The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kobfad, 2023-05-15 08:35:58

การบริหารงานวิชาการ

การบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่

Keywords: งานวิชาการ บริหารงานศึกษา

การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ค


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ง การบร ิ หารงานว ิ ชาการ.. เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในว ิ ถ ีชี ว ิ ตใหม ่ ลิขสิทธิ์เป็นของผู้เขียน ผู้เขียน รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ สาขาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2565 จ านวน 300 เล่ม พิมพ์ครั้งที่ 2 มกราคม 2566 จ านวน 500 เล่ม ที่อยู่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ อีเมล์ rungchatchadaporn @tsu.ac.th โทรศัพท์ 074-317-600 ต่อ 3121 โทรศัพท์มือถือ 089-8333022 โทรสาร 074-317-682 พิมพ์ที่ เทมการพิมพ์ ที่อยู่ 24 ซอย 4 ราษฎร์อุทิศ 1 ต าบลบ่อยาง อ.เมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ 074-312-329 จ านวนหน้า 295 หน้า พิมพ์ครั้งที่ 1 จ านวน 500 เล่ม ปีที่พิมพ์ มกราคม 2566 ออกแบบปก ฆบฝาด หีมหวัง นิสิตปริญญาโท สาขาการบริหารการศึกษา ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส านักหอสมุดแห่งชาติ รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ --สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2565. 1. การบริหารการศึกษา. 2. การวางแผนหลักสูตร. 3. นวัตกรรมทางการศึกษา เทคโนโลยีทางการศึกษา. ชื่อเรื่อง. 371.2 ISBN ISBN 978-616-594-504-2 ISBN (e-book) 978-616-594-503-5


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ จ ค าน า หนังสือ “การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่” เล่มนี้ เรียบเรียงเขียนขึ้น เพื่อใช้ในการสอน ระดับปริญญาโท รายวิชา 0302521 การบริหารงาน วิชาการ และระดับปริญญาเอก รายวิชา 0302721 ภาวะผู้น าทางวิชาการ ในการเขียนหนังสือ เล่มนี้ ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าจากหลักการ แนวคิดทฤษฎี จากต าราและหนังสือ การบริหารงาน วิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เขียนมาแล้วน ามาปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้เขียนได้น ามาอ้างอิงไว้และจากแนวคิดของปรมาจารย์ทางการบริหารการศึกษา ตลอดจน ผู้เขียนได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานวิชาการของ สถานศึกษา ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ และ จากการศึกษาทั่วโลกได้รับผลกระทบที่เกิดจากภาวะถดถอยทางการเรียนรู้(Learning Loss) ของผู้เรียน อีกทั้งผู้เขียนได้สอดแทรกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประสบการณ์การสอน รวมทั้ง สอดแทรกประสบการณ์การท าวิจัยของผู้เขียนไว้ในหนังสือ เพื่อที่เสนอแนะแง่มุมจากหลักการ แนวคิดและทฤษฎีสู่การปฏิบัติ ขอขอบคุณ ผู้ทรงคุณวุฒิที่ให้ความกรุณาตรวจคุณภาพหนังสือและให้ข้อเสนอแนะ ที่มีคุณค่ายิ่ง และขอขอบคุณท่านอธิการบดี คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ที่มีนโยบายนวัตกรรมสังคม สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้เขียนได้สร้างสรรค์งานเขียน ขอมอบองค์ความรู้ที่น ามาเขียนเพื่อเป็นวิทยาจารย์ ให้นิสิต นักศึกษา นักวิชาการทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาไว้ใช้ในการปฏิบัติงานสถานศึกษา น าไปใช้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ประดิษฐ์ คิดค้นนวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนา การศึกษายิ่งขึ้นต่อไป รองศาสตราจารย์ ดร.ร่งุชชัดาพรเวหะชาติ 1 มกราคม 2566


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ฉ สารบัญ บทที่ หน้า ค าน า………………………………………………………………………………….......… จ สารบัญ…………………………………………………………………………………........ ฉ สารบัญรูปภาพ……………………………………………………………………….......... ฎ สารบัญตาราง……………………………………………………………………….....…... ฐ บทน า ………………………………………………………………………….……....... 1 บทที่ 1 การบริหารงานวิชาการในชีวิตวิถีใหม่……………………………………..… 6 1.1 ความหมายของการบริหารงานวิชาการ...................................................... 7 1.2 หลักการบริหารงานวิชาการ....................................................................... 8 1.3 การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาในชีวิตวิถีใหม่....................................... 9 1.4 แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการวางแผนงานวิชาการในสถานศึกษา ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล………………………………………...... 12 สรุปท้ายบท……………………………………………………………………….. 25 เอกสารอ้างอิง………………………………………………………………..….. 26 บทที่ 2 การพฒันาหลกัสูตรในวิถีชีวิตใหม่……………………………………………. 28 2.1 ความหมายของหลักสูตร……………………………………………………... 29 2.2 การพัฒนาหลักสูตร.........…………………………………………………….. 30 2.3 แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร ……………………………………………..…… 31 2.4 พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร…………………………………………………… 32 2.5 แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร…………………………………………………… 36 2.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร…………………………………………………… 39 2.7 กระบวนการพัฒนาหลักสูตร………………………………………………….. 41 2.8 การพัฒนาหลักสูตรในสถานการณ์โควิด-19...............……………….……… 43 สรุปท้ายบท……………………………………………………………………….. 47 เอกสารอ้างอิง…………………………………………………………………….. 48


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ช สารบญ ั (ต ่ อ) หน้า บทที่ 3 การพฒันากระบวนการเรียนร้ใูนวิถีชีวิตใหม่.........…………………………... 49 3.1 ความหมายของการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ……………………………….. 50 3.2 ความส าคัญของการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ………………………………. 54 3.3 แนวคิดการจัดกระบวนการเรียนรู้……………………………………..……… 55 3.4 การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ………………………….... 58 3.5 การจัดการเรียนรู้ส าหรับครูในศตวรรษที่ 21 ………………………………….. 63 3.6 รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL)……………………... 71 3.7 การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)………... 76 3.8 รูปแบบการเรียนรู้ยุควิถีใหม่ ……………………………..…………………….. 79 3.9 การจัดการเรียนการสอนออนไลน์…………………………………………….… 83 สรุปท้ายบท…………………………………………………………………………. 98 เอกสารอ้างอิง…………………………………………………………………….… 99 บทที่4 นวัตกรรมและเทคโนโลยีในวิถีชีวิตใหม่…………………………………….... 102 4.1 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา …..………. 103 4.2 ความหมายและความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี………………… 103 4.3 ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี………………………………………. 106 4.4 หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยียุควิถีใหม่……………………..…….... 110 4.5 ความส าคัญของนวัตกรรมการศึกษา…………………………………..……….. 111 4.6 การใช้สารสนเทศ …...…………………………………………………………… 115 4.7 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี ที่ใช้ในการบริหารงานวิชาการ………….……….. 122 4.8 แนวทางการใช้นวัตกรรมสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการ ……..……...124 สรุปท้ายบท………………………………………………………………………….. 130 เอกสารอ้างอิง………………………………………………………….………….… 131


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ซ สารบญ ั (ต ่ อ) หน้า บทที่ 5 แหล่งเรียนรู้ในวิถีชีวิตใหม่………………………………………………..……… 132 5.1 ความหมายของแหล่งการเรียนรู้……………………………………………..… 133 5.2 ความส าคัญของแหล่งเรียนรู้ ………………………………………………….. 135 5.3 แนวคิดส าคัญในการใช้แหล่งเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน………….. 137 5.4 ประเภทของแหล่งเรียนรู้………………………………………………….…….. 138 5.5 การใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา………………………..… 141 5.6 การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษา………………………………..………. 142 5.7 การบริหารจัดการและแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้……………..…………. 143 5.8 บทบาทของบุคลากรกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ………………..…………….. 143 5.9 การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาและใช้แหล่งการเรียนรู้……………………… 144 สรุปท้ายบท…………………………………………………………………………. 150 เอกสารอ้างอิง………………………………………………………………............ 152 บทที่6 กิจกรรมแนะแนวเพื่อพฒันาผ้เูรียนในวิถีชีวิตใหม่…....……………………… 153 6.1 ความหมายของการแนะแนว……………………………………………………. 154 6.2 ความหมายกิจกรรมแนะแนว………………………………………………..….. 155 6.3 ขอบข่ายของการจัดกิจกรรมแนะแนว ………………………………………..... 157 6.4 การเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว………………………………………………….…. 159 6.5 การประเมินผลกิจกรรมแนะแนว……………………………………………….. 161 6.6 เกณฑ์การประเมินกิจกรรมแนะแนว………………………………………….... 161 6.7 ภาระงานแนะแนว…………………………………………….………..……….. 163 6.8 หลักการจัดกิจกรรมแนะแนว…………………………………………………… 165 6.9 การจัดกิจกรรมแนะแนวในชีวิตวิถีใหม่..........……………………………….... 170 6.10 การดูแลช่วยเหลือนักเรียน...........……..…………………………………….. 173 6.11 แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในชีวิตวิถีใหม่………………….......... 178 สรุปท้ายบท……………………………………………….......………………….... 182 เอกสารอ้างอิง………………………………………………….......…………….... 183


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ฌ สารบญ ั (ต ่ อ) หน้า บทที่ 7 การวดัและประเมินผลการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่……………………….…..…. 184 7.1 ความหมายและแนวทางการวัดและประเมินผลการศึกษา………………….… 185 7.2 บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้……………. 193 7.3 แนวทางการวัดและประเมินผลชีวิตวิถีใหม่.................................................... 195 7.4 ระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิต (Credit Bank System for Lifelong Learning)……………………………….. 200 7.5 การจัดการเรียนการสอนรูปแบบวิถีชีวิตใหม่…………………………………... 201 สรุปท้ายบท…………………………………………………….………………….. 204 เอกสารอ้างอิง…………………………………………………………………….. 205 บทที่ 8 การพฒันาคณุภาพการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่………………………………… 207 8.1 ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา …………............................ 208 8.2 ความส าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา………………......……….… 209 8.3 ประโยชน์ของการประกันคุณภาพการศึกษา……………………….....…….. 209 8.4 พระราชบัญญัติการประกันคุณภาพการศึกษา ………………………........... 210 8.5 การประกันคุณภาพภายใน……………………………………………........... 212 8.6 แนวคิดและทิศทาง การประเมินคุณภาพภายนอก ภายหลังสถานการณ์ COVID-19……………………………………….…….. 215 8.7 กระบวนการด าเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา……………………... 219 8.8 ติดตาม¬ผลการด าเนินการให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา................ 222 8.9 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก........... 227 สรุปท้ายบท ………………………………………………………...………..… 236 เอกสารอ้างอิง……………………………………………………….....………... 237 บทที่ 9 การนิเทศการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่…………………………………….……. 239 9.1 ความหมายของการนิเทศการศึกษา………………………………………... 240 9.2 หลักการนิเทศการศึกษา………………………………………….……..….. 241 9.3 ความมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา…………………………………..… 242


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ญ สารบญ ั (ต ่ อ) หน้า 9.4 ความส าคัญของการนิเทศการศึกษา……………………………………..… 244 9.5 ประเภทของการนิเทศการศึกษา………………………………………….... 245 9.6 การนิเทศภายในโรงเรียน…………………………………………………... 245 9.7 บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้นิเทศ………………………….… 258 สรุปท้ายบท…………………………………………………………………….. 264 เอกสารอ้างอิง………………………………………………………………….. 265 บทที่ 10 บทสรุป การบริหารงานวิชาการเพื่อการพฒันาคณุภาพสถานศึกษา ในวิถีชีวิตใหม่…………………………………………………………………... 268 10.1 แนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา…… 274 10.2 ข้อเสนอแนะส าหรับผู้บริหารสถานศึกษาในการบริหารงานวิชาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่…………………………... 277 สรุปท้ายบท……………………………........…………………………………… 279 เอกสารอ้างอิง……………………………………………........………………… 280 บรรณานุกรม…………………………………………………….....…………... 281 ดัชนีค าค้น……………………………………………………………......……… 291 ประวตัิผ้เูขียน…………………………………………………………….....…... 298


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ฎ สารบัญรูปภาพ ภาพที่ หน้า 2.1 ฐานคิดของหลักสูตรฐานสมรรถนะ………………………………………………...... 42 2.2 ebook หลักสูตรสมรรถนะฐานอาชีพของโรงเรียนพื้นที่เกาะจังหวัดสตูล………….. 46 3.1 3.2 3.3 3.5 สมรรถนะครูไทยเพื่อสมรรถนะของผู้เรียน………………………………………...... ออกแบบการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครูและผู้เรียน………………………………...… ความคาดหวังการพลิกโฉมห้องเรียนหลังยุค New Normal……………………..… สมรรถนะเด็กไทยในศตวรรษที่ 21………………………………………………..… 75 79 84 97 4.1 นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการสอนชีวิตวิถีใหม่………………………………..… 127 4.2 การพัฒนาศักยภาพครูด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล…………………….. 129 5.1 LOGO LIPE LEARNING CENTER ISLAND ……………………………….….... 148 5.2 กระบวนการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้บ้านเกาะหลีเป๊ ะ………………………………... 149 5.3 ศูนย์การเรียนรู้บ้านเกาะหลีเป๊ ะ……………………………………………………... 150 6.1 6.2 6.3 6.4 เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ………………………………………………..…. การจัดกิจกรรมแนะแนว……………………………………………………………... แนวการจัดกิจกรรมแนะแนว……………………………………………………….... กิจกรรมแนะแนวยุควิถีใหม่………………………………………………………..… 155 165 169 180 7.1 เป็นวิทยากรหลังสถานการณ์ COVID-19…………………………………………... 202 7.2 การวัดและการประเมินผล การจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ การแพร่ระบาดCOVID -19………………………………………………………….. 203 8.1 8.2 8.3 8.4 การประกันคุณภาพการศึกษา……………………………………………………..… การประกันคุณภาพการศึกษายุควิถีใหม่…………………………………………..... กลยุทธ์เชิงรุก กลยุทธ์เชิงรับ ของสถานศึกษาขนาดเล็ก………………………..…. อิทธิพลทางตรงและอิทธิพลทางอ้อมที่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาขนาดเล็ก….. 232 233 234 235


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ฏ สารบัญรูปภาพ(ต ่ อ) ภาพที่ หน้า 9.2 การนิเทศแบบร่วมเรียน…………………………………………………………....... 256 9.3 9.4 9.5 9.6 10.1 " MVSK 5E MODEL" ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)……………………………………………………………………………..…... การนิเทศนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูการปฏิบัติการชุมชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (PLC)………………………………………………………………..….…... นิเทศออนไลน์นิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู……………………………………... การนิเทศแบบร่วมโดยใช้ MVSK 5E MODEL ผ่านกระบวนการ ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)……………………………………………….… การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา…………….… 257 259 262 263 276


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ฐ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 3.4 การใช้แอพพลิเคชั่นในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์……………..… 96 5.1 ปรัชญาและหลักการแนะแนว…………………………………………………..…. 156


