290
วธิ ีตรวจ
1. ยนื เขยง่ ปลายเท้าขา้ งทเี่ จบ็
- กระดกู ขอ้ เทา้ เคลือ่ น จะไม่สามารถยืนเขยง่ ได้
- กระดูกฝุาเท้าเคล่อื น สามารถยนื เขยง่ ได้
2. ดูลกั ษณะทั่วไปของข้อเทา้ และคลาขอ้ เท้า สผี ิว ชา้ อณุ หภูมิ บวม จุดเจ็บ
3. ตรวจองศา โดยวิธกี ระดกข้อเท้าข้นึ -ลง พบกระดูกขอ้ เทา้ ไมข่ ึน้
4. ทดสอบกาลงั โดยวธิ ถี บี ปลายเทา้
สูตรการรักษา
1. นวดพื้นฐานขา และเปิดประตลู ม
2. เนน้ สัญญาณขอ้ เท้า
2. ผลักกระดกู ที่เคล่อื นให้เข้าที่ (ดังภาพ)
3. นวดสญั ญาณ 1-5 ขาดา้ นนอก และแนวเสน้ พ้ืนฐานลงมาถึงตาตุ่ม
4. นวดสญั ญาณ 1-5 ขาดา้ นใน และแนวเสน้ พ้ืนฐานขาท่อนล่าง เน้นสัญญาณ 5
5. ตรวจหลังการรักษา
เทคนคิ ผลักกระดูกแพลงด้านหน้า
ให้ผปู้ วุ ยนอนหงาย นิ้วโปงู มือในกดนง่ิ ที่ข้อเท้า มือนอกรวบจับส้นเท้า ปลายนิ้วเท้าวางทาบยัน
กับท่อนแขน ผู้นวดนั่งท่าหนุมานถวายแหวนโดยเอาเข่าด้านนอกตั้งเตรียมไว้ ออกแรงดึงส้นเท้าพร้อม
ปลายท่อนแขนดันปลายเท้าให้กระดกข้ึนขณะท่ีน้ิวโปูงกดท่ีข้อเท้าน่ิงแล้วถอนมือนอกออกจากฝุาเท้า
แล้วใชเ้ ขา่ ท่ตี ง้ั เตรยี มไวด้ ันฝาุ เท้าแทน มือที่ถอนออกมาใหย้ กมาวางกดซ้อนทข่ี ้อเท้านิ่งนาน (ทาเรว็ ๆ)
เทคนคิ ผลกั กระดกู แพลงด้านข้าง
ใหผ้ ู้ปวุ ยนอนหงาย นิ้วโปูงมือในกดบรเิ วณจุดเจบ็ รอยบมุ๋ ข้างตาตุ่มนอกด้านล่างที่ติดกับข้อเท้า
(ท่าคว่ามือ) กดดันไปทางนิ้วก้อย มือนอกอ้อมไปจับฝุาเท้าด้านนิ้วโปูงโดยฝุาเท้าอยู่ในอุ้งมือ 4 น้ิวกา
หลงั เท้า จับรวมให้กระชบั ตง้ั เขา่ เตรยี มรอ ดงึ บดิ เทา้ ลงไปทางดา้ นนิว้ โปูง และหมนุ เป็นวงกลมออกทาง
นิ้วก้อย แล้วดันปลายเท้ากระดกข้ึน ขณะนิ้วเท้าก้อยจะข้ึนเลื่อนนิ้วโปูงมือในและถอนมือนอกมากด
ซ้อนกนั ทข่ี ้อเทา้ พร้อมใชเ้ ข่าดันฝาุ เทา้ กระดกขน้ึ แทนมือท่ีถอนออกไป
กข
ภาพแสดง ทา่ ผลกั กระดูกข้อเท้าแพลงด้านหน้า (ก) และผลกั กระดูกข้อเทา้ แพลงด้านขา้ ง (ข)
291
คาแนะนา
1. ประคบน้าเยน็ ทนั ที หลังจากเกดิ เหตุ 24 ชัว่ โมง ใหป้ ระคบน้ารอ้ น
2. ห้ามบิด ดดั สลดั ขอ้ เทา้
3. พักการใชง้ านขอ้ เท้า
4. บริหารข้อเท้า โดยใหผ้ ู้ปวุ ยนอน หรือนัง่ แลว้ ให้กระดกขอ้ เท้าขนึ้ ลงเบา ๆ
5. นวดวนั เวน้ วัน
8.3 ขอ้ เทา้ แพลงระดับ 2 (ดา้ นขา้ ง)
(Lateral ankle sprain)
สาเหตุ
เกิดจากอบุ ัติเหตุ
อาการ
มีการเคล่ือนของกระดูก และมีการฉีกขาดของเส้นเอ็นร่วมด้วย สังเกตได้ คือ มีการปวด บวม
แดง ร้อน จะหายไดเ้ องประมาณ 3-4 อาทติ ย์
วิธีตรวจ
1. ยืนเขยง่ ปลายเทา้ ข้างที่เจบ็ ถา้ เขยง่ ไมไ่ ด้ แสดงวา่ มีการเคลอื่ นของกระดกู ข้อเท้า
2. ดูลกั ษณะท่ัวไปของขอ้ เทา้ เช่น ดูการผดิ รูป และคลาข้อเท้า สีผิว ชา้ อณุ หภูมิ บวม จดุ เจบ็
3. ตรวจองศาของข้อเทา้ โดยกระดกปลายเทา้ ขน้ึ และลง
4. ทดสอบแรงถีบปลายเท้า จะไม่มแี รงถีบปลายเทา้
สูตรการรกั ษา
1. นวดพื้นฐานขา
2. เสน้ สัญญาณ เปดิ ประตูลม และเน้นข้อเท้า
3. ผลกั กระดูกทีเ่ คล่อื นใหเ้ ขา้ ท่ี (ดงั ภาพ)
4. นวดสัญญาณ 1-5 ขาดา้ นนอก และแนวเสน้ พ้ืนฐานลงมาถึงตาต่มุ
5. นวดสญั ญาณ 1-5 ขาด้านใน และแนวเสน้ พน้ื ฐานขาท่อนล่าง เนน้ สัญญาณ 5
6. ตรวจหลังการรกั ษา
หมายเหตุ : ให้ตรวจชีพจรตรงสญั ญาณ 5 ถ้าสญั ญาณไม่ชดั คัดเส้น
เทคนิคผลักกระดูกแพลงดา้ นหน้า
ให้ผปู้ ุวยนอนหงาย นวิ้ โปูงมือในกดนิ่งท่ขี อ้ เทา้ มอื นอกรวบจับส้นเท้า ปลายนิ้วเท้าวางทาบยัน
กับท่อนแขน ผู้นวดนั่งท่าหนุมานถวายแหวนโดยเอาเข่าด้านนอกต้ังเตรียมไว้ ออกแรงดึงส้นเท้าพร้อม
ปลายท่อนแขนดันปลายเท้าให้กระดกขึ้นขณะท่ีนิ้วโปูงกดที่ข้อเท้านิ่งแล้วถอนมือนอกออกจากฝุาเท้า
แล้วใช้เข่าที่ต้ังเตรียมไว้ดันฝุาเท้าแทน มือท่ีถอนออกมาให้ยกมาวางกดซ้อนท่ีข้อเท้าน่ิงนาน (ต้องทา
เร็วๆ)
292
เทคนคิ ผลกั กระดกู แพลงด้านขา้ ง
ให้ผูป้ ุวยนอนหงาย น้วิ โปูงมือในกดบรเิ วณจดุ เจบ็ รอยบมุ๋ ข้างตาตุ่มนอกด้านล่างท่ีติดกับข้อเท้า
(ท่าคว่ามือ) กดดันไปทางนิ้วก้อย มือนอกอ้อมไปจับฝุาเท้าด้านน้ิวโปูงโดยฝุาเท้าอยู่ในอุ้งมือ 4 นิ้วกา
หลงั เทา้ จบั รวมใหก้ ระชับ ต้งั เขา่ เตรยี มรอ ดึงบดิ เท้าลงไปทางดา้ นนว้ิ โปูง และหมนุ เปน็ วงกลมออกทาง
นิ้วก้อย แล้วดันปลายเท้ากระดกขึ้น ขณะนิ้วเท้าก้อยจะข้ึนเล่ือนนิ้วโปูงมือในและถอนมือนอกมากด
ซอ้ นกนั ท่ขี อ้ เท้า พร้อมใช้เขา่ ดันฝุาเทา้ กระดกขน้ึ แทนมือที่ถอนออกไป
กข
ภาพแสดง ท่าผลกั กระดกู ข้อเท้าแพลงด้านหน้า (ก) และผลกั กระดูกข้อเทา้ แพลงด้านขา้ ง (ข)
คาแนะนา
1. ประคบนา้ เยน็ ทนั ที หลังจากเกดิ เหตุ 24 ช่ัวโมง ใหป้ ระคบน้าร้อน
2. หา้ มบิด ดดั สลดั ขา
3. พักการใช้ข้อเทา้
4. ห้ามเดินมาก
5. งดอาหารแสลง ไดแ้ ก่ ขา้ วเหนยี ว หน่อไม้ เคร่ืองในสตั ว์ อาหารหมักดอง เหล้าและเบยี ร์
6. ท่าบริหาร
- กระดกข้อเท้าขน้ึ และลง
- ยืนเขย่งปลายเทา้ ทา 3-5 คร้ัง เช้าและเยน็
5. นวดวันเว้นวัน
9. โรคอมั พฤกษ์
(Stroke / Cerebrovascular Accident)
สาเหตุ
เป็นโรคท่ีเกิดจากลมเบ้ืองสูงกับลมเบ้ืองต่า พัดไม่สมดุลกัน (ลมอโธคมาวาตากับลมอุทธังคมา
วาตาระคนกัน) หรือมาจากระบบประสาทและสมอง เช่น หลอดเลือดตีบ อุดตัน อุบัติเหตุ สมองถูก
กระทบกระเทือน อาการชักจากไข้สูง และความเครียด
293
อาการ
มอี าการแขน ขา ออ่ นแรง และอาจมอี าการชารว่ มด้วย มักเป็นซีกหนึ่งของร่างกาย เคลื่อนไหว
ไม่ได้ หรอื ได้กไ็ มป่ กติ อาการเปน็ น้อยกว่าอมั พาต ขอ้ ต่อหัวไหล่ และข้อตอ่ สะโพก ไม่หลุดจากเบา้
วิธีตรวจ
1. จับชพี จร ข้อมือและหลังเทา้ เพ่อื ตรวจลมเบอ้ื งสูงและลมเบอ้ื งตา่
2. ดูสภาพท่ัวไป บวม ความเยน็ ร้อน ออ่ น แข็ง ลีบของกลา้ มเน้อื
3. วดั สน้ เท้า ข้างท่ีเปน็ ส้ัน (ชนิดแข็ง) ยาว (ชนดิ อ่อน)
4. กระดกขอ้ เทา้ ขนึ้ -ลง ไม่ได้องศา
5. ทดสอบแรงถบี ปลายเท้า น้อยกวา่ ปกติ
6. ตั้งขาชันเข่าไม่ได้องศา
7. ควา่ มอื หงายมอื ไม่ไดอ้ งศา
8. ตั้งขอ้ ศอกเกร็งอยู่ไดไ้ ม่นาน กามือ แบมือได้เลก็ น้อย
9. ชแู ขนขึน้ เหนอื ศีรษะไม่ไดอ้ งศา
10. ทดสอบดึงแขน 3 จังหวะแรงนอ้ ยกว่าปกติ
วธิ กี ารรกั ษา
1. นวดพน้ื ฐานขา เน้นขอ้ เท้า เปิดประตูลม
2. นวดพนื้ ฐานหลัง
3. นวดพืน้ ฐานขาดา้ นนอก และสญั ญาณ 1-5 (ระวังสญั ญาณ 2 ขาดา้ นนอก)
4. นวดพื้นฐานขาดา้ นใน และสัญญาณ 1-5
5. นวดพน้ื ฐานแขนด้านใน และสญั ญาณ 1-5
6. นวดพ้ืนฐานแขนด้านนอก และสัญญาณ 1-5
7. นวดพน้ื ฐานบ่า
8. นวดสัญญาณ 1-5 หัวไหล่ (ระวังสญั ญาณ 2 หวั ไหล่)
9. ตรวจหลงั การรักษา
หมายเหตุ : ลมเบอื้ งสงู และลมเบื้องตา่ ระคนกัน ใหน้ วดท้องปรบั สมดลุ
คาแนะนา
1. งดอาหารแสลง เชน่ ของหวานจดั รสมนั จดั ของเยน็ ของเค็ม
2. ประคบน้าร้อน
3. พักผ่อนนอนหลบั ให้เพยี งพอ
4. หา้ มนอนทบั แขน-ขา ขา้ งท่เี ปน็
5. ทา่ บรหิ าร
- ดงึ แขน-ท้าวแขน - น่ังยองๆ - ทา่ ยนื เขย่งปลายเท้า
6. นวดวันเว้นวนั ดขี ้ึนนวดอาทิตยล์ ะ 1-2 ครงั้
294
10. กลุ่มโรคอัมพาต
(Paralysis)
อัมพาต คือโรคหรืออาการท่ีเกิดจากลมเบ้ืองสูงกับลมเบ้ืองต่าพัดไม่สมดุลกัน (ลมอโธคมาวา
ตาและอุทธังคมาวาตาระคนกัน) จึงทาให้อวัยวะแขนขาตาย (ขยับไม่ได้) หรือเคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ
เพราะไม่สามารถควบคุมได้ หวั ไหลแ่ ละสะโพกหลดุ หลวม
ตาราแพทย์แผนไทย อธิบายว่า อัมพฤกษ์จะเป็นซีกซ้าย อัมพาตจะเป็นซีกขวา โดยสายราช
สานักแยกโรคอมั พาตและอมั พฤกษ์โดยดูข้อต่อ หัวไหล่และสะโพกถ้ามีหลุดหลวม เรียกว่า อัมพาต ถ้า
ยังไม่หลดุ หลวม เรียกว่า อมั พฤกษ์
ลักษณะอาการ
อัมพาตนั้นจะต้องมีการเคล่ือนหลุดของหัวต่อกระดูกจากเบ้าเสมอ เห็นได้ที่หัวไหล่และ
สะโพก ถ้าหวั ตอ่ กระดกู ไมเ่ คลื่อนไมห่ ลดุ จะเรยี กว่า อัมพฤกษ์
อัมพาต มี 5 ชนดิ คอื
1. อัมพาตคร่ึงซีก (Hemiplegia) เป็นโรคที่ทาให้แขน และขาข้างเดียวกันซีกใดซีกหนึ่ง
เคลื่อนไหวไดไ้ มป่ กติ
2. อัมพาตครึ่งล่าง (Paraplegia) เป็นโรคท่ีทาให้ขาท้ัง 2 ข้างเคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ ข้อต่อ
สะโพกหลวม มีปัญหาสูญเสียการควบคุมระบบการขับถ่าย อุจจาระและปัสสาวะ สาเหตุเกิดจากเน้ือ
งอกบรเิ วณกระดูกสนั หลงั หรอื อุบตั ิเหตุ
3. อัมพาตท้ังตัว (Quadriplegia) เป็นโรคท่ีทาให้แขนท้ัง 2 ข้างเคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ มี
ปัญหาควบคุมอุจจาระปัสสาวะไม่ได้ สาเหตุเกิดจากระบบไขสันหลังบริเวณต้นคอเหนือปีกสะบักขึ้นไป
ถกู ทาลาย เกิดจากอุบตั ิเหตรุ ถชน ตกจากท่ีสูง หรอื จากระบบสมองก็เป็นไปได้ จะมีอาการพูดไม่ได้ แต่รู้
เร่อื ง
4. อมั พาตเฉพาะแขน (Monoplegia of upper limb) เป็นโรคท่ที าให้แขนขา้ งใดข้างหนึ่ง
หรือท้งั 2 ข้างเคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ เกิดจากเสน้ ประสาทระดับไขสนั หลังต้นคอไม่เกินกง่ึ กลางสะบักถูก
ทาลาย เชน่ พยาธิตัวจด๊ี ไซไขสนั หลัง เนอื้ งอกบรเิ วณไขสนั หลงั เบยี ดทับเส้นประสาท อบุ ัตเิ หตุ เชน่ รถ
ชน ตกจากทสี่ งู หิ้วของหนัก อุบัติเหตุจากการคลอด หรือเกดิ จากระบบสมองซ่งึ พบไดน้ ้อย เชน่ เสน้
เลอื ดตบี แตก พยาธิตวั จด๊ี ไช เปน็ ต้น
5. อัมพาตเฉพาะขา (Monoplegia of lower limb) เป็นโรคที่ทาให้ขาข้างใดข้างหน่ึง
เคลือ่ นไหวไดไ้ ม่ปกติ สาเหตเุ กดิ จากรากประสาทต้ังแต่ L1 ลงไปถูกทาลาย เช่น เนื้องอก มีพยาธิตัวจี๊ด
ไช อุบัตเิ หตุบรเิ วณก้นกบ เปน็ ต้น
การตรวจร่างกาย
ตามอาการและตาแหน่งท่เี กิดโรค
295
หลักการรกั ษา
นวดเพื่อให้ระบบร่างกายทางานได้ตามปกติ โดยใช้การนวดพื้นฐานและสัญญาณเป็นหลักตาม
ตาแหนง่ และอาการทเ่ี กดิ
คาแนะนา
1. งดอาหารแสลง เชน่ ของหวานจดั รสมันจัด ของเย็น ของเคม็
2. ประคบความรอ้ น
3. พักผอ่ นนอนหลับใหเ้ พยี งพอ
4. ห้ามนอนทบั แขน-ขาข้างที่เปน็
5. ทา่ บริหาร
- ดึงแขน-เท้าแขน
- นั่งยองๆ
10.1 โรคอัมพาตครึ่งซีก
(Hemiplegia)
สาเหตุ
เกิดจากลมเบ้ืองสูงและลมเบ้ืองต่าพัดไม่สมดุลกัน หรือในทางแผนปัจจุบันมาจากระบบสมอง
และประสาท เช่น
1. หลอดเลือดสมองตีบ มักพบในคนสูงอายุ เพราะสภาวะของหลอดเลือดเกิดเสื่อม อาจมีโรค
แทรกซ้อน เชน่ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
2. หลอดเลอื ดสมองอดุ ตัน พบในโรคหัวใจ เช่น หวั ใจรูมาตกิ
3. หลอดเลือดสมองแตก จากสาเหตคุ วามดันโลหิตสูง พยาธิตัวจื๊ด
4. อุบตั ิเหตุ มาจากสมองถกู กระทบกระเทือน บอบชา้
5. อาการไข้ ชกั สมองขาดออกซเิ จน
6. จากภาวะคลอด
7. สาเหตอุ ่ืนๆ เชน่ ความเครียด การสบู บุหรีจ่ ัด กรดยูริกสงู และเนอื้ งอกในสมอง
อาการ
เป็นกับซีกหน่ึงซีกใดของร่างกาย แขนและขาซีกนั้นเคล่ือนไหวไม่ได้ อาจจะมีอาการชา มีการ
กลืนอาหารลาบาก สาลกั อาหารไดง้ า่ ย พูดไม่ชดั หรือไม่มีเสียง บางคร้ังอาจจะมีอาการท้องผูก ควบคุม
อจุ จาระ ปสั สาวะไมไ่ ด้
หมายเหตุ ถา้ มีปัญหาสมองขา้ งขวา จะมีอาการข้างซ้าย ถ้ามีปัญหาทางสมองข้างซ้าย อาการ
ขา้ งขวา
วธิ ตี รวจ
