The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-11-11 06:30:13

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

อัยการนิเทศ เล่มที่ 74 ปี 2554

ช�ำ ระ โจทก์จงึ น�ำ เจา้ พนักงานบังคับคดยี ดึ หอ้ งชดุ จำ�นวน ๒๐๐ ห้อง ชอ่ื อาคารชดุ อ. คอนโดมิเนียม
ต�ำ บลบางบวั ทอง อำ�เภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
ผู้ร้องยื่นคำ�ร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับจำ�นองห้องชุดจำ�นวน ๒,๑๗๗ ห้อง ชื่ออาคารชุดอ.
คอนโดมเิ นยี ม ต�ำ บลบางบวั ทอง อ�ำ เภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบรุ ี เจา้ พนกั งานบงั คบั คดี ส�ำ นกั งาน
บังคับคดีจังหวัดนนทบุรี เข้าทำ�การยึดกรรมสิทธิ์ในห้องชุดดังกล่าวบางส่วนจำ�นวน ๒๐๐ ห้อง
ตามหมายบงั คบั คดขี องศาลแพง่ ธนบรุ ี คดหี มายเลขแดงที่ ๗๕๖/๒๕๔๗ และมหี นงั สอื ใหผ้ รู้ อ้ งน�ำ สง่
ตน้ ฉบบั หนังสือกรรมสิทธิห์ ้องชดุ จ�ำ นวน ๒๐๐ หอ้ งดงั กล่าว ผู้ร้องนำ�ส่งตน้ ฉบับหนังสือกรรมสทิ ธิ์
ตอ่ เจา้ พนกั งานบงั คบั คดจี �ำ นวน ๑๙๗ หอ้ ง สว่ นอกี ๓ หอ้ ง มกี ารไถถ่ อนจ�ำ นองแลว้ ตน้ ฉบบั หนงั สอื
กรรมสทิ ธจ์ิ งึ ไมอ่ ยทู่ ผ่ี รู้ อ้ ง พรอ้ มกบั แจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานบงั คบั คดดี �ำ เนนิ การขายทอดตลาดทรพั ยห์ ลกั
ประกันโดยปลอดจ�ำ นอง เมอ่ื ขายทอดตลอดแล้ว ขอใหศ้ าลกันสว่ นเงนิ ทไี่ ดจ้ ากการขายทอดตลาด
ทรัพยด์ งั กลา่ วให้แกผ่ ้รู อ้ ง
ศาลช้นั ต้นพจิ ารณาแลว้ มคี ำ�สั่งให้ยกค�ำ ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เปน็ พับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลช้ันต้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ ์
ของผู้ร้องว่า ศาลช้ันต้นมีคำ�สั่งยกคำ�ร้องของผู้ร้องชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความแพง่ มาตรา ๒๘๗ บญั ญตั วิ า่ “ภายใตบ้ งั คบั แหง่ บทบญั ญตั มิ าตรา ๒๘๘ และ ๒๘๙
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายน้ีว่าด้วยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหน้ีตามค�ำ พิพากษาน้ัน
ยอ่ มไมก่ ระทบกระทงั่ ถงึ บรุ มิ สทิ ธหิ รอื สทิ ธอิ น่ื ๆ ซง่ึ บคุ คลภายนอกอาจรอ้ งขอใหบ้ งั คบั เหนอื ทรพั ยส์ นิ
นน้ั ไดต้ ามกฎหมาย” สว่ นมาตรา ๒๘๙ วรรคหนงึ่ บัญญตั วิ า่ “ถ้าบุคคลใดชอบที่จะบงั คบั การชำ�ระ
หนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหน้ีตามคำ�พิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ หรือชอบท่ีจะได้
เงนิ ที่ขายหรือจ�ำ หน่ายทรพั ย์สินเหลา่ นน้ั ได้โดยอาศัยอ�ำ นาจแหง่ การจ�ำ นองท่ีอาจบงั คบั ได้ก็ดี หรอื
อาศัยอำ�นาจแห่งบุริมสิทธิก็ดี บุคคลน้ันอาจย่ืนค�ำ ร้องขอต่อศาลท่ีออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินท่ี
ได้มาน้ันชำ�ระหนี้ตนก่อนเจ้าหน้ีอ่ืน ๆ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์...”
และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๒ วรรคสอง บัญญัตวิ า่ “ผู้รบั จ�ำ นองชอบท่จี ะ
ไดร้ ับช�ำ ระหนีจ้ ากทรพั ย์สินท่จี �ำ นองก่อนเจ้าหน้สี ามญั มพิ ักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธใ์ิ นทรัพย์สิน
จะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่” เม่ือพิเคราะห์ตามค�ำ ร้องของผู้ร้องที่ย่ืนต่อศาลก่อน
เอาทรัพย์สินท่ีจำ�นองออกขายทอดตลาดแล้ว การที่ผู้ร้องขอให้กันเงินท่ีได้จากการขายทอดตลาด
ทรัพย์สินจำ�นองโดยปลอดจำ�นอง มาชำ�ระหน้ีแก่ผู้ร้องตามจำ�นวนภาระหน้ีจำ�นองที่จำ�เลยมีต่อ
ผู้ร้อง ถือได้ว่าเป็นการที่ผู้ร้องขอรับชำ�ระหน้ีจำ�นองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำ�นองโดยอาศัย
อำ�นาจแห่งการจ�ำ นองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๒ วรรคสอง ซ่ึงผู้ร้องมี
บุริมสิทธิในการที่จะได้รบั ช�ำ ระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอนื่ ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพ่ง

94 อัยการนเิ ทศ

มาตรา ๒๘๙ แม้ผู้ร้องจะอา้ งวา่ เปน็ การร้องขอกนั ส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพง่
มาตรา ๒๘๗ แตเ่ มอื่ ค�ำ รอ้ งของผรู้ อ้ งตอ้ งดว้ ยบทบญั ญตั มิ าตรา ๒๘๙ กไ็ มท่ �ำ ใหค้ �ำ รอ้ งของผรู้ อ้ งเสยี
ไปศาลมอี �ำ นาจรบั ค�ำ รอ้ งของผรู้ อ้ งไวพ้ จิ ารณาได้ ทศี่ าลชนั้ ตน้ มคี �ำ สงั่ ยกค�ำ รอ้ งของผรู้ อ้ งนนั้ ศาลฎกี า
ไมเ่ หน็ พอ้ งดว้ ยและเหน็ สมควรใหศ้ าลชน้ั ตน้ พจิ ารณามคี �ำ สง่ั ใหมต่ ามรปู คดี อทุ ธรณข์ องผรู้ อ้ งฟงั ขนึ้
พพิ ากษายกค�ำ สงั่ ศาลชน้ั ตน้ ใหศ้ าลชนั้ ตน้ พจิ ารณาและมคี �ำ สงั่ ตามรปู คด ี คา่ ฤชาธรรมเนยี ม
ในช้นั นใ้ี ห้เปน็ พับ


อัยการนเิ ทศ 95

ค�ำ พิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๑๐๙/๒๕๕๓

ป.อ. ความผดิ กรรมเดยี ว หลายกรรมตา่ งกัน (มาตรา ๙๐, ๙๑)

เมื่อจำ�เลยแทงผู้ตายแล้ว ผู้เสียหายท้ังสองเห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วยผู้ตาย จ�ำ เลยจึงแทง
ผู้เสียหายทั้งสอง แสดงว่าการแทงของจำ�เลยแต่ละครั้งความประสงค์และจุดมุ่งหมายในการ
แทงแยกออกจากกันได้ โดยตอนแรกจำ�เลยมุ่งประสงค์แทงผู้ตายก่อน เมื่อผู้เสียหายทั้งสอง
เข้ามาช่วยเหลือ ก็มุ่งประสงค์แทงผู้เสียหายทั้งสองการแทงผู้ตายของจำ�เลยขาดตอนไปแล้ว
การแทงผเู้ สยี หายทง้ั สองเปน็ เรอ่ื งทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายหลงั แมเ้ กดิ ขน้ึ ในระยะเวลาทใ่ี กลช้ ดิ กนั กถ็ อื วา่ เปน็
การกระทำ�ต่างกรรมกนั กบั การแทงผู้ตาย หาใชเ่ ปน็ การกระทำ�กรรมเดยี วกันตามท่ีศาลอุทธรณ์
ภาค ๔ วินิจฉัยไม่ การกระทำ�ของจำ�เลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นกระทงหน่ึง และเป็น
ความผดิ ฐานทำ�ร้ายรา่ งกายผู้อืน่ จนเปน็ เหตุใหเ้ กดิ อันตรายแก่กายอกี สองกรรม


________________________________________

พนกั งานอยั การจงั หวดั อุดรธานี โจทก์

ระหว่าง

นายวรี พลหรอื วรี ะพล เนื่องมัจฉา จ�ำ เลย

โจทกฟ์ ้องว่า เมอ่ื วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๕ เวลากลางวัน จำ�เลยกระทำ�ความผดิ หลายกรรม
ต่างกัน โดยจำ�เลยใช้มีดปลายแหลม คมมีดยาวประมาณ ๘.๖ นิ้ว กว้างประมาณ ๑.๖ นิ้ว ด้าม
ยาวประมาณ ๗.๑ นิ้ว เป็นอาวุธแทงนาย ศ. ที่หน้าท้องซ่ึงเป็นอวัยวะสำ�คัญอย่างแรง ๑ ครั้ง
โดยเจตนาฆ่า คมมีดถูกเส้นเลือดใหญ่เป็นเหตุให้นาย ศ. ถึงแก่ความตาย และจำ�เลยใช้อาวุธมีด
ดังกลา่ ว แทงนาย ป. ผู้เสียหายท่ี ๑ ทีท่ า้ ยทอยและมือหลายครั้งและแทงนาย จ. ผเู้ สยี หายที่ ๒
ที่ชายโครงหลายคร้ัง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ ๑ และท่ี ๒ ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย เหตุ
เกิดท่ีตำ�บลกุดจับ อำ�เภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธมีดที่จำ�เลยใช้ในการ
กระทำ�ความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๙๑, ๒๘๘,
๒๙๕ และรบิ ของกลาง
จำ�เลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๘๘, ๒๙๕ เป็นการกระท�ำ กรรมเดียวแตผ่ ดิ ต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนกั ตาม

96 อยั การนเิ ทศ

มาตรา ๙๐ ฐานฆ่าผอู้ ืน่ จ�ำ คุก ๑๘ ปี รบิ มดี ของกลาง
โจทก์และจำ�เลยอทุ ธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายนื
โจทกแ์ ละจำ�เลยฎกี า
ศาลฎีกาตรวจส�ำ นวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การท่ี
จ�ำ เลยแทงผตู้ ายและผเู้ สยี หายทง้ั สองเปน็ การกระท�ำ ตา่ งกรรมกนั หรอื ไม่ เหน็ วา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ไดค้ วาม
จากพยานโจทก์ตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วว่า เมื่อจำ�เลยแทงผู้ตายแล้ว ผู้เสียหายท้ังสองเห็นดังน้ันจึง
เขา้ ไปชว่ ยผตู้ าย จ�ำ เลยจงึ แทงผเู้ สยี หายทงั้ สอง แสดงวา่ การแทงของจ�ำ เลยแตล่ ะครงั้ ความประสงค์
และจุดมุ่งหมายในการแทงแยกออกจากกันได้ โดยตอนแรกจำ�เลยมุ่งประสงค์แทงผู้ตายก่อน เม่ือ
ผู้เสียหายทั้งสองเข้ามาช่วยเหลือ ก็มุ่งประสงค์แทงผู้เสียหายท้ังสอง การแทงผู้ตายของจำ�เลย
ขาดตอนไปแลว้ การแทงผเู้ สียหายทัง้ สองเป็นเร่อื งทีเ่ กดิ ขึ้นภายหลัง แม้เกิดข้นึ ในระยะเวลาทใ่ี กล้
ชิดกันก็ถอื วา่ เปน็ การกระทำ�ตา่ งกรรมกันกับการแทงผู้ตาย หาใชเ่ ปน็ การกระทำ�กรรมเดยี วกันตาม
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ วินจิ ฉยั ไม่ การกระท�ำ ของจำ�เลยจึงเป็นความผดิ ฐานฆา่ ผอู้ นื่ กระทงหนึ่ง และ
เปน็ ความผดิ ฐานท�ำ รา้ ยรา่ งกายผอู้ นื่ จนเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ อนั ตรายแกก่ ายอกี สองกรรม แตโ่ จทกฎ์ กี าขอ
ให้ลงโทษฐานทำ�ร้ายร่างกายผู้เสยี หายทง้ั สองอีกกรรมหน่งึ จงึ ลงโทษจำ�เลยในความผดิ ฐานทำ�ร้าย
รา่ งกายผอู้ ื่นจนเปน็ เหตุใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายเพยี งกระทงเดยี ว ฎีกาของโจทกฟ์ ังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำ�ของจำ�เลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษ
ทุกกรรมเปน็ กระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานทำ�รา้ ยร่างกายผอู้ ื่น
จนเปน็ เหตุให้เกดิ อนั ตรายแกก่ าย จ�ำ คุก ๑ ปี อีกกระทงหน่งึ เมือ่ รวมกบั โทษฐานฆา่ ผอู้ นื่ แลว้ เป็น
จำ�คุก ๑๙ ปี นอกจากท่แี ก้ให้เปน็ ไปตามคำ�พิพากษาศาลอุทธรณภ์ าค ๔


อยั การนเิ ทศ 97

คำ�พพิ ากษาศาลฎีกาท่ี ๘๗๕/๒๕๕๓

พ.ร.บ. ลขิ สิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ (มาตรา ๗๖)

พระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๖ บัญญัติว่า “ค่าปรับท่ีได้ช�ำ ระตาม
ค�ำ พพิ ากษาใหจ้ า่ ยแกเ่ จา้ ของลขิ สทิ ธห์ิ รอื สทิ ธขิ องนกั แสดงเปน็ จ�ำ นวนกง่ึ หนง่ึ แตท่ งั้ นไี้ มเ่ ปน็ การ
กระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ในทางแพง่ ส�ำ หรบั สว่ นทเี่ กนิ จ�ำ นวนเงนิ คา่ ปรบั ทเี่ จา้ ของลขิ สทิ ธหิ์ รอื สทิ ธขิ องนกั แสดงไดร้ บั แลว้
นนั้ ” ดงั นน้ั ศาลจะมคี ำ�พพิ ากษาใหจ้ า่ ยคา่ ปรบั ทไ่ี ดช้ ำ�ระตามคำ�พพิ ากษาฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธแ์ิ ก่
ผเู้ สยี หายซง่ึ เปน็ เจา้ ของลขิ สทิ ธเ์ิ ปน็ จำ�นวนกง่ึ หนงึ่ ตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วไดเ้ ฉพาะกรณที ศ่ี าลมี
ค�ำ พพิ ากษาลงโทษปรบั จ�ำ เลยดว้ ยเทา่ นน้ั เมอ่ื คดนี ศ้ี าลทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ ง
ประเทศกลางพิพากษาให้รอการกำ�หนดโทษจำ�เลยในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อ่ืนเพื่อ
การคา้ ไวม้ กี �ำ หนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ โดยมิไดพ้ พิ ากษาลงโทษปรับ
จำ�เลยอกี สถานหน่ึงด้วย เป็นกรณีท่ีไม่มีค่าปรบั ที่จะช�ำ ระตามคำ�พพิ ากษาในความผดิ ฐานนี้ จึง
ไม่อาจสง่ั ให้จา่ ยเงนิ คา่ ปรบั แก่ผเู้ สยี หายซง่ึ เป็นเจา้ ของลิขสทิ ธิ์เป็นจำ�นวนกึง่ หน่งึ ได้

________________________________________

พนกั งานอัยการจงั หวดั เพชรบุรี โจทก์

ระหว่าง จำ�เลย
นางสาวยพุ ิน ทองพลู

โจทก์ฟ้องว่า เมอื่ วนั ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ เวลากลางคนื หลังเที่ยง จ�ำ เลยกระท�ำ ความผิด
หลายกรรมตา่ งกนั คอื จ�ำ เลยละเมดิ ลขิ สทิ ธง์ิ านสรา้ งสรรคป์ ระเภทวรรณกรรมโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ของ อ. จำ�กัด ผู้เสียหาย ซ่ึงเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และ
ไอร์แลนดเ์ หนือ (อังกฤษ) และมภี ูมิลำ�เนาในประเทศดังกล่าวตลอดระยะเวลาในการสรา้ งสรรคง์ าน
กบั มกี ารโฆษณางานอนั มลี ขิ สทิ ธขิ์ องตนครง้ั แรกทสี่ หราชอาณาจกั รบรเิ ตนใหญแ่ ละไอรแ์ ลนดเ์ หนอื
(อังกฤษ) และสหรฐั อเมริกา ซ่ึงทงั้ สองประเทศดังกล่าวเป็นภาคีแหง่ อนุสญั ญาว่าด้วยการค้มุ ครอง
ลขิ สทิ ธทิ์ ปี่ ระเทศไทยเปน็ ภาคอี ยดู่ ว้ ย โดยการน�ำ แผน่ ซดี รี อมโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ (แผน่ ซดี เี กม) ชอ่ื
“ทูมไรเดอร์ เลเจนด”์ “รเี ซฟวิเออร์ ด็อกส์” และ “๒๕ ทรู ไลฟ์” ซึ่งมีผ้ทู �ำ ซา้ํ ขน้ึ โดยละเมิดลิขสทิ ธิ์
ของผ้เู สยี หายรวม ๔ แผน่ ออกขาย เสนอขายแกบ่ คุ คลท่ัวไป อนั เปน็ การกระทำ�เพอื่ แสวงหาก�ำ ไร
ในทางการค้า โดยจ�ำ เลยรอู้ ยูแ่ ล้ววา่ แผ่นซีดีรอม โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ (แผน่ ซีดีเกม) ดงั กลา่ วเปน็

98 อยั การนิเทศ

งานทไี่ ดท้ �ำ ขนึ้ โดยละเมดิ ลขิ สทิ ธข์ิ องผเู้ สยี หาย โดยไมไ่ ด้ รบั อนญุ าตจากผเู้ สยี หาย อนั เปน็ การฝา่ ฝนื
ตอ่ กฎหมาย และจ�ำ เลยประกอบกจิ การใหเ้ ชา่ แลกเปลย่ี น หรอื จ�ำ หนา่ ยซงึ่ วดี ทิ ศั นใ์ นรปู ลกั ษณะของ
แผน่ ซดี เี กมทม่ี กี ารบนั ทกึ ภาพ หรอื ภาพและเสยี งซง่ึ สามารถนำ�มาฉายใหเ้ หน็ เปน็ ภาพเคลอ่ื นไหวได้
อยา่ งตอ่ เนื่องในลกั ษณะที่เป็นเกมการเลน่ ซงึ่ มผี ูท้ �ำ ซํา้ ข้นึ โดยละเมดิ ลขิ สิทธ์ขิ องผเู้ สียหายตามฟอ้ ง
รวม ๔ แผ่น ดังกลา่ ว โดยทำ�เปน็ ธุรกจิ อย่ทู ่รี ้านแผงลอยไมม่ เี ลขที่ บรเิ วณตลาดนัดเจา้ ลาย ตำ�บล
ชะอำ� อำ�เภอชะอำ� จังหวัดเพชรบรุ ี และได้รบั ประโยชน์ตอบแทนจากราคาจ�ำ หน่ายวีดทิ ัศน์ (แผน่
ซีดีเกม) ดังกล่าว โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบยี นและมใิ ชก่ รณที ไ่ี ดร้ บั การยกเว้นใด ๆ ตาม
กฎหมาย เหตุเกดิ ทีต่ �ำ บลชะอ�ำ อ�ำ เภอชะอำ� จงั หวัดเพชรบรุ ี เจ้าพนักงานยดึ แผ่นซีดรี อมโปรแกรม
คอมพวิ เตอร์ (แผน่ ซดี เี กม) ซงึ่ มผี ทู้ �ำ ขน้ึ โดยละเมดิ ลขิ สทิ ธขิ์ องผเู้ สยี หายดงั กลา่ วและทจ่ี �ำ เลยน�ำ ออก
ขาย เสนอขายแก่บุคคลท่ัวไปตามฟ้องทั้งสองข้อหารวม ๔ แผ่น เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๑๕, ๓๑, ๖๑, ๗๐, ๗๕, ๗๖, ๗๘ พระราชบญั ญตั ิ
ภาพยนตร์และวดี ิทศั น์ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔, ๗, ๙, ๑๖, ๕๔, ๘๒, ๙๑ ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๒, ๓๓, ๙๑ และสั่งให้แผน่ ซดี ีเกมของกลางท่ลี ะเมดิ ลขิ สิทธิข์ องผ้เู สียหาย ๔ แผน่ ตกเปน็
ของเจ้าของลขิ สิทธิ์ กับสง่ั จา่ ยเงินค่าปรบั ทไี่ ด้ชำ�ระตามคำ�พพิ ากษาฐานละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิแกผ่ เู้ สียหาย
ซึง่ เปน็ เจ้าของลิขสทิ ธเ์ิ ป็นจ�ำ นวนก่งึ หน่ึง
จ�ำ เลยใหก้ ารรบั สารภาพ
ศาลทรพั ย์สินทางปญั ญาและการคา้ ระหว่างประเทศกลางพิจารณาแลว้ พพิ ากษาวา่ จ�ำ เลย
มีความผดิ ตามพระราชบัญญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๑ (๑), ๗๐ วรรคสอง พระราชบัญญัต ิ
ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๕ วรรคหน่ึง (ที่ถูก มาตรา ๕๔ วรรคหน่ึง), ๘๒
การกระทำ�ของจำ�เลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๙๑ ความผดิ ฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธข์ิ องผอู้ น่ื เพอ่ื การคา้ ใหร้ อการก�ำ หนดโทษไวม้ กี �ำ หนด
๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ฐานประกอบกิจการใหเ้ ช่า แลกเปลี่ยน หรือจ�ำ หน่าย
ภาพยนตร์ (ทถี่ ูก วดี ิทัศน์) โดยไม่ไดร้ บั ใบอนญุ าต ใหล้ งโทษปรับ ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำ�เลยใหก้ าร
รบั สารภาพ เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณามเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก้ งึ่ หนง่ึ ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๕๐,๐๐๐ บาท ไม่ชำ�ระคา่ ปรบั ใหจ้ ัดการตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๙, ๓๐ โดยให้กกั ขงั แทนคา่ ปรับเปน็ ระยะเวลาไมเ่ กนิ ๑ ปี ของกลางที่ละเมดิ ลขิ สิทธิ์ตาม
ฟอ้ งให้ตกเปน็ ของเจา้ ของลิขสทิ ธิ์
โจทก์อทุ ธรณ์ต่อศาลฎกี า
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตรวจสำ�นวนประชุม
ปรกึ ษาแลว้ ทโ่ี จทกอ์ ทุ ธรณข์ อใหส้ งั่ จา่ ยคา่ ปรบั ฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธแ์ิ กผ่ เู้ สยี หายซง่ึ เปน็ เจา้ ของลขิ สทิ ธ ์ิ
เป็นจำ�นวนก่ึงหน่ึง โดยอ้างว่า โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำ�เลยฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อ่ืน
เพื่อการค้าและฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปล่ียนหรือจำ�หน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต

อยั การนเิ ทศ 99

เมอ่ื จ�ำ เลยใหก้ ารรบั สารภาพ จงึ รบั ฟงั ไดว้ า่ จ�ำ เลยกระท�ำ ความผดิ ตามฟอ้ ง ศาลทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา
และการค้าระหว่างประเทศกลางจึงต้องมีค�ำ พิพากษาให้สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธ์ิให้แก่
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ิเป็นจำ�นวนกึ่งหนึ่งด้วยน้ัน เห็นว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๖ บัญญัตวิ า่ “คา่ ปรบั ทไี่ ด้ช�ำ ระตามคำ�พพิ ากษา ให้จ่ายแก่เจ้าของลิขสิทธ์ิ
หรือสิทธิของนักแสดงเป็นจำ�นวนก่ึงหนึ่ง แต่ทั้งนี้ไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของ
ลิขสิทธ์ิหรือสิทธิของนักแสดงท่ีจะฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งสำ�หรับส่วนท่ีเกินจำ�นวนเงิน
ค่าปรับที่เจ้าของลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงได้รับแล้วนั้น” ดังน้ัน ศาลจะมีคำ�พิพากษาให้จ่าย
ค่าปรับท่ีได้ช�ำ ระตามค�ำ พิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธ์ิแก่ผู้เสียหายซ่ึงเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ิเป็นจ�ำ นวน
ก่ึงหนึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าวได้เฉพาะกรณีที่ศาลมีคำ�พิพากษาลงโทษปรับจำ�เลยด้วยเท่านั้น
เมื่อคดีนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้รอการกำ�หนดโทษ
จ�ำ เลยในความผดิ ฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธขิ์ องผอู้ น่ื เพอ่ื การคา้ ไวม้ กี �ำ หนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๖ โดยมิไดพ้ พิ ากษาลงโทษปรับจำ�เลยอกี สถานหน่งึ ด้วย เปน็ กรณีทไ่ี มม่ ีค่าปรับท่จี ะชำ�ระ
ตามคำ�พพิ ากษาในความผดิ ฐานนี้ จงึ ไมอ่ าจสง่ั ใหจ้ า่ ยเงนิ คา่ ปรบั แกผ่ เู้ สยี หายซงึ่ เปน็ เจา้ ของลขิ สทิ ธ์ิ
เป็นจำ�นวนกึ่งหนึ่งได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้พิพากษาส่ัง
ให้จ่ายค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธ์ิแก่ผู้เสียหายซ่ึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นจำ�นวนก่ึงหนึ่งจึงชอบแล้ว
อุทธรณข์ องโจทกฟ์ ังไมข่ ึน้
พพิ ากษายืน


