194 อยั การนิเทศ
คำ�วินิจฉยั ท่ี ๑๖/๒๕๕๓
เรือ่ ง การขอรบั เงนิ คา่ ทดแทนทด่ี นิ ทถ่ี กู เวนคนื ทไ่ี ดน้ �ำ สง่ คนื เปน็ รายไดแ้ ผน่ ดนิ
ตามกฎหมาย
กฎหมาย ระเบียบ พระราชบัญญตั ิ จัดระเบยี บทรัพยส์ ินฝ่ายพระมหากษตั ริย์ พุทธศักราช
๒๔๗๙ มาตรา ๕ วรรคสอง และมาตรา ๗
พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐
มาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๔ ข้อบงั คบั กระทรวงการคลังว่าดว้ ยการ
หกั รายรบั จา่ ยขาดและการถอนคืนเงนิ รายรบั พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๑๓
หน่วยงานที่หารอื กรมทางหลวงชนบท
เงนิ คา่ ทดแทนสำ�หรบั อสงั หารมิ ทรพั ยอ์ นั เปน็ ทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ท์ ถี่ กู เวนคนื
ยงั คงมสี ถานะเปน็ ทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ อ์ ยู่ และยอ่ มอยใู่ นความดแู ลรกั ษาของสำ�นกั งาน
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษตั รยิ ์ ตามมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญตั ดิ งั กลา่ ว ซึ่งจะโอน
หรือจำ�หน่ายไดก้ แ็ ตเ่ พ่อื ประโยชนแ์ ก่ทรพั ยส์ ินสว่ นพระมหากษตั ริย์ และโดยได้รบั พระราชทาน
พระบรมราชานญุ าตหรอื เพอื่ สาธารณประโยชนอ์ นั ไดม้ บี ทกฎหมายใหโ้ อนหรอื จ�ำ หนา่ ยไดเ้ ทา่ นนั้
ตามมาตรา ๗ แหง่ พระราชบญั ญัติดังกลา่ ว การท่ีกรม ย. นำ�เงินค่าทดแทนดงั กลา่ วฝากไวก้ ับ
ธนาคารออมสนิ สาขาเตาปนู ในชอ่ื ส�ำ นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ต์ ามมาตรา ๓๑ แหง่
พระราชบัญญัตวิ ่าดว้ ยการเวนคืนอสังหารมิ ทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ แลว้ แม้วา่ สำ�นักงานทรพั ย์สิน
ส่วนพระมหากษัตริย์มิได้ร้องขอรับเงินค่าทดแทนดังกล่าวท่ีวางไว้ตามมาตรา ๓๑ ภายใน
สิบปีนับแต่วันท่ีมีการวางเงิน ก็ไม่อาจมีผลให้เงินนั้นซ่ึงยังเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ส�ำ นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ซ์ ง่ึ มอี �ำ นาจหนา้ ทด่ี แู ลรกั ษาทรพั ยส์ นิ สว่ น
พระมหากษัตริย์จึงยังมีสิทธใิ นเงินค่าทดแทนดังกล่าว การทก่ี รม ย. ไดถ้ อนเงนิ คา่ ทดแทนและ
ปิดบัญชีเงินฝากจากธนาคารดังกลา่ ว แลว้ น�ำ เงนิ สง่ เป็นรายไดแ้ ผน่ ดินจึงขัดตอ่ มาตรา ๗ แห่ง
พระราชบัญญตั ิจัดระเบียบทรัพยส์ นิ ฝา่ ยพระมหากษตั รยิ ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ซง่ึ เป็นกฎหมาย
พิเศษยกเว้นกฎหมายทั่วไป กรม ท.ช. ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับโอนอ�ำ นาจและหน้าที่ต่อจาก
กรม ย. จึงชอบท่ีจะทำ�ความตกลงกับกระทรวงการคลังเพ่ือขอเงินค่าทดแทนดังกล่าวให้แก่
สำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตอ่ ไป
ข้อเท็จจริงและปัญหา
กรมทางหลวงชนบท ในฐานะหน่วยงานรับโอนกิจการ บริหาร และอำ�นาจหน้าที่ต่อจาก
กรมโยธาธกิ าร (เดมิ ) หารอื กรณที ก่ี รมโยธาธกิ ารไดน้ �ำ เงนิ คา่ เวนคนื ทด่ี นิ ของส�ำ นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ น
อยั การนิเทศ 195
พระมหากษตั รยิ ์ จำ�นวน ๒ แปลง ทถี่ ูกเวนคืนโดยพระราชกฤษฎีกากำ�หนดเขตที่ดนิ ในบรเิ วณท่ดี ิน
ทจี่ ะเวนคนื ในทอ้ งทอ่ี �ำ เภอบางกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี และเขตดสุ ติ เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพมหานคร
พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นเงิน ๑,๓๑๖,๐๐๐ บาท และตอ่ มานำ�เงนิ สง่ เปน็ รายได้แผน่ ดิน เนอ่ื งจากส�ำ นกั งาน
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มิได้ขอรับเงินค่าเวนคืนภายในกำ�หนดเวลา ๑๐ ปี ต่อมาสำ�นักงาน
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ติดต่อขอรับเงินค่าท่ีดินดังกล่าวคืนจากกรมบัญชีกลาง แต่
กรมบัญชีกลางแจ้งว่า สำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มิใช่ส่วนราชการท่ีนำ�เงินส่งคลัง
เป็นรายได้แผ่นดินไว้จึงไม่สามารถขอทำ�ความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อถอนคืนเงินตามนัย
ข้อบังคับกระทรวงการคลังว่าด้วยการหักรายรับจ่ายขาดและการถอนคืนเงินรายรับ พ.ศ. ๒๕๕๐
ขอ้ ๑๓ ตอ้ งใหก้ รมทางหลวงชนบทเปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การถอนคนื เงนิ รายไดแ้ ผน่ ดนิ กรมทางหลวงชนบท
จึงขอหารือว่า สำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะมีสิทธิรับเงินค่าทดแทนท่ีดินดังกล่าว
ไดห้ รอื ไม่
ค�ำ วินจิ ฉัย
สำ�นักงานอัยการสูงสดุ พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เงนิ คา่ ทดแทนส�ำ หรบั อสงั หารมิ ทรัพย์อนั เปน็
ทรพั ยส์ ินสว่ นพระมหากษัตริยท์ ่ถี ูกเวนคืนยังคงมีสถานะเปน็ ทรพั ย์สนิ ส่วนพระมหากษตั รยิ ์อยู่ และ
ย่อมอยู่ในความดูแลรักษาของสำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา ๕ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ซ่ึงจะโอนหรือ
จ�ำ หนา่ ยไดก้ แ็ ตเ่ พอ่ื ประโยชนแ์ กท่ รพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ และโดยไดร้ บั พระราชทานพระบรม
ราชานุญาตหรือเพ่ือสาธารณประโยชน์อันได้มีบทกฎหมายให้โอนหรือจำ�หน่ายได้เท่าน้ัน ตาม
มาตรา ๗ แห่งพระราชบญั ญัตจิ ัดระเบียบทรพั ยส์ ินฝา่ ยพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ การท่ี
กรมโยธาธิการนำ�เงินค่าทดแทนดังกล่าวฝากไว้กับธนาคารออมสินสาขาเตาปูน ในช่ือสำ�นักงาน
ทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ต์ ามมาตรา ๓๑ แหง่ พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการเวนคนื อสงั หารมิ ทรพั ย์
พ.ศ. ๒๕๓๐ แล้ว แม้ว่าสำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มิได้ร้องขอรับเงินค่าทดแทน
ดงั กลา่ วทวี่ างไวต้ ามมาตรา ๓๑ ภายในสบิ ปนี บั แตว่ นั ทมี่ กี ารวางเงนิ กไ็ มอ่ าจมผี ลใหเ้ งนิ นนั้ ซง่ึ ยงั เปน็
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการ
เวนคืนอสงั หารมิ ทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ สำ�นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ซ่ึงมอี ำ�นาจหน้าที่
ดแู ลรกั ษาทรพั ย์สนิ ส่วนพระมหากษตั รยิ จ์ ึงยังมีสิทธใิ นเงินคา่ ทดแทนดังกลา่ ว การที่กรมโยธาธิการ
ได้ถอนเงนิ ค่าทดแทนและปดิ บัญชีเงินฝากจากธนาคารดังกลา่ ว แลว้ น�ำ เงินสง่ เปน็ รายได้แผน่ ดินจงึ
ขดั ต่อมาตรา ๗ แหง่ พระราชบญั ญตั ิจัดระเบยี บทรพั ยส์ ินฝา่ ยพระมหากษัตรยิ ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙
ซงึ่ เปน็ กฎหมายพเิ ศษยกเวน้ กฎหมายทว่ั ไป กรมทางหลวงชนบทซงึ่ เปน็ สว่ นราชการทร่ี บั โอนอำ�นาจ
และหนา้ ทตี่ อ่ จากกรมโยธาธกิ ารจงึ ชอบทจี่ ะท�ำ ความตกลงกบั กระทรวงการคลงั เพอ่ื ขอเงนิ คา่ ทดแทน
ดังกล่าวใหแ้ กส่ ำ�นกั งานทรัพยส์ ินส่วนพระมหากษตั รยิ ์ต่อไป.
196 อยั การนิเทศ
คำ�วินิจฉัยที่ ๑๒/๒๕๕๓
เร่อื ง การจดั ซ้ืออาหารเสริม (นม) โรงเรยี นของเทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ด์ิ
กฎหมาย ระเบียบ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ และมาตรา ๔๘๖
หนว่ ยงานทีห่ ารือ เทศบาลต�ำ บลเจ้าพระยาสรุ ศกั ดิ์
การทเี่ ทศบาลตำ�บล จ. ผซู้ ื้อ ทำ�สัญญาซอ้ื ขายนมพรอ้ มดื่ม U.H.T. และนมพาสเจอร์ไรส์
กับสหกรณ์โคนม น. ผู้ขาย ต่อมาในการส่งมอบสิ่งของตามสัญญางวดท่ีสอง ผู้ขายได้ส่งมอบ
เฉพาะนมสดพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ส่ง
นมพร้อมดมื่ U.H.T. ให้ ผซู้ อ้ื ได้บอกเลกิ สญั ญาบางส่วน (เฉพาะนมพร้อมด่มื U.H.T.) ไปยงั
ผู้ขาย จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาเฉพาะส่วนท่ีตกลงซ้ือขายนมพร้อมดื่ม U.H.T. เท่านั้น แต่
สว่ นทต่ี กลงซอ้ื ขายนมพาสเจอร์ไรสย์ ังคงมีผลสมบูรณอ์ ยู่เน่ืองจากผู้ซื้อมไิ ด้บอกเลกิ ด้วย ดังนน้ั
ในสว่ นทต่ี กลงซ้อื ขายนมพร้อมดืม่ U.H.T. ซ่งึ ผ้ซู ื้อไดใ้ ช้สทิ ธิบอกเลกิ สัญญาแล้วน้ัน ผ้ซู ือ้ จงึ ไม่
ตอ้ งช�ำ ระราคา แตใ่ นสว่ นของนมพาสเจอร์ไรส์ ซึง่ สัญญายงั คงมผี ลสมบูรณ์อยนู่ น้ั เมอ่ื ผขู้ ายได้
ส่งมอบนมพาสเจอร์ไรส์และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับแล้ว ผู้ซ้ือจึงมีหน้าท่ีช�ำ ระ
ราคาของงวดทสี่ องเฉพาะในสว่ นของนมพาสเจอรไ์ รสท์ ไี่ ดร้ บั มอบนนั้ ตามนยั ประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๔๘๖
ส่วนการคิดค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๒๐ ของราคานมพร้อมดื่ม U.H.T. นับแต่
วันถัดจากวันครบกำ�หนดส่งมอบนมพร้อมดื่ม U.H.T. จนถึงวันบอกเลิกสัญญานั้น การท่ีผู้ซ้ือ
มไิ ดถ้ ือเอาวนั ท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ ตามที่กำ�หนดในสญั ญาเป็นวนั ครบกำ�หนดส่งมอบ แตถ่ อื
เอาวนั ท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นวนั ครบกำ�หนดตามทผ่ี ้ซู ้อื ไดม้ หี นังสอื แจง้ ไปอีกคร้ังหนึ่ง
ให้ผ้ขู ายส่งมอบนั้นเปน็ วันครบกำ�หนดส่งมอบน้นั เหน็ ว่าวนั ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ เปน็ วันท่ี
ผซู้ อ้ื เรง่ รดั ใหผ้ ขู้ ายสง่ มอบนมพรอ้ มดม่ื U.H.T. อกี ครง้ั หนง่ึ เทา่ นนั้ มไิ ดเ้ ปน็ การขยายระยะเวลา
การส่งมอบตามสัญญาแต่อย่างใด จะตอ้ งถือว่าวนั ท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ ซง่ึ เปน็ วนั ครบกำ�หนด
สง่ มอบนมพรอ้ มดม่ื U.H.T ตามทก่ี �ำ หนดในรายละเอยี ดการสง่ มอบอาหารเสรมิ (นม) (ผนวก ๒)
แนบท้ายสัญญาอันถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานั้นเป็นวันครบกำ�หนดส่งมอบ ดังน้ัน จึงต้อง
คิดค่าปรับนับแต่วันถัดจากวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ ไปจนถึงวันบอกเลิกสัญญา และการที่
ผู้ขายได้ให้ทนายความมีหนงั สอื ลงวันท่ี ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๒ แจ้งมายงั ผซู้ ้ือว่าให้ชำ�ระราคา
นมงวดทสี่ องเตม็ จ�ำ นวน โดยอา้ งวา่ ผขู้ ายไดส้ ง่ มอบนมตามสญั ญาซอื้ ขายครบถว้ นเรยี บรอ้ ยแลว้
จึงเป็นกรณีที่หน้ีค่าปรับดังกล่าวมีข้อต่อสู้ขึ้นก่อนท่ีผู้ซ้ือจะแสดงเจตนาหักลบกลบหน้ี ดังนั้น
ตราบเทา่ ทผี่ ขู้ ายยงั คงยนื ยนั ขอ้ อา้ งนอี้ ยู่ กย็ งั คงถอื วา่ สทิ ธเิ รยี กรอ้ งในคา่ ปรบั ดงั กลา่ วยงั มขี อ้ ตอ่ สู้
อยู่ จงึ เปน็ การตอ้ งหา้ มมใิ หน้ �ำ มาหกั กลบลบหนตี้ ามนยั ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา
๓๔๔ ผูซ้ ้ือจงึ ไมอ่ าจน�ำ คา่ ปรบั ดังกล่าวมาหักออกจากค่านมพาสเจอร์ไรส์งวดท่ีสองดังกลา่ วได้
อยั การนิเทศ 197
ตามหนังสือค้ําประกันของธนาคารผู้ค้ําประกันกำ�หนดให้ผู้ซ้ือมีสิทธิเรียกให้ธนาคาร
ผู้ค้ําประกันชำ�ระเงินค่าปรับดังกล่าวได้ภายในวงเงินตามหนังสือคํ้าประกัน อย่างไรก็ดี จาก
การที่ผู้ขายแสดงเอกสารหลักฐานตามใบส่งของว่าได้ส่งมอบนมพร้อมด่ืม U.H.T. ให้แก่ผู้ซ้ือ
ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว และธนาคารผู้คํ้าประกันเพียงแต่ขอให้ผู้ซื้อแสดงหลักฐานเอกสาร
หลกั ฐานวา่ การสง่ มอบสนิ คา้ ไมถ่ กู ตอ้ งตามสญั ญาอยา่ งไร เพอ่ื ความชดั เจนเทา่ นน้ั ดงั นนั้ ในการท่ี
ผู้ซื้อจะยืนยันให้ธนาคารผู้คํ้าประกันชำ�ระเงินค่าปรับแทนผู้ขายตามหนังสือค้ําประกันดังกล่าว
จงึ ควรทจ่ี ะกลา่ วถงึ เหตผุ ลทเ่ี ทศบาลตำ�บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดถ์ิ อื วา่ ผขู้ ายยงั มไิ ดส้ ง่ มอบสนิ คา้ ให้
ถูกตอ้ งตามสญั ญาน้นั ใหธ้ นาคารผู้คาํ้ ประกันทราบตามความเหมาะสมด้วย
ข้อเทจ็ จรงิ และปญั หา
เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาการจัดซื้ออาหารเสริม (นม)
โรงเรยี นบางส่วนไปยังสหกรณ์โคนมนครปฐม จ�ำ กัด (ผขู้ าย) และแจง้ ธนาคารผูค้ ้ําประกันใหช้ �ำ ระ
เงินค่าปรับในกรณีท่ีผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบนมพร้อมด่ืม U.H.T ให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา
แตผ่ ขู้ ายขอใหธ้ นาคารผคู้ า้ํ ประกนั ระงบั การจา่ ยเงนิ ดงั กลา่ วโดยอา้ งวา่ ผขู้ ายสง่ มอบนมถกู ตอ้ งครบ
ถ้วนตามสญั ญา เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดจ์ิ งึ ขอหารือ ดงั นี้
๑. การที่ในงวดที่สอง ผู้ขายได้ส่งมอบเฉพาะนมสดพาสเจอร์ไรส์ ซ่ึงคณะกรรมการตรวจ
รับพัสดุได้ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ส่งนมพร้อมดื่ม U.H.T. เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิ
จงึ ไดบ้ อกเลกิ สญั ญาบางสว่ น (เฉพาะนมพรอ้ มดม่ื U.H.T.) เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดสิ์ ามารถ
เบิกจา่ ยเงนิ งวดที่สองให้แกผ่ ้ขู ายได้หรอื ไม่ อยา่ งไร
๒. การคิดค่าปรับรายวนั ในอตั ราร้อยละ ๐.๒๐ ของราคาส่ิงของทยี่ งั ไม่ได้รบั มอบ (นมพรอ้ ม
ดมื่ U.H.T.) โดยนบั ถดั จากวนั ครบก�ำ หนดตามสญั ญาจนถงึ วนั บอกเลกิ สญั ญา ซงึ่ วนั ครบก�ำ หนดตาม
สญั ญาคือวันท่ี ๑๘ มนี าคม ๒๕๕๒ แตต่ อ่ มาทางเทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ด์ิ ได้มีหนงั สือแจ้ง
ใหผ้ ขู้ ายส่งมอบนมพร้อมดม่ื U.H.T. ภายในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยา
สรุ ศกั ดจ์ิ งึ คดิ คา่ ปรบั รายวนั โดยนบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ ถงึ วนั บอกเลกิ สญั ญา จะเปน็ การ
ถูกต้องหรือไม ่ และเทศบาลต�ำ บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิสามารถน�ำ ค่าปรับรายวันดังกล่าวมาหักออก
จากเงนิ ทจ่ี ะตอ้ งชำ�ระให้แก่ผู้ขายน้นั ไดห้ รือไม่ อย่างไร
๓. เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักดิ์สามารถเรียกค่าปรับไปยังธนาคารผู้ค้ําประกันโดยตรง
ตามหนังสอื คํา้ ประกนั ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร
๔. ในกรณีที่ไม่สามารถเรียกค่าปรับจากธนาคารผู้ค้ําประกันได้ เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยา
สุรศักด์ิสามารถนำ�เงินค่าปรับท่ีเรียกจากธนาคารผู้ค้ําประกันตามหนังสือคํ้าประกันมาหักออกจาก
เงินทีต่ ้องช�ำ ระแก่ผขู้ ายนน้ั ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร
198 อัยการนเิ ทศ
คำ�วินิจฉยั
ตามประเด็นหารือข้อ ๑ เห็นว่า กรณีนี้เป็นการบอกเลิกสัญญาบางส่วน คือ เฉพาะส่วน
ที่ตกลงซื้อขายนมพร้อมด่ืม U.H.T. แต่ส่วนที่ตกลงซ้ือขายนมพาสเจอร์ไรส์ยังคงมีผลสมบูรณ์อยู่
เทศบาลต�ำ บลเจ้าพระยาสุรศกั ด์ิมิได้บอกเลิกดว้ ย ดังนัน้ ในสว่ นทต่ี กลงซอื้ ขายนมพร้อมด่ืม U.H.T.
ซงึ่ เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดไิ์ ดใ้ ชส้ ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาแลว้ นน้ั เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ด์ิ
จึงไม่ตอ้ งช�ำ ระราคา แตใ่ นส่วนของนมพาสเจอรไ์ รส์ ซ่ึงสญั ญายังคงมผี ลสมบรู ณ์อยู่นนั้ เม่ือผู้ขายได้
ส่งมอบนมพาสเจอร์ไรส์และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับแล้ว เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยา
สุรศักด์ิในฐานะผู้ซื้อจึงมีหน้าที่ชำ�ระราคาของงวดที่สองเฉพาะในส่วนของนมพาสเจอร์ไรส์ท่ีได้รับ
มอบนน้ั ตามนยั ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๔๘๖
ตามประเด็นหารอื ขอ้ ๒ การท่ีเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสรุ ศกั ดมิ์ ไิ ดถ้ อื เอาวนั ท่ี ๑๘ มีนาคม
๒๕๕๒ ตามทกี่ �ำ หนดในสญั ญาเป็นวนั ครบก�ำ หนดส่งมอบ แต่ถือเอาวนั ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ ซึง่
เป็นวันครบกำ�หนดตามท่ีเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ได้มีหนังสือแจ้งไปอีกคร้ังหน่ึงให้ผู้ขาย
ส่งมอบนั้นเป็นวันครบกำ�หนดส่งมอบจะเป็นการถูกต้องหรือไม่นั้น เห็นว่า จะต้องถือว่าวันท่ี
๑๘ มนี าคม ๒๕๕๒ ซ่งึ เป็นวนั ครบก�ำ หนดสง่ มอบ นมพรอ้ มดื่ม U.H.T ตามทีก่ ำ�หนดในรายละเอยี ด
การส่งมอบอาหารเสริม (นม) (ผนวก ๒) แนบท้ายสัญญาอันถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาน้ันเป็น
วนั ครบก�ำ หนดสง่ มอบ สว่ นวนั ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ นน้ั เปน็ วนั ทเ่ี ทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ด์ิ
เร่งรัดให้ผู้ขายส่งมอบนมพร้อมดื่ม U.H.T. อีกครั้งหน่ึงเท่านั้น มิได้เป็นการขยายระยะเวลาการ
ส่งมอบตามสัญญาแต่อยา่ งใด ดงั นน้ั จึงตอ้ งคดิ ค่าปรับนับแตว่ ันถดั จากวนั ท่ี ๑๘ มนี าคม ๒๕๕๒
ไปจนถึงวันบอกเลิกสัญญา ส่วนปัญหาว่า หากเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักดิ์จะนำ�ค่าปรับ
ดงั กลา่ วไปหกั ออกจากเงนิ งวดทส่ี องทเี่ ทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดจิ์ ะตอ้ งช�ำ ระแกผ่ ขู้ าย จะท�ำ ได้
หรอื ไม่ อยา่ งไรน้ัน เหน็ วา่ เมอ่ื ผขู้ ายไดใ้ หท้ นายความมีหนังสอื ลงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ แจง้
มายังเทศบาลต�ำ บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิว่าให้ช�ำ ระราคานมงวดที่สองเต็มจ�ำ นวน โดยอ้างว่าผู้ขายได้
ส่งมอบนมตามสัญญาซ้ือขายครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นกรณีท่ีหน้ีค่าปรับดังกล่าวมีข้อต่อสู้ข้ึน
ก่อนท่เี ทศบาลตำ�บลเจา้ พระยาสุรศักด์ิจะแสดงเจตนาหกั ลบกลบหน้ี ดังน้ัน ตราบเทา่ ทีผ่ ูข้ ายยังคง
ยนื ยันขอ้ อา้ งนอี้ ยู่ กย็ ังคงถือว่าสิทธเิ รียกรอ้ งในคา่ ปรบั ดงั กล่าวยังมขี อ้ ตอ่ สู้อยู่ จึงเป็นการต้องหา้ ม
มิให้นำ�มาหักกลบลบหนี้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ เทศบาลตำ�บล
เจา้ พระยาสรุ ศกั ดจ์ิ งึ ไมอ่ าจน�ำ คา่ ปรบั ดงั กลา่ วมาหกั ออกจากคา่ นมพาสเจอรไ์ รสง์ วดทสี่ องดงั กลา่ วได้
ตามประเดน็ หารอื ข้อ ๓ และ ๔ ว่า เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสรุ ศักดิส์ ามารถเรียกค่าปรบั ไป
ยงั ธนาคารผคู้ าํ้ ประกนั โดยตรงตามหนงั สอื คาํ้ ประกนั ไดห้ รอื ไม่ และในกรณที ไ่ี มส่ ามารถเรยี กคา่ ปรบั
จากธนาคารผคู้ า้ํ ประกนั ได้ เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดส์ิ ามารถนำ�เงนิ คา่ ปรบั ทเี่ รยี กจากธนาคาร
ผคู้ า้ํ ประกนั ตามหนงั สอื คาํ้ ประกนั มาหกั ออกจากเงนิ งวดทสี่ องทจี่ ะตอ้ งชำ�ระแกผ่ ขู้ ายนนั้ ไดห้ รอื ไมน่ นั้
เห็นว่า ตามหนังสือคํ้าประกันของธนาคารผู้ค้ําประกัน ลงวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ข้อ ๑
อยั การนเิ ทศ 199
วรรคสอง เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิมีสิทธิเรียกให้ธนาคารผู้ค้ําประกันชำ�ระเงินค่าปรับ
ดงั กลา่ วไดภ้ ายในวงเงนิ ตามหนงั สอื คา้ํ ประกนั อยา่ งไรกด็ ี จากการทผ่ี ขู้ ายแสดงเอกสารหลกั ฐานตาม
ใบสง่ ของวา่ ไดส้ ง่ มอบนมพรอ้ มดมื่ U.H.T. ใหแ้ กเ่ ทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ดคิ์ รบถว้ นตามสญั ญา
แลว้ และธนาคารผู้คา้ํ ประกนั เพยี งแตข่ อใหเ้ ทศบาลตำ�บลเจา้ พระยาสุรศกั ดแ์ิ สดงหลกั ฐานเอกสาร
หลักฐานว่าการส่งมอบสินค้าไม่ถูกต้องตามสัญญาอย่างไร เพ่ือความชัดเจนเท่าน้ัน ดังน้ัน ในการ
ท่ีเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิจะยืนยันให้ธนาคารผู้คํ้าประกันช�ำ ระเงินค่าปรับแทนผู้ขายตาม
หนังสอื คาํ้ ประกนั ดงั กล่าว จงึ ควรทจ่ี ะกลา่ วถงึ เหตผุ ลทเ่ี ทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสุรศกั ดถิ์ ือวา่ ผขู้ าย
ยงั มไิ ดส้ ง่ มอบสนิ คา้ ให้ถกู ต้องตามสญั ญานนั้ ให้ธนาคารผู้ค้ําประกันทราบตามความเหมาะสมด้วย.
