234 ตารางที่ 32 การประชาสัมพันธ์ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) ประเภท รูปภาพ ช่องทางการ ประชาสัมพันธ์ ป้าย นิทรรศการ นิทรรศการ
235 ตารางที่ 32 การประชาสัมพันธ์ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) ประเภท รูปภาพ ช่องทางการ ประชาสัมพันธ์ ป้าย นิทรรศการ นิทรรศการ ที่มา: ผู้วิจัย ขั้นตอนที่ 2 จัดสถานที่ในการนำเสนอผลงาน โดยกำหนดวันในการจัดเตรียมสถานที่ ก ่อนแสดง 1 วัน เริ ่มจากจัดสถานที ่ จัดตั้งจอสำหรับฉายวีดิทัศน์การแสดง จัดตั้งเก้าอี้สำหรับ คณะกรรมการและผู้ชม ตลอดจนนิทรรศการบริเวณด้านหน้าโรงละครศิลปนาฏดุริยางค์
236 ภาพที่ 52 จอสำหรับการฉายวีดิทัศน์การแสดงและเก้าอี้สำหรับผู้ชม ที่มา: ผู้วิจัย ภาพที่53 นิทรรศการบริเวณด้านหน้าโรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ ที่มา: ผู้วิจัย ขั้นตอนที่ 3 การนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก เริ ่มต้นด้วยอาจารย์ที ่ปรึกษา วิทยานิพนธ์ กล ่าวต้อนรับและรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการนำเสนอผลงาน จากนั้นผู้วิจัยได้ นำเสนอกระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก จากนั้นฉายวีดิทัศน์การแสดงละคร และ สรุปผล รายนามคณะกรรมการมีดังนี้
237 1) ศาสตราจารย์ ดร.ชมนาด กิจขันธ์ ประธานกรรมการ 2) รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา สายทองคำ อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก 3) รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม 4) อาจารย์ ดร.ชนัย วรรณะลี กรรมการ 5) อาจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา กรรมการ ซึ่งผลจากการนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก ที่ได้ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ ผู้วิจัยขอสรุปและนำเสนอในหัวข้อต่อไป ภาพที่54 คณะกรรมการและผู้วิจัย ที่มา: ผู้วิจัย 2.2 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข จากการนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยได้รับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ รวมถึงการทบทวนถึงปัญหาที ่เกิดขึ้นรายประเด็น พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจหรือผู้ที่มีความประสงค์สร้างสรรค์ละครเพลง
238 ตารางที่ 33 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข ข้อ ปัญหาที่พบ แนวทางในการแก้ไข 1 สุนทรียะการรับชมวีดิทัศน์การแสดง ด้อยกว่าการรับชมการแสดงบนเวทีจริง การกำหนดพื้นที่การนำเสนอละคร เพลง เรื่องโทนรักในครั้งแรก กำหนดใช้ โรงละครวังหน้าเป็นรูปแบบการแสดงบน เวทีจริง แต่เนื่องด้วยโรงละครวังหน้าเกิด ภัยทางธรรมชาติและการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ส ่งผลให้ ผู้วิจัยจึงต้องปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการแสดง ตลอดจนปรับเปลี่ยนแนวทางในการนำเสนอ จากเดิมคือการแสดงบนเวที มาเป็นการบันทึก วีดิทัศน์การแสดง มุ ่งเผยแพร ่ในระบบ ออนไลน์ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับบทให้มี ความเหมาะสมกับการบันทึกวีดิทัศน์ซึ่งผล จากการทดลองบันทึกวีดิทัศน์ พบว่า ถึงแม้จะมีการปรับบทและการฝึกซ้อมให้ เหมาะสมกับการบันทึกวีดิทัศน์หรือวันที่ ดำเนินการบันทึกวีดิทัศน์สำเร็จลุล ่วงไป ด้วยดี แต ่ผลที ่เกิดขึ้นคือ สุนทรียะของ วีดิทัศน์การแสดงด้อยกว ่าการแสดงบน เวทีจริง เพราะการรับชมจากจอฉาย วีดิทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์หรือ จอโทรศัพท์เคลื ่อนที่ เป็นการชมแบบ ภาพกว้าง ทำให้ผู้ชมเห็นรายละเอียด ต่าง ๆ ของละคร ซึ่งต่างไปจากการรับชม สดบนเวที อาจเป็นเพราะภาพที่นำเสนอ ผ ่ านห น้ า จ อไ ม ่ ส า ม า ร ถ ถ ่ า ย ท อ ด รายละเอียดของอารมณ์ของนักแสดงได้ การเผยแพร่การแสดงครั้งต่อไปควรจัด แสดงสดบนเวที โดยปรับการใช้ฉากเป็นการจอฉาย ภาพบนจอ LED แทนการใช้การตัดต่อด้วย เทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ซึ ่งการ แสดงสดจะสามารถสร้างสุนทรียะทางการ แสดงให้กับผู้ชม ทั้งนี้ผู้ชมสามารถรับ อรรถรสจากละครได้อย่างสมบูรณ์มากกว่า การบันทึกวีดิทัศน์การแสดง
239 ตารางที่ 33 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข (ต่อ) ข้อ ปัญหาที่พบ แนวทางในการแก้ไข 2 ด้านทักษะการแสดงละครเวทีของ นักศึกษาและผู้ร่วมแสดง ผู้วิจัยกำหนดนักแสดงละครเพลง เรื ่องโทนรัก ส ่วนใหญ ่เป็นนักศึกษาใน หลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ไทย ซึ ่งผู้วิจัยได้คัดเลือกตรงตามคุณสมบัติ แต่พบว่านักแสดงมีทักษะด้านการแสดง ละครเวทีค่อนข้างน้อย โดยหลักสูตรศิลป บัณฑิต สาขานาฏศิลป์ไทย มีเพียง รายวิชาการแสดง (Acting) ที ่เป็นการ เรียนรู้การแสดงแบบละครเบื้องต้น ทำให้ ทักษะดังกล่าวไม่เพียงพอ จัดผู้ฝึกทักษะการแสดง (Acting Coach) จากปัญหาดังกล ่าวที ่เกิดขึ้นทำให้ ผู้วิจัยวางแผนฝึกทักษะการแสดงละครเวที เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้แสดง ดังนี้ 1) จัดผู้ฝึกทักษะการแสดง คือ อาจารย์เอกลักษณ์ หนูเงิน อาจารย์ญาณวุฒิ ไตรสุวรรณ เป็นผู้ฝึกทักษะเพิ่มเติม จำนวน 3 ครั้ง 2) เชิญ ดร.สุรัตน์ จงดา 3) มาให้ข้อเสนอแนะในการออกเสียง การพูดของตัวละคร 4) เชิญอาจารย์ศุภวัฒน์ หงสา กำกับดูแลการฝึกทักษะการบันทึก วีดิทัศน์ จากการฝึกทักษะข้างต้น พบว่า นักแสดงมีทักษะการแสดงเวทีที ่ดีขึ้น ตามลำดับ โดยสามารถแสดงท่าทาง สีหน้า อารมณ์ได้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวละคร และการร้องเพลงประกอบการแสดงได้ดีขึ้น
240 ตารางที่ 33 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข (ต่อ) ข้อ ปัญหาที่พบ แนวทางในการแก้ไข 3 งบประมาณในการจัดทำผลงาน ผู้วิจัยกำหนดงบประมาณในการ สร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ผลงาน ระดับดุษฎีบัณฑิต ไว้ไม ่เกิน 100,000 บาท โดยการดำเนินการสร้างสรรค์ครั้งนี้ ใช้งบประมาณ จำนวน 80,000 บาท ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพในการบันทึกวีดิทัศน์ และการตัดต่อ รวมทั้งการใช้เทคนิคพิเศษ ที ่ต้องใช้งบประมาณในการจัดจ้ าง ผู้เชี ่ยวชาญที ่มีความเป็นมืออาชีพ เฉพาะทาง จัดหาแหล่งทุน ในการจัดทำวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎี บัณฑิต รูปแบบการสร้างสรรค์ควรจัดหา แหล ่งทุนเพื ่อสนับสน ุนการดำเนินงาน ให้เพียงพอจากแหล่งทุนต่าง ๆ เช่น สำนัก งานวิจัยแห่งชาติ หรือหน่วยงานเอกชนที่ให้ การสนับสนุน ที่มา: ผู้วิจัย 2.3 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก หลังจากชมการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยได้จัดทำแบบประเมินคุณภาพ ผลงานสำหรับผู้ชมที ่มีต ่อละครเพลง เรื ่องโทนรัก จำนวน 50 คน ใช้วิธีการประเมินผ ่านระบบ Google form โดยกำหนดกลุ่มผู้ชมจากโครงการนักเรียนสาธิตเสริมสมอง สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ซึ่งผู้วิจัยมีเหตุผลในการคัดเลือก คือ 2.3.1 จำนวนสมาชิก มากกว่า 200 คน 2.3.2 สมาชิกมีความหลากหลายทางเพศ อายุ การศึกษา 2.3.3 สมาชิกทุกคนอยู ่ร ่วมกันในกลุ ่มแอพลิเคชั ่น ไลน์ (Line)ชื ่อ สาธิตเสริมสมอง Family การประเมินคุณภาพในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดส่งวีดิทัศน์การแสดงละครเพลง เรื ่องโทนรัก ลงไปในกลุ ่มแอพลิเคชั ่น ไลน์ (Line) ชื ่อกลุ ่ม สาธิตเสริมสมอง Family โดยแจ้ง รายละเอียดของวัตถุประสงค์การวิจัย แนวคิดและรูปแบบการแสดง พร้อมทั้งส่งแบบประเมินคุณภาพ ผลงานควบคู่ไปด้วย
241 ภาพที่55 โครงการนักเรียนสาธิตเสริมสมอง สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ที่มา: โครงการนักเรียนสาธิตเสริมสมอง สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช (2566, ออนไลน์) ภาพที่56 กลุ่มแอพลิเคชั่น ไลน์ (Line) ชื่อ สาธิตเสริมสมอง Family ที่มา: ผู้วิจัย
242 ภาพที่ 57 กลุ่มแอพลิเคชั่น ไลน์ (Line) ชื่อ สาธิตเสริมสมอง Family ที่มา: ผู้วิจัย แบบประเมินคุณภาพของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก มีรูปแบบการประเมิน แบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) โดยมีเกณฑ์ในการให้คะแนน ดังตารางที่ 34 ตารางที่ 34 การแปลค่าแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ระดับความพึงพอใจ คะแนน ความพึงพอใจมากที่สุด 5 คะแนน ความพึงพอใจมาก 4 คะแนน ความพึงพอใจปานกลาง 3 คะแนน ความพึงพอใจน้อย 2 คะแนน ความพึงพอใจน้อยที่สุด 1 คะแนน ที่มา: ผู้วิจัย การแปลค่าระดับความพึงพอใจแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มี ต่อการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณค่าสถิติเบื้องต้น (ค่าเฉลี่ย) กำหนดเกณฑ์ดังตารางที่ 35
243 ตารางที่ 35 การแปลค่าระดับความพึงพอใจแบบประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อ การแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ค่าเฉลี่ย แปลค่า 4.51-5.00 มากที่สุด 3.51-4.50 มาก 2.51-3.50 ปานกลาง 1.51-2.50 น้อย 1.00-1.50 น้อยที่สุด ที่มา: ผู้วิจัย ประเด็นที่ผู้วิจัยนำไปใช้เพื่อการประเมินคุณภาพของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทน รัก จำแนกได้ตามหัวข้อดังนี้ 1) แนวคิดการแสดง 1.1) การแสดงเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครเพลงรพีพรได้อย่างชัดเจน 1.2) การแสดงคงความสุนทรียะในละครเพลงได้อย่างครบถ้วน 1.3) เรื่องราวที่นำมาแสดงสามารถบูรณาการกับศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน ได้อย่างเหมาะสม มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม 2) รูปแบบการแสดง และเพลงประกอบการแสดง 2.1) รูปแบบการแสดง “ร้อง เล ่น เต้น ระบำ” มีความเหมาะสมกับละครเพลง เรื่องโทนรัก 2.2) รูปแบบของเพลงมีการบูรณาการเพลงที่หลากหลาย เหมาะสมกับแนวคิด ละครเพลง เรื่องโทนรัก 2.3) รูปแบบของเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มีความไพเราะ เหมาะสม 3) องค์ประกอบการแสดง 3.1) ด้านบทละคร 3.1.1) เนื้อเรื ่องและบทละครที ่ประพันธ์ขึ้นใหม ่มีเนื้อหาที ่น ่าสนใจ เหมาะสมแก่การแสดง 3.1.2) บทร้องมีความสอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและการแสดง
244 3.1.3) บทละครใช้ภาษาไพเราะสละสลวยเสนอข้อคิดสู่ผู้ชมได้อย่างชัดเจน ตรงประเด็น 3.2) ด้านนักแสดง 3.2.1) การคัดเลือกผู้แสดงมีบุคลิกภาพ และทักษะ 3.2.2) การแสดงเหมาะสมกับบทบาทตัวละคร 3.2.3) ผู้แสดงสามารถถ่ายทอดเรื่องราว และอารมณ์ตามบทบาทได้อย่างดี 3.2.4) องค์รวมของผู้แสดงมีความเหมาะสมทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจ ติดตามการแสดงได้อย่างต่อเนื่อง 3.3) ด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง 3.3.1) เพลงในการแสดงเหมาะสมกับอารมณ์และสอดคล้องกับการดำเนินเรื่อง 3.3.2) ดนตรีประกอบการแสดงมีความไพเราะร่วมสมัย สื่อสารอารมณ์ตามบท ละครได้อย่างชัดเจน 3.3.3) ดนตรีและเพลง มีความไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับผู้ชมในยุคปัจจุบัน 3.4) ด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง 3.4.1) การออกแบบลีลาท ่าทางของผู้แสดงที ่ประกอบด้วยท ่าทางใน ชีวิตประจำวัน ท่านาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัยมีความเหมาะสม 3.4.2) การออกแบบลีลาท่าทาง เหมาะสมกับการร้องเพลงในละครเพลง 3.4.3) องค์รวมของท่าทางประกอบการแสดง 3.5) ด้านเครื่องแต่งกาย 3.5.1) เครื่องแต่งกาย มีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง 3.5.2) เครื่องแต่งกายมีความสอดคล้องกับยุคสมัยชัดเจน 3.5.3) เครื่องแต่งกายมีความสวยงามในการใช้สี 3.5.4) การออกแบบทรงผม เครื่องประดับสอดคล้องกับบทบาทตัวละคร 3.6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง 3.6.1) นำสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ (โครมาคีย์) มาบูรณาการกับการบันทึก วีดิทัศน์และตัดต่อละครเพลงได้อย่างเหมาะสม 3.6.2) ฉากประกอบการแสดงมีความเสมือนจริงสอดคล้องกับบทละคร
