ละครเพลง เรื่อง โทนรัก MUSICAL THEATRE: THON RAK ณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม วิทยานิพนธ์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ บัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2566 ลิขสิทธิ์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ละครเพลง เรื่อง โทนรัก ณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม วิทยานิพนธ์เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ บัณฑิตศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2566 ลิขสิทธิ์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
MUSICAL THEATRE: THON RAK NARONGRIT CHAOKAM A THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE DEGREE OF DOCTOR OF FINE ARTS PROGRAM IN PERFORMING ARTS GRATDUATE SCHOOL BUNDITPATANASILPA INSTITUTE OF FINE ARTS YEARS 2023 COPYRIGHT OF BUNDITPATANASILPA INSTITUTE OF FINE ARTS
(ค) ชื่อวิทยานิพนธ์ ละครเพลง เรื่อง โทนรัก 62212209 นายณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม ปริญญา ศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์ พ.ศ. 2566 อาจารย์ที่ปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ บทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างสรรค์ละครเพลง เรื่อง โทนรัก และ 2) ประเมินคุณภาพและศึกษาความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยใช้กระบวนการวิจัย เชิงสร้างสรรค์และเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ การประชุมกลุ่มย่อยการวิเคราะห์เนื้อหาสู่การกระบวนการสร้างสรรค์ รายงานผล ด้วยการพรรณนาความ ผลการศึกษาพบว่า 1) การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่อง โทนรัก มีดังนี้ (1) แนวคิด การแสดงมาจากรูปแบบการแสดงละครเพลงรพีพรสู่การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่อง โทนรัก นำเสนอ เป็นวีดิทัศน์การแสดง (2) รูปแบบการแสดง ประกอบด้วย ร้อง เล่น เต้น ระบำ และกำหนดให้บุรุษ ที่ 1 เป็นผู้เล่าเรื่อง (3) องค์ประกอบการแสดง ได้แก่ (3.1) บทละครประพันธ์ขึ้นใหม่ แบ่งออกเป็น 5 ฉาก คือ รากรำโทน ต้องมนต์รัก พิทักษ์ศิลป์ คืนถิ่นโทนโชนวัฒนธรรม (3.2) เพลงและดนตรี ใช้แนวเพลง ไทยสากล คัดเลือกทำนองเพลงไทยเดิมบรรจุเป็นทำนองหลัก สร้างสรรค์ทำนองเพลงด้วยดนตรีไทย ดนตรีสากลและดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (3.3) นักแสดง ใช้ชายและหญิงที่มีคุณสมบัติการร้องและ การแสดงละคร (3.4) ลีลาการแสดงใช้ท่าทางนาฏศิลป์และท่าทางในชีวิตประจำวัน (3.5) แต่งกาย ตามนโยบายรัฐนิยม ราวปี พ.ศ.2480 (3.6) อุปกรณ์ ได้แก่ กระเป๋าสะพายสีดำ ไมโครโฟน เก้าอี้และโทน (3.7) การใช้พื้นที่บนเวทีอย่างหลากหลาย บริเวณที่ใช้มากที่สุดคือ ส่วนกลางและส่วนล่างตรงกลางเวที (3.8) ฉาก ใช้เทคโนโลยีโครมาคีย์ใส่ภาพสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่กำหนดในบทละคร (3.9) แสง ใช้แสงสีขาว เพื่อให้แสงเสริมความเด่นของตัวละคร สร้างบรรยากาศ เหตุการณ์สมจริง (3.10) ขั้นตอนการผลิต และบันทึกวีดิทัศน์การแสดง ณ โรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2) ผลการประเมิน คุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่อง โทนรัก ด้วยการเก็บข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น กูเกิ้ลฟอร์ม จำนวน 50 คน พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดในทุกด้าน โดยภาพรวมของ การแสดงละครเพลง เรื่อง โทนรัก มีค่าเฉลี่ย คือ 4.70 อยู่ในระดับมากที่สุด โดยข้อเสนอแนะ ให้ปรับการนำเสนอจากวีดิทัศน์เป็นการจัดแสดงบนเวที คำสำคัญ: ละครเพลง, รำโทน, ร้อง เล่น เต้น ระบำ 327 หน้า
(ง) Thesis Title Musical Theatre: Thon Rak 62212209 Mr. Narongrit Chaokam Degree Doctor of Fine Arts Program in Performing Arts Year 2023 Advisor Assoc. Prof. Dr. Jintana Saitongkum Co-advisor Assoc. Prof. Dr. Supachai Chansuwan Abstract This research aimed to 1) create the Thai musical titled “Thon Rak” and 2) evaluate the audience’s satisfaction with the theatre invented; this research employed qualitative research methods by collecting data from related literature, interviews, observations, small group meeting content analysis to the creative process to present the results with an analytical description. The results showed that 1) the Thai musical titled “Thon Rak” included thefollowing features (1) the concept of the performance derived from the Rapheephorn musical observed through performance video record, (2) the format of performance consisted of singing, playing, and dancing with technique of using the story teller telling the story to communicate the narrative. (3) the elements of the show were: (3.1) the dramatic text, divided into fivescenes, namely Rak Ram Thon, Tang Mon Rak, Pithak Sin, Khuen ThinThon, and Chon Watthanatham, (3.2) music mixed with traditional Thai and contemporary music style, (3.3) performers who had performing skills in singing and drama, (3.4) performaning style using Thai dance and daily-life gestures, (3.5) costumes inspired by the fashionfollowing the policy of state convention in Siam during 1937, (3.6) props such as a black shoulder bag, microphone, chair and the thon, (3.7) variety of using stage (mostly in the middle and lower middle of the stage) (3.8) scenes using the chroma key technology to portray various landmarks in the play, (3.9) using white light to lighten the scenes and enhance the realistic atmosphere (3.10)stages of production by performing and recording the performances at the Musical Drama Theater Bunditpatanasilpa Institute of Fine Arts.2) the results of the quality assessment and the audience's opinions towards the musical “Thon Rak” collected through Google Form with 50 people showed the highest level of satisfaction at an average score of 4.70 as well as additional comments about performing the theatre on stage. Keywords: musical theatre, ram thon, rong-len-ten-rabam 327 pages
(จ) กิตติกรรมประกาศ วิทยานิพนธ์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ฉบับนี้สำเร็จได้ด้วยความอนุเคราะห์อย่างดียิ่งจากบุคคลหลาย ท่านในการให้คำปรึกษาแนะนำความรู้ทางวิชาการ ตลอดจนสละเวลาอันมีค่ายิ่งเพื่อให้วิทยานิพนธ์ ละคร เพลง เรื่องโทนรัก สำเร็จได้ด้วยดี ขอกราบขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม ที่กรุณาให้ความรู้ คำแนะนำ ตลอดจนสละเวลาอันมีค่ายิ่งในการให้คำปรึกษา ตรวจทาน แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ เพื่อให้วิทยานิพนธ์มี รูปเล่มเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์และขอกราบขอบพระคุณศาสตราจารย์ ดร.ชมนาด กิจขันธ์ ประธาน กรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ดร.ชนัย วรรณะลี และ ดร.สุรัตน์ จงดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสอบวิทยานิพนธ์ที่ กรุณาให้ความรู้ ข้อเสนอแนะและคำแนะนำเพื่อให้วิทยานิพนธ์ฉบับนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ขอกราบขอบพระคุณศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล อาจารย์ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ ที่กรุณาให้ข้อมูลในการจัดทำวิทยานิพนธ์ อาจารย์รัตติยะ วิกสิตพงศ์ (ศิลปินแห่งชาติ) อาจารย์นฤมัย ไตรทองอยู่ อาจารย์สถาพร นิยมทอง อาจารย์เกษม ทองอร่าม และรองศาสตราจารย์ ดร.อนุกูล โรจนสุข สมบูรณ์ที่กรุณาตรวจสอบ ยืนยันข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะในการประชุมกลุ่มย่อย คุณจิรศักดิ์ ก้อนพรหม ผู้บริหารค่ายเพลงเอก ที่ให้ความอนุเคราะห์ศิลปินในสังกัดร่วมแสดง นายเฉลิมรัฐ จุลโลบล ผู้ชนะเลิศ รายการเพลงเอก ครั้งที่ 2 ที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมแสดงนำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ขวัญใจ คงถาวร ที่กรุณาให้คำปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพคุณ สุดประเสริฐ ที่กรุณาบรรจุเพลงประกอบการแสดง ละครเพลง นายนพนรรจ์แย้มบุญมี ที่กรุณาจัดทำและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงประกอบการแสดงละครเพลง คณาจารย์ในภาควิชานาฏศิลป์ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่ให้ความช่วยเหลือในการ ดำเนินการจัดทำวิทยานิพนธ์นางสาวพิมพิกา มหามาตย์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฤดีชนก คชเสนีที่ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ และช่วยเหลือในการจัดทำวิทยานิพนธ์ขอขอบคุณกัลยาณมิตรเพื่อนร่วมรุ่นที่ 1 หลักสูตร ศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่ในการช่วยเหลือในการจัดทำวิทยานิพนธ์ รวมไปถึงขอขอบคุณครอบครัวเชาว์กรรม นายสุคนธศักดิ์ มูลต๋า ที่ช่วยสนับสนุน เป็นกำลังใจ ส่งเสริม ในการจัดทำวิทยานิพนธ์ตลอดมาอย่างสม่ำเสมอและดียิ่ง สุดท้ายนี้ประโยชน์อันพึงมีจากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้วิจัยขอมอบเป็นกุศลบุญแด่คุณสุวัฒน์ วรดิลก (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้สร้างละครเพลงรพีพรให้เป็นแนวทางให้ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาและจัดทำวิทยานิพนธ์ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม
(ฉ) สารบัญ หน้า บทคัดย่อภาษาไทย................................................................................................................................ (ค) .. บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ............................................................................................................................ (ง) กิตติกรรมประกาศ................................................................................................................................ (จ) ... สารบัญ.................................................................................................................................................... (ฉ) สารบัญภาพ............................................................................................................................................. (ฌ) สารบัญตาราง.......................................................................................................................................... (ฐ) บทที่ 1 บทนำ.......................................................................................................................................... 1 1. ความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย................................................................................... 1 2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย............................................................................................................ 4 3. คำถามการวิจัย........................................................................................................................... 5 4. ขอบเขตของการวิจัย................................................................................................................... 5 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ.......................................................................................................... 6 6. นิยามศัพท์เฉพาะ........................................................................................................................ 6 บทที่2 การทบทวนวรรณกรรม.............................................................................................................. 7 1. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง................................................................................................ 7...... 1.1 แนวคิดการละคร.................................................................................................................. 8 1.2 แนวคิดละครเพลง................................................................................................................ 8 1.3 ทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์................................................................................................ ............ 10 1.4 แนวคิดเทคนิคพิเศษ............................................................................................................. 11 2. สารัตถะที่เกี่ยวข้อง..................................................................................................................... 12 2.1 ความหมายของละครเพลง................................................................................................ 12.... 2.2 กำเนิดละครเพลงของรพีพร................................................................................................ 13 ..
(ช) สารบัญ (ต่อ) หน้า 2.3 วิวัฒน์ละครเพลงรพีพร................................................................................................1......... 6 2.4 รูปแบบและองค์ประกอบละครเพลงของรพีพร................................................................ 26..... 2.5 ศิลปะการแสดง .................................................................................................................... 51 3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง....................................................................................................................... 55 4. กรอบแนวคิดการวิจัย.................................................................................................................. 58 บทที่3 วิธีดำเนินการวิจัย....................................................................................................................... 59 1. กลุ่มบุคคลให้ข้อมูล...................................................................................................................... 59 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย.............................................................................................................. 63 3. แผนการดำเนินการวิจัย............................................................................................................... 66 4. การเก็บรวบรวมและการจัดกระทำข้อมูล.................................................................................... 67 5. การนำเสนอข้อมูลละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................... 96 6. การตรวจสอบข้อมูล.................................................................................................................... 103 7. การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล............................................................................................... 103 8. การนำเสนอข้อมูล....................................................................................................................... 104 บทที่4 ผลการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................. 105 1. การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก........................................................................................ 106 1.1 แนวคิดการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก.............................................................................. 106 1.2 รูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก.............................................................................. 109 1.3 องค์ประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 114..... 1.4 ขั้นตอนการผลิตและบันทึกวีดิทัศน์....................................................................................... 228 2. การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 233 . 2.1 การนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก..................................................................................... 233 2.2 ปัญหาที่พบและปนวทางในการแก้ไข.................................................................................... 237 2.3 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก....................... 240
(ซ) สารบัญ (ต่อ) หน้า 3. องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................... 258 3.1 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อตนเอง................................................................ 258 ... 3.2 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพ........................................................ 263 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ........................................................................................ 266 1. สรุปผล................................................................................................................................ 266........ 2. อภิปรายผล................................................................................................................................ 280 . 3. ข้อเสนอแนะ............................................................................................................................... 282 3.1 ข้อเสนอแนะในการนำงานวิจัยไปใช้.................................................................................... 282 3.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป........................................................................................ 282 บรรณานุกรม................................................................................................................................283 ........... บุคลานุกรม.............................................................................................................................................. 290 ภาคผนวก................................................................................................................................................ 291 ภาคผนวก ก การสัมภาษณ์ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัย................................................................ 292 . ภาคผนวก ข ผลการตรวจสอบหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) แบบประเมินคุณภาพผลงานละครเพลง เรื่องโทนรัก................................29......... 5 ภาคผนวก ค การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ละครเพลง เรื่องโทนรัก.......................... 306 ภาคผนวก ง การฝึกซ้อมและการบันทึกวีดิทัศน์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 308 . ภาคผนวก จ การนำเสนอผลงานละครเพลง เรื่องโทนรัก....................................................... 311 ภาคผนวก ฉ สูจิบัตรละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................31.......... 8 ภาคผนวก ช โน้ตเพลง ประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก บันทึกโน้ตโดย นายวิรัตน์ คำเนตร................................................................ 320 ... ภาคผนวก ซ หนังสือขอความอนุเคราะห์ศิลปิน ค่ายเพลงเอก นายเฉลิมรัฐ จุลโลบล (แบงค์) ผู้ชนะเลิศรายการเพลงครั้งที่ 2........................ 325 ประวัติผู้วิจัย............................................................................................................................................ 327
(ฌ) สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1 กำเนิดละครเพลงของรพีพร..................................................................................................................... 15 2 นายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล ต้อนรับคณะศิลปินไทย................................................................ 19 ............... 3 คณะศิลปินไทย หน้าหอรับแขกเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน................................19................... 4 แผนผังชั้นที่ 1 โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย............................................................................................ 20 5 ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย................................................................................................ 21 ...... 6 รูปแบบการแสดงละครเพลงของรพีพร................................................................................................ 27 ..... 7 ลักษณะตัวละครของรพีพร....................................................................................................................... 40 8 โน้ตเพลงนิมิตสวรรค์................................................................................................................................ 43 9 โน้ตเพลงท่าฉลอม................................................................................................................................ 44 .... 10 เครื่องแต่งกายประกอบการแสดงละครเพลง เรื่อง สวรรค์มืด................................................................ 47 .. 11 ศกุนตลา ปีพุทธศักราช 2536................................................................................................48.................. 12 ฉากประกอบการแสดงละครเพลง เรื่อง สวรรค์มืด................................................................49................... 13 ฉากประกอบการแสดงละครเพลง เรื่อง สวรรค์มืด................................................................50................... 14 ฉากประกอบการแสดงละครเพลง เรื่อง ศกุนตลา................................................................50.................... 15 กรอบแนวคิดการวิจัย............................................................................................................................... 58 16 สัญลักษณ์ตัวละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 76 ....... 17 โรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ ชั้น 5 คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ สถานที่ในการถ่ายทำและแสดงผลงานละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 86 . 18 ผู้วิจัยการอธิบายแนวคิดและรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................93.................... 19 ผู้วิจัย นักแสดงร่วมอ่านบทละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................94.................. 20 การสร้างความเข้าใจตัวละครรายบุคคล................................................................................................ 94 ... 21 การฝึกซ้อมระหว่างตัวละครพ่อและโทน ................................................................................................ 95 .. 22 การฝึกซ้อมระหว่างตัวละครเอก โทน จิตราและอภิวัฒน์................................................................ 95 ..........