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 1 บทน า การระบาดของโควิด 19 ท าให้นานาประเทศเข้าใจถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากความ เสี่ยงประเภทที่เรารู้ว่าอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีความแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และเมื่อเกิดขึ้น แล้วก็จะมีผลกระทบสูงมาก ความเสี่ยงในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ความเสี่ยงระดับชาติแต่เป็นความ เสี่ยงระดับมนุษยชาติ วิกฤตการณ์นี้ท าให้เรามีโอกาสย้อนคิดถึงความส าเร็จ ความล้มเหลว โอกาส และยุทธศาสตร์ที่อาจน าเราไปสู่ทางเลือกและทางรอดและกลับมาตั้งหลักใหม่ให้มั่นคง กว่าเดิม (Resilience) คนไทยส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยความรู้สึกที่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศ ที่ใหญ่โตและอุดมสมบูรณ์เพราะได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเด็ก ประเทศไทยยังค่อนข้างจะปลอดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อเทียบกับประเทศ เพื่อนบ้านในโลกที่เคยมีความเสี่ยงค่อนข้างต ่าส าหรับคนไทยในอดีต การมองอนาคตของ ประเทศจึงอาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องส าคัญหรือจ าเป็นเท่าใดนัก แต่ในโลกปัจจุบันที่มีความผันผวน และความไม่แน่นอนสูง มีภัยพิบัติที่ไม่คาดฝัน เช่น โควิด 19 และภัยธรรมชาติต่างๆ การเตรียมการส าหรับอนาคตจึงกลายเป็นเรื่องจ าเป็น แต่การที่จะมองภาพอนาคตนั้นมีความ จ าเป็นต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น ศักยภาพต าแหน่งของประเทศไทยในเวทีโลก ตลอดจนเห็นแนวโน้มใหญ่ๆ ท่ี ่ เป็นพลงัขับเคลื่อนสังคมเศรษฐกิจอยู่ เราจึงจะคาดการณ์อนาคต ที่เชื่อว่าเกิดขึ้นได้(Plausible Futures) เพื่อเตรียมการได้ดีขึ้น “ในขณะที่ทุกอุตสาหกรรมก าลัง ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวินาทีด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีคิดและเครื่องมือที่แตกต่าง โดยสิ้นเชิง เมื่อเปรียบเทียบกับนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความส าเร็จอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในช่วง ทศวรรษที่ผ่านมา… คนรุ่นใหม่เหล่านี้ก าลังเข้ามาวัดรอยเท้าและเข้ามาโค่นระบบธุรกิจดั้งเดิม ที่ไม่คิดปรับตัวอย่างไม่ปราณี...” จากการที่โลกของเรามีการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีไร้สาย โดยการเชื่อมต่อได้เข้าไปถึง ระดับบุคคล และจ านวนการเชื่อมต่อเข้าใกล้จ านวนประชากรโลกเข้าทุกขณะ อีกทั้งอุปกรณ์ สื่อสารเคลื่อนที่ส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพในการค านวณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Super Computer) มีแนวโน้มเข้าใกล้ประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อผู้คนจ านวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน ประกอบ กับความสามารถในการส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง และยังไม่มีแนวโน้มที่จะถึงจุดอิ่มตัวเลยแม้แต่น้อย เราอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมอย่างพลิกผัน ด้วยอัตราเร่งที่ไม่เคยปรากฏ มาก่อน การท าธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ในระดับบุคคลก็เริ่มมีประสิทธิภาพสูงด้วยระบบ การเข้ารหัสความปลอดภัยที่ซับซ้อนยากแก่การเจาะรหัส ท าให้อุปสรรคในด้านเวลา สถานที่


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 2 ได้ถูกท าลายลงโดยสิ้นเชิง จนท าให้ทุกวันนี้เราก าลังอยู่ในช่วงเวลาที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง นวัตกรรมอย่างพลิกผัน (Disruptive Innovation) ด้วยอัตราเร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยที่สินค้า ทุนและแรงงานสามารถเคลื่อนย้ายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีการที่ไม่เคย ปรากฎขึ้นมาก่อนในอดีต ผู้ให้ค าจ ากัดความของ ค าว่า “Disruptive Innovation” คือ Clayton Christensen แห่ ง Harvard Business School ผู้แต่ งห นังสือ “The Innovator’s Dilemma” นวัตกรรมที่น าไปสู่การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน (Disruptive Innovation) ซึ่งสามารถท าให้คน จ านวนมากสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือการบริการได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม สามารถสร้างความ เติบโตให้กับองค์กรธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการใช้นวัตกรรมและการสร้างความแตกต่าง จากผู้น าตลาด ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาลบล้างเครื่อง เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) ที่มีขนาดใหญ่ และราคาแพงมาก ซึ่งในอดีตจะ ใช้ในเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ สถาบันวิจัย หรือมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ปัจจุบันบุคคลทั่วไปสามารถ เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ที่มีราคาถูกและมีความสามารถสูงกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ การเผชิญกับ (Disruptive Innovation) นวัตกรรมได้สร้างตลาดใหม่และพลิกโฉมหน้า อุตสาหกรรมและสังคม โดยท าให้เกิดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงเป็นผลมาจากการใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ยังรวมถึงการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ และการใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีเดิมในรูปแบบใหม่ การก าหนดทางเลือกของบริษัทที่เผชิญหน้ากับ “Disruptive Innovation” เมื่อจ าต้องเลือกระหว่างการคงอยู่ในตลาดโดยการปรับปรุงให้ดีขึ้นเล็กน้อย หรือการเข้าสู่ตลาดใหม่โดยน าเทคโนโลยีใหม่และรูปแบบธุรกิจใหม่มาใช้เหมือนดังเช่นที่ IBM เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน แต่สุดท้าย IBM ก็แก้ปัญหาด้วยการตั้งหน่วยธุรกิจขึ้นมาใหม่ เพื่อผลิต PC ในขณะที่ยังคงด าเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Mainframe ต่อไป ส่วน Netflix คือการ เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบธุรกิจแบบเก่าโดยสิ้นเชิง จากเดิมเป็นการให้เช่าแผ่น DVD โดยการส่ง ไปรษณีย์ เปลี่ยนเป็ นการส่งวิดีโอออนดีมานด์ให้แก่ลูกค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตแทน ผู้ประกอบการรายใหญ่ มักพอใจกับธุรกิจรูปแบบเดิมๆ และไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามจากคู่แข่ง ที่มีความสามารถด้อยกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ มักจะพึงพอใจกับการท าธุรกิจรูปแบบเดิมๆ และอาจไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามจากคู่แข่งที่มีความสามารถด้อยกว่า แต่ในวันที่คู่แข่งเหล่านั้น ประสบความส าเร็จ สามารถปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่สามารถ หันมาแย่งลูกค้ากับรายใหญ่ได้และอาจจบลงด้วยการปฏิรูปอุตสาหกรรมใหม่อย่างสิ้นเชิง เช่น การโฆษณา (Craigslist : บริษัทโฆษณาออนไลน์) โทรศัพท์ทางไกล (Skype) ร้านขาย CD เพลง (iTunes) การค้นหางานวิจัยในห้องสมุด (Google) ร้านค้าสะดวกซื้อ (eBay) แท็กซี่ (Uber) และหนังสือพิมพ์ (Twitter) นอกจากนี้ Disruptive Innovations ได้ส่งผลกระทบต่อ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 3 ระยะเวลาเฉลี่ยในการด ารงต าแหน่ง CEO ในหลายๆ บริษัท โดยในปี 2000 CEO มีวาระการ ด ารงต าแหน่งเฉลี่ยประมาณ 10 ปี และในปัจจุบันคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 5 ปีเท่านั้น ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ท าให้เกิดผลกระทบไปยังธุรกิจใหม่ๆ เช่น Google เริ่มกระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีแผนที่จะผลิตรถยนต์แบบที่ ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Autonomous Vehicles) อเมซอนเริ่มปรับปรุงการช็อปปิ้งใหม่ขึ้นอีกครั้ง โดยใช้ Drone การพิมพ์ภาพ 3 มิติ อาจส่งกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรม แต่ในบางครั้ง Disruptive Innovation อาจมาจากผู้ประกอบการที่อยู่ในส่วนที่เป็ นผู้ตาม ซึ่งจะดิ้นรน หาแนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอโดยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการกลุ่มนี้อาจไม่ได้รับ ความสนใจจากตลาดมากนักในตอนแรก แต่จะค่อยๆ เติบโตและมีอิทธิพลมากขึ้น จนสามารถ ก้าวข้ามเทคโนโลยีเดิมไปได้และสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ในที่สุด เช่น ความพยายามที่จะ น าเอาเทคโนโลยีBlock Chain ที่มีรากฐานมาจากการเข้ารหัส (Cryptography) มาประยุกต์ใช้ ในอุตสาหกรรมการเงิน เป็นต้น ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ในที่นี้ หมายถึง เมื่อเกิดไวรัส ระบาดในครั้งนี้แล้วจะเกิด ความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในทุกภาคส่วนไปจากเดิมมากมาย หลายอย่าง ถ้าจะถามว่าแล้วในการบริหาร จะมีการปรับเปลี่ยนวิถีใหม่ หรือก าหนดวิธีการวัด ผลงานตามลักษณะงานให้ชัดเจนการหา Software ที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการท างาน ไม่ว่าจะเป็ น Software ส าหรับการ Work From Home หรือ Software ที่ใช้ในการสื่อสาร ระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครอง หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการประสานงาน รวมถึง มีการวางมาตรการในการสื่อสารสั่งการของแต่ละฝ่ ายงานว่าใครจะเป็ น Contact Person เมื่อเกิดเหตุเร่งด่วนฉุกเฉิน องค์กรจะต้องค้นหาว่าต าแหน่งใดเป็น Key Position และคนไหน ที่เป็น Key Person พร้อมทั้งต้องท าผังทดแทน (Succession Plan) ในกรณีที่เป็น Key Person ติดเชื้อหรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ใครจะเป็นคนท างานแทนได้ความปกติใหม่ (New Normal) เป็นรูปแบบการด าเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต อันเนื่องจากมีบางสิ่ง มากระทบจนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมาย ล่วงหน้าได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่คุ้นเคยรูปแบบวิถีชีวิต ใหม่นี้ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีเรียนรู้วิธีสื่อสาร วิธีปฏิบัติและการจัดการในการใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งท าให้ มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะรักษาวิถีดั้งเดิม ส่วน "New Normal" ในบริบทสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โควิด – 19” ช่วงปลาย พ.ศ. 2562 ถึง พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน แม้ว่ามาตรการป้ องกันจะปลดล็อคหรือผ่อนคลายแล้วก็ตาม


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 4 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการด ารงชีวิตที่ผิดไปจากวิถีเดิมๆ โดยมีการปรับหาวิถีการด ารงชีวิต แบบใหม่เพื่อให้น าไปสู่การสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ มีการปรับแนวคิด วิสัยทัศน์วิธีการจัดการ ตลอดจนพฤติกรรมที่เคยท ามาเป็นกิจวัตร ความคุ้นเคยอันเป็นปกติ มาแต่เดิมหลายมิติที่เข้ามาในการบริหารสถานศึกษาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ โดยเฉพาะการบริหารงานวิชาการเป็นงานหลักของการบริหาร สถานศึกษา ไม่ว่าสถานศึกษาจะเป็นประเภทใด มาตรฐานและคุณภาพของสถานศึกษา จะพิจารณาได้จากผลงานด้านวิชาการ เนื่องมาจากงานวิชาการเกี่ยวข้องกับหลักสูตรการจัด การเรียนการสอน ซึ่งเป็นหัวใจของสถานศึกษาอีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษาและ บุคลากรทุกระดับของสถานศึกษา ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องทั้งทางตรงหรือทางอ้อมนั้นขึ้นอยู่กับ ลักษณะของงานในสภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน หนังสือเรื่อง “การบริหารงานวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่” เล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อใช้ในการบริหารงานวิชาการ ซึ่งเป็นงานที่ส าคัญของสถานศึกษา จ าเป็นต้อง ปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อปัจจัยคุณภาพของผลผลิตนั้นก็คือผู้เรียน ประกอบด้วยเนื้อหา จ านวน 10 บท ดังนี้ บทที่ 1 การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมาย ของการบริหารงานวิชาการ หลักการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานวิชาการสถานศึกษา ในชีวิตวิถีใหม่ แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการวางแผนงานวิชาการในสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล บทที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร แนวคิดการพัฒนา หลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร กระบวนการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร ในสถานการณ์โควิด-19 บทที่3 การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของการ พัฒนากระบวนการเรียนรู้ ความส าคัญของการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ การจัดการเรียนรู้ส าหรับครูในศตวรรษที่ 21 รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดย ใช้โครงงานเป็นฐาน (PBL) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) รูปแบบการเรียนรู้ยุควิถีใหม่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ บทที่ 4 นวัตกรรมและเทคโนโลยีในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา ความหมายและความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยี ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยียุควิถี


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 5 ใหม่ ความส าคัญของนวัตกรรมการศึกษา การใช้สารสนเทศ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ใน การบริหารงานวิชาการ แนวทางการใช้นวัตกรรมสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการ บทที่ 5แหล่งเรียนรู้ในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของแหล่งการเรียนรู้ ความส าคัญของแหล่งเรียนรู้ แนวคิดส าคัญในการใช้แหล่งเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน ประเภทของแหล่งเรียนรู้ การใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา การพัฒนาแหล่ง เรียนรู้ของสถานศึกษา การบริหารจัดการและแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ บทบาทของบุคลากร กับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาและใช้แหล่งการเรียนรู้ บทที่6 กิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาผู้เรียนในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของ การแนะแนว ความหมายกิจกรรมแนะแนว ขอบข่ายของการจัดกิจกรรมแนะแนว การเรียนรู้กิจกรรม แนะแนว การประเมินผลกิจกรรมแนะแนว เกณฑ์การประเมินกิจกรรมแนะแนว ภาระงานแนะแนว หลักการจัดกิจกรรมแนะแนว การจัดกิจกรรมแนะแนวในชีวิตวิถีใหม่ การดูแลช่วยเหลือนักเรียน แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในชีวิตวิถีใหม่ บทที่7 การวัดและประเมินผลการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายและแนว ทางการวัดและประเมินผลการศึกษา บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลชีวิตวิถีใหม่ ระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอด ชีวิต (Credit Bank System for Lifelong Learning) การจัดการเรียนการสอนรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ บทที่ 8 การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของการ ประกันคุณภาพการศึกษา ความส าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ประโยชน์ของการประกัน คุณภาพการศึกษา พระราชบัญญัติการประกันคุณภาพการศึกษา การประกันคุณภาพภายใน แนวคิดและทิศทาง การประเมินคุณภาพภายนอก ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 กระบวนการ ด าเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา ติดตาม¬ผลการด าเนินการให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษา การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก บทที่ 9 การนิเทศการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของการนิเทศ การศึกษา หลักการนิเทศการศึกษา ความมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา ความส าคัญของการ นิเทศการศึกษา ประเภทของการนิเทศการศึกษา การนิเทศภายในโรงเรียน บทบาทหน้าที่และ ความรับผิดชอบของผู้นิเทศ บทที่ 10 บทสรุป การบริหารงานวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิต ใหม่ ประกอบไปด้วย แนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ข้อเสนอแนะส าหรับผู้บริหารสถานศึกษา ในการบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 6 บทที่ 1 การบร ิ หารงานว ิ ชาการ สถานศึ กษาในชี ว ิ ตว ิ ถ ีใหม ่ “....การบริหารงานวิชาการ เป็นหัวใจส าคัญของการบริหารสถานศึกษา...” งานอื่นๆ มีความส าคัญในลักษณะสนับสนุนงานวิชาการให้ด าเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ในการ บริหารงานวิชาการ ผู้บริหารจ าเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการในการ บริหารงานวิชาการเพื่อปฏิบัติไปสู่ความส าเร็จ การบริหารงานวิชาการจ าเป็นต้องมีหลักการ ที่ส าคัญๆ ดังนี้ “....งานวิชาการเป็นงานหลัก หรือเป็นภารกิจหลักของสถานศึกษา...” พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มุ่งให้กระจายอ านาจ ในการบริหารจัดการไปให้สถานศึกษาให้มากที่สุด ด้วยเจตนารมณ์ที่จะให้สถานศึกษา ด าเนินการได้โดยอิสระ คล่องตัว รวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน สถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ าย ซึ่งเป็ นปัจจัยส าคัญท าให้ สถานศึกษามีความเข้มแข็งในการบริหารและการจัดการ สามารถพัฒนาหลักสูตรและ กระบวนการเรียนรู้ตลอดจนการวัดผลและประเมินผล รวมทั้งการวัดปัจจัยเกื้อหนุนการพัฒนา คุณภาพนักเรียน ชุมชน ท้องถิ่นได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ ในบทที่ 1 การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของการบริหารงานวิชาการ หลักการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานวิชาการ สถานศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการวางแผนงานวิชาการในสถานศึกษาให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผล


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 7 1.1 ความหมายของการบริหารงานวิชาการ นักวิชาการและนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของการบริหารงานวิชาการ ดังนี้ การบริหารงานวิชาการเป็นกระบวนการบริหารงานหรือ การด าเนินงานกิจกรรม ทุกอย่างในสถานศึกษา เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงสุด โดยบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ก าหนด และเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ และสามารถด ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การบริหารกิจกรรมทุกชนิดในสถานศึกษาเป็นหัวใจ ส าคัญของสถานศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาต้องพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้เกิด ประสิทธิภาพ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการด าเนินงานทั้งหมด หากสถานศึกษา ได้ด าเนินงานด้านการบริหารงานวิชาการมีคุณภาพ จะส่งผลให้สถานศึกษานั้น มีมาตรฐานและคุณภาพ ในทางตรงกันข้ามหากสถานศึกษาใดมีความล้มเหลวในการบริหารงาน วิชาการ สถานศึกษานั้นก็จะไม่มีคุณภาพและมาตรฐาน ดังนั้น งานด้านบริหารงานวิชาการ จึงเป็นสิ่งส าคัญในการบริหารงานในสถานศึกษา การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การด าเนินงานในขอบข่าย ภารกิจทุกอย่างของ ผู้บริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับกิจการปรับปรุงพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้ดี บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อผู้เรียน พัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เพื่อเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม โดยผู้บริหาร สถานศึกษาและบุคลากรทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันบริหารงานวิชาการ เป็นกระบวนการด าเนินงาน ของบุคลากรในสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการก าหนดนโยบาย การวางแผน ปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อปรับปรุง พัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้นให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามที่สถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางได้ ก าหนดไว้ Fry, Ketteridge and Marshall (2009) ได้ให้ความหมายของการบริหารงานวิชาการ หมายถึง การด าเนินกิจกรรมทุกชนิดในสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข การเรียนการสอนของนักเรียนให้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพมากที่สุด ประกอบด้วยงานหลายอย่าง เช่น หลักสูตร การจัดแผนการเรียน องค์ประกอบด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา สรุปได้ว่า การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การบริหารกิจกรรมทุกชนิดของ ผู้บริหารสถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้บริหาร ต้องเป็นผู้น าในการบริหารร่วมกับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการให้ค าปรึกษา แนะน าและ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 8 ประสานงานด้านหลักสูตร การน าหลักสูตรไปใช้งาน การเรียนการสอน งานด้านวัสดุอุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอน งานวัดผลและประเมินผล งานห้องสมุดงานนิเทศภายใน และงาน ประชุม อบรมทางวิชาการเพื่อส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาการเรียนการสอนให้ผู้เรียนได้รับการ พัฒนาในทุกๆ ด้านอย่างเต็มศักยภาพ งานวิชาการถือเป็นหัวใจส าคัญของการบริหารการศึกษา เพราะการจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานและคุณภาพ ล้วนขึ้นอยู่กับงานวิชาการทั้งสิ้น เนื่องจาก งานวิชาการจะเกี่ยวข้องกับหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การพัฒนาสติปัญญา ความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ ก้าวทันโลก สามารถปรับตัวอยู่ ได้ในสังคมอย่างมีความสุข ตามจุดมุ่งหมายของการศึกษาที่ก าหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนักการศึกษา นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความส าคัญของการบริหารงานวิชาการไว้ ดังนี้ 1.2 หลกัการบริหารงานวิชาการ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ได้บัญญัติในมาตรา 39 วรรค 2 ก าหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (2546) ได้กล่าวถึง ความส าคัญของการบริหารงานวิชาการว่า งานวิชาการเป็นงานหลัก หรือเป็นภารกิจหลักของสถานศึกษาที่พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มุ่งให้กระจายอ านาจในการ บริหารจัดการไปให้สถานศึกษาให้มากที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับงานวิชาการพิจารณา ด าเนินการกระจายอ านาจการบริหารและการจัดการศึกษาให้ค านึงถึงหลักการ ดังต่อไปนี้ 1. ความพร้อมและความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพื้นที่ การศึกษา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาที่จะสามารถรับผิดชอบด าเนินการ ตามขีดความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ความสอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะกระจายอ านาจ 3. ความเป็นเอกภาพด้านมาตรฐานและนโยบายด้านการศึกษา 4. ความเป็นอิสระและความคล่องตัวในการบริหารและการจัดการศึกษา 5. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ 6. มุ่งให้เกิดผลส าเร็จแก่สถานศึกษาโดยเน้นการกระจายอ านาจให้แก่สถานศึกษา ให้มากที่สุด เพื่อให้สถานศึกษานั้นมีความเข้มแข็งและความคล่องตัว 7. เพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพให้แก่สถานศึกษา 8. เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการด าเนินการเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ โดยตรง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 9 รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ (2557) ได้กล่าวถึง หลักการบริหารงานวิชาการ ดังนี้ 1. หลักการพัฒนาคุณภาพ (Quality Management) เป็นการบริหารเพื่อน าไปสู่ ความเป็นเลิศทางวิชาการ องค์ประกอบการของคุณภาพที่เป็นตัวชี้วัด คือ ผลผลิต และ กระบวนการ เป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้บุคคลและผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจ พัฒนาศักยภาพ เป็นที่ยอมรับของสังคมในระดับสากลมากขึ้น โดยอาศัยกระบวนการประกันคุณภาพการศึกษา ได้แก่ การควบคุมคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินผล 2. หลักการมีส่วนร่วม (Participation) การปรับปรุงคุณภาพของกระบวนการบริหาร ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง สม ่าเสมอ โดยหลักการมีส่วนร่วม การเสนอแนะ และการพัฒนาในงาน วิชาการ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ าย จึงอาจด าเนินงานในรูปของคณะกรรมการ วิชาการ โดยมีเป้าหมายน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพได้มากขึ้น การมีส่วนร่วมต้องเริ่มจากการ ร่วมคิด ร่วมท าและร่วมประเมินผล 3. หลักการ 3 องค์ประกอบ (3-Es) ได้แก่ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ประหยัด 3.1 หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) หมายถึง การปฏิบัติตามแผนที่ก าหนดไว้ เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการ มีปัญหาและอุปสรรคขณะด าเนินการสามารถปรับปรุง แก้ไขได้ การมีประสิทธิภาพ เน้นกระบวนการ (Process) การใช้กลยุทธ์ และเทคนิควิธีการ ต่างๆ ที่ท าให้บรรลุวัตถุประสงค์มากที่สุด 3.2 หลักการประสิทธิผล(Effectiveness) หมายถึง ผลผลิต (Outcome) ตามวัตถุประสงค์ ที่ก าหนดไว้ตรงตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะเพิ่มขึ้น รวมทั้ง การค านึงถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ 3.3 หลักการประหยัด (Economy) หมายถึง การใช้เวลาน้อย การลงทุนน้อย การใช้ก าลัง หรือแรงงานน้อย โดยไม่ต้องเพิ่มทรัพยากรบริหาร แต่ได้ผลผลิตตามที่คาดหวัง ดังนั้น การลงทุนทางวิชาการ จึงค านึงถึงหลักการความประหยัด 4. หลักความเป็นวิชาการ (Academics) หมายถึง ลักษณะที่ควบคุมเนื้อหาสาระ ของวิชาการ ได้แก่ หลักการพัฒนาหลักสูตร หลักการเรียนการสอน หลักการวัดผลประเมินผล หลักการเทคนิคการศึกษา และหลักการวิจัย หลักการเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่ส าคัญ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์ 1.3 การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ การศึกษาในยุคปั จจุบัน สถานศึกษาจะต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะการ บริหารงานวิชาการที่มีสถานการณ์ COVID-19 ท าให้จ าเป็นที่จะน าเทคโนโลยีมาใช้ Digital Era


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 10 หรือยุคดิจิทัล คือสิ่งที่โลกให้ความส าคัญ ทั้งในด้านธุรกิจการท างาน ด้านสาธารณูปโภคจนถึง การใช้ชีวิตประจ าวันของคนทั่วๆ ไป ดิจิตอลที่ว่านี้เป็นการเรียกรวมๆ ของเทคโนโลยีและ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมา เพื่อช่วยให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายยิ่งขึ้นและสนองความ ต้องการของมนุษย์ในแบบใหม่ๆ เทคโนโลยีและโลกดิจิทัลมักไปไว และเคลื่อนที่ไม่มีหยุด องค์กรจึงจ าเป็นต้อง ปรับตัวให้ทันตามเทรนด์ พัฒนานวัตกรรม เพื่อต่อยอดธุรกิจบนการแข่งขันที่รวดเร็วและ รอบด้าน จาก SME ให้กลายเป็นSmart Enterprise ที่มีศักยภาพสูงขึ้น จากบริการธรรมดาให้ กลายเป็น High Value Service เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของธุรกิจ สรุป ยุคดิจิทัล คือ ยุคที่อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว เข้าถึงข่าวสาร ภาพ วิดีโอ ได้รวดเร็วทุกที่ทุกเวลา ที่น ามาใช้ในการบริหารสถานศึกษา ทั้งผู้เรียน ครู และผู้บริหาร ดังนี้ ผู้เรียน ในยุคดิจิทัล (Digital Generation) สงบ อินทรมณี (2562) กล่าวว่า เป็นกลุ่ม คนที่เกิดในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1995 จนถึงปัจจุบัน เกิด เติบโตและคุ้นเคย กับเทคโนโลยี ยุคดิจิทัล เรียกว่า ชาวดิจิทัลโดยก าเนิด (Digital Native) ต่างจากผู้บริหาร สถานศึกษาและครูรวมทั้งพ่อแม่ที่เกิดก่อนยุคดิจิทัล เป็นผู้ที่ รับเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เป็นคน กลุ่มที่อพยพเข้ามาสู่ยุคดิจิทัล (Digital Immigrant) ที่จะคุ้นเคยกับสื่อและเทคโนโลยียุคดิจิทัล เมื่อสมองพัฒนาเต็มที่แล้ว Jukes and Others. (2010) กล่าวว่า ลักษณะของผู้เรียนในยุคดิจิทัล ดังนี้ 1. ผู้เรียนในยุคดิจิทัล สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศจากสื่อได้หลากหลาย ช่องทางอย่างรวดเร็ว 2. ผู้เรียนในยุคดิจิทัลสามารถเรียนรู้ หรือท างานได้หลายรูปแบบและมีความ หลากหลายมิติ 3. ผู้เรียนในยุคดิจิทัลชื่นชอบการเข้าถึงหรือเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศที่มีความ หลากหลายมิติอย่างสุ่ม 4. ผู้เรียนในยุคดิจิทัลมักจะเลือกเรียนเท่าที่อยากรู้ 5. ผู้เรียนในยุคดิจิทัลต้องการการให้ค าชม การแสดงความพึงพอใจหรือการให้ รางวัลอย่างรวดเร็วหรือทันทีทันใด สรุป นักเรียนในยุคดิจิทัล เป็นผู้ที่เกิดมาในยุคที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่มีการใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจ าวัน ทั้งเพื่อความบันเทิงอ านวยความสะดวก


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 11 ในการด ารงชีวิตในปัจจุบัน และการเรียนรู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศที่มีอย่างมากมายได้ ทุกที่ทุกเวลา ครูในยุคดิจิทัลจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเรียนรู้ ให้เท่าทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ไปอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ต้องพัฒนาทักษะ บทบาทหน้าที่ มาตรฐานการใช้สื่อในการสอนอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถชี้แนะและส่งเสริมให้นักเรียน เรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา โดยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนต้องเน้นการเรียนรู้ในห้องเรียนออนไลน์ยุคใหม่ เป็นการศึกษาการศึกษาทางไกล มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การจัดการทรัพยากรการ เรียนรู้ร่วมกัน และการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook Google+ Twitter หรือ Wikipedia ซึ่งเป็นแหล่งรวมกลุ่มผู้คนในแหล่งของความรู้ที่เปิดสารธารณะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางสังคมในกลุ่มคนที่มีความสนใจในสิ่งต่างๆ ร่วมกัน และ รูปแบบการสอนโดยใช้ Google App โดยผ่านแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นมา โดย Google ท าให้ครูผู้สอนมีเวลามากขึ้นในการเตรียมการสอนได้เต็มที่ การสอน ง่ายขึ้น ลดเวลาในการสอนน้อยลงสามารถเพิ่มเนื้อหาและจุดมุ่งหมายในการสอนมากขึ้นและ การสอนในรูปแบบใหม่ที่ได้มีการน าเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการสอนหรือการท ากิจกรรม ในรายวิชา ท าให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสอนและได้ท ากิจกรรมร่วมกันมากยิ่งขึ้น สุรศักดิ์ ปาเฮ (2558) กล่าวว่า ครูจ าเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการรู้เท่าทันสื่อ ต่างๆ โดยมีวิจารณญาณในการรับสื่อ เพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักวิธีการใช้สื่ออีกทั้งต้องมีความสามารถในการใช้และจัดการสารสนเทศได้อย่างสร้างสรรค์ ตรงประเด็น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สื่ออย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถเข้าถึงสื่อ สังคมทางออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ และถูกต้อง สรุป ครูในยุคดิจิทัลไม่เน้นการสอนตามเนื้อหาในหลักสูตร แต่จะเน้นการน าเนื้อหา มาประยุกต์ใช้หรือต่อยอดทางความคิด และต้องจัดการเรียนรู้ทักษะและความรู้ที่จ าเป็นให้กับ นักเรียน ผู้บริหาร คือ ผู้ที่มีอ านาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย และมีความรู้ ความสามารถตรงตามคุณสมบัติ และรับผิดชอบในการสั่งการและค วบคุมกิจกรรมของ สถานศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามจุดมุ่งหมายขององค์กร ผู้บริหารในยุคดิจิทัล หมายถึง ทักษะและกรอบความคิดที่จะเอื้ออ านวยให้บุคคล หรือองค์กรน าพาสมาชิกอื่นในองค์กรให้สามารถอยู่รอดในยุคดิจิทัลได้ มีความสามารถในการ ปรับตัวและมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 12 ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล สงบ อินทรมณี (2562) กล่าวว่า เป็นผู้ที่รับ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยุคดิจิทัลมาใช้ เป็นคนกลุ่มที่อพยพเข้ามาสู่ยุคดิจิทัล คุ้นเคยกับสื่อและเทคโนโลยียุคดิจิทัลเมื่อสมองพัฒนาเต็มที่แล้ว โดยที่ผู้บริหารสถานศึกษา มีภารกิจส าคัญในการบริหารงานทั้งทางด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการ บริหารทั่วไป ซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ได้ก าหนดให้กระทรวงกระจายอ านาจ การบริหารและการจัดการศึกษาในเรื่องดังกล่าว ไปยังคณะกรรมการและส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาและสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรง สถานศึกษาจึงมีอ านาจหน้าที่และ ความรับผิดชอบการบริหาร ด้านวิชาการงบประมาณ บริหารงานบุคคล และบริหารทั่วไป เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ด้านการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ ในขณะเดียวกันต้องให้ เกิดผลสัมฤทธิ์สอดคล้องกับบริบทของชุมชนที่สถานศึกษาตั้งอยู่ โดยสถานศึกษาแต่ละแห่งต้อง ก าหนดเป้าหมายของตนเองในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นทั้งคนดี คนเก่ง และคนมีความสุข ณ ระดับใด ระดับหนึ่ง อาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและความคาดหวังของผู้ปกครองเกี่ยวกับการศึกษา สรุป ผู้บริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล หมายถึง ผู้ที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย มีความรู้ความสามารถน าเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการด าเนินกิจกรรมของ สถานศึกษามี 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริหารทั่วไปในยุคดิจิทัล การบริหารงานบุคคลในยุค ดิจิทัลการบริหารงานวิชาการในยุคดิจิทัล การบริหารงานงบประมาณในยุคดิจิทัล 1.4 แนวปฏิบตัิเกี่ยวกบัการวางแผนงานวิชาการในสถานศึกษาให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผล การบริหารการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา สงบ อินทรมณี. (2562) กล่าวว่า เป็นและการบริหารเทคโนโลยีส าหรับสถานศึกษาไปพร้อมกัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ สามารถหยุดยั้งได้รวมทั้งมีการนิเทศ ติดตาม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้สอดคล้องกับ นโยบายและเป้าหมายที่ครอบคลุมภารกิจของสถานศึกษา ประเด็นส าคัญในการบริหาร การเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา ได้แก่ การสร้างวัฒนธรรมสถานศึกษาที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง การจัดการความรู้ในสถานศึกษายุคดิจิทัล และการท างานอย่างเป็นเครือข่าย ส่วนการบริหาร เทคโนโลยีส าหรับสถานศึกษา ได้แก่ การยอมรับเทคโนโลยีนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยี โดยผู้บริหารสถานศึกษาที่มีสมรรถนะในการเชื่อมโยงความคิดและ ความรู้ให้กับผู้เรียนที่เป็นกลุ่มคนที่เกิดในยุคดิจิทัล


