การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 190 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ไม่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสัดส่วนการให้ คะแนนระหว่างเรียนกับคะแนนปลายปี/ปลายภาค เพราะในตัวชี้วัดชั้นปีระบุคุณลักษณะ ที่ต้องการอยู่แล้ว ส าหรับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการนี้ เป็นเป้าหมายการพัฒนา ที่ตัดสินและรายงานแยกเฉพาะ แต่พฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออกถึงคุณลักษณะต่างๆ ที่เกิดขึ้น ขณะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรม/โครงการต่างๆ และในกิจวัตร ประจ าวันของผู้เรียนนั้น ครูสามารถประเมินด้วยการสังเกตแล้วบันทึกไว้และรายงานผลเฉพาะ ไม่รวมอยู่ในการตัดสินรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ส่วนหลักฐาน/ร่องรอย การแสดงออกถึง คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สามารถเป็นแหล่งที่มาที่เดียวกันกับการประเมินในรายวิชาแต่ไม่ใช่ ส่วนหนึ่งของคะแนนในรายวิชาในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น สถานศึกษาควรจัด ให้มีการประเมินเป็นระยะๆ โดยอาจประเมินผลเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายภาค หรือรายปี เพื่อให้มีการสั่งสมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการน าไปใช้ในชีวิตประจ าวัน และสรุป ประเมินผลเมื่อจบปีสุดท้ายของแต่ละระดับการศึกษา 6. แนวด าเนินการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หลักการประเมินการประเมิน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็น กระบวนการประเมินจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนด้วยวิธีการที่ หลากหลาย และประเมินตามสภาพจริง โดยให้ผู้เรียนได้ค้นหาศักยภาพของตนเอง การท างาน กลุ่ม ทักษะการอยู่ร่วมกันและการมีจิตสาธารณะ ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการประเมิน เช่น ครู ผู้ปกครอง เพื่อนนักเรียนสถานศึกษามีการประเมินผลเป็นระยะๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและพัฒนา อย่างต่อเนื่อง 7. แนวทางการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาควรมีแนวทางในการ ด าเนินการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ชัดเจน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนราย กิจกรรม มีแนวปฏิบัติ ดังนี้ 7.1 ตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา ก าหนด 7.2 ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงาน ของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนดด้วยวิธีการที่หลากหลาย และใช้การประเมินตามสภาพจริง 7.3 ผู้เรียนที่มีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงาน ของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด เป็นผู้ผ่านการประเมินรายกิจกรรมและน าผล การประเมินไปบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 191 7.4 ผู้เรียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่านตามเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม หรือเกณฑ์การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานชิ้นงานของผู้เรียนหรือทั้งสองเกณฑ์ ถือว่าไม่ผ่าน การประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผู้สอนต้องด าเนินการซ่อมเสริมและประเมินจนผ่าน ทั้งนี้ ควรด าเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของ สถานศึกษา 8. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อการตัดสิน การประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน เป็นการประเมินการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค เพื่อสรุปผลการผ่าน ในแต่ละกิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อเลื่อนชั้นและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพื่อการจบแต่ละระดับ การศึกษา โดยการด าเนินการดังกล่าวมีแนวปฏิบัติ ดังนี้ 8.1 ก าหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรม พัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนทุกคนตลอดระดับการศึกษา 8.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียน เป็นรายบุคคลตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษา ก าหนดนั้น ผู้เรียนจะต้องผ่านกิจกรรม 3 กิจกรรมส าคัญ ดังนี้กิจกรรมแนะแนว กิจกรรม นักเรียน ได้แก่ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บ าเพ็ญประโยชน์และนักศึกษาวิชาทหาร กิจกรรมชุมนุม ชมรม กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 8.3 น าเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อให้ความเห็นชอบ 8.4 เสนอผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนผ่าน เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษา ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส านักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (2551) ได้ก าหนดไว้ว่า สิ่งที่ผู้สอนต้องวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คือ ผลการเรียนรู้ใน 8 กลุ่มสาระ ผลการเรียนรู้ด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนผลการเรียนรู้ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรอย่างน้อย 8 ประการ ผลการเรียนรู้ที่เกิดจากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผล การเรียนรู้ตามหลักสูตร 4 ประการดังกล่าวข้างต้น มีที่มาจากองค์ประกอบ 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิ พิสัย ด้านจิตพิสัยและด้านทักษะพิสัย โดยทั้ง 3 ด้าน มีลักษณะส าคัญที่สามารถน ามาอธิบาย โดยสังเขปดังนี้ คือ 1. ผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย หมายถึง ข้อมูลสารสนเทศ หลักฐานต่างๆ ที่แสดง ถึงความสามารถด้านสติปัญญา 6 ด้าน คือ ความจ า ความเข้าใจ การประยุกต์ใช้ การวิเคราะห์
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 192 การประเมินค่า และการคิดสร้างสรรค์ โดยพฤติกรรมที่สะท้อนว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้านพุทธิ พิสัย ได้แก่ การบอกเล่า อธิบาย หรือเขียนแสดงความคิดรวบยอดโดยการตอบค าถามเขียน แผนภูมิแผนภาพ น าเสนอแนวคิดขั้นตอนในการแก้ปัญหา การจัดการ การออกแบบประดิษฐ์ หรือสร้างสรรค์ชิ้นงาน เป็นต้น 2. ผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย หมายถึง ข้อมูล สารสนเทศที่สะท้อนความสามารถ ด้านการเรียนรู้ในการจัดการอารมณ์ความรู้สึก ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และเจตคติ โดยพฤติกรรมที่สะท้อนว่าผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย คือ ผู้เรียนมีการแสดง อารมณ์ ความรู้สึกในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมตามบรรทัดฐานของสังคม มีความสามารถ ในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม และมีค่านิยมพื้นฐานที่ได้รับการปลูกฝัง โดยแสดงพฤติกรรม ที่สะท้อนให้เห็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์อย่างน้อย 8 ประการ ตามที่หลักสูตรก าหนด 3. ผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย หมายถึง ข้อมูล สารสนเทศที่แสดงถึงทักษะ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายซึ่งเกิดจากการ ประสานงานของสมองและกล้ามเนื้อที่ใช้งานอย่างคล่องแคล่วประสานสัมพันธ์กันผลการเรียนรู้ ทั้ง 3 ด้าน ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาในกระบวนการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรและ กิจกรรมเสริมหลักสูตรลอดจนประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตจริงที่ผู้เรียนได้รับการพัฒนา เป็นผล การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงวัยของผู้เรียน ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ครู ต้องแสวงหาหรือคิดค้นเทคนิค วิธีการ และเครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้วัดและประเมินผลโดย ค านึงถึงความสอดคล้องและเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลการวัดและประเมินที่มีคุณภาพ สามารถ น าไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนและกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูได้อย่างแท้จริงการ ประเมินผลการเรียนรู้ที่ก าหนดในหลักสูตร สรุปได้ว่า ภารกิจของผู้สอน มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ผู้สอนควรปฏิบัติมี ดังนี้ ศึกษา วิเคราะห์มาตรฐาน และตัวชี้วัดจากหลักสูตรสถานศึกษา สัดส่วนคะแนนระหว่างเรียนกับคะแนน ปลายปี/ปลายภาค เกณฑ์ต่างๆ ที่สถานศึกษาก าหนด ตลอดจนต้องค านึงถึงคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งสมรรถนะต่างๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียน เพื่อน าไปบูรณาการสอดแทรกในระหว่างการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน โดยค านึงถึงธรรมชาติรายวิชา รวมถึงจุดเน้นของสถานศึกษา จัดท าโครงสร้าง รายวิชาและแผนการประเมิน ชี้แจงรายละเอียดของการวัดและประเมินผลให้ผู้เรียนเข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ วิธีการเครื่องมือ ภาระงาน เกณฑ์คะแนน ตามแผ่นการประเมินที่ก าหนดไว้ การจัดการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ควรวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็น 3 ระยะ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 193 ได้แก่ ประเมินวิเคราะห์ผู้เรียนก่อนการเรียนการสอน ประเมินความก้าวหน้าระหว่างเรียน และการประเมินความส าเร็จหลังเรียน 7.2 บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องในการวดัและประเมินผลการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ก าหนดบทบาทหน้าที่ของบุคลากรในการด าเนินงาน ประเมินผลการเรียนรู้ ไว้ดังนี้ 1. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงาน ประเมินผลการเรียนรู้ อนุมัติและให้ความเห็นชอบ หลักสูตรสถานศึกษา และระเบียบการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการประมิน ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา เกณฑ์และแนว ปฏิบัติในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษากิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนของสถานศึกษา เกณฑ์และแนวปฏิบัติในการประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กระบวนการและวิธีการสอนซ่อมเสริมการแก้ไขผลการเรียนและอื่นๆ ก ากับ ติดตาม การด าเนินการจัดการเรียนการสอนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้การพัฒนาความสามารถด้านการ อ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์และการจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนก ากับ ติดตาม การวัดและประเมินผล และการตัดสินผลการเรียน 2. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียน จัดท าระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ของสถานศึกษา จัดท าแผนการประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลาง และสาระเพิ่มเติม ของรายวิชาต่างๆ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่ม สาระการเรียนรู้ และจัดท ารายวิชาพร้อมเกณฑ์การประเมิน ก าหนดสิ่งที่ต้องการประเมินในการ อ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ของสถานศึกษาพร้อมเกณฑ์การประเมินและแนวทางการปรับปรุงแก้ไขผู้เรียน ก าหนดการ ตรวจสอบและรายงานสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ก าหนดวิธีการเทียบโอนผลการเรียนจ านวน รายวิชาจ านวนหน่วยกิต เพื่อการเทียบโอนผลการเรียน 3. คณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีบทบาท หน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียน ก าหนดแนวทางการจัดการเรียนรู้ของกลุ่มสาระ การเรียนรู้ต่างๆ การจัดกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนพร้อมแนวทางการวัดและประเมินผล สนับสนุน การจัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้และตัดสินผล
