……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………….
4.จงบอกขอบเขตรำยกำรต่ำงๆในกำรประมำณรำคำเหลก็ เสริมคอนกรีตมำอยำ่ งนอ้ ย 4 อยำ่ ง
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………….
5.งำนเหลก็ เสริมคอนกรีต สำมำรถแบ่งไดต้ ำมลกั ษณะงำนดงั ต่อไปน้ี
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………..
แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหน่วยที่ 5 เรื่อง งานเหลก็ เสริมคอนกรีต
คาส่ัง จงอธิบำยหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. จงบอกควำมรู้พ้นื ฐำนเกี่ยวกบั กำรเสริมเหลก็ มำพอเขำ้ ใจ(อยำ่ งนอ้ ย10 บรรทดั )
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…….
2.จงบอกรำยกำรตรวจสอบเหลก็ มำอยำ่ งนอ้ ย 5ตวั อยำ่ ง พร้อมบอกประโยชน์มำดว้ ย
รำยกำรตรวจสอบ ประโยชน์ท่ีได้
3.จงบอกวธิ ีกำรตรวจเหลก็ และกำรผกู เหลก็ มำพอเขำ้ ใจ
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………….
4.จงบอกขอบเขตรำยกำรต่ำงๆในกำรประมำณรำคำเหลก็ เสริมคอนกรีตมำอยำ่ งนอ้ ย 4 อยำ่ ง
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………….
5.งำนเหลก็ เสริมคอนกรีต สำมำรถแบง่ ไดต้ ำมลกั ษณะงำนดงั ต่อไปน้ี
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………..
แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา การควบคมุ และวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหสั วชิ า 30121-2101
หน่วยที่ 6 เรื่อง งานแบบหล่อคอนกรีต เวลา 3 ช่ัวโมง
หัวเร่ือง-หัวข้อย่อย
6.1 ควำมรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั งำนแบบหลอ่
6.2 กำรตรวจสอบงำนแบบหลอ่ ตำมข้นั ตอนกำรก่อสร้ำง
6.3 ขอ้ ควรระวงั ในกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อ
สาระสาคัญ
1. แบบหล่อสำมำรถจำแนกได้หลำยประเภทตำมแต่กำรพิจำรณำ กำรทำงำนแบบหล่อมีข้อควร
พิจำรณำ 3 ประกำร คือ คุณภำพ ควำมปลอดภยั และควำมประหยดั แบบหล่อตอ้ งมีควำมแขง็ แรงเพียงพอท่ีจะ
สำมำรถรับแรงต่ำงๆที่กระทำต่อแบบหล่อได้ วสั ดุและอุปกรณ์ต่ำงๆท่ีนำมำใชใ้ นงำนแบบหล่อมีท้งั ขอ้ ดีและ
ขอ้ เสีย กำรเลือกใช้วสั ดุอุปกรณ์ท่ีเหมำะสมจะช่วยให้งำนแบบหล่อมีควำมถูกต้องและก่อสร้ำงไดส้ ะดวก
รวดเร็ว ปลอดภยั และประหยดั ข้ึน
2. กำรตรวจสอบงำนแบบหล่อควรดำเนินกำรต่อเนื่องตลอดเวลำ ต้งั แต่เริ่มงำนจนถึงข้นั ตอนสุดทำ้ ย
ควรตรวจสอบควำมถูกตอ้ งและให้คำแนะนำในทุกข้นั ตอน กำรตรวจสอบงำนแบบหล่อทวั่ ไปควรดำเนินกำร
ใน 4 ข้นั ตอน คือ ข้นั ตอนกำรเตรียมงำน ข้นั ตอนกำรติดต้งั ข้นั ตอนกำรเทคอนกรีตและข้นั ตอนกำรถอดแบบ
และค้ำยนั
3. ควำมผดิ พลำดท่ีเกิดข้ึนในงำนแบบหล่อคอนกรีตเป็นสำเหตุของควำมสูญเสียท้งั ทรัพยำกร และเวลำ
ท่ีมีคำ่ ควรเพ่ิมควำมระมดั ระวงั ตรวจสอบในจุดตำ่ งๆ ที่มกั เกิดขอ้ ผิดพลำดโดยเฉพำะส่วนท่ีเป็นโครงสร้ำง กรณี
ที่ควำมผิดพลำดรุนแรงถึงข้นั เกิดกำรวิบตั ิ อำจเกิดกำรบำดเจ็บและสูญเสียชีวิตจุดท่ีเป็ นสำเหตุของกำรวิบตั ิมกั
เกิดท่ีค้ำยนั และขณะเทคอนกรีต
จุดประสงค์การเรียน การสอน
จดุ ประสงค์ท่วั ไป
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั งำนแบบหล่อได้
2. อธิบำยกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อในข้นั ตอนตำ่ งๆของกำรก่อสร้ำงได้
3. บอกถึงขอ้ ควรระวงั ในกำรตรวจสอบงำนแบบหลอ่ ได้
กจิ กรรมการเรียน- การสอน
กจิ กรรมครู กจิ กรรม การสอน
ข้นั นำ
อธิบำยควำมรู้เบ้ืองตน้ ในกำรทำงำนแบบหล่อได้
ข้นั ใหข้ อ้ มลู
1.อธิบำย ควำมรู้เบ้ืองตน้ วสั ดุแบบหล่อและอุปกรณ์สำหรับงำนแบบหล่อ
2. อธิบำยกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อและข้นั ตอนกำรเตรียมงำน
3. มอบหมำยงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิงำน ตำมใบงำน และควบคมุ ดูแลกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
ข้ันสรุป
สรุปสำระสำคญั เร่ืองงำนแบบหล่อคอนกรีตและสรุปผลจำกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำน
กจิ กรรมนักศึกษา กจิ กรรม การเรียน
1. บอกจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
2. ครูบรรยำยสำระสำคญั
3. นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครูมอบหมำย
4. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุป
5. นกั เรียนทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ส่ือการเรียนรู้
1. สื่อ power point
2. ใบงำน
3. แบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ประเมนิ ผล
1. แบบประเมินผลหลงั กำรเรียน
2. ประเมินผลจำกใบงำน
3. กำรทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
บรรณานุกรม
พิภพ สุนทรสมยั กำรก่อสร้ำงขนำดใหญ่ เลม่ 1 สมำคมส่งเสริมเทคโนโลยไี ทย-ญี่ป่ ุน พมิ พค์ ร้ังที่ 1 มกรำคม
2542
หน่วยที่ 6
งานแบบหล่อคอนกรีต
6.1 ความรู้ทว่ั ไปเกยี่ วกบั งานแบบหล่อ
แบบหล่อคอนกรีต(FORM WORK) ทำหนำ้ ท่ีควบคุมคอนกรีตใหไ้ ดร้ ูปร่ำงและขนำดตำมท่ีกำหนด ใช้
เป็ นโครงสร้ำงชว่ั ครำว ที่รับน้ำหนกั ตวั เอง น้ำหนกั วสั ดุและคนงำน จนกว่ำคอนกรีตจะไดอ้ ำยุใชง้ ำนอำจสร้ำง
ข้ึนจำกวสั ดุต่ำงๆ เช่น ไม้ เหล็ก อลูมิเนียม กระดำษ พลำสติก เป็ นตน้ กำรออกแบบแบบหล่อตอ้ งคำนึงถึง
คุณสมบตั ิที่สำคญั 3 ประกำร คือ มีคุณภำพดี มีขนำดและตำแหน่งถูกตอ้ ง ไม่บอดงอ ไม่มีร่องรูให้น้ำปูนไหล
ออกได้ ใชง้ ำนไดป้ ลอดภยั มีควำมแข็งแรง มนั่ คง สำมำรถรับน้ำหนักบรรทุกชวั่ ครำวต่ำงๆไดโ้ ดยไม่พงั หรือ
ทรุดตวั ลงมำ มีควำมประหยดั เลือกใชว้ สั ดุท่ีเหมำะสมกบั สภำพงำน กล่ำวคือ ถำ้ เป็นงำนเล็กๆอำจใชแ้ บบหล่อ
กระดำษเพรำะใชค้ ร้ังเดียว แต่ถำ้ ตอ้ งกำรหมุนเวียนมำใชง้ ำนหลำยคร้ังเพรำะเป็ นงำนขนำดใหญ่ อำจใชแ้ บบ
เหลก็ หรืออะลมู ิเนียม เป็นตน้
แบบหล่อควรไดร้ ับกำรออกแบบชิ้นส่วนต่ำงๆให้สำมำรถประกอบติดต้งั ถอดแบบได้อย่ำงสะดวก