245 3.6.3) ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดงส ่งเสริมเนื้อเรื ่องให้มีความ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 3.7) แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่การแสดงได้อย่างชัดเจน 3.8) ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม 3.9) การใช้พื้นที่ในการแสดงมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะ เพลง และเครื่องแต่งกาย 3.10) องค์ประกอบการแสดงมีความสอดคล้องเหมาะสมกันอย่างเป็นเอกภาพ 3.11) การแสดงส่งผลให้ท่านตระหนักถึงข้อคิด “..อย่าลืมราก..ความเป็นเรา..” 3.12) การแสดงส่งผลให้ท่านตระหนักถึงการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รำโทน 3.13) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้และเข้าใจที่มาของรำวงมาตรฐาน 3.14) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้สถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 3.15) การแสดงเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 3.16) ภาพรวมของการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีรายละเอียดดังตาราง 36 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก หัวข้อ ประเมิน ประเด็นข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 1. แนวคิด การแสดง 1.1 การแสดงเป็น การอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครเพลง รพีพรได้อย่างชัดเจน 33 16 1 50 4.64 มาก ที่สุด 1.2 การแสดงคง ความสุนทรียะใน ละครเพลง ได้อย่างครบถ้วน 35 14 1 50 4.68 มาก ที่สุด
246 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็น ข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่า เฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 1.3 เรื่องราวที่ นำมาแสดง สามารถบูรณา การกับ ศิลปะการแสดง พื้นบ้านรำโทน ได้อย่าง เหมาะสม มีความน่าสนใจ ชวนติดตาม 31 17 2 50 4.58 มาก ที่สุด 2. รูปแบบ การแสดง และ เพลง ประกอบ การแสดง 2.1 รูปแบบ การแสดง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” มีความเหมาะสม กับละครเพลง เรื่องโทนรัก 36 12 2 50 4.68 มาก ที่สุด 2.2 รูปแบบของ เพลงมีการบูรณา การเพลงที่ หลากหลาย เหมาะสมกับ แนวคิดละครเพลง เรื่องโทนรัก 36 12 2 50 4.68 มาก ที่สุด 2.3 รูปแบบของ เพลงที่สร้างสรรค์ ขึ้นใหม่มีความ ไพเราะ เหมาะสม 35 13 2 50 4.66 มาก ที่สุด
247 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็น ข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่า เฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3. องค์ประกอบ การแสดง ด้านบทละคร 3.1 เนื้อเรื่องและ บทละครที่ ประพันธ์ขึ้นใหม่มี เนื้อหาที่น่าสนใจ เหมาะสมแก่ การแสดง 33 15 2 50 4.62 มาก ที่สุด 3.2 บทร้องมี ความสอดคล้อง เหมาะสมกับ เนื้อเรื่อง และการแสดง 38 10 2 50 4.72 มาก ที่สุด 3.3 บทละครใช้ ภาษาไพเราะ สละสลวย เสนอข้อคิดสู่ผู้ชม ได้อย่างชัดเจน ตรงประเด็น 34 14 2 50 4.64 มาก ที่สุด ด้านนักแสดง 3.4 การคัดเลือก ผู้แสดงมี บุคลิกภาพ และ ทักษะการแสดง ละคร 38 10 2 50 4.72 มาก ที่สุด
248 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็น ข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่า เฉลี่ย แปลค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3.5 การแสดง เหมาะสมกับ บทบาท ตัวละคร 36 12 2 50 4.68 มาก ที่สุด 3.6 ผู้แสดง สามารถถ่ายทอด เรื่องราว และ อารมณ์ตาม บทบาท ได้อย่างดี 36 12 2 50 4.68 มาก ที่สุด 3.7 องค์รวม ของผู้แสดง มีความ เหมาะสม ทำให้ผู้ชมเกิด ความสนใจ ติดตาม การแสดงได้ อย่างต่อเนื่อง 33 15 2 50 4.62 มาก ที่สุด ด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง 3.8 เพลงใน การแสดง เหมาะสมกับ อารมณ์และ สอดคล้องกับ การดำเนินเรื่อง 38 9 3 50 4.70 มาก ที่สุด
249 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็น ข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่า เฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3.9 ดนตรี ประกอบการแสดง มีความไพเราะ ร่วมสมัย สื่อสาร อารมณ์ตามบท ละครได้อย่าง ชัดเจน 38 10 2 50 4.72 มาก ที่สุด 3.10 ดนตรีและ เพลง มีความ ไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับผู้ชม ในยุคปัจจุบัน 38 10 2 50 4.72 มาก ที่สุด ด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง 3.11 การ ออกแบบลีลา ท่าทางของ ผู้แสดงที่ ประกอบด้วย ท่าทางธรรมชาติ และ ท่านาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ ร่วมสมัย มีความเหมาะสม การออกแบบลีลา ท่าทาง เหมาะสม กับการร้องเพลง ในละครเพลง 37 11 2 50 4.70 มาก ที่สุด
250 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็น ข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่า เฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 3.12 การ ออกแบบลีลา ท่าทาง เหมาะสม กับการร้องเพลง ในละครเพลง 34 14 2 50 4.64 มาก ที่สุด 3.13 องค์รวม ของท่าทาง ประกอบ การแสดง 36 13 1 50 4.70 มาก ที่สุด ด้านเครื่องแต่งกาย 3.14 เครื่องแต่ง กาย มีความ เหมาะสมกับเนื้อ เรื่อง 35 14 1 50 4.68 มาก ที่สุด 3.15 เครื่องแต่ง กายมีความ สอดคล้องกับยุค สมัยชัดเจน 39 9 2 50 4.74 มาก ที่สุด 3.16 เครื่องแต่ง กายมีความ สวยงาม ในการใช้สี การออกแบบทรง ผม เครื่องประดับ สอดคล้องกับ บทบาทตัวละคร 37 10 3 50 4.68 มาก ที่สุด
251 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็นข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง 3.17 นำสื่อ เทคโนโลยีสมัยใหม่ (โคมาคีย์) มาบูรณาการกับ บันทึกวีดิทัศน์และ ตัดต่อละครเพลง ได้อย่างเหมาะสม 35 9 6 50 4.58 มาก ที่สุด 3.18 ฉาก ประกอบการแสดง มีความเสมือนจริง สอดคล้องกับ บทละคร 36 7 7 50 4.58 มาก ที่สุด 3.19 ฉากและ อุปกรณ์ประกอบ การแสดงส่งเสริม เนื้อเรื่องให้มีความ สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 33 10 6 50 4.56 มาก ที่สุด 4. องค์รวม ของผลงาน 4.1 แนวคิดในการ สร้างสรรค์งาน ถ่ายทอดสู่การ แสดงได้อย่าง ชัดเจน 35 13 2 50 4.66 มาก ที่สุด 4.2 ระยะเวลา ที่ใช้แสดงมีความ เหมาะสม 35 12 3 50 4.64 มาก ที่สุด
252 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน ประเด็นข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 4.3 การใช้พื้นที่ใน การแสดงมี ความสัมพันธ์ สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะ เพลงและ เครื่องแต่งกาย 35 12 3 50 4.64 มาก ที่สุด 4.4 องค์ประกอบ การแสดงมีความ สอดคล้องเหมาะสม กันอย่างเป็น เอกภาพ 36 11 3 50 4.66 มาก ที่สุด 4.5 การแสดงส่งผล ให้ท่านตระหนักถึง ข้อคิด “...อย่าลืม ราก...ความเป็นเรา ...” 38 9 3 50 4.70 มาก ที่สุด 4.6 การแสดงส่งผล ให้ท่านตระหนักถึง การอนุรักษ์ ศิลปะการแสดง พื้นบ้านรำโทน 38 9 3 50 4.70 มาก ที่สุด 4.7 การแสดงส่งผล ให้ท่านเรียนรู้และ เข้าใจที่มาของ รำวงมาตรฐาน 39 8 3 50 4.72 มาก ที่สุด
253 ตารางที่36 ผลการประเมินคุณภาพผลงาน ละครเพลง เรื่องโทนรัก (ต่อ) ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางที่ 36 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ชมที ่มีต ่อละครเพลง เรื่องโทนรักผ่านการเก็บข้อมูลด้วยระบบกูเกิล ฟอร์ม Google Forms พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุดในทุกด้าน โดยผู้วิจัยสามารถสรุปผลการประเมินซึ่งปรากฎรายละเอียด ดังนี้ การประเมินด้านแนวคิดการแสดง พบว ่ามีความพึงพอใจอยู ่ในระดับมากที ่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) การแสดงเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด พัฒนาละครเพลงรพีพรได้อย ่าง ชัดเจน มีค ่าเฉลี ่ย (̅) เท ่ากับ 4.64 (2) การแสดงคงความสุนทรียะในละครเพลงได้อย ่างครบถ้วน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 (3) เรื่องราวที่นำมาแสดงสามารถบูรณาการกับศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รำโทนได้อย่างเหมาะสม มีความน่าสนใจชวนติดตาม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.58 และผลการประเมิน รวมในด้านแนวคิดการแสดงมีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.63 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด หัวข้อ ประเมิน ประเด็นข้อคำถาม ระดับความพึงพอใจ จำนวน (คน) ค่าเฉลี่ย แปล ค่า มาก ที่สุด (5) มาก (4) ปาน กลาง (3) น้อย (2) น้อย ที่สุด (1) 4.8 การแสดง ส่งผลให้ท่านเรียนรู้ สถานที่สำคัญรอบ เกาะรัตนโกสินทร์ 31 15 4 50 4.54 มาก ที่สุด 4.9 การแสดงเป็น ส่วนหนึ่งในการ ส่งเสริมการ ท่องเที่ยวรอบเกาะ รัตนโกสินทร์ 33 12 5 50 4.56 มาก ที่สุด 4.10 ภาพรวม ของการแสดง ละครเพลง เรื่อง โทนรัก 38 9 3 50 4.70 มาก ที่สุด
254 การประเมินด้านรูปแบบและเพลงประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) รูปแบบการแสดง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” มีความเหมาะสมกับ ละครเพลง เรื ่องโทนรัก มีค ่าเฉลี ่ย (̅) เท ่ากับ 4.68 (2) รูปแบบของเพลงมีการบูรณาการเพลงที่ หลากหลาย เหมาะสมกับแนวคิดละครเพลง เรื่องโทนรัก มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 (3) รูปแบบของเพลง ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่มีความไพเราะ เหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 และผลการประเมินรวมด้าน รูปแบบและเพลงประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.67 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด การประเมินด้านองค์ประกอบการแสดง แบ่งได้ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านบทละคร 2) ด้านผู้แสดง 3) ด้านเพลงและดนตรีประกอบการแสดง 4) ด้านลีลาประกอบการแสดง 5) ด้านเครื่องแต่ง กาย 6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง โดยผู้วิจัยได้กำหนดคุณลักษณะของประเด็นย่อยที่ใช้ใน การประเมินองค์ประกอบดังกล่าว ปรากฏรายละเอียด ดังนี้ 1) ด้านบทละคร พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) เนื้อเรื่องและบทละครที่ประพันธ์ขึ้นใหม่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เหมาะสมแก่การแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.62(2) บทร้องมีความสอดคล้องเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.72 (3) บท ละครใช้ภาษาไพเราะสละสลวย เสนอข้อคิดสู่ผู้ชม ได้อย่างชัดเจนตรงประเด็น มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 และผลการประเมินรวมด้านบทละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ด้านผู้แสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 4 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) การคัดเลือกผู้แสดงมีบุคลิกภาพและทักษะการแสดงละครที่เหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.72 (2) การแสดงเหมาะสมกับบทบาทตัวละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 (3) ผู้แสดงสามารถถ่ายทอด เรื่องราว และอารมณ์ตามบทบาทได้อย่างดี มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 (4) องค์รวมของผู้แสดงมีความ เหมาะสมทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจติดตามการแสดงได้อย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.62 และผล การประเมินรวมด้านผู้แสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.67 ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3) ด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง พบว ่ามีความพึงพอใจอยู ่ในระดับ มากที ่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย ่อย ได้แก ่ (1) เพลงในการแสดงเหมาะสมกับอารมณ์และสอดคล้องกับ การดำเนินเรื่อง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (2) ดนตรีประกอบการแสดงมีความไพเราะร่วมสมัย สื ่อสารอารมณ์ตามบทละครได้อย ่างชัดเจน มีค ่าเฉลี ่ย (̅) เท ่ากับ 4.72 (3) ดนตรีและเพลง มีความไพเราะร่วมสมัย เหมาะสมกับผู้ชมในยุคปัจจุบัน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.72 และผลการ