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 194 การเรียนตามแนวทางที่ก าหนดไว้พิจารณาให้ความเห็นชอบผลกรวัดและประมินผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้รายปีรายภาคและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน มีบทบาท หน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียน โดยก าหนดแนวทางในการพัฒนาและการประเมิน ความสามารถ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียน ด าเนินการประเมินความสามารถการ อ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตัดสินผลการพัฒนาความสามารถการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ของผู้เรียนรายปี/ รายภาคและการจบการศึกษาแต่ละระดับ 5. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียน ก าหนดแนวทางการพัฒนา แนวทางการ ประเมินเกณฑ์ การประเมิน และแนวทางการปรับปรุงแก้ไขคุณลักษณะอันพึงประสงค์พิจารณา ตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายปี/รายภาค จัดระบบการปรับปรุงแก้ไข คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้วยวิธีการอันเหมาะสมและส่งต่อข้อมูลเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 6. คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนมีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงาน ประเมินผลการเรียน จัดท าสาระ เครื่องมือ และวิธีการเทียบโอนผลการเรียนของรายวิชาและ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ต่างๆ ด าเนินการเทียบโอนผลการเรียนให้กับผู้เรียนที่ร้องขอ ประมวลผล และตัดสินผลการเทียบโอน เสนอผลการเทียบโอนต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ ของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบและเสนอผู้บริหารสถานศึกษาตัดสินอนุมัติการเทียบโอน 7. ผู้บริหารสถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียนรู้ เป็นเลขานุการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและ วิชาการของสถานศึกษา อนุมัติผลการประเมินผลการเรียน รายปี/รายภาค และตัดสินอนุมัติ การเลื่อนชั้นเรียนการซ ้าชั้น การจบการศึกษาให้ค าแนะน าข้อปรึกษาหรือเกี่ยวกับการ ด าเนินงานแก่บุคลากรในสถานศึกษา ก ากับ ติดตามให้การด าเนินงานการวัดและประเมินผล การเรียนบรรลุเป้าหมาย น าผลการประเมินไปจัดท ารายงานผลการด าเนินงาน ก าหนดนโยบาย และวางแผนพัฒนาการจัดการศึกษา 8. ครูผู้สอน มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียนรู้ จัดท าแผนการ จัดการเรียนรู้แผนการประเมินผลการเรียนรู้ในรายวิชาที่รับผิดชอบให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและ ปฏิทินปฏิบัติงานท าการวัดและประเมินผลระหว่างเรียนควบคู่กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม แผนที่ก าหนดพร้อมกับปรับปรุงแก้ไขผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องประเมินตัดสินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ในรายวิชาที่สอน หรือกิจกรรมที่รับผิดชอบ เมื่อสิ้นสุดการเรียนรายปี/รายภาค ส่งหัวหน้ากลุ่ม
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 195 สาระการเรียนรู้หรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน าผลการประเมินไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการจัดการ เรียนการสอน ตรวจสอบสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน 9. ครูวัดผล มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียนรู้ ส่งเสริมพัฒนา ระบบและเทคนิควิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านต่างๆ แก่ครูและบุคลากรของ สถานศึกษา ให้ค าปรึกษา ติดตาม ก ากับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา ให้เป็นไปตามหลักวิชาการและแนวทางที่สถานศึกษาก าหนดไว้ตรวจสอบ กลั่นกรอง ปรับปรุง คุณภาพของวิธีการ เครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา ปฏิบัติงานร่วมกับ นายทะเบียนในการรวบรวม ตรวจสอบและประมวลผลการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่ละคน 10. นายทะเบียน มีบทบาทหน้าที่ในการด าเนินงานประเมินผลการเรียนรู้ ปฏิบัติงาน ร่วมกับครูวัดผลในการรวบรวม ตรวจสอบและบันทึกผลการประมวลข้อมูลผลการเรียนของ ผู้เรียนแต่ละคน ตรวจสอบและสรุปข้อมูลผลการเรียนของผู้เรียนรายบุคคล แต่ละชั้นปี และเมื่อ จบการศึกษา เพื่อเสนอรายชื่อผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและ วิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ผู้บริหารสถานศึกษาตัดสินและอนุมัติผล การเลื่อนชั้นเรียน และจบการศึกษาแต่ละระดับ จัดท าเอกสารหลักฐานการศึกษา กล่าวโดยสรุป สถานศึกษาต้องด าเนินการวัดและประเมินผลให้ครบองค์ประกอบ ทั้ง 4 ด้าน คือ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ใน 8 กลุ่มสาระ การวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ด้านการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรอย่างน้อย 8 ประการ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่เกิด จากกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร โดยผู้ที่มีบทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีดังนี้ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการ บริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา คณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คณะกรรมกรพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา คณะกรรมการ เทียบโอนผลการเรียน ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ครูวัดผล และนายทะเบียน 7.3 แนวทางการวดัและประเมินผลชีวิตวิถีใหม่ ส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2564) กล่าวว่า จากแนวคิดที่ว่า "การเรียนรู้ของนักเรียนทุกคนจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเท่าเทียม กัน เพราะการเรียนรู้น าการศึกษา โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้ และการเรียนรู้
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 196 เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา การเรียนรู้ของผู้เรียนไม่ได้จ ากัดเฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น" ประกอบ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน ที่หลากหลายรูปแบบในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID19) โดยให้สถานศึกษาพิจารณารูปแบบการจัดการศึกษาที่ขึ้นอยู่กับสภาพบริบท ความ เหมาะสม และความปลอดภัยของพื้นที่แต่ละแห่งจากแนวคิดและแนวปฏิบัติเชิงนโยบาย ดังกล่าวข้างตัน จะเห็นได้ว่าเมื่อการเรียนรู้ของนักเรียนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ทั้งสถานที่จัดการเรียนรู้ และเวลาที่เรียนรู้ โดยที่การวัดและประเมินผลผู้เรียนก็ควบคู่ไปพร้อม กับการจัดการเรียนรู้ของครูเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้การวัดและประเมินผลสามารถสะท้อน คุณภาพของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และสามารถน าผล ไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นฐาน ส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมกรการศึกษขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดท าแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลในชั้น เรียน โดยให้ค านึงถึงมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ส าหรับให้สถานศึกษาและครูผู้สอนน าไปใช้วางแผนและเป็นกรอบในการด าเนินงาน (มารุต พัฒผล. 2563) ดังนี้ 1. การวัดและประเมินผลผู้เรียน แต่ละระดับการศึกษา เนื่องจากผู้เรียนแต่ละระดับ การศึกษา มีธรรมชาติ และความซับซ้อนของพฤติกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การวัด และประเมินผลผู้เรียน จึงต้องก าหนดรูปแบบและวิธีการให้เหมาะสมกับธรรมชาติและระดับ ความรู้ความสามารถของผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา ดังนี้ 1.1 ระดับปฐมวัย เป็นการประเมินที่มุ่งเน้นตรวจสอบพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ประกอบกับ การจัดการเรียนให้กับเด็กในระดับการศึกษานี้ ยังไม่มุ่งเน้นการอ่านและการเขียนเป็นหลัก สรุป แนวปฏิบัติได้ดังนี้ คือ ใช้วิธีการวัดและประเมินรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น การสังเกต พฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน เป็นต้น โดยครูผู้สอนจ าเป็นต้องจัดท า แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบตรวจสอบรายการ และแบบประเมินพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียน มีการประสานขอความร่วมมือจากผู้ปกครองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน พัฒนาการของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ท าความเข้าใจกับผู้ปกครองในการจัดส่งข้อมูลสารสนเทศ ผลการประเมิน พัฒนาการหรือพฤติกรรมของผู้เรียนย้อนกลับให้ครูผู้สอนผ่านเทคโนโลยี สารสนเทศในรูปแบบต่างๆ สามารถไปตรวจเยี่ยมบ้านของเด็ก เพื่อประเมินและตรวจสอบ พัฒนาการของเด็ก โดยค านึงถึงสภาพและความพร้อมของแต่ละพื้นที่ เน้นการประเมิน พัฒนาการของเด็ก เพื่อมุ่งการพัฒนาและเสริมสร้างพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคล
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 197 1.2 ระดับประถมศึกษา เป็นการประเมินที่มุ่งเน้นตรวจสอบความรู้ความสามารถ ทักษะ และคุณลักษณะของผู้เรียน ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การจัดการเรียนการสอนให้กับ ผู้เรียนในระดับการศึกษานี้ จึงมุ่งเน้นให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านความรู้ ความคิด ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถทั้งด้านการอ่าน การเขียน คิดค านวณ และการสื่อสารด้วยวิธีการต่างๆ สรุปแนวปฏิบัติได้ ดังนี้คือ ใช้วิธีการและรูปแบบ การวัดและประเมินผลที่เหมาะสมและหลากหลายผสมผสานกันไป เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การตรวจผลงาน การประเมินภาคปฏิบัติ การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน และการทดสอบ เป็นต้น ครูผู้สอนจัดท าเครื่องมือวัดและประเมินผลให้ผู้เรียนเป็นผู้ส่งข้อมูลสารสนเทศผลการ ประเมินย้อนกลับให้ครูผู้สอน ประสานขอความร่วมมือจากผู้ปกครองให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการประเมินผู้เรียน สามารถไปตรวจเยี่ยมบ้านของผู้เรียน เพื่อตรวจสอบและประเมิน ความสามารถของผู้เรียนโดยค านึงสภาพและความพร้อมของแต่ละพื้นที่ มีการจัดท าตารางนัด หมายผู้เรียนเป็นกลุ่มเพื่อประเมินผลการท ากิจกรรมร่วมกัน มีการใช้แบบทดสอบรูปแบบต่างๆ ในการวัดและประเมินผู้เรียนตามความเหมาะในแต่ละระดับชั้น 1.3 ระดับมัธยมศึกษา เป็นการประเมินที่มุ่งเน้นตรวจสอบความรู้ความสามารถ ทักษะและคุณลักษณะของผู้เรียน ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การจัดการเรียนการสอนให้กับ ผู้เรียนในระดับการศึกษานี้จึงมุ่งเน้นให้มีความรู้ความสามารถทั้งด้านความรู้ความคิด ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถทั้งด้านการอ่าน การเขียน คิดค านวณ และการสื่อสารด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งผู้เรียนยังมีความสามารถในด้านการใช้ เทคโนโลยีเป็นอย่างดี สรุปแนวปฏิบัติได้ ดังนี้คือใช้การวัดและประเมินผลผู้เรียนด้วยวิธีการและ รูปแบบที่หลากหลายผสมผสานกันไป เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การตรวจผลงาน การประเมินภาคปฏิบัติ การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน และการทดสอบ เป็นต้น อาจมีทั้ง การทดสอบ โดยใช้ข้อสอบและกระดาษค าตอบผ่านระบบการสอบออนไลน์ การทดสอบโดยใช้ โปรแกรมส าเร็จรูป เป็นต้น 2. การวัดและประเมินผลตามพฤติกรรมของมาตรฐานและตัวชี้วัด เนื่องจาก มาตรฐานและตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 แต่ละกลุ่ม สาระการเรียนรู้ มีลักษณะพฤติกรรมที่แสดงออก 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ (Knowledge) ด้านทักษะกระบวนการ (Process Skill) และด้านคุณลักษณะ (Attribute) ดังนั้น การวัดและ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 198 ประเมินคุณภาพผู้เรียนจึงจ าเป็นต้องพิจารณาและก าหนดรูปแบบวิธีการให้เหมาะสมกับลักษณะ ของพฤติกรรมที่ต้องการวัด ดังนี้ 2.1 ด้านความรู้ (Knowledge) การวัดและประเมินผลใช้การทดสอบเป็ นหลัก ข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบมีทั้งข้อสอบแบบเลือกตอบและข้อสอบแบบเขียนตอบ ควรใช้วิธีการ ทดสอบที่หลากหลาย ได้แก่ การใช้โปรแกรมส าเร็จรูปทั้งรูปแบบออนไลน์ และรูปแบบที่ไม่ได้ เชื่อมต่อในคอมพิวเตอร์เครือข่าย (ออฟไลน์) โดยให้ผู้เรียนสามารถสอบที่บ้านได้ ยืดหยุ่นตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการมอบหมายงาน นัดหมายเป็นกลุ่ม ส าหรับการใช้ข้อสอบแบบ เลือกตอบ ควรจัดท าชุดข้อสอบตามมาตรฐานและตัวชี้วัด และมีการนัดหมายช่วงเวลาในการ ทดสอบกับผู้เรียนล่วงหน้า การทดสอบด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบ ควรก าหนดให้ผู้เรียนเขียน ค าตอบลงในกระดาษค าตอบ แล้วจัดส่งข้อมูลการท าข้อสอบมาให้ครูผู้สอนผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศต่างๆ สามารถวัดพฤติกรรมด้านความรู้ของผู้เรียน ผ่านการท ารายงานที่สะท้อนถึง พฤติกรรมตามตัวชี้วัด แล้วจัดส่งรายงานย้อนกลับมายังครูผู้สอน ผ่านระบบเทคโนโลยีต่างๆ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process Skill) การวัดและประเมินผลใช้การประเมิน ภาคปฏิบัติเป็นหลัก เน้นการประเมินตามสภาพจริงที่บ้าน ใช้แบบประเมินการปฏิบัติงาน แบบตรวจสอบรายกร แบบบันทึกผลงาน และแบบบรรยายการปฏิบัติงาน เป็นต้น 2) วิธีการ จัดส่งงาน สามารถใช้การถ่ายวีดีทัศน์ การถ่ายรูปภาพผลงาน การบันทึกเสียง โดยประสานขอ ความร่วมมือจากผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินทักษะกระบวนการของผู้เรียน 3) สามารถไปตรวจเยี่ยมบ้านของผู้เรียน เพื่อประเมินและตรวจสอบความสามารถด้านทักษะ และการปฏิบัติงานของผู้เรียน โดยพิจารณาถึงสภาพ ความปลอดภัย และมาตรการของแต่ละ พื้นที่ 4) มีการมอบหมายงานเป็นกลุ่มเล็กๆ ให้ปฏิบัติงานทั้งที่บ้านหรือสถานศึกษา เพื่อจะได้ ท าการประเมินทักษะการปฏิบัติงานของผู้เรียน 2.3 ด้านคุณลักษณะ (Attribute) การวัดและประเมินผล ใช้การสังกตและตรวจสอบ พฤติกรรมเป็นหลัก เครื่องมือวัดและประเมินผู้เรียนมีหลากหลายประเภท เช่น แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต แบบตรวจสอบรายการ และแบบประเมินตนเอง เป็นต้น ควรประสานขอความร่วมมือกับ ผู้ปกครองในการประเมินพฤติกรรมของผู้เรียนผ่านการด าเนินชีวิตประจ าวัน การท ากิจกรรม ที่บ้าน การมอบหมายให้ปฏิบัติงาน เป็นต้น สามารถไปตรวจเยี่ยมข้านของผู้เรียนเพื่อประเมิน และตรวจสอบคุณลักษณะของผู้เรียนโดยพิจารณาถึงสภาพ ความปลอดภัย และมาตรการของ แต่ละพื้นที่ มีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนปฏิบัติงาน นัดหมายร่วมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อสังเกต พฤติกรรมและตรวจสอบคุณลักษณะของผู้เรียน