รวดเร็ว เพ่ือลดเวลำงำนและค่ำใช้จ่ำยโดยรวมให้น้อยลง กำรออกแบบแบบหล่อควรคำนึงถึงกำรยกระดับ
(CAMBER) เผ่ือไวล้ ่วงหนำ้ สำหรับโครงสร้ำงท่ีมีช่วงยำวมำกหรือโครงสร้ำงที่มีปลำยดำ้ นหน่ึงเป็นอิสระไม่มี
ส่ิงรองรับ หรืออำจจะเกิดกำรแอ่นตัว (DEFLECTION) ทำให้สูญเสียแนวระดับและกระทบต่องำนทำง
สถำปัตยกรรม
6.2 การตรวจสอบงานแบบหล่อตามข้นั ตอนการก่อสร้าง
• ตำแหน่ง ขนำดและผิวของแบบหลอ่ ถกู ตอ้ งตำมที่
ระบไุ วใ้ นแบบ ไมม่ ีช่องวำ่ งที่น้ำปูนในคอนกรีตจะ
ร่ัวซึมออกไปทำใหค้ อนกรีตเป็นโพรง กำรเขำ้ แบบ
ตอ้ งไดด้ ิ่งและไดฉ้ ำก ระบตุ ำแหน่งและระดบั ที่จะ
หยดุ คอนกรีตใหช้ ดั เจนตำมขอ้ กำหนด
• ออกแบบโครงคร่ำว และค้ำยนั รองรับตำแหน่งที่มี
แรงกระทำต่อแบบหล่อใหใ้ ชง้ ำนไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั
ไมค่ วรค้ำยนั เกินควำมจำเป็น เพรำะจะสิ้นเปลืองท้งั
แรงงำนและวสั ดุ ซ้ำยงั เพ่ิมน้ำหนกั บรรทกุ และกีด
ขวำงทำงสญั จรดว้ ย
• แบบหลอ่ รองรับคอนกรีต ซ่ึงลำเลียงดว้ ยวิธีสูบมำ
ตำมท่อจะตอ้ งแขง็ แรงพอที่จะรับแรงดนั ของ
คอนกรีตได้ เทคอนกรีตไปตำมควำมยำวของแบบ
หลอ่ ใหม้ ีระดบั สูงข้นึ เป็นช้นั ๆทีละนอ้ ย ใชเ้ คร่ือง
เขยำ่ ใหแ้ น่นสม่ำเสมอกนั ตลอดแบบ
• ขนำดของแบบหลอ่ ระยะหุม้ เหลก็ เสริมของ
คอนกรีต ตอ้ งเป็นไปตำมขอ้ กำหนด หนุนลกู ปูนที่มี
ควำมหนำเทำ่ กบั ระยะหุม้ ใหส้ ม่ำเสมอทวั่ เหลก็ เสริม
เพ่ือไมใ่ หเ้ หลก็ เสริมแนบกบั ผวิ แบบหล่อ
ตรวจสอบวำ่ แบบหลอ่ ไมโ่ ก่งงอหรือแอน่ ตวั
• ก่อนเทคอนกรีตตอ้ งสำรวจว่ำ แบบหล่อสะอำด
ปรำศจำกเศษวสั ดุ ไดแ้ ก่ ลวดผกู เหลก็ ตะปู
ถงุ พลำสติก เศษไม้ เพรำะจะทำใหเ้ กิดปัญหำในกำร
ทำผิวสำเร็จ เช่น ฉำบปูนและทำสีไม่ติด
เกิดกำรล่อนหลุดในภำยหลงั หรือเกิดสนิมที่ผิว
คอนกรีต
• กำรประกอบแบบหล่อในท่ีสูง ตอ้ งคำนึงถึงควำม
ปลอดภยั ใหม้ ำก ทำค้ำยนั และโครงคร่ำวยดึ แบบหล่อ
ใหแ้ น่นหนำมน่ั คง นงั่ ร้ำนตอ้ งกวำ้ งและแขง็ แรง
สำหรับยนื ทำงำนไดส้ ะดวก และควรใชเ้ ขม็ ขดั
นิรภยั ขณะปฏิบตั ิงำน
• แบบหล่อท่ีทำดว้ ยเหลก็ มีควำมหนำ และแขง็ แรง
พอที่จะรับแรงดนั ของคอนกรีตไดโ้ ดยไม่บิดเบ้ียว
โก่งงงหรือแอ่นตวั จนทำให้คอนกรีตมีผวิ เป็นลูก
คล่ืน อปุ กรณ์ยดึ แบบแขง็ แรงเหมำะแก่กำรใชง้ ำน
เพอื่ ใหไ้ ดค้ อนกรีตที่เรียบร้อยตำมตอ้ งกำร
• ตรวจกำรเจำะแบบหล่อเพือ่ วำงท่องำนระบบ เช่น ทอ่
ประปำทอ่ ร้อยสำยไฟ เป็นตน้ ใหต้ รงตำมตำแหน่งที่
กำหนดและป้องกนั กำรรั่วซึมของน้ำปนู บริเวณที่
เจำะ กำรทำแบบหล่อที่มีกำรตรวจสอบตำแหน่งและ
ขนำดใหถ้ ูกตอ้ งเช่นกนั
• แบบหลอ่ สำหรับงำนชิ้นส่วนสำเร็จรูปตรวจสอบ
ขนำดใหถ้ ูกตอ้ ง เลือกใชน้ ้ำบำทำแบบหลอ่ ที่ไมท่ ำ
ใหค้ อนกรีตลดควำมแขง็ แรงและตอ้ งไดร้ ับกำร
อนุมตั ิใชง้ ำน ฉีดน้ำใหไ้ มแ้ บบอ่ิมตวั จะไดไ้ มด่ ูดน้ำ
จำกคอนกรีต ซ่ึงจะทำใหค้ อนกรีตเสียกำลงั
• แบบเสำกลมใชข้ นำดท่ีถกู ตอ้ งไมโ่ คง้ งอและร่ัวซึม
• แบบพลำสติก ถำ้ บำงไปจะเสียรูปขณะเทคอนกรีต
• แบบไม้ ข้ึนเป็นรูปทรงตำ่ งๆตำมตอ้ งกำรไดง้ ำ่ ย
• แบบเหลก็ ทนทำนดีช่วยลดเวลำและแรงงำนติดต้งั
• แบบกระดำษ สะดวกรวดเร็ว แตใ่ ชไ้ ดค้ ร้ังเดียว
• ออกแบบแบบหล่อใหด้ ีจะแข็งแรงและประหยดั ไม้
• แบบสำเร็จรูปสำหรับงำนพ้นื สำมำรถติดต้งั ไดเ้ ร็ว
• แบบหล่อท่ีดีตอ้ งแขง็ แรงเป็นระเบียบและประหยดั
• แบบโลหะ กำรประกอบและถอดแบบทำไดร้ วดเร็ว
• ติดต้งั แบบหล่อใหไ้ ดแ้ นวดิ่งและฉำกตรงตำมแบบ
• จุดยดึ ขำต้งั ค้ำยนั ตอ้ งรับแรงดนั คอนกรีตขณะเทได้
• พ้นื แบบชิดสนิทน้ำปูนไม่ร่ัวซึมคอนกรีตไม่เป็น
โพรง
• ติดต้งั แบบหลอ่ ที่สูง ใหร้ ะวงั ตกและสำยไฟแรงสูง
• ฝังทอ่ งำนระบบในแบบหลอ่ ทำใหถ้ ูกตอ้ งตำมแบบ
• ค้ำยนั แบบหล่อแขง็ แรงพอท่ีจะรับน้ำหนกั คอนกรีต
• ค้ำยนั ใหต้ รงกบั ตำแหน่งที่แรงดนั คอนกรีตกระทำ
• ติดต้งั แบบหล่อคอนกรีตควรใหม้ ีทำงผำ่ นไดส้ ะดวก
• แบบหล่อท่ีบิดงอจะทำใหเ้ กิดฝ้ำน้ำปนู ติดอยทู่ ี่ผิว
6.3 ข้อควรระวงั ในการตรวจสอบงานแบบหล่อ
เสน้ เอน็ ท่ีเห็นในภำพใหญ่ เอำมำจำกหมดุ อำ้ งอิงแนว แกนเอก็ ซ์ แกนวำย ตอนท่ีวำงผงั
ภำพเลก็ เอำมำถำ่ ยลงบนฐำนรำกเพ่ือกำหนดแนวไมแ้ บบที่จะติดต้งั
ภำพขวำล่ำงติดต้งั ไมแ้ บบตำมแนวที่ทำไว้
รายการตรวจสอบ ประโยชน์ทีไ่ ด้
ตรวจสอบคุณภำพของแบบหลอ่ ตอ้ งพร้อมใช้ เพื่อให้ ชิ้นงำนท่ีหลอ่ ออกมำไดค้ ณุ ภำพ ไมเ่ ป็น
งำน ไมเ่ ก่ำจนเยิน ผวิ ท่ีจะสัมผสั กบั คอนกรีต โพรง หรือ มีรอยปลวกแทะ อนั เนื่องมำจำกไม้
ตอ้ งทำควำมสะอำดมำใหเ้ รียบร้อย ไมม่ ีข้ปี นู ติด แบบชำรุด เขำ้ แบบไมส่ นิท
เกรอะกรัง
มีกำรตีเตำ๊ (เส้น) โดยถำ่ ยมำจำกหมุดอำ้ งอิง แนว เพ่ือป้องกนั บำ้ นไมไ่ ดฉ้ ำก
แกนเอก็ ซ วำย ที่ทำไว้ ทกุ แนวที่จะเขำ้ แบบคำน
หรือไม่
ตรวจสอบกำรเขำ้ แบบในแนวดิ่ง เพื่อใหบ้ ำ้ นไดแ้ นวดิ่ง
ตรวจสอบ กำรยดึ ไมแ้ บบ วำ่ มีควำมแขง็ แรง เพ่ือป้องกนั คอนกรีต ดนั ไมแ้ บบ ทำใหช้ ิ้นงำน
เสีย
หรือไม่
ตรวจสอบ กำรยดึ โยงแบบ โดยเฉพำะตอ้ งปี น รูปทรง และ ป้องกนั น้ำปนู ไหลเพอื่ ป้องกนั เสำ
ข้นึ ไปเท อยำ่ กรณีหวั เสำเป็นตน้ ตอ้ งมนั่ ใจวำ่ ไมไ่ ดด้ ่ิง
เม่ือข้นึ ไปแลว้ แบบไมส่ ูญเสียแนวด่ิง
ใชเ้ อน็ ขงึ วดั แนวของปำกแบบ ทุกแนว เพื่อป้องกนั บำ้ นไมไ่ ดฉ้ ำก
ตรวจสอบไมแ้ บบตรงแนวหยดุ คอนกรีต จะตอ้ ง เพอ่ื ใหไ้ ดม้ ำตรฐำนกำรก่อสร้ำง
ต้งั ฉำกกบั พ้นื และ อยบู่ ริเวณกลำงคำน
ตรวจระดบั เผ่อื ผิว วำ่ ไดเ้ ผื่อไวถ้ ูกตอ้ งหรือไม้ เม่ือมีกำรกรุผิว ผิวท่ีกรุจะไดร้ ะนำบตำมท่ีแบบ
รายการตรวจสอบ ประโยชน์ท่ีได้
ตรวจสอบระยะห่ำงระหวำ่ งเหลก็ เสริม เพื่อป้องกนั เหลก็ เสริมคอนกรีตเป็นสนิม อนั
คอนกรีต กบั ผวิ ดำ้ นในของไมแ้ บบ เนื่องมำจำก คฟั เวอร์ริ่งไมม่ ำกพอ ทำให้
(ระยะคฟั เวอร์ริ่ง) ควำมช้ืนเขำ้ ไปทำใหเ้ หลก็ เกิดสนิม
ทอ้ งพ้นื 1.5 ซม.
เสำ คำน ผนงั 2.5 ซม.
ฐำนรำก เสำตอม่อ 5.0 ซม.
