็ การรีบดว่ น
(๒) ผู้รับบริการไม่อยู่ในฐานะที่จะรับทราบข้อมูลได้ และไม่อาจแจ้งให้บุคคลซึ่งเป็นทายาท
โดยธรรมตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ผ้ปู กครอง ผู้ปกครองดูแล ผพู้ ิทักษ์ หรอื ผู้อนุบาล
ของผรู้ บั บริการ แลว้ แต่กรณี รับทราบขอ้ มูลแทนในขณะนน้ั ได้
มาตรา ๙ ในกรณีท่ีผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขประสงค์จะใช้ผู้รับบริการเป็น
สว่ นหนึง่ ของการทดลองในงานวจิ ยั ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ด้านสาธารณสขุ ต้องแจง้ ให้ผูร้ ับบรกิ ารทราบ
ลว่ งหนา้ และตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมเปน็ หนงั สอื จากผรู้ บั บรกิ ารกอ่ นจงึ จะดำ�เนนิ การได้ ความยนิ ยอม
ดังกลา่ ว ผ้รู ับบริการจะเพิกถอนเสยี เม่ือใดกไ็ ด้
มาตรา ๑๐ เมอื่ มกี รณที จี่ ะมผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพของประชาชนเกดิ ขนึ้ หนว่ ยงานของรฐั ทมี่ ี
ข้อมลู เกี่ยวกับกรณดี ังกลา่ ว ตอ้ งเปดิ เผยข้อมูลน้นั และวิธปี ้องกนั ผลกระทบตอ่ สุขภาพให้ประชาชน
ทราบและจดั หาขอ้ มูลใหโ้ ดยเรว็
การเปดิ เผยข้อมลู ตามวรรคหน่งึ ต้องไม่มลี ักษณะเป็นการละเมิดสิทธสิ ว่ นบคุ คลของบุคคลใด
เป็นการเฉพาะ
มาตรา ๑๑ บคุ คลหรอื คณะบคุ คลมสี ทิ ธริ อ้ งขอใหม้ กี ารประเมนิ และมสี ทิ ธริ ว่ มในกระบวนการ
ประเมนิ ผลกระทบดา้ นสุขภาพจากนโยบายสาธารณะ
บุคคลหรือคณะบุคคลมีสิทธิได้รับรู้ข้อมูล คำ�ชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐก่อน
การอนุญาตหรือการดำ�เนินโครงการหรือกิจกรรมใดท่ีอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของตนหรือของ
ชมุ ชนและแสดงความเหน็ ของตนในเร่ืองดังกล่าว
มาตรา ๑๒ บุคคลมีสิทธิทำ�หนังสอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรับบรกิ ารสาธารณสุขท่ีเป็นไป

54 อัยการนเิ ทศ

เพียงเพอ่ื ยดื การตายในวาระสุดทา้ ยของชวี ิตตน หรอื เพอ่ื ยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
การดำ�เนินการตามหนงั สอื แสดงเจตนาตามวรรคหนง่ึ ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการที่
ก�ำ หนดในกฎกระทรวง
เมอื่ ผปู้ ระกอบวิชาชพี ด้านสาธารณสุขได้ปฏิบตั ติ ามเจตนาของบุคคลตามวรรคหนึ่งแลว้ มใิ ห้
ถือวา่ การกระท�ำ น้ันเปน็ ความผิด และให้พน้ จากความรบั ผิดทั้งปวง”
นกั กฎหมายและนกั วชิ าชพี ตลอดจนผเู้ กยี่ วขอ้ งไดใ้ หค้ วามคดิ เหน็ ในเรอ่ื งน้ี ดงั เชน่ เราควร
มีความเขา้ ใจเบื้องต้นกนั เสยี ก่อนว่า “หนงั สือแสดงเจตนา” (Living Will)๓ ต้องมีองคป์ ระกอบ
ดงั ต่อไปน้ี
๑. ตอ้ งเป็นการกระทำ�ล่วงหน้า.
๒. ตอ้ งเป็นวาระสดุ ทา้ ยของชวี ิตจรงิ ๆ .
๓. ต้องตคี วามท�ำ ให้ชัดเจนกับค�ำ ว่า “เพอ่ื ยตุ ิการทรมานจากการเจ็บปว่ ย”.
๔. ไมใ่ ช่ Active Euthanasia หรือ Mercy Killing คือ การุณฆาต ชว่ ยให้ผู้อืน่ ฆา่ ตวั ตาย
หรือทำ�ให้ตายในขณะที่ผู้ป่วยยังมีสติ และไม่ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตจริง อันผิดไปจาก “The
Hippocratic Oath” และผิดไปจากหลักพุทธศาสนา.
ด้วยเหตุน้ีการดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้ายต้องถูกขบคิด และต้องให้เข้าถึงจิตวิญญาณของ
ผปู้ ว่ ยดว้ ย จงึ จะยงั ประโยชนใ์ หแ้ กผ่ ปู้ ว่ ยไดอ้ ยา่ งจรงิ แท้ รา่ งกฎกระทรวงตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ บรบิ ททส่ี �ำ คญั
ไดแ้ ก่ จรยิ ธรรมแพทย์ วชิ าการ สทิ ธขิ องความเปน็ มนษุ ย์ ภาระงานของแพทย์ กฎหมาย ความเชอื่
ดา้ นปรัชญาทงั้ ของผปู้ ว่ ยและแพทย.์
อยา่ งไรเสียไม่วา่ จะมี “หนงั สือแสดงเจตนาไม่ประสงคร์ บั บรกิ ารสาธารณสขุ ” หรอื ไม่ แพทย์
ทกุ ทา่ นพงึ ท�ำ ความเขา้ ใจ ปรกึ ษาปญั หากบั ญาตใิ หช้ ดั เจนกอ่ นการทำ� Passive Euthanasia ทกุ ราย๔
ผลจากการประชมุ คณะรฐั มนตรใี นเรอ่ื งดังกล่าว ไดป้ รากฏขา่ วในหนงั สอื พมิ พ๕์ เช่น
ทำ�เนียบรัฐบาล – รัฐบาลผ่านร่างกฎหมายสิทธิที่จะอยู่หรือตายของผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ช้ีเปน็ การเคารพสทิ ธิการตดั สินใจ ขณะเดยี วกันก็ลดภาระรฐั
การประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำ�เนียบรัฐบาล วันอังคารที่ ๘ ธันวาคมน้ี นายแพทย์ภูมินทร์
ลธี รี ะประเสรฐิ รองโฆษกประจ�ำ ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี แถลงถงึ ประเดน็ หนง่ึ ทนี่ า่ สนใจวา่ คณะรฐั มนตรี
อนมุ ตั ใิ นหลกั การรา่ งกฎกระทรวง ก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารดำ�เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนา
ไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อ
ยุตกิ ารทรมานจากการเจบ็ ป่วย พ.ศ. .... ตามทีส่ �ำ นักงานคณะกรรมการการสขุ ภาพแห่งชาติเสนอ

๓สัมพนั ธ์ คมฤทธิ์ พ.บ. เลขาธิการแพทยสภา , http://www.doctor.or.th/node/๗๙๓๒.
๔เพิง่ อ้าง.
๕หนังสอื พิมพไ์ ทยโพสต,์ ๙ ธนั วาคม ๒๕๕๒, http://www.nhrc.or.th/news.php?news_id=๕๙๔๙&lang=TH, ๑๔
ธนั วาคม ๒๕๕๒.

อัยการนเิ ทศ 55

และใหส้ ่งสำ�นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี าตรวจพิจารณา กอ่ นดำ�เนนิ การต่อไป
นายแพทย์ภูมินทร์กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒
วรรคหนึ่ง และวรรคสอง บัญญัติให้บุคคลมีสิทธิทำ�หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการ
สาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจาก
การเจบ็ ปว่ ยโดยใหก้ ารทำ�หนงั สือแสดงเจตนาดังกล่าว เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และวิธกี ารก�ำ หนดใน
กฎกระทรวง
การทำ�หนังสือแสดงเจตนาดังกล่าว นายแพทย์ภูมินทร์ระบุว่า เป็นการรับรองสิทธิในการ
ปฏิเสธการรักษา ซ่ึงจะทำ�ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตรงตามความประสงค์ หรือสามารถปฏิเสธ
การรักษาท่ีไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองในวาระสุดท้ายของชีวิต เรียกว่าการยืดการตาย หรือผู้ป่วย
ทีต่ ้องทรมานจากโรคบางโรคในระยะยาว โดยไมม่ ที างรกั ษาให้หายขาดได้ ยตุ ิความทรมานนั้น โดย
หนังสือดังกล่าวเป็นการเคารพสิทธิการตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่ต้องการรักษาอันจะเป็นภาระ
ต่อระบบบริการสาธารณสขุ ของประเทศและญาติ อยา่ งไรก็ตาม แพทยแ์ ละพยาบาลยงั ใหก้ ารดูแล
ผปู้ ว่ ยเพอื่ บรรเทาทกุ ขท์ รมานของผปู้ ว่ ยไมว่ า่ จะท�ำ หนงั สอื แสดงเจตนาไวห้ รอื ไมก่ ต็ าม ตามแนวทาง
การดแู ลรักษาแบบประคบั ประคอง
นายแพทยช์ าตรี เจรญิ ศิริ รองเลขาธิการส�ำ นักงานคณะกรรมการสุขภาพแหง่ ชาติ อธิบาย
วา่ หลกั การกฎกระทรวงฉบบั นค้ี อื แพทย์ตอ้ งใหก้ ารดูแลรกั ษาท่เี ปน็ ประโยชนส์ งู สดุ ต่อผปู้ ่วย และ
แพทยท์ �ำ ตามความประสงคข์ องผปู้ ว่ ยทไี่ ดท้ ำ�หนงั สอื ปฏเิ สธการรกั ษา ทเี่ ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ยดื การตาย
ในวาระสุดท้ายของชีวิต เช่น ไม่ใช้เครื่องปั๊มหัวใจและการเจาะคอ หรือการรักษาอื่นใดที่ขัดขวาง
การตายอยา่ งสงบตามธรรมชาต ิ ซ่งึ เป็นการเคารพสิทธขิ องผู้ป่วยในการตดั สินใจเกย่ี วกับชีวติ ของ
เขาเอง อันเปน็ สทิ ธิมนุษยชนขน้ั พน้ื ฐานทน่ี านาอารยประเทศยอมรับ
“ขอให้สบายใจได้ว่า ผู้ป่วยทุกรายไม่ถูกทอดทิ้งให้ทุกข์ทรมานแน่นอน ไม่ว่าจะทำ�หนังสือ
แสดงเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้ป่วยทุกรายยังคงได้รับการดูแลรักษาแบบประคับประคอง บรรเทา
ความทกุ ขท์ รมาน รวมถงึ การเยยี วยาจติ ใจผปู้ ว่ ยและญาติ มไิ ดถ้ กู ทอดทงิ้ จากผดู้ แู ลรกั ษาแตอ่ ยา่ งใด”
นายแพทย์ชาตรกี ลา่ ว
เมอื่ ถามวา่ การท�ำ หนงั สอื แสดงเจตนาจะเปดิ โอกาสใหแ้ พทย์ – พยาบาล ไมใ่ ชค้ วามระมดั ระวงั
เทา่ ท่ีควรในการดูแลรกั ษาหรอื ไม่ นายแพทย์ชาตรบี อกวา่ ไมแ่ น่นอน เพราะแพทย์ – พยาบาลต่าง
มมี าตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณกำ�กบั ไว้ การละเมดิ มาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณเปน็ เรอ่ื ง
รา้ ยแรงมากและการปฏิเสธการรักษาหรอื เจตนาไม่ประสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสุข ทีเ่ ปน็ ไปเพียง
เพ่ือยืดการตายก็ระบุไว้ชัดเจนว่าให้มีผลในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตเท่าน้ัน ดังนั้น ก็ขอให้ทุกคน
ม่นั ใจได้ในมาตรฐานการดแู ลรกั ษา
“แพทย์มีจรรยาบรรณและหน้าท่ีต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ ตามแนวทางท่ีจะเกิด
ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ อย่างเช่น มีผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุสาหัส

56 อยั การนเิ ทศ

เข้ารับการรักษาและมีหนังสือ ขอตายอย่างสงบ แต่แพทย์ก็ยังคงช่วยมีชีวิตรอดอย่างเต็มท่ี ส่วน
ผปู้ ว่ ยทมี่ โี รครมุ เรา้ จนตอ้ งใชเ้ ครอื่ งชว่ ยหายใจ เรากต็ อ้ งเคารพสทิ ธใิ นการตดั สนิ ใจทจ่ี ะขอตายอยา่ ง
สงบ” นายแพทยช์ าตรรี ะบ.ุ
“ความต้องการครั้งสุดท้ายของชีวิต” (Living Will)๖ ทำ�ไมต้องฝืนธรรมชาติ ย้ือการตาย
ออกไปโดยไม่จ�ำ เป็น หมดเน้ือหมดตัว... แตค่ นทีเ่ รารักก็ไม่ฟน้ื คนื มา
การเตรียมตัวก่อนวันปว่ ยหนักและความเชือ่ ทางศาสนา
“ในยคุ ปจั จบุ นั ทเ่ี ทคโนโลยดี า้ นการแพทยม์ คี วามกา้ วหนา้ มาก เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ างการแพทย์
และการรกั ษาสามารถยดื ชวี ติ คนเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยไดด้ มี าก จนท�ำ ใหค้ นสมยั นเ้ี ขา้ ใจวา่ โรคทกุ โรคสามารถ
รกั ษาหายได้ และคนปว่ ยไมค่ วรตอ้ งตาย แพทยแ์ ละบคุ ลากรดา้ นการแพทยก์ ต็ อ้ งการชว่ ยชวี ติ ผปู้ ว่ ย
และพยายามยืดชีวติ ผปู้ ว่ ยให้อยูไ่ ด้นานท่ีสุด ไม่วา่ ด้วยการรักษาทีม่ คี ่าใชจ้ า่ ยสูงเพียงใด และผูป้ ว่ ย
มชี ีวิตอย่ดู ้วยคุณภาพชวี ิตเช่นใด ท้งั นี้ ก็ดว้ ยเจตนาดีท่ีจะช่วยเหลอื ผูป้ ่วย ขณะเดยี วกนั ญาติผปู้ ่วย
กต็ อ้ งการใหผ้ ทู้ เี่ ปน็ ทร่ี กั อยใู่ หน้ านทส่ี ดุ ไมว่ า่ คณุ ภาพชวี ติ ของผปู้ ว่ ยจะเปน็ อยา่ งไร จงึ มกั แสดงความ
จ�ำ นงให้แพทย์ให้การรักษาใหถ้ ึงทีส่ ดุ แม้ในบางกรณีคณุ ภาพชีวติ ของผูป้ ว่ ยจะไม่ดี ...ปญั หาเหล่านี้
ลว้ นเกดิ ขน้ึ จากการขาดความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ภาวะใกลต้ ายและความตายทงั้ สน้ิ ” ศาสตราจารย์
แพทยห์ ญงิ สมุ าลี นิมมานนิตย,์ บทความ “ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ภาวะใกลต้ าย”
“การเรยี นรชู้ วี ติ ใกล้ตาย ทำ�ให้มีปัญญาทีส่ มบรู ณ์ขน้ึ เราจะศกึ ษาความเจบ็ ความตาย ความ
ทุกข์ใหม้ นั ชัดเจน ไม่สบายทุกทกี ็ฉลาดข้ึนทุกทีเหมอื นกัน”
“การตายเป็นหน้าที่ของสังขารอย่างไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไข นอกจากการต้อนรับให้ถูก
วธิ ”ี พุทธทาสภิกข,ุ “หนังสือ ปัจฉิมอาพาธ พทุ ธทาสมหาเถระ”
“ในคัมภีรพ์ ุทธศาสนา พดู ถึงเสมอว่า อย่างไรเป็นการตายที่ดี คอื มีสตไิ ม่หลงตาย และทีว่ า่
ตายดนี น้ั ไมใ่ ชเ่ ฉพาะตายแลว้ ไปสสู่ คุ ตเิ ทา่ นนั้ แตข่ ณะทต่ี ายกเ็ ปน็ จดุ ส�ำ คญั ทว่ี า่ ตอ้ งมจี ติ ใจทด่ี ี คอื มี
สติ ... มจี ิตใจ ไมฟ่ น่ั เฟอื น ไม่เศรา้ หมองไมข่ ุ่นมวั จติ ใจดีงาม” พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต),
“หนังสอื การแพทยย์ คุ ใหม่ในพุทธทศั น”์
“ความตายเปน็ สง่ิ ทม่ี อิ าจหลกี เลย่ี งได้ ผปู้ ว่ ยทอี่ ยใู่ นวาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ยอ่ มมสี ทิ ธทิ จี่ ะตาย
โดยปราศจากขนั้ ตอนการรกั ษาทไี่ มม่ คี วามจำ�เปน็ เพราะเครอื่ งมอื ทใ่ี ชย้ ดื ชวี ติ ออกไป (Procedures
of mechanical life support) เปน็ เพยี งมาตรการชวั่ คราวเทา่ นน้ั ไมค่ วรมกี ารใหอ้ าหารหรอื สารนา้ํ
แกผ่ ปู้ ว่ ยดงั กลา่ วตอ่ ไป ผปู้ ว่ ยควรไดร้ บั อนญุ าตใหต้ ายอยา่ งสงบและมคี วามสบาย (Quran๑๗.๓๓)”
สมชั ชาอสิ ลามิกชนแหง่ ทวีปอเมรกิ าเหนือ (Islamic Society North America - IMANA)
“...สิ่งส�ำ คัญมากในทุกวนั น้คี ือ การรักษาศักดศิ์ รคี วามเป็นมนุษย ์ และความหมายแห่งชวี ติ
ของชาวคริสเตียน แม้ในขณะท่ีกำ�ลังจะตายเพื่อมิให้ใช้เทคโนโลยีไปในทางท่ีไม่ถูกต้องและคุกคาม

๖ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำ�นักงานคณะกรรมการสุขภาพ
แหง่ ชาติ (สช.), หนังสอื แสดงเจตนาตามพระราชบญั ญตั สิ ุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๒, น. ๑ – ๕.

อัยการนิเทศ 57

สงิ่ เหลา่ น้ี ค�ำ ว่า “สทิ ธิทจี่ ะตาย” (right to die) จงึ มไิ ดห้ มายถงึ สทิ ธิท่ีจะย่ืนความตายด้วยน้ํามอื
ใครคนใดคนหนง่ึ หรือด้วยวธิ กี ารใด ๆ แต่หมายถึงสทิ ธทิ ต่ี ายอยา่ งสงบ (die peacefully) อย่างมี
ศกั ดศ์ิ รขี องความเป็นมนุษยแ์ ละของชาวคริสเตียน...
เม่ือความตายไม่อาจหลีกหนีได้แม้ว่าจะใช้วิธีการรักษาต่าง ๆ แล้ว การตัดสินใจปฏิเสธการ
รักษาเป็นส่ิงที่พึงอนุญาตและชอบด้วยจริยธรรมตราบเท่าท่ียังมีการดูแลผู้ป่วยตามปกติ หากการ
รักษาน้ันเป็นไปตามความประสงค์ของผู้อ่ืนและสร้างภาระในการยืดชีวิตผู้ป่วยออกไปเท่าน้ัน ใน
สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีเหตุผลใดท่ีแพทย์จะตำ�หนิตนเองที่มิได้ช่วยเหลือบุคคลท่ีตกอยู่ในอันตราย
นน้ั ...” ทป่ี ระชมุ ของสมณกระทรวงแห่งพระศาสนจักรคาทอลกิ (วาติกัน) เก่ียวกับหลกั แหง่ ศรทั ธา
: คำ�ประกาศเรื่องยธู านาเซยี , ตอนที่ ๔ (ค.ศ.๑๙๘๐) (Sacred Congregation for the Doctrine
of the Faith: Declaration on Euthanasia, part IV (๑๙๘๐))
คำ�สง่ั กอ่ นวนั ปว่ ยหนัก
“ขอ้ ความในมาตรา ๑๒ วรรคหนึ่ง ควรตีความให้เขา้ ใจง่าย ๆ วา่ ใคร ๆ กม็ ีสทิ ธิท�ำ หนงั สอื
ปฏิเสธการรับบริการสาธารณสุขใด ๆ ก็ได้ เพื่อจะทำ�ให้เขาได้ตายตามธรรมชาติ อย่างมีสุขภาวะ
หรือจะเรียกว่าเป็นการตายโดยสงบหรือตายดี ไม่ควรจะไปตีความว่าเป็นการรับรองสิทธิที่จะตาย
อย่างฝรงั่ ” ศาสตราจารย์ นายแพทยว์ ิฑูรย์ อึง้ ประพันธ,์ บทความ “สิทธทิ ี่จะปฏเิ สธการรกั ษา –
สิทธทิ จี่ ะตาย”
“ในบั้นปลายชีวิตของคนเราอาจมีโรคภัยไข้เจ็บหรือมีความทรมาน โดยหลักของการตายดี
ในมาตรา ๑๒ หมอจะทำ�ในสงิ่ ท่ผี ปู้ ่วยไดแ้ สดงเจตนารมณไ์ ว้ เชน่ เจาะคอหรือทำ�อะไรท่ีรุนแรง ยดื
การตายออกไปโดยไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าผู้ป่วยทรมาน หมอยังคงดูแลให้อ๊อกซิเจน ให้ยาบรรเทา
อาการเพอ่ื ลดความเจบ็ ปวด” นายแพทยอ์ ำ�พล จินดาวัฒนะ, วซี ีดีกอ่ นวนั ผลดั ใบ
“ในทางปฏิบตั ิผู้ปว่ ยทใ่ี กลต้ าย ไม่อยใู่ นฐานะท่จี ะแสดงเจตนาเช่นนน้ั ได้ เพราะสว่ นใหญอ่ ยู่
ในภาวะทีไ่ มร่ ูส้ กึ ตวั การตดั สนิ ใจเก่ยี วกับการรักษาพยาบาลจงึ เป็นเร่อื งของแพทย์กับญาติ จุดนี้เอง
กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาอยา่ งมาก บางครง้ั การตดั สนิ ใจทสี่ วนทางกบั ความเปน็ จรงิ ท�ำ ใหค้ วามหวงั ดเี ปน็ การ
เพม่ิ ความทกุ ขท์ รมานแกผ่ ู้ป่วยและท�ำ ใหผ้ ู้ปว่ ยจากไปด้วยความไม่สงบ
ปัญหาดงั กลา่ วน�ำ มาสู่แนวคดิ ในเร่อื ง Living Will คอื ใหม้ กี ารแสดงความจ�ำ นงไวล้ ่วงหน้าได้
หรือบางครั้งเรียกว่า Advance Directives คือการระบุแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ไว้ล่วงหน้า
ซึ่งในหลายประเทศมีกฎหมายรับรองในเร่ืองนี้” ศาสตราจารย์แสวง บุญเฉลิมวิภาส, บทความช่ือ
“การรกั ษาพยาบาลผู้ป่วยวาระสุดท้าย ความจรงิ ทางการแพทยก์ บั ขอบเขตทางกฎหมาย”
ประโยชนใ์ นการทำ�หนงั สอื แสดงเจตนาในด้านผูป้ ่วย ญาติ และคนใกลช้ ดิ
ก. ท�ำ ให้ผู้ท�ำ หนังสือ (ผปู้ ่วย) สามารถแจ้งความประสงค์ของตนใหญ้ าติ คนใกลช้ ิดทราบ
และ ชว่ ยลดขอ้ ขัดแย้งในหมู่ญาตใิ นการวางแผนการรกั ษาผูป้ ว่ ย
ข. ทำ�ให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการใช้เคร่ืองกู้ชีพต่าง ๆ เช่น