1. จบั ชีพจร ข้อมือและหลงั เท้า เพ่ือตรวจลมเบื้องสูงและลมเบอ้ื งต่า
2. วัดส้นเท้า ขา้ งที่เป็นส้นั (ชนดิ ออ่ น) ยาว (ชนิดแขง็ )
296
3. กระดกขอ้ เท้าขน้ึ -ลง
4. ทดสอบแรงถีบปลายเทา้
5. ตั้งขาชันเขา่
6. กามอื แบมือ
7. คว่ามือ หงายมอื
8. ตั้งข้อศอก
9. ชแู ขนขน้ึ เหนอื ศรี ษะ
10. ทดสอบดงึ แขน 3 จังหวะ
*อาจดูลักษณะทั่วๆไป (ท่าเดิน มักจะเดินปลายเท้าตก ข้อมือเกร็ง จะเดินแบบปัดปลายเท้า
มอื และแขนหงกิ งอ)
สูตรการรักษา
1. นวดพืน้ ฐานขา เน้นขอ้ เทา้ เปิดประตูลม
2. นวดพืน้ ฐานหลงั
3. นวดพ้นื ฐานขาดา้ นนอก และสญั ญาณ 1-5 (ระวังสัญญาณ 2 ขาดา้ นนอก)
4. นวดพน้ื ฐานขาดา้ นใน และสญั ญาณ 1-5
5. นวดพื้นฐานแขนดา้ นใน และสัญญาณ 1-5
6. นวดพื้นฐานแขนดา้ นนอก และสัญญาณ 1-5
7. นวดพ้นื ฐานบ่า
8. นวดสญั ญาณ 1-5 หัวไหล่ (ระวงั สญั ญาณ 2 หวั ไหล)่
9. ตรวจหลงั การรกั ษา
คาแนะนา
1. งดอาหรแสลง เช่น ของหวานจัด รสมนั จดั ของเยน็ ของเค็ม
2. ประคบนา้ ร้อน
3. พกั ผอ่ นนอนหลับใหเ้ พยี งพอ
4. ห้ามนอนทับแขน-ขาข้างที่เปน็
5. ทา่ บรหิ าร
- ดึงแขน-เทา้ แขน
- นง่ั ยองๆ
- ท่ายืนเขยง่ ปลายเทา้
6. นวดวันเวน้ วนั ดีข้นึ นวดอาทติ ย์ละ 1-2 คร้ัง
297
10.2 อมั พาตครง่ึ ท่อน
(Paraplegia)
เปน็ โรคท่ีเกดิ กบั ไขสันหลังถกู ทาลายโดยตรง
สาเหตุ
พบว่ามปี ญั หาท่ีไขสนั หลัง ซึ่งเกดิ จากอุบัติเหตุ ได้แก่ ตกจาก ทส่ี ูง รถชน ถกู ยิง เน้ืองอกในไข
สนั หลงั กระดูกทับเส้นประสาท การ คลอดบุตร เป็นตน้
อาการ
ขาทง้ั 2ไม่มีแรง เคลอื่ นไหวไมป่ กติ ควบคุมการขับถ่าย อุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้ และบริเวณที่
ตา่ กว่าข้อกระดกู สนั หลังที่ เปน็ จะไม่มีความรู้สึก
วิธีตรวจ
1. จับชพี จรท่ขี ้อมอื และหลงั เท้า
2. ดสู ภาพทั่วไป บวม ความเยน็ ร้อน อ่อน แขง็ ลบี ของกล้ามเน้อื
3. วดั สน้ เท้าท้ัง 2 ข้าง ขา้ งทเ่ี ป็นสั้น (ชนิดอ่อน) ยาว (ชนดิ แข็ง)
4. ทดสอบกระดกปลายเทา้ ขึ้น-ลง ไม่ได้องศา
5. กระดิกนวิ้ เทา้
6. ทดสอบแรงถีบปลายเทา้ น้อยกวา่ ปกติ
7. ตง้ั ขาชันเขา่ ไม่ได้องศา ถ้าไมย่ ก ใหบ้ บี นิว้ กลางของนว้ิ เทา้ ถา้ เจ็บและมีการตอบสนอง
แสดงว่ามีโอกาสเดนิ ได้
8. ทดสอบกาลงั สะโพก
สตู รการรักษา
1. นวดพื้นฐานขา เนน้ ข้อเท้า เปิดประตลู ม
2. นวดพื้นฐานหลงั และเน้นจุดท่ีเป็นโรค
3. นวดพนื้ ฐานขาด้านนอก และสัญญาณ 1-5 ขาดา้ นนอก (ระวังสญั ญาณ 2 ขาด้านนอก)
4. นวดพื้นฐานขาดา้ นใน และสัญญาณ 1-5 ขาดา้ นใน
5. นวดท้อง ท่าแหวก และ ท่านาบ
6. นวดสญั ญาณ 1-5 ทอ้ ง
7. ตรวจหลงั การรักษา
คาแนะนา
1. งดอาหารแสลง เช่น ของหวานจัด รสมนั จดั ของเยน็
2. ท่าบรหิ าร
- ฝกึ ยืน หรือ นัง่ ยองๆ
3. ประคบความร้อน
298
10.3 อมั พาตทัง้ ตวั
(Quadriplegia)
เปน็ โรคท่ที าให้อวยั วะทกุ สว่ นไมม่ ีกาลัง เนอ่ื งจากสมองถูกทาลาย
สาเหตุ
เกิดจากอุบัติเหตุทางสมอง และอีกส่วนหนึ่งจากไขสันหลัง เช่น เน้ืองอกในไขสันหลัง การ
ผ่าตัด อบุ ัตเิ หตุจากทส่ี ูง เป็นต้น
อาการ
ไม่สามารถบังคับแขนและขา ท้ัง 2 ข้างได้ ถ้าเป็นกับไขสันหลัง ไม่สามารถควบคุมระบบ
ขับถ่าย อุจจาระ ปัสสาวะได้ พูดคุยได้รู้เรื่อง แต่ถ้าเกิดจากสมองจะสูญเสียความรู้สึกนึกคิด สามารถ
ควบคมุ ระบบขบั ถ่ายอจุ จาระ ปัสสาวะได้
วธิ ีตรวจ
1. จบั ชพี จรทีข่ ้อมือและหลงั เทา้
2. ดูสภาพทั่วไป บวม ความเยน็ รอ้ น ออ่ น แข็ง ลีบ ของกลา้ มเนือ้
3. วัดส้นเท้าทง้ั 2 ข้าง
4. ทดสอบกระดกปลายเทา้ ข้นึ -ลง
5. ทดสอบแรงถบี ปลายเท้า
6. ทดสอบการตัง้ ขาและเหยียดขา ถ้าทาไม่ได้ ให้บีบน้ิวกลางของนวิ้ เท้า ถ้าเจบ็ และตั้งขาข้ึนได้
แสดงวา่ มโี อกาสเดนิ ได้
7. กามือ เหยยี ดนิ้ว
8. ทดสอบแรงบบี มือ
9. ให้พลกิ มือ หงายมือ
10. ใหต้ งั้ ข้อศอกขึ้น และกระดกขอ้ มือขึ้น-ลง กามือ เหยียดน้ิว กางนิ้ว
11. ชแู ขนข้นึ เหนือศีรษะ
12. ตรวจขอ้ ตอ่ กระดกู หวั ไหล่ ว่าหลดุ มาก-น้อยขนาดไหน
13. ตรวจดขู ้อต่อหวั ไหล่ ว่าตกกี่นวิ้ (น้ิว คือ นิ้วมอื )
* ถ้า 1 นิ้ว จะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติได้ จะทางานละเอียดไม่ได้
* ถ้า 2 นวิ้ เคล่อื นไหวได้ ทางานไมไ่ ด้
* ถา้ 3 นวิ้ เคลือ่ นไหวไม่ได้
14. ทดสอบดงึ แขน 3 จงั หวะ
สูตรการรกั ษา
1. นวดพนื้ ฐานขา เน้นขอ้ เท้า เปดิ ประตูลม
2. นวดพื้นฐานหลังทง้ั 2 ข้าง เนน้ ตาแหน่งที่เกดิ โรค
3. นวดพน้ื ฐานขาดา้ นนอก และสัญญาณ 1-5 (ระวังสัญญาณ 2 ขาดา้ นนอก)
299
4. นวดพืน้ ฐานขาด้านใน และสัญญาณ 1-5
5. นวดพนื้ ฐานแขนด้านใน และสัญญาณ 1-5
6. นวดพื้นฐานแขนดา้ นนอก และสญั ญาณ 1-5
7. นวดพืน้ ฐานบ่า
8. นวดสัญญาณ 1-5 หวั ไหล่ (ระวังสัญญาณ 2 หวั ไหล่ กรณเี หยยี ดคแู้ ขนไม่ได)้
9. นวดทอ้ ง ท่าแหวก-นาบ และสัญญาณ 1-5 ท้อง
10. ตรวจหลังการรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น
2. งดอาหารแสลง เช่น ข้าวเหนยี ว หนอ่ ไม้ เคร่อื งในสตั ว์ เหล้า เบยี ร์ และยาแก้ปวด
3. อยา่ นอนทบั แขน ขาขา้ งทีเ่ ป็น
4. ทา่ บริหาร
- ดึงแขน-เท้าแขน 3 จังหวะ
- ยนื เขยง่ ขา 2 ข้าง ฝึกเดนิ
10.4 อัมพาตเฉพาะแขน
(Monoplegia of upper limb)
สาเหตุ
เกดิ จากอบุ ตั เิ หตแุ ละการถูกกระชากดึงรั้งแขน ทาให้ประสาทส่วนแขนเสียไป หรืออาจพบเกิด
จากภาวะของโรคบางชนดิ รวมทั้งกลไกการคลอดทไ่ี มถ่ ูกวิธี
อาการ
เคลื่อนไหวแขนไม่ได้ปกติ ข้อต่อหัวไหล่ ข้อต่อข้อมือหลุด ไม่สามารถกระดิกน้ิวมือ กระดก
ขอ้ มอื ได้
ในวนั แรก มีอาการชาที่ปลายนิว้ มือ ข้อมือ ปลายแขน และแขนเปล้ียไม่มกี าลัง ใ น วั น ที่ ส อ ง
อาการจะมากขน้ึ ในวันที่สาม อาจกระดกิ นิว้ มอื ขยบั นิว้ มือ และยกแขนไม่ได้ เพราะหัวไหล่เคล่ือนหลุด
เตม็ ท่ี
วิธีตรวจ
1. จับชีพจรข้อมอื สังเกตการเต้นหนักเบา
2. ตรวจบริเวณกระดูกหวั ไหล่ว่าหลดุ มากนอ้ ยแคไ่ หน
3. ตรวจแขน ดูสภาพทั่วไป ได้แก่ การลีบของกล้ามเนื้อ บวม คลาความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง
ของกลา้ มเน้อื
4. ตรวจองศา โดยกระดกข้อมือ ขนึ้ -ลง ตงั้ ขอ้ ศอก และชแู ขนเหนอื ศรี ษะ
5. ทดสอบกาลงั แขน โดยกระดิกนวิ้ มอื กามอื แบมือ บีบมือ ควา่ มอื หงายมือ ดึงแขน 3 จังหวะ
300
สูตรการรกั ษา
1. นวดพน้ื ฐานบา่
2. นวดสญั ญาณ 4, 5 หลงั
3. นวดสัญญาณ 1-5 หวั ไหล่ เน้น 1 กบั 5
4. นวดพืน้ ฐานแขนด้านใน
5. นวดสญั ญาณ 1-5 แขนด้านใน และสัญญาณแยกขอ้ มอื
6. นวดพน้ื ฐานแขนดา้ นนอก
7. นวดสัญญาณ 1-5 แขนด้านนอก
8. ตรวจหลังการรักษา
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น
2. งดอาหารแสลง เช่น ข้าวเหนียว หนอ่ ไม้ เคร่ืองในสตั ว์ เหล้า เบยี ร์ และยาแกป้ วด
3. อยา่ นอนทับแขนขา้ งท่ีเป็น
4. ทาทา่ บรหิ าร
- ดึงแขน-ทา้ วแขน 3 จงั หวะ ทาเช้า-เย็น ทุกวนั
10.5 โรคอัมพาตเฉพาะขา
(Monoplegia of lower limb)
เปน็ โรคทเ่ี กิดขน้ึ กบั ขาข้างใดขา้ งหนงึ่ ของร่างกาย
สาเหตุ
เกิดเนื่องจากไขสันหลังบริเวณบั้นเอวถูกทาลาย เส้นประสาทบริเวณหลัง สะโพก ถูกกดทับ
อย่างรุนแรง เน้ืองอกในไขสันหลัง กระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากการผ่าตัด ฉีดยาถูกเส้นประสาทท่ี
สะโพก อบุ ัตเิ หตุจากสภาวะคลอดผดิ ปกติ
อาการ
ขาไม่มแี รง เคลอ่ื นไหวขาไดไ้ ม่ปกติ บังคับทศิ ทางไมไ่ ด้ เวลาเดนิ ขาจะปัด
การวินิจฉัยโรค
1. วดั สน้ เทา้ ขา้ งท่ีเป็นจะยาว (ชนิดออ่ น) ส้ัน (ชนดิ แข็ง)
2. กระดกปลายเทา้ ขน้ึ -ลง
3. ทดสอบแรงถีบปลายเทา้
4. ทดสอบตั้งขาขึ้น เหยยี ดขาลง
วิธกี ารรักษา
1. นวดพ้ืนฐานขา เน้นข้อเทา้ เปดิ ประตูลม
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลงั เน้นจดุ ทีเ่ กดิ โรค
3. นวดพืน้ ฐานขาด้านนอก และสญั ญาณ 1-5 (ระวงั สญั ญาณ 2 กรณีเหยยี ดค้ขู าไม่ได้)
301
4. นวดพนื้ ฐานขาดา้ นใน และสญั ญาณ 1-5
5. ตรวจหลังการรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น
2. งดอาหารแสลง เช่น ขา้ วเหนียว หนอ่ ไม้ เครอื่ งในสัตว์ เหล้า เบยี ร์ และยาแกป้ วด
3. อย่านอนทบั ขา ข้างทเ่ี ปน็
4. ท่าบริหาร
- นง่ั ยองๆ
- ยนื เขยง่ ปลายเท้า เชา้ -เย็น
- ทา่ บรหิ ารอื่นๆ ตามความเหมาะสม
11. อมั พาตใบหนา้
(Bell’s palsy / Facial palsy / Facial paralysis)
สาเหตุทางแผนไทย เกดิ จากลม 5 ชนิด คอื
1. เกิดจากลมปลายปัตคาด ทาใหย้ ักคิ้วไม่ได้ ตาหลบั ไม่ลง ย้ิมปากเบีย้ ว
2. เกดิ จากลมสนั นบิ าต มีการกระตุกตามหน้าตาและปากรว่ มด้วย
3. เกิดจากลมชิวหาสดมภ์ เกิดอาการทางปาก มีปากเบีย้ ว น้าลายยืดเหนยี ว
มองไม่ชดั ยักคว้ิ ไมข่ ึน้ ตาหลบั ไม่ลงและมกี ารกระตุกรว่ มด้วย เรียกวา่ ลมแทรกชวิ หาสะดม
4. เกิดจากลม 2 กองพัดระคนกัน มาจากโรคอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งลมอัมพาตครึ่งซีกนั้น
นอกเหนือจากมือ-เท้าตายแล้ว ทาให้เกิดอัมพาตท่ีหน้า (อาการปากเบ้ียว พูดไม่ชัด ตาหลับไม่ลง) คือ
ลมเบื้องสงู (อโธคมาวาตา) เป็นลมกองใหญ่ ลมเบอ้ื งต่า (อุทธงั คมาวาตา)เปน็ ลมกองใหญ่
5. เกิดจากความเครยี ดทางสมองและจติ ใจ
สาเหตุทางแผนปจั จบุ ัน ไมท่ ราบสาเหตแุ น่ชัด แต่มปี ัจจัยสง่ เสรมิ ดงั น้ี
1. เกดิ จากติดเช้อื ไวรัส
2. อบุ ตั เิ หตตุ รงหน้าหู เช่น ถูกตบโดนเสน้ ประสาทโดยตรง หรือจากอบุ ตั เิ หตอุ นื่ ๆ
3. เป็นหูนา้ หนวก หรอื มีการอกั เสบของรากฟัน เหงอื ก เป็นหวัดบ่อย ๆ
4. โรคประจาตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ปุวยที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่าประมาณ
30% มีอาการของอัมพาตใบหนา้ ร่วมด้วย
5. เนือ้ งอกสมองบริเวณปลายประสาทสมองค่ทู ่ี 7 หรอื ผ่าตดั บริเวณใกล้เคยี งกบั ประสาทคู่น้ี
6. ร่างกายอ่อนเพลีย แล้วกระทบอากาศเย็น เช่น พัดลม แอร์ เปุาหน้าโดยตรงหรือน่ังรถกิน
ลมลมปะทะหนา้ มากเกินไป
***โรคนเี้ ป็นโรคทีน่ วดรักษาได้ผลดี พบได้ทกุ เพศทกุ วัย มักเกิดในอายุประมาณ 20-50 ปี
302
อาการ
อาการทั่วไป
เคลื่อนไหวกลา้ มเน้ือใบหน้าคร่ึงซีกไม่ได้ ผู้ปุวยรู้สึกตัวดีแขนขามีแรงดี และทางานได้ตามปกติ
ทุกอยา่ ง และถ้าอยู่เฉยๆ โดยไม่พูดไม่ยิ้มไม่หลับตาหรือยักคิ้ว จะไม่พบความผิดปกติโรคนี้เป็นลักษณะ
ของกล้ามเนื้อบนใบหน้า (กล้ามเน้ือตาย) เคลื่อนไหวไม่ได้ หรือเคล่ือนไหวไม่ได้ตามปกติเน่ืองจาก
เส้นประสาทสมองคู่ท่ี 7 ที่ทาหน้าที่แสดงสีหน้า เลิกหน้าผาก ยักคิ้ว หมวดค้ิว หลับตาผิวปาก ถ้า
เส้นประสาทสมองคู่ท่ี 7 น้ีผิดปกติ การทางานก็ผิดไป โรคน้ีพบปัญหาท่ีใบหน้าอาจเป็นข้างเดียว หรือ
ท้งั 2 ข้างกไ็ ด้ สว่ นมากพบขา้ งเดียว
อาการสาคัญ
1. เกดิ ขึ้นเฉียบพลนั โดยผปู้ ุวยไม่รูต้ ัว เช่น เมอ่ื ตนื่ ข้นึ มาก็พบว่าปากเบยี้ วไปข้างหนงึ่
2. หนา้ ผากตึงไมม่ ีรอยยน่
3. ยกั คิ้วไมข่ นึ้
4. ตาหลบั ไม่ลง หลับไม่สนทิ ทาให้แสบตาและเกดิ ตาอักเสบได้
5. รอยย่นจมูกไมม่ ี
6. ปากเบี้ยว มุมปากตก พูดไม่ชัด อมน้าไม่ได้จะไหลออกจากปาก เนื่องจากปากปิดไม่สนิท