ตรวจรอยรั่วของไมแ้ บบ หำกมีรอยร่ัวใหอ้ ดุ ให้ เพอื่ ป้องกนั น้ำปูนไหลทิ้ง เป็นเหตใุ หโ้ ครงสร้ำง
เรียบร้อยก่อนเท เสียควำมแขง็ แรงไป
ตรวจสอบกำรรดน้ำที่ไมแ้ บบ เพอ่ื ป้องกนั ไมแ้ บบดูดน้ำปนู
ตรวจสอบกำรบลอ๊ กช่องท่อตำ่ งๆ ที่จะผำ่ นคำน จะไดไ้ มต่ อ้ งเจำะทีหลงั หรือ อำจมีผลทำให้
หรือ ผำ่ นพ้นื หล่อในท่ี ควำมสูงของพ้ืน ถึง ทอ้ งฝ้ำตอ้ งลดลงไป
ตรวจสอบระดบั หลงั คำน หรือ ระดบั พ้นื ที่จะทำ เพอ่ื ป้องกนั ระดบั ผิดพลำด
กำรเท
กรณีที่เทหลงั คำคอนกรีต ควรคำนึงถึงควำมลำด เพื่อใหน้ ้ำไหลทิ้งไดส้ ะดวก น้ำไมข่ งั ที่หลงั คำ
เอียง ตำมที่แบบระบดุ ว้ ย
ตรวจสอบควำมสะอำด ในทอ้ งคำน หรือ ทอ้ ง ป้องกนั สิ่งสรกปรกเขำ้ ไปเจือปนเน้ือคอนกรีต
พ้ืนใหเ้ รียบร้อย
ซำ้ ยบน จะข้นึ ไปเทปูนบนหัวเสำ ตอ้ งมนั่ ใจวำ่ ติดต้งั ค้ำยนั แน่นหนำ
ภำพขวำและภำพลำ่ ง ก่อนเทคอนกรีตตอ้ งทำควำมสะอำดภำยในแบบ
รดน้ำใหช้ ุ่ม เพ่ือป้องกนั ไมแ้ บบดูดน้ำปูน
ข้อกาหนดเก่ยี วกบั แบบก่อสร้าง
แบบหลอ่ คอนกรีตเก่ำ คอนกรีตท่ีหล่อไดเ้ ป็นแบบน้ี
แบบหลอ่ คอนกรีตใหม่ กบั งำนที่หล่อได้
งานไม้แบบทีม่ ีคณุ ภาพดี ผู้รับจ้าง ต้องปฏบิ ตั ิตามข้อกาหนดดงั นี้
❖ แบบหลอ่ จะตอ้ งไดร้ ูปร่ำง แนวและขนำด ตรงตำมลกั ษณะของ องคอ์ ำคำรที่ปรำกฏในแบบ
❖ กำรติดต้งั จะตอ้ งะวงั เรื่อง ด่ิง ฉำก เม่ือเขำ้ แบบเสร็จ
❖ แบบหล่อตอ้ งติดต้งั ใหส้ นิทแน่น เพือ่ ป้องกนั กำรร่ัวไหลของน้ำปูน
❖ ตอ้ งมีกำรยดึ อยำ่ งแน่นหนำ เพือ่ ใหแ้ บบหล่อน้นั คงท้งั รูปร่ำงและตำแหน่ง
❖ แบบหลอ่ จะตอ้ งสะอำดปรำศจำกฝ่นุ เศษปูนและสิ่งแปลกปลอมอ่ืนๆ
❖ ในกรณีที่ไม่สำมำรถเขำ้ ถึงกน้ แบบภำยในได้ จะตอ้ งจดั ช่องไวส้ ำหรับใหส้ ำมำรถขจดั สิ่งที่ไมต่ อ้ งกำร
ตำ่ งๆ ออกก่อนเทคอนกรีต
❖ หำ้ มนำแบบหล่อซ่ึงชำรุดจำกกำรใชง้ ำนคร้ังหลงั สุด จนถึงข้นั ท่ีอำจทำลำยผิวหนำ้ หรือคุณภำพคอนกรีต
ไดม้ ำใชอ้ ีก
❖ กรณีใชอ้ ิฐบลอ็ กทำแบบหลอ่ จะตอ้ งทำกำรไลป้ ูนท่ีผิวหนำ้ ใหเ้ รียบร้อย ทิง้ ไวใ้ หแ้ หง้ ก่อนทำกำรเท
คอนกรีต
❖ ใหห้ ลีกเลี่ยงกำรบรรทุกน้ำหนกั บนคอนกรีต ซ่ึงเทไดเ้ พยี งหน่ึงสัปดำห์ หำ้ มโยนของหนกั ๆ เช่น มวล
รวม ไมก้ ระดำน เหลก็ เสริม หรืออ่ืนๆ ลงบนคอนกรีตใหม่ๆ หรือแมก้ ระทง่ั กำรกองวสั ดุ
❖ หำ้ มโยน หรือกองวสั ดุก่อสร้ำงบนแบบหลอ่ ในลกั ษณะท่ีจะทำใหแ้ บบหลอ่ น้นั ชำรุด หรือเป็นกำรเพม่ิ
น้ำหนกั มำกเกินไป
ใบงานที่ 6 หน่วยท่ี 6
สอนคร้ังท่ี 6
วิชา การควบคุมและวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวชิ า 30121-2101 เวลา 3 ช่ัวโมง
ชื่อหน่วย งานแบบหล่อคอนกรีต
ชื่องาน งานแบบหล่อคอนกรีต
จุดประสงค์
เมื่อฝึกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั งำนแบบหล่อได้
2. อธิบำยกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อในข้นั ตอนตำ่ งๆของกำรก่อสร้ำงได้
3. บอกถึงขอ้ ควรระวงั ในกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อได้
เคร่ืองมือ - อุปกรณ์
1.เอกสำรใบงำน
ลาดบั ข้นั การปฏิบตั งิ าน
1. ครูอธิบำยควำมรู้ทวั่ ไปเก่ียวกบั งำนแบบหลอ่
2. ครูกำรตรวจสอบงำนแบบหลอ่ ในข้นั ตอนต่ำงๆของกำรก่อสร้ำง
3. ครูบอกถึงขอ้ ควรระวงั ในกำรตรวจสอบงำนแบบหล่อ
4. ใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิกำรงำนตำมใบงำน
5. ใหน้ กั ศึกษำสรุปกำรเรียนในหวั ขอ้ งำนแบบหลอ่ คอนกรีต
การประเมินผล
1. นกั ศึกษำสำมำรถอธิบำยควำมรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั งำนแบบหลอ่ ได้
2.ประเมินผลจำกผลกำรปฏิบตั ิใบงำน
แบบประเมินผลก่อนเรียนหน่วยที่ 6 เร่ือง งานแบบหล่อคอนกรีต
คาสั่ง จงอธิบำยในแตล่ ะ่ หวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. กำรออกแบบแบบหลอ่ ตอ้ งคำนึงถึงคุณสมบตั ิท่ีสำคญั 3 ประกำร คอื
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………….
2.เพรำะเหตุใด กำรตรวจสภำพของแบบหล่อตอ้ งพร้อมใชง้ ำนไม่เก่ำเยินผวิ ที่จะสัมผสั กบั คอนกรีตตอ้ งทำควำม
สะอำดมำใหเ้ รียบร้อย
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
3. เพรำะเหตุใดแบบหล่อจึงควรไดร้ ับกำรออกแบบชิ้นส่วนต่ำงๆให้สำมำรถประกอบติดต้งั ถอดแบบไดอ้ ย่ำง
สะดวกรวดเร็ว
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………….
4.กำรค้ำยนั เกินควำมจำเป็นจะทำใหเ้ กิดควำมเสียหำยในดำ้ นใดบำ้ งจงอธิบำย
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..
5. ทำไมถึงตอ้ งตรวจสอบควำมสะอำดของแบบหล่อก่อนกำรเทคอนกรีตทกุ คร้ัง
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………..
แบบประเมินผลหลงั เรียนหน่วยท่ี 6 เร่ือง งานแบบหล่อคอนกรีต
คาสั่ง จงอธิบำยในแตล่ ะ่ หวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. กำรประกอบแบบหล่อในที่สูงตอ้ งคำนึงถึงเรื่องใดเป็นพิเศษ
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………….
2.เรำจะทำกำรตรวจสอบระยะระหวำ่ งเหลก็ เสริมคอนกรีตกบั ผิวดำ้ นในของไมแ้ บบ
(ระยะคฟั เวอร์ริ่ง) ส่วนใดบำ้ ง และตรวจสอบเพ่อื อะไร
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….
3. เพรำะเหตุใดเรำจึงควรอดุ รอยร่ัวของไมแ้ บบใหเ้ รียบร้อยก่อนกำรเท
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….
4.ทำไมไมแ้ บบตรงแนวหยดุ คอนกรีต จะตอ้ งต้งั ฉำกกบั พ้ืนและอยบู่ ริเวณกลำงคำน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….