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 199 3. การวัดและประเมินผลแต่ละจุดมุ่งหมายการวัดและประเมินผลผู้เรียนมีจุดมุ่งหมาย ส าคัญ คือ การวัดและประเมินผลเพื่อปรับปรุงและพัฒนา (Formative ssessment/Assessment for Learning/ Assessment as Learning และการวัดและประเมินผลเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ (Summative Assessment/Assessment of Learning ดังนั้น ครูผู้สอนควรก าหนดรูปแบบและ แนวทางการวัดและประเมินผลในแต่ละจุดมุ่งหมาย ดังนี้ 3.1 การวัดและประเมินผลเพื่อปรับปรุงและพัฒนา เป็นการวัดและประเมิน คุณภาพผู้เรียนที่เกิดขึ้นระหว่างการเรียนการสอนตลอดปีการศึกษา/ภาคเรียน สรุปแนวปฏิบัติ ได้ ดังนี้คือ ยึดหลักการประเมินและการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่แยกส่วน เน้นการประเมินเพื่อพัฒนาและตรวจสอบพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ออกแบบ และวางแผนเกี่ยวกับวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลตามมาตรฐานและตัวชี้วัด ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่มสระการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการประเมินผลที่หลากหลาย เช่น การทดสอบ การสังเกตพฤติกรรม การสอบปากเปล่า การสัมภาษณ์หรือการซักถาม การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ การประเมินภาคปฏิบัติ การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน การ ประเมินตนเอง การประเมินตามสภาพจริง เป็นต้น วัดและประเมินผลผู้เรียนในแต่ละช่วงเวลา ของการจัดการเรียนรู้ พร้อมทั้งบันทึกข้อมูลผลการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และน าข้อมูล ที่ได้ไปสู่การวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน มีการประสานขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินผลและสะท้อนผลการเรียนรู้ (Feedback) กลับไปยังครูผู้สอน อย่างต่อเนื่อง น าและฝึกการใช้ค าถามประเภทต่างๆ เพื่อกระตุ้นคิดให้กับผู้เรียน ให้มีการ สามารถแสดงความคิดเห็น อภิปราย และวิพากษ์เชิงสร้างสรรค์ ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม ควรจัดท าแนวทางการพัฒนาตนเองของผู้เรียน มีการน าเสนอองค์ความรู้ที่ได้หรือแหล่งข้อมูล ในการพัฒนาตนเองของผู้เรียน เพื่อมอบหมายให้นักเรียนปฏิบัติงาน มีการประเมินตนเองอย่าง ต่อเนื่องเพื่อก ากับการเรียนรู้ของตนเอง และจัดส่งข้อมูลผลการประเมินย้อนกลับไปให้ครูผู้สอน ผ่านช่องทางการสื่อสาร 3.2 การวัดและประเมินผลเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ เป็นการวัดและประเมิน คุณภาพผู้เรียนหลังสิ้นสุดปีการศึกษา/ภาคเรียน สรุปแนวปฏิบัติได้ ดังนี้ คือ ควรก าหนด มาตรฐานและตัวชี้วัดส าคัญที่ผู้เรียนจ าเป็นต้องรู้และสามารถสะท้อนคุณภาพผู้เรียนตลอดปี การศึกษา/ภาคเรียน ควรใช้วิธีการหรือรูปแบบการทดสอบต่างๆ ที่เหมาะสมกับจ านวนและลักษณะ ธรรมชาติของผู้เรียน เช่น การใช้โปรแกรมทดสอบส าเร็จรูปในการทดสอบแบบออนไลน์ ที่สะดวกและง่ายต่อการเข้าถึงการจัดท าชุดข้อสอบตามมาตรฐานและตัวชี้วัด แล้วนัดหมาย ช่วงเวลาในการทดสอบกับผู้เรียนล่วงหน้า อาจนัดหมายผู้เรียนมาสอบเป็ นกลุ่มย่อยๆ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 200 ผ่านช่องทางต่างๆ ตามความเหมาะสม จัดส่งข้อสอบให้ผู้เรียนท าที่บ้าน แล้วให้นักเรียนจัดส่ง ข้อสอบกลับคืนครูผู้สอนผ่านช่างทางการสื่อสารต่างๆ เป็นต้น 4. การตัดสินผลการเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ การตัดสินผลการเรียน ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ยึดตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานก าหนดขึ้น โดยการตัดสินผลการเรียนใช้ผลการประเมินระหว่างปี/ ภาคเรียนและผลการประเมินปลายปี/ภาคเรียน ตามสัดส่วนที่สถานศึกษาก าหนด สรุปแนวทางการวัดและประเมินผลยุควิถีใหม่ มีการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ส าหรับการบริหารจัดการทดสอบและประเมินผู้เรียน ดังนั้นในการวัดและประเมินผล ครูผู้สอน สามารถจัดระบบให้ผู้เรียนสามารถส่งข้อมูลสารสนเทศผลการประเมินย้อนกลับได้ด้วยตนเอง ไปให้ครูผู้สอน โดยใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) หรือช่องทางการสื่อสาร ประสานขอ ความร่วมมือจากผู้ปกครองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการประเมินผู้เรียน สามารถไปตรวจเยี่ยมบ้าน ของผู้เรียนเพื่อประเมินและตรวจสอบความรู้ความสามารถของผู้เรียน โดยค านึงสภาพและความ พร้อมของแต่ละพื้นที่ จัดท าตารางนัดหมายผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อท ากิจกรรมการเรียนการ สอนควบคู่กับการวัดและประเมินผล ทั้งที่สถานศึกษาและที่บ้านนักเรียน 7.4 ระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิต (Credit Bank System for Lifelong Learning) การพัฒนาระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิตของ ประเทศไทย (Thailand Credit Bank System for Lifelong Learning) เพื่อเปิดโอกาสให้ประซา ชนโดยทั่วไปได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จึงได้ศึกษาหลักการแนวคิด ทฤษฎี และพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับระบบการสะสมผลการเรียนรู้ การให้การรับรอง (Recognition) การมีเกณฑ์มาตรฐาน (Validation) การให้หน่วยกิต (Accreditation) เป็นกลไกที่รวบรวมความรู้ และประสบการณ์ของประชาชนโดยทั่วไปเข้าสู่มาตรฐานที่รับรองได้ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ประสบความส าเร็จในการยกระตับการศึกษาและการงานอาชีพของประซาชน ในประเทศได้จนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก การสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิต แบบต่อเนื่องของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะเปิดโอกาสที่ส าคัญส าหรับประชาชนโดยทั่วไป กลุ่มแรงงานที่มีคุณวุฒิการศึกษาน้อยหรือยังไม่สอดคล้องกับคุณวุฒิวิชาชีพเป็นหลักและพัฒนา ทรัพยากรก าลังคน ก าลังแรงงาน ในระดับต่างๆ ในช่วงวัยต่างๆของคนไทยได้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่เกิดจนตาย ระบบ Thailand Credit Bank System for Lifelong Learning หรือเรียกย่อว่า
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 201 Thai CBS ซึ่งน่าจะอ านวยประโยชน์ทั้งในแง่ขององค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดระบบธนาคารสะสม ผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป เปิดช่องให้มีการสะสมผล การเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะความรู้ ประสบการณ์ด้าน เทคโนโลยี ดิจิทัล ที่เป็นผลมาจากการศึกษาในระบบจากการฝึกอบรม จากการงานอาชีพ น ามา รับรองเพื่อต่อยอดสู่ความรู้ ความสามารถทักษะใหม่ด้านอินเทอร์เน็ต/ไซเบอร์ ตอบสนองโมเดล ของประเทศไทย 4.0 จึงเป็นการส่งเสริมการพัฒนาแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยรวมของประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป สรุปจากการน าผลการวัดและประเมินผลผู้เรียนที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในบทเรียน หรือหน่วยการเรียนรู้ต่างๆ หรือผลงาน ชิ้นงานที่เกิดจากการเรียนรู้ของผู้เรียนผ่านรูปแบบและ วิธีการต่างๆ มาวิเคราะห์ และสรุปผลเพื่อตัดสินโดยภาพรวม โดยยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่จ าเป็นต้องใช้การทดสอบความรู้เพียงวิธีเดียว ครูผู้สอนสามารถเลือกใช้ข้อสอบ มาตรฐานที่มีการให้บริการจากแหล่งต่างๆ เช่น ระบบคลังข้อสอบมาตรฐาน (SIBS) ระบบคลัง ข้อสอบตามแนวทางการทดสอบ PISA (PISA Online Testing) ที่ส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพัฒนาขึ้น ทั้งในการวัดและประเมินผล เพื่อปรับปรุงและพัฒนาและการวัดและประเมินผลเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ 7.5 การจัดการเรียนการสอนรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบให้โรงเรียนควนขนุน อ าเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ไม่สามารถเปิดเรียนได้ ตามปกติในรูปแบบ On-site ท าให้นักเรียนไม่สามารถมาเรียนได้ตามปกติ ซึ่งในพื้นที่อ าเภอ ควนขนุน จังหวัดพัทลุง ยังคงพบตัวเลขของผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จากสภาพการณ์ดังกล่าว นางสาวภิรัญญา อินถิติ ผู้อ านวยการโรงเรียนควนขนุนได้ประเมินสถานการณ์โดยค านึงถึง ความปลอดภัยของผู้เรียนและบุคลากรเป็นส าคัญจึงได้ก าหนดแนวทางการจัดการเรียนการสอน ของภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา 2019 (COVID-19) วิชัย วงศ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2563) ได้ก าหนดไว้ดังนี้ 1. รูปแบบ Online การจัดการเรียนการสอนแบบถ่ายทอดสด หมายถึง การจัด การเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในลักษณะการสื่อสารสองทาง ซึ่งเป็นการเรียน การสอนแบบถ่ายทอดสด (LIVE) ระหว่างครูและนักเรียน โดยนักเรียนจะต้องมีความพร้อม ด้านอุปกรณ์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 202 2. รูปแบบ On-hand : การจัดการเรียนการสอนด้วยการน าส่งเอกสารที่บ้าน หมายถึง การจัดการเรียนการสอนส าหรับนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ส าหรับ การเรียนการสอนทางไกล โดยการน าหนังสือเรียน แบบฝึกหัด ใบงาน และสื่อการเรียนรู้อื่นๆ ไปให้นักเรียนได้เรียนรู้ที่บ้าน ภายใต้ความดูแลช่วยเหลือของผู้ปกครองในขณะที่เรียนรู้ จากสถานการณ์ข้างต้น เพื่อให้การจัดการเรียนการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ ออนไลน์ (Online) มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลมากขึ้น โดยค านึงผู้เรียนเป็นส าคัญและ เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน เป็นการติดตามความพร้อมของครูผู้สอนและ นักเรียน กลุ่มบริหารวิชาการโรงเรียนควนขนุน จึงได้ก าหนดปฏิทินการนิเทศติดตามการจัดการ เรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขึ้น ผู้เขียนสามารถสรุปผลการวัดผลประเมินผลการนิเทศติดตามได้ ดังนี้ ภาพที่ 7.1 เป็นวิทยากรหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่มา: โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ จังหวัดกระบี่
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 203 ภาพที่7.2 การวัดและการประเมินผล การจัดการเรียนการสอน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดCOVID -19
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 204 สรุปท้ายบท แนวปฏิบัติการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการเด็กให้มีความยืดหยุ่นในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้ ระดับอนุบาลประเมินร่วมกัน ระหว่างครูและผู้ปกครองเหมาะสมตามสภาพบริบท ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การวัด ประเมินผล เน้นหลักฐานการเรียนรู้ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมขณะเรียน มากกว่าการ สอบ และการนับเวลาเรียนให้สอดคล้อง และเชื่อมโยงกับรูปแบบการเรียนรู้สามารถก าหนด แนวทางการนับเวลาเรียนที่เกิดจากการจัดการเรียนการสอนในทุกรูปแบบ ก ารวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย การทดสอบความสามารถด้านการอ่าน (RT) ชั้น ป.1 และการทดสอบความสามารถพื้นฐานด้านภาษาไทยและคณิตศาสตร์ (NT) ชั้น ป.3 ปีการศึกษา 2564 ให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เรียน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานให้บริการต้นฉบับแบบทดสอบ RT และ NT และหลักฐานการจบของผู้เรียน (ปพ.1) โดยการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นป.6 และชั้น ม.3 ให้เป็นไป ตามความสมัครใจของผู้เรียนแต่ละคน ส าหรับ ชั้น ม.6 แจ้งการไม่ใช้ผลคะแนนการสอบรายวิชา O-NET ในระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 เป็นต้นไป) โดยไม่น าผล O-NET มากรอกในระเบียนแสดงผลการเรียน