เวลายงิ ฟนั หรือย้มิ จะเหน็ มมุ ปากขา้ งนน้ั ตก ผิวปากไมไ่ ด้
7. ล้ินชา บางทอี าจรบั รสไมไ่ ด้ หูจะอือ ปวดแก้วหู มเี สียงดังในหู
วิธีตรวจ
1. ดูโครงสรา้ งทวั่ ไปของใบหนา้ ดังน้ี
- รอยยน่ ของใบหน้า เชน่ หนา้ ผาก ขา้ งทีเ่ ปน็ จะมีรอยย่นนอ้ ยกว่าข้างที่ไมเ่ ป็น
- ความตงึ ของใบหนา้ ข้างท่ีเป็นจะมคี วามตงึ น้อย
- ระดบั ของมมุ ปาก ขา้ งท่ีเป็นจะตา่ กวา่ ขา้ งที่ไม่เป็น
- อาการ บวม ลบี ในระยะแรกจะมอี าการบวมบรเิ วณหน้าหู เป็นนานๆ จะลีบ
2. ดกู ารเคลอ่ื นไหวของกลา้ มเน้อื ใบหน้า ดังน้ี
- ยักค้ิว ใหส้ ังเกตว่าขยบั สว่ นไหนของคิว้ ได้ เชน่ หางคิว้ หวั ควิ้
- หลบั ตา ถา้ มีอาการมากจะหลับไม่ถงึ ครง่ึ ของตา ถ้าเปน็ นอ้ ยจะหลบั ไดเ้ กือบมิดแต่ช้า
- เลิกหนา้ ผาก ทาจมูกย่น สังเกตรอยย่นของหน้าผาก และสันจมูกข้างที่เป็นจะมีรอย
ยน่ นอ้ ยกว่าข้างที่ไมเ่ ป็น
- ยิ้ม ระดับของมมุ ปาก 2 ข้างไมเ่ ทา่ กนั
- อา้ ปาก ดูวงรรี อบปาก ข้างทเี่ ป็นจะตกกวา่ อกี ข้าง
3. ทดสอบกาลังกล้ามเนอ้ื หนงั ตา โดยใช้นิว้ ชวี้ างบริเวณเปลือกตา แล้วใหผ้ ู้ปุวยหลับตาลืมตา
4. ตรวจดูบริเวณกลา้ มเนื้อต้นคอและโคง้ คอรว่ มดว้ ย
303
สตู รการรกั ษา
(ใหร้ กั ษาขา้ งทีเ่ ป็นโรค ตวั อย่างเชน่ โรคขา้ งขวา)
1. นวดพืน้ ฐานบ่า
2. นวดสัญญาณ 5 หลงั
3. นวดสัญญาณ 1, 5 ศรี ษะด้านหลงั
4. นวดสญั ญาณจุดจอมประสาท
5. นวดสัญญาณ 1 ศรี ษะดา้ นหน้า
6. นวดสญั ญาณ 3 ศรี ษะดา้ นหน้า และสัญญาณแยก
7. นวดสัญญาณ 5 ศีรษะด้านหน้า และสญั ญาณแยก
8. ตรวจหลังการรกั ษา
หมายเหตุ นวดศีรษะดา้ นหน้า รวม 4-6 ครง้ั (ต้องเป็นเลขคู่)
ภาพแสดง แนวนวดและการวางนว้ิ โปูงในการรดี ค้วิ และรีดร่องจมูก
คาแนะนา
1. ใช้ผ้าชุบนา้ ร้อนใหผ้ ู้ปวุ ยประคบเอง เพราะรรู้ ะดับความร้อน เยน็ ประคบเช้า เย็น
2. ใส่แวน่ ตาดา กลางวัน ตอนกลางคืน ให้นอนใชท้ ่ปี ดิ ตา ถา้ หลบั ตาไมล่ งให้สวมแว่นตา
3. นอนพกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ
4. งดอาหารแสลง เช่น ขา้ วเหนยี ว หนอ่ ไม้ เคร่ืองในสัตว์ ของดอง เหล้า เบียร์ ยาแก้ปวด
5. ด่ืมนา้ อนุ่ และหลีกเลีย่ งอากาศเยน็ ลมเยน็
6. เลย่ี งอาหารที่ตอ้ งเคีย้ วนานๆ เพราะจะทาใหก้ ล้ามเน้ือเมอ่ื ยลา้
7. การบรหิ ารกลา้ มเน้ือใบหน้า
- เลิกหน้าผาก - ยกั ค้ิว ขมวดคิ้ว
- หลบั ตา ลมื ตา - ยน่ จมกู
- ยม้ิ ไมใ่ ห้เหน็ ฟนั - ออกเสยี งตวั อะ อิ อี และ แอ
- ทาแกม้ ปอุ ง แกม้ บมุ๋ - ผิวปาก
8. ครัง้ แรกนวด 3 วันติดกันแล้วหยดุ ไป 5 วนั ต่อไปนวดอาทติ ย์ละ 1 คร้ัง
304
12. โรคพารก์ นิ สัน
(Parkinson’s disease)
สาเหตุ
เกดิ จากความเส่ียงท่ีตัวสมอง พบมากในอายุ 60 ปี เปรียบเหมือนมะพร้าวแก่ เน้ือมะพร้าวจะ
เลก็ ลงทาให้มีชอ่ งว่างระหว่างเน้ือกบั กะลา เชน่ เดียวกันกับสมองและกะโหลก ทาให้มีน้าเข้าไป โรคทาง
กรรมพันธุ์ สารพิษ ยาลดความซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตอุบัติเหตุทางสมอง เช่น นักมวยถูกต่อยที่
ศีรษะ ภาวะสมองขาดออกซเิ จน เชน่ คนนอนกรน
อาการ
เป็นความเส่ือมของสมองส่วนที่ควบคุมการทรงตัว ทาให้กล้ามเนื้อแขนขาเกร็ง เคลื่อนไหวช้า
การทรงตวั ไมด่ ี รวมถงึ การสน่ั ของอวัยวะต่างๆ ซึง่ มอี าการดงั น้ี
1. ทางแขน มอี าการมือจบี และส่ัน
2. ทางขา มอี าการเหมือนกระทบื ปลายเทา้ ตลอดเวลา หยดุ ไมไ่ ด้
3. ทางหน้าตา แลบล้ินตลอดเวลา ลน้ิ จกุ ปาก เหมอื นเคี้ยวอะไรในปากตลอดเวลา หวั สัน่ ตลอด
4. กล้ามเนื้อเกร็ง ทาใหม้ อี าการปวด
5. การเดินจะช้าลง เดินซอยเท้า เดินเหมือนหุ่นยนต์ เวลาเริ่มเดินจะช้าแล้วเดินเร็ว ถ้าหยุด
ทันทจี ะล้ม
6. การขบั ถ่าย ท้องผกู
7. กลืนสาลัก ลิ้นแข็ง
8. น้าลายสอยืด
วธิ ตี รวจ
1. ดูทา่ เดนิ การสั่น การเกรง็
2. ดสู ่วนที่มีการตึงตัว ว่าเคลือ่ นไหวได้เพียงไร
3. ดกู ารทาตามคาส่ัง
สตู รการรักษา
การนวดแบง่ เป็น 2 ส่วน
1. นวดปรบั สมอง
1.1 นวดพน้ื ฐานบ่า
1.2 นวดสัญญาณ 4, 5 หลงั
1.3 นวดสญั ญาณ 4 ไหล่
1.4 นวดแนวโค้งคอ
1.5 นวดสัญญาณ 1-5 ศรี ษะดา้ นหลงั
1.6 กดจุดจอมประสาท
305
2. นวดตามส่วนทเ่ี ปน็ เชน่ เป็นทข่ี านวดขา เปน็ ทแี่ ขนนวดแขน เปน็ ซีกเดียวนวดแบบซีกเดียว
นวดให้กล้ามเนื้อคลายตวั เพราะกลา้ มเนื้อเกร็งทาใหป้ วด
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ นชน้ื ส่วนท่ีเกร็งและปวด
2.งดอาหารแสลงทท่ี าใหเ้ ลือดไหลเวียนไม่ดี
3. กนิ อาหารบารุงสมอง อาหารแก้ท้องผกู ด่มื น้าให้เพียงพอเพราะมกั จะดื่มน้าน้อย
4. บรหิ ารกลา้ มเนื้อส่วนทเ่ี ป็น โดยบรหิ ารแบบยืดหยุ่น
5. ฝกึ สมาธิ ฝึกออกสังคม และฝกึ พูดคุย
13. เหน็บชา
(Beri-Beri / Peripheral Neuropathy)
สาเหตุ
โรคเหน็บชาพบได้ในทุกอายุ เพศและวัย โดยมีปัจจัยการรับประทานอาหารเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างมนี ัยสาคัญ เช่น คนที่ชอบกนิ ปลาดิบและปลาร้าบ่อยๆ ก็เส่ียงสูง คนกินเหล้าก็เส่ียงสูง และพบได้
ในเดก็ หญิงตั้งครรภ์ โดยสาเหตุหลักที่กล่าวถึง คือ เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 มักเป็นในคนที่กินแปูง
และน้าตาลมาก ดมื่ เหลา้ คอพอกเป็นพษิ เด็กทีก่ นิ นมมารดาอยา่ งเดยี ว ทาใหข้ าดสารอาหาร
อาการ
เหน็บชามี 2 ชนิด
1. เหน็บชาบวม เกิดจากน้าเหลืองเสีย กล้ามเนื้ออักเสบ ทาให้มีอาการบวมท้ังตัว โดยเฉพาะ
หน้า มอื และเท้าเม่ือบวมแล้วจะมีอาการเหน่ือย หอบ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หัวใจเต้นแรง ท้องผูก (กรณี
น้ีไม่นิยมนวดกัน) พวกนี้มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด นวดแล้วต้องกินยาระบาย ยาบารุง
นา้ เหลือง
2. เหน็บชาแห้ง กล้ามเนื้อแขน ขา ลีบเล็กลงมือเท้าชา ไม่ค่อยมีความรู้สึก เวลาเดินปวดตึง
น่อง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ผอมแห้ง ท้องผูก โรคเหน็บชาแห้งมักจะมีผลต่อระบบ
ประสาท สงั เกตอาการชา ถา้ มอี าการทางระบบ คือ ชาแบบหยกิ ไม่เจ็บ
สูตรการรักษา
นวดแบบนวดสขุ ภาพใหเ้ ลอื ดไหลเวียนสะดวก นวดทั้ง 2 ข้าง
1. นวดพื้นฐานขา คลายหลงั เท้า เปิดประตลู ม
2. นวดพน้ื ฐานหลงั และสัญญาณ 1-5
3. นวดพน้ื ฐานขาดา้ นนอก และสัญญาณ 1-5
4. นวดพ้ืนฐานขาด้านใน และสัญญาณ 1-5
5. นวดพน้ื ฐานแขนดา้ นใน
306
6. นวดพนื้ ฐานแขนดา้ นนอก
7. นวดพน้ื ฐานหลงั ทา่ น่ัง (หนุมานถวายแหวน)
8. นวดพนื้ ฐานบา่
9. นวดแนวโคง้ คอ
10. นวดสญั ญาณ 1-5 ศีรษะดา้ นหลงั
11. นวดสัญญาณ 1 ไหล่
คาแนะนา
1. กนิ อาหารบารงุ ร่างกายทม่ี ีวติ ามนิ บี 1 เช่น ข้าวซ้อมมือ หมแู ดง และเครอื่ งในสัตว์
2. ออกกาลังกายตามสภาพร่างกาย
3. ไม่แนะนาให้ประคบ เพราะผปู้ วุ ยมอี าการบวมพองได้ง่าย
14. กลมุ่ โรคสนั นบิ าต
เกิดจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดีทาให้เลือดไปเล้ียงเส้นประสาทบริเวณต่างๆ ไม่ได้หรือได้
นอ้ ย แบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ คอื
1. โรคสนั นิบาตขอ้ มือตก
2. โรคสนั นบิ าตตีนตก
3. โรคสนั นบิ าตหนงั ตาตก
14.1 สนั นบิ าตขอ้ มอื ตก
(Wrist drop)
เป็นเฉพาะข้อมือและนิ้วมือ พบว่าจะเป็นข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้ และอาจพบร่วมกับโรค
สนั นิบาตตีนตก
สาเหตุ
1. อาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดีทาให้เลือดไปเล้ียงเส้นประสาทบริเวณข้อมือไม่ได้
หรือไดน้ อ้ ย
2. การหดรัดตัวของหลอดเลือดอย่างกะทันหัน เมื่อถูกความร้อนความเย็นมากไป เนื่องจาก
สมั ผสั กับความร้อนความเยน็ นานๆ ทาให้เลือดไปเลี้ยงบรเิ วณมอื และนิ้วมอื ไม่ได้
3. อาจเกดิ จากโรคบางชนิด เชน่ โรคเบาหวาน โรคพิษสรุ าเรื้อรงั อมั พฤกษ์ อัมพาต เป็นตน้
4. เส้นประสาททเ่ี ลย้ี งขอ้ มือออ่ นแรง
5. นอนหลับสนิท ในท่าทบั แขน
6. อบุ ตั ิเหตุ ถูกกระแทกบริเวณต้นแขนด้านนอก
7. กระดกู หกั ทม่ิ โดนเสน้ ประสาทกระดกขอ้ มอื ข้อนิ้ว
307
อาการ
กล้ามเน้ือข้อมือ นิ้วมืออ่อนแรง ไม่มีกาลัง กามือเหยียดนิ้วไม่ได้ หรือไม่ได้องศา และอาจพบ
อาการบวม ชา เจบ็ เสียวขอ้ มอื และนว้ิ มอื รว่ มด้วย ผปู้ ุวยมักมีแรงบบี มอื ลดลงและเกิดความเจ็บปวด ถ้า
เป็นรุนแรงมากขึ้น จะทาให้น้วิ มือขยับไมไ่ ด้
วธิ ีตรวจ
1. ดลู กั ษณะทั่วไป การบวม ลบี สผี วิ อณุ หภูมิรอ้ นเยน็ จดุ เจ็บ (ถ้าเจบ็ สะดุ้งดีฟ้ืนตัวงา่ ย)
2. ดอู งศา ใหก้ ระดกขอ้ มอื ข้ึนลง กาเหยยี ด หมนุ ขอ้ มอื การบดิ ขอ้ มอื
3. ดูกาลัง ให้ต้านแรง ทา่ กระดกขอ้ มอื ลง กาเหยยี ด บีบนวิ้ มือผนู้ วด
4. ใหผ้ ้ปู วุ ยเอาหลังมือซ้ายขวาชนกันในทา่ งอให้มากทสี่ ุด และใหน้ ิ้วชี้ลงพื้นค้างไว้ประมาณ 60
วินาที ผปู้ วุ ยมักจะมีการลา้ เจบ็ หรือชาท่ีปลายน้วิ
สตู รการรักษา
1. นวดพื้นฐานแขนด้านใน
2. นวดสญั ญาณ 1-5 แขนด้านใน เนน้ สญั ญาณ 2 กบั 4
3. นวดสญั ญาณแยกข้อมือ จดุ ใจกลางฝาุ มือ และ 5 จุดท่ขี อ้ นิว้ มอื
4. นวดพน้ื ฐานแขนด้านนอก
5. นวดสญั ญาณ 1-5 แขนด้านนอก
6. ตรวจหลงั การรกั ษา
***ถา้ เปน็ โรคน้ีระยะแรกๆ ห้ามเนน้ สญั ญาณ 5 แขนดา้ นใน ใหเ้ นน้ สัญญาณ 2 และ 4
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ นช้ืน 10-15 นาที อาทติ ยล์ ะ 2-3 ครง้ั ถ้าประคบแลว้ บวม ใหง้ ดประคบ
2. งดอาหารแสลง ขา้ วเหนยี ว หน่อไม้ เครื่องในสัตว์
3. บรหิ ารข้อมอื วันละ 5-10 ครัง้
- กาเหยียดนิว้ มอื - กระดกข้อมอื ขึ้น ลง
- ดึงแขน 3 จังหวะ - เท้าแขน 3 จงั หวะ
- ต้งั หน้านวิ้ มอื กบั พ้นื กดลงนา้ หนกั คร้ังละ 1 นาที
4. นวดวันเว้นวัน ถ้าอาการดขี ึน้ นวดอาทิตยล์ ะ 2 ครั้ง
14.2 สนั นิบาตตีนตก
(Foot drop)
เป็นเฉพาะข้อเทา้ อาจเปน็ ข้างเดียวหรอื 2 ขา้ งก็ได้
สาเหตุ
เกิดจากการระบบไหลเวียนเลือดไม่สะดวก เนื่องจากการถูกกดเป็นเวลานาน เช่น ใส่เฝือก
และเฝือกกดทบั นอนหลบั สนิทในทา่ กดทับขา เป็นต้น กระทบความร้อนหรือความเย็นมากเกินไป หรือ
308
นอนทับข้อเท้านานๆ ประสาทที่เลี้ยงข้อเท้าอ่อนแรง อุบัติเหตุถูกกระแทกบริเวณหลังเท้า ที่ส่งผลต่อ
เส้นกระดกข้อเท้า และอาจเกดิ จากโรคลมจับโปงขอ้ เทา้ ก็เป็นได้
อาการ
ข้อเท้าไม่มีกาลัง เวลาเดินจะสะดุดพ้ืน เพราะไม่สามารถกระดกปลายเท้าข้ึน-ลงได้ ท่าเดินจะ
ยกเทา้ สูง บางรายมอี าการบวมรว่ มดว้ ย แตไ่ ม่มอี าการชา ขอ้ เข่าและขอ้ สะโพกปกติ
วธิ ีตรวจ
1. ตรวจดูลักษณะท่ัวไป การบวม ลีบ สีผิว อุณหภูมิจะเย็นกว่าปกติ จุดเจ็บ (ถ้าเจ็บสะดุ้งดี
ฟน้ื ตัวงา่ ย)
2. ดทู ่าเดนิ เดินยกเทา้ สงู
3. วัดส้นเทา้ ท้งั สองขา้ ง จะพบขา้ งท่เี ป็นยาว
4. ตรวจดอู งศาข้อเท้า กระดกข้อเทา้ ข้ึน-ลง
5. ตรวจดกู ารเคลือ่ นไหวของข้อเท้า กระดิกน้ิวเทา้
6. ทดสอบกาลัง แรงถบี ปลายเท้า
สตู รการรักษา
1. นวดพน้ื ฐานขา เน้นขอ้ เทา้ เปดิ ประตูลม
2. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 หลัง
3. นวดสัญญาณ 1-5 ขาดา้ นนอก เน้นสญั ญาณ 2, 5