100 อยั การนเิ ทศ

คำ�พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๗๕๐๙/๒๕๕๒

ป.อ. ตวั การ เหตใุ นลักษณะคดี (มาตรา ๘๓, ๘๙)
ป.ว.ิ อ. อ�ำ นาจศาลพพิ ากษาถึงจ�ำ เลยอ่นื ท่ีมิได้อทุ ธรณ์ การช่ังน้ําหนกั พยานหลักฐาน
(มาตรา ๒๑๓, ๒๒๗)
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
โจทกม์ ีพนั ตำ�รวจโท พ. และจ่าสบิ ต�ำ รวจ ณ. เจา้ พนกั งานต�ำ รวจสถานตี �ำ รวจภูธรอ�ำ เภอ
แม่ลาวซ่ึงร่วมตั้งจุดตรวจในคืนเกิดเหตุและเรียกตรวจค้นรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน
๑ม - ๒๘๐๐ กรงุ เทพมหานคร เบกิ ความยืนยนั วา่ ขณะเรยี กตรวจค้นจำ�เลยที่ ๑ เป็นผู้ขบั รถ
จำ�เลยที่ ๒ นั่งคู่กับจำ�เลยท่ี ๑ ตรวจค้นได้เมทแอมเฟตามีนของกลางห่อด้วยพลาสติกและ
กระดาษสาซุกซ่อนอยู่ในยางหุ้มคันเกียร์ และโจทก์มีนาย ป. ผู้ครอบครองรถยนต์แท็กซี่คันที่
เกดิ เหตใุ นฐานะผู้เชา่ ซ้อื เบกิ ความว่า พยานรู้จักกับจำ�เลยท่ี ๑ เพราะเคยขับรถยนตแ์ ท็กซขี่ อง
บริษัทเดียวกันที่กรุงเทพมหานคร เมื่อพยานเช่าซื้อรถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุแล้วเคยให้จำ�เลย
ท่ี ๑ ขบั ในผลัดกลางคนื ในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ ๑๕ นาฬกิ า จ�ำ เลยท่ี ๑ มาหาพยานที่
บ้านในจังหวดั เชียงราย จ�ำ เลยท่ี ๑ ขอยมื รถยนต์แท็กซ่คี นั เกิดเหตุโดยบอกวา่ จะเดนิ ทางไปหา
ครู่ ัก พยานจึงให้จ�ำ เลยที่ ๑ ยมื ไป ดงั นนั้ จ�ำ เลยท่ี ๑ ซึ่งครอบครองรถยนต์แทก็ ซีค่ นั เกิดเหตุ
ตงั้ แต่ยมื มาจากนาย ป. จงึ มโี อกาสทีจ่ ะนำ�เมทแอมเฟตามนี ของกลางมาซกุ ซอ่ นในรถได้ ในช้นั
จับกุมจำ�เลยท้ังสองก็ให้การรับสารภาพว่าจำ�เลยทั้งสองรับจ้างขนเมทแอมเฟตามีนของกลาง
เพื่อจะนำ�ไปส่งท่ีอำ�เภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยได้ข้อเท็จจริงจากพันต�ำ รวจโท พ. และ
จ่าสบิ ต�ำ รวจ ณ. ประกอบกบั หมายเหตทุ ้ายบันทกึ การจับกุมว่า จ�ำ เลยทัง้ สองให้ขอ้ มูลว่าจะนำ�
เมทแอมเฟตามนี ของกลางไปสง่ ใหน้ าย ส. และนาย ว. ทน่ี ำ�รถยนตย์ ห่ี อ้ อซี ซู ุ หมายเลขทะเบยี น
บท ๔๗๓๒ จันทบรุ ี ซงึ่ มเี มทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยูใ่ นรถแลว้ ๔ มดั ประมาณ ๘,๐๐๐ เมด็
มาจอดรอรับเมทแอมเฟตามีนของกลางท่ีบ้านนาย ศ. ในคืนเกิดเหตุน้ันจึงนำ�ตัวจำ�เลยทั้งสอง
ไปชบี้ า้ นนาย ศ. พบรถยนตค์ นั ทีจ่ ำ�เลยทงั้ สองใหก้ ารจอดอย่ใู ตถ้ นุ บา้ น ไดม้ อบให้เจา้ พนกั งาน
ตำ�รวจสถานีตำ�รวจภูธรอำ�เภอเวียงชัยดำ�เนินการต่อไป และปรากฏตามรายงานประจำ�วัน
เก่ยี วกบั คดขี องสถานตี �ำ รวจภธู รอ�ำ เภอเวยี งชัย ภาพถ่ายผู้ตอ้ งหาและของกลางว่า ในวันรุ่งข้นึ
หลังจากเกิดเหตุเจา้ พนักงานตำ�รวจสถานตี �ำ รวจภูธรอำ�เภอเวยี งชัยจับกมุ นาย ส. และนาย ศ.
กับพวกรวม ๘ คน พร้อมของกลางหลายรายการรวมทั้งรถยนต์ย่ีห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน
บท ๔๗๓๒ จนั ทบรุ ี และเมทแอมเฟตามนี ประมาณ ๗,๘๐๐ เมด็ ตรงกบั ทจี่ �ำ เลยทง้ั สองใหข้ อ้ มลู
ต่อพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดท่ีแสดงให้เห็นว่าจำ�เลยท้ังสองให้การ
รับสารภาพในชั้นจับกุมโดยไม่สมัครใจ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันมีน้ําหนักให้รับฟัง ท่ี
จ�ำ เลยท่ี ๑ นำ�สืบ โดยอา้ งจ�ำ เลยท่ี ๒ เป็นพยานวา่ ในคนื เกิดเหตุขณะจำ�เลยท่ี ๒ เดนิ ออกจาก

อัยการนิเทศ 101

โรงพยาบาลทไ่ี ปเยยี่ มญาติ มหี ญงิ ผหู้ นงึ่ น�ำ เมทแอมเฟตามนี ของกลางมาฝากไปให้ นาย ป. ขณะ
ทจ่ี �ำ เลยที่ ๑ ลงจากรถยนตแ์ ทก็ ซค่ี นั เกดิ เหตเุ ขา้ ไปในบา้ นครู่ กั จำ�เลยท่ี ๒ จงึ น�ำ เมทแอมเฟตามนี
ของกลางไปซกุ ซอ่ นไวท้ ี่กระปุกเกียร์โดยจ�ำ เลยท่ี ๑ ไม่ทราบเรอื่ งนนั้ เป็นการกลา่ วอ้างลอย ๆ
ไม่มีเหตุผลสนับสนนุ นา่ จะเปน็ การเบกิ ความเพ่ือช่วยเหลอื จ�ำ เลยท่ี ๑ จงึ ไม่มีน้ําหนักใหร้ ับฟงั
หักลา้ งพยานหลกั ฐานของโจทก์
เมอ่ื เหตุที่ศาลฎกี าลดโทษใหจ้ ำ�เลยที่ ๑ กรณนี ้เี ปน็ เหตุอยูใ่ นสว่ นลักษณะคดี แม้จ�ำ เลย
ที่ ๒ มไิ ดฎ้ กี ากต็ าม ศาลฎีกายอ่ มมีอำ�นาจพพิ ากษาไปถึงจำ�เลยท่ี ๒ ได้ ตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓ ประกอบมาตรา ๒๒๕

________________________________________

พนกั งานอัยการจังหวัดเชียงราย โจทก์

ระหว่าง
นายวิโรจน์ โพธาราม ท่ี ๑
นายช่นื คิดดี ท่ี ๒ จ�ำ เลย

โจทก์ฟ้องว่า เมอื่ วันที่ ๑๓ มถิ ุนายน ๒๕๔๒ เวลากลางคืนหลงั เทย่ี ง จำ�เลยทัง้ สองร่วมกัน
มีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำ�นวน ๑,๙๓๐ เม็ด น้ําหนัก ๑๗๓.๕
กรมั ค�ำ นวณ เป็นสารบรสิ ุทธห์ิ นัก ๓๖.๖ กรมั ไว้ในครอบครองเพอื่ จำ�หนา่ ย อันเป็นการฝ่าฝืนตอ่
กฎหมาย เหตุเกดิ ที่ต�ำ บลดงมะดะ อำ�เภอแมล่ าว จงั หวัดเชยี งราย เจ้าพนกั งานจับกุมจำ�เลยท้งั สอง
ได้พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๖๗, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ รบิ
เมทแอมเฟตามนี ของกลาง
จำ�เลยท่ี ๑ ให้การปฏเิ สธ
จ�ำ เลยท่ี ๒ ให้การรบั สารภาพ
ศาลช้ันต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยท่ี ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง (ท่ีถูก ๑๕ วรรคสอง (เดิม)), ๖๖ วรรคหน่ึง (ท่ีถูก
๖๖ วรรคหนึ่ง (เดมิ )) จำ�คุก ๓๐ ปี จำ�เลยที่ ๒ ใหก้ ารรบั สารภาพ เปน็ ประโยชน์แก่การพิจารณา
มีเหตบุ รรเทาโทษลดโทษลงก่ึงหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจ�ำ คกุ ๑๕ ปี รบิ
เมทแอมเฟตามีนของกลาง ใหย้ กฟอ้ งส�ำ หรับจ�ำ เลยท่ี ๑
โจทก์และจำ�เลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอทุ ธรณภ์ าค ๕ พพิ ากษาแกเ้ ป็นว่า จำ�เลยที่ ๑ มคี วามผดิ ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติด

102 อัยการนเิ ทศ

ให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง (เดิม), ๖๖ วรรคหนึ่ง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๘๓ จ�ำ คกุ ๓๐ ปี นอกจากท่ีแก้ให้เปน็ ไปตามคำ�พิพากษาศาลชน้ั ต้น
จำ�เลยที่ ๑ ฎกี า
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงยุติตามคำ�พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๕ โดยคู่ความมิได้
โต้แย้งกันว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำ�เลยท่ี ๒ มีเมทแอมเฟตามีนอันเป็น
ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท ๑ จ�ำ นวน ๑,๙๓๐ เมด็ นา้ํ หนกั ๑๗๓.๕ กรมั ค�ำ นวณเปน็ สารบรสิ ทุ ธห์ิ นกั
๓๖.๖ กรมั ไวใ้ นครอบครองเพอ่ื จ�ำ หนา่ ย มปี ญั หาตอ้ งวนิ จิ ฉยั ตามฎกี าของจ�ำ เลยที่ ๑ วา่ จ�ำ เลยท่ี ๑
รว่ มกบั จ�ำ เลยท่ี ๒ กระท�ำ ความผดิ ตามค�ำ พพิ ากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค ๕ หรอื ไม่ โจทกม์ พี นั ต�ำ รวจโท พ.
และจ่าสิบตำ�รวจ ณ. เจ้าพนักงานตำ�รวจ สถานีตำ�รวจภูธรอำ�เภอแม่ลาวซ่ึงร่วมตั้งจุดตรวจใน
คืนเกิดเหตุและเรียกตรวจค้นรถยนต์แท็กซี่หมายเลขทะเบียน ๑ม - ๒๘๐๐ กรุงเทพมหานคร
เบกิ ความยนื ยันว่า ขณะเรยี กตรวจคน้ จ�ำ เลยท่ี ๑ เป็นผ้ขู บั รถ จ�ำ เลยที่ ๒ นง่ั คู่กบั จ�ำ เลยท่ี ๑ ตรวจ
คน้ ไดเ้ มทแอมเฟตามนี ของกลางหอ่ ดว้ ยพลาสตกิ และกระดาษสาซกุ ซอ่ นอยใู่ นยางหมุ้ คนั เกยี ร์ และ
โจทก์มีนาย ป. ผ้คู รอบครองรถยนต์แท็กซ่ีคนั ท่เี กิดเหตุในฐานะผูเ้ ชา่ ซ้ือเบิกความวา่ พยานรู้จักกบั
จ�ำ เลยท่ี ๑ เพราะเคยขบั รถยนตแ์ ทก็ ซข่ี องบรษิ ทั เดยี วกนั ทก่ี รงุ เทพมหานคร เมอ่ื พยานเชา่ ซอ้ื รถยนต์
แท็กซค่ี ันเกิดเหตุแลว้ เคยให้จ�ำ เลยที่ ๑ ขบั ในผลัดกลางคนื ในวันเกิดเหตเุ วลาประมาณ ๑๕ นาฬิกา
จ�ำ เลยที่ ๑ มาหาพยานทบ่ี า้ นในจงั หวดั เชยี งราย จ�ำ เลยท่ี ๑ ขอยมื รถยนตแ์ ทก็ ซคี่ นั เกดิ เหตโุ ดยบอก
ว่าจะเดินทางไปหาคู่รกั พยานจงึ ให้จ�ำ เลยท่ี ๑ ยมื ไป ดังน้ัน จ�ำ เลยที่ ๑ ซ่งึ ครอบครองรถยนต์แทก็ ซี่
คนั เกดิ เหตุต้งั แต่ยมื มาจากนาย ป. จึงมีโอกาสท่ีจะนำ�เมทแอมเฟตามีนของกลางมาซุกซอ่ นในรถได้
ในช้ันจับกุมจำ�เลยท้ังสองก็ให้การรับสารภาพว่าจำ�เลยทั้งสองรับจ้างขนเมทแอมเฟตามีนของกลาง
เพื่อจะนำ�ไปส่งท่ีอำ�เภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยได้ข้อเท็จจริงจากพันตำ�รวจโท พ.และ
จ่าสิบตำ�รวจ ณ. ประกอบกับหมายเหตุท้ายบันทึกการจับกุมว่า จำ�เลยทั้งสองให้ข้อมูลว่าจะนำ�
เมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งให้นาย ส. และนาย ว. ที่นำ�รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน
บท ๔๗๓๒ จันทบุรี ซ่ึงมีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ในรถแล้ว ๔ มัด ประมาณ ๘,๐๐๐ เม็ด
มาจอดรอรับเมทแอมเฟตามีนของกลางท่ีบ้านนาย ศ. เลขท่ี ๑๑๗ หมู่ท่ี ๙ ตำ�บลเวียงเหนือ
อ�ำ เภอเวยี งชยั ในคนื เกดิ เหตนุ นั้ จงึ น�ำ ตวั จ�ำ เลยทงั้ สองไปชบ้ี า้ นนาย ศ. พบรถยนตค์ นั ทจ่ี �ำ เลยทง้ั สอง
ให้การจอดอยใู่ ต้ถุนบ้าน ไดม้ อบให้เจ้าพนักงานตำ�รวจสถานตี ำ�รวจภธู ร อ�ำ เภอเวียงชยั ดำ�เนินการ
ต่อไป และปรากฏตามรายงานประจำ�วนั เกย่ี วกบั คดขี องสถานีตำ�รวจภูธร อ�ำ เภอเวียงชัย ภาพถ่าย
ผู้ต้องหาและของกลางว่า ในวันรุ่งข้ึนหลังจากเกิดเหตุเจ้าพนักงานต�ำ รวจ สถานีตำ�รวจภูธรอำ�เภอ
เวยี งชยั จบั กมุ นาย ส. และนาย ศ. กบั พวกรวม ๘ คน พรอ้ มของกลางหลายรายการรวมทง้ั รถยนตย์ หี่ อ้
อซี ซู ุ หมายเลขทะเบียน บท ๔๗๓๒ จนั ทบุรี และเมทแอมเฟตามนี ประมาณ ๗,๘๐๐ เมด็ ตรงกบั ท่ี
จ�ำ เลยทงั้ สองใหข้ อ้ มลู ตอ่ พยานโจทกซ์ งึ่ เปน็ ผรู้ ว่ มจบั กมุ โดยไมม่ ขี อ้ เทจ็ จรงิ ใดทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ จ�ำ เลย
ท้ังสองให้การรับสารภาพในช้ันจับกุมโดยไม่สมัครใจ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันมีนํ้าหนัก

อัยการนิเทศ 103

ใหร้ บั ฟงั ทจ่ี �ำ เลยที่ ๑ น�ำ สบื โดยอา้ งจ�ำ เลยที่ ๒ เปน็ พยานวา่ ในคนื เกดิ เหตขุ ณะจ�ำ เลยท่ี ๒ เดนิ ออก
จากโรงพยาบาลทไ่ี ปเยย่ี มญาติ มหี ญงิ ผหู้ นง่ึ น�ำ เมทแอมเฟตามนี ของกลางมาฝากไปให้ นาย ป. ขณะ
ท่จี �ำ เลยท่ี ๑ ลงจากรถยนต์แทก็ ซ่คี ันเกดิ เหตุเขา้ ไปในบา้ นครู่ กั จ�ำ เลยที่ ๒ จงึ น�ำ เมทแอมเฟตามีน
ของกลางไปซุกซอ่ นไวท้ ่ีกระปกุ เกียร์โดยจำ�เลยที่ ๑ ไม่ทราบเรือ่ งนนั้ เปน็ การกลา่ วอา้ งลอย ๆ ไมม่ ี
เหตุผลสนับสนุน น่าจะเป็นการเบิกความเพ่ือช่วยเหลือจ�ำ เลยท่ี ๑ จึงไม่มีนํ้าหนักให้รับฟังหักล้าง
พยานหลกั ฐานของโจทกท์ ี่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาว่า จำ�เลยท่ี ๑ ร่วมกบั จ�ำ เลยที่ ๒ กระทำ�
ความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ของกลางไวใ้ นครอบครองเพอ่ื จ�ำ หนา่ ยนนั้ ศาลฎกี าเหน็ พอ้ งดว้ ย ฎกี า
ของจำ�เลยท่ี ๑ ฟังไมข่ ้นึ แตก่ ารทจ่ี �ำ เลยท่ี ๑ ให้การรบั สารภาพในช้นั จบั กมุ และค�ำ รบั ดังกล่าวได้ใช้
ประกอบการวนิ จิ ฉยั วา่ จ�ำ เลยที่ ๑ ไดก้ ระท�ำ ความผดิ อนั เปน็ ประโยชนต์ อ่ การพจิ ารณาของศาล เปน็
เหตบุ รรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จงึ สมควรลดโทษใหแ้ กจ่ �ำ เลยท่ี ๑ และจ�ำ เลย
ทั้งสองได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำ�รวจสถานีตำ�รวจภูธรอำ�เภอแม่ลาวผู้จับกุมเกี่ยวกับผู้ท่ีรอรับ
เมทแอมเฟตามนี ของกลางทอี่ ำ�เภอเวยี งชยั จนเปน็ เหตใุ หเ้ จา้ พนกั งานตำ�รวจสถานตี �ำ รวจภธู รอ�ำ เภอ
เวียงชัยจับกุมนาย ส. กับพวกพร้อมเมทแอมเฟตามีนประมาณ ๗,๘๐๐ เม็ด นับว่าจำ�เลยท้ังสอง
ได้ให้ข้อมูลที่สำ�คัญและเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการปราบปรามผู้กระทำ�ความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำ�รวจ จึงเหน็ สมควรวางโทษตำ�่ กว่าท่ีศาลล่าง ทงั้ สองก�ำ หนดตาม
พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๐๐/๒ (ท่ีแก้ไขใหม)่ และเม่ือเหตุท่ศี าลฎกี า
ลดโทษใหจ้ ำ�เลยท่ี ๑ กรณีน้เี ป็นเหตุอยู่ในส่วนลกั ษณะคดี แม้จำ�เลยท่ี ๒ มิไดฎ้ กี าก็ตาม ศาลฎกี า
ย่อมมีอำ�นาจพิพากษาไปถึงจำ�เลยท่ี ๒ ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
๒๑๓ ประกอบมาตรา ๒๒๕
พพิ ากษาแกเ้ ปน็ วา่ จ�ำ เลยทง้ั สองมคี วามผดิ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๑๕ วรรคสอง (เดมิ ), ๖๖ วรรคหนงึ่ (เดมิ ), ๑๐๐/๒ (ทแ่ี กไ้ ขใหม)่ ประกอบประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๘๓ ลงโทษจำ�คกุ จ�ำ เลยท้ังสองคนละ ๑๕ ปี จำ�เลยที่ ๑ใหก้ ารรบั สารภาพในชน้ั จับกมุ
เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำ�เลยที่ ๑ หนึ่งในสามตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำ�คกุ จำ�เลยท่ี ๑ มกี ำ�หนด ๑๐ ปี ลดโทษใหจ้ ำ�เลยท่ี ๒ กึ่งหนึ่ง ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจ�ำ คกุ จ�ำ เลยที่ ๒ มกี ำ�หนด ๗ ปี ๖ เดอื น นอกจากทีแ่ กค้ ง
ใหเ้ ปน็ ไปตามค�ำ พพิ ากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค ๕


104 อยั การนิเทศ

ค�ำ พิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๑๕/๒๕๕๓

ป.วิ.อ. เหตแุ ห่งการยกฟ้อง การชง่ั น้าํ หนักพยานหลกั ฐาน (มาตรา ๑๘๕, ๒๒๗)

แม้โจทก์กับโจทก์ร่วมจะมีโจทก์ร่วมเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริง
ดังกล่าวก็ตาม แต่ก็เป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวโดยไม่มีประจักษ์พยานปากอื่นมาเบิก
ความอกี ยอ่ มยากทฝี่ า่ ยจำ�เลยจะถามคา้ นใหเ้ หน็ ขอ้ พริ ธุ ของประจกั ษพ์ ยานได้ พยานโจทกแ์ ละ
โจทก์ร่วมเช่นน้ีจึงต้องพิจารณาถึงความน่าเช่ือถือด้วยความระมัดระวัง โดยคำ�เบิกความของ
ประจักษ์พยานเช่นนี้ต้องมีน้ําหนักม่ันคงประกอบด้วยเหตุผลน่าเชื่อถือควรแก่การรับฟัง จึงพอ
จะลงโทษจำ�เลยได้
พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมมีประจักษ์พยานคือตัวโจทก์ร่วมเพียงปากเดียว
ที่เบิกความยืนยันว่าจำ�เลยกับพวกชิงทรัพย์โจทก์ร่วม ท้ังยังเป็นผู้ท่ีมีสาเหตุโกรธเคืองกัน
มาก่อน ประกอบกับพฤติการณ์ในการชิงทรัพย์ รวมทั้งการท่ีจำ�เลยไม่อำ�พรางตัวและไม่
หลบหนที งั้ ทีค่ วรร้วู า่ โจทกร์ ว่ มจำ�ตนได้ ตลอดจนขอ้ บกพรอ่ งท่พี ยานบคุ คลของโจทกเ์ บกิ ความ
มาอีกหลายประการ ทำ�ให้พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ม่ันคง และมีเหตุผล
น่าระแวงว่าอาจมีการกล่ันแกล้งปรักปร�ำ จำ�เลยได้ กรณีเช่นนี้ย่อมยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่า
จำ�เลยกระทำ�ความผิดฐานชิงทรัพย์จริงหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จ�ำ เลยตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง จึงรับฟังลงโทษจำ�เลยใน
ความผิดฐานชงิ ทรัพยไ์ ม่ได้ และไมจ่ �ำ ต้องวินจิ ฉยั พยานหลกั ฐานของจำ�เลย
นอกจากนี้เม่ือพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังลงโทษจำ�เลยฐานชิงทรัพย์ไม่ได้
เช่นน้ีย่อมมีเหตุที่ฟังไม่ได้ว่าจำ�เลยกระทำ�ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ
ใบอนญุ าต และพาอาวธุ ปนื ไปในเมอื งหมบู่ า้ นหรอื ทางสาธารณะโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนญุ าตและไมม่ ี
เหตุอันควรด้วยเพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน ย่อมต้องยกฟ้องในความผิดทั้งสอง
ฐานนี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ ประกอบมาตรา ๒๑๕
และมาตรา ๒๒๕

________________________________________

พนกั งานอัยการ ส�ำ นกั งานอัยการสูงสุด โจทก์
นายวีเจย์ บาฮาดูร์ ยาดอว์ โจทกร์ ว่ ม
ระหวา่ ง นายซนุ ดสั ยาดอร์หรือสยาม จ�ำ เลย