58 อยั การนเิ ทศ

การเจาะคอ การใส่ท่อช่วยหายใจ การป๊ัมหัวใจ หรือการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยยืด
การตายออกไป ซึง่ ไม่เกิดประโยชนห์ รือไมท่ �ำ ใหค้ ณุ ภาพชีวติ ผปู้ ว่ ยดขี นึ้
ค. ทำ�ใหผ้ ปู้ ว่ ย ญาติ คนในครอบครัว ไมต่ ้องเสยี ค่าใชจ้ ่ายทส่ี งู มากในการรักษาท่ีไมจ่ ำ�เปน็
จนทำ�ใหผ้ ปู้ ว่ ยหรอื ญาตผิ ปู้ ว่ ยบางรายถงึ ขนั้ หมดเนอื้ หมดตวั ตอ้ งขายทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง
มาเปน็ คา่ รักษา
ง. ทำ�ให้ผู้ป่วยมโี อกาสสอื่ สาร ร่ําลาคนในครอบครวั ญาติมิตรได้ในขณะมสี ตสิ มั ปชญั ญะ
ได้รบั การเยียวยาช่วยเหลอื ทางจติ ใจแกผ่ ใู้ กลต้ าย
ในที่สุด จึงได้มีการพิจารณาและออกใช้บังคับกฎกระทรวงกำ�หนดหลักเกณฑ์และ
วิธีการการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพ่ือยืด
การตายในวาระสุดท้ายของชีวติ หรอื เพื่อยตุ ิการทรมานจากการเจ็บปว่ ย พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยประกาศ
ในราชกจิ จานเุ บกษา เล่ม ๑๒๗ ตอนท่ี ๖๕ ก วันที่ ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๕๓ ดังน้ี

กฎกระทรวง
กำ�หนดหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการดำ�เนนิ การตามหนงั สือแสดงเจตนา
ไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขทีเ่ ปน็ ไปเพียงเพอ่ื ยดื การตายในวาระสดุ ท้ายของชีวิต

หรอื เพอ่ื ยตุ กิ ารทรมานจากการเจ็บปว่ ย
พ.ศ. ๒๕๕๓

อาศยั อำ�นาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๑๒ วรรคสอง แห่งพระราชบญั ญตั สิ ุขภาพ
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ นายกรฐั มนตรีและรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงสาธารณสขุ ออกกฎกระทรวงไว้
ดงั ต่อไปน้ี
ขอ้ ๑ กฎกระทรวงนใ้ี หใ้ ช้บงั คับเมื่อพน้ ก�ำ หนดสองร้อยสิบวนั นับแต่วันประกาศในราชกจิ จา
นเุ บกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๒ ในกฎกระทรวงน้ี
“หนงั สือแสดงเจตนา” หมายความวา่ หนังสอื ซ่งึ บคุ คลแสดงเจตนาไว้ลว่ งหนา้ ว่าไม่ประสงค์
จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติ
การทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย
“บริการสาธารณสุขท่ีเป็นไปเพียงเพ่ือยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพ่ือยุติ
การทรมานจากการเจ็บป่วย” หมายความว่า วิธีการที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมนำ�มาใช้กับ
ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาเพอื่ ประสงคจ์ ะยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ออกไป โดยไมท่ �ำ ใหผ้ ทู้ �ำ

อยั การนเิ ทศ 59

หนังสือแสดงเจตนาพ้นจากความตายหรือยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ทั้งน้ี ผู้ทำ�หนังสือแสดง
เจตนายังคงได้รบั การดแู ลรักษาแบบประคับประคอง
“วาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ” หมายความวา่ ภาวะของผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาอนั เกดิ จากการบาด
เจบ็ หรอื โรคทไ่ี มอ่ าจรกั ษาใหห้ ายไดแ้ ละผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมผรู้ บั ผดิ ชอบการรกั ษาไดว้ นิ จิ ฉยั
จากการพยากรณ์โรคตามมาตรฐานทางการแพทย์ว่า ภาวะนั้นน�ำ ไปสู่การตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในระยะเวลาอนั ใกลจ้ ะถงึ และใหห้ มายความรวมถงึ ภาวะทมี่ กี ารสญู เสยี หนา้ ทอ่ี ยา่ งถาวรของเปลอื ก
สมองใหญท่ ท่ี �ำ ใหข้ าดความสามารถในการรบั รแู้ ละตดิ ตอ่ สอ่ื สารอยา่ งถาวร โดยปราศจากพฤตกิ รรม
การตอบสนองใด ๆ ที่แสดงถึงการรบั รไู้ ด้ จะมีเพียงปฏิกริ ยิ าสนองตอบอตั โนมตั เิ ทา่ น้ัน
“การทรมานจากการเจบ็ ปว่ ย” หมายความว่า ความทกุ ขท์ รมานทางกายหรอื ทางจิตใจของ
ผทู้ �ำ หนังสือแสดงเจตนาอันเกดิ จากการบาดเจ็บหรือจากโรคท่ีไมอ่ าจรักษาให้หายได้
“ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ดา้ นสาธารณสขุ ” หมายความวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ตามกฎหมายว่าดว้ ย
สถานพยาบาล
“ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรม” หมายความวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี เวชกรรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ย
วชิ าชีพเวชกรรม
ข้อ ๓ หนงั สอื แสดงเจตนาตอ้ งมีความชดั เจนเพยี งพอท่ีจะดำ�เนนิ การตามความประสงคข์ อง
ผูท้ ำ�หนังสือดังกล่าวได้ โดยมขี ้อมูลเปน็ แนวทางในการท�ำ หนงั สือ ดังต่อไปน้ี
(๑) รายการที่แสดงข้อมูลของผทู้ ำ�หนังสือแสดงเจตนาโดยระบุชื่อ นามสกลุ อายุ หมายเลข
บัตรประจำ�ตวั ประชาชน และที่อย่หู รือหมายเลขโทรศัพท์ทีต่ ิดต่อได้
(๒) วัน เดือน ปที ีท่ �ำ หนงั สือแสดงเจตนา
(๓) ช่อื นามสกุล หมายเลขบตั รประจ�ำ ตัวประชาชนของพยาน และความเก่ียวขอ้ งกับผู้ท�ำ
หนังสือแสดงเจตนา
(๔) ระบุประเภทของบริการสาธารณสขุ ทีไ่ มต่ ้องการจะไดร้ ับ
(๕) ในกรณีท่ีผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาให้ผู้อ่ืนเขียนหรือพิมพ์หนังสือแสดงเจตนาให้ระบุชื่อ
นามสกลุ และหมายเลขบัตรประจำ�ตัวประชาชนของผูเ้ ขยี นหรอื ผพู้ ิมพไ์ วด้ ว้ ย
หนังสอื แสดงเจตนาต้องลงลายมอื ชื่อหรอื ลายพิมพน์ ิว้ มือของผ้ทู �ำ หนงั สือแสดงเจตนา พยาน
และผู้เขียนหรือผู้พมิ พ์ไวด้ ้วย
ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอาจระบุช่ือบุคคลเพื่อทำ�หน้าที่อธิบายความประสงค์ท่ีแท้จริงของ
ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาทร่ี ะบไุ วไ้ มช่ ดั เจน บคุ คลผถู้ กู ระบชุ อื่ ดงั กลา่ วตอ้ งลงลายมอื ชอื่ หรอื ลายพมิ พ์
นิ้วมอื และหมายเลขบัตรประจำ�ตัวประชาชนไว้ในหนังสอื แสดงเจตนาด้วย
หนงั สือแสดงเจตนาอาจระบุรายละเอียดอน่ื ๆ เชน่ ความประสงคใ์ นการเสียชวี ิต ณ สถาน
ที่ใดความประสงค์ท่ีจะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ และการปฏิบัติตามประเพณีและความเชื่อทาง
ศาสนาและให้สถานบรกิ ารสาธารณสุขใหค้ วามรว่ มมือตามสมควร

60 อัยการนเิ ทศ

ขอ้ ๔ หนงั สือแสดงเจตนาจะทำ� ณ สถานทีใ่ ดกไ็ ด้ในกรณีทผี่ ูท้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาประสงค์
จะทำ�หนังสือแสดงเจตนา ณ สถานบริการสาธารณสุขให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขและ
เจา้ หนา้ ที่ที่เกยี่ วขอ้ งอำ�นวยความสะดวกตามสมควร
ขอ้ ๕ เมอ่ื ผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนาเขา้ รบั การรกั ษาตวั ในสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ใหน้ �ำ หนงั สอื
แสดงเจตนายนื่ ต่อผู้ประกอบวิชาชีพดา้ นสาธารณสุขของสถานบริการสาธารณสขุ นั้นโดยไมช่ กั ช้า
ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาอาจยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงหนังสือแสดงเจตนาได้ในกรณีท่ีมีการ
แสดงหนังสือแสดงเจตนาหลายฉบับ ให้ถือฉบับที่ทำ�หลังสุดท่ีได้ยื่นให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ผู้รับผดิ ชอบการรกั ษาเป็นฉบบั ท่ีมผี ลบังคับ
ข้อ ๖ หลักเกณฑ์และวิธีการดำ�เนินการตามหนังสือแสดงเจตนาเม่ือวาระสุดท้ายของชีวิต
ใกลจ้ ะมาถงึ หรือเพอ่ื ยุตกิ ารทรมานจากการเจบ็ ป่วยให้ดำ�เนนิ การ ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) ในกรณีท่ีผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนามีสติสัมปชัญญะดีพอท่ีจะส่ือสารได้ตามปกติ ให้
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้รับผิดชอบการรักษาอธิบายให้ผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนาทราบถึง
ภาวะและความเป็นไปของโรคในขณะน้ันเพื่อขอคำ�ยืนยันหรือปฏิเสธก่อนที่จะปฏิบัติตามหนังสือ
แสดงเจตนาดังกลา่ ว
(๒) ในกรณีท่ผี ้ทู ำ�หนังสอื แสดงเจตนาไม่มีสติสมั ปชัญญะดีพอท่จี ะสือ่ สารได้ตามปกตหิ ากมี
บุคคลตามข้อ ๓ วรรคสาม หรือญาติของผู้ทำ�หนังสือแสดงเจตนา ให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ผู้รับผิดชอบการรักษาอธิบายถึงภาวะและความเป็นไปของโรคให้บุคคลดังกล่าวทราบและแจ้งราย
ละเอยี ดเกย่ี วกบั การด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาของผทู้ �ำ หนงั สอื แสดงเจตนากอ่ นทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ
ตามหนังสอื แสดงเจตนาดงั กล่าว
(๓) ในกรณีท่ีมปี ัญหาเกยี่ วกบั การด�ำ เนนิ การตามหนังสอื แสดงเจตนา ใหผ้ ู้ประกอบวิชาชพี
เวชกรรมผรู้ บั ผดิ ชอบการรกั ษาปรกึ ษากบั บคุ คลตามขอ้ ๓ วรรคสาม หรอื ญาตขิ องผทู้ �ำ หนงั สอื แสดง
เจตนานั้น โดยคำ�นงึ ถึงเจตนาของผ้ทู ำ�หนังสอื แสดงเจตนา
(๔) ในกรณที ่ผี ู้ท�ำ หนงั สอื แสดงเจตนาอยูใ่ นระหว่างการตั้งครรภ์ ให้ด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื
แสดงเจตนาไดเ้ ม่อื ผู้นนั้ พ้นจากสภาพการตั้งครรภ์
ขอ้ ๗ ใหเ้ ลขาธกิ ารโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสขุ ภาพแหง่ ชาตอิ อกประกาศกำ�หนด
แนวทางการปฏบิ ตั งิ านของสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ และเจา้ หนา้ ท่ี
ของสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ตามกฎกระทรวงน้ี พรอ้ มทั้งตวั อยา่ งหนงั สอื แสดงเจตนาโดยประกาศ
ในราชกิจจานเุ บกษา
ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
อภิสทิ ธ์ิ เวชชาชวี ะ
นายกรัฐมนตรี
จรุ นิ ทร์ ลกั ษณวศิ ิษฏ์
รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสขุ

อยั การนิเทศ 61

หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบบั นี้ คอื โดยทม่ี าตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ บญั ญตั ใิ หบ้ คุ คลมสี ทิ ธทิ ำ�หนงั สอื แสดงเจตนาไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ าร
สาธารณสขุ ทเ่ี ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ยของชวี ติ ตน หรอื เพอ่ื ยตุ กิ ารทรมานจากการ
เจ็บปว่ ยได้โดยการดำ�เนนิ การตามหนังสอื แสดงเจตนาดังกล่าว ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการ
ท่กี ำ�หนดในกฎกระทรวง จึงจำ�เป็นต้องออกกฎกระทรวงน้ี

การใหค้ วามส�ำ คญั เกย่ี วกบั สขุ ภาพ โดยตราเปน็ พระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
และกำ�ลังออกกฎกระทรวง ในรายละเอียดนั้น จึงขอนำ�เสนอความเป็นมาในการ ให้ความสำ�คัญ
เก่ียวกบั สขุ ภาพของตา่ งประเทศทไ่ี ดต้ ระหนักและไดว้ เิ คราะห์แลกเปล่ียนความเห็นในเรื่องน้ี ดงั น้ี
ในทศวรรษท่ีผ่านมา มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางเก่ียวกับจริยธรรมในเรื่องการดูแลรักษา
สขุ ภาพ (Health Care) มากยง่ิ ขน้ึ ในยโุ รปและประเทศตะวนั ตกมกี ารศกึ ษาวจิ ยั ในเรอื่ งน ้ี เนอื่ งจาก
สถานการณท์ ีเ่ ป็นอยคู่ วามสนใจกระบวนการรักษาพยาบาลน้อยมาก จงึ ได้มีการศึกษาคน้ คว้าเรอ่ื ง
การดูแลรักษาสุขภาพโดยแบ่งเป็นหลายสาขาได้แก่ การวิจัยด้านการรักษาพยาบาล (Nursing
researches) แพทย์ที่ทำ�การรักษา (Medical doctors) และการวิจัยงบประมาณด้านสุขภาพ
(Health economics researches)
สิ่งสำ�คัญที่สุดสิ่งหนึ่งคือ การศึกษาถึงสถานะและสิทธิของคนไข้ (Patient’s status and
rights) ซ่ึงหมายรวมถึง ความเป็นอิสระในการตัดสินใจของคนไข้ เรื่องส่วนบุคคล และการแจ้ง
ความยนิ ยอม (Patient´s Autonomy, Privacy and Informed Consent)๗
จากการศึกษาวิจัยค้นพบว่า คนไข้รู้ถึงสิทธิและสนใจในคุณภาพของการบริการ ซ่ึงเป็นเร่ือง
ที่สมเหตุสมผลเพื่อประโยชน์ของคนไข้ในการนำ�ไปสู่คำ�ตอบในเรื่องจริยธรรม เพื่อให้คนไข้นำ�ส่วน
ที่เป็นประโยชน์มาเป็นเครื่องตัดสินใจและความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน การวิจัยน้ีจะกระตุ้นให้เกิดการมี
ส่วนร่วมในความพยายามปรบั ปรุงคณุ ภาพของจรยิ ธรรมในเร่ืองการดูแลรักษาสขุ ภาพ การบัญญตั ิ
ประมวลกฎหมายเกย่ี วกบั บรรทดั ฐานและวชิ าชพี (Legal norms and professional codes)
สภาพทัว่ ไปในการคมุ้ ครองสทิ ธขิ องคนไข้ (General overview of the promotion of
patients´ right)
กฎหมาย (Laws) และกฎเกณฑ์ (normative rules) เปน็ สง่ิ สำ�คัญทีส่ ามารถผลกั ดันใหเ้ กิด
ผลกระทบ มีอิทธิพล และเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฏิบัติในการดูแลรักษาสุขภาพ สิทธิของคนไข้
รวมถึงความเป็นอิสระในการตัดสินใจของคนไข้ เร่ืองส่วนบุคคล และการแจ้งความยินยอม
บทบญั ญตั ขิ องสทิ ธจิ ะครอบคลมุ ถงึ การปกปอ้ งชวี ติ รา่ งกาย เสรภี าพ การแสดงออก และทรพั ยส์ นิ
(Statements of rights provide protection of life, liberty, expression and property.)

๗Helena Leino – kilpi Professor Co-ordinator, scientist in charge, Patient’s Autonomy, Privacy and
Informed Consent, IOS press, Turku Finland, ๑๙๙๙. p. ๕-๙.
62 อยั การนิเทศ

ตลอดจนปกป้องการกระทำ�ท่ีเป็นปฏิปักษ์ การดูแลที่ไม่เท่าเทียมกัน ความไม่อาจอดกลั้น หรือ
การละเมิดความเป็นส่วนตัว (They protect against oppression, unequal treatment,
intolerance or arbitrary invasion of privacy.)
ความเปน็ มาในเรอ่ื งสทิ ธขิ องคนไข้ เรม่ิ ตน้ จากปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นษุ ยชน ค.ศ. ๑๙๔๘
แก้ไขเพ่มิ เติม ค.ศ. ๑๙๙๖ (The Universal Declaration of Human Rights ๑๙๔๘, Amdt
๑๙๙๖ a ) ซงึ่ กำ�หนดถงึ ความเป็นจริง เอกสารทใี่ ห้ถอื ปฏบิ ตั ิ และการกระทำ�ทไ่ี ด้รบั แมป้ ฏญิ ญา
หรอื ตราสารเหลา่ นไี้ มใ่ ชก่ ฎหมาย แตก่ ม็ สี ภาพบงั คบั เนอ่ื งจากปฏญิ ญามกั มาจากเหตกุ ารณท์ ร่ี นุ แรง
กระทนั หนั และปฏญิ ญามกั จะก�ำ หนดถงึ สทิ ธโิ ดยนยั ยง่ิ กวา่ ก�ำ หนดเปน็ กฎทตี่ อ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งชดั แจง้
สิทธิของคนไข้ประกอบด้วยกฎหมายและหลักการ รวมท้ังแนวทางจริยธรรมส�ำ หรับวิชาชีพ
ธรรมเนียมปฏิบัติจะแบ่งแยกเป็นกฎหมายและศีลธรรม สิทธิตามกฎหมายจะรวมถึง สิทธิของ
ประชาชนในฐานะคนไข้ และหน้าที่ของบุคลากรท่ีมีหน้าท่ีดูแลรักษา ซ่ึงสิทธิของคนไข้ข้ึนอยู่กับ
ข้อตกลง มติ และหลักการทถี่ อื ปฏิบตั ิ รวมถึงประกาศต่าง ๆ
ปฏิญญาต่าง ๆ มีผลในด้านการดูแลรักษาสุขภาพ เหตุการณ์สำ�คัญเร่ืองสิทธิของคนไข้
เกิดข้นึ เม่ือปี ค.ศ.๑๙๔๗ เม่อื ได้บัญญัตปิ ระมวลกฎหมายนูเร็มเบอร์ก (Nuremberg Code) หลัง
จากการเปดิ เผยถึงอาชญากรรมในสงครามนาซี (Nazi war crimes) ประมวลฉบับน้ีได้บญั ญตั ิตาม
หลังปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แก้ไขเพิ่มเติมโดยมติสมัชชาใหญ่ เม่ือวันที่ ๑๐ ธันวาคม
ค.ศ. ๑๙๔๘ โดยปฏิญญานี้ประกอบด้วยเร่ืองของสิทธิมนุษยชน ๓๐ มาตรา ยิ่งไปกว่านั้น
ประมวลจรยิ ธรรมระหวา่ งประเทศดา้ นการแพทยย์ งั บญั ญตั ถิ งึ หนา้ ทข่ี องแพทย์ (This declaration
includes ๓๐ articles concerning human rights. In addition, the international codes of
Medical Ethics describe the duties of physicians.)
ปจั จบุ นั ยโุ รปใหค้ วามส�ำ คญั เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชน เชน่ สมาชกิ ภาพของสภายโุ รป (Membership
of the council of Europe) ได้กำ�หนดเง่ือนไขไว้ในกติกายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The
European Convention of Human rights) ในเรื่องนี้คือ มาตรา ๓ ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานเร่ืองของ
หลกั นติ ธิ รรม สทิ ธมิ นษุ ยชน และเสรภี าพขนั้ พน้ื ฐาน (The Principle of the rule of Law, human
rights and fundamental freedoms) บรบิ ทของกตกิ าดังกลา่ ว ตราสารด้านสทิ ธิมนุษยชนคือ
กตกิ ายโุ รปวา่ ดว้ ยการปกปอ้ งคมุ้ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชนและเสรภี าพขนั้ พนื้ ฐาน ลงนาม ณ เมอื งโรม เมอื่
วนั ที่ ๔ พฤศจกิ ายน ค.ศ. ๑๙๕๐ (แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ค.ศ. ๑๙๖๖) สทิ ธแิ ละเสรภี าพขน้ั พน้ื ฐานของกตกิ า
นคี้ ือ สิทธใิ นชวี ิต (right to life) สิทธิและเสรีภาพ และความปลอดภัย (the right to liberty and
security of person) สทิ ธใิ นการได้รบั การพิจารณาคดีอาญาของเอกชนอยา่ งยุติธรรม (the right
to fair trial in civil criminal cases) เสรภี าพในความคดิ (the right to freedom of thought)
การนับถือและความเช่ือในศาสนา (conscience and religion) เสรีภาพในการแสดงออก (the
right to freedom of expression)