4. นวดสญั ญาณ 1-5 ขาด้านใน เนน้ สัญญาณ 2, 5
5. ตรวจหลังการรักษา
ภาพแสดง จุดนวด เดินเส้นขอบส้นเทา้ (ก) และเดินเสน้ บาทาทึก (ข)
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ นชื้น ถ้าประคบแลว้ บวมให้งดประคบไว้กอ่ น
2. งดอาหารแสลง ขา้ วเหนียว หนอ่ ไม้ เครอื่ งในสัตว์ ของหมกั ดอง เหลา้ เบยี ร์
3. ทา่ บริหาร
- กระดกขอ้ เท้าขนึ้ ลง
- ยืนเขย่งปลายเทา้
4. นวดวนั เวน้ วัน
309
14.3 สนั นบิ าตหนังตาตก
(Ptosis of eyelid)
เป็นลกั ษณะของอมั พาตกลา้ มเนื้อหนงั ตา
สาเหตุ
ไม่ทราบแน่ชัด เป็นได้ทุกเพศทุกวัย อาจพบประสาทท่ีมาเลี้ยงกล้ามเน้ือตาอ่อนแรง หรือเกิด
จากโรคบางอยา่ ง และมกั เป็นร่วมกับอมั พาตหนา้
อาการ
มอี าการตาปรือ กล้ามเน้ือสาหรับลืมตาไม่มีกาลัง ทาให้ลืมตาไม่ขึ้นส่วนมากเป็นข้างเดียวหรือ
2 ขา้ งกไ็ ด้ พบไดท้ กุ เพศทกุ วัย
วธิ ีตรวจ
1. ดโู ครงสร้างทว่ั ไปของใบหนา้
- เปรยี บเทียบลกั ษณะหนังตาท้ัง 2 ข้าง
- สผี วิ ของหนงั ตา
- อาการบวมบริเวณหนงั ตา
2. ดูการเคล่ือนไหวของกล้ามเน้ือใบหน้า โดยหลับตา ถ้ามีอาการมากจะหลับไม่ถึงคร่ึงของตา
ถ้าเปน็ นอ้ ยจะหลับไดเ้ กอื บมิดแต่ชา้
วิธีรกั ษา
1. นวดพ้นื ฐานบ่า
2. นวดสญั ญาณ 5 หลัง
3. นวดโค้งคอ (กรณโี ค้งคอมีตึงมแี ข็งรว่ มด้วย)
4. นวดสัญญาณ 4 หวั ไหล่
5. นวดสัญญาณ 1, 5 ศรี ษะดา้ นหลัง (ถ้าเป็นข้างขวา) หรือนวดสัญญาณ 2, 5 ศีรษะด้านหลัง
(ถ้าเปน็ ข้างซ้าย)
6. นวดจุดจอมประสาท
7. นวดสัญญาณ 1 ศีรษะด้านหน้า (ถ้าเป็นข้างขวา) หรือนวดสัญญาณ 2 ศีรษะด้านหน้า (ถ้า
เปน็ ขา้ งซา้ ย)
8. ตรวจหลังการรกั ษา
คาแนะนา
1. ใหผ้ ูป้ ุวยใชผ้ า้ ชบุ น้าอ่นุ ประคบเอง เพราะรู้ระดับความร้อน เช้า-เย็น ครง้ั ละ 10-15 นาที
2. นอนพักผ่อนให้เพยี งพอ
3. งดอาหารแสลง โดยเฉพาะนา้ มะพรา้ วออ่ น ในวนั องั คารมกี ารสังโยคจะทาให้เกดิ หนงั ตาตก
4. ทา่ บริหาร หลับตาลมื ตา ยกั คิ้ว เลิกควิ้ ย่นจมกู
5. นวดวนั เว้นวนั อาทิตย์ละ 2 คร้งั
310
ภาพแสดง จุดนวดเดินเสน้ จอมประสาท (ก) และจดุ นวดเดินเสน้ รองจอมประสาท (ข)
ภาพแสดง ทา่ นวดเปดิ ประตุลมขมบั
ภาพแสดง แนวนวดและวางนิว้ กดรดี คิ้ว และใต้ตา
311
15. กลมุ่ โรคยอกหลงั (Muscle strain / Back Strain)
เปน็ อาการท่ีเก่ยี วกบั กลา้ มเนือ้ เสน้ เอ็น เยอ่ื หมุ้ ข้อ บริเวณหลงั โรคยอกหลงั มี 2 ชนิด คือ
1. ยอกหลังเดีย่ ว
2. ยอกหลังคู่
15.1 ยอกหลงั เด่ยี ว
(Back Strain)
ยอกเด่ยี ว คอื อาการยอกหลงั ท่เี ปน็ ขา้ งเดยี ว หรอื ซีกเดียว
สาเหตุ
1. กลา้ มเนื้อหลงั ไม่แขง็ แรง แลว้ ใช้ทางานหนัก เช่น ยกของหนกั
2. กล้ามเนื้อหลงั ไมพ่ ร้อมจะใช้งาน แต่ถูกใชก้ ะทนั หนั เชน่ เอ้ียวตวั หยบิ ของ
3. ไอ จามแรงๆ ทาให้หมอนรองกระดูกสันหลงั เคล่อื นเลก็ น้อย
4. อุบตั เิ หตเุ กิดจากการกระทบกระแทก เช่น น่ังรถจักรยานยนต์แล้วตกหลุม ทาให้กระดูกสัน
หลังเคลื่อนเล็กน้อย
5. กลา้ มเนื้อ เส้นเอน็ เย่อื หุ้มขอ้ มกี ารอักเสบ ทางานได้ไมเ่ ตม็ ประสิทธภิ าพ
อาการ
ปวดเสียว ขัด ยอก บริเวณบั้นเอวและกล้ามเนื้อหลัง หันตัวไม่ถนัด เดินตัวแข็ง เอี้ยวตัว
เคลื่อนไหวไมไ่ ด้ เวลาไอ จามจะเสียวแปลบ๊ เจ็บร้าวมาท่ีหลัง มาหน้าท้อง ไม่มีอาการร้าวชาไปท่ีขา มัก
เดนิ แอน่ ตัวไปข้างหนา้ หรอื ขา้ งหลงั
วิธีตรวจ
1. สังเกตท่าเดิน มกั เดินเอามือค้าเอว เดินแอน่ ไปขา้ งหน้า หรือแอ่นหลงั
2. ให้น่งั ขดั สมาธไิ ด้ มีอาการเจบ็ น้อยกว่าตอนเดินหรือยนื
3. นง่ั ชแู ขนข้นึ ใหส้ ดุ กามอื แลว้ ไอ เวลาไอจะสะเทอื นหลัง ทาให้ผูป้ ุวยตัวงอ ให้ทาทีละข้าง ทา
ข้างดกี อ่ น ถ้านั่งไมไ่ ดใ้ หน้ อนตรวจ
4. คลากล้ามเนอื้ หลัง ดกู ารแข็งเกรง็ ของกล้ามเน้ือ จุดกดเจ็บ สัมผัสอุณหภูมิรอ้ น เย็น
5. ตรวจสญั ญาณ 5 ทอ้ ง เตน้ สะบดั ข้นึ -ลง กล้ามเน้ือหน้าท้องแข็งเกร็ง สัญญาณ 5 เต้นจมลกึ
สตู รการรกั ษา
ใหค้ นไขน้ อนหนนุ หมอนสงู หนนุ บา่ ดว้ ย เพื่อใหก้ ลา้ มเนื้อหน้าทอ้ งหยอ่ น
1. นวดพนื้ ฐานขา เปดิ ประตลู ม (ขา้ งทเี่ ปน็ )
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลัง เนน้ สัญญาณ 3
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เนน้ สัญญาณ 2
4. นวดสญั ญาณ 1, 2 ขาดา้ นใน เนน้ สัญญาณ 1
5. นวดพนื้ ฐานทอ้ ง ท่าแหวก ท่านาบ
312
6. นวดสญั ญาณ 1-5 ทอ้ ง เน้นสัญญาณ 3 หรอื 4 ทอ้ ง แลว้ แตข่ ้างท่ีเป็น
7. ตรวจหลงั การรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น บริเวณหลัง บน้ั เอว และหนา้ ท้อง เพอ่ื ให้กลา้ มเนอื้ คลายตวั
2. พกั ผอ่ นให้เพียงพอ
3. งดอาหารแสลง เชน่ ขา้ วเหนยี ว หนอ่ ไม้ เครื่องในสตั ว์ ของหมกั ดอง เหลา้ เบียร์ ยาแกป้ วด
4. ห้ามบิด ดดั สลดั ขา
5. พักการทางาน เคลอ่ื นไหวกลา้ มเนื้อใหน้ ้อยท่ีสดุ
6. หายดี บริหารเหมือนลมปลายปัตคาดสญั ญาณ 3 หลงั
7. นวดวันเวน้ วัน
15.2 ยอกหลังคู่
(Back Strain)
ยอกคู่ เปน็ อาการยอกหลงั ทั้ง 2 ข้าง ลกั ษณะอาการที่เกิดข้ึนจะเรยี กช่ืออีกอยา่ งวา่ ยอกสะด้งุ
สาเหตุ
1. กลา้ มเนอ้ื หลงั ไม่แข็งแรง แลว้ ใช้ทางานหนัก เช่น ยกของหนกั
2. กล้ามเนอื้ หลงั ไม่พรอ้ มจะใชง้ าน แต่ถูกใช้กะทนั หัน เชน่ เอย้ี วตัวหยิบของ
3. ไอ จามแรงๆ ทาให้หมอนรองกระดกู สันหลงั เคลื่อนเลก็ น้อย
4. อุบตั ิเหตุเกิดจากการกระทบกระแทก เช่น น่ังรถจักรยานยนต์แล้วตกหลุม ทาให้กระดูกสัน
หลังเคล่ือนเล็กนอ้ ย
5. กล้ามเนอ้ื เส้นเอน็ เยือ่ หมุ้ ข้อ มีการอกั เสบ ทางานได้ไมเ่ ต็มประสทิ ธภิ าพ
อาการ
อาการท่ัวไปคล้ายยอกเดี่ยว แต่จะเป็นท้ัง 2 ข้าง กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บเช่นกัน มีความ
รุนแรงกว่า แต่ยอกคู่มีการเคลื่อนตัวของกระดูกสันหลังควบคู่ไปด้วย หรือมีการอักเสบของเย่ือหุ้มข้อ
ปวด ขัด ยอกเสียว บริเวณกล้ามเนื้อช่วงเอว โดยเฉพาะเม่ือเปล่ียนอิริยาบถ เช่น จากนนอนเป็นลุกนั่ง
หรือจากน่ังเป็นยืน จะเจ็บเสียวจนสะดุ้งตัวงอเป็นกุ้งบางครั้ง เหง่ือออกจนตัวเย็นชืดและเวลาเดินหลัง
ไม่ตรงตอ้ งเดนิ หลังคอ่ ม
วิธตี รวจ
1. สังเกตท่าเดนิ มกั เดนิ เอามือ 2 ข้างค้าเอว เดินตวั งอ
2. ทดสอบน่ังขัดสมาธิ ถ้าผู้ปุวยทาไม่ได้ ให้นอนชูแขนข้ึนให้สุด กามือแล้วไอ เวลาไอจะ
สะเทอื นหลงั ทาให้ผปู้ ุวยตวั งอ เสยี วแปลบ๊ ไปท่ีหลงั
3. ตรวจดแู นวกระดูกสนั หลงั ดคู วามรอ้ น
4. ตรวจสัญญาณ 5 ท้อง เต้นสะบัดขึ้น-ลง คนไข้มีอาการท้องอืด เฟูอ และกินไม่ได้ เรียก
กระเพาะแขวน
313
สตู รการรักษา
ใหค้ นไข้นอนหนนุ หมอนสูง หนุนบา่ ดว้ ย เพ่ือให้กล้ามเนอื้ หนา้ ทอ้ งหยอ่ น
1. นวดพืน้ ฐานขา เปิดประตลู มทงั้ 2 ข้าง
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลัง เน้นสญั ญาณ 3
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เน้นสญั ญาณ 2
4. นวดสญั ญาณ 1, 2 ขาด้านใน เน้นสัญญาณ 1
5. นวดพนื้ ฐานท้อง ท่าแหวก ทา่ นาบ
6. นวดสญั ญาณ 1-5 ท้อง เน้นสญั ญาณ 3, 4 และ 5 ทอ้ ง
7. ตรวจหลงั การรักษา
***การนวดรักษายอกคู่ต้องนวด 2 ข้าง และต้องบรรจงนวดแต่งรสมือ ถ้านวดไม่ดี ผู้ป่วยจะ
สะดุง้
คาแนะนา
1. ประคบความร้อน บริเวณหลัง บัน้ เอว และหน้าทอ้ ง เพ่ือให้กลา้ มเนื้อคลายตวั
2. พักผ่อนให้เพยี งพอ
3. งดอาหารแสลง เชน่ ข้าวเหนียว หนอ่ ไม้ เครอ่ื งในสตั ว์ ของหมักดอง เหลา้ เบียร์ ยาแก้ปวด
4. หา้ มบิด ดัด สลดั ขา
5. พกั การทางาน เคล่ือนไหวกล้ามเน้ือให้นอ้ ยทสี่ ุด
6. หายดี บรหิ ารเหมอื นลมปลายปัตคาดสัญญาณ 3 หลัง
7. นวดวนั เว้นวนั
16. กลมุ่ โรคลมปราบ (neuropathy / Muscular dystrophy cause)
โรคลมปราบ เป็นโรคทางโบราณถือว่ามาจากลมเพลมพัด หรือถูกของ และเป็นโรคที่เก่ียวกับ
กลา้ มเนื้อ พบไดท้ กี่ ลา้ มเน้อื แขน กล้ามเนอื้ ขา กลา้ มเนื้อหน้าอก และกลา้ มเนอื้ สนั หลงั
ลกั ษณะอาการ
อาการปวด บวม แดง ร้อน เจบ็ เสียวแปล๊บๆ ตามกลา้ มเนอ้ื นั้นๆ จะเป็นมากและกาเริบภายใน
3 วัน คือ จะมีอาการรุนแรงขึ้นเป็นลาดับ ถ้าหมอวินิจฉัยโรคไม่ถูกต้อง รักษาไม่ถูกกับโรค หรือไม่ได้
รักษาเมอ่ื ยุบบวมแลว้ กลา้ มเนือ้ ส่วนที่เป็นกจ็ ะลบี เลก็ ลง ปลายประสาทรบั ความรู้สึกร้อน-เย็นจะเสยี ไป
การตรวจวินจิ ฉัย
ตามอาการและตาแหนง่ ทีเ่ กดิ โรค
1. ดลู กั ษณะของกล้ามเนื้อท่ีลีบเล็กลงเปรียบเทยี บ 2 ข้าง
2. ดูและสมั ผัสถามความรู้สกึ เจ็บปวด และความเยน็ รอ้ น อ่อน แขง็ ของกล้ามเนอื้ ส่วนท่ีเปน็
3. ทดสอบกาลังในส่วนทีเ่ ปน็ นน้ั ๆ
4. ทาปูนทดสอบพบวา่ กล้ามเนือ้ สว่ นทเี่ ป็นจะแห้งเรว็ กวา่ ทอ่ี ่ืน
314
หลักการรกั ษา
ให้นวดจุดที่ให้ความร้อนของแม่สัญญาณ 5 ในส่วนท่ีเป็น และลูกสัญญาณท่ีเกี่ยวข้องกับ
กลา้ มเน้อื ส่วนท่เี ปน็ นัน้ เพ่อื นาความรอ้ นจากส่วนอน่ื เข้าไปช่วยรกั ษากล้ามเน้ือที่เป็นลมปราบนน้ั
คาแนะนา
1. ประคบร้อน
2. ทา่ บริหารเฉพาะส่วน
3. งดอาหารแสลง โดยเฉพาะอาหารทีท่ อดดว้ ยน้ามัน เชน่ กลว้ ยทอด ปาทอ่ งโก๋ ไก่ทอด เปน็ ตน้
16.1 ลมปราบท่ีแขน
อาการ
อาการปวด บวม แดง ร้อน เจ็บเสียวแปล๊บๆ ตามกล้ามเนื้อแขน พออาการทุเลาลงหรือรักษา
ไมถ่ ูกต้อง กลา้ มเนือ้ แขนจะลีบเล็กลง จะแขง็ เป็นไต ปลายประสาทรับความรสู้ กึ ร้อน-เยน็ เสยี ไป
วิธตี รวจ
ตามอาการและตาแหน่งทีเ่ กดิ โรค
1. ดลู ักษณะของกลา้ มเน้ือแขนที่ลีบเลก็ ลงเปรียบเทยี บ 2 ขา้ ง
2. ดแู ละสมั ผสั ถามความรู้สกึ เจ็บปวด และความเยน็ รอ้ น อ่อน แขง็ ของกล้ามเนอ้ื แขน
3. ทดสอบกาลังแขน
4. ทาปูนทดสอบ พบว่ากล้ามเนอ้ื แขนที่เปน็ จะแห้งเร็วกวา่ ทอ่ี ่ืน
สูตรการรกั ษา
1. นวดพนื้ ฐานแขนดา้ นใน
2. นวดแขนดา้ นใน สัญญาณ 1-5 เนน้ สญั ญาณ 2
3. นวดพนื้ ฐานแขนด้านนอก
4. นวดแขนดา้ นนอก สญั ญาณ 1-5 เน้นสัญญาณ 1
5. ตรวจหลงั การรักษา
*** โรคลมปราบที่แขน ถ้าอาการเปน็ มากใหน้ วดรกั ษาดังนี้
1. นวดพนื้ ฐานบ่า
2. นวดสัญญาณ 4, 5 หลัง
3. นวดสัญญาณ 4 หัวไหล่
4. นวดพ้นื ฐานแขนด้านใน
5. นวดสญั ญาณ 1-5 แขนด้านใน เนน้ สญั ญาณ 2
6. นวดพ้ืนฐานแขนด้านนอก
7. นวดสัญญาณ 1-5 แขนด้านนอก เนน้ สัญญาณ 1
8. ตรวจหลงั การรักษา
315
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น
2. ท่าบรหิ าร ดงึ แขน-เทา้ แขน 3 จงั หวะ
3. งดอาหารแสลง โดยเฉพาะอาหารทที่ อดด้วยนา้ มัน เช่น กล้วยทอด ปาท่องโก๋ ไก่ทอด เปน็ ต้น
16.2 ลมปราบที่หลงั
สาเหตุ
1. เกิดจากลมเพลมพดั
2. เป็นโรคกลา้ มเนื้อลีบ โดยไมท่ ราบสาเหตุ
อาการ
ปวด บวม แดง ร้อน และมีเสียวแปล๊บๆ ตามกล้ามเนื้อหลัง พออาการทุเลาลง หรือรักษาไม่
ถูกตอ้ ง กลา้ มเนอื้ หลงั จะยุบหรือบวม มัดกล้ามเน้ือหลังจะเหลว ลีบเล็กลง เรียบแบนไม่มีกล้ามเน้ือเป็น
สนั ขนึ้ ให้เหน็ ปลายประสาทรบั ความรู้สึกจะสญู หายไป
วิธีตรวจ
1. ดูลักษณะทั่วไป เปรียบเทียบขนาดของกล้ามเน้ือหลังทั้ง 2 ข้าง พบไม่เท่ากัน ข้างท่ีเป็นจะ
เรยี บแบน ไมม่ ีสันกลา้ มเน้อื ข้นึ
2. สัมผัสประสาทรบั ความรู้สกึ โดยใชเ้ ล็บขีด ขว่ น