อัยการนเิ ทศ 105

โจทกฟ์ ้องว่า เม่ือวนั ท่ี ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๘ เวลากลางคนื หลงั เท่ยี งจ�ำ เลยกับพวกอีก ๑ คน
ทห่ี ลบหนยี งั ไมไ่ ดต้ วั มาฟอ้ ง รว่ มกนั กระทำ�ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายกรรมตา่ งกนั กลา่ วคอื จ�ำ เลย
กบั พวกไดร้ ว่ มกนั มอี าวธุ ปนื พกแบบออโตเมตกิ ไมท่ ราบขนาด ๑ กระบอก ไมป่ รากฏวา่ มเี ครอื่ งหมาย
ทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับหรือไม่ไว้ในครอบครองโดยได้รับใบอนุญาต จำ�เลยกับพวกร่วม
กันพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านตามซอยจรัญสนิทวงศ์ ๓๙ ซ่ึงเป็นทางสาธารณะโดย
ไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ท้ังไม่เป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัว
เม่ือมีเหตุจำ�เป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และจำ�เลยกับพวกร่วมกันเข้าไปในบ้านพัก
อันเป็นเคหสถานของนาย ว. ผเู้ สียหาย แลว้ ชงิ ทรพั ย์สรอ้ ยคอทองค�ำ หนกั ๒ บาท จำ�นวน ๑ เส้น
ราคา ๑๘,๐๐๐ บาท แหวนทองค�ำ ๒ วง ราคา ๙,๐๐๐ บาท พระศิวะพร้อมกรอบทองคำ� ๑ องค์
ราคา ๓,๐๐๐ บาท และเงนิ จ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเปน็ เงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ของผ้เู สียหาย โดย
จำ�เลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนที่นำ�ติดตัวมาดังกล่าวจ่อที่ศีรษะด้านซ้ายของผู้เสียหายขู่เข็ญว่า
ทนั ใดนน้ั จะยงิ ประทุษร้ายผูเ้ สียหายให้ได้รับอนั ตรายแก่ชวี ติ หากขดั ขนื เพ่ือให้ความสะดวกแกก่ าร
ชงิ ทรพั ย์ พาทรพั ยน์ นั้ ไป ยดึ ถอื เอาทรพั ยน์ นั้ ไว้ และใหพ้ น้ จากการจบั กมุ ทง้ั นจี้ �ำ เลยกบั พวกรว่ มกนั ใช้
รถจกั รยานยนตเ์ ปน็ ยานพาหนะเพอ่ื พาทรพั ยน์ น้ั ไปและเพอื่ ใหพ้ น้ การจบั กมุ เหตเุ กดิ ทแ่ี ขวงบางขนุ ศรี
เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพมหานคร ขอใหล้ งโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๓๙,
๓๔๐ ตรี, ๓๗๑ พระราชบญั ญัติอาวุธปนื เครือ่ งกระสนุ ปืน วตั ถุระเบิด ดอกไม้เพลงิ และสิ่งเทียม
อาวุธปนื พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ และใหจ้ �ำ เลยคนื หรือใช้ราคาสร้อยคอทองค�ำ
๑ เส้น แหวนทองคำ� ๒ วง พระศิวะพร้อมกรอบทองคำ� ๑ องค์ กับเงินสด ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเป็น
เงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ที่ยงั ไมไ่ ด้คนื ให้แกผ่ ู้เสยี หาย
จ�ำ เลยให้การปฏิเสธ
ระหวา่ งพจิ ารณา นาย ว. ผเู้ สยี หายยนื่ คำ�รอ้ งขอเขา้ รว่ มเปน็ โจทก์ ศาลชน้ั ตน้ อนญุ าต (ทถ่ี กู
อนุญาตเฉพาะข้อหาชงิ ทรพั ย์ ส่วนข้อหามแี ละพาอาวธุ ปนื โจทก์ร่วมไมเ่ ป็นผู้เสยี หายจงึ ไมอ่ นญุ าต)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๓๙ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๓๔๐ ตรี มาตรา ๓๗๑ และพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วตั ถรุ ะเบดิ ดอกไม้เพลงิ และส่ิงเทยี มอาวุธปนื พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ
วรรคหนึ่ง, ๗๒ วรรคสาม, ๗๒ ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
การกระท�ำ ของจ�ำ เลยเปน็ ความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั ใหล้ งโทษทกุ กรรมเปน็ กระทงความผดิ ไป ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานชิงทรพั ยโ์ ดยรว่ มกระท�ำ ความผิดดว้ ยกันต้ังแต่สองคนขึ้น
ไปในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวธุ โดยใช้ยานพาหนะ จำ�คุก ๑๕ ปี ฐานร่วมกนั มอี าวุธปืน
ไว้ในครอบครองโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนุญาต จำ�คกุ ๑ ปี ฐานรว่ มกนั พาอาวุธปนื ไปในเมอื งหมบู่ า้ นหรือ
ทางสาธารณะโดยไม่ได้รบั ใบอนุญาตและโดยไมม่ เี หตุสมควร เป็นการกระทำ�อันเป็นกรรมเดียวเป็น
ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท ใหล้ งโทษตามพระราชบัญญัติอาวธุ ปนื ฯ ซึง่ เป็นกฎหมายบททมี่ โี ทษ

106 อัยการนเิ ทศ

หนกั ท่ีสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จ�ำ คกุ ๖ เดอื น รวมจำ�คุก ๑๖ ปี ๖ เดือน กับให้
จ�ำ เลยคนื หรอื ใชร้ าคาสรอ้ ยคอทองคำ� ๑ เสน้ แหวนทองค�ำ ๒ วง พระศวิ ะพรอ้ มกรอบทองคำ� ๑ องค์
และเงินจ�ำ นวน ๑๐,๐๐๐ บาท รวม ๔ รายการ เป็นเงนิ ๔๐,๐๐๐ บาท ทีย่ งั ไมไ่ ดค้ ืนแก่โจทก์ร่วม
จ�ำ เลยอทุ ธรณ์
ศาลอทุ ธรณพ์ พิ ากษายืน
จำ�เลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำ�เลย
ว่า จำ�เลยร่วมกบั พวกกระท�ำ ความผิดฐานชิงทรัพยต์ ามทีศ่ าลลา่ งทง้ั สองพิพากษาลงโทษมาหรอื ไม ่
ปัญหาน้ีโจทก์และโจทก์ร่วมมีตัวโจทก์ร่วมมาเบิกความในลักษณะเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่า
วนั ที ่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๘ เวลา ๒๑.๓๐ นาฬกิ า จำ�เลยกบั ชายอีก ๑ คน ร่วมกันชิงทรพั ยโ์ จทกร์ ว่ ม
โดยทำ�ทมี าขอซอื้ นา้ํ แขง็ ทบ่ี า้ นของโจทกร์ ว่ มซง่ึ เปดิ เปน็ รา้ นคา้ ขายของชำ�ขณะทโ่ี จทกร์ ว่ มออกไปที่
หน้าบ้านเพ่ือตักน้ําแข็ง จำ�เลยกับพวกก็เข้าจับตัวโจทก์ร่วมและพวกของจ�ำ เลยใช้อาวุธปืนพกจ้ีท่ี
ศีรษะโจทก์รว่ ม แล้วลากโจทก์ร่วมเข้าไปในรา้ นช่วยกนั ปลดสร้อยคอทองค�ำ ๑ เสน้ พร้อมพระศิวะ
เล่ียมทองคำ�กับแหวนทองค�ำ ๒ วง จากโจทกร์ ่วม จากนน้ั ก็ลากโจทกร์ ่วมไปทเี่ ตียงนอนแลว้ จำ�เลย
เปดิ ลน้ิ ชกั หวั เตยี งหยบิ เงนิ ไปประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท จากนน้ั กว็ ง่ิ ออกจากรา้ นไปขน้ึ รถจกั รยานยนต์
พากันหลบหนีไป โจทก์ร่วมตามไปดูเห็นและจำ�หมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ได้เฉพาะตัวเลข
ทะเบยี น ๙๘๑๖ โจทกร์ ว่ มโทรศพั ทบ์ อกนาง อ. หลานภรรยาตนวา่ ถกู โจรจแ้ี ลว้ ไปแจง้ ความทส่ี ถานี
ตำ�รวจนครบาลบางขุนนนท์ระบุช่ือจำ�เลยเป็นคนร้ายเพราะรู้จักจำ�เลยซึ่งเป็นชาวอินเดียเช่นเดียว
กับโจทก์ร่วมมาก่อน ขณะเกิดเหตุเห็นจำ�เลยและจำ�ได้เพราะมีแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าหน้าร้าน
ตอ่ มาวนั ที่ ๑๕ สงิ หาคม ๒๕๔๘ โจทกร์ ว่ มไปทตี่ ลาดพาหรุ ดั เพราะคดิ วา่ จ�ำ เลยจะอยทู่ บ่ี รเิ วณดงั กลา่ ว
ก็เห็นจำ�เลยนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารอินเดีย โจทก์ร่วมแจ้งเจ้าพนักงานตำ�รวจ ในท่ีสุด
เจ้าพนักงานต�ำ รวจจับกุมจำ�เลย แล้วจำ�เลยพาไปยึดรถจักรยานยนต์ของจ�ำ เลยหมายเลขทะเบียน
กรงุ เทพมหานคร ๒ ส - ๙๘๑๖ เป็นของกลางน�ำ ส่งพนักงานสอบสวนด�ำ เนนิ คดี เหน็ ว่า แมโ้ จทก์
กบั โจทกร์ ว่ มจะมโี จทกร์ ว่ มเปน็ ประจกั ษพ์ ยานมาเบกิ ความยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ วกต็ าม แตก่ เ็ ปน็
ประจกั ษพ์ ยานเพียงปากเดียวโดยไมม่ ีประจกั ษพ์ ยานปากอ่นื มาเบิกความอกี ยอ่ มยากท่ฝี า่ ยจ�ำ เลย
จะถามค้านใหเ้ หน็ ขอ้ พริ ุธของประจกั ษพ์ ยานได้ พยานโจทกแ์ ละโจทกร์ ว่ มเชน่ น้จี ึงต้องพจิ ารณาถงึ
ความน่าเช่ือถือด้วยความระมัดระวัง โดยค�ำ เบิกความของประจักษ์พยานเช่นน้ีต้องมีนํ้าหนักมั่นคง
ประกอบดว้ ยเหตผุ ลนา่ เชอ่ื ถอื ควรแกก่ ารรบั ฟงั จงึ พอจะลงโทษจ�ำ เลยได้ แตป่ รากฏจากค�ำ เบกิ ความ
ของจ�ำ เลยวา่ เมอื่ ปี ๒๕๔๖ พชี่ ายจ�ำ เลยขอกยู้ ืมเงนิ จากโจทก์ร่วม ตอ่ มาโจทก์ร่วมไดแ้ จง้ ความตอ่
เจ้าพนักงานตำ�รวจให้ดำ�เนินคดีแก่พี่ชายจำ�เลยในข้อหายักยอกทรัพย์ซึ่งคดีดังกล่าวจำ�เลยไปเป็น
พยานให้พี่ชายทำ�ให้โจทก์ร่วมโกรธและต่อมาพี่ชายจำ�เลยเดินทางกลับประเทศอินเดียไป และโจทก์ร่วม
ก็เบิกความเป็นทำ�นองเดียวกับคำ�เบิกความของจำ�เลยว่า ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมมีข้อพิพาทกับ

อยั การนิเทศ 107

พ่ีชายจำ�เลยเกี่ยวกับกรณีท่ีพ่ีชายจำ�เลยกู้ยืมเงินโจทก์ร่วมถึงขนาดท่ีโจทก์ร่วมได้เข้าแจ้งความต่อ
เจา้ พนกั งานต�ำ รวจสถานตี �ำ รวจนครบาลบางกอกนอ้ ยใหด้ �ำ เนนิ คดแี กพ่ ช่ี ายจ�ำ เลย และในคดดี งั กลา่ ว
จำ�เลยก็ไปกับพ่ีชายจำ�เลยด้วย ซ่ึงข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นว่าโจทก์ร่วมกับจำ�เลยน่าจะมีสาเหตุให้
โกรธเคอื งกนั มากอ่ นได้ และแมจ้ ะไดค้ วามวา่ เหตพุ พิ าทดงั กลา่ วเกดิ ขนึ้ กอ่ นเกดิ เหตุ ๒ ปี แตก่ ต็ อ้ งมี
ระยะเวลาในการด�ำ เนนิ คดกี นั ตอ่ มาอกี ระยะหนง่ึ ซง่ึ โจทกร์ ว่ มกม็ ไิ ดเ้ บกิ ความถงึ ระยะเวลาด�ำ เนนิ คดี
ดงั กลา่ วและในทส่ี ดุ ผลคดเี ปน็ อยา่ งไรบา้ ง พฤตกิ ารณเ์ ชน่ นย้ี อ่ มยงั ไมอ่ าจเชอื่ ไดว้ า่ โจทกร์ ว่ มไมม่ เี หตุ
โกรธเคอื งกบั จ�ำ เลย ดงั นจ้ี งึ มขี อ้ นา่ ระแวงวา่ จะมกี ารกลน่ั แกลง้ ปรกั ปรำ�กนั หรอื ไม่ และเมอื่ พจิ ารณา
คำ�เบิกความของโจทก์ร่วมก็เห็นได้ว่า ในส่วนที่โจทก์ร่วมจำ�ตัวเลขหมายเลขทะเบียนรถของจ�ำ เลย
ได้นนั้ กน็ ่าจะเป็นเพราะโจทก์ร่วมเคยเหน็ จำ�เลยขบั รถจักรยานยนต์คันนี้เปน็ ประจำ� โดยจำ�เลยใช้
รถจักรยานยนตค์ ันนีม้ า ๒ ปีแลว้ ตามทีป่ รากฏจากคำ�เบิกความของโจทก์ร่วม และในพฤติการณ์
ท่ีโจทก์ร่วมเบิกความว่าในข้ันแรกจำ�เลยกับพวกทำ�ทีมาพูดขอซื้อนํ้าแข็งจนโจทก์ร่วมเดินออกจาก
ร้านไปตักนํ้าแขง็ ท่ีหน้าร้าน จากน้ันจำ�เลยกบั พวกจงึ ชว่ ยกนั จบั ตวั โจทก์ร่วมลากเข้าไปในร้าน โดย
พวกของจำ�เลยใชอ้ าวธุ ปนื จ้ีศีรษะโจทก์รว่ มด้วย ซึง่ ไม่สมเหตสุ มผล เพราะตอนแรกโจทก์รว่ มกอ็ ยู่ท่ี
หนา้ ประตรู า้ นอยแู่ ลว้ ยอ่ มเปน็ โอกาสดที จ่ี ะบงั คบั โจทกร์ ว่ มเขา้ ไปในรา้ นเพอื่ ชงิ ทรพั ยโ์ ดยใชอ้ าวธุ ปนื
จขี้ ู่ โดยคนนอกเหน็ ได้ยากกว่าทีจ่ ะกระทำ�ท่ีนอกรา้ นด้านหน้า ซง่ึ มีแสงไฟสอ่ งสวา่ ง จงึ ไมม่ ีเหตผุ ล
ทจ่ี �ำ เลยกบั พวกจะตอ้ งพดู ขอซอื้ นา้ํ แขง็ อนั จะทำ�ใหโ้ จทกร์ ว่ มเดนิ ออกไปทหี่ นา้ รา้ น เพอ่ื ตกั นาํ้ แขง็ ใน
ถงั สีสม้ ทตี่ ั้งให้เหน็ ได้ทหี่ น้าร้าน ทั้งปรากฏจากค�ำ เบกิ ความของโจทกร์ ่วมอีกวา่ จำ�เลยกับโจทก์รว่ ม
ก็รู้จกั กันดีมานานถึงประมาณ ๑๐ ปมี าแลว้ จำ�เลยยอ่ มทราบวา่ โจทก์ร่วมจำ�จ�ำ เลยได้แนน่ อน แต่
ก็ไม่มีการปิดบังอ�ำ พรางตัว และหลังเกิดเหตุจ�ำ เลยก็ไม่ได้หลบหนี นอกจากน้ียังไปที่ตลาดพาหุรัด
ซ่ึงโจทก์ร่วมก็รู้ว่าจำ�เลยน่าจะอยู่ที่บริเวณน้ีจนสามารถไปเห็นจำ�เลยแล้วแจ้งเจ้าพนักงานตำ�รวจ
จับกมุ จ�ำ เลยได้ ซึ่งเปน็ พฤติการณท์ ไ่ี มน่ ่าเชอื่ ว่าผู้กระทำ�ความผดิ ทรี่ ูว้ ่าผูเ้ สียหายจำ�ตนได้จะกระทำ�
เช่นนั้น นอกจากน้ีหากมีการกระทำ�ความผิดดังที่โจทก์ร่วมเบิกความมาและแจ้งความต่อพนักงาน
สอบสวนทันทีในคืนเกิดเหตุก็ควรที่พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานในท่ีเกิดเหตุโดย
เฉพาะลายพิมพ์นิ้วมือคนร้ายท่ีน่าจะติดอยู่ที่ล้ินชักหัวเตียงที่มีการเปิดลิ้นชักหยิบเงินไป ซ่ึงจะเป็น
พยานหลกั ฐานทย่ี นื ยนั ความผดิ ของจำ�เลยไดแ้ นช่ ดั ยง่ิ กวา่ คำ�เบกิ ความของโจทกร์ ว่ มปากเดยี วทเ่ี คย
มีสาเหตุโกรธเคอื งกับจ�ำ เลยมากอ่ น แต่กไ็ ม่ปรากฏว่ามกี ารด�ำ เนนิ การดงั กล่าวหรือไมอ่ ย่างไรท้งั ยัง
ไม่ปรากฏวา่ มีการสอบปากค�ำ ชาวบ้านใกลเ้ คียงซึง่ อาจเหน็ เหตกุ ารณแ์ ละเป็นพยานได้อกี ดว้ ย คงมี
แต่โจทกร์ ว่ มที่เบกิ ความวา่ ชาวบ้านขา้ งเคียงไปดกู ารแสดงงาน ๑๒ สิงหามหาราชินี ซึง่ ไมป่ รากฏ
ว่าโจทก์ร่วมทราบได้อย่างไรว่าชาวบ้านเหล่านั้นไปดูการแสดงกันหมด จนไม่มีใครเห็นเหตุการณ์
อีกเลย และที่โจทก์ร่วมเบิกความว่า หลังจากเจ้าพนักงานตำ�รวจได้ตัวจำ�เลยท่ีตลาดพาหุรัดแล้ว
จำ�เลยต่อรองขอผอ่ นผันชำ�ระเงนิ แกโ่ จทกร์ ่วมเดอื นละ ๒,๐๐๐ บาท โจทก์ร่วมตอบวา่ ให้ไปเจรจา

108 อัยการนเิ ทศ

ต่อรองกับตำ�รวจเอง เจา้ พนกั งานต�ำ รวจถามจำ�เลยว่า “ไมร่ บั แล้วใหท้ ำ�ไมเดอื นละ ๒,๐๐๐ บาท”
จ�ำ เลยปฏเิ สธ จ�ำ เลยเจรจาขอชดใชค้ า่ เสยี หายแกโ่ จทกร์ ว่ มทสี่ ถานตี �ำ รวจนครบาลบางขนุ นนท์ และ
เบิกความตอบทนายจำ�เลยถามคา้ นวา่ เจรจากนั ด้วยภาษาอนิ เดีย นอกจากนโ้ี จทกร์ ่วมยงั เบิกความ
อีกว่าได้ยินเจ้าพนักงานตำ�รวจถามจำ�เลยว่าทำ�ไมไม่ขับรถจักรยานยนต์ไปที่พาหุรัด จำ�เลยตอบ
วา่ ไม่มใี บอนุญาตขบั รถจกั รยานยนต์ แตด่ าบต�ำ รวจ ฉ. เจา้ พนกั งานต�ำ รวจ สถานตี ำ�รวจนครบาล
บางขุนนนท์ พยานโจทก์และโจทก์ร่วมอีกปากหนึ่งซ่ึงเป็นผู้ไปรับตัวจำ�เลย จากเจ้าพนักงาน
ตำ�รวจสถานีตำ�รวจนครบาลพระราชวังเบิกความว่า ขณะเดินทางไปเอารถจักรยานยนต์ของกลาง
โจทกร์ ว่ มกบั จำ�เลยพดู กนั เรอื่ งคา่ เสยี หาย โดยจ�ำ เลยเสนอจะชดใชใ้ หโ้ จทกร์ ว่ ม แตต่ กลงกนั ไมไ่ ด้ ซงึ่
ไมต่ รงกบั ค�ำ เบกิ ความของโจทกร์ ว่ มดงั กลา่ วขา้ งตน้ และดาบต�ำ รวจ ฉ. ยงั เบกิ ความอกี วา่ พยานไมไ่ ด้
สอบถามวา่ เหตใุ ดจ�ำ เลยจงึ น�ำ รถจกั รยานยนตไ์ ปจอดไวบ้ รเิ วณทจี่ �ำ เลยพาไปยดึ รถจกั รยานยนต์ ซงึ่
กแ็ ตกตา่ งจากค�ำ เบกิ ความของโจทกร์ ว่ มดงั กลา่ วอกี เชน่ กนั และรอ้ ยต�ำ รวจโท ร. พนกั งานสอบสวน
ทมี่ าเบกิ ความเปน็ พยานโจทกด์ ว้ ยกไ็ มไ่ ดเ้ บกิ ความวา่ จ�ำ เลยเสนอชดใชค้ า่ เสยี หายแกโ่ จทกร์ ว่ ม ซง่ึ ไม่
ตรงกบั คำ�เบิกความของโจทก์รว่ มดังกล่าวข้างต้น สว่ นพยานโจทก์และโจทกร์ ว่ มปากนาง บ. ภรรยา
โจทก์รว่ มและนางสาว ว. หลานนาง บ. ก็เบิกความไปตามขอ้ เทจ็ จรงิ ท่ที ราบจากโจทก์รว่ ม ซง่ึ เปน็
พยานบอกเลา่ มนี า้ํ หนกั นอ้ ย ทง้ั ตามค�ำ เบกิ ความของนางสาว ว. กไ็ ดเ้ บกิ ความวา่ โจทกร์ ว่ มโทรศพั ท์
บอกนางสาว ว. ว่า “โดนจี้ปล้นท่ีร้าน” เท่าน้ันและให้ช่วยบอกให้นาง บ. ท่ีไปท่ีงาน ๑๒ สิงหา
มหาราชนิ ดี ว้ ยกนั ทราบดว้ ยโดยไมไ่ ดร้ ะบวุ า่ จ�ำ เลยเปน็ คนรา้ ย ทงั้ ทป่ี รากฏจากค�ำ เบกิ ความของนาง บ.
วา่ นาง บ. กร็ จู้ กั จ�ำ เลยเช่นกนั จากพยานหลกั ฐานและเหตุผลดังกลา่ วเห็นไดว้ ่า พยานหลกั ฐานของ
โจทกแ์ ละโจทกร์ ว่ มมปี ระจักษพ์ ยาน คือ ตัวโจทกร์ ว่ มเพียงปากเดยี วท่ีเบิกความยืนยันว่าจ�ำ เลยกับ
พวกชิงทรัพย์โจทก์ร่วม ท้ังยังเป็นผู้ท่ีมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ประกอบกับพฤติการณ์ในการ
ชิงทรัพย์ รวมท้ังการท่ีจำ�เลยไม่อำ�พรางตัวและไม่หลบหนีท้ังที่ควรรู้ว่าโจทก์ร่วมจำ�ตนได้ ตลอด
จนข้อบกพร่องท่ีพยานบุคคลของโจทก์เบิกความมาอีกหลายประการดังกล่าวข้างต้น ทำ�ให้พยาน
หลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ม่ันคง และมีเหตุน่าระแวงว่าอาจมีการกลั่นแกล้งปรักปรำ�
จำ�เลยได้กรณีเช่นนี้ย่อมยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำ�เลยกระทำ�ความผิดฐานชิงทรัพย์จริง
หรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำ�เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง จึงรบั ฟังลงโทษจำ�เลยในความผดิ ฐานชิงทรัพยไ์ มไ่ ด้ และไมจ่ �ำ ตอ้ งวินิจฉยั
พยานหลกั ฐานของจ�ำ เลย นอกจากนเ้ี มอื่ พยานหลกั ฐานของโจทกแ์ ละโจทกร์ ว่ มฟงั ลงโทษจ�ำ เลยฐาน
ชงิ ทรพั ยไ์ มไ่ ดเ้ ชน่ นย้ี อ่ มมเี หตทุ ฟี่ งั ไมไ่ ดว้ า่ จำ�เลยกระทำ�ความผดิ ฐานมอี าวธุ ปนื ไวใ้ นครอบครองโดย
ไมไ่ ด้รับใบอนุญาตและพาอาวธุ ปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไมไ่ ด้รบั ใบอนญุ าตและ
ไม่มีเหตุอันควรด้วยเพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน ย่อมต้องยกฟ้องในความผิดทั้งสอง
ฐานน้ีดว้ ย ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ ประกอบมาตรา ๒๑๕ และ

อัยการนเิ ทศ 109

มาตรา ๒๒๕ ที่ศาลล่างท้งั สองพิพากษาลงโทษจำ�เลยมา ศาลฎีกาไมเ่ หน็ พอ้ งดว้ ย ฎีกาของจำ�เลย
ฟังข้ึน
พิพากษากลบั ใหย้ กฟ้องโจทกท์ กุ ข้อหา


110 อยั การนิเทศ

ค�ำ พิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๙๘/๒๕๕๓

ป.วิ.อ. การบรรยายฟอ้ ง (มาตรา ๑๕๘ (๕))
พ.ร.บ. ลิขสทิ ธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ (มาตรา ๒๗, ๒๘, ๓๑)
พ.ร.บ. จัดตง้ั ศาลทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศและวธิ พี ิจารณาคดที รพั ยส์ นิ
ทางปัญญาและการค้าระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ (มาตรา ๒๖)