5.จงบอกรำยกำรตรวจสอบงำนแบบหลอ่ คอนกรีตมำอยำ่ งนอ้ ย 3ตวั อยำ่ ง พร้อมท้งั บอกประโยชน์
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา การควบคุมและวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหสั วิชา 30121-2101
หน่วยท่ี 7 เร่ือง การลาเลยี งและงานเทคอนกรีต เวลา 3 ช่ัวโมง
หัวเรื่อง-หัวข้อย่อย
7.1 งำนลำเลียงคอนกรีต
7.2 งำนเทคอนกรีต
7.3 งำนรอยต่อคอนกรีตระหวำ่ งกำรก่อสร้ำง
7.4 กำรตรวจสอบหลงั กำรเทคอนกรีต
สาระสาคญั
1. งำนลำเลียงคอนกรีตมีท้งั งำนลำเลียงตำ่ งระดบั และงำนลำเลียงทำงสูง วิธีกำรลำเลียงแต่ละประเภท
ใชอ้ ปุ กรณ์ และวธิ ีกำรลำเลียงท่ีแตกต่ำงกนั กำรควบคมุ งำนลำเลียงคอนกรีตมีหลกั เกณฑเ์ ดียวกนั คือ ตอ้ ง
ควบคุมไมใ่ หเ้ กิดผลเสียตอ่ คุณภำพของคอนกรีต จะตอ้ งป้องกนั กำรแยกตวั ของคอนกรีตขณะลำเลียง โดยใช้
อุปกรณ์ที่ถูกวธิ ีและใชค้ อนกรีตท่ีมีควำมขน้ เหลวเหมำะสมกบั อุปกรณ์เหล่ำน้นั
2. ในกำรเทคอนกรีตจะตอ้ งตรวจสอบก่อนกำรเทคอนกรีตอีกคร้ัง ถึงแมว้ ำ่ งำนทกุ งำนไดผ้ ำ่ นกำร
ตรวจสอบในแต่ละข้นั ตอนแลว้ กต็ ำม เน่ืองจำกอำจจะมีกำรทิ้งช่วงระยะเวลำกำรเทคอนกรีตนำน จนอำจเกิด
ขอ้ ผดิ พลำดหรือคลำดเคลื่อนเกิดข้ึนกบั งำนที่ผำ่ นกำรตรวจสอบแลว้ ในเบ้ืองตน้ ในขณะเทคอนกรีตตอ้ ง
ควบคุมงำนอยำ่ งใกลช้ ิด เพ่อื ป้องกนั กำรแยกตวั ของส่วนผสมคอนกรีต และจะตอ้ งทำใหค้ อนกรีตมีเน้ือแน่น
โดยใชว้ ิธีกำรท่ีเหมำะสม
3. งำนก่อสร้ำงไม่อำจจะหลีกเลียงงำนรอยต่อคอนกรีตระหวำ่ งกำรก่อสร้ำงได้ ซ่ึงงำนน้ีผคู้ วบคุมงำน
จะตอ้ งใหค้ วำมสนใจและควบคุมงำนอยำ่ งดี เพรำะจะมีผลตอ่ ควำมปลอดภยั และคุณภำพของงำน รอยต่อ
คอนกรีตในระหวำ่ งกำรปฏิบตั ิงำนดว้ ยงำนหลอ่ คอนกรีตใหม่เชื่อมต่อคอนกรีตเก่ำจะตอ้ งทำกำรตรวจสอบและ
เตรียมกำรอยำ่ งดีเช่นกนั
4. หลงั จำกหลอ่ คอนกรีตแลว้ ควรตรวจสอบระยะเวลำถอดแบบที่ถูกตอ้ งและเตรียมงำนท่ีเกี่ยวขอ้ ง เช่น
กำรเตรียมค้ำยนั โครงสร้ำงในช่วงที่คอนกรีตยงั มีอำยไุ มค่ รบตำมกำหนด ทำใหย้ งั รับแรงไมไดต้ ำมท่ีออกแบบ
ไว้ หลงั จำกถอดแบบหล่อแลว้ จะมีงำนตกแตง่ ซ่อมแซมผวิ คอนกรีตใหเ้ ป็นไปตำมวตั ถปุ ระสงคข์ องงำน ควร
จะมีกำรบ่มคอนกรีตที่ถูกวธิ ี และเหมำะสมกบั โครงสร้ำงเหลำ่ น้นั
จดุ ประสงค์การเรียน การสอน
จดุ ประสงค์ท่ัวไป
เม่ือศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยเก่ียวกบั งำนลำเลียงคอนกรีตได้
2. อธิบำยเกี่ยวกบั งำนเทคอนกรีตได้
3. อธิบำยเกี่ยวกบั งำนรอยตอ่ คอนกรีตระหวำ่ งกำรก่อสร้ำงได้
4. อธิบำยกำรตรวจสอบหลงั กำรหลอ่ คอนกรีตได้
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
เม่ือศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1.อธิบำยกำรตรวจสอบก่อนเทงำนเทคอนกรีตได้
2.อธิบำยกำรควบคมุ งำนเทคอนกรีตลงแบบหล่อได้
3. อธิบำยกำรควบคุมวธิ ีปฏิบตั ิงำนใหค้ อนกรีตมีเน้ือแน่นได้
4. อธิบำยเกี่ยวกบั รอยต่อคอนกรีตตำมข้นั ตอนของกำรก่อสร้ำงได้
5. อธิบำยกำรเตรียมรอยต่อคอนกรีตระหวำ่ งกำรปฏิบตั ิงำนได้
กจิ กรรมการเรียน- การสอน
กจิ กรรมครู กจิ กรรม การสอน
ข้นั นำ
อธิบำยควำมควำมหมำย ควำมสำคญั ประโยชน์ ของกำรลำเลียงและงำนหลอ่ คอนกรีต เพื่อนำเขำ้
สู่บทเรียน
ข้นั ใหข้ อ้ มูล
1.อธิบำย ควำมหมำย ควำมสำคญั เน้ือหำสำระ เรื่องกำรลำเลียงและงำนหลอ่ คอนกรีตหวั ขอ้ ตำ่ งๆใน
เอกสำรประกอบกำรสอน
2. อธิบำยกระบวนกำรงำนก่อสร้ำง ควำมรู้พ้นื ฐำน หนำ้ ที่ และขอ้ ควรปฏิบตั ิของกำรลำเลียงและงำน
หล่อคอนกรีต
3. มอบหมำยงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิงำน ตำมใบงำน และควบคมุ ดูแลกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
4. ตรวจผลงำนกำรปฏิบตั ิงำน และรำยงำนกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
ข้นั สรุป
สรุปสำระสำคญั เรื่องกำรลำเลียงและงำนหล่อคอนกรีตและสรุปผลจำกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำน
กจิ กรรมนกั ศึกษา กจิ กรรม การเรียน
1. บอกจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
2. ครูบรรยำยสำระสำคญั
3. นกั เรียนทำกำรอภิปรำยกลมุ่ ยอ่ ย
4. นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครูมอบหมำย
5. ครุและนกั เรียนช่วยกนั สรุป
6.นกั เรียนทำกิจกรรมตำมท่ีครุมอบหมำย
7.นกั เรียนทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ส่ือการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนวิชำกำรควบคุมและวำงแผนกำรก่อสร้ำงงำนโยธำ
2. สื่อ power point
3.ใบงำน
4.แบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ประเมนิ ผล
1. แบบประเมินผลหลงั กำรเรียน
2. ประเมินผลจำกใบงำน
3. กำรทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
บรรณานุกรม
วิศวกรรมสถำนแห่งประเทศไทย ขอ้ กำหนดมำตรฐำนวสั ดุและงำนก่อสร้ำงสำหรับโครงสร้ำงคอนกรีต พมิ พ์
คร้ังที่ 1 กรุงเทพมหำนคร วิศวกรรมสถำนแห่งประเทศไทย 2540
อรุณ ชยั เสรี ประสงค์ ธำรำไชย และสืบศกั ด์ิ พรหมบญุ “กำรเตรียมกำรก่อนเทและกำรเทคอนกรีต” ใน
เอกสำรกำรสอนชุดวชิ ำกำรตรวจงำน เลม่ ที่ 1 หน่วยท่ี 6 พมิ พค์ ร้ังที่ 7 นนทบุรี
มหำวิทยำลยั สุโขทยั ธรรมำธิรำช 2540
หน่วยท่ี 7
การลาเลยี งคอนกรีต
7.1 งานลาเลยี งคอนกรีต
กำรลำเลียงคอนกรีตจำกเคร่ืองผสมไปยงั ที่ใชง้ ำน ตอ้ งกระทำในลกั ษณะที่ไม่ทำให้ส่วนผสมของ
คอนกรีตแยกตัว หรือทำให้เน้ือคอนกรีตยุบตัวมำก ทำให้เน้ือคอนกรีตไม่สม่ำเสมอระยะเวลำในกำรผสม
คอนกรีตเสร็จ ลำเลียงและเทคอนกรีต รวมท้งั จะตอ้ งไม่นำนเกิน 30 นำที หรือภำยในระยะเวลำแข็งตวั เบ้ืองตน้
ของคอนกรีต
ถำ้ หำกกำรลำเลียงคอนกรีตกระทำในระยะทำงไกลๆ ตอ้ งผสมน้ำยำลงไปในคอนกรีตเพ่ือชะลอกำร
แขง็ ตวั เบ้ืองตน้ ท้งั น้ี ตอ้ งไดร้ ับควำมเห็นชอบจำกผคู้ วบคมุ งำนก่อน
ภำพแสดงกำรลำเลียงคอนกรีตพ้ืนช้นั 2
7.2 งานเทคอนกรีต
กำรเทคอนกรีต คอื กำรนำคอนกรีตจำกเคร่ืองมือลำเลียงไปเทใหใ้ กลจ้ ุดท่ีตอ้ งกำรจะเทมำกที่สุดในแบบหล่อ
โดยตอ้ งทำอยำ่ งรวดเร็วและมีประสิทธิภำพ เพ่ือหลีกเลี่ยงไม่ใหเ้ กิดกำรแยกตวั และคอนกรีตสำมำรถถูกอดั แน่น
ในแบบหล่อไดอ้ ยำ่ งเตม็ ท่ี
กำรเทและกำรอดั แน่นคอนกรีต เป็นข้นั ตอนกำรทำคอนกรีตท่ีดำเนินไปพร้อม ๆ กนั แตเ่ ป็นอิสระต่อกนั โดย
ควรถือวำ่ กำรเทและอดั แน่นเป็นข้นั ตอนเดียวกนั เทำ่ น้นั แต่อยำ่ งไรก็ตำม ในบทควำมน้ี จะแยกพิจำรณำเป็น
สองข้นั ตอนเพ่ือใหง้ ่ำยต่อควำมเขำ้ ใจมำกข้นึ
การเทคอนกรีตอย่างถูกวธิ ีทาได้อย่างไร?
