❖ ขดั และตกแต่งผิวใหเ้ รียบร้อยก่อนทำน้ำมนั เคลือบ
❖ ขนำดและรูปแบบของโครงสร้ำง ตรวจใหถ้ ูกตอ้ ง
8.3 งานโครงสร้างเหลก็
กำรออกแบบโครงสร้ำงเหล็ก นอกจำกทฤษฏีที่ใช้ในกำรออกแบบชิ้นส่วนต่ำงๆ ท่ีจำเป็ นตอ้ งมีพ้ืน
ควำมรู้อย่ำงดีแลว้ วศิ วกรตอ้ งอำศยั ควำมรอบรู้ ในเชิงปฏิบตั ิ โดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ ในเรื่องกำรใหร้ ำยละเอียดต่ำงๆ
ของชิ้นส่วนตลอดของจนรอยต่อระหว่ำง ชิ้นส่วนต่ำงๆ โครงสร้ำงในทำงปฏิบตั ิแลว้ รูปแบบชิ้นส่วนของ
โครงสร้ำงเหลก็ มีทำงเลือกพอสมควรต่ำงกบั กรณีกำรออกแบบชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหลก็ ท่ีมกั จะมี แบบแผน
ค่อนขำ้ งแน่นอน เช่น คำน ค.ส.ล.โดยปกติมกั มีรูปตดั เป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผำ้ มีเหล็กเสริมสองแถว ดำ้ นบนและ
ดำ้ นล่ำงของหน้ำตดั และลอ้ มยึดดว้ ยเหล็กปลอก เป็ นตน้ แต่กรณีคำนเหล็ก ออกจำกมีหน้ำตดั ให้เลือกไดจ้ ำก
ตำรำงเหลก็ รูปพรรณมำตรฐำนท่ีมีขำยในทอ้ งตลำดแลว้ วิศวกรอำจประกอบจำกเหลก็ รูปพรรณ หรือเหล็กแผน่
โดยกำรเชื่อม ดงั น้ัน กำรออกแบบโครงสร้ำงเหล็ก ถำ้ วิศวกรที่มีประสบกำรณ์ไม่เพียงพอ หรือไม่ไดร้ ับกำร
ฝึ กฝนอบรมมำบำ้ ง มกั เกิดควำมไม่มน่ั ใจในทำงเลือกและรำยละเอียดท่ีเหมำะสมในกรณีเฉพำะต่ำงๆ เพรำะ
ทำงเลือกมีหลำกหลำยเกินไป แต่ผูม้ ีประสบกำรณ์มกั พบว่ำกำรออกแบบโครงสร้ำงเหล็กให้โอกำสวิศวกร
สำมำรถใชค้ วำมติดสร้ำงสรรคไ์ ดม้ ำก และเป็นเร่ืองน่ำทำ้ ทำยบทควำมน้ี จึงไดร้ วบรวมตวั อย่ำงของทำง เลือก
ตำ่ งๆ ในกำรออกแบบโครงสร้ำงเหลก็ โดยอำศยั รำยละเอียดท่ีใชไ้ ดด้ ีในภำคปฏิบตั ิมำแลว้
สรุปวิธีการตรวจงานโครงสร้างเหลก็
❖ แยกชนิดและขนำดของเหลก็ ให้เป็นสัดส่วนปรับพ้ืนที่ให้
สูงจำกน้ำท่วมถึง บดอดั พ้ืนให้แน่นเพ่ือสำมำรถรองรบ
น้ำหนักบรรทุกได้ จัดวำงอย่ำงเป็ นระเบียบโดยมีไม้
รองรับเป็ นช้นั ๆ ควรป้องกันน้ำฝนและควำมช้ืนท่ีจะทำ
ใหเ้ กิดสนิม
❖ ตรวจรูปร่ำงลักษณะของโครงสร้ำงเหล็ก ได้แก่ ควำม
กวำ้ ง ควำมยำว ควำมหนำรวมท้ังพ้ืนท่ีหน้ำตัดให้ตรง
ตำมที่กำหนด หรือมีระยะคลำดเคลื่อนไม่เกินค่ำท่ียอม
ให้ นำชิ้นตวั อยำ่ งส่งทดสอบทำกนั สนิมดว้ ยสีท่ีไดร้ ับกำร
อนุมตั ิ
❖ ทำควำมสะอำดรอยเช่ือมให้ปรำศจำกเศษเช่ือม ฝ่ ุน
ละออง น้ำมนั และสนิม ทำสีกนั สนิมทนั ทีท่ีไดร้ ับกำร
พิจำรณำคุณภำพของรอยเชื่อมว่ำได้มำตรฐำนตำมท่ี
กำหนด ทำสีรองพ้ืนและสีทับหน้ำให้ครบจำนวนคร้ัง
ตำมท่ีระบุในแบบ
❖ ตรวจแนวระดบั แนวรำบ แนวด่ิง ตำแหน่งระยะตำ่ งๆของ
โครงเหล็ก รวมท้ังกำรติดต้ังจริงในสนำมให้ถูกต้อง
เรียบร้อย มีควำมแข็งแรงปลอดภยั ตำมที่ได้ออกแบบไว้
ก่อนที่จะใชเ้ ป็นโครงสร้ำงในกำรรับน้ำหนกั ต่อไป
❖ ตรวจแนวระดบั แนวรำบ แนวดิ่ง ตำแหน่งระยะตำ่ งๆของ
โครงเหล็ก รวมท้ังกำรติดต้ังจริงในสนำมให้ถูกต้อง
เรียบร้อย มีควำมแข็งแรงปลอดภยั ตำมท่ีได้ออกแบบไว้
ก่อนที่จะใชเ้ ป็นโครงสร้ำงในกำรรับน้ำหนกั ต่อไป
❖ กำรเชื่อมยดึ โครงสร้ำงเหล็กเขำ้ ดว้ ยกนั จะตอ้ งตรวจสอบ
ชนิด ขนำดของหมุดย้ำ เครื่องมือท่ีใชร้ วมท้งั วิธีกำรเจอะรู
และกำรขนั หมุดย้ำใหแ้ น่นสนิทแขง็ แรงตรงตำมตำแหน่ง
โดยมีระยะคลำดเคล่ือนไม่เกินคำ่ ท่ีกำหนด
❖ โครงเหล็กที่ใชง้ ำนร่วมกบั โครงสร้ำงคอนกรีตเสริมเหลก็
ตอ้ งตรวจขนำด ตำแหน่งและระยะกำรเช่ือมยดึ ของเหล็ก
รูปพรรณ
❖ ขดั และตกแต่งผวิ ใหเ้ รียบร้อยก่อนทำน้ำมนั เคลือบ
❖ โครงสร้ำงเหล็กต้องมีขนำดและหน้ำตดั ท่ีถูกตอ้ งตำมท่ี
กำหนดไวใ้ นแบบ กำรดัดโค้งงอได้ตำมรัสมีท่ีต้องกำร
ทำสี กันสนิมและทับหน้ำครบถ้วนมีควำมแข็งแรง
ปลอดภยั ท่ีจะใชง้ ำน
❖ ตรวจชิดขนำดคุณภำพเหลก็ ที่ใชท้ ำโครงสร้ำง
❖ ใชส้ ลกั เกลยั วที่มีคุณภำพชนิดและขนำดตำมกำหนด
❖ กำรขนั ยดึ รอยต่อขิงโครงสร้ำงตอ้ ใหแ้ ขง็ แรง
❖ ใชช้ นิดขนำดของธูปเชื่อมใหเ้ หมำะกบั กำรใชง้ ำน
❖ ทดสอบฝีมืองำนเชื่อมของช่ำงใหแ้ น่ใจก่อนเช่ือม
❖ สกดั สนิมออกจำกผิวโลหะใหห้ มดแลว้ ทำสีกนั สนิม
❖ ควรบำรุงรักษำโครงสร้ำงเหลก็ ใหป้ ลอดสนิม
❖ ขนำดและตำแหน่งโครงสร้ำงถูกตอ้ งตำมแบบ
❖ ทำสีกนั สนิมใหค้ รบถว้ นแลว้ จึงทำสีทบั ตำมท่ีระบุไว้
❖ ตรวจสอบควำมถูกตอ้ งระยะต่ำงๆใหร้ ะเอียด
❖ ตรวจควำมแขง็ แรงของกำรเชื่อมต่อชิ้นงำนทุกจุก
❖ ขจดั สนิมท่ีโครงสร้ำงตำมกำหนดเวลำใหม้ ีสภำพดี
❖ ประกอบโครงเหลก็ ใหถ้ กู ตอ้ งตำมท่ีกำหนดไว้
❖ ประกอบชิ้นส่วนโครงสร้ำงใหป้ ระณีตเรียบร้อย
❖ ยดึ โครงสร้ำงใหม้ ีควำมแขง็ แรงก่อนนำไปใชง้ ำน
❖ บำรุงรักษำโครงสร้ำงตำมเวลำอยำ่ งสม่ำเสมอ
❖ ซ่อมแซมโครงสร้ำงใหอ้ ยใู่ นสภำพดีตลอดเวลำ
❖ ถำ้ พบวำ่ ชำรุดเสียตอ้ งซ่อมแซมทนั ทีก่อนใชง้ ำน
ใบงานท่ี 8 หน่วยท่ี 8
สอนคร้ังที่8
วิชา การควบคมุ และวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวชิ า 30121-2101 เวลา 3 ช่ัวโมง
ช่ือหน่วย งานไม้และงานเหลก็ โครงสร้าง
ชื่องาน งานไม้และงานเหลก็ โครงสร้าง
จุดประสงค์
เมื่อฝึกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
8.1 ควำมรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั ไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
8.2 งำนไมโ้ ครงสร้ำง
8.3 งำนเหลก็ โครงสร้ำง
เครื่องมือ - อปุ กรณ์
1.เอกสำรใบงำน
ลาดับข้ันการปฏิบตั ิงาน
1. ครูบอกช่ือประโยชน์ไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
2. ครูอธิบำยขอ้ ควรระวงั ในกำรใชง้ ำน และจุดที่ตอ้ งระวงั เป็นพเิ ศษของเครื่องมือ
แต่ละชิ้น
3. ครูสำธิตวธิ ีใชเ้ คร่ืองมือโดยสงั เขป
4. ใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิกำรบำรุงรักษำงำนไมไ้ มแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
5. ใหน้ กั ศึกษำสรุปกำรใชง้ ำนและกำรบำรุงรักษำเคร่ืองมือไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
การประเมินผล
1. นกั ศึกษำสำมำรถอธิบำยเกี่ยวกบั ไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำงได้
2.ประเมินผลจำกผลกำรปฏิบตั ิใบงำน
แบบประเมินผลก่อนเรียนหน่วยที่ 8 เร่ือง งานไม้และงานเหลก็ โครงสร้าง
คาสั่ง จงทำเคร่ืองหมำย หนำ้ คำตอบที่ถกู ตอ้ งท่ีสุดเพยี งคำตอบเดียว
1. ไมย้ นื ตน้ ประเภทไมเ้ น้ือแขง็ ไดแ้ ก่ไมต้ ่อไปน้ียกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ไมส้ ัก
ข. ไมย้ ำงพำรำ
ค. ไมเ้ ตง็
ง. ไมแ้ ดง
2. ไมส้ ำมำรถนำไปใชป้ ระโยชนห์ ลำยดำ้ นยกเวน้ ขอ้ ใดต่อไปน้ี
ก. เป็นวสั ดุเสริม ข. ใชท้ ำเฟอร์นิเจอร์
ค. เป็นวสั ดุก่อสร้ำง ง. ของประดบั
3. เยอ่ื ไมม้ ีส่วนประกอบสำคญั ในกำรผลิตกระดำษเรียกวำ่ อะไร
ก. เซลลโู ลส ข. เซลลไู ลด์
ค. ไฟเบอร์กลำส ง. ถกู ท้งั ขอ้ ก. และ ค.