อยั การนิเทศ 63

ปฏิญญาหลักและกติกาทเ่ี กยี่ วขอ้ ง (Major declarations and conventions)๘
ปฏิญญาและกตกิ า (Declarations and conventions) ปี ค.ศ. (Year)
- ปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธิมนุษยชน (The Universal Declaration of ๑๙๔๘
Human Rights)
- ประมวลระหวา่ งประเทศวา่ ด้วยจรยิ ธรรมของแพทย์ ๑๙๔๙
(International Codes of Medical Ethics)
- ประมวลกฎหมายนเู ร็มเบอรก์ (Nuremberg Code) ๑๙๔๙
- กตกิ ายโุ รปวา่ ด้วยการปกป้องค้มุ ครองสทิ ธมิ นุษยชนและเสรีภาพ ๑๙๕๐
ขัน้ พนื้ ฐาน (The European Convention for the Protection
of Human Rights and Fundamental Freedom)
- กฎบตั รสงั คมยุโรป (The European Social Charter) ๑๙๖๑
- หลักการพน้ื ฐาน ๑๒ ข้อ ของบทบญั ญัตวิ ่าด้วยการดูแลรักษาสุขภาพ ๑๙๖๓
ในระบบการดูแลรักษาสุขภาพแหง่ ชาติ (Twelve Principles of
Provisions of Health Care in Any Natural Health Care System )
- ปฏญิ ญาเฮลซิงกิ (Declaration of Helsinki) ๑๙๖๔
- กตกิ าสากลระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมอื งและสิทธทิ างการเมอื ง ๑๙๖๖
(International Covenant on Civil and Political Rights)
- กติกาสากลระหว่างประเทศว่าดว้ ยสิทธทิ างเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม ๑๙๖๖
(The Covenant on Economic, Social and Cultural Rights)
- ปฏิญญาซดิ นยี ์ (Declaration of Sidney) ๑๙๖๘
- ปฏญิ ญาเจนีวา (Declaration of Geneva) ๑๙๖๘
- ปฏญิ ญาออสโล (Declaration of Oslo) ๑๙๗๐
- ปฏญิ ญาโตเกยี ว (Declaration of Tokyo) ๑๙๗๕
- ปฏญิ ญาลสิ บอน (Declaration of Lisbon) ๑๙๘๑
- ปฏญิ ญาว่าดว้ ยสทิ ธิเดก็ (Declaration of Children’s Rights) ๑๙๘๑
- ปฏญิ ญาเวนสิ (Declaration of Venice) ๑๙๘๓
- ปฏิญญาวา่ ดว้ ยการตายให้พน้ จากความทรมาน (Declaration of Euthanasia) ๑๙๘๗
- ปฏิญญาวา่ ด้วยการส่งเสริมสทิ ธิของคนไข้ในยโุ รป (The Declaration of ๑๙๙๔
Promotion of Patients’ Rights in Europe)
- กติกาส�ำ หรบั ปกป้องคุ้มครองสทิ ธิมนษุ ยชน และศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนุษย ์ ๑๙๙๗
(The Convention for the Protection of Human Rights and Dignity
of Human Being)

๘Ibid.,
64 อัยการนเิ ทศ

ในปี ค.ศ. ๑๙๖๑ กฎบัตรสงั คมยุโรป (The European Social Charter) แกไ้ ขเพม่ิ เติม
เมอื่ วันที่ ๑๘ ตลุ าคม ๑๙๖๑ สาระส�ำ คัญในเร่ืองนี้ดงั น้ี
การปกป้องคมุ้ ครองเรือ่ งการจา้ งงาน (The protection of employment) ได้แก่ สทิ ธิใน
การท�ำ งาน (The right to work) การปกปอ้ งคุ้มครองสภาพแวดลอ้ มในการทำ�งาน (Protection
in the work environment) สิทธใิ นการรวมตวั (The right to organise) สทิ ธริ ว่ มกนั ในการ
ต่อรอง (The right to bargain collectively) สิทธิของคนงานในการได้รับข้อมูลข่าวสาร และ
การได้รับการปรึกษา (The right of workers to information and Consultation) รวมทั้งสิทธิ
ในการมสี ่วนร่วมในการตัดสนิ ใจและปรบั ปรุงเงอ่ื นไขและสภาพแวดลอ้ มในการทำ�งาน (The right
to participate of the working conditions and working environment) การปกปอ้ งคุม้ ครอง
คนงานแตล่ ะประเภท เช่น เดก็ (children) ผ้เู ยาว์ (young persons) ผู้หญิง (women) คนพิการ
(handicapped persons) และคนงานอพยพเข้าเมอื ง (migrant workers)
การปกป้องคุ้มครองประชากรทั่วไป ได้แก่ การปกป้องคุ้มครองด้านสุขภาพ (health)
สิทธิในความปลอดภัยในสังคม (the right to social security) และสิทธิในสังคมและการได้รับ
ความชว่ ยเหลอื ด้านการรักษาพยาบาล (the right to social and medical assistance) สิทธิใน
สวัสดิการสังคม (the right to benefit from social welfare services)รวมถึงสิทธใิ นการได้รับ
ความปกป้องคมุ้ ครองพิเศษจากการท�ำ งานนอกสถานท่ีของเดก็ ผูเ้ ยาว์ คนงานที่มีบุตร (mothers)
ครอบครวั (families) คนพกิ าร (handicapped persons) คนงานอพยพเขา้ เมืองและครอบครวั
(migrant workers and their families) คนงานอาวโุ ส (elderly persons)
ในปี ค.ศ. ๑๙๖๓ หลกั การพนื้ ฐาน ๑๒ ข้อ ของบทบัญญัตวิ า่ ดว้ ยการดูแลรกั ษาสขุ ภาพใน
ระบบการดแู ลรักษาสุขภาพแหง่ ชาติ (Twelve Principles of Provisions of health care in any
National Health Care System) แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยสมัชชาแพทย์แห่งโลกในนิวยอรค์ ครั้งที่ ๑๗
(the ๑๗th World Medical Assembly in New York ในปี ค.ศ. ๑๙๘๓ Hannikanen ๑๙๙๒)
สำ�หรับตราสารระหว่างประเทศอ่ืน ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อยุโรป คือ กติกาสากลระหว่างประเทศว่า
ดว้ ยสทิ ธพิ ลเมอื งและสทิ ธิทางการเมือง (The international Covenant on Civil and Political
Rights) แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยมติสมชั ชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เมื่อวนั ที่ ๑๖ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๖๖
(adopted by UN General Assembly resolution of ๑๖ December ๑๙๖๖) ซ่ึงปกป้อง
คมุ้ ครองสทิ ธใิ นการมีชีวติ (right to live) เสรภี าพสว่ นบคุ คล (the right to personal freedom)
กติกาน้ีเน้นว่าบุคคลไม่อาจได้รับการกระท�ำ ท่ีทารุณโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือการดูแลรักษาท่ี
ไม่ได้มาตรฐานจากแพทยห์ รือผู้เชยี่ วชาญโดยปราศจากความยนิ ยอม (Ilveskivi ๑๙๙๗ a)
ปฏิญญาเฮลซิงกิ (The Helsinki ๑๙๖๔) ทบทวนในโตเกียว เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๕ เวนิส
เม่ือปี ค.ศ. ๑๙๘๓ ฮอ่ งกง เม่อื ปี ค.ศ. ๑๙๘๙ ปรับปรุงโดยสมาคมแพทย์แห่งโลก (The World
Medical Association) ประมวลวธิ ปี ฏบิ ตั สิ �ำ หรบั การวจิ ยั ทางชวี ศาสตรท์ างการแพทย์ (The Code

อัยการนิเทศ 65

of practice for Biomedical Research, Hannikanen ๑๙๙๒) ใหค้ ำ�แนะน�ำ แพทยถ์ ึงทฤษฎี
การทดลอง การบัญญัติ โดยเฉพาะการวิจัยด้วยความเอาใจใส่ในการวินิจฉัยหรือการรักษาที่เป็น
ประโยชนต์ อ่ คนไข้ รวมทงั้ สวสั ดิภาพทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคมและดา้ นวชิ าการ ปฏิญญานป้ี ระกอบ
ดว้ ย ๔ สว่ น คือ
บทนำ� (Introduction) หลักการพื้นฐาน (Basic Principles) การวจิ ัยทางแพทย์ (Medical
Research) และการดูแลรักษาอย่างวิชาชีพ (Medical Research Combined with Profes-
sional Care) การวจิ ัย การรักษาทางการแพทยท์ นี่ อกเหนอื จากอายรุ เวท (Non – Therapeutic
Medical Research)
กติกาสากลระหว่างประเทศว่าดว้ ยสทิ ธิทางเศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม (The Interna-
tional Covenant on Economic, Social and Cultural Rights) แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยมติสมชั ชา
ใหญ่แหง่ สหประชาชาติ เมือ่ ปี ค.ศ. ๑๙๖๖ มีผลบงั คบั ใช้เม่อื ปี ค.ศ. ๑๙๗๖ รบั รองการใชส้ ิทธิ
ของบคุ คลไว้ ๑๒ มาตรา เกยี่ วกบั การไดร้ บั มาตรฐานสงู สดุ ทางสขุ ภาพทงั้ ทางรา่ งกายและจติ ใจ (The
right of everyone to the enjoyment of the highest attainable standard of physical
and mental health) สทิ ธนิ เ้ี ป็นสทิ ธิสำ�หรับบุคคลทกุ คนโดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิถึงเชือ้ ชาติ สผี ิว เพศ
ภาษา ศาสนา ความคดิ ทางการเมอื ง สัญชาติ หรือท่มี าของสงั คม ทรพั ยส์ ิน การเกดิ หรือสถานะ
อื่น ๆ (This is a right for everybody, without discrimination of any kind as to race,
colour, sex, language, religion, political or other opinion, national or social origin,
property, birth or other status.) (Ilveskivi, ๑๙๙๗ a)
ปฏิญญาซิดนีย์ (The Declaration of Sydney ๑๙๖๘) บัญญัติถึง การตัดสินใจในเรื่อง
ความตาย (The Determination of death, Thomson et al. ๑๙๙๔) ปฏิญญาเจนีวา (The
Declaration of Geneva ๑๙๖๘) เป็นประมวลของสมาคมแพทย์แห่งโลก (The Code of
the World Medical Association) ซ่ึงมีเน้ือหาสั้นกว่าคำ�สัตย์สาบานในฮิปโปเครติค (The
Hippocratic Oath) แต่มีสาระสำ�คัญอย่างย่ิง เพราะเป็นส่ิงแรกท่ีกำ�หนดข้อพิจารณาให้แพทย์
ตอ้ งคำ�นงึ ถงึ สขุ ภาพของคนไข้ (The first consideration of the physician is the health of the
patient, Downier & Caiman ๑๙๙๔) ปฏญิ ญาออสโล (The Declaration of Oslo ๑๙๗๐) บญั ญตั ิ
ถงึ การท�ำ แทง้ โดยแพทย์ (Therapeutic abortion, Thompson et at. ๑๙๙๔) ปฏญิ ญาโตเกยี ว (The
Declaration of Tokyo ๑๙๗๕) ใหแ้ นวทางสำ�หรบั แพทยเ์ กยี่ วกบั การทารณุ โหดรา้ ย ไรม้ นษุ ยธรรม
หรอื ลดการดแู ลรกั ษาหรอื การลงโทษกกั ขงั หรอื จ�ำ คกุ สมาคมจติ แพทยแ์ หง่ โลก(TheWorldPsychiatric
Association) ปรับปรุงปฏิญญาฮาวาย (The Hawaii Declaration) เก่ียวกับการวิจัยทางโรคจิต
และเนน้ ถงึ เสรภี าพของคนไขใ้ นการยกเลกิ การดแู ลรกั ษา หรอื การมสี ว่ นรว่ มในโครงการวจิ ยั ไมว่ า่ ดว้ ย
เหตผุ ลใดและในเวลาใดกต็ าม (The Patient’s freedom to withdraw consent to treatment on
participation in a research programmer for any reason and at any time, Marrie ๑๙๙๘)

66 อยั การนิเทศ

ค�ำ สง่ั แหง่ EU (The EU’s Directive ๙๕/๔๖ EU) สะทอ้ นถงึ การปกปอ้ งคมุ้ ครองปจั เจกบคุ คล
ในกระบวนการและการดำ�เนินการท่ีเป็นอิสระของข้อมูลส่วนบุคคล ตระหนักถึงสิทธิของคนไข้ใน
โรงพยาบาลตามทป่ี รากฏในสทิ ธขิ อง The European Economic Community on Hospitals แม้
ตราสารนี้ จะไมม่ ผี ลผกู พนั ทางกฎหมาย (is not legally - binding) แตม่ ผี ลในการตคี วามบรรทดั ฐาน
ทมี่ ผี ลผกู พนั ทางกฎหมาย (The interpretation of legally – binding norms) ซงึ่ ตราสารนไี้ ดร้ วม
ถึงสทิ ธขิ องคนไข้ การบริหารจัดการมนุษย์ (Humanely administered) การรกั ษาทางการแพทย์
อย่างเหมาะสม สิทธิในการยินยอมหรือปฏิเสธการรักษา (The right to consent to care or
refuse it) สิทธใิ นการรถู้ ึงความเส่ยี งลว่ งหน้า (The right to know the risks in advance) สิทธิ
ท่ีจะได้รับความเป็นส่วนตัว (The right to be afforded privacy) สิทธิที่ได้รับการยอมรับใน
ความเชื่อและปรัชญาทางศาสนา (The right to have their religious and philosophical
conviction respected) และสทิ ธใิ นการรอ้ งเรียน (The right to complain)
ปฏิญญาลิสบอน (The Declaration of Lisbon ๑๙๘๑) แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๑๙๙๕ ให้
ความสำ�คัญถึงสิทธิของคนไข้เช่นกัน ประเด็นที่เก่ียวข้องรวมทั้งสิทธิในการเลือกและสิทธิในการ
ตัดสนิ ใจด้วยตนเอง (The right to freedom of choice and self-determination) สถานการณ์
หมดสติหรือคนไข้ท่ีไม่มีความสมบูรณ์ทางกฎหมาย (The situation of the unconscious or
legally incompetent patient) กระบวนการทีต่ ่อตา้ นการแสดงเจตนาของคนไข้ (Procedures
against the patient’s will) สิทธิในขอ้ มลู ขา่ วสาร (The right to information) สทิ ธิในความ
เช่ือม่นั (The right to confidentiality) สทิ ธใิ นการศึกษาดา้ นสขุ ภาพ (The right to health
education) ศกั ด์ิศรี (The right to dignity) สทิ ธใิ นการได้รับความชว่ ยเหลอื ด้านศาสนา (The
right to religious assistance) สมาคมแพทย์แหง่ โลกบญั ญตั ิว่าแพทย์ตอ้ งเคารพในสทิ ธขิ องคนไข้
(a physician shall respect the rights of patient) ยง่ิ ไปกว่านั้น ปฏญิ ญาวา่ ดว้ ยการตายให้
พ้นจากความทรมาน (Declaration on Euthanasia ๑๙๘๗) บญั ญตั ถิ งึ การตายเชน่ นี้ เปน็ เรื่อง
ไมช่ อบดว้ ยจริยธรรม แมจ้ ะเป็นการรอ้ งขอของคนไข้เอง หรือญาตผิ ู้ใกล้ชิดกต็ าม (Euthanasia is
unethical, even at the patient’s own request or at the request of close relatives.)
องค์กรระหว่างประเทศส่วนใหญ่เกี่ยวข้องในการพัฒนา ส่งเสริม และการปฏิบัติ เกี่ยวกับ
สิทธขิ องคนไข้ในยโุ รป องค์กรเหล่านีไ้ ด้แก่ สภายโุ รป (The Council of Europe) องคก์ ารอนามยั
โลก (WHO) สมาคมแพทยแ์ หง่ โลก (The World Medical Association) และสหภาพยุโรป (The
European Union) สำ�นักงานอนามยั โลกภาคพืน้ ยโุ รป (The WHO regional office for Europe)
ศึกษาสิทธิของคนไขใ้ นปี ค.ศ. ๑๙๘๘ – ๑๙๘๙ ซ่ึงแสดงถงึ ความตอ้ งการในการกำ�หนดแบบสำ�รวจ
ของคนไข้ใหม่ ๆ และการปฏบิ ตั ขิ องแพทย์ ตามตราสารระหวา่ งประเทศด้านสทิ ธมิ นุษยชน
การสัมมนาของกงสุลยุโรปท่ีอัมสเตอร์ดัม ระหว่างวันท่ี ๒๘ – ๓๐ มกราคม ค.ศ. ๑๙๙๔
ได้ข้อยุติของปฏิญญาว่าด้วยการสง่ เสริมสิทธขิ องคนไขใ้ นยุโรป (Declaration of Promotion of

อัยการนิเทศ 67

Patients’ Rights in Europe, Rivero & Gala’n ๑๙๙๘) ประเดน็ สำ�คญั หลกั ๆ ๔ ประเดน็ เก่ยี ว
กบั ความเปน็ อิสระในการตดั สนิ ใจของคนไข้ สิทธิส่วนบุคคล และการแจ้งความยินยอม ดังนี้
๑. สิทธมิ นุษยชนและคุณค่าในการรักษาสขุ ภาพ (Human rights and values in health
care) : บุคคลทุกคนมีสิทธไิ ดร้ ับการเคารพในฐานะที่เปน็ มนุษย์ (Everyone has the right to be
respected as a human being) มีสทิ ธิในการตัดสนิ ใจด้วยตนเอง มเี กยี รติศักดิ์ทั้งทางร่างกาย
และจติ ใจ (To physical and mental integrity) และความปลอดภยั ในชีวติ การเคารพในความ
เปน็ สว่ นตัว (to have his on her privacy respected ) มีคณุ คา่ ทางศีลธรรมและวัฒนธรรม (to
have his or her moral on cultural values) และการเคารพในความเชือ่ และปรชั ญาทางศาสนา
(religious and philosophical convictions respected)โอกาสในการมสี ิทธิตดิ ตามถงึ การไดร้ ับ
การรกั ษาสขุ ภาพภายในระดับสูงสดุ (To the opportunity to pursue his on her own highest
attainable level of health.)
๒. ขอ้ มลู ขา่ วสาร (Information) สิทธทิ จ่ี ะได้รับข้อมลู ข่างสารทจ่ี ะไดร้ บั บรกิ ารด้านสขุ ภาพ
(The right to receive information about the availability of health services) ตามเง่อื นไข
แหง่ ตนและการรกั ษาทเี่ หมาะสม รวมทง้ั ขอ้ มลู ขา่ วสารเกยี่ วกบั ผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพ (Information
about the health care providers)
๓. ความยนิ ยอม (Consent) การแจง้ ความยนิ ยอมของคนไขเ้ ปน็ ความตอ้ งการเบอ้ื งตน้ สำ�หรบั
การพิจารณาของแพทย์ (The informed consent of the patient is a prerequisite for any
medical intervention) คนไขม้ ีสทิ ธปิ ฏิเสธหรอื หยุดยัง้ การพิจารณาของแพทย์
๔. การรกั ษาความลับและความเป็นสว่ นตัว (Confidentiality and privacy) ขอ้ มูลทุกชนดิ
ของคนไขต้ อ้ งรกั ษาเปน็ ความลบั ซง่ึ จะเปดิ เผยไดถ้ า้ คนไขใ้ หค้ วามยนิ ยอมโดยเปดิ เผย หรอื กฎหมาย
ยนิ ยอมให้กระทำ�เช่นนัน้ (All information of a personal kind must be kept confidential.
It can only be disclosed if the patient gives explicit consent on if the law expressly
provides for this.) อกี ทัง้ ไม่อาจรบกวนความเปน็ ส่วนตัวของคนไขแ้ ละชวี ิตครอบครัว (There
can be no intervention into a patient’s private and family live. )
กติกาสภายโุ รป (The Treaties of the Council of Europe) รวมถึงกติกาส�ำ หรบั ปกป้อง
คมุ้ ครองสิทธิมนุษยชน และศกั ดิ์ศรคี วามเปน็ มนษุ ย์ (The Convention for the Protection of
Human Rights and Dignity of Human Being ๑๙๙๗) จุดประสงคข์ องกติกานี้ เพ่ือปกป้อง
คมุ้ ครองศักดศ์ิ รีและเอกลักษณ์ ของความเปน็ มนษุ ย์ และเป็นหลกั ประกันพน้ื ฐานของเสรภี าพโดย
ปราศจากการเลือกปฏิบัติเคารพในเกียรติศักด์ิและสิทธิอ่ืน ๆ โดยตระหนักถึงด้านชีววิทยาและ
การรกั ษา (The purpose of this convention is to protect the dignity and identity
of all human beings and to guarantee every one, without discrimination, respect
for their integrity and other rights and fundamental freedoms with regard to the