คอนกรีต : คอนกรีตมีคุณภำพสม่ำเสมอและมีปริมำณเพยี งพอ , และมีอตั รำกำรลำเลียงที่เหมำะกบั อตั รำกำรเท
เคร่ืองมือ : เครื่องมือที่เทมีเพยี งพอ , สะอำด และพร้อมใชง้ ำน , มีอตั รำกำรเทท่ีเหมำะสม , สำมำรถเขำ้ ใกลจ้ ุดที่
ตอ้ งกำรเทมำกท่ีสุด , และไมท่ ำใหค้ อนกรีตแยกตวั
กำรเตรียมกำรอ่ืน ๆ : มีคนงำนเพยี งพอ , ถำ้ เทกลำงคืน ควรมีแสงไฟเพียงพอ , และตรวจสอบรำยละเอียดตำ่ ง ๆ
เช่น รอยต่อ แบบหลอ่ เหลก็ เสริม และส่ิงที่จะฝังติดในคอนกรีต ใหพ้ ร้อมก่อนกำรเท
การเทคอนกรีตอย่างถูกวิธี
ตาแหน่งและการทศิ ทางการเท : กำรเทคอนกรีตใหเ้ คลื่อนที่ลงในแนวด่ิงใหใ้ กลจ้ ุดที่ตอ้ งกำรจะเทมำกท่ีสุดใน
แบบหลอ่ และหลีกเลี่ยงกำรทำใหค้ อนกรีตเคล่ือนท่ีในแนวรำบ เพือ่ ป้องกนั กำรแยกตวั ของคอนกรีต
ระยะห่างในการเท : ระยะตกอิสระของคอนกรีต ไม่ควรเกิน 1.5 เมตร เพื่อใหม้ นั่ ใจวำ่ เทคอนกรีตไดถ้ ูกตำแหน่ง
ที่ตอ้ งกำร และเพอ่ื ลดกำรแยกตวั ของคอนกรีต
อตั ราการเท : ควรเหมำะสมกบั อตั รำกำรอดั แน่นคอนกรีต
ความหนาของช้ันคอนกรีตที่เท : ควรเทคอนกรีตเป็นช้นั ๆ อยำ่ งสม่ำเสมอ ไมค่ วรเทเป็นกองสูง ควำมหนำของ
กำรแต่ละช้นั ควรเหมำะสมกบั วิธีกำรอดั แน่น เพื่อใหส้ ำมำรถไลฟ่ องอำกำศออกจำกคอนกรีตไดม้ ำกที่สุด
โดยทวั่ ไป ไมค่ วรหนำเกินช้นั ละ 45 เซนติเมตร
รอยต่อระหว่างช้ันการเทคอนกรีต : คอนกรีตในแตล่ ะช้นั ควรไดร้ ับกำรอดั แน่นก่อนที่จะเทช้นั ต่อไป และควร
เทช้นั ต่อไปในขณะท่ีช้นั ล่ำงยงั เหลวอยู่ เพื่อให้คอนกรีตทุกช้นั เช่ือมตอ่ เป็นเน้ือเดียวกนั และหลีกเลี่ยงกำรเกิด
รอยแยกระหวำ่ งช้นั กำรเท (Cold Joint)
ถำ้ ตรวจพบกำรเยม้ิ ของน้ำข้ึนมำบนผวิ คอนกรีตช้นั ท่ีเทก่อนแลว้ ควรหยดุ เทและกำจดั น้ำท่ีเยมิ้ ออกใหห้ มด
ก่อนท่ีจะเทคอนกรีตช้นั ถดั ไป
เมื่อไม่สำมำรถเทคอนกรีตส่วนใดใหแ้ ลว้ เสร็จได้ ใหห้ ยดุ เทตำมตำแหน่งทำใหโ้ ครงสร้ำงเสียควำมแขง็ แรงนอ้ ย
ที่สุด
• กำรเตรียมแบบหล่อก่อนเทคอนกรีต ตอ้ งเตรียมแบบหล่อคอนกรีตให้มน่ั คงแข็งแรง สำมำรถ
รับน้ำหนกั คอนกรีตเหลวและน้ำหนกั บรรทุกอ่ืน ๆ ได้ โดยที่แบบไม่ทรุด บิด หรือโก่งงอ ตอ้ ง
ทำควำมสะอำดแบบหล่อใหส้ ะอำด ไมใ่ หม้ ีส่ิงสกปรกใด ๆ ตกคำ้ งอยใู่ นแบบหล่อ ตอ้ งทำกำร
อดุ รูร่ัวและยำแนวรอยต่อต่ำง ๆ ใหเ้ รียบร้อย โดยไม่ให้น้ำปูนร่ัวไหลออกจำกแบบหลอ่ ได้ ตอ้ ง
จดั วำงเหล็กเสริมและวสั ดุอื่นๆที่ตอ้ งฝังในคอนกรีตให้เรียบร้อยถูกตอ้ งตำมแบบก่อสร้ำง และ
รำยกำรละเอียดทุกประกำร และจะทำกำรเทคอนกรีตในแบบหล่อได้ ตอ้ งได้รับอนุญำตจำกผู้
ควบคุมงำนก่อนทกุ คร้ัง
• กำรวำงแผนงำน, วิธีกำร และกำรเตรียมงำน ผูร้ ับจำ้ งตอ้ งวำงแผนงำนและวิธีกำรเทคอนกรีต
ท้งั หมดก่อนล่วงหนำ้ และวำงแผนงำนและวิธีกำรเทคอนกรีตในแต่ละคร้ัง แผนงำนและวิธีกำร
ท้งั หมดน้ีต้องได้รับควำมเห็นชอบจำกผูค้ วบคุมงำนก่อนจะดำเนินงำน ผูร้ ับจ้ำงตอ้ งเตรียม
กำลงั คน เคร่ืองมืออุปกรณ์เคร่ืองใชต้ ่ำงๆ ที่ใชป้ ระกอบในกำรเทคอนกรีตใหเ้ พียงพอเหมำะสม
และครบถว้ น ก่อนจะเทคอนกรีต ผคู้ วบคมุ งำนอำจสั่งระงบั กำรเทคอนกรีตได้ เมื่อพิจำรณำเห็น
วำ่ กำรเตรียมงำนไม่ดีเพียงพอ
• กำรเทคอนกรีตลงในแบบหลอ่ ตอ้ งเทคอนกรีตให้ใกลจ้ ุดหมำยที่จะเทมำกท่ีสุดที่จะทำได้ หำ้ ม
เทคอนกรีตโดยปล่อยให้ตกลงจำกท่ีสูงเกิน 1.50 เมตร กำรเทคอนกรีตให้เทเป็ นช้นั ๆ ช้ันหน่ึง
หนำไม่เกิน 0.30 เมตร และแต่ละช้นั ตอ้ งใช้เครื่องเขย่ำจ้ีคอนกรีตให้แน่น หรืออำจใชผ้ สมกบั
กำรกระทุ้งด้วยเหล็ก แต่ห้ำมใช้วิธีใช้เคร่ืองเขย่ำจ้ีท่ีแบบหล่อ หรือเคำะท่ีแบบหล่อ กำรจ้ี
คอนกรีตตอ้ งนำนพอท่ีจะทำให้คอนกรีตแน่นแต่ไม่นำนเกินไปจนเกิดกำรแยกตวั ของส่วนผสม
ระยะห่ำงของกำรจ้ีแต่ละคร้ังตอ้ งคงท่ีสม่ำเสมอ ในกำรเทคอนกรีตแต่ละคร้ังจะตอ้ งมีผูค้ วบคุม
งำนดูแลควบคุมอยู่ตลอดเวลำ หำกผูร้ ับจ้ำงทำกำรเทคอนกรีตโดยไม่มีผูค้ วบคุมงำนดูแล
รับผิดชอบแลว้ ผูร้ ับจำ้ งตอ้ งทำกำรทุบร้ือคอนกรีตน้นั ๆ ทนั ที ค่ำใชจ้ ่ำยต่ำงๆ เหล่ำน้ี ผูร้ ับจำ้ ง
รับผดิ ชอบท้งั สิ้น
• กำรเทคอนกรีตต่อเชื่อมกับคอนกรีตเดิม ก่อนเทคอนกรีตใหม่ให้เช่ือมกับคอนกรีตเดิมท่ี
แข็งตัวแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ำ คอนกรีตใหม่ที่จะเท สำมำรถยึดและประสำนกับ
คอนกรีตเดิมไดเ้ ป็ นอย่ำงดี โดยทำให้ผิวคอนกรีตเดิมมีลกั ษณะขรุขระ สะอำด และแข็งแรง
ส่วนของคอนกรีตเดิมตอ้ งไม่แตกร้ำวหรือเกำะกนั ไม่แน่น ถำ้ ตรวจพบวำ่ คอนกรีตเดิมแตกร้ำว
ตอ้ งสกัดส่วนแตกร้ำวออกให้หมด แลว้ รำดผิวคอนกรีตเดิมด้วยน้ำปูนซีเมนตข์ น้ ๆ แลว้ จึงเท
คอนกรีตใหมท่ บั ลงไป ก่อนที่น้ำปนู ซีเมนตข์ น้ ๆ น้นั จะแขง็ ตวั
• ตวั อยำ่ งคอนกรีตที่หำ้ มนำมำใช้
- คอนกรีตท่ีเกิดกำรแยกตวั
- คอนกรีตที่ไหลกองอยขู่ ำ้ งเครื่องผสมหรือกระบะคอนกรีต
- คอนกรีตที่ตกอยรู่ ะหวำ่ งทำงที่จะนำไปเท
- คอนกรีตที่ผสมไวแ้ ลว้ นำนกวำ่ 30 นำที
- คอนกรีตที่ผสมแลว้ มีควำมขน้ เหลวไม่ไดเ้ กณฑท์ ่ีกำหนดให้
- คอนกรีตท่ีมีส่วนผสมหรือคุณภำพของวสั ดุผสมไม่ถกู ตอ้ ง
-คอนกรีตท่ีผคู้ วบคมุ งำนพิจำรณำแลว้ เห็นวำ่ อำจมีควำมแขง็ แรงไม่ไดต้ ำมท่ีกำหนด
ภำพแสดงกำรเทคอนกรีตพ้นื ช้นั 2
ภำพแสดงกำรเทคอนกรีตดว้ ยป้ัม
ขอ้ ควรระวงั : ไมค่ วรเทคอนกรีตตกระทบกบั แบบหล่อเหลก็ เสริม หรือส่ิงที่จะฝังติดในคอนกรีต เพรำะอำจทำ
ใหค้ อนกรีตแยกตวั ได้
สรุปวิธีการตรวจสอบงานเทคอนกรีต
กำรเทคอนกรีตจำนวนมำกในเวลำจำกดั ควรพิจำรณำ
ถึงระยะทำงระหว่ำงโรงงำนกับหน่วยงำนเวลำที่ใช้
ขนส่ง จำนวนจุดเท สภำพกำรจรำจร คุณภำพของ
คอนกรีต กำรเก็บตวั อย่ำงทดสอบ และเครื่องมือที่จะ
ใชง้ ำน
ควำมขน้ เหลวของคอนกรีตที่ใชค้ วรเหมำะสมกบั สภำพ
งำน ไดก้ ำลงั อดั ตำมท่ีกำหนด มีกำรขออนุมตั ิก่อนเททุก
คร้ัง สำหรับคอนกรี ตกำลังสู ง หรื อคอนกรี ตที่มี
ส่วนผสมพิเศษเฉพำะงำน ตรวจสอบให้ได้คุณสมบัติ
ถกู ตอ้ งตำมท่ีไดอ้ อกแบบไว้
เก็บตวั อย่ำงคอนกรีตให้ได้จำนวนชิ้นตำมกำหนดโดย
ระบุวันเดือนปี ที่เท ชนิดและตำแหน่งท่ีใช้งำน เพ่ือ
ทดสอบว่ำไดก้ ำลงั ตำมท่ีตอ้ งกำรหรือไม่และทำตำรำง
บันทึกผลโดยละเอียด อุปกรณ์สำหรับทดสอบต้อง
ไดร้ ับอนุมตั ิแลว้
ควบคุมระยะกำรปล่อยคอนกรีตสู่จุดท่ีตอ้ งกำรไม่ให้สูง
เกินกำหนด เพรำะอำจทำให้ส่วนผสมเกิดกำรแยกตวั ได้
กำรเทคอนกรี ตจำนวนมำกอย่ำงต่อเน่ื องในเวลำจำจดั