(ญ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 23 การฝึกซ้อมการเต้นประกอบเพลงสู่กรุง................................................................................................ 96 .... 24 แนวคิดของการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก........................................................................................... 109 25 การดำเนินเรื่องของละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................................................. 118 26 การสร้างโครงเรื่องละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................................................... 120 27 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพคุณ สุดประเสริฐ ผู้บรรจุเพลง................................................................ 134 ....... 28 การจัดทำดนตรีเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์................................................................ 136................... 29 การบันทึกเสียงสำหรับการฝึกซ้อมและบันทึกวีดิทัศน์................................................................ 149 .............. 30 การบันทึกเสียงสำหรับการฝึกซ้อมและบันทึกวีดิทัศน์................................................................ 149 .............. 31 นายเฉลิมรัฐ จุลโลบล ผู้ชนะเลิศรายการเพลงเอก ครั้งที่ 2................................................................ 166 ...... 32 โครงสร้างการแสดงลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 168 ............... 33 ประกาศโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉบับที่ 10 เรื่องการแต่งกายของ ประชาชนชาวไทย................................................................................................................................ 181 .... 34 นโยบายทางสังคมและวัฒนธรรมของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ................................................................ 182 . 35 ป้ายโฆษณาในวัฒนธรรมใหม่ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ................................................................ 182 ..... 36 การแต่งกายของสตรีสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ................................................................ 183.................. 37 แนวคิดเครื่องแต่งกายนักแสดงหญิง ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 184 ... 38 แนวคิดเครื่องแต่งกายนักแสดงชาย ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 184 .... 39 แนวคิดการออกแบบแต่งกายประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 188.................. 40 การแต่งหน้าของผู้หญิงในทศวรรษที่ 1940.............................................................................................. 200 41 การแต่งหน้าของผู้หญิงในทศวรรษที่ 1950.............................................................................................. 201 42 การออกแบบร่างการแต่งหน้าและทรงผมในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 204 ......... 43 การแบ่งพื้นที่บนเวที................................................................................................................................ 211 . 44 แอปพลิเคชัน SnapEdit .......................................................................................................................... 219 45 แสงที่ใช้ในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................................................ 228
(ฎ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 46 โรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์................................................................ 228................ 47 ตัดเย็บผ้าสีเขียว เพื่อใช้เป็นฉากหลังในบันทึกวีดิทัศน์................................................................ 229 .............. 48 ฉากสีเขียว เพื่อใช้เป็นฉากหลังในการบันทึกวีดิทัศน์................................................................230..................... 49 การจัดเตรียมฉากหลังเพื่อการตัดต่อด้วยเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ................................ 231 ............... 50 การตัดต่อด้วยโปรแกรม ADOBE PREMIERE.......................................................................................... 232 51 การตัดต่อด้วยโปรแกรม ADOBE PREMIERE.......................................................................................... 232 52 จอสำหรับการฉายวีดิทัศน์การแสดงและเก้าอี้สำหรับผู้ชม................................................................ 236 ........ 53 นิทรรศการบริเวณด้านหน้าโรงละครศิลปนาฏดุริยางค์................................................................ 236 ............. 54 ศกุนตลา ปีพุทธศักราช 2536................................................................................................ 237.................. 55 โครงการนักเรียนสาธิตเสริมสมอง สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช................................................................................................ 241 .............. 56 กลุ่มแอปพลิเคชัน ไลน์ (Line) ชื่อ สาธิตเสริมสมอง Family................................................................ 241 .... 57 กลุ่มแอปพลิเคชัน ไลน์ (Line) ชื่อ สาธิตเสริมสมอง Family................................................................ 242 .... 58 ได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล................................................................ 293 ............... 59 ได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล................................................................ 293 ............... 60 ได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากอาจารย์ปกรณ์ พรพิสุทธิ์................................................................ 294 ........ 61 ได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากอาจารย์ปกรณ์ พรพิสุทธิ์................................................................ 294 ........ 62 การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 307 63 การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 307 64 พิธีคำนับครูละครเพลง เรื่องโทนรัก อาจารย์ไพฑูรย์ เข้มแข็ง (ศิลปินแห่งชาติ) ผู้ประกอบพิธี รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (ศิลปินแห่งชาติ) ประธานในพิธี................................ 309 .............
(ฏ) สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 65 คณะทำงานละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 309 ......... 66 การฝึกซ้อมละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 310 .......... 67 การฝึกซ้อมละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 310 .......... 68 การบันทึกวีดิทัศน์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 311 69 การบันทึกวีดิทัศน์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 311 70 นายเฉลิมรัฐ จุลโลบล ผู้ชนะเลิศรายการเพลงเอก ครั้งที่ 2 รับบทโทน อาจารย์ศุภวัฒน์หงสา ผู้ประพันธ์บทละคร นายณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม ผู้วิจัย ................................................................................................ 312 ............ 71 นักแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 311 .............. 72 รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กล่าว รายงานวัตถุประสงค์การนำเสนอผลงาน................................................................................................ 314 ..รายง73 นายณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม (ผู้วิจัย) นำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่อง โทนรัก................................................................................................................................31..................... 4 74 การนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 315 ....... 75 การนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 315 ....... 76 ศาสตราจารย์ ดร.ชมนาด กิจขันธ์ ประธานกรรมการ กล่าวให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ ผลงานสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 316 เกี่ยว77 รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ (ศิลปินแห่งชาติ) อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม วิทยานิพนธ์กล่าวให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก... 316 78 อาจารย์ ดร.ชนัย วรรณะลี กรรมการ กล่าวให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ ละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................................................................................ 317 79 อาจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา กรรมการกล่าวให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ ละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................................................................................ 317 80 สูจิบัตรและบทละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 319 ....
(ฐ) สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 แนวคิดในการนำเสนอการแสดงละครเพลงของพรีพร................................................................ 29 .............. 2 แผนการดำเนินการวิจัย........................................................................................................................... 66 3 แนวคิดและข้อคิดที่ปรากฏในการแสดงละครเพลงของรพีพร................................................................ 71 ... 4 การกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 73 ............... 5 แนวความคิด (Story Board) ของละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 77 ....... 6 หน้าที่ความรับผิดชอบของคณะทำงานการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 81 ......... 7 การฝึกซ้อมละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 88 .......... 8 ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group)................................ 97 . 9 การปรับปรุงข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ทรงคุณวุฒิในการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ................................................................................................................................ 100 ..... 10 การแปลค่าแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อการแสดงละคร เพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................................................ 102 .... 11 การแปลค่าระดับความพึงพอใจแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มี ต่อการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 102 ........ 12 การกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 111 ............... 13 การดำเนินเรื่องราวของละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 114....................... 14 เปรียบเทียบการปรับเพลงร้องในบทละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 120 .... 15 การจัดเตรียมบทเพื่อการบันทึกวีดิทัศน์ละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................... 127 16 การกำหนดเครื่องดนตรีในการสร้างสรรค์ดนตรีประกอบการแสดง................................128 .......................... 17 การจำแนกเพลงและนักแสดงในการบันทึกเสียงร้อง................................................................ 144 ................ 18 เพลงฉบับสมบูรณ์ที่ใช้ประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก............................................................ 151 19 ตัวละครในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก........................................................................................... 153