โจทกบ์ รรยายฟ้องวา่ เม่ือวันที่ ๑ มนี าคม ๒๕๕๑ เวลากลางวัน จ�ำ เลยละเมดิ ลขิ สิทธง์ิ าน
ดนตรกี รรม สงิ่ บันทกึ เสียง โสตทศั นวัสดุ และงานศลิ ปกรรม ภาพพมิ พ์ ภาพถา่ ย แผ่นซดี เี พลง
และแผน่ ซดี คี าราโอเกะในอลั บมั “วนั ทอี่ กหกั ” “อาปานาเช”่ และ “โกฮ๋ า่ ง – ฮา่ ง” ของผเู้ สยี หาย
โดยจำ�เลยขาย เสนอขาย แผ่นซีดแี ละวีซีดอี ัลบมั เพลงดังกล่าวท่บี ันทกึ งานอนั เปน็ ลขิ สิทธ์ิของ
ผเู้ สยี หายดงั กลา่ ว ออกเผยแพรต่ อ่ สาธารณชนเพอื่ หาก�ำ ไรในทางการคา้ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจาก
ผูเ้ สียหายและอา้ งพระราชบัญญตั ลิ ิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๗, ๒๘, ๓๑ มาในคำ�ขอท้าย
ฟอ้ ง โดยโจทกม์ ไิ ดบ้ รรยายฟอ้ งใหไ้ ดค้ วามวา่ จ�ำ เลยกระท�ำ ละเมดิ งานอนั มลี ขิ สทิ ธขิ์ องผเู้ สยี หาย
โดยตรงดว้ ยการท�ำ ซาํ้ หรอื ดดั แปลงหรอื ดว้ ยการเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจาก
ผเู้ สียหายตามมาตรา ๒๗ (๑) (๒) และมาตรา ๒๘ (๑) (๒) หรือจ�ำ เลยขาย เสนอขาย หรือเผย
แพรต่ อ่ สาธารณชน ซง่ึ งานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องผเู้ สยี หาย โดยรอู้ ยแู่ ลว้ หรอื มเี หตอุ นั ควรรวู้ า่ แผน่ ซดี ี
และวซี ีดอี ัลบัมเพลงดังกล่าวน้นั ไดม้ ีผู้ท�ำ ซ้าํ ขนึ้ โดยละเมิดลิขสทิ ธ์ขิ องผเู้ สยี หายตามมาตรา ๓๑
(๑) (๒) ซง่ึ มใิ ชก่ ารกระทำ�ละเมดิ ลขิ สทิ ธโ์ิ ดยตรง การกระทำ�ความผดิ ทงั้ สองฐานมอี งคป์ ระกอบ
ความผิดทแ่ี ตกต่างกนั คำ�ฟ้องของโจทก์ไม่อาจแปลความไดว้ ่าเป็นการขาย เสนอขายซีดเี พลง
ของผเู้ สยี หายทม่ี กี ารท�ำ ซาํ้ ขนึ้ มาเอง จงึ มอิ าจเปน็ กรณที ถี่ อื วา่ โจทกฟ์ อ้ งวา่ จำ�เลยกระท�ำ ความผดิ
อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดตอ่ กฎหมายหลายบทตามที่โจทกอ์ ุทธรณ์
ฟ้องของโจทก์จึงมิได้บรรยายถึงการกระทำ�ทั้งหลายที่อ้างว่าจำ�เลยได้กระทำ�ความผิด
พอสมควรท่ีจะให้จำ�เลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สิน
ทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้า
ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา
มาตรา ๑๕๘ (๕)

________________________________________

พนกั งานอัยการจงั หวดั กาญจนบุรี โจทก์

ระหวา่ ง
นายรักษ์ คุณสนั ตห์ รือคูณสนั ต์ จำ�เลย

อยั การนิเทศ 111

โจทก์ฟอ้ งว่า บรษิ ัท อ. จำ�กัด (มหาชน) ผเู้ สยี หาย เปน็ เจ้าของลขิ สิทธใ์ิ นฐานะผสู้ ร้างสรรค์
งานประเภทดนตรีกรรม ส่ิงบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุและงานศิลปกรรมแผ่นซีดีเพลงและแผ่นซีดี
คาราโอเกะ ท่ีได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ เมื่อวันท่ี ๑ มีนาคม
๒๕๕๑ เวลากลางวัน จำ�เลยละเมิดลิขสิทธ์ิในงานอันเป็นลิขสิทธ์ิของผู้เสียหายในอัลบัม “วันที่
อกหัก” “อาปานาเช่” และ “โก๋ฮ่าง – ฮา่ ง” ของผูเ้ สยี หาย โดยการขาย เสนอขายแผ่นซดี แี ละวซี ดี ี
อลั บัมเพลงดงั กลา่ ว ซึ่งบันทึกงานอนั เป็นลิขสทิ ธขิ์ องผูเ้ สยี หายดังกลา่ วออกเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน
เพอื่ หาก�ำ ไรในทางการคา้ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากผเู้ สยี หาย เหตเุ กดิ ทตี่ �ำ บลนามแย้ อ�ำ เภอทา่ มะกา
จงั หวัดกาญจนบรุ ี ตามวนั และเวลาดังกล่าว เจ้าพนักงานจบั จำ�เลยพรอ้ มยดึ แผน่ ซดี ีเพลงและแผน่
ซดี คี าราโอเกะ จ�ำ นวน ๕ แผน่ ทจ่ี �ำ เลยมไี วใ้ ชใ้ นการกระทำ�ความผดิ เปน็ ของกลาง ขอใหล้ งโทษตาม
พระราชบัญญตั ิลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๑๐, ๑๕, ๒๗, ๒๘, ๓๑, ๖๙, ๗๐, ๗๕, ๗๖ ริบ
ของกลางทง้ั หมดกบั สงั่ จา่ ยเงนิ คา่ ปรบั ฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธกิ์ ง่ึ หนงึ่ ใหแ้ กผ่ เู้ สยี หายซงึ่ เปน็ เจา้ ของลขิ สทิ ธิ์
จ�ำ เลยให้การรบั สารภาพ
ศาลทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศกลางพจิ ารณาแลว้ พิพากษายกฟอ้ ง
โจทกอ์ ุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศตรวจสำ�นวนประชุม
ปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยพระราชบัญญัติ
จัดต้ังศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหวา่ งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) หรือไม่ เหน็ วา่ โจทกบ์ รรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๑ เวลา
กลางวัน จำ�เลยละเมิดลขิ สิทธ์ิงานดนตรกี รรม สง่ิ บนั ทกึ เสยี งโสตทัศนวสั ดุ และงานศลิ ปกรรม ภาพ
พิมพ์ ภาพถา่ ย แผน่ ซดี ีเพลง และแผ่นซดี ีคาราโอเกะในอลั บมั “วันที่อกหกั ” “อาปานาเช”่ และ
“โกฮ๋ า่ ง – ฮา่ ง” ของผเู้ สยี หาย โดยจ�ำ เลยขาย เสนอขาย แผน่ ซดี แี ละวซี ดี อี ลั บมั เพลงดงั กลา่ วทบี่ นั ทกึ
งานอนั เปน็ ลขิ สทิ ธข์ิ องผเู้ สยี หายดงั กลา่ วออกเผยแพรต่ อ่ สาธารณชนเพอ่ื หาก�ำ ไรในทางการคา้ โดยไม่
ไดร้ บั อนญุ าตจากผเู้ สยี หายและอา้ งพระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๗, ๒๘, ๓๑ มาใน
ค�ำ ขอทา้ ยฟอ้ ง โดยโจทกม์ ไิ ดบ้ รรยายฟอ้ ง ใหไ้ ดค้ วามวา่ จ�ำ เลยกระท�ำ ละเมดิ งานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องผเู้ สยี หาย
โดยตรงด้วยการทำ�ซ้ําหรือดัดแปลง หรือด้วยการเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก
ผเู้ สยี หายตามมาตรา ๒๗ (๑) (๒) และ มาตรา ๒๘ (๑) (๒) หรอื จ�ำ เลยขาย เสนอขาย หรือเผยแพร่
ตอ่ สาธารณชน ซงึ่ งานอนั มลี ขิ สทิ ธข์ิ องผเู้ สยี หาย โดยรอู้ ยแู่ ลว้ หรอื มเี หตอุ นั ควรรวู้ า่ แผน่ ซดี แี ละวซี ดี ี
อลั บัมเพลงดังกลา่ วนนั้ ได้มีผู้ทำ�ซํา้ ขนึ้ โดยละเมิด ลิขสิทธ์ิของผู้เสยี หายตามมาตรา ๓๑ (๑) (๒) ซึ่ง
มิใช่การกระทำ�ละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง การกระทำ�ความผิดทั้งสองฐานมีองค์ประกอบความผิดที่
แตกตา่ งกนั ค�ำ ฟอ้ งของโจทกไ์ มอ่ าจแปลความไดว้ า่ เปน็ การขายเสนอขายซดี เี พลงของผเู้ สยี หายทม่ี ี
การทำ�ซ้ําข้ึนมาเอง จึงมิอาจเป็นกรณีที่ถือว่าโจทก์ฟ้องว่าจำ�เลยกระทำ�ความผิดอันเป็นกรรมเดียว

112 อยั การนเิ ทศ

เปน็ ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบทตามทโ่ี จทกอ์ ทุ ธรณ์ ฟอ้ งของโจทกจ์ งึ มไิ ดบ้ รรยายถงึ การกระท�ำ ทง้ั
หลายทอ่ี า้ งวา่ จ�ำ เลยไดก้ ระท�ำ ความผดิ พอสมควรทจี่ ะใหจ้ �ำ เลยเขา้ ใจขอ้ หาไดด้ ไี มช่ อบดว้ ยพระราช
บัญญัติจัดต้ังศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทาง
ปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) ที่ศาลทรพั ยส์ ินทางปัญญาและการคา้ ระหว่างประเทศกลางพพิ ากษา
ยกฟ้องโจทกม์ านัน้ ชอบแลว้ อทุ ธรณข์ องโจทกฟ์ งั ไม่ข้นึ
พิพากษายนื


อยั การนิเทศ 113

ค�ำ พิพากษาศาลฎีกาท่ี ๑๘๖๘/๒๕๕๓

พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำ�ความผดิ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๓๔ (มาตรา ๒๙, ๓๒)

คดีอาญาที่ผู้คัดค้านท้ังสองถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ใน
ครอบครองเพ่ือจำ�หน่ายตามคดีอาญาหมายเลขดำ�ท่ี ๗๗๖/๒๕๔๒ คดีหมายเลขแดงท่ี
๒๒๙๓/๒๕๔๖ ของศาลชน้ั ตน้ ศาลฎกี าพพิ ากษายกฟอ้ ง กรณจี งึ ตอ้ งดว้ ยบทบญั ญตั มิ าตรา ๓๒
แหง่ พระราชบญั ญตั มิ าตรการในการปราบปรามผกู้ ระท�ำ ความผดิ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๓๔
ที่บญั ญัตวิ ่า “ในกรณีที่มคี ำ�สง่ั เดด็ ขาดไมฟ่ อ้ งคดี หรอื มคี ำ�พิพากษาถึงทส่ี ดุ ให้ยกฟอ้ งผตู้ อ้ งหา
หรอื จำ�เลยรายใด ใหก้ ารยดึ หรอื อายดั ทรพั ย์สนิ ของผตู้ อ้ งหาหรอื จ�ำ เลยรายนน้ั รวมทง้ั ทรพั ยส์ ิน
ของผอู้ น่ื ทไ่ี ดย้ ดึ หรอื อายดั ไวเ้ นอ่ื งจากเกย่ี วเนอื่ งกบั การกระทำ�ความผดิ ของผตู้ อ้ งหาหรอื จำ�เลย
รายนน้ั สนิ้ สดุ ลง...” เม่ือศาลฎีกาพพิ ากษายกฟ้องส�ำ หรบั ผู้คดั คา้ นทง้ั สอง การยดึ ทรพั ยส์ ินของ
ผู้คัดค้านท้ังสองท่ีผู้ร้องอ้างว่าเนื่องจากเก่ียวเนื่องกับการกระท�ำ ความผิดของผู้คัดค้านท้ังสอง
ย่อมสิ้นสุดลง ศาลย่อมไม่มีอำ�นาจสั่งริบทรัพย์สินนั้นได้ จึงไม่จำ�ต้องพิจารณาในประเด็นท่ีว่า
ทรัพย์สินน้ันเก่ียวเนื่องกับการกระท�ำ ความผิดเก่ียวกับยาเสพติดหรือไม่ ตามมาตรา ๒๙ แห่ง
พระราชบัญญตั ดิ ังกลา่ วอกี ตอ่ ไป

________________________________________

พนักงานอยั การจงั หวัดเชยี งราย ผูร้ ้อง

ระหว่าง จ่าสิบต�ำ รวจประสาท คำ�แฮ ท่ี ๑ ผคู้ ัดค้าน
นายสรุ ินทร์ พัฒนอุดมเวช ท่ี ๒



คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านท้ังสองต่อศาลช้ันต้น ตามคดีอาญาหมายเลขดำ�ท่ี
๗๗๖/๒๕๔๒ ของศาลช้ันต้น ในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท ๑ จ�ำ นวน ๒,๐๐๐ เม็ด ไว้ในความครอบครองเพื่อจำ�หน่าย เจ้าพนักงานยึดทรัพยส์ นิ
ของผคู้ ัดค้านท่ี ๑ จ�ำ นวน ๕ รายการ คอื เงินสด ๒๗,๐๘๐ บาท สร้อยคอทองคำ�ลายข้าวโพด
๑ เสน้ พร้อมพระ ๗ องค์ และกรอบทองค�ำ นา้ํ หนกั รวมประมาณ ๑๘๒.๔ กรมั นาฬกิ าข้อมือยีห่ อ้
มโิ ด้ ๑ เรอื น รถยนตย์ ี่หอ้ โตโยตา้ หมายเลขทะเบียน ข – ๔๕๑๕ เชยี งราย อายดั เงินฝากในบญั ชี
ออมทรัพย์ธนาคาร ก. จ�ำ กดั (มหาชน) สาขาพญาเม็งราย เลขท่ีบญั ชี ๓๕๑ – ๒ – ๒๐๒๓๖ – ๔
พร้อมดอกเบยี้ ในบัญชีดังกล่าว และยึดทรพั ยส์ นิ ของผูค้ ัดคา้ นที่ ๒ จำ�นวน ๓ รายการ คือ เงนิ สด
๔๑๙,๖๐๐ บาท สร้อยคอทองคำ�ลายข้าวโพด ๑ เส้น พร้อมพระพุทธชินราชและกรอบทองค�ำ
นาํ้ หนกั รวมประมาณ ๗๕ กรัม และนาฬกิ าข้อมอื ย่หี อ้ มโิ ด้ ๑ เรอื น ซงึ่ เปน็ ทรพั ย์สนิ ทีเ่ กย่ี วเนอ่ื ง
กับการกระทำ�ความผิดเก่ียวกับยาเสพติด ขอให้ริบของกลางดังกล่าวเป็นของกองทุนป้องกันและ

114 อยั การนเิ ทศ

ปราบปรามยาเสพตดิ ตามพระราชบญั ญตั มิ าตรการในการปราบปรามผกู้ ระทำ�ความผดิ เกี่ยวกับยา
เสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๒๙, ๓๑
ผู้คดั ค้านทั้งสองยน่ื คำ�ร้องคดั คา้ นขอใหย้ กคำ�รอ้ ง
ศาลชน้ั ตน้ พจิ ารณาแลว้ มคี �ำ สง่ั วา่ อาศยั อ�ำ นาจตามพระราชบญั ญตั มิ าตรการในการปราบปราม
ผกู้ ระทำ�ความผดิ เก่ียวกบั ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๒๙, ๓๑ จึงมคี ำ�สง่ั ใหร้ บิ เงนิ สดจำ�นวน
๒๗,๐๘๐ บาท สร้อยคอทองค�ำ ลายข้าวโพด ๑ เส้น พร้อมพระ ๗ องค์ และกรอบทองคำ�นา้ํ หนกั
๑๘๒.๔ กรมั นาฬกิ าย่ีห้อมิโด้ รถยนต์ย่หี อ้ โตโยตา้ หมายเลขทะเบียน ข – ๔๕๑๕ เชียงราย เงินฝาก
บญั ชอี อมทรพั ย์ธนาคาร ก. จำ�กดั (มหาชน) สาขาพญาเม็งราย เลขที่บัญชี ๓๕๑ – ๒ – ๒๐๒๓๖ –
๔ ชื่อของผคู้ ัดคา้ นที่ ๑ พรอ้ มดอกเบ้ยี เงนิ ฝากในบญั ชีดังกลา่ ว และเงินสดจำ�นวน ๔๑๙,๖๐๐ บาท
สร้อยคอทองค�ำ ลายขา้ วโพด ๑ เส้น พร้อมพระพทุ ธชนิ ราชและกรอบทองค�ำ นํ้าหนกั ๗๕ กรัม และ
นาฬกิ าย่หี ้อมิโดข้ องผู้คัดค้านท่ี ๒ ตกเป็นของกองทนุ ป้องกันและปราบปรามยาเสพตดิ
ผู้คัดค้านทงั้ สองอทุ ธรณ์
ศาลอทุ ธรณภ์ าค ๕ พิพากษายืน
ผู้คดั คา้ นทง้ั สองฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า คดีอาญาท่ีผู้คัดค้านท้ังสองถูกฟ้องใน
ความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำ�หน่ายตามคดีอาญาหมายเลขดำ�ท่ี
๗๗๖/๒๕๔๒ คดีหมายเลขแดงที่ ๒๒๙๓/๒๕๔๖ ของศาลชน้ั ตน้ ศาลฎีกาพพิ ากษายกฟอ้ ง กรณี
จงึ ตอ้ งดว้ ยบทบญั ญตั มิ าตรา ๓๒ แหง่ พระราชบญั ญตั มิ าตรการในการปราบปรามผกู้ ระท�ำ ความผดิ
เกยี่ วกับยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ทีบ่ ัญญตั ิวา่ “ในกรณที ่ีมีคำ�สงั่ เด็ดขาดไมฟ่ อ้ งคดี หรือมีค�ำ พิพากษา
ถึงท่ีสุดให้ยกฟ้องผู้ต้องหาหรือจำ�เลยรายใด ให้การยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือจำ�เลย
รายนนั้ รวมทง้ั ทรพั ยส์ นิ ของผอู้ น่ื ทไ่ี ดย้ ดึ หรอื อายดั ไวเ้ นอ่ื งจากเกย่ี วเนอ่ื งกบั การกระท�ำ ความผดิ ของ
ผตู้ อ้ งหาหรอื จ�ำ เลยรายนนั้ สน้ิ สดุ ลง...” เมอ่ื ศาลฎกี าพพิ ากษายกฟอ้ งส�ำ หรบั ผคู้ ดั คา้ นทงั้ สอง การยดึ
ทรพั ยส์ นิ ของผคู้ ดั คา้ นทงั้ สองทผี่ รู้ อ้ งอา้ งวา่ เนอื่ งจากเกย่ี วเนอื่ งกบั การกระท�ำ ความผดิ ของผคู้ ดั คา้ น
ทงั้ สองยอ่ มสน้ิ สดุ ลง ศาลยอ่ มไมม่ อี �ำ นาจสงั่ รบิ ทรพั ยส์ นิ นน้ั ได้ จงึ ไมจ่ �ำ ตอ้ งพจิ ารณาในประเดน็ ทว่ี า่
ทรพั ยส์ นิ นนั้ เกย่ี วเนอื่ งกบั การกระท�ำ ความผดิ เกยี่ วกบั ยาเสพตดิ หรอื ไมต่ ามมาตรา ๒๙ แหง่ พระราช
บญั ญัติดังกลา่ วอกี ตอ่ ไป ทศ่ี าลอุทธรณพ์ ิพากษาให้ริบทรพั ย์สนิ รวม ๘ รายการของผูค้ ัดค้านทง้ั สอง
นั้น ไมต่ ้องดว้ ยความเหน็ ของศาลฎีกา
พิพากษากลับ ให้ยกคำ�ร้องของผู้ร้อง และให้คืนทรัพย์สินของผู้คัดค้านท้ังสองตามคำ�ร้อง
รวม ๘ รายการ แก่ผู้คัดค้านท้งั สอง


อยั การนิเทศ 115

ค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๓๗๒/๒๕๕๓

ป.ว.ิ พ. การย่นื บญั ชรี ะบุพยาน (มาตรา ๘๘)
ป.วิ.อ. ให้น�ำ บทบญั ญตั ิแหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพง่ มาใช้ (มาตรา ๑๕)

การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน อันดับที่ ๗ โดยระบุว่า บรรดาสรรพเอกสารและวัตถุ
พยานในสำ�นวนการสอบสวนคดนี ้ี เป็นการยืน่ บญั ชรี ะบพุ ยานชอบด้วยกฎหมายหรอื ไม่ เหน็ ว่า
แม้โจทก์จะมิได้ย่ืนบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารเป็นแต่ละฉบับ และยื่นบัญชีระบุพยานระบุว่า
บรรดาสรรพเอกสารซึ่งหมายถึงเอกสารหลายฉบับโดยไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารอะไรบ้าง
ก็ตาม แต่ก็มีขอ้ ความตอ่ ไปว่าในสำ�นวนการสอบสวนคดีนี้ จึงพอถอื ไดว้ ่าโจทก์ได้ย่นื บัญชรี ะบุ
พยานโดยแสดงสภาพของเอกสารที่จะอ้างแล้ว เมื่อคดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำ�เลย
โดยพนกั งานสอบสวนไดท้ �ำ การสอบสวนแลว้ ตามทรี่ ะบใุ นค�ำ ฟอ้ ง ยอ่ มเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจไดว้ า่ เอกสาร
ทโ่ี จทกป์ ระสงคอ์ า้ งสง่ ตามบญั ชรี ะบพุ ยานดงั กลา่ วลว้ นเปน็ เอกสารทเ่ี กยี่ วกบั การสอบสวนในคดี
น้ีท้งั ส้ิน โจทกม์ ีอำ�นาจน�ำ พยานเอกสารดงั กลา่ วเขา้ สืบได้ เม่อื จ�ำ เลยซง่ึ ถกู อ้างเอกสารดงั กลา่ ว
มายนั ยอ่ มซักคา้ นได้ และถ้าเหน็ วา่ เอกสารดงั กลา่ วไมถ่ กู ต้องอยา่ งไร ย่อมน�ำ พยานท่ีเกยี่ วขอ้ ง
มานำ�สืบหักล้างพยานเอกสารที่โจทก์นำ�เข้าสืบได้ มิได้ทำ�ให้จำ�เลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี
แตอ่ ยา่ งไร การยนื่ บญั ชรี ะบพุ ยาน อนั ดบั ท่ี ๗ ของโจกทจ์ งึ ชอบดว้ ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความแพง่ มาตรา ๘๘ วรรคหนง่ึ ประกอบประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ศาลย่อมมีอ�ำ นาจรับฟังพยานเอกสารที่โจทกอ์ ้างส่งตามบญั ชรี ะบุพยานดงั กลา่ วได้


________________________________________

พนักงานอัยการจงั หวดั ยโสธร โจทก์

ระหวา่ ง
นายสมจิตรหรอื อึง่ รงุ่ เรอื ง จ�ำ เลย

โจทกฟ์ ้องวา่ เมอ่ื วันที่ ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๔๓ เวลากลางวัน จำ�เลยพรากเดก็ หญงิ ส. อายุ
๑๓ ปีเศษ ไปเสียจากนาง อ. ผ้เู สยี หายที่ ๑ ซึง่ เป็นมารดา ผ้ปู กครอง หรอื ผดู้ แู ลเดก็ หญงิ ส. เพ่ือ
การอนาจาร และจ�ำ เลยข่มขืนกระทำ�ชำ�เราเด็กหญงิ ส. ผเู้ สยี หายที่ ๒ ซึ่งมิใช่ภริยาของจำ�เลยไมว่ ่า
ผเู้ สยี หายท่ี ๒ จะยนิ ยอมหรอื ไมก่ ต็ าม จนส�ำ เรจ็ ความใคร่ เหตเุ กดิ ทตี่ ำ�บลสามแยก อ�ำ เภอเลงิ นกทา
และตำ�บลส้มผ่อ อำ�เภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๙๑, ๒๗๗, ๓๑๗