ควรใชเ้ ครื่องมือท่ีเหมำะสม เช่น ใชป้ ๊ัมคอนกรีต เป็นตน้
คอนกรีตที่ส่งดว้ ยท่อจะไหลเร็วมำก ระวงั อยำ่ ใหไ้ หลมำ
กองที่จุดใดจุดหน่ึงจนมีน้ ำหนักบรรทุกเกินกว่ำท่ี
ออกแบบไว้ อำจทำให้แบบหล่อแตกหรื อหักได้
ตรวจสอบส่วนผสม และควำมขน้ เหลวใหเ้ หมำะสมกบั
กำรใชป้ ๊ัมคอนกรีต
กำรจ้ีคอนกรี ตอย่ำงถูกวิธีจะช่วยให้คอนกรี ตแน่น
สม่ำเสมอไมเ่ กิดโพรง ระวงั อยำ่ จ้ีใหถ้ กู เหลก็ เสริมเพรำะ
จะเกิดแรงสะเทือนทำให้คอนกรีตที่เริ่มก่อตวั บำงส่วน
เสียกำลงั ไป เครื่องจ้ีควรมีขนำด และจำนวนเหมำะสม
แก่กำรใชง้ ำน
บ่มคอนกรีตทนั ทีที่แข็งตวั ถำ้ เป็นเสำหรือคำนควรใชผ้ ำ้
กระสอบชุบน้ำคลุมให้ทวั่ ผิวหน้ำและฉีดหรือรดน้ำเป็ น
ระยะไม่ปล่อยให้กระสอบแห้ง ถำ้ เป็นผิวพ้ืนรำบอำจใช้
วิธีขงั น้ำไวใ้ หเ้ ปี ยกผิวตลอดเวลำจนกวำ่ จะไดอ้ ำยบุ ่มตำม
กำหนด
ผิวคอนกรีตหลงั ถอดแบบหลอ่ ถำ้ ไม่แน่นเป็นโพรงหรือ
รองผ้ึง ห้ำมใช้ปูนฉำบอุดแต่งผิว ต้องรอให้วิศวกร
ตรวจสอบเพ่ือพิจำรณำแก้ไข ถำ้ เป็ นเล็กน้อยอำจสกัด
เอำหินที่เป็นโพรงออก แลว้ อดั ให้แน่นดว้ ยวสั ดุที่อนุมตั ิ
ใหใ้ ช้
❖ ตรวจสอบ ชนิด และขนำดของแผ่นยำงกนั น้ำ
ให้ตรงกบั ที่ไดร้ ับอนุมตั ิให้ใชใ้ นกำรติดต้งั อย่ำ
ให้มีรอยพบั ชำรุดฉีกขำดเพรำะจะทำให้เกิด
ก ำ ร ร่ั ว ซึ ม ต่ อ แ ผ่ น ย ำง ด้ว ย ก ร ร ม วิ ธี ที่ ผู้ผ ลิ ต
กำหนด เช่น ตอ่ ดว้ ยกำวหรือควำมร้อน
❖ ไม่ลำเลียงคอนกรีตบนเหล็กควรปูกระดำน
รองรับ
❖ ขน ถ่ำยคอ น ก รี ตท่ี ผส ม เองด้วยวิธี กำรท่ี
เหมำะสม
❖ ส่งคอนกรีตดว้ ยรถยกหรือเครนไดป้ ริมำณงำน
นอ้ ย
❖ ใชป้ ๊ัมคอนกรีตไดป้ ริมำณงำนมำกแต่ค่ำใชจ้ ่ำย
สูง
❖ ท่อส่งคอนกรีตด้วยป๊ัมขนั จุดต่อให้แน่นไม่ให้
ร่ัวซึม
❖ เครื่องปำดหนำ้ คอนกรีต จะช่วยใหง้ ำนเสร็จเร็ว
❖ จ้ีคอนกรีตให้ถูกวิธี คอนกรีตจะไม่เกิดกำร
แยกตวั
❖ กำรเทคอนกรีตปริมำณมำกๆๆตอ้ งมีคนงำนมำก
พอ
❖ คอนกรีตที่มีส่วนผสมเหมำะสมจะได้เน้ืองำน
สวย
❖ ปำดคอนกรีตให้ได้ระดับ เตรียมพ้ืนผิวตำมท่ี
ระบุไว้
❖ รอยร้ำวของคอนกรีตอำจจะทำใหเ้ กิดกำรรั่วซึม
❖ กลบทรำยให้แน่นก่อน แลว้ จึงจะดึงเข็มพืดข้ึน
ได้
❖ กำรบ่มโดยใช้แผ่นพลำสติกหุ้มตอ้ งให้วิศวกร
อนุมตั ิ
❖ บ่ ม ค อ น ก รี ต ด้วย ก ระ ส อ บ ชุ บ น้ ำให้ ช้ื น
ตลอดเวลำ
❖ ส่วนที่เป็ นพ้ืนรำบอำจบ่มด้วยวิธีใช้น้ ำขังก็
ไดผ้ ลดี
❖ เกบ็ ตวั อยำ่ งคอนกรีต เพื่อทดสอบควำมแขง็ แรง
❖ แสดงกำรทดสอบคอนกรีตท่ีเทแล้วในพ้ืนที่
ก่อสร้ำง
❖ เครื่องทดสอบกำลังคอนกรีตต้องอ่ำนค่ำได้
ถูกตอ้ ง
7.3 งานรอยต่อคอนกรีตระหว่างการก่อสร้าง
7.3.1 รอยตอ่ เผ่ือกำรขยำยตวั (Expansion Joints) ทำใหร้ อยตอ่ เผื่อกำรขยำยตวั ตำมที่ระบุไวใ้ นแบบ
หรือตำมที่ผอู้ อกแบบพิจำรณำเห็นควร อยำ่ งไรก็ตำม ตอ้ งไมว่ ำงเหลก็ เสริมหรือโลหะอื่นใดที่ฝังยดึ ปลำยท้งั
สองขำ้ งอยใู่ นคอนกรีตโดยผำ่ นรอยต่อเผอ่ื กำรขยำยตวั น้ี
7.3.2 รอยต่อในกำรก่อสร้ำง (Construction Joints) ผูร้ ับจำ้ งตอ้ งยื่นผงั แสดงรอยต่อในกำรก่อสร้ำงเพื่อ
ขอรับควำมเห็นชอบจำกผูค้ วบคมุ งำนก่อน กำรเทคอนกรีตให้เทลกั ษณะติดต่อกนั เพื่อให้เป็นเน้ือเดียวกนั รอยต่อ
ท่ีไม่แสดงไวใ้ นแบบจะตอ้ งอยใู่ นแนวท่ีไม่ทำให้โครงสร้ำงเสียควำมแข็งแรง หรือควำมสวยงำม กำรเทคอนกรีต
ตอ้ งรวดเร็วพอท่ีจะไม่ทำให้คอนกรีตที่เทไวแ้ ข็งตวั ก่อนท่ีเทคอนกรีตซ้ำ คำนและพ้ืนตอ้ งต้งั แบบหล่อพร้อมกนั
ทีเดียว
ใบงานท่ี 7
วิชา การควบคมุ และวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหัสวิชา 30121-2101 หน่วยท่ี 7
ช่ือหน่วย การลาเลยี งและงานเทคอนกรีต สอนคร้ังท่ี 7
ช่ืองาน การลาเลยี งและงานเทคอนกรีต เวลา 3 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์
เมื่อฝึกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยเก่ียวกบั งำนเทคอนกรีตได้
2. อธิบำยเกี่ยวกบั งำนรอยต่อคอนกรีตระหวำ่ งกำรก่อสร้ำงได้
3. อธิบำยกำรตรวจสอบหลงั กำรเทคอนกรีตได้
เคร่ืองมือ - อุปกรณ์
1.เอกสำรใบงำน
ลาดบั ข้ันการปฏบิ ตั งิ าน
1. ครูอธิบำยรำยละเอียดเกี่ยวกบั กำรลำเลียงและงำนเทคอนกรีต
2. ครูแจกใบงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิตำมใบงำน
3. ครูสรุปในรำยละเอียดหวั ขอ้ ต่ำงๆของแบบฝึกหดั
การประเมินผล
1. นกั ศึกษำสำมำรถอธิบำยกำรลำเลียงและงำนหลอ่ คอนกรีตได้
2.ประเมินผลจำกผลกำรปฏิบตั ิใบงำน
แบบประเมินผลก่อนเรียนหน่วยที่ 7 เร่ือง การลาเลยี งและงานเทคอนกรีต
คาสั่ง จงเติมคำใหส้ มบูรณ์ในแต่ล่ะหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1.กำรเทคอนกรีต คืออะไร?
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
2.กำรเทคอนกรีตอยำ่ งถูกวิธีทำไดอ้ ยำ่ งไร?
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
3.กำรอดั แน่นคอนกรีตคืออะไร?
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………
4.วธิ ีกำรอดั แน่นคอนกรีต
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………
5.วิธีกำรอดั แน่นคอนกรีตท่ีดีทำไดอ้ ยำ่ งไร?
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………
แบบประเมินผลหลงั เรียนหน่วยที่ 7 เร่ือง การลาเลยี งและงานเทคอนกรีต
คาส่ัง จงอธิบำยรำยละเอียดในแต่ล่ะหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
1. จงอธิบำยเก่ียวกบั กระบวนกำรของงำนงำนลำเลียงคอนกรีตมำพอเขำ้ ใจ(ไมน่ อ้ ยกวำ่ 3 บรรทดั )
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................
2.กำรอดั แน่นคอนกรีตคืออะไร?
2.1.1...........................................................................................
2.1.2...........................................................................................
2.1.3...........................................................................................
2.1.4...........................................................................................
3.จงอธิบำยวำ่ แบบหลอ่ คอนกรีตคืออะไร?
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.............................................................................
4.จงบอกรำยกำรตรวจสอบแบบหลอ่ คอนกรีตมำอยำ่ งนอ้ ย5 ขอ้
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………….