3. สมั ผสั ผิวหนัง ถ้าอกั เสบ จะรอ้ น ถา้ ลบี จะเย็น
4. วดั กาลงั แขน ขา กาลังยงั ใช้ไดน้ อกจากเปน็ มานาน ๆ
5. ทาปนู ทดสอบ ปูนแห้งไปตามความยาวของกลา้ มเน้ือท้งั 2 ข้างเรว็ กว่าทอี่ ่ืน
สูตรการรักษา
1. นวดพืน้ ฐานบา่
2. นวดสญั ญาณ 4, 5 หลงั
3. นวดสญั ญาณ 4 หวั ไหล่
4. นวดพ้ืนฐานขา เปดิ ประตูลม
5. นวดพืน้ ฐานหลัง
6. นวดสัญญาณ 1-5 หลัง
7. นวดพน้ื ฐานขาดา้ นนอก
8. นวดสญั ญาณ 1-3 ขาดา้ นนอก
9. นวดพ้นื ฐานขาด้านใน
10. นวดสญั ญาณ 1, 2 ขาดา้ นใน
11. ตรวจหลังการรกั ษา
316
ภาพแสดง แนวเสน้ หลัก (ก) และเส้นรอง (ข) ของหลงั
คาแนะนา
1. หา้ มทาน้ามัน เพราะจะอุดตนั รูขมุ ขน
2. ประคบความร้อนได้ แต่ต้องระวงั การพอง
3. งดอาหารแสลง คอื อาหารท่ใี ชน้ า้ มนั ซ้าๆ ในการทอด
4. ท่าบรหิ าร
- ยนื เขยง่ ปลายเทา้
- เกร็งกล้ามเนอื้ หลงั บดิ ตัว
- น่งั ยองๆ 90 องศา
5. นวดอาทิตย์ละ 1-2 ครัง้
16.3 ลมปราบท่ีหน้าอก
อาการ
อาการปวด บวม แดง ร้อน เจ็บเสียวแปล๊บๆ ตามกล้ามเน้ือหน้าอก พออาการทุเลาลงหรือ
รักษาไม่ถูกตอ้ ง กล้ามเนอ้ื หนา้ อกจะลีบเลก็ ลง แขง็ เป็นไต ปลายประสาทรับความร้สู ึกร้อนเย็นจะเสียไป
วิธตี รวจ
1. ดลู กั ษณะของกลา้ มเน้อื แขนทล่ี ีบเล็กลงเปรียบเทียบ 2 ข้าง
2. ดแู ละสมั ผสั ถามความรู้สึกเจบ็ ปวด และความเยน็ ร้อน อ่อน แขง็ ของกล้ามเน้ือแขน
3. ทาปูนทดสอบ พบวา่ กลา้ มเนื้อแขนทเี่ ป็นจะแหง้ เรว็ กว่าที่อน่ื
วธิ รี กั ษา
1. นวดพ้นื ฐานบ่า
2. นวดสัญญาณ 4, 5 หลัง
3. นวดสัญญาณ 4 หวั ไหล่
4. นวดพน้ื ฐานหลัง 2 ขา้ ง
5. ตรวจหลงั การรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ น
2. ท่าบริหาร ดงึ แขน 3 จังหวะ
317
17. กลมุ่ โรคมดลูกเคลือ่ น
มดลกู เคล่ือน ในทางอายรุ เวทแบง่ อาการออกเป็น 3 แบบ ไดแ้ ก่
1. มดลูกตะแคง มีอาการตกขาว แบบไมต่ ิดเช้อื ไม่มีสี ไม่มีกล่นิ
2. มดลกู ลอย มีอาการผายลมทางชอ่ งคลอด
3. มดลูกต่า มอี าการกลน้ั ปสั สาวะไม่อยู่ เวลาไอจาม จะมปี สั สาวะเล็ดออกมาเล็กน้อย
ลกั ษณะอาการ
ปวดหลัง บ้ันเอว ท้องน้อย ขัดหน้าขา แต่ท้ัง 3 แบบน้ี มดลูกเคลื่อนไม่มาก ถ้ามดลูกเคลื่อน
มาก แพทยแ์ ผนปัจจุบนั จะเรยี กว่า มดลกู เคลอื่ น แพทย์แผนไทยเรียกว่า กระบงั ลมเคลอื่ น
การตรวจวนิ ิจฉัย
ตามอาการและตาแหน่งทเ่ี กดิ โรค
หลักการรกั ษา
ใชน้ วดพืน้ ฐาน นวดสัญญาณ และขบวนท่านวดต่างๆ ของท้อง แลว้ แตก่ รณีของโรคท่ีเกดิ
คาแนะนา
1. ประคบด้วยกระเปานา้ รอ้ น
2. ทา่ บรหิ ารตามอาการโรค
3. งดอาหารแสลงโรคและอิรยิ าบถทที่ าใหเ้ กิดโรค
4. หา้ มบดิ ดัด สลัดตวั
17.1 มดลกู ตะแคง
(Uterine Anteverted and Anteflexed /
Uterine Retroverted and Retroflexed)
สาเหตุ
เกดิ จากอบุ ตั เิ หตุ หกล้ม กน้ กระแทก ตกจากท่ีสูง ยกของหนักเกินกาลัง โดยเฉพาะขณะมีรอบ
เดอื น รวมทงั้ มกี ารอกั เสบของเส้นสิขณิ ี เป็นไดท้ งั้ ผหู้ ญงิ ทีแ่ ต่งงานและไม่ได้แต่งงาน
อาการ
อาการเร่ิมเป็นแรกๆ จะปวดท้องน้อยมาก ปวดจนตัวบิด ให้รีบแก้ไข ถ้าบิดตัวจะทาให้มดลูก
เคลื่อน
อาการท่ัวๆ ไป มีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดกระเบนเหน็บ เชิงกราน ร้าวชาออกขา เย็น
ปลายมือปลายเท้า มตี กขาวไม่คนั ไมม่ ีกลนิ่ ปวดท้องนอ้ ย มอี าการตงึ คอ และปวดศีรษะ
วิธตี รวจ
1. ได้จากการซักประวตั ิ
2. ตรวจวัดส้นเทา้ ทัง้ 2 ขา้ ง ข้างที่เป็นจะส้นั
3. งอพับเข่ากดลงพ้ืนไม่ได้
318
4. ตรวจบริเวณท้องน้อยสัญญาณ 1 และ 2 ท้อง แข็งเป็นลาเป็นเถา มีความร้อนปรากฏ คือ
ตงึ แข็ง สัญญาณเต้นเรว็ เบา และมีความรอ้ นร่วมด้วย
สตู รการรักษา
1. นวดพื้นฐานขา เปดิ ประตู (ขา้ งทีเ่ ปน็ )
2. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 หลัง เน้นสญั ญาณ 1 หลัง
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาด้านนอก เน้นสัญญาณ 3 ขาดา้ นนอก
4. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นใน เนน้ สญั ญาณ 2 ขาดา้ นใน
5. นวดพื้นฐานทอ้ ง ท่าแหวกและทา่ นาบ
6. นวดสญั ญาณ 1, 2 ทอ้ ง และ ฝืนมดลกู
7. นวดสัญญาณ 5 ท้อง
8. ตรวจหลงั การรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบดว้ ยกระเปานา้ ร้อน
2. ท่าบริหารตามอาการโรคเชน่ ขมบิ ก้น
3. งดอาหารแสลงโรคและอริ ิยาบถท่ีทาให้เกิดโรคเช่นยกของหนักๆ ฝึกขับถ่ายปสั สาวะให้ปกต
4. หา้ มบดิ ดัด สลดั ตวั
17.2 มดลูกลอย
(Uterine subinvoluton)
สาเหตุ
โบราณกล่าววา่ เกิดจากผูห้ ญงิ หลังคลอดบตุ รอย่ไู ฟไมไ่ ด้ ทาใหม้ ดลูกไมเ่ ขา้ อู่ หรอื เข้าอไู่ ม่สนทิ
อาการ
ผายลมทางช่องคลอด เวลาก้าวเดินจะเสียวช่องคลอด ทาให้ปวดต้นคอ ปวดหลังร้าวมา
ทอ้ งนอ้ ย ไม่ทนรอ้ นทนหนาว ถกู ความรอ้ นความเยน็ ไขจ้ ะขึ้น ใจหววิ ใจส่นั อ่อนเพลยี
วิธีตรวจ
1. ไดจ้ ากการซกั ประวัติ
2. ตรวจสัญญาณ 1 และ 2 ทอ้ ง จะมอี าการตงึ ถ่วงหน้าท้อง
3. ตรวจสัญญาณ 3 ขาด้านนอก พบวา่ แขง็ มคี วามร้อน สัญญาณเต้นเร็วลึก
สูตรการรักษา
1. นวดพ้ืนฐานขา เปิดประตู (ทง้ั 2 ข้าง)
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลงั เนน้ สญั ญาณ 1 หลงั
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เน้นสัญญาณ 3 ขาด้านนอก
4. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นใน เน้นสัญญาณ 2 ขาดา้ นใน
5. นวดพ้นื ฐานท้อง ท่าแหวกและท่านาบ
319
6. นวดสญั ญาณ 1, 2 ทอ้ ง และ ฝืนมดลกู
7. นวดสญั ญาณ 5 ท้อง
8. ตรวจหลังการรักษา
คาแนะนา
1. ประคบดว้ ยกระเปา นา้ รอ้ นบริเวณหน้าทอ้ งและหลงั
2. ท่าบริหารตามอาการโรค เชน่ ขมบิ ก้น
3. งดอาหารแสลงโรคและอริ ิยาบถท่ีทาให้เกดิ โรค เชน่ ยกของหนักๆ
4. ฝึกขับถ่ายปสั สาวะให้ปกติ
5. ห้ามบดิ ดัด สลัดตวั
17.3 มดลูกต่า / มดลูกดา่
(Uterine prolapsed)
สาเหตุ
1. ความผดิ ปกติของความดนั บริเวณท้องน้อย
2. ความเสอื่ มของร่างกาย (อวยั วะภายในหยอ่ นลงมาทับกระเพาะปัสสาวะ)
3. พบในคนอ้วน คนคลอดลูกมาก คนท่ีชอบกล้นั ปสั สาวะ หรอื คนที่เห็นหอ้ งนา้ แล้วต้องเขา้
4. อบุ ตั เิ หตุและมปี ญั หาทีก่ ระดูกสันหลังสว่ นบนั้ เอว
5. ทางานหนกั เกนิ กาลงั เชน่ งานก่อสรา้ ง ยกของหนักเป็นประจา
อาการ
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โดยไม่มีการอุดตัน หรืออักเสบของทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะเล็ดหรือ
กะปริดกะปรอยเมื่อมีการเกร็งกล้ามเน้ือหน้าท้อง เช่น จาม หัวเราะเสียงดัง ยกของหนัก ก้าวข้ึนบันได
ปวดหลัง บ้ันเอว ท้องนอ้ ย อาจมอี าการขัดหน้าขารว่ มด้วย
วธิ ตี รวจ
1. จากการซกั ประวตั ิ
2. กดคลาบริเวณท้องน้อย พบท้องน้อยตึง บริเวณสัญญาณ 1 หรือสัญญาณ 2 ท้อง และเต้น
ไมช่ ัดเจน ถา้ กดแรงปสั สาวะจะไหล
3. ตรวจโรคแบบลมปลายปัตคาดสญั ญาณ 1 หลงั
- วัดสน้ เท้า ขา้ งท่เี ป็นจะสนั้
- พับเขา่ เป็นเลข 4 กดลงพน้ื ตา้ นมือ
- ตรวจรอยโรคทส่ี ัญญาณ 1 หลงั
***การตรวจโรคแบบลมปลายปัตคาดสัญญาณ 1 หลงั ถ้าพบปญั หาสนั หลังคดเอยี ง และเร้ือรัง
จะกอ่ ใหเ้ กดิ มดลกู ดา่ หรือหยอ่ นได้
320
สูตรการรกั ษา
1. นวดพื้นฐานขา เปิดประตลู มขา้ งท่ีเปน็ (ถา้ ต่า 2 ขา้ ง นวด 2 ขา้ ง)
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลงั เน้นสัญญาณ 1 หลงั
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เน้นสญั ญาณ 3 ขาด้านนอก
4. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นใน เน้นสัญญาณ 2 ขาด้านใน
5. นวดพนื้ ฐานท้อง ทา่ แหวก และ ทา่ นาบ
6. นวดสัญญาณ 1, 2 ท้อง และ ฝืนมดลกู
7. นวดสัญญาณ 5 ทอ้ ง
8. ตรวจหลังการรักษา
เทคนิคท่าฝืนเดินเส้น 3 จุด นวดลงจากขอบเชิงกรานไปหัวเหน่า วางมือปลายน้ิวซ้อนปลาย
น้วิ (2 มอื ) ในทา่ ควา่ มือ มือล่างเป็นหลัก กดนวดทิศแรงดันลง 3 จุด คือ
จุด 1 ตาแหนง่ เดียวกบั สญั ญาณ 1 ทอ้ ง หรือทา่ แหวกจุด 1
- สรรพคณุ บงั คับเลอื ดและความร้อนออกหนา้ ขา และเชงิ กราน
จุด 2 ห่างจากจดุ 1 1 นิว้ มือ ตามแนวเชิงกราน
- สรรพคณุ บงั คับเลอื ดและความรอ้ นออกอณั ฑะหรือแคมนอก
จุด 3 ห่างจากจุด 2 1 นิว้ มือ หรอื ชิดหัวเหนา่
- สรรพคุณ บังคับเลือดและความร้อนออกองคชาติหรือแคมใน นวดข้ึนจากหัวเหน่า
ไปขอบเชงิ กราน วางมือในท่าหงายมือ ปลายน้วิ ชอ้ นกัน มือลา่ งเป็นหลัก กดทิศแรงดันช้อนข้ึน
3 จดุ
ภาพแสดง แนวนวดทา่ ฝืน 3 จดุ
คาแนะนา
1. ประคบดว้ ยกระเปานา้ ร้อนบริเวณเอว และท้องนอ้ ย
2. ทา่ บรหิ ารตามอาการโรค เช่น ขมบิ กน้
321
3. งดอาหารแสลงโรคและอริ ยิ าบถทท่ี าให้เกิดโรคเช่นยกของหนักๆ ฝกึ ขบั ถ่ายปัสสาวะให้ปกติ
4. หา้ มบดิ ดัด สลัดตวั
5. เวลาไอ จาม หัวเราะ ควรระมดั ระวัง
6. ใส่ผา้ อนามยั ไวป้ ูองกนั ปสั สาวะเล็ด
*ถา้ กะบังลมหยอ่ นลงมาถงึ ปากช่องคลอดตอ้ งผ่าตัด
18. ดานเลอื ด
(Abnormal Uterine Bleeding / Dysfunctional Uterine Bleeding)
โรคดานเลือด เกิดในหญิงปัจฉิมวัย คือช่วงวัยเจริญพันธ์ุ (ช่วงมีประจาเดือน) คาว่า ดานเลือด
หมายถึง กอ้ นเลอื ดประจาเดือนที่ตกคา้ ง (เลือดเปน็ พิษ)
สาเหตุ
1. อุบัติเหตุ หกลม้ ก้นกระแทก ทาใหส้ ง่ ผลตอ่ เส้นประสาททีม่ าเลี้ยงเชิงกราน
2. ประจาเดอื นหยดุ กะทนั หัน เชน่ กินของเย็น ความเครยี ด ยาบางชนิด
3. ก้อนเลือดและประจาเดอื นตกคา้ ง ร่างกายขับออกไมห่ มด
4. ฮอรโ์ มน เช่น วัยทอง
5. คลอดลกู แล้วไมไ่ ดอ้ ยไู่ ฟ (น้าคาวปลาเข้าขอ้ )
อาการ
1. ผอมแหง้ แรงนอ้ ย เบอื่ อาหาร นอนไมห่ ลับ
2. กินอาหารแสลงจะมีอาการ เช่น กินอาหารรสร้อน จะร้อนคอ จุกอก กระสับกระส่าย กิน
อาหารรสเยน็ กร็ อ้ นคอจุกอก
3. เม่ือยกา้ นคอ บน้ั เอว เปน็ ประจา เป็นนานๆจะลามไปข้อต่อต่างๆ ไปปลายมือปลายเท้า ทา
ใหช้ ามือเย็นมอื
4. ด้านจิตใจ ไม่สบายเน้ือสบายตัว ตกใจงา่ ย หงดุ หงิดง่าย ข้รี อน ขี้หนาว
5. ประจาเดอื นมาไมป่ กติ บางครงั้ มามาก บางครัง้ มาน้อย มีลกั ษณะเปน็ ล่ิมเปน็ กอ้ น
วิธีตรวจ
1. ซกั ประวตั ิ ต้องมีอาการอย่างนอ้ ย 2 อาการใน 5 อาการ
2. คลาท้องพบก้อนกลมตา่ จากสะดือ 2 นว้ิ ก้อนอาจใหญห่ รือเลก็ กไ็ ด้ แลว้ แต่อาการมาก-น้อย
3. ตรวจสภาพของขอ้ ต่อทม่ี ีอาการ หรอื ข้อทีผ่ ปู้ ุวยบน่ มปี ัญหา
4. ตรวจโรคแบบลมปลายปตั คาดสัญญาณ 1 หลัง (เพราะดานเลอื ดทาให้กลา้ มเนอ้ื หลงั แข็งตึงได้)
- วัดส้นเท้า ข้างที่เปน็ มาก จะส้นั
- พับเข่าเป็นเลข 4 กดตา้ นมือ
- ตรวจรอยโรคท่ี สัญญาณ 1หลัง
322
สตู รการรกั ษา
1. นวดพน้ื ฐานขา เปดิ ประตูลม ทงั้ 2 ข้าง
2. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 หลงั เนน้ สัญญาณ 1
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เน้นสญั ญาณ 3
4. นวดสญั ญาณ 1, 2 ขาด้านใน เน้นสัญญาณ 2
5. นวดพน้ื ฐานท้อง ท่าแหวก-นาบ
6. นวดสัญญาณ 1, 2 ท้อง
7. นวดท่าฝนื มดลูก (จดุ เดยี วที่ตาแหนง่ ของสัญญาณ 1 หรอื สญั ญาณ 2)
8. นวดสัญญาณ 5 ท้อง (เปดิ ประตูลมท้อง) จับชีพจร พลกิ ตวั ซา้ ย-ขวา กอ่ นลุกตัว