116 อยั การนเิ ทศ

จำ�เลยให้การปฏเิ สธ
ศาลช้ันต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๗๗ วรรคแรก, ๓๑๗ วรรคสาม การกระท�ำ ของจำ�เลยเปน็ ความผิดหลายกรรมต่างกนั ให้
ลงโทษทกุ กรรมเปน็ กระทงความผดิ ไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ขณะกระท�ำ ผดิ จ�ำ เลย
อายุ ๑๘ ปเี ศษ เหน็ สมควรลดมาตราสว่ นโทษใหก้ ระทงละหนงึ่ ในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๗๖ ฐานข่มขืนกระท�ำ ช�ำ เราเด็กหญิงอายยุ ังไมเ่ กนิ สบิ หา้ ปีซึ่งมใิ ชภ่ รยิ าของตน จำ�คกุ ๖ ปี
๘ เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากมารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจาก
เหตอุ นั สมควรเพ่อื การอนาจาร จ�ำ คุก ๘ ป ี ทางน�ำ สืบของจ�ำ เลยในช้นั พจิ ารณา เป็นประโยชน์แก่
การพิจารณาในความผิดฐานนี้ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หน่ึงในส่ีตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๗๘ คงจ�ำ คกุ ๖ ปี รวม ๒ กระทง เป็นจ�ำ คุก ๑๒ ปี ๘ เดือน
จ�ำ เลยอทุ ธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานกระทำ�ชำ�เราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน
สิบห้าปี จำ�คกุ ๓ ปี ฐานพรากเด็กอายุยงั ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ปีไปเพอื่ การอนาจารจำ�คกุ ๔ ปี เม่อื ลดโทษ
ในความผดิ ฐานพรากเดก็ อายยุ งั ไมเ่ กนิ สบิ หา้ ปไี ปเพอื่ การอนาจารใหห้ นง่ึ ในสต่ี ามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำ�คุก ๓ ปี รวมจำ�คุก ๖ ปี นอกจากท่ีแก้ให้เป็นไปตามคำ�พิพากษา
ศาลชน้ั ต้น
จำ�เลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ เพียงแต่พิพากษาแก้
คำ�พิพากษาศาลช้ันต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จ�ำ เลย อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจ�ำ คุก
จำ�เลยกระทงละไม่เกินหา้ ปี จึงตอ้ งหา้ มฎีกาในปัญหาข้อเทจ็ จรงิ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณา
ความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ทีจ่ �ำ เลยฎีกาว่า จ�ำ เลยสำ�คัญผดิ ในเรื่องอายขุ องผเู้ สียหายที่ ๒
การกระทำ�ของจำ�เลยจึงขาดเจตนาในการกระทำ�ความผิดตามฟ้องโจทก์ พยานโจทก์แตกต่างและ
ขดั แยง้ กนั เอง เปน็ ขอ้ พริ ธุ รบั ฟงั ลงโทษจ�ำ เลยไมไ่ ด้ และขอใหล้ งโทษจ�ำ เลยใหเ้ หมาะสมแกพ่ ฤตกิ ารณ์
แห่งคดีนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและการลงโทษของศาลอุทธรณ์
ภาค ๓ อนั เปน็ ฎกี าในปญั หาขอ้ เทจ็ จรงิ ตอ้ งหา้ มตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว ทศี่ าลชน้ั ตน้ สงั่ รบั ฎกี าของ
จ�ำ เลยในข้อนจ้ี ึงเปน็ การไมช่ อบ ศาลฎีกาไม่รับวนิ จิ ฉยั คงมีปญั หาข้อกฎหมายตอ้ งวนิ ิจฉยั ตามฎีกา
จ�ำ เลยประการแรกว่า การทีโ่ จทก์ย่ืนบัญชีระบุพยาน อันดับที่ ๗ โดยระบวุ า่ บรรดาสรรพเอกสาร
และวัตถุพยานในสำ�นวนการสอบสวนคดีน้ี เป็นการยื่นบัญชีระบุพยานชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้ย่ืนบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารเป็นแต่ละฉบับ และยื่นบัญชีระบุพยานระบุ
ว่า บรรดาสรรพเอกสาร ซึ่งหมายถึงเอกสารหลายฉบับโดยไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารอะไรบ้าง
ก็ตาม แต่ก็มีข้อความต่อไปว่า ในสำ�นวนการสอบสวนคดีน้ี จึงพอถือได้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุ
พยานโดยแสดงสภาพของเอกสารท่ีจะอ้างแล้ว เมื่อคดีน้ีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำ�เลยโดย

อยั การนิเทศ 117

พนักงานสอบสวนได้ทำ�การสอบสวนแล้วตามที่ระบุในคำ�ฟ้อง ย่อมเป็นท่ีเข้าใจได้ว่าเอกสารท่ี
โจทก์ประสงค์อ้างส่งตามบัญชีระบุพยานดังกล่าวล้วนเป็นเอกสารที่เก่ียวกับการสอบสวนในคดีนี้
ทัง้ ส้นิ โจทกม์ อี �ำ นาจน�ำ พยานเอกสารดังกล่าวเขา้ สืบได้ เมือ่ จ�ำ เลยซ่ึงถูกอ้างเอกสารดังกลา่ วมายนั
ย่อมซักค้านได้ และถ้าเห็นว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไร ย่อมนำ�พยานท่ีเก่ียวข้องมานำ�สืบ
หักล้างพยานเอกสารท่ีโจทก์นำ�เข้าสืบได้ มิได้ทำ�ให้จำ�เลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างไร
การย่ืนบัญชีระบุพยาน อันดับท่ี ๗ ของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๘๘ วรรคหนงึ่ ประกอบประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ศาลยอ่ มมี
อ�ำ นาจรบั ฟงั พยานเอกสารทโ่ี จทกอ์ า้ งสง่ ตามบญั ชรี ะบพุ ยานดงั กลา่ วได้ ฎกี าของจ�ำ เลยขอ้ นฟ้ี งั ไมข่ นึ้
มปี ญั หาขอ้ กฎหมายตอ้ งวนิ จิ ฉยั ตามฎกี าของจ�ำ เลยประการตอ่ ไปวา่ การกระท�ำ ของจ�ำ เลย
เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เหน็ ว่า ความผิดฐานพรากเดก็ อายยุ ังไมเ่ กินสิบห้าปี
ไปเสยี จากมารดา ผู้ปกครองหรือผดู้ ูแลเพอ่ื การอนาจาร จำ�เลยมเี จตนากระท�ำ ต่อมารดาผเู้ สยี หาย
ที่ ๒ ส่วนความผิดฐานกระทำ�ชำ�เราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำ�เลยมีเจตนากระทำ�ชำ�เรา
ผู้เสียหายที่ ๒ ดังนั้น เจตนาในการกระทำ�ความผิดเป็นคนละเจตนาแตกต่างกันและเป็นความ
ผิดต่างฐานกัน แม้การกระทำ�ของจำ�เลยไม่สามารถแยกการกระท�ำ แต่ละข้ันตอนออกจากกันโดย
เดด็ ขาดดงั ทจ่ี �ำ เลยฎกี า การกระท�ำ ของจ�ำ เลยกเ็ ปน็ ความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๙๑ หาใช่เป็นการกระทำ�กรรมเดยี วไม่ คำ�พิพากษาศาลฎกี าทจี่ ำ�เลยอ้างข้อเท็จจรงิ
ไม่ตรงกับคดีนี้ ท่ีศาลล่างท้ังสองเรียงกระทงลงโทษจำ�เลยในความผิดแต่ละฐานดังกล่าวชอบแล้ว
ฎีกาของจำ�เลยข้อน้ีฟังไม่ขึน้ เช่นกัน
พพิ ากษายืน



118 อัยการนิเทศ

คำ�พพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๔๑๙๑/๒๕๕๒

ป.อ. ฉอ้ โกง ฉ้อโกงประชาชน (มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓)
พ.ร.บ. จดั หางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ (มาตรา ๔, ๓๐, ๓๑, ๙๑ ตร)ี

มาตรา ๓๐ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบญั ญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘
บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดจัดหางานให้คนหางานเพ่ือไปทำ�งานในต่างประเทศ เว้นแต่จะได้รับ
ใบอนญุ าตจากนายทะเบียนจดั หางานกลาง และมาตรา ๓๑ วรรคหนึ่ง บญั ญตั ิวา่ ผขู้ ออนญุ าต
จัดหางานเพ่ือไปทำ�งานในต่างประเทศต้องเป็นบริษัทจำ�กัดหรือบริษัทมหาชนจำ�กัด ประกอบ
กบั มาตรา ๔ วรรคหนง่ึ บัญญัตวิ า่ “จดั หางาน” หมายความวา่ ประกอบธรุ กจิ จัดหางานใหแ้ ก่
คนงานหรือหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างโดยจะเรียกหรือรับค่าบริการตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ฉะน้ัน
การท่ีจะเป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ต้องเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานก่อน คดีนี้
จำ�เลยทั้งสองเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนส�ำ นักงานจัดหางานใด ๆ และ
ไม่เปน็ ผู้รบั อนุญาตจดั หางานให้คนหางานเพือ่ ไปท�ำ งานในต่างประเทศ ดงั น้นั การกระท�ำ ของ
จ�ำ เลยทงั้ สองนอกจากจะไมต่ อ้ งดว้ ยค�ำ จ�ำ กดั ความของค�ำ วา่ “จดั หางาน” แลว้ ยงั ไมไ่ ดม้ เี จตนา
จะจัดหางานให้แก่คนหางานหรือจัดหาลูกจ้างให้แก่นายจ้างอย่างจริงจัง แต่เป็นเรื่องที่จำ�เลย
ท้ังสองอ้างเอาเร่ืองการจัดหางานข้ึนมาเป็นเหตุหลอกลวงเอาเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์
อ่ืนใดจากผู้ถูกหลอกลวง อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครอง
คนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๙๑ ตรี และความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๔๑ หรือ ๓๔๓ การกระทำ�ของจำ�เลยท้ังสองจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ
จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔ วรรคหนง่ึ , ๓๐ วรรคหนึ่ง ประกอบ
มาตรา ๘๒

________________________________________

พนกั งานอัยการจงั หวัดสพุ รรณบุรี โจทก์
นายเงนิ ดาเจรญิ ท่ี ๑
นางชะเอม อนิ พรม ท่ี ๒ โจทก์รว่ ม
ระหว่าง
นายสมาน เจกะโพธ ิ์ ที่ ๑ จ�ำ เลย
นางอุบล เจกะโพธ์ ิ ท่ี ๒

โจทกฟ์ อ้ งว่า เม่อื ระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๔๐ ถึงเดอื นธนั วาคม ๒๕๔๑ วันใดไม่ปรากฏ
ชัด ท้ังเวลากลางวันและกลางคืนต่อเน่ืองกัน จำ�เลยท้ังสองร่วมกันกระทำ�ความผิดต่อกฎหมาย

อัยการนิเทศ 119

หลายกรรมตา่ งกนั กลา่ วคอื จ�ำ เลยทงั้ สองรว่ มกนั จดั หางานโดยประกอบธรุ กจิ จดั หางานใหแ้ กค่ นงาน
ท่วั ไปรวมท้ังนาย ง. ผูเ้ สยี หายท่ี ๑ และนาง ช. ผเู้ สียหายที่ ๒ ซึง่ ประสงค์จะทำ�งานในประเทศญี่ปนุ่
กบั นายจา้ งในประเทศญปี่ นุ่ โดยจ�ำ เลยทง้ั สองเรยี กและรบั คา่ บรกิ ารเปน็ การตอบแทนการจดั หางาน
จากคนงาน เพอื่ ไปท�ำ งานในตา่ งประเทศโดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนญุ าตและจำ�เลยทงั้ สองโดยมเี จตนาทจุ รติ
ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายที่ ๑ และท่ี ๒ ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง
ซ่ึงควรบอกให้แจ้งว่า จำ�เลยท้ังสองได้รับใบอนุญาตจัดหางานให้คนงานไปท�ำ งานในประเทศญี่ปุ่น
ได้ และจะได้รับเงินเดือนเป็นค่าจ้างสูง โดยผู้เสียหายทั้งสองจะต้องเสียเงินค่าบริการจัดหางานให้
แก่จำ�เลยท้ังสองตามจำ�นวนท่ีจำ�เลยท้ังสองกำ�หนดไว้อันเป็นความเท็จ ซ่ึงความจริงแล้วจำ�เลย
ทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตจัดหางานให้คนงานไปทำ�งานในต่างประเทศจากนายทะเบียนกลาง
อกี ทงั้ จ�ำ เลยทัง้ สองไม่สามารถจะสง่ ผู้เสยี หายทั้งสองไปทำ�งานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวง
ของจำ�เลยทั้งสองทำ�ให้ผู้เสียหายท้ังสองหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงไปสมัครงานเพื่อไปทำ�งานใน
ต่างประเทศดังกล่าว และชำ�ระเงินค่าบริการจัดหางานตามจำ�นวนที่จำ�เลยทั้งสองเรียกร้องให้แก่
จ�ำ เลยทง้ั สองรบั เอาไป และโดยการหลอกลวงนเี้ ปน็ เหตใุ หจ้ �ำ เลยทงั้ สองไดไ้ ปซง่ึ เงนิ อนั เปน็ ทรพั ยส์ นิ
ของผเู้ สียหายทงั้ สองคนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท เพือ่ เป็นประโยชน์ของจำ�เลยท้งั สอง เหตุทงั้ หมดเกดิ ที่
ต�ำ บลทงุ่ คลี อ�ำ เภอเดมิ บาง-นางบวช จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี และต�ำ บลเชงิ กลดั อ�ำ เภอบางระจนั จงั หวดั
สงิ หบ์ รุ ี เกยี่ วพนั กนั ขอใหล้ งโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๔๑ พระราชบญั ญตั ิ
จดั หางานและคุม้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐, ๘๒, และ ให้จำ�เลยทั้งสองร่วมกัน
คนื หรือใชเ้ งินแกผ่ ู้เสยี หายทัง้ สองคนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท
จ�ำ เลยทั้งสองใหก้ ารปฏิเสธ
ระหวา่ งพิจารณาของศาลช้นั ตน้ นาย ง. ผ้เู สยี หายที่ ๑ และนาง ช. ผู้เสยี หายที่ ๒ ยน่ื คำ�ร้อง
ขอเข้ารว่ มเปน็ โจทก์ ศาลชน้ั ต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พพิ ากษายกฟอ้ ง
โจทก์และโจทกร์ ่วมท้ังสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า จำ�เลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติ
จดั หางานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐ วรรคหนงึ่ , ๘๒ ประกอบดว้ ยประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ จ�ำ คุกคนละ ๓ ปี นอกจากทีแ่ ก้ใหเ้ ป็นไปตามค�ำ พพิ ากษาศาลชน้ั ตน้
จ�ำ เลยทงั้ สองฎกี า
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชมุ ปรกึ ษาแลว้ เห็นว่า คดีน้โี จทกบ์ รรยายฟอ้ งว่า จำ�เลยทงั้ สอง
ร่วมกันจัดหางานให้แก่โจทก์ท้ังสองให้ไปทำ�งานในประเทศญี่ปุ่นและเรียกค่าบริการจากโจทก์ร่วม
ทงั้ สองคนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท โดยจ�ำ เลยทงั้ สองไมไ่ ดร้ บั ใบอนญุ าตจากนายทะเบยี นจดั หางานกลาง
อันเปน็ ความผดิ ตามพระราชบัญญตั ิจดั หางานและค้มุ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐,
๘๒ และเป็นการหลอกลวงโจทกร์ ว่ มทง้ั สองด้วยการแสดงขอ้ ความเท็จ เปน็ เหตุให้โจทก์รว่ มท้งั สอง

120 อัยการนิเทศ

หลงเช่อื จ่ายเงินให้จ�ำ เลยทั้งสองไปคนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท อันเปน็ ความผิดฐานร่วมกันฉอ้ โกงตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๔๑ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
ทงั้ สองขอ้ หา
โจทกแ์ ละโจทก์ร่วมท้งั สองอทุ ธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิจารณาแล้วพิพากษาแก้เป็นว่าจำ�เลยท้ังสองมีความผิดตามพระราช
บัญญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐ วรรคหนงึ่ , ๘๒ ประกอบดว้ ย
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ นอกจากท่ีแก้คงให้เป็นไปตามคำ�พิพากษาศาลช้ันต้น ซ่ึงมี
ผลเทา่ กบั ศาลอทุ ธรณภ์ าค ๗ พพิ ากษายกฟอ้ งโจทกใ์ นขอ้ หาความผดิ ฐานรว่ มกนั ฉอ้ โกงตามศาลชน้ั ตน้
เชน่ กนั ดงั นน้ั เมอื่ โจทกแ์ ละโจทกร์ ว่ มไมไ่ ดฎ้ กี าโตแ้ ยง้ ค�ำ พพิ ากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค ๗ ในสว่ นนี้ ส�ำ หรบั
ขอ้ หาความผดิ ฐานรว่ มกนั ฉอ้ โกงจงึ เปน็ อนั ยตุ ไิ ปตามค�ำ พพิ ากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค ๗ คดจี งึ คงมปี ญั หา
วนิ จิ ฉยั ในชนั้ ฎกี าตามฎกี าของจ�ำ เลยทง้ั สองเพยี งวา่ จ�ำ เลยทงั้ สองมคี วามผดิ ฐานรว่ มกนั จดั หางานให้
โจทก์ร่วมท้ังสองซ่ึงเป็นคนหางานให้ไปท�ำ งานในประเทศญี่ปุ่นโดยเรียกค่าบริการจากโจทก์ร่วมทั้ง
สองคนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาท โดยจ�ำ เลยทั้งสองไม่ได้รบั ใบอนุญาตจากนายทะเบียนจดั หางานกลาง
อนั เปน็ ความผดิ ตามพระราชบัญญัตจิ ดั หางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔, ๓๐
วรรคหน่งึ และมาตรา ๘๒ ตามฟอ้ งหรอื ไมน่ ั้น เห็นว่า มาตรา ๓๐ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบัญญตั ิ
ฉบับดังกล่าวบัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดจัดหางานให้คนหางานเพ่ือไปทำ�งานในต่างประเทศ
เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง และมาตรา ๓๑ วรรคหน่ึง บัญญัติว่า
ผู้ขออนุญาตจัดหางานเพ่ือไปทำ�งานในต่างประเทศต้องเป็นบริษัทจำ�กัดหรือบริษัทมหาชนจำ�กัด
ประกอบกบั มาตรา ๔ วรรคหนง่ึ บญั ญตั วิ า่ จดั หางาน หมายความวา่ ประกอบธรุ กจิ จดั หางานใหแ้ ก่
คนงานหรอื หาลูกจ้างให้แก่นายจ้างโดยจะเรียกหรือรบั ค่าบรกิ ารตอบแทนหรอื ไม่ก็ตาม ฉะนัน้ การ
ท่ีจะเป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ต้องเป็นผู้ประกอบธุรกิจจัดหางานก่อน แต่คดีนี้จำ�เลย
ทัง้ สองเป็นบคุ คลธรรมดา และขอ้ เท็จจรงิ ไดค้ วามจากค�ำ เบกิ ความของนาย อ. นกั วชิ าการแรงงาน
๕ สำ�นักงานจัดหางานจังหวัดสุพรรณบุรีพยานโจทก์เบิกความว่าหลังจากได้รับเร่ืองราวร้องทุกข์
จากโจทก์ร่วมท้ังสองแล้วได้ดำ�เนินการสืบสวนตรวจสอบว่าจำ�เลยท้ังสองได้รับอนุญาตจาก
นายทะเบียนจัดหางานกลางหรือไม่ ผลการตรวจสอบปรากฏว่าจ�ำ เลยทั้งสองไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือ
ตวั แทนส�ำ นกั งานจดั หางานใด ๆ และไมเ่ ปน็ ผรู้ บั อนญุ าตจดั หางานใหค้ นหางานเพอื่ ไปทำ�งานในตา่ ง
ประเทศ ดงั นนั้ การกระท�ำ ของจ�ำ เลยทง้ั สองนอกจากจะไมต่ อ้ งดว้ ยคำ�จ�ำ กดั ความของค�ำ วา่ “จดั หา
งาน” แลว้ ยงั ไมไ่ ดม้ เี จตนาจะจดั หางานใหแ้ กค่ นหางานหรอื จดั หาลกู จา้ งใหแ้ กน่ ายจา้ งอยา่ งจรงิ จงั แต่
เปน็ เรอ่ื งทจี่ �ำ เลยทง้ั สองอา้ งเอาเรอื่ งการจดั หางานขน้ึ มาเปน็ เหตหุ ลอกลวงเอาเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ หรอื
ประโยชนอ์ น่ื ใดจากผถู้ กู หลอกลวง อนั อาจเปน็ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครองคน
หางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๙๑ ตรี และความผดิ ฐานฉอ้ โกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑
หรอื ๓๔๓ การกระท�ำ ของจ�ำ เลยทงั้ สองจงึ ไมเ่ ปน็ ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครอง

อัยการนเิ ทศ 121

คนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔ วรรคหนงึ่ , ๓๐ วรรคหนงึ่ ประกอบมาตรา ๘๒ สว่ นขอ้ หาความผดิ
ฐานรว่ มกนั ฉ้อโกงคดนี ีก้ ฟ็ ังยุติไปแลว้ ตามที่กล่าวมาเบ้อื งต้น ฉะนน้ั ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษา
วา่ จ�ำ เลยทง้ั สองมคี วามผดิ ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั หางานและคมุ้ ครองคนหางาน พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา
๔, ๓๐ วรรคหน่ึง, ๘๒ ประกอบดว้ ยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ จ�ำ คุก คนละ ๓ ปี มานนั้
จงึ ไมต่ อ้ งดว้ ยความเหน็ ของศาลฎกี า ฎกี าของจำ�เลยท้งั สองฟงั ขึน้
พิพากษากลับ ใหย้ กฟ้อง


122 อัยการนเิ ทศ

ค�ำ พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๙๔๘๒/๒๕๕๒

ป.อ. ใชเ้ อกสารสทิ ธิอนั เป็นเอกสารราชการปลอม ฉอ้ โกง (มาตรา ๒๖๖ (๑), ๒๖๘, ๓๔๑)
ป.วิ.พ. ขอ้ เท็จจรงิ ท่ีไม่ได้วา่ กันมาแลว้ โดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ (มาตรา ๒๔๙)
ป.ว.ิ อ. การนำ�บทบญั ญัตใิ น ป.วิ.พ. มาใช้ใน ป.ว.ิ อ. (มาตรา ๑๕)

พนักงานอัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำ�เลยน้ีกับนาย จ. ซ่ึงได้แยกไปดำ�เนินคดีท่ี
ศาลจังหวัดสมุทรสาครไดร้ ่วมกระทำ�ผิดต่อกฎหมาย แสดงใหเ้ ห็นวา่ พนกั งานสอบสวนไดม้ กี าร
สอบสวนและด�ำ เนนิ คดแี กน่ าย จ. ในความผดิ เดยี วกนั กบั ท่ีจ�ำ เลยถกู ฟ้องเปน็ คดีนี้แล้ว จ�ำ เลย
ไมไ่ ดโ้ ตแ้ ยง้ เกยี่ วกบั ประเดน็ นใ้ี นชนั้ พจิ ารณา ขอ้ เทจ็ จรงิ จงึ รบั ฟงั ไดว้ า่ มกี ารสอบสวนดำ�เนนิ คดี
แกน่ าย จ. ดว้ ยแลว้ สว่ นทจี่ ำ�เลยฎกี าวา่ นาย จ. เปน็ นกั ตม้ ตนุ๋ และหลอกลวงจำ�เลยกบั ผเู้ สยี หาย
นั้น เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ต่างจากท่ีปรากฏในสำ�นวน จึงเป็นข้อเท็จจริงท่ีไม่ได้ว่า
กันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างท้ังสอง เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ศาลฎกี าไม่รับวนิ ิจฉัย
จำ�เลยเป็นผู้ทำ�สัญญากู้ยืมเงินกับผู้เสียหายโดยนำ�โฉนดที่ดินดังกล่าวไปเป็นประกัน
ทั้งจำ�เลยมชี ือ่ เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดที่ดินดงั กล่าว จ�ำ เลยยอ่ มทราบข้อเท็จจริงดอี ยแู่ ลว้ ว่า
โฉนดทด่ี นิ ดงั กล่าวจ�ำ เลยน�ำ ไปจ�ำ นองกบั นาง ม. เม่อื โฉนดท่ดี นิ ไมม่ ีรายการจดทะเบียนจำ�นอง
ในสารบัญจดทะเบียนของที่ดิน ทั้งเส้นท่ีขีดรูปท่ีดินยังเขียนด้วยปากกาสีแดงซึ่งน่าจะเห็น
ความแตกต่างได้เด่นชัด จำ�เลยย่อมจะต้องมีความสงสัยตามสมควรว่าเป็นโฉนดที่ดินท่ีถูกต้อง
หรอื ไม่ พฤตกิ ารณข์ องจำ�เลยดงั กลา่ วมา จงึ เชอ่ื วา่ จำ�เลยทราบดวี า่ โฉนดทดี่ นิ ดงั กลา่ วเปน็ โฉนด
ทด่ี นิ ปลอม การทจ่ี �ำ เลยน�ำ สบื ลอย ๆ วา่ นาย จ. น�ำ โฉนดทดี่ นิ ซงึ่ มชี อ่ื จ�ำ เลยเปน็ เจา้ ของกรรมสทิ ธ์ิ
และมีเลขที่โฉนดตรงกับโฉนดท่ีดินมาพบจ�ำ เลยโดยนาย จ. อ้างว่าไปยืมมาจากนาง ม. จ�ำ เลย
ตรวจดูโฉนดทด่ี ินดงั กลา่ วเชอื่ วา่ เป็นเอกสารทีแ่ ทจ้ ริง โดยไม่น�ำ นาย จ. หรือนาง ม. มาเบิกความ
สนบั สนนุ จงึ ไมน่ า่ เชอ่ื ถอื พยานหลกั ฐานโจทกต์ ามทน่ี �ำ สบื มารบั ฟงั ไดว้ า่ จ�ำ เลยหลอกลวงผเู้ สยี หาย
โดยมอบโฉนดทดี่ นิ ซงึ่ มชี อ่ื จำ�เลยใหผ้ เู้ สยี หายยดึ ถอื ไวเ้ ปน็ ประกนั การกยู้ มื การกระทำ�ของจ�ำ เลยมี
เจตนาทุจรติ เพ่อื ใหไ้ ดเ้ งินจากผูเ้ สียหาย และการที่จำ�เลยรวู้ า่ โฉนดท่ีดนิ เปน็ เอกสารปลอมแล้วนำ�
ไปมอบใหแ้ กผ่ เู้ สยี หายยอ่ มท�ำ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ เู้ สยี หาย และกรมทด่ี นิ กระทรวงมหาดไทย
จ�ำ เลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิอนั เปน็ เอกสารราชการปลอมและฉอ้ โกง
________________________________________
พนักงานอัยการ ส�ำ นักงานอยั การสงู สุด โจทก์
ระหวา่ ง
นายชงมั คงพุกา จ�ำ เลย