แผนการจดั การเรียนรู้
วิชา การควบคุมและวางแผนการก่อสร้างงานโยธา รหสั วชิ า 30121-2101
หน่วยที่ 8 เร่ือง งานไม้และงานเหลก็ โครงสร้าง เวลา 3 ช่ัวโมง
หวั เร่ือง-หัวข้อย่อย
8.1 ควำมรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกบั ไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
8.2 งำนไมโ้ ครงสร้ำง
8.3 งำนเหลก็ โครงสร้ำง
สาระสาคญั
1. ไมแ้ ละเหลก็ เป็นทรัพยำกรธรรมชำติ จึงตอ้ งนำมำใชอ้ ยำ่ งระมดั ระวงั ไมถ้ กู นำมำแปรรูปเป็นลำดบั
แรกแลว้ จึงนำมำใชง้ ำน อุตสำหกรรมก่อสร้ำงใชไ้ มม้ ำกและสิ้นเปลืองที่สุด ส่วนเหล็กตอ้ งผำ่ นกระบวนกำร
ผลิตในระบบอุตสำหกรรม เหลก็ ท่ีใชใ้ นงำนโครงสร้ำงอำคำรจะเป็นเหลก็ กลำ้ และเหลก็ กลำ้ ผสม ท่ีผลิตใน
ลกั ษณะเหลก็ รูปพรรณ ผคู้ วบคมุ งำนจำเป็นอยำ่ งยงิ่ ท่ีตอ้ งทรำบถึงลกั ษณะและคณุ สมบตั ิทวั่ ไปของไมแ้ ละ
เหลก็ โครงสร้ำงก่นกำรตรวจสอบงำนไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
2. ผคู้ วบคมุ และกำรตรวจงำนไมก้ ่อสร้ำง จะตอ้ งศึกษำมำตรฐำนตำ่ งๆของไมส้ ำหรับงำนโครงสร้ำง
กำรตรวจสอบจะเร่ิมต้งั แต่ก่อนกำรก่อสร้ำงโดยตรวจสอบลกั ษณะทว่ั ไป กำรจดั เตรียมไมใ้ นสนำมจนถึงกำร
ตรวจสอบงำนโครงสร้ำงและรอยต่อต่ำงๆในขณะก่อสร้ำง
3. กำรควบคมุ และกำรตรวจงำนเหลก็ โครงสร้ำง จะเริ่มที่กำรศึกษำมำตรฐำนต่ำงๆของเหลก็ โครงสร้ำง
รูปพรรณ กำรตรวจสอบท่ีสำคญั ของโครงสร้ำงเหลก็ คือ รอยต่อและกำรต่อเช่ือม และตรวจสอบกำรประกอบ
และติดต้งั โครงสร้ำงเหลก็ ในขณะก่อสร้ำง
จุดประสงค์การเรียน การสอน
จุดประสงค์ท่วั ไป
เมื่อศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1. อธิบำยควำมรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั ไมแ้ ละเหลก็ ได้
2. อธิบำยกำรตรวจและควบคมุ งำนไมโ้ ครงสร้ำงได้
3. อธิบำยกำรตรวจและควบคมุ งำนเหลก็ โครงสร้ำงได้
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
เม่ือศึกษำจบหน่วยกำรเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษำจะสำมำรถ
1.อธิบำยคณุ สมบตั ิและลกั ษณะของไมไ้ ด้
2.อธิบำยคณุ สมบตั ิและลกั ษณะของเหลก็ โครงสร้ำงได้
3.อธิบำยมำตรฐำนของไมส้ ำหรับงำนโครงสร้ำงได้
กจิ กรรมการเรียน- การสอน
กจิ กรรมครู กจิ กรรม การสอน
ข้นั นำ
อธิบำยควำมควำมหมำย ควำมสำคญั ประโยชน์ ของงำนไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำงเพื่อนำเขำ้ สู่
บทเรียน
ข้นั ใหข้ อ้ มลู
1.อธิบำย ควำมหมำย ควำมสำคญั เน้ือหำสำระ เร่ืองงำนไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำงหวั ขอ้ ต่ำงๆในเอกสำร
ประกอบกำรสอน
2. อธิบำยกระบวนกำรงำนก่อสร้ำง ควำมรู้พ้นื ฐำน หนำ้ ที่ และหลกั ปฏิบตั ิงำนไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำง
3. มอบหมำยงำนใหน้ กั ศึกษำปฏิบตั ิงำน ตำมใบงำน และควบคุม ดูแลกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
4. ตรวจผลงำนกำรปฏิบตั ิงำน และรำยงำนกำรปฏิบตั ิงำนของนกั ศึกษำ
ข้ันสรุป
สรุปสำระสำคญั เร่ืองงำนไมแ้ ละเหลก็ โครงสร้ำงและสรุปผลจำกกำรปฏิบตั ิงำนตำมใบงำน
กจิ กรรมนักศึกษา กจิ กรรม การเรียน
1. บอกจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
2. ครูบรรยำยสำระสำคญั
3. นกั เรียนทำกำรอภิปรำยกล่มุ ยอ่ ย
4. นกั เรียนทำกิจกรรมตำมที่ครูมอบหมำย
5. ครุและนกั เรียนช่วยกนั สรุป
6.นกั เรียนทำกิจกรรมตำมท่ีครุมอบหมำย
7.นกั เรียนทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้
1. เอกสำรประกอบกำรสอนวชิ ำกำรควบคุมและวำงแผนกำรก่อสร้ำงงำนโยธำ
2. ส่ือแผน่ ใส และส่ือนำเสนอ (Presentation)
3. ส่ือ power point
4.ใบงำน
5.แบบประเมินผลกำรเรียนรู้
ประเมนิ ผล
1. แบบประเมินผลหลงั กำรเรียน
2. ประเมินผลจำกใบงำน
3. กำรทำแบบประเมินผลกำรเรียนรู้
บรรณานุกรม
จรัญพฒั น์ ภูวนนั ท์ กำรก่อสร้ำงดว้ ยเหลก็ กรุงเทพมหำนคร ภำควชิ ำเทคนิคสถำปัตยกรรม คณะ
สถำปัตยกรรมศำสตร์ มหำวิทยำลยั ศิลปกร 2542
ตระกลู อร่ำมรักษ์ กำรออกแบบโครงสร้ำงไม้ กรุงเทพมหำนคร ภำควิชำวศิ วกรรมโยธำ คณะ
วิศวกรรมศำสตร์ มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์ 2526
พิภพ สุนทรสมยั เทคนิคกำรสร้ำงอำคำรเบ้ืองตน้ กรุงเทพมหำนคร ภำควิศวกรรมโยธำ คณะวศิ วกรรมโยธำ
มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลำ้ ธนบุรี
บนั ทกึ หลงั การสอน
หน่วยที่ 8
งานไม้และเหลก็ โครงสร้าง
8.1 ความรู้ท่วั ไปเกย่ี วกบั ไม้และเหลก็ โครงสร้าง
ไม้ เป็นวสั ดุแข็งที่ทำจำกแก่นลำตน้ ของตน้ ไม้ ส่วนใหญ่เป็นไมย้ นื ตน้ โดยแบ่งเป็นไมเ้ น้ือแข็ง เช่น ไม้
สัก ไมเ้ ต็ง ไม้แดง และไมเ้ น้ืออ่อน เช่น ไม้ยำงพำรำ โดยนิยำมแลว้ ไม้ จะหมำยถึงเน้ือเย่ือไซเล็มช้ันที่สอง
(Xylem) ของตน้ ไม้ แต่ในควำมเขำ้ ใจไม้ อำจหมำยรวมไปถึงวสั ดุใดๆ ที่มีส่วนประกอบทำมำจำกไมด้ ว้ ย
ไม้สำมำรถใช้ประโยชน์ได้หลำกหลำย ประโยชน์อย่ำงหน่ึงคือ ใช้เป็ นเช้ือเพลิง เช่น ถ่ำนหรือฟื น
บำงคร้ังก็ใชใ้ นงำนศิลปะ ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำอำวธุ หรือเป็นวสั ดุก่อสร้ำง ไมย้ งั คงเป็นส่วนประกอบสำคญั ในกำร
ก่อสร้ำง ต้งั แต่มนุษยเ์ ริ่มสำมำรถสร้ำงบำ้ นท่ีอยอู่ ำศยั หรือเรือ โดยเรือแทบทุกลำในช่วงปี 80 ทำมำจำกไมแ้ ทบ
ท้งั สิ้น ซ่ึงในปัจจุบนั บำ้ นหรือเรือที่ทำจำกไม้ เริ่มมีจำนวนลดลง โดยปัจจุบนั มีกำรนำวสั ดุอ่ืนมำใชใ้ นกำรสร้ำง
แทน แต่ว่ำไมย้ งั คงมีส่วนสำคญั ในดำ้ นกำรเสริมโครงสร้ำง หรือเป็นวสั ดุเสริม โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในกำรสร้ำง
หลงั คำ และของประดบั นอกบำ้ น ไมท้ ี่ใชใ้ นงำนก่อสร้ำงรู้จกั กนั ในชื่อ ไมแ้ ปรรูป
ไมโ้ ดยสภำพแลว้ ไม่เหมำะที่จะนำมำใช้ในกำรก่อสร้ำงโดยตรง เนื่องจำกอำจจะมีกำรแตกหักใน
โครงสร้ำง จึงตอ้ งนำไปแปรรูปเป็นอยำ่ งอ่ืนก่อน เช่น ไมอ้ ดั ,chipboard, engineered wood, hardboard, medium-
