40
4.7.2) Bowstring sign ผู้ปว่ ยนอนหงาย งอเข่า เส้นประสาทที่อยู่ใต้เข่าจะ
หยอ่ น เอานิว้ โปง้ ทั้ง 2 ขา้ งกดเส้นประสาทใต้ขาพับ ทาให้เส้นประสาทตึง ถ้ามีปัญหา
จะมอี าการปวดหลงั ขณะกด ถ้าปล่อยมอื อาการปวดจะหายไป แสดงวา่ มีปัญหาท่ีราก
ประสาท L4-L5
ภาพแสดง การทา Straight leg raising test ภาพแสดง การทา Bowstring sign
2.2.2 การตรวจทางระบบกลา้ มเนือ้ (Muscle system)
1) หลกั การตรวจกาลังของกลา้ มเนื้อ
กล้ามเน้ือ (Muscle) มีหน้าท่ีหลัก ทาให้เกิดการเคล่ือนไหวของข้อต่างๆและช่วยใน
การทรงตัว สามารถแบง่ ประเภทของกลา้ มเน้อื ตามการเคลอ่ื นไหวของขอ้ ไดด้ ังนี้
- Agonist หรือ Prime mover หมายถึง กล้ามเน้ือหลักท่ีทาให้เกิดการเคล่ือนไหว
ของขอ้ ในทศิ ทางใดทิศทางหน่งึ
- Antagonist หมายถึงกล้ามเนื้อท่ีทาให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อในทิศทางตรงกัน
ข้ามกบั การเคลอื่ นไหวทเี่ กดิ จากการหดตวั ของกลา้ มเน้ือหลัก
- Synergist หมายถงึ กล้ามเนื้อท่ีหดตัวพร้อมๆกับกล้ามเนื้อหลัก อาจเป็นกล้ามเนื้อ
ทท่ี าให้เกดิ การเคลือ่ นไหวเชน่ เดยี วกนั หรอื ทาใหเ้ กิดการเคลือ่ นไหวทข่ี ้ออื่นซึ่งสมั พันธ์กัน
- Fixator หรือ Stabilixer หมายถึง กล้ามเน้ือที่หดตัวเพ่ือตรึงการเคลื่อนไหวของข้อ
ทีอ่ ยู่ต้นกวา่ ในขณะทีก่ ลา้ มเน้อื หลกั หดตัว เพือ่ ทาใหเ้ กิดการเคลอ่ื นไหวของข้อท่ีอยูถ่ ดั ไป
2) ปัจจัยที่เก่ียวขอ้ งกับการตรวจกาลังของกล้ามเนอ้ื
1. มีกล้ามเน้ือหลายมัดที่หดตัวพร้อมๆกัน และทาให้เกิดการเคล่ือนไหวของข้อใน
ทิศทางเดยี วกัน
2. กล้ามเนื้อหลายมัดที่ทาให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อเพียงข้อเดียว (one-joint
muscle) เชน่ กลา้ มเน้ือ Deltoideus, Brachialis, Gluteus maximus และ Soleus เปน็ ต้น
3. กล้ามเน้ือบางมัดสามารถทาให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อมากกว่าหน่ึงข้อ (Multi-
joint muscle) เช่น กล้ามเนื้อ Flexor digitorum longus, Rectus femoris และ
Hamstrings เป็นตน้
41
4. เมอื่ กล้ามเน้ือท่ีทาให้เกดิ การเคลอ่ื นไหวของขอ้ เดียว หดตัวพร้อมกับกล้ามเนื้อที่ทา
ให้เกิดการเคล่ือนไหวของหลายข้อ เราสามารถทาให้การหดตัวหรือการทางานของกล้ามเน้ือ
ชนิดแรกเด่นชัดขึ้น โดยการทาให้กล้ามเน้ือชนิดหลังอยู่ในลักษณะท่ีเสียเปรียบเชิงกล
ตวั อยา่ งเชน่
- การงอเข่าในขณะเหยียดข้อตะโพกทาให้กล้ามเนื้อ Hamstrings หย่อนตัวและ
กล้ามเนื้อ Gluteus maximus จะหดตวั ได้เต็มที่และทาให้ขอ้ ตะโพกเหยยี ด
- การหงายปลายแขนและข้อมือในขณะที่ข้อศอกอยู่ในท่าเหยียด ทาให้กล้ามเนื้อ
Biceps Brachialis ตงึ เกนิ ไป การหงายขอ้ มอื จงึ เกดิ จากการทางานของกลา้ มเนื้อ Supinator
5. ควรคานึงถึงการจัดเตรียมท่า (Starting position) เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ถูกตรวจหด
ตัวได้เต็มท่ีและให้เกิดการเคล่ือนไหวของข้อในทิศทางที่ต้องการ โดยอาศัยหลักการทาง
กลศาสตร์ เม่ือกล้ามเนื้อหดตัวในขณะท่ีแนวแรงดึงต้ังฉากกับกระดูกท่ียึดเกาะ จะทาให้เกิด
แรงดึงต่อกระดูกมากกว่าเม่ือแนวแรงดึงขนานหรือเฉียง นอกจากนี้ เมื่อระยะทางระหว่างแรง
ดงึ ทีต่ ั้งฉากกับจดุ หมุนของขอ้ เพิ่มมากขน้ึ แรงบิด ทเ่ี กดิ ข้นึ ตอ่ ข้อนน้ั ย่งิ เพ่มิ มากข้ึน
6. การตรวจกล้ามเนื้อถอดผ่านหลายข้อ ควรหลีกเล่ียงท่าที่ทาให้กล้ามเนื้อนั้นหย่อน
อกี นัยหน่ึงคอื ทาใหค้ วามยาวของกล้ามเน้ือสั้น ก่อนท่ีจะหดตัว เพราะจะทาให้กล้ามเน้ือหดตัว
ได้ไม่เต็มที่ในทางตรงกันข้าม ควรจัดมุมของข้อก่อนการตรวจให้เหมาะสมเพ่ือให้กล้ามเนื้อน้ัน
ยืดออกและตึง ทาให้กล้ามเนื้อหดเกร็งเต็มที่ ท้ังน้ีอาศัยหลักการทางสรีรวิทยาเกี่ยวกับความ
ยาวของกล้ามเนอื้ และความตึงตวั ของกลา้ มเนื้อ
7. การตรวจกาลังของกลา้ มเนอื้ (Strength) ดว้ ยมือ เป็นการตรวจแรง ท่ีเกิดจากการ
หดตัวของกล้ามเน้ือมัดหนึ่งหรือกลุ่มหน่ึง ทาให้เกิดการเคลื่อนไหวของข้อ น่ันคือ ในช่วงแรก
ควรตรวจการเคล่ือนไหวของขอ้ ทีเ่ กดิ จากการหดตวั ของกล้ามเน้ือแบบ Isotonic contraction
และถ้ากล้ามเนื้อมีกาลังมากพอ จึงตรวจดูว่ากล้ามเนื้อน้ันสามารถเกร็งต้านแรงได้มากน้อย
เพียงใด นั่นคือตรวจกาลังกล้ามเนื้อในขณะที่ข้อไม่เคล่ือนไหว หรือท่ีเรียกว่า Isometric
contraction (Resisted)
8. ในขณะตรวจกาลังของกล้ามเน้ือ ถ้าใช้แรงต้านที่มากเกินกาลังของกล้ามเน้ือชนิด
นั้นที่ทาให้ข้อเพียงข้อเดียวเคล่ือนไหว กล้ามเนื้อมัดอ่ืนท่ีทาให้เกิดการเคลื่อนไหวในทิศทาง
เดยี วกันจะหดตวั ชว่ ยด้วย และอาจทาให้การประเมินกาลังของกล้ามเนื้อนั้นผิดพลาดได้ จึงพึง
ระวงั เมอ่ื ใช้แรงตา้ นตอ่ กล้ามเนอื้ มดั เล็กๆ
9. ควรตรวจการเคลอ่ื นไหวของขอ้ ก่อนการตรวจกาลงั กล้ามเน้ือเสมอ เพราะข้อที่ไม่มี
การเคลื่อนไหวเลย อาจเกิดเน่ืองจากกล้ามเนื้อยึด ข้อติด (Contracture) หรือเกิดเน่ืองจาก
การเกร็ง (Spasticity) ของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆข้อ ซึ่งการยืดกล้ามเน้ืออย่างช้าๆ (Passive
Stretching) ทาให้อาการเกร็งลดน้อยลงและข้อสามารถเคล่ือนไหวได้คล่องยิ่งขึ้น ทาให้
42
สามารถตรวจแยกสภาวะข้อติดหรือเกร็ง ออกจากการอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตของกล้ามเน้ือ
ได้
10. การตรวจกาลังกล้ามเน้ือ ควรเปล้ืองเสื้อผ้าบางส่วนออก เพ่ือจะได้เห็นลักษณะ
ผิดปกติของกล้ามเน้ือท่ีลีบ (Atrophy, Wasting) ได้ชัดเจน และสามารถคลาหรือเห็นการหด
เกรง็ ของกลา้ มเน้อื และเอ็นได้ชัดเจนยง่ิ ข้ึน
11. ควรใช้มือทง้ั สองข้างจับสว่ นต้นและส่วนปลายของข้อเสมอในขณะตรวจ ทั้งน้ีเพื่อ
ชว่ ยประคองข้อเม่อื กลา้ มเนือ้ ออ่ นแรง หรอื ชว่ ยตรึงส่วนตน้ ของขอ้ ไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ทาให้
กล้ามเนื้อทกี่ าลงั ถกู ตรวจหดตวั ไดเ้ ตม็ ท่ี อกี ทง้ั ช่วยยบั ยัง้ การเกดิ Trick movement
12. Trick movement คือ การเคล่ือนไหวของข้อ เมื่อกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือ
หลายมัดมีอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อมัดท่ีเหลือก็ยังหดตัวได้อย่างปกติ ทาให้เกิดการ
เคล่อื นไหวของขอ้ ได้เชน่ เดมิ
13. การให้เกร็งกล้ามเนื้อเต็มท่ี ในขณะท่ีกล้ามเนื้ออยู่ในท่าหดส้ันอยู่แล้ว อาจทาให้
เกดิ ตะคริว (Cramp)
3) Motor system
เป็นการตรวจดวู ่ากล้ามเน้อื ทางานได้ตามปกติหรือไม่ มีการอ่อนแรงหรือไม่ ทาได้ง่าย
โดยการให้เดินกระโดดบนขาข้างเดียว ให้ทา Flexion และ extension ตามข้อต่อต่างๆโดย
ตา้ นแรงของผู้ตรวจ การวดั power of muscle แบ่งระดับได้เปน็ 5 ระดับ (Grade)
Grade 0 ไม่สามารถจะเคลอ่ื นไหวได้เลย
Grade 1 สามารถเคลื่อนไดเ้ ล็กน้อย แตเ่ ฉพาะในแนว horizontal
Grade 2 สามารถเคลอื่ นต้านแรงดงึ ดดู ของโลกตามแนว vertical ได้
Grade 3 สามารถเคลือ่ นตามแนว vertical และตา้ นแรงของผู้ตรวจได้
Grade 4 สามารถต้านแรงของผู้ตรวจไดป้ านกลาง
Grade 5 ปกติ
นอกจากนั้นควรตรวจดู ความตึงตัว (tone) ของกล้ามเนื้อด้วยว่ามีลักษณะอย่างไร
เช่น อ่อนปวกเปียก (flaccid) แข็งแกร่ง (spastic) คลาดูmuscle mass ด้วยว่ามี atrophy
หรอื ไม่
4) การตรวจกลมุ่ อาการปวดกลา้ มเนอื้ พงั ผดื (Myofascial pain syndrome; MPS)