4.ขอ้ ใดคอื คุณสมบตั ิของไมเ้ น้ืออ่อน ข. ข้ึนอยใู่ นท่ีสูงอำกำศเยน็
ก. ใบกวำ้ ง
ค. ผลดั ใบท้งั ปี ง. สืบพนั ธโ์ ดยใชเ้ มลด็ จำกตน้ ไม้
จ. 500
5.Rays ของไมเ้ น้ือแขง็ ชนิดใดท่ีมีแถวคลำ้ ยไมเ้ น้ือออ่ น
ก. ไมต้ ะแบกใหญ่
ข. ไมส้ น
ค. ไมม้ ะคำ่
ง. ไมส้ ัก
6. ไมเ้ น้ือออ่ นและไมเ้ น้ือแข็งมีขอ้ แตกตำ่ งกนั ตำมหลกั วิชำกำรทำงลกั ษณะโครงสร้ำงไมค้ อื
ก. ควำมเป็นรูพรุนของเน้ือไม้ ข. สีของเน้ือไม้
ค. ควำมแขง็ แรงของไม้ ง. ไม่มีขอ้ ถูก
7. คำ่ ควำมแขง็ แรงของไมเ้ น้ือแขง็ อยทู่ ่ีระดบั ใด
ก. 700 กก./ซม²
ข. 800 กก./ซม²
ค. 900 กก./ซม²
ง. 1000 กก./ซม²
8. กรมป่ ำไมไ้ ดเ้ ห็นชอบใหม้ ีหนงั สือกรมป่ ำไมท้ ี่ กส 0702/6679 ลงไว้ ณ วนั ท่ีเท่ำไร
ก. 3 พฤษภำคม 2517
ข. 3 มิถนุ ำยน 2517
ค. 3 กรกฏำคม 2517
ง. 3 สิงหำคม 2517
จ. วดั ปริมำณตำ่ งๆใหม้ ีควำมละเอียดมำกท่ีสุด
9. กำรยดื หดตวั ของไมเ้ กิดจำกอะไร
ก. ลกั ษณะของเน้ือไม้
ข. ควำมแขง็ แรงของเน้ือไม้
ค.เกิดจำกควำมช้ืนที่เปลี่ยนแปลงทำใหค้ ุณสมบตั ิของไมเ้ ปลี่ยนไป
ง. ภูมิประเทศในกำรข้นึ ของไม้
10. มอก. 421-2525 หมำยถึงประเทศของไมช้ นิดใด
ก. ไมแ้ ปรรูปและขอ้ กำหนดทว่ั ไป ข. ไมส้ กั แปรรูป
ค. ไมก้ ระยำเลยแปรรูป ง. ไมแ้ ปรรูปสำหรับงำนก่อสร้ำงทว่ั ไป
11. คุณสมบตั ิของเหลก็ กลำ้ น้นั มีควำมสำมำรถในกำรรับแรงตำ่ งๆดงั ต่อไปน้ียกเวน้ ขอ้ ใด
ก. แรงกระแทก
ข. แรงดึง
ค. แรงอดั
ง. ถกู ทกุ แรงที่กลำ่ วมำ
12. เหลก็ กลำ้ คำร์บอนปำนกลำงมีคุณสมบตั ิเหมำะกบั งำนประเภทใด
ก. ชิ้นส่วนยำนยนตต์ ่ำงๆ,กระป๋ องบรรจุอำหำร
ข. ชิ้นส่วนเคร่ืองจกั รกล รำวรถไฟ เฟื อง
ค. สปริงแหนบ ลูกปื น
ง. ถูกทุกขอ้
13. เหลก็ กลำ้ คำร์บอน(Carbon steels)หมำยถึง อะไร
ก. เหลก็ ท่ีมีคำร์บอน 0.2-0.5%
ข. เหลก็ ท่ีมีคำร์บอนไมเ่ กิน 0.25%
ค. เหลก็ กลำ้ ท่ีมีส่วนผสมของคำร์บอนเป็นหลกั
ง. เหลก็ ที่มีคำร์บอน0.5- 1.5%
14. เหลก็ กลำ้ ประสม(Alloys Steel) หมำยถึง ขอ้ ใด
ก. เหลก็ กลำ้ ที่มีธำตปุ ระสมรวมกบั ธำตุ โครเม่ียม
ข. เหลก็ ท่ีมีธำตุอ่ืนนอกจำกคำร์บอน ผสมอยใู่ นเหลก็
ค. เหลก็ ที่มีควำมตำ้ นทำนกำรกดั กร่อน
ง. เหลก็ ที่มีคุณสมบตั ิทำงฟิ สิกส์
15. ชิ้นส่วนหลกั ของโครงสร้ำงเหลก็ ประกอบดว้ ยหัวขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ชิ้นส่วนรับแรงในแนวดิ่ง คอื เสำเหลก็
ข. ชิ้นส่วนกระจำยน้ำหนกั บรรทุกในระนำบ คือ คำนและระบบพ้นื
ค. ชิ้นส่วนเพือ่ กำรยดึ เหนี่ยว และเพ่มิ สติฟเนส
ง. ชิ้นส่วนในกำรถ่ำยน้ำหนกั ลงเสำและพ้นื
16.ขอ้ ใดไมใ่ ช่หน่วยกำรวดั ควำมยำวท่ีกำหนดใหใ้ ชใ้ นระบบ เอส ไอ
ก. กิโลเมตร ข. เมตร
ค. มิลลิเมตร ง. เซนติเมตร
จ.ไมม่ ีขอ้ ใดถูก
17.พ้ืนในโครงสร้ำงเหลก็ ทำหนำ้ ท่ีอะไร
ก. รองรับน้ำหนกั บรรทกุ และถ่ำยผำ่ นคำนไปยงั เสำ หรือ ถ่ำยไปยงั เสำโดยตรง
ข. เป็น Diaphragm ในระนำบเพ่อื ยดึ ใหช้ ิ้นส่วนโครงสร้ำงในพ้นื แตล่ ะช้นั เปล่ียนตำแหน่งไปดว้ ยกนั
ค. ทำหนำ้ ท่ีเป็นส่วนหน่ึงของคำน Composite
ง. ถกู ทกุ ขอ้
18. เสำทำหนำ้ ที่อะไร
ก. ทำหนำ้ ที่รับแรงกดท่ีเกิดจำกกำรถ่ำยน้ำหนกั ท่ีผำ่ นมำจำกพ้นื
ข. ทำหนำ้ ท่ีรับแรงกดที่เกิดจำกกำรถ่ำยน้ำหนกั ท่ีผำ่ นมำจำกคำน
ค. ทำหนำ้ ท่ีหิ้วคำนกบั พ้นื
ง. ถูกทุกขอ้
19. ชิ้นส่วนหลกั ของโครงสร้ำงเหลก็ ประกอบดว้ ย
ก. ชิ้นส่วนรับแรงในแนวด่ิง คือ เสำเหลก็
ข. ชิ้นส่วนกระจำยน้ำหนกั บรรทกุ ในระนำบ คอื คำนและระบบพ้นื และ
ค. ชิ้นส่วนเพ่อื กำรยดึ เหน่ียว (Bracing Members) และเพมิ่ สติฟเนส (Stiffness)
ง. ถูกทกุ ขอ้
20. คำนถกั (Lattice Girders) มีขอ้ เสียดงั ต่อไปน้ี คือ
ก. เปลืองแรงงำนในกำรประกอบมำก
ข. จะตอ้ งจดั ใหแ้ กนของทกุ ชิ้นส่วนมำพบกนั ที่จุดๆ เดียว
ค. ตอ้ งใหค้ ำนมีควำมต่อเน่ืองกนั ใน Flanges ซ่ึงรับแรงดึงและแรงกดที่เกิดจำกแรงดดั
ง. เม่ือคำนมีควำมลึกมำก อำจตอ้ งอำศยั เหลก็ Stiffeners เพือ่ ยดึ หนำ้ ตดั ไมใ่ หเ้ ปลี่ยนรูป
แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหน่วยท่ี 8 เรื่อง งานไม้และงานเหลก็ โครงสร้าง
คาส่ัง จงทำเครื่องหมำย หนำ้ คำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคำตอบเดียว
1. ไมย้ นื ตน้ ประเภทไมเ้ น้ือแขง็ ไดแ้ ก่ไมต้ ่อไปน้ียกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ไมส้ กั
ข. ไมย้ ำงพำรำ
ค. ไมเ้ ตง็
ง. ไมแ้ ดง
2. ไมส้ ำมำรถนำไปใชป้ ระโยชน์หลำยดำ้ นยกเวน้ ขอ้ ใดต่อไปน้ี
ก. เป็นวสั ดุเสริม ข. ใชท้ ำเฟอร์นิเจอร์
ค. เป็นวสั ดุก่อสร้ำง ง. ของประดบั
3. เยอ่ื ไมม้ ีส่วนประกอบสำคญั ในกำรผลิตกระดำษเรียกวำ่ อะไร
ก. เซลลูโลส ข. เซลลูไลด์
ค. ไฟเบอร์กลำส ง. ถูกท้งั ขอ้ ก. และ ค.
4.ขอ้ ใดคอื คุณสมบตั ิของไมเ้ น้ืออ่อน
ก. ใบกวำ้ ง ข. ข้นึ อยใู่ นท่ีสูงอำกำศเยน็
ค. ผลดั ใบท้งั ปี ง. สืบพนั ธโ์ ดยใชเ้ มลด็ จำกตน้ ไม้
จ. 500
5.Rays ของไมเ้ น้ือแขง็ ชนิดใดท่ีมีแถวคลำ้ ยไมเ้ น้ืออ่อน
ก. ไมต้ ะแบกใหญ่
ข. ไมส้ น
ค. ไมม้ ะค่ำ
ง. ไมส้ กั
6. ไมเ้ น้ืออ่อนและไมเ้ น้ือแข็งมีขอ้ แตกต่ำงกนั ตำมหลกั วิชำกำรทำงลกั ษณะโครงสร้ำงไมค้ อื
ก. ควำมเป็นรูพรุนของเน้ือไม้ ข. สีของเน้ือไม้
ค. ควำมแขง็ แรงของไม้ ง. ไม่มีขอ้ ถกู
7. ค่ำควำมแขง็ แรงของไมเ้ น้ือแขง็ อยทู่ ่ีระดบั ใด
ก. 700 กก./ซม²
ข. 800 กก./ซม²
ค. 900 กก./ซม²
ง. 1000 กก./ซม²
8. กรมป่ ำไมไ้ ดเ้ ห็นชอบใหม้ ีหนงั สือกรมป่ ำไมท้ ี่ กส 0702/6679 ลงไว้ ณ วนั ท่ีเท่ำไร
ก. 3 พฤษภำคม 2517
ข. 3 มิถุนำยน 2517
ค. 3 กรกฏำคม 2517
ง. 3 สิงหำคม 2517
จ. วดั ปริมำณต่ำงๆใหม้ ีควำมละเอียดมำกที่สุด
9. กำรยดื หดตวั ของไมเ้ กิดจำกอะไร
ก. ลกั ษณะของเน้ือไม้
ข. ควำมแขง็ แรงของเน้ือไม้
ค.เกิดจำกควำมช้ืนที่เปล่ียนแปลงทำใหค้ ณุ สมบตั ิของไมเ้ ปล่ียนไป
ง. ภมู ิประเทศในกำรข้ึนของไม้
10. มอก. 421-2525 หมำยถึงประเทศของไมช้ นิดใด
ก. ไมแ้ ปรรูปและขอ้ กำหนดทว่ั ไป ข. ไมส้ ักแปรรูป
ค. ไมก้ ระยำเลยแปรรูป ง. ไมแ้ ปรรูปสำหรับงำนก่อสร้ำงทวั่ ไป
11. คณุ สมบตั ิของเหลก็ กลำ้ น้นั มีควำมสำมำรถในกำรรับแรงตำ่ งๆดงั ตอ่ ไปน้ียกเวน้ ขอ้ ใด
ก. แรงกระแทก
ข. แรงดึง
ค. แรงอดั
ง. ถกู ทกุ แรงที่กลำ่ วมำ
12. เหลก็ กลำ้ คำร์บอนปำนกลำงมีคุณสมบตั ิเหมำะกบั งำนประเภทใด
ก. ชิ้นส่วนยำนยนตต์ ำ่ งๆ,กระป๋ องบรรจุอำหำร
ข. ชิ้นส่วนเครื่องจกั รกล รำวรถไฟ เฟื อง
ค. สปริงแหนบ ลูกปื น
ง. ถูกทุกขอ้
13. เหลก็ กลำ้ คำร์บอน(Carbon steels)หมำยถึง อะไร
ก. เหลก็ ท่ีมีคำร์บอน 0.2-0.5%
ข. เหลก็ ท่ีมีคำร์บอนไม่เกิน 0.25%
ค. เหลก็ กลำ้ ท่ีมีส่วนผสมของคำร์บอนเป็นหลกั
ง. เหลก็ ที่มีคำร์บอน0.5- 1.5%
14. เหลก็ กลำ้ ประสม(Alloys Steel) หมำยถึง ขอ้ ใด
ก. เหลก็ กลำ้ ท่ีมีธำตปุ ระสมรวมกบั ธำตุ โครเม่ียม
ข. เหลก็ ท่ีมีธำตุอื่นนอกจำกคำร์บอน ผสมอยใู่ นเหลก็
ค. เหลก็ ที่มีควำมตำ้ นทำนกำรกดั กร่อน
ง. เหลก็ ท่ีมีคุณสมบตั ิทำงฟิ สิกส์
15. ชิ้นส่วนหลกั ของโครงสร้ำงเหลก็ ประกอบดว้ ยหัวขอ้ ดงั ต่อไปน้ี ยกเวน้ ขอ้ ใด
ก. ชิ้นส่วนรับแรงในแนวด่ิง คอื เสำเหลก็
ข. ชิ้นส่วนกระจำยน้ำหนกั บรรทกุ ในระนำบ คอื คำนและระบบพ้ืน
ค. ชิ้นส่วนเพ่อื กำรยดึ เหน่ียว และเพม่ิ สติฟเนส
ง. ชิ้นส่วนในกำรถ่ำยน้ำหนกั ลงเสำและพ้นื
16.ขอ้ ใดไมใ่ ช่หน่วยกำรวดั ควำมยำวที่กำหนดใหใ้ ชใ้ นระบบ เอส ไอ
ก. กิโลเมตร ข. เมตร
ค. มิลลิเมตร ง. เซนติเมตร
จ.ไมม่ ีขอ้ ใดถูก
17.พ้ืนในโครงสร้ำงเหลก็ ทำหนำ้ ที่อะไร
ก. รองรับน้ำหนกั บรรทกุ และถำ่ ยผำ่ นคำนไปยงั เสำ หรือ ถ่ำยไปยงั เสำโดยตรง
ข. เป็น Diaphragm ในระนำบเพือ่ ยดึ ใหช้ ิ้นส่วนโครงสร้ำงในพ้ืนแตล่ ะช้นั เปลี่ยนตำแหน่งไปดว้ ยกนั
ค. ทำหนำ้ ที่เป็นส่วนหน่ึงของคำน Composite
ง. ถูกทกุ ขอ้
18. เสำทำหนำ้ ท่ีอะไร
ก. ทำหนำ้ ที่รับแรงกดที่เกิดจำกกำรถ่ำยน้ำหนกั ท่ีผำ่ นมำจำกพ้นื
ข. ทำหนำ้ ท่ีรับแรงกดท่ีเกิดจำกกำรถ่ำยน้ำหนกั ที่ผำ่ นมำจำกคำน
ค. ทำหนำ้ ท่ีหิ้วคำนกบั พ้ืน
ง. ถูกทกุ ขอ้
19. ชิ้นส่วนหลกั ของโครงสร้ำงเหลก็ ประกอบดว้ ย
ก. ชิ้นส่วนรับแรงในแนวด่ิง คือ เสำเหลก็
ข. ชิ้นส่วนกระจำยน้ำหนกั บรรทุกในระนำบ คอื คำนและระบบพ้ืน และ
ค. ชิ้นส่วนเพ่อื กำรยดึ เหนี่ยว (Bracing Members) และเพม่ิ สติฟเนส (Stiffness)
ง. ถกู ทกุ ขอ้
20. คำนถกั (Lattice Girders) มีขอ้ เสียดงั ต่อไปน้ี คือ
ก. เปลืองแรงงำนในกำรประกอบมำก
ข. จะตอ้ งจดั ใหแ้ กนของทกุ ชิ้นส่วนมำพบกนั ท่ีจุดๆ เดียว
ค. ตอ้ งใหค้ ำนมีควำมต่อเน่ืองกนั ใน Flanges ซ่ึงรับแรงดึงและแรงกดที่เกิดจำกแรงดดั