68 อยั การนเิ ทศ

application of biology and medicine.) โดยเนน้ ถงึ ความยนิ ยอมของบคุ คล ชวี ติ สว่ นตวั และสทิ ธิ
ในขอ้ มลู ขา่ วสาร ยนี สข์ องมนษุ ย์ (human genome) การวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ (Science research)
การเอาอวยั วะและเนอ้ื เยอื่ ออกจากมนษุ ย์ เพอ่ื การปลกู ถา่ ย เปน็ ตน้ (Organ and tissues removal
from living donors for Transplantations purposes. )
ในบางประเทศ มีธรรมเนียมปฏิบัติทางศาลในการปกครองดูแลสิทธิของคนไข้ (Kokkonen
๑๙๙๔) ประเทศแรกที่ปฏิบัตเิ ช่นน้ี คอื สเปน ตามพระราชบัญญัติสขุ ภาพท่ัวไป (The General
Health Act ๑๙๘๖) ฟินแลนด์ ในปี ค.ศ. ๑๙๙๓ ฮอลแลนด ์ ในปี ค.ศ. ๑๙๙๕ ในอิสราเอล
ลิธัวเนีย และไอส์แลนด์ กฎหมายท่ีใช้ปกครองดูแลสิทธิของคนไข้มีผลบังคับใช้เม่ือ ค.ศ. ๑๙๙๗
บางประเทศ เชน่ องั กฤษ จะเรียกวา่ กฎบัตรของคนไข้ ปฏิญญาว่าดว้ ยสทิ ธขิ องคนไข้ หรอื สัญญา
การจดั การดูแลรกั ษา (Patients’ Charter, a declaration of patients’ rights, or managed
care contracts) อย่างไรกต็ าม เอกสารเหลา่ น้ีมีผลผูกพนั ทางกฎหมาย (Nikkila ๑๙๙๘)
ความเป็นมาของการรักษาตามยุคใหม่ เกิดข้ึนหลังสงครามโลก คร้ังที่ ๒ เรียกว่า ยุคของ
ความเปน็ อสิ ระ (Age of Autonomy, Ziegler ๑๙๘๕) โดยยดึ ถอื ความเปน็ อสิ ระในการตดั สนิ ใจของ
คนไข้ (Patient’s Autonomy) นูเร็มเบอร์กไดใ้ ห้ความส�ำ คัญ รายงานกฎหมายประจ�ำ ปี จริยธรรม
ทางด้านชวี ศาสตร์ โดยใหค้ วามส�ำ คัญถึงหลักการในความเปน็ อิสระของคนไข้ (The Principle of
patient autonomy, Burt ๑๙๙๖) รวมทั้ง Thomasma ๑๙๘๓ ไดอ้ ธบิ ายถงึ ความเคล่ือนไหว
ก่อนสงคราม โดยเน้นถึงพัฒนาการส่วนบุคคล (personal development), ความรับผิดชอบต่อ
จริยธรรมของปัจเจกบุคคล (individual ethical responsibility) และความสำ�คัญของกายภาพ
ในชวี ติ ประจ�ำ วนั (the important of each gesture in day – to – day life) ซง่ึ ตา่ งจากมาตรฐาน
ของชมุ ชน (community standards), อ�ำ นาจทางการเมอื ง (political authority) และวตั ถปุ ระสงค์
ของสงั คม (social obligation)
ในปลาย ค.ศ. ๑๙๖๐ บทบาทความเคล่ือนไหวในสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่จะให้
ความสำ�คัญอย่างย่ิงต่อสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของปัจเจกบุคคล (Individual rights to
self-determination) สะทอ้ นถึง การศกึ ษา การทำ�งาน และสขุ ภาพ โดยในส่วนของสุขภาพ การ
วิจัยทางชีวศาสตร์ และโครงการป้องกัน (Riis ๑๙๘๗) โดยเฉพาะในจริยธรรมของอเมริกา (US
ethical) และการวจิ ัยทางกฎหมายเกย่ี วกบั การตัดสนิ ใจของแพทย์ (legal analysis of medical
decision – making) จำ�นวนมาก ซง่ึ หลกั การของสิทธใิ นการตัดสนิ ใจของคนไข้ จะมคี วามหมาย
แตกต่างกันไปในแต่ละวฒั นธรรมทแ่ี ตกต่างกัน
หลกั การของความเปน็ อิสระ (The concept of Autonomy)
คำ�ว่าความเป็นอิสระ (Autonomy) มาจากคำ�ภาษากรีก ๒ คำ� คือ Autos ซ่ึงแปลว่า
ความเป็นตัวเอง (Self) และคำ�ว่า Nomos ซ่ึงแปลว่า กฎ การปกครอง หรือกฎหมาย (rule,
governance หรือ law) โดยการใช้ในคร้ังแรกเป็นเรื่องที่กล่าวถึง กฎของตัวเอง (self - rule)

อยั การนิเทศ 69

หรอื การปกครองของตัวเอง (self - governance) ในความเป็นเอกราชของประเทศรฐั Hellenic
(Independent Hellenic city - state) หลงั จากนน้ั ไดข้ ยายมาถงึ ปจั เจกบคุ คลและไดร้ บั การยอมรบั
ให้เป็นการปกครองของตัวเอง เสรีภาพความเป็นส่วนตัว ทางเลือกของปัจเจกบุคคล (individual
choice) เสรภี าพในการแสดงเจตนา (freedom of the will) ในเรอ่ื งเกยี่ วกบั พฤตกิ รรรมและความ
เป็นอยู่ของตนเอง
ความเห็นทสี่ �ำ คัญของบุคคลบางคน เช่น Thomasma ในปี ค.ศ. ๑๙๘๓ วา่ ความเป็นอิสระ
ของตนเองต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมของตัวเอง หน้าที่ และการออกกฎหมายท่ีเหมาะสม เช่น
เดยี วกบั John Stuart Mill ใหห้ ลกั การวา่ บคุ คลไมอ่ าจรบกวนเสรภี าพของบคุ คลอน่ื เวน้ แตว่ า่ กรณี
ทเี่ ป็นอนั ตราย หรอื ไมอ่ าจคาดหมายได้
อย่างไรก็ตาม ความเป็นอิสระยังมีปัญหาบางประการ เน่ืองจากคำ�นิยามท่ีกว้างขวาง และ
ไมม่ ขี อ้ สรปุ เป็นเอกฉนั ทใ์ นนยิ ามสากล (Autonomy is very broadly defined and there is no
consensus on a universal definition) ยิง่ ไปกว่านั้น ปญั หาเกย่ี วกับค�ำ นิยามกลบั ขยายต่อไปอีก
ในทางปฏิบัติในชีวิตประจำ�วัน แม้จะกล่าวอ้างว่า ได้มีการพัฒนาวิธีการกำ�หนดคำ�นิยาม หรือวาง
มาตรการในเรอื่ งน๙ี้ และยงั มกี ารศกึ ษาวจิ ยั อยา่ งตอ่ เนอื่ งในหลากหลายสาขาทางดา้ นการแพทยใ์ น
เรอ่ื งนี้ ไมว่ า่ การสนับสนนุ หรอื การก�ำ หนดขอ้ จำ�กดั การดูแลรักษา คณุ ภาพในการดแู ลรักษา และ
ทศั นคตขิ องคนไข้ ความหวังและความตอ้ งการของคนไข้ (patient’s wishes and needs) ตลอด
จนการปฏิบัติของพยาบาลต่อคนไข้ (nursing activities) ในเร่ืองของโภชนาและการเล้ียงดูคนไข้
(patients’ nutrition and feeding) การแต่งกาย (Dressing) และเรอ่ื งของวฒั นธรรม (cultural
issuers) ซง่ึ ยังมีการวเิ คราะหว์ ิจัยต่อไปอีก
บทความนี้ จงึ น�ำ เสนอเพอื่ ใหท้ ราบถงึ ความเป็นมา แนวคิด ทฤษฎี การตระหนักถงึ สทิ ธิของ
คนไขท้ มี่ ปี ระวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มา โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในปจั จบุ นั ซงึ่ ประเทศไทยเดนิ กา้ วหนา้ ขยาย
ขอบเขตมาถึงจุดที่ให้สิทธิของคนไข้ในการปฏิเสธการรักษา เพ่ือให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
ถึงการตัดสินใจ ในชีวิตประจำ�วันของตนเอง การตัดสินใจโดยญาติผู้ใกล้ชิดตามเจตนารมณ์ของ
คนไข้ หน้าที่ของบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะวินิจฉัยและรับผิด
ชอบในชีวิตมนุษย์อย่างไร ในขณะเดียวกัน แพทย์จะได้รับความคุ้มครองจากการกระทำ�โดยชอบ
อยา่ งไร เพอื่ ใหต้ รงตามอสิ ระในการตดั สนิ ใจของคนไขซ้ ง่ึ เปน็ สทิ ธขิ องปจั เจกบคุ คล อกี ทงั้ ไมเ่ กดิ กรณี
การอ้างสิทธิในการตัดสินใจของคนไข้ เป็นเครื่องทำ�ลายชีวิตของคนไข้เอง ในขณะเดียวกันสังคม
สว่ นรวมรอบขา้ งกไ็ ม่ได้รบั ผลกระทบจากการกระท�ำ ดงั กลา่ ว

๙Ibid. p.๕๖.
70 อัยการนิเทศ

การส่งั คดอี าญาท่จี ะไม่เปน็ ประโยชน์แกส่ าธารณชน
หรอื จะมีผลกระทบต่อความปลอดภยั หรือความมน่ั คงของชาติ

หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั สำ�คัญของประเทศ

อนุชาติ คงมาลยั *

พระราชบญั ญตั อิ งคก์ รอยั การและพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๑ วรรคสอง บญั ญตั ิ
วา่ “ถา้ พนกั งานอยั การเหน็ วา่ การฟอ้ งคดอี าญาจะไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ าธารณชนหรอื จะมผี ลกระทบ
ต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของประเทศให้เสนอต่อ
อัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำ�นาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งน้ี ตามระเบียบท่ีสำ�นักงานอัยการสูงสุด
ก�ำ หนด โดยความเหน็ ชอบของ ก.อ.”ระเบียบส�ำ นักงานอัยการสูงสดุ ว่าดว้ ยการสั่งคดอี าญาท่ีจะไม่
เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนฯสำ�นักงานอัยการสูงสุดจึงได้ยกร่างระเบียบสำ�นักงานอัยการสูงสุด
เรยี กวา่ “ระเบยี บส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการสงั่ คดอี าญาทจี่ ะไมเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สาธารณชน
หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของ
ประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔๑
ระเบยี บฉบบั นส้ี �ำ นกั งานอยั การสงู สดุ ไดน้ �ำ เขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของคณะกรรมการอยั การในการ
ประชุมคณะกรรมการอยั การ ครงั้ ท่ี ๖/๒๕๕๔ วนั ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔ ซงึ่ คณะกรรมการอยั การ
ได้มมี ตใิ หค้ วามเหน็ ชอบกบั รา่ งระเบยี บฉบับน้ี

ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาและมีผลบงั คบั ใชแ้ ล้ว

พระราชบญั ญตั อิ งคก์ รอยั การและพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕ บญั ญตั วิ า่ “ระเบยี บ
ท่อี อกตามมาตรา ๒๑ วรรคสอง นี้ เมอื่ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วใหใ้ ช้บงั คบั ได้”
และในระเบียบฉบับน้ีข้อ ๒ กำ�หนดให้ “ระเบียบนี้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป”
ดังนั้น เม่อื ได้มีการประกาศระเบยี บนใี้ นราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๒๘ ตอนท่ี ๓๐ ก วนั ท่ี ๒๙
เมษายน ๒๕๕๔ ระเบยี บฉบับนี้จงึ มีผลใชบ้ ังคบั ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป

* อยั การอาวุโส ส�ำ นักงานวชิ าการ, อดตี รองอยั การสูงสดุ
๑รายละเอียดตามเอกสารผนวกท้ายบทความน้ี

อัยการนิเทศ 71

ทงั้ น้ี ระเบียบนีเ้ ป็นอนบุ ัญญัติกฎหมายองคก์ รอยั การ ซ่ึงสำ�นกั งานอยั การสงู สดุ ได้กำ�หนดไว้
เป็นประเภท ข. ได้แก่ อนบุ ญั ญตั ิของสำ�นกั งานอัยการสงู สดุ ท่ีออกโดยความเหน็ ชอบของก.อ.๒
ยกเลกิ ระเบียบเดมิ (เฉพาะขอ้ ๗๘) : วธิ ีปฏิบตั อิ ืน่ ถอื ปฏบิ ัติตามระเบยี บเดมิ
เดิมสำ�นักงานอัยการสูงสุดได้กำ�หนดระเบียบปฏิบัติการสั่งคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่
สาธารณชนฯ ไวใ้ น “ระเบยี บส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการด�ำ เนนิ คดอี าญาของพนกั งานอยั การ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๗๘”
เม่ือมีการออกระเบียบว่าด้วยการสั่งคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนฯตาม
กฎหมายองค์กรอยั การและพนักงานอัยการฉบับใหม่แล้ว จงึ ให้ยกเลกิ ระเบยี บเดิม (พ.ศ. ๒๕๔๗)
เฉพาะข้อ ๗๘ น้ี (ข้อ ๔ วรรคแรก)
สำ�หรับวิธีปฏิบัติอื่นใดท่ีไม่ได้กำ�หนดไว้ในระเบียบฉบับใหม่ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามระเบียบ
ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการด�ำ เนินคดีอาญาของพนกั งานอยั การต่อไป เวน้ แต่อยั การสูงสดุ จะ
มีคำ�สั่งเป็นอย่างอน่ื (ข้อ ๔ วรรคสอง)
นิยามศัพท์ค�ำ วา่ “หัวหนา้ พนกั งานอยั การ”
ระเบยี บให้ค�ำ นยิ ามคำ�ว่า “หัวหนา้ พนักงานอยั การ” ไวใ้ นข้อ ๓ ดงั น้ี
“หวั หนา้ พนกั งานอยั การ” หมายความวา่ อยั การพเิ ศษฝา่ ยหรอื อยั การจงั หวดั ทม่ี อี �ำ นาจหนา้ ท่ี
ในการดำ�เนินคดีอาญา
หลกั การสั่งคดีอาญาท่จี ะไม่เปน็ ประโยชน์แกส่ าธารณชนฯ
การสั่งคดีอาญาท่ีจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย
หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของประเทศ ระเบียบนี้กำ�หนดแนวทาง
ปฏบิ ตั ิไวใ้ นข้อ ๕ วรรคหน่ึงและวรรคสอง และกำ�หนดปัจจยั ต่าง ๆ ทีพ่ นักงานอัยการพจิ ารณาโดย
แสดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบวา่ การฟอ้ งคดจี ะไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ าธารณชนหรอื การฟอ้ งคดจี ะมี
ผลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรือความม่ันคงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ ันส�ำ คญั ของประเทศไว้
ในขอ้ ๖ และข้อ ๗ ตามลำ�ดบั และก�ำ หนดแนวทางการใชด้ ลุ พินจิ พิจารณาปจั จยั เหล่านั้นไวใ้ นขอ้ ๘
การพิจารณาส่งั คดขี องพนักงานอัยการและหัวหนา้ พนกั งานอยั การ
“ข้อ ๕ ในการพิจารณาสั่งคดีอาญาของพนักงานอัยการ ถ้าพนักงานอัยการคนหน่ึงคนใด

๒อนชุ าติ คงมาลยั “อนบุ ญั ญตั กิ ฎหมายองคก์ รอยั การ” : บทความตพี มิ พเ์ ผยแพรใ่ น Website ของส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ
www.ago.go.th : ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔
72 อัยการนิเทศ

เห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ตามข้อ ๖ หรือจะมีผลกระทบต่อ
ความปลอดภยั หรือความม่นั คงของชาติ หรือตอ่ ผลประโยชน์อนั สำ�คัญของประเทศ ตามขอ้ ๗ ให้
เสนอความเห็นต่อหัวหนา้ พนักงานอยั การ หากหัวหนา้ พนกั งานอัยการเห็นพอ้ งดว้ ย หรอื ในกรณที ี่
หัวหนา้ พนกั งานอัยการเห็นเอง ใหท้ �ำ ความเหน็ ตามล�ำ ดับช้นั เสนอต่ออัยการสูงสดุ เพอื่ พจิ ารณาส่ัง
ในกรณที หี่ วั หนา้ พนกั งานอยั การไมเ่ หน็ พอ้ งดว้ ยกบั ความเหน็ ของพนกั งานอยั การตามวรรคหนงึ่
หรือคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอื่นอันจำ�เป็นจะต้องรีบฟ้อง ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ
สั่งฟ้องและยนื่ ฟอ้ งผ้ตู อ้ งหาตอ่ ศาล แลว้ เสนอเรือ่ งตามลำ�ดบั ชน้ั ตอ่ อยั การสูงสดุ เพ่ือพจิ าณาส่งั ”
ปจั จัยประกอบการสงั่ คดจี ะไมเ่ ปน็ ประโยชน์แก่สาธารณชน
“ขอ้ ๖ ในกรณีทีพ่ นกั งานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีจะไม่เป็นประโยชน์แกส่ าธารณชน ตาม
ขอ้ ๕ ใหพ้ นักงานอัยการพจิ ารณาโดยแสดงเหตผุ ลอันสมควรประกอบ โดยใหค้ ำ�นงึ ถึงปจั จัยตา่ ง ๆ
ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ดังต่อไปนดี้ ้วย
(๑) สาเหตุหรอื มลู เหตจุ ูงใจในการกระทำ�ความผดิ
(๒) อายุ ประวัติ ความประพฤติ สตปิ ัญญา การศกึ ษาอบรม สภาพร่างกาย สภาพจติ อาชีพ
ฐานะ ความสมั พนั ธท์ างครอบครวั และประวตั ิการกระทำ�ความผดิ ของผู้ตอ้ งหา
(๓) ลักษณะความร้ายแรงของการกระทำ�ความผิด ผลร้ายท่ีเกิดขึ้นจากการกระทำ�ความผิด
การได้รับผลร้ายของผตู้ ้องหาอนั เน่อื งมาจากการกระท�ำ ความผิดของผตู้ อ้ งหาเอง
(๔) ความสำ�นึกผิดของผู้ต้องหา การได้รับการบรรเทาผลร้ายของผู้เสียหายความเห็นของ
ผู้เสียหายตอ่ การฟอ้ งผูต้ อ้ งหา ความคาดหมายถึงผลท่ผี ตู้ ้องหาจะไดร้ ับจากการถกู ฟ้อง
(๕) ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศีลธรรมอันดขี องประชาชน
(๖) ประโยชน์ของรฐั ทจี่ ะไดจ้ ากการฟ้องผู้ตอ้ งหา”
ปัจจัยประกอบการส่ังคดีจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อ
ผลประโยชนอ์ ันส�ำ คญั ของประเทศ
“ข้อ ๗ ในกรณีที่พนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ
ความมน่ั คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั ส�ำ คญั ของประเทศตามขอ้ ๕ ใหพ้ นกั งานอยั การพจิ ารณา
โดยแสดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบ โดยใหค้ ำ�นึงถงึ ปจั จัยตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้องดงั ตอ่ ไปนี้ด้วย
(๑) ส าเหตหุ รอื มลู เหตจุ งู ใจในการกระท�ำ ความผดิ ลกั ษณะความรา้ ยแรงของการกระท�ำ ความผดิ
ผลร้ายทีเ่ กดิ ข้ึนจากการกระท�ำ ความผดิ
(๒) เหตุผลตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศถึงผลกระทบต่อนโยบายส่งเสริม
ความสมั พันธไมตรีกับนานาประเทศ
(๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ

อัยการนเิ ทศ 73

ความมน่ั คงของชาติ หรือต่อผลประโยชนอ์ นั สำ�คัญของประเทศ
(๔) เหตผุ ลตามความเหน็ ของรฐั บาลโดยมตคิ ณะรฐั มนตรถี งึ ผลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื
ความม่ันคงของชาติ หรอื ต่อผลประโยชน์อนั สำ�คัญของประเทศ
(๕) ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศีลธรรมอนั ดีของประชาขนหรอื ความสามคั คขี องคนในชาต”ิ
ใชด้ ลุ พนิ จิ พจิ ารณาปจั จยั ประกอบขอ้ เทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณแ์ วดลอ้ ม : โดยไมต่ อ้ งน�ำ มาทกุ ปจั จยั
“ข้อ ๘ ในการใชด้ ุลพินิจพิจารณาปัจจยั ตา่ ง ๆ ตามขอ้ ๖ และตามข้อ ๗ นน้ั ใหพ้ นกั งาน
อัยการพิจารณาความสำ�คัญของปัจจัยแต่ละเรื่องประกอบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แวดล้อมตาม
รปู คดี โดยไม่จำ�ตอ้ งน�ำ ทกุ ปัจจัยมาประกอบการพจิ ารณากไ็ ด้”
อยั การสงู สดุ มีอำ�นาจส่ังไมฟ่ ้องหรอื ถอนฟ้อง
เม่อื สำ�นวนคดดี ังกลา่ วเสนอมาถึงอยั การสงู สดุ ถา้ อัยการสงู สดุ เห็นว่า การฟ้องคดอี าญานน้ั
จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรือต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของประเทศ อัยการสูงสุดมีอำ�นาจส่ังไม่ฟ้องหรือถอนฟ้อง แล้วแต่
กรณี (ข้อ ๙)
อำ�นาจที่จะส่ังไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องกรณีตามมาตรา ๒๑ นี้ เป็นอำ�นาจเฉพาะตำ�แหน่ง
อยั การสงู สดุ เทา่ นน้ั อยั การสงู สดุ จะมอบอำ�นาจนใ้ี หผ้ อู้ นื่ มไิ ดต้ ามพระราชบญั ญตั อิ งคก์ รอยั การและ
พนกั งานอยั การ พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๑๙ วรรคสอง
แจ้งค�ำ สง่ั ไมฟ่ อ้ งพรอ้ มเหตุผลใหพ้ นกั งานสอบสวน
เมอ่ื อยั การสงู สดุ มคี �ำ สงั่ ไมฟ่ อ้ งผตู้ อ้ งหาแลว้ ใหห้ วั หนา้ พนกั งานอยั การแจง้ ค�ำ สง่ั ไมฟ่ อ้ งพรอ้ ม
เหตุผลในการวินิจฉยั ส่งั คดีให้พนักงานสอบสวนทราบ (ขอ้ ๑๐)
น�ำ มาใชบ้ งั คบั ในชน้ั อทุ ธรณ์และฎีกาดว้ ยโดยอนุโลม
พระราชบญั ญตั อิ งคก์ รอยั การและพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๑ วรรคสาม บญั ญตั ิ
ว่า “ให้นำ�ความในวรรคสองมาใช้บังคับกับกรณีท่ีพนักงานอัยการไม่ยื่นคำ�ร้อง ไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา
ถอนฟอ้ ง ถอนค�ำ ร้อง ถอนอทุ ธรณ์ และถอนฎกี าด้วยโดยอนโุ ลม”
สำ�นักงานอัยการสูงสุดจึงได้นำ�หลักการตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมาบัญญัติไว้ใน
ระเบียบฯ ข้อ ๑๑ ดังนี้
“ขอ้ ๑๑ ให้น�ำ ความในขอ้ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ขอ้ ๘ ข้อ ๙ และขอ้ ๑๐ มาใช้บังคับกับกรณีที่
พนกั งานอยั การจะไมย่ น่ื คำ�รอ้ ง ไมอ่ ทุ ธรณ์ ไมฎ่ กี า ถอนฟอ้ ง ถอนค�ำ รอ้ ง ถอนอทุ ธรณ์ และถอนฎกี า
ด้วยโดยอนโุ ลม”