กลุ่มอาการปวดกล้ามเน้ือพังผืด ภาษาอังกฤษเรียกว่า Myofascial pain
syndrome ใช้ย่อว่า MPS ในแพทย์แผนไทยเทียบได้ว่าเป็น โรคลมปลายปัตคาด เป็นกลุ่ม
อาการของโรคท่ีมีการปวดกล้ามเนื้อและพังผืด มีลักษณะเฉพาะ คือ จะต้องมีจุดปวด หรือจุด
กดเจ็บ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Trigger point ใช้ย่อว่า TrP เป็นจุดที่ทาให้เกิดการปวดร้าว
สว่ นหนึง่ สว่ นใดของร่างกาย
43
การตรวจรา่ งกาย TrP หมายถึง การคลาหาจุดทมี่ ีการปวดมากที่สุด การกระตุ้น TrP
จะทาใหแ้ สดงอาการปวดรา้ วออกมา และแสดงอาการหดตัวของใยกลา้ มเนื้อ
การคลาหา TrP มี 3 วิธี คือ
1. Flat palpation คือ การกดคลาโดยนิ้วมือ จะเคลื่อนอยู่บนผิวหนัง ทิศทางการ
เคลื่อนไหวจะเป็นไปในแนวต้ังฉากกับใยกล้ามเน้ือทีต่ งึ เป็นลาแขง็ แรงท่ใี ช้ในการกดคลานอ้ ย
2. Snapping palpation คือ การคลาในลักษณะการเดียวกับวิธีแรก แต่แรงท่ีใช้กด
มากกว่า สามารถดนั เสน้ ที่ตึงเป็นลา (Taut band) ไปตามปลายนวิ้ ในช่วงเริ่ม เมื่อเส้นที่ตึงเป็น
ลาตึงมากก็จะดันต้านจนนิ้วมือหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อเพิ่มแรงท่ีน้ิวมืออีกเพียงเล็กน้อย ลา
แข็งก็สปรงิ กลบั ลอดใต้นิว้ มือโดยเรว็ จากแรงตึงท่ขี ึงไวถ้ กู ปลดปล่อย
3. Pincer palpation หรือ Grasping palpation คือ การตรวจคลาด้วยการหนีบ
หรือหยิบกล้ามเน้ือไว้ระหว่างน้ิวมือ เมื่อยกกล้ามเนื้อขึ้นจะเกิดแรงตึงในใยก ล้ามเน้ือ
โดยเฉพาะลาแข็ง เม่ือแรงตึงมากกว่าแรงนิ้วท่ีหนีบ ใยกล้ามเน้ือเหล่าน้ันก็จะสปริงตัว
กล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว วิธีนี้จะทาได้ในกล้ามเน้ือที่มีความหย่อนตัวทางกายวิภาค และต้องไม่
อยู่ลกึ จากผิวหนงั มากนัก เช่น กลา้ มเนอื้ Sternocleidomastoid, Upper trapezius เป็นตน้
ส่วนการทา Deep palpation หมายถึง การตรวจคลาท่ีต้องกดแรงไม่จาเป็นต้องมี
การเคลื่อนไหวของนิ้วมอื ใช้ในการตรวจหา TrP ท่ีอยูล่ ึก
การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เป็นวิธียืดกล้ามเน้ือท่ีง่าย สะดวกและควรรู้ เพราะ
การยดื กล้ามเนือ้ เปน็ วธิ ีรักษาวธิ ีหนงึ่ ทีจ่ ะชว่ ยคลาย TrP ได้
เน้ือหาต่อไปน้ีจะกล่าวถึงกล้ามเนื้อแต่ละมัดและจัดเป็นหมวดหมู่ ที่เป็นสาเหตุของ
อาการปวดบรเิ วณต่างๆ ดงั นี้
1. ศีรษะ และคอ
2. หลังส่วนบน ไหล่ และต้นแขน
3. ปลายแขน และมือ
4. หลังส่วนลา่ ง
5. ตะโพก ต้นขา และหวั เขา่
6. ปลายขา ข้อเท้า และเท้า
4.1) ศีรษะและคอ
กลา้ มเน้ือขมบั (Temporalis)
อาการและบริเวณทีป่ วดรา้ ว ปวดรา้ วไปบรเิ วณขมับ ฟันบน ค้ิว หลงั กระบอกตา อาการ
แสดง คือ อ้าปากได้ไมเ่ ต็มที่
44
ภาพแสดง กข
ก. แสดงกายวิภาคของกลา้ มเน้อื ขมบั Temporalis
ข. แสดงบริเวณทม่ี อี าการปวดรา้ วของกลา้ มเน้อื Temporalis
(TrP 4 ตาแหนง่ )
การตรวจหา TrP กดบรเิ วณหน้าหูและบนหูสักครู่จะรู้สึกปวดร้าวไปกระบอก
การยดื กลา้ มเนื้อ ตาและฟนั บน ถา้ ตรวจขณะอา้ ปากจะคลาจุดเจบ็ ไดง้ า่ ย
ใช้สองมือลูบดันกล้ามเนื้อให้ยืดตัวขึ้นด้านบน ให้ผู้ป่วย
ปจั จยั เสริม หายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับอ้าปากกว้างเท่าท่ีจะทาได้เพื่อ
เสรมิ การยืด ต่อดว้ ยการหายใจออกพร้อมกับหุบปาก ทาซ้า
จนกลา้ มเนือ้ คลายตวั
ภาวะสบฟันผิดปกติ การใช้งานเกินความเหมาะสม เค้ียว
หมากฝร่ังมากไป อ้าปากนานเกินไป เช่น การทาฟันท่ีนาน
โดยไม่มเี วลาพกั ชว่ ง การบาดเจบ็ บริเวณกราม
กลา้ มเน้อื ต้นคอและหลงั (Trapezius)
อาการและบริเวณที่ปวดรา้ ว มัดบน (Upper Trapezius) ปวดตึงคอ ร้าวไปด้านหลัง
และข้างคอ รา้ วข้นึ หูและขมบั ขากรรไกรและ กระบอกตา
มัดกลาง (Middle Trapezius) ปวดกระดูกสันหลัง และ
บรเิ วณสะบกั
มัดล่าง (Lower Trapezius) ปวดก้านคอ เหนือและ
ระหวา่ งกระดกู สะบกั
อาการแสดง คอื หันหนา้ ไปด้านตรงข้ามจะปวด เอียงคอได้
จากดั
การตรวจหา TrP 45
การยดื กล้ามเนื้อ
มัดบน (Upper Trapezius) กดกล้ามเนื้อตรงบ่าต่าจากมุม
ปัจจัยเสรมิ คอลงมา และรูดนิ้วจากด้านหลังไปด้านหน้า จะเห็นเส้น
กระตกุ ถา้ กดค้างไวส้ กั ครู่จะปวดร้าวไปขมบั
มัดกลาง (Middle Trapezius) กดจุดตรงดุมไหล่ จะ
ปวดรา้ วไปบรเิ วณสะบกั
มัดบน (Upper Trapezius) ใหผ้ ู้ป่วยเอามอื เกาะยึดกับพ้ืน
เกา้ อ้ี 2 ขา้ ง หรือให้นั่งทบั มือทง้ั 2 ข้าง แล้วค่อยๆ ดนั
ศรี ษะไปดา้ นตรงขา้ มและดา้ นหนา้
มัดกลาง (Middle Trapezius) ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงไป
ด้านตรงข้ามท่จี ะยืด ขณะหายใจเข้าเต็มท่ีให้ผู้ช่วย ช่วยดัน
หวั ไหลไ่ ปขา้ งหน้า
มัดล่าง (Lower Trapezius) ทาเช่นเดียวกับ Middle แต่
ช่วยดันหัวไหลข่ น้ึ บนและไปข้างหนา้
อยู่ในท่าที่ศีรษะ คอ หัวไหล่ยื่นไปด้านหน้านานๆ
ความเครยี ด ทาทา่ ท่ีเกร็งอยนู่ าน เช่น ฟังโทรศัพท์ น่ังเก้าอ้ี
ไม่มีทา้ วแขน หัวถกู กระแทกไปทางดา้ นขา้ ง
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเนือ้ Trapezius และบรเิ วณทีป่ วดร้าวของ TrP (x)
กข ภาพแสดง ค
การยดื Upper Trapezius (ก) การยดื Middle Trapezius (ข) การยืด Lower Trapezius (ค)
46
กลา้ มเนอื้ คอดา้ นหนา้ (Sternocleidomastoid)
อาการและบรเิ วณทปี่ วดรา้ ว กดเจ็บตลอดทั้งกล้ามเนื้อ หัวท่ีเกาะกระดูกอกปวดร้าวไป
กลางกระหม่อม ท้ายทอย แก้ม กระบอกตา คอและกระดูก
การตรวจหา TrP อก หัวท่ีเกาะกระดูกไหปลาร้า ปวดร้าวไปหน้าผาก กกหู
การยืดกลา้ มเนอื้ ทาให้วงิ เวียน บ้านหมนุ
ใหห้ นีบหรือหยิบกล้ามเน้อื มดั นีข้ ้ึนมาแล้วค่อยๆ รูด ถ้าโดน
TrP จะเหน็ กระตุกท่ปี ลายกลา้ มเนอ้ื
ให้ผ้ปู ว่ ยน่งั ในท่าศรี ษะตรง ให้ผู้ช่วยค่อยๆ ดันคางผู้ป่วยไป
ด้านเดียวกับกล้ามเน้ือท่ีต้องการยืดจนตึงในกล้ามเนื้อ ค้าง
ไว้จนกล้ามเนื้อเร่มิ คลายตวั
ก กก ข
ภาพแสดง กายวิภาคกล้ามเน้ือ Sternocleidomastoid
และบรเิ วณทปี่ วดรา้ วของ TrP (x) ของ Sternal devisio และ Clavicular devision (ก)
และแสดงการยืดกล้ามเนือ้ Sternocleidomastoid ขา้ งขวา (ข)
ปจั จัยเสริม ท่าทางไม่เหมาะสม น่ังหรือยืนในท่าศีรษะย่ืนไปข้างหน้า
มากกว่าปกติ เงยหน้าอยู่นาน คุยโทรศัพท์นานโดยหนีบ
โทรศัพท์ไว้ด้วยหัวไหล่และศีรษะ ท่าทางการวางคอและ
ศีรษะในการนอนที่กล้ามเนื้ออยู่ในลักษณะหดตัวส้ัน หรือ
ยืดตงึ (ทา่ นอนศีรษะตกและเอียง)
กล้ามเน้ือขา้ งสันหลังและส่วนคอ (Cervical Paraspinalis)
อาการและบริเวณทปี่ วดร้าว Splenius capitis ปวดท้ายทอยวิ่งไปกลางศีรษะ อาจมีตา
พร่า Splenius cervicis ปวดท้ายทอยและแผ่กระจายไป
ท่วั ศีรษะ เปน็ มากทห่ี ลงั กระบอกตา
การตรวจหา TrP 47
การยืดกลา้ มเนอื้
กด หรือคลงึ คลาไปตามบริเวณกล้ามเนอื้ หลังตน้ คอ
ปจั จัยเสรมิ กล้ามเน้ือ Splenius capitis ยืดโดยให้ผู้ป่วยน่ังตัวตรงหัน
หน้าไปด้านตรงข้าม พร้อมกับให้ผู้ช่วยช่วยดันเสริม ส่วน
Splenius cervicis ให้ผ้ชู ว่ ยดันศรี ษะใหก้ ม้ ลงเล็กนอ้ ย
ไหล่ห่อตัวมาหน้าทาให้ต้องเงยคอ และศีรษะมากกว่าปกติ
ก้ม และเอียงคอนานเช่น น่ังหลับคอพับ เล่นไวโอลิน
อบุ ตั ิเหตถุ กู กระแทกหลังในขณะหนั คอ
ก
ข
ภาพแสดง กายวิภาคของกลา้ มเนอ้ื Splenius capitis และบรเิ วณทป่ี วดร้าวของ TrP (x) (ก)
และ Splenius cervicis (ข)
กข
ภาพแสดง การยืดกลา้ มเนื้อ Splenius capitis TrP (ก) และ Splenius cervicis (ข) ข้างขวา
48