255 ประเมินรวมด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.71 ความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุด 4) ด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย ่อย ได้แก ่ (1) การออกแบบลีลาท ่าทางของผู้แสดงที ่ประกอบด้วยท ่าทางใน ชีวิตประจำวันท่านาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัยมีความเหมาะสมกับละครเพลง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (2) การออกแบบลีลาท่าทางเหมาะสมกับการร้องเพลงในละครเพลง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 (3) องค์รวมของท่าทางประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 และผลการ ประเมินรวมด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 ความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด 5) ด้านเครื่องแต่งกาย พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) เครื่องแต่งกาย มีความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 (2) เครื่องแต่งกาย มีความสอดคล้องกับยุคสมัยชัดเจน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.74 (3) เครื่องแต่งกายมีความสวยงาม ในการใช้สี (4) การแต่งหน้าและทรงผมสอดคล้องกับบทบาทตัวละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 และผลการประเมินรวมด้านเครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 ความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด 6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุดทั้ง 3 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) นำสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ (โครมาคีย์) มาบูรณาการกับการบันทึก วีดิทัศน์และตัดต่อละครเพลงได้อย่างเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.58 (2) ฉากประกอบการ แสดงมีความเสมือนจริงสอดคล้องกับบทละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.58 (3) ฉากและอุปกรณ์ ประกอบการแสดงส่งเสริมเนื้อเรื่องให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.56 และผล การประเมินรวมด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.57 ความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด การประเมินด้านองค์รวมของผลงาน พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 10 ประเด็นย่อย ได้แก่ (1) แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ ่ายทอดสู ่การแสดงได้อย ่างชัดเจน มีค ่าเฉลี ่ย (̅) เท่ากับ 4.66
256 (2) ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 (3) การใช้พื้นที่ในการแสดงมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะเพลงและ เครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 (4) องค์ประกอบการแสดงมีความสอดคล้องเหมาะสมกันอย ่างเป็นเอกภาพ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 (5) การแสดงส ่งผลให้ท ่านตระหนักถึงข้อคิด “...อย่าลืมราก...ความเป็นเรา...” มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (6) การแสดงส ่งผลให้ท ่านตระหนักถึงการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (7) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้และเข้าใจที่มาของรำวงมาตรฐาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.72 (8) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้สถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.54 (9) การแสดงเป็นส ่วนหนึ ่งในการส ่งเสริมการท ่องเที ่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.56 (10) ภาพรวมของการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 และผลการประเมินรวมด้านองค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.65 ระดับมากที่สุด จากผลการประเมินรวมทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) แนวคิดการแสดง 2) รูปแบบการแสดง และการร้องเพลง 3) องค์ประกอบการแสดง 4) องค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.65 ระดับ มากที่สุด ผลการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากแบบสอบถามปลายเปิด เพื่อให้ ผู้ชมได้เสนอความคิดเห็นและข้อแนะนำอย ่างอิสระ ผ ่านระบบกูเกิล ฟอร์ม (Google Forms) โดยผู้วิจัยสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชม ปรากฏดังตาราง 37
257 ตารางที่37 ตารางแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชม กลุ่ม ความคิดเห็น ครู อาจารย์ 1. เป็นการแสดงที่ดีมาก ๆ นักแสดงดี ดนตรีดี เนื้อหาดี 2. ขอชื่นชมผู้จัดทำ มีความคิดสร้างสรรค์ มองเห็นความแปลกใหม่ของ บทละคร ที่นำรากไทยมานำเสนอ ในรูปแบบที่สนุก และเพลิดเพลิน 3. เรื่องราวน่าสนใจ แสดงดี 4. เพลงมีความไพเราะ 5. ชื่อเรื่อง “รักโทน” น่าจะเหมาะและสื่อถึงเนื้อหาการแสดงมากกว่า “โทนรัก” นักเรียน นักศึกษา 1. รู้ที่มาของรำวง 2. ตัดต่อไม่ค่อยเนียน ทำให้ปากนักแสดงไม่ตรงตามเสียง ส่วนตัวคิดว่าถ้า เล่นสดหรือจัดฉากเสมือนจริงที่ไม่ใช่การใช้พื้นหลังเขียวภาพจะออกมาดีกว่า บางฉากมันลอย ๆ นักแสดงนำไม่ค่อยจับโฟกัสกล้องตอนที่เปิดฉากแรก 3. ถูกต้องเลย อย่าลืมราก ความเป็นเรา คือเป็นไทยนั่นเอง 4. เลือกนักแสดงได้ดีเลยค่ะ ชอบเนื้อเรื่อง น่าติดตามตลอดเรื่อง 5. เป็นแนวคิดที่ดีขอชื่นชมผู้จัดทำค่ะ 6. ทำออกมาได้สร้างสรรค์ จากไม่รู้จักศิลปะรำไทย เป็นต้องได้รู้จักและรู้สึก ซาบซึ้งในมรดกไทย กลุ่มอาชีพอื่น ๆ 1. สนุก ทำเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจแปลกใหม่ดี แถมยังได้เรียนรู้ศิลปะ พื้นบ้าน 2. ชอบค่ะชอบมาก ๆ เลย ซาบซึ้งถึงมรดกพื้นบ้าน ยิ่งดูยิ่งรักบ้านเกิด ผู้จัดทำคิดค้น และทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ ดูแล้วดูอีกไม่เบื่อ 3. สนุกดีค่ะ แปลกใหม่ ไม่น่าเบื่อ ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางพบว่าการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื ่องโทนรัก พบว ่า ผู้ชมส ่วนมากมีความคิดเห็นชื ่นชมละครเพลง เรื ่องโทนรัก ทั้งด้านบทเพลง เนื้อเรื่อง องค์ประกอบการแสดงและการสอดแทรกการอนุกรักษ์ศิลปะการแสดงรำโทน แต่ยังคงมี ความคิดเห็นที่แสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์ละครเพลงที่ควรคำนึงถึงการแสดงสดบนเวทีเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสุนทรียะทางการแสดงมากกว่าการชมผ่านวีดิทัศน์การแสดง นอกจากนี้ยังปรากฏ การเสนอให้ตั้งชื่อเรื่องว่า รักโทน มากกว่า โทนรัก
258 3. องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์โดย จำแนกออกได้ 2 ประเด็นดังนี้ 3.1 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ประกอบด้วย 3.1.1 การบริหารจัดการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ทุกองค์ประกอบด้วย ตนเอง ซึ่งเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ผู้วิจัยได้ค้นพบในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ โดยพบว่า การสร้างสรรค์ ละครเพลง เรื่องโทนรัก เป็นวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิตที่ส่งผลให้ผู้วิจัยได้รับทักษะหลากหลาย ด้านผ่านกระบวนสร้างสรรค์ละครทุกองค์ประกอบด้วยตนเอง ได้แก่ การสร้างแนวคิด การกำหนด รูปแบบการแสดง การสร้างบทละคร การประพันธ์เพลง การออกแบบลีลา การออกแบบเครื่องแต่ง กาย การออกแบบการแต่งหน้าและทรงผม การออกแบบการใช้พื้นที่บนเวที การออกแบบฉาก แสง สี และเสียงพิเศษ รวมทั้งก่อให้เกิดกระบวนการคิดในด้านการบูรณาการเทคโนโลยีร่วมกับการแสดง ละคร นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทักษะด้านอำนวยการ ควบคุม วางแผน ดูแลและกำกับการสร้างสรรค์ ละครเพลง เรื่องโทนรัก ในการรับหน้าที ่ ผู้อำนวยการสร้าง (Producer) และ ผู้กำกับ (Director) โดยองค์ความรู้ที่ค้นพบมีรายละเอียดดังนี้ 3.1.1.1 การสร้างแนวคิด พบว ่า การสร้างละครเรื ่องใหม ่ เป็นการสร้าง กระบวนการคิดแบบรอบด้าน โดยพิจารณาจากปัจจัยที ่เกี ่ยวข้องกับผู้วิจัยอันหมายถึง ความรู้ ประสบการณ์ ความสนใจ รวมทั้งบริบทสังคม จากนั้นแยกส่วนประกอบต่าง ๆ ทำการศึกษา ค้นคว้า เทียบเคียงและจำแนกรายละเอียดแต่ละส่วน เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์สู่แนวคิดการสร้างละคร เรื่องใหม่ จากนั้นกระบวนการคิดของผู้วิจัยส่งผลให้เกิดการคิดเชิงระบบ เป็นกระบวนการคิดที่มีระบบ อย่างเป็นขั้นตอน 3.1.1.2 การกำหนดรูปแบบการแสดง สามารถบูรณาการการแสดงในลักษณะ ต ่าง ๆ มาร้อยเรียงให้สอดคล้องและสัมพันธ์กัน คือ รูปแบบการแสดง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” โดยพบว่า 1) ร้อง คือ การดำเนินเรื่องราวไปตามบทละครด้วยการร้องเพลงสลับ การพูดและเจรจา 2) เล่น คือ การเล่นหรือการดำเนินเรื่องตามบทละคร โดยนักแสดงเป็น ผู้แสดงออกทางการร้อง การพูด แสดงลีลา ท่าทาง รวมไปถึงลักษณะสีหน้าและอารมณ์ 3) เต้น คือ การเต้นโดยนักแสดงใช้ท่าทางในชีวิตประจำวัน ลีลาท่าทาง แบบนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย
259 4) ระบำ คือ การที ่นักแสดงใช้ท ่าทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ ร่วมสมัย ด้วยลีลาท่าทางเดียวกันพร้อมเพรียงกันหรือแตกต่างกันตามทำนองเพลง โดยทั้ง 3 รูปแบบสามารถนำมาร้อยเรียงให้เกิดเอกภาพในการแสดงละครได้ นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดสุนทรียะทางการแสดงให้ปรากฏในละครเพลงได้อย่างลงตัว 1) การสร้างบทละครและการประพันธ์เพลง พบว่า ผู้วิจัยเกิดกระบวนการคิดนอก กรอบด้านการสร้างบทละครและการประพันธ์เพลง โดยเกิดจากความไม ่คุ้นเคย ไม ่มั ่นใจใน ความสามารถด้านการสร้างบทละครและการประพันธ์เพลง ซึ่งจากขั้นตอนการสร้างบทละครและการ ประพันธ์เพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยได้ดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนได้บทละครฉบับสมบูรณ์ โดยการ ประพันธ์บทละครในครั้งนี้เป็นการสร้างประสบการณ์ในการประพันธ์โครงเรื่องและการประพันธ์เพลง ซึ่งเป็นการถ่ายทอดจากประสบการณ์ องค์ความรู้ที่ได้ค้นคว้า ผสมผสานกับการทดลองฝึกปฏิบัติทำ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ การสร้างบทละครเพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยได้เรียนรู้กระบวนการในการเขียนบทที่มี รายละเอียดที่ซับซ้อนและมากมาย ทั้งตัวละคร สถานการณ์ สถานที่ บรรยากาศที่เกิดขึ้นในละคร ตลอดจนการร้อยเรียงให้เชื ่อมโยงสัมพันธ์กันในแต ่ละฉากอย ่างเป็นเอกภาพตั้งแต ่ต้นจนจบ ประกอบด้วย 1.1) ลำดับเหตุการณ์จากการสร้างจินตนาการถึงบรรยากาศที ่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่พึงเกิดขึ้นในชีวิตจริง ดำเนินเรื่องจากเหตุการณ์หนึ่งพัฒนาไปสู่อีกเหตุการณ์ หนึ่งตามลำดับโดยคำนึงถึงเหตุผลที่มีความเหมาะสมและความน่าจะเป็นที่ควรเกิดขึ้นในท้องเรื่อง แล้วจึงเชื่อมโยงสู่จุดจบของละคร 1.2) กำหนดให้ตัวละครทุกตัวมีบุคลิกที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ กล่าวคือ มีบุคลิกทั้งด้านดีและด้านชั่ว แต่การกระทำจะต้องมีเหตุอันสมควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะ เป็น โดยบุคลิกของตัวละครจะแสดงออกทางพฤติกรรม คำพูดตลอดทั้งเรื่อง 1.3) การสื่อสารในละคร คือ คำพูด การแสดงสีหน้า น้ำเสียง ดนตรีของ ตัวละคร โดยสื่อสารให้ผู้ชมได้คิดตามสิ่งที่เกิดขึ้น 1.4) การใช้ภาษา ในรูปแบบถ้อยคำและสำนวนด้วยภาษาที่เรียบง่ายเป็น คำพูดสามัญธรรมดาแต่ใช้การเปรียบเทียบอุปมาอุปมัย มีความสละสลวยเพื่อให้เกิดสุนทรียะทาง วรรณศิลป์ ตัวอย ่างเช ่น “มนุษย์เรามีชีวิตได้ด้วยปัจจัยทางกาย แต ่มีชีวาได้ด้วยปัจจัยทาง จิตวิญญาณ” เป็นต้น