ง. เมื่อคำนมีควำมลึกมำก อำจตอ้ งอำศยั เหลก็ Stiffeners เพ่อื ยดึ หนำ้ ตดั ไมใ่ หเ้ ปลี่ยนรูป
แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา การควบคมุ และวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวชิ า 30121-2101
หน่วยท่ี 9 เรื่อง งานสถาปัตยกรรม เวลา 3 ช่ัวโมง
หวั เร่ือง-หัวข้อย่อย
9.1 ควำมรู้พ้ืนฐำนเกี่ยวกบั กำรตรวจงำนสถำปัตยกรรม
9.2 กำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำงและขณะทำกำรก่อสร้ำง
9.3 กำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรม
สาระสาคญั
1. ควำมรู้พ้ืนฐำนเกี่ยวกบั งำนสถำปัตยกรรม ไดแ้ ก่ ขอบเขตของงำนสถำปัตยกรรมในข้นั ตอน
ปฏิบตั ิงำนก่อสร้ำง และกำรจำแนกงำนก่อสร้ำง ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในกำรเตรียมกำรและดำเนินกำร
ตรวจสอบงำนสถำปัตยกรรมในแต่ละข้นั ตอนของกำรก่อสร้ำง
2. กำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำงและขณะทำกำรก่อสร้ำง เป็นข้นั ตอนสำคญั ของกำรตรวจสอบ
งำนสถำปัตยกรรม กำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำง ไดแ้ ก่ กำรตรวจสอบกำรเตรียมพ้นื ท่ีก่อสร้ำง และ
กำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำง ไดแ้ ก่ กำรตรวจสอบงำนสถำปัตยกรรมที่เกี่ยวเนื่องกบั งำนโครงสร้ำง
งำนผนงั และวำงพ้นื งำนผิวสำเร็จสถำปัตยกรรม งำนส่วนประกอบและงำนตกแตง่ ทำงสถำปัตยกรรม
3. กำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรมส่วนมำกจะอยใู่ นกำรตรวจรับงำนงวดสุดทำ้ ยของอำคำร จึงมี
ควำมสำคญั ยงิ่ ผตู้ รวจสอบตอ้ งตรวจสอบซ้ำในสำระสำคญั โดยไมส่ ำมำรถละเลยในส่วนใดส่วนหน่ึงได้ และ
ตอ้ งกำหนดแนวปฏิบตั ิที่ชดั เจนในกำรตรวจรับสถำปัตยกรรม
จุดประสงค์การเรียน การสอน
จดุ ประสงค์ทวั่ ไป
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้พ้นื ฐำนเกี่ยวกบั กำรตรวจงำนสถำปัตยกรรมได้
2. อธิบำยกำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำงและขณะทำกำรก่อสร้ำงได้
3. อธิบำยกำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรมได้
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1.อธิบำยขอบเขตของงำนสถำปัตยกรรมได้
2.อธิบำยข้นั ตอนในกำรตรวจงำนสถำปัตยกรรมได้
3.อธิบำยกำรตรวจสอบงำนส่วนประกอบและงำนตกแต่งทำงสถำปัตยกรรมได้
กจิ กรรมการเรียน- การสอน
กจิ กรรมครู กจิ กรรม การสอน
ข้นั นำ
อธิบำยควำมควำมหมำย ควำมสำคญั ประโยชน์ ของงำนสถำปัตยกรรมเพ่ือนำเขำ้ สู่บทเรียน
ข้นั ใหข้ อ้ มลู
1.อธิบำย ควำมหมำย ควำมสำคญั เน้ือหำสำระ เร่ืองงำนสถำปัตยกรรมหวั ขอ้ ตำ่ งๆในเอกสำร
ประกอบกำรสอน
2. อธิบำยกระบวนกำรงำนก่อสร้ำง ควำมรู้พ้นื ฐำน หนำ้ ที่ และหลกั ปฏิบตั ิงำนสถำปัตยกรรม
3. มอบหมำยงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิงำน ตำมใบงำน และควบคมุ ดูแลกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
4. ตรวจผลงำนกำรปฏิบตั ิงำน และรำยงำนกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
ข้นั สรุป
สรุปสำระสำคญั เรื่องหลกั ปฏิบตั ิในกำรควบคมุ และกำรตรวจงำนและสรุปผลจำกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบ
งำน
กจิ กรรมนกั ศึกษา กจิ กรรม การเรียน
1. บอกจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
2. ครูบรรยำยสำระสำคญั
3. นกั เรียนทำกำรอภิปรำยกลุม่ ยอ่ ย
4. นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครูมอบหมำย
5. ครุและนกั เรียนช่วยกนั สรุป
6.นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครูมอบหมำย
7.นกั เรียนทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ส่ือการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำกำรควบคมุ และวำงแผนกำรก่อสร้ำงงำนโยธำ
2. ส่ือแผน่ ใส และส่ือนำเสนอ (Presentation)
3. สื่อ power point
4.ใบงำน
5.แบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ประเมนิ ผล
1. แบบประเมินผลหลงั กำรเรียน
2. ประเมินผลจำกใบงำน
3. กำรทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
บรรณานุกรม
หนงั สือ : บำ้ นแสนรัก ผแู้ ต่ง : คำนวณ คุณำพร www.konrukbaan.com
บันทึกหลงั การสอน
หน่วยท่ี 9
งานสถาปัตยกรรม
9.1 ความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกบั การตรวจงานสถาปัตยกรรม
งำนตกแต่งเป็นงำนที่มีควำมหมำยค่อนขำ้ งกวำ้ ง งำนใดที่ใหผ้ ลงำนปรำกฏแก่ สำยตำของผพู้ บเห็น โดย
มีวตั ถุประสงค์ เพ่ือถึงควำมสวยงำมเรียบร้อย หรือโดดเด่นประทบั ใจ ร่วมอยู่ดว้ ยก็อำจจดั อยูใ่ นส่วนของ งำน
ตกแต่งได้ ซ่ึงงำนตกแต่งในท่ีน้ี ส่วนใหญ่มกั จะเป็ นงำนก่ึงก่อสร้ำง ก่ึงตกแต่งเสียมำกกวำ่ งำนหลกั ใน กลุ่มน้ี
ไดแ้ ก่ กำรบุฝ้ำเพดำน กำรปูพ้ืนและบุผนัง กำรทำสี กำรติดต้งั สุขภณั ฑ์ กำรติดต้งั ดวงโคม ตลอดจนกำรติดต้งั
เฟอร์นิเจอร์ งำนในกลุ่มน้ีมกั จะทำใน ข้นั ตอนทำ้ ย ๆ หลงั จำกเสร็จสิ้นงำนในข้นั ตอนอ่ืน ๆ แลว้ กำรเรียงลำดบั
ข้นั ตอนในส่วนของงำนน้ี ไม่สำมำรถกำหนดตำยตวั ได้ งำนบำงข้นั ตอนอำจจะทำก่อน ทำภำยหลงั หรือทำ
ควบคู่กนั ไปกไ็ ด้ แลว้ แต่ควำมพร้อม หรือควำมเหมำะสมของกำลงั คนและวสั ดุช่วงเวลำน้นั ๆ นอกจำกงำนบำง
ข้นั ตอนที่สัมพนั ธ์กนั ก็จะตอ้ งมีลำดบั ก่อนหลงั เช่น กำรบุฝ้ำเพดำนจะตอ้ งทำหลงั จำกกำรมุงหลงั คำรวมท้งั กำร
เดินระบบทอ่ น้ำ ท่อร้อยสำยไฟและสำยไฟต่ำง ๆ ในส่วนท่ีอยเู่ หนือฝ้ำเพดำนเสร็จเรียบร้อยแลว้ กำรปูพ้ืนและบุ
ผนงั จะตอ้ งทำหลงั จำกกำรเดินท่อและอุปกรณ์ตำ่ ง ๆ ในส่วนท่ีฝังอยภู่ ำยใตพ้ ้ืนพ้ืนและภำยในผนงั เสร็จเรียบร้อย
แลว้ กำรติดต้งั ดวงโคม จะต้องทำหลงั จำก กำรบุฝ้ำเพดำนเสร็จเรียบร้อย แล้ว เป็ นตน้ นอกจำกน้ี ยงั มีงำน
ตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนทำ้ ยอีก ซ่ึงอำจจะทำหรือไม่ทำก็ได้ และมกั จะไม่รวมอยู่ในข้นั ตอนกำรปลูกสร้ำงบำ้ น
เช่น กำรติดต้งั ลูกกรง เหล็กดดั กำรติดต้งั ผำ้ ม่ำน กำรจดั สวน ฯลฯ ซ่ึงจะไม่กล่ำวถึงในท่ีน้ี จำกตวั อย่ำงที่ยกมำ
ต้งั แต่ตน้ จะสังเกตเห็นว่ำงำนบำงข้นั ตอนที่ไม่เกี่ยวขอ้ งกันน้ัน กำรจดั ลำดบั ข้นั ตอน และจงั หวะเวลำในกำร
ทำงำน อำจสำมำรถยึดหย่นุ ได้ โดยไม่ส่งผลเสียหำยแต่ประกำรใด ในขณะที่งำน บำงข้นั ตอน ที่มีควำมสัมพนั ธ์
กนั จะตอ้ งมีกำรจดั ลำดบั ข้นั ตอน และจงั หวะเวลำในกำรทำให้เหมำะสม รวมท้งั กำรวำงแผน กำรเตรียมกำร
และกำรประสำนงำนต่ำง ๆ จะตอ้ งกระทำในช่วงเวลำ ที่เหมำะสมเพื่อใหผ้ ลงำน ท่ีออกมำมีควำมถูกตอ้ งเป็นไป
ตำมท่ีตอ้ งกำร เพรำะควำมผิดพลำดบกพร่อง ในข้นั ตอนหน่ึงข้นั ตอนใดก็ตำม โดยเฉพำะข้นั ตอนตน้ ๆ ย่อม
ส่งผลเสียหำยไปถึงข้นั ตอนถดั ไปดว้ ย ย่ิงถำ้ ปล่อยให้ผิดพลำดล่วงเลยไป กำรแกไ้ ขในภำยหลงั ก็ย่ิงกระทำได้
ลำบำกยง่ิ ข้นึ จึงควรระมดั ระวงั ในจุดน้ีดว้ ย
สถำปัตยกรรม หมำยรวมถึง อำคำรหรือสิ่งก่อสร้ำง รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่เก่ียวข้องท้ังภำยในและ
ภำยนอกส่ิงปลูกสร้ำงน้นั ท่ีมำจำกกำรออกแบบของมนุษย์ ดว้ ยศำสตร์ทำงดำ้ นศิลปะ กำรจดั วำงท่ีวำ่ ง ทศั นศิลป์
และวิศวกรรมกำรก่อสร้ำง เพื่อประโยชน์ใช้สอย สถำปัตยกรรมยงั เป็ นสื่อควำมคิด และสัญลักษณ์ทำง
วฒั นธรรมของสังคมในยคุ น้นั ๆอีกดว้ ย
องค์ประกอบสาคัญของสถาปัตยกรรม
จุดสนใจและควำมหมำยของศำสตร์ทำงสถำปัตยกรรมน้นั ไดเ้ ปล่ียนแปลงไปตำมยคุ สมยั
บทควำม De Architectura ของวิทรูเวียส ซ่ึงเป็ นบทควำมเก่ียวกบั สถำปัตยกรรม ที่เก่ำแก่ที่สุดที่เรำคน้ พบ ได้
กล่ำวไวว้ ำ่ สถำปัตยกรรมตอ้ งประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสำมส่วนหลกั ๆ ที่ผสมผสำนกันอยำ่ งลงตวั และสมดุล
อนั ไดแ้ ก่ควำมงำม (Venustas) หมำยถึง สัดส่วนและองคก์ ระกอบ กำรจดั วำงท่ีวำ่ ง และ สี,วสั ดุและพ้ืนผิวของ
อำคำร ที่ผสมผสำนลงตัว ที่ยกระดับจิตใจ ของผูไ้ ด้ยลหรือเย่ียมเยือนสถำนท่ีน้ันๆ ควำมม่ันคงแข็งแรง
(Firmitas) และ ประโยชน์ใชส้ อย (Utilitas) หมำยถึง กำรสนองประโยชน์ และ กำรบรรลุประโยชน์แห่งเจตนำ
รวมถึงปรัชญำของสถำนที่น้นั ๆ
การตรวจงานสถาปัตยกรรม
กำรก่อสร้ำงงำนสถำปัตยกรรมในบำ้ นพกั อำศยั จะเร่ิมตน้ หลงั จำกงำนโครงสร้ำงแลว้ เสร็จ ซ่ึงงำนสถำปัตยกรรม
จะหวำยรวมถึงงำนก่ออิฐถือปูน ทำสีผนงั ภำยนอกและภำยใน งำนติดต้งั ประตู หนำ้ ตำ่ งพร้อมอุปกรณ์ งำนปพู ้ืน
ทกุ บริเวณดว้ ยวสั ดุตำ่ งๆ งำนฝ้ำเพดำนภำยนอก – ภำยในพร้อมทำสี งำนมุงหลงั คำและกนั สำด งำน
ติดต้งั สุขภณั ฑ์ งำนบนั ไดและรำวกนั ตกตำ่ งๆ และงำนอ่ืนๆ เช่น งำนตกแต่งผนงั หรืองำนดีไซนพ์ ิเศษอื่นๆ ตำม