4.2) หลงั สว่ นบน ไหล่ และต้นแขน
กลา้ มเน้อื ยกสะบกั (Levator Scapulae)
อาการและบริเวณท่ีปวดร้าว ปวดมุมล่างก้านคอ คอแข็ง ปวดมากเวลาหมุนคอไปด้านที่
การตรวจหา TrP มีอาการ รุนแรงจะปวดตลอด ร้าวไปขอบด้านในสะบัก
ปัจจัยเสรมิ และหลังหัวไหล่
ผู้ตรวจยืนข้างหลัง ใช้ 4 น้ิวมือจับกล้ามเนื้อ Trapezius ท่ี
บ่า ปลายน้ิวช้ีอยู่ตรงมุมคอและหันศีรษะในด้านตรงข้าม
ผู้ช่วยยืนข้างหลังมือหนึ่งอ้อมไปจับขมับดันศีรษะให้หันไป
ในด้านตรงขา้ มทีม่ ีอาการพรอ้ มกับดันไปด้านหนา้ ด้วย
การน่ังพิมพ์ดีดนาน การนอนในท่าท่ีศีรษะเงยมากเกินไป
การนอนหลับในท่าท่ีคอพับไปด้านใดด้านหนึ่ง การท่ี
กล้ามเน้ือถูกใช้งานมากเกินไป เช่น การเล่นเทนนิส หรือ
การว่าายน้าอย่างหักโหม การใช้ไม้เท้าท่ียาวเกินไป
ความเครียดด้านจิตใจ
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเนื้อ Levator Scapulae และบรเิ วณทม่ี ีอาการปวดร้าวของ TrP (x)
กลา้ มเนือ้ สะแคลนี (Scalene)
อาการและบรเิ วณท่ปี วดร้าว ปวดร้าวไปหน้าอก ขอบสะบักด้านใน ไปไหล่ ต้นแขนหน้า
การตรวจหา TrP หลัง แขนท่อนลา่ งดา้ นนอก หลังน้วิ หวั แม่มือ และนิว้ ช้ี
วาง 4 นิ้วมือบนกล้ามเนื้อต้นคอ (Trapezius) ท่ีบ่าปลาย
น้ิวช้ีจะอยู่ท่ีกล้ามเน้ือยกสะบัก (Levator) ให้ขยับปลาย
นิ้วชี้เข้าไปอีกหน่อย (กดแล้วให้สูดลมหายใจเข้าแรงๆ จะ
การยดื กลา้ มเนื้อ 49
ปัจจยั เสรมิ
รสู้ ึกว่ากล้ามเน้ือหดตัว) กดค้างไว้ประมาณ 25 วินาที จะมี
อาการปวดรา้ ว
มัดหน้า ยืดหัวไหล่ไม่ให้เคล่ือน ผู้ป่วยต้องหันหน้าไปยัง
ด้านตรงข้าม อีกมืออ้อมศีรษะไปจับที่ขมับเพ่ือใส่แรงดันท่ี
ศีรษะไปในทศิ ทางด้านหลงั และด้านข้าง
มดั กลาง ให้เอียงคอสดุ ๆไปทางไหล่ด้านตรงข้าม
มัดหลัง อยู่ในท่าศีรษะตรง แล้วใช้แรงดันไปในทิศทาง
ด้านหนา้ และดา้ นขา้ ง
การดึง หิ้ว ลากหรือยกของหนักเกินไป การไอเร้ือรัง หอบ
หืด ภาวะไหล่เอียง
ภาพแสดง กายวิภาคกล้ามเน้ือ Scalene Anterior (ก) Medius (ข) Posterior (ค)
และบริเวณท่ีมีอาการปวดรา้ วของ TrP (x)
ภาพแสดง การยดื กลา้ มเน้ือข้างซ้ายของ Scalene Anterior (A) Medius (B) Posterior (C)
กลา้ มเนื้อสะบัก (Supraspinatus)
อาการและบรเิ วณทีป่ วดรา้ ว ปวดลึกๆด้านข้างหัวไหล่ ร้าวไปต้นแขน ศอก และปลาย
การตรวจหา TrP แขนดา้ นนอก ไพล่หลังมอื แตะไมถ่ งึ สะบกั
ใชน้ ว้ิ คลาขวางกลา้ มเนื้อ กดคา้ งไว้สักครู่จะปวดร้าวไปแขน
ด้านหลงั
การยืดกล้ามเนอ้ื 50
ปัจจยั เสริม
ให้ผู้ป่วยไพล่มือไปด้านหลังโดยให้ศอกชิดลาตัว แล้วค่อยๆ
ดนั มอื ขนึ้ บนจนถึงสะบักอีกขา้ ง
ห้ิวของหนักหรือนาน ยกของขึ้นสูงระดับไหล่ หรือมากกว่า
ในทา่ กางแขน
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเน้อื Supraspinatus และบริเวณทม่ี ีอาการปวดร้าวของ TrP (x)
กล้ามเนื้อคลมุ สะบกั หลัง (Infraspinatus)
อาการและบรเิ วณที่ปวดรา้ ว ปวดลึกๆด้านหน้าไหล่ และบริเวณข้อไหล่เอง ปวดลงแขน
การตรวจหา TrP ดา้ นหนา้ และขา้ งของต้นแขน ปลายแขน และปลายน้ิว
ใช้นิ้วกดตาแหน่ง TrP ในแนวขวางกล้ามเนื้อไว้สักครู่ จะ
การยดื กลา้ มเนอ้ื ปวดร้าวลงแขนด้านหน้า และตรวจได้ง่ายขึ้นถ้าให้ผู้ป่วย
ปัจจยั เสรมิ เอ้อื มมอื ไปจบั หวั ไหล่ด้านตรงขา้ มโดยขอ้ ศอกอยู่ด้านหนา้
กระทาเหมอื นการยดื กล้ามเน้ือสันสะบกั (supraspinatus)
เอื้อมมือไปหยิบของด้านหลัง การเสิร์ฟลูกเทนนิส และการ
หวดแรงแต่พลาด การนอนตะแคงท่ีไม่มีหมอนรองแขนบน
ท่ีมอี าการ
51
ภาพแสดง กายวภิ าคของกล้ามเนอ้ื Infraspinatus และบริเวณทมี่ อี าการปวดร้าวของ TrP (x)
กลา้ มเนอื้ สีข้าง (Latissimus Dorsi)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดรา้ ว ปวดร้าวมุมล่างของสะบัก ปวดบ่อยที่บริเวณซอกรักแร้
การตรวจหา TrP อาจกระจายถึงหัวไหล่ ท้องแขนต้ังแต่ต้นแขน ถึงปลาย
การยดื กลา้ มเน้อื นิ้วกอ้ ย และน้วิ นาง
ให้หนีบหรือหยิบกล้ามเนื้อท่ีเป็น TrP บริเวณใต้รักแร้ จะ
ปจั จยั เสรมิ ร้าวไปมุมลา่ ง
ทาได้เองโดยงอศอก ยกต้นแขนขึ้นแนบหู แล้วงอศอกเอา
มอื จับแตะหลัง ใช้มอื อีกข้างมาดึงศอกช่วยเสริมแรงยืดนอน
ตะแคงเอาด้านที่จะยืดอยู่บน จัดท่าให้ผู้ป่วยเอื้อมมือไป
หลังศีรษะแล้วให้ผู้ช่วยใช้แรงช่วยดันต่อท่ีข้อศอกถ้าจะยืด
ใยกล้ามเน้ือส่วนบนซึ่งเรียงตัวในแนวขนานพ้ืน ต้องจัด
ตาแหน่ง ต้นแขนไว้ด้านหน้าของหน้าอก แล้วให้ผู้ช่วย
คอ่ ยๆ ดันที่ขอ้ ศอกไปยังด้านตรงข้าม
ยกของหนักในท่าเหยียดแขนไปข้างหน้า การยืดของไปดึง
ของหนกั จากบนลงลา่ ง เล่อื ยไม้นานๆ การถอนต้นไม้
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเนื้อ Latissimus Dorsi และบรเิ วณท่มี ีอาการปวดร้าวของ TrP (x)
52
กข
ภาพแสดง การตรวจหา Latissimus Dorsi ด้วยวธิ ี Pincer palpation (ก)
และการยดื กลา้ มเน้ือ Latissimus Dorsi (ข)
กลา้ มเนื้อแอ่นอก (Rhomboid)
อาการและบรเิ วณที่ปวดร้าว ปวดใกล้ขอบสะบกั ใน อาจจะมาถึงบรเิ วณกลา้ มเน้อื สะบัก
การตรวจหา TrP กดจดุ เจบ็ ในทา่ นั่งก้มตวั ห้อยแขน หรือนอนคว่ามือไพล่หลัง
การยดื กล้ามเน้อื ที่บริเวณกระเบนเหนบ็
ผู้ป่วยนั่งก้ม และโน้มตัวไปข้างหน้าห้อยแขน มีคนช่วยดึง
ปจั จัยเสริม แขน หรอื ศอกออ้ มหน้าอกไปยังอีกข้าง หรือช่วยดันกระดูก
สะบกั ออกไปทางดา้ นขา้ งของลาตวั
นั่งท่าไหล่ ศีรษะโน้มไปด้านหน้ามากเกินไป ถือในท่ากาง
แขนเป็นเวลานาน
ภาพแสดง กายวภิ าคของกล้ามเน้ือ Rhomboid major และ Rhomboid minor
และบรเิ วณทีม่ ีอาการปวดรา้ วของ TrP (x)
ภาพแสดง การยดื กลา้ มเนื้อ Rhomboid
53
กลา้ มเนือ้ คอราโคบราชเิ อลีส (Coracobrachialis)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดร้าว ปวดร้าวหัวไหลด่ ้านหน้า หลังตน้ แขนรา้ วลงไปหลังแขน
การตรวจหา TrP TrP อยู่ต่อจากหัวไหล่ เป็นตุ่มสะบกั ด้านหน้า ให้กดตา่ จาก
ตุม่ ลงมา จะปวดรา้ วหัวไหล่
การยดื กลา้ มเน้อื กางแขนออก บดิ ไหล่ออก แลว้ คอ่ ยๆดันต้นแขนไปด้านหลงั
ปจั จัยเสรมิ เอ้ือมแขนไปข้างหน้า ยกของหนักในท่าหัวไหล่หมุนออก
นอก และหงายมือ
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเน้ือ Coracobrachialis และบรเิ วณที่ปวดร้าวของ TrP (x)
กล้ามเนื้อต้นแขนดา้ นหน้า (Biceps Brachii)
อาการและบริเวณที่ปวดร้าว ปวดต้ือๆ ผิวหนังด้านหน้าหัวไหล่ในขณะกาง หรืองอแขน
การตรวจหา TrP สูงกว่าระดับไหล่ ปวดตรงร่องหัวกระดูกต้นแขนท่ี
การยืดกล้ามเน้อื กล้ามเนื้อพาดผ่าน และบรเิ วณต้นแขนดา้ นหนา้
กดขวางกล้ามเน้ือตรงตาแหน่ง TrP บริเวณเหนือข้อพับ
ปัจจยั เสรมิ ศอก จะมเี ส้นใยกล้ามเนื้อกระตุกท่ปี ลายกล้ามเน้ือตน้ แขน
กางแขน 90 องศา ศอกเหยียดตรง คว่ามือให้นิ้วโป้งชี้ลง
พ้ืนค่อยๆ ดึงแขนไปข้างหลัง โดยยึดหัวไหล่ไว้ไม่ให้เคล่ือน
หรือยืดเองโดยจับยึดขอบประตูไว้แล้วค่อยๆบิดตัวไปด้าน
ตรงขา้ ม
ยกของหนักท่าหงายมือ เหยียดแขนยกของอย่างรวดเร็ว
งอศอกนานๆ เช่น เวลานอน บดิ มอื หงายมือซ้าๆ เช่น หมุน
ลกู บิดประตูที่ฝืด ใช้ไขควง
54
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเนอ้ื Biceps brachii และบริเวณทป่ี วดรา้ วของ TrP (x)
กล้ามเนอื้ ต้นแขน (Deltoid)
อาการและบรเิ วณท่ปี วดร้าว ปวดบริเวณไหล่ ปวดลึกๆในหัวไหล่ มัดกลางพบปวดเม่ือ
การตรวจหา TrP กางแขนขนานกับพน้ื เช่น แปรงฟนั
การยดื กล้ามเนือ้ กดขวางกล้ามเนอื้ จะปวดร้าวไหล่ลึกๆ