อยั การนเิ ทศ 123

โจทก์ฟ้องวา่ จำ�เลยกับนาย จ. ซง่ึ แยกไปด�ำ เนินคดที ี่ศาลจังหวดั สมุทรสาครรว่ มกันกระทำ�
ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายกรรมตา่ งกนั กลา่ วคือ เมอื่ ระหวา่ งวันที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๐ เวลา
กลางวัน ถึงวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำ�เลยกับพวก
รว่ มกันทำ�ปลอมโฉนดทดี่ ินเลขที่ ๒๓๑๐๕ เลม่ ท่ี ๒๓๒ หน้า ๕ จำ�นวนทีด่ นิ ๕ ไร่ ต�ำ บลหลักสาม
อำ�เภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซ่ึงเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ โดยโฉนดท่ีดิน
ปลอมดังกล่าวไมป่ รากฏรายการจดทะเบียนจ�ำ นองไว้กับนาง ม. เม่ือวนั ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙
เพื่อให้ผอู้ ่นื หลงเช่อื ว่าเปน็ เอกสารทแ่ี ทจ้ รงิ และวนั ท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลากลางวัน จำ�เลย
กับพวกโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวงนาง ช. ผู้เสียหาย โดยนำ�โฉนดที่ดินปลอมดังกล่าวไปขอกู้เงิน
จากผเู้ สยี หายและมอบโฉนดทดี่ นิ ปลอมดงั กลา่ วใหผ้ เู้ สยี หายยดึ ถอื ไวเ้ ปน็ ประกนั โดยแสดงขอ้ ความ
อันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซ่ึงควรบอกให้แจ้งเกี่ยวกับโฉนดที่ดินปลอมและที่ดินดังกล่าว
ยงั ตดิ จ�ำ นองบคุ คลอน่ื อยู่ท�ำ ใหผ้ เู้ สยี หายหลงเชอ่ื จงึ ยอมท�ำ สญั ญาและมอบเงนิ จ�ำ นวน๔๐๘,๐๐๐บาท
ใหแ้ กจ่ �ำ เลยกบั พวกไป การกระท�ำ ของจ�ำ เลยกบั พวกนา่ จะเกดิ ความเสยี หายแกผ่ เู้ สยี หาย ประชาชน
และกรมที่ดิน เหตุท่ีตำ�บลหลักสาม อำ�เภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และท่ีแขวงท่าข้าม
เขตบางขนุ เทยี น กรงุ เทพมหานคร เกย่ี วพนั กนั เจา้ พนกั งานต�ำ รวจจบั จ�ำ เลยไดแ้ ละยดึ โฉนดทดี่ นิ ซงึ่
จำ�เลยกบั พวกรว่ มกันทำ�ปลอมข้ึนและใชใ้ นการกระทำ�ความผดิ ดังกลา่ วเป็นของกลาง ขอใหล้ งโทษ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๐, ๙๑, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๔๑
ริบโฉนดท่ดี นิ ปลอมของกลาง
จ�ำ เลยใหก้ ารปฏเิ สธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑), ๓๔๑ การกระท�ำ ของจำ�เลยเป็นกรรมเดียวแต่
ผดิ กฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ใหล้ งโทษบทหนกั ตามมาตรา ๒๖๘
วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) ใหจ้ �ำ คกุ ๔ ปี จ�ำ เลยใหก้ ารรบั สารภาพในชน้ั จบั กมุ เปน็ ประโยชน์
แกก่ ารพจิ ารณาอยูบ่ า้ งนับเปน็ เหตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหต้ ามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘
หนึง่ ในสาม คงจำ�คกุ ๒ ปี ๘ เดอื น ริบโฉนดทีด่ ินปลอมของกลาง ขอ้ หาอื่นนอกจากน้ีให้ยก
จ�ำ เลยอุทธรณ์
ศาลอทุ ธรณ์พิพากษายนื
จำ�เลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซ่ึงพิจารณาและลงชื่อในคำ�พิพากษาศาลช้ันต้นอนุญาตให้ฎีกา
ในปัญหาขอ้ เท็จจริง
ศาลฎกี าพเิ คราะหแ์ ลว้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทค่ี คู่ วามไมโ่ ตแ้ ยง้ กนั รบั ฟงั ไดว้ า่ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน
๒๕๔๐ จ�ำ เลยท�ำ สญั ญากยู้ มื เงนิ กับนาง ช. ผเู้ สยี หาย โดยมนี าย จ. เป็นผูค้ า้ํ ประกนั และจำ�เลยมอบ
โฉนดทดี่ นิ เลขที่ ๒๓๑๐๕ ซงึ่ เปน็ เอกสารทบี่ คุ คลท�ำ ปลอมขน้ึ ใหผ้ เู้ สยี หายไวเ้ ปน็ ประกนั การกยู้ มื เงนิ
ก�ำ หนดระยะเวลาคืนเงินภายในวนั ที่ ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๑ เมอ่ื ครบกำ�หนดแลว้ จำ�เลยไมช่ ำ�ระ

124 อัยการนเิ ทศ

หน้ี ผู้เสียหายไปสำ�นักงานที่ดินเพื่อตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าวจึงทราบว่าโฉนดที่ดินท่ีจำ�เลยนำ�
มาวางไว้เป็นประกันน้ันเป็นโฉนดที่ดินปลอม คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำ�เลยว่าจำ�เลย
กระท�ำ ความผดิ ฐานใช้เอกสารสิทธิอนั เปน็ เอกสารราชการปลอมและฉอ้ โกงหรอื ไม่ เหน็ ว่า โจทกม์ ี
ผู้เสยี หายเบิกความเป็นล�ำ ดับขั้นตอนว่าจำ�เลยมาขอกู้ยืมเงนิ จากผู้เสียหายโดยนำ�โฉนดที่ดินมาเปน็
หลกั ฐานในการกยู้ มื และใหน้ าย จ. มาเปน็ ผคู้ าํ้ ประกนั การกยู้ มื ดงั กลา่ ว และไมม่ ขี อ้ เทจ็ จรงิ วา่ นาย จ.
มาขอกยู้ มื เงนิ จากผเู้ สยี หาย โดยใหจ้ �ำ เลยเปน็ ผกู้ ตู้ ามทจี่ �ำ เลยกลา่ วอา้ ง และหากเปน็ จรงิ ดงั ทจ่ี �ำ เลย
เบิกความกไ็ มม่ เี หตผุ ลใดทผ่ี ้เู สียหายจะขอใหจ้ ำ�เลยเป็นผู้กแู้ ทนนาย จ. เพราะอย่างไรเสยี ผเู้ สียหาย
กม็ โี ฉนดที่ดินของจ�ำ เลยเปน็ ประกันเงินก้อู ยแู่ ลว้ สว่ นหนึ่ง ขอ้ เทจ็ จริงจงึ รับฟังได้วา่ จำ�เลยมเี จตนาที่
จะเปน็ ผกู้ ยู้ มื เงนิ ดงั กลา่ วจากผเู้ สยี หายเองโดยน�ำ โฉนดทดี่ นิ ของตนมาเปน็ หลกั ฐานในการกยู้ มื และ
การทผี่ เู้ สยี หายไมร่ วู้ า่ โฉนดทด่ี นิ เปน็ ของปลอมกไ็ มใ่ ชข่ อ้ สงสยั ทจี่ ะท�ำ ใหก้ ารกระท�ำ ของจ�ำ เลยไมเ่ ปน็
ความผดิ ดงั ทจี่ �ำ เลยฎกี า เพราะผเู้ สยี หายและจ�ำ เลยรจู้ กั กนั ดี โดยผเู้ สยี หายเคยรบั ซอื้ ทดี่ นิ จากจ�ำ เลย
และใหจ้ �ำ เลยเชา่ ทดี่ นิ ดงั กลา่ วเลยี้ งกงุ้ ยอ่ มมคี วามไวว้ างใจกนั ในระดบั หนงึ่ เมอื่ จ�ำ เลยมาขอกยู้ มื เงนิ
โดยน�ำ โฉนดทด่ี นิ อกี ฉบบั หนงึ่ มาวางเปน็ หลกั ประกนั ผเู้ สยี หายจงึ ยนิ ยอมใหเ้ งนิ กแู้ กจ่ �ำ เลยไปและรบั
โฉนดทด่ี นิ ไวเ้ ปน็ หลกั ประกนั สว่ นทจ่ี �ำ เลยฎกี าวา่ ทงั้ จ�ำ เลยและผเู้ สยี หายตา่ งกไ็ มร่ วู้ า่ โฉนดทดี่ นิ เปน็
เอกสารปลอม แตเ่ ป็นไปไดว้ ่าทั้งจำ�เลยและผู้เสยี หายถกู นาย จ. หลอกลวง นอกจากน้มี ีเหตุอันควร
สงสัยว่าทั้งผเู้ สียหายและพนักงานสอบสวนจะรู้วา่ นาย จ. เปน็ นักต้มตนุ๋ จึงไมม่ ีการสอบสวนนาย จ.
ดว้ ยนั้น เห็นว่า คดนี ้ี พนกั งานอยั การโจทก์ฟอ้ งโดยบรรยายฟอ้ งในขอ้ ๑ วา่ จ�ำ เลยนี้กบั นาย จ. ซ่ึง
ไดแ้ ยกไปด�ำ เนินคดที ศ่ี าลจังหวัดสมุทรสาครไดร้ ว่ มกระท�ำ ผดิ ต่อกฎหมาย แสดงให้เหน็ วา่ พนักงาน
สอบสวนไดม้ กี ารสอบสวนและด�ำ เนินคดีแกน่ าย จ. ในความผิดเดียวกนั กบั ท่ีจำ�เลยถูกฟอ้ งเปน็ คดี
นแ้ี ล้ว จ�ำ เลยไมไ่ ดโ้ ตแ้ ย้งเกย่ี วกับประเด็นนใ้ี นชั้นพจิ ารณา ขอ้ เทจ็ จริงจึงรับฟังไดว้ า่ มกี ารสอบสวน
ด�ำ เนินคดแี ก่นาย จ. ดว้ ยแลว้ สว่ นทจี่ �ำ เลยฎีกาวา่ นาย จ. เปน็ นักต้มต๋นุ และหลอกลวงจำ�เลยกับ
ผเู้ สียหายนน้ั เปน็ การยกข้อเท็จจริงข้นึ ใหม่ตา่ งจากที่ปรากฏในส�ำ นวน จงึ เปน็ ข้อเทจ็ จริงท่ีไมไ่ ดว้ ่า
กันมาแลว้ โดยชอบในศาลลา่ งท้งั สองเปน็ ฎีกาทไี่ มช่ อบตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๔๙ ประกอบประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ศาลฎกี าไมร่ บั วินิจฉัย
เมอ่ื ไดว้ นิ จิ ฉยั แลว้ วา่ จำ�เลยเปน็ ผทู้ ำ�สญั ญากยู้ มื เงนิ กบั ผเู้ สยี หายโดยนำ�โฉนดทดี่ นิ ไปเปน็ ประกนั ทง้ั
จำ�เลยมีชื่อเป็นเจ้าของท่ีดินตามโฉนดท่ีดินดังกล่าว จำ�เลยย่อมทราบข้อเท็จจริงดีอยู่แล้วว่าโฉนด
ท่ีดินดังกล่าวจ�ำ เลยนำ�ไปจ�ำ นองกบั นาง ม. เม่ือโฉนดทด่ี นิ ไมม่ ีรายการจดทะเบยี นจ�ำ นองในสารบญั
จดทะเบียนของที่ดิน ท้ังเส้นที่ขีดรูปท่ีดินยังเขียนด้วยปากกาสีแดงซึ่งน่าจะเห็นความแตกต่างได้
เดน่ ชดั จ�ำ เลยยอ่ มจะตอ้ งมคี วามสงสยั ตามสมควรวา่ เปน็ โฉนดทดี่ นิ ทถ่ี กู ตอ้ งหรอื ไม่ พฤตกิ ารณข์ อง
จำ�เลยดังกล่าวมาจึงเชื่อว่าจำ�เลยทราบดีว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นโฉนดที่ดินปลอม การที่จำ�เลย
น�ำ สบื ลอย ๆ วา่ นาย จ. น�ำ โฉนดที่ดินซ่ึงมชี อื่ จ�ำ เลยเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์แิ ละมเี ลขทโี่ ฉนดตรงกบั
โฉนดท่ีดินมาพบจำ�เลย โดยนาย จ. อ้างว่าไปยืมมาจากนาง ม. จำ�เลยตรวจดูโฉนดที่ดินดังกล่าว

อัยการนิเทศ 125

เช่ือว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โดยไม่นำ�นาย จ. หรือนาง ม. มาเบิกความสนับสนุน จึงไม่น่าเชื่อถือ
พยานหลกั ฐานโจทกต์ ามทนี่ �ำ สบื มารบั ฟงั ไดว้ า่ จ�ำ เลยหลอกลวงผเู้ สยี หายโดยมอบโฉนดทดี่ นิ ซง่ึ มชี อ่ื
จ�ำ เลยใหผ้ เู้ สยี หายยดึ ถอื ไวเ้ ปน็ ประกนั การกยู้ มื การกระท�ำ ของจ�ำ เลยมเี จตนาทจุ รติ เพอื่ ใหไ้ ดเ้ งนิ จาก
ผเู้ สยี หาย และการทจ่ี �ำ เลยรวู้ า่ โฉนดทด่ี นิ เปน็ เอกสารปลอมแลว้ น�ำ ไปมอบใหแ้ กผ่ เู้ สยี หายยอ่ มท�ำ ให้
เกดิ ความเสยี หายแกผ่ เู้ สยี หาย และกรมทดี่ นิ กระทรวงมหาดไทย จ�ำ เลยจงึ มคี วามผดิ ฐานใชเ้ อกสาร
สิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมและฉ้อโกง และท่ีจำ�เลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการ
ลงโทษน้ัน เห็นว่า การกระทำ�ของจำ�เลยเป็นการใช้โฉนดท่ีดินปลอมซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็น
เอกสารราชการ หากไมล่ งโทษใหห้ ลาบจ�ำ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจต่อส่วนรวม ท่ี
ศาลล่างทง้ั สองวนิ ิจฉยั มานนั้ ศาลฎีกาเหน็ พอ้ งดว้ ย ฎกี าของจ�ำ เลยฟงั ไมข่ นึ้
พพิ ากษายนื


126 อัยการนเิ ทศ

ค�ำ พิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๔๖/๒๕๕๓

ป.อ. พยายามกระท�ำ ความผดิ ผู้สนบั สนนุ ฆ่าผอู้ ่นื (มาตรา ๘๐, ๘๖, ๒๘๘)

แม้ต้ังแต่ก่อนเกิดเหตุจำ�เลยทั้งสองอยู่ร่วมกัน หลังจากผู้เสียหายพูดต่อว่าจำ�เลยท่ี ๑
จำ�เลยทั้งสองเดินกลับไปด้วยกันแล้วจำ�เลยทั้งสองต่างถืออาวุธมีดเดินย้อนกลับมาพร้อมกัน
แต่ขณะทจี่ ำ�เลยท่ี ๑ ลงมือฟนั ผเู้ สียหาย จำ�เลยท่ี ๒ ยนื ถืออาวธุ มีดหา่ งจากท่เี กดิ เหตุประมาณ
๕๐ เมตร และไมไ่ ดเ้ คลอ่ื นไหวใหเ้ ขา้ ไปใกลท้ เ่ี กดิ เหตุ จงึ อยไู่ กลเกนิ ไปในลกั ษณะทจ่ี ะพรอ้ มเขา้ ไป
ช่วยเหลือจำ�เลยที่ ๑ หากเกิดอุปสรรคอาจมีขึ้นได้ทันท่วงที โดยโจทก์ไม่ได้น�ำ สืบให้ฟังได้ว่า
การท่จี ำ�เลยที่ ๒ ยนื ในลกั ษณะดังกล่าวจะเปน็ การช่วยดูตน้ ทาง หรอื ยนื คุมเชงิ หรอื ใหก้ ำ�ลงั ใจ
หรอื ช่วยเหลอื ให้ความสะดวกด้วยวธิ ีใด ซึง่ จ�ำ เลยท่ี ๑ จะไดร้ ับประโยชน์จากการท่จี �ำ เลยที่ ๒
กระทำ�ดังกล่าว ทงั้ จ�ำ เลยที่ ๒ เปน็ ประชาชนธรรมดาไม่มีหนา้ ทีห่ รือมีความสมั พนั ธ์ใดทจ่ี ะต้อง
ป้องกันมิให้จำ�เลยที่ ๑ ไปทำ�ร้ายผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำ�เลยที่ ๒ ดังกล่าวไม่พอฟังว่า
จำ�เลยท่ี ๒ เป็นผูส้ นับสนนุ ใหจ้ �ำ เลยท่ี ๑ พยายามฆ่าผเู้ สียหาย

________________________________________

พนกั งานอยั การจงั หวัดแพร่ โจทก์

ระหวา่ ง จ�ำ เลย
นายสุชาติ ใจหว่ ง ที่ ๑
นายอภิชาติ แพะค�ำ ที่ ๒

โจทก์ฟ้องว่า เม่ือวันท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๔๔ เวลากลางคืนหลังเท่ียง จำ�เลยทั้งสองร่วมกัน
พาอาวธุ มีดปลายแหลม ๑ เล่ม มีดท�ำ ครวั ๑ เล่ม ไปบริเวณถนนบา้ นนํา้ โคง้ อนั เปน็ เมอื ง หมบู่ ้าน
และทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร จำ�เลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธมีดดังกล่าวฟัน
นาย ส. ผเู้ สยี หาย หลายคร้งั ทีบ่ รเิ วณท้ายทอย กา้ นคอ และร่างกายโดยมีเจตนาฆา่ แตผ่ เู้ สยี หาย
ไม่ถึงแก่ความตาย เน่ืองจากมีบุคคลอ่ืนพบเห็นและแพทย์รักษาพยาบาลได้ทัน แต่เป็นเหตุให้
ผเู้ สียหายได้รับอันตรายแก่กาย เหตเุ กดิ ท่ีตำ�บลเด่นชัย อำ�เภอเดน่ ชัย จงั หวดั แพร่ ขอใหล้ งโทษตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑, ๘๓, ๘๐, ๙๑
จำ�เลยที่ ๑ ใหก้ ารรบั สารภาพ
จำ�เลยท่ี ๒ ใหก้ ารปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐, ๓๗๑ จำ�เลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

อยั การนเิ ทศ 127

มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐, ๘๖, ๓๗๑ ใหเ้ รียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๑ ฐานพยายามฆ่า ให้จำ�คุกจำ�เลยท่ี ๑ มีกำ�หนด ๑๒ ปี ฐานสนับสนุนให้พยายามฆ่า
ให้จำ�คุกจำ�เลยที่ ๒ มีกำ�หนด ๘ ปี ฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ ปรับคนละ ๙๐ บาท
จำ�เลยท่ี ๑ ให้การรบั สารภาพ แต่นำ�สบื วา่ ไม่มีเจตนาฆา่ โดยใหก้ ารในชัน้ มอบตัวและชั้นสอบสวน
ว่าใช้มีดฟันผู้เสียหายจริงแต่ไม่มีเจตนาฆ่า มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจ�ำ คกุ จำ�เลยทง้ั สองคนละ ๘ ปี ปรับจำ�เลยที่ ๑ เป็นเงิน ๖๐ บาท
ปรับจำ�เลยที่ ๒ เปน็ เงนิ ๙๐ บาท ไมช่ ำ�ระคา่ ปรบั ใหจ้ ดั การตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙
จ�ำ เลยท่ี ๒ อทุ ธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำ�เลยที่ ๒ ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้
จ�ำ เลยท่ี ๑ พยายามฆา่ ผู้เสียหาย นอกจากทแ่ี กใ้ หเ้ ป็นไปตามค�ำ พิพากษาศาลชนั้ ตน้
โจทก์ฎกี า
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงในเบ้ืองต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและ
สถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำ�เลยทั้งสองไปซ้ือกับข้าวที่ร้านเกิดเหตุ ขณะมีรถยนต์กระบะแล่นผ่าน
หนา้ รา้ นชา้ ๆ จ�ำ เลยที่ ๑ ทบุ รถยนตก์ ระบะดงั กลา่ ว สว่ นจำ�เลยท่ี ๒ ยนื อยขู่ า้ งรถ นาย ส. ผเู้ สยี หาย
นั่งดื่มสุราที่ร้านเกิดเหตุพูดต่อว่าจำ�เลยท่ี ๑ หลังจากนั้นจำ�เลยทั้งสองเดินกลับไปด้วยกันและไป
เอามีดมาคนละ ๑ เล่ม แล้วเดนิ กลับมาท่ีเกดิ เหตุ ขณะผูเ้ สียหายน่ังครอ่ มรถจักรยายนตข์ องตนเอง
เตรียมติดเคร่ืองยนต์ จำ�เลยที่ ๑ เข้าไปใช้มีดฟันผู้เสียหายหลายคร้ังที่บริเวณท้ายทอยและต้นคอ
ระหว่างน้ันจำ�เลยที่ ๒ ยืนถือมีดอยู่ท่ีปากซอยห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ ๕๐ เมตร หลังเกิด
เหตุจำ�เลยท้ังสองหลบหนีไปด้วยกัน คดีสำ�หรับจำ�เลยท่ี ๑ ยุติไปตามคำ�พิพากษาศาลช้ันต้นแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ ว่า จำ�เลยที่ ๒ เป็นผู้สนันสนุนให้จำ�เลยที่ ๑ พยายามฆ่า
ผ้เู สยี หายหรือไม่ โจทก์ฎกี าวา่ ก่อนเกิดเหตจุ �ำ เลยที่ ๒ อยูร่ ว่ มกับจ�ำ เลยที่ ๑ ต้งั แต่ไปรา้ นท่เี กิดเหตุ
เม่ือจำ�เลยท่ี ๑ ทุบรถยนต์กระบะ มีจำ�เลยท่ี ๒ ยืนอยู่ข้างรถ แม้ผู้เสียหายต่อว่าจำ�เลยท่ี ๑ ซึ่ง
จำ�เลยท้ังสองเบิกความว่าผู้เสียหายจะยิงทิ้ง น่าเชื่อว่าสร้างความไม่พอใจให้แก่จำ�เลยท้ังสองและ
มีอารมณ์ร่วมที่จะกลับมาแก้แค้นผู้เสียหาย จำ�เลยท้ังสองจึงต่างถืออาวุธมีดเดินย้อนกลับมาพร้อม
กัน แต่จ�ำ เลยที่ ๑ ลงมอื ฟันผ้เู สียหายคนเดียว เพราะผ้เู สยี หายกำ�ลังน่ังครอ่ มรถจกั รยานยนตเ์ ชือ่ วา่
จำ�เลยท่ี ๑ เกรงว่าอาจจะตามผู้เสียหายไม่ทัน จึงรีบว่ิงล่วงหน้าจำ�เลยท่ี ๒ ไปแล้วใช้อาวุธมีดฟนั
ผู้เสยี หาย ซงึ่ ผู้เสยี หายมองเหน็ จำ�เลยที่ ๒ ยืนห่างประมาณ ๕๐ เมตร ทำ�ให้เข้าใจไดว้ ่ามจี ำ�เลยท่ี ๒
รว่ มมาเปน็ พวกจ�ำ เลยท่ี ๑ ดว้ ย อนั เปน็ การแสดงเจตนารว่ มกนั รเู้ หน็ เปน็ ใจมาตง้ั แตแ่ รกและบง่ บอก
ถึงความพรอ้ มทจี่ ะเข้าไปช่วยเหลือจ�ำ เลยที่ ๑ หากเกดิ อปุ สรรคทีอ่ าจเกิดขนึ้ ไดท้ ันทว่ งทีนนั้ เหน็ ว่า
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ บัญญตั วิ ่า “ผู้ใดกระท�ำ ดว้ ยประการใด ๆ อันเป็นการชว่ ยเหลือ
หรอื ใหค้ วามสะดวกในการทผ่ี อู้ นื่ กระทำ�ความผดิ กอ่ นหรอื ขณะกระท�ำ ความผดิ แมผ้ กู้ ระท�ำ ความผดิ
จะมไิ ดร้ ถู้ งึ การช่วยเหลือหรอื ใหค้ วามสะดวกนัน้ ก็ตาม ผู้น้นั เปน็ ผูส้ นับสนนุ การกระทำ�ความผดิ ...”