แบบ ฯลฯ
งำนสถำปัตยกรรมเป็นงำนก่อสร้ำงในส่วนท่ีตอ้ งใชช้ ่ำงฝี มือใน กำรทำงำน และใชเ้ ทคนิคกำรก่อสร้ำงที่ถูกตอ้ ง
จำจะไดผ้ ลงำนออกมำเป็นท่ีน่ำพอใจ ในข้นั ตอนกำรทำงำนสถำปัตยกรรมจงั มี
รายละเอยี ดและข้อควรสังเกตซึ่งสามารถตรวจ สอบได้หลายจดุ ดังนี้
1. งำนก่ออิฐกำรใชอ้ ิฐมอญก่อผนงั ช่ำงควรนำอิฐไปแช่น้ำเสียก่อน เพื่อลดกำรดูดซึมน้ำจำกปูนก่อและปูนฉำบ
กำรก่ออิฐแตล่ ะแถวตอ้ งเริ่มจำกกำรขึงเอน็ แสดงระดบั แลว้ จึงเร่ิมก่ออิฐเรียง ไปตำมแนวนอน เพอื่ ใหไ้ ดร้ ะดบั ที่
สวยงำม และสร้ำงกำรยดึ เกำะตวั ท่ีแขง็ แรง งำนผนงั ก่ออิฐท่ีนิยมทำกนั ในบำ้ นเรำจะมีอยู่ 2 แบบ คอื ผนงั ก่ออิฐ
มอญเตม็ แผ่นและผนงั ก่ออิฐคร่ึงแผน่ สถำปนิกผูอ้ อกแบบจะกำหนดชนิดของผนงั ลงในแบบก่อสร้ำง โดยจะ
ข้ึนอยกู่ บั ควำมตอ้ งกำรในดำ้ นควำมแขง็ แรงกำรป้องกนั เสียง กำรป้องกนั ควำมร้อน ดงั น้นั กำรตรวจสอบชนิด
ของผนงั จึงให้ดูท้งั แบบก่อสร้ำงและงำนก่อสร้ำงจริง ประกอบกนั
2. เสำเอน็ ทบั หลงั เสำเอน็ และทบั หลงั มีลกั ษณะเป็นเสำหรือคำนคอนกรีตเสริมเหลก็ ขนำดเลก็ ๆ ประมำณ 7 x
7 เซนติเมตรถึง 10 x 10 เซนติเมตร มีประโยชน์เพอื่ เสริมควำมแขง็ แรงในจุดต่ำงๆบนผนงั เช่น วดั รอบกรอบวง
กบประตู หนำ้ ตำ่ ง เสริมมุมผนงั ตำ่ งๆ เพอ่ื ป้องกนั กำรแตกร้ำว รั่วซึม และป้องกนั กำรบิดตวั ของวงกบอีกดว้ ย
3. ปนู ฉำบ เป็นปูนที่มีคณุ สมบตั ิแหง้ และแขง็ ตวั ชำ้ กว่ำปนู โครงสร้ำง โดยทำ่ นเจำ้ ของบำ้ นสำมำรถสังเกตไดจ้ ำก
ตวั อกั ษรขำ้ งถุงปูน ซ่ึงจะระบเุ ป็นภำษำทำงเทคนิค ซิลิกำซีเมนต์ (Silica Cement) และหำกช่ำงก่อสร้ำงนำปูนผิด
ประเภทมำใชก้ บั งำนฉำบกจ็ ะเกิดผิวแตกร้ำวไดง้ ่ำย เน่ืองจำกเป็นเน้ือปนู ที่แขง็ แรงเกินไปและเกิดกำรเกำะตวั ไม่
พร้อมกนั ของ เน้ือปูน
กำรตรวจสอบทำไดด้ ้วยกำรใช้นิ้วเคำะผนังหรือใช้สันเหรียญห้ำบำทรูดผนังข้ึนลง หำกไดย้ ินเสียง
กรอบ แกรบๆ หรือดงั ในลกั ษณะกลวง ๆ โพรงๆ นนั่ คือผิวปูนฉำบที่ไม่ดีและเน้ือปูนไม่ยึดเกำะกบั ผนังก่ออิฐ
ควรแจง้ ใหช้ ่ำงก่อสร้ำงสกดั เป็นวงกวำ้ งแลว้ ฉำบทบั ลงไปใหม่ดว้ ยวธิ ีกำรฉำบท่ี ถกู ตอ้ ง
4. งำนทำสีสำหรับผิวปูนใหม่ๆ ควรปล่อยให้ผิวปูนฉำบแห้งสนิท โดยทิ้งไวป้ ระมำณ 30 วนั จึงเร่ิมงำนทำสี ซ่ึง
อำจเป็นสีน้ำพลำสติกหรือสีน้ำอะครีลิก ข้ึนอยกู่ บั ควำมตอ้ งกำรของเจำ้ ของบำ้ น โดยกำรทำสีน้นั จะใชส้ ีทำรอง
พ้นื 1 เที่ยว และทำสีจริง 2 เท่ียว ส่วนงำนไมก้ ค็ วรใชส้ ีน้ำมนั โดยรองพ้นื กนั เช้ือรำและกนั ยำงไม้ 3 เที่ยว และทำ
ทบั ด้วยสีจริง 2 เท่ียว ท้งั น้ีช่วงเวลำกำรทำสีบำ้ นควรทำในวนั ที่มีแดด มีลมพดั ไม่มีควำมช้ืนหรือฝนตก และ
ประกำรสุดทำ้ ย ท่ำนเจำ้ ของบำ้ นควรตรวจสอบยี่ห้อหรือสเป็ คที่ภำชนะบรรจุสีให้ถูกตอ้ งตำมขอ้ กำหนดใน
แบบก่อสร้ำงดว้ ย
5. งำนปูพ้ืนปำร์เกต์หรือ พ้ืนไมก้ ำร ปูพ้ืนดว้ ยไมท้ ี่ดีจะตอ้ งเร่ิมจำกกำรปรับผิวปูนให้เรียบและไดร้ ะดบั อย่ำงดี
เยย่ี ม และปล่อยใหผ้ ิวปูนน้นั แห้งจนไดท้ ี่แลว้ จึงทำกำวประสำนลงไปให้ทว่ั ขณะปูพ้ืน หลงั ปูพ้นื ไมแ้ ลว้ เสร็จให้
ทิ้งไวป้ ระมำณ 10-15 วนั จนกำวแห้งสนิทจึงเร่ิมขดั พ้ืนให้เรียบพร้อมทำควำมสะอำดใหป้ รำศจำกฝ่นุ แลว้ จึงลง
ทบั หนำ้ ดว้ ยวสั ดุเคลือบผิวไม้ เช่น ยรู ีเทน วำร์นิช หรือแลก็ เกอร์
6. งำนปูกระเบ้ืองงำน ปูกระเบ้ืองพ้ืนช้ันล่ำงที่ดีควรเร่ิมมำต้ังแต่งำนก่อสร้ำงพ้ืนที่ถูกต้อง โดยใตแ้ ผ่นพ้ืน
คอนกรีตควรปูดว้ ยแผน่ พลำสติกเพ่ือป้องกนั ควำมช้ืนดว้ ยเสมอมิ ฉะน้นั อำจเกิดหยดน้ำ
เหนียวผดุ ข้นึ มำบริเวณร่องยำแนวกระเบ้ือง ซ่ึงจะแกไ้ ขไดย้ ำกมำกกำรเลือกกระเบ้ืองพ้ืน ผนงั ควรเลือกใชใ้ หถ้ ูก
ประเภท ซ่ึงส่วนใหญ่กระเบ้ืองพ้ืนจะมีผิวสำกหรือขรุขระเพื่อกนั ล่ืน ส่วนกระเบ้ืองไปแช่น้ำให้อ่ิมเสียก่อนจึง
นำมำปู เพ่อื ป้องกนั กระเบ้ืองดูดน้ำออกจำกปนู และกำชบั มิใหช้ ่ำงปูกระเบ้ืองแบบซำลำเปำโดยเด็ดขำด
การตดิ ต้ังวงกบประตูหน้าต่าง
วงกบประตูหนำ้ ตำ่ ง เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหวำ่ งผนงั ของตวั บำ้ นกบั บำนประตหู นำ้ ต่ำง เป็นส่วนที่ยึดเหน่ียวผนงั
กบั บำนประตู หนำ้ ต่ำง ให้อยดู่ ว้ ยกนั อย่ำงมน่ั คงแข็งแรง และทำงำนร่วมกนั อยำ่ งมีประสิทธิภำพ วสั ดุที่ใชท้ ำวง
กบสำหรับอำคำรบำ้ นเรือนทว่ั ไปมกั จะ ทำจำกไม้ หรืออะลูมิเนียม ซ่ึงถำ้ ทำจำกไมก้ ค็ วรจะเป็นไมเ้ น้ือแขง็ เพรำะ
จะให้ควำมแขง็ แรงและมีอำยุกำรใชง้ ำนที่ยำวนำนกว่ำ กำรใชว้ สั ดุทำวงกบ ท่ีเหมำะสมประกอบ กบั กำรติดต้งั
อย่ำงถูกวิธีจะทำให้กำรติดต้งั ประตูหนำ้ ต่ำงมีควำมมนั่ คงแข็งแรงและ ใชง้ ำนไดด้ ี ลดปัญหำ กำรชำรุดแตกร้ำว
ของผนัง อนั เกิดจำกกำรติดต้งั วงกบไม่ถูกตอ้ ง รวมท้งั ลดปัญหำกำรร่ัวซึมท่ีเกิดจำกรอยแตก หว่ำงวงกบและ
ผนังข้นั ตอนกำรติดต้งั วงกบเป็ น เร่ืองทำงเทคนิค ซ่ึงมีอยู่หลำยวิธีข้ึนอยู่กบั แบบและขนำดของวงกบ วสั ดุท่ีใช้
ตลอดจนควำมชำนำญ ของผรู้ ับเหมำหรือช่ำงแต่ละรำย ขอ้ สังเกตเก่ียวกบั กำรติดต้งั วงกบประตูหนำ้ ตำ่ ง
1. วสั ดุที่ใชท้ ำวงกบตอ้ งอยใู่ นสภำพท่ีดีถำ้ เป็นวงกบอะลูมิเนียมตอ้ งอย่ใู นสภำพท่ีเรียบร้อยไม่มีรอยบุบหรือบิด
งอถำ้ เป็ น วงกบไม้ ควรเป็ นไมเ้ น้ือแข็ง เช่น ไมแ้ ดง ไมเ้ ต็ง ฯลฯ ซ่ึงจะให้ควำมแข็งแรงทนทำน สภำพของไม้
จะตอ้ งไมม่ ีรอยแตกหรือบิ่นมำก ไม่โก่ง หรือบิดงอจนเห็นไดช้ ดั และไม่มีรอยผมุ ำก่อน
2. ขนำดของวงกบจะตอ้ งตรงกบั ขนำดท่ีระบุไวใ้ นแบบโดยเฉพำะประตูขนำดของประตูห้องในบ้ำนทว่ั ไปควร
จะกวำ้ ง 80 เซนติเมตร สูง 200 เซนติเมตรเพ่ือกำรเขำ้ ออกที่สะดวกยกเวน้ ประตูทำงเขำ้ หลกั ดำ้ นหนำ้ บำ้ นหรือ
ประตูห้องซ่ึงคำดว่ำอำจตอ้ งนำของ ขนำดใหญ่ เขำ้ ไปไวก้ ็อำจกำหนดให้กวำ้ งกว่ำน้ี ขนำดของตวั ไม้วงกบ
โดยทว่ั ไปจะเป็นขนำด 2" x 4" ซ่ึงควำมหนำ 4" น้ีจะเสมอกบั ควำมหนำ ของผนงั ทว่ั ไป ยกเวน้ วงกบ ที่หนำข้ึน
เป็ นขนำด 2" x 5" ซ่ึงควำมหนำ 5" น้ีจะเสมอกบั ควำมหนำของผนัง หลังจำกบุกระเบ้ืองผนังแลว้ ทำให้ดู
สวยงำมเรียบร้อย
3. ในกรณีที่เป็นผนงั ก่ออิฐฉำบปูน กำรติดต้งั วงกบประตูหนำ้ ต่ำงทุกบำนจะตอ้ งมีเสำเอน็ และทบั หลงั โดยรอบ
เพ่ือให้ตวั วง กบยึดติด กบั ผนังไดอ้ ย่ำงมนั่ คงไม่เกิดกำรแตกร้ำว ไม่ใช่ทำโดยก่ออิฐฉำบปูนให้มำชนกบั วงกบ
เฉยๆ ซ่ึงวธิ ีดงั กลำ่ วจะทำใหก้ ำรเช่ือมตอ่ ไม่แขง็ แรง เกิดกำรแตกร้ำวได้
ง่ำยในภำยหลงั
4. กำรหล่อเสำเอ็นและทบั หลงั ควรทำโดยกำรวำงตำแหน่งของวงกบก่อนแลว้ ก่ออิฐทำผนงั เขำ้ หำวงกบที่ทำไว้
เวน้ ช่องให้มี ขนำดเท่ำกบั เสำเอ็นท่ีกำหนดใบแบบ จำกน้ันทำกำรผูกเหล็ก วำงไมแ้ บบ แลว้ เทคอนกรีตตำมไม้
แบบที่วำงไวจ้ ะไดเ้ สำเอ็นและทบั หลงั ที่ เช่ือมตวั ผนงั กบั วงกบอยำ่ งแนบสนิทและแข็งแรง หรืออยำ่ งนอ้ ยก็ควร
จะติดต้งั วงกบก่อนแลว้ ค่อยทำเสำเอ็นและทบั หลงั ประกอบเขำ้ ไป ไม่ควรทำเสำเอ็นและทบั หลงั ก่อนโดยเวน้
ช่องไวแ้ ลว้ ค่อยมำติดต้งั วงกบในภำยหลงั กำรกระทำดงั กล่ำวจะทำให้กำรเช่ือมตอ่ ระหว่ำง วงกบกบั เสำเอน็ และ
ทบั หลงั ไม่เช่ือมสนิทเป็ นเน้ือเดียวกนั อำจเกิดร่องห่ำง ซ่ึงเป็ นสำเหตุให้น้ำฝนซึมเขำ้ หรือเกิดกำร แตกร้ำวตรง
รอยต่อ ไดใ้ นภำยหลงั
5. บำงบ้ำนอำจมีกำรเสริมคิ้วปูนตำมขอบวงกบประตูและหน้ำต่ำงค้ิวปูนน้ีจะก่อติดเป็ นส่วนหน่ึงของผนัง
ภำยนอกของตวั บำ้ น โดยอำจวำงอยเู่ หนือแนวขอบวงกบดำ้ นบนหรือวำงอยู่ใตแ้ นวขอบวงกบดำ้ นล่ำงหรือท้งั
สองแนว เพอื่ เพม่ิ ควำมคมเขม้ และสวยงำมให้ แก่ตวั บำ้ น ทำใหแ้ ลดูไมจ่ ืดตำ
1. ใหต้ ิดต้งั โดยกำรทำกำรก่อผนงั อิฐ แลว้ เทคอนกรีตต้งั เป็นเสำเอน็ หรือ คำนเอน็ โดยใชเ้ คร่ำไมเ้ ป็นแบบหล่อ
หลงั จำกน้นั จึงติดต้งั วงกบ เขำ้ กบั เคร่ำไม้ โดยยดึ ดว้ ยตะปูเกลียวทกุ ระยะ 40 ซม.
2. ก่อนติดต้งั จะตอ้ งตรวจดูควำมเรียบร้อยถูกตอ้ งของวงกบประตเู สียก่อน ถำ้ เกิดควำมผิดพลำดเน่ืองจำกกำรคด
โก่งของวงกบ หรือกำรชำรุดอื่น ๆ ซ่ึงอำจเป็นผลเสียหำยแก่ประตภู ำยหลงั แลว้ ทำกำรติดต้งั ประตูต่อไปได้
กำรประกอบไมว้ งกบ ใหใ้ ชว้ ธิ ีประกอบเดือยเขำ้ มุม 45 องศำ และยดึ ดว้ ย ตะปูควง กำรติดต้งั วงกบไม้ จะตอ้ งได้
ฉำก และด่ิง จะตอ้ งมีกำรป้องกนั ไม่ใหม้ ุมของวงกบไมบ้ ่ิน หรือเกิดเส้ียน
3. กำรติดต้งั บำน อำจตอ้ งมีกำรตดั แต่งบำ้ งเลก็ นอ้ ยเพ่ือใหพ้ อดีกบั วงกบประตู และสะดวกในกำรเปิ ดปิ ดและ
สอดคลอ้ งกนั กำรทำงำนของช่ำงสี ผรู้ ับจำ้ งจะตอ้ งทำดว้ ยควำมระมดั ระวงั โดยถือระยะเหลำ่ น้ีเป็นพ้ืนฐำน คือ
ดำ้ นบน ควรจะห่ำงจำกวงกบประมำณ 2-3 มม.
ดำ้ นขำ้ ง ควรจะห่ำงจำกวงกบประมำณ 2-3 มม.
