The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kobfad, 2023-05-15 08:35:58

การบริหารงานวิชาการ

การบริหารงานวิชาการเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่

Keywords: งานวิชาการ บริหารงานศึกษา

การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 90 3. การเรียนการสอนแบบออนไลน์(Online) การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยนักเรียนสามารถเลือกเรียนตามความสนใจ หรือครูอาจก าหนดเนื้อหาการเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงเนื้อหาด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา เนื้อหาอาจประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และสื่อมัลติมีเดียอื่นๆ ซึ่งนักเรียน ครู และเพื่อนร่วมชั้นเรียน สามารถติดต่อ สื่อสาร ปรึกษา หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบ เดียวกับการเรียน ในชั้นเรียนทั่วไป โดยใช้ช่องทางการสื่อสารผ่าน E-mail, Chat, Social Network เป็นต้น 4. On-hand คือ การเรียนรู้ที่บ้านโดยครูจัดท าเอกสาร หรือใบงานให้กับนักเรียน ซึ่งอาจเป็นลักษณะแบบเรียนส าเร็จรูป โดยมีครูออกไปเยี่ยมบ้านนักเรียนเป็นครั้งคราว หรือให้ ผู้ปกครองท าหน้าที่เป็นครูคอยช่วยเหลือ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนได้อย่างต่อเนื่อง 5. On-demand คือ การเรียนรู้ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ครูและนักเรียนตกลงใช้ ร่วมกัน เช่น Zoom Google classroom เป็นต้น ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลต่อการเลื่อนเปิด สถานศึกษาและเกิดการแพร่หลายของแนวทางจัดการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ สารสนเทศขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้น ครูผู้สอนในฐานะผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนต่างก็มี การปรับตัว และเตรียมทักษะเพื่อรับมือกับแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใหม่อย่างทันท่วงที พร้อมรับกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ทักษะการจัดการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือระบบปฏิบัติการรูปแบบ ต่างๆ ที่อาศัยการบริหารจัดการห้องเรียนซึ่งแตกต่างไปจากห้องเรียนปกติในโรงเรียนนั้น ทักษะ ในการถ่ายทอดความรู้ของครูที่ส าคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นแผน การสอน สื่อการสอน และการจัดการห้องเรียนผ่านเครือข่ายออนไลน์ สามารถสรุปได้ดังนี้ “รู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และการสร้างสรรค์” เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนกับการเรียนผ่านเครือข่าย มีความท้าทายที่แตกต่างกันอย่างมาก การน าเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นสื่อหรือเป็นช่องทางหลัก ในการถ่ายทอดความรู้ และกระบวนการคิด แทนที่การถ่ายทอด และรับรู้รับฟังข้อมูลแบบ ต่อหน้านั้น จึงควรจัดเตรียมความพร้อม และทักษะการใช้เทคโนโลยี และโปรแกรมแอพพลิ เคชันต่างๆ เป็นอย่างดี สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับกระบวนการจัดการสอน เพื่อความ สะดวก และราบรื่นในการถ่ายทอดองค์ความรู้ หากครูมีทักษะการใช้ และความเข้าใจเกี่ยวกับ เทคโนโลยีดังกล่าวในเบื้องต้น ได้แก่ วิธีการการใช้งาน ข้อดีหรือจุดเด่น ข้อเสียหรือจุดด้อยของ แต่ละโปรแกรมหรือแอพพลิเคชันออนไลน์ในการจัดการเรียนการสอน ความรู้เรื่องการเข้าใช้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 91 และเทคนิคการแก้ไขปัญหาระบบอินเทอร์เน็ตในเบื้องต้น ความเข้าใจในเรื่องลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญาในการคัดลอกน าข้อมูลของผู้อื่นมาใช้ การออกแบบเนื้อหาการเรียน และช่องทางการสื่อสารที่สอดคล้องกับความสามารถของแอพพลิเคชันหรือโปรแกรมออนไลน์ เป็ นอย่างดี รวมทั้งถ่ายทอดทักษะการใช้งานเท คโนโลยีเหล่านั้นให้แก่นักเรียนได้มี ความสามารถในการแก้ไขปัญหาขัดข้องที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดการสอน จะท าให้การเรียน การสอนด าเนินการได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องประกอบกับทักษะอื่นๆ ควบคู่กันอีกด้วย 5. ทักษะครูกับการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ยุควิถีใหม่ 5.1 ด้วยสภาพแวดล้อมของการเรียนผ่านเครือข่าย “เมื่อไม่ได้พบหน้าจึงต้องอาศัย ทักษะการสื่อสารที่หลากหลาย” และโปรแกรมออนไลน์ต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดอุปสรรคในการ สื่อสาร และการตีความได้ ดังนั้นประเด็นเรื่องทักษะการสื่อสารที่ชัดเจน ตรงประเด็น และเข้าใจ ง่าย โดยอาจใช้ภาพ วิดีโอ หรือตัวอย่างสื่อออนไลน์ประเภทอื่นๆ ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้มาก ที่สุดภายในขอบเขตระยะเวลาที่จ ากัด ยิ่งไปกว่านั้น ครูควรเพิ่มความถี่ในการสื่อสารกับนักเรียน และผู้ปกครองที่มากกว่าการสื่อสารในช่วงการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนปกติ ซึ่งปรับใช้การ สื่อสารทั้งแบบทางการ และกึ่งทางการเพื่อสร้างความร่วมมือ และการสนับสนุนการเรียนรู้ ระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครองให้พัฒนาไปพร้อมกัน ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในแนวทาง และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นระหว่างกันเพื่อจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด 5.2 การจัดการเวลาในการเรียนและการนับชั่วโมง “บริหาร และจัดเวลาการเรียน ที่ยืดหยุ่นแต่มีประสิทธิภาพ” ประเด็นซึ่งอาจมีความแตกต่างไปจากการจัดเวลาเรียนในชั้นเรียน ปกติในแต่ละวันจะมีการจัดการเรียนรู้หลากหลายวิชา โดยที่แต่ละวิชาใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ในทางกลับกัน ความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ของนักเรียนบางส่วนที่อาจจะต้องพึ่งพาการดูแล และอ านวยความสะดวกจากผู้ปกครอง ต้องมีการปรับเวลาเรียนตามความเห็นชอบร่วมกัน ภายในชั้นเรียน ท าให้ต้องสื่อสารเรื่องการจัดการเวลาของการเรียน และการนับชั่วโมงเรียนใหม่ ดังนั้นครูผู้สอนจะต้องท าการบริหารเวลาในการสอนให้เหมาะสม และมีคุณภาพ อาจพัฒนาและ ออกแบบการเรียนการสอนที่ใช้เวลาน้อยลงแต่ยังคงเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการศึกษาจาก สื่อต่างๆ ที่ครูมอบหมาย หรือเรียนรู้ผ่านค้นคว้าข้อมูล ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตามแต่ต้องยึดตัว ผู้เรียนเป็นหลักในการจัดการเรียนการสอน แนวทาง และวิธีการการเรียนรู้ท าให้นักเรียนที่มี ลักษณะการเรียนรู้ และความถนัดที่หลากหลายสามารถพัฒนาทักษะส าคัญจากกระบวนการที่ ครูออกแบบขึ้นทั้งสิ้น 5.3 เนื่องจากอุปสรรค และข้อจ ากัดด้านเวลาในการเรียนรู้ การถ่ายทอด และการ ฝึกฝนให้นักเรียนสามารถจับสาระ “ถ่ายทอดสาระส าคัญของบทเรียน และการประยุกต์ใช้เป็น


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 92 หลัก” ทักษะส าคัญอันเป็ นใจความหลักของเรื่องบทเรียนนั้น ถือเป็ นอีกหนึ่งแนวทาง ที่ครูผู้สอนจะสามารถจัดการเรียนรู้ภายในระยะเวลาที่จ ากัดได้ ปริมาณเวลาหรือการถ่ายทอด สาระข้อมูลจากครูที่ลดน้อยลง จะไม่เป็ นปัญหาหรืออุปสรรคในการเรียนรู้ของนักเรียน หากนักเรียนเข้าใจและมีทักษะในการจับประเด็นหรือสาระส าคัญของเรื่องที่เรียน หรือจากสื่อ ที่ศึกษาเพิ่มเติมได้ ยิ่งไปกว่าทักษะการจับประเด็นสาระส าคัญแล้วนั้น การฝึกฝนทักษะคิด วิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล ความกล้าคิดกล้าแสดงออกบนฐานของการศึกษา และความ รับผิดชอบต่อหน้าที่จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ และพัฒนาต่อยอดทักษะความสามารถ ด้วยตนเองเป็นอย่างดีเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครูจะต้องมีการติดตามการเรียนรู้หรือการท า รายงานอยู่เสมอ อาจจะมีการสื่อสารหรือนัดหมายให้ตอบข้อค าถามหลังจากการศึกษาและ ค้นคว้าสื่อที่ได้มอบหมายให้เป็นระยะๆ 5.4 ทักษะข้างต้นที่ครูต้องเตรียมความพร้อมต่อการจัดการเรียนรู้ผ่านเครือข่าย ออนไลน์แล้วนั้น “ปรับแนวทางประเมินผล และให้ค าแนะน าที่มีคุณภาพและเหมาะสม” ประเด็น เรื่องการประเมินผลและให้ค าแนะน าเพื่อการพัฒนานักเรียนได้อย่างเหมาะสมกับความสามารถ และความถนัดของแต่ละคนก็ยังถือเป็นประเด็นที่ครูผู้สอนจะต้องมีการจัดการที่ดี โปร่งใสและ เป็นที่รับรู้ร่วมกัน อย่างไรก็ตามการประเมินผลหรือการตัดสินผลคะแนนของนักเรียน อาจจะ ต้องมีการปรับโครงสร้างคะแนน และลักษณะเนื้อหาตามตัวชี้วัดที่แตกต่างจากที่เคยใช้ ในห้องเรียน ตัวชี้วัดตามหลักสูตรต้องการประเมินนักเรียนในด้านใด ครูจะต้องปรับลักษณะของ งานและการท ากิจกรรมที่มอบหมายนั้น ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดมากยิ่งขึ้นเพื่อ การพัฒนานักเรียนไปตามเป้าหมาย โดยปรับใช้วิธีการที่มอบหมายงาน การเตรียมการและการฝึกฝนทักษะของครู ไม่ว่าจะพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร และการถ่ายทอด การเป็นผู้ให้ค าปรึกษาที่ดี รวมทั้งความกระตือรือร้นในการบริหาร จัดการปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ และประเมินผลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ให้ได้มากที่สุดเพื่อปฏิบัติหน้าที่ครู ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้แก่นักเรียน โดยก้าวข้ามข้อจ ากัดเรื่องสถานที่และอุปสรรคต่างๆ ได้ในที่สุดซึ่งการศึกษาในยุคความปกติใหม่ ผู้สอนควรมีการออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน หรือเหมาะสมกับความพร้อมและทรัพยากรของผู้เรียนเพื่อที่จะสามารถน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ในการพัฒนาตนเองได้ผู้เขียนสรุปท้ายบทเป็นแผนภาพ ได้ดังนี้ 1. การใช้แอพพลิเคชั่นในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์แอพพลิเคชั่น ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ดังตาราง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 93 1.การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้Microsoft Teams มีขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ติดตั้งโปรแกรม Microsoft Teams และศึกษาการใช้งาน ดังภาพ 1.2 ผู้สอนเพิ่มผู้เรียนโดยการคลิก Add Member หรือ Get Link to Team 1.3 ผู้สอนแจ้งให้ผู้เรียนตอบรับการเข้าห้องเรียน 1.4 ผู้สอนตอบรับการเข้าเรียนโดยคลิกตอบรับที่ Activity 1.5 ผู้สอนเริ่มจัดการเรียนการสอนโดยคลิกเลือกที่ Meet และท าการสอน 1.6 ผู้สอนแจ้งผู้เรียนให้ดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสอนได้ที่เมนูFiles ส่งงานที่เมนู Posts ท าแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบได้ที่เมนู Assigments 2. การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google classroom มีขั้นตอน ดังนี้ 2.1 เข้าสู่ระบบ Gmail โดยเปิดเว็บไซต์ https://mail.google.com/ 2.2 ลงชื่อใช้งานด้วย E-mail ของ Google (Gmail) กรณีไม่มีใน Gsuite สามารถใช้ Gmail ส่วนตัวที่องค์กรให้ได้ 2.3 ปรากฏหน้าต่าง Gmail จากนั้นคลิกเลือก Application ของ Google และคลิกเลือก Classroom 2.4 ส าหรับการใช้งาน Google Classroom ในครั้งแรก เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว เลือก บทบาทในการใช้งาน Google Classroom ให้เลือก “ฉันเป็นครู” (I am a Teacher) 2.5 คลิกเครื่องหมาย + ที่บริเวณด้านมุมขวา 2.6 หลังจากนั้นให้เลือกสร้างชั้นเรียน 2.7 กรอกข้อมูลในการสร้างชั้นเรียน และคลิกปุ่มสร้าง (กรณีสอบวิชาเดียวกัน 2 ห้อง ให้สร้างชั้นเรียนแยกกัน) 3. การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้คลิปวิดีโอ มีขั้นตอนดังนี้ 3.1 จัดท าคลิปวิดีโอให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่สอนหรือหาคลิปที่มีในอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน 3.2 สร้างกลุ่มไลน์ในรายวิชาที่สอน โดยท าการแยกกลุ่มตามตารางสอน 3.3 น าคลิปวิดีโอ Upload ลงใน Youtube และคัดลอกลิงค์วางบนกลุ่มไลน์ 3.4 แจ้งให้นักศึกษาเข้าเรียนตามตารางเรียน 3.5 ตรวจสอบการเข้าเรียนโดยการส่งเลคเซอร์และงานมอบหมายตามคลิปที่สอน 4. การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ Google Meetส าหรับผู้สอน มีขั้นตอน ดังนี้ 4.1 การ Login เข้าใช้งาน Google Meet 4.2 การสร้างห้องเรียนห้องประชุม/ การเข้าร่วมประชุม 4.3 คัดลอก Link ส่งให้นักศึกษา/ การเพิ่มผู้เรียน 4.4 การปิดเสียงผู้อื่น 4.5 ส่งข้อความแชท 4.6 การแชร์หน้าจอการท างาน