128 อยั การนิเทศ

เห็นว่า แม้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจำ�เลยทั้งสองอยู่ร่วมกัน หลังจากผู้เสียหายพูดต่อว่าจำ�เลยท่ี ๑
จ�ำ เลยทง้ั สองเดนิ กลบั ไปดว้ ยกนั แลว้ จำ�เลยทงั้ สองตา่ งถอื อาวธุ มดี เดนิ ยอ้ นกลบั มาพรอ้ มกนั แตข่ ณะ
ท่จี �ำ เลยที่ ๑ ลงมือฟันผเู้ สียหาย จำ�เลยที่ ๒ ยนื ถืออาวุธมดี หา่ งจากที่เกิดเหตุประมาณ ๕๐ เมตร
และไม่ได้เคลื่อนไหวให้เข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ จึงอยู่ไกลเกินไปในลักษณะที่จะพร้อมเข้าไปช่วยเหลือ
จำ�เลยที่ ๑ หากเกิดอุปสรรคอาจมขี ึ้นไดท้ นั ทว่ งที โดยโจทกไ์ มไ่ ดน้ �ำ สืบใหฟ้ ังไดว้ ่าการท่ีจ�ำ เลยท่ี ๒
ยืนในลักษณะดังกล่าวจะเป็นการช่วยดูต้นทาง หรือยืนคุมเชิง หรือให้กำ�ลังใจ หรือช่วยเหลือให้
ความสะดวก ด้วยวิธีใดซ่ึงจำ�เลยที่ ๑ จะได้รับประโยชน์จากการท่ีจำ�เลยที่ ๒ กระทำ�ดังกล่าว
ทงั้ จ�ำ เลยท่ี ๒ เปน็ ประชาชนธรรมดาไมม่ หี นา้ ทหี่ รอื มคี วามสมั พนั ธใ์ ดทจ่ี ะตอ้ งปอ้ งกนั มใิ หจ้ ำ�เลยท่ี ๑
ไปทำ�รา้ ยผู้เสยี หาย พฤติการณ์ของ จ�ำ เลยที่ ๒ ดงั กลา่ วไม่พอฟังว่า จ�ำ เลยที่ ๒ เปน็ ผู้สนับสนนุ ให้
จ�ำ เลยที่ ๑ พยายามฆา่ ผูเ้ สยี หาย พยานจ�ำ เลยที่ ๒ ไมจ่ ำ�ต้องวินิจฉัย ทีศ่ าลอทุ ธรณภ์ าค ๕ พิพากษา
มานั้น ศาลฎกี าเห็นพ้องดว้ ยในผล ฎกี าของโจทก์ฟงั ไม่ขน้ึ
พพิ ากษายืน



อยั การนเิ ทศ 129

ค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๗๑๕๖/๒๕๕๒
ป.อ. รอการลงโทษ (มาตรา ๕๖)
พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘

เจ้าพนักงานจับจ�ำ เลยท้ังหมดพร้อมกับของกลาง คือ ไพ่ป๊อก ๑ ส�ำ รับ เงินสด ๓๐๐
บาท และผา้ ปรู องเล่น ๑ ผืน ซงึ่ เหน็ ไดว้ ่าเงนิ สดของกลางท่เี จ้าพนักงานยึดได้มเี พยี งเล็กน้อย
แม้ว่าเจ้าพนกั งานจะจับผู้ร่วมเลน่ การพนนั ไดถ้ งึ ๒๓ คน แต่ตามพฤตกิ ารณ์แล้วยังไม่อาจแสดง
ใหเ้ ห็นโดยชัดแจง้ วา่ การเล่นการพนันดงั กลา่ วมีลักษณะเป็นบอ่ นการพนนั ขนาดใหญ่และมีการ
เลน่ ได้เสียกนั เป็นอาชพี หลงั จากถูกจบั กมุ จำ�เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ กใ็ ห้การรบั สารภาพมาโดยตลอด
อนั แสดงวา่ จ�ำ เลยที่ ๑ และที่ ๒ ยังร้สู ำ�นกึ ในความผิดแห่งตน โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การต้องโทษ
จ�ำ คกุ ระยะสน้ั นอกจากจะไมเ่ กดิ ผลในการฟนื้ ฟแู กไ้ ขความประพฤตแิ ลว้ ยงั ท�ำ ใหจ้ �ำ เลยที่ ๑ และที่
๒ มปี ระวตั เิ สอ่ื มเสยี เมอื่ พน้ โทษแลว้ กย็ ากทจ่ี ะกลบั ตนเปน็ พลเมอื งดปี ระกอบสมั มาชพี โดยสจุ รติ
ตอ่ ไปได้ เมอื่ ไมป่ รากฏวา่ จ�ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒ ไดร้ บั โทษจ�ำ คกุ มากอ่ น จงึ เหน็ สมควรรอการลงโทษ
จำ�คุกและคุมความประพฤตจิ �ำ เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ไวเ้ พอ่ื ให้มเี จา้ พนกั งานคอยแนะน�ำ ช่วยเหลือ
ตกั เตอื น หรอื สอดสอ่ งดแู ล ซงึ่ นา่ จะเปน็ ผลดแี กจ่ ำ�เลยที่ ๑ และที่ ๒ และสงั คมมากกวา่ ฎกี าของ
จ�ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒ ฟงั ขึ้น แต่เพ่อื ให้หลาบจ�ำ และปอ้ งปรามมิใหจ้ �ำ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ กระทำ�
ความผิดท�ำ นองนอี้ ีก เหน็ สมควรวางโทษปรับจ�ำ เลยท่ี ๑ ในความผดิ ฐานเป็นผจู้ ดั ใหม้ ีการเลน่
การพนันและวางโทษปรับจ�ำ เลยที่ ๒ ในความผดิ ฐานเปน็ เจา้ มอื รับกินรับใช้อกี สถานหน่งึ และ
ก�ำ หนดเงอ่ื นไขเพอ่ื คมุ ความประพฤตขิ องจ�ำ เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ใหเ้ หมาะสมแกพ่ ฤตกิ ารณแ์ หง่ คดี
________________________________________

พนกั งานอัยการจงั หวัดสระบรุ ี โจทก์

ระหวา่ ง
นายพชิ ยั บญุ เนียม ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๓ คน จ�ำ เลย

โจทก์ฟ้องวา่ เมื่อวันท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๕๑ เวลากลางวัน จำ�เลยทง้ั ยสี่ บิ สามกับพวกท่ีหลบ
หนีร่วมกันลักลอบเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายป๊อก อันเป็นการพนัน
ตามบญั ชี ก. หมายเลข ๑๑ โดยมีวธิ กี ารเล่นซง่ึ ดดั แปลงมาจากการเล่นแปดเก้าดังทรี่ ะบุไว้ในบญั ชี
ก. หมายเลข ๕ และ การเลน่ ป๊อกซ่ึงระบุไวใ้ นบญั ชี ก. หมายเลข ๑๑ ท้ายพระราชบัญญตั ิการพนัน
พ.ศ. ๒๔๗๘ อันเป็นการพนันห้ามขาด พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำ�เลยที่ ๑
เป็นเจ้าบ้านจดั ใหม้ กี ารเลน่ และรว่ มเลน่ จำ�เลยท่ี ๒ เปน็ เจ้ามือรบั กนิ รับใช้ สว่ นจำ�เลยที่เหลอื เป็น
ผู้ร่วมเล่นการพนัน ผู้ประสงค์เงินสินบนนำ�จับนำ�เจ้าพนักงานไปจับจำ�เลยท้ังหมดได้พร้อมไฟป๊อก

130 อยั การนเิ ทศ

๑ ส�ำ รบั เงินสดจ�ำ นวน ๓๐๐ บาท และผ้าปูรองเลน่ ๑ ผนื ซง่ึ เปน็ ทรพั ย์สินและอุปกรณใ์ นการเลน่
การพนัน เป็นของกลาง เหตุเกิดท่ีตำ�บลหนองปลาไหล อำ�เภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ขอให้
ลงโทษตามพระราชบญั ญัติการพนนั พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒ และ ๑๕ ประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ และ ๘๓ รบิ ของกลาง จ่ายสนิ บนน�ำ จับและรางวัลนำ�จับแก่ผู้น�ำ จบั ตาม
กฎหมาย
จ�ำ เลยท้งั ยส่ี ิบสามให้การรบั สารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยทั้งยี่สิบสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติ
การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕,๑๐ , ๑๒ (๑)(๒), ๑๕ (ทีถ่ กู มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง, ๑๒ (๑)
ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ การกระทำ�ของจ�ำ เลยที่ ๑ เป็นความผดิ หลายกรรม
ต่างกนั ใหล้ งโทษทกุ กรรมเป็นกระทงความผดิ ไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑) ลงโทษ
จ�ำ เลยท่ี ๑ ฐานเป็นผจู้ ัดใหม้ ีการเลน่ การพนัน จ�ำ คุก ๖ เดอื น และปรับ ๕,๐๐๐ บาท ฐานเปน็
ผเู้ ลน่ การพนนั ปรบั ๕,๐๐๐ บาท รวมจำ�คกุ ๖ เดอื น และปรบั ๑๐,๐๐๐ บาท จำ�เลยท่ี ๒ ฐานเป็น
เจ้ามอื รบั กินรับใช้ จำ�คกุ ๖ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท จำ�เลยนอกนัน้ ปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท
จ�ำ เลยทั้งยส่ี บิ สามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษให้
คนละกง่ึ หน่งึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงลงโทษจ�ำ เลยท่ี ๑ จ�ำ คุก ๓ เดอื น และ
ปรับ ๕,๐๐๐ บาท จำ�เลยที่ ๒ จ�ำ คกุ ๓ เดอื น และปรับ ๒,๕๐๐ บาท จ�ำ เลยนอกนนั้ ปรับคนละ
๒,๕๐๐ บาท โทษจ�ำ คกุ สำ�หรบั จ�ำ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ใหร้ อการลงโทษไว้ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๕๖ หากจำ�เลยทั้งยี่สิบสามไม่ชำ�ระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๙ และ ๓๐ ริบของกลาง กับจ่ายสินบนน�ำ จับคนละก่ึงหน่งึ ของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต ๑ ซ่ึงได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด
รับรองใหอ้ ุทธรณ์ในปัญหาขอ้ เทจ็ จรงิ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำ�เลยที่ ๑ ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น
การพนัน จ�ำ คุก ๖ เดือน ฐานเปน็ ผ้เู ล่นการพนัน ปรับ ๕,๐๐๐ บาท รวมจำ�คกุ ๖ เดอื น และปรับ
๕,๐๐๐ บาท จำ�เลยที่ ๒ จำ�คกุ ๖ เดอื น เม่อื ลดโทษให้กึง่ หน่งึ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘
แล้ว คงจำ�คกุ จำ�เลยท่ี ๑ มกี ำ�หนด ๓ เดือน และปรบั ๒,๕๐๐ บาท จำ�คุกจำ�เลยท่ี ๒ มีก�ำ หนด ๓ เดือน
โดยไมร่ อการลงโทษจ�ำ คกุ ใหแ้ กจ่ �ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒ นอกจากทแี่ กใ้ หเ้ ปน็ ไปตามค�ำ พพิ ากษาศาลชนั้ ตน้
จำ�เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ฎกี า
ศาลฎีกาตรวจสำ�นวนประชุมปรกึ ษาแล้ว ทจ่ี �ำ เลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกาขอใหร้ อการลงโทษ
จำ�คุกน้ัน เห็นว่า เจ้าพนักงานจับจำ�เลยทั้งหมดพร้อมกับของกลาง คือ ไพ่ป๊อก ๑ สำ�รับ เงินสด
๓๐๐ บาท และผ้าปรู องเลน่ ๑ ผืน ซึ่งเห็นไดว้ ่าเงินสดของกลางท่ีเจ้าพนักงานยดึ ได้มีเพยี งเลก็ นอ้ ย
แม้ว่าเจ้าพนักงานจะจับผู้ร่วมเล่นการพนันได้ถึง ๒๓ คน แต่ตามพฤติการณ์แล้วยังไม่อาจแสดง
ให้เห็นโดยชัดแจ้งว่าการเล่นการพนันดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่และมีการ
เลน่ ไดเ้ สียกันเป็นอาชพี หลังจากถกู จับกมุ จำ�เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ก็ใหก้ ารรบั สารภาพมาโดยตลอด

อัยการนเิ ทศ 131

อันแสดงวา่ จ�ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒ ยงั รสู้ �ำ นึกในความผิดแห่งตน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการตอ้ งโทษจำ�คกุ
ระยะสั้น นอกจากจะไมเ่ กิดผลในการฟน้ื ฟแู กไ้ ขความประพฤตแิ ลว้ ยังทำ�ใหจ้ ำ�เลยท่ี ๑ และที่ ๒ มี
ประวตั เิ สอ่ื มเสยี เมอ่ื พน้ โทษแลว้ กย็ ากทจ่ี ะกลบั ตนเปน็ พลเมอื งดปี ระกอบสมั มาชพี โดยสจุ รติ ตอ่ ไป
ได้ เม่ือไมป่ รากฏวา่ จำ�เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ไดร้ ับโทษจำ�คุกมาก่อน จงึ เหน็ สมควรรอการลงโทษจ�ำ คกุ
และคุมความประพฤติจำ�เลยที่ ๑ และที่ ๒ ไวเ้ พอ่ื ให้มเี จ้าพนกั งานคอยแนะนำ� ช่วยเหลือ ตกั เตือน
หรอื สอดส่องดูแล ซ่ึงน่าจะเปน็ ผลดีแก่จำ�เลยท่ี ๑ และที่ ๒ และสงั คมมากกวา่ ฎีกาของจ�ำ เลยที่ ๑
และท่ี ๒ ฟงั ขนึ้ แต่เพ่ือให้หลาบจำ�และปอ้ งปรามมิใหจ้ ำ�เลยที่ ๑ และท่ี ๒ กระทำ�ความผดิ ทำ�นอง
น้ีอกี เห็นสมควรวางโทษปรบั จำ�เลยท่ี ๑ ในความผิดฐานเป็นผู้จดั ให้มีการเลน่ การพนนั และวางโทษ
ปรบั จ�ำ เลยที่ ๒ ในความผดิ ฐานเปน็ เจา้ มอื รบั กนิ รบั ใชอ้ กี สถานหนงึ่ และก�ำ หนดเงอ่ื นไขเพอื่ คมุ ความ
ประพฤตขิ องจำ�เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ใหเ้ หมาะสมแก่พฤตกิ ารณแ์ หง่ คดี
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำ�เลยที่ ๑ ในความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน
ปรับ ๕,๐๐๐ บาท และวางโทษจำ�เลยท่ี ๒ ในความผิดฐานเป็นเจา้ มอื รับกินรบั ใช้ ปรับ ๕,๐๐๐ บาท
อกี สถานหนึ่ง ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ให้คนละก่งึ หนึ่ง คงลงโทษปรบั จำ�เลย
ที่ ๑ ในความผดิ ฐานเป็นผู้จัดใหม้ กี ารเลน่ การพนัน ๒,๕๐๐ บาท เม่อื รวมกบั โทษปรบั ๒,๕๐๐ บาท
ของจ�ำ เลยที่ ๑ ในความผดิ ฐานเปน็ ผเู้ ลน่ การพนนั แล้ว รวมลงโทษจ�ำ เลยที่ ๑ ปรับ ๕,๐๐๐ บาท และ
ลงโทษจ�ำ เลยที่ ๒ ปรบั ๒,๕๐๐ บาท แต่โทษจ�ำ คุกของจ�ำ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒ ให้รอการลงโทษไว้ ๓ ปี
และคุมความประพฤตจิ �ำ เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ไวค้ นละ ๒ ปี นับตัง้ แต่วันท่ีได้อ่านค�ำ พพิ ากษาศาลฎกี าให้
จำ�เลยท่ี ๑ และที่ ๒ ฟัง โดยใหจ้ ำ�เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ไปรายงานตัวตอ่ พนักงานคุมประพฤติปลี ะ ๓ ครง้ั
ตามเงือ่ นไขและก�ำ หนดระยะเวลาทพ่ี นกั งานคมุ ประพฤติเหน็ สมควรก�ำ หนด ให้จ�ำ เลยท่ี ๑ และท่ี ๒
ละเวน้ การประพฤตใิ ดอนั อาจนำ�ไปสกู่ ารกระทำ�ความผดิ ท�ำ นองนอี้ กี กบั ใหจ้ �ำ เลยที่ ๑ และท่ี ๒ กระท�ำ
กจิ กรรมบริการสงั คมหรือสาธารณประโยชน์ตามทีพ่ นกั งานคุมประพฤติและจำ�เลยท่ี ๑ และที่ ๒ เห็น
สมควรมกี ำ�หนดคนละ ๓๐ ชัว่ โมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากจ�ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒
ไม่ชำ�ระค่าปรบั ใหจ้ ัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากจำ�เลยที่ ๑ และท่ี ๒ ไม่ช�ำ ระ
คา่ ปรบั ให้จดั การตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ใหจ้ �ำ เลยที่ ๑ และที่ ๒ จ่ายเงนิ สนิ บน
นำ�จับก่งึ หนึง่ ของคา่ ปรบั แก่ผู้จบั นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามค�ำ พิพากษาศาลอทุ ธรณ์ภาค ๑
หมายเหตุ
ศาลฎกี าพิพากษาใหร้ อการลงโทษจำ�คุกจ�ำ เลยท่ี ๑ และที่ ๒ โดยวินจิ ฉยั ว่า เงินสดของ
กลางทีเ่ จา้ พนักงานยึดได้มีเพยี งเลก็ น้อย แม้ว่าเจา้ พนกั งานจะจับผรู้ ว่ มการพนันไดถ้ ึง ๒๓ คน แต่
ตามพฤตกิ ารณแ์ ลว้ ยงั ไมอ่ าจแสดงใหเ้ หน็ โดยชดั แจง้ วา่ การเลน่ การพนนั ดงั กลา่ วมลี กั ษณะเปน็ บอ่ น
การพนนั ขนาดใหญ่และมกี ารเล่นได้เสยี กันเป็นอาชีพ


132 อัยการนเิ ทศ

คำ�พิพากษาศาลฎกี าท่ี ๙๑๙๓/๒๕๕๒

ป.อ. ตวั การ ลักทรัพยโ์ ดยรว่ มกระทำ�ความผิดด้วยกันตัง้ แต่สองคนขน้ึ ไป ลักทรัพย์ในสถานท่ี
บชู าสาธารณะ ลกั ทรพั ย์ทเ่ี ป็นพระพทุ ธรปู หรอื วัตถใุ นทางศาสนาทีเ่ ปน็ สักการะของประชาชน
ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพ่ือสะดวกแก่การกระทำ�ความผิด การพาทรัพย์น้ันไปหรือเพื่อ
ให้พน้ การจบั กมุ (มาตรา ๘๓, ๓๓๕ (๗), (๙), ๓๓๕ ทวิ, ๓๓๖ ทว)ิ
ป.ว.ิ อ. กฎหมายเกย่ี วกบั ความสงบเรียบร้อย (มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง)

แม้ทรัพย์ท่ีจำ�เลยกับพวกร่วมกันลักจะเป็นพระพุทธรูปและอยู่ในวัดผู้เสียหาย
แต่ได้ความว่าพระพุทธรูปดังกล่าวเก็บไว้ในศาลาบำ�เพ็ญกุศลหลังเก่าซึ่งเห็นได้ชัดว่า อยู่ใน
สภาพท่ีถูกปล่อยท้ิงร้างและรกรุงรัง มิได้จัดวางไว้ในที่เหมาะสมเพื่อให้ประชาชนไปสักการะ
บูชาแตป่ ระการใด รวมทั้งเครือ่ งบชู าอยา่ งใด ๆ ไม่มปี รากฏใหเ้ ห็น จงึ ยังถือไม่ได้ว่าพระพทุ ธรูป
ดงั กลา่ วเปน็ ทส่ี กั การะบชู าของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคแรก
ดังน้ี แม้จำ�เลยจะได้ร่วมกับพวกลักพระพุทธรูปดังกล่าวภายในวัดผู้เสียหาย ก็ไม่เป็นความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง ท้ังศาลาบำ�เพ็ญกุศลมีไว้เพ่ือใช้
จัดงานพิธศี พ จึงมิใช่เป็นสถานทบี่ ูชาสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๙)
การกระทำ�ของจำ�เลยจึงคงเป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำ�ความผิดด้วยกัน
ตั้งแต่สองคนขึ้นไปและโดยใช้ยานพาหนะเพ่ือสะดวกแก่การกระท�ำ ความผิด การพาทรัพย์นั้น
ไป หรอื เพ่อื ใหพ้ น้ การจบั กมุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบ
มาตรา ๓๓๖ ทว,ิ ๘๓ เท่านนั้
ปญั หาน้ีเปน็ ข้อกฎหมายท่ีเกีย่ วกบั ความสงบเรยี บรอ้ ย ศาลฎกี ามีอำ�นาจยกข้ึนอา้ งเองได้
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ วรรคหนง่ึ , ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบ
มาตรา ๒๑๕, ๒๒๕

________________________________________

พนกั งานอัยการจังหวัดเพชรบุรี โจทก์

ระหว่าง จ�ำ เลย
นางสาวขนิษฐาหรือฐา อทุ ธยานรัตน์หรืออุทยานรัตน์

โจทก์ฟ้องวา่ เมื่อระหว่างวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ เวลากลางวัน ถึงวนั ที่ ๓๐ เมษายน
๒๕๔๕ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จ�ำ เลยกับนาย ม. จำ�เลยในคดอี าญาหมายเลขแดงที่ ๓๙๗๙/๒๕๔๕

อัยการนเิ ทศ 133

ของศาลชั้นต้น และนาย ส. ซึ่งเป็นเยาวชนกับพวกอีก ๒ คน เข้าไปในศาลาบำ�เพ็ญกุศลภายใน
วัดโพพระนอกผู้เสียหาย อันเป็นที่จัดงานพิธีศพและเป็นสถานท่ีเคารพในทางศาสนา แล้ว
ร่วมกันลักพระพทุ ธรปู หนา้ ตกั กว้าง ๓๐ นิว้ สูง ๓๒ นิ้ว อายุ ๕๐ ปี ราคา ๕,๐๐๐ บาท อนั เปน็ ท่ี
สกั การะบชู าของประชาชนของผเู้ สยี หายทเ่ี กบ็ รกั ษาไวใ้ นศาลาบ�ำ เพญ็ กศุ ล โดยใชร้ ถกระบะเปน็ ยาน
พาหนะเพ่ือสะดวกแก่การกระทำ�ความผิด การพาทรัพย์น้ันไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม เหตุเกิดที่
ตำ�บลโพพระ อำ�เภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๘๓, ๓๓๕, ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง, ๓๓๖ ทวิ ขอใหจ้ ำ�เลยคนื หรอื ใช้ราคาทรพั ย์ ๕,๐๐๐ บาท
แกผ่ ู้เสียหาย
จำ�เลยใหก้ ารปฏเิ สธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๓๓๖ ทวิ, ๘๓ จ�ำ คกุ ๗ ปี ๖ เดือน ค�ำ ใหก้ ารใน
ชนั้ สอบสวนและทางน�ำ สบื ของจ�ำ เลย เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณา มเี หตบุ รรเทาโทษ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหน่ึง คงจ�ำ คุก ๓ ปี ๙ เดือน ให้จำ�เลยคืนหรือใชร้ าคาทรัพย์
๕,๐๐๐ บาท แกผ่ ้เู สียหาย
จำ�เลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พพิ ากษายืน
จำ�เลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซ่ึงพิจารณาและลงช่ือในคำ�พิพากษาศาลช้ันต้นอนุญาตให้ฎีกา
ในปญั หาข้อเทจ็ จรงิ
ศาลฎกี าตรวจสำ�นวนประชมุ ปรกึ ษาแลว้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ฟงั ไดว้ า่ ในวนั เวลาและสถานทเ่ี กดิ เหตุ
นาย ม. กบั พวกรว่ มกันลักพระพุทธรปู หนา้ ตักกวา้ ง ๓๐ นิ้ว สูง ๓๒ นว้ิ อายุ ๕๐ ปี ราคา ๕,๐๐๐
บาท ของวดั โพพระนอก ผเู้ สยี หายทเี่ กบ็ รกั ษาไวใ้ นศาลาบำ�เพญ็ กศุ ล โดยใชร้ ถกระบะทจ่ี ำ�เลยจดั หา
มาเป็นยานพาหนะเพอื่ สะดวกแกก่ ารกระทำ�ความผิด การพาทรัพยน์ น้ั ไปหรือเพ่อื ใหพ้ ้นการจบั กมุ
ขณะลกั ทรพั ย์จ�ำ เลยอย่กู บั นาย ม. และพวกในที่เกดิ เหตุด้วย
อน่ึง แม้ทรัพย์ท่ีจำ�เลยกับพวกร่วมกันลักจะเป็นพระพุทธรูปและอยู่ในวัดผู้เสียหาย แต่
ได้ความว่าพระพุทธรูปดังกล่าวเก็บไว้ในศาลาบำ�เพ็ญกุศลหลังเก่าซึ่งเห็นได้ชัดว่า อยู่ในสภาพท่ี
ถกู ปลอ่ ยทงิ้ รา้ งและรกรงุ รงั มไิ ดจ้ ดั วางไวใ้ นทเ่ี หมาะสมเพอ่ื ใหป้ ระชาชนไปสกั การะบชู าแตป่ ระการใด
รวมท้ังเครอื่ งบชู าอย่างใด ๆ ไมม่ ีปรากฏให้เหน็ จงึ ยงั ถอื ไม่ไดว้ ่าพระพทุ ธรปู ดงั กล่าวเป็นทีส่ กั การะ
บชู าของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคแรก ดงั นี้ แม้จำ�เลยจะได้
รว่ มกบั พวกลกั พระพทุ ธรปู ดงั กลา่ วภายในวดั ผเู้ สยี หาย กไ็ มเ่ ปน็ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๓๕ ทวิ วรรคสอง ท้ังศาลาบำ�เพ็ญกุศลมีไว้เพื่อใช้จัดงานพิธีศพ จึงมิใช่เป็นสถานท่ีบูชา
สาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๙) การกระทำ�ของจำ�เลยจงึ คงเปน็ ความผิด
ฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกระทำ�ความผิดด้วยกันต้ังแต่สองคนขึ้นไปและโดยใช้ยานพาหนะ