ดำ้ นลำ่ ง ควรจะห่ำงจำกพ้นื ประมำณ 5 มม. สำหรับหอ้ งทวั่ ไป และประมำณ 10 มม. สำหรับหอ้ งน้ำ
การติดต้งั วงกบอลมู เิ นยี ม
เม่ือวำงวงกบอลูมิเนียมบนผนงั จะตอ้ งเวน้ ช่องว่ำงไว้ ประมำณ 0.5 ซม. เพื่อใหม้ ีพ้ืนที่พอที่ซิลิโคนจะเขำ้ ไปอุด
รอย ตอ่ ระหวำ่ งอลูมิเนียมกบั ขอบปูน เพอ่ื ป้องกนั กำรรั่วซึมจำกน้ำ ฝน เพรำะถำ้ ติดต้งั โดยไมเ่ วน้ ช่องวำ่ งไว้ เน้ือ
ซิลิโคนก็จะไม่ สำมำรถแทรกตัวเข้ำไป ในรอยต่อ ผลที่ตำมมำก็คือ น้ำฝนก็จะ รั่วซึมเขำ้ มำภำยในบ้ำน มี
วิ ธี แ ก้ ไ ข ก็ คื อ ร้ื อ อ อ ก แ ล้ ว ติ ด ต้ั ง ใ ห ม่ ซ่ึ ง จ ะ เ สี ย ค่ ำ ใ ช้ จ่ ำ ย สู ง ม ำ ก
ซิลิโคนเป็ นวสั ดุคลำ้ ยเยลลี่ มีควำมยืดหยุ่น เหนียว ทนต่อแรงดึงไดด้ ี และกนั กำรร่ัวซึมได้ ใช้เช่ือมกระจกกับ
กระจก ในกรณีที่เป็ น ผนังกระจกไม่มีกรอบ ก็จะใช้แผ่นกระจกชนกนั แลว้ อุดดว้ ย ซิลิโคน ชนิดน้ีจะมีควำม
แขง็ แรงสูง มีสีใสมองทะลุกระจกได้ หรือ ใชเ้ ช่ือมกระจกกบั กรอบบำน อลูมิเนียม หรือผนงั ปูนที่แผ่นกระจก
ไปชน เพือ่ ป้องกนั กำร รั่วซึม
วงกบ PVC. ผลิตจำกเน้ือ PVC. ที่มีควำมแข็งแรง ทนทำน ไม่บิดงอ เป็ นฉนวนกนั ควำมร้อนไดด้ ี ทนต่อสภำพ
ดินฟ้ำอำกำศ โครงสร้ำงภำยในจะมีเหลก็ เสริม ติดต้งั ไดท้ ้งั ผนังไม้ ปูน และโลหะ กำรเขำ้ มุมต่ำงๆ จะใชค้ วำม
ร้อน สำมำรถทำใหป้ ระสำนกนั ไดส้ นิท สวยงำม มีขนำดมำตรฐำน และขนำดตำมสัง่
การตดิ ต้งั อุปกรณ์ประตู
กำรติดต้งั อุปกรณ์ เช่น กุญแจ ลูกบิด ขอรับ ขอสับ ฯลฯ จะตอ้ งใช้ Template กำหนดท่ีที่จะเจำะประตูก่อน แลว้
จึงทำกำรเจำะเพื่อไม่ให้เกิด ควำมผิดพลำดข้ึนได้ หลงั จำกกำรติดต้งั อุปกรณ์ต่ำง ๆ และไดท้ ดสอบกำรใช้งำน
เรียบร้อยแลว้ ให้ถอดอุปกรณ์ตำ่ ง ๆ ออกให้หมด (ยกเวน้ บำนพบั ) แลว้ นำเก็บลงกล่องบรรจุเดิม ท้งั น้ีเพื่อใหช้ ่ำง
ทำสีทำงำนไดโ้ ดยสะดวก และเมื่อสีท่ีทำประตู หรือวงกบแห้งสนิทแลว้ จึงทำกำรติดต้งั อุปกรณ์เหล่ำน้นั ใหม่
และทดสอบจนใชก้ ำรไดด้ ีดงั เดิม อุปกรณ์ตำ่ ง ๆ เช่น กญุ แจ ลกู บิด บำนพบั
การบฝุ ้าเพดาน
ในปัจจุบนั อำคำรบำ้ นเรือนแทบทุกแห่งจะตอ้ งมีกำรบุฝ้ำเพดำนตำมห้องต่ำงๆ เพ่ือ
ควำมสวยงำม โดยเฉพำะห้องช้นั บนสุดเพื่อ ไม่ให้เห็นโครงสร้ำงหลงั คำ และแผ่น
กระเบ้ือง ส่วนห้องช้นั ล่ำงที่ดำ้ นบนเป็ นพ้ืนหล่อหรือพ้ืนแผ่นเรียบอำจบุฝ้ำเพดำน
หรือไม่ก็ได้ ข้ึนอยู่ กบั ควำมตอ้ งกำรควำมสวยงำมเทียบกบั ควำมตอ้ งกำรประหยดั
ของเจ้ำของบำ้ นแต่ละรำย เจ้ำของบ้ำนบำงรำยอำจจะเห็นว่ำกำรบุฝ้ำเพดำนไม่ใช่
ส่ิงจำเป็ นมำกนกั สำหรับกำรอยู่อำศยั บำ้ นที่ไม่ไดบ้ ุฝ้ำเพดำนก็ยงั สำมำรถ อยูอ่ ำศยั
ได้ สำมำรถคุม้ แดดคุม้ ฝนได้ แต่อย่ำงไรก็ตำม กำรมีฝ้ำเพดำนจะเป็นประโยชน์ต่อผู้
อยูอ่ ำศยั หลำยประกำร เช่น ทำให้เกิดควำม สวยงำมเรียบร้อย ช่วยปิ ดก้นั กำรเดินท่อ
และสำยไฟต่ำงๆ ดำ้ นบนเอำไว้ ป้องกนั ฝ่ นุ ตำมร่องหลงั คำที่อำจหลุดร่วงลงมำ ช่วยให้กำรวำง ตำแหน่งดวงไฟ
ต่ำงๆ ทำไดอ้ ยำ่ งสะดวก และช่วยลดควำมร้อนจำกหลงั คำดำ้ นบน เม่ือเป็นเช่นน้ีแลว้ จะเห็นว่ำกำรบุฝ้ำเพดำนก็
เป็ นส่ิง จำเป็ นอย่ำงหน่ึง และให้ประโยชน์ใช้สอยอย่ำงคุ้มค่ำทีเดียว เจ้ำของบ้ำนจึงไม่ควรจะมองข้ำม
ควำมสำคญั น้ีไป
วัสดทุ ีใ่ ช้ทาฝ้าเพดาน
เนื่องจำกประโยชนใ์ ชส้ อยของฝ้ำเพดำน มีอยหู่ ลำยแง่หลำยมุมดงั กล่ำวแลว้ ฝ้ำเพดำนท่ีผลิตออกมำในทอ้ งตลำด
จึงมีหลำยแบบ หลำยชนิด เพ่ือสนองควำมตอ้ งกำรในกำรใช้ประโยชน์ด้ำนต่ำงๆ ท้งั น้ี กำรแบ่งชนิดของฝ้ำ
เพดำนจะข้ึนอยอู่ ยกู่ บั วสั ดุ และองคป์ ระกอบ ของวสั ดุที่ใชเ้ ป็นส่วนใหญ่ วสั ดุที่ใชท้ ำฝ้ำเพดำนสำหรับบำ้ นเรือน
ทว่ั ไปที่มีจำหน่ำยตำมทอ้ งตลำดแบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ คอื
1. กระเบ้ืองแผน่ เรียบ
2. แผน่ ยปิ ซมั
3. ไม้
4. อลมู ิเนียม
กระเบื้องแผ่นเรียบ
กระเบ้ืองแผ่นเรียบซ่ึงมีช่ือเต็มว่ำ กระเบ้ืองซีเมนต์ใยหินแผ่นเรียบ (asbestos cement sheet) เป็ นวสั ดุก่อสร้ำง
พ้นื ฐำน ท่ีรู้จกั กนั และใชก้ นั มำเป็นเวลำนำน มีคณุ สมบตั ิที่แข็งแรง ไม่ติดไฟ ทนต่อน้ำ และควำมช้ืน จึงสำมำรถ
ใชท้ ำไดท้ ้งั ผนงั ของตวั บำ้ น และ ฝ้ำเพดำน แต่กระเบ้ืองแผ่นเรียบก็มีขอ้ เสียบำงประกำร เน่ืองจำกเป็ นวสั ดุท่ีมี
ควำมแข็งจึงยืดหยุ่นได้น้อย เม่ือโครงไม้ที่กระเบ้ืองแผ่น เรียบยึดติดอยู่เกิดกำรยืดหดตัวเน่ืองจำกอุณหภูมิ
เปล่ียนแปลงก็จะทำให้กระเบ้ืองแผน่ เรียบเกิดรอยแตกร้ำวไดง้ ่ำย นอกจำกน้ี กำรใช้ กระเบ้ืองแผ่นเรียบยงั เกิด
ร่องหรือรอยต่อระหว่ำงแผ่นซ่ึงดูไม่สวยงำม ปัจจุบันควำมนิยม ในกำรใช้กระเบ้ืองแผ่นเรียบ ลดน้อยลง
เนื่องจำกขอ้ เสียดงั กล่ำว ประกอบกบั มีวสั ดุอ่ืนที่มีคณุ ภำพดีกวำ่ มำ ทดแทน แต่อยำ่ งไรก็ตำม เน่ืองจำกกระเบ้ือง
แผน่ เรียบ ยงั มีคุณสมบตั ิเด่นคอื ทนต่อน้ำ และควำมช้ืนจึงยงั คงมีผใู้ ชก้ นั อยู่ ซ่ึงส่วนใหญ่จะ ใชใ้ นกำรบุฝ้ำเพดำน
ตำมชำยคำ บริเวณบำ้ น หรือโรงรถที่มกั จะมีควำมช้ืนจำกน้ำฝน
แผ่นยปิ ซัม
แผน่ ยปิ ซัม (gypsum board) เป็นวสั ดุก่อสร้ำงท่ีใชส้ ำหรับบุฝ้ำเพดำน และก้นั หอ้ งภำยในที่นิยมใชก้ นั แพร่หลำย
ใน ปัจจุบนั มีคุณสมบตั ิเด่น คือ น้ำหนกั เบำ ติดต้งั ง่ำย ใหค้ วำมปรำณีตสวยงำม มีลวดลำยต่ำงๆใหเ้ ลือก และยงั มี
หลำยชนิดหลำยขนำด ให้เลือก ใชต้ ำมวตั ถุประสงค์ ที่ต่ำงกนั เช่น แผ่นยิปซัมชนิดธรรมดำ ชนิดทนควำมช้ืน
ชนิดมีอลูมินมั ฟอยลก์ นั ควำมร้อน นอกจำกน้ี ยงั มีท้งั ชนิดแผ่นใหญ่ สำหรับกำรติดฝ้ำเพดำนแบบฉำบเรียบไร้
รอยต่อ และชนิดแผ่นเลก็ สำหรับกำรติดฝ้ำเพดำนแบบแขวน (ที-บำร์) ซ่ึงสำมำรถประกอบใส่ และถอดออกได้
โดยงำ่ ย
ฝ้าเพดานชนดิ ทาด้วยไม้
ฝ้ำเพดำนชนิดทำดว้ ยไมน้ ้ีมิใช่วสั ดุสำเร็จรูปที่ใชท้ ำฝ้ำเพดำนโดยเฉพำะ แตจ่ ะเป็นลกั ษณะของฝ้ำระแนงไม้ โดย
กำรนำไม้ ท่ีมีลกั ษณะ เป็นแผ่นยำวหนำ้ แคบมำวำงเรียงกนั โดยแตล่ ะแผน่ อำจเวน้ ช่องเลก็ นอ้ ย เม่ือบุเสร็จแลว้ ฝ้ำ
เพดำนจะมีลกั ษณะเป็ นซ่ีไมว้ ำง เรียงกนั ส่วนใหญ่มกั ใช้ทำฝ้ำเพดำนสำหรับชำยคำภำยนอก ฝ้ำเพดำนชนิดทำ
ดว้ ยไมม้ ีขอ้ ดีคอื ใหค้ วำมสวยงำมแปลกตำเป็นธรรมชำติ แต่ก็มีขอ้ เสียหลำยประกำร คือ วสั ดุท่ีทำดว้ ยไมม้ ีรำคำ
แพง ติดไฟง่ำย เกิดกำรผุกร่อนไดเ้ มื่อใชไ้ ปนำนปี ฝ้ำเพดำนชนิดน้ีถำ้ กำรวำงไม้ แต่ละซ่ีเวน้ ช่องห่ำงมำกเกินไป
ก็จะเป็นที่อยอู่ ำศยั ของแมลงต่ำงๆ และเป็นท่ีสะสมสิ่งสกปรก บำงแห่งจำเป็นตอ้ งบุมุง้ ลวดไนลอน เพ่ิม เติมเขำ้
ไปเพ่ือป้องกนั ปัญหำดงั กลำ่ วซ่ึงก็เป็นกำรเพ่ิมข้นั ตอน และค่ำใชจ้ ่ำยอีก ฝ้ำเพดำนชนิดน้ีจึงไมค่ ่อยมีผนู้ ิยมใชก้ นั
มำกนกั
ฝ้าเพดานชนดิ ทาด้วยอลูมเิ นียม
ฝ้ำเพดำนชนิดทำดว้ ยอะลูมิเนียมน้ีจะมีลกั ษณะ และหนำ้ ตำคลำ้ ยกบั ฝ้ำเพดำนชนิดทำ
ดว้ ยไม้ ขำ้ งตน้ คือจะป็นกำรนำซ่ี อลมู ิเนียมมำ วำงเรียงกนั โดยกำรสวมประกอบเขำ้
ร่อง เมื่อบเุ สร็จแลว้ ฝ้ำเพดำน จะมีลกั ษณะเป็นซี่ คลำ้ ยกบั ฝ้ำเพดำนท่ีทำดว้ ยไม้ แต่จะ
ไม่ มีช่องห่ำงระหวำ่ งซ่ี ดงั เช่นฝ้ำเพดำน ท่ีทำดว้ ยไม้ เพรำะเป็น กำรสวมเขำ้ ร่อง ฝ้ำ
เพดำนชนิดทำดว้ ยอะลมู ิเนียม ขอ้ ดีคือใหค้ วำมสวยงำม แปลกตำ และไมต่ ิดไฟ แต่มี
ขอ้ เสียคอื ไมก่ นั ควำมร้อน และดูแขง็ กระดำ้ ง ไมเ่ ป็นธรรมชำติส่วนใหญ่ มกั ใชท้ ำ ฝ้ำ
เพดำนสำหรับชำยคำภำย นอกอำคำร ที่มีลกั ษณะเป็น หำ้ งร้ำนมำกกวำ่ ท่ีจะพบเห็นตำมบำ้ น
นอกจำกวสั ดุท่ีกล่ำวถึงขำ้ งตน้ แลว้ ยงั มีวสั ดุอีกชนิดหน่ึงซ่ึงสำมำรถนำมำทำเป็นฝ้ำเพดำนไดเ้ ช่นกนั ไดแ้ ก่ไม้
อดั ไมอ้ ดั เป็นวสั ดุที่นิยมใชก้ นั มำกในงำนทำเฟอร์นิเจอร์ และงำนตกแตง่ ตำ่ งๆ ในดำ้ นของงำนก่อสร้ำง ก็มีกำร
นำมำใชก้ นั บำ้ งเพ่อื ทำผนงั ก้นั หอ้ ง และฝ้ำเพดำน ขอ้ ดีของไมอ้ ดั คอื มีน้ำหนกั เบำ
ติดต้งั งำ่ ย รำคำไมแ่ พง แตม่ ีขอ้ เสีย คอื ติดไฟง่ำย ข้นึ รำง่ำย และถำ้ เป็นไมอ้ ดั ท่ี
คุณภำพ ไมด่ ีจะแตกปริ และเสื่อมสภำพไดเ้ ร็ว ปัจจุบนั ยงั มีกำรใชไ้ มอ้ ดั ทำผนงั
ก้นั หอ้ งกนั บำ้ งเนื่องจำกใหค้ วำมสวยงำมเป็นธรรมชำติของลำยไม้ แต่ไม่ค่อยนิยม
นำมำบฝุ ้ำเพดำนเน่ืองจำกขอ้ เสียดงั กล่ำว ประกอบกบั มีวสั ดุทดแทนชนิดอ่ืน ที่มีคุณภำพดีกวำ่ มำใชแ้ ทน ไดแ้ ก่
แผน่ ยปิ ซมั และกระเบ้ืองแผน่ เรียบตำมท่ีไดก้ ล่ำวไปแลว้ นอกจำกน้ี ยงั มีขอ้ สงั เกตเพิ่มเติมบำงประกำรเกี่ยวกบั
กำรเลือกใชว้ สั ดุเพื่อเป็นขอ้ มูล และขอ้ คดิ ในกำรเลือกใชว้ สั ดุให้ เหมำะสมกบั กำรใชง้ ำน ในแตล่ ะจุดโดยเฉพำะ
แผน่ ยปิ ซมั ซ่ึงนิยมใชก้ นั มำกในปัจจุบนั และขอ้ สงั เกตเกี่ยวกบั ข้นั ตอนในกำรบุฝ้ำเพดำน เพอื่ ใหผ้ ลงำนที่ออกมำ
มีควำมเรียบร้อย ไมต่ อ้ งแกไ้ ขกนั ภำยหลงั
ข้นั ตอนในการติดต้งั
การเลือกใช้วสั ดุ และข้นั ตอนการบุฝ้าเพดาน
1. แผน่ ฝ้ำเพดำนท่ีทำจำกแผ่นยปิ ซมั ที่ใชบ้ ตุ ำมหอ้ งทว่ั ไปภำยในบำ้ นมีใหเ้ ลือกใชท้ ้งั แบบแผน่ ใหญ่ซ่ึง
ติดต้งั โดยกำรยดึ เขำ้ กบั โครงคร่ำว และฉำบรอยต่อเรียบเพื่อเนน้ ควำมสวยงำมเรียบร้อย และแบบแผน่
เลก็ โดยกำรติดต้งั กบั โครงคร่ำวแบบแขวน (ที-บำร์) ซ่ึงจะ ใหค้ วำมประหยดั และคล่องตวั กวำ่ และยงั มี