74 อัยการนเิ ทศ

รายงานผลการด�ำ เนินการใหส้ �ำ นกั งานวิชาการ
เม่ืออัยการสูงสุดมีคำ�สั่งตามระเบียบนี้แล้ว ให้หัวหน้าพนักงานอัยการรายงานผลการด�ำ เนิน
การให้ส�ำ นกั งานวิชาการทราบเพื่อจัดเก็บรวบรวมเปน็ ขอ้ มลู ตอ่ ไป (ข้อ ๑๒)
อัยการสูงสุดมอี �ำ นาจตีความวนิ จิ ฉยั ปญั หาและรักษาการตามระเบียบ
ให้อัยการสงู สุดมีอ�ำ นาจตีความและวินิจฉยั ปัญหาเก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ิตามระเบยี บน้ี (ขอ้ ๑๓)
ใหอ้ ยั การสงู สดุ รักษาการตามระเบียบน้ี และให้มอี �ำ นาจออกประกาศ ค�ำ ส่ัง หลกั เกณฑ์และ
วิธีการเพื่อประโยชนใ์ นการปฏบิ ัตติ ามระเบียบน้ี (ขอ้ ๑๔)
ใช้ระเบยี บนบ้ี งั คบั กรณมี บี ทบัญญัตขิ ัดหรือแย้งกบั ระเบยี บน้ี
เมอื่ ระเบยี บฉบบั นม้ี ผี ลบงั คบั ใช้ ความตอนทา้ ยของระเบยี บนกี้ ำ�หนดวา่ “บรรดาระเบยี บ ขอ้
บังคับ ประกาศและคำ�ส่งั ซงึ่ ขัดหรือแยง้ กบั ระเบยี บนีใ้ หใ้ ช้ระเบียบนแี้ ทน”
องคก์ รอัยการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ตามบทบญั ญัติแหง่ กฎหมายและหลกั นิติธรรม
การที่สำ�นักงานอัยการสูงสุดดำ�เนินการออกระเบียบว่าด้วยการส่ังคดีอาญาที่จะไม่เป็น
ประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือ
ต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของประเทศฉบับน้ี ก็เพ่ืออนุวัติให้เป็นไปตามหลักการแห่งบทบัญญัติ
ของกฎหมาย ทั้งยังเป็นสิ่งซ่ึงแสดงยืนยันว่า “การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอัยการต้องเป็นไปตาม
บทบัญญัตแิ หง่ กฎหมายและหลักนิตธิ รรม”๓ ได้อย่างม่ันคงและยงั่ ยืนตลอดไป

๓พระราชบญั ญัติองคก์ รอยั การและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๘

อยั การนเิ ทศ 75

หนา้ ๑๙
เลม่ ๑๒๘ ตอนที่ ๓๐ ก ราชกิจจานเุ บกษา ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔

ระเบียบสำ�นกั งานอยั การสูงสุด
วา่ ด้วยการสงั่ คดีอาญาที่จะไม่เปน็ ประโยชน์แก่สาธารณชน หรอื จะมผี ลกระทบ
ต่อความปลอดภัยหรอื ความมนั่ คงของชาติ หรือตอ่ ผลประโยชนอ์ นั ส�ำ คัญของประเทศ

พ.ศ. ๒๕๕๔

โดยท่ีพนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาส่ังคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตาม
รฐั ธรรมนญู และตามกฎหมายโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ถ้าพนักงานอยั การเหน็ ว่าการฟ้องคดอี าญา
จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ
หรือต่อผลประโยชน์อันสำ�คัญของประเทศ ให้เสนอต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำ�นาจส่ัง
ไม่ฟอ้ งได้ ทั้งน้ี ตามระเบียบท่สี ำ�นกั งานอัยการสูงสุดกำ�หนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
อยั การ
อาศัยอ�ำ นาจตามความในมาตรา ๒๑ วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญตั อิ งค์กร
อยั การและพนกั งานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๓ ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ
อยั การจงึ ออกระเบียบ ดงั ตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ ระเบยี บนเ้ี รยี กวา่ “ระเบียบสำ�นักงานอยั การสูงสุดว่าดว้ ยการสัง่ คดีอาญาทจ่ี ะไม่เป็น
ประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงของชาติหรือต่อ
ผลประโยชน์อันส�ำ คัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔”
ข้อ ๒ ระเบียบน้ใี ห้ใชบ้ งั คับตงั้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป
ข้อ ๓ ในระเบยี บนี้
“หวั หนา้ พนกั งานอยั การ” หมายความวา่ อยั การพเิ ศษฝา่ ยหรอื อยั การจงั หวดั ทมี่ อี �ำ นาจหนา้ ท่ี
ในการดำ�เนนิ คดอี าญา
ขอ้ ๔ ใหย้ กเลกิ ระเบยี บส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการด�ำ เนนิ คดอี าญาของพนกั งานอยั การ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๗๘
ส�ำ หรบั วธิ ปี ฏบิ ตั อิ นื่ ใดทไี่ มไ่ ดก้ ำ�หนดไวใ้ นระเบยี บน้ี ใหถ้ อื ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บสำ�นกั งานอยั การ
สูงสุดว่าดว้ ยการดำ�เนนิ คดีอาญาของพนักงานอยั การ เว้นแตอ่ ัยการสงู สดุ จะมีค�ำ ส่ังเปน็ อยา่ งอืน่
ข้อ ๕ ในการพิจารณาส่ังคดีอาญาของพนักงานอัยการ ถ้าพนักงานอัยการคนหนึ่งคนใด
เห็นว่า การฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน ตามข้อ ๖ หรือจะมีผลกระทบต่อ

76 อัยการนิเทศ

ความปลอดภยั หรอื ความมน่ั คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชน์อนั ส�ำ คัญของประเทศ ตามข้อ ๗ ให้
เสนอความเหน็ ต่อหวั หนา้ พนักงานอยั การ หากหวั หน้าพนกั งานอัยการเห็นพ้องดว้ ย หรอื ในกรณีที่
หวั หน้าพนกั งานอัยการเห็นเอง ใหท้ �ำ ความเห็นตามล�ำ ดับชนั้ เสนอตอ่ อัยการสงู สดุ เพ่ือพิจารณาสง่ั
ในกรณที หี่ วั หนา้ พนกั งานอยั การไมเ่ หน็ พอ้ งดว้ ยกบั ความเหน็ ของพนกั งานอยั การตามวรรคหนง่ึ
หรือคดีจะขาดอายุความ หรือมีเหตุอย่างอ่ืนอันจำ�เป็นจะต้องรีบฟ้อง ให้หัวหน้าพนักงานอัยการ
ส่ังฟ้องและยนื่ ฟอ้ งผู้ต้องหาต่อศาล แล้วเสนอเร่อื งตามล�ำ ดบั ชัน้ ตอ่ อัยการสูงสุดเพื่อพจิ ารณาส่ัง
ขอ้ ๖ ในกรณที พ่ี นกั งานอยั การเหน็ วา่ การฟอ้ งคดจี ะไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ าธารณชนตามขอ้ ๕
ให้พนักงานอัยการพิจารณาโดยแสดงเหตุผลอันสมควรประกอบ โดยให้คำ�นึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ท่ี
เก่ียวขอ้ ง ดงั ตอ่ ไปนด้ี ว้ ย
(๑) สาเหตุหรอื มลู เหตุจูงใจในการกระทำ�ความผิด
(๒) อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปญั ญา การศึกษาอบรม สภาพรา่ งกาย สภาพจิตอาชพี
ฐานะ ความสมั พันธท์ างครอบครัว และประวัติการกระทำ�ความผดิ ของผ้ตู อ้ งหา
(๓) ลักษณะความรา้ ยแรงของการกระท�ำ ความผดิ ผลรา้ ยท่เี กดิ ขน้ึ จากการกระท�ำ ความผดิ
การได้รบั ผลรา้ ยของผู้ต้องหาอนั เนือ่ งมาจากการกระทำ�ความผิดของผูต้ อ้ งหาเอง
(๔) ความส�ำ นึกผิดของผู้ตอ้ งหา การได้รบั การบรรเทาผลร้ายของผู้เสยี หาย ความเหน็ ของ
ผ้เู สยี หายตอ่ การฟอ้ งผูต้ อ้ งหา ความคาดหมายถงึ ผลทผ่ี ตู้ อ้ งหาจะได้รบั จากการถูกฟ้อง
(๕) ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอันดีของประชาชน
(๖) ประโยชนข์ องรัฐท่จี ะได้จากการฟ้องผ้ตู อ้ งหา
ขอ้ ๗ ในกรณที พี่ นกั งานอยั การเหน็ วา่ การฟอ้ งคดจี ะมผี ลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื ความ
มนั่ คงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชนอ์ นั ส�ำ คญั ของประเทศตามขอ้ ๕ ใหพ้ นกั งานอยั การพจิ ารณาโดย
แสดงเหตผุ ลอนั สมควรประกอบ โดยให้ค�ำ นงึ ถึงปัจจยั ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง ดังตอ่ ไปนี้ด้วย
(๑) สาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจในการกระทำ�ความผิด ลักษณะความร้ายแรงของการกระทำ�
ความผิด ผลรา้ ยท่ีเกดิ ขน้ึ จากการกระทำ�ความผดิ
(๒) เหตุผลตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศถึงผลกระทบต่อนโยบายส่งเสริม
ความสัมพนั ธไมตรีกบั นานาประเทศ
(๓) เหตุผลตามความเห็นของสภาความม่ันคงแห่งชาติถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือ
ความมั่นคงของชาติ หรอื ต่อผลประโยชน์อนั ส�ำ คญั ของประเทศ
(๔) เหตผุ ลตามความเหน็ ของรฐั บาลโดยมตคิ ณะรฐั มนตรถี งึ ผลกระทบตอ่ ความปลอดภยั หรอื
ความม่ันคงของชาติ หรอื ตอ่ ผลประโยชน์อนั สำ�คัญของประเทศ
(๕) ความสงบเรียบรอ้ ยหรือศลี ธรรมอนั ดีของประชาชนหรอื ความสามัคคีของคนในชาติ
ข้อ ๘ ในการใชด้ ลุ พนิ ิจพิจารณาปจั จยั ต่าง ๆ ตามข้อ ๖ และข้อ ๗ นัน้ ใหพ้ นกั งานอยั การ
พิจารณาความสำ�คัญของปัจจัยแต่ละเร่ืองประกอบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แวดล้อมตามรูปคดี

อัยการนเิ ทศ 77

โดยไมจ่ ำ�ต้องนำ�ทกุ ปจั จยั มาประกอบการพจิ ารณาก็ได้
ข้อ ๙ ถา้ อยั การสงู สดุ เหน็ ว่า การฟ้องคดอี าญาใดจะไม่เป็นประโยชนแ์ กส่ าธารณชนหรือจะ
มผี ลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมนั่ คงของชาติ หรอื ต่อผลประโยชนอ์ นั สำ�คญั ของประเทศ
อัยการสูงสดุ มีอ�ำ นาจสง่ั ไม่ฟ้องหรือถอนฟ้อง แลว้ แตก่ รณี
ขอ้ ๑๐ เม่อื อยั การสงู สดุ มคี �ำ สง่ั ไม่ฟอ้ งผตู้ ้องหาแลว้ ใหห้ ัวหนา้ พนักงานอัยการแจง้ ค�ำ สง่ั ไม่
ฟอ้ งพรอ้ มเหตผุ ลในการวนิ จิ ฉยั ส่ังคดใี ห้พนักงานสอบสวนทราบ
ข้อ ๑๑ ใหน้ ำ�ความในข้อ ๕ ข้อ ๖ ขอ้ ๗ ขอ้ ๘ ขอ้ ๙ และขอ้ ๑๐ มาใชบ้ ังคับกบั กรณที ี่
พนักงานอัยการจะไม่ยนื่ คำ�รอ้ ง ไม่อทุ ธรณ์ ไมฎ่ ีกา ถอนฟอ้ ง ถอนค�ำ รอ้ ง ถอนอทุ ธรณแ์ ละถอนฎีกา
ดว้ ยโดยอนโุ ลม
ขอ้ ๑๒ เมอื่ อยั การสงู สดุ มคี �ำ สงั่ ตามระเบยี บนแ้ี ลว้ ใหห้ วั หนา้ พนกั งานอยั การรายงานผลการ
ด�ำ เนินการใหส้ ำ�นักงานวิชาการทราบเพ่อื จัดเกบ็ รวบรวมเป็นข้อมูลตอ่ ไป
ข้อ ๑๓ ใหอ้ ยั การสงู สดุ มอี �ำ นาจตคี วามและวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บน้ี
ข้อ ๑๔ ให้อัยการสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำ�นาจออกประกาศ คำ�สั่ง
หลกั เกณฑ์และวิธกี ารเพอ่ื ประโยชนใ์ นการปฏบิ ัติตามระเบียบนี้
บรรดาระเบยี บ ข้อบังคับ ประกาศและค�ำ สง่ั ซง่ึ ขดั หรอื แยง้ กับระเบยี บนใี้ ห้ใชร้ ะเบยี บนแี้ ทน
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔
จุลสงิ ห์ วสันตสงิ ห์
อยั การสงู สุด

78 อัยการนเิ ทศ

หลกั การคน้ หาพยานหลกั ฐานในชัน้ สอบสวนตามกฎหมายฝร่ังเศส*

รองศาสตราจารย์ ดร.อุดม รฐั อมฤต**

บทนำ�
ในการดำ�เนินคดีอาญาช้ันเจ้าพนักงานซึ่งเป็นข้ันตอนท่ีเจ้าพนักงานจะต้องรวบรวมพยาน
หลักฐานที่อาจใช้ยืนยันการกระทำ�ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลน้ัน มีคำ�ถามสองประการท่ี
เกี่ยวขอ้ ง ประการแรกพยานหลกั ฐานใดบา้ งทใ่ี ชน้ ำ�เสนอตอ่ ศาลได้ และประการทีส่ อง ดว้ ยวิธกี าร
ใดท่จี ะใช้ในการรวบรวมพยานหลกั ฐานเหลา่ นน้ั ในสว่ นของคำ�ถามแรก กฎหมายฝร่งั เศสมีค�ำ ตอบ
ง่าย ๆ ว่า พยานหลักฐานทุกประเภทใช้ได้เป็นการท่ัวไป หรือท่ีเรียกว่า หลักอิสระในการรับฟัง
พยานหลักฐาน (Liberté dans la recevabilité de la preuve) ส�ำ หรับคำ�ถามทส่ี อง ค�ำ ตอบดูจะ
ซบั ซอ้ นกวา่ เน่ืองจากในการปกครองตามหลกั นิตริ ัฐ (Etat de droit) ถอื วา่ เสรีภาพของบคุ คลเปน็
หลกั การพนื้ ฐานทร่ี ฐั ตอ้ งใหห้ ลกั ประกนั แกร่ าษฎรของตน ดงั นน้ั ถา้ การรบั ฟงั พยานหลกั ฐานเปน็ ไป
ตามหลกั อสิ ระในการรบั ฟงั พยานหลกั ฐาน แตก่ ารคน้ หาพยานหลกั ฐานตอ้ งด�ำ เนนิ การตามกฎหมาย
(Légalité dans l’administration de la preuve) ซง่ึ ในหลกั การประการหลงั น้เี ปน็ ประเด็นที่
จะไดก้ ล่าวถงึ ในรายละเอียดในบทความนตี้ อ่ ไป๑
เจ้าพนกั งานผรู้ บั ผิดชอบการสอบสวน ไมว่ ่าจะเป็นเจ้าพนกั งานตำ�รวจฝ่ายคดี (Officier de
police judiciaire) หรือเจ้าหน้าท่ตี �ำ รวจฝ่ายคดี (Agent de police judiciaire) พนักงานอัยการ
(Ministère publique) หรือผพู้ ิพากษาสอบสวน (Juge d’instruction) ต้องเคารพสทิ ธขิ องบุคคล
ในคดอี าญาเพือ่ ให้สอดคล้องกับหลกั นิตริ ฐั ซงึ่ เครง่ ครัดในหลักจริยธรรมของรฐั ตอ้ งเคารพในสทิ ธ ิ
อันเป็นพ้ืนฐานของชีวิตส่วนบุคคล และเสรีภาพในการแสดงออก เจ้าพนักงานท่ีรับผิดชอบจะไม่
กระทำ�การใดที่กระทบต่อคุณค่าที่กฎหมายคุ้มครอง นอกเสียจากมีความจำ�เป็นที่ไม่อาจกระทำ�ใน
ทางอืน่ และจะตอ้ งกระท�ำ ให้เกดิ ความเชื่อถือไวว้ างใจได้

*บทความนเ้ี รียบเรยี งขน้ึ จากงานเขียนของ Jean Pradel, Procédure pénale ๑๔e édition ๒๐๐๘/๒๐๐๙, Paris :
Editions Cujas, ๒๐๐๘, เฉพาะสว่ นทีว่ า่ ดว้ ย Le légalité de l’administration de la preuve, pp. ๓๖๘ – ๓๘๒. และได้มีการ
พิมพ์เผยแพรค่ รง้ั หนึ่งแลว้ เม่อื ปี ๒๕๕๔ ในหนงั สอื ท่ีระลกึ ในโอกาส ๖๐ ปี ศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ กมั พูสริ ิ โดยคณะนติ ศิ าสตร์
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์
**รองอธิการบดฝี ่ายบริหาร ทา่ พระจนั ทร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ประจำ�ภาควิชากฎหมายมหาชน
และภาควิชากฎหมายวิธสี บัญญัติ คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๑อาจดูเพมิ่ เตมิ ใน André Vitu, Traité de droit criminal : Tome II Procédure pénale, ๔e édition, (Paris : Edi-
tions Cujas, ๑๙๘๙) n.๑๓๔ et s., pp. ๑๗๑-๒๒๖ ; Serge Guinchard et Jacques Buisson, Procédure pénale, ๔e
edition, (Paris : Litec, ๒๐๐๘) n.๕๔๔ et s., pp.๔๓๐-๔๕๘.

อยั การนเิ ทศ 79

ดังนั้น เจ้าพนักงานที่รับผิดชอบการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจึงมีหน้าท่ีผูกพันกับ
หลัก ๓ ประการ คอื หลักความมีศักดศิ์ รี (Le principe de dignité) หลักความพอเหมาะพอดี (Le
principe de proportionalité) และหลักความเชือ่ ถือได้ (Le principe de loyauté)
๑. หลกั ความมศี ักดศ์ิ รี (Le principe de dignité)
ศักด์ิศรีของบุคคลถูกกล่าวถึงในแง่มุมต่างๆ ทั้งในกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมาย
ภายใน ซ่ึงไม่เหมือนกัน เช่น ในประมวลกฎหมายอาญาฝรั่งเศส หมวดว่าด้วยความผิดที่กระทบ
ต่อศักด์ิศรีของบุคคล ต้ังแต่มาตรา ๒๒๕-๑ ซ่ึงเกี่ยวข้องกับความผิดในเรื่องการเลือกปฏิบัติ ส่วน
นกั ปรชั ญาจะอธบิ ายวา่ ศกั ดศิ์ รขี องมนษุ ย์ คอื สงิ่ ทแ่ี สดงออกโดยทวั่ ไปเพอื่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็
ผลดีตอ่ มนษุ ย์ โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์มคี วามเสยี่ งทจ่ี ะได้รบั ผลรา้ ยตอ่ รา่ งกายและจิตใจ
หลกั ความมศี กั ดศิ์ รปี รากฏในรปู ของพฤตกิ รรมทต่ี รงกนั ขา้ มกบั การปฏบิ ตั ทิ คี่ กุ คามตอ่ รา่ งกาย
หรือจิตใจของบุคคล ดงั นัน้ ในการใชอ้ ำ�นาจแสวงหาพยานหลกั ฐาน โดยเฉพาะในการสอบปากค�ำ
ผู้ตอ้ งสงสยั จึงตอ้ งดำ�เนนิ การโดยปราศจากการใชก้ �ำ ลงั บังคบั และต้องไม่สร้างความออ่ นล้าใหก้ ับ
บุคคล เช่น กรณีการสอบปากคำ�ท่ีใช้เวลานานหลายชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพักย่อมต้องถือว่าเป็น
การสอบสวนทก่ี ระทบตอ่ หลกั ความมศี กั ดศ์ิ รขี องบคุ คลทต่ี กอยภู่ ายใตก้ ารใชอ้ ำ�นาจของเจา้ พนกั งาน๒
ในระบบกฎหมายฝรั่งเศสไดร้ ับรองหลักความมีศักด์ิศรใี นแนวทางดงั กล่าว จากคดีซงึ่ มผี รู้ อ้ ง
ต่อศาลว่าเขาถูกควบคุมตัวในสภาพท่ีท�ำ ให้ตัวเขาเกิดความตึงเครียดและอ่อนล้า อย่างไรก็ดีในคดี
ดังกล่าวศาลยุติธรรมสูงสุดของฝร่ังเศสได้ส่ังยกคำ�ร้องเน่ืองจากพิจารณาแล้วเห็นว่าคำ�ร้องนั้นไม่
เปน็ ความจริง ซง่ึ ทำ�ใหเ้ ห็นในทางตรงกันขา้ มว่าหากคำ�ร้องในคดีดงั กลา่ วเปน็ ความจริง ศาลก็คงรบั
ค�ำ รอ้ งไวพ้ ิจารณา๓
ในสว่ นของศาลสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ยโุ รปไดเ้ คยมคี �ำ วนิ จิ ฉยั ในคดสี �ำ คญั เกย่ี วกบั อนสุ ญั ญาวา่ ดว้ ย
สทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ยโุ รป มาตรา ๓ ทห่ี า้ มการทรมาน หรอื การลงโทษ หรอื การปฏบิ ตั ทิ ไี่ รม้ นษุ ยธรรม
หรอื ลดทอนศกั ดศ์ิ รี ในคดที มี่ กี ารรอ้ งเรยี นการท�ำ หนา้ ทข่ี องเจา้ พนกั งานต�ำ รวจในระหวา่ งการควบคมุ
ตัวบุคคล รวม ๒ คดี ในคดีแรกวินิจฉัยว่า “เหตุความจำ�เป็นในการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและ
ความยากลำ�บากที่ไม่อาจก้าวล่วงไปได้เพ่ือปราบปรามการประกอบอาชญากรรม โดยเฉพาะใน