134 อยั การนเิ ทศ

เพอื่ สะดวกแกก่ ารกระท�ำ ความผดิ การพาทรพั ยน์ นั้ ไปหรอื เพอ่ื ใหพ้ น้ การจบั กมุ ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบมาตรา ๓๓๖ ทว,ิ ๘๓ เทา่ นั้น ปญั หาน้ีเป็นข้อกฎหมาย
ท่ีเกย่ี วกบั ความสงบเรียบร้อย ศาลฎกี ามอี �ำ นาจยกข้ึนอ้างเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๑๘๕ วรรคหน่งึ , ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบ มาตรา ๒๑๕, ๒๒๕ และเม่ือผล
ค�ำ พพิ ากษาเปลยี่ นแปลงในทางทเ่ี ปน็ คณุ แกจ่ �ำ เลย ศาลฎกี าจงึ เหน็ สมควรแกไ้ ขโทษใหเ้ หมาะสมดว้ ย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๗)
วรรคแรก ประกอบมาตรา ๓๓๖ ทวิ, ๘๓ จำ�คุก ๖ ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๗๘ กง่ึ หน่งึ แลว้ คงจ�ำ คกุ ๓ ปี นอกจากที่แกใ้ หเ้ ปน็ ไปตามคำ�พพิ ากษาศาลอทุ ธรณ์ภาค ๗


อัยการนิเทศ 135

คำ�พพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๘๔๙๐/๒๕๕๒

ป.อ. ตวั การ กรรมเดยี วผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท เอาไปเสยี ซง่ึ เอกสารของผอู้ น่ื ปลอมรอยตรา
ของเจ้าพนักงานใช้รอยตราของเจ้าพนักงานปลอม ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสาร
ราชการ ใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม ร่วมกันลักทรัพย์ต้ังแต่สองคน
ขึ้นไป (มาตรา ๘๓, ๙๐, ๑๘๘, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๓๕ (๗))
การที่จำ�เลยร่วมกับพวกเอาไปเสียและลักเอาโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริงท้ังสองฉบับ
ของผู้เสียหายไปโดยวิธีการใช้กลอุบาย นำ�เอาโฉนดท่ีดินพิพาทฉบับปลอมมาสับเปลี่ยนไว้
ย่อมเป็นการใช้เอกสารปลอมที่มีรอยตราปลอมของเจ้าพนักงานที่ดินและของสำ�นักงานที่ดิน
จังหวัดปทุมธานีประทับอยู่ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เจ้าพนักงาน
ท่ีดินและสำ�นักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี หรือประชาชน และโฉนดท่ีดินเป็นเอกสารสิทธิ
อันเป็นเอกสารราชการ การกระทำ�ของจำ�เลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๘๘, มาตรา ๒๕๒ ประกอบมาตรา ๒๕๑, มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบ
มาตรา ๒๖๖ (๑) และมาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบมาตรา ๘๓
การที่จำ�เลยกับพวกร่วมกันวางแผนโดยใช้โฉนดที่ดินพิพาทปลอมที่มีรอยตราปลอม
ประทบั อยู่ ไปแลกเอาโฉนดทด่ี นิ พพิ าทฉบบั จรงิ ของผเู้ สยี หายมาอนั เปน็ การเอาไปเสยี ซงึ่ เอกสาร
และลกั ทรพั ยโ์ ดยใช้กลอุบาย แลว้ น�ำ โฉนดท่ดี นิ พพิ าทฉบบั จริงพร้อมหนังสือมอบอ�ำ นาจปลอม
ของผู้เสียหายไปใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานท่ีดินสำ�นักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี การกระทำ�
ทั้งหมดล้วนมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือ การทำ�ให้สามารถขายหรือขายฝากท่ีดินพร้อม
อาคารพพิ าทของผูเ้ สยี หายเทา่ นนั้ การกระท�ำ ของจำ�เลยจงึ เป็นการกระทำ�ความผิดกรรมเดียว
แต่ผดิ ต่อกฎหมายหลายบท ตอ้ งใชก้ ฎหมายบทท่ีมโี ทษหนักทส่ี ดุ ลงโทษแก่จำ�เลยตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ อนั ไดแ้ กค่ วามผดิ ฐานใชโ้ ฉนดทด่ี นิ ซงึ่ เปน็ เอกสารสทิ ธอิ นั เปน็ เอกสาร
ราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑)

________________________________________

พนักงานอัยการจังหวดั ปทุมธานี โจทก์
จ�ำ เลย
ระหวา่ ง

นางสาวอรณุ แสงแจ้

136 อัยการนเิ ทศ

โจทก์ฟ้องวา่ เม่อื ระหวา่ งเดอื นปใี ดไมป่ รากฏชัด ถงึ วนั ที่ ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๔๑ เวลากลางวัน
วนั เวลาใดไมป่ รากฏชดั จ�ำ เลยกบั พวกอกี ๓ คน รว่ มกนั ท�ำ ปลอมขนึ้ ซง่ึ ดวงตราของเจา้ พนกั งานทด่ี นิ
จงั หวัดปทุมธานี ซึง่ เปน็ เจ้าพนักงานตามกฎหมาย ๒ ดวงตรา โดยร่วมกนั ท�ำ ดวงตราลกั ษณะเปน็
รูปวงกลมมีรูปภาพสัญลักษณ์และมีข้อความภาพในวงกลม โดยให้รูปภาพสัญลักษณ์และข้อความ
คล้ายคลึงกับรูปภาพสัญลักษณ์และข้อความบนดวงตราของเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดปทุมธานีและ
สำ�นักงานทด่ี ินจังหวัดปทุมธานอี ันเปน็ การฝา่ ฝืนตอ่ กฎหมาย รว่ มกนั ทำ�ปลอมซึ่งโฉนดท่ีดินซ่งึ เป็น
เอกสารสิทธอิ นั เป็นเอกสารราชการ โดยน�ำ แบบพิมพ์โฉนดทดี่ ินมีรูปลักษณะ ขนาด และขอ้ ความ
คล้ายแบบพิมพ์โฉนดทด่ี ินของกรมที่ดิน มากรอกขอ้ ความด้านหน้าและด้านหลงั ในชอ่ งต่าง ๆ รวม
ท้ังลงลายมือช่ือปลอมของนาง ม. เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดปทุมธานีลงในช่องเจ้าพนักงานท่ีดิน
และใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานท่ีดินปลอมที่จำ�เลยกับพวกร่วมกันทำ�ปลอมขึ้นดังกล่าวประทับ
ลงบนลายมือชื่อปลอมของนาง ม. เพ่ือให้มีข้อความและรายละเอียดต่าง ๆ เหมือนกับโฉนดท่ีดิน
เลขท่ี ๒๐๑๓๘ และ ๒๐๑๓๙ ต�ำ บลระแหง อำ�เภอลาดหลุมแกว้ จังหวัดปทมุ ธานี ซง่ึ ทางราชการ
ออกใหแ้ กน่ าง ศ. ผเู้ สยี หาย ซง่ึ เปน็ ฉบบั ทแ่ี ทจ้ รงิ ท�ำ ใหผ้ หู้ นง่ึ ผใู้ ดทพ่ี บเหน็ โฉนดทดี่ นิ ทจ่ี �ำ เลยกบั พวก
ร่วมกันปลอมขึ้น รวมทั้งผู้เสียหายหลงเช่ือว่าเป็นโฉนดท่ีดินฉบับท่ีแท้จริงโดยประการที่น่าเกิด
ความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี กรมท่ีดิน กระทรวงมหาดไทยและ
ประชาชน ปลอมหนงั สอื มอบอ�ำ นาจขายทดี่ นิ โฉนดเลขท่ี ๒๐๑๓๘ และ ๒๐๑๓๙ พรอ้ มตกึ แถว ๔ ชนั้
๒ คหู า เลขที่ ๘๓/๔ และ ๘๓/๕ ซง่ึ ปลกู สรา้ งบนท่ีดนิ ดงั กลา่ ว โดยรว่ มกนั น�ำ แบบพิมพห์ นงั สือ
มอบอำ�นาจมากรอกข้อความจนได้สาระส�ำ คญั วา่ ผเู้ สียหายมอบอำ�นาจให้นาง ท. ขายที่ดินทงั้ สอง
แปลงพร้อมตึกแถวดังกล่าวแล้วร่วมกันลงลายมือช่ือของผู้เสียหาย เพ่ือให้ผู้หนึ่งผู้ใดท่ีพบเห็นหลง
เชอื่ ว่าเปน็ หนังสอื มอบอำ�นาจของผูเ้ สียหายทม่ี อบอ�ำ นาจใหน้ าง ท. ขายทดี่ ินพร้อมตึกแถวดงั กล่าว
ที่แท้จริง โดยประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดปทุมธานี
กรมทด่ี นิ กระทรวงมหาดไทย และประชาชน ต่อมาวนั ที่ ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๔๑ เวลากลางวันจำ�เลย
กับพวกร่วมกันนำ�หนังสือมอบอำ�นาจปลอมดังกล่าวไปใช้เป็นหลักฐานแสดงต่อเจ้าพนักงานท่ีดิน
จังหวดั ปทุมธานี เพ่ือขอใหจ้ ดทะเบียนโอนขายทด่ี ินพร้อมตึกแถวของผ้เู สยี หายใหแ้ กผ่ อู้ น่ื และเมื่อ
ระหวา่ งตน้ เดอื นเมษายน๒๕๔๑ถงึ วนั ท่ี๖สงิ หาคม๒๕๔๑เวลากลางวนั วนั เวลาใดไมป่ รากฏชดั จ�ำ เลย
กบั พวกรว่ มกนั ลกั โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๒๐๑๓๘ และ ๒๐๑๓๙ ของผเู้ สยี หาย กบั รว่ มกนั ใชโ้ ฉนดทด่ี นิ ปลอม
พร้อมรอยตราของเจ้าพนักงานปลอมดังกล่าว โดยน�ำ ไปสับเปล่ียนกับโฉนดท่ีดินท่ีแท้จริง ๒ ฉบับ
ของผู้เสียหาย ในประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี
กรมท่ีดิน กระทรวงมหาดไทย และประชาชน เหตุเกิดท่ีตำ�บลระแหง อำ�เภอลาดหลุมแก้ว และ
ต�ำ บลบางปรอก อ�ำ เภอเมอื งปทมุ ธานี จงั หวดั ปทมุ ธานี เกยี่ วพนั กนั เจา้ พนกั งานจบั กมุ จ�ำ เลยไดแ้ ละ
ยดึ โฉนดทดี่ นิ ปลอม รอยตราเจา้ พนกั งานทดี่ นิ จงั หวดั ปทมุ ธานปี ลอม และหนงั สอื มอบอ�ำ นาจปลอม

อัยการนิเทศ 137

ดงั กลา่ ว เปน็ ของกลาง ขอใหล้ งโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๘๓, ๙๑, ๑๘๘, ๒๕๑,
๒๕๒, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๓๕ และริบโฉนดท่ดี นิ และหนงั สอื มอบอ�ำ นาจปลอมของกลาง
จ�ำ เลยให้การปฏเิ สธ
ศาลช้ันต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๘๘, ๒๕๑, ๒๕๒, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖ (๑), ๒๖๘ วรรคแรก, ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบ
ด้วยมาตรา ๘๓ การกระท�ำ ของจ�ำ เลยเป็นกรรมเดียวผดิ ต่อกฎหมายหลายบท ใหล้ งโทษฐานปลอม
เอกสารสทิ ธิอนั เปน็ เอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๖ (๑) ซึ่งเปน็ กฎหมาย
บททมี่ โี ทษหนกั ทส่ี ดุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑)
แต่เพยี งกระทงเดยี วตาม มาตรา ๒๖๘ วรรคสอง จำ�คกุ ๔ ปี รบิ โฉนดทด่ี ินและหนังสอื มอบอำ�นาจ
ของกลางคำ�ขออน่ื ให้ยก
โจทก์และจำ�เลยอุทธรณ์
ศาลอทุ ธรณ์ภาค ๑ พพิ ากษาแกเ้ ปน็ วา่ จ�ำ เลยมีความผดิ ฐานรว่ มกันใชเ้ อกสารปลอมตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๔ วรรคแรกและมาตรา ๘๓
จ�ำ คุก ๒ ป ี ข้อหาอนื่ ให้ยก นอกจากท่ีแกใ้ ห้เปน็ ไปตามคำ�พพิ ากษาศาลช้นั ต้น
โจทก์และจ�ำ เลยฎีกา
ศาลฎกี าพเิ คราะห์แล้ว โจทก์และจ�ำ เลยต่างฎกี า จ�ำ เลยฎกี าเป็น ๒ ประการ ประการแรก
ขอใหย้ กฟ้องขอ้ หาความผิดฐานใช้ใบมอบอ�ำ นาจปลอมเสยี ด้วย เพราะพยานหลักฐานของโจทกย์ งั
เป็นท่ีสงสัยว่าจำ�เลยกระทำ�ความผิดฐานน้ีหรือไม่และประการที่สองขอให้รอการลงโทษแก่จำ�เลย
อนั เปน็ ฎกี าในปญั หาขอ้ เทจ็ จรงิ จงึ เปน็ ฎกี าทตี่ อ้ งหา้ มตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง เพราะศาลอทุ ธรณ์ภาค ๑ พพิ ากษาจ�ำ คกุ จ�ำ เลย ๒ ปี ซ่ึงไม่เกนิ ๕ ปี ใน
ความผดิ ฐานนี้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินจิ ฉยั ฎกี าของจำ�เลย
ปัญหาท่ีต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกมีว่า นอกจากความผิดฐานใช้เอกสาร
ใบมอบอำ�นาจอันเป็นเอกสารปลอมแล้ว จำ�เลยได้กระทำ�ความผิดอ่ืนตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้
ไม่มีประจักษ์พยานโจทก์รู้เห็นโดยตรงว่าจ�ำ เลยร่วมกับพวกลักโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริง แต่พยาน
แวดลอ้ มทใี่ กลช้ ดิ เหตกุ ารณส์ อดคลอ้ งตอ่ เนอ่ื งเชอ่ื มโยงกนั เชอื่ ไดว้ า่ จ�ำ เลยกบั พวกน�ำ โฉนดทดี่ นิ พพิ าท
ฉบบั ปลอมมาสบั เปลยี่ นกบั ฉบบั จรงิ ของผเู้ สยี หายในวนั ทจี่ �ำ เลย นาง ก. นาย ส. และนาย ธ. มาบา้ น
ผู้เสียหายในคร้ังท่ีส่ีเพราะมิฉะนั้นจำ�เลยก็คงจะไม่สามารถครอบครองโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริง
หลังจากวันนั้นได้ การกระทำ�ของจำ�เลยจึงเป็นการร่วมกับพวกเอาไปเสียและลักโฉนดท่ีดินพิพาท
ทั้งสองฉบับของผ้เู สยี หายโดยวธิ กี ารใช้อุบาย ส่วนที่จำ�เลยน�ำ สืบต่อสวู้ า่ จำ�เลยไมเ่ คยรจู้ กั ผ้เู สยี หาย
นาง จ. เป็นผู้นำ�โฉนดท่ีดินพิพาทฉบับจริงทั้งสองฉบับของผู้เสียหายมาให้จ�ำ เลยช่วยหาผู้ซ้ือให้
ต่อมามนี าง อ. ซ่งึ อ้างว่าได้หมายเลขโทรศพั ทข์ องจำ�เลยจากนาง ก. โทรศพั ท์มาหาจ�ำ เลยวา่ สนใจ

138 อัยการนิเทศ

จะซ้ือท่ดี นิ และอาคารพิพาท โดยผูท้ ่ีจะซือ้ ชอื่ นาย ส. จ�ำ เลย จึงโทรศัพทต์ ิดต่อผู้เสียหาย นัดหมาย
พบกันที่หน้าท่ีดินและอาคารพิพาท เม่ือจำ�เลยไปถึงสถานที่ดังกล่าวก็ถูกจับกุม คงมีแต่ตัวจำ�เลย
คนเดียวเบิกความ ไมม่ ีพยานหลกั ฐานอื่นใดสนับสนนุ นาง ก. และนาง อ. จำ�เลยก็มิได้น�ำ มาสบื จึง
เปน็ คำ�เบกิ ความลอย ๆ ทีไ่ มน่ า่ เชอื่ ถอื ไมม่ นี ํ้าหนกั พอทจ่ี ะฟังหกั ลา้ งพยานโจทก์ได้ พยานหลกั ฐาน
ของโจทกม์ นี าํ้ หนกั มน่ั คงรบั ฟงั ไดโ้ ดยปราศจากสงสยั วา่ จ�ำ เลยรว่ มกบั พวกเอาไปเสยี และลกั เอาโฉนด
ทด่ี นิ พพิ าทฉบบั จรงิ ทง้ั สองฉบบั ของผเู้ สยี หายไปโดยวธิ กี ารใชก้ ลอบุ าย น�ำ เอาโฉนดทดี่ นิ พพิ าทฉบบั
ปลอมมาสบั เปลย่ี นไว้ และเมอื่ ฟงั ไดว้ า่ จ�ำ เลยรว่ มกบั พวกน�ำ โฉนดทดี่ นิ พพิ าทปลอมมาสบั เปลย่ี นกบั
ฉบับจริง ย่อมเป็นการใช้เอกสารปลอมที่มีรอยตราปลอมของเจ้าพนักงานที่ดินและของสำ�นักงาน
ท่ีดินจังหวัดปทุมธานีประทับอยู่ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เจ้าพนักงาน
ที่ดินและสำ�นักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี หรือประชาชน และโฉนดท่ีดินเป็นเอกสารสิทธิอันเป็น
เอกสารราชการ การกระทำ�ของจำ�เลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘,
มาตรา ๒๕๒ ประกอบ มาตรา ๒๕๑, มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) และ
มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบมาตรา ๘๓ ฎีกาของโจทกใ์ นความผิดท้งั สีฐ่ านนฟ้ี ังขนึ้
มปี ญั หาตอ้ งวนิ จิ ฉยั ตามฎกี าของโจทกอ์ กี ประการหนง่ึ วา่ การกระท�ำ ของจ�ำ เลยเปน็ ความผดิ
กก่ี รรม เห็นวา่ การทีจ่ ำ�เลยกับพวกร่วมกนั วางแผนโดยใชโ้ ฉนดท่ีดนิ พิพาทปลอมทีม่ ีรอยตราปลอม
ประทับอยู่ ไปแลกเอาโฉนดที่ดินพิพาทฉบับจริงของผู้เสียหายมาอันเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสาร
และลกั ทรัพย์โดยใช้กลอุบาย แล้วน�ำ โฉนดทด่ี ินพิพาทฉบับจรงิ พรอ้ มหนังสอื มอบอำ�นาจปลอมของ
ผู้เสียหายไปใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานท่ีดินสำ�นักงานท่ีดินจังหวัดปทุมธานี การกระทำ�ทั้งหมดล้วน
มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว คือ การทำ�ให้สามารถขายหรือขายฝากท่ีดินพร้อมอาคารพิพาทของ
ผู้เสียหายเท่าน้ัน การกระทำ�ของจำ�เลยจึงเป็นการกระทำ�ความผิดกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมาย
หลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำ�เลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๐ อนั ไดแ้ กค่ วามผดิ ฐานใชโ้ ฉนดทดี่ นิ ซง่ึ เปน็ เอกสารสทิ ธอิ นั เปน็ เอกสารราชการปลอม ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) กรณไี มใ่ ช่เปน็ ความผดิ
หลายกรรมดงั ทโ่ี จทกฎ์ กี า ฎกี าขอ้ น้ีของโจทก์ฟังไมข่ ้ึน
ส�ำ หรบั โทษทจ่ี ะลงแกจ่ �ำ เลยนนั้ เหน็ วา่ จ�ำ เลยรว่ มกระท�ำ ความผดิ กนั หลายคน มกี ารวางแผน
แบง่ หนา้ ทกี่ นั ทำ� มลี กั ษณะเปน็ กระบวนการทเี่ ปน็ ภยั ตอ่ สจุ รติ ชนทงั้ หลายทป่ี ระสงคจ์ ะซอ้ื ขายทดี่ นิ
กันตามปกติ จึงเห็นสมควรลงโทษจำ�คุก ๔ ปี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำ�เลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘,
มาตรา ๒๕๒ ประกอบมาตรา ๒๕๑, มาตรา ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๔, มาตรา
๒๖๘ วรรคแรก ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑), มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ประกอบมาตรา ๘๓
การกระท�ำ ของจ�ำ เลยเปน็ กรรมเดยี ว เปน็ ความผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบท ใหล้ งโทษฐานใชเ้ อกสารสทิ ธิ

อยั การนเิ ทศ 139

อนั เปน็ เอกสารราชการปลอมตาม มาตรา ๒๖๘ วรรคแรกประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑) อนั เปน็ กฎหมาย
บทท่ีมีโทษหนักท่ีสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ วางโทษจำ�คุก ๔ ปี นอกจากท่ีแก้
คงใหเ้ ปน็ ไปตามคำ�พพิ ากษาศาลอทุ ธรณภ์ าค ๑


140 อัยการนิเทศ

คำ�พพิ ากษา
และคำ�สั่งศาล
ปกครองสงู สุด

อัยการนเิ ทศ 141

142 อยั การนิเทศ

ค�ำ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๓๕๒/๒๕๕๒

พ.ร.บ. สง่ เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอ้ มแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ (มาตรา ๔๖, ๔๗, ๔๙)
ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบับที่ ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
คณะกรรมการควบคมุ การจดั สรรท่ดี ินตามประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ ๒๘๖ (พ.ศ.
๒๕๑๕) ได้มีมติอนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีทำ�การจัดสรรท่ีดิน โดยแบ่งแผนผังโครงการเพื่อออกใบ
อนุญาตเป็น ๑๘ ส่วน และจัดทำ�ระบบประปา ระบบการระบายน้ํา และบ่อบำ�บัดน้ําเสียตาม
ท่ีเสนอได้ แต่การออกใบอนุญาตให้ทำ�การจัดสรรที่ดินหมายถึงขั้นตอนท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ี
ผมู้ อี ำ�นาจได้ลงนามในใบอนญุ าตใหจ้ ัดสรรทด่ี ินแลว้ จึงจะถือวา่ ผู้ขอได้รบั ใบอนญุ าตให้ทำ�การ
จัดสรรท่ีดิน แต่กรณีของผู้ฟ้องคดี ผู้มีอำ�นาจลงนามในใบอนุญาตได้ลงนามในใบอนุญาต
หลงั จากทพี่ ระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ บงั คบั ใช้
แลว้ กรณจี งึ ยงั ถอื ไมไ่ ดว้ า่ ผฟู้ อ้ งคดไี ดร้ บั อนญุ าตใหท้ ำ�การจดั สรรทดี่ นิ จากคณะกรรมการควบคมุ
การจัดสรรทด่ี นิ ตามประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) แลว้ ดงั นนั้ เม่ือขณะท่ี
ผฟู้ อ้ งคดขี อออกใบอนญุ าตทำ�การจดั สรรทด่ี นิ สว่ นที่ ๑ ไดม้ กี ารตราพระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และ
รกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ใชบ้ งั คบั แล้ว เมือ่ วันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๓๕
และมีประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและส่ิงแวดล้อม ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) เรอื่ ง
กำ�หนดประเภท และขนาดของโครงการหรือกิจการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน
ท่ีต้องจัดทำ�รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๕
กำ�หนดให้โครงการหรือกิจการการจัดสรรท่ีดินเพื่อที่อยู่อาศัยหรือเพ่ือประกอบการพาณิชย์
ขนาดทด่ี นิ จำ�นวนแปลงย่อย ๕๐๐ แปลงขึ้นไป หรือมีเนือ้ ทเ่ี กินกวา่ ๑๐๐ ไร่ ต้องจดั ท�ำ รายงาน
การวเิ คราะหผ์ ลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเสนอตอ่ ส�ำ นกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
ส่ิงแวดล้อมให้ความเห็นชอบก่อน และโครงการจัดสรรท่ีดินของผู้ฟ้องคดีเป็นโครงการจัดสรร
ทดี่ นิ เพอ่ื เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั หรอื ประกอบการพาณชิ ยม์ ขี นาดทดี่ นิ เกนิ ๕๐๐ แปลงขนึ้ ไป และมเี นอื้ ที่
เกินกว่า ๑๐๐ ไร่ จึงอยู่ในบังคับใช้ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อม
แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๙ รวมทงั้ อยใู่ นบงั คบั ใชข้ องประกาศ
กระทรวงวทิ ยาศาสตรด์ งั กลา่ วขา้ งตน้ ดว้ ย และโดยทปี่ ระกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และส่ิงแวดล้อม ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ได้กำ�หนดว่า “โครงการ” ดังนั้น การพิจารณา
อนุญาตให้ทำ�การจัดสรรที่ดิน จึงต้องพิจารณาทั้งโครงการจะพิจารณาโดยแยกส่วนไม่ได้ แม้
ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่๔จะไดอ้ อกใบอนญุ าตใหท้ �ำ การจดั สรรทดี่ นิ ไปแลว้ ๒๐สว่ นโดยไมไ่ ดใ้ หผ้ ฟู้ อ้ งคดจี ดั
ท�ำ รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มกอ่ นการพจิ ารณาอนญุ าต ยอ่ มมไิ ดห้ มายความวา่
โครงการจดั สรรทดี่ นิ ของผฟู้ อ้ งคดจี ะไดร้ บั การยกเวน้ ไมอ่ ยภู่ ายใตก้ ารบงั คบั ของพระราชบญั ญตั ิ
สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงวทิ ยาศาสตร์

อยั การนิเทศ 143


Click to View FlipBook Version