200 อัยการนิเทศ
ค�ำ วนิ ิจฉัยท่ี ๑๑/๒๕๕๔
เรอื่ ง การบอกเลกิ สญั ญาจ้าง
หนว่ ยงานท่ีหารือ สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
การท่ีโรงเรียน น. ผู้ว่าจ้างได้หักเงินค่าจ้างสำ�หรับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ ไว้จำ�นวน
๘,๐๐๐ บาท แมน้ าย น. ผรู้ บั จา้ ง จะไมใ่ หค้ วามยนิ ยอมกต็ าม กส็ ามารถกระทำ�ได้ เนอ่ื งจากสญั ญา
จ้างฯ ได้กำ�หนดระยะเวลาเริ่มการปฏิบตั งิ านวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และตอ่ มาผูว้ า่ จา้ ง
ได้มีหนังสือบอกเลกิ สญั ญาจ้าง อันเปน็ ผลให้สัญญาจา้ งส้นิ สดุ ลงในวนั ท่ี ๑๐ สงิ หาคม ๒๕๕๓
การคดิ ค�ำ นวณคา่ จ้างจงึ ต้องคดิ ต้ังแตว่ ันท่ผี ้รู ับจา้ งเร่มิ ปฏิบัตงิ านจริง คอื วนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม
๒๕๕๓ เป็นต้นไป จนถึงวันส้ินสุดการทำ�งาน หากปรากฏว่าการทำ�งานในเดือนใดทำ�งานไม่
ครบเดอื น การคดิ ค�ำ นวณคา่ จา้ งตอ้ งคดิ ตามอตั ราสว่ นของวนั ทที่ �ำ งานจรงิ ดงั นน้ั การทผ่ี วู้ า่ จา้ ง
หักเงินส่วนที่จ่ายเกินในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ จำ�นวน ๘,๐๐๐ บาท ออกจากเงินค่าจ้างท่ี
ผ้รู ับจ้างได้รบั ส�ำ หรับเดอื นสิงหาคม ๒๕๕๓ จงึ สามารถกระทำ�ได้
ส�ำ หรบั กรณที ผี่ วู้ า่ จา้ งเลกิ จา้ งเนอื่ งจากผรู้ บั จา้ งไมผ่ า่ นการทดลองงานเปน็ เวลา ๓ เดอื น
ตามสญั ญาขอ้ ๒ และกรณที ผ่ี รู้ บั จา้ งประพฤตติ นไมเ่ หมาะสมและละทงิ้ หนา้ ที่ โดยไมม่ เี หตสุ มควร
ตามสัญญาข้อ ๗ (๕) ประกอบข้อ ๘ นั้น การบอกเลกิ สัญญาท้งั สองกรณดี งั กลา่ ว ในสัญญา
มิได้กำ�หนดให้ผู้ว่าจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้รับจ้างทราบเป็นหนังสือแต่อย่างใด ฉะนั้น
การบอกเลิกสญั ญาของผวู้ า่ จา้ งจึงเปน็ การชอบแล้ว
ข้อเทจ็ จริงและปญั หา
นายนาธาน เคบาเกนดิ โมกาก้า อดีตครูอัตราจ้าง โรงเรียนนครไทย ร้องเรียนว่า
โรงเรยี นนครไทยไดเ้ ลกิ จา้ งตนโดยไมเ่ ปน็ ธรรม เนอื่ งจากมไิ ดม้ หี นงั สอื บอกกลา่ วการเลกิ จา้ งเปน็ การ
ลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่า ๑ เดือน และทางโรงเรียนนครไทยได้หักเงนิ เดอื นประจำ�เดือนสิงหาคม ๒๕๕๓
เป็นเงิน จำ�นวน ๘,๐๐๐ บาท โดยไม่เป็นธรรม สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจึง
ขอหารือว่าการหักเงินเดือนสุดท้ายไว้ ๘,๐๐๐ บาท โดยผู้รับจ้างไม่ยินยอมสามารถทำ�ได้หรือไม่
และกรณีท่ีโรงเรียนนครไทยเลิกจ้างโดยอ้างเหตุตามสัญญาจ้างครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ สุขศึกษา
วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ข้อ ๒ ผูร้ ับจ้างต้องผา่ นการทดลอง
งานเปน็ เวลา ๓ เดอื น ซง่ึ ในกรณนี โ้ี รงเรยี นนครไทยไมม่ หี นงั สอื บอกกลา่ วการเลกิ จา้ งลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ย
กวา่ ๑ เดอื น การบอกเลกิ สญั ญาของโรงเรยี นนครไทยชอบดว้ ยกฎหมายหรอื ไม่
คำ�วนิ จิ ฉัย
สำ�นักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การท่ีโรงเรียนนครไทยได้หักเงินค่าจ้าง
อยั การนเิ ทศ 201
ส�ำ หรับเดอื นสงิ หาคม ๒๕๕๓ ไวจ้ ำ�นวน ๘,๐๐๐ บาท แม้นายนาธานฯ (ผ้รู บั จ้าง) จะไมใ่ หค้ วาม
ยนิ ยอมกต็ าม กส็ ามารถกระทำ�ได้ เนอื่ งจากสญั ญาจา้ งฯ ไดก้ �ำ หนดระยะเวลาเรมิ่ การปฏบิ ตั งิ านวนั ท่ี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และต่อมาโรงเรียนนครไทยได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง อันเป็นผล
ให้สัญญาจ้างสิ้นสุดลงในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ การคิดคำ�นวณค่าจ้างจึงต้องคิดตั้งแต่วันท่ี
นายนาธานฯ (ผู้รับจ้าง) เรมิ่ ปฏบิ ตั งิ านจรงิ คอื วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป จนถึงวัน
ส้ินสุดการทำ�งาน หากปรากฏว่าการทำ�งานในเดือนใดทำ�งานไม่ครบเดือน การคิดคำ�นวณค่าจ้าง
ต้องคิดตามอัตราส่วนของวันที่ทำ�งานจริง ดังน้ัน การที่โรงเรียนนครไทยหักเงินส่วนที่จ่ายเกินใน
เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ จ�ำ นวน ๘,๐๐๐ บาท ออกจากเงินค่าจา้ งทน่ี ายนาธานฯ (ผรู้ ับจ้าง) ได้รับ
ส�ำ หรับเดอื นสิงหาคม ๒๕๕๓ จงึ สามารถกระท�ำ ได้
สำ�หรบั กรณที โ่ี รงเรยี นนครไทยเลิกจ้างเนื่องจากผู้รบั จ้างไม่ผ่านการทดลองงานเป็นเวลา
๓ เดอื น ตามสญั ญาขอ้ ๒ และกรณที ผ่ี รู้ บั จา้ งประพฤตติ นไมเ่ หมาะสมและละทง้ิ หนา้ ท่ี โดยไมม่ เี หตุ
สมควรตามสญั ญาขอ้ ๗ (๕) ประกอบข้อ ๘ นั้น การบอกเลกิ สญั ญาทงั้ สองกรณดี ังกลา่ วในสัญญา
มไิ ดก้ �ำ หนดใหโ้ รงเรยี นนครไทยตอ้ งบอกกลา่ วลว่ งหนา้ ใหผ้ รู้ บั จา้ งทราบเปน็ หนงั สอื แตอ่ ยา่ งใด ฉะนน้ั
การบอกเลกิ สัญญาของโรงเรียนนครไทยจึงเปน็ การชอบแล้ว.
202 อัยการนเิ ทศ
คำ�วนิ ิจฉัยท่ี ๑๐/๒๕๕๓
เรอื่ ง การเบิกเงนิ คา่ อาหารเสรมิ (นม) โรงเรียน
กฎหมาย ระเบยี บ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๓๖๖ วรรคสอง และ
มาตรา ๔๘๖, ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยการพัสดขุ อง
หน่วยการบริหารราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๔
หนว่ ยงานทห่ี ารอื จงั หวดั นครสวรรค์
การทเี่ ทศบาลต�ำ บล ก. ผซู้ อ้ื ไดด้ �ำ เนนิ การจดั ซอื้ อาหารเสรมิ (นม) โรงเรยี นจากวทิ ยาลยั ก.
ผู้ขาย ด้วยวิธีตกลงราคา และผู้ขายได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงซ้ือขายและได้นำ�อาหารเสริม
(นม) มาส่งมอบให้แก่ผู้ซ้ือและมีการรับมอบไว้แล้ว ดังนี้ ถึงแม้ผู้ซื้อจะยังมิได้ลงนามในบันทึก
ข้อตกลงซ้ือขายดังกล่าว แต่พฤติการณ์ย่อมเป็นท่ีชัดเจนว่า ได้มีค�ำ เสนอและค�ำ สนองระหว่าง
คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว รวมท้ังได้มีการปฏิบัติตามคำ�เสนอสนองน้ันแล้วด้วย กรณีจึง
ไม่มีข้อสงสยั ตามนยั มาตรา ๓๖๖ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทจี่ ะถอื ว่า
ยงั มไิ ดม้ สี ญั ญาตอ่ กนั สญั ญาซอื้ ขายในกรณนี จี้ งึ เกดิ ขนึ้ แลว้ และผซู้ อ้ื ยอ่ มมคี วามผกู พนั ตามนยั
มาตรา ๔๘๖ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยท์ จ่ี ะตอ้ งใชร้ าคาใหแ้ กผ่ ขู้ าย ทง้ั นเ้ี ฉพาะใน
สว่ นทผี่ ขู้ ายส่งมอบถกู ตอ้ งตามสัญญา
สว่ นปญั หาวา่ เทศบาลตำ�บล ก. ผู้ซื้อจะเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย
การพสั ดขุ องหนว่ ยการบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๓๕ ทแี่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ไดห้ รอื ไมน่ นั้ เปน็
ปญั หาเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บฯ ดงั กลา่ ว ซงึ่ ในขอ้ ๔ กำ�หนดใหป้ ลดั กระทรวงมหาดไทย
เป็นผู้มีอำ�นาจตีความวินิจฉัยปัญหา จังหวัดนครสวรรค์จึงควรหารือปลัดกระทรวงมหาดไทย
โดยตรง
ข้อเท็จจรงิ และปัญหา
เทศบาลต�ำ บลเกา้ เลยี้ ว ไดจ้ ดั ซอ้ื อาหารเสรมิ (นม) โรงเรยี นจากวทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี
นครสวรรคด์ ว้ ยวธิ ตี กลงราคา การซอ้ื อาหารเสรมิ (นม) ดงั กลา่ ว ไดม้ กี ารจดั ท�ำ บนั ทกึ ขอ้ ตกลงซอ้ื ขาย
โดยมีฝ่ายผู้ขายลงนามแต่ฝ่ายเดียว ผู้ซื้อยังมิได้ลงนาม และผู้ขายได้นำ�อาหารเสริม (นม) มาส่ง
มอบให้แก่โรงเรียนทีเ่ ทศบาลต�ำ บลเก้าเล้ียวจัดซอื้ อาหารเสรมิ (นม) ให้ เทศบาลตำ�บลเกา้ เลย้ี วได้
ให้ครูโรงเรียนนั้น ๆ ทำ�การตรวจรับว่าครบตามจ�ำ นวนในใบส่งของและใบแจ้งหนี้ แต่การรับมอบ
อาหารเสรมิ (นม) นั้นไมไ่ ดแ้ ตง่ ต้งั คณะกรรมการตรวจรับตามระเบยี บของทางราชการ จึงขอหารือ
ว่าสัญญาซ้ือขายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนระหว่างวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรค์กับ
เทศบาลต�ำ บลเกา้ เลี้ยวเกดิ ขน้ึ ตามกฎหมายแลว้ หรือไม่ และเทศบาลต�ำ บลเก้าเลย้ี วมภี าระผกู พันที่
จะต้องชำ�ระราคาหรือไม่ อย่างไร และหากเทศบาลตำ�บลเก้าเล้ียวมีภาระผูกพันจะต้องชำ�ระราคา
อัยการนิเทศ 203
เทศบาลตำ�บลเก้าเลี้ยวจะเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการ
บริหารราชการสว่ นทอ้ งถิน่ พ.ศ. ๒๕๓๕.
ค�ำ วินจิ ฉัย
เม่ือข้อเท็จจริงได้ความว่า เทศบาลตำ�บลเก้าเลี้ยวได้ดำ�เนินการจัดซื้ออาหารเสริม (นม)
โรงเรียนจากวทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรคด์ ว้ ยวธิ ีตกลงราคา จนกระทัง่ ฝ่ายผ้ขู ายไดล้ ง
นามในบันทึกข้อตกลงซื้อขายและได้น�ำ อาหารเสริม (นม) มาส่งมอบให้แก่เทศบาลต�ำ บลเก้าเล้ียว
โดยเทศบาลต�ำ บลเก้าเลี้ยวก็ได้ให้ครูรับมอบไว้แล้ว ดังน้ี ถึงแม้ฝ่ายผู้ซื้อคือเทศบาลต�ำ บลเก้าเลี้ยว
จะยังมิไดล้ งนามในบนั ทกึ ข้อตกลงซ้อื ขายดงั กล่าว แต่พฤตกิ ารณย์ ่อมเป็นท่ชี ดั เจนวา่ ไดม้ ีคำ�เสนอ
และค�ำ สนองระหวา่ งคสู่ ญั ญาทงั้ สองฝา่ ยเกดิ ขนึ้ แลว้ รวมทง้ั ไดม้ กี ารปฏบิ ตั ติ ามค�ำ เสนอสนองนนั้ แลว้
ด้วย กรณีจึงไม่มีข้อสงสัยตามนัยมาตรา ๓๖๖ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ทีจ่ ะถอื วา่ ยงั มิได้มีสญั ญาตอ่ กนั สัญญาซอ้ื ขายในกรณีนจ้ี งึ เกดิ ขนึ้ แลว้ และเทศบาลต�ำ บลเกา้ เล้ยี ว
ย่อมมีความผกู พนั ตามนัยมาตรา ๔๘๖ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ท่จี ะต้องใช้ราคาให้
แก่ผู้ขาย ทั้งนี้เฉพาะในสว่ นท่ีผขู้ ายส่งมอบถูกตอ้ งตามสัญญา
ส่วนปัญหาว่าเทศบาลตำ�บลเก้าเลี้ยวจะเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย
การพัสดุของหน่วยการบรหิ ารราชการสว่ นท้องถ่นิ พ.ศ. ๒๕๓๕ ทแี่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ไดห้ รือไม่นัน้ เป็น
ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุฯ ดังกล่าว ซ่ึงในข้อ ๔
กำ�หนดให้ปลดั กระทรวงมหาดไทยเปน็ ผูม้ ีอ�ำ นาจตีความวินจิ ฉยั ปญั หา จึงชอบทีจ่ ังหวดั นครสวรรค์
จะหารือปลัดกระทรวงมหาดไทยโดยตรง.
204 อัยการนิเทศ
ค�ำ วนิ จิ ฉยั ที่ ๑๒/๒๕๕๔
เร่อื ง ก�ำ หนดระยะเวลาเร่มิ ตน้ และแล้วเสรจ็ ตามสัญญาจา้ งกอ่ สรา้ ง
กฎหมาย ระเบยี บ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๘
หน่วยงานทีห่ ารอื เทศบาลตำ�บลเมอื งเกา่
ตามสญั ญาจา้ งกอ่ สรา้ งโครงการก่อสรา้ งศนู ยก์ ารเรียนรู้ ขอ้ ๗ ข. ได้กำ�หนดเวลาเริ่มต้น
ทำ�งานและแล้วเสร็จของงานเป็นสองกรณี โดยกรณีแรกกำ�หนดให้ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำ�งาน
ท่ีรับจ้างภายในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และจะต้องทำ�งานให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน
วันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ หรอื กรณที ี่ ๒ ผ้รู ับจา้ งต้องเร่ิมทำ�งานหลงั จากท่ผี ้รู ับจา้ งโครงการ
ถมดินปรับระดับได้ส่งมอบงานและตรวจรับเปน็ ท่เี รยี บร้อยแล้ว และจะต้องทำ�งานให้แล้วเสรจ็
สมบรู ณภ์ ายใน ๑๘๐ วนั หลงั จากทส่ี ง่ มอบพนื้ ทก่ี อ่ สรา้ งได้ เมอื่ ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ กอ่ นหนา้ ที่
เทศบาลต�ำ บล ม. ผู้วา่ จา้ งจะลงนามในสัญญาจ้างก่อสรา้ งดงั กล่าว ผ้วู ่าจ้างไดล้ งนามในสญั ญา
จา้ งถมดินบนพ้ืนทท่ี ี่จะกอ่ สร้างโครงการดงั กล่าว และได้ตรวจรับงานและสง่ มอบพ้ืนท่ีโครงการ
ให้ผ้รู บั จา้ งเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ซ่ึงเป็นระยะเวลาภายหลงั วันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ตามมาตรา ๓๖๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญตั ิให้ตคี วามสัญญาไปตามความ
ประสงค์ในทางสุจริต โดยพิเคราะหถ์ ึงปกติประเพณดี ว้ ย ดงั นั้น กำ�หนดเวลาท่ผี รู้ บั จ้างตอ้ งเร่ิม
ตน้ ท�ำ งานและก�ำ หนดระยะเวลาแลว้ เสรจ็ ของงานจงึ เป็นไปตามสัญญาจ้างขอ้ ๗ ข. กรณีท่ี ๒
โดยผ้รู บั จา้ งตอ้ งเร่มิ งานในวันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ อันเปน็ วนั ท่สี ง่ มอบพ้นื ท่ีกอ่ สร้างได้
ขอ้ เท็จจริงและปญั หา
เทศบาลตำ�บลเมืองเก่าได้ทำ�สัญญาก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้เทศบาลเมืองเก่า โดยสัญญา
จ้างก่อสร้างเลขที่ ๗/๒๕๕๓ ข้อ ๗ ข. ได้กำ�หนดเวลาแล้วเสร็จและสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอก
เลิกสัญญาไว้ว่า ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำ�งานที่รับจ้างภายในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และจะต้อง
ท�ำ งานใหแ้ ลว้ เสรจ็ สมบรู ณภ์ ายในวนั ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓ หรอื ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเรม่ิ ท�ำ งานทร่ี บั จา้ ง
หลังจากท่ีผู้รับจ้างโครงการถมดินปรับระดับได้ส่งมอบงานและตรวจรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ
จะต้องทำ�งานให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน ๑๘๐ วัน หลังจากท่ีส่งมอบพ้ืนท่ีก่อสร้างได้ เทศบาล
ตำ�บลเมืองเกา่ จึงขอหารือวา่
เทศบาลตำ�บลเมืองเก่าจะต้องยึดกำ�หนดระยะเวลาใดเป็นเวลาเริ่มต้นทำ�งานและระยะ
เวลาแลว้ เสรจ็ ของงานทร่ี บั จา้ งของโครงการกอ่ สรา้ งศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ทศบาลตำ�บลเมอื งเกา่ ระหวา่ ง
ก�ำ หนดเวลา “ผรู้ บั จา้ งตอ้ งเรมิ่ ท�ำ งานทร่ี บั จา้ งภายในวนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และจะตอ้ งท�ำ งาน
ใหแ้ ล้วเสรจ็ สมบรู ณภ์ ายในวันที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓” หรอื “ผู้รับจ้างต้องเร่มิ ทำ�งานทร่ี ับจา้ ง
หลงั จากทผ่ี ูร้ บั จ้างโครงการถมดนิ ปรับระดบั ได้ส่งมอบงานและตรวจรบั เป็นท่เี รียบร้อยแลว้ และจะ
อยั การนเิ ทศ 205
ตอ้ งท�ำ งานใหแ้ ลว้ เสรจ็ สมบรู ณภ์ ายใน ๑๘๐ วนั หลงั จากทสี่ ง่ มอบพน้ื ทกี่ อ่ สรา้ งได”้ และเมอ่ื เทศบาล
ตำ�บลเมืองเก่าส่งมอบพ้ืนที่โครงการก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้เทศบาลตำ�บลเมืองเก่าให้ผู้รับจ้าง
ในวันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ และก�ำ หนดเวลาท�ำ งานให้แลว้ เสร็จของโครงการดงั กลา่ วจะต้องแล้ว
เสรจ็ ภายใน ๑๘๐ วนั หลงั จากทส่ี ง่ มอบพน้ื ทใ่ี ห้ผรู้ บั จา้ ง ดงั นี้ เทศบาลต�ำ บลเมอื งเกา่ จะนับก�ำ หนด
เวลาเรม่ิ ทำ�งานท่ีรับจ้างในวันท่สี ง่ มอบพ้นื ท่ใี หผ้ รู้ ับจ้างตง้ั แต่วนั ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ใช่หรือไม่
ค�ำ วนิ ิจฉยั
สำ�นักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว เห็นว่า ตามมาตรา ๓๖๘ แห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้ตีความสัญญาไปตามความประสงค์ในทางสุจริต โดยพิเคราะห์ถึงปกติ
ประเพณดี ้วย ตามสญั ญาจ้างก่อสรา้ งโครงการก่อสรา้ งศูนยก์ ารเรยี นรู้เทศบาลตำ�บลเมืองเกา่ ฉบับ
ลงวนั ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ขอ้ ๗ ข. ได้กำ�หนดเวลาเรม่ิ ต้นท�ำ งานและแล้วเสรจ็ ของงานเป็น
สองกรณี โดยกรณแี รกก�ำ หนดใหผ้ รู้ บั จา้ งตอ้ งเรมิ่ ท�ำ งานทรี่ บั จา้ งภายในวนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
และจะตอ้ งท�ำ งานให้แลว้ เสรจ็ สมบูรณ์ภายในวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ หรอื กรณที ี่ ๒ ผู้รบั จา้ ง
ตอ้ งเรม่ิ ท�ำ งานหลงั จากทผ่ี รู้ บั จา้ งโครงการถมดนิ ปรบั ระดบั ไดส้ ง่ มอบงานและตรวจรบั เปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ย
แล้ว และจะต้องท�ำ งานใหแ้ ล้วเสรจ็ สมบรู ณ์ภายใน ๑๘๐ วนั หลงั จากทีส่ ่งมอบพ้ืนที่กอ่ สรา้ งได้ เม่ือ
ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ก่อนหน้าท่ีเทศบาลตำ�บลเมืองเก่าจะลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการ
ก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ เทศบาลตำ�บลเมืองเก่าได้ลงนามในสัญญาจ้างถมดินบนพื้นที่ที่จะก่อสร้าง
โครงการดังกล่าว และได้ตรวจรับงานและส่งมอบพ้ืนท่ีโครงการให้ผู้รับจ้างเม่ือวันท่ี ๘ กรกฎาคม
๒๕๕๓ ซ่งึ เปน็ ระยะเวลาภายหลงั วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ดังนัน้ ก�ำ หนดเวลาทีผ่ ู้รับจ้างต้อง
เรม่ิ ต้นท�ำ งานและก�ำ หนดระยะเวลาแลว้ เสรจ็ ของงานจงึ เป็นไปตามสญั ญาจา้ งข้อ ๗ ข. กรณีท่ี ๒
โดยผูร้ บั จา้ งต้องเริม่ งานในวันท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ อนั เปน็ วันทสี่ ง่ มอบพ้ืนทก่ี ่อสร้างได้.