๒กรณีทำ�นองนี้เกิดข้ึนในการสอบปากคำ�ผู้ต้องหาของไทยเช่นกัน โปรดดูคำ�พิพากษาฎีกาที่ ๑๐๒๙/๒๕๔๘ www.
deka๒๐๐๗.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาไทย คงเห็นแต่เพียงว่าการสอบปากคำ�
ผตู้ อ้ งหาในชน้ั สอบสวนทใ่ี ชเ้ วลาตอ่ เนอื่ งกนั เปน็ เวลาประมาณ ๘ ชว่ั โมง ท�ำ ใหผ้ ถู้ กู สอบปากคำ�เหนอื่ ยลา้ ออ่ นเพลยี ทงั้ รา่ งกายและ
จิตใจ มีผลกระทบต่อความน่าเช่ือของคำ�รับสารภาพท่ีได้รับ คือคำ�รับสารภาพในช้ันสอบสวนไม่มีนํ้าหนักน่าเช่ือถือเท่าน้ัน มิได้
วินิจฉยั วา่ มผี ลตอ่ การรับฟังค�ำ รับสารภาพน้ันเปน็ พยานหลกั ฐาน
๓ปรากฏในคำ�พิพากษาศาลยตุ ธิ รรมสูงสุด แผนกคดอี าญา ๒ คดี Crim., ๒๖ février ๑๙๙๑, B.C., n.๙๗; ๑๐ mars
๑๙๙๒, B.C., n. ๑๐๕.
80 อยั การนิเทศ

คดีก่อการร้าย ไม่อาจเป็นเหตุท่ีมาจำ�กัดการคุ้มครองสิทธิในชีวิตร่างกายของบุคคล”๔ คดีที่สอง
วินิจฉัยว่า “ในกรณีของบุคคลท่ีถูกจำ�กัดเสรีภาพ การใช้กำ�ลังบังคับโดยไม่มีเหตุจำ�เป็น เป็นการ
กระทำ�ที่กระทบต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ และย่อมเป็นการละเมิดสิทธิท่ีบัญญัติรับรองไว้ใน
มาตรา ๓”๕
ศาลรัฐธรรมนูญฝร่ังเศสได้ให้การยอมรับหลักความมีศักด์ิศรีไว้อย่างกว้างขวางดังตัวอย่างใน
กรณที ฝี่ า่ ยนติ บิ ญั ญตั ติ รากฎหมายใหอ้ �ำ นาจเจา้ พนกั งานสอบสวนเกบ็ ตวั อยา่ งภายนอกรา่ งกายของ
บคุ คลผตู้ ้องสงสยั ทจ่ี �ำ เปน็ สำ�หรบั การตรวจพิสูจนด์ ว้ ยวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ เพอื่ เปรียบเทียบกับ
ร่องรอยหรือหลกั ฐานทเ่ี ก็บไดใ้ นสถานท่เี กดิ เหตุ (มาตรา ๕๕-๑ ป.ว.ิ อ. ฝรั่งเศส) บทบัญญตั ินไ้ี ดเ้ ขา้
สกู่ ารพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และไดร้ ับการวินิจฉัยวา่ ไมข่ ัดหรือแย้ง ต่อรฐั ธรรมนูญ ในสว่ นที่
เปน็ การเกบ็ หลกั ฐานจากภายนอกรา่ งกายของบคุ คลทไี่ มใ่ ชว้ ธิ กี ารทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเจบ็ ปวด ลว่ งลาํ้
หรือก่อความเสยี หายตอ่ ศกั ดิศ์ รขี องบคุ คลดงั กลา่ ว การทีต่ ุลาการศาลรฐั ธรรมนญู วนิ ิจฉยั ในคดนี ว้ี า่
เป็นกรณีที่ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิที่จะไม่ถูกล่วงละเมิดในเนื้อตัวร่างกายมนุษย์ เป็นการชี้ให้เห็นถึง
ความทใี่ กลก้ นั มากระหว่างความมีศักดิ์ศรีของบุคคลกบั สิทธิทจ่ี ะไม่ถกู ลว่ งละเมดิ
๒. หลักความพอเหมาะพอดี (Le principe de proportionalité)
แมฝ้ รงั่ เศสจะใชห้ ลกั อสิ ระในการรบั ฟงั พยานหลกั ฐาน แตก่ ม็ ใิ ชว่ า่ จะดำ�เนนิ การสอบสวนเพอื่
แสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ ในคดอี ยา่ งไรกไ็ ด้ ตรงกนั ขา้ มถา้ วธิ กี ารสอบสวนนนั้ ลว่ งละเมดิ คณุ คา่ ทม่ี กี ฎหมาย
ใหค้ วามคมุ้ ครอง เชน่ สิทธิขน้ั พ้นื ฐาน หรือเสรีภาพในการแสดงออก วิธีการสอบสวนนน้ั ย่อมต้อง
หา้ มมใิ หก้ ระท�ำ โดยเฉพาะคณุ คา่ ทมี่ กี ารรบั รองโดยอนสุ ญั ญาแหง่ ยโุ รปวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นษุ ยชน ซงึ่ วาง
เป็นหลกั การวา่ วธิ ีการสอบสวนใด ๆ จะชอบธรรมก็ต่อเมื่อแสดงใหเ้ หน็ ถึงความจ�ำ เปน็ อยา่ งแทจ้ ริง
กลา่ วอกี นยั หนงึ่ จะตอ้ งแสดงถงึ ความเหมาะสมไดส้ ดั สว่ นระหวา่ งวธิ กี ารทจี่ ะทำ�กบั ผลทต่ี อ้ งการไดร้ บั
ในกรณีของการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของบุคคล อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยสิทธิ
มนุษยชน มาตรา ๘ ได้บญั ญัตไิ ว้ว่า “บุคคลทุกคนมสี ิทธขิ ้ันพ้นื ฐานในชีวติ ส่วนบุคคล สิทธิในการ
ด�ำ เนนิ ชีวิตครอบครัว สิทธใิ นเคหสถาน และสทิ ธิในการตดิ ตอ่ กบั บคุ คลอื่น” อย่างไรกด็ ี มาตรา ๘
ได้บัญญัติเปิดช่องให้อำ�นาจมหาชนเข้ามาแทรกแซงได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีท่ีจำ�เป็นเพ่ือ
การรักษาความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย และการปอ้ งกนั อาชญากรรม ด้วยข้อยกเวน้ ดงั กล่าวจงึ ทำ�ให้
อาจมีการใช้อ�ำ นาจค้น หรือการดักฟังทางโทรศัพท์ได้ แต่การใช้อ�ำ นาจดังกล่าวถูกจ�ำ กัดให้กระท�ำ
ได้เฉพาะในกรณีท่ีมีความจำ�เป็นเท่านั้น เช่น การค้นในบ้านเรือนของบุคคลใดจะกระทำ�ได้ต่อเม่ือ

๔คำ�วินิจฉยั ศาลสิทธมิ นุษยชนแห่งยุโรป C.E.D.H., ๒๗ août ๑๙๙๒, Tomasi c/ France, Série A, n.๒๔๑-A, § ๑๑๕,
obs. F.Sudre a la R.S.C., ๑๙๙๓, pp.๓๓ et s.
๕คำ�วนิ จิ ฉัยศาลสิทธมิ นษุ ยชนแห่งยโุ รป C.E.D.H., ๒๘ juillet ๑๙๙๙, Selmouni c/ France, Recueil ๑๙๙๙. II. §
๑๐๑ ; add. J. Pradel et Corstens, Droit pénal européen, ๒e ed., ๒๐๐๒, Dalloz, n.๒๗๙ et ๒๘๖.

อัยการนเิ ทศ 81

ปรากฏหลักฐานว่าบุคคลนั้นมีส่วนในการกระท�ำ ความผิดอาญา (ป.วิ.อาญา ฝร่ังเศส มาตรา ๕๖
วรรคหนึง่ ) หากนอกเหนอื จากกรณดี งั กลา่ วยอ่ มเปน็ สิ่งท่ีไมม่ ีบคุ คลใดพงึ ประสงค์ใหเ้ จ้าพนกั งานใช้
อ�ำ นาจเชน่ นน้ั สว่ นการดกั ฟงั ทางโทรศพั ทจ์ ะกระท�ำ ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื มคี วามจ�ำ เปน็ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ ขอ้ มลู
ท่ีต้องการเท่านั้น (ป.วิ.อาญา ฝรั่งเศส มาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง) ย่ิงวิธีการสอบสวนเพื่อแสวงหา
ขอ้ เทจ็ จรงิ มลี กั ษณะซบั ซอ้ นมากเทา่ ใด ยง่ิ ตอ้ งมหี ลกั ประกนั ในการใหค้ วามคมุ้ ครองราษฎรเพมิ่ มาก
ขึ้นเทา่ นัน้ อนุสญั ญาแห่งยุโรปวา่ ด้วยสิทธิมนุษยชนยงั ไดย้ ํา้ ถงึ หลักดงั กลา่ วดว้ ยการใช้หลัก “ความ
สมดุลระหว่างด้านหน่ึงสิทธิของบุคคลท่ีจะได้รับการเคารพสิทธิในชีวิตส่วนตัว และในเคหสถาน
กบั อีกด้านหนง่ึ ประโยชน์รว่ มกนั ของบุคคลอนื่ และประโยชน์ของสังคมทีด่ ำ�รงอยู่รว่ มกัน๖
ในส่วนของเสรีภาพในการแสดงออก อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มาตรา ๑๐
ก็ได้บัญญัติหลักการจำ�กัดการใช้อำ�นาจไว้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับสิทธิในชีวิตส่วนตัว ศาลสูงสุด
ของฝรั่งเศสได้เคยมีคำ�พิพากษาในคดีท่ีผู้พิพากษาสอบสวนได้ส่ังให้มีการค้นสถานท่ีทำ�การของ
สื่อส่ิงพิมพ์แห่งหนึ่งซ่ึงเป็นสัญลักษณ์ท่ีแสดงถึงเสรีภาพในการแสดงออก โดยศาลได้วินิจฉัยว่าการ
ใช้อำ�นาจสอบสวนดังกล่าวจะชอบด้วยกฎหมายก็ต่อเม่ือใช้มาตรการท่ีจำ�เป็นและเหมาะสมต่อผล
ท่ตี ้องการอยา่ งหนึ่งอย่างใดหรือหลายอยา่ งซ่ึงบญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๑๐ แห่งอนสุ ัญญาดังกลา่ ว๗
๓. หลักความเช่ือถือได้ (Le principe de loyauté)
หลกั ประการนมี้ ไิ ดม้ กี ารบญั ญตั ไิ วโ้ ดยกฎหมาย หากแตป่ รากฏในค�ำ พพิ ากษาของศาลทก่ี ลา่ ว
ถงึ “หลักความเชื่อถือได้แหง่ พยานหลักฐาน (Le principe de loyauté des preuves) แมจ้ ะมไิ ด้
ใหค้ �ำ อธบิ ายไวช้ ดั เจนนกั แตใ่ นค�ำ พพิ ากษาของศาลไดร้ ะบถุ งึ ลกั ษณะของคดนี น้ั วา่ เปน็ กรณที ม่ี กี าร
ใช้กลอุบายที่ท�ำ ให้การแสวงหาและการไดม้ าซง่ึ ความจรงิ เสยี ไป๘
ในหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฝร่ังเศส ได้มีการกล่าวถึงแนวคิดเก่ียวกับหลัก
ความเชอ่ื ถอื ไดม้ านานแลว้ ในลกั ษณะของการกระท�ำ ทไี่ มต่ รงไปตรงมาเพอ่ื ท�ำ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ สงิ่ ทต่ี อ้ งการ
คน้ หา โดยวธิ กี ารใชอ้ �ำ นาจครอบง�ำ และท�ำ ใหบ้ คุ คลปราศจากอสิ ระในการตดั สนิ ใจ และเมอื่ ไมน่ าน
มาน้ี หลกั ความเชอ่ื ถอื ไดถ้ กู จ�ำ กดั ความวา่ หมายถงึ วธิ กี ารในการแสวงหาพยานหลกั ฐานทส่ี อดคลอ้ ง
กบั การค้มุ ครองสิทธขิ องปัจเจกบคุ คลและหลกั ความมศี กั ดิ์ศรใี นกระบวนการยุติธรรม๙ จงึ เปน็ ง่าย
กวา่ หากจะอธิบายหลักความเช่ือถือไดด้ ้วยความหมายในทางตรงกันข้าม กลา่ วคือ ลกั ษณะเชื่อถือ

๖คำ�วนิ จิ ฉัยศาลสิทธิมนุษยชนแหง่ ยโุ รป C.E.D.H., ๘ juillet ๒๐๐๓, Hatton et a. c. Royaume Uni ; ๑๖ décembre
๑๙๙๒, Niemetz c/ Allemagne, R.T.D.H., ๑๙๙๓, ๔๖๗.
๗ค�ำ พิพากษาศาลยตุ ธิ รรมสูงสุด แผนกคดอี าญา Crim., ๕ décembre ๒๐๐๐, B.C., n.๓๖๒; R.S.C., ๒๐๐๑, pp.๖๐๔
et s., obs. J. Francillon.
๘ค�ำ พพิ ากษาศาลยุติธรรมสงู สดุ แผนกคดอี าญา Crim., ๒๗ février ๑๙๙๖, D., ๑๙๙๖, ๓๔๖, note Ch. Guéry ; ๓๐
mars ๑๙๙๙, B.C., n.๕๙.
๙P. Bouzat, La Loyauté dans la recherche des preuves, Mélanges L. Hugueney, Sirey, ๑๙๖๔, n.๒๐, p.๑๗๒.

82 อยั การนิเทศ

ไม่ได้ คือ การท่ีเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบการสอบสวน หรือผู้พิพากษาสอบสวนใช้วิธีการที่มิชอบ
ดว้ ยหลกั การพ้ืนฐานของกฎหมายเพ่อื ให้ไดม้ าซง่ึ หลกั ฐานที่ใชใ้ นการพิสูจน์ ลกั ษณะเช่ือถือไมไ่ ดใ้ น
ที่นี้จึงได้แก่ การทำ�กลอุบาย หลอกลวง ให้คำ�มั่นสัญญา ข่มขู่ และการกระทำ�อน่ื ทีจ่ ำ�กัดตดั รอนการ
ตดั สนิ ใจโดยอิสระของบุคคล
ปัญหาของหลักความเช่ือถือได้อยู่ท่ีสิ่งท่ีต้องการและวิธีการ ด้านหน่ึง คือ การไม่ยอมรับ
การกระทำ�ท่ีไม่ตรงไปตรงมาทุกรูปแบบท่ีจะนำ�มาใช้อ้างอิงในความชอบธรรมในกระบวนการ
ยุติธรรม แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความชอบธรรมดังกล่าวอาจต้องอยู่ภายใต้ผลสัมฤทธิ์ท่ีมาจากการ
กระทำ�ในลกั ษณะเช่ือถือไม่ได้ ในแง่น้ีกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความปรากฏแนวคดิ ทางปรชั ญาตรงกนั
ขา้ มกนั ระหวา่ งทฤษฎกี ฎหมายบรสิ ทุ ธขิ์ องคา้ นท์ (Kant) กบั ทฤษฎปี ระโยชนน์ ยิ มทใ่ี หค้ วามส�ำ คญั กบั
ประโยชน์ท่ีดที ีส่ ุดและมากท่สี ดุ นักกฎหมายอาญาบางท่านก็เหน็ ว่าการใช้เล่หเ์ พทบุ ายเพอ่ื ให้ไดม้ า
ซงึ่ ค�ำ รบั สารภาพของอาชญากรส�ำ คญั เปน็ สง่ิ ทท่ี �ำ ได้ เทา่ กบั ตอ้ งพจิ ารณาไปตามหลกั ความพอเหมาะ
พอดอี ยดู่ ว้ ยเสมอ หรอื ในความเหน็ ของผพู้ พิ ากษาองั กฤษ ทเ่ี หน็ วา่ บางกรณเี รากส็ ามารถรบั ฟงั พยาน
หลกั ฐานทแ่ี มจ้ ะไดม้ าจากการหยบิ ฉวยมาโดยมชิ อบได้ และถา้ ในปจั จบุ นั ในระบบกฎหมายฝรง่ั เศส
จะไม่ยอมรบั ฟังพยานหลักฐานท่ไี ดม้ าโดยวิธีการท่ไี มต่ รงไปตรงมา แตใ่ นการบังคับใชห้ ลักดังกลา่ ว
ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ดังนั้น หากจะกล่าวเป็นการทั่วไป เกณฑ์ที่ใช้ในกฎหมายฝรั่งเศส
คอื การคำ�นงึ ถงึ ผลกระทบที่มตี ่อการตดั สนิ ใจโดยอสิ ระ (L’atteinte au libre arbitre) ท�ำ ให้อาจ
พิจารณาการใช้หลกั ความเชื่อถอื ไดใ้ น ๓ ประเดน็ คือ ประเดน็ แรก การกระทำ�ท่ีท�ำ ใหไ้ ด้ขอ้ มลู มา
จากการใชก้ ลอบุ าย และประเดน็ ทส่ี อง การกระท�ำ ทมี่ เี หตแุ ทรกแซง (Provocation) มไิ ดเ้ กดิ ขนึ้ โดย
อสิ ระในตวั เอง นอกจากนี้ ยงั อาจพจิ ารณาความไมน่ า่ เชอ่ื ถอื ทมี่ าจากการบดิ เบอื นกระบวนพจิ ารณา
(Détournements de procédure)
๑. ขอ้ มูลท่ไี ด้มาจากการใช้กลอุบายหลอกลวง
กรณอี าจเกดิ ขนึ้ ในหลายลกั ษณะ เชน่ เจา้ พนกั งานต�ำ รวจหรอื ผพู้ พิ ากษาสอบสวนผรู้ บั ผดิ ชอบ
การสอบสวนอาจอาศัยบุคคลที่สามในการที่จะให้บุคคลผู้ต้องสงสัยพูดในเร่ืองที่ตามปกติเขาจะไม่
พูดหากไม่มีการใช้อุบายเช่นน้ัน เช่น ใช้วิธีโทรศัพท์ไปหาบุคคลท่ีร่วมกระทำ�ความผิดกับผู้ต้องหา
โดยทำ�ให้บุคคลน้ันเข้าใจวา่ ผตู้ ้องหาโทรศพั ทม์ า ในอดีตทผ่ี ่านมา ด้วยวิธีการหาข้อมลู ดว้ ยกลอุบาย
เชน่ น้ี ศาลยุตธิ รรมสูงสุดฝรง่ั เศสซง่ึ ขณะนน้ั ทำ�หนา้ ทค่ี ณะกรรมการตลุ าการ เคยส่งั ลงโทษวินยั แก่
ผู้พิพากษาสอบสวนผู้กระทำ�การหาข้อมูลด้วยวิธีนี้มาแล้ว๑๐ หลักความเช่ือถือได้ยังถูกนำ�มาใช้ใน
การวางกรอบวธิ ปี ฏบิ ตั ขิ องเจา้ พนกั งานต�ำ รวจฝา่ ยคดใี นลกั ษณะเชน่ เดยี วกนั กบั ผพู้ พิ ากษาสอบสวน
เน่ืองจากด้วยวิธีการดังกล่าวอาจท�ำ ให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดเปิดเผยข้อมูลซ่ึงไม่อาจได้มาโดยวิธีการ
ตามปกติ

๑๐ค�ำ วินิจฉัยศาลยตุ ธิ รรมสงู สุดโดยทป่ี ระชมุ ใหญ่ ในคดี Scandale des décoration : Ch. Réun., ๓๑ janvier ๑๘๘๘,
S., ๑๘๘๙. I.๒๔๑ วนิ จิ ฉยั วา่ ผพู้ พิ ากษาคนดงั กลา่ วไดป้ ฏบิ ตั นิ อกกรอบของหลกั เกณฑซ์ ง่ึ เกยี่ วกบั ความเชอ่ื ถอื ไดท้ ตี่ อ้ งยดึ ถอื ไวใ้ น
ทกุ กระบวนการไต่สวนขอ้ เทจ็ จริงทางศาล การกระทำ�ที่ฝา่ ฝนื หลกั ดังกลา่ วยอ่ มขดั แย้งต่อหน้าท่ีและบทบาทขององค์กรตลุ าการ

อัยการนเิ ทศ 83

นอกจากนี้ พนกั งานเจา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบการสอบสวนไมอ่ าจใชว้ ธิ กี ารหลอกลวงดว้ ยการให้
คำ�มัน่ สญั ญาลอย ๆ กับผถู้ ูกกล่าวหา เพราะย่อมมีผลกระทบต่อความเชือ่ ถือได้ในการให้ข้อมูล
การใช้หลักความเชื่อถือได้ในกรณีท่ีมีการวางกลอุบายอาจเก่ียวข้องกับกรณีการลอบบันทึก
เสียงการสนทนาโดยผูท้ ีเ่ กย่ี วขอ้ งมิได้ให้ความยินยอม ซ่งึ ศาลจะไมร่ ับฟงั หลักฐานท่ไี ด้จากการแอบ
บนั ทกึ เสยี งนนั้ เนอื่ งจากขาดความสมคั รใจของผทู้ ถ่ี กู บนั ทกึ เสยี ง และไมอ่ าจหยง่ั รถู้ งึ กระบวนทง้ั หมด
ทเ่ี กดิ ในระหว่างการบันทกึ การสนทนานน้ั ได้ มีกรณตี วั อย่างข้อเทจ็ จริงในคำ�พิพากษาศาลยุตธิ รรม
สูงสุด ผู้ถูกกล่าวหาคนหน่ึงซึ่งเป็นผู้ค้ายาเสพติดโทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลคนหนึ่งท่ีผู้ค้ายาเสพติด
คิดว่าเป็นลกู ค้า เจา้ พนกั งานจึงขอให้บคุ คลน้ันโทรศัพท์นดั หมายผู้ค้ายาเสพติดเพื่อใหม้ ีการส่งมอบ
ยาเสพตดิ โดยเจา้ พนกั งานต�ำ รวจไดบ้ นั ทกึ เสยี งการสนทนาของบคุ คลทงั้ สองเอาไว้ และเมอ่ื ถงึ เวลานดั
หมาย เจา้ พนกั งานต�ำ รวจไดไ้ ปยงั สถานทดี่ งั กลา่ ว และแสดงตวั เขา้ จบั กมุ และคน้ ตวั บคุ คล ศาลสงู สดุ
ได้วินิจฉัยว่าบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์เกิดข้ึนจากการหลอกล่อหรือใช้กลอุบาย๑๑ และ
ยังวนิ ิจฉัยต่อไปวา่ การบันทกึ เสียงทม่ี ิชอบโดยเจา้ พนกั งานตำ�รวจนีข้ ัดต่อหลกั เกณฑ์ปกติ ทง้ั น้ีย่อม
รวมถึงกรณีท่ีได้กระทำ�ไปโดยขาดความสมัครใจ๑๒ เว้นแต่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำ�รวจผู้น้ันเป็น
ผเู้ สยี หายในการกระท�ำ ความผดิ นน้ั ๑๓ อกี กรณหี นง่ึ เปน็ กรณที บ่ี คุ คลผถู้ กู จบั ปฏเิ สธทจ่ี ะใหก้ ารใด ๆ
ตอ่ เจา้ พนกั งานต�ำ รวจฝา่ ยคดแี ละเจา้ พนกั งานไดท้ ำ�การบนั ทกึ เสยี งการสนทนานไี้ ว้ แตศ่ าลสอบสวน
ชน้ั อทุ ธรณส์ ง่ั ไมร่ บั การบนั ทกึ เสยี งนน้ั ไวพ้ จิ ารณา๑๔ นอกจากนี้ ศาลฝรงั่ เศสยงั วนิ จิ ฉยั วา่ ขอ้ ความซงึ่
บนั ทกึ ในค�ำ ใหก้ ารของผถู้ กู จบั ทไี่ ดม้ าเพอ่ื แลกกบั การหลกี เลย่ี งผลรา้ ยทจี่ ะเกดิ กบั ครอบครวั ของเขา
เปน็ การละเมิดหลักกฎหมายวิธีพจิ ารณาความและลดทอนสิทธใิ นการต่อสู้คดีของผถู้ กู กลา่ วหา๑๕
เก่ียวกับการไม่รับฟังพยานหลักฐานที่เก่ียวกับการลอบบันทึกเสียงเช่นน้ี มีข้อสังเกตว่า