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 205 เอกสารอ ้ างอิง กมล ภู่ประเสริฐ. (2555). การบริหารวิชาการในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: เสริมสินพรีเพรสซิสเท็ม. กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. (2557). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. (พิมพ์ครั้งที่ 4). : 2557 กระทรวงศึกษาธิการ. (2564). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางต้องรู้และควรรู้หลักสูตร แกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2554 ส าหรับการจัดการเรียนรู้ ปี การศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid -19). ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน. ปรียาพร วงศ์อนุตร์โรจน์. (2553). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพฯ. ปิยะสุดา เพชราเวช และพระครูกิตติวราทร. (2564). “แนวทางการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ ในยุคโควิด,” วารสารวนัมฎองแหรกพุทธิศาสตร์ปริทรรศน์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์. 8(2), 108 – 115. มารุต พัฒผล. (2563). การประเมินการเรียนรู้ใน New Normal. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ รัตนา แสงบัวเผื่อน และวิษณุ ทรัพย์สมบัติ. (2564). แนวทางการจัดการเรียนการสอนและ การวัดผลประเมินผล ให้มีความยืดหยุ่นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2557). การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. (พิมพ์ครั้งที่ 7). ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยทักษิณ. สงขลา : น าศิลป์ โฆษณา. วิชัย วงศ์ใหญ่. (2563). New Normal ทางการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิชัย วงศ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. (2563). การออกแบบการเรียนรู้ใน New Normal. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ศิริพร สระทองหน. (2558). แนวทางการบริหารงานวิชาการในสถาศึกษาขนาดเล็กตามความ คิดเห็นของครูสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4. มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 206 สมนึก ภัททิยธนี. (2562). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์: กาฬสินธุ์การพิมพ์. สมพร ปานด า. (2563). พลิกวิกฤตสู่โอกาสของอาชีวศึกษาไทยบนความปกติใหม่. วารสาร สังคมศาสตร์และ มานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 5 (7). 1–13. ส านักทดสอบทางการศึกษา. (2564). แนวทางการวัดและประเมินผลในชั้นเรียนในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19).ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน. ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2553). นิยามค าศัพท์หลักสูตร หลักสูตรแกนกลาง การศึกษา. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. อรรถการ สัตยพาณิชย์. (2564). “การสื่อสารเพื่อการเรียนออนไลน์ในสถานการณ์โควิด-19 ของอาจารย์คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”. วารสารเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร. พระนคร. ปีที่ 6 ฉบับที่ 1, 85-96. อรุณี ตระการไพโรจน์. (2561). “ระบบธนาคารสะสมผลการเรียนรู้ส าหรับการศึกษาตลอดชีวิต ของประเทศไทย,” วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริ นทรวิโรฒ. 13(2), 193-206.
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 207 บทที่ 8 การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในว ิ ถ ีชี ว ิ ตใหม ่ “...การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็ นกระบวนการด าเนินงานตามภารกิจของ สถานศึกษา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและสังคม โดยรวมว่าการ ด าเนินงานของสถานศึกษาจะมีประสิทธิภาพและท าให้ผู้เรียนมีคุณภาพ หรือคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาที่ได้ก าหนดไว้องค์ประกอบของระบบการประกัน คุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย การประกันคุณภาพภายใน ที่สถานศึกษาจะต้องท าเป็นประจ า ทุกปี และการประเมินคุณภาพภายนอก สถานศึกษาจะต้องมีการประเมินทุก 5 ปี ในปี การศึกษา 2564 ในสถานการณ์ COVID-19 มีการประเมินผ่านโปรแกรมซูม ซึ่งการพัฒนา คุณภาพการศึกษา เป็นการติดตามตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพการศึกษาการประเมิน คุณภาพการศึกษาซึ่งรวมถึงการใช้ผลประเมินเป็นฐานเพื่อการพัฒนาคุณภาพในวงจรการ พัฒนาใหม่ต่อเนื่อง..” ในบทที่ 8 การพัฒนาคุณ ภาพการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา ความส าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ประโยชน์ของการประกันคุณภาพการศึกษา พระราชบัญญัติการประกันคุณภาพการศึกษา การประกันคุณภาพภายใน แนวคิดและทิศทาง การประเมินคุณภาพภายนอก ภายหลัง สถานการณ์ COVID-19 กระบวนการด าเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา ติดตาม¬ผลการ ด าเนินการให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับ การประเมินคุณภาพภายนอก
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 208 8.1 ความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา ได้มีองค์กรภาครัฐและนักวิชาการให้ความหมาย ไว้ดังนี้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายของการประกัน คุณภาพการศึกษา หมายถึง การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษา ประกอบด้วย การประกันคุณภาพภายในและการประกันคุณภาพ ภายนอก ราชกิจจานุเบกษา. (2561) ให้ความหมายการประกันคุณภาพการศึกษาว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละ ระดับและประเภทการศึกษาโดยมีกลไกในการควบคุมตรวจสอบระบบการบริหารคุณภาพ การศึกษาที่สถานศึกษาจัดขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องและสาธารณชนว่าสถานศึกษานั้นสามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพตาม มาตรฐานการศึกษา และบรรลุเป้าประสงค์ของหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่ก ากับดูแล ส านักงานประกันคุณภาพการศึกษา. (2561) ให้ความหมายการประกันคุณภาพ การศึกษาว่าการท ากิจกรรมหรือการปฏิบัติภารกิจหลักอย่างเป็นระบบตามแบบแผนที่ก าหนดไว้ โดยมีการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Auditing) และ การประเมินคุณภาพ (Quality Assessment) จนท าให้เกิดความมั่นใจในคุณภาพ และมาตรฐาน ของดัชนีชี้วัดระบบและกระบวนการผลิต ผลผลิตและผลลัพธ์ของการจัดการศึกษา อุทุมพร จามรมาน (2564) ได้ให้ความหมายว่า การประกันคุณภาพ หรือ Quality Assurance(QA) หมายถึง การที่หน่วยงาน องค์กร ให้ความมั่นใจกับผู้ที่ส่วนได้ส่วนเสีย ว่าทุก คนที่รับเงินเดือน ค่าจ้าง ท างานดี มีประสิทธิภาพ ผลงานจึงมีคุณภาพ ส่วนการประกันคุณภาพ การศึกษา หมายถึง การที่สถานศึกษาให้ความมั่นใจกับผู้ปกครอง นักเรียน ชุมชน ประทศ ว่า สถานศึกษาท างานดี (บริหารดี สอนดี) นักเรียนจึงมีคุณภาพ พระเมธีปริยัติธาดา (บุญพรม จารุปญฺโญ) และคณะ. (2564) การประกันคุณภาพ (Quality Assurance) เป็นวิธีบริหารจัดการเพื่อเป็ นหลักประกันหรือสร้าง ความมั่นใจว่า กระบวนการหรือการด าเนินงานจะท าให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตรงตามที่ก าหนดการประกัน คุณภาพเป็นการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประสิทธิผล และสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้ถือว่า ผลลัพธ์นั้นมีคุณภาพ จารุกิตติ์ สุดสุข. (2565) การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นกระบวนการทาง การศึกษาที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาและความพึงพอใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 209 (Stakeholders) ได้แก่ นักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชนและสังคมว่าสถาณศึกษาจัดการศึกษาได้ อย่างมีคุณภาพ ผู้จบการศึกษามีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่ก าหนด การประเมินคุณภาพการศึกษาซึ่งรวมถึงการใช้ผลประเมินเป็นฐานเพื่อการพัฒนา คุณภาพในวงจรการพัฒนาใหม่ต่อเนื่องจากความหมายของการประกันคุณภาพการศึกษา ที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นการบริหารจัดการตามนโยบาย กิจกรรม และภารกิจของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผนที่ก าหนดไว้ เพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ประกอบด้วย การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และการประกันคุณภาพการศึกษาภายนอก โดยมีกระบวนที่สัมพันธ์กัน 3 ประการ คือ การควบคุมคุณภาพ การติดตามตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินและรับรองคุณภาพเพื่อเป็น หลักประกันให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและสาธารณชนได้มั่นใจว่าสถานศึกษานั้นๆ สามารถให้ ผลผลิตทางการศึกษาที่มีคุณภาพ 8.2 ความส าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษามีความส าคัญดังนี้ 1. ท าให้ประชาชนได้รับข้อมูลคุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้ เกิดความเชื่อมั่นและ สามารถตัดสินใจเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน 2. ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและเกิด ความเสมอภาคในโอกาสที่จะได้รับการบริการการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง 3. ท าให้ผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและ มาตรฐานอย่างจริงจังซึ่งมีผลให้การศึกษามีพลังที่จะพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพอย่างเป็น รูปธรรมและต่อเนื่อง 8.3 ประโยชน์ของการประกันคุณภาพการศึกษา ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาจะท าให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้เข้ามามี ส่วนร่วมในการจัดการและการพัฒนาการศึกษาทุกขั้นตอน ตั้งแต่การก าหนดเป้าหมาย/การ วางแผน การท าตามแผน การประเมินผล และการน าผลการประเมินมาปรับปรุงการด าเนินงาน นอกจากนี้การประกันคุณภาพการศึกษายังเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ผู้เรียนและผู้ปกครองมีหลักประกันและความมั่นใจว่าสถานศึกษาจะจัดการศึกษา ที่มีคุณภาพ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 210 2. ครูได้ท างานอย่างมืออาชีพ มีการท างานที่เป็นระบบ โปร่งใส มีความรับผิดชอบ ที่ตรวจสอบได้มีประสิทธิภาพ และเน้นคุณภาพ ได้พัฒนาตนเองและผู้เรียนอย่างต่อเนื่องท าให้ เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองและชุมชน 3. ผู้บริหารได้ใช้ภาวะผู้น าและความรู้ ความสามารถในการบริหารงานอย่างเป็น ระบบและมีความโปร่งใส เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและนิยมชมชอบ ของผู้ปกครองและชุมชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเป็น ประโยชน์ต่อสังคม 4. กรรมการสถานศึกษาได้ท างานตามบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม เป็นผู้ที่ท า ประโยชน์และมีส่วนพัฒนาสถานศึกษาและคุณภาพทางการศึกษาให้แก่เยาวชนและชุมชน ร่วมกับผู้บริหารและครู สมควรที่ได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นกรรมการสถานศึกษา 5. หน่วยงานที่ก ากับดูแล ได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนา ตนเอง ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระในการก ากับ ดูแลสถานศึกษา และก่อให้เกิดความมั่นใจ ในคุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพของสถานศึกษา 6. ชุมชนและสังคมประเทศชาติ ได้เยาวชนและคนที่ดี มีคุณภาพและศักยภาพที่จะ ช่วยพัฒนาองค์กร ชุมชน และสังคมประเทศชาติต่อไป 7. ผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจจากการให้บริการของหน่วยงาน ในระดับ สถานศึกษาการประกันคุณภาพจะครอบคลุมถึงการสร้างความมั่นใจโดยการใช้ข้อมูล กล่าวโดยสรุปได้ว่า การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นหลักประกันให้ผู้เรียนและ ผู้ปกครอง ครูสอนอย่างมืออาชีพ ผู้บริหารได้ใช้ภาวะผู้น า กรรมการสถานศึกษาท างานตาม บทบาทหน้าที่ หน่วยงานที่ก ากับดูแลได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพ ชุมชนและสังคมประเทศชาติ และผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจ 8.4 พระราชบญัญตัิการประกนัคณุภาพการศึกษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 หมวดที่ 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา ได้มีสาระส าคัญของการ ประกันคุณภาพการศึกษา ดังนี้ มาตรา 47 ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการ ประกันคุณภาพภายนอก ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาให้เป็นไป ตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 211 มาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพ ภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ บริหารการศึกษาที่ต้องด าเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดท ารายงานประจ าปีเสนอต่อ หน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อน าไปสู่การพัฒนา คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก มาตรา 49 ให้มีส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะ เป็นองค์การมหาชน ท าหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และท าการประเมินผล การจัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยค านึงถึงความมุ่งหมาย และหลักการและแนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามที่ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้มี การประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปีนับตั้งแต่ การประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน มาตรา 50 ให้สถานศึกษาทุกแห่งให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสาร หลักฐานต่างๆ มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ตลอดจนให้บุคลากร คณะกรรมการของ สถานศึกษา รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่ พิจารณาเห็นว่า เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษา ตามค าร้องขอของส านักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่ส านักงาน ดังกล่าวรับรองที่ท าการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษานั้น มาตรา 51 ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตาม มาตรฐานที่ก าหนด ให้ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา จัดท า ข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายใน ระยะเวลาที่ก าหนด หากมิได้ด าเนินการดังกล่าว ให้ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษารายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อด าเนินการให้มีการปรับปรุง กล่าวโดยสรุปได้ว่า สาระส าคัญของการประกันคุณภาพตามพระราชบัญญัติให้มี ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและให้มีระบบการประกันคุณภาพ การศึกษามาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการ ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ให้มีส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชน จัดท าข้อเสนอแนะ การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้น สังกัด ให้สถานศึกษาทุกแห่งให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ มีข้อมูล เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 212 8.5 การประกันคุณภาพภายใน พระเมธีปริยัติธาดา (บุญพรม จารุปญฺโญ) และคณะ. (2564) การประกันคุณภาพ ภายในเป็นการสร้างระบบและกลไกในการพัฒนาติดตาม ตรวจสอบ และประเมินการด าเนินงาน ของสถาบัน/องค์กร ให้เป็นไปตามนโยบายเป้าหมายและระดับคุณภาพตามมาตรฐานที่ก าหนด โดยสถานศึกษาและหรือหน่วยงานต้นสังกัด โดยหน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาก าหนดให้ มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วน หนึ่งของกระบวนการ บริหารการศึกษาที่ต้องด าเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการจัดท ารายงาน ประจ าปีที่เป็นรายงานประเมินคุณภาพ กระทรวงศึกษาธิการ (2554) กล่าวว่า การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง การด าเนินการ ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพ มีการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลการด าเนินงานเพื่อน าไปสู่การ พัฒนาปรับปรุงคุณภาพอย่างสม ่าเสมอ สุพิษญา กลันนุรักษ์ (2559) การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา หมายถึง กระบวนการประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพการบริหารจัดการ และการด าเนิน กิจการของสถานศึกษาในการพัฒนามาตรฐาน และคุณภาพผู้เรียนตามข้อก าหนดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า “การประเมินผลการติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษาหรือ หน่วยงานต้นสังกัด ที่มีหน้าที่ก ากับดูแลสถานศึกษานั้น” ระบบการประเมินผลและการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน โดยบุคลากร ของสถานศึกษาเองหรือ โดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่ก ากับดูแลสถานศึกษานั้น การประกันคุณภาพภายใน หมายถึง การติดตาม ตรวจสอบและตัดสินคุณภาพและ มาตรฐานการศึกมาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษาเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัด ที่หน้าที่ก ากับดูแลสถานศึกษานั้น การประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการ บริหาร จัดการศึกษา ซึ่งจะท าให้เกิดสารสนเทศที่สะท้อนการปฏิบัติงานของสถานศึกษา อันจะ น าไปสู่การพัฒนาปรับปรุงตนเองให้บรรลุเป้ าหมายตามมาตรฐานการศึกษาที่ก าหนด การประกันคุณภาพกายในสถานศึกษาเป็นกระบวนการที่บุคลากรทุกฝ่ายในสถานศึกษาร่วมกัน วางแผน ก าหนดเป้าหมายและวิธีการลงมือท าตามแผนในทุกขั้นตอนมีการบันทึกข้อมูลวางแผน เพื่อร่วมกันตรวจสอบผลงานหาจุดเด่นจุดที่ต้องปรับปรุง และร่วมกันปรับปรุงตามแผนงานนั้นๆ โดยมุ่งหวังให้มีประสิทธิภาพ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 213 สรุปได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน หมายถึง การด าเนินการประเมินผล ติดดาม และตรวจสอบคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพของ ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้รับบริการทางการศึกษาที่สอดคล้องกับชุมชนและ ท้องถิ่น 1. การด าเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (2554) การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเป็นกระบวนการที่สร้าง ความมั่นใจแก่ทุกฝ่าย ว่าการจัดการศึกษาทุกระดับมีคุณภาพและจะคงรักษาไว้ ซึ่งมาตรฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จึงให้มีการปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีนโยบายปรับปรุง มาตรฐานและตัวชี้วัดให้มีจ านวนน้อยลงกระชับ และสะท้อนถึงคุณภาพ อย่างแท้จริง เน้นการประเมินตามสภาพจริง ไม่ยุ่งยาก สร้างมาตรฐานระบบการประกัน เพื่อลด ภาระการจัดเก็บข้อมูล ลดการจัดท าเอกสารที่ใช้ในการประเมิน รวมทั้งพัฒนาผู้ประเมินภายใน ให้มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ สามารถให้ค าชี้แนะและให้ค าปรึกษาแก่สถานศึกษาได้ มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ปรับใหม่จึงมีจ านวนไม่มากแนวทางการประเมินคุณภาพของ สถานศึกษาจะเน้นการเก็บข้อมูลในเชิงคุณภาพตามบริบทของเป้าหมายเพื่อพัฒนาบนพื้นฐาน บริบทของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการพัฒนาทุน มนุษย์และเป็นเป้าหมายส าคัญที่สุดที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคนในสถานศึกษาต้องรับรู้และ ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบให้บรรลุถึงเป้าหมายคือมาตรฐานที่สถานศึกษาก าหนดและร่วม รับผิดชอบต่อผลการจัดการศึกษาที่เกิดขึ้น ตามคู่มือการประเมินคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาจัดท าขึ้นตามกรอบ นโยบายปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาส าหรับให้ สถานศึกษาใช้เป็ นแนวทางด าเนินงานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา และเตรียมการส าหรับ การประเมินคุณภาพภายนอก ตามกรอบมาตรฐานการศึกษา ระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะท าให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา มีคุณภาพได้มาตรฐาน และคงรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานจากการด าเนินงานประกัน คุณภาพภายในของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสู่เป้าหมายตามมาตรฐาน ที่สถานศึกษาก าหนดและใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพภายในของ สถานศึกษา ประกอบด้วยสถานศึกษา ไม่เพิ่มภาระ การจัดท าเอกสารให้สถานศึกษา ปรับ กระบวนทัศน์ในการประเมินที่มี2 ส่วน คือ 1) มาตรฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของ สถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 2) แนวทางการประเมินคุณภาพภายในของ สถานศึกษาให้สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานต้นสังกัดด าเนินการให้
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 214 ผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายมีความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการของการประกันคุณภาพภายใน ของสถานศึกษา ดังนี้ 1.1 การประกันคุณภาพเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนที่ต้องปฏิบัติงานตาม ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย 1.2 การประกันคุณภาพมุ่งพัฒนาการด าเนินงานตามความรับผิดชอบของตน ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นเพราะผลการพัฒนาของแต่ละคนก็คือผลรวมของการพัฒนาทั้งสถานศึกษา 3. การประกันคุณภาพเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของ กระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องด าเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ท าเพื่อเตรียมรับการประเมิน เป็นครั้งคราวเท่านั้น 4. การประกันคุณภาพต้องเกิดจากความร่วมมือของบุคลากรทุกฝ่ ายที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถว่าจ้างหรือขอให้บุคคลอื่นๆ ด าเนินการแทนได้ 5. การประกับคุณภาพต้องเกิดจากการยอมรับและน าผลการประเมินคุณภาพ การศึกษาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 6. การพัฒนามาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในของ สถานศึกษา มีแนวคิดว่าต้องเป็นมาตรฐานที่สถานศึกษาปฏิบัติได้ ประเมินได้จริง กระชับ และ จ านวนน้อย แต่สามารถสะท้อนคุณภาพการศึกษาได้จริง ข้อมูลที่ได้เกิดประโยชน์ในการพัฒนา การศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกบา ระดับหน่วยงานต้นสังกัด และระดับชาติ ดังนั้น การก าหนดมาตรฐานจึงเน้นที่คุณภาพผู้เรียน คุณภาพครู คุณภาพ ผู้บริหารสถานศึกษา และคุณภาพของสถานศึกษา และให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน เพื่อการประเมินคุณภาพภายนอกคามที่ก าหนดไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์และ วิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2561 โดยได้ก าหนดมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน (ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2554) ดังนี้ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ สรุปได้ว่า การประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ให้สถานศึกษาด าเนินงานโดยให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและรู้บทบาทหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติตามการกิจของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาที่ เน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้อง
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 215 ด าเนินการอย่างต่อเนื่องและผลการประเมินต้องเป็นที่ยอมรับและสามารถน าผลการประเมิน ไปใช้ในการพัฒนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้ในคราวต่อไป 8.6 แนวคิดและทิศทาง การประเมินคณุภาพภายนอก ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (2564) การประกัน คุณภาพการศึกษาภายนอกเป็นการประเมินการจัดการศึกษา เพื่อตรวจสอบคุณภาพของ สถานศึกษา โดยหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกสถานศึกษา เพื่อมุ่งให้มีการพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งต้องเริ่มต้นที่สถานศึกษามีการประกัน คุณภาพภายใน เพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพของตนเองและมีระบบประเมินตนเองก่อน ต่อจากนั้นจึงรับการประเมินจากภายนอก คือ ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา ซึ่งจะด าเนินการโดยพิจารณาและตรวจสอบจากผลการประเมินคุณภาพภายใน ของสถานศึกษา หลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอก ภายหลังสถานการณ์COVID-19 เอกสารการประชุมวิชาการระดับชาติเนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 23 สมศ. (2566) 1. สอดคล้องกับการประเมินคุณภาพ ภายในของสถานศึกษาและหน่วยงาน ต้นสังกัด สถานศึกษาที่จะได้รับ 2. การประเมินฯ ต้องมีการรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ให้หน่วยงานต้น สังกัดหรือหน่วยงานที่ก ากับดูแล เพื่อ จัดส่งให้สมศ. ใช้ในการประเมิน คุณภาพภายนอก 3. สถานศึกษาที่จะได้รับการประเมินฯ ต้องเป็นสถานศึกษาที่ผ่านการรับรอง หลักสูตร จากหน่วยงานต้นสังกัดแล้ว ขั้นตอน การประเมินคุณภาพภายนอก ภายหลังสถานการณ์COVID-19 ก่อนประเมิน 1. สมศ. แต่งตั้งคณะผู้ประเมินภายนอก 2. คณะผู้ประเมินภายนอก ท าการประเมินและวิเคราะห์SAR ของสถานศึกษา ที่ได้รับจากหน่วยงาน ต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่ก ากับดูแลสถานศึกษา ในกรณีที่หน่วยงานต้น สังกัดมีการจัดส่งประเด็นต่างๆ ที่ต้องการให้มีการประเมินและตรวจสอบ ให้คณะผู้ประเมิน ภายนอกน ามาใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินด้วย 3. คณะผู้ประเมินภายนอกเสนอผลการวิเคราะห์SAR ของสถานศึกษาต่อ สมศ.