ยืดส่วนหน้า ให้ผู้ป่วยกางแขน 90 องศา พร้อมท้ังบิดหัว
ปจั จัยเสรมิ ไหลอ่ อกนอก (งอศอกข้ึนบน) ค่อยๆ ดนั ตน้ แขนไปขา้ งหลัง
ยืดส่วนกลาง งอศอกไพลห่ ลงั ค่อยๆดนั ศอกไปอีกข้าง
ยืดส่วนหลัง กางแขนงอศอก บิดหัวไหล่เข้าใน (งอศอกลง
ล่าง) ค่อยๆ ดงึ ศอกอ้อมดา้ นหน้าลาตัวมาอีกข้าง
ตีกอล์ฟ ตเี ทนนิส ห้วิ ของหนกั ๆ ฉีดยาตน้ แขน
กค
ขง
ภาพแสดง กายวิภาคกล้ามเนื้อ Deltoid และตาแหน่ง TrP (x) ที่พบบ่อย (ง)
ของส่วนหนา้ (ก) ของสว่ นกลาง (ข) และส่วนหลงั (ค)
55
ก ขค
ภาพแสดง การยืดกล้ามเนื้อ Deltoid ส่วนหนา้ (ก) สว่ นกลาง (ข) และส่วนหลงั (ค)
กล้ามเนอ้ื ตน้ แขนดา้ นหลงั (Triceps Brachii)
อาการและบรเิ วณท่ปี วดร้าว จุดท่ีพบบ่อยมี 5 แห่งอยู่ใกล้กล้ามเนื้อมัดน้ี โดยทั่วไปจะ
การตรวจหา TrP ปวดรา้ วไปดา้ นหลงั ต้นแขน จนถงึ หลงั ขอ้ ศอก และอาจร้าว
ไปดา้ นหลงั นิว้ นางและน้วิ ก้อย ผปู้ ว่ ยไมส่ ามารถเหยยี ดแขน
ตรงใหต้ น้ แขนแนบชิดใบหูได้
หัวยาว ถ้ามี TrP จะไม่สามารถเหยียดต้นแขนได้หัวกลาง
และหัวด้านข้าง ผู้ป่วยไม่สามารถเหยียดข้อศอกตรงได้
ในขณะทม่ี แี รงตา้ น เพราะจะปวดมาก
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเน้อื Triceps Brachii และบริเวณทีป่ วดรา้ วของ TrP (x)
การยืดกล้ามเนอื้ 56
ปัจจยั เสริม
ยดื หวั ยาว ให้ผปู้ ่วยงอศอกแล้วยกมือไปแตะสะบักด้านหลัง
ข้างเดียวกัน จากนั้นให้ผู้ช่วยค่อยๆดันท่ีข้อศอกไปข้างหลัง
อยา่ งชา้ ๆ
ยืดหัวกลาง และหัวด้านข้าง โดยให้งอศอกเท่าท่ีทาได้เอง
และใช้มืออีกข้างช่วยดันต่อท่ีข้อมือช้าๆ เพ่ิมให้ข้อศอกงอ
มากข้นึ
ตีลูกเทนนิสด้วยหลังมือ วิดพื้นออกกาลังกาย ขับรถระยะ
ทางไกลโดยไมม่ ที ี่พกั ศอก พิมพ์หรือเขยี นหนงั สือนานๆ
กข
ภาพแสดง การยืดกล้ามเน้ือหัวยาวของ Triceps Brachii ท่านอน (ก) ท่านง่ั (ข)
4.3) ปลายแขนและมอื
กลา้ มเนอื้ กระดกข้อมือ (Extensor Carpi)
การตรวจหา TrP กดกลา้ มเนอื้ ปลายแขนด้านบน (ใกล้ศอก) ด้านน้ิวหัวแม่มือ
การยืดกลา้ มเนอ้ื จะมอี าการปวดรา้ ว
ปัจจยั เสรมิ คว่ามือในท่าเหยียดศอก ใช้มืออีกข้างค่อยๆดันให้ข้อมือ
ควา่ มากข้ึน
กา หรือบิดข้อมือนาน หรือรุนแรงเกินไป เช่น ตีเทนนิส ตี
แบดมินตนั กวาดบา้ น ขดุ ดิน
57
Brachioradialis
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเนอื้ Extensor Carpi และบรเิ วณทปี่ วดร้าวของ TrP (x)
กล้ามเนือ้ คว่าข้อมือ (Flexor Carpi)
อาการและบรเิ วณทป่ี วดร้าว กดจุดใต้ศอกลงมา จะปวดร้าวกระจายกว้างถึงฝ่ามือ และ
การยดื กลา้ มเนื้อ ท้องแขน
ปจั จยั เสริม ให้ศอกอยู่ในลักษณะเหยียดตรง หงายท้องแขนขึ้น และ
คอ่ ยๆดัดข้อมือไปดา้ นหลัง
กามือซ้าๆนานๆ เล่นกีฬา ทางานช่างไม้ ทางานสวนที่นาน
และรนุ แรง
58
ภาพแสดง กายวิภาคของกลา้ มเนอ้ื Flexor Carpi และบรเิ วณทป่ี วดร้าวของ TrP (x)
กลา้ มเน้อื หบุ นิ้วและกางนิ้ว (Interosseous)
อาการและบรเิ วณที่ปวดร้าว ปวดร้าวไปตามด้านข้างของนิ้วมือ สาหรับมัดแรกด้านหลัง
ระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ทาให้ปวดร้าวไปที่บริเวณหลัง
มอื ด้วย
การตรวจหา TrP 59
การยดื กล้ามเนอื้
กดเน้นระหว่างน้ิวช้ีกับนิ้วหัวแม่มือ หรือระหว่างน้ิว จะมี
ปจั จยั เสรมิ อาการปวดรา้ วไปดา้ นข้างของน้ิวมือ
ประกบมือดันนิ้วสู้แรงกัน แล้วกางนิ้วออกจากกันขณะสู้
แรง ยึดกล้ามเน้ือระหว่างน้ิวหัวแม่มือกับน้ิวชี้ โดยดัน
น้ิวหัวแม่มือออกด้านข้างพรอ้ มดันน้วิ ชีเ้ ขา้ หาน้ิวกลาง
ใช้มอื เป็นเวลานาน เช่น เขยี น พิมพ์ วาดภาพและแกะสลัก
ก
ก
ข
ข
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเนื้อ Interosseous และบริเวณทป่ี วดรา้ วของ TrP (x)
ของมัดหลังนว้ิ มอื ท่ี 1 (ก) และ 2 (ข)
ภาพแสดง การยืดกล้ามเน้ือมัดหลงั มอื นิว้ ที่ 1 ของ Interosseous
60
4.4) หลงั ส่วนลา่ ง
กลา้ มเนื้อขา้ งสันหลงั (Thoracolumbar Paraspinalis)
อาการและบริเวณทปี่ วดรา้ ว ปวดร้าวทุกระดับ อาจรา้ วไปก้น ทอ้ ง กลางหลัง และอก
การตรวจหา TrP นอนคว่าหรือตะแคง นิ้วหัวแม่มือกดขวางกล้ามเนื้อตลอด
การยืดกลา้ มเน้ือ ลา จะพบบ่อยทต่ี าแหนง่ ตรงหัวตะคาก
ยืดกลุ่มผวิ ๆ ให้นั่งเก้าอี้แขนท้ังสองข้างเหยียดตรง ห้อยวาง
ปจั จัยเสรมิ ระหว่างขา ก้มหน้าลง ผู้ช่วยดันหลังลง ยืดกลุ่มท่ีลึกลงไป
ให้นั่งมือกอดอก ให้ผู้ช่วยจับไหล่ท้ังสองข้างบิดลาตัวให้
หมนุ ไปดา้ นข้าง
การใช้หลังที่อยู่ในท่าท่ีไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ยกของ
หนกั การก้มหลงั รว่ มกับการบดิ ตัว
กข
ภาพแสดง กายวิภาคของกลา้ มเนื้อสนั หลงั กลมุ่ ตน้ื (Superficial) (ก) และกลุ่มลึก (Deep) (ข)
กข
ภาพแสดง การยดื กลา้ มเนื้อข้างสนั หลงั กลุม่ ตื้น (Superficial) (ก) และกลุม่ ลกึ (Deep) (ข)
61
กลา้ มเนือ้ เอวสีเ่ หลี่ยม (Quadratus Lumborum)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดร้าว ปวดรา้ วลงสะโพกและก้น
การตรวจหา TrP ให้นอนตะแคงหนุนหมอนด้านปกติ เอื้อมแขนข้ึนบนเหนือ
ศีรษะไปเกาะขอบเตียงไว้ ม้วนผ้าหรือหมอนอีกใบหนุนใต้
การยืดกลา้ มเนอื้ ลาตัวส่วนเอว เพื่อให้กล้ามเนื้อดังกล่าวเลื่อนตัวไม่ชิดผิว
มากขึ้น ขาบนไขว้เหยียดไปดา้ นหลงั มากท่ีสุด ขาล่างงอเข่า
ปจั จัยเสริม กันล้มหาจุดกึ่งกลางระหว่างชาย โครงกับเชิงกราน
กลา้ มเนอื้ มดั นจี้ ะอยหู่ ลังจุดกึ่งกลางไปข้างหลังเล็กน้อย กด
รดู ขวาง จะร้าวไปสะโพก
ให้ผู้ป่วยนอนบนเตียงลักษณะเดียวกับหา TrP ผู้ช่วยพยุง
ต้นขาด้านบนของผู้ป่วยแล้วค่อยๆ ผ่อนแรงให้ต้นขาหย่อน
ลงลา่ งช้าๆ แลว้ ตามด้วยการดนั ต้นขาลง อยา่ งนุ่มนวล
ใหผ้ ู้ปว่ ยยนื ตะแคงขา้ งหาประตู มือนอกยกอ้อมศีรษะไปยึด
ประตูไว้ มือในดันประตู ขานอกไขว้ไปหลัง แล้วค่อยๆท้ิง
น้าหนกั ตวั ออกทางด้านนอก พรอ้ มกบั เอยี งตวั เข้าหาประตู
ก้มพร้อมกับเอ้ียวลาตัวไปด้านใดด้านหน่ึง เพ่ือดึงหรือยก
ของ การบาดเจ็บท่ีกล้ามเน้ือโดยตรง เช่น ถูกกระแทก
ความบกพร่องทางโครงสร้าง เช่น ขาทั้งสองข้างยาวไม่
เทา่ กนั
กข ค
ภาพแสดง กายวภิ าคของกล้ามเนอ้ื Quadratus Lumborum (ค)
และบริเวณทป่ี วดรา้ วของ TrP (x) ช้นั ตืน้ (Superficial) (ก) และชั้นลกึ (Deep) (ข)
62
ภาพแสดง การยดื กลา้ มเนื้อ Quadratus Lumborum ด้านขวา
กล้ามเนื้อไอลิโอโซแอส (Iliopsoas)
อาการและบริเวณทป่ี วดรา้ ว ผู้ป่วยไม่ค่อยเจ็บในกล้ามเนื้อมัดน้ี มัดนอกมักปวดร้าวไป
การตรวจหา TrP ขาหนีบ และด้านหน้าต้นขา มัดในปวดร้าวไปตามกระดูก
การยืดกลา้ มเนอ้ื สนั หลงั ข้างเดียวกนั จากทรวงอกถงึ กน้ กบ
ปัจจัยเสรมิ นอนหงาย คลาหาเส้นเลือดแดงที่ขาหนีบ กล้ามเนื้อมัดน้ี
อยู่ติดกับเส้นเลือดดังกล่าวมาทางด้านนอก กดขวาง
กล้ามเน้ือไว้สักครู่ จะมอี าการปวดร้าว
นอนหงายยกขาขน้ึ ตรงๆ โดยยกทลี ะข้าง และให้ชันเข่าข้าง
ท่ไี ม่ตอ้ งการยืดหรือนอนคว่า ผู้ช่วยจับเข่าข้างที่ต้องการยืด
งอ อีกมอื หนง่ึ ซอ้ นใต้เข่า ยกตน้ ขาขึน้
น่ังในท่างอสะโพกนาน ยกของหนัก
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเน้ือ Iliopsoas และบริเวณทป่ี วดร้าวของ TrP (x)
63
กลา้ มเนือ้ ก้น (Gluteus)
Gluteus: Gluteus maximus, Gluteus medius, Gluteus minimus
อาการและบรเิ วณที่ปวดร้าว มัดที่ 1 (Gluteus maximus) ปวดบริเวณก้น มัดที่ 2
(Gluteus medius) ปวดบริเวณบั้นเอว ร้าวไปเชิงกราน