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 94 5. การจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ ZOOM มีขั้นตอน ดังนี้ 5.1 ติดตั้ง โปรแกรม ZOOM 5.2 เข้าเว็บ ZOOM.US 5.3 เลือกเมนู RESOURCES Download Zoom Client 5.4 ดาวน์โหลด โปรแกรม Zoom Client for Meetings และติดตั้งลงเครื่อง คอมพิวเตอร์ 5.5 เปิดโปรแกรม ZOOM เลือก Join a Meeting 5.6 Enter Meeting ID or Personal Link Name (อาจารย์จะแจ้ง ID กับนักศึกษา) 5.7 กรอกรหัส Meeting Password (อาจารย์จะแจ้งรหัสกับนักศึกษา) 5.8 เลือก Join with Video 5.9 เข้าสู่หน้าจอเพื่อเริ่มเรียน นักศึกษาจะเห็นหน้าจอของอาจารย์และสื่อการสอนการ เรียนออนไลน์อาจมีอุปสรรคในหลายด้าน เช่น จดโน้ตทัน งานเยอะขึ้น หรือแม้แต่ความ สนใจในการเรียนและความจ าลดลง แต่ไม่ต้องกังวลไปสมัยนี้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ ชีวิตเราง่ายขึ้นได้ไม่น้อย รับรองว่าถ้าเรามีแอปพลิเคชันเหล่านี้ชีวิตการเรียนออนไลน์ไม่ ว่าจะเป็นด้านการเรียน การจดจ า และการท างาน จะมีแอปฯ อะไรบ้างที่น่าสนใจ Goodnotes : จดโน้ตให้สนุกขึ้น แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้การจดโน้ตของทุกคนเป็น เรื่องที่ง่ายและสนุกขึ้น เชื่อว่าทุกคนจะต้องรู้จักแอปฯ นี้เป็นอย่างดี ส าหรับแอปฯ นี้มี ฟีเจอร์ให้เล่นหลากหลายเพื่อท าให้การจดโน้ตของทุกคนมีสีสันยิ่งขึ้น เราสามารถเลือก ปก Lecture วิชานั้นๆ ได้ มี Template ลายกระดาษให้เลือก สนุกไปกับการเลือกสีและ ปากกาที่ใช้จด สามารถน าสติกเกอร์เข้ามาตกแต่งและแทรกรูปภาพประกอบได้อีกด้วย 
เรียกว่าเป็นแอปฯ จดที่ตอบโจทย์ส าหรับหลายคนหากใครไม่ชอบเขียนก็สามารถ พิมพ์ตัวหนังสือแทนได้เช่นกัน Notability : จดโน้ตพร้อมเสียง สะดวกสุดๆแอปพลิเคชันจดโน้ตอีกตัวที่พลาดไม่ได้ เจ้า Notability นั้นมีฟังก์ชันค่อนข้างคล้ายกับ Good Note แต่ว่าฟีเจอร์เด็ดของมัน คือ ฟีเจอร์บันทึกเสียงระหว่างจดโน้ตได้ ถ้าใครจดโน้ตไม่ทันระหว่างอาจารย์สอน ออนไลน์ก็สามารถอัดเสียงเก็บไว้ฟัง แถมยังสามารถเปิดฟังระหว่างที่กลับมาอ่าน Lecture ได้อีกด้วย Canva : สร้าง Presentation สุดปัง แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้การท า Presentation ของน้องๆ ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ส าหรับแอปฯ Canva นี้สามารถช่วยท าพรีเซนต์ให้ สวยงามมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมี Template มากมายให้ดาวน์โหลดใช้ซึ่งแต่ละ Template สามารถใช้ได้ทั้งบน Tablet, Smartphone และ Website Browser ได้อีกด้วยใช้ได้ทั้ง iOS และ Android แชร์สไลด์เพื่อท างานร่วมกับเพื่อนได้อีกด้วยเรียกได้ว่าเป็นแอปฯ ที่ ตอบโจทย์และท าให้สามารถท างานได้จากทุกที่


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 95 Google Calendar : จัดตารางเรียน แชร์กับอาจารย์และเพื่อนๆ แอปพลิเคชันที่หลายคน คงรู้จักกันดีเจ้า Google Calendar นี้เป็นแอปพลิเคชันที่จะช่วยบริหารจัดการตารางชีวิตได้ เป็นอย่างดีหน้าที่หลักของมันสามารถจดบันทึกวันเวลาและตารางเรียนของเราได้ รวมทั้งยังสามารถแชร์ร่วมกับเพื่อนเพื่อนและอาจารย์ได้อีกด้วย หากอาจารย์ท่านไหนที่ สอน นักศึกษาผ่าน Google Classroom ก็สามารถเพิ่มปฏิทินลงไปใช้งานร่วมกับ Google Calendar ได้เพียงเท่านี้ก็จะสามารถรู้ ตารางเรียนรวมถึงนัดสอบนัดส่งงานส าคัญได้ง่ายๆ My Study Life: บริหารจดัการชีวิต แอปพลิเคชันตัวนี้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะจัดการบริหาร ตารางชีวิตให้กับน้องๆ ได้ด้วยฟีเจอร์เด็ด ฟีเจอร์ปฏิทิน ฟีเจอร์บันทึกประจ าวัน ฟีเจอร์ Check Listนอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยเตือนช่วงเวลาต่างๆ สรุประยะเวลาที่เราใช้ ในการเรียน การอ่านหนังสือและสามารถจัดการเวลาชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกด้วย CamScanner : สแกนเอกสารคมกริบ ตัวช่วยสแกนเอกสารอีกหนึ่งแอปฯ ส าคัญที่ นักศึกษาควรมี เพราะแอปฯ นี้สามารถสแกนเอกสารต่างๆและแปลงไฟล์ให้เป็นเอกสาร ออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ PDF, PNG, JPEG, TXT ก็สามารถแปลงไฟล์ได้ทั้งนั้น แถมยังให้ความละเอียดภาพที่คมชัด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ให้เลือกสแกนแบบสี, สีขาว ด า หรือ สีเทา ได้อีกด้วย หากใครถนัดท างานบนกระดาษมากกว่าหรือมีเอกสารที่ จ าเป็นต้องเขียนส่งอาจารย์ Grammarly : ตรวจแกรมม่าตรวจค าผิดตัวช่วยที่จะช่วยตรวจงานและค าผิดเชื่อว่า นักศึกษาหลายคนจ าเป็นต้องเขียนงานภาษาอังกฤษส่งอย่างแน่นอน หลายๆ คนอาจจะ ไม่แน่ใจเรื่อง Grammar แอปพลิเคชันนี้จะเข้ามาช่วยตรวจการสะกดและการหลักการ ใช้ค าให้ถูก Grammar เพียงเท่านี้ก็สามารถเขียนบทความภาษาอังกฤษได้อย่างมือ อาชีพมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องแก้งานบ่อย Quizlet : Flashcard ช่วยจ าแอปพลิเคชันที่จะช่วยในเรื่องการจดจ าได้เป็นอย่างดี เจ้า Quizlet ตัวนี้สามารถสร้าง Flash การ์ดเพื่อช่วยการจดจ าได้ ไม่ว่าจะเป็นค าศัพท์ภาษาอังกฤษ ศัพท์เทคนิคพร้อมความหมาย หรือ เนื้อหาต่างๆ ที่ต้องการจ า เราสามารถสร้างชุดค าศัพท์ หรือชุดค าส าคัญที่ต้องจ าลงไปบน Flashcard ของเราได้ การใช้ Flashcard สามารถช่วยการ จดจ าได้เป็นอย่างดีและยังท าให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าก าลังเล่นเกมอยู่ท าให้การฝึกจ า ไม่น่าเบื่อ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 96 Parrot Teleprompter: อดัวิดีโคพร้อมสคริปต์เมื่อมีการเรียนการสอนออนไลน์ แน่นอน ว่าอาจารย์หลายๆ ท่านต้องสั่งงานให้ท าคลิปวิดีโอพรีเซนต์งานอย่างแน่นอน อาจจะต้อง ท่องจ าสคริปต์ให้ได้ก่อนถ่ายคลิปหรืออาจจะต้องคอยพักดูสคริปต์ระหว่างอัดคลิป ปัญหานี้จะ หมดไปเมื่อมีแอปพลิเคชันนี้เข้ามาช่วยให้เราสามารถอัดวิดีโอไปพร้อมๆ กับดูสคริปต์บนจอ ได้เลยเพียงเท่านี้เราก็จะสามารถอัดวิดีโอได้อย่างง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น Procreate : วาดรูปสวย จดโน้ตปัง ท า Animation ได้แอปพลิเคชันส าหรับคนชอบ วาดรูปและจดโน้ตเป็นภาพ อาจดูเหมือนเป็นแอปฯ ส าหรับนักวาดแต่อันที่จริงแล้วมี ฟีเจอร์หลากหลายที่เหมาะสมกับ ทุกคน ตารางที่ 3.4 การใช้แอพพลิเคชั่นในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ ที่มา : อ้างอิง https://www.scholarship.in.th/12-applications-for-teacher/


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 97 ภาพที่3.5 สมรรถนะเด็กไทยในศตวรรตที่ 21 ที่มา : ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 98 สรุปท้ายบท เมื่อวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID - 19 ระลอกแรกเริ่มคลี่คลาย วิถีใหม่ หรือ New Normal เกี่ยวกับระบบการศึกษา การจัดการศึกษาที่ต้องมีการปรับตัว บุคลากรทางการ ศึกษาจ านวนมากมีการปรับตัวเพื่อใช้เทคโนโลยีในการท างานทางไกล การเรียนรู้ในยุควิถีใหม่ เป็นการเรียนรู้ที่มีแพลตฟอร์ม (Platform) และวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย ตอบสนองความ ต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยผู้สอนจะออกแบบการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการให้ผู้เรียนได้ใช้ ความสามารถของตนเองอย่าง เต็มที่ซึ่งรูปแบบการศึกษาในยุควิถีใหม่ เช่น การเรียนผ่านระบบ ออนไลน์ การเรียนในห้องเรียน การเรียนผสมผสานแบบออนไลน์(Online) และแบบออนไซต์ (Onsite) หรือการเรียนแบบโฮมสคูล (Home School) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเรียนแบบใดก็ตามจะ เป็นการเน้นให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ก าหนดเป้าหมายการเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ และประเมินตนเอง ท าให้สามารถเรียนรู้ทุกเนื้อหาได้จากทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และไม่ได้ท าให้การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนลดลง อีกทั้งผู้เรียนและผู้สอนสามารถยังโต้ตอบกันได้อย่างเต็มที่ อีกด้วย ซึ่งการศึกษาในยุควิถีใหม่ ผู้สอนควรมีการออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน เหมาะสมกับความพร้อมและทรัพยากรของผู้เรียนเพื่อที่จะ สามารถน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเองได้จากสถานการณ์COVID-19 ท าให้ต้อง มีการปรับตัวด้านการศึกษา และการจัดการเรียนการสอนโดยมีการใช้เทคโนโลยีในการจัดการ เรียนการสอนมากขึ้น ซึ่งการออกแบบการเรียนรู้ในยุควิถีใหม่ นั้นเป็น การออกแบบการเรียนรู้ ที่มีลักษณะให้ผู้เรียนได้เป็นผู้ก าหนดเป้าหมายการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ และประเมินตนเอง ข้อดีคือ ท าให้สามารถเรียนรู้ทุกเนื้อหาได้จากทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 99 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. (ชุดการเรียนรู้ ด้วยตนเอง ชุดที่8โครงการหนึ่งอ าเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน). กรุงเทพ ฯ : กระทรวงศึกษาธิการ. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กาญจนา บุญภักดิ์. (2563). การจัดการเรียนรู้ยุค New Normal. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม. 19 (2). A1–A6. กฤษณา สิกขมาน. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการสื่อสารภาษาอังกฤษ ธุรกิจ โดยการใช้การสอนแบบ E-Learning. รายงานการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการ สอน มหาวิทยาลัยศรีปทุม. กัญณภัทร หุ้นสุวรรณ และสนิท วงปล้อมหิรัญ. (2563). “การจัดการเรียนการสอนในความ ปรกติใหม่ในวิกฤตโควิด-19”, วารสารนิสิตวัง. 22(2), 50-57. คู่มือการจัดการความรู้ (2562) การใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในแนวทางที่หลาก หลาย. คณะกรรมการการจัดการความรู้, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยรามค าแหง ปีการศึกษา 2562. จักรี มนต์ประสิทธิ์. (2560). ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษาอ าเภอขลุง สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จันทบุรี เขต 2.วิทยานิพนธ์. การบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยบูรพา. ฐาปนีย์ธรรมเมธา. (2557). อีเลิร์นนิง: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ e-Learning: from theory to practice. โครงการ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย. กรุงเทพฯ : ส านักคณะกรรมการการ อุดมศึกษา. จิณณวิตร ปะโคทัง. (2561). ภาวะผู้น ายุคดิจิทัล ส าหรับผู้บริหารสถานศึกษามืออาชีพ.อุบลราชธานี: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. ดุษฎี มัชฌิมาภิโร. (2553). การพัฒนารูปแบบการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ. ยะลา : คณะ ครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธนสวรรณ ถาบุตร. (2561).การพัฒนาโปรแกรมพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นส าคัญส าหรับสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดหนองคาย. วิทยานิพนธ์ :มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 100 บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2556). ทฤษฎีและการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ (Theories and Development Instructional Model). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เอสพริ้นติ้ง ไทย แฟคตอรี่. แบรนด์ อินไซด์. (2564). อุปกรณ์ไม่พร้อม เวลาไม่มีรูปแบบไม่ได้ อุปสรรคการเรียนออนไลน์ ยุคโควิดระบาด ที่ต้องแก้ไข. ออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2564. แหล่งที่มา: https://brandinside.asia/elearning-challenge-in-covid/ ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2554). การจัดการหลักสูตรและการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ส านักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2565). “ความคาดหวังการพลิกโฉมห้องเรียนหลังยุค New Normal”. เอกสารประกอบการบรรยาย. กรุงเทพฯ . พรทิพย์ ทับทิมทอง และจุไรรัตน์ สุดรุ่ง.(2560). “การวิเคราะห์ผลของการใช้เวลาในการปฏิบัติ ภาระงานสอนที่มีต่อประสิทธิภาพการสอนของครู ในสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน”, วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา (OJED). 12(2), 356-357. ยุทธนา เกื้อกูล. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนเอกชนสอน ศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างผู้เรียนสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2555). การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้. เอกสารค าสอน. คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ. สงขลา : เทมการพิมพ์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2556). การนิเทศการสอน สาขาหลักสูตรและการนิเทศ. นครปฐม: โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิชัย วงศ์ใหญ่. (2563). New Normal ทางการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิชัย วงศ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2563). การออกแบบการเรียนรู้ใน New Normal. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิภาภรณ์ สร้อยค า. (2560). การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการที่มีประสิทธิผลของ โรงเรียนเอกชน สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัดสกลนคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. ศิรินภา เมรัตน์ โสภณ เพ็ชรพวง และบรรจง เจริญสุข. (2561). การศึกษาแนวทางการ พัฒนาการบริหารวิชาการในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาชุมพร เขต 1. วารสารนาคบุตรปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช, 11(1), 141-153.


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 101 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2550). แนวทางการกระจายอ านาจการบริหาร และ การจัดการการศึกษา. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานวิชาการและพัฒนา คุณภาพ การศึกษา. ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2560 – 2579. กรุงเทพฯ :ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2563). รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ส าหรับนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์Covid-19. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ. ส านักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2558). แนวทางการจัดทักษะแห่งอนาคตใหม่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้น สมรรถนะทาง สาขาวิชาชีพ. กรุงเทพฯ. ส านักวิชาการและประมวลผล มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. (2556). คู่มือกระบวนการจัดการ เรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. ร้อยเอ็ด: มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. สุรพงศ์ อึ๊งโพธิ์. (2561). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นส าคัญของสถานศึกษา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). ราชบุรี: มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง. อภิชาติ รอดนิยม. (2564). “เทคโนโลยีการศึกษากับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในยุคใหม่”, วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 6(9), 123-131. Bybee et.al. (2006). The BSCS 5E Instructional Model. Retrieve 30 March 2020, from http : //www.ashg.org/education/pdf/BSCS_5E_Model.pdf. Hoy, W. K., & Miskel, C. G. (2008). Educational Administration Theory, Research, and Practice (8th ed.). New York : McGraw-Hill. Koehler, M. J., & Mishra, P. (2016). Technological Pedagogical Content Knowledge (TPACK). Retrieve 30 March2020, from http : //www.tpack.org/. Tileston, D. W., (2007). Teaching Strategies for Active Learning: Five Essentials for Your Teaching Plan. California: Corwin Press.