206 อยั การนเิ ทศ
คำ�วนิ ิจฉัยท่ี ๓๕/๒๕๕๓
เรอื่ ง ค่าปรับตามสัญญาซอ้ื ขายเคร่ืองบนิ EMBRAER รนุ่ EMB ๑๓๕ LR
กฎหมาย ระเบยี บ ระเบียบสำ�นักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ขอ้ ๑๓๔
หนว่ ยงานทีห่ ารือ กองทัพเรือ
วัตถุประสงค์แห่งสัญญาซ้ือขายและราคาตามสัญญาซ้ือขายเคร่ืองบิน EMBRAER
สัญญาเลขที่ SB. ๑/๒๕๕๐ ลงวนั ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๐ กำ�หนดความหมายคำ�วา่ “เครือ่ งบนิ ”
อนั เปน็ สง่ิ ของตามสัญญาข้อ ๔ วา่ มิใชเ่ ปน็ การซอ้ื ขายเฉพาะตัวเครอื่ งบนิ EMBRAER เทา่ น้นั
แตเ่ ปน็ การซอ้ื ขายทรี่ วมถงึ อะไหลแ่ ละอปุ กรณส์ นบั สนนุ ภาคพนื้ ดนิ การสนบั สนนุ การซอ่ มบ�ำ รงุ
รวมท้ังข้อมูล คู่มือ องค์ความรู้ด้านเทคนิคและการฝึกบินจากผู้ขาย และข้อตกลงอันเกี่ยวกับ
การปรับกรณีส่งมอบส่ิงของหรือเครื่องบินตามสัญญาล่าช้าตามสัญญาข้อ ๖.๑.๑ กำ�หนดให้
ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งคา่ เสยี หายจากผขู้ ายไดอ้ ตั รารอ้ ยละ ๐.๐๕ (ศนู ยจ์ ดุ ศนู ยห์ า้ ) ตอ่ วนั จากราคา
เครอื่ งบนิ จนถงึ วนั ทเี่ ครอ่ื งบนิ พรอ้ มสำ�หรบั การตรวจสอบและการตรวจรบั มอบ และการสง่ มอบ
ให้แก่ผู้ซ้ือต่อไปโดยสอดคล้องกับสัญญาน้ี การส่งมอบล่าช้าตามสัญญาข้อ ๖.๑.๑ จึงย่อม
หมายถงึ การสง่ มอบอะไหลแ่ ละอปุ กรณต์ ามรายการตา่ ง ๆ ในสญั ญาทกี่ ำ�หนดสง่ มอบในตาราง
ส่งมอบ เอกสารผนวก ๗ ตามสญั ญาขอ้ ๖.๑ ล่าชา้ กวา่ ทกี่ �ำ หนดดว้ ย กองทพั ร. ผ้ซู ้อื จึงมสี ทิ ธิ
ปรบั ในอัตรารอ้ ยละ ๐.๐๕ ต่อวันจากราคาเคร่อื งบินหรืออกี นัยหน่ึงคอื ราคาท้งั หมดตามสัญญา
และกเ็ ปน็ การสอดคลอ้ งกนั กบั เอกสารประกาศเชญิ ชวนเสนอราคาเครอ่ื งบนิ ล�ำ เลยี งขนาดกลาง
เลขที่ ๑/๒๕๕๐ ลงวนั ท่ี ๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๐ ขอ้ ๘ ท่ีก�ำ หนดใหป้ รับเปน็ รายวันเปน็ จ�ำ นวน
ตายตัวในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาตามสัญญาซื้อขาย และกรณีนี้มิใช่การการปรับโดย
การจัดหาส่ิงของท่ีประกอบกันเป็นชุดตามนัยระเบียบสำ�นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๔
ขอ้ เทจ็ จรงิ และปัญหา
กองทพั เรือได้ทำ�สัญญาซ้ือขายเครอ่ื งบิน EMBRAER รุน่ EMB ๑๓๕ LR จ�ำ นวน ๑ เคร่ือง
พร้อมอปุ กรณ์มาตรฐาน อุปกรณเ์ สริม การสนบั สนุน การสง่ ก�ำ ลังบ�ำ รงุ รวมอะไหล่ และอปุ กรณ์
สนบั สนนุ ภาคพ้ืนดนิ การบินทดสอบเพ่ือการตรวจรับ การประกนั ภยั และการบนิ ส่งมอบ กับบริษัท
แอมเบรย์-เอมเปรซา บราซิเลรา เด ไอ โรนอติก้า เอส.เอ. จำ�กัด (บริษัทฯ) ตามสัญญาซื้อขาย
เครอ่ื งบิน เลขท่ี SB. ๑/๒๕๕๐ ลงวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๕๐ กำ�หนดส่งมอบภายใน ๔๗๐ วนั
นับถัดจากวนั ลงนามในสัญญา (ภายในวนั ท่ี ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๕๑) ตอ่ มาบริษัทฯ ผูข้ ายได้สง่ มอบ
เคร่ืองบินพร้อมอะไหล่และอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นดิน (บางรายการ) ให้แก่กองทัพเรือภายใน
ก�ำ หนดเวลาตามสญั ญา แตม่ อี ะไหลแ่ ละอปุ กรณส์ นบั สนนุ ภาคพน้ื ดนิ หลายรายการสง่ มอบลา่ ชา้ กวา่
อัยการนเิ ทศ 207
ทกี่ �ำ หนดในสญั ญา ซงึ่ บรษิ ทั ฯ ไดส้ ง่ มอบครบถว้ นตามสญั ญาเมอ่ื วนั ที่ ๒๐ มนี าคม ๒๕๕๒ ลา่ ชา้ กวา่
ทก่ี �ำ หนดในสญั ญารวม ๘๔ วนั กองทพั เรอื จงึ ขอหารอื วา่ การค�ำ นวณคา่ ปรบั จากการสง่ มอบสง่ิ ของ
ลา่ ชา้ ดงั กลา่ ว กองทพั เรอื จะตอ้ งคำ�นวณคา่ ปรบั ตามสญั ญา ขอ้ ๖.๑.๑ จากราคารายการอะไหล่ และ
อปุ กรณส์ นบั สนนุ ภาคพนื้ ดนิ ทส่ี ง่ มอบลา่ ชา้ หรอื ค�ำ นวณคา่ ปรบั จากราคาทงั้ หมดตามสญั ญาซอ้ื ขาย
ทั้งน้ีโดยกองทัพเรือพิจารณาเห็นว่า ส่ิงของท่ีส่งมอบล่าช้ามิได้เป็นส่ิงของที่ประกอบกันเป็นชุดกับ
ตัวเคร่อื งบนิ ตามนัยระเบียบส�ำ นกั นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๔
ค�ำ วนิ จิ ฉัย
สำ�นักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว เห็นว่า สัญญาซื้อขายเครื่องบิน EMBRAER สัญญา
เลขที่ SB. ๑/๒๕๕๐ ลงวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๕๐ วตั ถปุ ระสงค์แห่งสญั ญาซื้อขายและราคาตาม
สญั ญาซ้อื ขาย มิใช่การซอื้ ขายเฉพาะตวั เครอื่ งบิน EMBRAER เทา่ นัน้ แต่เป็นการซื้อขายทรี่ วมถึง
อะไหลแ่ ละอปุ กรณส์ นบั สนนุ ภาคพนื้ ดนิ การสนบั สนนุ การซอ่ มบ�ำ รงุ รวมทงั้ ขอ้ มลู คมู่ อื องคค์ วามรู้
ด้านเทคนิคและการฝึกบินจากผู้ขาย ตามความหมายค�ำ วา่ “เครือ่ งบิน” อนั เป็นส่งิ ของตามสัญญา
ข้อ ๔ และเม่ือพิจารณาข้อตกลงอันเก่ียวกับการปรับกรณีส่งมอบส่ิงของหรือเคร่ืองบินตามสัญญา
ล่าช้าตามสัญญาข้อ ๖.๑.๑ ท่ีระบุว่า “...ผู้ซ้ือมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขายได้อัตราร้อยละ
๐.๐๕ (ศูนย์จุดศูนย์ห้า) ต่อวันจากราคาเคร่ืองบินจนถึงวันที่เคร่ืองบินพร้อมส�ำ หรับการตรวจสอบ
และการตรวจรับมอบ และการส่งมอบให้แก่ผู้ซ้ือต่อไปโดยสอดคล้องกับสัญญาน้ี...” การส่งมอบ
ล่าช้าตามสัญญาขอ้ ๖.๑.๑ จึงยอ่ มหมายถึง การสง่ มอบอะไหลแ่ ละอปุ กรณ์ตามรายการตา่ ง ๆ ใน
สญั ญาทกี่ �ำ หนดสง่ มอบในตารางสง่ มอบ เอกสารผนวก ๗ ตามสญั ญาขอ้ ๖.๑ ลา่ ชา้ กวา่ ทกี่ �ำ หนดดว้ ย
ซ่ึงกองทัพเรือผู้ซื้อก็มีสิทธิปรับในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ต่อวันจากราคาเครื่องบินหรืออีกนัยหนึ่งคือ
ราคาท้งั หมดตามสัญญา และกเ็ ปน็ การสอดคล้องกันกบั เอกสารประกาศเชญิ ชวนเสนอราคาเคร่ือง
บนิ ลำ�เลยี งขนาดกลาง เลขที่ ๑/๒๕๕๐ ลงวันท ่ี ๗ มิถุนายน ๒๕๕๐ ข้อ ๘ ทกี่ ำ�หนดให้ปรบั เป็น
รายวันเปน็ จ�ำ นวนตายตัวในอัตราร้อยละ ๐.๐๕ ของราคาตามสัญญาซอื้ ขาย
ส�ำ หรับการท่กี องทัพเรอื จะพจิ ารณาว่าการปรบั จะเปน็ ไปตามระเบียบส�ำ นักนายกรฐั มนตรี
วา่ ด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๔ ซ่ึงเปน็ กรณกี ารปรบั โดยการจัดหาสิง่ ของทีป่ ระกอบกนั เปน็
ชดุ หรอื ไมน่ น้ั เหน็ วา่ สญั ญาซอ้ื ขายมไิ ดม้ กี ารก�ำ หนดการปรบั ในลกั ษณะดงั กลา่ วไวแ้ ตอ่ ยา่ งใด จงึ ไม่
อาจนำ�ข้อความในระเบยี บฯ ดังกล่าวมาใชต้ ีความสญั ญาได้.
208 อยั การนิเทศ
คำ�วินจิ ฉยั ที่ ๑๙/๒๕๕๓
เรอื่ ง คา่ ฤชาธรรมเนยี มในการฟอ้ งคดี
กฎหมาย ระเบียบ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยคณะกรรมการการ
เลอื กต้งั พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๖
พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยคณะกรรมการการ
เลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๑ วรรคแรก
พระราชบญั ญัติการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาทอ้ งถิน่ หรือผบู้ ริหารท้องถ่นิ
พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๙๙
หนว่ ยงานทห่ี ารือ องคก์ ารบริหารส่วนต�ำ บลโซ่
ในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังเห็นว่า ผู้ใดกระทำ�ความผิดตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซ่ึงสมาชิกวุฒิสภา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
พรรคการเมอื ง พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการออกเสยี งประชามตหิ รอื กฎหมาย
ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ิน ให้มีอำ�นาจแจ้งพนักงานฝ่าย
ปกครองหรอื ตำ�รวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพือ่ ด�ำ เนินการสืบสวน หรอื
แจ้งพนักงานสอบสวน เพื่อดำ�เนินการสอบสวนและให้มีอำ�นาจฟ้องคดีต่อศาลทั้งในทางแพ่ง
ทางอาญาหรอื ทางปกครอง โดยให้ถอื ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้เสียหายตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่นและให้ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมท้ังปวง
ตามนัยมาตรา ๒๑ วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ
การเลอื กตงั้ พ.ศ. ๒๕๕๐ ดงั นนั้ กรณที ค่ี ณะกรรมการการเลอื กตง้ั ไดม้ อบอำ�นาจใหป้ ลดั องคก์ าร
บรหิ ารส่วนตำ�บล ซ. หรือหัวหน้าพนกั งานส่วนท้องถ่ินขององค์การบรหิ ารส่วนต�ำ บล ซ. เป็น
ผฟู้ อ้ งคดเี รยี กคา่ เสยี หายตามมาตรา ๙๙ แหง่ พระราชบญั ญตั กิ ารเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ หรอื
ผู้บรหิ ารทอ้ งถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๕ ตอ่ ศาลแทนคณะกรรมการการเลอื กต้งั จงึ ย่อมได้รบั การยกเวน้
ค่าฤชาธรรมเนยี มในการฟ้องคดดี ว้ ย
ขอ้ เท็จจรงิ และปัญหา
องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำ บลโซไ่ ดร้ ับมอบอ�ำ นาจให้ฟอ้ งคดีต่อศาลเพื่อเรียกคา่ เสียหายในการ
จัดการเลอื กตงั้ ใหมจ่ ากผูถ้ ูกเพกิ ถอนสิทธิการเลือกตง้ั ราย นายวีระเดช โสภา (ชื่อเดิม นายสงั วาลย์
โสภา) ผู้สมคั รรับเลือกต้งั นายกองค์การบริหารสว่ นตำ�บลโซ่ อ�ำ เภอโซพ่ ิสัย จงั หวัดหนองคาย แทน
คณะกรรมการการเลือกต้ังตามมาตรา ๙๙ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ิน
หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงขอหารือว่าองค์การบริหารส่วนตำ�บลโซ่จะได้รับยกเว้น
อยั การนิเทศ 209
ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
คณะกรรมการการเลอื กต้ัง พ.ศ. ๒๕๔๑ หรอื ไม่
คำ�วนิ ิจฉัย
ส�ำ นกั งานอยั การสูงสุดได้พิจารณาแลว้ เหน็ วา่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ย
คณะกรรมการการเลอื กต้งั พ.ศ. ๒๕๔๑ ตามที่หารอื นน้ั ไดถ้ ูกยกเลกิ ไปแลว้ และพระราชบัญญตั ิ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกต้ัง พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ได้
บัญญัติในมาตรา ๒๑ วรรคแรก วา่ ในกรณที คี่ ณะกรรมการการเลือกตง้ั เห็นวา่ ผใู้ ดกระท�ำ ความผิด
ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั
สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและการไดม้ าซงึ่ สมาชกิ วฒุ สิ ภา พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย
พรรคการเมือง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติหรือกฎหมาย
ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ิน ให้มีอำ�นาจแจ้งพนักงานฝ่ายปกครอง
หรือต�ำ รวจตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญาเพ่อื ดำ�เนินการสืบสวน หรือแจง้ พนกั งาน
สอบสวนเพื่อดำ�เนินการสอบสวนและให้มีอำ�นาจฟ้องคดีต่อศาลท้ังในทางแพ่งทางอาญาหรือทาง
ปกครอง โดยให้ถือว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาและกฎหมายอนื่ และใหไ้ ดร้ บั ยกเวน้ คา่ ฤชาธรรมเนยี มทง้ั ปวง ดงั นน้ั กรณที คี่ ณะกรรมการ
การเลือกต้ังได้มอบอำ�นาจให้ปลัดองค์การบริหารส่วนตำ�บลโซ่ หรือหัวหน้าพนักงานส่วนท้องถิ่น
ขององค์การบริหารสว่ นตำ�บลโซ่ เป็นผู้ฟอ้ งคดเี รียกค่าเสยี หายตามมาตรา ๙๙ แหง่ พระราชบัญญัติ
การเลือกตง้ั สมาชกิ สภาท้องถิ่นหรอื ผู้บริหารทอ้ งถ่นิ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตอ่ ศาลแทนคณะกรรมการการ
เลือกตัง้ จึงยอ่ มได้รับการยกเว้น ค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดดี ้วย.
210 อยั การนิเทศ
คำ�วนิ ิจฉยั ที่ ๗/๒๕๕๔
เรอ่ื ง ค�ำ สง่ั อายดั ตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลรษั ฎากร
กฎหมาย ระเบยี บ ประมวลรษั ฎากร มาตรา ๑๒
หนว่ ยงานท่ีหารือ การเคหะแหง่ ชาติ
ค�ำ สั่งอายดั ตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลรษั ฎากรเปน็ การอายดั “เงิน” ท่ี หา้ งหนุ้ สว่ น
จำ�กัด ช. ผูร้ ับจา้ ง นำ�มาวางไว้เป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสญั ญา มใิ ช่อายัดสทิ ธเิ รียกร้อง
ของผ้รู บั จา้ งในการเรียกคืนเงินจ�ำ นวนดังกล่าว ดงั น้นั ผู้ว่าจา้ งซ่งึ เปน็ หนว่ ยงานท่ถี กู แจ้งอายัด
จงึ มหี นา้ ทตี่ อ้ งสง่ มอบเงนิ จ�ำ นวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท (สแี่ สนหา้ หมน่ื บาทถว้ น) ใหแ้ กก่ รมสรรพากร
ภายในระยะเวลาท่กี �ำ หนดไว้ในคำ�สง่ั อายัด
ขอ้ เท็จจรงิ และปญั หา
การเคหะแห่งชาติได้ทำ�สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างอาคาร ศูนย์ชุมชน ในโครงการบ้าน
เออ้ื อาทรรงั สติ คลอง ๒ กบั หา้ งหนุ้ สว่ นจ�ำ กดั ชวนรกั ษ์ โดยผรู้ บั จา้ งไดว้ างหลกั ประกนั การปฏบิ ตั ติ าม
สญั ญาจ้างเป็นเงนิ สด จำ�นวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ซึง่ ผวู้ า่ จา้ งจะคนื หลักประกนั ใหเ้ มอื่ ผู้รบั จา้ งพน้ จาก
ข้อผกู พันตามสญั ญา ระหว่างอายสุ ญั ญาจ้าง สรรพากรพ้ืนทกี่ รงุ เทพมหานคร ๑๘ มคี �ำ ส่ังอายัดเงิน
ท่ีห้างหนุ้ ส่วนจ�ำ กัด ชวนรักษ์ น�ำ มาคา้ํ ประกันหรือน�ำ มาวางเปน็ หลักประกนั การปฏิบตั ติ ามสญั ญา
รวมท้ังสิทธิเรียกร้องในสัญญาจ้างท่ีห้างหุ้นส่วนจ�ำ กัด ชวนรักษ์ จะได้รับจากการเคหะแห่งชาติ
ตามสัญญาน้ี เป็นจำ�นวนเงิน ๓,๕๘๒,๐๖๒ บาท เพ่อื ช�ำ ระคา่ ภาษีอากรค้างของห้างหุ้นสว่ นจ�ำ กัด
ชวนรักษ์ โดยใหน้ ำ�ส่งภายใน ๗ วนั หรอื คัดคา้ นภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รบั ค�ำ สั่งน้ี การเคหะ
แหง่ ชาตโิ ตแ้ ยง้ วา่ ไมส่ ามารถน�ำ สง่ เงนิ ประกนั ใหส้ รรพากรได้ เนอ่ื งจากยงั ไมค่ รบก�ำ หนดการประกนั
ผลงานตามสัญญาท่ีผู้รับจ้างจะมีสิทธิรับหลักประกันคืนได้ ภายหลังครบกำ�หนดตามสัญญาจ้าง
หา้ งหนุ้ สว่ นจ�ำ กดั ชวนรกั ษ์ ไมส่ ามารถกอ่ สรา้ งใหแ้ ลว้ เสรจ็ ตามสญั ญา การเคหะแหง่ ชาตจิ งึ บอกเลกิ
สญั ญา พรอ้ มทง้ั ใชส้ ทิ ธริ บิ หลกั ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญา ตอ่ มาสรรพากรพนื้ ทก่ี รงุ เทพมหานคร
๑๘ ไดม้ หี นงั สอื ยนื ยนั ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามค�ำ สง่ั อายดั ทรพั ยส์ นิ ท่ี สภ.๒/๖๗๗๕/๒๕๕๑ ลงวนั ที่ ๘ กนั ยายน
๒๕๕๑ และขอใหน้ �ำ สง่ เงนิ คา้ํ ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาจา้ งตามหมายอายดั ดงั กลา่ วใหส้ รรพากร
การเคหะแห่งชาติ จงึ หารือว่า กรณีดงั กล่าวการเคหะแห่งชาติต้องปฏบิ ตั ติ ามค�ำ สัง่ อายดั และน�ำ สง่
เงินคาํ้ ประกนั ให้สรรพากรหรือไม่ ประการใด
คำ�วนิ จิ ฉยั
ส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ค�ำ สง่ั อายดั ตามมาตรา ๑๒ แหง่ ประมวลรษั ฎากร
ท่ี สภ.๒/๖๗๗๕/๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๑ เปน็ การอายดั “เงิน” ทีห่ ้างหุ้นส่วนจำ�กัด
อยั การนิเทศ 211
ชวนรักษ์ ผู้รับจ้าง นำ�มาวางไว้เป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา มิใช่อายัดสิทธิเรียกร้องของ
ผรู้ บั จา้ งในการเรยี กคนื เงนิ จ�ำ นวนดงั กลา่ ว ดงั นนั้ การเคหะแหง่ ชาตซิ ง่ึ เปน็ หนว่ ยงานทถ่ี กู แจง้ อายดั
จึงมหี น้าท่ีตอ้ งสง่ มอบเงินจ�ำ นวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท (สีแ่ สนห้าหมื่นบาทถว้ น) ใหแ้ กก่ รมสรรพากร
ภายในระยะเวลาท่ีกำ�หนดไวใ้ นคำ�สั่งอายดั .
212 อัยการนิเทศ
ค�ำ วินจิ ฉยั ที่ ๓๗/๒๕๕๓
เร่ือง ตง้ั กรรมการสอบสวนทางวนิ ยั ตามฐานความผดิ ทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช.