กระดูกกน้ กบด้านข้าง หลังก้นและต้นขา มัดที่ 3 (Gluteus
minimus) ร้าวส่วนล่างของก้น ด้านนอกขาท่อนบน ขา
ทอ่ นลา่ งถึงข้อเท้า
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเน้ือ Gluteus maximus และตาแหน่ง TrP (x) ต่างๆ
ภาพแสดง กายวภิ าคของกล้ามเนื้อ Gluteus medius และตาแหน่ง TrP (x) ตา่ งๆ
ภาพแสดง กายวภิ าคของกล้ามเนือ้ Gluteus minimus และตาแหนง่ TrP (x) ต่างๆ
การยดื กล้ามเน้ือ 64
ปจั จยั เสรมิ
มัดที่ 1 นอนหงาย งอขอ้ สะโพกแล้วดึงเข่าเข้าชิดลาตัวหรือ
นั่งเหยียดขาทั้ง 2 ข้างตรง แล้วค่อยๆดึงตัวไปข้างหน้าโดย
เหยียดแขนยื่นมอื ไปตามปลายขา จนมีอาการตึง
มัดท่ี 2 ยืนเอียงสะโพกไปทิศทางของกล้ามเน้ือที่จะยืด นั่ง
หรือนอนหงาย เอามือดึงต้นขาข้างที่ยืดกล้ามเน้ือให้อ้อม
ลาตวั มาดา้ นหนา้
มดั ที่ 3 นอนตะแคงเอาขา้ งทจี่ ะยืดไวด้ ้านบน งอสะโพกที่อยู่
ด้านล่างแล้วเหยียดต้นขาบนไปด้านหลังพร้อมกับหมุนข้อ
สะโพกออกด้านนอก แล้วค่อยๆ ช่วยกดต้นขาลงด้านล่าง
ช้าๆ
มัดที่ 1 น่ังนาน เดินขึ้นเนิน หกล้มกระแทก ฉีดยา ขาทั้ง
สองข้างยาวไม่เท่ากัน มัดที่ 2 น่ังเก้าอี้เตี้ย หกล้ม ฉีดยา
มัดที่ 3 เดนิ ไกล ยืนนานๆ
ภาพแสดง ยืดกลา้ มเนอ้ื Gluteus maximus ในท่านั่ง และท่านอนหงาย
ภาพแสดง ยืดกล้ามเน้อื Gluteus medius ข้างขวาส่วนหน้าในทา่ ยนื
และส่วนหลงั ในท่าน่ังและนอน
กข
ภาพแสดง ยืดกลา้ มเนอ้ื Gluteus minimus สว่ นหน้า (ก) และสว่ นหลงั (ข)
65
กล้ามเนือ้ พิริฟอรม์ สี (Piriformis)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดร้าว ปวดท่ีตัวกล้ามเน้ือร้าวไปกระเบนเหน็บ แก้มก้น ถ้าเบียด
การยดื กลา้ มเนือ้ เสน้ ประสาทจะปวดร้าวไปตามรากประสาท
นอนตะแคงเอาด้านทตี่ อ้ งการยืดไว้บน สะโพกงอ 90 องศา
ปจั จัยเสรมิ ผชู้ ว่ ยยืนด้านหลังใช้มือข้างหน่ึงยึดเอวไว้ มืออีกข้างช่วยกด
ต้นขาลงล่าง ผู้ป่วยสามารถยืดด้วยตัวเอง โดยนอนหงาย
เอามือข้างที่ต้องการยืดจับยึดท่ีนอนไว้เพ่ือให้เอวแนบกับ
เตียง งอข้อสะโพกและเข่า 90 องศา ไขว้ขาข้างเจ็บข้ามขา
ข้างปกติซึ่งเหยียดตรงอยู่ แล้วใช้มืออีกข้างช่วยกดเข่าที่งอ
ไปด้านตรงข้ามไว้ หรือใช้ขาข้างปกติไขว้ขาข้างท่ีต้องการ
ยืด เพื่อกดลงบนพื้นเตียงท่ายืดน้ีต่างจากการยืด Gluteus
medius ตรงท่มี ี หุบ และหมนุ เขา้ ในมากกว่า
ขาท้ังสองข้างยาวไม่เท่ากัน น่ังไขว้ขาข้างที่ต้องการยืดไว้
บนเป็นเวลานาน
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเนอ้ื Piriformis และบริเวณท่ีปวดร้าวของ TrP (x)
ภาพแสดง การยดื กลา้ มเนื้อ Piriformis ข้างซ้าย
4.5) ตะโพก ตน้ ขา และหัวเข่า
กลา้ มเนอื้ หุบขา (Adductor of Hip)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดร้าว ปวดร้าวท่ีบริเวณขาหนีบ ร้าวลึกเข้าไปในช่องเชิงกราน ผิว
อวยั วะเพศ ทวารหนกั ด้านตน้ ขาดา้ นใน
การตรวจหา TrP 66
การยดื กล้ามเนือ้
นอนหงายงอข้อสะโพกและงอเข่าข้างที่ตรวจ ในท่าแบะขา
ปจั จยั เสริม ออกนอก กดไปตรงกลางต้นขา จะพบเอ็นและกล้ามเน้อื นี้
นอนหงาย งอขอ้ สะโพกและเข่า ให้ฝ่าเท้าแตะที่หัวเข่าด้าน
ตรงข้ามตาแหน่งท่ีสูงสุด ผู้ช่วยกดหัวเข่าลงกับพ้ืน พร้อม
ดนั ข้ึน
บาดเจ็บโดยตรงจากการขี่ม้า กล้ามเนื้ออยู่ในภาวะหดส้ัน
เป็นเวลานาน ได้แก่ นอนตะแคงขาด้านบนตกมาด้านหน้า
(ไมม่ ีหมอนรอง) นงั่ ไขวห่ ้าง นง่ั งอสะโพก
กข
คง จ
ฉ
ภาพแสดง กายวิภาคของกลุ่มกลา้ มเนื้อหุบขา Adductor of Hip (ค)
และบรเิ วณที่ปวดร้าวของ TrP (x) ของกลา้ มเนื้อ Sartorius (ก) Pectineus (ข)
Adductor longus and brevis (ง) Gracilis (จ) และ Adductor magnus (ฉ)
67
กข
ภาพแสดง การยืดกล้ามเนื้อ Adductor magnus (ก) และ Adductor brevis (ข)
กล้ามเน้ือหลังขา (Hamstring)
Hamstring: Semitendinosus, Semimembranosus และ Biceps femoris
อาการและบริเวณท่ีปวดรา้ ว ปวดตามแนวกลา้ มเนื้อ ก้นย้อย พับเขา่
การตรวจหา TrP นอนคว่ากดบนเอ็น 2 ขา้ งด้านในและนอก เหนอื ขอ้ พบั เข่า
การยดื กลา้ มเนอื้ น่ังเหยียดขาบนพ้ืน หรือยืน ก้มตัวเอามือแตะปลายเท้า
หรอื นอนควา่ งอเข่าพบั ขึ้น และให้เหยยี ดขาออกส้แู รงตา้ น
ปัจจัยเสริม บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การน่ังเก้าอ้ีที่ขอบข้างเก้าอ้ีกด
ทับกล้ามเน้ือดังกล่าว โดยเฉพาะในกรณีที่เก้าอี้สูงมากไป
ทาให้เท้าลอยจากพื้น
กข
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเน้อื Hamstring และบรเิ วณที่ปวดร้าวจากส่วน Semitendinosus
และ Semimembranosus (ก) และ Biceps femoris (ข)
ภาพแสดง การยืดกลา้ มเน้ือ Hamstring
68
กลา้ มเน้อื หน้าขา (Quadriceps Femoris)
Quadriceps Femoris: rectus femoris (มดั ที่ 1), vastus medialis (มัดที่ 2),
vastus intermedius (มัดที่ 3), vastus lateralis (มัดท่ี 4)
อาการและบริเวณทป่ี วดร้าว มดั ท่ี 1 ปวดรา้ วหน้าขา ในขอ้ เขา่ (ปวดมากตอนกลางคืน)
มัดที่ 2 ปวดเข่าด้านหน้าและด้านข้างใน เลียนแบบอาการ
เขา่ เส่ือม (เขา่ ไมม่ ีแรงหกลม้ งา่ ย)
มดั ท่ี 3 ปวดร้าวดา้ นหน้าต้นขาในตาแหน่งทีส่ ูง
มัดท่ี 4 ปวดร้าวบริเวณด้านนอกตน้ ขาตงั้ แตส่ ะโพกถงึ เข่า
การตรวจหา TrP ให้ผู้ป่วยนอนหงาย หมอนรองใต้เข่า ให้เข่าอยู่ในท่างอ
เล็กน้อย
มดั ที่ 1 กดตาแหนง่ ใต้หวั ตะคากลงมาประมาณ 4-5 น้วิ
มัดท่ี 2 กดตาแหน่งเหนือลูกสะบ้าบนเฉียง 45 องศา ไป
ทางดา้ นใน
มดั ที่ 3 กดตาแหน่งใต้มัดที่ 1 คลาหาคอ่ นข้างยาก
มัดที่ 4 ผปู้ ่วยเดนิ เหมือนเขา่ ฝดื แข็ง
การยืดกลา้ มเนื้อ มัดที่ 1 นอนควา่ งอเขา่ ดึงสน้ เทา้ มาชิดแก้มก้น
มัดท่ี 2 นอนหงายงอเข่า กางต้นขาร่วมกับหมุนออกนอก
กดปลายเท้าให้เข่างอมากทส่ี ดุ
มัดท่ี 3 นอนหงาย ชนั เขา่ กดปลายเทา้ ให้เข่างอมากขึ้น
มัดท่ี 4 นอนหงาย ชันเข่าให้ต้นขาบิดเข้าใน แล้วดันปลาย
เท้าใหเ้ ข่างอมากข้ึน
ปจั จยั เสริม ความผดิ ปกตขิ องโครงสร้างขาทัง้ สองขา้ ง เชน่ ขาท้ัง 2 ข้าง
ยาวไม่เท่ากัน ใช้กล้ามเนื้ออยู่ในท่าเดิมนานๆ หรือขาดการ
เคล่อื นไหวที่เหมาะสม
ก ขค
ภาพแสดง กายวภิ าคและบรเิ วณท่ีปวดร้าวของกลา้ มเนื้อ Rectus femoris (ก)
Vastus intermedialis (ข) และ Vastus medialis (ค)
69
ภาพแสดง กายวิภาคและบริเวณท่ีปวดรา้ วของกลา้ มเน้ือ Vastus lateralis
กข
คง
ภาพแสดง การยืดกลา้ มเนื้อ Vastus Intermedialis (ก) Vastus lateralis (ข)
Vastus medialis (ค) และ Rectus femoris (ง)
4.6) ปลายเท้า ข้อเท้า และเท้า
กลา้ มเนอ้ื หน้าแข้ง (Tibialis Anterior)
อาการและบริเวณท่ีปวดร้าว ปวดตามแนวกลา้ มเนือ้ ขอ้ เท้าด้านใน และนวิ้ หวั แม่เทา้
การตรวจหา TrP กดขา้ งกระดกู หนา้ แข้งดา้ นนอกจะมีการตอบสนองด้วยการ
เคลอื่ นไหวของเท้าเขา้ ดา้ นใน
การยืดกล้ามเน้อื นอนหงายใหข้ ้อเทา้ พน้ ขอบเตียง จับปลายเทา้ กดลง
ปัจจยั เสรมิ กล้ามเนื้อน่องตึง เดนิ ในพ้ืนท่ีขรขุ ระหรือเอียงเป็นเวลานาน
นอนหงายปลายเทา้ ตกทง้ั คืน
70
ภาพแสดง กายวภิ าคของกลา้ มเน้อื Tibialis Anterior และบรเิ วณทีป่ วดรา้ วของ TrP (x)
กข
ภาพแสดง การยืดกล้ามเน้ือ Tibialis Anterior โดยเร่ิมจากการกดข้อเท้าลง (Plantar flexion) (ก)
แล้วตามดว้ ยบดิ ขอ้ เท้าออกด้านนอก (Pronation) (ข)
กล้ามเนอ้ื นอ่ ง (Gastrocnemius)
อาการและบรเิ วณท่ีปวดร้าว ปวดด้านหลัง ด้านในหัวเข่า น่องด้านใน ข้อเท้าด้านใน