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 102 บทที่ 4 นวัตกรรมและเทคโนโลยี ในว ิ ถ ีชี ว ิ ตใหม ่ “...วิถีชีวิตปกติใหม่ของคนไทยภายใต้สถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้จะไม่ใช่โรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุด และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่คนทั่วโลกจะพบเจอ แต่ทว่า นับจากนี้ไปจะมีโรคระบาดเพิ่มมากขึ้น บ่อยครั้งมากขึ้นอีกเรื่อยๆ และจะมีการแพร่กระจายของ เชื้อไวรัสอีกจ านวนมาก และเมื่อเกิดภาวะวิกฤตไวรัสระบาดซ ้าขึ้นอีกครั้ง การปฏิสัมพันธ์ของ มนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้น การที่ผู้คนหวาดกลัวต่อ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในการใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นซูมเข้ามาประยุกต์ใช้ จะท าให้ง่าย ต่อการท างานเป็นอย่างมาก ซึ่งการประชุมผ่านแอพพลิเคชั่นซูมนี้ จะสามารถใช้งานได้ทั้ง Windows, iOS, Android นั่นหมายถึง ยังสามารถจะท างานได้จากสมาร์ทโฟนในทุกสถานที่และ ทุกเวลา ไม่จ าเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการท างานแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป...” ในบทที่ 4 นวัตกรรมและเทคโนโลยีในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา ความหมายและความส าคัญของนวัตกรรม สื่อ และเทคโนโลยี ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยียุควิถีใหม่ ความส าคัญของนวัตกรรมการศึกษา การใช้สารสนเทศ นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยี ที่ใช้ในการบริหารงานวิชาการ แนวทางการใช้นวัตกรรมสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการ บริหารงานวิชาการ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 103 4.1 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจดัการทางการศึกษา 1. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งใหม่ใช้ในวงจ ากัด หรือที่มีอยู่ใช้งาน อย่างกว้างขวางโดยทั่วไป ที่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรในสถานศึกษาเพื่อให้การท างานบรรลุ วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้ก าหนดไว้ มีความส าคัญทั้งต่อเด็ก ครู สถานศึกษาและพ่อแม่ ผู้ปกครอง 2. ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา สามารถแบ่งได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์การแบ่ง 1) เกณฑ์ลักษณะของนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีจ าแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการจัดสภาพแวดล้อม ที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ 2) เกณฑ์บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารจ าแนกได้ เป็น 6 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผน การจัดองค์กร การสั่งการ การประสานงาน การอ านวยความสะดวก และการควบคุมดูแล 3) เกณฑ์ภารกิจของสถานศึกษาจ าแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการด้านวิชาการด้านงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารทั่วไป 3. หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา มี 4 ประการ คือ หลัก ประสิทธิภาพซึ่งเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับคุณภาพของนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ต้องการใช้หลักประสิทธิผล ซึ่งเป็นการพิจารณาผลการใช้นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีว่าสามารถท าให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการหรือไม่ หลักความประหยัดซึ่งเป็นการ พิจารณาความคุ้มค่าต่อการลงทุนและบ ารุงรักษาหรือไม่ และรวมถึงหลักความเป็นธรรม 4.2 ความหมายและความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี ในเรื่องนี้จะกล่าวถึงความหมายและความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี เพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ความหมายของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา ความหมายของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทาง การศึกษา มีค าที่ประกอบกันอยู่ 2 ค่า คือค าว่า “นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี” และค าว่า “การบริหารจัดการทางการศึกษา” ในเบื้องต้นจึงจะขอกล่าวถึงความหมายของค าแต่ละค า โดยจะกล่าวถึงความหมายของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีก่อนแล้วจะกล่าวถึง ความหมาย ของการบริหารจัดการทางการศึกษา ตามล าดับดังต่อไปนี้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 104 นวัตกรรมและเทคโนโลยี หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการ ต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งใหม่ใช้ในวงจ ากัด และใช้งานอย่างกว้างขวางโดยทั่วไป ส่วนการบริหารจัดการทางการศึกษา นั้นในการบริหารจะพบกับค า 2 ค านี้อยู่เสมอ โดยทั่วไปการบริหารมาจากค าว่า "Administration”ส่วนการจัดการ มาจากค าว่า “Mnanagement” ทั้ง 2 ค านี้ มักใช้ควบคู่กันไปเป็นการบริหารจัดการ (หวน พันธุ์พันธ์, 2564) ได้ให้ความหมาย การบริหารสถานศึกษาว่าหมายถึง การด าเนินงานของกลุ่มบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ ปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบของโรงเรียนให้บรรลุจุดหมายที่ได้ก าหนดไว้ จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการ ทางการศึกษาหมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งใหม่ใช้ ในวงจ ากัด หรือทีมอยู่ใช้งานอย่างกว้างขวางโดยทั่วไปที่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ใช้เพื่อให้การท างานบรรลุวัตถุประสงค์และเป้ าหมายที่ได้ก าหนดไว้1) ความหมายและ ความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา 2) ประเภท ของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา 3) หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา 2. ความส าคัญของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วย อ านวยความสะดวกในการบริหารจัดการทางการศึกษา มีความส าคัญดังนี้ 2.1 ช่วยให้เด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี ช่วยให้ครูมีระบบจัดเก็บข้อมูลและบันทึกความก้าวหน้า อย่างเป็นระบบ มีการสื่อสารกับผู้ปกครองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ระหว่างบ้านกับโรงเรียน ท าให้ครูสามารถน าข้อมูลมาพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล เด็กจึงได้รับการ พัฒนาอย่างเต็มที่ 2.2 ช่วยให้เด็กได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครูมากขึ้น เพราะนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีช่วยให้ครูใช้เวลาในการท างานอื่นที่นอกเหนือจากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ น้อยลง 2.3 ช่วยอ านวยความสะดวกให้กับครู นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีช่วยให้ครู สามารถจัดกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่น สะดวก รวดเร็ว และเป็นไปตามแผนที่ ก าหนดไว้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 105 2.4 ช่วยให้ครูมีเวลาในการดูแลเด็กมากขึ้น เพราะมีสิ่งที่ช่วยผ่อนแรง ประหยัดเวลา และท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ระบบการเก็บข้อมูลและประเมินผล พัฒนาการเด็ก 2.5 ช่วยให้ครูมีช่องทางในการพัฒนาตนเองมากขึ้น และมีช่องทางการแสวงหา ความรู้ตามอัธยาศัย เช่น ค้นหา ข้อมูลผ่านห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ลงทะเบียนเรียนในคอร์ส ออนไลน์ (Massive Open Online Course: MOOC ศึกษาข้อมูลจากโทรทัศน์เพื่อการศึกษา) 2.6 ช่วยให้ครูมีช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน และพ่อ แม่ผู้ปกครอง ซึ่งน าไปสู่ความเข้าใจอันดีระหว่างกัน และร่วมกันส่งเสริมพัฒนาการและ การเรียนรู้ให้แก่เด็ก 2.7 ช่วยให้บุคลากรท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีสิ่งที่ช่วย อ านวยความสะดวกในการท างานสามารถท างานได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา สะดวกต่อการ จัดเก็บและค้นหา เช่น โปรแกรมจัดท างบประมาณส าเร็จรูป โปรแกรมการจัดท าบัญชีส าเร็จรูป ระบบจัดเก็บข้อมูลพัสดุ ส านักงานอัตโนมัติ ฯลฯ 2.8 ช่วยให้สถานศึกษาสามารถก าหนดนโยบายและแผนได้อย่างเหมาะสม เพราะมีนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที ใช้เพื่อระบบสารสนเทศและข้อมูลที่ทันสมัยท าให้ สามารถตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้อง 2.9 ช่วยให้การบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมี สิ่งช่วยอ านวยความสะดวกประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย มีการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ท าให้การบริหารงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ 2.10 ช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้รับความสะดวกสบายในการท าธุรกรรมกับ สถานศึกษา เช่น การช าระค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านธนาคาร การดาวน์โหลดแบบฟอร์มค า ร้องขอ/หนังสือค าร้องต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ ฯลฯ 2.11 ช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีช่องทางที่หลากหลายในการติดต่อสื่อสารกับ สถานศึกษา เช่น โทรศัพท์ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เครือข่ายสังคมออนไลน์(Social Network) ฯลฯ 2.12 ช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองรับทราบข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมของสถานศึกษา และติดตามความก้าวหน้าของบุตรหลานได้โดยสะดวกและเป็นปัจจุบันมากขึ้น เช่น รับรู้ผ่าน เว็บไซต์ของโรงเรียนผ่าน Facebook ของโรงเรียนผ่านแอปพลิเคชันส าเร็จรูป ฯลฯ สรุปได้ว่า นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาหมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งใหม่ใช้ในวงจ ากัด และใช้งาน อย่างกว้างขวางโดยทั่วไป ที่ผู้บริหาร ครู และบุคลากรในสถานศึกษาใช้เพื่อให้การท างานบรรลุ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 106 วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้ก าหนดไว้ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการ ทางการศึกษามีความส าคัญหลายประการ เช่น ช่วยให้เด็กได้รับการส่งเสริม พัฒนาการและ การเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ และได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครูมากขึ้น ช่วยให้ครูสามารถจัด กิจกรรมได้อย่างราบรื่น มีช่องทางในการพัฒนาตนเองมากขึ้น มีเวลาในการดูแลเด็กมากขึ้น ช่วยให้บุคลากรท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สถานศึกษาสามารถก าหนด นโยบายและแผนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้การบริหารจัดการสถานศึกษา เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีช่องทางที่หลากหลายในการติดต่อสื่อสารกับ สถานศึกษา 4.3 ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา สามารถแบ่งได้ หลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์การแบ่งในที่นี้จะแบ่งโดยใช้เกณฑ์ลักษณะของนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยี เกณฑ์หน้าที่ของผู้บริหาร และเกณฑ์ภารกิจของสถานศึกษาต่อไปนี้ 1. เกณฑ์ลักษณะของนวัตกรรม และเทคโนโลยี นวัตกรรม และเทคโนโลยีสามารถจ าแนกตามเกณฑ์ลักษณะได้ 3 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาที่เป็น วัสดุ เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองใช้แล้วหมดไปหรือผุพังง่าย สามารถหามาทดแทนและเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ดินสอ ปากกาลูกลื่น ปากกาเคมี ปากกาเน้นข้อความ กระดาษกาวย่น เทปใส เทปโฟมกาว 2 หน้า น ้ายาลบค าผิด กระดาษ กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษแข็ง กระดาษปรู๊ฟ ลวดเย็บ กระดาษ คลิป สมุดบัญชี สมุดใบส าคัญรับเงิน แผ่นซีดี หนังสือ หนังสือพิมพ์ แผนภูมิ แผ่นภาพ ภาพถ่าย แฟ้ม พลาสติก ลิ้นแฟ้ม ซองจดหมาย คัตเตอร์ แผ่นพลาสติกลูกฟูก แปรงลบกระดาน โปรแกรมส าเร็จรูป ฯลฯ 1.2 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาที่เป็น อุปกรณ์ เป็นเครื่องมือที่มีความคงทน มีระยะการใช้งานนาน เช่น คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อ พ่วง เครื่องถ่ายเอกสาร สแกนเนอร์ ปริ้นเตอร์ สมาร์ตโฟน ภาพ 3 มิติ โทรทัศน์ กล้องดิจิตอล กล้องวิดิทัศน์ เครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่นวีดีโอโปรเจ็กเตอร์ โมเด็ม ฯลฯ 1.3 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาที่เป็น วิธีการซึ่งเป็นวิธีการ กิจกรรม หรือกระบวนการที่น ามาใช้ในการบริหารจัดการทางการศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 107 เช่น การประชุมทางไกล การเรียนผ่านห้องเรียนเหมือนจริง การใช้เครือข่ายสังคม การสื่อสาร ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้โปรแกรมสืบค้นข้อมูล ฯลฯ 2. เกณฑ์บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีสามารถจ าแนกตามเกณฑ์บทบาทหน้าที่ของ ผู้บริหาร ได้ 6 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผน นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดองค์กร นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการ นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประสานงาน นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการอ านวยความสะดวก และนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมดูแล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 2.1 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผน เป็ นนวัตกรรมและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการศึกษาวิเคราะห์ ก าหนดเป้าหมาย วางแนวทางในการปฏิบัติไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ครูและบุคลากรสถานศึกษาปฐมวัยสามารถปฏิบัติงานและท างานร่วมกันเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้การวิเคราะห์ SWOT เพื่อวางแผนกลยุทธ์ของสถานศึกษา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้และ ทันสมัยในการก าหนดเป้าหมายและนโยบายต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง ใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการท าแผนปฏิบัติการประจ าปีฯลฯ 2.2 นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดองค์กร เป็นนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างเสริมองค์กรด้านคน วัสดุ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามแผน การจัดรูปแบบโครงสร้างองค์กร การจัดระเบียบ และสายการบังคับบัญชาในหน่วยงาน เช่น ใช้การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ใช้การบริหารความเสี่ยงในการจัดองค์กร ใช้คอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงในการพิมพ์เอกสาร ใช้โปรแกรม Microsoft Word หรือเว็บไซต์ เช่น Guilty ในการ ออกแบบแผนผังในสายการบังคับบัญชา ฯลฯ 2.3 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการสั่งการ เป็นนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการสั่งการ การกระตุ้น การควบคุม หรือการบังคับบัญชาให้บุคลากร ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจนบรรลุเป้าหมาย เช่น ใช้เครือข่ายสังคม (Social Network) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ในการสั่งการ ฯลฯ 2.4 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการประสานงาน เป็นนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประสาน กิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษาให้ท างานสอดคล้องต่อเนื่องกัน เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น เช่น ใช้เครือข่ายสังคม ในการ ติดต่อประสานงาน การประชุมทางไกล (Teleconference) ฯลฯ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 108 2.5 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการอ่านวยความสะดวก เป็นนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่อ านวยความ สะดวกที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานของบุคลากร เช่น คอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง พริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร โทรศัพท์ โทรสาร เครื่องตัดกระดาษ โต๊ะประชุม โต๊ะวางเครื่องคอมพิวเตอร์ โต๊ะอเนกประสงค์ ล็อกเกอร์เก็บของโปรแกรมหรือ แอปพลิเคชันที่ช่วยให้บุคลากรท างานได้สะดวกขึ้น เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมการประเมิน พัฒนาการเด็ก โปรแกรมพิมพ์ เอกสารด้วยเสียง การใช้ส านักงานอัตโนมัติ (e-Office) 2.6 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมดูแล เป็นนวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมดูแลให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ เช่น ใช้การบริหารองค์การแบบสมดุล (Balanced Scorecard) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของ บุคลากร ใช้แอปพลิเคชันในการก ากับติดตามงานที่มอบหมายใช้ Google Drive หรือเครือข่าย สังคมในการควบคุมดูแลและตรวจสอบงาน ฯลฯ 3. เกณฑ์ภารกิจของสถานศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 39 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553) ได้ก าหนดให้ กระทรวงกระจายอ านาจการบริหารและการจัดการศึกษา 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารงาน วิชาการด้านการบริหารงานงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคล และด้านการบริหารงาน ทั่วไป ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 3.1 ด้านการบริหารงานวิชาการ เป็นนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการ บริหารงานวิชาการ ซึ่งมีขอบข่ายภารกิจคือ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาการแนะแนว การศึกษา การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา การส่งเสริมความรู้ ด้านวิชาการแก่ชุมชน การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบันการศึกษาอื่น ที่จัดการศึกษา ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงอินเทอร์เน็ต ปริ้นเตอร์ เครื่องถ่าย เอกสาร กล้องดิจิทัล กล้องวิดิทัศน์ แผ่นซีดีในการจัดเก็บไฟล์ข้อมูล ระบบฐานข้อมูลในการ ติดตามและประเมินผลพัฒนาการของเด็ก ฯลฯ 3.2 ด้านการบริหารงานงบประมาณ เป็นนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ ในการบริหารงานงบประมาณ ซึ่งมีขอบข่ายภารกิจคือ การจัดท าและเสนอของบประมาณ การจัดสรรงบประมาณ การตรวจสอบและติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผล การด าเนินงาน การระดมทรัพยากร และการลงทุนเพื่อการศึกษา การบริหารการเงิน การ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 109 บริหารบัญชี และการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ ตัวอย่างเช่น เครื่องค านวณ เครื่องบันทึกเงินสด เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง โปรแกรม Microsoft Excel เว็บไซต์ Flow Account ซึ่งเป็นระบบบัญชีออนไลน์ในการท าบัญชีการเงิน โรงเรียน ใช้โปรแกรมส าเร็จรูปในการรับช าระ ค่าธรรมเนียมการศึกษาผ่านบัญชีธนาคาร ใช้ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Banking) เพื่อโอนเงิน ตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชี ตรวจสอบรายการเดินบัญชี โปรแกรมควบคุม งบประมาณ ฯลฯ 3.3 ด้านการบริหารงานบุคคล เป็นนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการ บริหารงานบุคคล ซึ่งมีขอบข่ายภารกิจคือ การวางแผนอัตราก าลัง การสรรหาบุคคลและ การบรรจุแต่งตั้ง การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ วินัยและการรักษาวินัย และการออกจากราชการ ตัวอย่างเช่น ใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศในการวิเคราะห์ภารกิจและ ประเมินสภาพความต้องการก าลังคนกับภารกิจของสถานศึกษา ใช้เว็บไซต์ในการประกาศรับ สมัครบุคลากรและแจ้งผลการคัดเลือก ใช้ e-Learning และโทรทัศน์เพื่อการศึกษาในการพัฒนา ครู ใช้ระบบเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจสอบการมาปฏิบัติงานของบุคลากร ใช้กระดานสนทนาในการสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาชีพ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการ บันทึกข้อมูลของบุคลากร การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community: PLC) การจัดการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) ใช้ตัวแบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในการบริหารจัดการบุคลากร ฯลฯ 4. ด้านบริหารงานทั่วไป นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานทั่วไป ซึ่งมีขอบข่ายภารกิจ คือ การด าเนินงานธุรการงานเลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาระบบ และเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศการประสานและพัฒนาเครือข่ายการศึกษา การจัดระบบการ บริหารและพัฒนาองค์กร งานเทคโนโลยีและสารสนเทศ การส่งเสริมสนับสนุนด้านวิชาการ งบประมาณ บุคลากรและการบริหารทั่วไป การดูแลอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อม การจัดท า ส ามะโนผู้เรียน การรับนักเรียน การส่งเสริมและประสานงานการจัดการศึกษา การระดม ทรัพยากรเพื่อการศึกษา งานส่งเสริมกิจการนักเรียน การประชาสัมพันธ์งานการศึกษาการ ส่งเสริมสนับสนุนและประสานงานการศึกษาของบุคคล ชุมชนองค์กร หน่วยงาน และสถาบัน สังคมอื่นที่จัดการศึกษา งานประสานราชการกับเขตพื้นที่และหน่วยงานอื่น การจัดระบบการ ควบคุมภายในหน่วยงาน และงานบริการสาธารณะ ตัวอย่างเช่น ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ เทคโนโลยีการสื่อสารในการบริหารจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศให้มีความเหมาะสม ทันสมัย และสะดวกต่อการใช้งาน ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ในการรับ-ส่ง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 110 เอกสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต ใช้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้ระบบส านักงานอัตโนมัติ ใช้โปรแกรม PSIS ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศของสถานศึกษาเอกชน ใช้ Google Form หรือเว็บไซต์ Survey Can ในการสร้างแบบสอบถามออนไลน์ในการติดตาม ประเมินผลการด าเนินงาน ฯลฯ สรุปได้ว่า ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทาง การศึกษาปฐมวัย สามารถแบ่งได้ หลายประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์การแบ่ง เช่น เกณฑ์ลักษณะ ของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีจ าแนกได้เป็น 3 ประเภทคือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี เพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาปฐมวัยที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ วิธีการ เกณฑ์บทบาทหน้าที่ ของ ผู้บริหารจ าแนกได้เป็น 6 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผน การจัดองค์กร การสั่งการ การประสานงาน การอ านวยความสะดวก และการควบคุมดูแล เกณฑ์ภารกิจของสถานศึกษาจ าแนกได้เป็น 4 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีในการ บริหารด้านงานวิชาการ งานงบประมาณ งานบุคคล และงานทั่วไป 4.4 หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยียคุวิถีใหม่ ค าว่า "นวัตกรรม" หรือ นวกรรม มาจากค าภาษาอังกฤษว่า "Innovation" โดย ค าว่า นวัตกรรม มีรูปศัพท์เดิมมาจากภาษาบาลี คือ นว+อตต+กรรม กล่าวคือ นว แปลว่า ใหม่ อัตต แปลว่า ตัวเอง และกรรม แปลว่า การกระท า เมื่อรวมค า นว มาสนธิกับ อัตต จึงเป็น นวัตต และ เมื่อรวมค า นวัตต มาสมาส กับ กรรม จึงเป็นค าว่า นวัตกรรม แปลตามรากศัพท์เดิมว่า การกระท าที่ใหม่ของตนเอง หรือการกระท าของตนเองที่ใหม่ ส่วนค าว่า "นวกรรม" ที่มีใช้กันมา แต่เดิม มีรากศัพท์เดิมมาจากค าว่า นว แปลว่า ใหม่ กรรม แปลว่า การกระท า จึงแปลตามรูป ศัพท์เดิมว่าเป็นการปฏิบัติหรือการกระท าใหม่ๆ ในความหมายโดยทั่วไปแล้วสิ่งใหม่ๆ อาจ หมายถึงความคิด วิธีปฏิบัติ วัตถุหรือสิ่งของที่ใหม่ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน ค าว่านวัตกรรมนี้ อาจมีผู้ใช้ค าอื่นๆ อีก เช่น นวัตกรรม ความจริงแล้วก็เป็นค าๆ เดียวกัน นวัตกรรม เป็นการน า วิธีการใหม่ๆ มาปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้นๆ แล้ว โดยมี ขั้นตอนดังนี้คือ การคิดค้น (Invention) การพัฒนา (Development) น าไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความ แตกต่างจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา Everette M. Rogers (1983) ได้ให้ความหมายของค า ว่า นวัตกรรม (Innovation) ว่า นวัตกรรมคือ ความคิด การกระท า หรือวัตถุใหม่ๆ ซึ่งถูกรับรู้ว่า เป็นสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวบุคคลเแต่ละคนหรือหน่วยอื่นๆ ของการยอมรับในสังคม (Innovation is a new Idea, Practice or Object, that is Perceived as new by the Individual or other Unit of Adoption) การพิจารณาว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นนวัตกรรมนั้น Everette M. Rogers ได้ชี้ให้เห็นว่า