ไดม้ มี ตชิ ้มี ลู ความผิดทางอาญาไว้แลว้
กฎหมาย ระเบยี บ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๒ และ มาตรา ๙๓
พระราชบญั ญตั ิองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๗๙
หน่วยงานท่ีหารือ จงั หวดั มหาสารคาม
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ.๒๕๔๒มาตรา๙๐มาตรา๙๒และมาตรา๙๓บญั ญตั ไิ วช้ ดั แจง้ วา่ เมอื่ คณะกรรมการป.ป.ช.มี
มตติ ามขอ้ กลา่ วหาวา่ มมี ลู ความผดิ กรณถี า้ มมี ลู ความผดิ ทางวนิ ยั ใหด้ ำ�เนนิ ตามมาตรา ๙๒ คอื ให้
สง่ รายงานและเอกสารพรอ้ มความเหน็ ไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชาหรอื ผมู้ อี �ำ นาจแตง่ ตงั้ ถอดถอน แลว้ ให้
ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำ�นาจแต่งต้ังถอดถอนพิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดท่ี
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ มี ตโิ ดยไมต่ อ้ งแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อกี โดยใหถ้ อื รายงาน
เอกสารและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำ�นวนการสอบสวนทางวินัยของ
คณะกรรมการสอบสวนวินยั ดงั นนั้ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมตชิ ม้ี ูลความผดิ ทางอาญา
นาย ย. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดั ม. และไดส้ ง่ สำ�นวนพร้อมความเห็นให้ผูว้ ่าราชการ
จังหวัด ม. ซ่ึงเป็นผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำ�นาจแต่งต้ังถอดถอนพิจารณาโทษทางวินัยตามนัย
มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๓ แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัด ม. จึงไม่มีอำ�นาจ
ที่จะแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยอีก การท่ีผู้ว่าราชการจังหวัด ม. มีคำ�สั่งแต่งต้ัง
คณะกรรมการสอบสวนวินัยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๔๒ สว่ นกรณีการแต่งตงั้ คณะกรรมการ
สอบสวนวนิ ัยตามนยั มาตรา ๗๙ แหง่ พระราชบัญญัตอิ งค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พ.ศ. ๒๕๔๐
และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม น้ัน จักต้องเป็นกรณีท่ียังมิได้มีการสอบสวนและชี้มูลของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. มาก่อน
ข้อเท็จจริงและปญั หา
ผู้วา่ ราชการจังหวัดมหาสารคามแต่งตั้งอัยการจังหวัดมหาสารคามหรือผแู้ ทนเป็นกรรมการ
สอบสวนทางวินัยตามฐานความผิดท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาไว้แล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวดั มหาสารคามมีอ�ำ นาจกระท�ำ ไดห้ รือไม่
อัยการนิเทศ 213
ค�ำ วนิ ิจฉยั
สำ�นกั งานอยั การสงู สุดได้พิจารณาแล้ว เหน็ วา่ ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๐ มาตรา ๙๒ และ มาตรา
๙๓ บัญญัตไิ วช้ ัดแจง้ วา่ เม่ือคณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตติ ามข้อกล่าวหาว่ามมี ลู ความผิด กรณีถา้ มี
มูลความผิดทางวินัยให้ดำ�เนินตามมาตรา ๙๒ คือ ให้ส่งรายงานและเอกสารพร้อมความเห็น
ไปยังผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำ�นาจแต่งตั้งถอดถอน แล้วให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำ�นาจแต่งต้ัง
ถอดถอนพจิ ารณาโทษทางวนิ ัยตามฐานความผดิ ทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไดม้ ีมติโดยไม่ต้องแตง่ ตง้ั
คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยอีก โดยใหถ้ ือรายงานเอกสารและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เปน็ ส�ำ นวนการสอบสวนทางวนิ ยั ของคณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ดงั นนั้ เมอ่ื คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ได้มีมติช้ีมูลความผิดทางอาญา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม และได้ส่งสำ�นวน
พรอ้ มความเหน็ ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาหรอื ผมู้ อี �ำ นาจแตง่ ตงั้ ถอดถอนพจิ ารณาโทษทางวนิ ยั ตามนยั มาตรา
๙๐ มาตรา ๙๒ และมาตรา ๙๓ แหง่ พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและ
ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว ผ้วู า่ ราชการจังหวดั มหาสารคามจงึ ไมม่ ีอ�ำ นาจท่จี ะแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนวินัยอีก การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามจะใช้อำ�นาจตามนัย
มาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม
แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้น้ัน จักต้องเป็นกรณีท่ียังมิได้มีการสอบสวนและชี้มูลของ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มาก่อน ฉะนั้น การท่ีผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม มีคำ�สั่งแต่งต้ัง
คณะกรรมการสอบสวนโดยมอี ยั การจงั หวดั มหาสารคามหรอื ผแู้ ทนเปน็ กรรมการสอบสวนดว้ ย กรณี
จงึ ไมต่ อ้ งดว้ ยบทบญั ญตั แิ หง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทุจรติ พ.ศ. ๒๕๔๒.
214 อยั การนิเทศ
ค�ำ วินจิ ฉัยท่ี ๙/๒๕๕๔
เรือ่ ง แนวทางในการค�ำ นวณคา่ เสยี หายกรณที ่ีนติ ิบคุ คลใชเ้ อกสารปลอม
กฎหมาย ระเบยี บ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๔๓๘ วรรคสอง และ
มาตรา ๔๔๘ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพ่ง มาตรา ๘๔/๑
หนว่ ยงานทห่ี ารอื เทศบาลต�ำ บลบา้ นแปน้
อตั ราค่าปรับตามที่กำ�หนดไวใ้ นสญั ญาจา้ ง ขอ้ ๑๖ ระหวา่ ง เทศบาลตำ�บล บ. ผูว้ า่ จ้าง
กับบรษิ ทั ก. ผ้รู บั จ้าง เป็นคา่ ปรบั ในมลู ผดิ สญั ญา แต่การทีผ่ ู้รบั จ้างนำ�เอกสารปลอมมาแสดง
ในชนั้ ประกวดราคาดว้ ยวธิ กี ารทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ อนั เปน็ เหตใุ หผ้ วู้ า่ จา้ งหลงเชอื่ โดยตดั สนิ ใหเ้ ปน็
ผู้ชนะการประกวดราคาและเข้าทำ�สัญญาด้วยนั้น เป็นการทำ�ละเมิดต่อผู้ว่าจ้าง การเรียก
ค่าเสียหายจากผู้รับจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดตามนัยมาตรา ๔๓๘
วรรคสอง แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ กลา่ วคอื จะตอ้ งเปน็ คา่ เสยี หายอนั จะพงึ บงั คบั
ใหใ้ ชเ้ พอ่ื ความเสยี หายอยา่ งใด ๆ อนั ไดก้ อ่ ขน้ึ นน้ั อกี นยั หนงึ่ กค็ อื จะตอ้ งเปน็ คา่ เสยี หายทเี่ กดิ ขนึ้ แก่
ผู้ว่าจ้างจริง ๆ อาทิค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นในการประกวดราคาท่ีเสียไปนั้น ค่าจ้างท่ีสูงข้ึนในการ
จ้างผู้รับจ้างรายใหม่ ค่าเสียหายอันเกิดจากโครงการต้องล่าช้าออกไป ตลอดจนค่าเสียหายอ่ืน
ใดอันหากจะพึงมี ทั้งน้ีต้องเป็นความเสียหายที่ผู้ว่าจ้างสามารถพิสูจน์ได้จริง เนื่องจากหากจะ
ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลแลว้ ผวู้ า่ จา้ งยอ่ มตอ้ งเปน็ ฝา่ ยมภี าระในการน�ำ สบื ความเสยี หายนน้ั ตามนยั มาตรา
๘๔/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ และการฟอ้ งเรยี กคา่ เสยี หายฐานละเมดิ นนั้
จกั ตอ้ งฟอ้ งภายในอายคุ วามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๔๔๘ แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
ขอ้ เทจ็ จรงิ และปญั หา
เทศบาลต�ำ บลบ้านแปน้ ไดห้ ารือ แนวทางปฏบิ ตั ใิ นการค�ำ นวณค่าเสยี หายกรณีท่ีนิตบิ คุ คล
ใชเ้ อกสารปลอมในการประมลู จา้ งดว้ ยระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สง์ านจา้ งเหมากอ่ สรา้ งอาคารศนู ยพ์ ฒั นา
เด็กเลก็ เทศบาลต�ำ บลบา้ นแป้น ซ่งึ บริษัท กรุงไทยซัพพลาย จ�ำ กัด (บริษัทฯ) เปน็ ผ้ชู นะการประมูล
แต่ปรากฏว่าบริษัทฯ ได้นำ�หนังสือรับรองผลงานของเทศบาลเมืองพัทลุงซ่ึงเป็นเอกสารปลอมมา
แสดง เทศบาลตำ�บลบา้ นแป้น จงึ ได้ยกเลิกการประกาศให้บรษิ ัทฯ เป็นผชู้ นะการประมลู จา้ ง และ
ยกเลิกการทำ�สัญญาจ้างดังกล่าว พร้อมกันน้ีได้แจ้งความดำ�เนินคดีบริษัทฯ ในข้อหาใช้เอกสาร
ปลอม หลงั จากน้นั เทศบาลต�ำ บลบ้านแปน้ ได้ดำ�เนนิ การจดั หาผู้รบั จา้ งรายใหมโ่ ดยวิธีพเิ ศษ และได้
หา้ งหนุ้ สว่ นจ�ำ กดั ดี บรรพต เปน็ ผรู้ บั จา้ งรายใหม่ กรณดี งั กลา่ วท�ำ ใหก้ ารกอ่ สรา้ งลา่ ชา้ ไปจากก�ำ หนด
เดมิ เปน็ ระยะเวลา ๑๕ วนั เทศบาลตำ�บลบ้านแป้นจงึ หารือว่า การทเี่ ทศบาลต�ำ บลบา้ นแปน้ ไดร้ บั
ความเสียหายจากการกระท�ำ ความผิดของบริษัท กรุงไทยซัพพลาย จำ�กัด การค�ำ นวณค่าเสียหาย
เป็นตวั เงินนั้นจะใชเ้ งือ่ นไขในสัญญาจา้ งข้อ ๑๖ เร่ืองค่าปรับ จำ�นวนรอ้ ยละ ๐.๑๐ ตอ่ วัน เป็นระยะ
อัยการนิเทศ 215
เวลา ๑๕ วนั เปน็ แนวทางในการก�ำ หนดจ�ำ นวนเงินเพ่ือเรยี กร้องคา่ เสียหายทางแพ่งจะถกู ตอ้ งหรือ
ไม่ อยา่ งไร
ค�ำ วนิ ิจฉยั
สำ�นักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า อัตราค่าปรับตามที่กำ�หนดไว้ในสัญญา
จา้ งระหวา่ งเทศบาลต�ำ บลบ้านแปน้ กับบรษิ ัท กรุงไทยซัพพลาย จ�ำ กัด ขอ้ ๑๖ เปน็ คา่ ปรบั ในมูล
ผิดสัญญา แต่การที่ผู้รับจ้างนำ�เอกสารปลอมมาแสดงในช้ันประกวดราคาด้วยวิธีการทาง
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ อนั เป็นเหตใุ ห้เทศบาลต�ำ บลบา้ นแป้นหลงเชื่อ โดยตัดสินใหเ้ ปน็ ผู้ชนะการประกวด
ราคาและเข้าทำ�สัญญาด้วยน้ัน เป็นการทำ�ละเมิดต่อเทศบาลตำ�บลบ้านแป้น การเรียกค่าเสียหาย
จากผู้รับจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดตามนัยมาตรา ๔๓๘ วรรคสอง แห่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือจะต้องเป็นค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพ่ือความ
เสยี หายอยา่ งใด ๆ อนั ไดก้ อ่ ขน้ึ นน้ั อกี นยั หนงึ่ กค็ อื จะตอ้ งเปน็ คา่ เสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ แกเ่ ทศบาลต�ำ บล
บ้านแป้นจริง ๆ อาทิค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการประกวดราคาที่เสียไปน้ัน ค่าจ้างที่สูงข้ึนในการจ้าง
ผรู้ บั จา้ งรายใหม่ คา่ เสยี หายอนั เกดิ จากโครงการตอ้ งลา่ ชา้ ออกไป ตลอดจนคา่ เสยี หายอนื่ ใดอนั หาก
จะพงึ มี ทั้งนตี้ ้องเป็นความเสียหายท่ีเทศบาลต�ำ บลบ้านแป้นสามารถพิสจู นไ์ ด้จรงิ เน่อื งจากหากจะ
ฟอ้ งคดีตอ่ ศาลแลว้ เทศบาลต�ำ บลบา้ นแปน้ ย่อมตอ้ งเป็นฝ่ายมภี าระในการนำ�สบื ความเสยี หายนั้น
ตามนัยมาตรา ๘๔/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความแพง่
อน่ึง การฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดน้ัน จักต้องฟ้องภายในอายุความท่ีบัญญัติไว้ใน
มาตรา ๔๔๘ แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์.
216 อยั การนเิ ทศ
ค�ำ วนิ ิจฉัยท่ี ๑๓/๒๕๕๓
เร่ือง สัญญาการจัดซื้ออาหารเสรมิ (นม) โรงเรยี นของเทศบาลตำ�บล
เจ้าพระยาสุรศกั ด์ิ
กฎหมาย ระเบยี บ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔
หนว่ ยงานที่หารอื เทศบาลต�ำ บลเจ้าพระยาสรุ ศกั ด์ิ
เม่ือเทศบาลตำ�บล จ. ผู้ซอ้ื ได้ท�ำ การตรวจรบั นมพาสเจอรไ์ รสง์ วดท่ี ๒ และงวดที่ ๓
ถูกต้องแล้ว ผู้ซื้อจึงมีหน้าท่ีต้องชำ�ระราคานมที่ได้รับมอบดังกล่าวให้แก่ สหกรณ์โคนม น.
ผู้ขาย ส�ำ หรับการหักกลบลบหน้นี ัน้ เมอื่ ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ ว่า ผู้ขายไดย้ กขอ้ ตอ่ สู้วา่ ได้ส่งมอบ
นมตามสัญญาซ้ือขายครบถ้วนแล้ว จึงถือได้ว่าหน้ีดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้
อยู่ จึงไม่สามารถนำ�หนี้ราคาค่านมพาสเจอร์ไรส์มาหักกลบลบหน้ีกับหนี้ค่าปรับตามสัญญาได้
ทั้งนี้ ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๓๔๔ อย่างไรกต็ าม เนื่องจากผซู้ ือ้ ได้มี
หนงั สอื แจ้งสงวนสิทธิปรับตามสัญญาซอ้ื ขาย ข้อ ๑๐ วรรคสอง แก่ผขู้ ายแลว้ ดังนั้น เทศบาล
ตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิจึงมีสิทธิปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๒๐ ของราคาส่ิงของ
ที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำ�หนดตามสัญญาจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้ โดย
ใชส้ ิทธิเรยี กให้ธนาคารผูค้ ํา้ ประกันชำ�ระเงนิ คา่ ปรบั จากหนังสือคาํ้ ประกันได้ โดยแสดงหลักฐาน
การผดิ สัญญาของผขู้ ายใหธ้ นาคารผคู้ า้ํ ประกนั ทราบ
ข้อเท็จจรงิ และปญั หา
เทศบาลต�ำ บลเจา้ พระยาสรุ ศกั ด์ิ ผซู้ อื้ มหี นงั สอื บอกเลกิ สญั ญา การจดั ซอื้ อาหารเสรมิ (นม)
โรงเรียนบางส่วนไปยังสหกรณ์โคนมนครปฐม จำ�กัด ผู้ขาย และแจ้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำ�กัด
(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ค้ําประกันให้แก่ผู้ขายให้ชำ�ระเงินค่าปรับตามสัญญาในกรณีท่ีผู้ขายผิดสัญญา
ไม่ส่งมอบนมพร้อมดื่ม แตธ่ นาคารกรงุ ศรีอยธุ ยา จำ�กดั (มหาชน) แจง้ ชะลอการช�ำ ระเงิน เนือ่ งจาก
ผู้ขายแจ้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำ�กัด (มหาชน) ว่าผู้ขายได้ปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาแล้ว
เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักดิ์จึงหารือว่า เทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิสามารถเบิกจ่าย
คา่ นมพาสเจอรไ์ รสง์ วดท่ี ๒ และงวดที่ ๓ ทไี่ ด้ตรวจรบั ถูกต้องแล้วไดห้ รอื ไม่ และสามารถน�ำ คา่ ปรับ
มาหักกับค่าอาหารเสริม (นมพาสเจอร์ไรส์) ท่ีเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักด์ิต้องชำ�ระราคาได้
หรอื ไม่ อยา่ งไร
คำ�วนิ ิจฉัย
เมื่อเทศบาลตำ�บลเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ผู้ซื้อ ได้ทำ�การตรวจรับนมพาสเจอร์ไรส์งวดที่ ๒
และงวดท่ี ๓ ถูกต้องแล้ว ผู้ซ้ือจึงมีหน้าที่ต้องชำ�ระราคานมท่ีได้รับมอบดังกล่าว สำ�หรับการ
อยั การนเิ ทศ 217
หักกลบลบหนีน้ นั้ เม่ือปรากฏข้อเท็จจริงว่า สหกรณโ์ คนมนครปฐม จ�ำ กดั ผขู้ าย ได้ยกขอ้ ตอ่ สวู้ า่ ได้
สง่ มอบนมตามสญั ญาซอื้ ขายครบถว้ นแลว้ จงึ ถอื ไดว้ า่ หนด้ี งั กลา่ วเปน็ สทิ ธเิ รยี กรอ้ งทย่ี งั มขี อ้ ตอ่ สอู้ ยู่
จงึ ไมส่ ามารถน�ำ หนรี้ าคาคา่ นมพาสเจอรไ์ รสม์ าหกั กลบลบหนกี้ บั หนคี้ า่ ปรบั ตามสญั ญาได้ ทง้ั น้ี ตาม
นัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๔ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ขายได้มีหนังสือ ที่
ชบ ๕๔๖๐๕/๑๑๑๑ ลงวันท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๒ แจ้งสงวนสิทธิปรับตามสัญญาซ้ือขาย ข้อ
๑๐ วรรคสอง แก่ผู้ขายแลว้ ดงั นนั้ ผู้ซื้อจงึ มสี ิทธปิ รับผ้ขู ายเปน็ รายวนั ในอตั รารอ้ ยละ ๐.๒๐ ของ
ราคาสง่ิ ของทยี่ งั ไมไ่ ดร้ บั มอบ นบั แตว่ นั ถดั จากวนั ครบก�ำ หนดตามสญั ญาจนถงึ วนั บอกเลกิ สญั ญาได้
โดยใช้สิทธิเรียกให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาผู้คํ้าประกันชำ�ระเงินค่าปรับจากหนังสือคํ้าประกันได้
โดยแสดงหลกั ฐานการผิดสญั ญาของผ้ขู ายให้ธนาคารกรุงศรีอยธุ ยา จำ�กดั (มหาชน) ทราบ.
218 อัยการนเิ ทศ
หนงั สอื เวยี น
อยั การนเิ ทศ 219
220 อยั การนิเทศ
ที่ อส ๐๐๐๓(คก)/ว ๗๐ ส�ำ นักงานอยั การสูงสดุ
ศูนย์ราชการเฉลมิ พระเกยี รติฯ
อาคาร A ช้ัน ๘
ถนนแจง้ วฒั นะ
กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๖ มนี าคม ๒๕๕๔
เรอ่ื ง การด�ำ เนนิ การตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒
เรียน รองอยั การสงู สดุ ผู้ตรวจการอยั การ คณะทปี่ รกึ ษาอยั การสูงสุด อธบิ ดอี ัยการ
อธิบดอี ยั การภาค อัยการพิเศษฝ่าย เลขานุการอัยการสูงสดุ อัยการจังหวดั
ผู้อำ�นวยการส�ำ นกั งานอำ�นวยการ ผู้อำ�นวยการส�ำ นักงานพฒั นาระบบบริหาร
ผูอ้ ำ�นวยการสำ�นกั ฝึกอบรม ผอู้ ำ�นวยการศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร
และผ้อู ำ�นวยการสำ�นักงานตรวจสอบภายใน
สงิ่ ที่มาดว้ ย ส�ำ เนาหนงั สอื สำ�นกั งาน ป.ป.ช. ที่ ปช ๐๐๒๒/ว ๐๐๑๙
ลงวนั ที่ ๒๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๔
ด้วยส�ำ นกั งาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือ ที่ ปช ๐๐๒๒/ว ๐๐๑๙ ลงวนั ที่ ๒๑ กมุ ภาพันธ์
๒๕๕๔ แจง้ วา่ ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙๒ ได้บัญญัติกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำ�เนินการไต่สวนข้อเท็จจริง
เจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงถูกกล่าวหาแล้วมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำ�ผิดความผิดวินัย ให้ประธาน
กรรมการ ป.ป.ช. สง่ รายงานและเอกสารทม่ี อี ยู่ พรอ้ มทงั้ ความเหน็ มายงั ผบู้ งั คบั บญั ชา หรอื ผมู้ อี �ำ นาจ
แตง่ ตง้ั ถอดถอนผถู้ กู กลา่ วหาผนู้ นั้ เพอ่ื พจิ ารณาโทษทางวนิ ยั ตามฐานความผดิ ทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช.
ไดม้ มี ตโิ ดยไมต่ อ้ งแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อกี โดยใหถ้ อื วา่ รายงานเอกสารและความเหน็
ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำ�นวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย
ตามกฎหมายหรือระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของผู้ถูกกล่าวหาน้ัน ๆ แล้ว
แต่กรณี แต่โดยท่ีปรากฏแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. วา่ ภายหลังจากที่ผ้บู งั คับบญั ชาหรือผู้มอี �ำ นาจ
อัยการนเิ ทศ 221
แตง่ ตง้ั ถอดถอนพจิ ารณาลงโทษผถู้ กู กลา่ วหาตามทไี่ ดร้ บั รายงานตามมาตรา ๙๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แลว้ ผู้ถูกกลา่ วหา
ได้น�ำ คดไี ปฟอ้ งยงั ศาลปกครอง แต่ไมไ่ ด้ฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือฟ้องแลว้ แต่ศาลปกครองมี
ค�ำ สงั่ ไมร่ บั คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งคดี อนั เปน็ เหตใุ หค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ไมอ่ าจทราบ
ถึงกรณีดังกล่าวและไม่ได้ท�ำ คำ�ให้การแก้ฟ้องคดี ซ่ึงอาจมีผลต่อรูปคดีจนทำ�ให้ศาลปกครองอาจมี
คำ�พิพากษาหรือคำ�ส่ังเพิกถอนคำ�สั่งของผู้บังคับบัญชา หรือมีอำ�นาจแต่งต้ังถอดถอนดังกล่าวได้
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการดำ�เนินคดีให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย และสามารถเสนอ
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อศาลปกครองได้อย่างครบถ้วน จึงขอความร่วมมือมายังส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจรวมทั้งสำ�นักงานศาลปกครองเพ่ือทราบว่า หากมีกรณีดังกล่าวขอได้โปรดแจ้งให้
ส�ำ นักงาน ป.ป.ช. ทราบ เพือ่ จะไดด้ �ำ เนินการตามทเ่ี ห็นสมควรต่อไป รายละเอียดปรากฏตามสิ่งท่ี
ส่งมาด้วย
จึงเรียนมาเพ่อื โปรดทราบ และเวยี นแจง้ ใหท้ ราบท่วั กนั
ขอแสดงความนบั ถือ
ถาวร พานชิ พนั ธ์
(นายถาวร พานชิ พันธ์)
รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทน
อยั การสูงสุด
ส�ำ นักงาน ก.อ.