การตรวจหา TrP และอุ้งเท้าด้านใน ปวดหลังต้นขา หลังเข่า กล้ามเน้ือเป็น
การยดื กล้ามเนือ้ ตะครวิ เวลากลางคนื
นอนควา่ กดขวางที่กลา้ มเนื้อแลว้ ดันไปด้านนอกหรือใน
ปัจจยั เสรมิ ยืนก้าวขาขา้ งทต่ี อ้ งการยดื ไปด้านหลัง งอเข่าหน้าพร้อมกับ
โน้มตัวไปขา้ งหน้า โดยเขา่ หลังเหยียดตรง และฝ่าเท้าสัมผัส
พ้ืนตลอดฝ่าเท้า หรือนั่งเหยียดขา แล้วจับปลายเท้า ให้ข้อ
เทา้ กระดกขน้ึ จนกลา้ มเนอ้ื รู้สึกตึง
ใช้งานหนัก เช่น เดินข้ึนท่ีลาดชัน วิ่งกระโดด เกร็ง
กล้ามเนื้อนาน เช่น เหยียบคันเร่งค้างในการขับรถระยะ
ทางไกล นอนหงายปลายเท้าตก ใส่ถุงเท้าท่ีขอบยางรัด
กล้ามเนือ้ แนน่ เกนิ ไป
71
ภาพแสดง กายวิภาคของกล้ามเนอ้ื Gastrocnemius และบริเวณทปี่ วดรา้ วของ TrP (x)
กลา้ มเนื้อใตฝ้ ่าเทา้ (Flexor Digitorum Brevis)
อาการและบริเวณที่ปวดร้าว ปวดร้าวมาที่น้ิวเท้าส่วนบนของน้ิวที่ 2-4 มักมีอาการเดิน
ลาบาก ปวดเท้าขณะเดิน
การตรวจหา TrP กดคลากล้ามเนื้อใตฝ้ ่าเท้าบริเวณ TrP ลึกๆ
การยดื กล้ามเน้อื จบั ปลายเท้ากระดกขน้ึ
ปัจจยั เสริม ความผิดปกติของเท้า การเดิน วิ่งในพื้นที่ขรุขระหรือพื้น
ทราย
ภาพแสดง กายวิภาคของกลา้ มเน้อื Flexor Digitorum Brevis และบรเิ วณทปี่ วดรา้ วของ TrP (x)
2.2.3 การตรวจร่างกายทางระบบกระดกู ขอ้ ต่อ (Skeleton and Articulation system)
1) การดู
1.1) แนวโครงสร้างปกติ ให้ดูเปรียบเทียบกัน 2 ข้าง ตัวอย่าง กายวิภาคที่ปกติ เช่น
ศอก แบะออกนอก ประมาณ 7 องศา นิว้ ตรง ขาตรง เท้า แบะออกประมาณ 7 องศา
1.2) แนวโครงสรา้ งผดิ ปกติ ที่พบบอ่ ยมีดงั น้ี
- ศอกบดิ เข้าใน (Cubitus varus)
72
- ศอกบดิ ออกนอก (Cubitus valgus)
- เขา่ บิดเข้าใน (Gemu varum, Bow leg)
- เขา่ บดิ ออกนอก (Genu valgum, Knocked knee)
- เขา่ แอ่นหลัง (Genu recurvatum)
- เทา้ เขยง่ หรือมีบิดเขา้ ร่วมดว้ ย (Equinus,Equino varus)
- เทา้ แบน (Flatfoot)
- อ้งุ เท้าสงู (Cavus foot)
- น้ิวโปง้ เทา้ บดิ เข้า (Hallux valgus)
กข
ค
ภาพแสดง ลกั ษณะเท้าแบน (ก) องุ้ เทา้ สงู (ข) และเทา้ เขย่ง (ค)
ภาพแสดง ลกั ษณะเทา้ เขย่งร่วมกับบิดเข้าใน ในมมุ มองตา่ งๆ
1.3) พิสัยข้อ (Range of motion) ให้ดูข้อต่างๆ ว่าสามารถเคล่ือนไหวในเรื่อง
ต่อไปนี้
1.3.1) เคล่ือนไหวได้องศาหรือไม่ ในท่าต่อไปน้ี
- งอ-เหยียด
- กาง-หบุ
- หมุนบิดเข้าใน-หมุนบดิ ออกนอก
1.3.2) เวลาเคล่ือนไหวมีอาการปวดหรือไม่ ขนาดพิสัยของข้อที่ใช้การได้ มี
ดงั ตารางต่อไปน้ี
73
ตารางที่ 3 ขนาดพสิ ยั ของขอ้ เหยยี ด บิดเขา้ ใน บดิ ออกนอก
90◦ 20◦
ขอ้ งอ 5◦-10◦ (กระดกขนึ้ )
ไหล่ 45◦ 10◦-15◦ (หงายมือ)
ศอก 70◦-80◦
ข้อมือ 0◦
0◦
นิว้ >50◦ 0◦ (กระดกขน้ึ )
สะโพก 30◦
เขา่ 60◦
ขอ้ เท้า 20◦ (กระดกลง)
2) การคลา และการเคาะ ในส่งิ ต่อไปนี้
2.1) ปุ่ม หรอื สันกระดูกตา่ งๆ
2.2) จุดกดเจ็บ ในแต่ละโรค
- เอน็ อักเสบ เช่น Tennis elbow, Plantar fasciaitis
- เอ็นติด เช่น น้วิ ไกปนื คลาตรงตาแหนง่ เส้นลายมอื หัวใจ
2.3) เคาะบนแนวเส้นประสาท (Tinel’s sing) เช่น เคาะเส้นประสาทที่อยู่ในร่อง
ปุ่มกระดูกข้างศอกด้านใน เคาะแล้วจะรู้สึกเสียว โรคปลายปัตคาดส้นมือ (CTS: Carpal
tunnel syndrome) เคาะตรงส้นมือชอ่ งตรงกลาง จะเสยี วหรอื ชาปลายนวิ้
3) การตรวจเฉพาะขอ้ ที่เกดิ ความผิดปกตบิ ่อย
3.1) ไหล่
- ขอ้ ไหลห่ ลุดเคลือ่ นขณะนง่ั หรือยืน คลาหาปมุ่ กระดูกปลายสุดของปีกสะบัก
ที่หัวไหล่ ปกติไม่พบร่อง คนไหล่หลุดจะพบร่อง (ในคนอัมพาต ถ้าหลุดนานเกิน 4
สัปดาห์ ไม่ดขี ้ึน โอกาสฟ้นื มนี อ้ ย)
- กางไหล่เจ็บในช่วง 60-120 องศา ให้หงายฝ่ามือข้ึนแล้วยกมือกางข้ึน
ช้าๆ จะเจ็บ ให้ผู้ป่วยทนเจ็บ แล้วยกเลย 60-120 องศา เจ็บจะหาย แสดงว่ามีการ
เสยี ดสขี องเอ็นกล้ามเนอ้ื สนั สะบัก (Supraspinatus)
- งัดขอ้ แลว้ เจ็บไหล่ แสดงวา่ มปี ญั หาทก่ี ล้ามเนอื้ Biceps brachii
- งอศอก และหงายฝ่ามือต้านแรง แล้วเจ็บไหล่ แสดงว่ามีปัญหาท่ีกล้ามเนื้อ
Biceps brachii
3.2) เข่า
- บวม หรือใหญข่ ึ้น
- ขยบั ไปหนา้ หลัง หลวมหรือไม่ ให้ผู้ป่วยนอนชันเข่า ผู้ป่วยนั่งทับปลายเท้า
ใช้ 2 มือจบั หนา้ แข้งใตเ้ ข่าดงึ ข้ึน แล้วดนั ลง
74
- ถ้าเอ็นด้านหน้าขาด ดันไปหลังไม่ได้ ดึงมาหน้าได้ถ้าเอ็นด้านหลังขาด ดัน
ไปหลังได้ แตด่ ึงมาหนา้ ไมไ่ ดเ้ อน็ ขาดไม่หมด หายเองได้ ถ้าขาดท้งั เส้นต้องผ่าตดั เย็บ
- หมุน บิด เจ็บหรือไม่ ให้ผู้ป่วยนอนยกขา งอสะโพก 90 องศา งอเข่า 90
องศา ผู้ตรวจดันปลายเท้าเข้าหาเข่า พร้อมบิดเข้าใน ถ้าเจ็บด้านนอก แสดงว่าเอ็น
ด้านนอกขาด ดันปลายเท้าเข้าหาเข่าพร้อมบิดออกนอก ถ้าเจ็บด้านใน แสดงว่าเอ็น
ดา้ นในขาด
ภาพแสดง การตรวจเอน็ เขา่ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั
ภาพแสดง การตรวจเอ็นเขา่ ด้านนอก และดา้ นใน
2.3 การตรวจรา่ งกายทางออรโ์ ธปิดคิ ส์
การตรวจร่างกายทางการแพทย์น้ัน จะทาการตรวจหลังจากการซักประวัติ หรืออาจจะ
ดาเนินการตรวจไปพรอ้ มๆกบั การซกั ประวัตเิ พม่ิ เตมิ ไปดว้ ย การตรวจร่างกายโดยทั่วไปประกอบไปด้วย
การดู (Inspection) การคลา (Palpation) การเคาะ (Percussion) การฟัง (Auscultation) และการ
ขยับ (Manipulation) สาหรับการตรวจร่างกายเฉพาะส่วนทางด้านออร์โธปิดิคส์ ส่วนใหญ่ไม่มีการฟัง
(Auscultation) และการเคาะ (Percussion) ท้ังน้ีเพราะในระบบโครงสร้างและกล้ามเน้ือ ไม่คอยมี
อวัยวะที่เป็นโพรงหรือช่องว่างภายใน ยกเว้นส่วนท่ีเป็นข้อต่อ แต่อาจมีการเคาะเพ่ือตรวจ Tinel sign
ของเส้นประสาท อย่างไรก็ตามการตรวจร่างกายของผู้ป่วยจะต้องตรวจร่างกายทั่วไปร่วมกับการตรวจ
ทางออร์โธปดิ ิคส์ ซงึ่ ประกอบดว้ ย
1. การดู (Inspection) การตรวจร่างกายผู้ป่วย เริ่มจากดูรูปร่างภายนอก สีของผิวหนัง
รปู ร่างของอวยั วะน้ันเปน็ อยา่ งไร มกี ้อนผดิ ปกตหิ รือไม่ รวมทัง้ การเคลือ่ นไหวเปน็ อย่างไร การตรวจโดย
75
การดคู วรเปิดใหเ้ หน็ สว่ นของอวัยวะท่ีจะตรวจให้หมดและอาจจะต้องดเู ปรียบเทียบกับด้านตรงข้ามด้วย
ในการตรวจ surface anatomy มี term ท่จี ะตอ้ งทาความเขา้ ใจ คอื
1.1 ส่วนของลาตวั
Anterior หมายถึง ดา้ นหนา้ ของลาตวั
Posterior หมายถงึ ด้านหลงั ของลาตัว
Medial หมายถึง ด้านทเ่ี ข้าใกล้ midline ของลาตัว
Lateral หมายถึง ด้านทอ่ี อกหา่ งจาก midline
1.2 ส่วนของแขน ขา
Proximal หมายถึง สว่ นทีใ่ กลล้ าตวั
Distal หมายถงึ สว่ นท่หี า่ งออกจากลาตวั
1.3 สว่ นของกระดูกสนั หลงั
Proximal หมายถงึ ส่วนทอ่ี ยู่ใกลท้ างศรี ษะ
Distal หมายถงึ สว่ นทอี่ ยใู่ กล้กน้ กบ
Cephalad (rostral) หมายถงึ ส่วนท่ีอยใู่ กล้ศรี ษะ
Caudad หมายถึง สว่ นที่อยู่ใกล้ก้นกบ
การตรวจดู Alignment น้ันผู้ตรวจต้องเรียนรู้ normal anatomy เป็นอย่างดี จึงจะสามารถ
บอก malalignment ได้ ปกติทบี่ รเิ วณแขนและขาจะมี malalignment ท่ีพบบ่อยที่สุดอยู่ 2 ชนิด คือ
axial malalignment และ rotational malalignment
- axial malalignment หมายถึง relationships ตามความยาวของท่อนบนและท่อนล่างของ
ระยางค์ ซึ่งบอกเปน็ มมุ ท่ีเกดิ ข้ึนเปรยี บเทียบกับเสน้ ตรง
- rotational malalignment หมายถึง ความผิดรูปท่ีเกิดจากการบิดหมุนในแนว
longitudinal axis
การดู gait ผู้ตรวจต้องเร่ิมสังเกตต้ังแต่ผู้ป่วยเดินเข้ามาในห้องตรวจ เพ่ือดูความผิดปกติของ