(ฑ) สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 20 นักแสดงประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ครั้งที่ 1................................................................ 155 .... 21 นักแสดงประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ครั้งที่ 2................................................................ 160 .... 22 การออกแบบลีลาประกอบรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................ 170....................... 23 สีเครื่องแต่งกายของตัวละคร ในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก........................................................... 186 24 เครื่องแต่งกายประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ฉบับสมบูรณ์................................ 189 ................... 25 กำหนดรูปแบบการแต่งหน้าและทรงผมของตัวละครในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก.............................................................................................................................................. 202 26 การแต่งหน้าและทรงผมของตัวละครในละครเพลง เรื่องโทนรัก.............................................................. 205 27 อุปกรณ์ประกอบการแสดง ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 209 ................. 28 การใช้พื้นที่บนเวทีในการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 212 ............ 29 กระบวนการปรับโทนสีภาพในแอปพลิเคชัน SnapEdit................................................................ 220 ........... 30 ฉากประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................222........................ 31 การใช้เทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ในการตัดต่อฉากประกอบการแสดงละคร เพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................................................ 231 .... 32 การประชาสัมพันธ์ละครเพลง เรื่องโทนรัก.............................................................................................. 233 33 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข................................................................................................ 238 ....... 34 การแปลค่าแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อการแสดงละคร เพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................................................ 242 .... 35 การแปลค่าระดับความพึงพอใจแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มี ต่อการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................................................ 243 ........ 36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก................................................................ 245 ........... 37 ตารางแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชม................................................................ 257 .................
บทที่ 1 บทนำ 1. ความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัย เพลงมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน มีการขับร้องเพลงในรูปแบบของเพลงกล่อมเด็ก ที่ใช้ในการกล่อมลูก เพลงพื้นบ้านของแต่ละภูมิภาคที่ใช้ในการร้องเล่นกันในกลุ่มครอบครัวและสังคม เพลงสรรเสริญเทพเจ้าเพื่อการประกอบพิธีตามความเชื่อรวมไปถึงเพลงประกอบนาฏกรรม เพลงเป็น ตัวแทนของการสื่อสารในทางสังคมสะท้อนความเชื่อทางศาสนา กระตุ้นการตอบสนองการทำสงคราม การทำงาน ควบคุมสังคมให้มีระเบียบแบบแผน ตลอดจนรักษาและสืบทอดความมั่นคงทางวัฒนธรรม (ปรานี วงษ์เทศ, 2523, น. 12) ภายหลังเพลงได้มีการพัฒนารูปแบบเพื่อธุรกิจหรือเชิงพาณิชย์ ที่สามารถสร้างรายได้จากการร้องเพลง เช่น เพลงลูกทุ่ง เพลงไทยสากล เพลงเพื่อชีวิต และเพลงลูกกรุง นอกจากเพลงมีหน้าที่รับใช้มนุษย์ในแง่ของจิตใจและสังคมแล้ว เพลงยังทำหน้าที่รับใช้มนุษย์ในแง่ของ เศรษฐกิจและการเมือง (ศมกมล ลิมปิชัย, 2532, น. 3) ทำให้รูปแบบของเพลงมีวิวัฒนาการจนเข้าสู่ รูปแบบที่ผสมผสานศิลปะการแสดงแขนงต่าง ๆ จนเกิดเป็นรูปแบบละครเพลง ละครเพลง เป็นศิลปะการแสดงที่ใช้เสียงเพลงหรือดนตรีในการเล่าเรื่องราวหรือดำเนิน เรื่องราวที่เกิดขึ้น บางครั้งเป็นดนตรีผสมผสานเข้ากับฉาก ซึ่งนักแสดงมีการร้องสดกับดนตรีและมีการเต้น กับบทเพลงเป็นฉาก ๆ (Thomas Schumacher & Jeff Kurtti, 2007, อ้างถึงใน วรภพ เจริญมโนพร, 2561, น. 55) จากลักษณะเฉพาะของรูปแบบละครเพลงปรากฏให้เห็นว่ามีการผสมผสานทักษะการร้อง ทักษะการเต้น และทักษะการแสดงเข้าด้วยกัน จนทำให้การแสดงละครเพลงเป็นศิลปะการแสดงที่มี ความหลากหลายและมีรูปแบบการแสดงที่น่าสนใจ “ละครเพลง” หรือ “Musical play” ในเวทีสมัยใหม่ของตะวันตกโดยเฉพาะแนวอเมริกัน ที่ผสมผสานเพลงสากล ดนตรี ละครพูด และนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นละครมหาชนนิยม พัฒนาขึ้นในประเทศ สหรัฐอเมริกาและแพร่หลายไปในยุโรปและเอเชีย การแสดงคือการขับร้องเพลงเป็นหลัก มีดนตรี ประกอบทุกอารมณ์และสร้างบรรยากาศตลอดเรื่องคล้ายเมโลดราม่า (Melodrama) ละครเพลง พัฒนามาจากการแสดงวิพิธทัศนา (Vaudeville) และระบำเพลง (Extravaganza) ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ใช้เพลงสมัยใหม่ที่มหาชนนิยม (Popular music) บทพูดไม่มาก จะสลับระบำตลอดเรื่องการแสดง
2 แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ การขับร้อง (Singing) การแสดงละคร (Acting) และนาฏศิลป์ (Dancing) (มัทนี รัตนิน, 2546, น. 29) ละครเพลงได้พัฒนาแพร่หลายไปทั่วโลก จนกลายเป็นอุตสาหกรรม ประเภทหนึ่งที่มีชื่อเสียง เช่น เวสต์เอนด์ (West End) กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และบรอดเวย์ (Broadway) กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ไทยได้รับอิทธิพลละครเพลงดังกล่าวมาด้วย ละครเพลงของไทยถือกำเนิดขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2474 โดยคณะละครของเอกชน ชื่อว่า คณะจันทโรภาส เป็นละครของนายจวงจันทน์ จันทร์คณา (พรานบูรพ์) ซึ่งการแสดงช่วงแรกเรียกว่า ละครร้อง เนื่องจากใช้เพลงไทยเดิมประเภทสองชั้นและเพลงตัดประกอบการแสดงละครร้อง แบบปรีดาลัย ต่อมาพรานบูรพ์ได้นำเพลงไทยเดิมที่มีการเอื้อนทำนองมาใส่เนื้อเต็มและดัดแปลง เพลงไทยเดิมบางเพลงให้มีลักษณะเป็นแนวเพลงสากล และนำเพลงไทยสากลที่มีทำนองสากลมาใส่ เนื้อร้องภาษาไทยและเพลงไทยสากลที่พรานบูรพ์แต่งขึ้นใหม่มาประกอบการแสดง (กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์, 2535, น. 192) ต่อมาในปีพุทธศักราช 2496 ได้เกิดละครเพลงของรพีพรหรือ สุวัฒน์ วรดิลก ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2534 สาขาวรรณศิลป์ โดยละครเพลงของรพีพร ได้แรงบันดาลใจจากการชมการแสดงละครร้องของพรานบูรพ์ ทำให้เกิดแนวคิดในการสร้างละคร เพลงประกอบการร้องเพลงในการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 206) จากแรงบันดาลใจดังกล่าวทำให้เกิดเป็นละครเพลงของรพีพร ละครเพลงของรพีพรมีรูปแบบการแสดงที่ใช้ผู้แสดงเพศชายและหญิง ตัดตัวตลกที่ติดตาม พระเอกออก ปรับเนื้อเรื่องตามยุคสมัยโดยการนำเสนอเรื่องราวที่สร้างมาจากจินตนาการ ตำนาน พงศาวดารเรื่องราวชีวิต บทพระราชนิพนธ์ และภาพยนตร์ต่างชาติ สอดแทรกแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์ ธรรมชาติ การเมือง ตลอดจนทัศนคติทางสังคม ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงสลับการพูดด้วยคำ ประพันธ์ที่มีความหลากหลาย บรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีสากลและเพลงไทยสากล ใช้ฉากที่มีความสมจริง ละครเพลงรพีพรที่ได้รับความนิยมมีด้วยกันอยู่หลายเรื่อง เช่น สวรรค์มืด นิมิตสวรรค์ เป็นต้น ทั้งนี้ เรื่องราวที่นำมาสร้างเป็นละครเพลงของรพีพรจะเป็นเรื่องราวที่คุ้นเคยหรือเป็นวรรณกรรม ภายหลัง ละครเพลงของรพีพรค่อย ๆ ลดความนิยมไปตามยุคสมัย ละครเพลงเป็นศิลปะการแสดงที่รวมศาสตร์แขนงต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและ สามารถแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการจากอดีตถึงปัจจุบันได้อย่างชัดเจน มีพัฒนาการสำคัญอย่างเห็นได้ ชัดด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับการแสดงและดำเนินเรื่อง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความตระการตา น่าสนใจ ตื่นเต้นและสร้างความประทับใจในการชม หน่วยงานเอกชนนำละครเพลงมาสร้างเป็นธุรกิจ บันเทิงสร้างรายได้จนกลายเป็นสื่อบันเทิงแขนงหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในฐานะพาณิชย์ศิลป์
3 (Commercial Arts) (มรกต เหรียญทอง, 2554, น. 21) ดังปรากฏตามสื่อช่องทางต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าละครเพลงยังปรากฏในรูปแบบการศึกษาของการแสดงโครงการ กิจกรรมหรือผลงานของ นักศึกษาในสถานศึกษาต่าง ๆ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าละครเพลงเป็นศิลปะการแสดงที่สามารถเข้าถึงได้กับ คนทุกช่วงวัย มีความเหมาะสมที่สามารถเป็นสื่อกลางสะท้อนวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยนั้น ๆ อีกทั้งยัง สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมหรือพัฒนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยมิติทางศิลปวัฒนธรรม การส่งเสริมและพัฒนาศิลปวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ด้วยวิธีการสอดแทรกเรื่องราวหรือ เนื้อหาสำคัญได้เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต ดังในปีพุทธศักราช 2475 ซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง การปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย การจัดการงานนาฏศิลป์ท่ามกลาง วิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจ โดยการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ สืบสานรูปแบบเดิม (จินตนา สายทองคำ, 2558, น. 91) ซึ่งรำโทนนับเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ให้มีการเล่นรำโทนเพื่อใช้เพลงโทนเป็นสื่อให้ประชาชน ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย และให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ร่วมเล่นรำโทนกับชาวบ้าน จึงมีเพลงรำโทนเป็นสื่อเชิญชวนให้ปฏิบัติ ตามนโยบายรัฐนิยมแพร่หลายและร้องเล่นผสมผสานกับเพลงรำโทนของชาวบ้านในท้องถิ่น เช่น เพลงไตรรงค์ธงไทย เพลงแปดนาฬิกา เพลงชาติศาสนา เพลงเชื่อผู้นำของชาติ เพลงเราสนับสนุน ป. พิบูลสงคราม และเพลงสาวน้อยเอวกลม เป็นต้น (อมรา กล่ำเจริญ, 2553, น. 173 - 174) จะเห็นได้ว่าการสื่อสารผ่านบทเพลงในศิลปะการแสดงรำโทนนับว่าเป็นเครื่องมือทางวัฒนธรรมที่เป็น ส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้คนในชาติเกิดการตระหนักรู้ในศิลปวัฒนธรรมและการรักชาติ รำโทน ถือเป็นศิลปวัฒนธรรมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นแขนงหนึ่งของชาติ เป็นการละเล่น พื้นบ้านที่เล่นกันทั่วไปในท้องถิ่นเกือบทุกจังหวัดในภาคกลาง มีชื่อเรียกต่างกันไปบ้าง เช่น เรียกว่า รำโจ๋ง รำวงประกอบบท รำมะนา เป็นต้น นิยมเล่นในยามค่ำคืนที่ว่างเว้นจากการทำงานหรือ เล่นในงานเทศกาลต่าง ๆ บทเพลงของรำโทนจะเป็นเพลงร้องสั้น ๆ และจดจำง่าย ที่เรียกว่า รำโทน เพราะใช้โทนตีประกอบจังหวะเป็นหลัก และมีฉิ่ง กรับ ประกอบในการเล่น บทเพลงจะเป็น เพลงเกี้ยวพาราสีเป็นส่วนใหญ่ (อมรา กล่ำเจริญ, 2553, น. 173) ศิลปะการแสดงรำโทนนับว่าเป็น กิจกรรมที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในอดีต ประชาชนนำไปปฏิบัติอย่างแพร่หลายก่อให้เกิดความนิยม กันในกลุ่มของคนทุกรุ่นทุกวัย ศิลปวัฒนธรรมเป็นปัจจัยหนึ่งในการพัฒนาประเทศ เนื่องจากศิลปวัฒนธรรมเป็น ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนบ่งบอกอัตลักษณ์ผ่าน ความทรงจำร่วมกันของสังคมด้วยความเข้าใจตัวตนและเชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกันทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต (อรรถจักร สัตยานุรักษ์, 2548, น. 8) การบูรณาการระหว่างยุคสมัยที่ว่าด้วยเรื่องของ