โทรศัพท์ ๐ ๒๑๔๒ ๑๘๔๒
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๘๕
http//www.cmiss.ago.go.th
E-mail : [email protected]
222 อยั การนเิ ทศ
ที่ อส ๐๐๒๗(ปผ)/ว ๕๔ สำ�นักงานอยั การสูงสุด
ถนนหน้าหับเผย กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐
๒๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๔
เรื่อง แนวทางปฏบิ ตั ใิ นการด�ำ เนนิ การเพอ่ื ขอใหจ้ �ำ เลยใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ และมาตรา ๔๔/๒
เรียน รองอยั การสงู สุด ผู้ตรวจการอยั การ คณะท่ปี รึกษาอัยการสูงสดุ อธิบดอี ยั การ
อธบิ ดีอัยการภาค อัยการพิเศษฝา่ ย เลขานกุ ารอัยการสูงสุด อัยการจงั หวัด
ผู้อ�ำ นวยการสำ�นักงานอ�ำ นวยการ ผอู้ ำ�นวยการสำ�นกั งานพัฒนาระบบบริหาร
ผ้อู ำ�นวยการศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร ผอู้ �ำ นวยการสำ�นกั ฝึกอบรม
และผู้อ�ำ นวยการส�ำ นกั งานตรวจสอบภายใน
สิง่ ทมี่ าด้วย แบบแจ้งสิทธเิ รียกรอ้ งคา่ สินไหมทดแทน จ�ำ นวน ๑ ฉบบั
โดยทป่ี ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา๔๔/๑และมาตรา๔๔/๒แกไ้ ข
เพ่ิมเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๔)
พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๓ กำ�หนดใหผ้ ู้เสียหายในคดที ี่พนกั งานอยั การเป็นโจทก์ มีสทิ ธิย่ืนค�ำ ร้องตอ่
ศาลทีพ่ ิจารณาคดีอาญาเรยี กเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตไุ ด้รับอันตรายแก่ชวี ติ รา่ งกาย จติ ใจ
หรือได้รับความเส่ือมเสียต่อเสรีภาพในร่างกาย ชื่อเสียง หรือได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สิน
อันเน่อื งมาจากการกระทำ�ความผดิ ของจำ�เลย ซง่ึ ตามบทบญั ญตั ิของกฎหมายดงั กล่าว มิได้กำ�หนด
อ�ำ นาจหน้าท่ีของพนักงานอยั การในเรอ่ื งนี้ไว้
สำ�นักงานอัยการสูงสุดจึงได้กำ�หนดแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของ
กฎหมายดงั กล่าว เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเป็นเอกภาพในการปฏิบตั หิ น้าท่ขี องพนกั งานอัยการ ดังน้ี
๑. ในคดีที่ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำ�เลยตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ เม่ือพนักงานอัยการมีคำ�ส่ังฟ้องและ
ย่ืนฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลไม่ว่าจะมีการสืบพยานในช้ันศาลหรือไม่ก็ตาม ให้พนักงานอัยการ
เจ้าของสำ�นวนมีหนังสือแจ้งผู้เสียหายให้ทราบถึงสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำ�เลย
โดยทันที ในกรณีที่มีการสืบพยานให้แจ้งก่อนวันสืบพยานหรือในกรณีท่ีไม่มีการสืบพยาน
อัยการนิเทศ 223
ให้แจ้งก่อนวันที่ศาลมีคำ�วินิจฉัยชี้ขาดคดีพร้อมกับสอบถามด้วยว่าผู้เสียหายมีความประสงค์จะย่ืน
คำ�ร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนตามสิทธิดังกล่าวหรือไม่ ตามแบบหนังสือแจ้งสิทธิเรียกร้อง
ค่าสินไหมทดแทนตามท่ีส่งมาด้วย เว้นแต่คดีฟ้องด้วยวาจาและคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลและจำ�เลย
ให้การรับสารภาพ ซึ่งศาลมีคำ�วินิจฉัยช้ีขาดคดีภายในระยะเวลาท่ีไม่อาจแจ้งให้ผู้เสียหายทราบถึง
สิทธิดังกลา่ วไดท้ ัน
๒. หากผู้เสียหายมาพบพร้อมกับแจ้งความประสงค์ย่ืนคำ�ร้องต่อศาลเพ่ือเรียกเอา
คา่ สินไหมทดแทนจากจำ�เลยดังกลา่ วในขอ้ ๑.
๒.๑ ในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หากเห็น
สมควรรับดำ�เนินการ ให้ลงรับในสารบบและบัญชีความแพ่งในวันที่รับด�ำ เนินการและส่งข้อมูลให้
สำ�นักงานท่ีดำ�เนินคดีแพ่งทราบ ให้พนักงานอัยการท่ีดำ�เนินคดีอาญา ซึ่งได้รับมอบอำ�นาจจาก
ผเู้ สยี หายใหด้ �ำ เนนิ คดใี นสว่ นแพง่ ท�ำ ค�ำ รอ้ งยนื่ ตอ่ ศาลทพี่ จิ ารณาคดนี น้ั กอ่ นวนั สบื พยานหรอื ในกรณี
ทไี่ มม่ กี ารสบื พยานใหย้ นื่ ค�ำ รอ้ งตอ่ ศาลกอ่ นศาลมคี �ำ วนิ จิ ฉยั ชขี้ าดคดี แตห่ ากเหน็ วา่ คดมี คี วามยงุ่ ยาก
ซับซ้อนสมควรท่ีจะต้องดำ�เนินคดีเป็นคดีส่วนแพ่งโดยเฉพาะให้ทำ�ความเห็นตามลำ�ดับชั้นเสนอ
อธบิ ดีอัยการ สำ�นกั งานคดอี าญาหรืออธิบดอี ัยการภาคแล้วแตก่ รณี เพอื่ โอนเรอ่ื งไปให้ส�ำ นกั งานที่
ด�ำ เนนิ คดแี พง่ ด�ำ เนนิ การตอ่ ไป เมอ่ื มกี ารโอนเรอ่ื งไปแลว้ ใหม้ หี นงั สอื แจง้ ใหผ้ เู้ สยี หายทราบถงึ เหตทุ ่ี
ไมอ่ าจย่นื ค�ำ รอ้ งเรยี กเอาคา่ สนิ ไหมทดแทนตามสิทธดิ ังกลา่ วในคดอี าญาดว้ ย
สำ�หรับในกรุงเทพมหานครให้ส�ำ นักงานท่ีดำ�เนินคดีอาญา จัดตั้งสารบบและบัญชี
ความแพ่งเพอ่ื รองรบั คดีประเภทดังกล่าวด้วย
การดำ�เนินคดีในส่วนแพ่งให้นำ�ระเบียบสำ�นักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำ�เนิน
คดแี พ่งของพนักงานอัยการมาใช้บังคับโดยอนโุ ลม
๒.๒ ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่ใช่เป็นส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐให้
พนกั งานอยั การทดี่ �ำ เนนิ คดอี าญาสง่ เรอื่ งพรอ้ มส�ำ เนาค�ำ ฟอ้ งใหส้ �ำ นกั งานคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละชว่ ยเหลอื
ทางกฎหมายแกป่ ระชาชนด�ำ เนนิ การ ทงั้ นี้ ใหส้ �ำ นกั งานคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายแก่
ประชาชนพจิ ารณาด�ำ เนนิ การตามระเบยี บส�ำ นกั งานอยั การสงู สดุ วา่ ดว้ ยการชว่ ยเหลอื ทางกฎหมาย
แกป่ ระชาชนต่อไป
จึงเรียนมาเพอ่ื ทราบและถอื ปฏิบตั ิ
ขอแสดงความนับถอื
สมี า วรรณโกวทิ
(นายสีมา วรรณโกวทิ )
รองอัยการสงู สุด ปฏบิ ัตริ าชการแทน
อัยการสูงสุด
ส�ำ นกั งานวชิ าการ
โทร. ๐ ๒๑๔๒ ๑๔๖๖
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๔๘๙ E-mail : [email protected]
224 อยั การนิเทศ
(แบบหนงั สอื แจง้ สทิ ธิเรียกร้องคา่ สนิ ไหมทดแทน)
ส�ำ นักงานอยั การ.....................
วนั ที…่ …….............…………
เรอ่ื ง แจง้ สทิ ธเิ รียกรอ้ งคา่ สินไหมทดแทน
เรียน .......................................................
ด้วยท่านเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาตามสำ�นวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
สถานตี ำ�รวจ..................................ที่........................ระหวา่ ง.............................................................
ผูก้ ลา่ วหาหรอื ผเู้ สียหาย................................ผตู้ ้องหา ซึ่งประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา
มาตรา ๔๔/๑ บัญญตั ิให้ผ้เู สียหายมีสทิ ธขิ อใหบ้ ังคบั จำ�เลยชดใช้คา่ สินไหมทดแทนเพราะเหตไุ ดร้ บั
อนั ตรายแกช่ วี ติ ร่างกาย จติ ใจ หรือไดร้ ับความเสอื่ มเสียต่อเสรีภาพในร่างกาย ชอ่ื เสยี ง หรอื ได้รบั
ความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระท�ำ ผิดของจำ�เลย โดยย่ืนคำ�ร้องต่อศาลก่อน
เรม่ิ สบื พยานหรอื ก่อนศาลมคี ำ�วนิ ิจฉยั ชีข้ าดคดี
บัดนี้ พนักงานอัยการ....................................................ได้ย่ืนฟ้อง..................................
ผู้ต้องหาเป็นจำ�เลยต่อศาล.............................................................................และศาลได้กำ�หนด
วันนัดสืบพยาน/ฟังคำ�พิพากษาวันที่...........................เวลา...................น. ดังน้ัน หากท่านมีความ
ประสงคจ์ ะด�ำ เนนิ การในเรอื่ งดงั กลา่ ว ขอใหแ้ จง้ และไปพบพนกั งานอยั การ.........................................
ณ สำ�นักงาน...............................ก่อนวันท่ีกำ�หนด พร้อมสำ�เนาบัตรประจำ�ตัวประชาชน สำ�เนา
ทะเบียนบา้ นและหลกั ฐานเกี่ยวกบั ความเสยี หายและค่าสินไหมทดแทน (ถา้ มี)
ขอแสดงความนับถือ
( )
พนักงานอยั การ...................................
สำ�นักงานอัยการ........................................
โทร.............................................................. อัยการนิเทศ 225
โทรสาร..................E-mail:………….....……..
ท่ี อส ๐๐๒๗(พก)/ว ๕๑ สำ�นกั งานอยั การสูงสดุ
ถนนหนา้ หับเผย กรงุ เทพฯ ๑๐๒๐๐
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
เรือ่ ง พระราชบัญญัตศิ าลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓
เรยี น รองอยั การสงู สุด ผูต้ รวจการอัยการ คณะที่ปรึกษาอัยการสงู สุด อธิบดอี ัยการ
อธบิ ดีอยั การภาค อัยการพิเศษฝ่าย เลขานุการอัยการสูงสุด อัยการจังหวัด
ผู้อ�ำ นวยการสำ�นกั งานอำ�นวยการ ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นักงานพฒั นาระบบบรหิ าร
ผ้อู ำ�นวยการศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
และผู้อ�ำ นวยการสำ�นักงานตรวจสอบภายใน
สง่ิ ที่มาด้วย ๑. ส�ำ เนาหนังสอื ส�ำ นักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ท่ี นร ๐๕๐๓/ว(ล) ๒๒๓๑๓
ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
๒. พระราชบญั ญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธพี จิ ารณาคดีเยาวชน
และครอบครวั พ.ศ. ๒๕๕๓
๓. สรุปสาระสำ�คญั พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดี
เยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
ดว้ ย ส�ำ นักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรแี จง้ วา่ บดั น้ี พระราชบัญญตั ศิ าลเยาวชนและ
ครอบครวั และวธิ พี จิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบบั กฤษฎกี า เลม่ ๑๒๗ ตอนที่ ๗๒ ก วนั ท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓ แล้ว
สำ�นักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและ
ครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน
226 อัยการนิเทศ
ของพนักงานอัยการ จึงส่งพระราชบัญญัติดังกล่าวพร้อมสรุปสาระสำ�คัญมาเพื่อทราบ และแจ้งให้
พนกั งานอยั การทเี่ กย่ี วขอ้ งทราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ่ ไป รายละเอยี ดปรากฏตามสง่ิ ทสี่ ง่ มาดว้ ย (๑) (๒)
และ (๓)
ขอแสดงความนับถือ
อนชุ าติ คงมาลัย
(นายอนุชาติ คงมาลยั )
รองอัยการสูงสดุ ปฏิบัตริ าชการแทน
อยั การสงู สุด
สำ�นกั งานวิชาการ
โทร./โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๔๙๑
E-mail : [email protected]
อยั การนิเทศ 227
สรุปสาระสำ�คญั
พระราชบญั ญตั ิศาลเยาวชนและครอบครัว
และวิธีพิจารณาคดเี ยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓
----------------------------------------------
โดยสำ�นกั งานอัยการพิเศษฝา่ ยพัฒนากฎหมาย
๑. พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเม่ือพ้นกำ�หนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป คอื วนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (มาตรา ๒)
๒. พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ ฉบบั นบี้ ญั ญตั ใิ หย้ กเลกิ พระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลเยาวชนและครอบครวั และวธิ พี จิ ารณา
คดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๓๔ และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติม รวม ๓ ฉบับ (มาตรา ๓)
๓. ก�ำ หนดบทนิยาม
(๑) เดก็ หมายความว่า บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปบี ริบรู ณ์
(๒) เยาวชน หมายความว่า บุคคลอายุเกินสิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงสิบแปด
ปีบริบูรณ์
(๓) คดีเยาวชนและครอบครัว หมายความว่า คดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวมี
อำ�นาจพจิ ารณาพิพากษาตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
(๔) คดคี รอบครวั หมายความวา่ คดแี พง่ ทฟ่ี อ้ งหรอื รอ้ งขอตอ่ ศาลหรอื กระท�ำ การใดๆ
ในทางศาลเก่ียวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายวา่ ดว้ ยการจดทะเบียนครอบครวั หรอื กฎหมายอ่นื ทีเ่ กยี่ วกบั ครอบครวั
(๕) คดีคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพ หมายความว่า คดีท่ีฟอ้ งหรือรอ้ งขอต่อศาลหรือกระท�ำ
การใดๆ ในทางศาลเก่ียวกับการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กหรือบุคคลในครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับ
ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ถูกกระทำ�ด้วยความรุนแรงใน
ครอบครัวหรอื กฎหมายอืน่ ทเี่ กีย่ วกับการค้มุ ครองสวสั ดภิ าพเด็กหรอื บุคคลในครอบครัว
(๖) คดธี รรมดา หมายความวา่ คดอี นื่ ๆ นอกจากคดที อ่ี ยใู่ นอ�ำ นาจพจิ ารณาพพิ ากษา
ของศาล ทมี่ อี ำ�นาจพิจารณาคดเี ยาวชนและครอบครวั
(๗) ศาลเยาวชนและครอบครัว หมายความว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด หรือแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัด ซ่ึงจัดต้ังขึ้น
ตามพระราชบญั ญัตินี้
(๘) ศาลทม่ี อี �ำ นาจพจิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครวั หมายความวา่ ศาลเยาวชน
และครอบครัว ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครวั ศาลอทุ ธรณ์ภาคแผนกคดีเยาวชนและ
ครอบครวั และศาลฎกี าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ซึง่ จัดตง้ั ขน้ึ ตามพระราชบัญญตั ินี้
228 อัยการนเิ ทศ
๔. กำ�หนดให้ในคดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำ�ความผิด ให้ถืออายุเด็กหรือ
เยาวชน ในวนั ทก่ี ารกระทำ�ความผดิ ได้เกดิ ข้ึน (มาตรา ๕)
๕. กำ�หนดให้ในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำ�นาจศาลเยาวชนและครอบครัว หรือ
ศาลยตุ ธิ รรมอนื่ ไมว่ า่ จะเกดิ ปญั หาขนึ้ ในศาลเยาวชนและครอบครวั หรอื ศาลยตุ ธิ รรมอน่ื ใหป้ ระธาน
ศาลฎกี าเป็นผวู้ นิ ิจฉัยชข้ี าด คำ�วนิ ิจฉัยของประธานศาลฎีกาให้เปน็ ท่สี ดุ ฯลฯ (มาตรา ๑๑)
๖. กำ�หนดให้ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำ�นาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำ�ส่ังในคดี
ดังตอ่ ไปนี้
(๑) คดีอาญาที่มขี อ้ หาว่าเดก็ หรือเยาวชนกระทำ�ความผดิ
(๒) คดีอาญาทีศ่ าลซง่ึ มอี �ำ นาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตามมาตรา ๙๗ วรรค
หน่งึ
(๓) คดคี รอบครัว
(๔) คดีค้มุ ครองสวสั ดิภาพ
(๕) คดอี ่ืนทมี่ กี ฎหมายบญั ญตั ใิ หเ้ ป็นอำ�นาจหนา้ ท่ขี องศาลเยาวชนและครอบครัว
(มาตรา ๑๐)
๗. กำ�หนดให้ในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำ�นาจศาลเยาวชนและครอบครัว หรือ
ศาลยตุ ธิ รรมอนื่ ไมว่ า่ จะเกดิ ปญั หาขน้ึ ในศาลเยาวชนและครอบครวั หรอื ศาลยตุ ธิ รรมอนื่ ใหป้ ระธาน
ศาลฎกี าเปน็ ผวู้ นิ จิ ฉยั ชข้ี าด ค�ำ วนิ จิ ฉยั ของประธานศาลฎกี าใหเ้ ปน็ ทสี่ ดุ และค�ำ วนิ จิ ฉยั ของประธาน
ศาลฎีกาไมม่ ีผลกระทบตอ่ กระบวนพจิ ารณาของศาลทีไ่ ดด้ �ำ เนินการไปแล้ว ฯลฯ (มาตรา ๑๑)
๘. ก�ำ หนดใหใ้ นระหวา่ งการพจิ ารณาของศาลทม่ี อี �ำ นาจพจิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครวั
แมจ้ �ำ เลยจะมอี ายคุ รบสบิ แปดปบี รบิ รู ณส์ �ำ หรบั คดอี าญา หรอื ผเู้ ยาวจ์ ะมอี ายคุ รบยสี่ บิ ปบี รบิ รู ณห์ รอื
บรรลนุ ติ ภิ าวะแลว้ ดว้ ยการสมรสสำ�หรบั คดคี รอบครวั ใหศ้ าลนนั้ คงมอี �ำ นาจพจิ ารณาพพิ ากษาตอ่ ไป
จนเสรจ็ สำ�นวน และถา้ จะมีอทุ ธรณ์หรอื ฎีกา กใ็ หเ้ ป็นอำ�นาจของศาลอทุ ธรณแ์ ผนกคดเี ยาวชนและ
ครอบครวั หรอื ศาลอทุ ธรณภ์ าคแผนกคดเี ยาวชนและครอบครวั หรอื ศาลฎกี าแผนกคดเี ยาวชนและ
ครอบครัว ที่จะพิจารณาพิพากษาต่อไป และให้ศาลดังกล่าวคงมีอำ�นาจใช้วิธีการสำ�หรับเด็กและ
เยาวชนตามทบ่ี ัญญตั ิไว้ในพระราชบัญญัตนิ ้ี (มาตรา ๑๓)
๙. กำ�หนดให้กรณีปรากฏในภายหลังว่าข้อเท็จจริงเร่ืองอายุหรือการบรรลุนิติภาวะด้วย
การสมรสของบุคคลที่เกี่ยวข้องผิดไป หรือศาลอื่นใดได้รับพิจารณาพิพากษาคดีโดยไม่ต้องด้วย
มาตรา๑๒ ซงึ่ ถา้ ปรากฏเสยี แตต่ น้ จะเปน็ เหตใุ หศ้ าลดงั กลา่ วไมม่ อี �ำ นาจพจิ ารณาพพิ ากษาขอ้ บกพรอ่ ง
ดงั กลา่ วไมท่ �ำ ใหก้ ารด�ำ เนนิ การในชนั้ สอบสวนและการพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลทม่ี อี �ำ นาจพจิ ารณา
คดีธรรมดาและศาลท่ีมีอำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวเสียไป และถ้าข้อเท็จจริงปรากฏ
ขน้ึ ในระหวา่ งการพจิ ารณาไมว่ า่ ในศาลชนั้ ตน้ ศาลอทุ ธรณห์ รอื ศาลฎกี า ใหศ้ าลนนั้ โอนคดไี ปยงั ศาล
ที่มอี �ำ นาจเพอื่ พจิ ารณาพพิ ากษาตอ่ ไป (มาตรา ๑๔)
อยั การนเิ ทศ 229