density fibreboard (MDF) , oriented strand board (OSB) เป็ นตน้ ไมด้ ังกล่ำวน้ีใช้ประโยชน์กันในวงกวำ้ ง อีก
ท้งั เยอื่ ไมย้ งั เป็นส่วนประกอบสำคญั ใกำรผลิตกระดำษอีกดว้ ย เซลลูโลส (cellulose) ท่ีอยู่ในไมย้ งั ใชก้ ำรทำวสั ดุ
สังเครำะห์ ซ่ึงไม้ยงั ใช้ประโยชน์ในกำรทำอุปกรณ์อ่ืนนอกเหนือจำกกำรก่อสร้ำง เช่น ใช้ทำตะเกียบ เคร่ือง
ดนตรี เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ
ไม้เนื้ออ่อนกบั ไม้เนื้อแข็ง หลกั เกณฑ์การแบ่งไม้เนื้ออ่อนและเนื้อแข็ง
ปัจจุบนั น้ีเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ตอ้ งกำรสร้ำงบำ้ นไมห้ รือใชไ้ มใ้ นงำนโครงสร้ำงตำ่ งๆ มกั จะถำมทำงผูท้ ำกำร
สร้ำงบำ้ นวำ่ ใชไ้ มเ้ น้ือแขง็ หรือไมเ้ น้ืออ่อนในกำรก่อสร้ำงโดยทำงผซู้ ้ือก็จะมีควำมเช่ือวำ่ ไมเ้ น้ือแขง็ จะตอ้ งดีกว่ำ
ไมเ้ น้ืออ่อนเสมอ ซ่ึงควำมเป็นจริงแลว้ ไมเ้ น้ืออ่อนบำงชนิดก็ยงั แขง็ แรงกว่ำไมเ้ น้ือแขง็ และเหมำะสมกว่ำไมเ้ น้ือ
แขง้ ในงำนก่อสร้ำงดว้ ย
โดยควำมเป็นจริงแลว้ ควำมหมำยของไมเ้ น้ือแขง็ กบั เน้ืออ่อนจะไมจ้ ะมีแบ่งโดยอำ้ งอิงมำจำกสำยพนั ธุ์ของไม้
น้นั ๆ ไม่ใช่เป็ นกำรพิจำรณำท่ีควำมแขง็ ของเน้ือไมต้ ำมที่คนหลำยคนเขำ้ ใจกนั ในปัจจุบนั ไมเ้ น้ืออ่อนเป็ นคำท่ี
ใช้เรียกทำงพนั ธุศำสตร์ท่ีใชเ้ รียกไมจ้ ำกไมต้ ระกูลไมส้ น ไมส้ พรูซ ไมซ้ ีดำ้ ร์ ไมล้ ำ้ ช ไมเ้ ฟอร์ ดคั ลำสเฟอร์ เฮม
ลอ็ ค ไซเพรส เรดวดู้ และเยล โดยหลกั เกณฑก์ ำรแบ่งไมเ้ น้ือออ่ นไมเ้ น้ือแขง็ ตำมหลกั สำกลเป็นดงั น้ี
ภำพแสดงลกั ษณะใบของไมเ้ น้ืออ่อน เปรียบเทียบกบั ไมเ้ น้ือแขง็
8.2 งานโครงสร้างไม้
โครสร้ำงไม(้ Timber structure) แบง่ ตำมลกั ษณะของกำรรับแรง ไดด้ งั น้ี คือ โครงสร้ำงรับแรงดดั โครงสร้ำง
รับแรงดึง และโครงสร้ำงรับแรงอดั ซ่ึงจะมีควำมแขง็ แรงทนทำนงำนไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั จะตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์ใน
กำรยดึ ใหถ้ ูกตอ้ ง มีควำมเหมำะสมกบั ชนิดของงำตน ซ่ึงไดแ้ ก่ ตะปู(NAIL) สลกั เกลียว (BOLT) วงแหวนผำ่
(SPLIT RING) เป็นตน้ อุปกรณ์ตำ่ งๆดงั กลำ่ วจะตอ้ งคำนวณออกแบบขนำดและชนิดใหเ้ หมำะสมกบั ชนิดงำน
หรือใหส้ ำมำรถยดึ ร้ังชิ้นส่วนของโครงสร้ำงไมไ้ ดอ้ ยำ่ งแข็งแรงปลอดภยั
กำรเลือกใชไ้ มส้ ำหรับงำนโครงสร้ำง ควรคำนึงถึงคณุ ภำพของไมว้ ำ่ ไดม้ ำตรฐำนตำมที่กำหนด เช่นไม่
มีกระพ้ี ไม่มีรอยแตก หรือผุ เป็นตน้ อำยขุ องไมจ้ ะตอ้ งมำกพอ เพรำะถำ้ เป็นไมเ้ น้ือออ่ นจะขำดควำมแขง็ แรง
อยำ่ งไรกต็ ำมถำ้ เป็นโครงสร้ำงขนำดใหญ่ ควรมีกำรทดสอบควำมแขง็ แรงของไมท้ ่ีจะใชน้ ำมำก่อสร้ำงและถำ้
ระบุใหอ้ บไม้ หรืออดั น้ำยำไมเ้ พอื่ ลดกำรบิดงอและขจดั ศตั รูที่ทำลำยเน้ือไมก้ ็ตอ้ งตรวจสอบใหไ้ ดค้ ณุ ภำพตำมที่
กำหนดดว้ ย
สรุปวธิ ีการตรวจงานงานไม้โครงสร้าง
❖ วงประจำปี จะบอกถึงอำยแุ ละควำมสำมำรถในกำรรับแรง
ของไม้ ไมเ้ ลื่อยขนำนและเล่ือยต้งั ฉำกกบั วงปี จะมีกำร
ยดื หดตวั และมีควำมสำมำรถรับแรงต่ำงกนั โครงสร้ำงที่
ใชไ้ มร้ ับน้ำหนกั ตรวจลกั ษณะไมใ้ หเ้ หมำะแก่กำรใชง้ ำน
❖ ไมแ้ ต่ละชนิดมีคุณสมบตั ิ และลกั ษณะซ่ึงไดแ้ ก่สี เส้ียน
ลำย ควำมแข็งแกร่งแตกต่ำงกนั กำรตรวจสอบวำ่ เป็ นไม้
ชนิดท่ีตอ้ งกำรหรือไม่ จึงควรมีควำมรู้ในกำรดูเน้ือไม้
ซ่ึงขอทรำบรำยละเอียด และวิธีกำรพิจำรณำไดจ้ ำกกรม
ป่ ำไม้
❖ คดั เลือกคุณภำพเน้ือไมใ้ ห้ไดต้ ำมกำหนดไม่มีกระพ้ี ตำ
ไม้ หรื อตำหนิต่ำงๆเกินกว่ำค่ำที่ยอมให้ ในกรณี ท่ี
ตอ้ งกำรปูไมต้ ่อกนั เป็ นพ้ืนท่ีกวำ้ งๆควรคดั เลือกเน้ือไมท้ ่ี
กนั ไดท้ ้งั หมด ลวดลำยและสีสันไม่ใหต้ ่ำงกนั จนดูขดั ตำ
❖ ควำมช้ืนของเน้ือไม้ ให้อยู่ภำยในเกณฑท์ ่ีกำหนด จดั กำร
ผ่ึงไม้ท่ีมีควำมช้ืนสูงอย่ำงถูกวิธี โดยเรียงไม้ให้เป็ น
ระเบียบมีขนำดกองที่เหมำะสม และอยู่ในพ้ืนที่ที่มี
อำกำศถำ่ ยเทไดท้ ว่ั ถึงตลอดเวลำ
❖ ตรวจสอบกำรเขำ้ ไมแ้ ละกำรต่อไมใ้ หเ้ ป็นไปตำมรูปแบบ
รำยกำร ไสไม้ให้ได้คุณสมภำพตำมตัวอย่ำงที่ได้รับ
อนุมัติ และมีขนำดตำมกำหนด อำจคลำดเคล่ือนได้
ภำยในเกณฑ์ท่ียอมให้ วสั ดุยึดไมใ้ ห้เป็ นไปตำมชนิดท่ี
ไดร้ ับอนุมตั ิ
❖ หลงั จำกประกอบโครงสร้ำงท่ีทำดว้ ยไมเ้ สร็จแลว้ จะตอ้ ง
มีกำรอบไม้ ทำน้ำยำกันปลวก และน้ำยำรักษำเน้ือไม้
ชนิดของน้ ำยำท่ีใช้ และจำนวนคร้ังท่ีทำเป็ นไปตำม
กำหนด เพ่ือใหไ้ ดโ้ ครงสร้ำงไมท้ ่ีมีคุณภำพ
❖ ไม้สำหรับงำนโครงสร้ำงควรตรวจสอบควำมแข็งแรง
ก่อนใช้ กำรประกอบเขำ้ เป็นโครงสร้ำง ให้ตรวจวดั ระยะ
กำรเข้ำไม้ และจุดต่อยืด ซ่ึงต้องแน่นกระชับ เพื่อให้
โครงสร้ำงมีควำมมน่ั คง รับน้ำหนกั ไดต้ ำมตอ้ งกำร
❖ กำรยดึ ไมด้ ว้ ยสลกั เกลียว แป้นเกลียว และวงแหวำนให้มี
ขนำด จำนวน และตำแหน่งถูกตอ้ ง มีกำรขนั ยดึ อย่ำงแน่น
สนิทแข็งแรงด้วยวิธีที่ไม่ทำให้เน้ือไม้เกิดกำรแตกร้ำว
เสียหำย
❖ กำรติดต้งั โครงสร้ำงไม้ ท้งั ในแนวระดบั แนวรำบ แนวด่ิง
ระยะห่ำง ตำแหน่งของตวั ไมใ้ ห้เป็ นไปตำมแบบ อย่ำต่อ
ไม้ในจุดท่ีห้ำมต่อ เพ่ือไม่ให้เกิดจุดอ่อนในกำรรับแรง
ตรวจควำมเรียบร้อยแขง็ แรงก่อนดำเนินงำนในข้นั ตอ่ ไป
❖ ไมท้ ี่ถกู แสงแดดโดยตรงในขณะผ่ึง อำจบิดงอได้
❖ ตดั หวั ไมไ้ ดม้ ุมถกู ตอ้ ง เพ่ือตอ่ กนั ไดแ้ นบสนิท
❖ ตรวจลำยท่ีแกะสลกั บนเน้ือไมใ้ หถ้ ูกตอ้ งตำมแบบ
❖ เลือกไมท้ ่ีตรงไมบ่ ิดงอแตกร้ำวเพ่ือเขำ้ ไมไ้ ดส้ นิท
❖ ประกอบไมท้ กุ ตวั ใหถ้ กู ตอ้ งตำมรูปแบบท่ีกำหนด
❖ ตรวจสอบควำมประณีตเรียบร้อยแขง็ แรงสวยงำม
❖ กำรเขำ้ ไม้ ตอ้ งสนิทแน่นไม่หลวม หรือมีร่องห่ำง
❖ เขำ้ ไมใ้ หถ้ กู ตอ้ งตำมรำยละเอียดที่กำหนดไว้
❖ ขนำดและระยะของโครงสร้ำง ตอ้ งไดต้ ำมแบบ
❖ ตรวจสอบกำรยดื ไมใ้ หถ้ ูกตอ้ งและมีควำมแขง็ แรง
❖ งำนไมต้ อ้ งกำรช่ำงท่ีมีฝีมือจึงจะไดง้ ำนที่มีคณุ ภำพ
❖ กำรประกอบไม้ ตอ้ งใหไ้ ดด้ ่ิง ไดฉ้ ำกตำมแบบ
❖ ควรทำน้ำยำป้องกนั ปลวกและน้ำยำรักษำเน้ือไม้
❖ เลือกชนิดของไมใ้ หไ้ ดต้ ำมรำยกำรประกอบแบบ