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 13 ผู้บริหารสถานศึกษาจึงจ าเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เอกชัย กี่สุขพันธ์. (2562) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีปัจจุบันและที่ก าลังจะเกิดขึ้นในอนาคตมีอัตราการ เปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในอดีตที่ผ่านมาซึ่งมีผลกระทบต่อ การบริหารสถานศึกษาเป็นอย่างมาก และเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดการบริหารของตนเองให้ ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สถานศึกษามีความทันสมัยสามารถ บริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในทุกๆ ด้าน สรุป การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล ผู้บริหารจ าเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถที่จะเลือกใช้กับการ บริหารสถานศึกษาให้ได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า และเพียงพอต่อการใช้งานการสร้างเครือข่าย (Networking) ทกัษะสา คญั ในยุคดิจิทลั ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา การคิดเชิงสร้างสรรค์(Creative thinking Skill) หมายถึง ความสามารถในการมองเห็นความสัมพันธ์ ของสิ่งต่างๆ การขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาค าตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เป็นความคิดที่หลากหลาย คิดได้กว้างไกล หลายแง่หลายมุม เน้นทั้ง ปริมาณและคุณภาพ องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ ที่ไม่เคยมี มาก่อน (New Original) ใช้การได้ (Workable) และมีความเหมาะสม (Appropriate) การคิดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นการคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งจะได้ ผลลัพธ์ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงหรือที่เรียกว่า "นวัตกรรม" (Innovation) ทักษะการท างานร่วมกัน การสร้างทีมเวิร์คและภาวะผู้น า (Collaboration Teamwork & Leadership) เป็นทักษะที่ส าคัญ ในศตวรรษที่ 21 ที่เด็กๆ ควรมีติดตัว เพราะว่าในการท างานร่วมกันเป็นทีมสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่ง ส าคัญ ซึ่งอยากให้ทุกคนในห้องเรียนได้มีโอกาสได้คุยกันโดยใช้กิจกรรม ตัวเชื่อมความสัมพันธ์ (Team Building) เพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในห้องเรียน ถ้าภาย ในห้องเรียน มีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความเข้าใจกันมากขึ้น การตัดสินเพื่อน การล้อเลียน การต่อว่ากัน ความขัดแย้งต่างๆ ก็จะลดลง การคิดและตั้งค าถาม (Critical Thinking) กับสิ่งต่างๆ อย่างมี วิจารณญาณ เน้นพิจารณาองค์ประกอบของข้อมูลนั้นๆ อย่างรอบคอบ คิดเชื่อมโยงกับประเด็น ต่างๆ สถานการณ์ การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน (Complex Problem Solving) ค้นหา สาเหตุจากความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ ในระบบ เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดรูปแบบความผิดปกตินั้นๆ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงระบบ การบริหารเวลา (Time Management) เป็นทักษะหรือเทคนิค


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 14 ที่ใช้ในการจัดการจัดสรรและด าเนินการท างานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เพื่อบรรลุเป้าหมาย ให้ส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนดไว้ไม่จ าเป็นว่าจะต้องเป็นเพียงนักบริหารเท่านั้นถึงจะสามารถ บริหารเวลาได้เพราะทุกคนก็สามารถท าได้เพียงแต่ว่าต้องรู้จักที่จะแบ่งเวลาให้ได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility and Adaptability) เป็นทักษะเพื่อการเรียนรู้ การท างานในยุคดิจิทัล เป็นความยืดหยุ่นและปรับตัวเพื่อบรรลุ เป้าหมาย ไม่ใช่ยืดหยุ่นและปรับตัว จึงต้องมีความสามารถสูงในการยืดหยุ่นและปรับตัว เพื่อบรรลุเป้าหมาย และคุณค่า นอกจากต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงแล้ว การท างานในอนาคต ยังเผชิญภาวะที่มีทรัพยากรจ ากัด ตั้งแต่เวลา และทรัพยากรอื่นๆ ภาวะผู้น า (Leadership) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการน าพาผู้ติดตามหรือสมาชิกในองค์กร เพื่อให้ประสบ ความส าเร็จ ผู้น าที่ดีต้องมีความสามารถในการตัดสินใจที่ดี สามารถสร้างและสื่อสารวิสัยทัศน์ ที่ชัดเจนได้ และสามารถชักจูงผู้ติดตามไปสู่เป้าหมายร่วมที่ผู้น าคนเดียว ไม่สามารถท าได้ ทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude) นี้เองจะสามารถสร้างอัตลักษณ์ (ลักษณะ) ที่โดดเด่นให้กับ บุคลากรทุกคนในองค์กรได้โดยการสร้างการกระตุ้นทางความคิดพื้นฐาน จิตใต้ส านึกของบุคคล นั้นๆ ให้มีทิศทางในการมองเชิงสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพส าหรับการท างานความสามารถ ในการรับรู้ของตนเอง (Emotional Intelligence) ในการระบุประเมินและการควบคุมอารมณ์ของ ตนเอง ของผู้อื่น หรือของกลุ่ม ความสามารถด้านการควบคุมอารมณ์ที่ช่วยให้ด าเนินชีวิต ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์อย่างมีความสุข ทกัษะของผ้บูริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทลั ผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลต้องมีทักษะเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และสารสนเทศโดยการมีวิสัยทัศน์ในการใช้ข้อมูลจากเทคโนโลยีและสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มในการบริหารจัดการ สถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริม ให้ครูน าเทคโนโลยี และสารสนเทศใหม่ๆ มาสร้างความโดดเด่นที่แตกต่างจากสถานศึกษาอื่นๆ ให้ประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายกับผู้เรียน ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้อง จัดบรรยากาศและ สภาพแวดล้อมการท างาน วัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันให้ครู และ ผู้เรียนคิดค้นนวัตกรรมการบริหารจัดการและนวัตกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีการใช้ประโยชน์จากความรู้ ความเชี่ยวชาญ และศักยภาพของครู ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้อง ทกัษะของครใูนยุคดิจิทลั ครูในยุคดิจิทัลต้องมีทักษะเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ มีความ ตระหนัก เห็นความส าคัญในการเรียนรู้ มีประเด็นการเรียนรู้ มีทักษะการตั้งค าถามในการเรียนรู้ สามารถหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิทัล Social Medias โดยที่ผู้บริหารสถานศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 15 ควรส่งเสริมสนับสนุนในการจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือทางเทคโนโลยี และสารสนเทศเพื่อส่งเสริม ครูให้เรียนรู้สิ่งที่อยากรู้ได้ทั่วโลกด้วยตนเอง สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ แปลงข้อมูลเป็น สารสนเทศ น าไปบูรณาการจนเกิดปัญญา ทั้งนี้ปัญหาการใช้เทคโนโลยี และสารสนเทศในการ เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ส่วนใหญ่เกิดกับครูสูงอายุ ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่จะปฏิเสธการใช้เทคโนโลยี และสารสนเทศทุกรูปแบบ นอกจากนั้นยังมีปัญหาเกี่ยวกับทักษะการค้นคว้าข้อมูลเทคโนโลยี และสารสนเทศ ด้านการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Keyword ในการสืบค้นที่ไม่ครอบคลุม ท าให้ได้ข้อมูลไม่ตรงกับความต้องการหรือไม่ทราบแหล่งสืบค้นที่มากพอ รวมทั้งการไม่ใช้ ภาษาอังกฤษในการสืบค้น ท าให้ได้ข้อมูลที่จ ากัด มีปัญหาเกี่ยวกับการประเมินข้อมูล ได้แก่ ความทันสมัย ความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง ซึ่งเป็นข้อจ ากัดในการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ครู จ านวนมากยังขาดทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ท าให้การรับรู้ข้อมูล หรือมี แหล่งค้นคว้าน้อยกว่าผู้เรียน ทกัษะของผ้เูรียนในยุคดิจิทลั ทักษะของผู้เรียนในยุคดิจิทัลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้แก่ ความ ตระหนักทัศนคติ และความสามารถในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี อย่างเหมาะสม มีทักษะการ สืบค้นจากอินเทอร์เน็ต การเข้าถึงและใช้สารสนเทศบนเว็บไซต์ ความรู้เรื่องภาษาคอมพิวเตอร์ เบื้องต้น และการประเมินเนื้อหาสารสนเทศ Gilster (1997) นอกจากนั้นผู้เรียนควรมีทักษะ ที่หลากหลาย มีกระบวนการคิดและเทคนิคที่จ าเป็นในการค้นหาท าความเข้าใจ การประเมินการ สร้างและการสื่อสารสารสนเทศดิจิทัล มีทักษะในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการสื่อสาร และการท างาน และมีทักษะการรู้ดิจิทัล และการเข้าร่วมกิจกรรมประชาคม และการเข้าร่วม ในชุมชนอย่างรับผิดชอบ 1. ทักษะครูในยุคดิจิทัล ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี เป็นทักษะที่มี ความส าคัญต่อการเรียนการสอนในยุคดิจิทัลอย่างมาก ดังนั้น โรงเรียนควรสนับสนุนให้ครู มีความรู้ ความสามารถและความเข้าใจในการใช้สารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี โดยอาจจะเพิ่ม การอบรมครูเกี่ยวกับวิธีการใช้สื่อต่างๆ เพื่อน ามาใช้ในการเรียนการสอน และหรือโรงเรียน อาจจะสามารถเพิ่มกิจกรรมต่างๆ บนเว็บไซต์เพื่อการเรียนการสอน ได้แก่ การอัพโหลดเอกสาร การสอนลงในเว็บไซต์ การส่งการบ้านแบบออนไลน์ เป็นต้น เพื่อเป็นประโยชน์และสะดวกกับ ทั้งผู้เรียนและผู้สอน 2. ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม เรื่องของความสามารถในการลดทอน หรือ ขจัดปั ญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการท างาน ดังนั้นโรงเรียนควรเพิ่มการอบรมครูให้มี ความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการท างานมากขึ้น


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 16 โดยอาจจะมีการจัดอบรมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ครูได้มีการพัฒนาตนเองในด้านนี้ อย่างสม ่าเสมอ 3. ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี พบว่า ความสามารถของครูในการ อัพเดทข้อมูลการจัดกิจกรรมการสอนลงในเพจ (Facebook) หรือเว็บไซต์ (Blog) ของตนเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เอกสารอ้างอิงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาการเรียน และอบรมครูเพื่อให้มี ความสามารถในการใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ อีกทั้งควรมีการสนับสนุน ให้ครูใช้สารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยีในการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร เช่น การเปลี่ยนหัวข้อเรียน การให้การบ้านนักเรียน เป็นต้น 4. ทักษะชีวิตและอาชีพ พบว่า เรื่องของการยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผู้อื่นโรงเรียนควรมีการสนับสนุนให้ครูรู้จักการเคารพ ยอมรับในความแตกต่างทั้งทางด้าน วัฒนธรรมความคิด สังคม เพื่อให้ครูสามารถมีการพัฒนาการเรียนการสอนแบบเป็นหนึ่งอัน เดียวกัน ไม่มีความขัดแย้งต่อกัน การศึกษาในโรงเรียนจะมีการพัฒนาในทิศทางที่ดีและรวดเร็ว หากครูร่วมมือร่วมใจกันยอมรับความคิดซึ่งกันและกัน และหาบทสรุปที่ดีที่สุดร่วมกันส าหรับการ พัฒนาให้โรงเรียนมีความก้าวหน้ามากขึ้น Digital literacy (ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยี) ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital literacy หมายถึง ทักษะ ในการน าเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แทปเลตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสื่อสาร การปฏิบัติงาน และการท างานร่วมกัน หรือใช้เพื่อพัฒนากระบวนการท างาน หรือระบบงาน ในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากยุค Analog ไปสู่ยุค Digital และ ยุค Robotic จึงท าให้เทคโนโลยีดิจิทัล มีอิทธิพลต่อการด ารงชีวิตและการท างาน ข้าราชการ ซึ่งเป็ นแกนหลักของการพัฒนาประเทศ จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทของการ เปลี่ยนแปลง เพื่อป้ องกันไม่ให้เกิด Culture Shock เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม Digital literacy หรือทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นทักษะด้านดิจิทัล พื้นฐานที่จะเป็นตัวช่วยส าคัญ ส าหรับข้าราชการในการปฏิบัติงาน การสื่อสาร และการท างาน ร่วมกันกับผู้อื่นในลักษณะ “ท าน้อย ได้มาก” หรือ “Work less but get more impact” และช่วย ส่วนราชการสร้างคุณค่า (Value Cocreation) และความคุ้มค่าในการด าเนินงาน (Economy of Scale) เพื่อการก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือช่วยให้ข้าราชการ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 17 สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้ได้รับโอกาสการท างานที่ดีและเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ ราชการ (Learn and Growth) ด้วยทักษะครอบคลุม 4 มิติดังนี้ 1. เข้าใจ (Understand) ภารกิจที่ส าคัญ ในการบริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล คือ ผู้บริหารสถานศึกษาเข้าใจแนวคิดการยอมรับเทคโนโลยี นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทั้ง ในระดับบุคคล และระดับองค์กร (Sukanya Chaemchoy, 2015) โดยที่การยอมรับระดับบุคคลนี้ มีการยอมรับที่ไม่เท่ากัน และมีขั้นตอนของการยอมรับที่แตกต่างกันด้วย ส่วนการยอมรับ ในระดับองค์กรนั้นเป็นการน าเทคโนโลยี นวัตกรรม ที่วิเคราะห์แล้วว่าเป็นประโยชน์มาทดลอง ใช้ เพื่อให้เกิดการยอมรับน าไปสู่วัฒนธรรมของสถานศึกษา 2. เข้าถึง (Access) เทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารเทคโนโลยี ส าหรับสถานศึกษายุคดิจิทัลที่ส าคัญ คือ ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถส่งเสริมสนับสนุนให้ครู น าเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน พร้อมกับใช้เป็นเครื่องมือในการค้นคว้าพัฒนา ความรู้ของตนรวมทั้งสามารถน าเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยก าหนด วิสัยทัศน์ พันธกิจ และจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาของโรงเรียน รวมทั้งมีแผนการจัดการที่ ชัดเจน มีการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องทั้งสถานที่ อุปกรณ์ต่างๆ และการพัฒนาบุคลากร 3. การใช้ (Use) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่งเสริมให้ครูพัฒนาตนเอง ในเรื่องไอซีที น าไอซีทีมาเป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้ และเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ของผู้เรียน มีการอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย แล้วน ามาประยุกต์ใช้ในบริบทของตน 4. การสร้าง (Create) ผู้บริหารสถานศึกษาสื่อสารสร้างความเข้าใจ สร้างการ ยอมรับและจูงใจให้ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้เรียน และผู้ปกครองใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลในการ บริหารจัดการและการพัฒนาผู้เรียนประโยชน์ส าหรับข้าราชการ 4.1 ท างานได้รวดเร็ว ลดข้อผิดพลาดและมีความมั่นใจในการท างานมากขึ้น 4.2 มีความภาคภูมิใจในผลงานที่สามารถสร้างสรรค์ได้เอง 4.3 สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการท างานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.4 สามารถระบุทางเลือกและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.5 สามารถบริหารจัดการงานและเวลาได้ดีมากขึ้น และช่วยสร้างสมดุลในชีวิต และการท างาน 4.6 มีเครื่องมือช่วยในการเรียนรู้และเติบโตอย่างเหมาะสม