๑๑ค�ำ พิพากษาศาลยตุ ิธรรมสงู สดุ แผนกคดีอาญา Crim., ๑๓ juin ๑๙๘๙, B.C., n.๒๕๔, เปรยี บเทยี บคดีใชว้ ธิ ีการได้มาซึ่ง
ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์โดยการฉ้อฉลในคดี Crim., ๒๙ juin ๑๙๘๙, B.C., n.๒๖๑, et Crim., ๒๘ octobre ๑๙๙๑, B.C., n.๓๘๑.
๑๒คำ�พิพากษาศาลยุติธรรมสูงสุดแผนกคดีอาญา Crim., ๑๖ décembre๑๙๙๗, B.C., n.๔๒๗, Dr. pénal, ๑๙๙๘,
comm.. ๖๑, obs. A. Maron, D., ๑๙๙๘, ๓๕๔, note J. Pradel ; add. Crim., ๒๗ février ๑๙๙๖, D., ๑๙๙๖, ๓๔๖, note
Ch. Guéry.
๑๓ค�ำ พพิ ากษาศาลยตุ ธิ รรมสงู สดุ แผนกคดอี าญา Crim., ๑๙ janvier ๑๙๙๙, B.C., n.๙, J.C.P., ๑๙๙๙, III.๑๐๑๕๖, note
D. Rebut, เป็นกรณีทีเ่ อกชนคนหนงึ่ พยายามกระท�ำ ผิดตอ่ เจา้ พนกั งานท่ีทำ�การสอบสวน อกี คดหี น่ึงทใี่ กลเ้ คียงกนั ค�ำ พิพากษา
ศาลยตุ ธิ รรมสงู สุดแผนกคดอี าญา Crim., ๒๓ novembre๑๙๙๙, B.C., n.๒๖๙, Dr. pénal, ๒๐๐๐, comm.. ๘๒ obs. A.
Maron, การมสี ว่ นรว่ มในการกระทำ�ความผดิ ของเจา้ พนักงานตำ�รวจคนหนงึ่ ไมก่ ระทบตอ่ กระบวนพจิ ารณาเนือ่ งจากการกระทำ�
นั้นไมม่ ีผลตอ่ การตัดสนิ ใจของบุคคล ในการกระท�ำ ความผดิ
๑๔คำ�วินิจฉัยของศาลสอบสวนชั้นอุทธรณ์แห่งเมืองก็อง Caen, Ch. acc., ๒๘ février ๑๙๙๐, D., ๑๙๙๐, Somm.
๓๗๘, obs. J. Pradel, แตค่ �ำ วนิ จิ ฉยั ของศาลนไี้ มไ่ ดอ้ า้ งการฝา่ ฝนื หลกั ความเชอ่ื ถอื ได้ หากแตอ่ า้ งการทเ่ี จา้ พนกั งานตำ�รวจฝา่ ยคดี
ไมป่ ฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ใิ น ป.วิ.อ. มาตรา ๑๐๕
๑๕ค�ำ พิพากษาศาลยุตธิ รรมสงู สดุ แผนกคดอี าญา Crim., ๓ avril ๒๐๐๗, B.C., n.๑๐๒.
84 อยั การนเิ ทศ

ค�ำ พพิ ากษาของศาลในระยะหลังกลบั ไปถอื แนวคำ�พิพากษาเดิม๑๖ คอื ยอมรบั ฟงั พยานหลักฐานท่ี
ได้จากการบันทึกเสียงในลักษณะน้ีได้ โดยศาลวินิจฉัยในแนวน้ีด้วยการวางหลัก ๒ ประการ คือ
(๑) สงิ่ ที่ไดม้ ีการบนั ทึกนั้นเปน็ การสนทนาโดยอสิ ระของคกู่ รณี และ (๒) บนั ทกึ ดงั กลา่ วไม่ใช่พยาน
หลกั ฐานเพยี งอยา่ งเดยี วทศ่ี าลใชใ้ นการพจิ ารณา ท�ำ ใหเ้ หน็ วา่ ในกรณนี ้ี ศาลมไิ ดถ้ อื หลกั ความเชอ่ื ถอื
ได้อย่างเคร่งครัด และดูเหมือนว่าศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานที่เจ้าพนักงานได้มาในฐานะเดียว
กบั พยานหลกั ฐานตามปกติที่ไดม้ าจากคู่ความทเี่ ป็นเอกชน
๒. การกระท�ำ ที่มีเหตุแทรกแซง (Provocation)
ในกรณนี อี้ าจแยกการพจิ ารณาเหตแุ ทรกแซงโดยใหบ้ คุ คลเขา้ ไปเกบ็ พยานหลกั ฐาน หรอื กรณี
แทรกแซงโดยตรง กบั เหตุแทรกแซงโดยการใช้วธิ อี ืน่ หรอื กรณแี ทรกแซงโดยออ้ ม
ก. กรณแี ทรกแซงโดยตรง
ไม่มีการจำ�กัดความเหตุแทรกแซงท�ำ ให้ได้พยานหลักฐานในกรณีน้ีไว้ในตัวบทกฎหมายหรือ
คำ�พิพากษาคดีใด การพิจารณาว่ามีเหตุแทรกแซงซ่ึงบุคคลมิได้กระทำ�โดยอิสระจึงอาจพิจารณา
เทยี บกบั กรณกี อ่ ใหบ้ คุ คลอนื่ รว่ มในการกระทำ�ความผดิ ในกรณนี ี้ เจา้ พนกั งานต�ำ รวจโดยตนเองหรอื
ใช้ผู้อ่ืนทำ�แทน กระทำ�การโดยการล่อให้บุคคลคนหนึ่งกระทำ�ความผิดด้วยการเสนอผลประโยชน์
ผู้ปฏิบัติการจึงต้องมีการวางแผน หรือดำ�เนินการเป็นการลับ บ่อยคร้ังท่ีผู้ปฏิบัติการทำ�ให้เกิดการ
กระท�ำ ความผดิ หรอื เพยี งเพอื่ ท�ำ ใหเ้ กดิ การยนื ยนั เจตนาทจ่ี ะกระท�ำ ความผดิ ซง่ึ หากไมม่ กี ารปฏบิ ตั ิ
การเช่นนน้ั การกระทำ�ความผิดดงั กลา่ วก็จะไมเ่ กดิ ข้ึน ดังน้นั หากเจา้ พนกั งานกระท�ำ เพยี งแต่ไปอยู่
ในสถานที่เพื่อสังเกตการณ์และบันทึกการสนทนาและการเคลื่อนไหวของบุคคลในคดีคอร์รัปชัน
จงึ ไมใ่ ชก่ รณไี ดห้ ลกั ฐานการกระท�ำ ความผดิ โดยการแทรกแซง
หลักฐานท่มี าจากการปฏบิ ตั กิ าร “แทรกแซง” ในกรณีทว่ั ไป เช่น กรณีการกกั ตนุ สินค้าและ
การค้าใน “ตลาดมดื ” เพ่อื ให้เจา้ พนักงานต�ำ รวจสามารถตรวจจับพ่อค้าในตลาดมดื ต�ำ รวจปลอม
ตัวว่าเป็นผู้ซ้ือหรือปะปนเข้าไปในหมู่ผู้ซื้อ ศาลในสมัยน้ันเห็นว่าการก่อให้เกิดหลักฐานเช่นน้ันอยู่
ในความรบั ผดิ ชอบของผถู้ ูกกระท�ำ เองท่จี ะตดั สินใจกระท�ำ ผิดหรือไม่ เวน้ แต่ในบางคดีท่ศี าลเห็นว่า
การปฏบิ ตั กิ ารของเจา้ พนกั งานมผี ลเปน็ การจ�ำ กดั การตดั สนิ ใจของผถู้ กู กระท�ำ ไมเ่ ปดิ ชอ่ งใหม้ อี สิ ระ
ในการเลอื กทจ่ี ะกระท�ำ ความผดิ หรอื ไม่ แตค่ �ำ พพิ ากษาของศาลในเรอ่ื งเหลา่ นไ้ี มไ่ ดว้ นิ จิ ฉยั ในประเดน็
เชงิ พสิ ูจน์ หรือในประเด็นการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ในกรณที ี่มขี ้อจำ�กัดดังกลา่ ว
ในปจั จบุ นั ปญั หาปฏบิ ตั กิ ารแทรกแซงของเจา้ พนกั งานใหไ้ ดพ้ ยานหลกั ฐานการกระท�ำ ความผดิ
ได้รับการรับรองข้ึนใหม่ภายใต้กรอบทางวิธีพิจารณา โดยศาลสูงสุดแผนกคดีอาญาวินิจฉัยไว้อย่าง

๑๖Crim., ๑๓ octobre ๒๐๐๔, คดี Paillotes corses, B.C., n.๒๔๓, R.P.D.P., ๒๐๐๕, ๔๑๐, obs. C. Ambroise-
Casterot.เปน็ คดที ำ�ลายทรพั ยข์ องบคุ คลอน่ื ดว้ ยการวางเพลงิ ในคดนี เ้ี จา้ พนกั งานไดบ้ นั ทกึ เสยี งการสนทนาระหวา่ งเจา้ หนา้ ทกี่ บั
ผวู้ า่ การเมอื ง (Préfet) คนหนง่ึ โดยทผี่ วู้ า่ ฯคนนไี้ มร่ ตู้ วั ศาลยตุ ธิ รรมสงู สดุ มคี �ำ วนิ จิ ฉยั ใหร้ บั ฟงั บนั ทกึ การสนทนาดงั กลา่ วเปน็ พยาน
หลกั ฐานได้

อยั การนิเทศ 85

ชัดเจนว่าหลักฐานเช่นน้ันรับฟังไม่ได้ เน่ืองจากเป็นหลักฐานท่ีละเมิดหลักความเชื่อถือได้และสิทธิ
ท่ีจะได้รับการพิจารณาด้วยความยุติธรรมตามมาตรา ๖ แห่งอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ในค�ำ วินิจฉัยของศาลสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ยุโรป ศาลไดว้ นิ ิจฉัยวา่ “ประโยชน์สาธารณะไม่อาจรองรับ
ด้วยวิธีการได้มาซ่ึงพยานหลักฐานโดยการที่ตำ�รวจใช้วิธีการล่อซ้ือ ด้วยเหตุที่สังคมประชาธิปไตย
ย่อมต้องยึดมั่นในสิทธิที่จะได้รับการอำ�นวยความยุติธรรมท่ีดีเป็นหลัก ทำ�ให้เราไม่อาจละเมิดหลัก
ส�ำ คัญนีเ้ พยี งเพอ่ื ประโยชนอ์ ันฉาบฉวย๑๗
ฝ่ายนิติบัญญัติฝร่ังเศสได้บัญญัติกฎหมายอนุญาตให้มีการใช้มาตรการแสวงหาพยาน
หลกั ฐานโดยวธิ ีพิเศษน้ี เพ่อื ปราบปรามอาชญากรรมบางประเภท เชน่ กรณกี ารกระทำ�ผดิ เกี่ยวกับ
การค้ายาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๙๑ หรือการกระทำ�ความผดิ
เก่ียวกบั องคก์ รอาชญากรรม ตามกฎหมายลงวันที่ ๙ มีนาคม ค.ศ. ๒๐๐๔ ตอ่ มามีการขยายการใช้
วิธลี ่อซื้อกับการกระทำ�ความผิดอน่ื ทีม่ ีโทษหนัก ตามกฎหมายลงวันท่ี ๕ มนี าคม ค.ศ. ๒๐๐๗ ซงึ่
แม้วา่ จะไมใ่ ช่การกระท�ำ ความผดิ ที่อยใู่ นกลุม่ เดยี วกบั องคก์ รอาชญากรรมก็ตาม
ในกรณขี องการลอ่ ซอื้ ในคดอี งคก์ รอาชญากรรม กฎหมายวางแนวปฏบิ ัติไว้ ๒ วิธกี าร
(๑) ในช้นั ตน้ เปน็ การเตรยี มการเพอ่ื การใช้วธิ กี ารลอ่ ซ้ือดว้ ยแผนการสงั เกตการณ๑์ ๘ โดยการ
ใช้ มาตรการจัดสง่ ภายใตก้ ารควบคุม (Livraisons survaillées – Controlled delivery) ซ่งึ ใช้
ในคดปี ราบปรามการคา้ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ และด�ำ เนนิ การโดยการทเ่ี จา้ พนกั งานเขา้ ไปแฝงตวั ในกลมุ่
อาชญากร เพื่อสังเกตการณ์การกระท�ำ ความผิดและหาตัวผู้กระท�ำ ความผิด เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติ
การเช่นนี้จะต้องแจ้งให้อัยการทราบก่อนที่จะเข้าดำ�เนินการโดยอัยการไม่มีอำ�นาจที่จะคัดค้าน
มาตรการนสี้ ามารถน�ำ ไปใชไ้ ดใ้ นทกุ พนื้ ทข่ี องประเทศ แตจ่ ะตอ้ งใชก้ บั บคุ คลทม่ี เี หตอุ นั ควรสงสยั ซง่ึ
ไดก้ ระท�ำ ความผดิ ฐานหนง่ึ ฐานใดตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาฝรงั่ เศส
มาตรา ๗๐๖-๗๓ และมาตรา ๗๐๖-๗๔
(๒) วิธีการท่ีสองเรียกว่า การอำ�พรางตัว (Infiltration) เป็นมาตรการท่ีนำ�มาใช้เฉพาะใน
กรณกี ารกระท�ำ ความผดิ เกยี่ วกบั องคก์ รอาชญากรรมตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
ฝรั่งเศส มาตรา ๗๐๖-๗๓ ซึง่ มขี ้อสังเกต ๒ ประการ
๑) เปน็ วธิ กี ารทก่ี �ำ หนดไวส้ �ำ หรบั เจา้ พนกั งานหรอื ต�ำ รวจสอบสวนฝา่ ยคดที ที่ �ำ หนา้ ทเ่ี ฉพาะ
น้ีตามเงื่อนไขที่รัฐกฤษฎีกากำ�หนด และการปฏิบัติการทั้งหลายอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ
เจา้ พนกั งานฝา่ ยคดซี ง่ึ ท�ำ หนา้ ทปี่ ระสานการปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ การตดิ ตามบคุ คลทตี่ อ้ งสงสยั วา่ กระท�ำ
ความผดิ อาญาในระดบั โทษขนั้ สงู (Crime) หรอื ความผดิ ระดบั โทษขน้ั กลาง (Délit) โดยเจา้ พนกั งาน
ผู้ปฏิบัติการต้องแสร้งทำ�ตัวเป็นผู้ร่วมกระทำ�ความผิด ในลักษณะสมรู้ร่วมคิด หรือเป็นผู้ช่วยเหลือ
ท้ังน้ี เจ้าพนักงานจะได้รับอนุญาตให้ใช้หลักฐานปลอมในการแสดงตน หรือกระทำ�การอย่างอ่ืนท่ี

๑๗C.E.D.H., ๙ juin ๑๙๙๘, § ๓๖, คดี Texeira de Castro c. Portugal
๑๘ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาฝร่งั เศส มาตรา ๗๐๖-๓๒ และ ๗๐๖-๗๓ และมาตราต่อ ๆ มา
86 อยั การนเิ ทศ

จ�ำ เปน็ ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาฝรง่ั เศส มาตรา ๗๐๖-๘๒ ปฏบิ ตั ิ
การดงั กลา่ วยงั รวมถงึ การครอบครองทรพั ย์ การเดนิ ทาง การขนสง่ สง่ิ ของ ผลผลติ เอกสาร หรอื ขอ้ มลู
อนื่ ใดอนั เกย่ี วดว้ ยการกระทำ�ความผดิ หรอื เพอื่ ใชใ้ นการกระทำ�ความผดิ และอาจมกี ารใชห้ รอื ปฏบิ ตั ิ
การรว่ มกบั บคุ คลทกี่ ระทำ�ความผดิ ดว้ ยเครอื่ งมอื ในทางกฎหมาย เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทาง หรอื
ในการพกั อาศยั เชน่ เจา้ พนกั งานต�ำ รวจ หรอื เจา้ หนา้ ทศ่ี ลุ กากร มอบยาเสพตดิ ใหก้ บั ผขู้ นยาเสพตดิ
หรืออ�ำ นวยความสะดวกในการเดินทางและใหท้ ่ีพกั แกเ่ ขา
ดังน้ัน จะเห็นว่าสาระสำ�คัญของมาตรการอำ�พรางตัว จะต้องมีการใช้กลอุบายหลอกลวง
เนอ่ื งจากจะต้องมีการปลอมหลักฐานการแสดงตนเพอื่ เข้าไปดำ�เนนิ การ
๒) การปฏบิ ตั กิ ารตามมาตรการอำ�พรางตวั จะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากอยั การ หรอื ผพู้ พิ ากษา
สอบสวน แลว้ แตก่ รณี เสยี กอ่ น การอนญุ าตจะตอ้ งท�ำ เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร พรอ้ มแสดงเหตผุ ลความ
จำ�เป็น มีการระบุความผิดท่ีทำ�ให้ต้องใช้มาตรการดังกล่าว และระบุตัวเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบ
นอกจากนย้ี งั ตอ้ งก�ำ หนดระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการปฏบิ ตั กิ าร ในกรณที ม่ี กี ารฝา่ ฝนื หลกั เกณฑต์ ามทกี่ ลา่ ว
มาจะทำ�ใหม้ าตรการดงั กลา่ วไมม่ ผี ลตามกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาฝรงั่ เศส มาตรา ๗๐๖-๘๑ วรรคสอง บญั ญตั หิ ลกั
เกณฑ์ส�ำ คญั ว่า มาตรการอำ�พรางตวั ไม่อาจใชเ้ พือ่ ให้เกดิ การกระทำ�ความผดิ ดังนน้ั การปฏบิ ัตกิ าร
ในเรอื่ งนจ้ี งึ เปน็ การกระท�ำ เพอ่ื การพสิ จู นค์ วามผดิ มากกวา่ เพอื่ ใหเ้ กดิ การกระท�ำ ความผดิ นนั่ คอื
เพื่อให้เจ้าพนักงานฝ่ายคดีได้ล่วงรู้ถึงพฤติการณ์การกระทำ�ความผิดที่เกิดข้ึนมาก่อนการใช้อำ�นาจ
ปฏิบัติการ ดังน้ัน การมีส่วนร่วมรู้เห็นที่รับรองในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงมีลักษณะท่ี
แตกตา่ งจากการจงู ใจใหก้ ระทำ�ความผดิ อาญาตามประมวลกฎหมายอาญา
ภายใต้ปฏิบัติการนี้ เจ้าพนักงานท่ีทำ�หน้าท่ีประสานงานต้องท�ำ รายงานท่ีแสดงรายละเอียด
ท่ีจำ�เป็นสำ�หรับการบันทึกเป็นหลักฐานเก่ียวกับความผิด และจะต้องไม่กระทำ�การใดที่ก่อให้เกิด
อันตรายตอ่ ความปลอดภยั ของเจ้าพนักงานผ้ปู ฏิบัตกิ าร
บุคคลท่ีถูกดำ�เนินคดีตามรายงานคดีท่ีเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบการปฏิบัติการเป็นผู้ทำ�ข้ึน
โดยตรง อาจย่ืนค�ำ ขอเผชญิ หนา้ กับเจ้าพนักงานผู้น้นั ทั้งนี้ ภายใตเ้ ง่อื นไขของหลักเกณฑ์ทบ่ี ญั ญัติ
ไวใ้ นประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๐๖-๖๑ (ป.ว.ิ อ. ฝร่ังเศส มาตรา ๗๐๖-๘๖
วรรคสอง) ดังนั้น ในหลักการ ผู้พิพากษาจึงอาจปฏิเสธคำ�ขอของผู้ถูกกล่าวหาได้ แต่ถึงกระนั้น
ศาลย่อมไม่พิพากษาลงโทษจำ�เลยโดยอาศัยแต่เพียงคำ�ให้การของเจ้าพนักงานท่ีปฏิบัติการตาม
มาตรการน้เี ท่านัน้
ส�ำ หรบั มาตรการแทรกแซงเพอ่ื ใหไ้ ดพ้ ยานหลกั ฐานในคดปี ระเภทอนื่ ทไ่ี มใ่ ชค่ วามผดิ เกยี่ วกบั
องค์กรอาชญากรรม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฝร่ังเศส มาตรา ๗๐๖-๓๕-๑ และ
๗๐๖-๔๗-๓ ไดว้ างหลกั เกณฑท์ แี่ ตกตา่ งไปจากในกรณที กี่ ลา่ วมาแลว้ บา้ งเลก็ นอ้ ย ทง้ั นี้ มขี อ้ พจิ ารณา
๒ ประการ