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 216 4. สมศ. เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบ เพื่อพิจารณาเลือกรูปแบบการลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม สถานศึกษา การก าหนดรูปแบบการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ในแต่ละด้าน ระดับหรือประเภทให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการ ระหว่างประเมิน 1. คณะผู้ประเมินภายนอกลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาตามรูปแบบที่คณะกรรมการ พัฒนาระบบได้เลือก 2. คณะผู้ประเมินภายนอกจัดท ารายงานผล การประกันคุณภาพภายนอกของ สถานศึกษาภายในระยะเวลาที่ สมศ. ก าหนดหลังจากท าการตรวจเยี่ยมสถานศึกษาเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว 3. จัดส่งรายงานการประเมินฯ ให้สถานศึกษา ยืนยันหรือไม่ยืนยันผลการประกัน คุณภาพภายนอก ในการตรวจเยี่ยมสถานศึกษา คณะกรรมการฯ อาจก าหนดให้คณะผู้ประเมิน ภายนอกด าเนินการตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลของสถานศึกษาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นแทนการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาก็ได้ระบบ วิธีการ ขั้นตอนการด าเนินการ ตรวจสอบหลักฐานและ ข้อมูลของสถานศึกษาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่น ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการศึกษาในแต่ละด้านระดับหรือประเภท ให้เป็นไปตาม ประกาศของคณะกรรมการ หลังประเมิน สถานศึกษาด าเนินการหลังจากได้รับรายงานผลฯ ตามขั้นตอนที่ สมศ. ก าหนด ในการยืนยันและรับรองผล โดยด าเนินการภายในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ คณะผู้ประเมินภายนอกส่งรายงานให้กับสถานศึกษา (ก) หากสถานศึกษาพิจารณายืนยันผลการประเมินฯ แล้วเห็นว่าเป็นไปตามบริบท ของสถานศึกษา สถานศึกษาส่งหนังสือยืนยันผลการประเมินฯ ให้กับคณะผู้ประเมินภายนอก คณะผู้ประเมินภายนอกจัดส่งการยืนยันไปยัง สมศ. แล้ว สมศ. เสนอรายงานผลการประเมินฯ ของสถานศึกษาต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบพิจารณากลั่นกรองและให้ความเห็นชอบ สมศ. เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อรับรองคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษานั้นต่อไป (ข) กรณีสถานศึกษาตรวจสอบแล้วไม่ยืนยันผลรายงานการประกันคุณภาพ ภายนอก และขอทบทวนผลการประเมินฯ คณะผู้ประเมินภายนอกพิจารณาการขอทบทวนผล การประเมินแล้ว หากเห็นด้วยคณะผู้ประเมินภายนอกด าเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง หรือเป็นไป ตามที่สถานศึกษาเสนอขอทบทวน หากไม่เห็นด้วยและยังคงยืนยันผลการประเมิน คณะผู้
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 217 ประเมินภายนอกแจ้ง สถานศึกษาและส่งเรื่องให้สมศ. เพื่อน าเข้าสู่การพิจารณาทบทวนผลการ ประเมินฯ ของคณะท างานเป็นรายกรณี ดังนั้น การปฏิบัติงานในการประกันคุณภาพการศึกษาภายนอกจึงประกอบด้วย การตรวจสอบการปฏิบัติงานของแต่ละสถานศึกษาตามมาตรฐานงานของโรงเรียนหรือ สถานศึกษา โดยการตรวจสอบระดับคุณภาพของงานแต่ละด้านหรือแต่ละมาตรฐานที่ปฏิบัติจริง และค้นหาจุดเด่นและจุดอ่อนในการด าเนินงานแต่ละมาตรฐาน เพื่อประโยชน์ในการจัดท า ข้อเสนอแนะส าหรับแก้ไข ปรับปรุง หรือพัฒนาคุณภาพต่อไป การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลของ สมศ. สมศ. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรองรับ ทั้งกระบวนการประเมินคุณภาพ ภายนอก และการบริหารจัดการภายในส านักงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับรูปแบบการ ท างานจากเดิมรูปแบบ Paper-based ให้อยู่ในรูปแบบ Digital-based ทุกขั้นตอน ท าให้การ ด าเนินงานเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก้าวสู่การเป็นองค์กร ที่ทันสมัยในยุคดิจิทัล ก่อน ระบบบริหารจัดการรายงานประเมินตนเอง (e-SAR) 1. ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดจ านวน 27 หน่วยงาน ใช้ระบบ e-SAR ของ สมศ. 2. สถานศึกษาจัดส่งรายงานประเมินตนเอง (SAR) ให้กับหน่วยงานต้นสังกัดผ่าน ระบบ e-SAR 3. หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาเห็นชอบรายงาน SAR ของสถานศึกษา พร้อมทั้ง แจ้งรายชื่อ สถานศึกษาที่พร้อมรับการประเมินคุณภาพภายนอกมายัง สมศ. 4. หน่วยงานต้นสังกัดสามารถดูรายงานผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา ภายใต้สังกัด ได้แบบ Realtime ภายหลังจากที่สถานศึกษาได้รับการประเมินแล้ว ระบบ Automated QA (AQA) 1. ฐานข้อมูลผู้ประเมินภายนอก /ฐานข้อมูลสถานศึกษา ทุกระดับ ทุกประเภท การรับสมัครผู้ประเมินภายนอก /อบรม/ทดสอบ 2. การบริหารจัดการของหน่วยกากับการประเมินคุณภาพภายนอกและผู้ก ากับ การประเมิน เช่น การจัดทีมผู้ประเมินภายนอก เป็นต้น
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 218 ระหว่างการประเมิน ระบบ Automated QA (AQA) 1. การตรวจสอบ (ร่าง) รายงานการประกันคุณภาพภายนอกระหว่างสถานศึกษา และผู้ประเมิน 2. การรับ–ส่งงานของหน่วยก ากับการประเมินคุณภาพภายนอก/ผู้ก ากับการ ประเมินกับ สมศ. ระบบ Mobile Application (ONESQA-V) (เฉพาะกรณีลงพื้นที่ประเมินสถานศึกษา) 1. ผู้ประเมินภายนอกยืนยันการเข้า/ออก (Check-in / Check-out) สถานศึกษาที่ประเมิน 2. บันทึกข้อมูลภาคสนามจากการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการของผู้ประเมิน ภายนอก (ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษา และผลประเมินรายมาตรฐาน) โดยสามารถแนบไฟล์ ภาพถ่ายและวิดีโอ ประกอบการประเมิน 3. สามารถใช้ฟังก์ชัน Voice to Text ในการแปลงเสียงเป็นข้อความเพื่อบันทึก ข้อมูลลงในระบบ การประเมิน QC100 เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประเมินภายนอก โดยสถานศึกษา หน่วยก ากับการประเมินและผู้ประเมินภายนอกที่ร่วมทีม การออกใบรับรอง สถานศึกษา (e-Certificate) สถานศึกษาที่ผ่านกระบวนการประเมินภายนอก และด าเนินการ ประเมิน QC100 ผลปฏิบัติงานของผู้ประเมินเสร็จสิ้น จะได้รับใบรับรองสถานศึกษา (e-Certificate) โดยอัตโนมัติผ่านทางระบบ AQA รายงานติดตามการด าเนินงานส าหรับผู้บริหาร (Progress Report) เป็นระบบ ในการติดตามผลการประเมินสถานศึกษา เพื่อใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนการ ด าเนินงานในระยะการประเมิน ท าให้ทราบสถานะการด าเนินงานของผู้ประเมินภายนอก สถานศึกษาและความก้าวหน้าการประเมินคุณภาพภายนอกที่เป็นปัจจุบัน การเผยแพร่รายงานผลการประกันคุณภาพภายนอก เมื่อกระบวนการประเมินเสร็จ สิ้น และสถานศึกษาด าเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประเมินภายนอก (QC100) เรียบร้อยแล้ว สถานศึกษาสามารถเข้าไปดาวน์โหลดเล่มรายงานผลการประกันคุณภาพ ภายนอกของสถานศึกษาผ่านทางระบบฯ โดยการกรอกชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ทาง สมศ. จัดส่งให้ทางไปรษณีย์
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 219 การประเมินคุณภาพภายนอก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 1. น าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สนับสนุนการประเมินตั้งแต่ต้นจนจบ กระบวนการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ 2. ลดภาระของสถานศึกษาตลอดจนการน าข้อมูลสารสนเทศไปใช้ในการบริหารจัดการ 3. ให้ความส าคัญกับการประเมิน คุณภาพภายนอก เพื่อพัฒนาการยกระดับ คุณภาพ (Quality Improvement) 4. ก าหนดวิธีการประเมินคุณภาพภายนอก ที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของ สถานศึกษา (วิธีการ (Online/Onsite) และจ านวนวันประเมิน (1-3 วัน) แตกต่างกันตามบริบท สถานศึกษา) 5. สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุป หลักการประกันคุณภาพการศึกษา คือ ระบบการบริหารงานซึ่งต้องใช้องค์ประกอบ คือ การวางแผนงาน การปฏิบัติตามแผนงาน การติดตามแผนงาน และการประเมินผลการท างาน ซึ่งในแต่ละองค์ประกอบย่อยต้องมีข้อปฏิบัติให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานใช้เป็นเข็มทิศในการท างานด้านประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีระบบการ ประกันคุณภาพ 2 ระบบ คือ 1) การประกันคุณภาพการศึกษาภายในหน่วยงานด าเนินการทุกปี และ 2) การประกันคุณภาพการศึกษาภายนอกประเมินทุกๆ 5 ปี โดย สมศ. 8.7 กระบวนการดา เนินงานการประกนัคณุภาพการศึกษา แนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ตามกฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ได้มีนโยบายปฏิรูประบบการประเมินและการประกัน คุณภาพการศึกษา ปรับเปลี่ยนระบบประกันคุณภาพการศึกษา โดยให้มีการประกันคุณภาพ ภายในและการประเมินคุณภาพภายนอกตามแนวคิด หลักการว่า สถานศึกษาสามารถออกแบบ ระบบการประกันคุณภาพภายในที่เหมาะสม เป็นไปได้และสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ได้ด้วยตนเอง การประเมินคุณภาพภายนอกเป็นการยืนยันระบบการประกันคุณภาพภายในของ สถานศึกษา ผลที่ได้จากการประกันคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอกนั้น จะต้องสามารถน าไปใช้พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้ด้วยรายละเอียดการ จัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพ การศึกษา พ.ศ. 2561 (กระทรวงศึกษาธิการ. 2561) ประกอบด้วย
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 220 1. ก าหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา 2. จัดท าแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา 3. ด าเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 4. ประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา 5. ติดตามผลการด าเนินงานเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา 6. จัดท ารายงานผลการประเมินตนเอง รายละเอียดแต่ละประเด็นสรุป ได้ดังนี้ 1. ก าหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา การก าหนดมาตรฐานการศึกษาของ สถานศึกษา ส านักทดสอบทางการศึกษา (2561) การด าเนินการตามระบบการประกันคุณภาพ ภายในของสถานศึกษาเป็นเรื่องจ าเป็นในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาที่ผู้บริหาร สถานศึกษาครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจแนวคิดและ หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษา ความหมาย ความส าคัญแนวคิดและประโยชน์ของ มาตรฐานการศึกษา รายละเอียดและความสัมพันธ์ของมาตรฐานการศึกษาระดับต่างๆ แนวทาง และขั้นตอนการจัดท ามาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา การประยุกต์แนวคิดสู่การปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารสถานศึกษา ครู หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก าหนดมาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการจ าเป็นและบริบทของสถานศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ให้นิยามมาตรฐาน การศึกษาว่าเป็น ข้อก าหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์ และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงส าหรับการส่งเสริมและก ากับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพทางการศึกษา โดยให้แนวทางการจัด การศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความส าคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษา ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ เน้นความส าคัญ ทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสม ให้สถานศึกษา พัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา ดังนั้น มาตรฐานการศึกษา ส าคัญที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาจึงเกี่ยวข้องกับปัจจัย กระบวนการ และผลผลิตจาก การจัดการศึกษาเพื่อการก ากับ ติดตาม ดูแล ตรวจสอบ และประกันคุณภาพ ของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาจึงไม่ได้หมายถึงคุณภาพด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่หมายความรวมถึง