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 18 ความฉลาดทางดิจิทลั (Digital Intelligence Quotient : DQ ) 1. ทักษะในการรักษาอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง (Digital Citizen Identity) คือ ความสามารถในการสร้างและจัดการในการระบุตัวตนด้วยความซื่อสัตย์ทั้งในโลกออนไลน์และ ออฟไลน์ 2. ทักษะในการรักษาข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management) คือ ความสามารถใน การจัดการข้อมูลส่วนบุคลที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์อย่างมีวิจารณญาณเพื่อปกป้องความเป็น ส่วนตัวของทั้งของตนเองและของผู้อื่น 3. ทักษะในการคิดวิเคราะห์วิจารณญาณที่ (Critical Thinking) ดีคือ ความสามารถ ในการจ าแนกข้อมูลที่เป็นจริงและข้อมูลที่เป็นเท็จ เนื้อหาที่ดีและเนื้อหาที่เป็นอันตราย และการ ติดต่อออนไลน์ที่น่าเชื่อถือและน่าสงสัย 4. ทักษะในการจัดสรรเวลาหน้าจอ (Screen Time Management) คือ ความสามารถ ในการจัดการเวลาในโลกออนไลน์ การจัดการเวลาเพื่อภารกิจที่หลากหลาย และการจัดการเวลา และก ากับตัวเองในการท ากิจกรรมในสื่อสังคมออนไลน์ 5. ทักษะในการรับมือกับการคุกคามทางโลกออนไลน์(Cyber Bullying Management) คือ ความสามารถในการตรวจจับสถานการณ์การกลั่นแกล้งบนอินเทอร์เน็ตและจัดการกับ สถานการณ์อย่างชาญฉลาด 6. ทักษะในการบริหารจัดการข้อมูล ที่ผู้ใช้งานมีการทิ้งไว้บนโลกออนไลน์(Digital Footprints) คือ ความสามารถในการท าความเข้าใจธรรมชาติของร่องรอยทางดิจิทัล ผลกระทบ ของร่องรอยทางดิจิทัลที่มีต่อชีวิตจริง และจัดการร่องรอยทางดิจิทัลด้วยความรับผิดชอบ 7. ทักษะในการรักษาความปลอดภัยของตนเองในโลกออนไลน์(Cyber Security Management) คือ ความสามารถในการปกป้องข้อมูลโดยการสร้างความปลอดภัยของรหัสผ่าน และการจัดการการคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความหลากหลาย 8. ทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม (Digital Empathy) คือ ความสามารถ ในการแสดงออกถึงความใส่ใจในความรู้สึกและความต้องการในโลกออนไลน์ทั้งของตนเองและ ของผู้อื่น การจัดการห้องเรียน (Classroom) Google Classroom คือ บริการบนเว็บฟรี ส าหรับสถานศึกษา องค์กรการกุศล และ ทุกคนที่มีบัญชี Google ส่วนบุคคล และ Classroom ยังช่วยให้ผู้เรียนและผู้สอนเชื่อมต่อถึงกัน ได้ง่าย ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน (ปัจจุบันผู้ที่มีบัญชีของ Google และ Google Education ([email protected]) ล้วนสามารถใช้บริการ Google Classroom ได้สิ่ง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 19 ที่ได้จากการใช้ Google Classroom ผู้ใช้ สิ่งที่สามารถท าได้ผู้สอน สร้างและจัดการชั้นเรียน งานและคะแนน แสดงความคิดเห็นและให้คะแนนได้โดยตรงแบบทันทีนักเรียน ติดตามงานของ ชั้นเรียน และเนื้อหาประกอบการเรียน แบ่งปันข้อมูลหรือโต้ตอบกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนในสตรีม ของชั้นเรียนหรือทางอีเมลส่งงานรับความคิดเห็น และคะแนน ผู้ปกครอง รับอีเมลสรุปงานของ นักเรียน ซึ่งอีเมลสรุปนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ไม่ได้ส่งงานที่ใกล้ครบก าหนด และกิจกรรมของ ชั้นเรียน หมายเหตุ ผู้ปกครองไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ Classroom ได้โดยตรง แต่ต้องรับ อีเมลสรุปผ่านบัญชีอื่น ผู้ดูแลระบบ สร้าง ดู หรือลบชั้นเรียน เพิ่มหรือน านักเรียนและครู ออกจากชั้นเรียนดูงานในชั้นเรียนทุกชั้นในโดเมน ประโยชน์ของ Google Classroom 1. ประหยัดเวลา: กระบวนการของงานเรียบง่าย ไม่สิ้นเปลืองกระดาษ ท าให้ นักเรียนสามารถส่งงานออนไลน์ และสามารถดูคะแนนงานเมื่อครูตรวจเสร็จ 2. เข้าถึงได้ทุกเวลา: Google Classroom สามารถเข้าถึงได้ทั้งในเว็บไซต์ และใน แอปพลิเคชัน Classroom ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android 3. ช่วยจัดระเบียบ: นักเรียนสามารถดูงานทั้งหมดของตนเองได้ในหน้างาน และเนื้อหาส าหรับชั้นเรียนทั้งหมดจะถูกเก็บในโฟลเดอร์ภายใน Google Drive โดยอัตโนมัติ 4. สื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น: ครูสามารถส่งประกาศคะแนนและเริ่มการพูดคุยในชั้นเรียน ได้ทันทีนักเรียนสามารถแบ่งปันแหล่งข้อมูลกันหรือตอบค าถามในสตรีมได้ 5. สื่อสารกับผู้ปกครอง: ครูสามารถเชิญให้พ่อ แม่ และผู้ปกครองลงชื่อสมัครรับ อีเมล์สรุปที่มีข้อมูลงานที่ใกล้ส่งและงานที่ขาดส่งของนักเรียน ซึ่งผู้ปกครองจะได้รับประกาศและ ค าถามที่ครูโพสต์ในสตรีมด้วย 6. ประหยัดและปลอดภัย: Google Classroom จะไม่แสดงโฆษณา ไม่ใช้เนื้อหา หรือข้อมูลของนักเรียนในการโฆษณา เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ ของ G Suite for Education และให้บริการฟรี IT network เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ค (Computer Network) คือ ระบบการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ จ านวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป เพื่อสะดวกต่อการร่วม ใช้ข้อมูล โปรแกรมหรือเครื่องพิมพ์ และยังสามารถอ านวยความสะดวกในการติดต่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างเครื่องได้ตลอดเวลาการที่ระบบเครือข่าย มีบทบาทส าคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลายจึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เหล่านั้นถึงกัน การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันในเครือข่าย ท าให้ระบบมีขีดความสามารถ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 20 เพิ่มมากขึ้น การแบ่งการใช้ทรัพยากร เช่น หน่วยประมวลผล, หน่วยความจ าหน่วยจัดเก็บ ข้อมูล, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประเภทของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ 1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN) เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพใน ส านักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้ สะดวก ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ 2. เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ MAN) เป็นเครือข่าย ขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้าน ทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN 3. เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN) เป็นระบบเครือข่าย ขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม เป็นต้น 4. เครือข่ายระหว่างประเทศ (International Network) เป็นเครือข่ายที่ใช้ติดต่อ ระหว่างประเทศ โดยใช้สายเคเบิล หรือ ดาวเทียม เครือข่ายสังคม (Social Network) เครือข่ายสังคม หรือชุมชนออนไลน์(Social Network) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม ส าหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และ กิจการที่ได้ท า และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคม ประกอบด้วย การแชทส่งข้อความ ส่งอีเมลล์ วิดีโอ เพลง อัพโหลดรูป บล็อกเป็นเครือข่าย ความสัมพันธ์เสมือนที่ตอบสนองกับการสร้างสายสัมพันธ์ โยงใยให้เราได้เจอบุคคลที่คุยกัน ในเรื่องที่สนใจได้อย่างเดียวกัน สามารถเชื่อมโยงเพื่อนของเราเข้ากับเพื่อนของเขา สามารถ สร้างสรรค์สังคมใหม่ๆ ให้กับทุกคน สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารภายในองค์กร และภายนอก องค์กรเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตของมนุษย์ ยุคปัจจุบัน โดยภาพรวม Social Network เป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับองค์กร การบริหารสถานศึกษายุคดิจิทัล (School Management in Digital Era) (เอกชัย กี่สุขพันธ์, 2561) ได้กล่าวถึงผู้บริหารยุคดิจิตอลว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีปัจจุบันและ ที่ก าลังจะเกิดขึ้นในอนาคตมีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากเมื่อเปรียบเทียบกับการ เปลี่ยนแปลงในอดีตที่ผ่านมาซึ่งมีผลกระทบต่อการ บริหารจัดการสถานศึกษาเป็นอย่างมาก


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 21 ดังนั้นในฐานะผู้บริหารสถานศึกษา จึงมีความจ าเป็นที่ต้องเปลี่ยนทัศนคติและแนวคิดการบริหาร ของตนเองให้ทันต่อสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สถานศึกษามีความ ทันสมัยสามารถบริหารจัดการสถานศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในทุกๆ ด้าน ยุคดิจิทัล (Digital Era) คือ ยุคของอิเลคโทรนิคส์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มี ความรวดเร็ว ในการสื่อสารการส่งผ่านข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร ภาพหรือวิดีโอที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วทุกที่และทุกเวลา คุณลักษณะยุคดิจิทัล (Characteristics of Digital Era) พัฒนาการจากยุคอุตสาหกรรมมาสู่ยุคดิจิทัลในปัจจุบันจะเห็น ได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่าง เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในปัจจุบันนี้นับได้ว่าเป็นยุคของข้อมูล ข่าวสาร และอินเทอร์เน็ต ซึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี่เองที่ท าให้ครู อาจารย์และนักเรียน ของ สถานศึกษาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ได้โดยไม่มีข้อจ ากัดในเรื่องเวลาหรือแม้แต่ สถานที่ คุณลักษณะยุคดิจิทัลที่ส าคัญตามความคิดของผู้เขียนมี 3 ประการคือ 1. ความรวดเร็วในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บ หรือการเข้าถึงแหล่งข้อมูล ข่าวสารความรู้ต่างๆ ของผู้ใช้ 2. การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ไม่มีขอบเขตหรือข้อจ ากัดในเรื่องเวลาหรือสถานที่ ท าให้สามารถเข้าถึง รับรู้ และเรียนรู้ได้ทุกที่ และทุกเวลา 3. การใช้เทคโนโลยีมาบูรณาการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ให้ทุกคนสามารถจัดเก็บ เข้าถึง ใช้พัฒนาความรู้ เผยแพร่และแบ่งปันความรู้ได้อย่างทั่วถึง เทคโนโลยี Internet of Things ส านักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ(2560) ได้กล่าวว่า Internet of Things หรือ IoT เป็นกรอบแนวคิดของ ระบบโครงข่ายที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลายชนิด ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์โครงข่าย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เซนเซอร์ และวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกัน อันเป็นผลให้ระบบต่างๆ สามารถติดต่อสื่อสารและท างานร่วมกันได้อย่างเป็น อัตโนมัติทั้งยังเป็นผลให้มนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายยิ่งขึ้น ควบคุมอุปกรณ์และ ระบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอาจถือเป็นแนวคิดใหม่ที่มีการกล่าวถึงไม่นานมานี้ แต่ IoT เป็นผลสืบเนื่องของการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้าง โครงข่ายเพื่อเชื่อมโยงอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานแตกต่างกันให้สามารถสื่อสารกันได้ โดย IoT จะเปิด โอกาสให้มีการเชื่อมต่อในรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น และรองรับอุปกรณ์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิต ที่มีเทคโนโลยีแตกต่างกันมากกว่าเดิม ในปัจจุบันสามารถจัดกลุ่มการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ได้ตามรูปแบบ ดังต่อไปนี้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 22 การเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสารระยะสั้น (Short-Range Devices) เป็นรูปแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ในระยะสั้นมากโดยใช้ก าลังส่งต ่า เหมาะส าหรับ การสื่อสารในพื้นที่ครอบคลุมขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในลักษณะการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ (Peer-topeer) หรือการเชื่อมต่อแบบโครงข่ายก็ได้ ตัวอย่างของการเชื่อมต่อในลักษณะดังกล่าว เช่น WiFi, Bluetooth, Z-Wave และ ZigBee เป็นต้น การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นรูปแบบการให้บริการที่มีพื้นที่ ครอบคลุมกว้าง โดยอาศัยการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องลูกข่าย IoT เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอยู่แล้ว ตัวอย่างของการเชื่อมต่อในลักษณะดังกล่าว เช่น เทคโนโลยี NB-IoT และ LTE-M เป็นต้น การเชื่อมต่อผ่านโครงข่าย LPWAN เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายก าลังส่ง ต่อบริเวณ กว้าง Low Power Wide Area Network (LPWAN) โดยเน้นใช้งานในลักษณ ะ การสื่อสารแบบ Narrow Band หรือ Ultra-Narrow Band ที่มีอัตราการส่งข้อมูลต ่ามาก ประหยัด พลังงานมาก และมีราคา อุปกรณ์ต่อหน่วยที่ต ่า ตัวอย่างของการเชื่อมต่อในลักษณะดังกล่าว เช่น LoRaWAN, SigFox และIngenu เป็นต้น การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายสื่อสารดาวเทียม เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่เหมาะสมกับ การใช้งานที่มีพื้นที่ ครอบคลุมการให้บริการที่กว้างมาก แต่การเชื่อมต่อดังกล่าวจะมีระยะเวลา การตอบสนอง (Latency) ช้ากว่าการเชื่อมต่อรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากระยะเวลาที่สัญญาณ เดินทางไป-กลับ ระหว่างอุปกรณ์สื่อสาร ภาคพื้นโลกและดาวเทียม อินเทอร์เน็ตที่พัฒนาขึ้นนั้น มี ส่วนสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมมือกัน สุภัทรศักดิ์ ค าสามารถ (2663) ได้กล่าวว่า การจัดการความรู้ในงานด้านต่างๆ ของสถานศึกษาเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรู้จักน ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อการบริหารจัดการสถานศึกษา ได้แก่ 1. Cloud Computing เป็นเสมือนมีบริการ Server บน Internet ซึ่งสถานศึกษา ไม่จ าเป็นต้องวางระบบ Server ของตนเองในสถานศึกษา ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณ ของสถานศึกษาในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล (Storage) การใช้Software และการลงทุนด้าน Hardware รวมทั้งการลงทุนด้านบุคลากรผู้ดูแลระบบ เนื่องจากผู้ให้บริการ Cloud จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง เอกชนที่ให้บริการ Cloud เช่น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, IBM/Soft Layer and Google Compute Engine. ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Cloud ขึ้นกับ Applications หรือ Software ที่จะใช้ขนาดความจุ ที่ต้องการในการเก็บข้อมูลและการเชื่อมต่อ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 23 2. Mobility Devices ได้แก่ อุปกรณ์พกพาที่สามารถใช้งานได้ทุกสถานที่ ทั้งหลาย โทรศัพท์มือถือ Smart Phones, Tablet PC และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ มีความสามารถ เข้าถึงอย่างอิสระเพื่อการใช้งานแบบเคลื่อนที่ได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีApplications ที่ช่วยให้ ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์บุคลากรสถานศึกษา หรือแม้แต่นักเรียนก็สามารถเข้าถึง แหล่งข้อมูลความรู้ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา จากสถิติผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในปี ค.ศ.1990 มีเพียง 0.20% ของประชากร แต่ในปี ค.ศ. 2015 เพิ่มขึ้นถึง 50% ของประชากร ในขณะที่อดีตใช้ได้เพียงการโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันนี้เป็น แบบ Multipurpose 3. Social Network ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลต่อทัศนคติ พฤติกรรม และ ความเชื่อของคนในสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook, Twitter, We Chat หรือ Instagram ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาต้องสามารถที่จะเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ เหล่านั้นอย่าง ถูกต้องเหมาะสมกับลักษณะงานการบริหารของสถานศึกษา เช่น ใช้กลุ่ม LINE เพื่อการสื่อสาร ที่รวดเร็วทั่วถึงเฉพาะกลุ่มในการสื่อสารข้อมูล ความรู้ความเข้าใจในการท างานที่ไม่เป็น ทางการ แต่ไม่ควรใช้ในการสั่งงานหรือการบริหารที่เป็นทางการ เป็นต้น ปัจจุบันนี้สื่อสังคม ออนไลน์สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการบริหารงานหรือท าลายบรรยากาศ การบริหารงานของสถานศึกษาได้เช่นกัน 4. Internet of Things (IoT) ปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ภายในปี ค.ศ. 2020 นี้ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจ าวันจะใช้การเชื่อมต่อผ่านInternetเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ส านักงานในบ้าน Smart Phones, Tablet PC หรือแม้กระทั่งนาฬิกา ของใช้ส่วนบุคคล IoT นี้จะสามารถน ามาใช้ในการสร้างนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอน การจัดโครงสร้างและระบบการบริหารให้เป็น Smart Office ได้ หรือแม้แต่การน าแนวคิด Work at Home มาใช้ในอนาคต กล่าวโดยสรุปว่า การสร้างเครือข่ายอัจฉริยะด้วยกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชีพการบริหารการศึกษาในยุคดิจิทัล สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ทุกช่องทาง ทุกอุปกรณ์โดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย และระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตท าให้ เกิดการสื่อสารการอย่างสะดวกรวดเร็ว ท าให้ระบบการบริหารการศึกษามีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น ท าให้ครู อาจารย์และนักเรียนของสถานศึกษาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ได้โดยไม่ มีข้อจ ากัดในเรื่องเวลาหรือแม้แต่สถานที่ สามารถใช้ได้ผ่านช่องทาง Cloud Computing Mobility Devices Social Network และ Internet of Things (IoT) สามารถน าเทคโนโลยีมา บูรณาการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ให้ทุกคนสามารถจัดเก็บ เข้าถึง ใช้พัฒนาความรู้ เผยแพร่ และแบ่งปันความรู้ได้อย่างทั่วถึง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 24 การเรียนร้แูละการเติบโต (Learning and Growth) การสร้างนวัตกรรม (Innovation Creation) เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเรียนรู้ ยุคดิจิทัลเป็นยุคที่เครื่องใช้ในชีวิตประจ าวัน (National Statistical Office, 2018) จึงท าให้โลก ยุคดิจิทัลมีลักษณะเป็นโลกที่ไร้พรมแดน หมายถึง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และสารสนเทศได้ ทุกที่ทุกเวลาอย่างไม่มีขอบเขต โลกที่แคบลง หมายถึง การเดินทางติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วและ มีประสิทธิภาพมากขึ้น โลกที่หมุนเร็วขึ้น หมายถึง วิถีความเป็นอยู่ที่สะดวกและหลากหลาย สามารถท ากิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งๆ ได้มากกว่ายุคที่ผ่านมา (สุกัญญา แช่มช้อย, 2558) ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดังกล่าว ท าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางการศึกษาอย่างมากมาย รูปแบบการจัดการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปจากการสอน ที่เน้นการถ่ายทอดจากครูผู้สอนสู่ผู้เรียน เป็นการจัดการศึกษาแบบการเป็นหุ้นส่วนในการเรียนรู้ (Partnering) ยังคงความเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลงที่แตกต่าง คือ วิธีการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง มีผลงานที่ใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทักษะชีวิต (Life and Professional Skill) ที่จ าเป็น คือ ความสามารถในการท างานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration Skill) ทักษะและความรักในการเรียนรู้ที่จ าเป็น คือ ความรักการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการ หาความรู้ ทักษะการเชื่อมโยงและต่อยอดความรู้จากแต่ละสาขาให้เป็นผลงานใหม่ที่มีคุณค่า สูงขึ้น รวมทั้งการระดมสมองจากกลุ่มคนที่หลากหลาย และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Skill) ผู้เรียนในยุคดิจิทัลควรได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะนี้ ในการศึกษาหาความรู้และใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง (วิจารณ์ พานิช, 2556) กล่าวโดยสรุปได้ว่า สถานศึกษาในยุคดิจิทัลได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายใน สถานศึกษา ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การขยาย โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงการที่คนเกือบทุกคนต่างมีเครื่องใช้ในชีวิตประจ าวัน ที่สามารถประมวลผลน าเสนอได้เสมือนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พฤติกรรม การใช้ชีวิต ผู้เรียนและการเรียนรู้ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเรียนรู้ในยุคดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการบริหารสถานศึกษา ที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องท าความเข้าใจและเตรียมพร้อมส าหรับการบริหารสถานศึกษา เพื่อจัดการศึกษาให้พัฒนาคนให้มีความสามารถ มีศักยภาพเต็มสมบูรณ์ส่งผลต่อการพัฒนา ชุมชน สังคม และประเทศชาติ น าไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน แข่งขันกับนานาประเทศ โดยที่สามารถรักษาเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรมตามหลักศาสนาอัน เป็นคุณลักษณะของความเป็นไทยให้ยั่งยืนต่อไป