260 1.5) การสร้างสรรค์ทำนองเพลงจากทำนองเพลงไทยเดิม และสร้างสรรค์ ขึ้นใหม่ให้มีความเหมาะสมกับจังหวะ ฉันทลักษณ์และเหตุการณ์ในละคร พร้อมทั้งเพื่อความไพเราะ บรรยายความรู้สึกของตัวละคร สื่อสารอรรถรสและผู้ชมสามารถรู้สึกร่วมไปกับการแสดงได้ 1.6) องค์ประกอบการแสดงทุกองค์ประกอบร้อยเรียงอย ่างมีเอกภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดภาพการแสดงที่งดงาม สร้างความสุนทรียะทางการแสดงให้กับผู้ชม 2) การออกแบบลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ก่อให้เกิด การวิเคราะห์ถึงหลักการออกแบบลีลาท่าทาง พบว่า การออกแบบลีลาท ่าทางประกอบการแสดง ละครเพลง มุ่งเน้นการใช้ท ่าทางในชีวิตประจำวันเป็นหลัก รองลงมาคือท่าทางนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ร่วมสมัย ตามลำดับ ทั้งนี้การออกแบบลีลาท่าทางในละครเพลงมีการใช้อวัยวะของร่างกาย เคลื ่อนไหวตามจังหวะไปในทิศทางที ่กำหนด ด้วยลีลาท ่าทางลักษณะช้า นุ ่มนวล รวดเร็ว ไปยัง จุดหมายปลายทางสุดท้ายของท่าทาง นอกจากนี้มีวิธีการทรงตัวและการถ่ายน้ำหนักในท่วงท่าที่เรียบ ง่าย และท่าทางที่สลับซับซ้อนและรวดเร็วทั้งในระดับแนวราบ คุกเข่า ย่อตัว ยืนตรง ยืดตัว นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบลีลาท่าทางในการสร้างจุดดึงดูดสายตา พร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกาย เคลื่อนที่ เปลี ่ยนตำแหน ่งให้มีความใกล้- ไกล เข้า - ออกจากผู้ชม เพื ่อช ่วยสื ่อสารอารมณ์และการสื่อ ความหมายของตัวละคร เมื่อผู้วิจัยได้ออกแบบลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ทำให้ผู้วิจัยค้นพบหลักการที่ปรากฏการออกแบบลีลาท่าทางดังนี้ 2.1) การออกแบบลีลาท่าทางในชีวิตประจำวันประกอบบทร้องและพูด 2.2) การออกแบบลีลาแบบผสมผสานระหว่างท่าทางในชีวิตประจำวันและ ท่าทางนาฏศิลป์ประกอบบทร้อง 2.3) การออกแบบลีลานาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัยประกอบดนตรี 3) การออกแบบเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้าและทรงผม ประกอบการแสดงละคร เพลง เรื่องโทนรัก พบว่า การออกแบบเครื่องแต่งกายที่ใช้สำหรับการแสดงละคร ควรคำนึงถึงการ ออกแบบให้ตรงตามยุคสมัยของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในละครเพลง เรื่อง โทนรัก เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ที่สะท้อนวัฒนธรรมและค่านิยมการแต่งกายของ ยุคสมัยดังกล่าว ดังนั้นเครื่องแต่งกายที่ปรากฏในละครจะต้องแต่งกายตามรัฐนิยมนโยบายรัฐบาล ส่งผลให้เกิดเป็นค่านิยมทางวัฒนธรรมการแต่งกาย นอกจากนี้เครื่องแต่งกาย การแต่งหน้าและทรงผม จะต้องมีความเหมาะสม สอดคล้อง สัมพันธ์และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่บีบรัด หรือหลวมจนเกินไป หรือเป็นอุปสรรคจนทำให้นักแสดงเกิดความไม่มั่นใจ ที่สำคัญต้องสามารถทำให้ ผู้ชมคล้อยตามไปกับเรื่องราวในละคร
261 4) การออกแบบการใช้พื้นที ่บนเวที พบว ่า ในการแสดงละครเพลง เรื ่องโทนรัก มีรูปแบบการใช้พื้นที่ที ่หลากหลายมีความสมดุลและไม ่สมดุล ในรูปแบบเรขาคณิตรูปทรงต ่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้พื้นที่แบบอิสระแต่มีจุดหมายปลายทาง ซึ่งการออกแบบพื้นที่บนเวทีต้องมี ความสัมพันธ์กับการบันทึกวีดิทัศน์เพื่อให้นักแสดงสามารถสื่อสารอารมณ์สู่ผู้ชมผ่านจอ ดังตัวอย่าง เช่น 4.1) การเดินเข้าหาผู้ชมของนักแสดง เพื่อสร้างความรู้สึกน่าสนใจ ด้วยการ กำหนดบุรุษที่ 1 (Narrator) ในการเล่าเรื่องของตัวละคร เช่น โทนกำลังพูดบรรยายเรื่องราวของตน ตอนเริ่มการแสดง 4.2) การเคลื่อนที่แบบขนานกับผู้ชม เพื่อให้ผู้ชมสามารถเห็นจุดต่าง ๆ หรือ นักแสดงคนอื่นได้ในระดับสายตาที่เท่า ๆ กัน เช่น อภิวัฒน์เดินจากด้านซ้ายไปด้านขวาเพื่อกล่าวด้อย ค่านักแสดงคณะโทนเทวา 4.3) การเคลื่อนที่เป็นวงกลม เพื่อสร้างความรู้สึกสามัคคี ความผูกพัน เช่น รูปแบบการรำเป็นวงกลมของของชาวบ้านในการละเล่นรำโทน 4.4) การฉวัดเฉวียน เพื่อสร้างความรู้สึกสับสน วุ่นวาย เช่น การดำเนินชีวิต ของชาวกรุง ที่มีความหลากหลายทางเพศ อาชีพและอายุ 4.5) การกดต่ำ เพื่อสร้างความรู้สึกหวาดกลัว ตกใจ เช่น ชาวกรุงตกใจและ หวาดกลัวเสียงระเบิดจากสงคราม 5) การออกแบบฉากและเทคนิคพิเศษ พบว่า เป็นเครื่องช่วยส่งเสริมให้การแสดง ละครมีความสมบูรณ์ เนื่องจากฉากและเทคนิคพิเศษ ช่วยเสริมการสื่อสารความหมายของเนื้อหาให้มี ความชัดเจน โดยนำสถานที ่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์มาเป็นส ่วนหนึ ่งในฉากการแสดงละคร โดยคัดเลือกสถานที ่สำคัญ ได้แก ่ พระบรมหาราชวัง สถานที ่ทางพุทธศาสนา สถานที ่ทาง ประวัติศาสตร์ เป็นต้น 6) การบูรณาการเทคโนโลยีร่วมกับการแสดงละคร พบว่า สามารถบูรณาการละคร เพลงกับเทคโนโลยีด้านเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ให้เกิดความสมจริงของสถานที่และเหตุการณ์ ในละคร 7) ผู้อำนวยการสร้าง (Producer) พบว ่า จากการควบคุมการดำเนินการในทุก กระบวนการของการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยเกิดกระบวนการเรียนรู้ทักษะด้านภาวะ ผู้นำ คือ การนำความรู้ความสามารถ สติปัญญา ตลอดจนประสบการณ์ของผู้วิจัย มาบริหารจัดการ ทรัพยากรบุคคลที่มีความแตกต่างกันในด้านเพศ อายุ รวมไปถึงการบริหารจัดการเวลาที่มีความจำกัด
262 ให้ไปถึงจุดหมายเดียวกัน คือ ละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยผู้วิจัยมีหลักปฏิบัติด้านภาวะผู้นำ 4 ด้าน ดังนี้ 7.1) ด้านกาย คือ มีสุขภาพที ่แข็งแรง เคลื ่อนไหวอย ่างคล ่องแคล่ว มีสุขลักษณะที่พึงประสงค์ พร้อมปฏิบัติในทุกครั้งที่มีการนัดซ้อมและบันทึกวีดิทัศน์ 7.2) ด้านวาจา คือ มีทักษะการสื ่อสารอย ่างมีคุณภาพ มีเหตุและผล มีกระบวนการคิดที่เป็นระบบและมีทักษะการถ่ายทอดอย่างมีวาทศิลป์ โดยสามารถสื่อสารให้อาจารย์ ที ่ปรึกษา คณะทำงานและนักแสดง เข้าใจถึงวัตถุประสงค์หรือจุดมุ ่งหมายที ่ต้องการสื ่อสารและ ที่สำคัญเป็นการสื่อสารที่สร้างสรรค์ 7.3) ด้านสติปัญญาและอารมณ์ คือ มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งที่จะทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีความอดทนและมีอารมณ์ที ่มั ่นคงไม ่แปรปรวน พร้อมทั้งยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่นที่มีต่อละคร 7.4) ด้านสังคม คือ มีมนุษยสัมพันธ์ สามารถทำงานร ่วมกับผู้อื ่นได้ พร้อมทั้งสามารถเป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคณะทำงาน 8) ผู้กำกับ (Director) พบว่า การกำกับการแสดงครั้งแรกของผู้วิจัย ก่อให้เกิดทักษะ หลากหลายด้าน เนื่องจากต้องมีองค์ความรู้พื้นฐานที่สามารถตัดสินใจ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งมี แนวทางในการแก้ไขปัญหาและสามารถตอบคำถามของฝ่ายต่าง ๆ ในการรับผิดชอบหน้าที่นั้น ๆ ได้ นอกจากนี้สิ่งที่ผู้กำกับต้องตระหนักรู้มากที่สุดคือ ความเข้าใจในละคร เพราะเนื่องจากต้องสื่อสารถึง ความต้องการ เป้าหมายให้เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันอย่างมีคุณภาพ สามารถสื่อสารและประสานงาน กับคณะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.1.2 วิธีการพัฒนารูปแบบการแสดงละครเพลงรพีพรสู่ละครเพลง เรื่องโทนรัก การพัฒนาเป็นแนวทางหนึ่งที่นำมาสู่การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากละครเพลงรพีร ละครเพลงที่ได้รับความนิยมในช่วงปี พุทธศักราช 2496 – 2538 โดยวิวัฒนาการของละครเพลงรพีพร แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ริเริ่ม ระยะที่ 2 เฟื่องฟู ระยะที่ 3 อนุรักษ์ ทำให้ผู้วิจัยเกิดแนวคิดในการพัฒนาสู่การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ซึ่งมี วิธีการพัฒนารูปแบบการแสดง ดังนี้ 3.1.2.1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับละครเพลงรพีพร โดยศึกษาจาก หนังสือ งานวิจัย เอกสารทางวิชาการ วีดิทัศน์การแสดง พร้อมทั้งสัมภาษณ์ข้อมูลจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มี ประสบการณ์เกี่ยวข้องกับละครเพลงรพีพร
263 3.1.2.2 จำแนกประเด็นสำคัญที ่เกี ่ยวข้องกับละครเพลงรพีพร ได้แก่ แนวคิดรูปแบบการแสดง นักแสดง บทละคร ดนตรีการขับร้องการออกแบบลีลาฉากเครื่องแต่งกาย 3.1.2.3 วิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่ได้จากการจำแนกข้อมูล พร้อมทั้งสรุป เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ 3.1.2.4 พัฒนาประเด็นสำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล อาจนำมาจาก ประสบการณ์ผู้วิจัย ความสนใจ บริบทสังคม เป็นต้น 3.1.2.5 คำนึงถึงบริบททางสังคม วิทยาการและกลุ่มผู้ชมละครว่ามีลักษณะ อย่างไร ต้องการสื่อสารอะไรให้ผู้ชม และที่สำคัญสร้างสรรค์ละครไปแล้วนั้นจะมีผู้ชมสนใจที ่จะชม หรือไม่ 3.1.2.6 กำหนดแนวคิด รูปแบบการแสดงและองค์ประกอบการแสดง จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิเคราะห์ สู่การสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดง 3.2 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพ 3.2.1 กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลงอย่างเป็นระบบ ละครเพลง เรื ่องโทนรัก ได้ดำเนินสร้างสรรค์โดยเริ ่มต้นจากการศึกษา ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้ามาวิเคราะห์และจำแนกประเด็น สำคัญ เพื่อนำสู่กระบวนการสร้างสรรค์การแสดง ซึ่งผู้วิจัยพบว่าองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นคือ กระบวนการ สร้างสรรค์ละครเพลงอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนและระยะการพัฒนางานที่สม่ำเสมอ ตลอดจนการ ยืนยันข้อมูลจากผู้เชี ่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ โดยกระบวนการ สร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีกระบวนการที่เป็นขั้นตอนและระบบ ดังนี้ 3.2.1.1 การสร้างแนวคิด ใช้วิธีการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งปฐมภูมิ เพื่อให้ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง จากนั้นนำเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบและยืนยันข้อมูล 3.2.1.2 การกำหนดรูปแบบการแสดง ใช้วิธีการค้นคว้าข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอรูปแบบ เทคนิค วิทยาการใหม่ ๆ ลงไปในละคร เพื่อให้สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงทางพลวัต 3.2.1.3 การสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดง 10 ประเด็น โดยแต ่ละ ประเด็นมีการวิเคราะห์ ค้นคว้า ข้อมูลเพื่อการพัฒนางานให้สมบูรณ์มากที่สุด ทั้งนี้ทุกกระบวนการใน การสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดง จะสะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบ สร้างสรรค์ ระยะการพัฒนา ปัญหาที่พบ ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