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 111 ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มบุคคลว่าเป็นสิ่งใหม่ส าหรับเขา ดังนั้นนวัตกรรมของ บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอาจไม่ใช่นวัตกรรมของบุคคลกลุ่มอื่นๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของบุคคล นั้นว่าเป็นสิ่งใหม่ส าหรับเขาหรือไม่ อีกประการหนึ่งความใหม่ (Newness) อาจขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาด้วยสิ่งใหม่ๆ ตามความหมายของนวัตกรรมไม่จ าเป็นจะต้องใหม่จริงๆ แต่อาจจะ หมายถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็ นความคิดหรือการปฏิบัติที่เคยท ากันมาแล้วแต่ได้หยุดกันไป ระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาได้มีการรื้อฟื้ นขึ้นมาท าใหม่เนื่องจากเห็นว่าสามารถช่วยแก้ปัญหา ในสภาพการณ์ใหม่นั้นได้ ก็นับว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งใหม่ได้ สรุปได้ว่า นวัตกรรม หมายถึง สิ่งใหม่สิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยท ามาก่อนเลย สิ่งใหม่ ที่เคยท ามาแล้วในอดีตแต่ได้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ สิ่งใหม่ที่มีการพัฒนามาจากของเก่าที่มีอยู่เดิม 4.5 ความส าคัญของนวัตกรรมการศึกษา นวัตกรรมมีความส าคัญต่อการศึกษาหลายประการ ทั้งนี้เนื่องจากในโลกยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความก้าวหน้า ทั้งด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ การศึกษาจึงจ าเป็นต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากระบบ การศึกษาที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษาจึงจ าเป็นต้องมีการศึกษา เกี่ยวกับนวัตกรรมการศึกษาที่จะน ามาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบางเรื่อง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับจ านวนผู้เรียนที่มากขึ้น การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย การผลิตและ พัฒนาสื่อใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษาก็มีส่วนช่วยให้การใช้ ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง กล่าวโดยสรุป นวัตกรรมการศึกษาเกิดขึ้นตามสาเหตุใหม่ๆ ดังต่อไปนี้ 1. การเพิ่มปริมาณของผู้เรียนในระดับชั้นประถมศกษาและมัธยมศึกษาเป็นไปอย่าง รวดเร็ว ท าให้นักเทคโนโลยีการศึกษาต้องหานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้สามารถสอน นักเรียนได้มากขึ้น 2. การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเรียนการสอนจึงต้อง ตอบสนองการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและเรียนรู้ได้มาก ในเวลาจ ากัดนักเทคโนโลยีการศึกษาจึงต้องค้นหานวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 112 3. การเรียนรู้ของผู้เรียนมีแนวโน้มในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ตามแนว ปรัชญาสมัยใหม่ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง นวัตกรรมการศึกษาสามารถช่วยตอบสนองการ เรียนรู้ตามอัตภาพ ตามความสามารถของแต่ละคน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction หรือ CAI การเรียนแบบศูนย์การเรียน เป็นต้น 4. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคม มีส่วน ผลักดันให้มีการใช้นวัตกรรมการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เช่น เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ท าให้ คอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก เทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ อินเตอร์เน็ต ท าให้เกิดการสื่อสารไร้พรมแดน นักเทคโนโลยีการศึกษาจึงคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการประยุกต์ใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นฐานในการเรียนรู้ที่เรียกว่า "Web-Based Learning" ท าให้สามารถเรียนรู้ในทุกที่ทุกเวลาส าหรับทุกคน (Any Where, Any Time for Everyone) 5. การใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวาง ในวงการศึกษาคอมพิวเตอร์ มิใช่เพียงแต่สิ่งอ านวยความสะดวกในส านักงานเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นสื่อหรือเป็นเครื่องมือสร้าง สื่อได้อย่างสวยงามเหมือนจริง และรวดเร็วมากกว่าก่อน นักเทคโนโลยีการศึกษาจึงศึกษาวิจัย บทบาทของนวัตกรรมทางด้านการผลิตและการใช้สื่อใหม่ๆ ตามศักยภาพของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้นเช่น คอมพิวเตอร์กราฟิก ระบบมัลติมีเดีย วิดีโอออนดีมานด์(Video-onDemand) การประชุมทางไกล (Teleconference) อี-เลินนิ่ง (e-Learning) อี-เอ็ดดูเคชั่น (eEducation) เป็นต้น นวัตกรรมการเรียนรู้การเรียนรู้ภายใต้กระบวนการฝึกทักษะจะสร้างมุมมองที่เป็น องค์รวม (Holistic View) คือมองเห็นงาน เห็นปัญหา เห็นชีวิตว่าเป็นสิ่งเดียวกัน มองว่าปัญหา เป็นส่วนหนึ่งของงาน และมองเห็นงานเป็นกระบวนการที่ส าคัญของชีวิต การศึกษาในปัจจุบัน ไม่ได้จ ากัดแต่ในห้องเรียนแล้วเท่านั้น หากแต่สามารถจัดการศึกษาได้โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน ทุกสถานที่ หรือทุกเวลาที่ท าให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ ตลอดเวลาและตลอดชีวิต “นวัตกรรม มีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาที่จะเพิ่มประสิทธิภาพหรือ คุณภาพการเรียนการสอนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนวัตกรรมตรงกับค าว่า “Innovation” ในภาษาอังกฤษ มีรากศัพท์มาจากค าภาษาลาตินว่า Innovare ซึ่งแปลว่า “to Renew” หรือ “ท าขึ้นมาใหม่” หมายถึง ท าอะไรใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ มาปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพของงานหรือ ของสิ่งที่ได้กระท าให้ดียิ่งขึ้น คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดคิดว่านวัตกรรมเป็นค าที่เกี่ยวข้องเฉพาะ สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแต่วงการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมเด็จพระเทรัตนราชสุดาฯ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 113 สยามบรมราช-กุมารี ได้ทรงอธิบายไว้ในการแสดงปาฐกถาเรื่อง “เทคโนโลยี นวัตกรรม กับการ พัฒนาประเทศ” “... คนเรานั้นจะต้องมี นวัตกรรม คือต้อง Innovative หรือต้องรู้จักสร้างสรรค์ ต้องมี ความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า ปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ว่าก็ต้อง สามารถปรับโลกให้เหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นอยู่หรือความพอใจความสุขสบายของ ตัวเองเหมือนกัน ต้องแก้ปัญหาด้วยความคิด พอทางหนึ่งตันก็ต้องหาทางใหม่ ไม่งอมืองอเท้า ยิ่งในภาวะวิกฤต ยิ่งต้องการนวัตกรรม ซึ่งไม่เฉพาะแต่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น หากแต่ เป็นนวัตกรรมของทั้งระบบโดยรวมตั้งแต่สังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรม...” เมื่อหลากหลายสถาบันหรือบุคลากรทางการศึกษาได้น าเอานวัตกรรมเข้ามาผนวก กับการศึกษาช่วยในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ที่เรียกว่า "นวัตกรรมการศึกษา" ให้เข้า มามีบทบาทในการเรียนการสอน ซึ่งเป็นการน าเอาแนวคิด วิธีการการเกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อพัฒนา ปรับปรุง มาเพิ่มประสิทธิภาพให้การศึกษา ให้มีระบบที่ดียิ่งขึ้น มีคุณภาพ ท าให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ หรือประสิทธิผลสูงขึ้น อันได้แก่ สิ่งที่ เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด สิ่งที่คิดเพิ่มเติมจากเดิม หรือสิ่งที่เคยน ามาใช้ แล้วและปรับปรุงให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น การน าวิธีการใหม่ๆ ที่ดีกว่ามาปรับปรุงแก้ไขวิธีการ เดิมๆ การคิดค้นระบบหรือการจัดการวิธีการ การวิจัยหรืออื่นๆ แล้วน ามาเผยแพร่กว้างขวาง ยิ่งขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์มัลติมิเดีย คอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนแบบโปรแกรมชุดการสอน เป็นต้น การจัดการเรียนการสอนที่ดีนั้น นอกจากจะมีนวัตกรรมการสอนที่ดีทันสมัย มาใช้ กับผู้เรียนให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด นอกเหนือจากนวัตกรรมมาที่เป็นอุปกรณ์ช่วยสอนหรือ วิธีการสอนเท่าแล้วนั้น ยังต้องมีสิ่งส าคัญเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วย ครูผู้สอน หลักสูตรหรือเนื้อหา ผู้เรียน สื่อ/อุปกรณ์และทักษะกระบวนการต่างๆ ทั้งหมดล้วน ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ต่อผู้เรียนได้ตลอดเวลา และตลอดชีวิต 1. นวัตกรรมการศึกษา นวัตกรรมมีความส าคัญต่อการศึกษาหลายประการ ได้แก่ 1.1 เพื่อให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสภาพสังคม ที่เปลี่ยนแปลง 1.2 เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ 1.3 เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษาในบางเรื่อง เช่น ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับ จ านวนผู้เรียนที่มากขึ้น การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย การผลิตและพัฒนาสื่อใหม่ๆ ขึ้นมา 1.4 เพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 114 1.5 การใช้นวัตกรรมมาประยุกต์ในระบบการบริหารจัดการด้านการศึกษา ก็มีส่วนช่วยให้การใช้ทรัพยากรการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2. สาเหตุการเกิดขึ้นของนวัตกรรมการศึกษา 2.1 การเพิ่มปริมาณของผู้เรียน 2.2 การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว 2.3 การเรียนรู้ของผู้เรียนมีแนวโน้มในการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น 2.4 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคม 3. ขอบข่ายนวัตกรรมทางการศึกษา 3.1 การจัดการเรื่องการสอนด้วยวิธีการใหม่ๆ 3.2 เทคนิควิธีการสอนแบบต่างๆ ที่ไม่เคยมีการท ามาก่อน 3.3 การพัฒนาสื่อใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน 3.4 การใช้เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาปรับใช้ในระบบการเรียนการสอน ในระบบทางไกลและการเรียนด้วยตัวเอง 3.5 วิธีการในการออกแบบหลักสูตรใหม่ๆ 3.6 การจัดการด้านการวัดผลแบบใหม่ 4. ประเภทของนวัตกรรมการศึกษา 4.1 นวัตกรรมทางด้านหลักสูตร เช่น หลักสูตรบูรณาการ หลักสูตรรายบุคคล หลักสูตรกิจกรรมและประสบการณ์ หลักสูตรท้องถิ่น 4.2 นวัตกรรมการเรียนการสอน เช่น การสอนแบบศูนย์การเรียน การใช้ กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ การสอนแบบเรียนรู้ร่วมกัน และการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต 4.3 นวัตกรรมสื่อการสอน เช่น CAI WBI WBT VC WebQuest Webblog 4.4 นวัตกรรมการประเมินผล เช่น การพัฒนาคลังข้อสอบ การลงทะเบียนผ่าน ทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต การใช้บัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อการใช้บริการของ สถาบันศึกษา การใช้คอมพิวเตอร์ในการตัดเกรด 4.5 นวัตกรรมการบริหารจัดการ เช่น ฐานข้อมูล นักเรียน นักศึกษา ฐานข้อมูล คณะอาจารย์ และบุคลากร ในสถานศึกษา ด้านการเงิน บัญชี พัสดุ และครุภัณฑ์ สรุปได้ว่า ความส าคัญของนวัตกรรมการศึกษาเกิดขึ้นจาก การเพิ่มปริมาณของผู้เรียน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ของผู้เรียนมีแนวโน้มในการ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 115 เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีโทรคมนาคม และการใช้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวาง 4.6 การใช้สารสนเทศ ปัจจุบันมีการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารงานอย่างแพร่หลาย ผู้บริหารและบุคลากร มีความจ าเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลในการบริหารตลอดเวลาจึงต้องน าระบบ คอมพิวเตอร์มาช่วยในการปฏิบัติงานกับฐานข้อมูลผ่านกระบวนการประมวล หรือจัดท าให้อยู่ ในรูปแบบที่มีความหมาย และสะดวกในการใช้งานมีผู้กล่าวถึงความส าคัญของเทคโนโลยี สารสนเทศในการบริหารการศึกษาไว้ดังนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้การศึกษาเปิดกว้างกระจายไปได้ กว้างไกล น าสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เทคโนโลยีในเว็บได้สร้างหนทาง ของการประยุกต์ใช้เพื่อการศึกษามากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนามัลติมีเดียบนเว็บท าให้สามารถ แสดงผลเพื่อตอบสนองกระบวนการเรียนรู้ตามแนวการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้จากการ มีปฏิสัมพันธ์โดยการเรียนรู้ร่วมกัน จากแนวทางที่ปรากฎในนโยบายหลักของประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติจากคนในสังคม ของโครงการการศึกษาไทยในยุคโลกาภิวัตน์ รวมทั้งประสบการณ์จากทิศทางการพัฒนา การศึกษาในประเทศชั้นน าของโลก ชี้ให้เห็นความส าคัญของบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะเป็น "ฟันเฟือง" ส าคัญในความพยายามของสังคมที่จะแก้ไขปัญหา ปรับปรุงประสิทธิภาพ และพัฒนาระบบการศึกษาในสังคมโลกาภิวัตน์อย่างไรก็ตามเนื่องจากของเทคโนโลยี สารสนเทศและระบบการศึกษา มีความละเอียดอ่อนที่คล้ายและแตกต่างกันออกไป จึงมีความ จ าเป็นที่จะต้องวางกรอบที่รัดกุมในขบวนการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ของประเทศ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาคมในระบบได้ประ โยชน์อย่างคุ้มค่าและอย่างมีประสิทธิภาพอันจะน ามาซึ่งประสิทธิผลที่ต้องการ โดยวิสัยทัศน์ของ การน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาเอื้อประโยชน์ทางการศึกษา คือ "ความมุ่งมั่นของสังคมที่จะ น าพาประเทศชาติก้าวเข้าสู่ยุคสารสนเทศ ด้วยระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียม ทั่วถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่องเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่าคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ภายใต้เครือข่ายทางกายภาพ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (2542) หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในมาตรา 63 - 69 ได้บัญญัติไว้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยได้ก าหนดบทบาท หน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการจัดการด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ก าหนดขอบเขตครอบคลุมไปถึง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 116 การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร การวิจัย การจัดตั้งกองทุนและหน่วยงานกลาง เพื่อวางนโยบายและบริหารงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษา และแผนแม่บทเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2547-2549) ได้ ก าหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร อย่างเป็นรูปธรรมภายใต้เงื่อนไขที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม ของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาไว้ 4 ยุทธศาสตร์ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อพัฒนาคุณภาพ การเรียนรู้ของผู้เรียน ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเพื่อการเรียนรู้จากแหล่งและวิธีการที่หลากหลาย โดยจัดให้มีการพัฒนาสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษา พัฒนาหลักสูตรให้เอื้อต่อการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการจัดการเรียนการสอน เพิ่มประสิทธิภาพ การเรียนทางไกล จัดให้มีการศูนย์ข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Courseware Center) ให้มีการเรียน การสอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) จัดท าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) จัดให้มี ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) น าไปสู่สังคมแห่งคุณธรรมและสังคมแห่งภูมิปัญญาและ การเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาการบริหาร จัดการและให้บริการทางการศึกษา พัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูลเพื่อการ บริหารจัดการและพัฒนาบุคลากรทุกระดับที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือกับสถาบันอุคมศึกษา ที่มีความพร้อมและเอกชน สร้างศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศ (Operation Center) เชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระดับชาติและระดับกระทรวง รวมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร จัดการ และให้บริการทางการศึกษาด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ที่สอดคล้องกับการปฏิรูประบบราชการ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การผลิตและพัฒนาบุคลากรค้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารผลิตและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการก าลังคนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารโดยจัดให้มีการพัฒนาหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศเละการสื่อสารในทุกระดับ การศึกษา พัฒนาผู้สอนและนักวิจัย ส่งเสริมการวิจัย และน าผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ รวมทั้ง ประสานความร่วมมือกับองค์กรของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาบุคลากร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาการศึกษาและอุตสาหกรรม


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 117 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การกระจายโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการศึกษาโดยจัดให้มีและกระจายโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อย่างทั่วถึง มุ่งเน้นการจัดหาและใช้ทรัพยากรทางค้านเครือข่ายร่วมกัน จัดหาระบบ คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการค าเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยร่วมมือกับ ภาครัฐ เอกชน ชุมชน และท้องถิ่น เตรียมบุคลากรปฏิบัติงานด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารให้เพียงพอรวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มและการซ่อมบ ารุงรักษาอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้มี ประสิทธิภาพในการใช้ปฏิบัติงาน นโยบายทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการบริหารการศึกษาก็เช่นเดียวกับการบริหารงานในด้านอื่นๆ หลักการในด้าน การบริห ารการศึกษ าก็คล้ายกันในแง่ที่ว่า สามารถใช้ห ลักการ MI (Man, Money, Management, Material และ Information) ซึ่งจะต้องน ามาใช้ในการวางแผนการจัดองค์กร จัดบุคลากร สั่งการประสานงาน รายงาน และการเงินการคลัง ทั้งนี้ การก้าวเข้าสู่ยุดสารสนเทศ ที่สมาชิกในสังคมรอบตัวเรามีความต้องการข้อมูลข่าวสารที่ฉับไวและมีการเปลี่ยนแปลง ที่รวดเร็วขึ้น แสดงให้เห็นถึงความจ าเป็นในการที่จะต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น ผู้รับผิดชอบงานในส านักงานจะต้องสามารถปรับตัว และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อพัฒนางานของตนและองค์กร โดยการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนางาน บริหารการศึกษาที่มีประสิทธิภาพสูงนั้นจะต้องมุ่งประเด็นหลักอย่างน้อย 4 ประการ 1) ความ เป็นเลิศ (Excellence) 2) ความเสมอภาค (Equity) 3) ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และ 4) ความเป็นสากล (Internationalization) ในส่วนของภาครัฐบาล ได้ก าหนดแนวนโยบายทางด้าน การน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในค้านการศึกษา ดังนี้ 1) กรอบนโยบายเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารระยะ พ.ศ. 2544 - 2553 ของประเทศไทย ได้ก าหนดยุทธศาสตร์การ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ 5 ด้าน คือ ด้านการบริหารงานของรัฐบาล (e-Government) ด้านการพาณิชยกรรม (e-Commerce) ด้านการอุตสาหกรรม (e-Industry ด้านการศึกษา (e-Education) และด้านสังคม (e-Society) โดยได้ก าหนดเป้าหมายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการพัฒนาในด้านการศึกษา (e-Education) ไว้ว่า "..พัฒนาและเตรียมความพร้อม ด้านทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาสู่การเป็นสังคมแห่ง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้.." และก าหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ดังนี้ พัฒนากลไกการบริหาร นโยบายและการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกบาที่มีประสิทธิภาพ พัฒนา โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้เกิดการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ เร่งพัฒนาและจัดหาความรู้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 118 (Knowledge) และสาระทางการศึกษา (Content) ที่มีคุณภาพและมีความเหมาะสม ลดความ เหลื่อมล ้าในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการด้านการศึกษา ประเทศไทยได้ น าเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้กับการศึกษา เพื่อขยายการศึกษาไปสู่ผู้ด้อยโอกาสในชนบทและ ในภูมิภาคดังจะเห็นได้จากเทคโนโลยีดาวเทียมทางการศึกษา (Educational Satellite) กระทรวงศึกษาธิการได้ด าเนิน โครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เมื่อประเทศไทยมีการ ส่งดาวเทียมไทยคม ขึ้นสู่วงโคจรในปี พ.ศ. 2536 โดยมีการด าเนินการร่วมกับโรงเรียน ไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาระดับมัธยมของ โรงเรียนในภูมิภาคต่างๆ ให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทางการศึกษา (Edicational Computer) คอมพิวเตอร์ได้ถูกน ามาใช้ในวงการอย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบ การเรียนการสอนผู้เรียนสามารถเรียนรู้และค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้ต ลอดเวลา ในปัจจุบันได้มีการจัดการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว ทั้งในลักษณะของการเรียนการสอน ผ่านระบบเครือข่าย (Web Base Instruction) และมหาวิทยาลัยเสมือนจริง (Virtual University) เทคโนโลยีประชุมทางไกล (Teleconference) เป็นวิธีการน าสื่อทางไกลทางภาพและเสียงมาใช้ ในการให้การศึกษา โดยการส่งสัญญาณสื่อสารกิจกรรมการเรียนการสอนผ่านระบบโทรทัศน์ และวิทยุของสถานีแม่ไปยังผู้เรียนที่รอรับสัญญาณอยู่ในสถานีลูกหลายๆ แห่งได้ ผู้เรียน สามารถชักถามปัญหากับผู้สอนได้เลย กระทรวงศึกษาธิการ (2550) ได้ประกาศนโยบายและมาตรฐานการพัฒนา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการศึกษาได้เห็นความส าคัญของเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาและในขณะเดียวกันก็ค านึงถึงประโยชน์และโทษที่อาจ เกิดจากการน าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษามาพัฒนาและประยุกต์ใช้เพื่อ ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนาเป็นความรู้ในระดับที่สูงขึ้นรวมถึงรู้จักวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจ เกิดจากการใช้ที่ไม่เหมาะสมได้ด้วย ทั้งนี้โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและคุณธรรมน าความรู้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ของประเทศไทยหรือ ไอ ที 2010 และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 จึงสนับสนุนให้มีการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตใน การเรียนการสอนและการบริหารจัดการอย่างกว้างขวางเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการน า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษามาใช้ในการเรียนการสอน และการบริหารดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงก าหนดนโยบายและมาตรฐานการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารเพื่อการศึกษาขึ้น เพื่อสนับสนุนการน าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 119 ในสถานศึกษาศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษา และเพื่อเป็นการป้องกันภัยทางอินเทอร์เน็ต โดยให้ผู้เรียน ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา ประชาชน ได้ใช้ประโยชน์ และเข้าถึงบริการได้จาก เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาตามความเหมาะสม จึงมีนโยบายและมาตรฐานการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาและหน่วยงาน ทางการศึกษาด าเนินการตามนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการศึกษา คือจัดให้มีระบบสารสนเทศ ข้อมูลข่าวสาร และระบบป้องกันภัยทางอินเทอร์เน็ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการบริหารจัดการรวมทั้งประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ ส าหรับชุมชนและประชาชนท้องถิ่นจัดให้ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนได้รับการ พัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อประโยชน์ในการจัดการ เรียนการสอนและการบริหารอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย พร้อมกับการปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม ในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมส่งเสริมการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การศึกษา เพื่อช่วยสอนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนและการเรียนรู้จัดให้มี ระบบป้องกันสื่อที่ไม่พึงประสงค์ที่เผยแพร่ มาในระบบอินเทอร์เน็ตแก่ผู้เรียนและผู้สอน ส่งเสริม และจัดให้มีการวิจัยและพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนรู้ และการจัดท าศูนย์ข้อมูลเพื่อพัฒนาสถานศึกษาเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ประสานและจัดให้เกิด การมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดหา แบ่งปัน และแลกเปลี่ยนทั้งทางด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้เพียงพอในการใช้ประโยชน์ และในการจัดการเรียนการสอนและให้บริการทางวิชาการแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กร เอกชน ชุมชนเพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาและเครือข่าย สารสนเทศลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนในเมืองกับชนบท จารึก ชื่นสมบัติ. (2550) ได้กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา มีความส าคัญมากในปัจจุบันและมีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นในอนาคตเพราะเป็นเครื่องมือในการ ด าเนินงานสารสนเทศให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพนับตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ การประมวลผลการเลือกและการสื่อสารสารสนเทศรวมทั้งการแลกเปลี่ยนและการใช้สารสนเทศ ร่วมกันให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ซึ่งความส าคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศสรุปได้ดังนี้ (1) ช่วยในการจัดระบบข่าวสารจ านวนมากมหาศาลของแต่ละวัน (2) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตสารสนเทศ เช่น การค านวณตัวเลขที่ยุ่งยากการจัดเรียงล าดับสารสนเทศ เป็ นต้น (3) เพื่อให้สามารถเก็บสารสนเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้ทุกครั้งอย่างสะดวก (4) ช่วยให้ สามารถจัดระบบอัตโนมัติเพื่อการจัดเก็บประมวลผลและเลือกใช้สารสนเทศ(5) ช่วยในการ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 120 เข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น (6) ช่วยในการสื่อสารระหว่างกันได้ อย่างสะดวกรวดเร็วต่ออุปสรรคเกี่ยวกับเวลาและระยะทาง โดยการระบบโทรศัพท์ นโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา อันเป็นตัวก าหนดแนวทางในการด าเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา โดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศให้บังเกิดผลตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษาต่อไปในส่วนของ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ได้ก าหนดแผนแม่บทในการพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศเพื่อการศึกษา ที่ตอบสนองแผนระดับชาติและระดับกระทรวงโดยก าหนดยุทธศาสตร์ และเป้าหมาย 4 ด้าน ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 จัดหาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและสรรหาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ยุทธศาสตร์ที่ 3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการบริหารจัดการ ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ 4 นั้น ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัด ให้มีศูนย์ปฏิบัติการค้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT Operating Center) ทุกระดับให้มีการ เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายนอกและหน่วยงานภายใน รวมทั้งส่งเสริม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและ ให้บริการทางการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ ในค้นการบริหารงานของรัฐบาล (e-Government) และค้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (e-Education) ส าหรับเป้าหมายของแผนแม่บทในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีดังนี้ 1. มีระบบฐานข้อมูลส าหรับการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกระดับ 2. หน่วยงานทุกระดับมีคลังข้อมูล (Data Warehouse) เพื่อการตัดสินใจ 3. มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยผ่านระบบเครือข่าย 4. มีศูนย์ปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศระดับส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานและส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 5. มีระบบเครือข่ายภายในองค์กร (Intranet) เพื่อใช้ในการบริหารงาน 6. หน่วยงานทุกระดับมี Software ที่ถูกกฎหมายส าหรับการบริหารจัดการและพัฒนา 7. มีโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในการบริหารงานด้านบุคลากร ด้านบริหารทั่วไป ด้านงบประมาณ ด้านวิชาการ ด้านติดตามประเมินผล ด้านบริหารกิจการนักเรียนในทุกระดับ 8. มีระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS)