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 25 สรุปท้ายบท การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาชีวิตวิถีใหม่ ในที่นี้ หมายถึง เมื่อเกิดไวรัสระบาด ในครั้งนี้แล้วจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในทุกภาคส่วนไป จากเดิมมากมายหลายอย่าง ถ้าจะถามว่าแล้วในการบริหารจะมีการปรับเปลี่ยนวิถีใหม่หรือ New Normal ก าหนดวิธีการวัดผลงานตามลักษณะงานให้ชัดเจนการหา Software ที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการท างานไม่ว่าจะเป็น Software ส าหรับการ Work from home หรือ Software ที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครอง หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการ ประสานงาน รวมถึงมีการวางมาตรการในการสื่อสารสั่งการของแต่ละฝ่ ายงาน ว่าใครจะเป็น Contact Person เมื่อเกิดเหตุเร่งด่วนฉุกเฉิน องค์กรจะต้องค้นหาว่าต าแหน่งใดเป็น Key Position และคนไหนที่เป็ น Key Person พร้อมทั้งต้องท าผังทดแทน (Succession plan) ในกรณีที่เป็น Key Person ติดเชื้อหรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ใครจะเป็นคนท างานแทนได้ ความปกติใหม่ (New Normal) เป็ นรูปแบบการด าเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต อันเนื่องจากมีบางสิ่งมากระทบจนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็น ปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่ คุ้นเคยรูปแบบวิถีชีวิตใหม่นี้ประกอบด้วย วิธีคิด วิธีเรียนรู้วิธีสื่อสาร วิธีปฏิบัติและการจัดการ การใช้ชีวิตแบบใหม่เกิดขึ้น หลงัจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงอย่างใด อย่างหนึ่ง ท าให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะรักษาวิถีดั้งเดิม ส่วน "New Normal" ในบริบทสถานการณ์การแพร่ระบาดของ “โควิด – 19” ช่วงปลาย พ.ศ. 2562 ถึง พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน แม้ว่ามาตรการป้องกันจะปลดล็อคหรือผ่อนคลายแล้ว ก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนแพร่กระจายไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มนุษย์จึงจ าเป็นต้องป้องกันตนเองเพื่อให้มีชีวิตรอดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการด ารงชีวิต ที่ผิดไปจากวิถีเดิมๆ โดยมีการปรับหาวิถีการด ารงชีวิตแบบใหม่เพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ ควบคู่ไปกับความพยายามรักษาและฟื้นฟูศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ น าไปสู่การสรรค์ สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ มีการปรับแนวคิด วิสัยทัศน์วิธีการจัดการ ตลอดจน พฤติกรรมที่เคยท ามาเป็นกิจวัตร ความคุ้นเคยอันเป็นปกติมาแต่เดิมหลายมิติที่เข้ามาในการ บริหารสถานศึกษาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันต่อการแปลงแปลงครั้งใหญ่นี้ โดยเฉพาะ การบริหารงานวิชาการเป็นงานหลักของการบริหารสถานศึกษา ไม่ว่าสถานศึกษาจะเป็น ประเภทใด มาตรฐานและคุณภาพของสถานศึกษาจะพิจารณาได้จากผลงานด้านวิชาการ เนื่องมาจากงานวิชาการเกี่ยวข้องกับหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นหัวใจของ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 26 สถานศึกษาอีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทุกระดับของสถานศึกษา ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องทั้งทางตรงหรือทางอ้อมนั้นขึ้นอยู่ลักษณะของงานในสภาวะการเปลี่ยนแปลง อย่างพลิกผลัน งานวิชาการเป็นงานที่ส าคัญของสถานศึกษา หน่วยงานทางการศึกษาหรือ สถานศึกษาจ าเป็ นต้องปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อปัจจัยคุณภาพของผลผลิตนั้นก็คือผู้เรียน การบริหารงานวิชาการที่จะน ามาเขียนและจะกล่าวในบทต่อไป


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 27 เอกสารอ้างอิง รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2556). การบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. (พิมพ์ครั้งที่ 5) ฉบับ ปรับปรุง.สงขลา : ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยทักษิณ. วิจารณ์ พานิช. (2556). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์. (พิมพ์ครั้งที่ 3 ).กรุงเทพฯ. โรงพิมพ์ บริษัท ตถาตา พับลิเคชัน. สงบ อินทรมณี. (2562). การบริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัล. อุบลราชธานี : มหาวิทยาลัยการ จัดการและ เทคโนโลยีอีสเทิร์น. สุกัญญา แช่มช้อย. (2558). ภาวะผู้น าทางเทคโนโลยี: การน าเทคโนโลยีสู่ห้องเรียนและโรงเรียน ในศตวรรษที่ 21. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. ปีที่ 16 ฉบับที่ 4 เดือน ตุลาคม-ธันวาคม, 216-224. สุภัทรศักดิ์ ค าสามารถ. (2563). แนวทางการบริหารการศึกษาในยุคดิจิทัลดิสรัปชั ่น. Journal of Modern Learning Development, 15 (2), 245-259. สุรศักดิ์ ปาเฮ. (2558). กระบวนทัศน์เทคโนโลยีการศึกษาในยุคดิจิทัล สังกัดส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 2. ขอนแก่น แพร่ไทยอุตสาหการพิมพ์. เอกชัย กี่สุขพันธ์. (2562).การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Chang Management). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2553. Fred R.David, (2012). Fred R. David, Strategic Management: Concepts and Cases (Edition #6), Prentice Hall. Charles W.L. Hill. Fry, H; Ketteridge. S; & Marshall, S. (2009). A Handbook for teaching and Learning in Higher education, 3 rd ed. London: Routledge. Jukes, I., McCain, T., & Crockett, L. (2010). Understanding the Digital Generation: Teaching and Learning in the New Digital Landscape. Melbourne: Hawker Brownlow Education. Mary Coulter, (2005) Mary Coulter. Strategic Management in Action. New Jersey : Pearson, 2005. Sergiovanni, Thomas J.; et al. (2004). Educational Governance and Administration. 5th ed. Boston: Pearson Education. Stanley c. Abraham, (2006) Stanley C.Abraham. Strategic Planning A Practical Guide for Competitive Success. Ohio : Thomson South-Western, 2006.


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 28 บทที่ 2 การพัฒนาหลักสูตร ในว ิ ถ ีชี ว ิ ตใหม ่ “...หลักสูตร ถือเป็นหัวใจของการจัดการศึกษา เพราะเป็นเครื่องมือส าคัญในการ ก าหนดแนวทางการจัดการศึกษา เพื่อที่จะพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะพื้นฐานในการด ารงชีวิต สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและสังคมได้...” การจัดการศึกษาที่ดีจึงควรมีความ เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพชีวิตและสังคมของผู้เรียน หลักสูตรจึงจ าเป็นต้องปรับปรุงหรือ พัฒนาให้มีความเหมาะสม ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมอยู่เสมอ การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกประเภท เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามความมุ่งหมายและจุดประสงค์ที่ก าหนดไว้ และเป็นการวางแผนการประเมินผลให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียน ว่าได้บรรลุตาม ความมุ่งหมายและจุดประสงค์จริงหรือไม่ เพื่อผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะได้รู้และคิดเพื่อแก้ไข ปรับปรุงต่อไป ดังนั้น หลักสูตรที่ดีและเหมาะสมจะต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงของกาลเวลา สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการปกครองของประเทศ ตลอดจนความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีต่างๆ ในอดีตนักพัฒนาหลักสูตรจะให้ ความส าคัญเกี่ยวกับเป้าหมาย เนื้อหาและวิธีการสอนของหลักสูตร โดยไม่ค่อยสนใจหรือค านึง ผู้เรียนว่าจะมีความรู้สึกหรือมีผลกระทบอย่างไร ในบทที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของ หลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร แนวคิด การพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร กระบวนการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนา หลักสูตรในสถานการณ์โควิด-19


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 29 2.1 ความหมายของหลักสูตร ความหมายของหลักสูตร คือ แผนซึ่งได้ออกแบบจัดท าขึ้นเพื่อสนองจุดหมาย การจัดเนื้อหากิจกรรมและประมวลประสบการณ์ในแต่ละโปรแกรมการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียน มีพัฒนาการด้านๆ ตามจุดมุ่งหมายที่ก าหนดไว้ ธ ารง บัวศรี(2542) กล่าวว่า หลักสูตร หมายถึง เอกสารที่จัดท าขึ้นเพื่อระบุ เป้าหมายและวัตถุประสงค์การเรียนรู้เนื้อหาสาระ กิจกรรมหรือประสบการณ์การเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ได้กล่าวถึงความหมายของหลักสูตรไว้ว่า หลักสูตรมีรากศัพท์มา จากภาษาลาติน หมายถึง เส้นทางที่ใช้วิ่งแข่งขัน เนื่องจากเป้าหมายของหลักสูตรมุ่งหวังให้ ผู้เรียนได้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและประสบความส าเร็จในการด ารงชีวิต ดังนั้น ความหมายของหลักสูตรที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในปัจจุบัน คือ มวลประสบการณ์ทางการเรียนรู้ ที่ก าหนดไว้ในรายวิชา กลุ่มวิชา เนื้อหาสาระ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ด าเนินการจัดการ เรียนรู้ให้กับผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และวิชัย วงษ์ใหญ่ (2554) ได้กล่าวถึง ความหมายของ หลักสูตร คือ หลักสูตรเป็นศาสตร์สาขาหนึ่งซึ่งศึกษาถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรและวิธีใช้ นอกจากนี้หลักสูตรยังมีขอบเขตข้อก าหนดเกี่ยวกับการเรียนการสอนที่เขียนขึ้นอย่างเป็น ทางการ ได้ให้ความหมายของหลักสูตรไว้ว่า หลักสูตร หมายถึง แผนการเรียนการสอนที่จัด โอกาสในการเรียนรู้ให้แก่บุคคลที่ได้รับการศึกษา Taba (1962) Beauchamp (1981) Sayler, Alexander and Lewis (1981) and Beane & Others (1986) สรุปความหมายของหลักสูตรไว้โดยใช้เกณฑ์ความเป็นรูปธรรม (Concrete) ไปสู่นามธรรม (Abstract) และจากการยึดโรงเรียนเป็ นศูนย์กลาง (School - Centered) ไปสู่การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner - Centered) โดยได้อธิบายไว้ดังนี้ 1. หลักสูตร คือ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากกระบวนการจัดการศึกษา (Curriculum as Product) 2. หลักสูตร คือโครงการหรือแผนการในการจัดการศึกษา (Curriculum as Program) 3. หลักสูตร คือ การเรียนรู้ที่ก าหนดไว้อย่างมีความหมาย (Curriculum as Intended Learning) 4. หลักสูตร คือ ประสบการณ์ของผู้เรียน (Curriculum as Experience of the Learner) Oliva (1992) ได้ให้นิยามความหมายของหลักสูตร ดังนี้ 1. การให้นิยามโดยยึดจุดประสงค์(Purpose) หลักสูตร จึงมีภาระหน้าที่ที่จะท าให้ ผู้เรียนควรจะเป็นอย่างไรหรือมีลักษณะอย่างไร หลักสูตรแนวคิดนี้จึงมีความหมายในลักษณะ ที่เป็ นวิธีการที่น าไปสู่ความส าเร็จตามจุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมาย เช่น หลักสูตร คือ การถ่ายทอด มรดกทางวัฒนธรรม หลักสูตร คือ การพัฒนาทักษะการคิดของผู้เรียน เป็นต้น