ลวดลำยของผิวแผน่ ยปิ ซมั ใหเ้ ลือกมำกกวำ่ แบบแผน่ ใหญ่ แต่จะมีขอ้ เสียคือจะเห็นแนวเสน้ ของโครง
คร่ำวที่ทำจำกอะลูมิเนียมหรือเหลก็ เป็นตำรำงอยโู่ ดยตลอด และยง่ิ ถำ้ กำรติดต้งั ขำดควำมประณีตแลว้
จะเห็นเป็นแนวเสน้ อลูมิเนียมคดเค้ยี วไปมำ ดูไม่สวยงำม
2. ในหอ้ งน้ำซ่ึงตอ้ งมีกำรวำงท่อระบำยส่ิงปฏิกลู และทอ่ ระบำยน้ำอยเู่ หนือเพดำน เช่น บำ้ นที่มีหอ้ งน้ำช้นั
บน และช้นั ล่ำงอยใู่ น แนวเดียวกนั ควรใชฝ้ ้ำเพดำนชนิดแผน่ ยปิ ซมั แบบแผน่ เลก็ ที่มีกำรติดต้งั กบั โครง
คร่ำวแบบแขวน (ที-บำร์) เพ่ือควำม สะดวกในกำรซ่อม บำรุง เพรำะฝ้ำเพดำนชนิดน้ีสำมำรถประกอบ
ใส่ และถอดออกไดโ้ ดยงำ่ ย
3. ในจุดท่ีอำจตอ้ งเปี ยกน้ำหรือบริเวณที่มีควำมช้ืนสูง เช่น ชำยคำหรือเพดำนห้องน้ำ ถำ้ เลือกใชฝ้ ้ำเพดำน
ชนิดที่ทำจำกแผ่น ยปิ ซมั ชนิดทนควำมช้ืนเพือ่ ใหม้ ีอำยกุ ำรใชง้ ำนที่ยำวนำนข้ึน เพรำะแผน่ ยปิ ซมั ชนิด
ดงั กลำ่ วจะประกอบดว้ ย กระดำษเหนียวชนิดพิเศษ และแกน หรือเน้ือของแผน่ ยปิ ซมั ภำยใน จะ
ประกอบดว้ ยยปิ ซมั และสำรซิลิโคน (silicone) ซ่ึงมีคณุ สมบตั ิในกำรป้องกนั ควำมช้ืน และกนั น้ำไดด้ ี
4. ในหอ้ งช้นั บนสุดของตวั บำ้ นซ่ึงตอ้ งไดร้ ับควำมร้อนจำกหลงั คำอนั เนื่องมำจำกแสงแดด และมิไดม้ ีวสั ดุ
กนั ควำมร้อนชนิดอ่ืน ใดติดต้งั อยู่ หรือในหอ้ งที่ช้นั บนเป็นดำดฟ้ำ และไดร้ ับควำมร้อนจำกแสงแดดซ่ึง
ส่องมำยงั พ้นื ดำดฟ้ำ ถำ้ เลือกใชฝ้ ้ำเพดำน ชนิดท่ีทำจำก แผน่ ยปิ ซมั ชนิดน้ีจะช่วยลดควำมร้อนไดม้ ำก
พอควร อีกท้งั รำคำกแ็ พงกวำ่ แผน่ ยปิ ซมั ชนิดธรรมดำไม่มำก
5. ก่อนกำรบฝุ ้ำเพดำนโดยเฉพำะฝ้ำเพดำนแบบแผน่ ใหญท่ ่ีมีกำรติดต้งั โดยกำรติดยึดเขำ้ กบั โครงคร่ำว
และฉำบรอยต่อเรียบ หรือกำรติดต้งั ฝ้ำเพดำนแบบอื่นซ่ึงเป็นแบบถำวรไมส่ ำมำรถร้ือหรือถอดออกมำ
ทำกำรแกไ้ ขไดโ้ ดยง่ำยควรมีกำรตรวจตรำสิ่งตำ่ งๆ ท่ีอยู่ เหนือฝ้ำเพดำนอยำ่ งละเอียดรอบคอบวำ่ ทุก
อยำ่ งอยใู่ นสภำพที่เรียบร้อย เช่น กระเบ้ืองหลงั คำจะตอ้ งไมม่ ีรอยแตกรั่ว กำรผกู ยดึ แผ่นกระ เบ้ือง
หลงั คำกบั โครงหลงั คำจะตอ้ งแน่นหนำเรียบร้อย กำรเดินทอ่ น้ำ และทอ่ ร้อยสำยไฟ โดยเฉพำะตรงจุด
เชื่อมต่อตำ่ งๆ ตลอดจนกำร เดินสำยไฟ และกำรตอ่ สำยไฟตำมจุดต่ำงๆ ที่อยเู่ หนือฝ้ำเพดำน จะตอ้ งมี
กำรทดสอบเสียก่อน วำ่ ทุกอยำ่ งทำงำนไดด้ ี และอยใู่ นสภำพที่ เรียบร้อยจึงค่อยทำ กำรบฝุ ้ำเพดำนปิ ด
ข้ึนไปมิฉะน้นั หำกเกิดปัญหำ หรือขอ้ ผิดพลำดข้นึ ภำยหลงั อำจจะตอ้ งร้ือฝ้ำเพดำออกเพ่อื ทำกำร
ซ่อมแซม
9.3 การตรวจรับงานสถาปัตยกรรม
ในกำรตรวจงำนสถำปัตยกรรมน้นั มี 2 สิ่งท่ีแตกตำ่ งกนั คือ
1.กำรตรวจสอบเพ่อื กำรใชง้ ำน
2.กำรตรวจสอบเพือ่ ควำมสวยงำม
ยกตวั อยำ่ งเช่น เรำพบวำ่ กระเบ้ืองปูพ้นื ช่ำงไดว้ ำงลำยกระเบ้ืองผิดไปแตก่ ระเบ้ืองแผน่ น้นั อยมู่ มุ หอ้ ง เรำตอ้ งช่ำง
ใจวำ่ จะใหท้ ำงโครงกำรซ่อมดีหรือไม่ ซ่ึงควำมเป็นจริงแลว้ ในกำรแกไ้ ขน้นั อำจทำใหก้ ระเบ้ืองแผน่ ถดั ไปเสีย
หำยไปดว้ ยและเมื่อใชก้ ระเบ้ืองตำ่ งลอ็ ตกนั อำจทำใหส้ ีเพ้ียนไปไดอ้ ีก และในกำรใชง้ ำนจริงแลว้ มุมหอ้ งมกั จะมี
เฟอร์นิเจอร์วำงทบั และไมใ่ ช่จุดที่จะสังเกตเห็นไดง้ ่ำย แต่หำกเป็นกระเบ้ืองแผ่นมุมเป็นโพรงเน่ืองจำกช่ำงใชป้ นู
ไมเ่ ตม็ แผน่ ทำใหใ้ ตก้ ระเบ้ืองบำงส่วนไม่มีเน้ือปูนรองรับ และยงิ่ เป็นแผน่ มุมท่ีมกั จะมีเฟอร์นิเจอร์ท่ีมีน้ำหนกั มำ
วำงแลว้ อำจจะทำใหก้ ระเบ้ืองแตกหรือร้ำวได้
จำกตวั อยำ่ งขำ้ งบนจะเห็นควำมแตกต่ำงของกำรตรวจสอบงำนสถำปัตยกรรมเพื่อกำรใชง้ ำนและกำรตรวจสอบ
งำนสถำปัตยกรรมเพื่อควำมสวยงำม ดังน้ันเม่ือเรำได้ตรวจสอบพบควำมบกพร่องดังกล่ำว เรำควรใช้
วจิ ำรณญำณในกำรตรวจดว้ ยวำ่ ส่ิงใดควรซ่อมสิ่งใดไม่ควรซ่อม เพรำะหำกเรำทู่ซ้ีที่จะซ่อมทุกจุดท่ีบกพร่องแลว้
ผลงำนท่ีออกมำอำจจะไม่ได้ดังใจเรำและบำงทีอำจจะแย่กว่ำเดิมก็ได้ เมื่อเข้ำใจกำรตรวจสอบงำน
สถำปัตยกรรมเบ้ืองตน้ แลว้ ตอ่ ไปจะกล่ำวถึงกำรตรวจสอบงำนสถำปัตยกรรมกนั วำ่ มีอะไรท่ีตอ้ งตรวจสอบบำ้ ง
•งานพื้น โดยทว่ั ไปจะตรวจสอบระดบั ของกำรต่อชนว่ำเสมอหรือเป็ นแอ่งหรือไม่ รำยละเอียดอื่นๆ แบ่งตำม
วสั ดุไดด้ งั น้ี
-พ้ืนปูกระเบ้ือง แกรนิต หรือวสั ดุท่ีตอ้ งใช้ปูนในกำรติดต้งั ควรเคำะดูทุกจุดว่ำกระเบ้ืองโพรงหรือไม่
เพรำะหำกมีกำรรับน้ำหนักของเฟอร์นิเจอร์และกำรเคล่ือนยำ้ ยเฟอร์นิเจอร์แลว้ กระเบ้ืองอำจแตกหรือร้ำวได้
สังเกตยำแนวหำกพ้นื เป็นกระเบ้ืองเซรำมิควำ่ ยำแนวไวต้ ลอดแนวหรือไม่
-พ้นื ลำมิเนต สังเกตลำยพ้ืนและกำรเคลื่อนไหวของพ้นื วำ่ ติดแนบสนิทดีหรือไม่
-พ้ืนไมป้ ำร์เก้ สังเกตสี ลำย และกำรปวู ำ่ เป็นคลื่นลอนหรือไม่
•งานผนัง โดยทวั่ ไปจะตรวจสอบระดบั ของกำรต่อชนว่ำเสมอและไดร้ ะดับหรือไม่ รอยร้ำว แนวด่ิงฉำกของ
ผนงั รำยละเอียดอื่นๆ แบง่ ตำมวสั ดุไดด้ งั น้ี
-ผนงั ฉำบเรียบทำสี เคำะดูวำ่ ผนงั เป็นโพรงหรือไม่ ควำมสม่ำเสมอและควำมเรียบเนียนของสี
-ผนงั บุ wallpaper เคำะดูวำ่ ผนงั เป็นโพรงหรือไม่ สังเกตรอยต่อวำ่ กำวติดแนบสนิทดีมีรอยยน่ หรือไม่
-ผนังบุกระเบ้ือง ตรวจสอบเช่นเดียวกับพ้ืน และสังเกตขอบมุมกระเบ้ืองว่ำปูไวส้ นิทดีหรือไม่ ห้อง
ตวั อยำ่ งใชต้ ่อชนธรรมดำ ต่อชน 45 องศำ หรือใชจ้ มูกpvc สงั เกตกำรตอ่ ชนของวสั ดุ
•บวั เชิงผนงั และเพดำน โดยทวั่ ไปจะตรวจสอบควำมเรียบร้อยของกำรต่อชน กำรเกบ็ รอยตะปู กำรต่อชนตำม
เหล่ียมผนงั ควำมสม่ำเสมอของสีและวสั ดุ
•ฝ้ำเพดำน โดยทวั่ ไปจะตรวจสอบควำมสม่ำเสมอของสี วสั ดุทำฝ้ำเพดำนแบง่ เป็น
-ฉำบเรียบ ตรวจสอบงำนฉำบแตง่ รอยต่อและสงั เกตวำ่ มีรอยร้ำวของรอยต่อหรือไม่
-ฝ้ำทีบำร์ ตรวจสอบระดบั ของทีบำร์วำ่ ไดร้ ะดบั เทำ่ กนั ไม่ตกทอ้ งชำ้ ง สงั เกตควำมเรียบร้อยของกำรวำง
แผน่ ทีบำร์
•งานประตู-หน้าต่าง แบ่งตรวจสอบดังนี้
-อุปกรณ์ประตู-หนำ้ ต่ำง ตรวจสอบควำมเรียบร้อยในอปุ กรณ์ท่ีใชร้ ่วมกบั ประตู-หนำ้ ตำ่ ง เช่น ลกู บิด
บำนพบั มือจบั กลอน รำงเลื่อน โดยตรวจสอบสภำพโดยทว่ั ไปลองทดสอบใชง้ ำนหลำยๆ คร้ัง ตรวจดูยหี่ อ้ วำ่
ตรงตำมหอ้ งตวั อยำ่ งหรือไม่
-บำนประตู-หนำ้ ต่ำง ดูควำมเรียบร้อยของสภำพบำน เอียงบีดเบ้ียวหรือไม่ ควำมสม่ำเสมอของสี หรือ
หำกมีกระจกตรวจสอบวำ่ มีรอยร้ำว รอยบ่ินหรือไม่ ทดลองเปิ ดปิ ดหลำยๆ คร้ัง
-วงกบ ตรวจสอบขนำด ควำมเรียบร้อยของสีและกำรติดต้งั
ขำ้ งตน้ เป็นกำรตรวจสอบคอนโดมิเนียมหรือบำ้ นพกั อำศยั ในงำนสถำปัตยกรรมเบ้ืองตน้ เท่ำน้นั ซ่ึงรำยละเอียด
ปลีกยอ่ ยมีมำกมำยท่ียงั ไมไ่ ดก้ ลำ่ วอำทิเช่น งำนไฟฟ้ำ งำนประปำ งำนสุขำภิบำล งำนใตห้ ลงั คำ หรืองำนเหนือ
ฝ้ำ ในกำรตรวจสอบน้นั ผูต้ รวจสอบควรมีควำมรู้และประสบกำรณ์ในงำนก่อสร้ำงจึงสำมำรถตรวจสอบไดอ้ ยำ่ ง
ครบถว้ น เพรำะที่อยอู่ ำศยั แต่ละหลงั น้นั ไมใ่ ช่ถูกๆ เลย กำรจะเสียเงินเลก็ นอ้ ยไม่ถึง 1% ของรำคำท่ีพกั อำศยั น้นั
ถือวำ่ คมุ้ คำ่ กบั กำรเสียไปเป็นอยำ่ งยงิ่
ใบงานท่ี 9 หน่วยที่ 9
สอนคร้ังที่9
วชิ า การควบคุมและวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวชิ า 30121-2101 เวลา 3 ชั่วโมง
ช่ือหน่วย งานสถาปัตยกรรม
ช่ืองาน งานสถาปัตยกรรม
จุดประสงค์
เมื่อฝึกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้พ้นื ฐำนเก่ียวกบั กำรตรวจงำนสถำปัตยกรรมได้
2. อธิบำยกำรตรวจสอบขณะเตรียมกำรก่อสร้ำงและขณะทำกำรก่อสร้ำงได้
3. อธิบำยกำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรมได้
เคร่ืองมือ - อปุ กรณ์
1.เอกสำรใบงำน
ลาดับข้ันการปฏิบัติงาน
1. ครูบอกประโยชนข์ องงำนสถำปัตยกรรม
2. ครูอธิบำยข้นั ตอนปฏิบตั ิงำนดำ้ นสถำปัตยกรรมแต่ล่ะดำ้ น
4. ใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิตำมใบงำน
5. ใหน้ กั ศึกษำสรุปประโยชนแ์ ละควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั งำนสถำปัตยกรรม
การประเมินผล
1. นกั ศึกษำสำมำรถอธิบำยเก่ียวกบั งำนสถำปัตยกรรมได้
2.ประเมินผลจำกผลกำรปฏิบตั ิใบงำน
แบบประเมนิ ผลก่อนเรียนหน่วยท่ี 9 เร่ือง งานสถาปัตยกรรม
คาส่ัง จงอธิบำยในหวั ขอ้ ต่ำงๆดงั ต่อไปน้ี
1. จงอธิบำยเก่ียวกบั องคป์ ระกอบสำคญั ของงำนทำงดำ้ นสถำปัตยกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………
2. รำยละเอียดและขอ้ ควรตรวจสอบของงำนสถำปัตยกรรมมีอะไรบำ้ งจงอธิบำย
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………
3.จงอธิบำยเกี่ยวกบั กำรติดต้งั วงกบประตุและหนำ้ ตำ่ ง
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………
4 จำกรูปขำ้ งลำ่ งจงอธิบำยข้นั ตอนในกำรติดต้งั มำพอเขำ้ ใจ
……………………… …………………….. ……………………... ……………………
……………………… …………………….. ……………………… ……………………
……………………… …………………….. ………………………. ……………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
5. จงอธิบำยและยกตวั อยำ่ งเกี่ยวกบั กำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรมมำอยำ่ งละเอียด
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………….............................................................................
แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหน่วยท่ี 9 เรื่อง งานสถาปัตยกรรม
คาส่ัง จงอธิบำยในหวั ขอ้ ต่ำงๆดงั ต่อไปน้ี
1. จงอธิบำยเก่ียวกบั องคป์ ระกอบสำคญั ของงำนทำงดำ้ นสถำปัตยกรรม
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………
2. รำยละเอียดและขอ้ ควรตรวจสอบของงำนสถำปัตยกรรมมีอะไรบำ้ งจงอธิบำย
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………
3.จงอธิบำยเกี่ยวกบั กำรติดต้งั วงกบประตแุ ละหนำ้ ต่ำง
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………
4 จำกรูปขำ้ งล่ำงจงอธิบำยข้นั ตอนในกำรติดต้งั มำพอเขำ้ ใจ
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
……………………… …………………….. ……………………... ………………………
……………………… …………………….. ……………………… ………………………
……………………… …………………….. ………………………. ………………………
5. จงอธิบำยและยกตวั อยำ่ งเกี่ยวกบั กำรตรวจรับงำนสถำปัตยกรรมมำอยำ่ งละเอียด
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………....................................
แผนการจัดการเรียนรู้
วชิ า การควบคมุ และวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวชิ า 30121-2101
หน่วยท่ี 10 เร่ือง งานสุขาภบิ าล เวลา 3 ชั่วโมง
หัวเรื่อง-หวั ข้อย่อย
10.1 ควำมรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั ระบบสุขำภิบำล
10.2 ตรวจสอบก่อนกำรก่อสร้ำง
10.3 กำรตรวจสอบขณะทำกำรก่อสร้ำง
สาระสาคญั
1. ระบบสุขำภิบำลเป็นงำนของอำคำรท่ีประกอบดว้ ยระบบยอ่ ยๆหลำยระบบ โดยมีงำนที่เก่ียวขอ้ งกบั
กำรเดินท่อเป็นส่วนสำคญั ผูค้ วบคุมและตรวจงำนตอ้ งเลือกประเภทของท่อ รวมท้งั วิธีกำรต่อท่ีและกำรยดึ ท่อ
ที่เหมำะสม นอกจำกน้ี ยงั จะตอ้ งมีควำมรู้ประกอบ ไดแ้ ก่ สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นงำนท่อและควำมรู้พ้ืนฐำนทำงชล
ศำสตร์
2. กำรตรวจสอบงำนสุขำภิบำลจะตอ้ งเตรียมกำรต้งั แตก่ ่อนกำรก่อสร้ำง โดยผคู้ วบคมุ และตรวจงำน
จะตอ้ งศึกษำและตรวจสอบแบบรูปและรำยกำรละเอียดประกอบแบบที่เกี่ยวขอ้ งกบั งำนระบบสุขำภิบำลแบบ
ขยำยจริง ตลอดจนแผนกำรทำงำนของผรู้ ับเหมำช่วงงำนสุขำภิบำล และตอ้ งตรวจวสั ดุอปุ กรณ์ที่จะนำมำใช้
งำน
3. ในขณะทำกำรก่อสร้ำง กำรตรวจสอบงำนสุขำภิบำลจะตอ้ งทำอยำ่ งสม่ำเสมอ โดยจะตอ้ งตรวจสอบ
เฉพำะระบบแตล่ ะระบบ ตรวจสอบทวั่ ไป และตรวจสอบข้นั สุดทำ้ ยเพ่อื กำรส่งมอบงำน ซ่ึงจะตอ้ งมีกำร
ทดสอบกำรทำงำนของระบบดว้ ย
จุดประสงค์การเรียน การสอน
จุดประสงค์ทวั่ ไป
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั ระบบสุขำภิบำลได้
2. อธิบำยกำรตรวจสอบก่อนกำรก่อสร้ำงได้
3. อธิบำยกำรตรวจสอบขณะทำกำรก่อสร้ำงได้
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1.อธิบำยควำมหมำยและขอบเขตของระบบสุขำภิบำลได้
2.อธิบำยประเภทของท่อท่ีใชใ้ นงำนสุขำภิบำล กำรต่อท่อและกำรยดึ ทอ่ ได้
3.อธิบำยควำมรู้ประกอบกำรตรวจงำนสุขำภิบำลได้
กจิ กรรมการเรียน- การสอน
กจิ กรรมครู กจิ กรรม การสอน
ข้นั นำ
อธิบำยควำมควำมหมำย ควำมสำคญั ประโยชน์ ของงำนระบบสุขำภิบำลเพอ่ื นำเขำ้ สู่บทเรียน
ข้นั ใหข้ อ้ มูล
1.อธิบำย ควำมหมำย ควำมสำคญั เน้ือหำสำระ เรื่องงำนระบบสุขำภิบำลหวั ขอ้ ตำ่ งๆในเอกสำร
ประกอบกำรสอน
2. อธิบำยกระบวนกำรงำนก่อสร้ำง ควำมรู้พ้ืนฐำน หนำ้ ท่ี และหลกั ระบบสุขำภิบำล
3. มอบหมำยงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิงำน ตำมใบงำน และควบคมุ ดูแลกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
4. ตรวจผลงำนกำรปฏิบตั ิงำน และรำยงำนกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
ข้ันสรุป
สรุปสำระสำคญั เรื่องหลกั ปฏิบตั ิในระบบสุขำภิบำลและสรุปผลจำกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำน
กจิ กรรมนกั ศึกษา กจิ กรรม การเรียน
1. บอกจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
2. ครูบรรยำยสำระสำคญั
3. นกั เรียนทำกำรอภิปรำยกล่มุ ยอ่ ย
4. นกั เรียนทำกิจกรรมตำมท่ีครูมอบหมำย
5. ครุและนกั เรียนช่วยกนั สรุป
6.นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครุมอบหมำย
7.นกั เรียนทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ส่ือการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนวิชำกำรควบคุมและวำงแผนกำรก่อสร้ำงงำนโยธำ
2. สื่อแผน่ ใส และสื่อนำเสนอ (Presentation)
3. ส่ือ power point
4.ใบงำน
5.แบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ประเมนิ ผล
1. แบบประเมินผลหลงั กำรเรียน
2. ประเมินผลจำกใบงำน
3. กำรทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
บรรณานุกรม
คมู่ ือเล่มท่ี 2 สำหรับผูอ้ อกแบบและผผู้ ลิตระบบบำบดั น้ำเสียแบบติดกบั ท่ี, กรมควบคุมมลพษิ 2537
บนั ทกึ หลงั การสอน
หน่วยที่ 10
งานสุขาภบิ าล
10.1 ความรู้ทว่ั ไปเกย่ี วกบั ระบบสุขาภิบาล
10.1.1 ระบบสุขาภบิ าล คืออะไร
ระบบสุขำภิบำลในบำ้ น ประกอบไปดว้ ย ระบบประปำ, ระบบท่อระบำยน้ำทิ้ง, ระบบท่อระบำยอำกำศ
, ระบบระบำยน้ำฝน และระบบบำบดั น้ำเสีย เป็ นตน้ จะเห็นไดว้ ่ำถำ้ เปรียบบำ้ นเป็ นคน รูปร่ำง ควำมสวยงำม
เป็ นงำนในส่วนสถำปัตยกรรม ระบบสุขำภิบำลก็จะเป็ นอวยั วะภำยในท่ีทำหน้ำที่ในร่ำงกำยของเรำ ท้งั สูบฉีด
เลือดหล่อเล้ียงร่ำงกำย และขบั ถ่ำยระบำยของเสียออกจำกร่ำงกำย หำกระบบมีปัญหำเช่ือไดว้ ำ่ เจำ้ ของบำ้ นคงอยู่
ไมเ่ ป็นสุข ดงั น้นั กำรออกแบบที่ดี กำรเลือกใชว้ สั ดุอุปกรณ์ที่เหมำะสม กำรติดต้งั ที่ถกู ตอ้ งจึงเป็นเร่ืองสำคญั มำก
10.2.2 ปัญหาใดบ้างทีเ่ จอบ่อยๆ และมแี นวทางการแก้ไขอย่างไร
ปัญหำท่ีเจอกจ็ ะซ้ำๆ กนั เช่น
- ท่อร่ัว, ทอ่ แตกใตด้ ิน, ใตอ้ ำคำร, ในกำแพง
- หอ้ งน้ำช้นั ล่ำงอืดชกั โครกไมล่ ง
- เคร่ืองสูบน้ำ สูบน้ำไมข่ ้นึ , หรือทำงำนไมห่ ยดุ หรือเดิน-หยดุ , เดิน-หยดุ ตลอด
- หอ้ งน้ำมีกลิ่นเหมน็ ตลอดเวลำ
10.3.3 การออกแบบและการเลือกวัสดุ
ระบบประปำ จะใหแ้ นวคดิ ง่ำยๆ เป็นขอ้ ๆ ดงั น้ี
• ไม่ควรเดินท่อประปำฝังดินให้เดินลอยเลำะร้ัวบำ้ น, หลีกเลี่ยง (ห้ำม) เดินท่อประปำใตบ้ ำ้ น
หำกมีควำมจำเป็นตอ้ งเดินลอดถนนให้ฝังปลอกท่อเหลก็ ใตถ้ นน หรือตอ้ งฝังดินเขำ้ ตวั บำ้ นก็
ใหใ้ ส่ประตูไวท้ กุ จุด เพื่อควำมสะดวกในกำรตรวจสอบและซ่อมแซมภำยหลงั
• หำกมีควำมจำเป็ นตอ้ งใชเ้ คร่ืองสูบน้ำ เพื่อให้มีแรงดันมำกข้ึน ตอ้ งออกแบบให้มีถงั เก็บน้ำ
และใหเ้ ดินทอ่ จำกกำรประปำมำจ่ำยน้ำใหถ้ งั เกบ็ น้ำ และใหส้ ูบน้ำจำกถงั เก็บน้ำน้ีเท่ำน้นั หำ้ ม
สูบน้ำจำกท่อท่ีต่อกบั ท่อของกำรประปำโดยตรง ซ่ึงผิดท้งั หลกั วิชำกำร และยงั ผิดกฎหมำย
ดว้ ยซ้ำ
• ถงั เก็บน้ำก็จะตอ้ งมีขนำดเหมำะสมกบั ขนำดของบำ้ น, จำนวนคนท่ีอำศยั อยู่ ตลอดจนควำม
แน่นอนของกำรจ่ำยน้ำประปำให้กบั บำ้ นเรำ โดยปกติก็จะให้มีขนำดท่ีจุน้ำไวใ้ ช้ได้ 1-2 วนั
โดยที่ไม่มีน้ำจำกกำรประปำเติมเลย มีขอ้ แนะนำท่ีสำคญั อีกเรื่องหน่ึงก็คือ ไม่แนะนำให้เอำ
ถงั เกบ็ น้ำฝังดิน เพรำะยำกตอ่ กำรดูแลรักษำ ท้งั เรื่องควำมสะอำดและกำรรั่วซึม รวมท้งั เครื่อง
สูบน้ำอำจจะสูบน้ำไมข่ ้ึนไดง้ ่ำยดว้ ย
• ท่อประปำในบำ้ นผมแนะนำให้เลือกใชท้ ่อพีวีซีช้ัน 13.5 เหตุผลง่ำยๆ ก็คือ รำคำถูก ต่อง่ำย
ไม่เป็นสนิมอำยยุ นื แต่มีขอ้ ควรระวงั เอำใจใส่ในกำรติดต้งั ดงั น้ี
1. กำรตดั ตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือให้เหมำะสมให้แน่ใจว่ำตดั ไดฉ้ ำก และควรลบเหล่ียมท่ีปลำยท่อ
(Taper) กำรทำกำวให้ทำที่ท่อในปริมำณที่เหมำะสม ทำใหต้ ลอดควำมยำวของท่อที่จะดนั เขำ้
ไปในขอ้ ต่อ ถำ้ ทำส้ันกวำ่ ก็จะดนั เขำ้ ไปในขอ้ ต่อไดเ้ ท่ำกบั ส่วนท่ีทำกำวไว้ ปลำยท่อท่ีทำกำว
ตอ้ งสะอำด
2. ขอ้ ต่อเกลียวที่ต่อกบั วำลว์ หรืออุปกรณ์ของสุขภณั ฑท์ ่ีเป็นโลหะไมค่ วรใชเ้ กลียวพลำสติก
เพรำะเม่ือหมนุ คลำยออกเม่ือไร เกลียวพลำสติกจะเสียทำใหน้ ้ำร่ัวได้ ถำ้ อยใู่ นกำแพงก็จะเป็น
เรื่องใหญ่ ใหใ้ ชเ้ กลียวท่ีเป็นโลหะแทน
3. กำรยดึ ท่อที่เดินไวใ้ ห้มน่ั คง เท่ำที่ดูงำนบำ้ นทวั่ ไปจะละเลยขอ้ น้ีมำก อำจจะทำให้ท่อขยบั
ตวั , สน่ั กระแทกกบั โครงสร้ำงทำใหร้ ่ัวซึมภำยหลงั ได้
4. สำหรับท่อท่ีจะต่อกบั เครื่องทำน้ำร้อน ควรใชท้ ่อทองแดง เพรำะท่อพีวีซี ไม่ สำมำรถใช้
กบั น้ำร้อนได้
• กำรเลือกเคร่ืองทำน้ำร้อน เคร่ืองทำน้ำร้อนขนำดเล็กส่วนใหญ่ท่ีใชต้ ำมบำ้ นจะเป็นแบบที่ไม่
มีหมอ้ พกั คือจะอำบน้ำร้อนก็เปิ ดน้ำให้น้ำไหลผ่ำนเคร่ืองทำน้ำร้อน ซ่ึงมีคอยลท์ ำควำมร้อน
ดว้ ยไฟฟ้ำอยู่ ทำให้น้ำร้อนข้ึนทนั ที แลว้ จ่ำยน้ำร้อนออกมำ เคร่ืองทำควำมร้อนแบบน้ี จะแบ่ง
ไดเ้ ป็น 2 ชนิดหลกั ๆ ข้นึ อยกู่ บั กำลงั ไฟฟ้ำที่ใช้ คือ