การเดนิ
การดู range of motion จะดูการเคล่ือนไหวของข้อทั้ง 3 แนว คือ flexion และ extension,
abduction และadduction, external rotation และ internal rotation การดูการเคล่ือนไหวของ
ขอ้ ในทางปฏิบัติ มกั จะใช้การประมาณขนาดของมุมท่ีเคลื่อนไหวออกไปดว้ ยสายตา
2. การคลา (Palpation) เป็นการตรวจร่างกายโดยใช้ปลายนิ้วมือกดลงบริเวณอวัยวะนั้น
โดยมีจดุ ประสงค์เพือ่ คลา anatomical landmarks ร่วมกับการดู ขณะเดียวกันเป็นการคลาดูตาแหน่ง
ท่ีมีอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะอย่างตาแหน่งที่มีกระดูกหัก เอ็นอักเสบหรือการฉีกขาดของเส้นเอ็นเป็น
ตน้ ในระหว่างคลายงั สามารถบอกอุณหภมู ขิ องตาแหน่งนน้ั ดว้ ย
76
3. การขยับ (Manipulation) นอกจากการตรวจด้วยการดูและคลาแล้ว ในระบบโครงสร้าง
และกล้ามเน้ือ ยังต้องตรวจโดยการขยับเพื่อตรวจการเคลื่อนไหวของข้อโดยผู้ตรวจเป็นคนทาให้ ซึ่งจะ
ทาเมอื่ ผปู้ ่วยไม่สามารถเคล่อื นไหวได้หรอื ทาไดไ้ ม่เต็มท่ี
4. การวัด (Measurement) ประกอบด้วยการวัดความยาวของแขนและขา การวัดเส้นรอ
บวงของแขนและขา โดยการวัดเปรียบเทียบท้ังสองข้าง รวมทั้งการวัดการขยับของข้อว่าเคล่ือนไหวไป
ไดก้ อ่ี งศา
2.4 การประเมินสภาพผปู้ ว่ ยกอ่ นนวด
ความหมาย : การประเมนิ สภาพผู้รบั บริการก่อนนวดหรอื การคัดกรองผปู้ ว่ ยก่อนนวด
ความสาคญั : การประเมินสภาพผูร้ ับบรกิ ารกอ่ นนวด
1. ทราบปญั หาสุขภาพของผ้รู ับบริการเพื่อคดั กรองภาวะทีไ่ มค่ วรนวด
2. เป็นข้อมลู ช่วยประกอบการตดั สนิ การใหบ้ รกิ ารนวด
- ท่านวด
- แรงที่ใช้นวด
- ระยะเวลาทนี่ วด
3. หลีกเล่ียงภยั อันตรายตา่ งๆทอี่ าจเกดิ จากการนวด เช่น การดัดดึง
4. ปอ้ งกันหมอนวดตดิ โรคจากผรู้ บั บริการนวด
5. เพือ่ ความปลอดภัยในการนวด
6. ให้คาแนะนาการปฏิบัติการดูแลตนเองได้สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพของ
ผูร้ ับบรกิ ารนวด
วธิ กี ารประเมินสภาพผปู้ ว่ ยก่อนนวด
1. การสมั ภาษณ์/ การซกั ถาม
2. การตรวจร่างกาย : การสังเกต การคลา/ การสมั ผสั / การเคาะ
3. การตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ าร (Lab) เชน่ film X-ray
ตารางท่ี 4 แบบสัมภาษณ์เพ่ือคัดกรองภาวะท่ไี มค่ วรนวด ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่แนใ่ จ
ภาวะสุขภาพ
1. ท่านมอี าการปวดบรเิ วณทีเ่ ปน็ อยา่ งรนุ แรงจนนอนไมห่ ลับหรอื ไม่
2. ท่านมไี ข้อยขู่ ณะนห้ี รือไม่
3. ทา่ นมีโรคติดต่อทางการสมั ผัสหรือไม่ เชน่ โรคตดิ เช้อื ทางผวิ หนงั
4. ท่านสงสยั หรือไม่แนใ่ จว่าท่านมกี ระดกู หักหรือข้อเคลื่อนหรือไม่
5. ทา่ นมโี รคประจาตัวที่แพทยใ์ ห้งดการออกกาลงั กายหรอื ไม่
6. ทา่ นได้รับอุบัตเิ หตุหรอื บาดเจบ็ มาในชว่ งก่อนหนา้ น้ี 2 วนั หรอื ไม่
77
7. ทา่ นมปี ญั หาสขุ ภาพท่ีจะบอกหมอให้พงึ ระมดั ระวังในการนวดหรอื ไม่
(มปี ระวัติการนวดแล้วเกดิ ปญั หา)
8. ท่านรบั ประทานยาทมี่ สี ่วนผสมของสเตยี รอยดต์ ดิ ต่อกันมานานกว่า
1 เดือนหรอื ไม่ (เชน่ ยาชดุ แก้ปวด ยาชุดแกโ้ รคหอบหืด)
9. ทา่ นมีภาวะกระดูกเปราะหรือผดิ รูปจากปกตหิ รอื ไม่
10. ทา่ นรับประทานยาแก้ปวดมานานยงั ไม่ถงึ 4 ช่วั โมงหรือไม่
แบบประเมินการนวดทีเ่ หมาะสมในผปู้ ว่ ยแต่ละคน
1. ท่านเคยรบั การนวดมากอ่ นหรือไม่ □ เคย □ ไมเ่ คย □ ไมแ่ น่ใจ
□ เบา □ พอประมาณ
2. ถ้าเคย ทา่ นชอบให้กดแรงหรอื เบา □ แรง □ ไมใ่ ช่ □ อ่ืน ๆ
3. ถ้าไมเ่ คย ท่านรู้สกึ ปวดงา่ ยตอ่ การกดหรอื ไม่ □ ใช่
ตาราง 5 การตรวจร่างกายจากการสงั เกตเพื่อคดั กรองภาวะที่ไม่ควรนวด
อาการ สมมติฐาน
1. ผอมแห้ง และอ่อนเพลีย - มโี รคเรือ้ รัง, มีไข,้ โรคตดิ ต่อ
2. ซูบซีด - มีโรคเร้อื รงั , ขาดสารอาหาร, โรคติดต่อ
3. หน้าแดง ปากแดง - มไี ข้
4. ผน่ื ตามตัว - มไี ข,้ โรคผวิ หนัง, ภูมแิ พ้
5. บาดแผลตามตัว - บาดเจ็บ, เปน็ โรคตดิ ต่อรา้ ยแรง
6. รอยจา้ เลอื ดตามตวั - บาดเจ็บ, โรคเลอื ดออกง่าย, ภูมิแพ้
7. รอยด่างขาว , เหอ่ ขึ้นตามตวั - โรคผิวหนงั ทอ่ี าจติดตอ่ ได้
8. เดินเซ - ภาวะผดิ ปกตขิ องสมองหรอื สมองน้อย, เมาเหลา้
9. มือสั่น - ภาวะผดิ ปกติของสมองน้อย, เมาเหล้า
10. มคี วามผดิ รูปของกระดกู โครงสรา้ ง - โรคกระดูกเปราะ, กระดกู หัก, ขอ้ เคลอ่ื น
11. ตัวมกี ลน่ิ เหล้า - ด่ืมเหลา้
12. พดู จาไม่เหมาะสมกบั กาลเทศะ - เมาเหล้า,เป็นโรคจิต
13. บวมตามตวั - เปน็ โรคไตผิดปกติ, โรคข้ออกั เสบบางชนดิ
14. บวมตามข้อบางข้อ - เปน็ โรคขอ้ อักเสบ, ได้รับบาดเจ็บ
15. บวมท่ใี บหน้า(หนา้ กลมมน,ผวิ แห้ง,ขนดก) - รับยาทม่ี สี ่วนผสมสเตียรอยด์มานาน
16. ตัวเหลืองตาเหลอื ง - โรคตับอักเสบ, ทอ่ น้าดีอดุ ตัน
17. วิงเวยี นศรี ษะ โคลงเคลง - สมองขาดเลือด, หชู ัน้ ในอักเสบ
78
ตาราง 6 การตรวจร่างกายด้วยการคลาหรือสมั ผัสเพ่อื คัดกรองภาวะที่ไม่ควรนวด
อาการ สมมติฐาน
1. กลา้ มเนอ้ื อ่อนแรง บวม กดเจบ็ - โรคทางสมองหรือไขสันหลัง, บาดเจบ็ เฉพาะสว่ น
2. ตัวรอ้ น - มไี ข,้ โรคติดตอ่
3. ขอ้ อ่นุ ๆ และบวม - ขอ้ อกั เสบ
4. มเี สยี งกรอ๊ บแกร๊บ เหมือนปลายกระดกู สกี นั - กระดกู หัก
5. มกี ้อนเนอ้ื แข็งท่ีไมใ่ ชก่ ลา้ มเนื้อเกรง็ - เนือ้ งอก
6. เนอ้ื เหลวและกลา้ มเนอ้ื ออ่ นปวกเปียก - เปน็ อัมพาต
7. ข้อฝืดและปวดข้อ - โรคขอ้ เสื่อมอักเสบ
8. กระดูกผดิ รูป - กระดูกหกั แลว้ ติดผดิ ท่ี, ข้อเคลอ่ื น
การซกั ประวตั ิการเจ็บปว่ ยปัจจุบันและอดีต
- การซักประวัติการเจ็บปว่ ยช่วยวนิ ิจฉยั โรครอ้ ยละ 50
- การตรวจรา่ งกายชว่ ยวนิ จิ ฉยั โรครอ้ ยละ 30
- ผลการตรวจทาง Lab ชว่ ยวนิ ิจฉยั โรคร้อยละ 20
1.1 การซกั ประวตั ผิ ปู้ ว่ ย - เพศ
1) ประวตั ิ / ข้อมูลสว่ นบคุ คลท่ัวไป - อายุ
- ชือ่ -สกุล ผรู้ ับบริการ - สถานภาพการสมรส
- วัน เดอื น ปีเกดิ - สญั ชาติ
- อาชพี
- ระดบั การศึกษา - ทอ่ี ยู่ปจั จุบัน
- ทอ่ี ยู่ทส่ี ามารถติดตอ่ ได้สะดวก
- ศาสนา - ผ้ทู ่สี ามารถติดตอ่ ได้
- เชอ้ื ชาติ - ประวัติการผา่ ตัด
- ภมู ิลาเนา
- รายได้
- สถานทท่ี างาน
- ประวัติการรบั การนวดมาก่อนหน้าน้ี
- จดุ ประสงคข์ องการมานวดคร้ังน้ี
2) อาการสาคญั (อ.ส.)
อาการท่นี ามาพบแพทย์ และระยะเวลาทเ่ี ร่ิมมอี าการ
“Symptoms + Onset”
79
อาการสาคัญที่นามาและท่พี บบอ่ ย
ปวดตามส่วนของร่างกาย
เคล็ด ขัดยอก บวม
กล้ามเน้อื อ่อนแรง กล้ามเนือ้ ลบี ไมม่ ีความรู้สกึ
ขอ้ อักเสบ ขอ้ ยึด ขอ้ ติดแขง็ ข้อเคลอื่ น
ความพิการผดิ รูป ขาโก่ง เดนิ กระเผลก
เครยี ด นอนไมห่ ลบั
ระยะเวลาที่เปน็ มานาน
เฉียบพลัน = 2-3 วนั
เรอื้ รัง = มากกว่า 6 เดือน
มีโรคประจาตัว/ลักษณะของพยาธสิ ภาพ เช่น อมั พาต
เป็นๆ หายๆ รกั ษาไมต่ ่อเน่อื ง เปล่ียนหมอรกั ษา/ วิธกี ารรักษาบอ่ ย
3) ประวัติการเจ็บปว่ ยปจั จุบัน (ป.ป.)
เปน็ การซกั ถามเกีย่ วกบั ความเป็นมาของโรคที่เป็นอยู่ขณะน้ี พฤติกรรมการดูแลรักษา
ในระยะท่ีผ่านมาและสาเหตทุ ท่ี าใหต้ ้องมารับบริการนวดครัง้ น้ี
4) ประวัตกิ ารเจบ็ ป่วยในอดีต (ป.อ.)
เป็นการซักถามประวัติการเจ็บป่วยที่เคยเป็นในอดีตก่อนท่ีจะมีอาการเจ็บป่วยคร้ังน้ี
การดูแลรักษาและความพิการท่ีหลงเหลืออยู่ปัจจุบัน เช่น โรคประจาตัว การผ่าตัด อุบัติเหตุ
การตงั้ ครรภ์ ยาที่เคยใช้ การแพ้ยาหรืออาหาร
5) ประวตั ิการเจ็บปว่ ยครอบครวั (ป.ค.)