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 30 2. การให้นิยามโดยยึดบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Contexts) นิยามหลักสูตร ในลักษณะนี้เป็นการอธิบายถึงลักษณะทั่วไปของหลักสูตร ซึ่งแล้วแต่ว่าเนื้อหาสาระของ หลักสูตรมีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น หลักสูตรที่ยึดเนื้อหาวิชา หลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรเพื่อการปฏิรูปสังคม เป็นต้น 3. การให้นิยามโดยยึดวิธีด าเนินการหรือยุทธศาสตร์(Strategies) เป็นการให้ นิยามหลักสูตร ในเชิงวิธีด าเนินการที่เป็นกระบวนการ ยุทธศาสตร์หรือเทคนิควิธีการที่ใช้ในการ จัดการเรียนการสอน เช่น หลักสูตร คือ กระบวนการแก้ปัญหา หลักสูตร คือ การท างานกลุ่ม หลักสูต คือ การเรียนรู้รายบุคคล หลักสูตร คือ โครงการหรือแผนการจัดการเรียนการสอน เป็นต้น จากแนวคิดของนักการศึกษาหลายท่าน จะเห็นได้ว่า มีการให้นิยามความหมาย แตกต่างกันไปซึ่งแต่ละท่านมีเกณฑ์ที่ใช้ในการอธิบายแตกต่างกัน จึงสรุปความหมายของ หลักสูตรได้ว่า หลักสูตร คือ แผนงานหรือโครงการที่จัดประสบการณ์ทั้งหมดให้แก่ผู้เรียน โดยแผนงานต่างๆ จะถูกก าหนดเป็นลายลักษณ์อักษร มีขอบเขตกว้างขวาง หลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ต้องการ ดังนั้น หลักสูตรอาจเป็นหน่วย (Unit) เป็ นรายวิชา (Course) หรือเป็นรายวิชาย่อย (Sequence of Courses) ทั้งนี้แผนงานหรือ โครงการทางการศึกษาดังกล่าว อาจจัดขึ้นได้ทั้งในและนอกชั้นเรียน ภายใต้การบริหารและ ด าเนินงานของสถานศึกษา หรือหลักสูตร หมายถึง แนวการจัดประสบการณ์และ/หรือ เอกสาร ที่มีการจัดท าเป็นแผนการจัดสภาพการเรียนรู้หรือโครงการจัดการศึกษา โดยมีการก าหนด วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายตามที่ หลักสูตรก าหนดไว้ 2.2 การพัฒนาหลักสูตร ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร นักพัฒนาหลักสูตรจะก าหนดจุดมุ่งหมายให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนเป็นส าคัญ และเนื้อหาสาระตลอดทั้งกระบวนการเรียนการสอนจะต้องเป็นเรื่องของครูที่จะต้องคิด ครูมักจะ หาเนื้อเรื่องและวิธีการเรียนการสอนโดยค านึงว่าผู้เรียนคิดอย่างไร มีความรู้สึกอย่างไร และมี ความต้องการอย่างไร แต่ในปัจจุบันแนวคิดนี้ได้เปลี่ยนไป จึงเป็นหน้าที่ของนักพัฒนาหลักสูตร ที่จะต้องหาแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรให้มีความถูกต้องชัดเจนและเป็นประโยชน์กับผู้เรียน มากที่สุด ทั้งนี้ได้มีผู้กล่าวถึงความหมายของการพัฒนาหลักสูตร


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 31 การพัฒนาหลักสูตรไว้ว่าการพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development) จะมี ความหมายครอบคลุมถึงการสร้างหลักสูตรการวางแผนหลักสูตรการปรับปรุงหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรซึ่งเป็นการปรับปรุงคุณภาพของหลักสูตรให้ดีขึ้นทั้งระบบ ตั้งแต่จุดมุ่งหมาย การเรียนการสอน การใช้สื่อการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การปรับปรุงโครงการที่ประมวลความรู้และประสบการณ์ ทั้งหลาย เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ดีขึ้นให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพสังคมและเพื่อบรรลุ ตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ “การพัฒนา” ค าภาษาอังกฤษว่า “Development” มีความหมายที่เด่นชัดอยู่ 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรก หมายถึง การท าให้ดีขึ้น หรือท าให้สมบูรณ์ขึ้น และอีกลักษณะหนึ่ง หมายถึง ท าให้เกิดขึ้น โดยเหตุนี้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรจึงอาจมีความหมายได้ 2 ลักษณะเช่นเดียวกัน คือ ความหมายแรก หมายถึง การท าหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นหรือ สมบูรณ์ขึ้น และอีกความหมายหนึ่งก็คือ เป็นการสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีหลักสูตร เดิมเป็นพื้นฐานอยู่เลย 2.3 แนวคิดการพฒันาหลกัสตูร การพัฒนาหลักสูตรมีขึ้นตอนส าคัญสรุปได้ดังนี้ ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อวินิจฉัยปัญหาและความต้องการ ซึ่งจะช่วย ในการตัดสินใจ ขั้นที่ 2 การก าหนดเป้าประสงค์จุดหมายและจุดประสงค์หลังจากได้วิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐานแล้วจะพิจารณาและก าหนดความมุ่งหมายของการศึกษา ขั้นที่ 3 การเลือกและการจัดเนื้อหา จะต้องมีความถูกต้องสอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย ที่ก าหนดไว้ในหลักสูตร มีความสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจของผู้เรียน มีความยาก ง่ายสอดคล้องเหมาะสมกับวัย เนื้อหาต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน และเนื้อหานั้นเป็นสิ่งที่ สามารถจัดให้ผู้เรียนได้ในแง่ของความพร้อมด้านเวลา ผู้สอน และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ขั้นที่ 4 การเลือกและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องสามารถท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว รวมไปถึงยุทธวิธีการสอน การเลือกใช้สื่อการสอน ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และการจัดสภาพแวดล้อมของโรงเรียนต้องเอื้อต่อการ เรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 32 ขั้นที่ 5 การก าหนดอัตราเวลาเรียน หลักเกณฑ์ในการวัดประเมินผลการเรียน ก าหนดเวลาเรียนการสอน โดยจัดเนื้อหาวิชาตามล าดับก่อนหลังให้สัมพันธ์กับจ านวนชั่วโมงต่อ สัปดาห์ส่วนการวัดผลประเมินผล ควรก าหนดวิธีการเกณฑ์การจบหลักสูตร ขั้นที่ 6 การนิเทศและการน าหลักสูตรไปใช้หลังจากร่างหลักสูตรแล้วต้องมีการ ตรวจสอบข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ขั้นที่7 การประเมินผลหลักสูตร เมื่อใช้หลักสูตรไปได้สักระยะหนึ่ง ควรมีการประเมินผล หลักสูตรในด้านต่างๆว่ามีข้อบกพร่องที่ควรแก้ไขปรับปรุงหรือเพิ่มเติมอะไรบ้าง ขั้นที่ 8 การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร หลังจากที่ทราบข้อบกพร่องของหลักสูตร อาจจะต้องมีการศึกษาปัญหาเพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องให้หลักสูตรเหมาะสมยิ่งขึ้น การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนพัฒนาหรือ คิดประสบการณ์เรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมหรือดียิ่งขึ้น การพัฒนาหลักสูตร คือ การเกี่ยวข้องกับการวางแผนพัฒนาหรือคิดประสบการณ์ เรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมหรือดียิ่งขึ้น จากการที่กล่าวมาแล้วสรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การปรับเปลี่ยน เสริม เติมต่อ หรือการด าเนินงานอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของ สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปและสนองต่อความต้องการของผู้เรียน จากแนวคิดของนัก การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร ผู้เขียนสรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรเป็นการท า หลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นหรือเป็นการจัดท าหลักสูตรขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็น ระบบเชื่อมโยงกันในมิติต่างๆ ได้แก่ การวางแผนจัดท าหลักสูตรหรือยกร่างหลักสูตร การน า หลักสูตรไปใช้และการประเมินหลักสูตร 2.4 พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร เป็นกระบวนการที่สลับซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคนส่วนมาก จึงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบด้วยการศึกษาข้อมูล และความจ าเป็นพื้นฐานของการพัฒนา หลักสูตรในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้เรียน (หมายถึง สภาพของ บ้าน ครอบครัวชุมชน) เกี่ยวข้องกับสังคมและเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ข้อมูลและความจ าเป็น เหล่านี้จะเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการก าหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การเลือกเนื้อหาวิชาและ ประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีพัฒนาการตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรพื้นฐาน มิเชลลิสกรอสแมน และสก๊อต (Michealis, Grossman and Scott. 1975) ยังได้ เสนอแนวคิดหลักส าคัญ 5 ประการ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรดังต่อไปนี้1) พื้นฐาน


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 33 ทางประวัติศาสตร์ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการศึกษาปัญหาข้อถกเถียงและการปฏิบัติตลอดจน ความส าเร็จและความล้มเหลวของหลักสูตรเดิม 2) พื้นฐานทางด้านปรัชญาซึ่งจะช่วยในการ พัฒนาเค้าโครงของค่านิยมและความเชื่อที่สัมพันธ์กับการก าหนดความมุ่งหมาย การเลือกและ การใช้ความรู้ความหมายและวิธีการด าเนินการและมิติอื่นๆ ของการศึกษา 3) พื้นฐานทางสังคม ซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูลค่านิยม การเปลี่ยนแปลงปัญหา ความกดดันและแรงขับทางสังคมที่จะ น ามาพิจารณาในการวางแผนหลักสูตร 4) พื้นฐานจิตวิทยา ซึ่งประกอบด้วยความคิดเกี่ยวกับ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กตลอดจนการเรียนรู้ของเด็กๆ 5) พื้นฐานเกี่ยวกับ สาขาวิชา ซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับมโนมติข้อมูลต่างๆ แบบอย่างวิธีการและ กระบวนการค้นคว้าอื่นๆ ที่อาจจะใช้ในการพัฒนาหลักสูตรและการวางแผนการเรียนการสอน บิชอบ (Bishop.1985) มีความเห็นสอดคล้องกันว่าพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรมี อยู่ด้วยกัน 5 ด้านแต่บิชอบไม่ได้เรียกว่าเป็นพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร เขาใช้ค าว่า “ตัวก าหนดหลัก” ซึ่งจัดเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อการพัฒนาหลักสูตรประกอบด้วย 1) ปรัชญา ซึ่งหมายรวมถึงจุดมุ่งหมายของการศึกษา ความนึกคิดทางลัทธิต่างๆ และอื่นๆ 2) การเงิน รวมถึงทรัพยากรบุคคลและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ 3) สังคมและวัฒนธรรมซึ่งรวมถึงภาษาด้วย 4) ความรู้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาวิชา มโนทัศน์และกระบวนการทางสมอง และ 5) จิตวิทยา ซึ่งประกอบด้วย ทฤษฎีการเรียนรู้วิธีสอนและอื่นๆ ดังแผนภาพต่อไปนี้ จากแนวคิดด้านพื้นฐาน ในการพัฒนาหลักสูตร พอสรุปได้ว่า พื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรนั้น ประกอบด้วย 6 ด้าน ได้แก่ 1) พื้นฐานทางด้านปรัชญา 2) พื้นฐานทางด้านจิตวิทยา 3) พื้นฐานทางด้านประวัติศาสตร์ 4) พื้นฐานทางด้านสังคมวิทยาซึ่งรวมถึงด้านด้านวัฒนธรรมและภาษา การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ 5) พื้นฐานทางด้านสาขาวิชาที่ต้องการจะพัฒนาหลักสูตร และ 6) ความก้าวหน้า วิทยาการเทคโนโลยีบทบาทของสถาบันการศึกษาและสื่อมวลชน ซึ่งจัดเป็นตัวก าหนดที่ส าคัญ ในการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนให้มีความสอดคล้องและทันสมัยตอบรับต่อ กระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรอบรู้สามารถเป็นพลเมือง ที่มีคุณภาพและสอดคล้องตอบรับต่อความต้องการของสังคมในปัจจุบัน ระดับการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับชั้นเรียน ซึ่งมีนักศึกษา หลายคนได้กล่าวถึงระดับการพัฒนาหลักสูตรไว้ดังนี้ วิชัย วงษ์ใหญ่ (2563) ได้แบ่งระดับการพัฒนาหลักสูตรของไทยเป็น 3 ระดับ คือ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 34 1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติเป็นการพัฒนาหลักสูตรที่มีหลักการจะต้องกระท า ในระดับกว้างๆ เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถน าไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม 2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น ท้องถิ่นในที่นี้หมายถึง ระดับภาค ระดับ จังหวัด และระดับกลุ่มโรงเรียน เป็นการน าหลักสูตรระดับชาติมาปรับเปลี่ยนเนื้อหาสาระให้มี ความสอดคล้องกับท้องถิ่นนั้น 3. การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยครูผู้สอน การพัฒนาหลักสูตรแบ่งได้เป็น 4 ระดับ คือ 1. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติเป็นการจัดท าหลักสูตรแบ่งบทในลักษณะกว้างๆ เพื่อให้หน่วยงานระดับล่างน าไปปรับใช้ได้ 2. การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยเขตการศึกษา น าหลักสูตรระดับชาติมาปรับ หรือขยายให้มีความสอดคล้องกับสภาพท้องถิ่นในเขตการศึกษานั้น 3. การพัฒนาหลักสูตรระดับโรงเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยการน าหลักสูตร ระดับชาติระดับท้องถิ่นมาปรับหรือขยายให้มีความสอดคล้องกับสภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียน 4. การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียน เป็นการพัฒนาหลักสูตรโดยการน าหลักสูตร ระดับโรงเรียนมาปรับหรือขยายให้มีความละเอียด เหมาะสมกับหลักสูตรท้องถิ่น Neil (1981) เห็นว่าการน าหลักสูตรไปใช้เป็นการแปลงหลักสูตรไปสู่การเรียนการ สอนโดยมุ่งให้ผู้ปฏิบัติด าเนินการได้ถูกต้องเกิดผลตรงความมุ่งหมายของหลักสูตร กระบวนการ แปลงหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติหรือการจัดการเรียนการสอน แบ่งได้5 ระดับ ในแต่ละระดับอาจ เกิดความผิดพลาดได้ดังนี้ 1. หลักสูตรระดับอุดมการณ์(Ideal Curriculum) เป็ นแนวความคิดของผู้ร่าง หลักสูตรที่ต้องการบอกลักษณะของผู้เรียนที่ต้องการ หลักการและแนวคิดพื้นฐานของหลักสูตร ส าหรับเป็นกรอบที่จะถ่ายทอดไปสู่หลักสูตรที่จะจัดท า 2. หลักสูตรระดับทางการ (Formal Curriculum) เป็นหลักสูตรที่เขียนเป็นเอกสาร โดยการน าแนวคิดของหลักสูตรระดับอุดมการณ์มาสังเคราะห์ให้เป็นแนวปฏิบัติความคลาด เคลื่อนที่จะเกิดขึ้นก็คืออาจสะท้อนแนวคิดในอุดมการณ์ได้ไม่หมด 3. หลักสูตรระดับการรับรู้(Perceived Curriculum) เป็นหลักสูตรตามความเข้าใจ ของผู้ใช้แต่ละคนหลังจากได้รับรู้หลักสูตรระดับทางการความคลาดเคลื่อนที่จะเกิดก็คือ ผู้ใช้อาจ เข้าใจหลักสูตรไม่ตรงกับเอกสารหลักสูตร หรือแต่ละคนเข้าใจหลักสูตรไม่ตรงกัน เพราะแต่ละ คนจะเข้าใจหลักสูตรตามการรับรู้และพื้นฐานความรู้ของตนเอง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 35 4. หลักสูตรระดับปฏิบัติการ (Operational Curriculum) เป็นการน าหลักสูตรไปใช้ ในห้องเรียนซึ่งครูแต่ละคนมีความเข้าใจหลักสูตรอย่างใดก็จะน าหลักสูตรไปใช้ในห้องเรียนตาม สถานการณ์จริงความคลาดเคลื่อนจะเกิดจาการที่สถานการณ์จริงแตกต่างจากที่คาดหวัง และสถานการณ์ของแต่ละแห่งแตกต่างกัน 5. หลักสูตรระดับประสบการณ์(Experiential Curriculum) เป็นระดับของหลักสูตร ที่จะเกิดกับตัวผู้เรียน ความผิดพลาดที่จะเกิด คือ การเรียนที่ไม่ตรงตามความมุ่งหมาย ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้แตกต่าง ทั้งนี้เป็นเพราะผู้เรียนมีความสามารถในการรับรู้และประสบการณ์ ต่างกัน Sowell (1996) ได้แบ่งหลักสูตรออกเป็น 4 ระดับ คือ 1. หลักสูตรระดับสังคม (The Society Curriculum) เป็ นหลักสูตรที่อยู่ไกลตัว ผู้เรียน และถูกสร้างโดยรัฐ นักการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ผู้บริหารระดับต่างๆ และผู้เชี่ยวชาญ ในแต่ละสาขาวิชา 2. หลักสูตรระดับสถาบัน (The Institutional Curriculum) เป็ นหลักสูตรที่ ใช้ ในสถานศึกษาและได้รับมาจากหลักสูตรสูตรระดับสังคม ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม โดยนักการศึกษาและคณะท างานในระดับท้องถิ่น 3. หลักสูตรระดับการเรียนการสอน (The Instructional Curriculum) เป็นหลักสูตร ที่วางแผนโดยครูและถูกก าหนดขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน 4. หลักสูตรระดับประสบการณ์(The Experience Curriculum) เป็ นหลักสูตร ที่ยอมรับและถูกจัดขึ้นโดยตัวผู้เรียนเอง ทั้งนี้เพราะว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างระหว่าง บุคคล ดังนั้น หลักสูตรจึงต้องสอดคล้องกับผู้เรียนแต่ละคน จากที่กล่าวมาแล้วสรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติเป็นการพัฒนาหลักสูตร ในลักษณะกว้างๆ โดยยึดถือแผนการศึกษาของชาติเพื่อให้ผู้ใช้ในระดับต่างๆ น าไปขยายหรือ ปรับเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตร ส าหรับการพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่น หมายถึง เขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน เป็นผู้น ามาตรฐานของหลักสูตรระดับชาติมาจัดเนื้อหาสาระการ เรียนรู้ให้มีความสอดคล้องกับท้องถิ่น ทั้งนี้หลักสูตรท้องถิ่นในระดับชั้นเรียน จะเป็นการจัด สาระการเรียนรู้ของท้องถิ่นที่เน้นความต้องการ ความถนัดความสนใจของผู้เรียนเป็นหลัก