9. ตรวจหลังการรกั ษา
เทคนิคท่าฝืน กดนวดเหมอื นกดสัญญาณ 1 หรอื 2 แลว้ หันมือกลบั หงายขึน้ กดดนั ขึ้นบน
กข
ภาพแสดง ทา่ ฝืนมดลูก (จดุ เดยี วทต่ี าแหน่งของสญั ญาณ 1 หรือ สญั ญาณ 2)
ทา่ ควา่ มือ (ก) และท่าหงายมือ (ข)
คาแนะนา
1. ประคบความรอ้ นชน้ื บรเิ วณท้องนอ้ ย และบนั้ เอว
2. งดอาหารแสลง และอาหารทม่ี ีรสร้อน และรสเย็น
3. หา้ มบดิ ดัด สลัดขา และเอว
4. ท่าบริหาร
- ท่าขมบิ ก้น
- เกรง็ กลา้ มเนอื้ หลงั
5. นวดอาทิตย์ละ 2 คร้ัง (ขณะมปี ระจาเดือนนวดได้ แตใ่ หล้ ดแรงนวดลง)
323
19. ดานลม
(Constipation / Dyspepsia)
เปน็ โรคทเ่ี กิดกบั คนสงู อายุ หรอื เกดิ กับคนปจั ฉิมวยั พบไดท้ ง้ั เพศหญิงและชาย
สาเหตุ
1. เกดิ จากความเสือ่ มของร่างกาย
2. เกดิ จากทอ้ งผูกเป็นประจา
อาการ
ท้องผูกเป็นประจา เป็นเถาดานพรรดึก (ดาน = เป็นก้อนแข็งที่กระเพาะ พรรดึก = ก้อน
บริเวณลาไส้ตรง) อุจจาระไม่ออก หรือออกเป็นก้อนข้ีแพะ เบื่ออาหาร กินไม่ได้ นอนไม่หลับเวลาดึกๆ
หรอื เชา้ มืด อากาศเย็นทาให้ต่ืนขึน้ มาไอ ทาใหเ้ หนือ่ ย ท้องอืด ท้องเฟูอ มีอาการใจหวิว ใจส่ัน หงุดหงิด
งา่ ยปวดศรี ษะ ปวดหลงั เปน็ ประจา ชาปลายมอื ปลายเท้า และเยน็ เหมอื นเป็นเหน็บ
วิธตี รวจ
1. จากการซักประวตั ิ มีทอ้ งผูก ถ่ายเปน็ ก้อนขี้แพะ เบ่อื อาหาร นอนไม่หลับ
2. ตรวจท้องแข็งเป็นลา คือ คลาพบก้อนเป็นเถาดานพรรดึกบริเวณหน้าท้องเหนือสะดือซ้าย
ขวา หรือตรงกลาง ตาแหน่งไม่คงท่ี พบก้อนได้ทุกตาแหน่ง มักพบบริเวณเหนือสะดือ เป็นน้อยก้อน
เคลอ่ื นทไ่ี ด้ เป็นมากกอ้ นแขง็ ติดแนน่
3. เคาะทอ้ งหรือฟังเสียง จะได้ยินเสยี งลมและแกส๊ ในกระเพาะและลาไส้
สูตรการรักษา
1. นวดพนื้ ฐานขาเปดิ ประตลู ม ทั้ง 2 ข้าง
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลัง เน้นสญั ญาณ 3
3. นวดสัญญาณ 1-5 ขาด้านนอก เน้นสัญญาณ 2
4. นวดพื้นฐานทอ้ ง และนวดทา่ โกยท้อง (ดงั ภาพ)
5. นวดสญั ญาณ 1-5 ทอ้ ง เนน้ สัญญาณ 3, 4 ท้อง และจุดเหนอื สะดอื 1 นิ้ว
6. ตรวจหลังการรักษา
เทคนคิ ทา่ โกยท้อง ใหผ้ ู้นวดคกุ เขา่ ด้านตรงขา้ มทีจ่ ะโกย หันหน้าเข้าหาผู้ปุวย เริ่มนวดตรงหัว
เหน่าวางน้ิวก้อยอยู่ก่ึงกลางท้อง วางมือหงาย กดแล้วดึงข้ึน กดนวดตีโค้งข้ึนไปท่ีล้ินปี่ แล้วนวดลงตาม
เขม็ นาฬิกา
ภาพแสดง จดุ นวดทอ้ งท่าโกย
324
คาแนะนา
1. กนิ อาหารท่มี ีกากใยสูง งดอาหารที่เกิดแกส๊
2. ดม่ื น้ามากๆ
3. ฝกึ ขับถ่ายให้เปน็ เวลา
4. ทาจิตใจใหแ้ จ่มใส
5. บริหารร่างกายตามสภาพของผสู้ งู อายุ โดยนอนหงาย และบรหิ ารดงั นี้
- กามือในท่างอศอก แลว้ ชมู อื เหยยี ดแขนพร้อมแบมือ
- ประสานมือท่หี นา้ อก แลว้ เหยยี ดหงายมอื ยดื ไปเหนือศีรษะใหส้ ุด
- กระดกขอ้ เทา้ ขนึ้ -ลง
- ชนั เขา่ ท้งั 2 ข้าง วางแขนแนบลาตวั ยกกน้ ลอยข้ึนพร้อมขมบิ ก้น
- กอดเข่าทง้ั 2 ขา้ งชดิ อก
- ประสานมือท่ที า้ ยทอย ยกศรี ษะข้นึ มองปลายเทา้ (งดทาในรายทก่ี ระดกู โครงสรา้ งไม่ดี)
20. ข้อสะโพกเบย่ี ง
(Dislocation of hip / Traumatic hip pain)
เบี่ยง เป็นการเคลื่อนหลุดบางมุมบางตาแหน่ง ข้อสะโพกเบ่ียง หมายถึง สัญญาณ 3 ขาด้าน
นอกเคลือ่ นหลุด
สาเหตุ
เกิดจากอุบัติเหตุ หกล้ม เช่น หกล้มก้นกระแทกตรงก้นกบ ก้นย้อย ล่ืนล้มในลักษณะขาถ่าง
หรือก้าวยกขาสูงผิดท่า กา้ วขาสงู เกินไป เช่น การก้าวขึ้นรถสามล้อเคร่ือง ทาให้เกิดการเคล่ือนหลุดตรง
สัญญาณ 3 ขาดา้ นนอก
อาการ
ปวดขดั ในสะโพก เดินไม่ถนัด รับน้าหนักได้ไม่เต็มที่ บางครั้งอาจมีร้าวชาปวดตรงก้นย้อย ร้าว
ลงไปที่ต้นขา เดินขากระเผลก เจ็บบริเวณสัญญาณ 3 ขาด้านนอกหรือบริเวณก้นย้อย บางครั้งอาจมี
อาการคล้ายโรคสญั ญาณ 1 หลงั ต่างกนั ทตี่ าแหน่งจดุ เจบ็
สัญญาณขาดา้ นนอก 3 จุด มี 3 รอยโรค
- เจ็บสญั ญาณ 1 มีปัญหาข้อสะโพกยึดตดิ ไมส่ ามารถหมุนองศาได้ปกติ น่ังขดั สมาธิไมไ่ ด้
- เจบ็ สัญญาณ 2 เอน็ ยดึ ขอ้ ต่ออกั เสบ คนไขย้ กขาสงู ไม่ได้ เชน่ ยกขาใสก่ างเกงลาบาก
- เจ็บสัญญาณ 3 ข้อสะโพกเบี่ยง มีอาการเคล่ือนของเบ้าข้อต่อสะโพก ตรงจุดสัญญาณ 3 จะ
แขง็ เปน็ ไตเหมอื นกระดูก เม่ือนอนตะแคงกอดเขา่ ข้ึนไป
วธิ ีตรวจ
1. วดั ส้นเท้า ขาข้างท่ีเป็นจะส้นั
2. ดอู งศา โดยใหก้ อดเข่าชดิ อก ทาไมไ่ ด้ (ถา้ ตดิ พงุ ให้นอนตะแคงตรวจ)
325
3. ตรวจตรงสญั ญาณ 3 ขาดา้ นนอก จะพบแข็งเป็นไต
4. งอพบั ขาองศาเขา่ ได้ กดไมต่ า้ นมอื
สูตรการรักษา
1. นวดพื้นฐานขา เปดิ ประตลู ม ข้างทเี่ ป็น
2. นวดสญั ญาณ 1, 2, 3 ขาด้านนอก เน้นสญั ญาณ 3 พรอ้ มผลกั เขย้ือนข้อต่อสะโพกให้เข้าที่
3. นวดสญั ญาณ 1, 2 ขาดา้ นใน
4. ตรวจหลังการรักษา
เทคนิคเขยื้อนข้อต่อกระดูกสะโพกคนเดียว ให้ผู้ปุวยนอนตะแคงมือกอดเข่า ผู้นวดกด
สญั ญาณ 3 น่ิงไว้ แล้วปลอ่ ยมือล่างมาดนั ใตฝ้ าุ เทา้ ให้เขา่ ชิดอกมากที่สุด จึงปล่อยมอื มากดทีเ่ ดิม
เทคนิคเขย้ือนข้อต่อกระดูกสะโพกโดยมีผู้ช่วย ให้ผู้ปุวยนอนตะแคงมือกอดเข่า ผู้นวดกด
สัญญาณ 3 นิ่งไว้ แลว้ ผชู้ ่วยจับขอ้ เท้ามอื หนึ่ง อีกมอื จับใต้เข่า ดันให้เข่าชิดอกมากที่สุด ในขณะที่ผู้นวด
กดสญั ญาณ 3 ตลอดเวลา
คาแนะนา
1. ประคบความร้อนชน้ื เช้า-เย็น ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
2. งดอาหารแสลง เชน่ ขา้ วเหนยี ว หน่อไม้ เครือ่ งในสัตว์ ของหมักดอง เหลา้ เบียร์ ยาแก้ปวด
3. ห้าม บดิ ดดั สลัดขา และ ระวังการก้าวขึ้นลงท่ีสงู
4. ท่าบริหาร ถา้ ขอ้ ต่อเขา้ ทแ่ี ข็งแรงดีแล้ว ใหบ้ รหิ ารท่าต่อไปน้ี
- นอนกอดเขา่ ชิดอก
- นัง่ ยอง ๆ 90 องศา
- ยนื เขย่งปลายเท้า
***ถ้าชว่ งท่รี กั ษาใหม่ๆ หา้ มทาจดกว่าจะกอดเขา่ ชิดออกได้
5. เป็นใหม่ๆ นวดวนั เว้นวนั
21. น้วิ มือซน้
(Enthesopathy / Finger sprain: hand)
สาเหตุ
มักเกดิ อบุ ตั ิเหตจุ ากการเลน่ กฬี า พบเปน็ ทนี่ ้ิวกลางมากทสี่ ุด ตรงขอ้ นิ้วตรงกลาง
อาการ
ปวดข้อนว้ิ ท่เี ป็น บวม แดง
วิธีตรวจ
1. ดูลักษณะทัว่ ไปของนิ้วมือ บดิ งอ คด สชี า้ บวม หาจดุ เจบ็ กดจะเจบ็ สะดงุ้
2. ดูองศา ให้กามอื เหยยี ดน้ิว
3. ทดสอบกาลัง ให้บีบนิว้ ผนู้ วด
326
สตู รการรักษา
1. นวดพ้ืนฐานแขนด้านใน
2. นวดแขนดา้ นใน สัญญาณ 1-5 สัญญาณข้อมือ 1-5 และจุดใจกลางฝาุ มือ
3. นวดสัญญาณ 5 จุดขอ้ น้ิวมอื
4. นวดพ้ืนฐานแขนด้านนอก
5. นวดแขนด้านนอก สญั ญาณ 2-5 เนน้ สญั ญาณ 5
6. ตรวจหลงั การรกั ษา
คาแนะนา
1. ประคบความร้อนช้ืน 10-15 นาที ถ้าบวมมาก ใช้ดินสอพองผสมมะนาวพอก หรือใช้ขิงแก่
ตา ควั่ ใสแ่ อลกอฮอล์ แล้วพอก
2. งดอาหารแสลง
3. บรหิ ารกลา้ มเน้อื
- กามือขณะงอข้อศอกชิดอก แลว้ เหยยี ดแขนตรงพร้อมเหยยี ดนิ้วออก
- ดึงแขน-เท้าแขน 3 จังหวะ
22. นว้ิ เท้าซน้
(Enthesopathy / Finger sprain: foot)
สาเหตุ
เกิดจากอุบัตเิ หตุ เช่น เดินสะดดุ เตะ หกล้ม เปน็ ตน้
อาการ
มีอาการอักเสบบริเวณข้อต่อน้ิวเท้า มักเป็นที่ตาแหน่งข้อนิ้วกลางและข้อโคนน้ิว ปวด บวม
ชดั เจน มี 3 ระดบั ดังน้ี
- ระดบั 1 ขอ้ เคลอ่ื น เอน็ เบย่ี ง หรือเอน็ ยืด ไม่บวม แตม่ จี ุดเจ็บ ปวด
- ระดับ 2 กระดูกเคลื่อน กล้ามเน้ือฉีก ลักษณะเด่นคือ บวม นวดจัดกระดูกแล้วจะมีอาการ
ต่อไปอกี 2 อาทติ ย์ เมื่อกระดกู เขา้ ทีแ่ ลว้ ตอ้ งมกี ารนวดไล่เลอื ด เพ่อื ไม่ให้เลือดจับในข้อกระดูก เม่ือหาย
แลว้ เวลาอากาศเยน็ จะปวด ณ จุดเจ็บ
- ระดับ 3 มีกระดูกแตกร้าวร่วมด้วย การรักษาต้องเข้าเฝือก พักการใช้งานช่ัวคราวกระดูกจะ
เชอ่ื มติดกันเอง
วธิ ตี รวจ
1. ดูลักษณะทัว่ ไปของข้อนวิ้ บดิ งอ คด สี มกั จะออกสซี า้ บวม อุณหภมู ิ
2. หาจดุ เจ็บ มอี าการเจบ็ สะด้งุ เวลากด
3. ดูองศา ใหง้ ุ้มน้ิว กระดกนวิ้ กางน้ิว ถา้ กระดูกหักจะเคลอ่ื นไหวไม่ได้
327
สูตรการรกั ษา
1. นวดพนื้ ฐานขา เปิดประตลู ม
2. เน้นขอ้ เทา้
3. กด 5 จุดขอ้ น้ิวท่เี จ็บ กดเขา้ หาขอ้ (ภาพ)
4. ดึง ดัด ขอ้ นิ้ว (ทาในการนวดครง้ั แรกเท่านัน้ )
เทคนิคดงึ ดดั ขอ้ นว้ิ นว้ิ ชี้ของมือข้างไม่ถนัดกดจุด 5 ใต้ข้อโคนนิ้วเท้า ส่วนนิ้วโปูงกดด้านหลัง
เท้าบนข้อโคนน้ิว มือข้างถนัดจับข้อน้ิวเท้าท่ีซ้น ขณะที่นิ้วชี้กดจุด 5 ใต้ข้อโคนน้ิวเท้า นิ่ง ๆ ให้ดัน
นิ้วโปูงที่กดด้านหลังเท้าข้ึนไปทางโคนนิ้ว ตามต่อด้วยมือข้างถนัดที่จับข้อนิ้วเท้าท่ีซ้นดึงยืดแล้วหักพับ
ลงล่างค้างไวส้ กั ครู่ ใหท้ าทุกขัน้ ตอนอย่างรวดเร็ว (ภาพ)
5. ยดื กล้ามเนื้อ 3 จดุ แต่ละจดุ ให้แบะหลงั เท้าออกและเข้า (ภาพ)
- จุดที่ 1 น้วิ โปงู ทัง้ 2 อยู่ข้างๆ เหนือข้อทเ่ี จบ็
- จุดท่ี 2 นิ้วโปูงทงั้ 2อยู่ขา้ งๆกลางขอ้ ท่ีเจบ็
- จุดที่ 3 น้วิ โปูงทั้ง 2 อยู่ข้างๆใตข้ ้อท่เี จ็บ
6. กดจุดที่ 5 ขอ้ นิว้ เท้า คอื จดุ ใตข้ อ้ ท่ีเจ็บกดลงตรงๆ จนเท้างมุ้ หอ่ ลง
7. นวดขาด้านนอกสญั ญาณ 1-5 เดินเสน้ ถึงขอ้ เท้า เนน้ สัญญาณ 5
8. นวดขาดา้ นใน สัญญาณ 1-4 เดินเส้นถงึ ข้อเท้า เนน้ สญั ญาณ 5
9. ตรวจหลงั การรักษา
ภาพแสดง จดุ นวดและวิธีนวดน้วิ เท้าซน้
คาแนะนา
1. ประคบเยน็ ใช้ดินสอพองผสมมะนาวพอก
2. ประคบความร้อนช้นื หลัง 24 ชัว่ โมงแล้ว
3. งดอาหารแสลง เช่น ข้าวเหนียว หน่อไม้ เคร่ืองในสตั ว์ ของหมักดอง เหล้าเบยี ร์ ยาแก้ปวด
4. พกั การใชง้ าน และบรหิ ารกล้ามเนื้อเท้า ทา่ ง้มุ นว้ิ เทา้ ลงและข้ึน
328
23. โรคพรายเลอื ด พรายยา้ (Ecchymosis)
เปน็ โรคทพ่ี บบ่อย จะนวดก็ได้ ไม่นวดก็ได้ จัดเป็นโรคตระกูลลมปลายปัตคาต สามารถเกิดกับ
ผสู้ ูงอายุทีห่ ลอดเลอื ดเปราะ และผหู้ ญงิ ก่อนมรี อบเดือนมา
23.1 โรคพรายเลอื ด
ลกั ษณะอาการ
ลักษณะข้ึนเป็นผื่นสีแดง เป็นจ้าแดงหรือเขียวก็ได้ ปรากฏตามผิวหนัง อาจมีอาการปวดแสบ
ปวดรอ้ นรว่ มด้วย
23.2 โรคพรายย้า
ลกั ษณะอาการ
ลักษณะผ่ืนหรือจ้าสีแดงเข้มหรือสีม่วง ปรากฏตามผิวหนัง มีอาการปวดแสบปวดร้อนเหมือน
พรายเลือด และมอี าการคนั ร่วมดว้ ยบ้างเล็กน้อย
การตรวจวินจิ ฉยั
1. ซกั ประวัติ
2. ดูลกั ษณะผนื่ ท่ปี รากฏ
วธิ กี ารรกั ษา
ลกั ษณะโรคนี้ถ้าเกิดเฉพาะผู้หญิงพบก่อนมีรอบเดือนมา พอประจาเดือนมาแล้วอาการจะหาย
เอง การนวดจะชว่ ยปรบั สมดุลของประจาเดือน เพื่อใหอ้ าการนอ้ ยลงหรอื หายไป
การรักษาดว้ ยการนวด
1. นวดพน้ื ฐานขา เปดิ ประตูลม (2 ข้าง)
2. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 หลัง เนน้ สัญญาณ 1
3. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นนอก เนน้ สัญญาณ 3
4. นวดสัญญาณ 1, 2, 3 ขาดา้ นใน เน้นสญั ญาณ 2
5. นวดพน้ื ฐานท้อง
6. นวดสัญญาณ 1-5 ทอ้ ง
7. ตรวจหลังการรกั ษา
329
บรรณานุกรม
กัญจนา ดีวิเศษและคณะ. คู่มือการอบรมการนวดไทย. พิมพ์คร้ังที่ 4. โครงการพัฒนาตารา
กองทุนสนับสนุนกิจกรรมมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา สานักปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข. 2544
เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ. ทฤษฎีการนวดไทย ความหมายของเส้น จุด และโรค. พิมพ์คร้ังท่ี 3.