4 เทคโนโลยีและวิถีชีวิตให้สอดคล้องสามารถดำเนินควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยสร้างรายได้ แก่ชุมชนและประเทศเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด ของกระทรวงวัฒนธรรมล้วนมีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสามารถเชื่อมโยง การทำงานและสร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งทั่วประเทศ (อิทธิพล คุณปลื้ม, 2564, ออนไลน์) ปัจจุบันการสร้างสรรค์งานด้านศิลปวัฒนธรรมได้มีบทบาทสำคัญทั้งเชิงมหภาคและจุลภาค การสร้างสรรค์สามารถเชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม การสั่งสมปัญญาของสังคมไทย ผนวกเข้า กับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมสมัยใหม่นำเข้าสู่กระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจ จากรากวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเพื่อสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและอาจขยายไปถึงการสร้างคุณค่าทางสังคม (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2552, ออนไลน์) ดังนั้นการนำอัตลักษณ์ ที่โดดเด่นของศิลปวัฒนธรรมไทยเข้ามาผสมผสานเพื่อก่อให้เกิดรูปแบบการแสดงที่มีความน่าสนใจ โดยทำให้คนทุกวัยสามารถชมการแสดงได้จากการสร้างสรรค์การแสดงละครครั้งนี้ จากข้อมูลและความสำคัญดังกล่าวผู้วิจัยเกิดแรงบันดาลใจจากละครเพลงของรพีพรที่ได้รับ ความนิยมเมื่อครั้งอดีตโดยเป็นละครเพลงที่นำเสนอความบันเทิง สุนทรียะรวมทั้งการสอดแทรกข้อคิด ต่าง ๆ สู่แนวคิดการสร้างสรรค์ละครเพลงโดยมีรูปแบบการแสดง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” และ องค์ประกอบการแสดงที่ผสมผสานศิลปะการแสดงแขนงต่าง ๆ ประกอบด้วย นาฏศิลป์ไทย และ การเคลื่อนไหวร่างกายแบบนาฏศิลป์ตะวันตก ผ่านการดำเนินเรื่องราวของตัวละครและสถานที่ต่าง ๆ ตลอดจนวิทยาการเทคนิคด้านการบันทึกและการตัดต่อวีดิทัศน์มาใช้ในการแสดงเพื่อก่อให้เกิด ความบันเทิง และเพื่อให้การสร้างสรรค์ละครเพลงครั้งนี้เป็นแนวทางการสร้างสรรค์ทางการแสดง นาฏศิลป์ที่มุ่งเน้นประโยชน์ทั้งด้านความงามทางสุนทรียะ เป็นการอนุรักษ์ ต่อยอดวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาสังคมและพัฒนาคนในชาติให้เกิดความรัก ตระหนักรู้และภาคภูมิใจในความเป็นไทย 2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2.1 เพื่อสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก 2.2 เพื่อประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก
5 3. คําถามของการวิจัย ละครเพลง เรื่อง โทนรัก มีประเด็นคำถาม ดังนี้ 3.1 ละครเพลง เรื่องโทนรัก ก่อให้เกิดสุนทรียะทางการแสดงหรือไม่ 3.2ละครเพลง เรื่องโทนรัก ก่อให้เกิดการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านจริงหรือไม่ 3.3 ละครเพลง เรื่องโทนรัก ก่อให้เกิดการตระหนักรู้ในการรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผ่านนิยามคำว่า “อย่าลืมราก ความเป็นเรา” จริงหรือไม่ 4. ขอบเขตของการวิจัย ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีขอบเขตของการวิจัย ประกอบด้วย 4.1 ด้านเนื้อหา 4.1.1 เนื้อหาของแนวคิด รูปแบบและองค์ประกอบการแสดงของละครเพลงรพีพรของ นายสุวัฒน์ วรดิลก ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปีพุทธศักราช 2534 จำนวน 11 เรื่อง เท่านั้น 4.1.2 เนื้อหาบทละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยมีรูปแบบการแสดง ร้อง เล่น เต้น ระบำ ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงไทยสากล เพลงไทยเดิม เพลงรำโทนและเพลงไทยสากลผสมแนวเพลงลูกทุ่ง นอกจากนี้กำหนดใช้บุรุษที่ 1 ในการเล่าเรื่อง (Narrator) ละครเกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2480 - 2490 โดยนำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่มีปมปัญหา ความขัดแย้งและการคลี่คลายของละคร เพื่อแสดงให้เห็น ถึงแก่นเรื่องการเห็นคุณค่าในตนเอง คุณค่าของเอกลักษณ์ไทย ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจของคนในชาติ และการตระหนักรู้ในการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน เนื้อเรื่องนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้น ของคณะรำโทนเทวาในจังหวัดลพบุรี การเดินทางของตัวละครเข้าสู่เมืองกรุง แต่งกายตามนโยบายรัฐนิยม และนำเสนอให้เห็นถึงพัฒนาการของรำโทนสู่รำวงมาตรฐาน ทั้งนี้แนวคิด รูปแบบและองค์ประกอบ การแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก นำเสนอเนื้อหาที่ร้อยเรียงเหตุการณ์ตามยุคสมัยอย่างมีเอกภาพ 4.2 ด้านเวลา 4.2.1 ละครเพลง เรื่องโทนรัก กำหนดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2480 - 2490 4.2.2 การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ใช้ระยะเวลาในการสร้างสรรค์ 1 ปี 4.2.3 ละครเพลง เรื่องโทนรัก ใช้ระยะเวลาในการแสดงเป็นเวลา 45 - 60 นาที 4.3 ด้านสถานที่ 4.3.1 ละครเพลง เรื่องโทนรักใช้สถานที่ในการดำเนินการสร้างสรรค์ ณ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
6 4.3.2 ละครเพลง เรื่องโทนรัก ใช้สถานที่ในการดำเนินแสดง ณ โรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 4.4 ด้านรูปแบบการนำเสนอผลงาน การนำเสนอผลงานละครเพลง เรื่องโทนรัก มีขอบเขตในการแสดง 45 - 60 นาที ด้วยรูปแบบการบันทึกวีดิทัศน์ และนำเสนอด้วยการฉายวีดิทัศน์บนจอภาพ ประกอบด้วย 5 ฉาก คือ ฉากที่ 1 รากรำโทน : กล่าวถึงภูมิหลังของตัวละคร ซึ่งมีเหตุการณ์ที่ส่งผลให้เกิด เป็นปมสู่การขัดแย้ง ฉากที่ 2 ต้องมนต์รัก : การเดินทางของตัวละครที่สอดแทรกสถานที่ท่องเที่ยว รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ชั้นในและชั้นนอก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจน การพบรักกันของคู่พระนาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรัก ฉากที่ 3 พิทักษ์ศิลป์ : การเดินทางเพื่อเชิดชูศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทนให้เป็น ที่ประจักษ์สู่ชาวกรุง ฉากที่ 4 คืนถิ่นโทน : การกลับมาพบกันของตัวละคร หลังจากการพลัดพราก ฉากที่ 5 โชนวัฒนธรรม : ความขัดแย้งและการคลี่คลายปม จบลงด้วยความสมหวัง ภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นการสื่อถึงจุดเริ่มต้นของรำวงมาตรฐาน ที่พัฒนามาจากรำโทน 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5.1 ก่อให้เกิดองค์ความรู้ด้านทักษะการบริหารจัดการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ทุกองค์ประกอบ 5.2 ได้องค์ความรู้ด้านวิธีการพัฒนารูปแบบการแสดงละครเพลงรพีพรสู่ละครเพลง เรื่องโทนรัก 5.3 ได้องค์ความรู้ด้านกระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลงอย่างเป็นระบบ 5.4 ก่อให้เกิดการตระหนักรู้ในการส่งเสริม อนุรักษ์ ต่อยอดศิลปวัฒนธรรมไทย 6. นิยามศัพท์เฉพาะ ละครเพลง เรื่อง โทนรัก หมายถึง ละครที่มีรูปแบบการแสดงด้วยการร้อง เล่น เต้น ระบำ ดำเนินเรื่องด้วยการร้องสลับการพูดและเจรจา ใช้ดนตรีไทยและดนตรีสากล ใช้ลีลานาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์ร่วมสมัยและท่าทางในชีวิตประจำวัน ตัดต่อฉากประกอบการแสดงด้วยเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) และบันทึกวีดิทัศน์การแสดงเผยแพร่สู่สาธารณชน
บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรม ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัยซึ ่งปรากฏในบทที ่ 1 โดยกล่าวถึงส่วนสำคัญในการวิจัยให้มีเนื้อหาสาระที่ครอบคลุมกับความเป็นมาของละครเพลงรพีพร อันเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะการแสดงที่เป็นการรวบรวมศาสตร์ศิลป์หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน โดยในบทนี้ เป็นการค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการจากแหล่งข้อมูลต ่าง ๆ โดยนำมาวิเคราะห์และเรียบเรียงข้อมูล นำไปสู่กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 1. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 1.1 แนวคิดการละคร 1.2 แนวคิดละครเพลง 1.3 ทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ 1.4 แนวคิดเทคนิคพิเศษ 2. สารัตถะที่เกี่ยวข้อง 2.1 ความหมายของละครเพลง 2.2 กำเนิดละครเพลงของรพีพร 2.3 วิวัฒน์ละครเพลงของรพีพร 2.4 รูปแบบและองค์ประกอบละครเพลงของรพีพร 2.5 ศิลปะการแสดง 3. งานวิจัยเกี่ยวข้อง 4. กรอบแนวคิดการวิจัย 1. แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นมา พัฒนาการที่สำคัญตลอดจนรูปแบบและ องค์ประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพร ในส ่วนนี้ผู้วิจัยได้ทำการค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎีและ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาวิเคราะห์สรุปข้อมูล นำสู่กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ในลำดับต่อไป ซึ่งผู้วิจัยขอกล่าวถึงแนวคิดและทฤษฎี ดังต่อไปนี้
8 1.1 แนวคิดการละคร การสร้างสรรค์ในครั้งนี้เป็นการสร้างสรรค์การแสดงเกี่ยวกับละครเพลง มีความจำเป็น อย ่างยิ ่งที ่ต้องทำการศึกษาแนวคิดการละคร ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาค้นคว้าแนวคิดการละครของ นักวิชาการหลายท่าน พบว่า สดใส พันธุมโกมล (2542) กล ่าวว ่า “การแสดงละครเป็นศิลปะที ่เก ่าแก ่ที ่สุด อย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นจากการเลียนแบบชีวิตเพื่อแสดงออกถึงเรื่องราวความรู้สึกนึกคิดของ มนุษย์และแสวงความเข้าใจชีวิตที่พึงได้รับจากการชมละครที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นนั้น” มัทนี รัตนิน (2543) ได้นิยามคำว่า “ละคร หมายถึง การแสดงออกด้วยภาษาและ ท่าทางของมนุษย์เพื่อสื่อสารเรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึกและความคิดโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความบันเทิง เพิ่มพูนปัญญาและชำระล้างจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ (Catharsis) กล่าวโดยสรุปละคร คือ ศิลปะการแสดงท่าทางที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นจากการเลียนแบบ ชีวิต สื่อถึงความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ของเรื่องราวที่นำเสนอ โดยมีจุดหมายหลักคือเพื่อความบันเทิง และสอดแทรกข้อคิดสำคัญให้ผู้ชมเกิดการตระหนัก 1.2 แนวคิดละครเพลง มัทนี รัตนิน ได้แสดงทรรศนะเกี่ยวกับ ละครเพลงไว้ว่า “...“ละครเพลง” หรือ “Musical play” ในเวทีสมัยใหม ่ของตะวันตก โดยเฉพาะแนวอเมริกันที ่ผสมผสานเพลงสากล ดนตรี ละครพูด และนาฎศิลป์ ซึ ่งเป็นละครมหาชนนิยม พัฒนาขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและแพร ่หลาย ไปในยุโรปและเอเชีย การแสดง คือ การขับร้องเพลงเป็นหลัก มีดนตรีประกอบ ทุกอารมณ์และสร้างบรรยากาศตลอดเรื ่องคล้ายเมโลดราม ่า (Melodrama) ละครเพลงพัฒนามาจากการแสดงวิพิธทัศนา (Vaudeville) และระบำเพลง (Extravaganza) ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต ่ใช้เพลงสมัยใหม ่ที ่มหาชนนิยม (Popular music) บทพูดไม ่มาก จะสลับระบำตลอดเรื ่อง การแสดงแบ ่งเป็น 3 ส ่วนคือ การขับร้อง (Singing) การแสดงละคร (Acting) และนาฎศิลป์ (Dancing)…” (มัทนี รัตนิน, 2546, น. 29)
9 สทาศัย พงศ์หิรัญ ได้แสดงทรรศนะเกี ่ยวกับละครเพลง ในวิทยานิพนธ์ เรื ่อง การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องศิลปินผู้บุกเบิกนาฏยศิลป์ร่วมสมัยในประเทศไทย ไว้ตอนหนึ่ง ความว่า “...ละครเพลงในประเทศไทยเป็นศิลปะที ่เสร็จง ่ายที ่สุดคนในปัจจุบัน ไม่ชอบดูละครพูดเพราะมีความไม่จริง คือ งานละครแนวมหากาพย์ที่มีลักษณะ ของการเล่าเรื่องต่อหน้าผู้ชม เพราะ หากเป็นละครสมจริงก็จะมีการดำเนินเรื่อง ไปให้คนดูตามเหตุการณ์แต่ในละครเพลงนั้นจะมีลักษณะของการเล่น เล่นอยู่แล้ว ก็ร้องเพลง ซึ่งในชีวิตจริงไม่มีใครร้องเพลงมาแล้วคุยกันหรือมีการเต้นกันแล้วไป กินข้าวเพราะฉะนั้นความไม่จริงทำให้ผู้ชมถอยห่างและเมื่อผู้ชมถอยห่างทำให้ เกิดความเพลิดเพลินผู้ชมมักคิดว ่าละครก็คือละครไม ่ใช ่ชีวิตจริงทำให้ละคร ประเภทนี้จึงมีเสน่ห์ที่ทำให้อยู่ได้...ละครเพลงเป็นละครที่ไม ่เก ่าที ่จะนำมาเล่า หรือไม ่เก ่าที ่จะเอารูปแบบงานมานำเสนองานเป็นศาสตร์ที ่รวมทุกศาสตร์ เข้าด้วยกันทั้งเต้นทั้งละครทั้งร้องทั้งทัศนศิลป์เป็นศาสตร์ที่รวมทุกอย่าง...” (ฐาปนีย์ สังสิทธิวงศ์ อ้างถึงใน สทาศัย พงศ์หิรัญ, 2558, น. 75) รพีพร ปทุมอานนท์ ได้แสดงทรรศนะเกี ่ยวกับละครเพลง ในวิทยานิพนธ์ เรื ่อง การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องศิลปินผู้บุกเบิกนาฏยศิลป์ร่วมสมัยในประเทศไทย ไว้ ตอนหนึ่ง ความว่า “...ละครเพลงเป็นการนำเอาความคิดเรื่องราวของสารมาสอดประสานกัน เป็นเพลงร้องโดยนักแสดง และการดำเนินเรื ่องไปกับฉาก ไฟ เสื้อผ้าการแสดง การเต้นและการตีความทุกอย่างเข้าด้วยกัน โดยไม่เน้นแบบแผนสามารถดัดแปลง สอดแทรกสิ่งใหม่ ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นฉากที่ทำขึ้นหรือการผสมผสานของเทคนิค ไฟฟ้าสมัยใหม่ ดนตรีและบทเพลงในย ุคของร ่วมสมัยไม ่มีการจำกัดทาง เครื่องดนตรีว่าจะต้องใช้ดนตรีชนิดใดเพียงแต่ผู้ประพันธ์เป็นผู้กำหนด บทเพลงนั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ไม่ใช้เครื่องดนตรีจนกระทั่งสามารถมีเครื่องดนตรีเป็น ร้อยชิ้นหรือสามารถผสมผสานระหว ่างเครื ่องดนตรีตะวันตกและตะวันออก เข้าด้วยกัน...” (ฐาปนีย์ สังสิทธิวงศ์ อ้างถึงใน รพีพร ปทุมอานนท์, 2558, น. 75)