264 3.2.1.4 การประชุมกล ุ ่มย ่อย (Focus Group) โดยผู้เชี ่ยวชาญและ ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อยืนยันข้อมูลและให้ข้อเสนอแนะในการสร้างสรรค์ละครเพลง 3.2.1.5 การประเมินคุณภาพผลงานโดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชม ที่มีต่อละครเพลง โดยผลการประเมินรูปแบบสถิติและบรรยายความแบบพรรณนา เพื่อให้เห็นถึงผล ที่เกิดขึ้นกับละคร ทั้งนี้เพื่อนำสู่การปรับปรุงและแก้ไขให้ละครเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 3.2.2 โครงสร้างการแสดงละครเพลงรูปแบบ “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” จากการกำหนดรูปแบบการแสดง 4 รูปแบบที่ใช้เป็นโครงสร้างการแสดง ละครเพลง เรื่องโทนรัก คือ “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” พบว่า เป็นการผสมผสานรูปแบบทั้งการร้อง การเล่นละคร การแสดงนาฏศิลป์ (เต้นและระบำ) ให้สอดคล้องสัมพันธ์กันอย ่างมีเอกภาพ โดยมี รายละเอียดดังนี้ ร้อง : การร้องเพลงไทยสากล เพลงไทยเดิม เพลงรำโทน และ เพลงลูกทุ่งผสมผสานเพลงไทยสากล สลับการพูดและเจรจาด้วยคูดและฉันทลักษณ์ของบทประพันธ์ ส่งผลให้ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีรูปแบบการร้องเพลงที่มีความหลากหลาย เล ่น : การเล ่นหรือดำเนินเรื ่องแบบอย ่างละคร มีการเปิดเรื ่อง ดำเนินเรื่อง และจุดจบของเรื่อง โดยนักแสดงทำหน้าหน้าดังกล่าว พร้อมทั้งสื่อสารอารมณ์ ลักษณะ สีหน้า และท่าทางตามบทละคร เต้น : การเต้นด้วยท่าทางและการเคลื่อนที่แบบนาฏศิลป์ร่วมสมัย ประกอบการบรรยายความตามบทละคร ระบำ : การใช้ท ่าทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร ่วมสมัย โดยนักแสดงประกอบหรือนักแสดงหมู่มวล ซึ่งอาจทำท่าทางเดียวกันพร้อมเพรียงกันหรือแตกต่างกัน ตามทำนองเพลง จากโครงสร้างการแสดงละครเพลง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” แสดง ให้เห็นถึงรูปแบบที ่มีความแตกต ่างกัน ซึ ่งเมื ่อนำมาร้อยเรียงเชื ่อมโยงกับองค์ประกอบการแสดง ประเภทอื่น ๆ ทำให้ละครเพลง เรื่องโทนรัก เกิดความสุนทรียะและมีเอกภาพ 3.2.3 วิธีการประพันธ์เพลงในละคร จำแนกได้ 3 รูปแบบ คือ 3.2.3.1 การประพันธ์บทร้องตามทำนองเพลง พบว ่า เป็นการประพันธ์ บทร้องตามทำนองเพลงที่มีอยู่แล้ว ส่งผลให้การประพันธ์และการร้อยเรียงบทร้องอาจมีข้อบังคับ อยู่บ้างเพราะต้องประพันธ์บทให้มีความสอดคล้องกับทำนองเพลง
265 3.2.3.2 การคัดเลือกทำนองเพลงตามบทร้อง พบว ่า เป็นการคัดเลือก ทำนองตามบทร้องที่ได้ประพันธ์ขึ้นใหม่ ส่งผลให้รูปแบบนี้อาจต้องเพิ่มขั้นตอนในการปรับลดคำร้อง ให้สอดคล้องกับทำนองเพลง 3.2.3.3 การประพันธ์บทร้องและทำนองเพลงใหม ่ พบว ่า รูปแบบ การประพันธ์นี้เป็นการสร้างสรรค์ใหม ่ทั้งบทร้องและทำนองเพลง ซึ ่งอาจมองว ่ามีอิสระมากกว่า รูปแบบอื่น แต่อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลไปที่นักแสดงที่จะต้องสร้างความเข้าใจในการจำทั้ง บทร้องและทำนองเพลง อย่างไรก็ตามรูปแบบการประพันธ์เพลงทั้ง 3 รูปแบบ สามารถร้อยเรียง ผสมผสานในละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยนับเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาสู่การ สร้างสรรค์ละครรูปแบบอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ใช้วิธีการแบบผสม (Mixed method) ระหว่างการ วิจัยสร้างสรรค์และวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ (Document) ข้อมูล ภาคสนาม (Field Study) และการสัมภาษณ์ (Interview) และวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) จากการศึกษาข้อมูลด้านสหวิทยาการเพื่อรวบรวมสู่กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก 1. สรุปผล 1.1 การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.1.1 แนวคิดการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ดังนี้ 1) รูปแบบการแสดงตามแนวทาง ของละครเพลงรพีพร 2) เรื่องราวเกี่ยวกับความรักสอดแทรกการตระหนักรู้คุณค่าเรื่องการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านรำโทนที่พัฒนาสู่รำวง 3) การเห็นคุณค่าในตนเองที่มีความสามารถ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงคุณค่าของบรรพบุรุษในการสร้างฐานรากด้าน ศิลปวัฒนธรรมให้เป็นสมบัติของชาติ และที่สำคัญคุณค่าของเอกลักษณ์ไทย (THAI IDENTITY) ที่มา จากศิลปวัฒนธรรมสำคัญของแผ่นดินที่สั่งสม ก่อให้เกิดเป็นความภาคภูมิใจของคนในชาติ4) เรื่องราว ที่เกิดขึ้นในละครคือช่วงประมาณพุทธศักราช 2480 - 2490 1.1.2 รูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก กำหนดรูปแบบการแสดงของละครเพลง เรื่องโทนรัก คือ ร้อง เล่น เต้น ระบำ ดังนี้ ร้อง คือ การดำเนินเรื่องราวไปตามบทละครด้วยการร้องเพลงสลับการพูดและเจรจา เล่น คือ การเล่นหรือการดำเนินเรื่องตามบทละคร โดยนักแสดงเป็นผู้แสดงออกทางการ ร้อง การพูด แสดงลีลา ท่าทาง รวมไปถึงลักษณะสีหน้าและอารมณ์ เต้น คือ การเต้นโดยนักแสดงใช้ท่าทางในชีวิตประจำวัน ลีลาท่าทางแบบนาฏศิลป์ไทย และนาฏศิลป์ร่วมสมัย
267 ระบำ คือ การที่นักแสดงใช้ท่าทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย ด้วยลีลาท่าทาง เดียวกันพร้อมเพรียงกันหรือแตกต่างกันตามทำนองเพลง โดยทั้ง 4 ประเภทสามารถนำมาร้อยเรียงให้เกิดเอกภาพในการแสดงละครได้ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดสุนทรียะทางนาฏศิลป์ให้ปรากฏในละครเพลงได้อย่างลงตัว การใช้รูปแบบร้อง เล่น เต้น ระบำ มุ่งเน้นให้ผู้ชมทุกวัยสามารถชมการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ได้อย่างเข้าใจง่าย อีกทั้งนำรูปแบบการแสดงของละครรำหรือศิลปะการแสดงละครไทย เข้ามาผสมผสานกับการสร้างโครงเรื่อง รวมทั้งการกำหนดให้บุรุษที่ 1 เป็นผู้เล่าเรื่อง (Narrator) ตามรูปแบบละครเวที รูปแบบการร้องใช้เพลงไทยสากลและเพลงไทยสากลผสมเพลงลูกทุ่งใช้ในการบรรยาย ความ เพลงไทยเดิมใช้ในการร้องตอบโต้ และเพลงรำโทนใช้ในการแสดงออกถึงวัฒนธรรมสำคัญที่ พัฒนาสู่รำวง 1.1.3 องค์ประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.1.3.1 บทละคร ประพันธ์บทละครขึ้นใหม่ ใช้ฉันทลักษณ์ที่มีความหลากหลาย ประกอบด้วย ร้อยแก้ว กลอนแปด กลอนสุภาพ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิต วัฒนธรรมและค่านิยม โดยเรื่องราวเกิดขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 2480 – 2490 (ประมาณคริสตศักราช 1940 – 1950) การสร้างบทละครประกอบด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดโครงเรื่อง ขั้นตอนที่ 2 ลำดับ เหตุการณ์ ระบุฉาก ตัวละคร ขั้นตอนที่ 3 เขียนเนื้อเรื่องย่อ ขั้นตอนที่ 4 ประพันธ์บทละคร 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การสร้างความเข้าใจโครงเรื่อง ระยะที่ 2 ประพันธ์บทละคร ขั้นตอนที่ 5 ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาบทละครเพื่อการนำเสนอผลงาน โดยมีการปรับบทละคร 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 : ปรับบทร้องตอบโต้ของตัวละคร ครั้งที่ 2 : ปรับเวลาในการแสดง ครั้งที่ 3 : ปรับการ ร้อยเรียงและการเชื่อมโยงของแต่ละฉาก ละคร ครั้งที่ 4 : ปรับบทละครให้เหมาะสมกับบันทึกวีดิทัศน์ ละครเพลงเรื่องโทนรัก แบ่งออกเป็น 5 ฉาก ดังนี้ ฉากที่ 1 รากรำโทน : กล่าวถึงภูมิหลังของตัวละคร ซึ่งมีเหตุการณ์ที่ส่งผล ให้เกิดเป็นปมสู่การขัดแย้ง ฉากที่ 2 ต้องมนต์รัก : การเดินทางของตัวละครที่สอดแทรกสถานที่ ท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ชั้นในและชั้นนอก ตลอดจนการพบรักกันของคู่พระนาง ซึ่งเป็น จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรัก
268 ฉากที่ 3 พิทักษ์ศิลป์ : การเดินทางเพื่อเชิดชูศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน ให้เป็นที่ประจักษ์สู่ชาวกรุง ฉากที่ 4 คืนถิ่นโทน : การกลับมาพบกันของตัวละคร หลังจากการพลัด พราก ฉากที่ 5 โชนวัฒนธรรม : ความขัดแย้งและการคลี่คลายปม จบลงด้วย ความสมหวัง ภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นการสื่อถึงจุดเริ่มต้นของรำวงมาตรฐาน ที่พัฒนามาจากรำโทน 1.1.3.2 เพลงและดนตรีกำหนดใช้แนวเพลงไทยสากลเป็นแนวเพลงหลักในการ ร้องประกอบการแสดง รวมทั้งการคัดเลือกทำนองเพลงไทยเดิมมาบรรจุเป็นทำนองหลัก และ สร้างสรรค์ทำนองเพลงและบทร้องขึ้นใหม่ จากนั้นดำเนินการออกแบบร่างโดยใช้ดนตรีสากลและ ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มาผสมผสานเพื่อสุนทรียะทางดนตรีทั้งแบบสากลและไทย นอกจากนี้ได้นำ แนวคิดเสียงของเครื่องดนตรีโทนมาใช้ในการประกอบการแสดงบรรเลงทำนองดนตรี การสร้างสรรค์เพลง ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กำหนด ทำนองเพลงไทยเดิมเป็นทำนองหลัก จำนวน 8 เพลง ขั้นตอนที่ 2 สร้างสรรค์ทำนองเพลงขึ้นใหม่ จำนวน 1 เพลงขั้นตอนที่ 3 คัดเลือกเพลงรำโทน จำนวน 5 เพลง การสร้างสรรค์ดนตรี ประกอบด้วย 14 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบ ทำนองหลักของเพลง ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบเมโลดี้(Melody) และเนื้อร้อง ขั้นตอนที่ 3 จัดทำดนตรี เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ขั้นตอนที่ 4 กำหนดแบบร่างของแนวดนตรี ขั้นตอนที่ 5 ออกแบบ ส่วนนำ (Intro) ของเพลงและวางโครงสร้างเพลง ขั้นตอนที่ 6 เริ่มเขียนแบบร่างทำนองหลักของเพลง แบบดิจิทัล(Musical Instrument Digital Interface : MIDI) ขั้นตอนที่ 7 เขียนทำนองหลักและใส่ จังหวะ (Percussion) ขั้นตอนที่ 8 กำหนดกลุ่มโน้ตดนตรีในเพลง (Chord) ขั้นตอนที่ 9 เรียบเรียง และสร้างสรรค์เพลงด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และเสียงสังเคราะห์ขั้นตอนที่ 10 กำหนดเครื่องดนตรี และเรียบเรียงให้เข้ากับแนวคิดของเพลงและตัวละคร ขั้นตอนที่ 11 กำหนดเสียงของเครื่องดนตรีโทน ลงในไปในเพลงประกอบการแสดง ขั้นตอนที่ 12 บันทึกเสียงร้อง ขั้นตอนที่ 13 การปรับดนตรีฉบับ สมบูรณ์ ขั้นตอนที่ 14 บันทึกไฟล์เสียงฉบับสมบูรณ์ (Export) เพื่อการนำไปฝึกซ้อมและบันทึกวีดิ ทัศน์การแสดง 1.1.3.3 นักแสดง กำหนดใช้นักแสดงใช้ชายและหญิง โดยสร้างบุคลิกให้ตัวละครที่ ปรากฏในการแสดงเป็นตัวแทนของกลุ่มคนในสังคม เมื่อผู้ชมชมละครเพลงเรื่องโทนรัก จะสามารถ
269 รับรู้และจินตนาการร่วมไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละครได้ การสร้างบุคลิกของตัวละครจำแนกได้ ดังนี้ (1) ตัวละครหลัก คือ มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่อง เป็นศูนย์กลางของเรื่อง เป็นตัวละครที่ ก่อให้เกิดปมปัญหาและการขัดแย้งในเรื่อง (2) ตัวละครรอง คือ มีบทบาทสำคัญรองจากตัวละครหลัก เป็นตัวละครที่มีบทบาทในการดำเนินเรื่อง ในด้านการสนับสนุนบทบาทของตัวละครหลัก กล่าวคือ เป็นตัวละครคู่เทียบหรือตัวละครปรปักษ์(3) ตัวละครประกอบหรือนักแสดงหมู่มวล มีบทบาทในการ ดำเนินเรื่องที่ผู้เขียนสร้างขึ้น เพื่อเสริมสร้างความสมจริง สร้างบรรยากาศหรือมีส่วนเสริม ให้เรื่อง ในช่วงเหตุการณ์นั้นดำเนินต่อไปได้ ในที่นี้หมายถึง ตัวละครที่ทำหน้าที่สร้างสีสันให้กับละคร มีหน้าที่ ร้องเพลง เต้น เล่นละคร มีการเข้าร่วมฉากการแสดงกับตัวละครหลัก แต่ไม่มีบทพูดเป็นหลัก แต่ อาจจะใช้เสียงพูดหรือร้องตามตัวละครหลัก โดยนักแสดงมีคุณสมบัติตามที่กำหนดดังนี้(1) เป็นผู้ที่มี กระแสเสียงที่ไพเราะและมีทักษะด้านการร้องในระดับดี(2) มีทักษะการแสดงละครและทักษะ นาฏศิลป์(3) เป็นผู้ที่มีสุขภาพกายและใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง (4) เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์สามารถ ทํางานร่วมกับผู้อื่นได้การคัดเลือกนักแสดงประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ใช้การคัดเลือก จำนวน 2 ครั้ง 1.1.3.4 ลีลาท่าทาง กำหนดโครงสร้างลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก เพื่อให้ความสอดคล้องกับรูปแบบการแสดง โดยนิยามความหมาย ดังนี้ 1) ท่าทางในชีวิตประจำวัน (Everyday Movement) หมายถึง การแสดงกิริยาท่าทางตามธรรมชาติที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน มุ่งนำเสนอให้มีความสุนทรียะ สอดคล้องกับบท ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร 2) ลีลาท่าทางนาฏศิลป์ไทย หมายถึง การแสดงนาฏยศัพท์หรือลีลา ท่าทางในการใช้มือจีบ ตั้งวง ตลอดจนลักษณะกิริยาในการย่ำเท้า ย่อ-ยืดเข่า การจรดเท้า ร้อยเรียง กันเป็นท่าทางนาฏศิลป์ไทย ตัวอย่างเช่น ท่าสอดสร้อย ท่าชักแป้งผัดหน้า ท่าแขกเต้า ท่าผาลา เป็นต้น 3) ลีลาท่าทางนาฏศิลป์ร่วมสมัย หมายถึง การเต้น การแสดงท่าทาง กิริยา การใช้ร่างกายและการเคลื่อนที่ผสมผสานการแสดงสีหน้าอารมณ์ตามท่าทางที่แสดงออก ออกแบบลีลาจากท่าทางการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน (Everyday Movement) ผสมผสานลีลา ท่าทางแบบนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย ให้สอดคล้องกับบทละคร และเพื่อให้เกิดภาพการแสดงที่ มีความสมจริง