สถาบันการแพทยแ์ ผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2540
อภิชาต ลิมติโยธิน. คู่มือทฤษฎีการนวดรักษาแบบราชสานัก. 20 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2544.
(เอกสารถ่ายสาเนา) 2544.
อภิชาต ลิมติโยธิน. คาบรรยายเรื่อง การนวดไทยบาบัด (นวดราชสานัก). การอบรมเชิงปฏิบัติการใน
หลักสูตรนวดไทย 800 ช่ัวโมง รุ่นท่ี 3. สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวง
สาธารณสขุ . 2547.
330
บทที่ 6
การนวดรกั ษาอัมพฤกษ์ อมั พาต ดว้ ยภูมิปญั ญาของ
หมอประวทิ ย์ แกว้ ทอง
6.1 ความหมายของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
โรคอัมพฤกษ์- อัมพาต เป็นความผิดปกติของธาตุท้ัง 4 ภายในร่างกาย ซ่ึงส่วนใหญ่จะทาให้
เกดิ ความร้อน-เย็นของเสน้ ซง่ึ ในสมัยก่อนโรคอมั พฤกษ์-อัมพาต มกั มีสาเหตมุ าจากการเกิดอุบัติเหตุ แต่
ในสมัยปัจจุบันน้ีมักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหาร เป็นผลทาให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวานและโรคไขมันในเลือดสูง ซ่ึงโรคเหล่าน้ีเป็นสาเหตุหลักที่ทาให้เกิดโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต
ตามมา ผู้ปว่ ยสว่ นใหญ่มักเป็นผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายชอบดื่มเบียร์ เป็นสาเหตุทาให้ไขมันในเลือดจับตัว
เปน็ กอ้ นขึ้นได้ เนื่องจากเวลาด่ืมเบียร์มักจะด่มื ตอนเบยี รเ์ ยน็ ๆ
6.2 สาเหตุการเกดิ โรคอัมพฤกษ์ อมั พาต
1. โรคความดนั โลหติ สงู ที่ทาใหเ้ กิดอาการแตก ตีบ ตนั ของเส้นเลือดในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุส่วน
ใหญ่ของผ้ปู ว่ ยท่ีมารบั การรักษา
2. โรคเบาหวานและภาวะไขมนั ในเลือดสงู
3. การเกดิ ลมตะคริวเนื่องจากภาวะไขมันในเลือดสูง
4. อบุ ัติเหตุต่างๆ เชน่ รถชน ตกจากที่สงู โดนทบุ ตีบริเวณศรี ษะ เป็นตน้
6.3 วิธีการนวดรกั ษา
ขัน้ ตอนในการนวดรักษาโรคอมั พฤกษ์ อัมพาตของหมอประวิทย์ จะใช้ลักษณะพื้นฐานทางการ
นวด 5 ลักษณะด้วยกัน คือ การกดรีด กดดีด กดลาก กดคลึง กดสะกิด เป็นต้น ซ่ึงจะเร่ิมต้นการนวด
จากศรี ษะถดั ลงมาจนถึงปลายเทา้ เพื่อไล่ลมท่ีตดิ ในเสน้ จากส่วนบนของร่างกายให้ระบายออกทางปลาย
เทา้ ทง้ั สองข้างของผู้ป่วย โดยจะเร่ิมจากท่านอนหงาย ท่านอนคว่าและท่าน่ัง ตามลาดับ ซ่ึงจะมีวิธีการ
นวดโดยละเอียด ดงั นี้
ทา่ นอนหงาย ผ้ปู ว่ ย อยูใ่ นท่านอนหงาย
หมอ อยูใ่ นท่านั่ง
1. กดใต้หัวคิ้ว (Corrugator supercilii muscle) ท้ังสองข้าง ของผู้ป่วย แล้วกดรีดขึ้นไป
บรเิ วณเหนือคิว้ จนถึง ขมับกดไวส้ ักครู่ หลังจากนัน้ กดดดี ลงขา้ งลา่ ง ทาประมาณ 3 คร้งั
2. กดบริเวณเส้นโคง้ คอ (Trapezius muscle) โดยกดรดู ลงพรอ้ มกันทัง้ สองข้าง
3. กดรีดบริเวณกล้ามเน้ือข้างคอหอย (Sternohyoid muscle) ทั้งสองข้างและแนวต่ิงหู
(Sternocleidomastoid muscle) ทัง้ สองข้าง ขา้ งละ 3 ครั้ง ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการลิ้นแข็งควรกดใต้
โคนลนิ้ (Digastric muscle)
331
4. กดดดี ใต้รอ่ งไหปลารา้ (Supraclavicular nerve) พร้อมกันทง้ั สองขา้ ง (สญั ญาณ 4 หวั ไหล)่
5. กดรีดบริเวณร่องหัวไหล่ข้างหน้า (Subscapularis muscle) และข้างหลัง (Infraspinatus
Muscle)
6. เปดิ ประตลู มใต้รักแร้ (Brachial Artery)
7. กดรดู ลงแนวกึ่งกลางของแขนดา้ นนอกและแขนดา้ นในทอ่ นบนพร้อมกนั ทง้ั สองดา้ นไป
จนถึงขอ้ พับแขน (Biceps brachii muscle และ Triceps brachii muscle)
8. กดสะกดิ เส้นบริเวณใต้ปุม่ กระดกู ข้อศอกด้านใน 1 ครัง้ (Ulnar nerve) (อยู่บริเวณเหนือปุ่ม
กระดกู ขอ้ ศอกด้านใน)
9. กดรีดแนวร่องกล้ามเนื้อแขนท่อนล่าง 4 แนว ประกอบด้วย ด้านหน้าคือ Brachioradialis
muscle และ Flexor carpi radialis muscle ด้านหลังคือ Flexor carpi ulnaris muscle และ
Extensor carpi brevis muscle
10. กดรดี ตามแนวขวางของขอ้ มือด้านบนและดา้ นล่างซา้ ย-ขวา (Palmarcarpal Ligament)
11. ประสานน้ิวมอื หมอกับผปู้ ว่ ย เพ่อื ทาการหักนวิ้ (Head of metacarpal bones)
12. รดู นว้ิ และรอ่ งนิ้วทุกนวิ้
13. หงายมือผู้ป่วยข้ึนแล้วกดรูดนิ้วจากกลางฝ่ามือไปยังปลายน้ิวโดยเร่ิมจากน้ิวโป้งจนถึง
นวิ้ ก้อยไปทลี ะนิ้วตามลาดับ
14. กดบรเิ วณร่องนิ้วโป้งกับน้วิ ชี้เพ่ือเปิดประตูลมมือ (Dorsal metacarpal arteries) และดึง
น้ิวมือทกุ นวิ้
15. กระดกขอ้ ศอก
16. นวดบริเวณทอ้ ง (Transverse abdominis muscle) เริ่มจากขวา-ซา้ ย-ล่าง-บน ตามลาดบั
17. กดดีดออกบรเิ วณเหนือปุ่มกระดูกหัวตะคากประมาณ 1 นิว้
18. เปิดประตลู มขา (Femoral artery)
19. กดรูดลงบริเวณขาท่อนบนแนวเส้นกึ่งกลางขาด้านนอก (Vastus lateralis muscle และ
Iliotibial tract) ด้านใน (แนวร่องกล้ามเน้ือ Sartorius muscle) และแนวเส้นหลังขาไปจนถึงหัวเข่า
คลงึ บริเวณเขา่
20. กดสะกิดบริเวณใต้ขอ้ พับเข่า (Popliteal vessels & Tibial nerve)
21. กดรดู ลงบริเวณขาทอ่ นลา่ ง 5 แนว
- แนวร่องกลา้ มเน้ือน่องดา้ นนอก (Soleus muscle)
- แนวชดิ กระดูกสนั หนา้ แขง้ ดา้ นนอก (Tibialis anterior muscle)
- แนวชิดกระดกู สนั หน้าแข้งด้านใน (Soleus muscle)
- แนวรอ่ งกลา้ มเนอ้ื นอ่ งด้านใน (Gastrocnemius muscle)
- แนวเส้นเอ็นร้อยหวาย (Achilles)
22. เปิดประตูลมบรเิ วณขอ้ เทา้
332
ด้านใน: บริเวณใต้ปุ่มกระดูกตาตุ่มด้านใน (Medial malleolus บริเวณ Posterior
tibial artery, Tibial nerve)
ด้านนอก: อยู่บริเวณร่องกระดูกตาตุ่มด้านนอก (Peroneus longus tendon,
Peroneus brevis tendon)
23. ดึงนิ้วเท้าทุกน้ิวบิดเท้า และกดฝ่าเท้าบริเวณกึ่งกลางเท้าด้านน้ิวโป้ง 1 คร้ัง (Abductor
hallucis muscleและ tendon)
24. ดดี เขา่ (มอื ด้านบนของหมอจับเข่าผปู้ ่วยใหแ้ น่น มอื ดา้ นล่างจบั นิ้วโปง้ แล้วดดี ให้ลงจังหวะ)
ทา่ นอนควา่
หมอ อยใู่ นท่านั่ง (น่ังฝั่งทห่ี มอถนดั ) ผปู้ ว่ ย อยใู่ นทา่ นอนหงาย
1. กดรีดลงบรเิ วณแนวโค้งคอท้ังสองขา้ ง (Trapezius muscle)
2. กดดีดบริเวณท้ายทอย 3 จุด คือ สัญญาณ 1, 2, 5 ศีรษะด้านหลัง (Lesser occipital
nerve = สญั ญาณ 1, 2 และ Occipital nerve = สญั ญาณ 5)
3. กดคลึงจากฐานคอลงไปตามขอบปีกสะบักด้านบน (Trapezius muscle) และคลึงลงตาม
ขอบรอ่ งปกี สะบกั ดา้ นใน
4. กดตรงร่องข้อต่อหัวไหล่ กดรีดลงมาตามแนวกล้ามเนื้อแขนท่อนบน (Deltoid muscle)
โดยใช้น้ิวโป้งกบั น้วิ ชก้ี ดพร้อมๆกนั ท้งั ดา้ นบนและดา้ นลา่ ง
5. การรีดร่องกลา้ มเนอื้ ไหลล่ งมายังแขนท่อนบน (Triceps brachii muscle)
6. กดรดี ลงตามแนวชดิ กระดกู สนั หลงั (Trapezius muscle) ทัง้ สองข้าง
7. กดคลงึ บรเิ วณปอ้ มเลอื ด (Thoracolumbar fascia) (L3)
8. กดตรงบริเวณบอ่ เลอื ดท้ังสองขา้ ง (Gluteus maximus muscle)
9. กดใต้ก้นย้อยแล้วดีดออกด้านข้างท้ังสองข้าง (Samitendinosus muscle และ Biceps
femoris muscle)
10. กดรูดตามแนวขาด้านนอกท่อนบน 3 แนว (แนวขอบตะเข็บกางเกงด้านใน (Gracilis
muscle) และด้านนอก (Rectus femoris muscle) กับแนวก่ึงกลางขาด้านหลัง (Biceps femoris
muscle and semitendinosus muscle) ในกรณีท่ีขาผปู้ ่วยบิดออก เราจะต้องจัดให้ขาบิดเข้าด้านใน
กอ่ นนวด
11. กดรีดแนวขวางใตข้ ้อพับเขา่ (Tibial nerve and common peroneal nerve)
12. กดรดู ตามแนวเอ็นร้อยหวาย (Achilles)
13. กดรดู ลงตามแนวตาตุ่มด้านในและตาตมุ่ ด้านนอก (Soleus muscle)
14. พับขาท่อนล่างขึ้น กดรีดแนวชิดกระดูกสันหน้าแข้ง แนวกึ่งกลางชิดกระดูกสันหน้าแข้ง
ด้านข้าง (Tibialisanterior muscle and soleus muscle) แนวร่อง Gasthocnemius muscle ลง
มาจนถึงเอ็นรอ้ ยหวาย
333
15. กดคลึงจุดตรงกลางใต้ฝ่าเท้าออกมาฝั่งนิ้วโป้ง (Abductor hallucis and tendon,
Flexor digitorum brevis muscle)
16. กดสัญญาณขา้ งตาตุ่มดา้ นนอกและด้านใน (Peroneal artery)
17. กดเน้นขอ้ เท้า (Inferior extensor retinaculum) หมุนขอ้ เท้า บิดปลายเท้า
18. พับขาขึ้นโดยใช้เทา้ ของหมอสอดใตข้ ้อพบั เขา่ แล้วจับปลายเท้าผู้ป่วยตบลงบริเวณบ่อเลือด
(เพ่ือยดื ข้อเข่า)
19. พับขาเอาสน้ เท้าแตะบ่อเลอื ด 3 คร้งั
ทา่ นง่ั
หมอ อยใู่ นทา่ นั่ง ด้านหลังคนไข้ ผู้ปว่ ย อยู่ในทา่ นั่งขดั สมาธิ
1. กดรดี แนวตน้ คอจนถงึ แนวบา่ (Trapezius muscle)
2. กดจดุ ร่องไหปลาร้า (Supraclavicular nerve) แล้วดงึ ขึน้
3. กดดีดบริเวณสัญญาณ 1, 2, 5 ของศีรษะด้านหลัง (Lesser occipital nerve = สัญญาณ
1, 2 และ Occipital nerve = สญั ญาณ 5)
4. เทคนคิ เปดิ ลมหู
6.4 ต่ารับยารักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
ตำรบั ที่ 1 อมั พาตที่เกิดจากลมตะคริว มีอาการท้องอืดทอ้ งเฟ้อ ไม่ถ่าย
ชราทั้ง 5 พรกิ ไทยดา พริกไทยล่อน
พริกดอกไม้ แกแล แกน่ ฝาง
ลกู ผกั ชี ลูกมะตูม ลกู กระดอม
ใบมะกา ลูกสมอพเิ ภก ลกู สมอเทศ
โกฐสอ โกฐหวั บวั โกฐน้าเตา้
โกฐก้านพร้าว โกฐกระดกู เถาสะค้าน
ดีปลีเชอื ก รากเจตมลู เพลงิ แดง ขมิน้ ออ้ ย
เอ็นแดง เอ็นขาว รากกระดูกไกด่ า
รากไหลเผอื ก คนฑา นา้ นอง
รากช้าพลู แหว้ หมู ขอบชะนางน้อย
ขอบชะนางใหญ่ บอระเพ็ด กญั ชา ยาดา
สรรพคณุ : แกธ้ าตพุ กิ าร ขับลมทเี่ กิดการคั่งคา้ งในเสน้ แกอ้ าการท้องผูก
วิธีการปรงุ : นาตวั ยาสมุนไพรท้งั หมดหนกั สงิ่ ละ 2 บาทชั่งนามาต้มรวมกัน
วิธีรับประทาน: รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น ครั้งละประมาณครึ่งถ้วย
กาแฟ ควรรบั ประทานอย่างน้อยประมาณ 20 วนั จึงจะสามารถเปลย่ี นเป็นตารับที่ 2 ได้
334
*หมำยเหตุ ชราท้งั 5 = เทยี นท้ัง 5 พรกิ ดอกไม้ = พริกเทศ
ในกรณีที่ถา่ ยลาบาก เพมิ่ ดีเกลอื และลกู ราชพฤกษ์ 5 ฝัก
ในกรณถี า่ ยทุกวัน หรือถ่ายวนั ละ 1-2 ครงั้ ไมต่ อ้ งใสย่ าดา
ในกรณรี สู้ ึกถ่ายไม่หมดท้องควรเพิม่ ยาดาข้นึ เล็กน้อย
ตำรับท่ี 2 ผ้ปู ว่ ยอัมพาตท่ีขบั ถ่ายล่าบากมากๆ ไมข่ ับถ่ายเลย (ไม่ถ่ายต้งั แต่ 3 วนั ขนึ้ ไป)
เถาวลั ยเ์ ปรยี ง 25 บาทช่ัง
แก่นข้ีเหลก็ 5 บาทชั่ง
รากทนดี 5 บาทชั่ง
ยาดา 3 บาทชั่ง
เทยี นทง้ั 5 2 บาทชั่ง
แก่นแสมทั้ง 2 2 บาทชั่ง
เกลือสนิ เธาว์ 2 บาทชั่ง
โกฐนา้ เตา้ 1 บาทชัง่
ลกู กระดอม 1 บาทชง่ั
บอระเพด็ 1 บาทชง่ั
แห้วหมู 1 บาทชัง่
ลูกสมอท้งั 3 1 บาทชง่ั