10 ดังนั้นจึงสามารถสรุปแนวคิดดังกล ่าวได้ว ่า ละครเพลง หมายถึง ละครร้องรูปแบบหนึ่ง ที่ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงและพูดเป็นหลัก มีบทร้องในลักษณะเพลงไทยสากลแทนการเอื้อน ใช้เครื ่องดนตรีและเพลงไทยสากลแทนเครื ่องดนตรีปี่พาทย์จัดฉากและแต ่งกายตามสมัยนิยม โดยการแสดงละครเพลงแบ ่งเป็น 3 ส ่วนคือ การขับร้อง (Singing) การแสดงละคร (Acting) และ นาฎศิลป์ (Dancing) ซึ ่งแนวคิดนี้ผู้วิจัยจะนำเป็นแนวคิดหลักด้านรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.3 ทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ สุรพล วิรุฬห์รักษ์ให้ความหมาย นาฏยประดิษฐ์(Choreography) ไว้ว่า “...นาฏยประดิษฐ์ คือ หลักการและวิธีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อการฟ้อนรำ การหาข้อมูล แรงบันดาลใจ นวัตกรรมการออกแบบและประกอบสร้างการกำหนด แนวคิดของเนื้อหาและรูปแบบ การพัฒนาการออกแบบท ่าทางการเคลื ่อนไหว แนวทางและการวิเคราะห์ดนตรี ความสัมพันธ์ของการแสดงกับฉาก เครื่องแต่งกาย แสง สีเสียง อุปกรณ์การแสดง การคัดเลือกผู้แสดง การฝึกซ้อม...” นาฏยประดิษฐ์มีการทำงานเป็นขั้นตอนดังนี้ คือ 1. การคิดให้มีนาฏยศิลป์ 2. การกำหนดความคิดหลัก 3. การประมวลข้อมูล 4. การกำหนดขอบเขต 5. การกำหนดรูปแบบ 6. การกำหนดองค์ประกอบอื่น ๆ 7. การออกแบบนาฏยศิลป์ (สุรพล วิรุฬห์รักษ์, 2547, น. 225) แนวคิดนาฏยประดิษฐ์ได้กำหนดขั้นตอนในการสร้างสรรค์ไว้เป็นระบบ 7 ขั้นตอน ผู้วิจัย จึงนำแนวคิดนี้นำสู่การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ซึ่งแต่ละขั้นตอนสามารถจะเป็นการกำหนด ทิศทางภาพรวมของแนวคิด รูปแบบการแสดงและองค์ประกอบการแสดง
11 1.4 แนวคิดเทคนิคพิเศษ แนวคิดสื่อประสม ราชบัณฑิตยสถาน (2542, น. 66) ได้บัญญัติศัพท์คำว่า “Multimedia” เป็นศัพท์ บัญญัติเทคโนโลยีสารสนเทศ ไว้ว ่า 1) สื ่อประสม 2) สื่อหลายแบบ ทั้งนี้ได้มีการอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับสื่อประสมไว้คือ กรมวิชาการ (2544, น. 1 - 2) อธิบายเกี่ยวกับ สื่อประสม (Multimedia) ไว้ว ่า สืบเนื ่องจากในยุคปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เอื้อให้นักออกแบบ สื่อมัลติมีเดียสามารถประยุกต์ สื่อประเภทต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันได้บนระบบคอมพิวเตอร์ ตัวอย่าง สื่อเหล่านี้ได้แก่ เสียง วีดิทัศน์ กราฟิก ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ การนำสื่อเหล่านี้มาใช้ ร ่วมกันอย ่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ สมสิทธิ์ จิตรสถาพร (2547) กล ่าวว ่า สื ่อประสม (Multimedia) หมายถึง การใช้สื่อหลายอย่างประกอบกันอย่างเป็นระบบ ในอดีตใช้สื่อที่หลากหลาย ด้วยกัน แต่ปัจจุบันใช้คอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่นำเสนอสื่อได้หลากหลายเหมือนกับอดีต และกิดานันท์ มลิทอง (2548, น. 191) สื่อประสม (Multimedia) มีความหมายในลักษณะวิธีการที่เรียกว่า วิธีการ สื่อประสม (Multimedia approach) หรือวิธีการใช้สื่อข้ามกัน (Cross - media approach) จากข้อมูลเกี ่ยวกับแนวคิดสื ่อประสม ทำให้ผู้วิจัยพบว ่า เทคโนโลยีสามารถเป็น ส ่วนหนึ ่งในการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื ่องโทนรัก ซึ ่งผู้วิจัยนำแนวคิดใช้ในการออกแบบฉาก ประกอบการแสดง ซึ่งผสมผสานกับแนวคิดเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) แนวคิดเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) คือ การถ่ายวีดิทัศน์โดยใช้ฉากหลังเป็นสีใด สีหนึ่ง และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เจาะหรือตัดสีนั้นออกไปจากวีดิทัศน์ ทำให้ภาพในวีดิทัศน์ส่วนนั้น โปร่งใส สามารถที่จะนำภาพนิ่งหรือวีดิทัศน์อื่น ๆ มาใส่เป็นฉากหลังได้ การบันทึกวีดิทัศน์ด้วยเทคนิค โครมาคีย์ จึงมีประโยชน์ด้านความประหยัดที่ไม ่ต้องสร้างฉากจริง หรือไม ่ต้องเดินทางไปบันทึก วีดิทัศน์ในสถานที่จริง หรือเป็นสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากหรือเข้าถึงไม่ได้ หรือแม้แต่ฉากจำลองที่ทำจาก โปรแกรมสามมิติและแอนนิเมชั ่น ประโยคที ่สรุปประโยชน์ของเทคนิคโครมาคีย์ ได้ดีที ่สุดก็คือ “การสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” (ธันวิน ณ นคร, 2565, ออนไลน์) ผู้วิจัยนำแนวคิดดังกล ่าวเป็นส ่วนสำคัญในการสร้างฉากประกอบการแสดงเสมือนจริง โดยใช้การถ ่ายภาพจากสถานที ่สำคัญที ่ปรากฏในบทละคร อาทิ โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย บรรยากาศงานวัด การจราจรบนท้องถนน พระบรมมหาราชวัง วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ถนนราชดำเนิน เป็นต้น
12 2 สารัตถะที่เกี่ยวข้อง 2.1 ความหมายของละครเพลง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า ละคร ว่า การแสดง ประเภทหนึ ่ง ผู้แสดง เรียกว ่า ตัวละคร มีเวทีหรือสถานที ่ใช้ในการแสดง มีบทให้ตัวละครแสดง ตามเนื้อเรื่อง โดยมากมีดนตรีประกอบ มีลักษณะแตกต่างกันออกไปหลายชนิด (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554, ออนไลน์) และคำว ่า เพลง หมายความว ่า ลำนำ ทำนอง คำขับร้อง ทำนองดนตรีท ่าทาง ชื่อการมหรสพที่ร้องแก้กัน มีชื่อต่าง ๆ กัน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554, ออนไลน์) เมื่อคำว่า ละคร และ เพลง มาสมาสกัน จึงเกิดเป็นคำว่า ละครเพลง จึงหมายถึง ละครเวทีแบบหนึ่ง ผู้แสดงร้องเพลง ดำเนินเรื ่องตลอดทั้งเรื ่อง ใช้เพลงและดนตรีสากล ไม ่มีลูกคู ่ จัดฉากและแต ่งกายแบบสมัยนิยม ตามเนื้อเรื่อง (ราชบัณฑิตยสถาน, 2556, ออนไลน์) นอกจากนี้ ศิริมงคล นาฏยกุล ได้ให้ความหมาย ของคำว่า ละครเพลงไว้ว่า “...ละครเพลง หมายถึง การแสดงละครร้องรูปแบบใหม่ที่ดำเนินเรื่องด้วย การพูดเป็นหลักมีบทร้องในลักษณะเพลงเนื้อเต็มแทนการเอื้อนแบบเดิมเพื่อแสดง อารมณ์ของตัวละครนำฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงในช่วงใดช่วงหนึ่งของการแสดงโดย ใช้ดนตรีสากลบรรเลงแทนวงปี่พาทย์...” (ศิริมงคล นาฏยกุล, 2545, น. 17) และมัทนี รัตนิน ได้ให้ความหมายของละครเพลงไว้ว่า “...ละครเพลง หรือ “Musical play” ในเวทีสมัยใหม ่ของตะวันตก โดยเฉพาะแนวอเมริกันที ่ผสมผสานเพลงสากล ดนตรี ละครพูด และนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นละครมหาชนนิยม พัฒนาขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและแพร่หลายไปใน ยุโรปและเอเชีย การแสดงคือ การขับร้องเพลงเป็นหลัก มีดนตรีประกอบ ทุกอารมณ์และสร้างบรรยากาศตลอดเรื ่องคล้ายเมโลดราม ่า (Melodrama) ละครเพลงพัฒนามาจากการแสดงวิพิธทัศนา (Vaudeville) และระบำเพลง (Extravaganza) ในคริสต์ศตวรรษที ่ 19 แต ่ใช้เพลงสมัยใหม ่ที ่มหาชนนิยม (Popular music) บทพูดไม่มาก จะสลับระบำตลอดเรื่อง การแสดงแบ่งเป็น 3ส่วน คือ การขับร้อง (Singing) การแสดงละคร (Acting) และนาฎศิลป์(Dancing)…” (มัทนี รัตนิน, 2546, น. 29) สอดคล้องกับ สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ได้ให้ความหมายละครเพลงไว้ว่า
13 “...ละครเพลงเป็นละครร้องที่ใช้เพลงไทยสากลแทนเพลงปี่พาทย์ นับว่า ละครเพลงเป็นวิวัฒนาการของละครไทยที่เกิดขึ้นและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง อีกทั้งมีวิทยุกระจายเสียงเป็นสื่อทำให้ละครเพลงได้รับความสนใจจากคนดูด้วย เพลงใหม่อย่างทั่วถึง...” (สุรพล วิรุฬห์รักษ์, 2547, น. 335) สรุปได้ว่า ละครเพลง หมายถึง ละครร้องรูปแบบหนึ่งที่ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงและพูด เป็นหลัก มีบทร้องในลักษณะเพลงไทยสากลแทนการเอื้อน ใช้เครื่องดนตรีและเพลงไทยสากลแทน เครื่องดนตรีปี่พาทย์จัดฉากและแต่งกายตามสมัยนิยม โดยการแสดงละครเพลงแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ การขับร้อง (Singing) การแสดงละคร (Acting) และนาฏศิลป์ (Dancing) 2.2 กำเนิดละครเพลงของรพีพร ละครเพลง เป็นศิลปะการแสดงที ่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตกและพัฒนา อย ่างแพร ่หลายไปทั ่วโลก จนกลายเป็นอุตสาหกรรมประเภทหนึ ่งที ่มีชื ่อเสียง เช ่น เวสต์เอนด์ (West End) กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และบรอดเวย์ (Broadway) กรุงนิวยอร์ก ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ไทยได้รับอิทธิพลละครเพลงดังกล่าวมาด้วย จารุณี หงสจาร กล่าวว่า “...ละครเพลงตะวันตกมีด้วยกันหลายประเภท ทั้งอุปรากร (Opera) จุลอุปรากร (Operetta) และมิวสิคัล (Musical) โดยทั้ง 3 ประเภทนี้ มีดนตรีเป็น ส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่องและมีอิทธิพลต่อละครไทยตามลำดับ...” (จารุณี หงส์จารุ, 2553, น. 87) อิทธิพลดังกล่าวได้ส่งต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื ่อครั้งที ่พระองค์เสด็จประพาสยุโรปในการทอดพระเนตรอุปรากร (Opera)ตลอดจนพระอัจฉริยภาพ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ่ 6 ได้เสด็จฯ ทรงศึกษาที ่ประเทศอังกฤษ โดยที ่พระองค์ทรงสนพระทัยด้านการละครด้วยการทอดพระเนตรละครพูด โอเปร ่า จุลโอเปร่า ทรงแปลบทละครและดัดแปลงบทละครจำนวนมาก ทั้งนี้ทรงนำบทละครดังกล่าวมาผสมผสานกับ นาฏศิลป์ไทยได้อย่างกลมกลืน ทำให้ยุคสมัยของทั้งสองพระองค์เกิดรูปแบบการแสดงที่เป็นต้นแบบ ให้กับละครเพลงอย่างหลากหลาย เช่น ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง ละครพูด ละครสังคีตและ ละครร้อง ละครเพลงได้พัฒนามาจากละครร้อง โดยรูปแบบการแสดงที ่มีความคล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดความเข้าใจว่าละครร้องกับละครเพลงคือละครประเภทเดียวกัน แต่ข้อเท็จจริงนั้นคือละคร
14 ทั้งสองประเภทมีความเหมือนและแตกต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือดนตรีและเพลงที่ใช้ประกอบการแสดง โดยละครเพลงจะใช้เครื่องดนตรีสากลและเพลงไทยสากล ในขณะที่ละครร้องจะใช้เครื่องดนตรีไทย ใช้เพลงไทยที่มีการเอื้อน ในด้านลักษณะการแสดงนั้นทั้งละครร้องและละครเพลงแทบจะเหมือนกัน ทุกประการ (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 7) โดยละครเพลงของไทยถือกำเนิดขึ้นเมื ่อปี พุทธศักราช 2474 โดยคณะละครเอกชน ชื ่อว ่าคณะจันทโรภาส เป็นละครของนายจวงจันทน์ จันทร์คณา (พรานบูรพ์) โดย กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์ ได้กล่าวถึงละครเพลงของพรานบูรพ์ไว้ว่า “...การแสดงช่วงแรกเรียกว่าละครร้อง เนื่องจากใช้เพลงไทยเดิมประเภท สองชั้นและเพลงตัดประกอบการแสดงละครร้องแบบปรีดาลัย ต่อมาพรานบูรพ์ได้ นำเพลงไทยเดิมที ่มีการเอื้อนทำนองมาใส ่เนื้อเต็มและดัดแปลงเพลงไทยเดิม บางเพลงให้มีลักษณะเป็นแนวเพลงสากล และนำเพลงไทยสากลที่มีทำนองสากล มาใส่เนื้อร้องภาษาไทยและเพลงไทยสากลที่พรานบูรพ์แต่งขึ้นใหม่มาประกอบ การแสดง...” (กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์, 2535, น. 192) จากข้อความข้างต้นทำให้เห็นว่าละครเพลงของพรานบูรพ์ส่งผลต่อวงการละครในยุคสมัยนั้น อย่างมาก เพราะทำให้รูปแบบการแสดงละครร้องที่ใช้เพลงไทยเดิมที่มีลูกเอื้อนเปลี่ยนเป็นละครเพลง ที่ใช้เพลงไทยสากลประกอบการแสดง อาจกล่าวได้ว่าพรานบูรพ์เป็นผู้ที่บุกเบิกและสร้างปรากฏการณ์ ในการปรับเปลี ่ยนเพลงดังกล ่าว โดยนำวงดนตรีสากลประเภทแจ๊ส (JAZZ) มาบรรเลงประกอบ การแสดงและการสีไวโอลินคลอไปกับกรับพวง ซึ่งการปรับปรุงและเพิ่มเติมวงดนตรีทำให้การแสดง และเพลงของพรานบูรพ์มีความทันสมัยและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จนทำให้การแสดงละครเพลงของ พรานบูรพ์เป็นการแสดงสมัยใหม่และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาในปีพุทธศักราช 2496 ได้เกิดละครเพลงของรพีพรหรือ สุวัฒน์ วรดิลก ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2534 สาขาวรรณศิลป์ โดยละครเพลงของรพีพรได้แรงบันดาลใจจากการชมการแสดง ละครเพลงของพรานบูรพ์ ด้วยเพราะในช่วงนั้นการแสดงละครเวทีได้ทำการแสดงลดลง ทำให้รพีพร เกิดแนวคิดในการสร้างละครเพลงประกอบการร้องเพลงในการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ที่ต่างไป จากเดิม (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 206) แนวคิดดังกล่าวทำให้ละครเพลงของพรานบูรพ์ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเป็นละครเพลงของรพีพร จากข้อมูลข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าจุดกำเนิดที่สำคัญของละครเพลงรพีพรคือ ได้แรงบันดาลใจ มาจากการชมละครเพลงของพรานบูรพ์ นอกจากนี้แล้วรพีพรยังมีแนวคิดในการสร้างสรรค์ที่ต่างไป
15 จากเดิมคือประเด็นในการร้องเพลงในการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ เนื่องจากค่านิยมดังกล่าวเป็น ที่นิยมปฏิบัติกันคือ การเชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงมาร้องเพลงก ่อนการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ ซึ่งทำให้รพีพรเกิดแนวคิดว่าควรเป็นการแสดงละครเพลงง่าย ๆ มากกว่าการที่นักร้องยืนร้องเพลง ผู้เดียว โดยรายละเอียดของประเด็นแนวคิดนี้ สอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ของคุณสุวัฒน์ วรดิลก หรือ รพีพร ในงานวิทยานิพนธ์ เรื่อง พัฒนาการละครเพลงของรพีพร โดย อัจราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์ วันที่ 27 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2542 ณ แหลมทองพลาซ่า จังหวัดชลบุรี ความว่า “...แรงบันดาลใจในการคิดทำละครเพลงคือเบื่อการแสดงแบบเดิมที่นักร้องหัน หน้าเข้าหาไมโครโฟน ตั้งหน้าตั้งตาร้องอย่างเดียว คนจะเบื่อเลยคิดเสนอเป็นละครเพลง ต ่าง ๆ เอาเพลงดัง ๆ สมัยนั้นมาร้อยกันเข้าละครเพลงทางโทรทัศน์เรื ่องแรกชื่อ “หรีดรัก” สุเทพ วงศ์กำแหง นักแสดงนำร้องคนเดียว 5 หรือ6 เพลงใช้เวลา 15 นาทีเศษ เป็นเพลงของสุเทพเอง เริ่มเพลงบ้านเรือนเคียงกันพระเอกนางเอกส่งสายตามองกันจน รักกันไปจนถึงนางเอกตายลงเอยด้วยเพลงหรีดรักดำเนินเรื่องด้วยเพลงตลอดไม่มีบท สนทนาคนดูชอบกันมากก็เลยทำอีกเรื่อยๆ บางเรื่องใช้ชรินทร์นันทนาครแสดงต่อมา จัดเสนอ “สวรรค์มืด” ซึ่งแสดงทางช ่องทีวีสีช ่อง 4 (ขาวดำ) สองเดือนจบ (เดือนละ 1 ชั่วโมง) แต่เริ่มเพี้ยนจากละครเพลงตามความหมายของมันเพราะเพิ่มบทสนทนาของ ผู้แสดงขึ้นแต่เพลงก็ยังเป็น “หลัก”...” (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 210) จากข้อมูลข้างต้นส่งผลให้เกิดเป็นละครเพลงของรพีพร ทั้งนี้ปัจจัยต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้ ต้นแบบการแสดง ละครดึกดำบรรพ์ ละครสังคีต ละครร้อง ละครพูด อิทธิพลของละครเพลงตะวันตก อุปรากร (Opera) จุลอุปรากร (Operetta) มิวสิคัล (Musical) ละครเพลงของพรานบูรพ์ ละครเพลงของรพีพร ปัจจัยส่งเสริม การร้องเพลงก่อนฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ และการเสนอหาแนวคิดใหม่ ภาพที่ 1 กำเนิดละครเพลงของรพีพร ที่มา: ผู้วิจัย