เป็นการซักถามประวัติการเจ็บป่วยของสมาชิกสายโลหิตในครอบครัว โรคทาง
พนั ธุกรรม และการดูแลรกั ษา
6) ประวัติส่วนตัว (ป.ส.) / พฤตกิ รรมการดแู ลสุขภาพ
- วถิ กี ารดาเนินชวี ิตสว่ นตัว - การรบั ประทานอาหาร
- การออกกาลงั กาย - การนอนหลับพักผ่อน
- สภาพจติ ใจ ภาวะเครียด อารมณ์ จติ สังคม จติ วญิ ญาณ
- อาชีพที่มคี วามสมั พันธก์ บั การเจ็บปว่ ย
- การขบั ถา่ ย
- งานอดเิ รก
- ความเช่ือ คุณค่า และสงิ่ ยดึ เหน่ยี วทางด้านจิตใจ
80
- การรบั รู้สุขภาพและการดูแลสขุ ภาพ
- พฤติกรรมเสี่ยง
- สติปัญญาและการรับรู้
7) ประวตั ปิ ระจาเดือน - ระยะหา่ งของการมปี ระจาเดือน
- การมีประจาเดอื นครั้งแรก - อาการผิดปกตขิ ณะมีประจาเดือน
- จานวนวนั ที่มปี ระจาเดอื น
- อาการผดิ ปกติกอ่ นมปี ระจาเดือน
1.2 สัณญาณชีพและการตรวจร่างกาย
- การประเมินสญั ญาณชพี
- การตรวจรา่ งกายท่วั ไป
- การตรวจเฉพาะโรค
1) การประเมินสัญญาณชพี
อณุ หภมู ิ (T)
การอ่านค่าอุณหภมู ิในรา่ งกาย
คา่ ปกติ = 36.2-37.4 องศาเชลเซียส
- ถา้ <35 องศาเชลเซยี ส ผปู้ ่วยจะเสยี ชวี ติ
- ถ้า ≥43 องศาเชลเซยี ส ผปู้ ่วยอาจเสยี ชีวติ ได้
- ถ้า ≥38.5 องศาเชลเซยี ส แสดงว่ามกี ารตดิ เชอื้
- ถ้า >40 องศาเชลเซียส ผูป้ ่วยอาจมอี าการชัก
การวัดอุณหภมู ใิ นร่างกาย
- ทางปาก อมใตล้ น้ิ เป็นเวลา 3-5 นาที
- ทางรกั แร้ สอดใต้รักแร้นาน 5-10 นาที
(คา่ จะต่ากว่าทางปากประมาณ 0.5 องศาเชลเซียส)
- ทางทวารหนัก สอดเขา้ ทางทวารหนักนาน 1-2 นาที
ชพี จร (P.R.)
ค่าปกติ ประมาณ 60-80 ครัง้ /นาที ในผ้ใู หญ่
ในเด็กเลก็ ประมาณ 90-130 คร้ัง/นาที
ในทารก ประมาณ 120-130 คร้งั /นาที
81
อัตราการหายใจ (R.R.)
คา่ ปกติ = 12-20 ครัง้ /นาที
ถา้ มากกว่า 20 ครง้ั /นาที ภาวะหอบ
ถ้านอ้ ยกว่า 12 คร้ัง/นาที ภาวะหายใจลาบาก
ความดันโลหิต (B.P.)
ค่าปกติ ไม่เกนิ 140/90 มลิ ลเิ มตรปรอท
คา่ ชว่ งบน = คา่ ของหัวใจ บีบไลเ่ ลอื ดแดงไปเลย้ี งรา่ งกาย
คา่ ช่วงลา่ ง = ค่ากาลังเลือด ไหลกลบั เขา้ สู่หัวใจ
2) การตรวจร่างกายทว่ั ไป
ศีรษะ : ลกั ษณะรปู รา่ ง บวม ยุบ ขม่อม (ในเด็ก) ปกติ
ผม : มนั แวว เปน็ ประกาย ไม่หลดุ งา่ ย
ผวิ หนงั : ความยืดหย่นุ บวม บาดแผล ผืน่ ตมุ่ แดง
เล็บ : ซดี ผดิ รูป มีจดุ ขาว มลี าย/เปน็ เสน้
ตา : ลักษณะรปู รา่ ง สี ความใส การมองเห็นชัด ทา่ เดิน
หู : ลกั ษณะรูปรา่ ง เป็นแผล บวม การได้ยนิ ชดั เจน
จมูก/โพรงจมกู : มนี ้ามูก อักเสบ เจ็บโพรงจมูก แนน่ จมกู หายใจไมโ่ ลง่
ชอ่ งปาก คอ ฟนั : แดง บวม เป็นฝ้า เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ เป็นหนอง ฟันผุ มี
กล่ินเหลา้ กลิน่ เหมน็ เนา่
มอื /เท้า : รอ้ น เยน็ เป็นผ่ืนแดง อกั เสบ
ตอ่ มน้าเหลอื ง : โต
ไทรอยด์ : โต
ลักษณะทอ้ ง : โต ตงึ มแี ผลผ่าตดั ทอ้ งอืด ตับโต มา้ มโต มีกอ้ นในท้อง เสียว
ในลาไส้
การประเมินสภาพทัว่ ไปกอ่ นทาการนวด
- ตรวจดูลกั ษณะโดยท่วั ไป บวม แดง
- คลาบริเวณที่มีอาการ สัมผัสความร้อน เย็นของผิวหนัง ก้อน ลา
กล้ามเนือ้ ความแข็งเกร็ง คลอนลกู สะบา้
82
- ตรวจดูองศาการเคล่ือนไหวของข้อท่ีมีอาการ : ก้มหน้า-เงยหน้า
หนั ซา้ ย-ขวา เอียงซ้าย-ขวา ยกมอื ขน้ึ เหนือหูท้ังสองข้าง ยกมือเท้าสะเอว ยก
มอื ไพลห่ ลัง เขยือ้ นข้อไหล่ หย่งขอ้ เข่า กระดกขอ้ เท้า
- วัดความยาวส้นเท้า
3) การตรวจเฉพาะโรค / เฉพาะที่ (Body chart)
การตรวจบรเิ วณท่ีมีปัญหาเฉพาะที่ เช่น
- ปวด บวม แดง รอ้ น
- แขง็ เกรง็ เป็นลากล้ามเนอ้ื เปน็ ก้อน
- ความผดิ รูป
- ความแข็งแรงของกล้ามเน้อื
- ความสามารถในการเคลอื่ นไหวของขอ้
- การรบั ความรู้สกึ
- ปฏกิ ิรยิ าสะทอ้ น (Reflex)
83
บรรณานกุ รม
กัญจนา ดีวิเศษและคณะ. คู่มือการอบรมการนวดไทย. พิมพ์ครั้งท่ี 4. โครงการพัฒนาตารา
กองทุนสนับสนุนกิจกรรมมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา สานักปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข. 2544
เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. ทฤษฎีการนวดไทย ความหมายของเส้น จุด และโรค. พิมพ์ครั้งที่ 3. สถาบัน
การแพทยแ์ ผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2540
อภิชาต ลิมติโยธิน. คาบรรยายเร่ือง การนวดไทยบาบัด (นวดราชสานัก). การอบรมเชิงปฏิบัติการใน
หลักสูตรนวดไทย 800 ชั่วโมง รุ่นที่ 3. สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์กระทรวง
สาธารณสุข. 2547.
84
บทท่ี 3
การตรวจระบบกระดูก ขอ้ กล้ามเน้อื และระบบประสาท
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายขน้ั ตอนการตรวจระบบกระดูก ขอ้ กลา้ มเนื้อและระบบประสาทได้
2. อธิบายการตรวจร่างกายระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท การตรวจร่างกายระบบ
กระดูก ข้อและรยางค์ ส่วนบนและส่วนล่างและการอ่านและแปลผลการตรวจ Film X-ray MRT CT-
scan ได้
หัวเร่อื ง
3.1 พนื้ ฐานทางกายวภิ าคศาสตร์ และสรรี วทิ ยาสาหรบั การนวดแผนไทย
3.2 กายวภิ าคศาสตร์ และสรีรวทิ ยา
- การตรวจร่างกายระบบกลา้ มเนือ้ และระบบประสาท
- การตรวจร่างกายระบบกระดกู ข้อและรยางค์ ส่วนบนและสว่ นล่าง
3.3 การอ่านและแปลผลการตรวจ Film X-ray MRT CT-scan
85
การตรวจระบบกระดกู ข้อ กล้ามเนอื้ และระบบประสาท
3.1 พืน้ ฐานทางกายวิภาคศาสตร์ และสรีรวทิ ยาสาหรับการนวดแผนไทย
การเป็นหมอนวดที่มีความชานาญและรอบคอบนั้น นอกจากจะต้องรู้แนวเส้นของการนวด
แล้วจาเปน็ อย่างย่ิงท่ีต้องรู้กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของคนปกติ ศาสตร์นี้นับเป็นรากฐานสาคัญ
อย่างยิ่งที่จะช่วยให้หมอนวดรู้ว่าร่างกายคนปกติประกอบด้วยอะไร รูปร่าง และขนาดเป็นอย่างไร
รวมทง้ั ทาหนา้ ทีส่ าคญั ของอวัยวะแตล่ ะสว่ น สง่ิ เหลา่ น้ีจะช่วยให้หมอนวดรู้ว่าตาแหน่งใดของร่างกายที่
ควรหลีกเลยี่ งเพราะอาจเกิดอันตรายจากการนวด และทาให้เกิดการพัฒนาองค์กรความรู้ของการนวด
ไทยเป็นไปอย่างสอดคลอ้ งกบั ศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนปจั จุบนั ด้วย (สถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย, 2540)
3.2 กายวภิ าคศาสตร์ และสรรี วทิ ยา
มนุษยก์ าเนิดมาจากเซลล์ๆ เดียว คือ ไข่ ในมดลกู ของครรภม์ ารดาที่ได้รับการผสมกับเชื้ออสุจิ
ของบดิ า มกี ารแบง่ เชลลต์ อ่ มาเรอื่ ยๆ ในครรภ์มารดาจนเป็นรูปร่างคนแล้วคลอดออกมา เม่ือถึงกาหนด
คลอด การที่คนเรามหี นา้ ตาอย่างไรน้ัน มีตัวกาหนดในเซลล์ที่เรียกว่า สารพันธุกรรมหรือยีนส์ ซ่ึงได้รับ
การถา่ ยทอดเร่ือยๆ จากมารดา และบิดา นอกจากนส้ี ารพันธุกรรมยังเป็นตัวกาหนดให้มีการแบ่งเซลล์ท่ี
ทาหน้าที่อยา่ งเดียวกนั เชน่ ผิวหนงั กล้ามเน้อื กระดกู เสน้ เลือด เส้นประสาท และอวัยวะภายในต่างๆ
เป็นตน้ และในท่ีสดุ กร็ วมเปน็ ตัวคนโดยสมบูรณ์ การเรียนรู้กายวิภาคและสรีรวิทยาให้ลึกซ้ึงน้ัน ต้องใช้
เวลาหลายๆปี ทงั้ นี้เพราะมีรายละเอียดมากมาย ในท่ีนี้จะขอเสนอเพียงเค้าโครงโดยย่อที่จาเป็นสาหรับ
หมอนวดเพื่อประกอบความรู้เบ้ืองต้นในการนาไปปฏิบัติการนวดได้อย่างเหมาะสม การนาเสนอนี้จะ
เน้นที่รูปแบบเป็นหลัก ซึ่งมีการบ่งชี้อวัยวะและส่วนเป็นภาษาอังกฤษ เน่ืองจากเป็นภาษาสากล ส่วน
การอธบิ ายภาพจะนาเสนอเป็นภาษาไทย
ปกติการเรียนการสอนกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา มักจะนาเสนอระบบต่างๆของร่างกาย
เพ่ือให้เข้าใจง่าย ระบบตา่ งๆ น้ปี ระกอบด้วย
1. ระบบผิวหนงั 2. ระบบโครงกระดูก
3. ระบบกลา้ มเนื้อ 4. ระบบไหลเวียนโลหติ และน้าเหลือง
5. ระบบหายใจ 6. ระบบประสาท
7. ระบบย่อยอาหาร 8. ระบบขบั ถา่ ย
9. ระบบตอ่ มไรท้ ่อ
ซึ่งระบบเหล่านี้นับว่ามีความสาคัญที่หมอนวดควรรู้ นอกจากน้ียังได้เสนอแผนภาพร่างกายซ่ึง
มิได้จาแนกตามระบบ แต่เน้นท่ีส่วนต่างๆ ของร่างกายเมื่อผ่าดูเป็นชิ้นเล็กๆ เพ่ือใช้เปรียบเทียบได้ใน
การนวด แต่ในบทนี้จะสอนเน้อื หาที่เกย่ี วขอ้ งกับระบบโครงกระดูก ระบบกลา้ มเนอื้ และระบบประสาท
86
ภาพแสดง ระบบกระดกู และข้อ (ดา้ นหน้า)
87
ภาพแสดง ระบบกระดกู และข้อ (ดา้ นหลัง)
88
ภาพแสดง ระบบกลา้ มเน้ือ (ดา้ นหนา้ )
89
ภาพแสดง ระบบกลา้ มเน้ือ (ดา้ นหลงั )