ใบมะกา 1 บาทชงั่
ลูกมะขามปอ้ ม 1 บาทชั่ง
ฝกั ราชพฤกษ์ 5 ฝกั
สรรพคุณ: แก้พรรดึก บารุงเส้นเอ็น
วิธกี ารปรุง: นาตัวยาสมนุ ไพรทง้ั หมดมาต้มรวมกัน
วิธีรับประทาน: รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น คร้ังละประมาณคร่ึงถ้วย
กาแฟ ควรรบั ประทานอย่างนอ้ ยประมาณ 15 วัน หรอื จนกว่าระบบการขับถา่ ยเขา้ สู่ภาวะปกติ
ข้อควรระวัง: ผู้ป่วยที่มภี าวะการขับถ่ายทเ่ี ปน็ ปกติอาจจะไม่ต้องจ่ายยาตารบั นี้ได้
ตำรับท่ี 3 ผู้ป่วยอัมพาตเร่ิมเข้าสู่ภาวะปกติ (เดินได้ การขับถ่ายปกติ ชาปลายมือปลายเท้า
ทั้งซีกหรือทัง้ ตวั )
เถาวลั ยเ์ ปรยี ง สมอไทย สมอดีงู
จนั ทน์แดง จนั ทนข์ าว จนั ทนเ์ ทศ
จันทนา จนั ทนช์ ะมด ลกู กระดอม
ขิงแห้ง หวั ไพล เทียนแดง
335
เทียนขาว เทยี นข้าวเปลือก โกฐกระดูก
โกฐนา้ เต้า เกสรทง้ั 5 ใบสม้ ปอ่ ย
บอระเพด็ หวั กระชาย หวั แห้วหมู
หัวเปราะใหญ่ ดอกคาฝอย ดนิ ประสวิ ดิบ
กฤษณา กะลาพกั กระพข้ี ี้เหลก็
กระพ้ีสะเดา ยาดา 2 สลงึ
สรรพคณุ : บารุงธาตุ แก้อาการชาตามปลายมอื ปลายเทา้
วธิ ีการปรุง: นาตัวยาสมนุ ไพรทง้ั หมดหนกั สง่ิ ละ 2 บาทช่ังนามาต้มรวมกัน
วิธีรับประทาน: รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น คร้ังละประมาณคร่ึงถ้วย
กาแฟ ควรรับประทานอยา่ งน้อยประมาณ 17 วัน จงึ จะสามารถเปลยี่ นเป็นตารับตอ่ ไปได้
ตำรบั ที่ 4 โรคเสน้ ประสาทในสมองตีบ (อมั พาต)
ชราทั้ง 5 พริกไทยดา พรกิ ไทยล่อน
พริกดอกไม้ ลกู ผักชี แกแล
แกน่ ฝาง ลกู ผกั ชี เจตมูลเพลงิ แดง
ผลมะตูม ลกู กระดอม ใบมะกา
ลกู สมอพิเภก ลกู สมอเทศ โกฐสอ
โกฐหัวบัว โกฐนา้ เตา้ โกฐก้านพรา้ ว
โกฐกระดกู เถาสะค้าน ดอกดปี ลี
ขมนิ้ ออ้ ย เถาเอน็ แดง เถาเอ็นขาว
รากไหลเผือก รากกระดกู ไก่ คนฑา
นา้ นอง รากช้าพลู หวั แหว้ หมู
ขอบชะนางน้ยุ ขอบชะนางใหญ่ บอระเพ็ด
กญั ชา ยาดา ดีเกลือ
สรรพคุณ: บารุงธาตุ ขบั ลมที่คงั่ คา้ งในเสน้ แก้อาการชา
วธิ ีการปรุง: นาตัวยาสมนุ ไพรทั้งหมดหนักส่งิ ละ 2 บาทช่งั นามาตม้ รวมกัน
วิธีรับประทาน : รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น คร้ังละประมาณครึ่งถ้วย
กาแฟ ควรรบั ประทานอยา่ งน้อยประมาณ 15 วันหรอื จนกวา่ อาการชาตามปลายมอื ปลายเทา้ จะลดลง
ตำรับที่ 5 โรคอัมพฤกษล์ ิ้น (ล้นิ เตม็ ปาก ปากเบีย้ ว แขนและขาชา อวัยวะเพศไม่แขง็ ตวั )
เถาวัลย์เปรียง สมอไทย สมอดงี ู
จนั ทน์แดง จนั ทน์ขาว จนั ทนเ์ ทศ
จันทนา ลูกกระดอม ขิงแห้ง
336
ไพล เทยี นแดง เทียนขาว
เทียนขา้ วเปลอื ก โกฐกระดกู โกฐน้าเต้า
เกสรบัวหลวง ดอกสารภี ดอกพกิ ลุ
ดอกบนุ นาค ดอกมะลิ ใบส้มปอ่ ย
ชิงช้าชาลี หัวกระชาย บอระเพ็ด
หัวแห้วหมู หวั เปราะใหญ่ ดอกคาฝอย
ดินประสิวดิบ กฤษณา กะลาพกั
กระพขี้ เ้ี หล็ก กระพี้สะเดา จันทนช์ ะมด ยาดา 2 สลึง
สรรพคณุ : บารงุ ธาตุ แกอ้ าการชาตามปลายมือ ปลายเทา้
วิธีการปรุง: ยาท้ังหมดน้ีเอาส่ิงละ 2 บาทช่ังนามาต้มรวมกัน รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา
ครงั้ ละประมาณคร่งึ ถ้วยกาแฟ
วิธีรับประทาน: รับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น คร้ังละประมาณครึ่งถ้วย
กาแฟ ควรรับประทานอยา่ งนอ้ ยประมาณ 17 วัน จงึ จะสามารถเปล่ยี นเปน็ ตารับต่อไปได้
ตำรบั ท่ี 6 ตา่ รบั ยาประคบ แกโ้ รคอมั พฤกษ์ อัมพาต
หัวเปราะ หวั ไพล กระชาย
ผักเส้ียนผี ยาดา
วิธีใช:้ นาตวั ยาสดทัง้ หมดเสมอภาคมาห่อรวมกัน นาไปจุม่ เหล้าหมกก้อนเสา้ หรือวางบนแผน่
เหลก็ ร้อนแลว้ นามาประคบท่ัวตวั
6.5 หลกั การจา่ ยยาใหผ้ ู้ปว่ ยโรคอมั พฤกษ์ อัมพาต
การจ่ายยาให้ผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันแม้ว่าจะมีอาการของโรคเดียวกัน แต่จะจ่ายยา
เหมือนกนั ไมไ่ ด้ ซ่ึงหมอจะพิจารณาจากตัวยาที่เหมาะสมกบั ผปู้ ว่ ยเป็นหลัก รว่ มกบั การพิจารณาจาก
1. ธาตหุ นกั เบาของผปู้ ่วย ดจู ากการขับถา่ ยเปน็ ปกตหิ รอื ไม่
2. อายุของผูป้ ่วย ในผทู้ ่มี อี ายุนอ้ ยกวา่ หมอจะลดสัดส่วนของตัวยาท่ีจะจ่ายให้ผู้ป่วยลง ส่วนเพศ
จะไมเ่ กย่ี วข้องกบั สัดสว่ นตัวยา คือ จา่ ยเหมือนกนั ทัง้ เพศหญงิ และเพศชายในสัดส่วนเดยี วกนั
6.6 หลักการเปลยี่ นหมอ้ ยาตามลา่ ดับในการรกั ษาผ้ปู ่วย
หลักในการเปลี่ยนหม้อยาของหมอ หมอจะใช้วิธีการจับเส้นของผู้ป่วยโดยอาศัยประสบการณ์
ของหมอ เพื่อดูว่าเส้นน้ันเย็นหรือร้อนข้ึนหรือไม่ ถ้าเส้นร้อนข้ึนก็สามารถเปล่ียนหม้อยาได้ การเปล่ียน
ลาดับหมอ้ ยาทใี่ ช้ในการรักษามีหลักเกณฑใ์ หญ่ๆ ดงั นี้
หม้อที่ 1 ดูจากภาวะการขับถ่ายของผู้ป่วยเป็นสาคัญตัวยาสมุนไพรท่ีสาคัญที่หมอใช้ในการ
รกั ษาผูป้ ่วย อยา่ งเช่น โกฐนา้ เตา้ ยาดา สมอพเิ ภก สมอเทศ ดีเกลือ และฝักราชพฤกษ์ เป็นต้น
337
หม้อท่ี 2 เมื่อผู้ป่วยมีการขับถ่ายเป็นปกติแล้ว หมอจะปรับยาจากหม้อแรกโดยการตัดตัวยา
ถ่ายออก แล้วจึงเพิ่มตัวยาท่ีช่วยแต่งเส้นของผู้ป่วยให้เป็นปกติ อย่างเช่น เถาวัลย์เปรียง แก่นข้ีเหล็ก
แก่นแสมสาร แกน่ แสมทะเล เปน็ ต้น
หม้อท่ี 3 เปน็ ตัวยาท่ีชว่ ยในการบารุงสมองของผู้ปว่ ย อยา่ งเชน่ กญั ชา กระดูกไกด่ า เป็นตน้
หม้อท่ี 4 เป็นตัวยาท่ีช่วยในการปรับธาตุของผู้ป่วย อย่างเช่น จันทน์ชะมด เกสรทั้ง 5
ชิงช้าชาลี หวั แห้วหมู ดอกคาฝอย กฤษณา และกระลาพกั เป็นต้น
6.7 การเคลื่อนย้ายผ้ปู ว่ ยโรคอมั พฤกษ์ อมั พาต
วิธีการเคล่ือนย้ายผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตมีความสาคัญมาก เน่ืองจากอาการของโรคในผู้ป่วย
อัมพฤกษ์อัมพาตท่ีพบมากส่วนหน่ึง มักเกิดเพิ่มขึ้นจากการเคล่ือนย้ายผู้ป่วยท่ีไม่ถูกวิธี เช่น การยก
ผู้ป่วยท่ีไมถ่ ูกวธิ มี ักทาให้แขนหรือหัวไหล่ผูป้ ว่ ยหลุดได้ง่าย
วิธกี ารเคลอื่ นย้ายตัวผู้ป่วย
1. กรณที ม่ี ผี ู้ช่วยเพยี ง 1 คน และตอ้ งการยกผู้ป่วยจากทีห่ น่งึ ไปทีห่ นึ่ง เช่น จากรถเข็นขึ้นเตียง
หรือ รถยนต์
วธิ ีที่ 1. การอุ้มโดยสอดมอื ขา้ งท่ีถนดั ไวใ้ ต้ขาของของผปู้ ว่ ย อีกข้างหนงึ่ จับพยุงไว้บริเวณ
หลงั ของผู้ปว่ ย อาจใหม้ ือของผ้ปู ่วยคล้องคอของผู้อมุ้ ไว้
วิธีท่ี 2. การยกโดยใช้ผ้า ให้ผู้ยกใช้ผ้าห่ม (ขนาดยาวพอสมควร) พับตามแนวยาว ผูก
รอบลาตัวของผู้ป่วย (บริเวณใต้ราวนม) ให้แน่นพอสมควร แล้วใช้มือท้ังสองจับผ้าท่ีผูกตัว
ผูป้ ว่ ยไว้ยกตวั ผ้ปู ่วยข้นึ
2. กรณีท่ีมีผู้ช่วย 2 คนหรือผู้ป่วยมีรูปร่างใหญ่ (อ้วน) ให้ผู้ป่วยเอามือทั้งสองจับกันไว้บริเวณ
หนา้ อก (มือข้างซา้ ยจับขอ้ ศอกขวา มือขา้ งขวาจับข้อศอกซ้าย) ให้ผู้ช่วยคนหนึ่งยืนด้านหลังผู้ป่วย สอด
แขนอ้อมระหว่างแขนกับลาตัวผู้ป่วย จับแขนท้ังสองข้างของผู้ป่วยไว้ยกตัวผู้ป่วยข้ึนพร้อมๆ กับผู้ช่วย
อีกคนท่จี บั บรเิ วณใต้เขา่ ของผปู้ ว่ ย
6.8 ข้อควรปฏิบัต/ิ คา่ แนะนา่ (สว่ นใหญจ่ ะแนะนาทงั้ ตวั ผปู้ ว่ ยและญาติของผ้ปู ่วย)
1. ประคบยา ทกุ วนั วันละ 2 ครัง้ เชา้ -เยน็
2. ห้ามกนิ ของเย็นทกุ ชนิด หลกี เลย่ี งการกระทบความเยน็
3. ห้ามกินอาหารแสลง ไดแ้ ก่ หอยขมกบั ยอดชา้ พลู ดอกก้ยุ ชา่ ยจิม้ น้าพริก อาหารหมักดองทุก
ชนดิ
4. แนะนาท่ากายบริหาร
- ชกั รอก หลงั จากทาการนวดและหลงั กินยาทุกครัง้
- หมนั่ ออกกาลังกายดว้ ยการเดินด้วยราวชว่ ยเดิน
338
บทท่ี 7
คาแนะนาทางหัตถเวชกรรมแผนไทย
7.1 การประคบน้าอนุ่ และสมุนไพร
7.1.1 การประคบนา้ ร้อน
การประคบน้าร้อน เป็นวิธีการรักษาซ่ึงใช้ควบคู่กับการรักษาโรค ส่วนใหญ่จะใช้หลังการนวด
เสรจ็ เป็นการใช้ความร้อนชื้นท่ีได้จากผ้าและน้า การประคบด้วยน้าร้อนจะช่วยลดอาการบีบรัดตัวของ
อวัยวะภายใน ลดความเจ็บปวด การบวมและการหดเกรง็ ของกล้ามเนือ้
อปุ กรณ์การประคบน้ารอ้ น
1. ผ้าขนหนสู เ่ี หล่ียมผนื ผา้ หรอื สี่เหล่ยี มจตั ุรัส
2. ขนั สา้ หรับใส่น้ารอ้ น
3. กระติกนา้ ร้อน
ขน้ั ตอนการประคบ
1. เตรยี มน้าร้อนใส่ขนั ประมาณครง่ึ ขัน
2. นา้ ผา้ ขนหนชู ุบน้าธรรมดา บิดใหห้ มาด
3. แบ่งผ้าท่ีบิดน้าเป็น 3 ส่วน (จุ่มน้าร้อนประมาณ 1 ใน 3 ส่วน พับส่วนท่ีร้อนเข้า
ด้านใน แล้วบิดคลี่ผ้าออก ทดสอบความร้อนบริเวณท้องแขน แล้วน้ามาประคบ ท้าซ้าโดยจุ่ม
ผา้ ลงในน้าร้อนเพมิ่ เปน็ 2 และ 3 สว่ นตามลา้ ดบั )
ประโยชนข์ องการประคบน้ารอ้ น
1. ลดอาการปวด บวม แดง ร้อน
2. ช่วยท้าให้ระบบหมุนเวยี นโลหติ ดีขึน้
3. กรณีทีอ่ ักเสบมนี ้าในข้อ จะชว่ ยให้ระเหยออกไปตามผิวหนงั
4. แกอ้ าการเคลด็ ขัดยอก
5. ชว่ ยเพมิ่ ประสิทธิภาพในการรักษา
6. ลดอาการอักเสบจากการนวดท่ีไมถ่ ูกวธิ ี
339
7.1.2 การประคบสมุนไพร
การประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรมาห่อด้วยผ้าเป็นลูก เรียกว่า ลูกประคบ โดยน้าลูก
ประคบไปน่งึ ให้รอ้ นแลว้ น้ามาประคบบรเิ วณทปี่ วดหรือเคล็ด ขัดยอก จะช่วยบรรเทาอาการ ปวดเคล็ด
ขดั ยอกได้ สมุนไพรท่ีใช้ท้าลูกประคบส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีน้ามันหอมระเหย เม่ือนึ่งร้อนแล้วน้ามัน
หอมระเหยซ่ึงเป็นตัวยาจะออกมากับไอน้าและความชื้น เมื่อประคบตัวยาเหล่านั้นจะซึมเข้าในผิวหนัง
ช่วยรักษาอาการเคล็ด ขดั ยอกและอาการปวด นอกจากนั้นแล้วความร้อนจากลูกประคบจะช่วยกระตุ้น
การไหลเวียนของโลหติ ดขี น้ึ ชว่ ยให้ตวั ยาซึมผ่านผิวหนังไดด้ ขี นึ้ อกี ท้ังกล่ินจากน้ามันหอมระเหยยังช่วย
ให้เกดิ ความสดชน่ื ด้วย
อปุ กรณ์การทาลูกประคบ
1. ผ้าดิบสา้ หรับห่อลกู ประคบ ขนาด 35 x ยาว 35 เซนตเิ มตร2 ผืน
2. เชอื ก ด้ายดิบ หรอื หนังยาง
3. ตวั ยาทใ่ี ชท้ า้ ลกู ประคบ
4. เตาพรอ้ มหม้อส้าหรับนง่ึ ลูกประคบ
5. จานหรอื ชามอลูมิเนียมเจาะรู (เพื่อให้ไอนา้ ผ่านได้) ส้าหรับรองลกู ประคบ
ตวั ยาสมนุ ไพรที่นิยมใชท้ าลูกประคบ (ลูกประคบ 2 ลกู )
1. เหงา้ ไพล (500 กรมั ) แกป้ วดเม่ือย ลดการอักเสบ
2. ผวิ มะกรูด (200 กรมั ) มนี ้ามนั หอมระเหย แกล้ มวงิ เวียน (ถ้าไม่มใี หใ้ ช้ใบ)
3. ตะไคร้ (200 กรัม) แต่งกล่ิน ดับกล่ินคาว
4. ใบมะขาม (100 กรัม) แก้อาการคันตามร่างกาย ชว่ ยบา้ รุงผิว
5. ขมิ้นชัน (100 กรมั ) ชว่ ยลดอาการอักเสบ แก้โรคผวิ หนัง
6. ใบสม้ ป่อย (100 กรมั ) ช่วยบ้ารงุ ผวิ แกโ้ รคผิวหนงั ลดความดันโลหิต
7. เกลอื แกง (60 กรัม) ช่วยดูดความร้อนและช่วยพาตวั ยาซมึ ผ่านผิวหนัง
ได้สะดวกข้นึ
8. การบรู (2 ชอ้ นโต๊ะ) แตง่ กล่ิน บ้ารุงหวั ใจ แก้พุพอง
9. พมิ เสน (2 ชอ้ นโตะ๊ ) แตง่ กลิน่ บ้ารุงหัวใจ แก้หวัด