16 จากแผนผังผู้วิจัยสามารถสรุปได้ว่า ละครเพลงของรพีพร มีจุดกำเนิดจากประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) อิทธิพลของละครเพลงตะวันตก ประกอบด้วย อุปรากร (Opera) จุลอุปรากร (Operetta) และมิวสิคัล (Musical) 2) ต้นแบบการแสดงจากอิทธิพล ละครดึกดำบรรพ์ ละครสังคีต ละครร้อง ละครพูด 3) จากประสบการณ์การได้รับชมละครเพลงของพรานบูรพ์ 4) ปัจจัยส่งเสริม 2 ประเด็น คือ 1) การร้องเพลงก ่อนฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ 2) การเสนอหาแนวคิดใหม่ 2.3 วิวัฒน์ละครเพลงรพีพร ละครเพลงของรพีพร เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2496 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการชมละครเพลง ของพรานบูรพ์ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รพีพรสร้างละครเพลง ละครเพลงของรพีพรเป็นการนำเสนอ เรื่องราวที่สร้างมาจากจินตนาการ ตำนาน พงศาวดารและเรื่องราวชีวิต ละครเพลงของรพีพรนั้น ได้รับความนิยมมีด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ในส่วนนี้ผู้วิจัยขอนำเสนอพัฒนาการของละครเพลงรพีพร โดยจากการศึกษาข้อมูล ทำให้ผู้วิจัยจำแนกช ่วงของพัฒนาการที ่สำคัญของละครเพลงรพีพร ตามปีพุทธศักราชซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ยุค ดังนี้ 2.3.1 ยุคที่ 1 ริเริ่ม (ปีพุทธศักราช 2496) ยุคแรกเป็นยุคที่สำคัญของละครเพลงรพีพรเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดกำเนิดของ ละครเพลงรพีพร ซึ่งจากการที่รพีพรได้แรงบันดาลใจจากการชมละครเพลงของพรานบูรพ์ ทำให้เกิด แนวคิดในการเปลี่ยนรูปแบบการร้องเพลงก่อนการฉายภาพยนตร์ในรอบปฐมทัศน์ ซึ่งค่านิยมดังกล่าว ถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน ด้วยการเชิญนักร้องที่มีชื่อเสียงมาขับร้องเพลงก่อนการฉายภาพยนตร์ ทั้งนี้รพีพรอยากเสนอแนวคิดในการร้องเพลงรูปแบบใหม่แทนการร้องเพลงของนักร้องเพียงอย่างเดียว โดยที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแสดงละครเพลง ความยาว 15 - 20 นาที โดยเรื่องที่จัดแสดงนั้น รพีพรได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว ่า มนต์รักนวลจันทร์แสดงบ่อยครั้งกว่านิมิตสวรรค์ ซึ่งการแสดงครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สามแสดงสลับการแสดงดนตรีและภาพยนตร์ไทย (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 212 - 213) การเปลี ่ยนแปลงของละครเพลงรพีพรจากละครเพลงของพรานบูรพ์นั้น รพีพรได้ เปลี ่ยนผู้แสดงให้เป็นชายจริงหญิงแท้ ตัดตัวตลกที ่ติดตามพระเอกออกไป และปรับเนื้อเรื ่องให้ สอดคล้องตามสมัย ด้วยวิธีการสอดแทรกแนวคิด เรื ่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ การเมือง ตลอดจน
17 ทัศนคติทางสังคม (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 26) จุดเปลี่ยนดังกล่าวเป็นการพลิกวงการ ละครเพลงของไทย นับว่าเป็นการพัฒนาละครเพลงเป็นอย่างมาก 2.3.2 ยุคที่ 2 รุ่งเรือง (ปีพุทธศักราช 2496 - 2506) ในยุคนี้เป็นยุคที่ละครเพลงของรพีพรเป็นที่นิยมอย่างมาก นับได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งเรือง และเฟื่องฟูของละครเพลงรพีพร เนื่องจากมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นหลายประเด็นสำคัญ โดยประเด็น ที่แสดงให้เห็นได้ชัดคือ ลักษณะการประพันธ์และการแสดง ดังที่ อัจฉาวรรณ ภู่สิริโรจน์ ได้แสดง ทรรศนะ ไว้ว่า “...ในยุครุ่งเรืองของละครเพลงรพีพรนั้นลักษณะการประพันธ์บทละคร เพลงจะประพันธ์ด้วยการใช้กวีนิพนธ์และร้อยแก้วโดยเรื ่องที ่ปรากฏการใช้บท ละครในลักษณะกวีนิพนธ์ในการประพันธ์คือ มนต์รักนวลจันทร์ส่วนบทละคร เรื่องฉางกาย สวรรค์มืดและท่าฉลอม จะเป็นการดำเนินเรื่องด้วยร้อยแก้วแต่มีบท ร้องในการดำเนินเรื่องเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ละครเรื่องนิมิตสวรรค์จะแตกต่าง จากการแสดงเรื่องอื่น ๆ โดยที่แสดงให้เห็นได้ชัดคือ การดำเนินเรื่องโดยการใช้ เพลงตลอดทั้งการแสดง อีกทั้งยังปรากฏการใช้นาฏศิลป์ตะวันตก (บัลเล ่ต์) ประกอบการแสดงซึ่งนับได้ว่าเป็นการแสดงที่ทันสมัยมากในยุคนั้น...” (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 184) การนำนาฏศิลป์ตะวันตก (บัลเล่ต์) เข้ามาผสมผสานกับละครเพลงรพีพรนับว่าเป็น การแสดงที่ทันสมัยสำหรับยุคนั้น ทั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญของวิสัยทัศน์และการเสนอ แนวคิดใหม่ของรพีพรลงไปในการแสดงละครเพลงแบบเดิมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านการแสดง มากยิ่งขึ้น ประเด็นที่สองสำหรับพัฒนาการที่สำคัญของละครเพลงรพีพรที่ปรากฏในยุคนี้คือ ดนตรีประกอบการแสดง รพีพรได้นำวงดนตรีสากล ประเภทแจ๊ส มาใช้บรรเลงประกอบการแสดง ละครเพลงผสมผสานกับบทประพันธ์ของครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้เชี ่ยวชาญด้านดนตรีไทย ดนตรี คลาสสิคและดนตรีแจ๊ส ได้อย่างกลมกลืน ประเด็นที่สาม คือ การประพันธ์เพลงและทำนองเพลงให้สัมพันธ์กับผู้แสดงในเรื่อง นั้น ๆ ประเด็นนี้แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของผู้ประพันธ์ที่สามารถผสมผสานบทเพลง ทำนองเพลง และผู้แสดงให้เกิดความกลมกลืนกัน ด้วยการประพันธ์ในลักษณะนี้เป็นการประพันธ์เฉพาะเจาะจง ให้กับผู้แสดง คือ คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช2533 สาขาศิลปะการแสดง
18 (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) และคุณเพ็ญศรี พุ ่มชูศรี ศิลปินแห ่งชาติ ประจำปี พุทธศักราช 2534 สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ขับร้องโดยเฉพาะ ซึ ่งสอดคล้องกับข้อความของ สุเทพ วงศ์กำแหง ที่กล่าวไว้ในหนังสือ “ชีวิตเหมือนละคร 50 ปี เพ็ญศรี - รพีพร” ไว้ว่า “...เมื่อท่านนักประพันธ์เอก “สุวัฒน์ วรดิลก” พาผมไปพบครูเอื้อ สุนทร สนาน ที่บ้านแถว ๆ ถนนสุโขทัย พี่สุวัฒน์ให้ผมร้องเพลงใต้ร่มมลุลี (เหมือนเคย) ให้ครูเอื้อฟัง ร้องไปครูเอื้อแกก็ให้ผมร้องเสียงสูงขึ้นไปทีละหนึ่งเสียง แกกดคีย์ เปียโนแล้วให้ผมร้องตาม ผมก็ร้องตามเสียงนั้น ครูเอื้อพยักหน้าบอกโอเคใช้ได้...“ (คณะกรรมการจัดงาน “50 ปี เพ็ญศรี- รพีพร”และ มูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการนักเขียน, 2544, น. 25) จากข้อความข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความประณีตของรพีพรที ่มีต่อการสร้างละคร เพลง ส่งผลให้เพลงในละครเพลงของรพีพรนั้นมีความโดดเด่นหลายด้าน โดยที่แสดงให้เห็นได้ชัด คือเพลงมนต์รักนวลจันทร์ และ เพลงนิมิตสวรรค์ที่ปรากฏจังหวะเพลงหลากหลายในเพลงเดียวกัน ซึ่งเป็นผลงานของครูเอื้อ สุนทรสนาน นอกจากนี้ รพีพร หรือสุวัฒน์ วรดิลก ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ใน วิทยานิพนธ์ เรื่องพัฒนาการละครเพลงของรพีพร โดย อัจราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์ วันที่ 27 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2542 ณ แหลมทองพลาซ่า จังหวัดชลบุรี ที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการสำคัญที่แสดงให้ เห็นถึงความสำเร็จของละครเพลง 2 เรื่องนี้ความว่า “...ทั้งสองเรื่องแสดงครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช 2496 มนต์รักนวลจันทร์ แสดงบ่อยครั้งกว่านิมิตสวรรค์ ซึ่งการแสดงครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที ่สาม แสดงสลับการแสดงดนตรีและภาพยนตร์ไทย ครั้งที ่สี ่แสดงบนแผ ่นดินใหญ่ ประเทศจีน ตระเวนแสดง 10 เมืองใหญ่ แสดงด้วยกัน 10 รอบเป็นเวลาถึง สองเดือน เมื่อพุทธศักราช 2500 หลังจากนั้นแสดงทางรายการโทรทัศน์ทุกช่อง และแสดงที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ จากนั้นเมื่อพุทธศักราช 2526 แสดงร่วม คอนเสิร์ตเก็บเงินสมทบทุนสร้างมูลนิธิปรีดีพนมยงค์ต่อมาวงดนตรี “สุนทราภรณ์” นำเสนออีกหลายครั้งที่โรงละครแห่งชาติเพราะ จัดได้ง่ายกว่านิมิตสวรรค์...” (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 212 - 213)
19 ภาพที่2 นายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล ต้อนรับคณะศิลปินไทยในงานเลี้ยงต้อนรับ ณ โรงแรมปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2500 ที่มา:คณะกรรมการจัดงาน “50 ปี เพ็ญศรี-รพีพร”และ มูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการนักเขียน (2544, น. 97) ภาพที่ 3 คณะศิลปินไทย หน้าหอรับแขกเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มา: คณะกรรมการจัดงาน “50 ปี เพ็ญศรี- รพีพร” และมูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการ นักเขียน (2544, น. 97) จากภาพที ่ 1 – 2 พบว ่า รพีพรได้นำคณะนักแสดงเดินทางไปแสดง ณ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ซึ่งมีการต้อนรับเป็นอย่างดี จากนายโจว เอิน ไหล นายกรัฐมนตรี ได้ทำการต้อนรับ คณะศิลปินจากประเทศไทย ทั้งนี้ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ณ โรงแรมปักกิ่ง นอกจากนั้นละครเพลงของ รพีพรยังได้เดินทางแสดงในสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกหลายเมืองด้วยกัน ประเด็นที่สี่ คือ สถานที่ในการจัดแสดง ในยุคแรกการแสดงละครเพลงของรพีพรนั้น เป็นการแสดงก่อนการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์สถานที่ในการแสดงจึงเป็นโรงภาพยนตร์เป็นหลัก ซึ ่งโรงภาพยนตร์ที ่สามารถจัดแสดงและมีความเหมาะสมในการแสดงคือ โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย
20 โดยโรงภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นเวทีสามารถเลื่อนออกทางด้านข้างและด้านหลังรวมถึง 3 เวที (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 185) เทคโนโลยีดังกล่าวของเวทีแสดงให้เห็นถึงความทันสมัยของโรงภาพยนตร์ เฉลิมไทยสอดคล้องกับประชา สุวีรานนท์ ที่แสดงทรรศนะเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์เฉลิมไทยไว้ตอนหนึ่งไว้ ในของบทความ คอลัมน์วิช ่วลคัลเจอร์ หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที ่ 12 – 18 สิงหาคม พุทธศักราช 2559 ไว้ว่า “...โรงหนังโรงนี้ไม่ใช่แค่ฉายหนังดีแต่มีความทันสมัยและหรูหราเหมือน พระราชวังด้วย มันเป็น a place to be seen จะไปทีไรทุกคนในครอบครัวของ เราจะแต่งตัวดีที่สุด แถมยังต้องเผื่อเวลาไปเดินโฉบฉายหน้าโรงหนังอีกต่างหาก นอกจากนั้น ยังมีร้านขายข้าวโพดคั่ว ไอศกรีมป๊อบตราเป็ด (ซึ่งเอาโดนัลด์ดั๊กมา เป็นเครื่องหมายการค้า) และขนมต่าง ๆ ...” (ประชา สุวีรานนท์, 2559, ออนไลน์) นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับธนาธิป ฉัตรภูติ ที่แสดงทรรศนะเกี่ยวกับลักษณะการออกแบบ และการประดับตกแต่งโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ไว้ในหนังสือตำนานโรงหนัง เนื้อความว่า “...บริเวณเชิงบันไดและผนังมีการออกแบบรูปปูนปั้นเป็นนางละครเพื่อใช้ เป็นลวดลายประดับ ตัวโรงหนังมีที่นั่งสองชั้นตามแบบอย่างละครในยุโรปโดยมี โถงหน้าทางเข้าโรงที่มีลักษณะเป็นทรงกลมเปิดโล่งจนถึงหลังคารูปโดมที่ให้ความ สง่าและหรูหรา การออกแบบเสาและซุ้มด้วยลวดลายไทยอย่างวิจิตร มีเวทีขนาด ใหญ่ที่ด้านหลังเวทีกว้างขวางพอสำหรับเปลี่ยนฉากได้อย่างสะดวก...” (ธนาธิป ฉัตรภูติ, 2547, น. 57) ภาพที่ 4 แผนผังชั้นที่ 1 โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ที่มา: บัณฑิต จุลาสัย (2529, น. 179)