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 121 9. มีเว็บไซต์เพื่อการประชาสัมพันธ์และให้บริการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงาน นอกจากนี้แล้วยังได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่อง นโยบายเละมาตรฐาน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดในการน า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการเรียนการสอนและการบริหารจัดการ โดยมี นโยบายและมาตรฐานการส่งเสริมสนับสนุนให้การศึกษา และหน่วยงานทางการศึกษา ด าเนินการตามนโยบายดังนี้ 1. นโยบายส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา ได้ก าหนดให้มีระบบสารสนเทศจัดให้ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียนได้รับการพัฒนา ความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ประสานให้เกิดการมีส่วน ร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดหาแบ่งปัน และแลกเปลี่ยนทั้งด้านซอฟต์แวร์ ใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาและเครือข่ายสารสนเทศ ลดช่องว่างระหว่างผู้เรียนในเมืองกับชุมชน 2. ก าหนดมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาส าหรับ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการโดยจ าแนกออกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้ 2.1 ด้านบริหารจัดการภายในสถานศึกษา โดยก าหนดให้มีแผนพัฒนา เทคโนโลยีสารสนเทศ ระยะกลาง (3-5 ปี ) มีการสนับสนุนงบประมาณการส่งเสริมและ ประสานงานจากชุมชน มีระบบก ากับและติดตามมีข้อมูลระบบสารสนเทศเป็นปัจจุบัน และมี บุคลากรรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.2 ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ก าหนดให้มีระบบเครือข่ายอินทราเน็ตและระบบ อินเทอร์เน็ตที่ใช้เพื่อการบริหารจัดการเรียนการสอน มีซอฟต์แวร์ที่จ าเป็ นส าหรับใช้ ในสถานศึกษาที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ มีการจัดห้องเรียนที่หลากหลาย มีระบบการบ ารุงรักษาและ ความมั่นคงของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.3 ด้านการเรียนการสอน มีหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนการสอนแต่ละ สาระการเรียนรู้ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือ มีรูปแบบการจัดการ เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่หลากหลายผู้สอนเป็นแบบอย่างและสอนการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร โดยค านึงถึงกฎหมาย คุณธรรมและจริยธรรม 2.4 ด้านกระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเป็นเครื่องมือในรูปแบบที่หลากหลาย ผู้เรียนมีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 122 2.5 ด้านทรัพยากรการเรียนรู้ มีเว็บไซต์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน มีระบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระมีการจัดรวมสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเป็นระบบ จัดเป็นคลังแหล่งเรียนรู้ ศูนย์สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ 2.6 ด้านการร่วมมือภาครัฐ เอกชน และชุมชน มีการใช้ความร่วมมือและ สนับสนุนการศึกษา มีการให้บริการความรู้กับชุมชนตลอดทั้งมีการประสานเครือข่ายชุมชนให้มี การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือ สรุปได้ว่า การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการด้านศึกษา โดยน ามาใช้ ในการวางแผนการจัดองค์กร จัดบุคลากร สั่งการประสานงาน รายงานและการเงินการคลัง ดังนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเครื่องมือที่สามารถน าประโยชน์มาสู่วงการศึกษาได้อย่างดี 4.7 นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานวิชาการ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานวิชาการในเรื่องนี้จะแบ่งตาม งานการบริหารวิชาการ มีดังนี้ 1. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการวางแผนงานวิชาการ เช่น ใช้การ วิเคราะห์ SWOT ในการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและข้อจ ากัด เพื่อก าหนดแผนการ ด าเนินงานทางด้านวิชาการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการระบบข้อมูล สารสนเทศให้มีความทันสมัย สะดวกต่อการจัดเก็บและเรียกใช้งานเพื่อให้สามารถตัดสินใจและ วางแผนวิชาการประจ าปีได้อย่างเหมาะสม 2. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานหลักสูตร เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงอินเทอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูลและจัดท าหลักสูตรสถานศึกษาใช้ Google Docs การจัดท าหลักสูตรสถานศึกษาร่วมกัน ซึ่งสามารถใช้พิมพ์งานออนไลน์ที่สามารถแบ่งปัน เอกสารให้กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อพิมพ์งานหรือแก้ไขข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน และสามารถทราบ ว่าเพื่อนร่วมงานก าลังพิมพ์งานในส่วนใดใช้ Google Drive ซึ่งเป็ นเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่สามารถน าไฟล์ดิจิตอลไปเก็บหรือดาวน์โหลดมาใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต และสามารถแบ่งปัน เอกสารกับผู้อื่นได้ ผู้บริหารสามารถเข้าไปตรวจสอบงานที่มอบหมายให้บุคลากรท างาน ใช้เครือข่ายสังคมในการก ากับติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร สถานศึกษา 3. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานการจัดประสบการณ์และงาน สนับสนุนการจัดประสบการณ์เช่น ใช้เครือข่ายสังคมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการ พัฒนาสื่อและนวัตกรรมในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 123 และโปรแกรม Microsoft Word ในการจัดท ารายการแหล่งเรียนรู้เพื่อให้ครูสามารถทราบข้อมูล เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และสามารถเลือกแหล่งเรียนรู้ในการจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียนได้ อย่างเหมาะสม มีห้องเตรียมสื่อให้กับครู โดยจัดหนังสือ วารสารวิชาการ ระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและเชื่อมโยงฐานข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยให้ครูได้มีช่องทางศึกษาหาความรู้ในการจัด ประสบการณ์และการท าวิจัยในชั้นเรียน 4. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานวัดและประเมินผล เช่น ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง และโปรแกรม Microsoft Excel ในการวางแผนและการ ก าหนดเวลาในการวัดและประเมินผลพัฒนาการให้ครบทุกด้านตามสภาพจริง ใช้เครือข่ายสังคม ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการวัดและประเมินผลพัฒนาการใช้กล้องดิจิทัล กล้อง วีดีทัศน์เครื่องบันทึกเสียงประกอบการสังเกตพฤติกรรมใช้ Google Drive หรือเครือข่ายสังคม ในการก ากับติดตามการด าเนินงาน ของครู ใช้โปรแกรมส าเร็จรูปที่ใช้ในการบันทึกและรายงาน พัฒนาผู้เรียนที่ช่วยอ านวยความสะดวกในการวัดและประเมินผลพัฒนาการ ฯลฯ 5. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา เช่น ใช้ Google Calendar ในการจัดตารางการนิเทศ ใช้กล้องวีดีทัศน์ในการบันทึกการจัด ประสบการณ์ของครูแล้วให้การนิเทศประกอบการฉายวีดีทัศน์เพื่อให้ครูสามารถเห็นจุดเด่นและ สิ่งที่ควรปรับปรุงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใช้การพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson Study) ในการพัฒนา ครูฯลฯ 6. นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา เช่น ใช้โปรแกรมส าเร็จรูปในการวางระบบการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา ติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพใช้วงจรการพัฒนาคุณภาพของเดมมิ่ง (Deming Cycle) ในการด าเนินการเพื่อพัฒนา คุณภาพการศึกษาใช้คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง โปรแกรมปฏิบัติการและพริ้นเตอร์ใน การจัดท าเอกสารรายงานการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) เพื่อรายงานต่อ หน่วยงานต้นสังกัด ฯลฯ สรุปได้ว่า นวัตกรรม สื่อ เทคโนโลยีที่น ามาใช้ในการวางแผนการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานหลักสูตร การบริหารงานการจัดประสบการณ์การบริหารงานวัดและประเมินผล การบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา และการบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 124 4.8 แนวทางการใช้นวัตกรรมสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงาน วิชาการ แนวทางในการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการมีหลาย แนวทางในเรื่องนี้จะกล่าวถึงมี 5 แนวทาง คือ น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้วางแผนงาน วิชาการ การท างานเอกสาร การบันทึกข้อมูลและบริหาร จัดการข้อมูล การก ากับติดตาม และ การน าโปรแกรมส าเร็จรูปมาใช้ในการบริหารงานวิชาการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1. น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้วางแผนงานวิชาการ การก าหนดนโยบาย วัตถุประสงค์และวิธีการด าเนินงานด้านวิชาการที่มีประสิทธิภาพนั้น จ าเป็นต้องน านวัตกรรม สื่อ และเทคโนโลยีมาใช้ในการวางแผนงานวิชาการ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ต่อพวง ฐานข้อมูล และการสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ของหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและ เป็ นปั จจุบัน ใช้หลักการวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ ระเบียบและละเอียดรอบคอบ เช่น การวิเคราะห์ โดยใช้การท า SWOT ที่วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนภายในองค์กร และโอกาสข้อจ ากัดภายนอกองค์กร เพื่อแก้ไขปัญหาภายในและภายนอกของสถานศึกษาและก าหนด แผนงานวิชาการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นใช้ Google Calendar ในการท าปฏิทินการ ด าเนินงานแบบออนไลน์ในการนัดหมายการนิเทศ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน และมีการแจ้งเตือนผ่านทางสมาร์ทโฟน 2. น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้ในการท างานเอกสาร เป็นการใช้เพื่อให้การ ท างานเอกสารเกี่ยวกับงานวิชาการ เช่น ท าแผนการด าเนินงานด้านวิชาการ การจัดท าหลักสูตร การท ารายงานพัฒนาการผู้เรียนๆ ให้เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพทั้งการใช้ โปรแกรมพิมพ์งานที่ต้องติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์เช่น โปรแกรม Microsoft Word โปรแกรม Microsoft Excel และการพิมพ์งานออนไลน์ผ่านทางบราว์เซอร์และผ่านแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องติดตั้งบนคอมพิวเตอร์และไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งบริการนี้สามารถเลือกคนที่ต้องการ ให้เข้าถึงเอกสารได้ สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายคนในเวลาเดียวกัน และสามารถทราบว่า ผู้อื่นก าลังพิมพ์เอกสารในส่วนใด 3. น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้ในการบันทึกข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูล นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการผู้เรียนนั้นสามารถท าได้ หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจดบันทึกลงในสมุดบันทึกหรือแบบบันทึก ไปจนกระทั่งการน า เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการบันทึกข้อมูล เช่น ใช้กล้องดิจิทัล กล้องวีดีทัศน์ เครื่องบันทึกเสียง สแกนเนอร์ ฯลฯ แล้วใช้เทคโนโลยี เช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ในการจัดเก็บ จัดการ และค้นคืนข้อมูล


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 125 4. น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้ในการก ากับติดตาม การใช้นวัตกรรม สื่อ และเทคโนโลยีในการก ากับ ติดตามงานที่มอบหมาย เช่น ใช้ Google Drive โดยให้บุคลากร บันทึกแผนการด าเนินงานวิชาการที่ได้รับมอบหมายไว้ แล้วเข้าไปก ากับติดตามว่าส่งงานตาม ก าหนดหรือไม่และตรวจสอบว่างานที่มอบหมายมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด ใช้เครือข่าย สังคม เช่น ตั้งกลุ่มใน Facebook ให้บุคลากรส่งงานที่มอบหมาย สนทนาพูดคุยกับครูเกี่ยวกับ ความก้าวหน้าในการท างาน ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ซึ่งการใช้เฟซบุ๊คในการก ากับติดตาม มีข้อดีหลายประการ คือเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้อย่างแพร่หลาย ใช้งานง่าย สามารถใช้ได้จาก สมาร์ทโฟน และเมื่อโพสข้อความในกลุ่มแล้ว ผู้โพสจะเห็นว่ามีคนอ่านแล้วจ านวนเท่าไรและ ใครอ่านข้อความแล้ว ท าให้ทราบว่าบุคลากรสนใจเข้าร่วมกิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์มากน้อย เพียงใด 5. น าโปรแกรมส าเร็จรูปมาใช้ในการบริหารงานวิชาการ ในปัจจุบันทั้งภาครัฐและ เอกชนได้พัฒนาโปรแกรม ส าเร็จรูปที่ใช้ในการบริหารงานวิชาการเป็นจ านวนมาก ทั้งโปรแกรม ที่ใช้ในการบริหารสถานศึกษาแบบครบวงจรตั้งแต่การบริหารงานวิชาการ งานบุคลากร งาน ทะเบียนนักเรียนและบุคลากร งานงบประมาณ ไปจนถึงการบริหารงานทั่วไป เช่น โปรแกรม ระบบบริหารงานโรงเรียน (School Management Systems) โปรแกรม EMIS บริหารจัดการ สถานศึกษา และโปรแกรมเพื่องานเฉพาะด้าน สรุปได้ว่า การบริหารงานวิชาการเป็นการด าเนินงานกิจกรรมทุกอย่างในสถานศึกษา ซึ่งท าให้การจัดการศึกษาเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตร สถานศึกษา และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน มีขอบข่ายได้แก่ การวางแผนงานวิชาการ การบริหารงานหลักสูตร การบริหารงานการจัดประสบการณ์ การบริหารงานสนับสนุนการจัด ประสบการณ์ การบริหารงานวัดและประเมินผล การบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา และ การบริหารการประกันคุณภาพการศึกษา แนวทางในการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีการ บริหารงานวิชาการ คือ น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้วางแผนงานวิชาการ ท างาน เอกสาร บันทึกข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูล ก ากับติดตาม และน าโปรแกรมส าเร็จรูปมาใช้ ในการบริหารงานวิชาการการประเมินผลการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2556) ได้ก าหนดแนวทางการปฏิบัติด้านการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการ ไว้ดังนี้ จัดให้มีการร่วมกันก าหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหาและพัฒนาสื่อการ เรียนรู้และเทคโนโลยีของสถานศึกษาพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนา สื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้งเครือข่ายทางวิชาการ ชมรม