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 36 2.5 แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร มีความหมายที่กว้างขวางครอบคลุมงานหลายมิติของการ พัฒนาหลักสูตรตั้งแต่การวางแผนหลักสูตร จัดท าหลักสูตรหรือยกร่างหลักสูตร (Curriculum Planning) การน าหลักสูตรไปใช้หรือการน าหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ(Curriculum Implementation) และการประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) การสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละมิติมีประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด การวางแผนจัดท าหรือยกร่างหลักสูตร ประกอบด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน การก าหนดจุดมุ่งหมาย การก าหนดเนื้อหาสาระและ ประสบการณ์การเรียนรู้การก าหนดการวัดประเมินผล การประเมินหลักสูตร ประกอบด้วย การประเมินเอกสารหลักสูตร การประเมินการใช้หลักสูตร การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร และการประเมินหลักสูตรทั้งระบบ Tyler (1949) ได้ให้แนวคิดในการวางโครงร่างหลักสูตรโดยใช้วิธีMeans-Ends Approach เป็นหลักการและเหตุผลในการสร้างหลักสูตรที่เรียนว่า “หลักการของไทเลอร์” (Tyler’s Rationale) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการจัดหลักสูตรและการสอนที่เน้นการตอบค าถามที่เป็นพื้นฐาน 4 ประการ 1. มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษาอะไรบ้าง ที่สถาบันการศึกษาจะต้องก าหนดให้ผู้เรียน 2. มีประสบการณ์ทางการศึกษาอะไรบ้าง ที่สถาบันการศึกษาควรจัดขึ้นเพื่อช่วยให้ บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ก าหนดไว้ 3. จะจัดประสบการณ์ทางการศึกษาอย่างไร จึงจะท าให้การสอนมีประสิทธิภาพ 4. จะประเมินผลประสิทธิภาพของประสบการณ์ในการศึกษาอย่างไร จึงจะตัดสินได้ ว่าบรรลุจุดมุ่งหมายที่ก าหนดไว้ ไทเลอร์เน้นว่า ค าถามทั้ง 4 ข้อนี้ต้องเรียงล าดับกันลงมา เพราะฉะนั้นการก าหนด จุดมุ่งหมายจึงเป็นขั้นที่ส าคัญที่สุด เพราะค าตอบอีก 3 ข้อที่เหลืออยู่นั้นขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมาย ที่ก าหนดไว้(ชมพันธ์กุญชร ณ อยุธยา, 2540) แนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์เป็นไปตามล าดับขั้น โดยอาศัยข้อมูล จากแหล่งก าเนิดที่จะเป็นพื้นฐานในการตัดใจ 3 แหล่งด้วยกัน คือ ศึกษาจากสังคม ศึกษาจาก ผู้เรียน ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชา Taba (1962) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรที่เรียกว่า “Grass Roots Approach” หรือวิธีการจากเบื้องล่างสู่เบื้องบน ซึ่งทาบาเชื่อว่าผู้ที่มีหน้าที่สอนในหลักสูตรควร ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรด้วย วิธีการพัฒนาหลักสูตรของทาบานี้มีขั้นตอนคล้ายคลึง กับไทเลอร์แต่ต่างกันตรงที่วิธีการที่ไทเลอร์เสนอนั้นค่อนข้างเป็นวิธีการแบบ “Top-down” คือ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 37 การพัฒนาหลักสูตรที่มาจากข้อเสนอแนะของนักวิชาการ ให้ครูปฏิบัติและผู้บริหารสั่งการมายัง ครูผู้สอนอีกทีหนึ่ง ส าหรับขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตรของทาบา มีดังนี้ ขั้นที่ 1 การส ารวจความต้องการ (Diagnosis of Needs) ครูหรือผู้ร่างหลักสูตรเริ่ม กระบวนการด้วยการส ารวจความต้องการของนักเรียนที่หลักสูตรได้วางแผนไว้ ขั้นที่ 2 การก าหนดจุดมุ่งหมาย (Formulation of Objectives) หลังจากที่ครูได้ระบุ ความต้องการของนักเรียนแล้ว ครูก าหนดจุดมุ่งหมายที่จะให้บรรลุผล ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหา (Selection of Contents) จุดมุ่งหมายที่เลือกไว้หรือที่สร้าง ขึ้นเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเลือกรายวิชาหรือเนื้อหาของหลักสูตร ซึ่งควรเลือกเนื้อหาที่มี ความเที่ยงตรงและส าคัญด้วย ขั้นที่ 4 การจัดเนื้อหา (Organization of Contents) เมื่อครูเลือกเนื้อหาได้แล้ว ต้องจัดเนื้อหาโดยเรียงล าดับขั้นตอนให้ถูกต้อง ค านึงถึงวุฒิภาวะของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและความสนใจของผู้เรียนด้วย ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียน (Selection of Learning Experiences) เมื่อได้เนื้อหาแล้วครูคัดเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน ขั้นที่ 6 การจัดประสบการณ์ เรียน (Organization of Learning Experiences) กิจกรรมการเรียนการสอนควรได้รับการจัดเรียงล าดับขั้นตอนเช่นเดียวกับเนื้อหา แต่ครูต้องจัด กิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนด้วย ขั้นที่ 7 การประเมินผลและวิธีการประเมินผล (Evaluation and Means of Evaluation) ผู้ที่วางแผนหลักสูตรต้องประเมินว่าจุดมุ่งหมายใดบรรลุผลส าเร็จและทั้งครูและนักเรียนควร ร่วมกันก าหนดวิธีการประเมินผล Saylor, Alexander and Lewis (1981) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งเขามีแนวคิดว่าหลักสูตรเป็นแผนการในการจัดโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ดังนั้นหลักสูตร จึงต้องมีการก าหนดไว้อย่างเป็นระบบ ดังนี้ 1. เป้ าห มาย จุดมุ่งห มายและขอบเขต (Goals, Objectives and Domains) การพัฒนาหลักสูตรควรก าหนดเป้าหมาย และจุดมุ่งหมายหลักสูตรเป็นสิ่งแรก เป้าหมายแต่ละ ประเด็น จะบ่งบอกถึงขอบเขตหนึ่งๆ ของหลักสูตร ซึ่งเซเลอร์อเล็กซานเดอร์และเลวิสได้เสนอ ไว้ว่ามี4 ขอบเขตที่ส าคัญ คือ พัฒนาการส่วนบุคคล (Personal Development) สมรรถภาพ ทางสังคม (Social Competence) ทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continued Learning Skills) และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specializ Ation) นอกจากนี้ยังมีขอบเขตอื่นๆ อีก ซึ่งนักพัฒนา หลักสูตรอาจจะพิจารณาตามความเหมาะสมกับผู้เรียนและลักษณะทางสังคม เป้าหมาย


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 38 จุดมุ่งหมาย และขอบเขตต่างๆ ของหลักสูตรจะได้รับข้อบังคับทางกฎหมายของรัฐ ข้อค้นพบ จากงานวิจัยต่างๆ ปรัชญาของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตร เป็นต้น 2. การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design) เมื่อก าหนดเป้ าหมายและ จุดมุ่งหมายของหลักสูตรแล้ว นักพัฒนาหลักสูตรต้องวางแผนออกแบบหลักสูตร ตัดสินใจ เกี่ยวกับการเลือกและจัดเนื้อหาสาระ การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมและ สอดคล้องกับเนื้อหาสาระที่ได้เลือกแล้ว 3. การใช้หลักสูตร (Curriculum Implemmentation) หลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบ หลักสูตรแล้วขั้นตอนต่อไป คือการน าหลักสูตรไปใช้โดยครูผู้สอนต้องวางแผนและจัดท า แผนการสอนตามรูปแบบต่างๆ ครูผู้สอนเลือกวิธีการสอน สื่อ วัสดุการเรียนการสอนที่ช่วยให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามที่ก าหนดไว้ 4. การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) การประเมินหลักสูตร เป็นขั้นตอน สุดท้ายของรูปแบบนี้นักพัฒนาหลักสูตรและครูผู้สอนต้องเลือกวิธีการประเมินเพื่อตรวจสอบ ความส าเร็จของหลักสูตร ซึ่งเป็นทั้งการประเมินระหว่างด าเนินการ (Formative Evaluation) และการประเมินผลรวม (Summary Evaluation) ทั้งนี้เพื่อน าผลการประเมินไปปรับปรุงและ พัฒนาหลักสูตรต่อไป Oliva (1992) ได้แนวคิดในการพัฒนาหลักสูตร โดยขยายความคิดของตนเอง จากที่ได้เสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรไว้เมื่อปีค.ศ.1976 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของ โอลิวา ได้เสนอองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้ 1. ก าหนดเป้าหมายของการจัดการศึกษา ปรัชญาและหลักจิตวิทยาการศึกษา ซึ่งเป้าหมายนี้เป็นความเชื่อที่ได้มาจากต้องการของสังคมและผู้เรียน 2. วิเคราะห์ความต้องการของชุมชน ผู้เรียน และเนื้อหาวิชา 3. ก าหนดจุดหมายของหลักสูตร 4. ก าหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตร 5. จัดโครงสร้างของหลักสูตรและน าหลักสูตรไปใช้ 6. ก าหนดจุดหมายของการเรียนการสอน 7. ก าหนดจุดประสงค์การเรียนการสอน 8. เลือกยุทธวิธีการจัดการเรียนการสอน 9. เลือกวิธีการประเมินผลก่อนเรียนและหลังเรียน 10. น ายุทธวิธีการจัดการเรียนการสอนไปใช้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 39 11. ประเมินผลการจัดการเรียนการสอนไปใช้ 12. ประเมินผลหลักสูตร จากที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า แนวคิดของนักการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร นั้นเห็นว่าเป็นกระบวนการท างานที่เป็นระบบ เป็นวงจร เชื่อมโยง 2.6 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรเป็นการก าหนดลักษณะ ระเบียบ วิธีการที่จะน าไปสู่การ พัฒนาหลักสูตรให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้นโดยมีนักการศึกษา หลายท่านได้กล่าวถึง รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร ได้ดังนี้ การพัฒนาหลักสูตรประกอบด้วยสามมิติ(Dimensions) คือ มิติที่หนึ่ง การวางแผน จัดท าหรือยกร่างหลักสูตร (Curriculum Planning) มิติที่สองการใช้หลักสูตร (Curriculum Implementation) และมิติสุดท้ายการประเมินผลหลักสูตร (Curriculum Evaluation) การพัฒนา หลักสูตรให้มีคุณภาพได้นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับว่าแต่ละมิติมีประสิทธิผลมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยัง มีผู้รู้หรือนักการศึกษาหลายๆ ท่านได้กล่าวถึงรูปแบบของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรไว้ต่างกัน การพัฒนาหลักสูตรระดับท้องถิ่นไว้6 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ สร้างขึ้นทรัพยากรมนุษย์สภาพความต้องการของท้องถิ่น สภาพจัดการศึกษา และสภาพความ ต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน 2. การสร้างหลักสูตรฉบับร่าง ได้แก่ ค าชี้แจง เหตุผลความจ าเป็นในการพัฒนา หลักสูตรหลักของหลักสูตร โครงสร้างเนื้อหา อัตราเวลาเรียน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน สื่อการเรียนการสอนการวัดประเมินผล ค าอธิบายรายวิชา ตารางวิเคราะห์หลักสูตร จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม รายละเอียดของเนื้อหาของแต่ละหน่วยโดยละเอียด พร้อมภาพประกอบ ทุกขั้นตอน และบรรณานุกรมซึ่งจะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องที่จะพัฒนาอย่าง จริงจัง แล้วจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม 3. การตรวจสอบหลักสูตรฉบับร่าง เป็นการตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรและ วัสดุหลักสูตรต่างๆ เพื่อน าผลมาปรับปรุงข้อบกพร่องก่อนน าหลักสูตรไปทดลองใช้โดยจะต้องมี การก าหนดเป็นแผนอย่างมีขั้นตอนและเป็นระบบ มีการประชุมพิจารณาร่วมกันหรือให้ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตร เช่น จุดประสงค์เนื้อหา กิจกรรมการ เรียนการสอน คาบเวลาเรียนวิธีการวัดและประเมินผล มีความสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร


Click to View FlipBook Version