๑๐. กำ�หนดให้ในระหว่างพิจารณาคดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กหรือเยาวชน ศาล
อาจขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ จิตวิทยา การให้คำ�ปรึกษาแนะนำ� การสังคมสงเคราะห์หรือ
การคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือผู้เช่ียวชาญด้านอื่น มาให้คำ�ปรึกษาแนะนำ�และให้ความเห็นเก่ียว
กับสภาพร่างกาย สภาพจิต สวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของเด็ก เยาวชนและบุคคลในครอบครัว
คู่ความหรอื บคุ คลทเี่ ก่ยี วขอ้ งก็ได้ ฯลฯ (มาตรา ๓๑)
๑๑. กำ�หนดให้สถานพินิจมีอำ�นาจหน้าที่โดยเฉพาะในการสืบเสาะและพินิจเรื่องอายุ
ประวตั ิ ความประพฤติ ฐานะของเดก็ หรอื เยาวชน ของบดิ ามารดา ผปู้ กครอง หรอื บคุ คลซง่ึ เดก็ หรอื
เยาวชนอาศยั อยดู่ ว้ ย สง่ิ แวดลอ้ มทงั้ ปวงเกยี่ วกบั เดก็ หรอื เยาวชน และสาเหตแุ หง่ การกระทำ�ผดิ ฯลฯ
(มาตรา ๓๖)
๑๒. กำ�หนดให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจมีหน้าท่ีรับผิดชอบกิจการทั้งปวงตลอดจนการ
ปกครองบงั คบั บญั ชาพนกั งานของสถานพนิ จิ นน้ั และมอี �ำ นาจเชน่ เดยี วกบั พนกั งานคมุ ประพฤตแิ ละ
นักสงั คมสงเคราะห์ ฯลฯ (มาตรา ๓๗)
๑๓. ก�ำ หนดใหใ้ นระหวา่ งทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนอยใู่ นความควบคมุ ของสถานพนิ จิ ใหผ้ อู้ �ำ นวยการ
สถานพินจิ มีอำ�นาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) จดั ใหเ้ ดก็ หรอื เยาวชนไดศ้ กึ ษาเลา่ เรยี นวชิ าสามญั ฝกึ อาชพี หรอื วชิ าชพี รบั บรกิ าร
ด้านสวสั ดิการสงั คม รบั การอบรม หรือปฏบิ ตั กิ ารงานอน่ื ใดให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย สภาพจิต
และสภาพแวดลอ้ มทางสงั คมของบคุ คลดงั กลา่ ว ทั้งนี้ โดยค�ำ นงึ ถงึ คณุ ธรรมและจริยธรรมเปน็ หลกั
(๒) ออกกฎข้อบังคับเก่ียวกับการรักษาระเบียบวินัยของเด็กและเยาวชนซึ่งอยู่ใน
ความควบคมุ
(๓) ลงทัณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔๒ แก่เด็กและเยาวชนที่ละเมิดกฎหมาย
ประพฤติชว่ั หรือกระท�ำ ผิดวินยั ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการทก่ี ำ�หนดในกฎกระทรวง
(๔) สง่ บคุ คลทอ่ี ยใู่ นความควบคมุ ซง่ึ มใิ ชเ่ ดก็ ทม่ี คี วามประพฤตเิ สยี หายอยา่ งรา้ ยแรง
อันจะเป็นภัยต่อเด็กหรือเยาวชนอ่ืนไปควบคุมไว้ในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะหรือเรือนจ�ำ โดยได้
รบั อนญุ าตจากศาลกอ่ น เวน้ แตใ่ นกรณฉี กุ เฉนิ อยา่ งยงิ่ อนั จะเปน็ ภยั ตอ่ บคุ คลอน่ื จะสง่ บคุ คลดงั กลา่ ว
ไปยังเรอื นจ�ำ กอ่ นก็ได้ แล้วรายงานใหศ้ าลทราบโดยเร็ว
(๕) อนุญาตให้เด็กหรือเยาวชนออกนอกสถานพินิจเป็นครั้งคราวตามระเบียบท่ี
อธิบดีก�ำ หนด
(๖) อนญุ าตใหเ้ ดก็ หรอื เยาวชนในคดที ศ่ี าลมคี �ำ พพิ ากษาหรอื ค�ำ สง่ั เดด็ ขาดแลว้ ออก
ไปศกึ ษาในสถานศกึ ษาประเภทไปมานอกสถานพนิ จิ ตามระเบยี บทอี่ ธบิ ดกี �ำ หนดและรายงานใหศ้ าล
ทราบโดยเรว็ ถา้ ศาลเหน็ วา่ การอนญุ าตเชน่ นน้ั ไมส่ อดคลอ้ งกบั ประโยชนส์ งู สดุ ของเดก็ หรอื เยาวชน
ศาลอาจพิจารณามคี �ำ ส่งั ตามทีเ่ หน็ สมควร
(๗) ย้ายเด็กหรือเยาวชนไปควบคุมในสถานพินิจอ่ืนหรือสถานที่ที่กำ�หนดไว้ใน
230 อัยการนิเทศ
หมวด ๔ ตามพระราชบัญญัติน้ีในกรณีท่ีมีความจำ�เป็นโดยได้รับอนุญาตจากศาลก่อน เว้นแต่ใน
กรณีมีเหตุฉุกเฉินจะย้ายเด็กหรือเยาวชนดังกล่าวไปก่อนก็ได้ แล้วรายงานให้ศาลทราบโดยเร็ว ถ้า
ศาลเห็นว่าการย้ายเช่นนน้ั ไม่สอดคลอ้ งกบั ประโยชน์สูงสดุ ของเดก็ หรอื เยาวชน ศาลอาจพิจารณามี
ค�ำ สงั่ ตามทเี่ หน็ สมควร (มาตรา ๔๑)
๑๔. ก�ำ หนดให้มีคณะกรรมการสหวิชาชีพประจำ�สถานพินิจ ประกอบดว้ ยผูท้ รงคุณวฒุ ใิ น
วชิ าชพี ดา้ นจติ วทิ ยา สงั คมสงเคราะห์ สาธารณสขุ และการศกึ ษา ดา้ นละหนงึ่ คนมหี นา้ ทใี่ หข้ อ้ เสนอ
แนะตอ่ ผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ ในการจ�ำ แนกเดก็ และเยาวชน การแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟน้ื ฟเู ดก็ หรอื เยาวชน
แต่ละราย และหนา้ ทีอ่ น่ื ตามพระราชบัญญัติน้ี ฯลฯ (มาตรา ๔๓)
๑๕. กำ�หนดให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจมีหน้าที่รับเด็กหรือเยาวชนเข้ารับการแก้ไขบำ�บัด
ฟ้ืนฟแู บบเช้ามาเยน็ กลับตามคำ�พิพากษาหรือค�ำ สง่ั ศาล (มาตรา ๔๕)
๑๖. กำ�หนดอ�ำ นาจหนา้ ที่ของพนกั งานคุมประพฤติ โดยใหพ้ นกั งานคมุ ประพฤติมีอ�ำ นาจ
หนา้ ทต่ี ามพระราชบัญญตั นิ ้ี และตามกฎหมายอ่ืน และตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ โดยใหร้ ฐั มนตรี
หรอื ผซู้ งึ่ ไดร้ บั มอบหมายเปน็ ผแู้ ตง่ ตง้ั และถอดถอนพนกั งานคมุ ประพฤตติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และ
การทพ่ี นกั งานคมุ ประพฤตมิ คี วามจำ�เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเขา้ ไปในสถานทอ่ี ยอู่ าศยั ตามมาตรา ๔๘ (๑) หรอื
(๒) พนกั งานคมุ ประพฤติจะกระทำ�ไดต้ ่อเม่อื มีค�ำ สั่งศาล (มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘)
๑๗. ก�ำ หนดใหน้ กั สงั คมสงเคราะห์มีอำ�นาจหน้าทตี่ ามพระราชบญั ญตั นิ ีแ้ ละตามกฎหมาย
อื่น และให้มีอำ�นาจหน้าที่ตามมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ โดยในกรณีที่มีความจำ�เป็นอย่างย่ิงท่ี
นกั สงั คมสงเคราะหต์ อ้ งเขา้ ไปในสถานทต่ี ามมาตรา ๕๑ (๑) หรอื (๒) ในระหวา่ งพระอาทติ ยต์ กและ
พระอาทติ ย์ขนึ้ จะกระทำ�ได้ต่อเมอื่ มคี ำ�สงั่ ศาล (มาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑)
๑๘. กำ�หนดใหผ้ ้อู �ำ นวยการสถานพนิ ิจ พนกั งานคุมประพฤติ ผูช้ ่วยพนักงานคมุ ประพฤติ
และนักสังคมสงเคราะห์จะต้องแสดงบัตรประจำ�ตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติหน้าท่ีตาม
พระราชบัญญัตนิ ี้ ฯลฯ (มาตรา ๕๒)
๑๙. ก�ำ หนดใหใ้ นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทตี่ ามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใหผ้ อู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ แพทย์
จติ แพทย์ นกั จติ วทิ ยา ครู พนกั งานคมุ ประพฤติ ผชู้ ว่ ยพนกั งานคมุ ประพฤติ นกั สงั คมสงเคราะห์ และ
พนกั งานอนื่ ตามทก่ี ฎกระทรวงระบตุ �ำ แหนง่ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ เปน็ เจา้ พนกั งาน
ตามประมวลกฎหมายอาญา(มาตรา ๕๓)
๒๐. ก�ำ หนดใหศ้ นู ยฝ์ กึ และอบรมเดก็ และเยาวชนเปน็ สว่ นราชการในกรมพนิ จิ และคมุ้ ครอง
เดก็ และเยาวชนกระทรวงยตุ ธิ รรม โดยมผี อู้ �ำ นวยการเปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชา มอี �ำ นาจหนา้ ทป่ี กครองดแู ล
ฝกึ อบรมเด็ก และเยาวชนที่ผ้อู ำ�นวยการสถานพนิ จิ สง่ ตัวมา (มาตรา ๕๔)
๒๑. ก�ำ หนดใหใ้ นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหผ้ อู้ �ำ นวยการศนู ยฝ์ กึ และอบรม
เด็กและเยาวชน ผดู้ แู ลหรอื ผู้ปกครองสถานทีท่ ก่ี ำ�หนด ฯลฯ และพนักงานอน่ื ของสถานที่ท่ีก�ำ หนด
ตามทกี่ ฎกระทรวงระบตุ �ำ แหนง่ เพอื่ ชว่ ยเหลอื บคุ คลดงั กลา่ ว เปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมาย
อยั การนเิ ทศ 231
อาญา (มาตรา ๖๕)
๒๒. การสอบสวนคดอี าญา
(๑) ก�ำ หนดหา้ มมใิ หจ้ บั กมุ เดก็ ซง่ึ ตอ้ งหาวา่ กระทำ�ความผดิ เวน้ แตเ่ ดก็ นน้ั ไดก้ ระทำ�
ความผดิ ซง่ึ หนา้ หรอื มหี มายจบั หรอื ค�ำ สง่ั ของศาล การจบั กมุ เยาวชนซงึ่ ตอ้ งหาวา่ กระท�ำ ความผดิ ให้
เป็นไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (มาตรา ๖๖)
๒) ห้ามมิให้ควบคุม คุมขัง กักขัง คุมความประพฤติ หรือใช้มาตรการอนั มีลกั ษณะ
เปน็ การจ�ำ กดั สทิ ธเิ สรภี าพเดก็ หรอื เยาวชนซงึ่ ตอ้ งหาวา่ กระทำ�ความผดิ หรอื เปน็ จ�ำ เลย เวน้ แตม่ หี มาย
หรอื ค�ำ ส่ังศาล หรอื เปน็ กรณกี ารควบคุมตัวเท่าท่ีจ�ำ เปน็ เพ่ือดำ�เนนิ การตามมาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐
หรือมาตรา ๗๒ (มาตรา ๖๘)
(๓) กำ�หนดให้ในการจับกุมเด็กหรือเยาวชนซ่ึงต้องหาว่ากระทำ�ความผิด ให้
เจ้าพนักงาน ผู้จับแจ้งแก่เด็กหรือเยาวชนนั้นว่าเขาต้องถูกจับ และแจ้งข้อกล่าวหารวมทั้งสิทธิ
ตามกฎหมายให้ทราบ หากมีหมายจับให้แสดงต่อผู้ถูกจับ แล้วนำ�ตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำ�การของ
พนักงานสอบสวนแหง่ ทอ้ งท่ที ่ถี กู จบั ทนั ที เพอ่ื ให้พนักงานสอบสวนของท้องทด่ี งั กลา่ วส่งตวั ผถู้ กู จับ
ไปยังท่ีทำ�การของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบโดยเร็ว ถ้าขณะจับกุมมีบิดา มารดา ผู้ปกครอง
บุคคลหรือผู้แทนองค์การซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วย อยู่ด้วยในขณะจับให้เจ้าพนักงานผู้จับ
แจง้ เหตแุ ห่งการจบั ให้บคุ คลดังกลา่ วทราบ และในกรณีความผดิ อาญา ซ่ึงมอี ัตราโทษอย่างสงู ตาม
ที่กฎหมายกำ�หนดไว้ให้จำ�คุกไม่เกิน ๕ ปี เจ้าพนักงานผู้จับจะส่ังให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้นำ�ตัวเด็ก
หรอื เยาวชนนนั้ ไปยงั ทีท่ ำ�การของพนักงานสอบสวนก็ได้ ฯลฯ
ก่อนส่งตัวผู้ถูกจับให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องท่ีที่ถูกจับให้เจ้าพนักงานผู้จับทำ�
บันทึกการจับกุมโดยแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดเก่ียวกับเหตุแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ โดย
หา้ มมใิ ห้ถามคำ�ให้การผถู้ กู จบั ถ้าขณะท�ำ บนั ทกึ การจบั กุมมบี ิดา มารดา ผปู้ กครอง หรือบุคคลหรือ
ผู้แทนองค์กร ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วยในขณะน้ัน ต้องกระทำ�ต่อหน้าบุคคลดังกล่าว และ
จะให้ลงลายมือชื่อเป็นพยานด้วยก็ได้ถ้อยคำ�ของเด็กหรือเยาวชนในช้ันจับกุมมิให้ศาลรับฟังเป็น
พยาน เพ่ือพิสูจน์ความผิดของเด็กหรือเยาวชน แต่ศาลอาจนำ�มาฟังเป็นคุณแก่เด็กหรือเยาวชนได้
(มาตรา ๖๙)
(๔) กำ�หนดให้เมื่อพนักงานสอบสวนได้รับตัวเด็กหรือเยาวชนซ่ึงถูกจับ หรือเด็ก
หรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำ�ความผิดถูกเรียกมา ส่งตัวมา ให้พนักงานสอบสวนเอง มาปรากฏ
ตัวอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวน หรือมีผู้นำ�ตัวเด็กหรือเยาวชนน้ันเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน
และคดีนั้นเป็นคดีท่ีต้องพิจารณาพิพากษาในศาลเยาวชนและครอบครัว ให้พนักงานสอบสวนรีบ
สอบถามเด็กหรือเยาวชนในเบอื้ งตน้ เพ่อื ทราบชื่อตัว ชอื่ สกลุ อายุ สญั ชาติ ถิ่นทอี่ ยู่ สถานที่เกิดและ
อาชพี ของเด็กหรอื เยาวชน ตลอดจนชอ่ื ตวั ชอ่ื สกลุ และรายละเอยี ดเกีย่ วกับบิดามารดา ผู้ปกครอง
บคุ คลหรอื องคก์ ารทเ่ี ดก็ อาศยั อยดู่ ว้ ย แลว้ แจง้ ขอ้ กลา่ วหาใหเ้ ดก็ หรอื เยาวชนรวมทงั้ บคุ คลดงั กลา่ ว
232 อยั การนเิ ทศ
ทราบ ฯลฯ (มาตรา ๗๐)
(๕) กำ�หนดใหเ้ มอื่ พนักงานสอบสวนได้สอบถามเบอื้ งตน้ และแจง้ ขอ้ กล่าวหาแลว้
กรณีเด็กหรือเยาวชนถูกเรียกมา ส่งตัวมา เข้าหาพนักงานสอบสวนเอง มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า
พนกั งานสอบสวนหรอื มผี นู้ �ำ เดก็ หรอื เยาวชนเขา้ มอบตวั ใหพ้ นกั งานสอบสวนด�ำ เนนิ การตามประมวล
กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๓๔ โดยอนุโลม (มาตรา ๗๑)
(๖) กำ�หนดให้พนักงานสอบสวนน�ำ ตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาล เพ่ือตรวจสอบการ
จบั กมุ ทนั ทภี ายในเวลา ๒๔ ชวั่ โมงนบั แตเ่ วลาทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนไปถงึ ทท่ี ำ�การของพนกั งานสอบสวน
และกรณีทม่ี บี ดิ า มารดา ผูป้ กครอง หรือบคุ คล หรอื องคก์ าร ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศยั อย่ดู ว้ ย และ
บคุ คลดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ วา่ ยงั สามารถปกครองดแู ลเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ได้ พนกั งานสอบสวนอาจ
มอบตัวเด็กหรือเยาวชนให้แก่บุคคลดังกล่าวไปปกครองดูแลและส่ังให้นำ�ตัวเด็กหรือเยาวชนไป
ศาลภาย ๒๔ ชวั่ โมงนบั แตเ่ วลาทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนไปถงึ ทท่ี �ำ การของพนกั งานสอบสวนภายหลงั ถกู จบั
กรณีดังกล่าวตามวรรคหน่ึงไมน่ ำ�ไปใชบ้ งั คบั กบั คดที ่อี าจเปรียบเทยี บปรบั ได้ ฯลฯ
(มาตรา ๗๒)
(๗) กำ�หนดให้ศาลตรวจสอบการจับ และการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนว่าเป็นไป
โดยชอบด้วยกฎหมายหรอื ไม่ ถา้ ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ให้ปล่อยตวั เด็กหรอื เยาวชนไป ถ้าเดก็ หรอื
เยาวชนยังไม่มีท่ีปรึกษากฎหมายให้ศาลแต่งตั้งให้ และศาลอาจมีคำ�สั่งให้มอบตัวเด็กหรือเยาวชน
ให้แก่ บดิ า มารดา ผปู้ กครอง ฯลฯ เป็นผู้ดแู ลเดก็ หรือเยาวชนในระหว่างการด�ำ เนินคดี โดยก�ำ หนด
ใหบ้ คุ คลดงั กลา่ วนำ�ตวั เดก็ หรอื เยาวชน ไปพบพนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งานคมุ ประพฤติ หรอื ศาล
แลว้ แต่กรณี ถา้ การกระทำ�ของเด็กหรอื เยาวชนมีลกั ษณะหรือพฤตกิ ารณ์ที่อาจเป็นภยั ตอ่ บุคคลอ่ืน
อย่างร้ายแรง หรือมีเหตุสมควรประการอื่น ศาลอาจมีคำ�สั่งให้ควบคุมเด็กหรือเยาวชนไว้ในสถาน
พินิจหรือในสถานที่อื่นท่ีจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและตามที่ศาลเห็นสมควร กรณีท่ีเด็กหรือเยาวชน
มีอายตุ ้ังแต่ ๑๘ ปีบรบิ ูรณข์ ึ้นไปหรือมอี ายุเกิน ๒๐ ปบี ริบรู ณแ์ ล้ว ศาลอาจมีคำ�สงั่ ใหค้ วบคมุ ไว้ใน
เรอื นจำ�หรือสถานที่อ่ืนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ฯลฯ (มาตรา ๗๓)
(๘) ก�ำ หนดใหก้ อ่ นทศี่ าลจะมคี �ำ ส่ังควบคุมหรือคมุ ขังเด็กหรอื เยาวชน ซ่งึ ตอ้ งหาว่า
กระทำ�ความผิดหรือซ่ึงเป็นจำ�เลยทุกครั้ง ให้ศาลสอบถามเด็กหรือเยาวชนหรือท่ีปรึกษากฎหมาย
ของเด็กหรือเยาวชนว่าจะมีข้อคัดค้านประการใดหรือไม่ และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวนหรือ
พนักงานอัยการมาชี้แจงความจำ�เป็นหรืออาจเรียกพยานหลักฐานมาไต่สวน เพ่ือประกอบการ
พิจารณาก็ได้ ฯลฯ (มาตรา ๗๔)
(๙) ก�ำ หนดใหใ้ นการสอบสวนใหก้ ระท�ำ ในสถานทที่ เี่ หมาะสมโดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั แิ ละ
ไมป่ ะปนกบั ผตู้ อ้ งหาอน่ื หรอื มบี คุ คลอนื่ ทไ่ี มเ่ กย่ี วขอ้ งอยใู่ นสถานทน่ี นั้ อนั มลี กั ษณะเปน็ การประจาน
เดก็ หรอื เยาวชน ตอ้ งใชภ้ าษาและถอ้ ยค�ำ ทเี่ ขา้ ใจไดง้ า่ ย ถา้ เดก็ หรอื เยาวชนไมส่ ามารถสอ่ื สารหรอื ไม่
เขา้ ใจภาษาไทย ใหจ้ ดั หาลา่ มให้ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ฯลฯ
อัยการนเิ ทศ 233
การแจง้ ขอ้ กลา่ วหาและสอบปากค�ำ เดก็ หรอื เยาวชนจะตอ้ งมที ป่ี รกึ ษากฎหมายของ
เดก็ หรือเยาวชนร่วมอยู่ดว้ ยทกุ ครั้ง พร้อมท้งั แจ้งสิทธทิ ี่จะไมใ่ ห้การหรือให้การกไ็ ด้ และถ้อยค�ำ ของ
เด็กหรือเยาวชนอาจใช้เปน็ พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด้ ฯลฯ
บดิ า มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรอื ผ้แู ทนองค์การซงึ่ เดก็ หรอื เยาวชนอาศยั อยดู่ ว้ ย
จะเขา้ รว่ มรับฟังการสอบสวนด้วยกไ็ ด้ (มาตรา ๗๕)
(๑๐) ก�ำ หนดหา้ มมใิ หเ้ จา้ พนกั งานผจู้ บั กมุ หรอื พนกั งานสอบสวนจดั ใหม้ หี รอื อนญุ าต
ใหม้ ีหรอื ยินยอมให้มกี ารถ่ายภาพหรอื บนั ทึกภาพเด็กหรอื เยาวชน ซ่ึงต้องหาว่ากระท�ำ ความผดิ เว้น
แตเ่ พ่ือประโยชน์ในการสอบสวน (มาตรา ๗๖)
(๑๑) ก�ำ หนดใหใ้ นระหวา่ งสอบสวนพนกั งานสอบสวนมอี �ำ นาจด�ำ เนนิ การสอบสวน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาและกฎหมายอืน่ ๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง กรณีมีขอ้ สงสยั เกีย่ ว
กับอายุของเด็กทถ่ี ูกจบั กมุ หรือควบคมุ
หากปรากฏภายหลงั วา่ เด็กมีอายไุ ม่เกนิ ๑๐ ปี ในขณะกระท�ำ ความผดิ และเด็กอยู่
ในความควบคมุ ของสถานพนิ จิ หรอื องคก์ ารอนื่ ใด ใหส้ ถานพนิ จิ หรอื องคก์ ารดงั กลา่ วรายงานใหศ้ าล
ทราบ เพื่อให้ศาลมคี �ำ ส่งั ปล่อยตวั เด็กและดำ�เนนิ การตอ่ ไป ตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ฯลฯ (มาตรา
๗๗)
(๑๒) กำ�หนดให้เม่อื มกี ารจับกุมเด็กหรอื เยาวชนซง่ึ ตอ้ งหาว่ากระทำ�ความผิด หรอื
เด็กหรือเยาวชนปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนรีบด�ำ เนินการสอบสวน
และส่งสำ�นวนการสอบสวนพร้อมท้ังความเห็นไปยังพนักงานอัยการเพ่ือยื่นต่อศาลเยาวชนและ