270 การออกแบบลีลาท่าทางในละครเพลง เรื่องโทนรัก ตามรูปแบบการแสดง คือ 1) ร้อง : ออกแบบลีลาท่าทางด้วยการเคลื่อนไหวด้วยท่าทางใน ชีวิตประจำวัน (Everyday Movement) ให้มีความสอดคล้องกับบทละคร โดยผู้แสดงอาจไม่ปฏิบัติ ความหมายทุกคำร้อง แต่ให้นักแสดงใช้ท่าทางลักษณะดังกล่าวในการอธิบายเสริมเพิ่มเติม เพื่อเน้นย้ำ ส่งสาระหรือการขยายความจากคำร้อง 2) เล่น : ออกแบบลีลาท่าทางด้วยการเคลื่อนไหวท่าทางในชีวิตประจำวัน (Everyday Movement) 3) เต้น : ออกแบบลีลาท่าทางด้วยการใช้ท่าทางแบบนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ร่วมสมัยผสมผสานการเคลื่อนไหวท่าทางในชีวิตประจำวัน (Everyday Movement) 4) ระบำ : ออกแบบลีลาท่าทางด้วยการใช้ท่าทางนาฏศิลป์ไทยและ นาฏศิลป์ร่วมสมัย โดยใช้ผู้แสดง 2 คนขึ้นไปหรือเป็นหมู่คณะ อาจทำท่าทางเดียวกันพร้อมเพรียงกัน หรือแตกต่างกันตามทำนองเพลง จากการออกแบบลีลาท่าทางตามรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ทำให้สามารถ กำหนดเป็นหลักการการออกแบบลีลาท่ารำประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ได้ดังนี้ 1. การออกแบบลีลาท่าทางในชีวิตประจำวันประกอบบทร้องและพูด คือ การออกแบบลีลาการแสดงกิริยาท่าทางตามธรรมชาติที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน แต่มีการปรับปรุงให้ มีความสวยงาม สอดคล้องกับบทละคร อารมณ์ของตัวละคร ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร 2. การออกแบบลีลาแบบผสมผสานระหว่างท่าทางในชีวิตประจำวันและ ท่าทางนาฏศิลป์ประกอบบทร้อง คือ ออกแบบลีลาการแสดงกิริยาท่าทางตามธรรมชาติที่ปรากฏใน ชีวิตประจำวัน ผสมผสานกับการแสดงนาฏยศัพท์หรือท่าทางในการใช้มือจีบ มือตั้งวง ตลอดจน ลักษณะกิริยาการย่ำเท้าและย่อเข่า นำมาร้อยเรียงกันเป็นท่าทางนาฏศิลป์ไทย 3. การออกแบบลีลานาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัยประกอบดนตรี คือ การออกแบบลีลาการแสดงนาฏยศัพท์หรือท่าทางในการใช้มือจีบ มือตั้งวง ตลอดจนลักษณะกิริยาที่ ในการย่ำเท้าและย่อเข่า นำมาร้อยเรียงกันเป็นท่าทางนาฏศิลป์ไทย ผสมผสานการออกแบบลีลา ท่าทางในการเต้น การแสดงท่าทาง กิริยา การใช้ร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายแบบสากล และการ แสดงสีหน้าอารมณ์ตามท่าทางที่แสดงออก
271 หลักการทั้ง 3 รูปแบบข้างต้นผู้วิจัยคำนึงและตระหนักถึงความสุนทรียะทาง นาฏศิลป์เป็นสำคัญ โดยการออกแบบลีลาประกอบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก นอกจากนี้สิ่งที่ สำคัญที่ผู้วิจัยคำนึงควบคู่ไปด้วยนั่นคือ การแสดงออกทางสีหน้าและอารมณ์การพูด การขับร้องเพลง ของนักแสดงที่จะต้องมีความสอดคล้องสัมพันธ์กับลีลาท่าทางและบทละคร 1.1.3.5 เครื่องแต่งกาย สวมเครื่องแต่งกายเรื่องราวและเหตุการณ์เกิดขึ้น ประมาณปีพุทธศักราช 2480 - 2490 (ประมาณคริสตศักราช 1940 - 1950) โดยมีขั้นตอนในการ สร้างสรรค์เครื่องแต่งกาย 6 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดช่วงยุคเวลาในละคร ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์ตัวละครและกำหนดแนวเครื่องแต่งกายขั้นตอนที่ 3 กำหนดแบบร่างเครื่องแต่งกายขั้นตอนที่ 4 กำหนดสีของเครื่องกาย ขั้นตอนที่ 5 นำแบบร่างเข้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนที่ 6 สร้างเครื่องแต่ง กายตามรูปแบบที่กำหนด แบ่งการพัฒนางานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ตัดเย็บเครื่องแต่งกาย ระยะที่ 2 ทดลองใส่ฝึกซ้อม ระยะที่ 3 ปรับแก้ไข รูปแบบการแต่งหน้าและทรงผม ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์แนวการแต่งหน้าของยุคสมัยในละคร ขั้นตอนที่ 2 กำหนดรูปแบบการแต่งหน้าและทรงผม ตามลักษณะเฉพาะบุคลิกของตัวละคร ขั้นตอนที่ 3 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการแต่งหน้าและทรงผม ขั้นตอนที่ 4 ออกแบบร่างการแต่งหน้าและทรงผม ขั้นตอนที่ 5 การแต่งหน้าและทรงผม 1.1.3.6 อุปกรณ์ การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตามชีวิตประจำวัน โดยเนื้อเรื่องไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจากจินตนาการหรือตำนานเรื่องเล่าเหนือธรรมชาติ จึงกำหนดอุปกรณ์ประกอบการแสดงที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอ พร้อมกับการดำเนินเรื่องของตัวละคร โดยคำนึงถึงความสมจริงเหมาะสมกับตัวละครและสอดคล้อง กับเหตุการณ์ ประกอบด้วย (1) กระเป๋าสะพายสีดำ ใช้ในฉากที่ 2 ในการเดินทางของตัวละคร (2) ไมโครโฟน (Microphone) ใช้ในฉากที่ 2 ในการร้องเพลงคู่ของตัวละคร (3) เก้าอี้ใช้ในฉากที่ 4 โดยตัว ละครบทบาทพ่อ นั่งคุยกับตัวละครบทบาทลูก (4) โทน ฉิ่ง กรับ ใช้ในฉากที่ 5 ในการแสดงดนตรีของ คณะโทนเทวา 1.1.3.7 การใช้พื้นที่เวทีฉากและแสงประกอบการแสดง กำหนดใช้โรงละครศิลปะ นาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ โดยมีรูปแบบเวทีแบบ Proscenium Theatre โดยพื้นที่บน เวทีการแสดง แบ่งออกเป็น 9 ส่วน โดยสามารถจำแนกออกตามส่วนต่าง ๆ ได้ดังนี้ (1) ส่วนล่าง ด้านขวา (Down Stage Right) DR (2) ส่วนล่างตรงกลาง (Down Stage Center) DC (3) ส่วนล่าง
272 ด้านซ้าย (Down Stage Left) DL (4) ส่วนกลางด้านขวา (Center Stage Right) CR (5) ส่วนกลาง (Center Stage Center) CC (6) ส่วนกลางด้านซ้าย (Center Stage Left) CL (7) ส่วนบนด้านขวา (Up Stage Right) UR (8) ส่วนบนกลาง (Up Stage Center) UC (9) ส่วนบนด้านซ้าย (Up Stage Left) UL การใช้พื้นที่ของการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก มีรูปแบบการใช้พื้นที่ที่ หลากหลาย จำนวน 11 แบบ ประกอบด้วย (1) การใช้พื้นที่แบบเดี่ยว (2) การใช้พื้นที่แบบก้นหอย (3) การใช้พื้นที่แบบขนาน (4) การใช้พื้นที่แบบสองกลุ่ม (5) การใช้พื้นที่แบบกระจายเต็มพื้นที่ (6) การใช้พื้นที่แบบคู่ (7) การใช้พื้นที่แบบคู่และเดี่ยว (8) การใช้พื้นที่แบบสามกลุ่ม (9) การใช้พื้นที่ แบบหน้ากระดาน (10) การใช้พื้นที่แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า (11) การใช้พื้นที่แบบสี่เหลี่ยมคางหมู โดยนักแสดงมีการใช้พื้นที่เวทีทั้งมีความสมดุลและไม่สมดุล นอกจากนี้พื้นที่ดึงดูดสายตาที่พบว่า มีการใช้มากที่สุดคือ ส่วนกลาง Center Stage Center และ ส่วนล่างตรงกลาง Down Stage Center 1.1.3.8 ฉาก ใช้รูปแบบของเทคโนโลยี Chromakey ใส่ภาพสถานที่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในละคร ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดสถานที่ตามเนื้อเรื่องในละคร ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา คือ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ป้อมมหากาฬ ชุมชนบ้านบาตร ขั้นตอนที่ 2 คัดเลือกรูปภาพสถานที่ ที่กำหนด ขั้นตอนที่ 3 ปรับโทนสีของภาพให้มีความเหมาะสมกับละคร 1.1.3.9 แสง กำหนดใช้แสงสีขาวและสีเหลืองเพื่อช่วยเสริมให้ตัวละครมีความโดดเด่น รวมทั้งช่วยสร้างบรรยากาศ เหตุการณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เพื่อแสงช่วยส่งเสริม ให้การแสดงในฉากนั้น ๆ เกิดความสมจริง และเพื่อให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ในละคร 1.1.4 ขั้นตอนการผลิตและบันทึกวีดิทัศน์ 1.1.4.1 ขั้นเตรียมการผลิต (Pre-Production) กำหนดโรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นสถานที่ในการบันทึกวีดิทัศน์ จากนั้นเตรียมบท วางแผนและจัดเตรียม อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในบันทึกวีดิทัศน์ ประกอบด้วย กล้อง ดนตรี เครื่องบันทึกเสียง ไมโครโฟน จอโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์แบบพกพา โดยจัดเตรียมพื้นที่เวทีและฉากหลังเพื่อการบันทึกวีดิทัศน์ การเป็นฉากสีเขียว
273 1.1.4.2 ขั้นการผลิต (Production) บันทึกวีดิทัศน์โดยใช้กล้อง 3 ตัว พร้อมเม็มโมรี่ การ์ด โดยดำเนินการบันทึกวีดิทัศน์ด้วยการแบ่งเป็น Scene เพื่อสะดวกในการตัดต่อ 1.1.4.3 ขั้นหลังการผลิต (Post-Production) ใส่รูปภาพฉากหลังด้วยเทคนิคแบบ โครมาคีย์ (Chromakey) เมื่อจัดทำฉากที่ใช้ประกอบการแสดงละครแล้ว ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ในการตัดต่อวีดิทัศน์มาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการเรื่องฉากที่ปรากฏในละคร โดยกำหนดพื้นที่เวทีให้มีฉากหลังสีเขียว จากนั้นใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เจาะหรือตัดสีเขียวที่จัดไว้ เป็นฉากหลังออก ไปจากวีดิทัศน์โดยมีคุณสมบัติทำให้ภาพในวีดิทัศน์ส่วนนั้นโปร่งใส โดยผู้วิจัยได้นำ สถานที่สำคัญที่จัดเตรียมไว้มาใส่เป็นฉากหลัง ทำให้ตัวละคร เหตุการณ์สอดคล้องและสัมพันธ์กับบท ร้องในละคร โดยที่ไม่ต้องไปถึงสถานที่จริง การตัดต่อในครั้งนี้ ใช้โปรแกรม ADOBE PREMIERE เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อ ภาพและเสียง ซึ่งตัวโปรแกรมมีคุณสมบัติในการตกแต่งและตัดต่อภาพ เสียง และใส่เสียงพิเศษ และ TRANSITION ให้กับภาพและเสียง จากนั้นบันทึกไฟล์ฉบับสมบูรณ์ 1.2 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.2.1 การนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก กำหนดการนำเสนอ คือ วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พุทธศักราช 2566 เวลา 10.00 น. ณ โรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบัน บัณฑิตพัฒนศิลป์ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้จัดรูปแบบการแสดงผลงานลักษณะฉายบนจอโปรเจคเตอร์ โดยมี ขั้นตอนในการนำเสนอละครเพลง ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ประชาสัมพันธ์ ขั้นตอนที่ 2 จัดสถานที่ ในการนำเสนอผลงาน ขั้นตอนที่ 3 การนำเสนอละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.2.2 ปัญหาที่พบและแนวทางในการแก้ไข ประกอบด้วย (1) สุนทรียะการรับชมวีดิ ทัศน์การแสดงด้อยกว่าการรับชมการแสดงบนเวทีจริง แนวทางในการแก้ไข คือ การเผยแพร่การ แสดงครั้งต่อไปควรจัดแสดงสดบนเวที โดยปรับการใช้ฉากเป็นการจอฉายภาพบนจอ LED แทนการ ใช้การตัดต่อด้วยเทคนิคโครมาคีย์ (Chromakey) ซึ่งการแสดงสดจะสามารถสร้างสุนทรียะทางการ แสดงให้กับผู้ชม ทั้งนี้ผู้ชมสามารถรับอรรถรสจากละครได้อย่างสมบูรณ์มากกว่าการบันทึกวีดิทัศน์ การแสดง (2) ด้านทักษะการแสดงละครเวทีของนักศึกษาและผู้ร่วมแสดง แนวทางในการแก้ไข คือ จัดผู้ฝึกทักษะการแสดง (Acting Coach) (3) งบประมาณในการจัดทำผลงาน แนวทางในการแก้ไข คือ จัดหาแหล่งทุนสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐและเอกชน
274 1.2.3 การประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก จัดทำแบบประเมินคุณภาพผลงานสำหรับผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก จำนวน 50 คน ใช้วิธีการ ประเมินผ่านระบบ Google form โดยกำหนดกลุ่มผู้ชมจากโครงการนักเรียนสาธิตเสริมสมอง สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ซึ่งผู้วิจัยมีเหตุผลในการคัดเลือก คือ (1) จำนวนสมาชิก มากกว่า 200 คน (2) สมาชิกมีความหลากหลายทางเพศ อายุ การศึกษา (3) สมาชิก ทุกคนอยู่ร่วมกันในกลุ่มแอพลิเคชั่น ไลน์ (Line) ชื่อ สาธิตเสริมสมอง Family การประเมินคุณภาพในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดส่งวีดิทัศน์การแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ลงไปในกลุ่มแอพลิเคชั่น ไลน์ (Line) ชื่อกลุ่ม สาธิตเสริมสมอง Family โดยแจ้ง รายละเอียดของวัตถุประสงค์การวิจัย แนวคิดและรูปแบบการแสดง พร้อมทั้งส่งแบบประเมินคุณภาพ ผลงานควบคู่ไปด้วยผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่อง โทนรัก ผ่านการ เก็บข้อมูลด้วยแอพพลิเคชั่น Google Forms พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดในทุกด้าน โดยมีรายละเอียดดังนี้ การประเมินด้านแนวคิดการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมในด้านแนวคิดการแสดงมีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.63 ระดับมากที่สุด การประเมินด้านรูปแบบและเพลงประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านรูปแบบและเพลงประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.67 ระดับมากที่สุด การประเมินด้านองค์ประกอบการแสดง แบ่งได้ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ด้านบทละคร 2) ด้านผู้แสดง 3) ด้านเพลงและดนตรีประกอบการแสดง 4) ด้านลีลาประกอบการแสดง 5) ด้านเครื่องแต่ง กาย 6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง โดยผู้วิจัยได้กำหนดคุณลักษณะของประเด็นย่อยที่ใช้ใน การประเมินองค์ประกอบดังกล่าว ปรากฏรายละเอียด ดังนี้ 1) ด้านบทละคร พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 ประเด็น และมีผล การประเมินรวมด้านบทละคร มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 ระดับดีมาก 2) ด้านผู้แสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 4 ประเด็น และมีผลการ ประเมินรวมด้านผู้แสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.67 ระดับดีมาก
275 3) ด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านดนตรีและเพลงประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.71 ระดับดีมาก 4) ด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านลีลาท่าทางประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.68 ระดับดีมาก 5) ด้านเครื่องแต่งกาย พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านเครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 ระดับดีมาก 6) ด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุดทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.57 ระดับดีมาก การประเมินด้านองค์รวมของผลงาน พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 10 ประเด็นย่อย ได้แก่ 1) แนวคิดในการสร้างสรรค์งานถ่ายทอดสู่การแสดงได้อย่างชัดเจน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 2) ระยะเวลาที่ใช้แสดงมีความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 3) การใช้พื้นที่ในการแสดงมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับท่าทาง จังหวะเพลงและ เครื่องแต่งกาย มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.64 (4) องค์ประกอบการแสดงมีความสอดคล้องเหมาะสมกันอย่างเป็นเอกภาพ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.66 (5) การแสดงส่งผลให้ท่านตระหนักถึงข้อคิด “...อย่าลืมราก...ความเป็นเรา...” มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (6) การแสดงส่งผลให้ท่านตระหนักถึงการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 (7) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้และเข้าใจที่มาของรำวงมาตรฐาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.72
276 (8) การแสดงส่งผลให้ท่านเรียนรู้สถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.54 (9) การแสดงเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.56 (10) ภาพรวมของการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.70 และผลการ ประเมินรวมด้านองค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.65 ระดับมากที่สุด จากผลการประเมินรวมทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) แนวคิดการแสดง 2) รูปแบบการแสดง และการร้องเพลง 3) องค์ประกอบการแสดง 4) องค์รวมของผลงาน มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.65 ระดับมากที่สุด 1.3 องค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก 1.3.1 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อตนเอง 1.3.1.1 ทักษะการบริหารจัดการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ทุกองค์ประกอบด้วยตนเอง ซึ่งเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ผู้วิจัยได้ค้นพบในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ พบว่า การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก เป็นวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิตที่ส่งผลให้ผู้วิจัยได้รับ ทักษะหลากหลายด้านผ่านกระบวนสร้างสรรค์ละครทุกองค์ประกอบด้วยตนเอง ได้แก่ การสร้าง แนวคิด การกำหนดรูปแบบการแสดง การสร้างบทละคร การประพันธ์เพลง การออกแบบลีลา การออกแบบเครื่องแต่งกาย การออกแบบการแต่งหน้าและทรงผม การออกแบบการใช้พื้นที่บนเวที การออกแบบฉาก แสง สีและเสียงพิเศษ รวมทั้งก่อให้เกิดกระบวนการคิดในด้านการบูรณาการ เทคโนโลยีร่วมกับการแสดงละคร นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ทักษะด้านอำนวยการ ควบคุม วางแผน ดูแล และกำกับการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ในการรับหน้าที่ ผู้อำนวยการสร้าง (Producer) และ ผู้กำกับ (Director) โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) การสร้างแนวคิดละครเรื่องใหม่ 2) การกำหนดรูปแบบการแสดง แบบบูรณาการการแสดงในลักษณะต่าง ๆ มาร้อยเรียงให้สอดคล้องและสัมพันธ์กันได้อย่างมีเอกภาพ คือ “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” 3) การสร้างบทละครและการประพันธ์เพลง ด้วยกระบวนการคิดนอก กรอบด้านการสร้างบทละครและการประพันธ์เพลงตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนได้บทละครฉบับสมบูรณ์
277 4) การออกแบบลีลาท่าทางประกอบการแสดงละครเพลง 3 หลักการ คือ (1) การออกแบบลีลาท่าทางในชีวิตประจำวันประกอบบทร้องและพูด (2) การออกแบบลีลาแบบ ผสมผสานระหว่างท่าทางในชีวิตประจำวันและท่าทางนาฏศิลป์ประกอบบทร้อง (3) การออกแบบลีลา นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัยประกอบดนตรี 5) การออกแบบเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้าและทรงผม ตามนโยบายรัฐ นิยม ด้านวัฒนธรรมและค่านิยมการแต่งกาย 6) การออกแบบการใช้พื้นที่บนเวทีอย่างหลากหลาย ทั้งแบบอิสระ แต่มีจุดหมายปลายทาง แบบเรขาคณิตรูปทรงต่าง ๆ นอกจากนี้การออกแบบพื้นที่บนเวทีต้องมี ความสัมพันธ์กับการบันทึกวีดิทัศน์เพื่อให้นักแสดงสามารถสื่อสารอารมณ์สู่ผู้ชมผ่านจอ 7) การออกแบบฉากและเทคนิคพิเศษให้ส่งเสริมการแสดงละคร มีความสมบูรณ์ 8) การบูรณาการเทคโนโลยีร่วมกับการแสดงละคร พบว่า สามารถบูรณา การละครเพลงกับเทคโนโลยีด้านเทคนิคโคมาคีย์ (Chromakey) ให้เกิดความสมจริงของสถานที่และ เหตุการณ์ในละคร 9) ผู้อำนวยการสร้าง (Producer) ควบคุมการผลิตในทุกกระบวนการของ การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ผู้วิจัยเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้านภาวะผู้นำ คือ การนำความรู้ ความสามารถ สติปัญญา ตลอดจนประสบการณ์ของผู้วิจัย มาบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีความ แตกต่างกันในด้านเพศ อายุ เวลา ให้ไปถึงจุดหมายเดียวกัน คือ ละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยผู้วิจัยมี หลักในการปฏิบัติ 4 ด้าน ดังนี้ (1) ด้านกาย (2) ด้านวาจา (3) ด้านสติปัญญาและอารมณ์ คือ มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งที่จะทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และมีอารมณ์ที่มั่นคงไม่แปรปรวน พร้อม ทั้งยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่มีต่อละคร (4) ด้านสังคม คือ มีมนุษยสัมพันธ์ สามารถทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ พร้อมทั้งสามารถเป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคณะทำงาน 10) ผู้กำกับ (Director) ในฐานะการกำกับการแสดงครั้งแรกของผู้วิจัย ก่อให้เกิดทักษะหลากหลายด้าน เนื่องจากต้องมีองค์ความรู้พื้นฐานที่สามารถตัดสินใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนสามารถตอบคำถามของฝ่ายต่าง ๆ ในการรับผิดชอบหน้าที่นั้น ๆ ได้ นอกจากนี้สิ่งที่ผู้กำกับ ต้องตระหนักรู้มากที่สุดคือ ความเข้าใจในละคร เพราะเนื่องจากต้องสื่อสารถึงความต้องการ
278 เป้าหมายให้เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งสามารถสื่อสารและประสานงานกับ คณะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.3.1.2 วิธีการพัฒนารูปแบบการแสดงละครเพลงรพีพรสู่ละครเพลง เรื่องโทนรัก คือ (1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับละครเพลงรพีพร (2) จำแนกประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ ละครเพลงรพีพร ได้แก่ แนวคิด รูปแบบการแสดง นักแสดง บทละคร ดนตรี การขับร้อง การ ออกแบบลีลา ฉาก เครื่องแต่งกาย (3) วิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่ได้จากการศึกษาข้อมูล พร้อมทั้งสรุป เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ (4) พัฒนาประเด็นสำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยอาจนำมา จากประสบการณ์ผู้วิจัย ความสนใจ บริบทสังคม เป็นต้น (5) คำนึงถึงบริบททางสังคม วิทยาการและ กลุ่มผู้ชมละครว่าเป็นลักษณะอย่างไร ต้องอะไรอะไร ที่สำคัญสร้างสรรค์ละครไปแล้วนั้นจะมีผู้ชม สนใจที่จะชมหรือไม่ (6) กำหนดแนวคิด รูปแบบการแสดงและองค์ประกอบการแสดงจากข้อมูลที่ได้ จากการศึกษาวิเคราะห์ 1.3.2 องค์ความรู้ที่ได้รับและเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพ ได้แก่ 1.3.2.1 กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลงอย่างเป็นระบบละครเพลง เรื่อง โทนรัก ได้ดำเนินสร้างสรรค์โดยเริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นนำข้อมูลที่ได้ จากการศึกษาค้นคว้ามาวิเคราะห์และจำแนกประเด็นสำคัญ เพื่อนำสู่กระบวนการสร้างสรรค์การ แสดง ซึ่งผู้วิจัยพบว่าองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นคือ กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลงอย่างเป็นระบบ มี ขั้นตอนและระยะการพัฒนางานที่สม่ำเสมอ ตลอดจนการยืนยันข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์ โดยกระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีกระบวนการที่ เป็นระบบ ดังนี้ 1) การสร้างแนวคิด ใช้วิธีการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งปฐมภูมิ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง จากนั้นนำเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบและยืนยันข้อมูล 2) การกำหนดรูปแบบการแสดง ใช้วิธีการค้นคว้าข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอรูปแบบ เทคนิค วิทยาการใหม่ ๆ ลงไปในละคร เพื่อให้สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงทางพลวัตร 3) การสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดง 10 ประเด็น โดยแต่ละ ประเด็นมีการวิเคราะห์ ค้นคว้า ข้อมูลเพื่อการพัฒนางานให้สมบูรณ์มากที่สุด ทั้งนี้ทุกกระบวนการใน