อัยการนิเทศ 87

ประการแรก เปน็ มาตรการทใ่ี ชก้ บั ความผดิ ทก่ี ระท�ำ ตอ่ ความเปน็ มนษุ ย์ ไดแ้ ก่ ความผดิ เกย่ี วกบั
การหาประโยชนจ์ ากผคู้ า้ ประเวณี การใชบ้ รกิ ารโสเภณเี ดก็ การมอมเมาใหเ้ ดก็ เสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ
และการใชเ้ ดก็ ในกระบวนการคา้ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ การมอมเมาเดก็ ใหเ้ สพเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ การ
ก่อให้เด็กกระทำ�ความผิดอาญาในระดับร้ายแรง การสนับสนุนให้เด็กกระทำ�การทุจริต การบันทึก
หรอื แพร่ภาพของเด็กในทางลามกอนาจาร (ป.ว.ิ อ. ฝร่งั เศส มาตรา ๗๐๖-๔๗-๓)
ประการทส่ี อง ในการกระท�ำ ความผดิ ขา้ งตน้ หากมกี ารใชเ้ ครอ่ื งมอื สอื่ สารทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
เจ้าพนักงานหรือตำ�รวจฝ่ายคดี ที่รับผิดชอบการสอบสวน อาจใช้ชื่อปลอมในการส่ือข้อความ
ทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาจใช้การติดต่อทางสื่อดังกล่าวกับบุคคลท่ีต้องสงสัยว่าเป็นผู้กระทำ�
ความผิด และการส่งข้อความตอบตกลงต่อข้อเสนอท่ีส่งมา ตกลงซื้อ หรือเก็บรักษาไว้ซ่ึงสิ่ง
ผดิ กฎหมายในเง่ือนไขท่กี �ำ หนดขนึ้ โดยรฐั กฤษฎกี า
เช่นเดียวกัน มาตรการท่ีให้อำ�นาจพิเศษนี้เป็นการปฏิบัติการเพ่ือแสวงหาพยานหลักฐาน
ของความผิดท่ีเกิดขึ้น ในกรณีน้ี จึงไม่ใช่ปฏิบัติการเพื่อก่อให้เกิดการกระทำ�ความผิด การฝ่าฝืน
หลักเกณฑ์จะทำ�ให้มาตรการดังกลา่ วไมเ่ กดิ ผลทางกฎหมาย (ป.ว.ิ อ. ฝรัง่ เศส มาตรา ๗๐๖-๓๕-๑
และมาตรา ๗๐๖-๔๗-๓)
ข. กรณีแทรกแซงโดยออ้ ม
การแสวงหาพยานหลกั ฐานในลกั ษณะนไ้ี ดแ้ กก่ ารใชก้ ารลอ่ ใหเ้ ขา้ สกู่ บั ดกั ทว่ี างไว้ ท�ำ ใหไ้ ดม้ าซงึ่
หลักฐานการกระทำ�ผิดเพราะการวางแผนดังกล่าว เช่น ตำ�รวจวางแผนให้ตำ�รวจหญิงเดินใน
สวนสาธารณะเพ่ือมงุ่ ทีจ่ ะจัดการกับคนรา้ ยท่วี ่ิงราวกระเปา๋ ผหู้ ญิง
วธิ กี ารนมี้ กี ารใชก้ นั มากในสหรฐั อเมรกิ า มกี ารกลา่ วถงึ วา่ มกี ารใชบ้ า้ งในประเทศฝรง่ั เศส เชน่
ศาลฝรั่งเศสยอมรับข้อเท็จจริงที่ได้จากการใช้จักรยานใส่สิ่งของจอดทิ้งไว้ในตลาดเพ่ือจับผู้กระท�ำ
ความผิด เน่ืองจากเกิดการลักทรัพย์ข้ึนในบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หรือกรณีการวางกระต่าย
ปลอมไว้ตลอดเส้นทางรถยนต์เพ่ือจัดการกับผู้ขับข่ีรถยนต์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามล่าสัตว์ อย่างไรก็ดี
ศาลยตุ ธิ รรมสงู สดุ ฝรง่ั เศสเคยพพิ ากษายกฟอ้ งคดลี กั ทรพั ย์ ในกรณนี ำ�สงิ่ ของมาวางลอ่ ไวใ้ นรถยนต์
ท่ีไม่มีการปิดล็อคกุญแจประตู เพ่ือล่อให้บุคคลคนหน่ึงเข้าไปลักทรัพย์สินดังกล่าว แม้บุคคลผู้นี้จะ
เคยลกั ทรพั ยใ์ นสถานทีน่ นั้ มาหลายครงั้ แลว้ กต็ าม๑๙
ความชอบด้วยเหตุผลในการใช้เครื่องล่อหรือ “กับดัก” ข้ึนอยู่กับเง่ือนไข ๒ ประการ
ประการแรก เคยมกี ารกระท�ำ ความผดิ ในลกั ษณะเชน่ นนั้ มากอ่ นทจี่ ะมกี ารวางกบั ดกั ประการทสี่ อง
การใช้กับดักนั้นต้องมิได้มุ่งจะก่อให้เกิดการกระทำ�ความผิด ดังน้ัน จึงไม่อาจใช้รถยนต์หรูหราท่ี
ไมป่ ิดล็อคประตู แล้ววางกับดักดว้ ยเคร่ืองประดบั ราคาสงู ไวใ้ นรถยนต์ เพราะหลกั ฐานท่ีได้จากการ
ลกั ทรพั ยใ์ นกรณีนีย้ ่อมไม่มคี ุณคา่ ในเชงิ พสิ ูจน์

๑๙ค�ำ พพิ ากษาศาลยตุ ธิ รรมสงู สดุ แผนกคดอี าญา Crim., ๙ août ๒๐๐๖, B.C., n.๒๐๒, Pan ๒๐๐๗. ๙๗๕, obs. J. Pradel
88 อยั การนเิ ทศ

๓. ขอ้ ห้ามการบิดเบือนกระบวนพจิ ารณา (Détournement de procédure)
การบิดเบือนกระบวนพิจารณา หรือการบิดเบือนอำ�นาจ มีความสำ�คัญ เนื่องจากอำ�นาจ
แสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ ซงึ่ มเี จา้ พนกั งานตำ�รวจหรอื เจา้ พนกั งานของรฐั บางประเภทเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ตอ้ ง
กระท�ำ ภายใตอ้ �ำ นาจทจี่ �ำ กดั โดยกฎหมาย ทงั้ น้ี เพอื่ ไมใ่ หเ้ จา้ พนกั งานใชอ้ �ำ นาจในการสอบสวนลว่ งลา้ํ
ขอบอ�ำ นาจทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ ดงั ทศ่ี าลยตุ ธิ รรมสงู สดุ แผนกคดอี าญาใหเ้ คยวนิ จิ ฉยั ไวว้ า่ “อ�ำ นาจ
แสวงหาความจริงท่ีกำ�หนดให้เป็นอำ�นาจของเจ้าพนักงานตำ�รวจฝ่ายคดี และเจ้าพนักงานบางฝ่าย
โดยกฎหมายพเิ ศษ ไมอ่ าจปฏบิ ตั เิ ปน็ อยา่ งอนื่ นอกเหนอื จากเงอ่ื นไขและเขตอำ�นาจตามทก่ี ฎหมาย
กำ�หนด เมื่อปราศจากหลักกฎหมายท่ีให้อำ�นาจแก่เจ้าพนักงานกระทำ�การใด การกระทำ�น้ันย่อม
เปน็ การบดิ เบอื นกระบวนพจิ ารณา บดิ เบอื นอ�ำ นาจซง่ึ กฎหมายมไิ ดบ้ ญั ญตั ใิ หแ้ กเ่ จา้ พนกั งานผนู้ น้ั ”
ในกรณตี วั อยา่ ง เจา้ พนกั งานตอ้ งใชอ้ ำ�นาจตามวธิ พี จิ ารณาอยา่ งหนง่ึ แตใ่ นทางปฏบิ ตั กิ ลบั ใชอ้ ำ�นาจ
ตามวิธีพิจารณาอีกอย่างหน่งึ เนื่องจากเห็นว่าจะท�ำ ใหค้ ดีเสรจ็ โดยงา่ ย รวดเร็ว และมปี ระสทิ ธิภาพ
เช่นน้ี เจา้ พนักงานใช้อำ�นาจบดิ เบอื นกระบวนพิจารณา
๑) ตามแนวค�ำ พพิ ากษา อาจพจิ ารณาเปน็ สองกรณี กรณแี รก เจา้ หนา้ ทที่ มี่ อี �ำ นาจเฉพาะเรอ่ื ง
ไม่มีอ�ำ นาจด�ำ เนินการกับความผดิ ทต่ี นไม่มีเขตอ�ำ นาจ เชน่ เจ้าหนา้ ท่ีต�ำ รวจดา้ นความม่ันคงขอให้
เจ้าหน้าที่ศุลกากรค้นรถยนต์ที่เขาสงสัยว่าบรรทุกเครื่องตรวจจับเรดาร์ เนื่องจากเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ
ด้านความมั่นคงไม่มีอำ�นาจค้น แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ไม่มีอำ�นาจตามกฎหมาย
จราจรทางบก ดังนนั้ แม้จะทำ�การคน้ รถยนต์ แต่การใชอ้ �ำ นาจตรวจค้นไมม่ ีผลทางกฎหมาย หรือ
ในกรณีเจ้าหน้าท่ีตรวจสอบภาษีไม่อาจร่วมกับเจ้าพนักงานต�ำ รวจฝ่ายคดีซ่ึงทำ�การค้นในความผิด
ซงึ่ หนา้ ในความผดิ ฐานจา้ งงานโดยผดิ กฎหมาย ความผดิ ซงึ่ อยนู่ อกเหนอื อำ�นาจหนา้ ทข่ี องเจา้ หนา้ ท่ี
ด้านภาษ๒ี ๐ นอกจากน้กี เ็ ป็นการบดิ เบอื นอำ�นาจเช่นกัน เม่อื เจา้ หน้าทต่ี รวจสอบภาษีท�ำ การตรวจ
ยึดนํ้าตาลท่ีบ้านผู้ผลิตไวน์โดยไม่มีหมายของหัวหน้าศาล Tribunal de grande instance ตาม
ประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๘๒๑
กรณที สี่ อง เจา้ พนกั งานต�ำ รวจฝา่ ยคดไี มอ่ าจอาศยั พยานหลกั ฐานทเ่ี กดิ ในคดคี วามผดิ ซงึ่ หนา้
แตไ่ ดม้ าจากการคน้ โดยเจา้ หนา้ ทศ่ี ลุ กากร แมเ้ จา้ หนา้ ทศ่ี ลุ กากรจะมอี �ำ นาจทว่ั ไปในการคน้ (ประมวล
กฎหมายศลุ กากร มาตรา ๖๐) ในขณะทตี่ �ำ รวจฝา่ ยคดจี ะท�ำ การคน้ ไดต้ อ่ เมอ่ื มสี ง่ิ บง่ ชช้ี ดั เจนในขณะ
นน้ั ว่ามกี ารกระท�ำ ความผดิ ๒๒
๒) ตามบทบัญญตั ิของกฎหมาย ตามกฎหมายลงวนั ที่ ๙ มนี าคม ๒๐๐๔ กรณีบทบัญญัติให้
ใชม้ าตรการพเิ ศษเพอ่ื แสวงหาพยานหลกั ฐานในความผดิ เกย่ี วกบั องคก์ รอาชญากรรม มขี อ้ พจิ ารณา
๒ ประการ

๒๐คำ�พพิ ากษาศาลยตุ ิธรรมสูงสุดแผนกคดอี าญา Crim., ๑๗ octobre ๑๙๙๔, B.C., n.๓๓๓.
๒๑คำ�พพิ ากษาศาลยุติธรรมสงู สดุ แผนกคดอี าญา Crim., ๓ octobre ๑๙๙๖, B.C., n.๓๔๕ ; ๓๑ janvier ๒๐๐๖, B.C.,
n.๓๐, Dr. pénal, juin ๒๐๐๖, comm.. ๒๓, obs. A. Maron.
๒๒A. Decocq, J. Montreuil et J. Buisson, Le droit de la police, ๑๙๙๘, n.๑๕๙๔.

อัยการนเิ ทศ 89

ประการแรก ได้แก่กรณีกฎหมายบัญญัติให้ค้นได้ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมาย
วิธพี ิจารณาความอาญาฝรง่ั เศส มาตรา ๗๐๖-๙๓ วรรคหนึง่ บญั ญตั ใิ หก้ ารค้นในเวลากลางคืนกระทำ�
ไดใ้ นคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั องคก์ รอาชญากรรมตามนยั ทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๗๐๖-๗๓ “ไมอ่ าจมกี ารรบั
ฟังพยานหลักฐานใด นอกจากหลักฐานที่ต้องการค้นหา และเฉพาะความผิดท่ีได้ระบุไว้ในค�ำ ส่ังของ
ผู้พิพากษาผู้ออกหมาย หรือผู้พิพากษาสอบสวน” ดังน้ัน ผู้พิพากษาท่ีพิจารณาคดีลักทรัพย์ซึ่งเป็น
ความผดิ ทอ่ี ยนู่ อกเหนอื มาตรา ๗๐๖-๗๓ ไมอ่ าจสงั่ ใหม้ กี ารคน้ ในเวลากลางคนื เนอื่ งจากจะใชม้ าตรการ
ดงั กลา่ วต้องเป็นกรณคี วามผิดเกี่ยวกบั องค์กรอาชญากรรมตามบทบัญญตั มิ าตรา ๗๐๖-๗๓ เทา่ นน้ั
ประการทส่ี อง ฝ่ายนติ ิบญั ญัติได้ตรากฎหมายลงวนั ท่ี ๙ มนี าคม ค.ศ.๒๐๐๔ แกไ้ ขเพิม่ เติม
บทบัญญตั มิ าตรา ๗๐๖-๑๐๔ ในประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา บัญญตั ิว่า “ในกรณเี ปน็
ประเด็นข้อเท็จจริงที่ต้องการในชั้นสืบสวน หรือช้ันสอบสวน หรือชั้นพิจารณา หรือเพื่อพิจารณา
เหตเุ พม่ิ โทษเพราะมลี ักษณะเป็นกล่มุ อาชญากร (bande organisée)” และ “กรณีไม่อาจเป็นเหตุ
ให้กระบวนพิจารณาที่ได้กระทำ�ไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ส้ินผลบังคับทางกฎหมาย” ศาล
รฐั ธรรมนญู ฝรงั่ เศสในค�ำ วนิ จิ ฉยั ลงวนั ท่ี ๒ มนี าคม ค.ศ.๒๐๐๔ มคี �ำ วนิ จิ ฉยั สว่ นหนง่ึ ทชี่ วี้ า่ บทบญั ญตั ิ
นีม้ ีลักษณะมิชอบ ดว้ ยเหตุท่เี กรงว่าจะทำ�ให้เกดิ การใช้อ�ำ นาจเกินขอบเขต หรือใชอ้ �ำ นาจบดิ เบอื น
กระบวนพจิ ารณา เนอ่ื งจากวธิ พี จิ ารณาทใี่ หอ้ ำ�นาจเปน็ พเิ ศษนมี้ ลี กั ษณะทอ่ี าจกระทบอยา่ งรา้ ยแรง
ต่อการใชส้ ิทธแิ ละเสรภี าพที่ได้รบั การคมุ้ ครองตามรัฐธรรมนูญ อยา่ งไรก็ดี เม่ือพิจารณาค�ำ วนิ จิ ฉัย
ของศาลรฐั ธรรมนูญทง้ั หมดแลว้ ทำ�ใหเ้ หน็ ว่า ศาลตอ้ งการใหม้ กี ารใช้วธิ พี จิ ารณานอ้ี ย่างระมัดระวัง
กล่าวคือ ถา้ พิสูจนไ์ ด้วา่ การใช้วิธีพิจารณาพเิ ศษ ไม่วา่ จะเปน็ คน้ ในเวลากลางคืน ดกั ฟังทางโทรศัพท์
อ�ำ พรางตวั หรอื การตดิ เครอ่ื งดกั ฟงั หากเปน็ การใชอ้ ำ�นาจอยา่ งมอี คติ (mauvaise foi) อา้ งความเปน็
กลมุ่ อาชญากรอย่างไม่มีเหตุผล ก็ถอื เป็นการบิดเบือนอำ�นาจ ก็ต้องมกี ารเพิกถอนกระบวนพิจารณา
ที่มิชอบ ในทางตรงกันข้าม หากผู้ใช้อ�ำ นาจมเี หตผุ ลท่ที ำ�ให้เชอื่ ว่ามกี ลมุ่ อาชญากรอยูจ่ รงิ และกล่มุ
อาชญากรนั้นได้หลบหนีคดีหายไปในภายหลัง กย็ ่อมไมม่ ีเหตุท่ีจะเพิกถอนกระบวนพิจารณานนั้ ๒๓

บทสรปุ
การท�ำ หนา้ ทร่ี วบรวมพยานหลกั ฐานของเจา้ พนกั งานสอบสวนมคี วามส�ำ คญั ตอ่ การอ�ำ นวย
ความยุติธรรมในอาญาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏเพ่ือ
พสิ จู นค์ วามผดิ หรอื ความบรสิ ทุ ธข์ิ องผถู้ กู กลา่ วหาเทา่ นนั้ แตย่ งั เปน็ กระบวนทมี่ ผี ลตอ่ ความนา่ เชอ่ื ถอื
ของสาธารณชนทมี่ กี ระบวนการยตุ ธิ รรมของรฐั ในภาพรวมอกี ดว้ ย ดงั นนั้ การคำ�นงึ ถงึ ความถกู ตอ้ ง
ชอบธรรมตามหลกั กฎหมายจงึ เปน็ สงิ่ ทเี่ จา้ พนกั งานทง้ั ในสว่ นของเจา้ พนกั งานต�ำ รวจ และพนกั งาน
อยั การ และในส่วนของผู้พิพากษาจะตอ้ งยึดถอื ไว้เสมอ ดงั เช่นแนวทางขององค์กรในกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมฝรั่งเศสทไ่ี ด้แสดงมาขา้ งต้น

๒๓J. Pradel, Chronique au J.C.P., ๒๐๐๔.I.๑๓๔, n.๔๕.
90 อยั การนิเทศ

คำ�พิพากษาศาลฎีกา

อยั การนเิ ทศ 91

92 อยั การนเิ ทศ

ค�ำ พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๑๐/๒๕๕๓

ป.วิ.พ. กนั สว่ น ขดั ทรัพย์ เจา้ หน้ีจำ�นองขอรับชำ�ระหนกี้ ่อน (มาตรา ๒๘๗, ๒๘๘, ๒๘๙)

ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ บญั ญัตวิ ่า “ภายใต้บังคับแหง่
บทบัญญัติมาตรา ๒๘๘ และ ๒๘๙ บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนว้ี า่ ดว้ ยการบังคับคดีแก่
ทรพั ยส์ นิ ของลกู หนตี้ ามค�ำ พพิ ากษานนั้ ยอ่ มไมก่ ระทบกระทงั่ ถงึ บรุ มิ สทิ ธหิ รอื สทิ ธอิ นื่ ๆ ซง่ึ บคุ คล
ภายนอกอาจรอ้ งขอให้บงั คับเหนอื ทรพั ยส์ นิ นน้ั ได้ตามกฎหมาย” ส่วนมาตรา ๒๘๙ วรรคหนงึ่
บญั ญตั วิ า่ “ถา้ บคุ คลใดชอบทจี่ ะบงั คบั การชำ�ระหนเี้ อาจากทรพั ยส์ นิ ของลกู หนต้ี ามคำ�พพิ ากษา
ทเี่ จา้ พนกั งานบงั คบั คดไี ดย้ ดึ ไว้ หรอื ชอบทจี่ ะไดเ้ งนิ ทขี่ ายหรอื จ�ำ หนา่ ยทรพั ยส์ นิ เหลา่ นนั้ ได้ โดย
อาศัยอำ�นาจแห่งการจำ�นองที่อาจบังคบั ไดก้ ด็ ี หรืออาศยั อ�ำ นาจแห่งบุรมิ สิทธิกด็ ี บคุ คลนัน้ อาจ
ยน่ื ค�ำ รอ้ งขอตอ่ ศาลทอี่ อกหมายบงั คบั คดใี หเ้ อาเงนิ ทไ่ี ดม้ านน้ั ช�ำ ระหนต้ี นกอ่ นเจา้ หนอ้ี น่ื ๆ ตาม
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์...” และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๗๐๒ วรรคสอง บญั ญัตวิ ่า “ผรู้ บั จ�ำ นองชอบท่จี ะได้รบั ช�ำ ระหนจ้ี ากทรัพย์สินท่จี ำ�นอง
กอ่ นเจา้ หนส้ี ามญั มพิ กั ตอ้ งพเิ คราะหว์ า่ กรรมสทิ ธใิ์ นทรพั ยส์ นิ จะไดโ้ อนไปยงั บคุ คลภายนอกแลว้
หรือหาไม่” เม่ือพิเคราะห์ตามค�ำ ร้องของผู้ร้องที่ยื่นต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินท่ีจ�ำ นองออกขาย
ทอดตลาดแล้ว การท่ีผู้ร้องขอให้กันเงินท่ีได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินจำ�นองโดยปลอด
จำ�นอง มาชำ�ระหนี้แก่ผู้ร้องตามจำ�นวนภาระหน้ีจำ�นองที่จำ�เลยมีต่อผู้ร้อง ถือได้ว่าเป็นการท่ี
ผรู้ อ้ งขอรบั ช�ำ ระหนจี้ �ำ นองจากการขายทอดตลาดทรพั ยจ์ �ำ นองโดยอาศยั อ�ำ นาจแหง่ การจ�ำ นอง
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๗๐๒ วรรคสอง ซงึ่ ผู้ร้องมีบรุ มิ สทิ ธใิ นการทจี่ ะ
ได้รบั ชำ�ระหน้ีกอ่ นเจ้าหนรี้ ายอืน่ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพง่ มาตรา ๒๘๙ แม้
ผรู้ อ้ งจะอา้ งวา่ เปน็ การรอ้ งขอกนั สว่ นตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ มาตรา ๒๘๗
แต่เมอ่ื คำ�ร้องของผูร้ อ้ งตอ้ งดว้ ยบทบญั ญัตมิ าตรา ๒๘๙ ก็ไมท่ ำ�ให้คำ�ร้องของผู้ร้องเสยี ไป ศาล
มีอำ�นาจรบั คำ�ร้องของผู้ร้องไวพ้ ิจารณาได้

________________________________________

คณะกรรมการคมุ้ ครองผ้บู ริโภค โจทก์

ระหว่าง ธนาคารเกียรตินาคิน จำ�กัด (มหาชน) ผูร้ ้อง
บริษัทบางกอกเค. เค. จ�ำ กดั จำ�เลย

คดีสืบเนื่องจากศาลมีคำ�พิพากษาให้จำ�เลยชำ�ระหน้ีตามคำ�พิพากษาแก่โจทก์ แต่จำ�เลยไม่

อัยการนเิ ทศ 93


Click to View FlipBook Version