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 126 วิชาการ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาพัฒนาและใช้สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ให้ ข้อเท็จจริง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น และรวบรวมแหล่งสื่อและเทคโนโลยีทางการ ศึกษาที่ส่งเสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพพัฒนาห้องสมุดของ สถานศึกษาให้เป็นห้องสมุด IT เพื่อเป็นแหล่งสืบค้นนิเทศ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ของบุคลากรในการจัดหา ผลิตใช้และพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา จากที่ได้กล่าวมา แสดงให้เห็นว่างานด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทางการศึกษา เป็นสิ่งที่จ าเป็นส าหรับสถานศึกษา ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารในการบริหารงาน ด้านการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ต้องด าเนินการดังนี้จัดท าและจัดหา วัสดุประกอบหลักสูตรที่มีอยู่ในท้องถิ่น มาประยุกต์ใช้เป็ นเครื่องมือที่ท าให้ครูสามารถ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งเสริมและสนับสนุน ก ากับให้ครูรู้จักใช้สื่อ การเรียนการสอนให้เหมาะสมกับแผนการสอนและคู่มือครู เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตรงตาม วัตถุประสงค์ และบรรลุเป้าหมายตามที่หลักสูตรก าหนดจัดให้มีห้องสื่อการสอนและแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ จัดเก็บให้เป็นระบบตามกลุ่มประสบการณ์ต่างๆ จัดท าทะเบียนสื่อและสถิติ ใช้สื่อ บริการสื่อการสอนพัฒนาสื่อการเรียนรู้รู้จักเลือกและใช้สื่อได้เหมาะสมจัดหาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเรียนการสอน พัฒนางานวิชาการจัดอบรม สาธิตการใช้และเก็บ รักษาสื่อจัดให้มีเครือข่ายการเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่นและประสานความ ร่วมมือในการผลิต จัดการ พัฒนาการใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีวิเคราะห์และประเมิน คุณภาพมาตรฐานการใช้สื่อการเรียนรู้Flowchart การปฏิบัติงาน แบบฟอร์มที่ใช้เป็นแบบบันทึกข้อมูลที่เป็นผลจากการด าเนินงานของแต่ละขั้นตอน ของการปฏิบัติส าหรับการตอบค าถามตามตัวชี้วัด ในการปฏิบัติงานของกระบวนงาน มีดังนี้ 1. เครื่องมือการศึกษาความต้องสภาพ การใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการ ศึกษาในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 2. แบบบันทึกข้อมูลผลการศึกษาความต้องการใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ 3. แบบบันทึกผลการผลิต การพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 4. แบบบันทึกผลการบริการสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาในการ จัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 5. แบบบันทึกผลการนิเทศ ติดตามการใช้/การบริการใช้สื่อ นวัตกรรม และ เทคโนโลยีทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 127 6. แบบบันทึกการแก้ไข ปรับปรุงรูปแบบการบริการใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 7. แบบบันทึกการประสานความร่วมมือภาครัฐ/เอกชนในการพัฒนาต่อยอด เพื่อส่งเสริมการใช้สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 8. แบบบันทึกผลการเผยแพร่/ประชาสัมพันธ์การพัฒนาและการใช้ สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา 9. แบบรายงานผลการด าเนินงานตามกระบวนงานในการส่งเสริมและพัฒนา พัฒนาการใช้ สื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษาในการจัดการเรียนรู้ สรุปได้ว่า การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา หมายถึง การร่วมกันก าหนด นโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหา และพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีทางการศึกษาของ สถานศึกษาการพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา การจัดการแหล่งสื่อ ที่เสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน ของบุคลากรในการจัดหาผลิตใช้และพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา ดังภาพ ภาพที่4.1 นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการสอนชีวิตวิถีใหม่


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 128 รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและคณะ (2563) ได้ท าวิจัยเริ่อง การพัฒนาศักยภาพครู ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล เป็นการท าวิจัยในพื้นที่ ทีมผู้วิจัยได้การสนับสนุนจาก สสวท. ให้ด าเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาครูพื้นที่เกาะ เพื่อลดความเหลื่อมล ้า เนื่องจากโรงเรียนบนพื้นที่ เกาะเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะที่ยากล าบากในการเดินทาง สตูลมีพื้นที่เกาะอยู่จ านวนมาก และมีโรงเรียนที่มีขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ ผู้บริหารย้ายบ่อย และครูไม่ครบชั้น จึงท าให้ขาด โอกาสในการพัฒนา นักเรียนส่วนใหญ่ยากจนและมีปัญหาการอ่านออกเขียนได้ มีปัญหาการใช้ ภาษา เพราะส่วนใหญ่ใช้ภาษาถิ่น มีลักษณะความเป็นพหุวัฒนธรรม ในความหลากหลาย ศาสนา และชาติพันธุ์ นักเรียนส่วนใหญ่เรียนจบมัธยมศึกษาหรือการศึกษาภาคบังคับแล้ว ไม่ศึกษาต่อ เพราะการเดินทางยากล าบาก นักเรียนไม่สามารถน าความรู้ไปใช้ในการประกอบ อาชีพ และอาชีพส่วนใหญ่เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับการประมง ซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพประมง ได้ตลอดทั้งปี ในช่วงมรสุมหรือช่วงสัตว์น ้าวางไข่ ท าให้ไม่มีรายได้ พื้นที่เกาะส่วนใหญ่มีนายทุน มาลงทุนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว จึงท าให้ทรัพยากรถูกท าลาย โดยไม่เกิดความหวงแหนและรักษ์ บ้านเกิด การวิจัยครั้งนี้คณะผู้วิจัย จะเข้าไปพัฒนาชุมชนพื้นที่เกาะ พัฒนาผู้บริหาร สร้างความ ตระหนักรู้ร่วมกันวางแผนก าหนดกลยุทธ์ และพัฒนาศักยภาพภาพครู เพื่อให้เยาวชนส านึกรักษ์ บ้านเกิด เพื่อสร้างนวัตกร เพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้เกิดการ “อยู่ได้ กินได้ มีความ พอเพียง” สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ตามความถนัดบนความหลากหลายในอาชีพ มุ่งสู่สถาน ประกอบการ การเป็นผู้ค้ารายย่อยจากผลิตภัณฑ์ชุมชน “จากห้อง สู่ห้าง” ดังภาพ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 129 ภาพที่ 4.2 การพัฒนาศักยภาพครูด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง สมรรถนะผู้เรียนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล ที่มา : รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ (2563)


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 130 สรุปท้ายบท นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการสอนยุควิถีใหม่ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหาร จัดการทางการศึกษาหมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ สิ่งประดิษฐ์ และวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งใหม่ ใช้ในวงจ ากัด และใช้งานอย่างกว้างขวาง เพื่อให้การท างานบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ได้ ก าหนดไว้ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษามีความส าคัญหลาย ประการ เช่น ช่วยให้เด็กได้รับการส่งเสริม พัฒนาการและการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ และได้รับการ ดูแลเอาใจใส่จากครูมากขึ้น ช่วยให้ครูสามารถจัดกิจกรรมได้อย่างราบรื่น มีช่องทางในการพัฒนา ตนเอง ช่วยให้บุคลากรท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สถานศึกษาสามารถก าหนดแผน นโยบายได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้การบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประเภทของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา สามารถแบ่งได้หลาย ประเภทขึ้นอยู่กับเกณฑ์การแบ่ง เช่น เกณฑ์ลักษณะของนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี จ าแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษาที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ วิธีการ เกณฑ์บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร จ าแนกได้เป็น 6 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี ที่ใช้ในการวางแผน การจัดองค์กร การสั่งการ การประสานงาน การอ านวยความสะดวก และการ ควบคุมดูแล เกณฑ์ภารกิจของสถานศึกษา จ าแนกได้เป็น 4 ประเภท คือ นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี ในการบริหารด้านงานวิชาการ งานงบประมาณ งานบุคคล และงานทั่วไป หลักการใช้นวัตกรรม สื่อและ เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทางการศึกษา มี 4 ประการ คือ หลักประสิทธิภาพ หลักประสิทธิผล หลักความประหยัด และหลักความเป็นธรรม การบริหารงานวิชาการเป็นการด าเนินงานกิจกรรม ทุกอย่างในสถานศึกษา ซึ่งท าให้การจัดการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุจุดมุ่งหมายของ หลักสูตรสถานศึกษา และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน มีขอบข่ายได้แก่ การวางแผนงานวิชาการ การบริหารงานหลักสูตร การบริหารงานการจัดประสบการณ์ การบริหารงานสนับสนุน การจัด ประสบการณ์การบริหารงานวัดและประเมินผล การบริหารงานนิเทศภายในสถานศึกษา และการ บริหารการประกันคุณภาพการศึกษา แนวทางในการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีการบริหารงาน วิชาการ คือ น านวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีมาใช้วางแผนงานวิชาการ ท างานเอกสาร บันทึกข้อมูล และบริหารจัดการข้อมูล ก ากับติดตาม และน าโปรแกรมส าเร็จรูปมาใช้ในการบริหารงานวิชาการ การประเมินผลการใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารงานวิชาการ การพัฒนาและใช้สื่อ เทคโนโลยีทางการศึกษา หมายถึง การร่วมกันก าหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหา และพัฒนา สื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีทางการศึกษาของสถานศึกษา การพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่อง เกี่ยวกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 131 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. กระทรวงศึกษาธิการ. (2550). หลักสูตรพัฒนาผู้น าการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับการกระจาย อ านาจ ส าหรับผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษา. นครปฐม: สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา. กระทรวงศึกษาธิการ. (2556). คู่มือฝึกอบรมวิทยากร การปรับกระบวนทัศน์และพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา. มปท. เข็มทอง ศิริแสงเลิศ. (2555). การจัดและบริหารองค์การทางการศึกษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช. จารึก ชื่นสมบัติ. (2550). สภาพและความต้องการ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ของนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร/กรุงเทพฯ. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติและคณะ (2563). การพัฒนาศักยภาพครูด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้เพื่อ เสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนพื้นที่เกาะ จังหวัด สตูล. รายงานฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: ส านักงานส่งเสริมคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี (สสวท). หวน พินธุพันธุ์. (2564). การบริหารโรงเรียน. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 132 บทที่ 5 แหล ่ งเร ี ยนร ้ใน ู ว ิ ถ ีชี ว ิ ตใหม ่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern - PHEIC) การแพร่ระบาดไปยังประเทศและดินแดนต่างๆ มากมาย ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับ ฝอย ละออง (Droplet) การป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการเว้นระยะห่างทางสังคม ลดการ รวมกลุ่มชุมนุม กักตัวอยู่ภายในบ้าน ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันและล้างมือเป็นประจ า เปลี่ยน วิธีการเรียนและแหล่งการเรียนรู้ในวิถีชีวิตใหม่ ของนักเรียนส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่โรงเรียน เรียนรู้ จากห้องเรียน และนอกห้องเรียนในสถานที่ต่าง ๆ ในบทที่5 แหล่งเรียนรู้ในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของแหล่งการเรียนรู้ ความส าคัญของแหล่งเรียนรู้ แนวคิดส าคัญในการใช้แหล่งเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียน ฅการสอน ประเภทของแหล่งเรียนรู้ การใช้ประโยชน์จากแหล่งการเรียนรู้ในสถานศึกษา การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษา การบริหารจัดการและแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ บทบาทของบุคลากรกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาและใช้แหล่ง การเรียนรู้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 133 5.1 ความหมายของแหล่งการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้มีความส าคัญในกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างมาก เพราะผู้เรียน สามารถเรียนรู้จากสภาพจริง แหล่งเรียนรู้ จะมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้กวินทร์ เกียรตินนธ์พละ (2564) ได้ให้ความหมายว่า บุคคล สถานที่ธรรมชาติ ภูมิปัญญาการประกอบอาชีพ เป็นต้น ซึ่งแหล่งเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า หาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ได้เอง นับเป็น ขุมทรัพย์มหาศาลของความรู้ที่มีอยู่ แหล่งการเรียนรู้เหล่านั้น มีทั้งที่อยู่ในโรงเรียนและอยู่ใน ชุมชนจึงมีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย เช่นเดียวกับ นวภัทร แสงห้าว (2563) ได้ให้ ความหมายว่า แหล่งการเรียนรู้หมายถึง ถิ่นที่อยู่ บริเวณ บ่อเกิด แห่งที่ หรือศูนย์รวมความรู้ที่ให้ เข้าไปศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจ และความช านาญ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่เป็นธรรมชาติหรือสิ่งที่ มนุษย์สร้างขึ้น เป็นได้ทั้งบุคคลสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต สุรดา แก้วศรีหาและ เอกราช โฆษิตพิมานเวช (2565) แหล่งการเรียนรู้ หมายถึง “แหล่ง” หรือ “ที่รวม” ซึ่งอาจเป็นสถานที่หรือศูนย์รวมที่ ประกอบด้วย ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ และกิจกรรมที่มีกระบวนการเรียนรู้หรือกระบวนการเรียน การสอนที่มีรูปแบบแตกต่างไปจากกระบวนการเรียนการสอนที่มีครูเป็นผู้สอนหรือศูนย์กลาง การเรียนรู้ เป็นการเรียนรู้ที่มีแหล่งการเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูล ข่าวสารสารสนเทศ และ ประสบการณ์ที่สนับสนุนให้ผู้เรียนใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเองตาม อัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และเป็น บุคคลแห่งการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ช่วยขยายแนวความคิดในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้กว้างขวางขึ้น แหล่งเรียนรู้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แหล่ง การเรียนรู้หมายถึง แหล่งวิชาการหรือแหล่งทรัพยากรแหล่งข้อมูลในท้องถิ่นแต่ละแห่ง ประกอบ ไปด้วย บุคคลในชุมชน สถานที่ส าคัญในชุมชน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ก าหนดเวลายืดหยุ่น สอดคล้องกับความต้องการและความพร้อมของผู้เรียน แหล่งการเรียนรู้ หมายถึง แหล่งหรือ ที่รวม ซึ่งอาจเป็นสภาพหรือสถานที่หรือศูนย์รวมที่ประกอบด้วยข้อมูล ข่าวสาร ความรู้และ กิจกรรมที่มีกระบวนการเรียนรู้หรือกระบวนการเรียนการสอนที่มีรูปแบบแตกต่างจาก กระบวนการเรียนการสอนที่มีครูเป็นผู้สอนหรือเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เป็นการเรียนที่มี ก าหนดเวลายืดหยุ่นสอดคล้องกับความต้องการและความพร้อมของผู้เรียน กระทรวงศึกษาธิการ (2564) ได้ให้ความหมายว่า สภาวะการณ์ดังกล่าวเกิด ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการด าเนินชีวิตในด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม จึงจ าเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชนและประชาสังคม ในการเฝ้าระวัง ดูแลและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารและจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้วิถีใหม่เป็นความ