ครอบครวั ใหท้ นั ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนถกู จบั กมุ หรอื ปรากฏตวั ตอ่ หนา้ พนกั งาน
สอบสวน
กรณีความผดิ อาญาทีม่ อี ตั ราโทษอยา่ งสงู ให้จำ�คุกเกนิ ๖ เดือนแต่ไม่เกิน ๕ ปี ไม่
ว่าจะมโี ทษปรับด้วยหรอื ไมก่ ็ตาม หากไมส่ ามารถฟอ้ งเด็กหรอื เยาวชนตอ่ ศาลไดท้ ันภายในก�ำ หนด
๓๐ วัน ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการย่ืนคำ�ร้องต่อศาลเพ่ือขอผัดฟ้องต่อไปได้อีกครั้ง
ละไมเ่ กนิ ๑๕ วัน แตต่ อ้ งไม่เกิน ๒ ครง้ั
กรณีความผดิ อาญาท่มี อี ัตราโทษอยา่ งสงู ใหจ้ �ำ คุกเกนิ ๕ ปี ไม่วา่ จะมโี ทษปรับด้วย
หรอื ไม่ก็ตาม เม่ือศาลส่งั อนญุ าตใหผ้ ัดฟอ้ งครบ ๒ คร้งั แล้ว แต่มีเหตจุ ำ�เป็น พนักงานสอบสวนหรือ
พนกั งานอยั การอาจยน่ื ค�ำ รอ้ งตอ่ ศาลเพอ่ื ขอผดั ฟอ้ งตอ่ ไปอกี ซงึ่ ศาลจะอนญุ าตตามค�ำ ขอไดต้ อ่ เมอ่ื
พนักงานสอบสวนหรือพนกั งานอัยการไดแ้ สดงถงึ เหตุจ�ำ เป็นและน�ำ พยานมาเบกิ ความประกอบจน
เป็นท่ีพอใจศาล ในกรณีน้ี ศาลจะอนุญาตใหผ้ ดั ฟ้องตอ่ ไปไดอ้ ีกครัง้ ละไม่เกิน ๑๕ วัน แตต่ อ้ งไม่เกนิ
๒ ครงั้ ฯลฯ
ในการพิจารณาคำ�ร้องขอผัดฟ้อง ถ้าเด็กหรือเยาวชนยังไม่มีที่ปรึกษากฎหมายให้
ศาลแตง่ ตงั้ ให้เพอ่ื แถลงข้อคัดคา้ นหรือซักถามพยาน (มาตรา ๗๘)
234 อยั การนิเทศ
(๑๓) ก�ำ หนดหา้ มมใิ หพ้ นกั งานอยั การฟอ้ งคดเี มอื่ พน้ ก�ำ หนดระยะเวลาทก่ี �ำ หนดไว้
ในมาตรา ๗๘ เวน้ แตจ่ ะได้รบั อนญุ าตจากอัยการสูงสดุ (มาตรา ๘๐)
๒๓. มาตรการพเิ ศษแทนการดำ�เนินคดีอาญา
(๑) กำ�หนดให้ในคดีที่เด็กหรือเยาวชนต้องหาว่ากระทำ�ความผิดอาญาซ่ึงมีอัตรา
โทษอย่างสูงตามท่ีกฎหมายกำ�หนดไว้ให้จำ�คุกไม่เกินห้าปี ไม่ว่าจะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม
ถา้ ปรากฏวา่ เด็กหรอื เยาวชนไม่เคยได้รับโทษจำ�คกุ โดยค�ำ พพิ ากษาถึงทีส่ ดุ ให้จ�ำ คุก เว้นแตเ่ ปน็ โทษ
สำ�หรับความผิดท่ีได้กระทำ�โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หากเด็กหรือเยาวชนสำ�นึกในการ
กระท�ำ กอ่ นฟอ้ งคดี หากผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ พจิ ารณาเหน็ วา่ เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ อาจกลบั ตนเปน็
คนดไี ด้โดยไมต่ ้องฟอ้ ง ใหจ้ ดั ทำ�แผนแก้ไขบำ�บดั ฟนื้ ฟู ให้เดก็ หรือเยาวชนปฏิบตั แิ ละอาจก�ำ หนดให้
บดิ า มารดา ผปู้ กครองบคุ คลหรอื ผแู้ ทนองคก์ ารซง่ึ เดก็ หรอื เยาวชนอาศยั อยดู่ ว้ ยปฏบิ ตั ดิ ว้ ยกไ็ ด้ แลว้
เสนอความเหน็ ประกอบแผนแกไ้ ขบำ�บดั ฟ้ืนฟตู ่อพนกั งานอัยการเพอื่ พจิ ารณา ทั้งนี้ การจัดท�ำ แผน
แกไ้ ขบำ�บัดฟ้ืนฟตู ้องได้รบั ความยนิ ยอมจากผเู้ สยี หายและเดก็ หรือเยาวชนด้วย
เมอื่ พนกั งานอยั การไดร้ บั แผนแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟนื้ ฟแู ละความเหน็ ของผอู้ �ำ นวยการสถาน
พนิ จิ แลว้ หากมขี อ้ สงสยั อาจสอบถามผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ หรอื บคุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ งเพอื่ ประกอบการ
พจิ ารณาได้
ถ้าพนักงานอัยการไม่เห็นชอบด้วยกับแผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟู ให้ส่ังแก้ไขแผนแก้ไข
บำ�บัดฟ้ืนฟูหรือส่ังดำ�เนินคดีต่อไปและให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจแจ้งคำ�สั่งของพนักงานอัยการให้
พนักงานสอบสวนและผ้ทู ่ีเกี่ยวข้องทราบ
หากถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟูได้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุด
ของเด็กหรือเยาวชนแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้พนักงานอัยการเห็นชอบกับแผน
ดงั กลา่ ว เมอ่ื ผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ ไดร้ บั แจง้ ความเหน็ ชอบจากพนกั งานอยั การแลว้ ใหผ้ อู้ �ำ นวยการ
สถานพินิจจัดให้มีการดำ�เนินการตามแผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟูดังกล่าวได้ทันทีพร้อมทั้งเป็นหน้าที่ของ
ผอู้ ำ�นวยการสถานพินจิ ท่จี ะตอ้ งรายงานใหศ้ าลทราบ (มาตรา ๘๖ วรรคสอง)
กรณีปรากฏข้อเท็จจริงแก่ศาลว่ากระบวนการจัดทำ�แผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟูนั้น
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ศาลพิจารณาส่ังตามที่เห็นสมควรโดยศาลมีอำ�นาจพิจารณาตรวจสอบ
เฉพาะกระบวนการจัดทำ�แผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟูเท่านั้น ไม่มีอำ�นาจในการตรวจสอบดุลยพินิจของ
สหวทิ ยาการในการจดั ทำ�แผนแกไ้ ขบำ�บดั ฟนื้ ฟแู ตอ่ ยา่ งใด โดยศาลตอ้ งมคี ำ�สง่ั ภายในสามสบิ วนั นบั
แต่วนั ที่ไดร้ บั รายงาน (มาตรา ๘๖ วรรคส่ี)
(๒) ก�ำ หนดให้การจัดท�ำ แผนแก้ไขบ�ำ บดั ฟนื้ ฟู ใหผ้ ูอ้ �ำ นวยการสถานพินิจเชิญฝ่าย
เดก็ หรอื เยาวชน ซง่ึ ตอ้ งหาวา่ กระท�ำ ความผดิ ฝา่ ยผเู้ สยี หาย และนกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห์
เขา้ รว่ มประชมุ และหากเหน็ สมควรอาจเชญิ ผแู้ ทนชมุ ชนหรอื หนว่ ยงานทมี่ หี นา้ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งหรอื ไดร้ บั
ผลกระทบจากการกระทำ�ความผดิ หรอื พนักงานอัยการดว้ ยกไ็ ด้ โดยจะต้องจัดท�ำ แผนแกไ้ ขบำ�บัด
อัยการนเิ ทศ 235
ฟน้ื ฟใู หแ้ ลว้ เสรจ็ และเสนอใหพ้ นกั งานอยั การพจิ ารณาภายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชน
สำ�นึกในการกระทำ� โดยแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟูต้องไม่มีลักษณะเป็นการจำ�กัดสิทธิหรือเสรีภาพของ
เดก็ หรอื เยาวชนและไมม่ ีลกั ษณะเป็นการละเมิดศักด์ศิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ของเด็กหรือเยาวชน
แผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟูดังกล่าว อาจกำ�หนดให้ว่ากล่าวตักเตือน กำ�หนดเง่ือนไขให้
เด็กหรอื เยาวชนปฏิบัติ และหากจำ�เปน็ เพ่ือประโยชน์ในการคมุ้ ครองเดก็ หรอื เยาวชน อาจกำ�หนด
ใหบ้ ดิ ามารดา ผปู้ กครอง บคุ คลหรอื องคก์ ารซงึ่ เดก็ หรอื เยาวชนอาศยั อยดู่ ว้ ยปฏบิ ตั ดิ ว้ ยกไ็ ด้ ก�ำ หนด
ให้ชดใช้เยียวยาความเสียหาย กำ�หนดให้ทำ�งานบริการสังคมหรือทำ�งานสาธารณประโยชน์ไม่เกิน
สามสบิ ชวั่ โมง หรอื ก�ำ หนดใหน้ ำ�มาตรการอยา่ งหนงึ่ หรอื หลายอยา่ งมาใชเ้ พอ่ื ประโยชนใ์ นการแกไ้ ข
บ�ำ บัดฟน้ื ฟเู ด็กหรอื เยาวชน โดยระยะเวลาในการปฏบิ ตั ติ ามแผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟตู ้องไม่เกินหนงึ่ ปี
ฯลฯ (มาตรา ๘๗)
(๓) กำ�หนดให้ผู้มีหน้าท่ีปฏิบัติตามแผนแก้ไขบ�ำ บัดฟ้ืนฟู หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟู ให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจรายงานให้พนักงานอัยการทราบและแจ้งให้
พนักงานสอบสวนดำ�เนินคดีต่อไป ในกรณีมีการปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟูครบถ้วนแล้ว ให้
ผู้อำ�นวยการสถานพินิจรายงานให้พนักงานอัยการทราบ หากพนักงานอัยการเห็นชอบให้มีอ�ำ นาจ
สง่ั ไมฟ่ ้องเดก็ หรอื เยาวชนน้นั คำ�สั่งไม่ฟอ้ งของพนักงานอัยการให้เป็นทีส่ ุดและสิทธนิ �ำ คดอี าญามา
ฟอ้ งเปน็ อนั ระงบั แตไ่ มต่ ดั สทิ ธผิ มู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ทจี่ ะด�ำ เนนิ คดสี ว่ นแพง่ และใหผ้ อู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ
รายงานคำ�ส่งั ไม่ฟอ้ งใหศ้ าลทราบ (มาตรา ๘๘)
(๔) กำ�หนดให้ระหว่างจัดทำ�และปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟู ให้พนักงาน
สอบสวนหรือพนกั งานอัยการงดการสอบปากค�ำ หรือดำ�เนินการใด ๆ เฉพาะกับเดก็ หรือเยาวชน ซง่ึ
ต้องหาว่ากระทำ�ความผิดไว้ก่อน โดยมิให้นับระยะเวลาในการจัดท�ำ และการปฏิบัติตามแผนแก้ไข
บำ�บัดฟ้ืนฟรู วมเขา้ ในกำ�หนดระยะเวลาตามมาตรา ๗๘ (มาตรา ๘๙)
(๕) กำ�หนดให้เมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาลว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำ�ความผิดอาญาซ่ึง
มอี ัตราโทษอยา่ งสงู ใหจ้ ำ�คุกไมเ่ กิน ๒๐ ปี ถ้าปรากฏว่าเดก็ หรือเยาวชนไม่เคยไดร้ ับโทษจำ�คกุ โดย
ค�ำ พพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ้ �ำ คกุ มากอ่ น เวน้ แตเ่ ปน็ ความผดิ ทไี่ ดก้ ระท�ำ โดยประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ
กอ่ นมคี �ำ พพิ ากษา หากเดก็ หรอื เยาวชนส�ำ นกึ ในการกระท�ำ และผเู้ สยี หายยนิ ยอมและโจทกไ์ มค่ ดั คา้ น
และข้อเท็จจริงปรากฏว่าพฤติการณ์แห่งคดีไม่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมเกินควร และศาลเห็นว่า
เด็กหรือเยาวชนนั้นอาจกลับตนเป็นคนดีได้ และผู้เสียหายอาจได้รับการชดเชยเยียวยาตามสมควร
หากนำ�วิธีจัดทำ�แผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟู ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเด็กหรือเยาวชนและต่อ
ผู้เสยี หายมากกวา่ การพจิ ารณาพิพากษา ใหศ้ าลมคี �ำ ส่งั ใหผ้ ู้อ�ำ นวยการสถานพนิ ิจหรือบคุ คลที่ศาล
เห็นสมควรจัดให้มีการดำ�เนินการเพ่ือจัดทำ�แผนดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขให้เด็กหรือเยาวชน บิดา
มารดา ผู้ปกครอง บุคคลหรือองค์การซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยู่ด้วยปฏิบัติ แล้วเสนอต่อศาล
เพ่ือพิจารณาภายในสามสิบวันนับแต่ท่ีศาลมีคำ�ส่ัง หากศาลเห็นชอบด้วยกับแผนแก้ไขบำ�บัดฟ้ืนฟู
236 อัยการนเิ ทศ
ให้ด�ำ เนนิ การตามนน้ั และใหม้ คี ำ�สั่งจ�ำ หนา่ ยคดีไวช้ วั่ คราว หากศาลไม่เหน็ ชอบ ให้ด�ำ เนนิ กระบวน
พิจารณาตอ่ ไป (มาตรา ๙๐)
(๖) กำ�หนดให้การประชุมเพื่อจัดทำ�แผนแก้ไขบำ�บัดฟื้นฟู ให้ผู้อำ�นวยการ
สถานพินิจหรือบุคคลท่ีศาลเห็นสมควร เป็นผู้ประสานการประชุม โดยพนักงานอัยการจะเข้าร่วม
ประชมุ ดว้ ยกไ็ ด้ (มาตรา ๙๑)
(๗) ก�ำ หนดใหก้ รณผี มู้ หี นา้ ทป่ี ฏบิ ตั ติ ามแผนแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟน้ื ฟทู ศี่ าลเหน็ ชอบฝา่ ฝนื
หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามแผนแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟนื้ ฟหู รอื มเี หตจุ �ำ เปน็ ตอ้ งแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงแผนแกไ้ ขบำ�บดั ฟน้ื ฟู
ใหผ้ อู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ หรอื บคุ คลทศ่ี าลสง่ั ใหจ้ ดั ท�ำ ขอ้ แผนแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟน้ื ฟรู ายงานใหศ้ าลทราบ
และใหศ้ าลพิจารณาสงั่ ตามทเ่ี ห็นสมควร หรอื ยกคดขี ึ้นพจิ ารณาตอ่ ไป
กรณปี ฏบิ ตั ติ ามแผนแก้ไขบำ�บัดฟนื้ ฟคู รบถ้วนแลว้ ใหผ้ ูอ้ ำ�นวยการสถานพนิ ิจหรือ
บคุ คลทศี่ าลสงั่ ใหจ้ ดั ทำ�แผนแกไ้ ขบ�ำ บดั ฟนื้ ฟรู ายงานใหศ้ าลทราบหากศาลเหน็ ชอบดว้ ย ใหม้ อี �ำ นาจ
สง่ั จ�ำ หนา่ ยคดีจากสารบบความ และมีค�ำ ส่งั ในเรอื่ งของกลางโดยให้สทิ ธินาคดีอาญามาฟ้องเป็นอนั
ระงับ แต่ไมต่ ดั สทิ ธผิ ู้มสี ่วนไดเ้ สียที่จะดำ�เนินคดสี ว่ นแพ่ง (มาตรา ๙๒)
๒๔. อำ�นาจศาลเก่ียวกบั คดีอาญา การฟ้องคดอี าญา การพิจารณาคดีอาญา และการ
พพิ ากษาคดีอาญา
(๑) กำ�หนดให้คดีอาญาท่ีมีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำ�ความผิด ให้ศาลเยาวชน
และครอบครัวซึ่งมีเขตอำ�นาจในท้องที่ที่เด็กหรือเยาวชนมีถิ่นท่ีอยู่ปกติ มีอำ�นาจพิจารณาคดี
เกี่ยวกับความผิดนั้น แต่ถ้าเพ่ือประโยชน์แก่เด็กหรือเยาวชนให้ศาลแห่งท้องท่ีท่ีเด็กหรือเยาวชน
กระทำ�ความผิดมอี ำ�นาจรับพจิ ารณาคดีนั้นได้ (มาตรา ๙๕)
(๒) ก�ำ หนดใหใ้ นกรณที เ่ี ดก็ หรอื เยาวชนกระท�ำ ความผดิ อาญารว่ มกบั บคุ คลซง่ึ มใิ ช่
เดก็ หรอื เยาวชนใหแ้ ยกฟอ้ งเดก็ หรอื เยาวชนตอ่ ศาลเยาวชนและครอบครวั ถา้ โจทกย์ นื่ ฟอ้ งเดก็ หรอื
เยาวชนร่วมกับบุคคลซึ่งมิใช่เด็กหรือเยาวชนและถ้าศาลเห็นสมควร ให้ศาลที่มีอำ�นาจพิจารณาคดี
ธรรมดามอี �ำ นาจโอนคดเี ดก็ หรอื เยาวชนไปพจิ ารณายงั ศาลเยาวชนและครอบครวั ตามกรณที บ่ี ญั ญตั ิ
ไวใ้ นมาตรา ๙๕ (คอื ทอ้ งทที่ เ่ี ดก็ หรอื เยาวชนมถี น่ิ ทอี่ ยปู่ กติ หรอื ทอ้ งทท่ี เี่ ดก็ หรอื เยาวชนกระท�ำ ความ
ผดิ )
แต่ถา้ ศาลเห็นว่า ไม่สมควรโอนคดี ให้ศาลท่ีมีอำ�นาจพจิ ารณาคดีธรรมดามีอำ�นาจ
ใชว้ ธิ กี ารส�ำ หรบั เดก็ และเยาวชนตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั นิ แ้ี กจ่ �ำ เลยทเี่ ปน็ เดก็ หรอื เยาวชน
ได้ ในกรณเี ชน่ นไ้ี มท่ �ำ ใหก้ ารด�ำ เนนิ การในชนั้ สอบสวนและการพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลทม่ี อี ำ�นาจ
พิจารณาคดีธรรมดาดงั กลา่ วเสียไป (มาตรา ๙๖)
(๓) ก�ำ หนดใหบ้ คุ คลใดอายยุ งั ไมเ่ กนิ ยส่ี บิ ปบี รบิ รู ณก์ ระท�ำ ความผดิ และเปน็ คดที อี่ ยู่
ในอำ�นาจศาลที่มีอำ�นาจพิจารณาคดีธรรมดา ถ้าศาลพิจารณาเห็นว่าบุคคลน้ันยังมีสภาพเช่นเดียว
กับเด็กหรือเยาวชน ให้มีอำ�นาจสั่งโอนคดีไปพิจารณาในศาลเยาวชนและครอบครัวท่ีมีอำ�นาจและ
อัยการนเิ ทศ 237
ให้ถือวา่ บุคคลนัน้ เปน็ เด็กหรอื เยาวชน
กรณีคดีอาญาที่อยู่ในอำ�นาจศาลเยาวชนและครอบครัว ถ้าศาลเยาวชนและ
ครอบครัวพิจารณาเห็นว่าในขณะกระทำ�ความผิด หรือในระหว่างการพิจารณาเด็กหรือเยาวชนท่ี
ตอ้ งหาวา่ กระท�ำ ความผดิ มสี ภาพเชน่ เดยี วกบั บคุ ลทมี่ อี ายตุ งั้ แตส่ บิ แปดปบี รบิ รู ณข์ น้ึ ไป ใหม้ อี �ำ นาจ
สั่งโอนคดีไปพจิ ารณาในศาลที่มอี �ำ นาจพิจารณาคดีธรรมดาได้ (มาตรา ๙๗)
(๔) กำ�หนดห้ามมิให้ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาซึ่งมีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระท�ำ
ความผดิ ตอ่ ศาลเยาวชนและครอบครวั เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนญุ าตจากผอู้ �ำ นวยการสถานพนิ จิ ทเี่ ดก็ หรอื
เยาวชนนัน้ อยใู่ นเขตอ�ำ นาจ ฯลฯ (มาตรา ๙๙)
(๕) กำ�หนดให้ก่อนท่ีศาลเยาวชนและครอบครัวจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีที่
เด็กหรือเยาวชนต้องหาว่ากระท�ำ ความผิด ให้ศาลแจ้งให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจที่เด็กหรือเยาวชน
น้นั อยใู่ นเขตอำ�นาจทราบกอ่ น ฯลฯ (มาตรา ๑๐๐)
(๖) กำ�หนดให้ในท้องที่ท่ีศาลเยาวชนและครอบครัวเปิดดำ�เนินการแล้ว ให้
อยั การสงู สดุ แตง่ ตงั้ พนกั งานอยั การคนหนงึ่ หรอื หลายคนตามความจำ�เปน็ เพอ่ื ใหม้ หี นา้ ทด่ี ำ�เนนิ คดี
ทม่ี ีข้อหาว่าเด็กหรอื เยาวชนกระทำ�ความผดิ และจะต้องฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว
(๗) ก�ำ หนดใหก้ ารพจิ ารณาคดอี าญาทเี่ ดก็ หรอื เยาวชนเปน็ จ�ำ เลยใหก้ ระท�ำ ในหอ้ งที่
มใิ ชห่ อ้ งพจิ ารณาคดธี รรมดา แตถ่ า้ ไมอ่ ยใู่ นวสิ ยั ทจ่ี ะกระท�ำ ได้ ใหพ้ จิ ารณาคดใี นหอ้ งส�ำ หรบั พจิ ารณา
คดีธรรมดาแตต่ อ้ งไมป่ ะปนกับการพจิ ารณาคดธี รรมดา
(๘) ก�ำ หนดใหก้ ารพจิ ารณาคดใี นศาลทมี่ อี �ำ นาจพจิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครวั
ให้กระทำ�เป็นการลับและเฉพาะบุคคลที่เก่ียวข้องกับคดีเท่านั้นมีสิทธิเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ ซึ่ง
ได้แก่ จ�ำ เลยท่ปี รึกษากฎหมายของจ�ำ เลย ผู้ควบคมุ ตวั จ�ำ เลย บิดา มารดา ผปู้ กครอง หรอื บคุ คล
ซง่ึ จ�ำ เลยอาศยั อย่ดู ้วย พนกั งานศาล และเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภยั แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
โจทก์ ทนายโจทก์ พยาน ผู้ชำ�นาญการพิเศษ ล่าม พนักงานคุมประพฤติ หรือพนักงานอื่นของ
สถานพนิ จิ และบุคคลอ่ืนทศ่ี าลเห็นสมควรอนญุ าต (มาตรา ๑๐๘)
(๙) กำ�หนดให้ถ้าศาลท่ีมีอำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวเห็นว่าจ�ำ เลย
ไมค่ วรฟงั ค�ำ ใหก้ ารของพยานในตอนหนงึ่ ตอนใด ศาลมอี �ำ นาจสงั่ ใหจ้ �ำ เลยออกไปนอกหอ้ งพจิ ารณา
ได้ แตเ่ มือ่ ศาลสง่ั ให้จ�ำ เลยกลบั เข้ามาฟงั การพิจารณา ใหศ้ าลแจ้งขอ้ ความทพ่ี ยานเบกิ ความไปแล้ว
ให้จ�ำ เลยทราบเท่าทศี่ าลเห็นสมควร (มาตรา ๑๐๙)
(๑๐) กำ�หนดให้ในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเป็นจำ�เลย
ศาลทีม่ อี ำ�นาจพจิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครัวมอี ำ�นาจเรยี กบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรอื บุคคล
ซ่ึงจ�ำ เลยอาศยั อยู่ด้วยหรือบุคคลซ่งึ ใหก้ ารศึกษา ให้ท�ำ การงาน หรอื มคี วามเกยี่ วข้องมาเปน็ พยาน
เพื่อสอบถามขอ้ เทจ็ จรงิ ทีเ่ กีย่ วกบั จ�ำ เลยได้ (มาตรา ๑๑)
(๑๑) กำ�หนดให้ในการพิจารณาคดีอาญาที่เด็กหรือเยาวชนเป็นจำ�เลย เม่ือศาล
238 อยั การนเิ ทศ