279 การสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดง จะสะท้อนให้เห็นถึงการออกแบบ สร้างสรรค์ ระยะการพัฒนา ปัญหาที่พบ ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว 4) การประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) โดยผู้เชี่ยวชาญและ ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อยืนยันข้อมูล ให้ข้อเสนอแนะในการสร้างสรรค์ละครเพลง 5) การประเมินคุณภาพผลงานโดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิและ ผู้ชมที่มีต่อละครเพลง โดยผลการประเมินรูปแบบสถิติและบรรยายความแบบพรรณนา เพื่อให้เห็นถึง ผลที่เกิดขึ้นกับละคร ทั้งนี้เพื่อนำสู่การแก้ไขให้สมบูรณ์เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 1.3.2.2 โครงสร้างการแสดงละครเพลง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” จากการกำหนดลักษณะสำคัญ 4 รูปแบบที่ใช้เป็นโครงสร้างการแสดง ละครเพลง เรื่องโทนรัก คือ “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” พบว่า เป็นการผสมผสานรูปแบบทั้งการร้อง การ เล่นละคร การแสดงนาฏศิลป์ (เต้นและระบำ) ให้สอดคล้องสัมพันธ์กันอย่างมีเอกภาพ โดยมี รายละเอียดดังนี้ ร้อง คือ การดำเนินเรื่องราวไปตามบทละครด้วยการร้องเพลงสลับการพูด และเจรจา เล่น คือ การเล่นหรือการดำเนินเรื่องตามบทละคร โดยนักแสดงเป็น ผู้แสดงออกทางการร้อง การพูด แสดงลีลา ท่าทาง รวมไปถึงลักษณะสีหน้าและอารมณ์ เต้น คือ การเต้นโดยนักแสดงใช้ท่าทางในชีวิตประจำวัน ลีลาท่าทางแบบ นาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย ระบำ คือ การที่นักแสดงใช้ท่าทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย ด้วยลีลาท่าทางเดียวกันพร้อมเพรียงกันหรือแตกต่างกันตามทำนองเพลง จากโครงสร้างการแสดงละครเพลง “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” แสดงให้เห็นถึง รูปแบบที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อนำมาร้อยเรียงเชื่อมโยงกับองค์ประกอบการแสดงประเภทอื่น ๆ ทำให้ละครเพลง เรื่องโทนรัก เกิดความสุนทรียะและมีเอกภาพ 1.3.2.3 วิธีการประพันธ์เพลงในละคร โดยจำแนกได้ 3 รูปแบบ คือ 1) การประพันธ์บทร้องตามทำนองเพลง พบว่า เป็นการประพันธ์บทร้อง ที่มีทำนองเพลงอยู่แล้ว ส่งผลให้การร้อยเรียงบทร้องอาจมีข้อบังคับอยู่บ้าง ซึ่งต้องประพันธ์บทให้มี ความสอดคล้องกับทำนองเพลง
280 2) การคัดเลือกทำนองเพลงตามบทร้อง พบว่า เป็นการคัดเลือกทำนอง ตามบทร้องที่ได้ประพันธ์ขึ้นใหม่ ส่งผลให้รูปแบบนี้อาจต้องเพิ่มขั้นตอนในการปรับลดคำร้องให้ สอดคล้องกับทำนองเพลง 3) การประพันธ์บทร้องและทำนองเพลงใหม่ พบว่า รูปแบบการประพันธ์ นี้เป็นการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งบทร้องและทำนองเพลง ซึ่งอาจมองว่ามีอิสระมากกว่ารูปแบบอื่น แต่อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลไปที่นักร้องที่จะต้องสร้างความเข้าใจในบทร้องและทำนองเพลง อย่างไรก็ตามรูปแบบการประพันธ์เพลงทั้ง 3 รูปแบบ ผู้วิจัยนำมาร้อยเรียง ผสมผสานในละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยนับเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาสู่ การสร้างสรรค์ละครรูปแบบอื่น ๆ ได้ 2. อภิปรายผล การสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก ได้ศึกษาแนวคิด รูปแบบและองค์ประกอบการแสดง ของละครเพลงรพีพร ซึ่งมีแนวคิดในการนำเสนอเรื่องราวความรัก สอดแทรกข้อคิดด้านการเห็น คุณค่าในตนเอง และการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน กำหนดใช้ตัวละครชายหญิงเป็นตัว ละครหลัก สอดคล้องกับ อัจฉราวรรณ ภู่สิริโรจน์ (2543) กล่าวว่า ละครเพลงรพีพร เนื้อเรื่องมีเนื้อหา เกี่ยวกับความรัก และตัวละครเอกฝ่ายชาย ตัวละครเอกฝ่ายหญิง แต่มีการสอดแทรกข้อคิดด้านคุณธรรม จริยธรรมและพุทธปรัชญา จากการศึกษาทฤษฎีนาฏยประดิษฐ์ ของ สุรพล วิรุฬห์รักษ์ (2547, น. 225) กล่าวว่า นาฏยประดิษฐ์ คือ หลักการและวิธีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อการฟ้อนรำ การหาข้อมูล แรงบันดาล ใจ นวัตกรรมการออกแบบและประกอบสร้าง การกำหนดแนวคิดของเนื้อหาและรูปแบบ การ พัฒนาการออกแบบท่าทาง การเคลื่อนไหว แนวทางและการวิเคราะห์ดนตรี ความสัมพันธ์ของการ แสดงกับฉาก เครื่องแต่งกาย แสง สี เสียง อุปกรณ์การแสดง การคัดเลือกผู้แสดง การฝึกซ้อม รวม 7 ขั้นตอน ทั้งนี้ละครเพลง เรื่องโทนรัก มีการกำหนดแนวคิดและรูปแบบการแสดง ตลอดจน กระบวนการสร้างสรรค์องค์ประกอบการแสดงอย่างเป็นระบบ 7 ขั้นตอน เช่นเดียวกัน ประกอบด้วย 1) การคิดให้มีนาฏยศิลป์เพื่อแสดงออกด้านเอกลักษณ์วัฒนธรรมของการรำโทนพัฒนาการสู่รำวง มาตรฐาน 2) การกำหนดความคิดหลักให้ผู้ชมตระหนักรู้เรื่องการเห็นคุณค่าในตนเองและสำนึกใน ศิลปวัฒนธรรมไทย 3) การประมวลข้อมูลจากความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย เพื่อการ
281 เสริมสร้างให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ละครเพลง เรื่องโทนรัก 4) การกำหนดขอบเขตตาม แนวคิดและรูปแบบการแสดงที่กำหนด พร้อมทั้งนำเสนอการแสดงต่อสาธารณชนโดยใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที ตามข้อตกลงของหลักสูตรศิลปดุษฎีบัณฑิต สาขานาฏศิลป์ 5) การกำหนดรูปแบบผสมผสาน รูปแบบการแสดง 4 ประเภท ด้วยการร้อง เล่น เต้น ระบำ และการขับร้องเพลงไทยหลากหลายแนว 6) การกำหนดองค์ประกอบการแสดงให้ส่งเสริมการแสดงละครให้มีความสมบูรณ์ พร้อมทั้งให้ สอดคล้องสัมพันธ์กันอย่างมีเอกภาพ 7) การออกแบบนาฏยศิลป์ด้วยการออกแบบลีลาท่าทางใน ชีวิตประจำวัน ลีลานาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย การบันทึกวีดิทัศน์การแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก ดำเนินการเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน มี 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการ กำหนดโรงละครศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบัน บัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นสถานที่ในการบันทึกวีดิทัศน์ จากนั้นเตรียมบท วางแผนและจัดเตรียมอุปกรณ์ ที่ต้องใช้ในบันทึกวีดิทัศน์ ประกอบด้วย กล้อง ดนตรี เครื่องบันทึกเสียง ไมโครโฟน จอโทรทัศน์และ คอมพิวเตอร์แบบพกพา โดยจัดเตรียมพื้นที่เวทีและฉากหลังเพื่อการบันทึกวีดิทัศน์การเป็นฉากสี เขียว ขั้นตอนที่ 2 ขั้นการผลิต บันทึกวีดิทัศน์โดยใช้กล้อง 3 ตัว พร้อมเม็มโมรี่การ์ด โดยดำเนินการ บันทึกวีดิทัศน์ด้วยการแบ่งเป็น Scene เพื่อสะดวกในการตัดต่อ ขั้นตอนที่ 3 ขั้นหลังการผลิต ใส่ รูปภาพฉากหลังด้วยเทคนิคแบบโครมาคีย์ (Chromakey) เมื่อจัดทำฉากที่ใช้ประกอบการแสดงละครแล้ว ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิคโครมาคีย์ ในการตัดต่อวีดิทัศน์มาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินการเรื่องฉากที่ปรากฏ ในละคร โดยกำหนดพื้นที่เวทีให้มีฉากหลังสีเขียว จากนั้นใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เจาะหรือตัดสีเขียวที่ จัดไว้เป็นฉากหลังออก ไปจากวีดิทัศน์ โดยมีคุณสมบัติทำให้ภาพในวีดิทัศน์ส่วนนั้นโปร่งใส โดยผู้วิจัยได้ นำสถานที่สำคัญที่จัดเตรียมไว้มาใส่เป็นฉากหลัง ทำให้ตัวละคร เหตุการณ์สอดคล้องและสัมพันธ์กับ บทร้องในละคร โดยที่ไม่ต้องไปถึงสถานที่จริง สอดคล้องกับ ขั้นตอนกระบวนการสร้างสรรค์ละคร เวทีเพื่อเยาวชนเรื่อง “ลูกเป็ดขี้เหร่” ของ นิโลบล วงศ์ภัทรนนท์ (2555) ที่ประกอบด้วย กระบวนการ 3 ขั้นตอนเช่นเดียวกันคือ ขั้นเตรียมการแสดง (Pre-Production) ขั้นจัดการแสดง (Production) และในขั้นตอนสุดท้ายคือ ขั้นหลังการแสดง (Post Production) นอกจากนี้ ละครเพลง เรื่องโทนรัก ได้ประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยการจัดทำแบบ ประเมินคุณภาพผลงานสำหรับผู้ชมที่มีต่อละครเพลง เรื่องโทนรัก จำนวน 50 คน ใช้วิธีการประเมิน ผ่านระบบกูเกิล ฟอร์ม (Google form) ผลการประเมินด้านแนวคิดการแสดง พบว่ามีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมในด้านแนวคิดการแสดงมีค่าเฉลี่ย
282 (̅) เท่ากับ 4.63 ระดับมากที่สุด และผลการประเมินด้านรูปแบบและเพลงประกอบการแสดง พบว่ามี ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 3 ประเด็นย่อย และมีผลการประเมินรวมด้านรูปแบบและเพลง ประกอบการแสดง มีค่าเฉลี่ย (̅) เท่ากับ 4.67 ระดับมากที่สุด ทั้งนี้พบว่าลักษณะการประเมินผลสามารถ ทำในรูปแบบการเปรียบเทียบก่อนและหลังการแสดงได้อีกวิธีหนึ่ง ดังการประเมินผลการแสดงละครเพลง เพื่อสื่อสารความรู้เรื่องสถิติ รูปแบบมิวสิคัล ของ จตุพร สุวรรณสุขุม (2555) ประเมินผลจาก คำนวณหาค่าเฉลี่ยของทัศนคติทั้งก่อนและหลังชมละครเพื่อหาการเปลี่ยนแปลงไปของค่าทัศนคติที่ เกิดขึ้น โดยใช้การหาค่า T-test พบว่า ค่าเฉลี่ยทัศนคติหลังชมการแสดงเพิ่มขึ้นอย่างมีระดับนัยสำคัญ ที่ 0.05 โดยค่าที่วัดก่อนการแสดงคือ 20.244 และผลการวัดค่าหลังการแสดง มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คือ 26.640 อันเป็นวิธีการประเมินอีกรูปแบบหนึ่งในเชิงเปรียบเทียบต่างจากการประเมินความพึงพอใจ ของละครเพลง เรื่องโทนรัก 3. ข้อเสนอแนะ 3.1 ข้อเสนอแนะในการนำงานวิจัยไปใช้ ผู้ที่สนใจในศาสตร์ศิลปะการแสดงละครสามารถนำกระบวนการสร้างสรรค์ละคร เพลง เรื่องโทนรัก ไปใช้ได้ตามขั้นตอน แต่อาจปรับจากการบันทึกวีดิทัศน์เป็นรูปแบบการแสดงบน เวทีจริงเพื่อสุนทรียะทางการแสดงที่สมบูรณ์ 3.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 3.2.1 ในปัจจุบันมีเทคนิควิทยาการทางด้านเทคโนโลยีมากมายที่สามารถบูรณาการ กับการสร้างสรรค์ละครได้ เช่น การใช้จอ LED ผสมผสานกับการแสดง ทั้งนี้ผู้สร้างสรรค์ควรคำนึงถึง ความเหมาะสมของพื้นที่เวทีอันเป็นปัจจัยสำคัญในการแสดง 3.2.2 การสร้างสรรค์ละครอาจนำแนวคิดมาจากนวนิยายที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม เช่น การตระหนักรู้เรื่องการรักชาติ การเสริมสร้าง คุณธรรม จริยธรรม การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติเป็นต้น โดยอาจนำนวนิยายที่มีแง่คิดดังกล่าว มาสร้างใหม่ด้วยทฤษฎีรื้อสร้าง ทฤษฎีการผลิตซ้ำ เพื่อนำเสนอมุมมองใหม่ผ่านการสร้างสรรค์ละคร รูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้ชมทุกวัยสามารถชมละครได้
บรรณานุกรม กาญจนา แก้วเทพ. (2541). การวิเคราะห์สื่อ แนวทางและเทคนิค. กรุงเทพฯ: เอดิสัน เพรสโพรดักส์. กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์. (2535). การศึกษาเชิงวิเคราะห์บทละครร้องของพรานบูรพ์. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. กิตติธัช ศรีฟ้า. (2559). ทฤษฎีเพื่องานโฆษณา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสยาม. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2531). ศิลปะการละครเบื้องต้น 1-2. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: ครุสภาลาดพร้าว. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2562). วัฒนธรรม คุณค่าสู่มูลค่า. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2564 จาก http://article.culture.go.th/index.php/template-features/137-2019-07-02-06-14-35 กิดานันท์ มลิทอง. (2548). เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อการศึกษา. กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ์ กุหลาบ มันลิกะมาส. (2529). วรรณคดีวิจารณ์. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง. คณะกรรมการจัดงาน 50 ปี เพ็ญศรี-รพีพร และมูลนิธิรพีพรเพื่อสวัสดิการนักเขียน. (2544). ชีวิตเหมือน ละคร 50 ปี เพ็ญศรี-รพีพร 2 ศิลปินแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี. คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2555). วรรณรูป. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร. จตุพร สุวรรณสุขุม. (2555). กระบวนการสร้างสรรค์ละครเพลง เพื่อสื่อสารความรู้เรื่องสถิติ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร. จารุณี หงส์จารุ. (2553). ปริทัศน์ศิลปการละคร. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.