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 134 ท้าทายในการจัดการเรียนการสอนที่ต้องผสมผสานภาคทฤษฎีและปฏิบัติสถานศึกษาจะต้อง ปรับตัวรับมือกับการเรียนออนไลน์หรือสร้างรูปแบบการเรียนการสอนในลักษณะต่างๆ กวินทร์ เกียรตินนธ์พละ (2564) ได้อธิบายว่า แหล่งเรียนรู้จ าเป็นต้องเหมาะสมและ ได้คุณภาพ การสร้างระบบโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ซึ่งเป็นการบังคับให้การศึกษาต้องรู้จักปรับตัว ให้เข้ากับยุคสมัยและเทคโนโลยีในช่วงเวลาส้ ันๆ รวมทงั้เป็นจุดเรมิ่ต้นของการเปล่ียนวกิฤต ให้เป็นโอกาส ปฏิรูปการศึกษาที่มีรูปแบบซับซ้อนมากขึ้นและเป็นตัวเร่งของการพัฒนาสร้าง รูปแบบการเรียนรู้หลากหลาย ช่องทางและหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างระบบการพัฒนา การศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2564) ได้เสนอแนะ การแพร่ระบาด ของเชื้อโรค การเรียนการสอนเฉพาะรูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล โดยบางโรงเรียนหรือ สถานศึกษาที่มีความพร้อมและประสงค์จะจัดการศึกษาในรูปแบบ On-Site หรือเรียนที่โรงเรียน ได้จะตัองผ่านเกณฑ์การประเมินความพร้อมของระบบ Thai Stop COVID Plus (TSC+) ท าให้ เกิดแหล่งเรียนรู้รูปแบบใหม่ในวิกฤตการณ์ดังกล่าว เก็จกนก เอื้อวงศ์และคณะ (2564) ได้ให้ความหมายว่า แหล่งวิชาการที่เป็นตัว บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถให้คุณค่า ต่อการเรียนรู้ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และสามารถน ามาใช้ เพื่อก่อให้เกิด ประโยชน์ได้แหล่งเรียนรู้เป็นสิ่งที่ส าคัญอย่างยิ่งที่จะท าให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ สามารถหาความรู้โดยการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถน าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่าง เป็นรูปธรรม ซึ่งแหล่งให้ความรู้นั้นสามารถเป็นได้ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล สถานที่ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และประสบการณ์ เราสามารถน ามาบูรณาการให้เกิดการความรู้ใหม่ๆ หรือ เพิ่มเติมความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วเกิดการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจ และสร้างประสบการณ์ให้เพิ่มพูน Good, Carter V. (1973) กล่าวว่า แหล่งความรู้ในชุมชน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในชุมชน เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางการศึกษาที่สามารถน าเอามาใช้ประโยชน์ในการเรียน การสอนได้เช่น พิพิธภัณฑ์โรงมหรสพ ห้องสมุด สวนสาธารณะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไป ถึงบุคคลหรือกลุ่มคนที่อยู่ในชุมชนด้วยแหล่งการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึง ประชาชน สถานที่ และสิ่งที่อยู่ในชุมชน ซึ่งสามารถน าเอามาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรง แหล่ง ความรู้ในชุมชน หมายถึง แหล่งที่เป็นวิชาการส าหรับโรงเรียนประกอบด้วยประชาชน สถานที่ สิ่งต่างๆ และกิจกรรมทั้งหลายที่น ามาใช้ในการศึกษาของนักเรียน เพื่อให้เป็นพลเมืองดี สรุปได้ว่า แหล่งการเรียนรู้หมายถึง สถานที่หรือศูนย์รวมที่ประกอบด้วยข้อมูลข่าวสาร ความรู้ที่สามารถน ามาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตาม


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 135 ศักยภาพ มีความรู้สามารถน าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ าวัน และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แหล่ง ข่าวสารข้อมูลสารสนเทศ แหล่งความรู้ทางวิทยาการและประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ ผู้เรียนใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้ แสวงหาความรู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัยอย่างก ว้างขวาง และต่อเนื่องจากแหล่งต่างๆ เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และเป็นบุคคล แห่งการเรียนรู้ 5.2 ความสา คญัของแหล่งเรียนรู้ ท้องถิ่นมีแหล่งการเรียนรู้และผู้รู้ด้านต่างๆ มากมายกว่าที่ครูสอนท่องหนังสือ ถ้าเปิดโรงเรียนสู่ท้องถิ่นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากครูในท้องถิ่น จะมีครูมากมายหลากหลายเป็นครู ที่รู้จริงท าจริง จะท าให้การเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติจริง การเรียนสนุก ไม่น่าเบื่อ ที่ส าคัญเป็นการ ปรับระบบที่มีคุณค่า เดิมการศึกษามองข้ามคุณค่าเหล่านี้ เมื่อผู้รู้ในท้องถิ่นเหล่านี้เป็นครูได้ จะเป็นการยกระดับคุณค่า ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของท้องถิ่นอย่างแรง เป็นการถักทอ ทางสังคม ซึ่งแหล่งการเรียนรู้มีบทบาทในการให้การศึกษาแก่ผู้เรียน ทั้งในระบบและนอกระบบ (สุรดา แก้วศรีหา และ เอกราช โฆษิตพิมานเวช, 2565) ดังนี้ 1. แหล่งการเรียนรู้ สามารถตอบสนองการเรียนรู้ที่เป็นกระบวนการ (Process of Learning) การเรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง (Learning By Doing) ทั้งจากท้องถิ่น ซึ่งเป็นแหล่ง การเรียนรู้ที่ตนเองมีอยู่แล้ว 2. เป็นแหล่งกิจกรรม แหล่งทัศนศึกษา แหล่งฝึกงาน และแหล่งประกอบอาชีพ ของผู้เรียน 3. เป็นแหล่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นโดยตรง 4. เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เป็นแหล่งค้นคว้า วิจัย และฝึกอบรม 5. เป็นองค์กรเปิด ผู้สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่และทั่วถึงสามารถ เผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้เรียนในเชิงรุก เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงประหยัดและสะดวก 6. มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน 7. มีสื่อประเภทต่างๆ ประกอบด้วย สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเลกทรอนิกส์ เพื่อเสริม กิจกรรมการเรียนการสอนและพัฒนาอาชีพ ความส าคัญของการศึกษาโดยใช้แหล่งเรียนรู้ (เก็จกนก เอื้อวงศ์และคณะ, 2564) ได้รวบรวมไว้ดังนี้ 1. กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยอาศัยการมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อที่ หลากหลาย


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 136 2. ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ให้ลึกซึ้งขึ้น โดยใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลสะท้อน ความคิดเห็นจากแหล่งการเรียนรู้ 3. กระตุ้นมุ่งเน้นลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งผลักดันให้ผู้เรียนแสวงหาข้อมูล ที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น สามารถสร้างผลผลิตในการเรียนรู้ที่มีคุณภาพสูงขึ้น 4. เสริมสร้างการเรียนรู้ จนเกิดทักษะการแสวงหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัย การสร้างความตระหนักเชิงมโนทัศน์เกี่ยวกับธรรมชาติและความแตกต่างของข้อมูล 5. แหล่งการเรียนรู้ เสริมสร้างการพัฒนาการคิด เช่น การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล และการประเมินอย่างมีวิจารญาณ โดยอาศัยกระบวนการวิจัยอิสระ 6. เปลี่ยนเจตคติของครูและผู้เรียนที่มีต่อเนื้อหารายวิชา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 7. พัฒนาทักษะการวิจัยและความเชื่อมั่นในตนเองในการค้นหาข้อมูล 8. เพิ่มผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการในด้านเนื้อหา เจตคติ และการคิดอย่างมี วิจารณญาณโดยอาศัยแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายในการเรียนรู้ ความส าคัญของแหล่งการเรียนรู้(กวินทร์ เกียรตินนธ์พละ, 2564) ได้กล่าวไว้ ดังนี้ 1. เป็นแหล่งที่รวบรวมขององค์ความรู้อันหลากหลาย พร้อมที่จะให้ผู้เรียนได้ ศึกษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล และเป็นการส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิต 2. เป็นแหล่งเชื่อมโยงให้สถานศึกษาและท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกัน ท าให้คน ในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาแก่บุตรหลาน 3. เป็ นแหล่งข้อมูลที่ท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข เกิดความ สนุกสนานและมีความสนใจที่จะเรียนรู้ ไม่เกิดความเบื่อหน่าย 4. ท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ จากการที่ได้คิดเอง ปฏิบัติเอง และสร้างความรู้ ด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมและท างานร่วมกับผู้อื่นได้ 5. ท าให้ผู้เรียนได้รับการปลูกฝังให้รู้และรักท้องถิ่นของตน มองเห็นคุณค่าและ ตระหนักถึงปัญหาในท้องถิ่น พร้อมที่จะเป็นสมาชิกที่ดีของท้องถิ่นทั้งปัจจุบันและอนาคต สรุปความส าคัญของแหล่งการเรียนรู้ได้ว่า แหล่งการเรียนรู้ช่วยเชื่อมโยงเรื่องราว ในท้องถิ่นสู่การเรียนรู้สากล พัฒนาคุณลักษณะและความคิด ความเข้าใจในคุณค่า และทัศนคติ ค่านิยม ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน รักการเรียนรู้ มีทักษะการแสวงหาความรู้ สามารถจัดการความรู้ ซึ่งมีความส าคัญและมีความหมายอย่างมากส าหรับผู้เรียน ดังนี้


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 137 1. ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสภาพชีวิตจริง สามารถน าความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ได้ ช่วยให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน ครอบครัว ท้องถิ่น 2. ผู้เรียนได้เรียนในสิ่งที่มีคุณค่า มีความหมายต่อชีวิต ท าให้เห็นคุณค่า เห็นความส าคัญ ของสิ่งที่เรียน 3. ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ท้องถิ่นสู่ความรู้สากลสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ ไกลตัวได้อย่างเป็นรูปธรรม 4. เห็นความส าคัญของการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นได้อย่างต่อเนื่อง 5. มีส่วนร่วมในองค์กร ท้องถิ่น บุคคล และครอบครัวในการพัฒนาท้องถิ่น 6. ได้เรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย ได้ลงมือปฏิบัติจริง ส่งผลให้เกิด ทักษะการแสวงหาความรู้ เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ กล่าวโดยสรุป ความส าคัญของการใช้แหล่งเรียนรู้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง ผู้เรียนได้ฝึก การท างานเป็นกลุ่ม ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ ผู้เรียนได้ประเมินผลการท างานด้วยตนเอง ผู้เรียนสามารถน าความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ และเผยแพร่ได้ ผู้สอนเป็นที่ปรึกษา ให้ค าแนะน า สนับสนุน 5.3 แนวคิดสา คญั ในการใช้แหล่งเรียนร้ใูนการจดักิจกรรมการเรียนการสอน แนวคิดส าคัญในการใช้แหล่งเรียนรู้แหล่งเรียนรู้เป็นแหล่งที่นักเรียนจะศึกษา ค้นคว้าหาค าตอบที่สนใจใฝ่รู้ แหล่งเรียนรู้มีทั้งในโรงเรียน และชุมชน แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน นอกจากห้องเรียนแล้ว สถานที่ต่างๆ จัดเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ในชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติและที่สร้างขึ้น โรงเรียนจัดการเรียนรู้ โดยเชื่อมโยงกิจกรรมต่อเนื่องระหว่าง การเรียนรู้ในห้องเรียนในโรงเรียน และชุมชน (กวินทร์ เกียรตินนธ์พละ, 2564) ดังนี้ 1. การจัดการเรียนรู้ เน้นความส าคัญที่ผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด ในกระบวนการเรียนรู้ “เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ” 2. ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การวิเคราะห์ การสังเกต การรวบรวมข้อมูล และการปฏิบัติจริง “ท าได้ คิดเป็น ท าเป็น” 3. ให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข “สนุกกับการเรียนรู้” 4. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทั้งระบบ 5. ปรับเปลี่ยนการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครูผู้สอนให้มาเป็นผู้รับฟัง เสนอแนะ 6. ต้องการให้เรียนรู้ในสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 138 7. ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกจัดกิจกรรม ได้เรียนรู้ตามความต้องการ เพื่อให้ได้รับ ประสบการณ์ การเรียนรู้ด้วยตนเอง 8. ถือว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา 9. ปลูกฝัง สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ สรุปได้ว่า แหล่งเรียนรู้ เป็นการจัดการเรียนรู้ เน้นความส าคัญที่ผู้เรียน ได้เรียนรู้ โดยการฝึกทักษะ กระบวนการคิดวิเคราะห์ การสังเกต โดยเน้นการเรียนรู้ปฏิบัติจริง “ท าได้ คิดเป็น ท าเป็น” สนุกกับการเรียนรู้ การเรียนรู้เกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา 5.4 ประเภทของแหล่งเรียนรู้ 1. แหล่งเรียนรู้ จ าแนกตามลักษณะของแหล่งเรียนรู้ ดังนี้ 1.1 แหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ 1.2 แหล่งเรียนรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น 1.3. บุคคล 2. แหล่งเรียนรู้ จ าแนกตามลักษณะที่ตั้งได้ ดังนี้ 2.1 แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน 2.2 แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น 3. แหล่งเรียนรู้แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการจัดในท้องถิ่น การจัดแหล่งเรียนรู้ ในโรงเรียน 3.1 เพื่อพัฒนาโรงเรียนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ มีแหล่งข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ วิทยาการ และสร้างเสริมประสบการณ์ที่กว้างขวางหลากหลาย 3.2 เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในโรงเรียน โดยเน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ 3.3 เพื่อจัดระบบและพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศ และแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน 3.4 เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ เป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และเรียนรู้ด้วย ตนเองอย่างต่อเนื่อง 3.5 เป็นแหล่งการศึกษาตลอดชีวิตที่ประชาชนสามารถหาความรู้ต่างๆ ได้ด้วย ตนเองตลอดเวลา 3.6 เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนและสังคมมีแหล่งการเรียนรู้ เพื่อการศึกษาที่หลากหลาย สามารถเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัย


การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 139 3.7 เป็นเครื่องมือที่ส าคัญของบุคคลแห่งการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง 4. ประเภทแหล่งการเรียนรู้จ าแนกไว้ 4 ประเภท คือ 4.1 แหล่งการเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ บุคคลทั่วไปที่อยู่ในท้องถิ่น ซึ่งสามารถ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้เรียนได้ เช่น ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ช่างฝีมือ พ่อค้า นักธุรกิจ พนักงานบริษัท ข้าราชการ ภิกษุสงฆ์ ศิลปิน นักกีฬา เป็นต้น 4.2 แหล่งการเรียนรู้ประเภทสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ สถานที่ส าคัญทางด้าน ประวัติศาสตร์ โบราณสถาน สถาบันทางศาสนา พิพิธภัณฑ์ สถานที่ราชการ ห้องสมุด ตลาด ร้านค้า ห้างร้าน บริษัท ธนาคาร โรงมหรสพ โรงงานอุตสาหกรรม ถนน สะพาน เขื่อน ฝาย ทดน ้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา สนามบิน เป็นต้น 4.3 แหล่งการเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ภูเขา ป่าไม้ พืช ดิน หิน แร่ ทะเล เกาะ แม่น ้า ห้วย หนอง คลอง บึง น ้าตก ทุ่งนา สัตว์ป่า สัตว์น ้า เป็นต้น 4.4 แหล่งการเรียนรู้ประเภทกิจกรรมทางสังคม ประเพณี และความเชื่อ ได้แก่ ขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้าน วรรณกรรมท้องถิ่น ศิลปะ พื้นบ้าน ดนตรีพื้นบ้าน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ เป็นต้น 5. แหล่งการเรียนรู้ไว้จ าแนกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 5.1 แหล่งการเรียนรู้ที่เป็ นบุคคลหรือปราชญ์ชาวบ้าน (Local Wisdom) ประกอบด้วยบุคคลทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา วิชาชีพ บางท่านอาจเป็นผู้มีทักษะ ความช านาญในแต่ละสาขาวิชาชีพ บางท่านเป็นปราชญ์ ชาวบ้าน บางท่านเป็นอดีตข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้าน บางท่านเป็นผู้น า ทางศาสนาในท้องถิ่น และบุคลากรในสถานศึกษาเอง มีทั้งความช านาญ ความรู้หรืออาชีพเสริม รายได้ที่ท าอยู่เป็นประจ า ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู นักการภารโรง ตลอดจนผู้เรียน รุ่นพี่หรือ ผู้เรียนชั้นที่โตกว่าซึ่งสามารถน ามาเชื่อมโยง บูรณาการในการศึกษาได้ 5.2 แหล่งการเรียนรู้ประเภทสถานที่ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่แล้วทั้งใน สถานศึกษาและท้องถิ่นเป็นสถานที่ส าหรับค้นคว้า ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งอาจเป็นแหล่ง การเรียนรู้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติแล้ว หรือเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น 6. ประเภทของแหล่งการเรียนรู้ ได้แบ่งไว้ 2 ประเภท (กระทรวงศึกษาธิการ. 2564) คือ 6.1 แหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดหมวดวิชา ห้องสมุดเคลื่อนที่ มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์


Click to View FlipBook Version