เห็นเองหรือปรากฏจากรายงานของผู้อำ�นวยการสถานพินิจว่า บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ใช้
อ�ำ นาจปกครองโดยมชิ อบเกยี่ วแกต่ วั เดก็ หรอื เยาวชนกระท�ำ ท�ำ รณุ กรรม ฯลฯ ใหศ้ าลไตส่ วนเพอ่ื หา
ข้อเท็จจริงได้ หากเห็นสมควรศาลอาจสั่งถอนอำ�นาจปกครองหรือความเป็นผู้ปกครองทั้งหมด
หรือบางส่วนเป็นการช่ัวคราว เป็นเวลาไม่เกิน ๒ ปี แต่ต้องไม่เกินกว่าเยาวชนนั้นบรรลุนิติภาวะ
และตั้งบุคคลซ่ึงบรรลุนิติภาวะหรือครอบครัวอุปถัมภ์หรือผู้แทนองค์การด้านเด็กท่ียอมรับเด็ก
หรือเยาวชนน้ันไว้ในความปกครองดแู ลเปน็ ผูป้ กครองชั่วคราว หรือจะตั้งผอู้ �ำ นวยการสถานพินจิ ท่ี
เด็กหรือเยาวชนอยู่ในเขตอำ�นาจเป็นผู้ปกครองเด็กหรือเยาวชนน้ันชั่วคราว หรือสั่งให้เด็กหรือ
เยาวชนไปรับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก ให้นำ�บทบัญญัติแห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการใช้อำ�นาจปกครอง และการตั้งผู้ปกครองมาใช้บังคับแก่การ
ต้งั ผปู้ กครองชว่ั คราวโดยอนุโลม ฯลฯ (มาตรา ๑๑๒)
เมอื่ ครบระยะเวลาการตง้ั ผปู้ กครองชว่ั คราว ใหผ้ ถู้ กู ถอนอ�ำ นาจปกครองหรอื ความ
เป็นผู้ปกครองกลับมอี �ำ นาจหน้าทีด่ งั เดิม เวน้ แตศ่ าลจะส่ังเปน็ อย่างอ่ืน และการท่บี ดิ า มารดา หรือ
ผปู้ กครองถกู ถอนอ�ำ นาจปกครอง หรอื ความเปน็ ผปู้ กครองบางสว่ น ไมเ่ ปน็ เหตใุ หผ้ นู้ นั้ พน้ จากหนา้ ท่ี
อุปการะเลี้ยงดูเดก็ หรือเยาวชนตามกฎหมาย ฯลฯ (มาตรา ๑๑๓)
(๑๒) ก�ำ หนดใหก้ ารพจิ ารณาคดีอาญาทเ่ี ดก็ หรือเยาวชนเปน็ จ�ำ เลย ไม่ตอ้ งด�ำ เนิน
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาความอาญาโดยเครง่ ครดั และใหใ้ ชถ้ อ้ ยคำ�ทจี่ �ำ เลยสามารถเขา้ ใจได้
งา่ ยกบั ตอ้ งใหโ้ อกาสจ�ำ เลยรวมทงั้ บดิ า มารดา ผปู้ กครอง หรอื บคุ คลซง่ึ จ�ำ เลยอาศยั อยดู่ ว้ ย หรอื บคุ คล
ซง่ึ ให้การศึกษา ให้ท�ำ การงาน หรือมีความเก่ียวขอ้ งแถลงขอ้ เทจ็ จริง ความร้สู กึ และความคิดเห็น
ตลอดจนระบแุ ละซกั ถามพยานไดไ้ มว่ า่ ในเวลาใด ๆ ในระหวา่ งทม่ี กี ารพจิ ารณาคดนี นั้ (มาตรา ๑๑๔)
(๑๓) กำ�หนดให้ในศาลที่มีอำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว จำ�เลย
จะมีทนายความแก้คดีแทนไม่ได้แต่ให้จำ�เลยมีที่ปรึกษากฎหมาย เพ่ือปฏิบัติหน้าที่ทำ�นองเดียว
กับทนายความได้ ในกรณีที่จำ�เลยไม่มีที่ปรึกษากฎหมาย ให้ศาลแต่งต้ังที่ปรึกษากฎหมายให้
(มาตรา ๑๒๐)
(๑๔) กำ�หนดให้ท่ีปรึกษากฎหมายต้องมีคุณสมบัติเป็นทนายความตามกฎหมาย
ว่าด้วยทนายความ และผ่านการอบรม เร่ืองวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว จิตวิทยา
การสังคมสงเคราะห์ และความรู้อ่ืนท่ีเกี่ยวข้องตามที่กำ�หนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
(มาตรา ๑๒๑)
ให้ประธานศาลฎีกามีอำ�นาจวางระเบียบปฏิบัติของท่ีปรึกษากฎหมายในศาลที่มี
อำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (มาตรา ๑๒๔)
(๑๕) กำ�หนดให้ในระหว่างที่เด็กหรือเยาวชนถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจหรือ
สถานท่ีอ่ืนใดที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชน ถ้าศาลเห็นสมควรจะมีคำ�ส่ังปล่อย
ตัวเด็กหรือเยาวชนชั่วคราวโดยไม่มีประกัน หรือมีประกัน หรือมีประกันและหลักประกันก็ได้
อัยการนเิ ทศ 239
หรอื จะมอบตัวเด็กหรือเยาวชนแกบ่ ดิ า มารดา ผ้ปู กครอง บคุ คลหรอื องคก์ าร ฯลฯ ก็ได้ แต่กอ่ นท่ี
ศาลจะมีคำ�ส่งั มอบตวั เดก็ หรอื เยาวชนแกบ่ ุคคลหรือองคก์ ารฯ ใหศ้ าลเรียกผูอ้ �ำ นวยการสถานพินจิ
หรือผู้ปกครองสถานท่ีท่ีได้รับมอบหมายให้ควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนมาสอบถามความเห็นก่อน
ฯลฯ (มาตรา ๑๒๖)
(๑๖) กำ�หนดให้กรณีท่ีจ�ำ เลยไมส่ ามารถมาฟงั การพิจารณา ถ้าศาลเหน็ สมควรจะ
สงั่ ใหส้ บื พยานในขอ้ ทไ่ี มเ่ กยี่ วกบั ประเดน็ ทว่ี า่ จำ�เลยไดก้ ระท�ำ ความผดิ ตามฟอ้ งหรอื ไมล่ บั หลงั จำ�เลย
ได้ แตต่ อ้ งกระทำ�ต่อหนา้ ทีป่ รึกษากฎหมายของจ�ำ เลยน้ัน (มาตรา ๑๒๗)
(๑๗) กำ�หนดให้การให้ผู้ต้องหาหรือจำ�เลยซึ่งเป็นเด็กหรือเยาวชนมาศาล ถ้าศาล
มอบตวั เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ ไวก้ บั บดิ า มารดาผปู้ กครองบคุ คลหรอื องคก์ าร ฯลฯใหศ้ าลออกหมายเรยี ก
ให้เด็กหรือเยาวชนนั้นมาศาล ถ้าได้ส่งหมายเรียกให้บุคคลดังกล่าวรับไว้แล้ว ให้ถือว่าเด็กหรือ
เยาวชนนั้นได้รับหมายเรียกแล้ว ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ส่งตัวเด็กหรือเยาวชนน้ันมาโดยจงใจหรือ
โดยไม่มีเหตุอันสมควร ใหศ้ าลมีอำ�นาจสงั่ ให้บุคคลเช่นว่านั้นช�ำ ระเงนิ จำ�นวนไม่เกนิ ๕,๐๐๐ บาท
แกศ่ าล โดยใหน้ �ำ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ วา่ ดว้ ยการบงั คบั คดมี าใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม
(มาตรา ๑๒๘)
(๑๘) กำ�หนดห้ามมิให้ผู้ใดบันทึกภาพ แพร่ภาพ พิมพ์รูป หรือบันทึกเสียง
แพร่เสียงของเด็กหรือเยาวชน ซึ่งต้องหาว่ากระทำ�ความผิดหรือบุคคลที่เก่ียวข้อง หรือโฆษณา
ข้อความซึ่งปรากฏในทางสอบสวนของพนกั งานสอบสวน พนักงานอยั การ หรอื ในทางพิจารณาคดี
ของศาลทอี่ าจท�ำ ใหบ้ คุ คลอนื่ รจู้ กั ตวั ชอื่ ตวั หรอื ชอ่ื สกลุ ของเดก็ หรอื เยาวชนนนั้ หรอื โฆษณาขอ้ ความ
เปิดเผยประวัติการกระทำ�ความผิดหรือสถานท่ีอยู่ สถานที่ทำ�งาน หรือสถานศึกษาของเด็กหรือ
เยาวชนนน้ั ฯลฯ (มาตรา ๑๓๐)
(๑๙) กำ�หนดให้ในกรณีท่ีไดม้ ีการสบื เสาะขอ้ เทจ็ จรงิ ตามมาตรา ๓๖ (๑) ศาลทีม่ ี
อำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวจะพิพากษาลงโทษหรือใช้วิธีการส�ำ หรับเด็กและเยาวชน
ได้ตอ่ เม่ือไดร้ ับทราบรายงาน และความเหน็ จากผู้อำ�นวยการสถานพินจิ ตามมาตรา ๘๒ (๒) หรือ
มาตรา ๑๑๖ หรอื มาตรา ๑๑๗ แล้ว และถา้ ผอู้ ำ�นวยการสถานพินิจขอแถลงเพมิ่ เติมด้วยวาจาหรอื
เปน็ หนังสือใหศ้ าลรับไว้ประกอบการการพิจารณาดว้ ย (มาตรา ๑๓๑)
๒๕. การเปลยี่ นโทษและการใชว้ ิธกี ารสำ�หรับเดก็ และเยาวชน
(๑) ก�ำ หนดใหศ้ าลทม่ี ีอำ�นาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครวั มีอ�ำ นาจใชว้ ิธีการ
สำ�หรบั เดก็ และเยาวชนแทนการลงโทษอาญาหรอื วิธกี ารเพ่ือความปลอดภยั ได้ ฯลฯ (มาตรา ๑๔๒)
(๒) กำ�หนดให้คดีอาญาท่ีอยู่ในอำ�นาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลจะ
พิพากษาว่ามีความผิดแต่รอการกำ�หนดโทษ หรือกำ�หนดโทษไว้แต่รอการลงโทษเด็กหรือเยาวชน
ตามประมวลกฎหมายอาญากไ็ ด้ ฯลฯ (มาตรา ๑๔๔)
(๓) ก�ำ หนดใหก้ รณีทเ่ี ด็กหรอื เยาวชนตอ้ งโทษปรับ ไมว่ ่าจะมโี ทษจำ�คุกดว้ ยหรอื ไม่
240 อัยการนิเทศ
กต็ าม ถ้าเด็กหรอื เยาวชนไม่ชำ�ระคา่ ปรบั หา้ มมิให้ศาลสัง่ กกั ขังเดก็ หรือเยาวชนแทนคา่ ปรับ แต่ให้
ศาลส่งตัวไปควบคุมเพ่ือฝึกอบรมในสถานที่ที่ก�ำ หนด หรือสถานท่ีอื่นที่จัดต้ังข้ึนตามกฎหมายและ
ศาลเหน็ สมควรตามเวลาท่ศี าลก�ำ หนดแต่ตอ้ งไมเ่ กนิ ๑ ปี ฯลฯ (มาตรา ๑๔๕)
๒๖. การต้งั ผปู้ ระนปี ระนอมคดีครอบครัวเพอื่ ท�ำ หน้าที่ไกล่เกล่ยี คคู่ วาม
(๑) ก�ำ หนดใหค้ ดคี รอบครวั ทม่ี ขี อ้ พพิ าทกอ่ นเรมิ่ พจิ ารณา ใหศ้ าลตง้ั ผปู้ ระนปี ระนอม
คดคี รอบครวั เพ่อื ไกลเ่ กลี่ยให้คู่ความในคดคี รอบครัวไดป้ ระนปี ระนอมกัน โดยหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ
ไกล่เกล่ียและการรายงานผลให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา เพ่ือประโยชน์ในการ
ไกล่เกลี่ยศาลอาจมอบหมายให้บิดา มารดา ผู้ปกครอง ญาติของคู่ความ ทนายความของคู่ความ
นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา หรือบุคคลหรือหน่วยงานท่ีศาลเห็นสมควร ให้คำ�ปรึกษาหรือ
ช่วยเหลือผู้ประนีประนอมคดีครอบครัวที่ศาลตั้ง และในคดีครอบครัวที่มีผู้เยาว์เข้ามาเก่ียวข้อง
และจำ�เป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ ศาลจะเรียกพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
กฎหมายว่าด้วยการค้มุ ครองเดก็ มาร่วมในการไกล่เกลยี่ ดว้ ยก็ได้
เมอื่ ผปู้ ระนปี ระนอมคดคี รอบครวั ไดด้ �ำ เนนิ การตามค�ำ สง่ั ศาลแลว้ ใหร้ ายงานผลการ
ไกลเ่ กลย่ี ประนปี ระนอมตอ่ ศาล ในกรณกี ารไกลเ่ กลยี่ ประนปี ระนอมเปน็ ผลสาเรจ็ ใหผ้ ปู้ ระนปี ระนอม
คดีครอบครัวจัดใหม้ กี ารท�ำ สัญญาประนปี ระนอมยอมความขน้ึ แลว้ รายงานศาล หรอื จะนดั หรือขอ
ให้ศาลเรยี กคู่ความมาทำ�สัญญาประนปี ระนอมยอมความกันตอ่ หนา้ ศาลกไ็ ด้
เมื่อศาลเห็นว่าสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่ขัดต่อ
ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอม
ยอมความนน้ั หรอื ศาลจะยงั ไมพ่ พิ ากษาแตก่ �ำ หนดเงอ่ื นไขหรอื เงอื่ นเวลาใหค้ คู่ วามทดลองปฏบิ ตั ติ าม
สญั ญาประนีประนอมยอมความกอ่ นก็ได้ โดยเฉพาะการใช้อ�ำ นาจปกครองหรือการอปุ การะเลีย้ งดู
ผเู้ ยาวห์ รอื คนไรค้ วามสามารถ ถา้ คดคี รอบครัวนนั้ ผู้เยาวม์ ผี ลประโยชน์หรอื สว่ นไดเ้ สียใหศ้ าลคำ�นงึ
ถงึ ประโยชนส์ งู สดุ ของผเู้ ยาวเ์ ปน็ สำ�คญั กรณที ศ่ี าลเหน็ วา่ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความฝา่ ฝนื ตอ่
กฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นคดีที่ผู้เยาว์มีผล
ประโยชน์หรือส่วนได้เสียและมิได้ค�ำ นึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ให้ศาลปฏิเสธการพิพากษา
ตามสญั ญาประนีประนอมยอมความนนั้ ฯลฯ (มาตรา ๑๔๘)
(๒) กำ�หนดให้ศาลเยาวชนและครอบครัวมีหน้าท่ีรับจดทะเบียนผู้ประนีประนอม
คดคี รอบครัว ฯลฯ (มาตรา ๑๔๙)
(๓) ถ้าคู่ความไม่อาจประนีประนอมยอมความกันได้ หรือลักษณะของคดีไม่อาจ
ประนปี ระนอมยอมความกนั ได้ ใหศ้ าลสง่ั ยตุ กิ ารไกลเ่ กลย่ี แลว้ ด�ำ เนนิ กระบวนพจิ ารณาคดตี อ่ ไป ซง่ึ
บนั ทกึ หรอื ถ้อยคำ�ส�ำ นวนในช้ันไกล่เกล่ยี จะนำ�มารบั ฟังในช้นั พิจารณาไม่ได้ (มาตรา ๑๕๑)
(๔) ก�ำ หนดให้การไกลเ่ กลยี่ คดคี รอบครวั เมอ่ื ศาลเหน็ สมควรหรอื เมอื่ คู่ความฝา่ ย
ใดฝ่ายหน่ึงร้องขอ ศาลจะสั่งให้ดำ�เนินการเป็นการลับเฉพาะต่อหน้าตัวความทุกฝ่ายหรือฝ่ายใด
อยั การนิเทศ 241
ฝา่ ยหนง่ึ โดยจะให้มที นายความอยูด่ ้วยหรอื ไม่กไ็ ด้ ฯลฯ (มาตรา ๑๕๓)
(๕) กำ�หนดให้ในระหว่างการพิจารณาคดี เม่ือคู่ความฝ่ายใดร้องขอหรือศาลเห็น
สมควร ศาลมอี �ำ นาจสงั่ ใหค้ คู่ วามหรอื บคุ คลทเ่ี กยี่ วขอ้ งไปใหแ้ พทยห์ รอื ผเู้ ชย่ี วชาญตรวจรา่ งกายเกบ็
ตัวอย่างเลือด สารคดั หลงั่ สารพันธกุ รรม หรอื ดำ�เนนิ การอน่ื ใด เพอื่ ตรวจพิสูจนท์ างวิทยาศาสตร์
เพอื่ ประโยชนใ์ นการพสิ จู นข์ อ้ เทจ็ จรงิ อนั เปน็ ประเดน็ ขอ้ พพิ าททสี่ �ำ คญั แหง่ คดี โดยถอื เปน็ สทิ ธขิ อง
คู่ความ หรือบุคคลที่เก่ยี วข้องน้นั ทจี่ ะยินยอมหรือไมก่ ไ็ ด้ หากคู่ความฝา่ ยใดไม่ยนิ ยอมหรือกระทำ�
การป้องปัดขัดขวางมิให้บุคคลท่ีเกี่ยวข้องหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ให้ความยินยอมให้
แพทยต์ รวจพสิ ูจน์ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยไม่มเี หตอุ นั สมควร ให้สนั นิษฐานวา่ ข้อเท็จจรงิ ท่ีต้องการให้
ตรวจพสิ จู นเ์ ป็นผลร้ายแก่คูค่ วามฝา่ ยน้นั ฯลฯ (มาตรา ๑๖๐)
๒๗. การพจิ ารณาคดคี ุ้มครองสวัสดิภาพ
(๑) ก�ำ หนดใหผ้ ถู้ กู กระท�ำ ดว้ ยความรนุ แรงในครอบครวั มสี ทิ ธริ อ้ งขอใหศ้ าลเยาวชน
และครอบครัวที่ตนมีถ่ินท่ีอยู่หรือมีภูมิลำ�เนาหรือศาลท่ีมูลเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นออกคำ�สั่งกำ�หนด
มาตรการหรอื วธิ กี ารเพอื่ บรรเทาทกุ ขต์ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการคมุ้ ครองผถู้ กู กระท�ำ ดว้ ยความรนุ แรง
ในครอบครัวได้ ฯลฯ (มาตรา ๑๗๒)
(๒) ก�ำ หนดใหเ้ มอื่ ศาลไดร้ บั ค�ำ รอ้ งแลว้ ใหท้ �ำ การไตส่ วนโดยมชิ กั ชา้ และไมต่ อ้ งด�ำ เนนิ
การตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาอย่างเคร่งครัดในระหว่างการไต่สวนถ้าศาลเห็นว่า
ผู้ร้องขอไม่ควรเผชิญหน้ากับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำ�ด้วยความรุนแรง ศาลอาจส่ังให้บุคคล
ดงั กล่าวออกนอกหอ้ งพจิ ารณาหรือใชว้ ิธีการอืน่ ใดเพ่อื ลดการเผชญิ หนา้ ฯลฯ (มาตรา ๑๗๓)
(๓) กำ�หนดให้กรณีปรากฏว่าผ้ถู ูกกล่าวหามพี ฤติการณ์นา่ จะกอ่ ให้เกดิ อนั ตรายแก่
รา่ งกาย จติ ใจ หรอื สขุ ภาพของบคุ คลในครอบครวั ใหศ้ าลมอี �ำ นาจออกค�ำ สง่ั คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพโดย
หา้ มผถู้ กู กลา่ วหาเสพสรุ าหรอื สง่ิ มนึ เมา เขา้ ใกลท้ อี่ ยอู่ าศยั หรอื ทท่ี �ำ งานของผรู้ อ้ ง ใชห้ รอื ครอบครอง
ทรพั ยส์ นิ หรอื กระทำ�การใดอนั อาจนำ�ไปสคู่ วามรนุ แรงในครอบครวั เปน็ ระยะเวลาทศี่ าลเหน็ สมควร
แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ กวา่ หกเดอื น และศาลอาจกำ�หนดใหผ้ ถู้ กู กลา่ วหาเขา้ รบั คำ�ปรกึ ษาแนะนำ�จากศนู ยใ์ ห้
คำ�ปรึกษาแนะนำ�หรือสถานพยาบาลหรือหน่วยงานตามท่ีศาลกำ�หนด คำ�ส่ังคุ้มครองสวัสดิภาพให้
เป็นท่สี ุด แตถ่ ้าพฤติการณเ์ ปล่ียนแปลงไปศาลมีอำ�นาจสงั่ แกไ้ ขค�ำ สงั่ เดิมได้ ฯลฯ (มาตรา ๑๗๔)
(๔) ก�ำ หนดใหเ้ มอื่ ศาลเหน็ วา่ ผรู้ อ้ งมสี ว่ นกอ่ ใหเ้ กดิ ความรนุ แรงในครอบครวั และจำ�เปน็
ต้องได้รับการช่วยเหลือ บำ�บัดรักษา ศาลอาจส่ังให้ผู้ร้องเข้ารับคำ�ปรึกษาแนะนำ�หรือเข้ารับการ
อบรมหรือบำ�บัดรักษาหรือฟื้นฟูจากศูนย์ให้คำ�ปรึกษาแนะนำ�หรือสถานพยาบาลหรือหน่วยงาน
หรอื องค์การซง่ึ มหี น้าท่คี ุ้มครองสวสั ดิภาพเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผ้พู กิ ารหรอื ทุพพลภาพ หรือ
ครอบครวั ตามระยะเวลาทศี่ าลก�ำ หนด ฯลฯ (มาตรา ๑๗๕)
(๕) ก�ำ หนดใหศ้ าลแจง้ ค�ำ สงั่ คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพไปยงั เจา้ พนกั งานฝา่ ยปกครองหรอื
ต�ำ รวจทผ่ี ถู้ กู กลา่ วหามถี นิ่ ทอี่ ยหู่ รอื ภมู ลิ �ำ เนาในเขตอ�ำ นาจเพอ่ื ทราบในกรณผี ถู้ กู กลา่ วหาจงใจฝา่ ฝนื
242 อัยการนิเทศ
ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามค�ำ สงั่ คมุ้ ครองสวสั ดภิ าพโดยไมม่ เี หตอุ นั สมควรศาลมอี ำ�นาจออกหมายจบั ผถู้ กู กลา่ วหา
มาขงั จนกวา่ จะปฏบิ ตั ติ ามค�ำ สง่ั แตไ่ มเ่ กนิ กวา่ หนง่ึ เดอื น ถา้ ผถู้ กู กลา่ วหาไดร้ บั การปลอ่ ยชวั่ คราว ศาล
อาจก�ำ หนดเง่อื นไขใหผ้ ถู้ กู กล่าวหาปฏบิ ตั ิในระหวา่ งการปลอ่ ยช่วั คราวก็ได้ (มาตรา ๑๗๖)
๒๘. การอทุ ธรณ์ – ฎกี า
(๑) ก�ำ หนดใหค้ ดที ศี่ าลเยาวชนและครอบครวั ไดพ้ พิ ากษาหรอื มคี �ำ สงั่ แลว้ ใหอ้ ทุ ธรณ์
ค�ำ พพิ ากษาหรอื ค�ำ สง่ั นนั้ ไปยงั ศาลอทุ ธรณ์ หรอื ศาลอทุ ธรณภ์ าคไดต้ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณา
ความเหมือนคดธี รรมดา เวน้ แต่ในกรณที ่ศี าลเยาวชนและครอบครวั ไดพ้ พิ ากษาหรือมคี ำ�สั่งก�ำ หนด
วิธีการส�ำ หรับเดก็ และเยาวชนอยา่ งหน่ึงอย่างใดใน ๓ ประการ ฯลฯ (มาตรา ๑๘๐)
(๒) ก�ำ หนดใหค้ ดที ศี่ าลอทุ ธรณห์ รอื ศาลอทุ ธรณภ์ าคแผนกคดเี ยาวชนและครอบครวั
ได้พิพากษาหรือมีคำ�สั่ง ให้ฎีกาคำ�พิพากษาหรือคำ�สั่งน้ันไปยังศาลฎีกาได้ตามกฎหมายว่าด้วย
วิธีพิจารณาความเหมือนคดีธรรมดา เว้นแต่กรณีท่ีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามมาตรา ๑๘๐
(มาตรา ๑๘๑)
๒๙. กำ�หนดบทกำ�หนดโทษไวใ้ นมาตรา ๑๘๕ – มาตรา ๑๙๒ ๑๗
๓๐. บทเฉพาะกาล (มาตรา ๑๙๓ – มาตรา ๒๐๖)
(๑) กำ�หนดให้ศาลเยาวชนและครอบครัวท่ีจัดต้ังข้ึนก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้
บังคับเป็นศาลเยาวชนและครอบครัวตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำ�นาจพิจารณาพิพากษาคดี
ทคี่ ้างการพิจารณาอยู่ในศาลเยาวชนและครอบครัวดงั กลา่ วได้ตอ่ ไป (มาตรา ๑๙๓)
(๒) ก�ำ หนดใหใ้ นวาระเรม่ิ แรก มใิ ห้นำ�บทบญั ญตั ิมาตรา ๑๒๑ มาใช้บังคบั ภายใน
๒ ปี นับแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติน้ี โดยในระหว่างนั้นให้นำ�บทบัญญัติมาตรา ๘๔ แห่ง
พระราชบัญญัติจัดต้ังศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๓๔ มาใชบ้ งั คับจนกวา่ คดีจะถึงทีส่ ดุ (มาตรา ๒๐๕)
(มาตรา ๑๒๑ บัญญัติว่า “ท่ีปรึกษากฎหมายตามมาตรา ๑๒๐ ต้องมีคุณสมบัติ
เปน็ ทนายความตามกฎหมายวา่ ดว้ ยทนายความและผา่ นการอบรมเรอ่ื งวธิ พี จิ ารณาคดเี ยาวชนและ
ครอบครัว ความรูเ้ ก่ียวกบั จิตวิทยา การสังคมสงเคราะห์ และความร้อู ่ืนทีเ่ กย่ี วขอ้ งตามที่กำ�หนดใน
ข้อบงั คบั ของประธานศาลฎีกา)
อัยการนิเทศ 243