21 ภาพที่ 5 ด้านหน้าโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ที่มา: ชาตรี ประกิตนนทการ (2550, น. 334) จากภาพที่ 4 – 5 พบว่า ความทันสมัยของเทคโนโลยีเวทีโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย นับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดวิวัฒนาการให้กับการแสดงละครเพลงของรพีพรได้อย่างชัดเจน เพราะทำให้ผู้ชมสามารถชมการแสดงได้อย่างราบรื่นและเข้าใจ ไม่เกิดความสับสนระหว่างการแสดงที่ ต้องเปลี่ยนฉาก อีกทั้งเกิดความรวดเร็วและทำให้การแสดงดูสมจริงอีกด้วย ประเด็นที่ห้า คือ เนื้อหาที ่ปรากฏในละครเพลง ซึ ่งในยุคนี้เนื้อหาในบทละคร มีเนื้อหาที่มาจาก 1) จินตนาการ คือ บทละครเรื่องนิมิตวรรค์ 2) ตำนานหรือเรื่องเล่า คือ บทละคร เรื่องมนต์รักนวลจันทร์และท่าฉลอม 3) พงศาวดาร คือ บทละครเรื่องฉางกาย 4) ภาพยนตร์ตะวันตก (ฮอลลีวู้ด) คือ บทละครเรื่องสวรรค์มืด ประเด็นที ่หก คือ แนวคิดที ่ปรากฏในละครเพลง รพีพรได้สอดแทรกแนวคิด ที่ส่งเสริมให้ผู้ชมได้ตระหนัก ซึ่งแนวคิดที่ปรากฏประกอบด้วย 1) ความรัก ที่มีเรื่องของฐานะ ชนชั้น และวรรณะของตัวละคร 2) พุทธปรัชญาที่กล่าวถึงความทุกข์และกิเลสของมนุษย์ โดยแนวคิดดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่รพีพรต้องการสื่อสารให้ผู้ชมผ่านการแสดงละครเพลง สอดคล้องกับ สุจิตตรา จงสถิตวัฒนา (2548, น. 191) ที่แสดงทรรศนะไว้ในบทวิเคราะห์ บทละครเรื่อง เงาะป่า บทพระราช นิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า การทำให้ตัวละครเป็นตัวละครอุดมคติ เป็นกลวิธีประการหนึ่งที่จะช่วยสื่อสาระสำคัญที่แฝงไว้ในเรื่องอย่างชัดเจนคือ การเชิดชูความรักอัน จริงแท้ทำให้มนุษย์เท่าเทียมกันแม้ว่ามนุษย์นั้นจะแตกต่างกันในสถานภาพทางสังคมหรือมีวัฒนธรรม แตกต่างกันเพียงใดก็ตาม
22 ประเด็นที่เจ็ด คือ ตัวละครที่ปรากฏในละครเพลง จะเห็นได้ว่ายุคนี้เป็นยุคที่รพีพร แสดงถึงพัฒนาการด้านละครได้อย่างชัดเจน คือ การสร้างละครให้มีตัวละครที่หลากหลายทางอาชีพ เพราะจะทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจในความหลากหลายและความแตกต ่างของสถานภาพของ คนในสังคม ซึ่งตัวละครที่ปรากฏประกอบด้วย เจ้าชาย เทพบุตร กษัตริย์ ชาวประมง คนลากรถขยะ ตลอดจนโจร แต่ยังคงมุ่งเน้นไปที่นักแสดงชายเป็นตัวละครเอก โดยสะท้อนภาพตัวละครฝ่ายชาย ที ่มีบุคลิกและลักษณะที ่แตกต ่างกัน ทั้งเชิงลบและเชิงบวก เช ่น มั ่นคงในความรัก จิตใจโลเล มีความเสียสละและโกหกหลอกลวง เป็นต้น จากการศึกษายุคที่สองของละครเพลงรพีพร ซึ่งทำให้ผู้วิจัยสรุปประเด็นข้างต้นได้ดังนี้ 1) ลักษณะการประพันธ์ที่มีความงดงามทางวรรณศิลป์ และการผสมผสานนาฏศิลป์ ตะวันตก (บัลเล่ต์) 2) การนำวงดนตรีสากล ประเภทแจ๊ส มาใช้บรรเลงประกอบการแสดงละครเพลง 3) การประพันธ์เพลงและทำนองเพลงให้สัมพันธ์กับผู้แสดงในเรื่อง 4) สถานที่ในการจัดแสดง ในยุคแรกการแสดงละครเพลงของรพีพรนั้นเป็นการแสดง ก ่อนการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์สถานที ่ในการแสดงจึงเป็นโรงภาพยนตร์เป็นหลักซึ่ง โรงภาพยนตร์ที่สามารถจัดแสดงและมีความเหมาะสมในการแสดงคือ โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย 5) เนื้อหาที ่ปรากฏในละครเพลง ซึ ่งในยุคนี้เนื้อหาในบทละครมีเนื้อหาที ่มาจาก 1) จินตนาการ คือ บทละครเรื ่องนิมิตวรรค์ 2) ตำนานหรือเรื ่องเล ่า คือ บทละครเรื ่องมนต์รัก นวลจันทร์และท่าฉลอม 3) พงศาวดาร คือ บทละครเรื่องฉางกาย 4) ภาพยนตร์ตะวันตก (ฮอลลีวู้ด) คือ บทละครเรื่องสวรรค์มืด 6) แนวคิดที ่ปรากฏในละครเพลง รพีพรได้สอดแทรกแนวคิดที ่ส ่งเสริมให้ผู้ชมได้ ตระหนัก ซึ่งแนวคิดที่ปรากฏประกอบด้วย 1) ความรัก ที่มีเรื่องของฐานะ ชนชั้นและวรรณะของ ตัวละคร 2) พุทธปรัชญาที่กล่าวถึงความทุกข์และกิเลสของมนุษย์ 7) ตัวละครที่ปรากฏในละครเพลง คือ การสร้างละครให้มีตัวละครที่หลากหลายทาง อาชีพ ซึ ่งตัวละครที ่ปรากฏประกอบด้วย เจ้าชาย เทพบุตร กษัตริย์ ชาวประมง คนลากรถขยะ ตลอดจนโจร แต่ยังคงมุ่งเน้นไปที่นักแสดงชายเป็นตัวละครเอก โดยสะท้อนภาพตัวละครฝ่ายชาย ที ่มีบุคลิกและลักษณะที่แตกต ่างกัน ทั้งเชิงลบและเชิงบวก เช ่น มั ่นคงในความรัก จิตใจโลเล มีความเสียสละและโกหกหลอกลวง เป็นต้น
23 ผู้วิจัยพบว ่ายุคที ่สองวิวัฒนาการที ่สำคัญของละครเพลงรพีพรแสดงให้เห็นถึง ความเปลี ่ยนแปลงหลากหลายด้าน สะท้อนความหมายถึงบริบทสังคม ตลอดจนประสบการณ์ ด้านวรรณศิลป์ของรพีพรที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้บทละครมีความหลากหลาย น่าสนใจ จึงเป็นจุดเด่น ที่สำคัญของรพีพรทำให้ละครเพลงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายตลอดระยะเวลา 11 ปี ละครเพลงในยุคนี้ ประกอบด้วย เรื่องมนต์รักนวลจันทร์ นิมิตสวรรค์ สวรรค์มืด ฉางกายและท่าฉลอม ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ ทำการศึกษาถึงการฟื้นฟูของละครเพลงรพีพรในหัวข้อต่อไป 2.3.3 ยุคที่ 3 ฟื้นฟู(ปีพุทธศักราช 2536-2538) ตลอดระยะเวลา 11 ปี ละครเพลงของรพีพรรุ ่งเรืองและเฟื ่องฟูเป็นที ่นิยม อย่างแพร่หลาย โดยหลังจากที่ได้ประพันธ์บทละครและจัดการแสดงละครเพลงเรื่อง ท่าฉลอม รพีพร ได้หยุดการสร้างผลงานด้านละครเพลง และเปลี่ยนไปประพันธ์ผลงานด้านวรรณศิลป์ประเภทอื่น ๆ เช่น นวนิยาย บทความ สารคดี และเรื่องสั้น (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 106) จนเมื่อปี พุทธศักราช 2536 รพีพรได้กลับมาสร้างละครเพลงขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าในช่วงดังกล่าววงการละคร เพลงจะไม่ได้รับความนิยมก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลของวงการโทรทัศน์เข้ามามีบทบาทกับประชาชน มากขึ้น ซึ ่งสอดคล้องกับ ตรีรัตน์นิลรัตน์(2536, น. ง) ได้ทำการวิจัยเรื ่อง การเปิดรับชมละคร โทรทัศน์กับการรู้ถึงประโยชน์ในการนำไปใช้เพื ่อการพัฒนาตนเองของนักศึกษาในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว ่า นักศึกษาชอบดูละครโทรทัศน์ที ่มีเนื้อหาตลกสนุกสนานโดยดู ร ่วมกับสมาชิกในครอบครัวมากที ่สุด นอกจากนี้อิทธิพลการชมโทรทัศน์ยังสอดคล้องกับ ไศลทิพย์ จาร ุภูมิ(2535, น. ง) ได้ศึกษาความพึงพอใจที ่ได้รับจากละครโทรทัศน์ของกล ุ ่มแม ่บ้าน เขตกรุงเทพมหานครที่ติดตามดูละครหลังข่าวภาคค่ำ เวลา 20.00 น. เป็นเวลาอย่างต่ำ 5 ปีขึ้นไปจำนวน 30 คน โดยผลวิจัยสรุปได้ว่า กลุ่มตัวอย่างมีความตั้งใจมากที่จะดูละครโทรทัศน์มีการวิพากษ์วิจารณ์ บทบาทการแสดงของตัวละครหรือเนื้อหาเนื้อเรื่องในขณะที่ดูและได้นำละครไปใช้อรรถประโยชน์ทาง สังคมโดยนำไปเป็นประเด็นสนทนาและเป็นสื่อกลาง จากสถิติของการวิจัยเรื่องอิทธิพลของการชมละครโทรทัศน์อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ ทำให้ละครเพลงได้รับความสำคัญน้อยลง อีกทั้งงบประมาณในการจัดสร้างละครเพลงที ่ต้องใช้ งบประมาณที ่สูงในการจัดทำองค์ประกอบการแสดง ส ่งผลให้การเก็บค ่าเข้าชมมีราคาที ่สูงขึ้น ตามลำดับ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ละครเพลงเกิดภาวะซบเซา อย่างไรก็ตามรพีพรยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้าง
24 ผลงานด้านละครเพลง โดยในช่วงยุคนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคที่อนุรักษ์ สืบสานละครเพลงของรพีพร โดย สามารถแสดงถึงพัฒนาการที่สำคัญได้ดังนี้ 1) ดนตรีประกอบการแสดง คือ ดนตรีในยุคนี้แตกต่างจากยุคที่ 2 ของละครเพลงรพีพร เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงดนตรี โดยนำดนตรีจุลดุริยางค์ ซึ่งวงดนตรีดังกล่าวมีศักยภาพในการ บรรเลงเพลงคลาสสิคที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมดนตรีออเครสตร้าจากตะวันตก นอกจากนี้ยังนำ เพลงทำนองเดิมแต่บรรเลงโดยวงดนตรีจุลดุริยางค์ ทำให้เพลงของยุคนี้มีความหลากหลาย ส่งผลให้ ผู้ชมสามารถสัมผัสถึงสุนทรียภาพทางดนตรีมากกว่าละครเพลงในยุคแรกและยุคสอง 2) นักร้องหรือนักแสดงละครเพลง ในยุคนี้ปรากฏนักร้อง นักแสดงที ่หลากหลาย มากกว่ายุคหนึ่งและยุคสอง ซึ่งพบว่ามีศิลปินที่มีชื่อเสียงและมีความเป็นมืออาชีพมากมายหลายท่าน เช่น 2.1) เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ศิลปะการละคร) พุทธศักราช 2531 2.2) สวลี ผกาพันธ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) พุทธศักราช 2532 2.3) ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ นาฏศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร 2.4) ชไมพร จตุรภุช นักแสดงชื่อดัง 2.5)แสงระวี อัศวรักษ์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ประจำปีพุทธศักราช2529 นักร้องและนักแสดง 2.6) ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี นักร้องและนักแสดงชื่อดัง 3) ฉากประกอบการแสดง แต่เดิมฉากในการแสดงละครเพลงของรพีพรจะเป็นฉาก ที่เรียบง่าย แต่เมื่อถึงยุคนี้ฉากประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพร ปรับเปลี่ยนเป็นฉากที่สมบูรณ์ แบบทั้ง ฉาก แสง สี เสียง ยิ่งใหญ่ตระการตาด้วยผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับฉากของกรมศิลปากร ทำให้ฉากประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพรมีความงดงาม สมบูรณ์สมจริงตามเนื้อเรื ่องของ ผู้ประพันธ์ละครเพลง ตลอดจนเครื่องแต่งกายมีความสอดคล้องกับฉาก ด้วยเพราะเมื่อมีการเปลี่ยน ฉากการแสดงเครื่องแต่งกายก็เปลี่ยนตามไปด้วย 4) ชุมนุมศิลปินแห่งชาติและศิลปินชั้นนำ การกลับมาของละครเพลงรพีพรในยุคนี้ เป็นการหลอมรวมของเหล่าศิลปินแห่งชาติ โดยมีรายนามดังต่อไปนี้
25 4.1) สง ่า อารัมภีร ศิลปินแห ่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล) พุทธศักราช 2531 4.2) เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ศิลปะการละคร) พุทธศักราช 2531 4.3) สมาน กาญจนะผลิน ศิลปินแห ่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล) พุทธศักราช 2531 4.4) สวลี ผกาพันธ์ ศิลปินแห ่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) พุทธศักราช 2532 4.5) สุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) พุทธศักราช 2533 4.6) เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล - ขับร้อง) พุทธศักราช 2534 4.7) ชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์คำร้อง - ผู้กำกับภาพยนตร์) พุทธศักราช 2536 4.8) สมควร กระจ่างศาสตร์ ศิลปินแห่งชาติ (สาขาศิลปะการแสดง ละครเวที- นักแสดง) พุทธศักราช 2539 การกลับมาสร้างผลงานละครเพลงของรพีพรในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ ่งมั่น ตั้งใจที่อยากให้ละครเพลงรพีพรกลับมายิ่งใหญ่ดังเดิม เพราะทั้งผู้ประพันธ์ ผู้แสดง นักร้อง ต่างมี จุดมุ ่งหมายและจิตวิญญาณของความเป็นศิลปิน ซึ ่งทุกตัวละครได้แสดงออกถึงความสำคัญและ ความโดดเด่นทุกบทบาท โดยเรื่องที่จัดแสดงในยุคนี้ ประกอบด้วย ศกุนตลา เงือกน้อย สาวเครือฟ้า ขวัญใจจอมโจร เวนิสวาณิช และมโนห์ราถวายตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ชมเกิดความประทับใจ ในผลงาน ทำให้การกลับมาในยุคนี้ของละครเพลงรพีพรประสบความสำเร็จในด้านการอนุรักษ์ สืบสาน ซึ่งภายหลังละครเพลงของรพีพรค่อย ๆ ลดความนิยมไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามละครเพลง ของรพีพรได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับวงการละครเพลงของไทย ซึ่งทำให้เกิดรูปแบบและ องค์ประกอบการแสดงที่มีความชัดเจนเหมาะแก่การศึกษาเพื่อสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ ทำการศึกษารูปแบบและองค์ประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพร ซึ่งจะแสดงให้เห็นในลำดับ ต่อไป
26 2.4 รูปแบบและองค์ประกอบละครเพลงของรพีพร 2.4.1 รูปแบบการแสดงละครเพลงของรพีพร 2.4.1.1 รูปแบบการแสดง 1) ใช้ผู้แสดงชายหญิงที่มีทักษะการร้องเพลงในระดับดี 2) ไม่ปรากฏตัวละครตลกที่ติดตามพระเอก 3) มีการปรับเนื้อเรื่องที่ใช้แสดงให้มีความเหมาะสมกับยุคสมัย 4) สอดแทรกแนวคิดเรื ่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ การเมือง ตลอดจน ทัศนคติทางสังคม เช่น ความแตกต่างทางฐานะ ภาพลักษณ์ของผู้ชายและผู้หญิงในช่วงประมาณ ปีพุทธศักราช 2500 เป็นต้น 5) ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลง สลับการพูดด้วยบทการเจรจา 6) บรรเลงเพลงดนตรีสากลและเพลงไทยสากล 7) ใช้ลักษณะคำประพันธ์ที ่มีความหลากหลาย เช ่น กลอนสุภาพ กาพย์ฉบัง 16 และกวีนิพนธ์ ละครเพลงของรพีพร มีรูปแบบการแสดงที่สามารถจำแนกรายประเด็นได้ดังนี้ 1) การเปิดเรื่อง ในการแสดงละครเพลงของรพีพรจะเปิดเรื่องด้วยวิธีการ แสดง 2 ลักษณะคือ 1.1) การบรรยายหรือใช้วิธีการพรรณนา เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ของเรื่อง 1.2) การแนะนำตัวละครเอก โดยนำลักษณะเด่นที่สำคัญของตัวละครเอก 2) การดำเนินเรื่อง ละครเพลงรพีพรจะแบ่งการดำเนินเรื่องไปตามลำดับ เวลาที่เกิดขึ้นและการให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ยึดติดกับตัวละครเอก (อัจฉราวรรณ ภู่สิริโรจน์, 2543, น. 98) โดยมีรายละเอียดดังนี้ 2.1) การให้ตัวละครดำเนินเรื่องราวไปตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ ของเรื่อง โดยรพีพรได้คำนึงว่าหากดำเนินเรื่องราวเช่นนี้จะให้ทำผู้ชมไม่สับสนและสามารถเข้าใจ เนื้อหาของละครได้ 2.2) การสร้างเหตุการณ์สำคัญหรือสถานการณ์สำคัญให้เกิดขึ้นกับตัว ละครเอก โดยมุ่งให้ตัวละครเอกมีบทบาทสำคัญ สอดคล้องกับอัจฉราวรรณ ภู่สิริโรจน์ แสดงทรรศนะไว้ว่า