1. เคร่ืองทำน้ำอนุ่ จะใชก้ ำลงั ไฟฟ้ำอยทู่ ี่ประมำณ 3 กิโลวตั ต์ ส่วนใหญจ่ ะมีฝักบวั แถมมำให้เลย ไมต่ อ้ งมี
ก๊อกผสม มีสวิทซ์ปิ ด-เปิ ดเครื่องในตวั จะอำบน้ำอุ่นก็เปิ ดสวิทซ์ หำกอยำกจะอำบน้ำเยน็ ก็ปิ ดสวิทซ์ มี
ตวั ปรับกำลงั ไฟใหน้ ้ำอนุ่ นอ้ ยมำกตำมชอบใจ ติดต้งั เครื่องทำน้ำอ่นุ บริเวณท่ีอำบน้ำเลย
2. เครื่องทำน้ ำร้อนจะใช้กำลังไฟฟ้ำอยู่ท่ีประมำณ 6 กิโลวตั ต์ข้ึนไป ซ่ึงทำให้น้ ำจะร้อนเกินไป
จำเป็ นตอ้ งมีน้ำเยน็ มำผสมนอ้ ย-มำกตำมควำมชอบ ตำแหน่งที่ติดต้งั สำมำรถซ่อนไวใ้ ตเ้ คำน์เตอร์อ่ำง
ลำ้ งหน้ำ หรือบนฝ้ำ (ตอ้ งเปิ ดซ่อมได)้ หรือติดท่ีผนงั ห้องน้ำเลยก็ได้ แต่ตอ้ งใกลก้ บั จุดใช้งำนให้มำก
ที่สุด สำหรับหอ้ งน้ำที่มีอ่ำงอำบน้ำและเจำ้ ของมีรสนิยมชอบนอนแช่น้ำร้อนจดั ขนำด 6 กิโลวตั ตอ์ ำจจะ
เล็กไป ตอ้ งใชแ้ บบ 8 กิโลวตั ตข์ ้ึนไปแทน ท้งั น้ีตอ้ งระวงั และเตรียมขนำดสำยไฟฟ้ำที่จะมำจ่ำยให้กบั
เครื่องทำน้ำร้อนน้ีใหม้ ีขนำดเหมำะสมดว้ ย
ท้งั สองประเภทควรเลือกชนิดที่มีเคร่ืองมือตดั ไฟร่ัวในตวั อยดู่ ว้ ย (Earth Leakage) เลือกยหี่ อ้ ที่มีช่ือเสียง
หรือมีมำตรฐำนรับรอง เพรำะเป็นห่วงเรื่องไฟร่ัวมำก ของใหม่ๆ ก็ไม่เทำ่ ไร นำนๆ ไปอำจสร้ำงปัญหำใหเ้ รำได้
ท่ีสำคญั อีกเร่ืองหน่ึงก็ กำรต่อสำยไฟเขำ้ กบั เครื่องทำน้ำร้อน ตอ้ งมนั่ ใจวำ่ น้ำจะไมเ่ ขำ้ ไปถกู ข้วั ที่ต่อไฟฟ้ำ
เรื่องการระบายน้าทงิ้
• กำรออกแบบระบบท่อน้ำทิ้งน้ันใช้หลกั กำรว่ำ น้ำไหลจำกท่ีสูงลงสู่ที่ต่ำ คำนวณขนำดท่อ
และควำมลำดเอียงให้เหมำะสม เพ่ือให้น้ำไหลในท่อไดเ้ ร็วพอท่ีจะพำขยะ สิ่งโสโครกที่เรำ
ขบั ถ่ำยปกติไปสู่บ่อน้ำเสียไดโ้ ดยสะดวก ดงั น้ันกำรเดินท่อแนวนอนตอ้ งมีควำมลำดเอียงลง
อยำ่ งนอ้ ย 1:100 (1 เมตร/1 ซม.) จำกห้องน้ำไปยงั บ่อบำบดั น้ำเสีย จำกบ่อบำบดั น้ำเสียไปท่อ
ระบำยน้ำฝนรอบบำ้ น และจำกท่อระบำยน้ำฝนไปยงั แหล่งปล่อยน้ำทิ้งตลอดแนวท่อระบำย
น้ำ วิศวกรผูอ้ อกแบบจะตอ้ งสำรวจและไล่ระดบั จำกตน้ จนปลำยให้ได้ หำกมีควำมจำเป็ นก็
อำจจะตอ้ งยกตวั บำ้ นให้สูงข้ึน หรือทำบ่อพกั และสูบน้ำทิ้งออกไปสู่ท่อระบำยน้ำสำธำรณะ
อุปกรณ์ขอ้ ต่อท่ีใชต้ อ้ งเป็นแบบท่ีใชส้ ำหรับกำรระบำยน้ำทิ้งเท่ำน้นั ห้ำมใชข้ อ้ ต่อประปำซ่ึง
จะมีควำมโคง้ นอ้ ย
• สำหรับเร่ืองกลิ่นน้นั อุปกรณ์ทุกชนิดท่ีต่อกบั ท่อระบำยน้ำทิ้งจะตอ้ งมีที่ดกั กล่ิน (คอห่ำน) ที่
ไดม้ ำตรฐำนทกุ ตวั ตวั ไหนไม่มี หรือท่ีดกั กล่ินไมด่ ีกลิ่นที่ไม่ปรำรถนำกจ็ ะมำเยอื นไดเ้ สมอ ที่
ดกั กล่ินหรือ P-Trap ออกแบบใหม้ ีน้ำขงั กนั อยรู่ ะหวำ่ งท่อกบั ตวั สุขภณั ฑ์ กนั ไม่ไห้กลิ่นผำ่ น
น้ำมำได้ ที่ดกั กลิ่นท่ีดีตอ้ งมีคุณสมบตั ิหลกั คือ สำมำรถขงั น้ำไดส้ ูงพอประมำณและสำมำรถ
ถอดลำ้ งเอำขยะออกไดส้ ะดวก สุขภณั ฑท์ ี่ขำยโดยส่วนใหญ่จะมีท่ีดกั กล่ินในตวั เช่น โถส้วม
หรือจะให้มำพร้อมกบั สุขภณั ฑ์ เช่น อ่ำงลำ้ งหน้ำ, อ่ำงอำบน้ำ หำกไม่มีหรือไม่ให้มำ ก็ตอ้ ง
ซ้ือเพ่ิม เช่น อ่ำงลำ้ นจำน (Sink) สำหรับช่องระบำยน้ำท่ีพ้ืน (Floor Drain) น้ัน เป็ นปัญหำ
หลกั ท่ีทำให้เกิดกล่ิน ควรติดต้งั P-Trap ใตช้ ่องระบำยน้ำทุกตวั เนื่องจำกสินคำ้ ที่ขำยทวั่ ไปที่
มีดกั กล่ินที่ต้ืนเกินไป ทำให้น้ำที่ขงั อยแู่ หง้ ไดง้ ่ำย ขอย้ำอีกคร้ัง สุขภณั ฑท์ ุกตวั ตอ้ งมีท่ีดกั กลิ่น
(P-Trap)
ระบบกาจดั น้าเสียสาหรับบ้าน
น้ำท่ีผำ่ นกำรใชใ้ นกำรอปุ โภคและ บริโภคแลว้ น้นั จะแปรสภำพกลำยเป็น น้ำเสีย เน่ืองจำกมีกำรปนเป้ื อน สิ่ง
สกปรกตำ่ ง ๆ โดยทวั่ ไป น้ำเสียจะแบง่ ไดเ้ ป็น 2ประเภทคือ
1) น้ำทิ้ง (Waste Water)
คือ น้ำเสียจำกกำรชำระลำ้ งอำบน้ำ โดยจะระบำยสู่สำธำรณะโดยแรงโนม้ ถว่ ง โดยท่อควรมีควำมลำดเอียงอยำ่ ง
นอ้ ย 1:100 รวมท้งั ตอ้ งมีทอ่ อำกำศ เพ่ือใหอ้ ำกำศในท่อ มีทำงระบำย เพอ่ื กำรไหลท่ีดี และมีจุดเปิ ด (Clean Out)
เพอื่ ทำควำมสะอำดในกรณี เกิดกำร อดุ ตนั บริเวณจุดหกั จุดเล้ียวของทอ่ ส่วนน้ำทิ้ง จำกครัวน้นั ควรมีบ่อดกั ขยะ
และไขมนั (Grease Trap) ก่อนระบำยสู่ทำงสำธำรณะ เพ่ือป้องกนั กำรอดุ ตนั
2) น้ำโสโครก (Soil Water)
คอื น้ำเสียจำกสุขภณั ฑต์ ำ่ ง ๆ เช่นโถปัสสำวะสว้ ม ส่วนมำกท่อจะแยกออกจำกน้ำทิ้ง เพื่อลดปัญหำเร่ืองกลิ่น
โดยน้ำโสโครก จะตอ้ งมีกำรบำบดั ก่อนระบำยสู่สำธำรณะ ตำมมำตรฐำน หรือกฏกระทรวงฉบบั ท่ี 44 (พ.ศ.
2538)
ระบบบาบัดนา้ เสีย (WastewaterTreatment System)
ระบบน้ำเสียมีหนำ้ ที่หลกั คือ บำบดั น้ำเสียโดยระบบท่ีนิยมใชค้ ือ Activated Sludge เป็นกำรใชจ้ ุลชีพทำหนำ้ ท่ี
ยอ่ ยสลำยของเสียในน้ำ โดยน้ำเสียที่บำบดั เรียบร้อยแลว้ น้นั จะสำมำรถนำกลบั มำใชไ้ ดอ้ ีก เช่น กำรรดน้ำตน้ ไม้
เป็ นตน้
บ่อเกรอะ – บ่อซึม
เป็นระบบบำบดั น้ำเสีย ท่ีนิยมใชก้ นั โดยทว่ั ไป และนิยมใชม้ ำนำนแลว้ วิธีกำรก่อสร้ำงมีดงั น้ี คอื ใชถ้ งั คอนกรีต
สำเร็จรูป ทรงกระบอก มำต่อ ๆ กนั ฝังในดิน จำนวน 2 บ่อบ่อท่ี 1 รับน้ำมำจำกแหลง่ น้ำเสียต่ำง ๆแลว้ จะมีกำร
บำบดั โดยธรรมชำติ น้ำส่วนท่ีลน้ ออกมำจำกถงั ท่ี 1 จะเขำ้ ไปในถงั ที่ 2 คือ บ่อซึม แลว้ จะมีกำรกระจำยน้ำ
ออกไปตำมดินโดยรอบ ขอ้ เสียของกำรใชบ้ ่อเกรอะบ่อซึมคือ จะตอ้ งต้งั อยหู่ ่ำงจำก แหล่งน้ำท่ีใชใ้ นกำรอปุ โภค
บริโภคทวั่ ไป เพรำะควำมสกปรก จะกระจำย มำตำมดินได้ และในกรณีท่ีมีน้ำใตด้ ินสูง ก็ไมอ่ ำจใชบ้ อ่ เกรอะ
และบ่อซึม ไดเ้ พรำะน้ำในบ่อซึม จะไม่สำมำรถซึมออกไปในดินได้ และเม่ือถึงเวลำเตม็ จะตอ้ งมีกำรดูดส่ิง
ปฏิกลู จำกบ่อเกรอะออกไปทิ้งดว้ ยมิฉะน้นั จะใชง้ ำนไมไ่ ด้
ถงั บาบดั สาเร็จรูป
ในปัจจุบนั มีควำมนิยมใชถ้ งั บำบดั น้ำเสียสำเร็จรูป ในกำรใชบ้ ำบดั น้ำเสียทว่ั ไป เพรำะ
ติดต้งั สะดวกสำมำรถแกป้ ัญหำ เร่ืองน้ำใตด้ ิน เร่ืองส่ิงปฏิกูลเตม็ บ่อออกไปได้ ถงั บำบดั
น้ำเสียสำเร็จรูป มีส่วนประกอบคือ มีตวั ถงั ทำจำกไฟเบอร์กลำส หรือวสั ดุอื่นที่คงทน
ภำยใน จะมีระบบ กำรยอ่ ยสลำย สิ่งปฏิกลู และระบบระบำยน้ำทิ้งอยใู่ นถงั เดียวกนั ถงั
บำบดั น้ำเสียสำเร็จรูป ที่ทำขำยตำมทอ้ งตลำด มีหลำย ขนำดใหเ้ ลือก เรำเพียงแต่เลือก
ขนำด ใหเ้ หมำะกบั จำนวนคนท่ีจะใชง้ ำน ก็สำมำรถติดต้งั และใชง้ ำนได้ เพียงแตว่ ำ่ จะ
เสียค่ำใชจ้ ่ำยสูงกวำ่ กำรทำบ่อเกรอะบ่อซึม ....
บ่อเกรอะมีลกั ษณะเป็นบอ่ ปิ ด ซ่ึงน้ำซึมไม่ไดแ้ ละไมม่ ีกำรเติมอำกำศ ดงั น้นั สภำวะในบ่อจึงเป็นแบบไร้อำกำศ
(Anaerobic) โดยทวั่ ไปมกั ใชส้ ำหรับกำรบำบดั น้ำเสียจำกส้วม แต่จะใชบ้ ำบดั น้ำเสียจำกครัวหรือน้ำเสียอ่ืนๆ ดว้ ยก็
ได้
ถำ้ หำกสิ่งที่ไหลเขำ้ มำในบอ่ เกรอะมีแต่อุจจำระหรือสำรอินทรียท์ ่ียอ่ ยงำ่ ย หลงั กำรยอ่ ยแลว้ กจ็ ะกลำยเป็น กำ๊ ซกบั
น้ำและ กำกตะกอน (Septage) ในปริมำณที่นอ้ ยจึงทำใหบ้ อ่ ไมเ่ ตม็ ไดง้ ำ่ ย (อตั รำกำรเกิดกำกตะกอนประมำณ 1
ลิตร/คน/วนั ) แตอ่ ำจตอ้ งมีกำรสูบกำกตะกอนในบอ่ เกรอะ (Septage) ออกเป็นคร้ังครำว (ประมำณปี ละหน่ึงคร้ัง
สำหรับ บอ่ เกรอะ มำตรฐำน) แต่ถำ้ หำกมีกำรทิง้ สิ่งท่ียอ่ ย หรือ สลำยยำก เช่น พลำสติก ผำ้ อนำมยั กระดำษชำระ
ส่ิงเหลำ่ น้ี จะยงั คงคำ้ งอยใู่ นบอ่ และทำใหบ้ อ่ เตม็ ก่อนเวลำอนั สมควร เพอ่ื ใหบ้ ่อเกรอะสำมำรถใชง้ ำนไดอ้ ยำ่ งมี
ประสิทธิภำพ
เน่ืองจำกประสิทธิภำพใน กำรบำบดั น้ำเสีย ของ บ่อเกรอะ ไมส่ ูงนกั คือประมำณร้อยละ 40 - 60 ทำใหน้ ้ำทิง้ จำก
บอ่ เกรอะ ยงั คงมี ค่ำบีโอดี สูงเกินคำ่ มำตรฐำนท่ีกฎหมำยกำหนดไว้ จึงไมส่ ำมำรถ ปลอ่ ยทิง้ แหล่งน้ำธรรมชำติ
หรือ ท่อระบำยน้ำสำธำรณะ ได้ จึงจำเป็นจะตอ้ งผำ่ น ระบบบำบดั ข้นั สองเพ่ือลด ค่ำบีโอดี ต่อไป
10.2 การตรวจสอบขณะทาการก่อสร้าง
ตรวจสอบอุปกรณ์ภำยในบำ้ นโดยปิ ดก๊อกท่ีมีอยู่ท้งั หมดแลว้ สังเกตที่มำตรวดั น้ำถำ้ ตวั เลขเคลื่อนแสดงว่ำ มีกำร
รั่วไหลเกิดข้ึน ซ่ึงอำจเกิดจำกกำรร่ัวซึม หรือมีอุปกรณ์ บำงอย่ำงแตกหักหรือชำรุด ก็จดั กำรหำช่ำงมำแก้ไขให้
เรียบ ร้อย นอกจำกภำยใน บำ้ นแลว้ ยงั สำมำรถตรวจสอบกำรร่ัว ไหลของน้ำในเส้นท่อท่ีอยูน่ อกบำ้ น โดยสังเกต
พ้ืนดินบริเวณ ท่อแตกร่ัวน้ัน จะมีน้ำซึมอยู่ตลอดเวลำ และบริเวณน้ันจะทรุดตวั ต่ำกว่ำท่ีอื่นน่ันคือสำเหตุที่ทำให้
น้ำประปำไหลอ่อนลงก็ควรแจง้ ไปยงั สำนกั งำนประปำ ในเขตน้นั
- โถสว้ มชนิดนง่ั ยอง
ขอ้ ดี รำคำถกู ประหยดั น้ำ ดูแลรักษำงำ่ ย ไมม่ ี อุปกรณ์ซับซอ้ น
ขอ้ เสีย กำรใชง้ ำนไม่สะดวก ไมเ่ หมำะกบั ผสู้ ูงอำยุ ดูไม่ภูมิฐำน มีแบบใหเ้ ลือกจำกดั
- โถสว้ มชนิดนงั่ รำบ
ขอ้ ดี ดูหรูหรำน่ำภมู ิฐำน ใชง้ ำนไดส้ ะดวกสบำย มี สีสนั และแบบใหเ้ ลือกมำกมำย
ขอ้ เสีย ไม่ค่อยประหยดั น้ำ มีรำคำแพงกวำ่ อุปกรณ์ ซบั ซอ้ น จะมีปัญหำในกำรซ่อม แซม และดูแลรักษำ
- ระบบนา้ ท่ีใช้กบั โถส้วม
ระบบน้ำท่ีใชแ้ บง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