27 “...วิธีการนี้บทบาทของตัวละครเอกจะมีความโดดเด ่นจนทำให้ผู้ชม สามารถมองเห็นนิสัยและบุคลิกที่สำคัญของตัวละครได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น บทละคร เพลงของรพีพรที่ใช้กลวิธีนี้คือ เรื่องมนต์รักนวลจันทร์โดยดำเนินเรื่องโดยตัวละคร เพียง 2 คน ซึ่งเป็นตัวละครเอกฝ่ายชายและหญิงเปิดเรื่องโดยให้นางศรีประจัน นั่งทอจีวรใยบัว บรรดาเทวดาจึงส่งเทพบุตรลงมาทำให้นางศรีประจันเกิดกิเลส เพื่อให้นางไม่สามารถทอจีวรใยบัวได้สำเร็จ เนื้อเรื่องจึงเป็นการโต้ตอบระหว่าง เทพบุตรและนางศรีประจันเท่านั้นไม่มีเรื่องของบุคคลอื่นหรือเหตุการณ์อื่นเข้ามา เกี่ยวข้อง...” (อัจฉราวรรณ ภู่สิริโรจน์, 2543, น. 98 - 99) 3) การคลี่คลายของเรื่องการดำเนินเรื่องในลักษณะนี้จะเป็นการสร้างเหตุการณ์ให้ มาถึงจุดปมปัญหาของเรื่อง จากนั้นตัวละครจะสามารถแก้ไข คลี่คลายปัญหาดังกล่าวได้ จากข้อมูลอาจกกล่าวได้ว่า รูปแบบการแสดงละครเพลงของรพีพร ใช้วิธีการดำเนิน เรื่องด้วยเพลงตลอดทั้งเรื่องและบางเรื่องอาจแทรกด้วยการเจรจา ภาพที่6 รูปแบบการแสดงละครเพลงของรพีพร ที่มา: ผู้วิจัย จากผลการศึกษารูปแบบการแสดงละครเพลงของรพีพรนั้น ทำให้ผู้วิจัยสามารถนำรูปแบบ ดังกล่าวนำสู่การสร้างสรรค์ละครเพลง รูปแบบการแสดง ละครเพลงของ รพีพร เปิดเรื่อง ด าเนินเรื่อง การคลี่คลายของเรื่อง ดำเนินเรื่องด้วยเพลง
28 2.4.1.2 แนวคิดในการแสดง ละครเพลงของรพีพรปรากฏแนวคิดที ่หลากหลายโดยสามารถสรุปได้หลาย ประเด็นดังนี้ 1) จินตนาการ แนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในละครเรื่องนิมิตสวรรค์โดยรพีพรได้สร้างให้ ดอกไม้ที ่ปลูกไว้มีชีวิตจากเสียงเพลงโดยเป็นเรื่องราวของตัวละครเอกของเรื ่องนั้นสามารถที ่จะมี ปฏิสัมพันธ์ร้องเพลงตอบโต้กับกลุ ่มมวลหมู่ดอกไม้ได้ทำให้เห็นได้ว่าการร้องเพลงตอบโต้ระหว ่าง ตัวละครของละครเรื่องนี้มีความเหนือจริงแต่ผู้ชมมองข้ามความเหนือจริงดังกล่าวเนื่องจากการใช้ การแฝงความหมายที่ลึกซึ้งของเพลง 2) พงศาวดาร แนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในละครเรื่องมนต์รักนวลจันทร์และเรื่องฉางกาย โดยทั้งสองเรื ่องนี้เป็นเรื ่องราวที ่มาจากพงศาวดารมอญทั้งนี้รพีพรยังสอดแทรกข้อคิดเรื ่องกิเลส ที่สามารถเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมได้ตระหนักได้อย่างแยบยล 3) ตำนานหรือเรื ่องเล ่า แนวคิดนี้ปรากฏอยู ่ในละครเรื ่องท ่าฉลอมซึ ่งเป็น เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่ไม่สมหวังระหว่างกลุ่มชาวประมงและลูกสาวเจ้าสัว ต่อมาละครเรื่องนี้ ได้ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ 4) บทพระราชนิพนธ์และพระนิพนธ์ แนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในละครเรื่อง สาวเครือฟ้า บทพระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เรื่องศกุนตลาและเวนิสวาณิช พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือว่าเป็นละครที่ได้แนวคิดมาจากละครเพลงตะวันตก และเป็นที่นิยมในไทย 5) ภาพยนตร์ต ่างชาติ แนวคิดนี้ปรากฏในละครเรื ่อง สวรรค์มืด เงือกน้อย ซึ่งเนื้อหาเรื่องราวในบทละครได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของละครต่างชาติ ซึ่งรพีพรได้รับ นำเอาแนวคิดนี้มาสร้างเป็นละครเพลง ทั้งในรูปแบบสร้างขึ้นใหม่กับนำเค้าโครงเรื่องเดิมมาสร้างต่อยอด ทำให้แนวคิดนี้มีการผสมผสานศิลปะการแสดงตะวันตกเข้าไปด้วย ละครเพลงของรพีพรเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่สร้างมาจากจินตนาการ ตำนาน พงศาวดารเรื่องราวชีวิต บทพระราชนิพนธ์ บทพระนิพนธ์ และภาพยนตร์ต่างชาติ ใช้เครื่องดนตรี สากลและเพลงไทยสากล ใช้ฉากที่มีความสมจริง โดยละครเพลงที่ได้รับความนิยมมีด้วยกันอยู่หลายเรื่อง โดยเรื ่องราวที ่นำมาสร้างเป็นละครเพลงของรพีพรจะเป็นเรื ่องราวที ่คุ้นเคยหรือเป็นวรรณกรรม ละครเพลงของรพีพรมีจุดเด่นที่เพลง โดย อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์ได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้ว่า
29 “...ละครเพลงของรพีพรมีจุดเด่นที่เพลง บทเพลงในละครเพลงของรพีพร ส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของครูเอื้อ สุนทรสนาน ที่ได้ประพันธ์ขึ้น เช่น เพลงมนต์รักนวลจันทร์ นิมิตสวรรค์ศกุนตลาและมโนราห์ บทเพลงมีลักษณะพิเศษตรงที่ ครูเอื้อ สุนทรสนาน ก่อนจะประพันธ์จะทราบผู้ที่ขับร้องเพลงก่อน แล้วครูเอื้อ สุนทรสนาน จึงใช้ความสามารถทางดนตรีเขียนทำนองให้เหมาะกับผู้ขับร้อง...” (อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์, 2543, น. 28) จากประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยสามารถแสดงให้เห็นถึงแนวคิดในการนำเสนอการแสดง ละครเพลงของรพีพร ได้ดังนี้ ตารางที่ 1 แนวคิดในการนำเสนอการแสดงละครเพลงของรพีพร เรื่องที่ แสดง แนวคิดของละครเพลง จินตนาการ พงศาวดาร ตำนาน/ เรื่องเล่า บทพระราช นิพนธ์และ บทพระ นิพนธ์ เรื่องราว ชีวิต ภาพยนตร์ ต่างชาติ นิมิตสวรรค์ ฉางกาย มนต์รัก นวลจันทร์ ศกุนตลา ขวัญใจ จอมโจร สวรรค์มืด ท่าฉลอม เวนิสวาณิช เงือกน้อย มโนห์รา ถวายตัว สาวเครือฟ้า ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางข้างต้น พบว ่า แนวคิดในการนำเสนอการแสดงของละครเพลงรพีพรมีความ หลากหลาย ทำให้ละครเพลงมีความแตกต่างทั้งบทละคร ตัวละคร ดนตรี เครื่องแต่งกายและฉาก ส่งผลให้ละครเพลงของรพีพรเป็นที่นิยมของผู้ชมทุกเพศทุกวัย 2.4.2 องค์ประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพร องค์ประกอบการแสดงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การแสดงประเภทใดประเภทหนึ่ง สมบูรณ์ ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลขององค์ประกอบการแสดงละครเพลงของรพีพร ประกอบด้วย
30 2.4.2.1 บทละคร บทละครที่ใช้ในการแสดงละครเพลงของรพีพรนั้น เป็นบทละครที่นำมาจาก บทพระราชนิพนธ์ บทพระนิพนธ์ วรรณกรรม เรื่องเล่า ตำนาน ตลอดจนจินตนาการของผู้ประพันธ์ เมื่อนำบทละครมาแล้วนั้นได้มีการนำมาประพันธ์เพื่อการแสดงละครเพลง ซึ่งลักษณะคำประพันธ์ นั้นมีความหลากหลาย ประกอบด้วย 1) ร้อยแก้ว 2) กลอนแปด กลอนสุภาพและกาพย์ฉบัง 16 3) กวีนิพนธ์ การประพันธ์บทละครของรพีพรเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา โดยเฉพาะด้านวรรณศิลป์ ที่รพีพรมีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากรพีพรเริ่มต้นด้วยอาชีพนักประพันธ์ สร้างผลงานไว้ อย่างมากมาย เช่น นวนิยาย บทโทรทัศน์ บทภาพยนตร์ และบทละครวิทยุ เป็นต้น ทั้งนี้ยังสามารถ ยืนยันถึงผลงานการประพันธ์ที่ได้รับรางวัลมากมายจากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะลักษณะ คำประพันธ์ประเภทกวีนิพนธ์นั้นผู้ประพันธ์จะต้องมีประสบการณ์ ดังที่ คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กล่าวถึงความหมายของกวีนิพนธ์ไว้ว่า “...กวีนิพนธ์เป็นงานเขียนบันเทิงคดีประเภทหนึ ่งที ่มีการสร้างสรรค์ ความงามด้วยตัวอักษรเสียงจังหวะลำนำ ใช้ถ้อยคำน้อยแต ่กินความมากหรือ อาจสื่อสารเป็นสัญลักษณ์แทนบางสิ่งบางอย่าง มีจินตนาการและความสะเทือนใจสูง มีการใช้ถ้อยคำอย่างมีลักษณะเฉพาะมีลักษณะตายตัวในด้านจำนวนคำหรืออาจ ยืดหยุ่นไม่กำหนดแน่นอนแต่พอจะมองเห็นการวางกรอบการแต่งที่เป็นรูปแบบ เฉพาะต่างจากงานเขียนทั่วไป...” (คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทยคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2555, น. 3) สอดคล้องกับ วณัฐชา วรรณะอยู่ และ นพวรรณ งามรุ่งเรือง กล่าวไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า “...กวีนิพนธ์เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดและการถ่ายทอด ประสบการณ์ของกวีผ่านตัวอักษรอย่างประณีตทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ ดังนั้น บทกวีที่ผ่านการเรียงร้อยถ้อยคำอย่างลุ่มลึก จะทำให้บทกวีนั้นมีพลังทางความคิด สามารถส ่งสารให้ผู้อ ่านเกิดอารมณ์สะเทือนใจและเกิดจินตนาการร ่วมรับรู้ ประสบการณ์ทางความคิดและความรู้สึกของกวีได้ดียิ่งขึ้น...” (วณัฐชา วรรณะอยู่ และ นพวรรณ งามรุ่งเรือง, 2562, น. 184)
31 ดังนั้นการประพันธ์บทละครเพลงของรพีพรจึงเกิดจากความรู้และประสบการณ์ ด้านวรรณศิลป์ที่สั่งสมมา ถ่ายทอดสู่การประพันธ์บทละครเพลงในรูปแบบฉันทลักษณ์ต่าง ๆ ปรากฏ เป็นบทละครเพลงที่มีความงดงามทางวรรณศิลป์ส่งต่อด้วยความไพเราะของบทเพลงสู่ผู้ชม ตัวอย่างบทละครเพลงของรพีพร บทประเภทแบบร้อยแก้ว จากบทตอนหนึ่งในเรื่อง ฉางกายหม่อมฉันต้องการชีวิต ฉางกายคืน (สะอื้นแล้วพูดต่อ) หม่อมฉันตาบอดถ้าไม่มีฉางกายคอยดูแล ชีวิตหม่อมฉันก็คงจบสิ้นใน ไม ่ช้า ไม ่ว ่าฉางกายจะผิดหรือถูก ได้โปรดเมตตาให้คนตาบอดอายุยืนยาวเถิดเพคะ ขอให้ลูกอยู่ ปรนนิบัติขอให้หม ่อมฉันได้ตายในอ้อมแขนของลูกก ่อนเถอะ จะเอาฉางกายไปฆ ่าแกงอย ่างไร หม่อมฉันจะไม่ปริปากวอนขอได้โปรดเถิดเพคะ (รพีพร, 2498) บทประพันธ์ประเภทร้อยกรอง จากบทตอนหนึ่งในเรื่อง มนต์รักนวลจันทร์ กลอนแปด หรือกลอนสุภาพ ยังมีอีก มีอีกอย่างกลางทรวงข้า เป็นความรักตระหนักว่าช่างน่าเขลา (ตบมือหัวเราะอย่างชนะ) รับรสทุกข์ทรมานนานชีพเนาว์ แต่รสเศร้าแสนหวานซาบซ่านทรวง ชีวิตเราบางครั้งบังเกิดทุกข์ รักปลอบปลุกชีพได้อย่างใหญ่หลวง มีเสน่ห์เล่ห์ล้ำอำนาจปวง สุดาดวงพึงประจักษ์รักนี่พลัน... กาพย์ฉบัง 16 ศรีประจัน (ยิ้มเยาะ) สิ่งผจง ห่อฟ้า อำไพ เห็นอยู่แต่ไกล ข้ารู้คือเมฆ อเนกอนันต์ เทพบุตร ขอถาม สิ่งใด สร้างสรรค์ ให้สาย ลมนั้น คงมีชีวิต จิตใจ ศรีประจัน (ยิ้มพยักหน้า) สิ่งนั้น ตอบได้ ทันใด กลิ่นหอม ดอกไม้ ชุบชีพ พระพาย พัดพาน
32 เทพบุตร (เกาหัว) ความรู้ ของนาง ช่างหาญ ขอถาม อีกสถาน อะไรเล่า ทำให้ มาลี ทรงพลัง บังเกิด ชีวี แก่ลม รื่นฤดี สิ่งใด เล่านาง สอางตา บทประพันธ์ที่มีฉันทลักษณ์ผสมผสาน จากบทตอนหนึ่งในเรื่องเวนิสวาณิช กลอนสุภาพผสมกับบทสนทนาแบบภาษาพูด “บัสสานิโย (คำนับ) ข้าพเจ้า เจียมตัวเจียมใจมาแต่เกิด ดังนั้น ไม ่อาจเอื้อม สัมผัสทองหรือเงิน แค่ตะกั่วก็สมใจสมฐานะแล้ว เนริสสา โปรดวางที่เดิมแล้วเปิดหีบ (บัสสานิโย เปิดหีบ หยิบภาพวาดปอร์เซียขึ้นมาคลี่ ชู ยิ้มกับปอร์ เซีย ปอร์เซียอาย ผินหลังให้) บัสสานิโย รูปโฉมตรูปอร์เซียผู้ศรีใส ศิลปินชาวสวรรค์จากชั้นใด ใดรูปได้ เหมือนแท้ ๆ แม่ทรามเชย (บัสสานิโย พลิกกระดาษด้านหลัง) บัสสานิโย (อ่านหลังรูป) สมปองแล้ว จงยินดี ถือโชคเป็นศรีตนตลอดชีพ ผันพักตร์สู ่นารี ร่วมรัก (มองไปยิ้มกับปอร์เซีย แล้วอ่านต่อ) อย่าเนิ่น เชิญเร่งรีบ รับขวัญ” (มหกรรมดนตรีและวิพิธทัศนาพิเศษ 5 รัชกาลเพลงไทยสากล, 2538, น. 64) จากข้อมูลที่ผู้วิจัยสืบค้นและทำการศึกษาอาจกล่าวได้ว่า บทละครเพลงของรพีพร มีการใช้รูปแบบฉันทลักษณ์ที ่หลากหลาย บทละครทั้งหมดมุ ่งเน้นการประพันธ์ที่ใช้คำสละสลวย ให้คุณค่าทางวรรณศิลป์ ตลอดจนการให้ผู้ชมเกิดอรรถรสในการชมละครเพลงผ่านบทละคร ซึ่งผู้วิจัย ได้รูปแบบการประพันธ์บทละครที่ผสมผสานทั้งฉันทลักษณ์ร้อยแก้ว ร้อยกรองตามรูปแบบละครเพลง ของรพีพร
33 2.4.2.2 เรื่องที่ใช้แสดง เรื่องที่ใช้ในการแสดงละครเพลงของรพีพรเป็นเรื่องราวที่มีที่มาหลากหลาย โดยแต่ละเรื่องมีแนวคิด ที่มา และเนื้อหาที่ต่างกัน ส่งผลให้ละครเพลงของรพีพรมีอัตลักษณ์และ จุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมทุกวัยสามารถชมการแสดงละครเพลงได้อย่างเข้าใจในการดำเนินเรื่อง ทั้งนี้เรื่องที่ ใช้ในการแสดงยังเป็นเรื่องที่สอดแทรกข้อคิดและคุณค่าที่ต่างกันออกไป ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาข้อมูลที่ ปรากฏในรูปแบบเอกสาร ภาพถ่าย ตลอดจนวีดิทัศน์การแสดงที่สามารถสืบค้นข้อมูลได้ ซึ่งพบว่า เรื ่องที ่ใช้ในการแสดงละครเพลงของรพีพร มีจำนวน 11 เรื ่อง ประกอบด้วย มนต์รักนวลจันทร์ นิมิตสวรรค์ ฉางกาย สวรรค์มืด ท ่าฉลอม ศกุนตลา เงือกน้อย สาวเครือฟ้า ขวัญใจจอมโจร เวนิสวาณิช และมโนห์ราถวายตัว (อัจฉราวรรณ ภู่สิริโรจน์, 2543, น. 44) ทั้งนี้อาจให้ข้อสังเกตได้ว่า เรื่องที่ใช้ในการแสดงละครเพลงของรพีพรอาจจะมีมากกว่า 11 เรื่อง โดยผู้วิจัยสันนิษฐานว่า รพีพร อาจนำเรื่องราวจากนวนิยาย บทละครโทรทัศน์ หรือบทละครภาพยนตร์มาจัดแสดงที่ตนเองประพันธ์ มาจัดแสดงละครเพลงก็เป็นได้ เนื่องจากรพีพรเป็นนักประพันธ์ที่มีผลงานด้านวรรณศิลป์มากมาย หลายเรื่อง โดยในส่วนนี้ผู้วิจัยขอนำเสนอเรื่องย่อที่ใช้ในการแสดงละครเพลงรพีพร ดังต่อไปนี้ 1) มนต์รักนวลจันทร์ เป็นเรื ่องราวที ่นำมาจากตำนานเรื ่องเล ่าของ เมืองลพบุรี เนื้อเรื่องกล่าวถึงท้าวกกขนากเจ้าเมืองลพบุรีต้องศรพระนารายณ์เสียบอกจมอยู่ในถ้ำ เขาวงพระจันทร์นั้น นางศรีประจันธิดาท้าวกกขนากถือโอกาสใช้คืนเดือนเพ็ญทอผ้าจีวรด้วยใยบัว เพื ่อถวายแด่พระศรีอริยเมตไตรย ด้วยเหตุนี้ปวงเทวาผู้ยังครองกิเลสครองโลกอยู ่พากันร้อนใจ ปวงเทวาจึงส่งเทพบุตรองค์หนึ่งมาทำลายพิธีทอจีวรของนางศรีประจัน โดยทำให้ใจของนางศรีประจัน เกิดความมัวหมองด้วยกิเลสให้จีวรพระศรีอริยเมตไตรยก็จะพินาศสูญสิ้น 2) นิมิตสวรรค์ เป็นเรื่องราวที่มาจากจินตนาการ เนื้อเรื่องกล่าวถึงนางงาม ผู้สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติตลอดจนการสมหวังในความรัก คืนหนึ่งเดือนหงาย นางเอกตื่นมาในยามดึก เดินลงไปชมสวนดอกไม้ที่โปรดปราน ดอกไม้แต่ละดอกมีชีวิตขึ้นมาร่ายรำ แสดงถึงในยามที่ความรักบันดาลสุขให้นาง การร่ายรำของดอกไม้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แต่ทันใดนั้นนางก็ลอบเห็นสามีอันเป็นที่รักกำลังคลอเคลียเฉยชมกับนางงามอีกคนโดยไม่รู้ว่านางลอบดูอยู่ เมื่อได้พบความรักทรยศต่อหน้าต่อตานางก็เสียใจร่ำไห้ได้คิดว่าดอกกุหลาบไม่ใช่ดอกไม้ที่ควรเลือก นางจึงเลือกเอาดอกบัวไว้เป็นดอกไม้แห่งชีวิตเพราะดอกบัวคือ เครื่องหมายแห่งความสุขสันติ