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 221 ผลผลิตทางการศึกษาที่เกิดกับตัวผู้เรียนรอบด้าน กระบวนการจัดการเรียนการสอนของครู และ กระบวนการบริหารจัดการศึกษา 2. จัดท าแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ต้องสอดคล้องกับสภาพปัญหาและ ความต้องการจ าเป็นของสถานศึกษาและมีการจัดท าอย่างเป็นระบบสถานศึกษาต้องจัดท าแผน 2 ประเภท ดังนี้ 2.1 แผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เป็นแผนระยะกลาง 3 - 5 ปี โดยสถานศึกษาสามารถน าแนวคิดการบริหารเชิงกลยุทธ์มาใช้ในการ จัดท าแผนพัฒนาการจัด การศึกษา ด้วยการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของปัจจัย ภายในสถานศึกษา วิเคราะห์โอกาส และ อุปสรรคของปัจจัยภายนอกสถานศึกษาประเมินสถานภาพของสถานศึกษา ก าหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ก าหนดกรอบกลยุทธ์/กลยุทธ์การพัฒนา ก าหนดแผนงาน โครงการ กิจกรรม รองรับพร้อมประมาณการงบประมาณ ทรัพยากรที่ใช้สนับสนุนการด าเนินงานของ สถานศึกษา 2.2 แผนปฏิบัติการประจ าปี (Action Plan) เป็ นการน าแผนพัฒนาการ จัดการศึกษาไปสู่การปฏิบัติ ด้วยการวิเคราะห์ทิศทางการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา วิเคราะห์ประมาณการงบประมาณรายรับ รายจ่าย จัดล าดับความส าคัญของโครงการ พร้อมกับ จัดท ารายละเอียดของโครงการ กิจกรรมที่ครอบคลุมมาตรฐานของสถานศึกษาด้านคุณภาพของ ผู้เรียน กระบวนการบริหารและจัดการ กระบวนการจัดประสบการณ์/จัดการเรียนการสอน นโยบาย และจุดเน้นของหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้การด าเนินงานของสถานศึกษาบรรลุ ตามวิสัยทัศน์ ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และเพื่อแก้ไขปัญหาหรือ ปรับปรุง จุดอ่อนของสถานศึกษาทั้งนี้ สถานศึกษาต้องน าแผนพัฒนาการจัดการศึกษาและแผนปฏิบัติ การ ประจ าของสถานศึกษา เสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความ เห็นชอบก่อน น าไปใช้จริง 2.3 ด าเนินการตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา การพัฒนา สถานศึกษาให้บรรลุตามมาตรฐานการศึกษาที่ก าหนดนั้น สถานศึกษาต้องมีระบบกลไกการ บริหารและจัดการที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละสถานศึกษา ไม่เป็นภาระกับครูหรือผู้เกี่ยวข้อง มากเกินไป สถานศึกษา ต้องด าเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาและแผนปฏิบัติการ ประจ าปี มีการก ากับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงานของแผนงาน โครงการ กิจกรรมต่างๆ เป็นไปตามระยะเวลาที่ก าหนด บรรลุเป้าหมายระดับใดโดยสามารถใช้แนวคิด ทฤษฎีหรือผลงานวิจัยที่เน้นความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย เช่น การบริหารเชิงระบบ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 222 (System Approach) การใช้วงจรการพัฒนา คุณภาพ (PDCA) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็น ฐาน (School Based Management) การบริหารแบบมุ่งสัมฤทธิ์ (Total Quality Management) การบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพ (Quality System Management) การใช้ห่วงโซ่คุณภาพ (Chain of quality) เป็นต้น หรือสถานศึกษาสามารถสร้าง และพัฒนารูปแบบการบริหารและ จัดการของตนเองก็ได้ นอกจากนี้ สถานศึกษา ควรจัดระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบพัฒนาวิชาการ ระบบพัฒนาครูและบุคลากร ระบบการจัดการสภาพแวดล้อม ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ ระบบการนิเทศภายใน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายส าคัญในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา คือ วัฒนธรรมคุณภาพที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา 2.4 ประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาการประเมินผล และตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา เป็นระบบและกลไกในการควบคุม ตรวจสอบ และประเมินผลการด าเนินงานตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ด าเนินงาน อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการ กระท าโดยบุคลากร ในหน่วยงานหรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า สถานศึกษาต้องให้ความส าคัญกับการประเมินเชิงคุณภาพที่สะท้อน จุดเด่น และจุดควรพัฒนาที่เกิดขึ้นจากการการด าเนินงานผสมผสานกับการประเมินเชิงปริมาณ ควบคู่กันไป สถานศึกษาต้องก าหนดหรือมอบหมาย ผู้รับผิดชอบในการประเมินผลและ ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาการปฏิบัติงาน ของครูและบุคลากรในสถานศึกษาตามบทบาทและ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และระดับสถานศึกษาให้ชัดเจน วิเคราะห์มาตรฐานและเป้าหมายตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ประกาศใช้ก าหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลและ เครื่องมือที่หลากหลายและเหมาะสม ด าเนินการประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ภายในสถานศึกษา อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง พร้อมทั้งสรุปรายงานผลการประเมินคุณภาพ ภายในของสถานศึกษา เพื่อน าผลการประเมินคุณภาพภายในไปจัดท ารายงานผลการประเมิน ตนเองของสถานศึกษาต่อไป 8.8 ติดตามผลการด าเนินการให้มีคณุภาพตามมาตรฐานการศึกษา การติดตามผลการด าเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาและ แผนปฏิบัติการ ประจ าปีของสถานศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ไปใช้ ปรับปรุงหรือพัฒนาการด าเนินงาน ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ประเด็นที่สถานศึกษาติดตามผล ได้แก่ กระบวนการ บริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา เช่น การพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา กระบวนการ จัดการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ การพัฒนา
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 223 บุคลากร กระบวนการบริหารและจัดการ การจัดสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ เป็นต้น และการ ด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจ าปีของสถานศึกษา ว่าดาเนินงานได้บรรลุตามเป้าหมาย ตัวชี้วัด ความส าเร็จที่ก าหนดหรือไม่ อย่างไร สถานศึกษาสามารถติดตามผลระหว่างและเมื่อเสร็จสิ้น การด าเนินงานก็ได้ สถานศึกษาควรก าหนดผู้รับผิดชอบในการติดตามผล ก าหนดปฏิทิน ปฏิบัติงาน ติดตามผล วิเคราะห์และก าหนดกรอบพร้อมกับสร้างเครื่องมือติดตามผล จัดท า ระบบข้อมูลสารสนเทศ และรายงานผลการติดตามอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง 1. จัดท ารายงานผลการประเมินตนเอง รายงานผลการประเมินตนเอง (Self - Assessment Report : SAR) ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ดี ต้องสะท้อนคุณภาพ ของผู้เรียนและ ผลส าเร็จของการบริหารจัดการศึกษา สถานศึกษาต้องน าผลการประเมิน คุณภาพ ภายในมาจัดท ารายงานผลการประเมินตนเอง โดยรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูล ทั่วไปและผลการประเมินตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละ มาตรฐานไปจัดท า รายงานผลการประเมินตนเองตามรูปแบบรายงานที่สถานศึกษาก าหนด อาจเสนอเป็นความ เรียง การบรรยายประกอบแผนภูมิ รูปภาพหรือกราฟ ฯลฯ ตามบริบทของสถานศึกษา โดยใช้ ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน น าเสนอ ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ สาระส าคัญรายงานผลการประเมินตนเอง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 บทสรุปส าหรับผู้บริหาร และส่วนที่ 2 ผลการ ประเมินตนเองของสถานศึกษา โดยแต่ละมาตรฐานน าเสนอใน 3 ประเด็น คือ 1) คุณภาพในแต่ละมาตรฐานอยู่ในระดับใด 1) มีหลักฐานในการอ้างอิงผลการประเมินตาม ประเด็นพิจารณาของแต่ละมาตรฐานอย่างไร 3) สถานศึกษาจะมีกระบวนการพัฒนาคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้ดีขึ้น กว่าเดิมได้อย่างไร สถานศึกษาอาจแนบ ภาคผนวกที่น าเสนอหลักฐานข้อมูลส าคัญ หรือเอกสารอ้างอิงต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม น าเสนอรายงานผลการประเมินตนเอง ต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความ เห็นชอบ และจัดส่งรายงานดังกล่าว ต่อหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่ก ากับดูแล เป็นประจ าทุกปี เผยแพร่รายงาน ต่อสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมรับการ ประเมินคุณภาพ ภายนอกต่อไป ทั้งนี้สถานศึกษาแต่ละแห่งและหน่วยงานต้นสังกัด ต้องน า ข้อมูลจาก รายงานผลการประเมินตนเอง และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินคุณภาพ ภายนอกจากส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ไปใช้ ปรับปรุงหรือพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้มีคุณภาพ ต่อเนื่อง และยั่งยืนต่อไป 2. หลักการและขั้นตอนการจัดท ารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา การจัดท ารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self-Assessment Report) เป็นการน าเสนอผลการด าเนินงานและการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 224 ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องครอบคลุมตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่แต่ละสถานศึกษา ได้ก าหนดไว้ เพื่อรายงานและน าเสนอต่อ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หน่วยงาน ต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา นั้นเป็นฐานข้อมูล ที่ส าคัญในการวางแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาและรับการประเมิน คุณภาพภายนอกต่อไป การจัดท ารายผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องให้ ความส าคัญและต้องมีการท างานอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้รายงานที่สะท้อน ผลการด าเนินงาน ที่ถูกต้อง ชัดเจน และสมบูรณ์ ดังนั้น สถานศึกษาจึงควรมีขั้นตอนการด าเนินงาน ดังนี้ 2.1 แต่งตั้งคณะท างาน สถานศึกษาแต่งตั้งคณะท างานเพื่อจัดท ารายงานผลการ ประเมินตนเองของสถานศึกษา ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหาร ครู และบุคลากรผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและอาจก าหนดให้มีผู้รับผิดชอบหลักในการจัดท า รายงานผลการ ประเมินตนเองก็สามารถท าได้ 2.2 รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ สถานศึกษาด าเนินการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ที่สะท้อนคุณภาพของสถานศึกษาและสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งเป็น กระบวนการที่มีความส าคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูล สารสนเทศนั้น ส่งผลต่อความความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของรายงานผลการประเมิน ตนเองของสถานศึกษา ดังนั้น ข้อมูลที่เก็บรวบรวม จึงต้องเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่เกี่ยวข้องกับการ พัฒนาสถานศึกษาและผลด าเนินงาน ของสถานศึกษาในรอบปีที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นจริงและสามารถ สะท้อนคุณภาพในแต่ละมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาได้อย่างครบถ้วนชัดเจน ข้อมูล สารสนเทศที่ใช้ในการเขียนรายงาน ได้แก่ 2.2.1 ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษา เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนและ บุคลากรในสถานศึกษา ข้อมูลงบประมาณ และข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม 2.2.2 ข้อมูลที่เป็ นผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา เช่น ข้อมูล เกี่ยวกับผลการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรของสถานศึกษา ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับ สถานศึกษา ผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน ผลการทดสอบระดับชาติของ ผู้เรียน หรือผลการประเมินผู้เรียนอื่นๆ ผลการด าเนินงานในเชิงผลการประเมินจากการ ด าเนินงานตามแผนงานโครงการ และกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ผล การใช้แหล่งเรียนรู้ ภายในและภายนอกสถานศึกษา ผลการพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ผลการจัดกิจกรรมพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคม สรุปผลการประเมิน จาก หน่วยงานภายนอกและข้อเสนอแนะ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 225 3. เขียนรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาสถานศึกษาสามารถก าหนด รูปแบบการรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ได้ตามความเหมาะสม สามารถน าเสนอได้ทั้งข้อมูล เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การน าเสนออาจเป็นความเรียง ตาราง ประกอบความเรียง การบรรยายประกอบแผนภูมิ รูปภาพ หรือกราฟ ฯลฯ โดยใช้ภาษาที่อ่าน เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน สาระส าคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 บทสรุปส าหรับผู้บริหาร และส่วนที่ 2 ข้อมูลการประเมินตนเอง ซึ่งในส่วนที่ 2 น าเสนอข้อมูลพื้นฐานทั่วไป และตอบค าถาม 6 ข้อคือ ข้อ 1 มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีระดับคุณภาพใด ข้อ 2 ข้อมูล หลักฐาน และ เอกสารเชิงประจักษ์สนับสนุนมีอะไรบ้าง และข้อ 3 แผนงาน แนวทางพัฒนา คุณภาพให้ดีขึ้น กว่าเดิม 4. น าเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความเห็นชอบ สถานศึกษาต้อง น าเสนอรายงานให้คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความเห็นชอบและรับรองผลการประกัน คุณภาพภายในสถานศึกษาหลังจาก เขียนรายงานประเมินตนเองเสร็จสมบูรณ์แล้ว 5. รายงานและเปิ ดเผยต่อผู้เกี่ยวข้อง เมื่อรายงานผลการประเมินตนเองของ สถานศึกษาได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว สถานศึกษาจะต้อง รายงานและเผยแพร่ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาแก่ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ครู ผู้ปกครอง นักเรียน หน่วยงานต้นสังกัด ชุมชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสถานศึกษาสามารถ ด าเนินการเผยแพร่ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาได้หลากหลาย วิธีตามความเหมาะสม เช่น เว็บไซต์ของสถานศึกษา จุลสาร วารสาร แผ่นพับ เสียงตามสาย และการชี้แจงในการประชุม เป็นต้น 6. โครงสร้างรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา โครงสร้างรายงานผล การประเมินตนเองของสถานศึกษา มีดังนี้ ส่วนที่ 1 บทสรุปส าหรับผู้บริหาร แสดงรายละเอียดการสังเคราะห์ผลการประเมินตนเองและน าเสนอข้อมูลโดยสังเขป ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา และผลการประเมินตนเองที่มีความกระชับ ชัดเจน ตรงตามประเด็นส าคัญๆ และมีที่มาของหลักฐานชัดเจน ในเชิงประเมิน สื่อให้เห็นอย่างชัดเจน ถึงผลกระทบจากการด าเนินงานของ สถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพในด้านต่างๆ ตามกรอบ การประเมินซึ่งได้แก่ มาตรฐานของสถานศึกษา ส่วนที่ 2 รายละเอียดผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา แสดงรายละเอียดผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ประกอบด้วย ข้อมูล พื้นฐาน ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา และภาคผนวก ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 226 1. ข้อมูลทั่วไปของสถานศึกษา น าเสนอข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาที่ส าคัญ ให้เหมาะสม และเป็นไปตามสภาพจริง สะท้อนให้เห็นถึงสภาพ แวดล้อมของสถานศึกษา โดยน าเสนอเป็นความเรียง ตาราง แผนภูมิหรือกราฟ ตามความ เหมาะสมของข้อมูล ซึ่งข้อมูล พื้นฐานของสถานศึกษาอาจประกอบด้วย 1.1 ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา เช่น ชื่อ รหัสสถานศึกษา ที่ตั้ง หมายเลข โทรศัพท์ โทรสาร E-mail เว็บไซต์ ระดับชั้นที่เปิดสอน เป็นต้น 1.2 การบริหารจัดการแนวทางการจัดการศึกษา ประกอบด้วย ปรัชญา การศึกษา วิสัยทัศน์ พันธกิจ เอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของโรงเรียน เป็นต้น 1.3 ข้อมูลบุคลากร ประกอบด้วย จ านวนผู้บริหาร จ านวนครูจ าแนกตาม สาขาวิชา จ านวนนักเรียนจ าแนกตามระดับชั้น คุณลักษณะ เช่น ผู้เรียนที่มีความพิการ ผู้เรียน ที่มีความด้อยโอกาส ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ เป็นต้น 1.4 ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เช่น ค่าเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) หรือผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) เป็นต้น 1.5 ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม แหล่งเรียนรู้ภายใน/ภายนอกสถานศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น 2. ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา น าเสนอผลการประเมินตนเองตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ประกอบด้วย 2.1 การสรุปผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาในภาพรวม เป็นการ น าเสนอระดับคุณภาพในภาพรวมของสถานศึกษา ผลการด าเนินงานของสถานศึกษา ที่สนับสนุนผลการประเมินตามระดับคุณภาพที่สถานศึกษาได้รับ โดยน าผลการด าเนินงานทั้ง 3 มาตรฐาน และน าเสนอผลงานที่แสดงให้เห็นว่าสถานศึกษาได้รับผลการประเมินในระดับดังกล่าว เพราะเหตุใด โดยอาจน าเสนอเป็นความเรียง ตาราง แผนภูมิ หรือกราฟ ฯลฯ ตามความเหมาะสม ของข้อมูล โดยคณะกรรมการประเมินคุณภาพร่วมให้ระดับคุณภาพของสถานศึกษาในภาพรวม ซึ่งในบางครั้งอาจพบว่า ผลการประเมินมีความแตกต่างกัน จึงอาจต้องใช้วิธีทางด้าน คณิตศาสตร์ และทางด้านพฤติกรรมศาสตร์เพื่อหาฉันทามติของผล การประเมินตนเองของ สถานศึกษาในภาพรวม 2.2 การน าเสนอผลการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาเป็นรายมาตรฐาน เป็นการน าเสนอผลการประเมินคุณภาพภายในเป็นรายมาตรฐาน โดยอาจเขียนเป็นรายข้อ หรือความเรียงให้ครอบคลุมทุกประเด็นพิจารณาของแต่ละมาตรฐาน ซึ่งมีรายละเอียดการ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 227 น าเสนอใน 3 ประเด็น คือ 1) ระดับคุณภาพในแต่ละมาตรฐานอยู่ในระดับใด เป็นการตัดสิน ระดับคุณภาพตามมาตรฐาน โดยพิจารณาผลการด าเนินงานจากความส าเร็จตามประเด็น พิจารณาของแต่ละมาตรฐานแบบองค์รวม (Holistic) ทั้งนี้ผลการประเมินระดับคุณภาพต้อง สอดคล้องกับผลการด าเนินงานที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 5 ระดับ คือ ก าลัง พัฒนา ปานกลาง ดี ดีเลิศ และยอดเยี่ยม (แนวทางการให้ระดับคุณภาพในภาคผนวก) 2) มีหลักฐานในการอ้างอิงผลการประเมินตามประเด็นพิจารณาของแต่ละมาตรฐานอย่างไร ให้น าเสนอกระบวนการพัฒนา วิธีการด าเนินงานของสถานศึกษาในแต่ละมาตรฐานให้ชัดเจน ครอบคลุมตามประเด็นพิจารณา เพื่อสนับสนุนผลการตัดสินคุณภาพของมาตรฐาน โดยน าเสนอ ในเชิงปริมาณ และ/หรือเชิงคุณภาพให้เหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะข้อมูลในการประเมิน 3) สถานศึกษาแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา หรือจะมีกระบวนการพัฒนาคุณภาพตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร เป็นการน าเสนอผลการ ด าเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด หรือโครงการ/กิจกรรมที่คาดว่าหาก ด าเนินงานแล้ว จะส่งผลให้การจัดการศึกษาของสถานศึกษาในแต่ละมาตรฐาน มีคุณภาพ เพิ่มมากขึ้น สามารถช ารงค์รักษาหรือยกระดับคุณภาพได้ 2.3 ภาคผนวก น าเสนอหลักฐานข้อมูลส าคัญ หรือเอกสารอ้างอิงต่างโดยสังเขป 8.9 การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรบัการประเมินคณุภาพ ภายนอก การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก ส านักทดสอบทางการศึกษา (2561) การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อเข้ารับการ ประเมินภายนอก เป็นการสื่อสาร สร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับระบบการประเมินและการ ประกันคุณภาพการศึกษา ตลอดจนแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอก ตามกฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 รวมทั้งแนวทาง การด าเนินการเกี่ยวกับระบบข้อมูล สารสนเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อม ในการประเมินคุณภาพภายนอก แก่ส านักงาน เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาที่จะเข้ารับการประเมินภายนอก ซึ่งในการเตรียมความ พร้อมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ ายต้องมีความรู้ความเข้าใจ บทบาท สามารถด าเนินการพัฒนา คุณภาพ การศึกษาสู่การประกันคุณภาพภายใน และประเมินคุณภาพภายนอกได้ 1. บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และการเตรียม ความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 228 การด าเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2561 เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัด ส านักงานการศึกษาพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใช้เป็นแนวปฏิบัติในการดาเนินการ เพื่อการพัฒนา ส่งเสริม ก ากับดูแล และติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพต่อการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา (ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2561) ดังนี้ 1. ระดับสถานศึกษา ให้สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานด าเนินการ ดังต่อไปนี้ 1.1 สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาภายใน สถานศึกษา เพื่อให้เกิดการพัฒนาและเพื่อเป็นกลไกในการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาให้เกิดการพัฒนา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ชุมชน และผู้มี ส่วนเกี่ยวข้อง 1.2 จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ดังนี้ 1.2.1 ก าหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตาม มาตรฐาน การศึกษาระดับปฐมวัยหรือระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์ การศึกษาพิเศษ ที่กระทรวงประกาศใช้และให้สถานศึกษา ก าหนดเป้าหมายความส าเร็จตาม มาตรฐานของสถานศึกษาตามบริบท ทั้งนี้ สามารถเพิ่มเติมมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา นอกเหนือจากที่กระทรวง ศึกษาธิการประกาศใช้ได้ โดยให้สถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้องด าเนินการและ รับผิดชอบร่วมกัน 1.2.2 จัดท าแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับ สภาพปัญหาและความต้องการจ าเป็นของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยสะท้อนคุณภาพ ความส าเร็จอย่างชัดเจนตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา 1.2.3 ด าเนินการตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 1.2.4 ประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา โดยก าหนดผู้รับผิดชอบและวิธีการที่เหมาะสม 1.2.5 ติดตามผลการดาเนินการเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานของสถานศึกษาและน าผลการติดตามไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงพัฒนา 1.2.6 การจัดท ารายงานผลการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา น าเสนอรายงานผลการประเมินตนเองต่อ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความเห็นชอบ และจัดส่งรายงานดังกล่าวต่อส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาเป็นประจ าทุกปี
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 229 1.2.7 พัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ โดยพิจารณาจากรายงานผล การประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) และตามค าแนะน าของ ส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาหรือส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้การประกันคุณภาพ การศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 1.3 สถานศึกษาแต่ละแห่งให้ความร่วมมือกับส านักงานรับรอง มาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา เพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตามข้อเสนอแนะของส านักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่ก ากับ ดูแลเพื่อน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา 2. ระดับส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 2.1 ศึกษา วิเคราะห์รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ตลอดจน ให้ค าปรึกษา ช่วยเหลือและแนะน าสถานศึกษา เพื่อพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาของ สถานศึกษาแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง 2.2 รวบรวมและสังเคราะห์รายงานผลการประเมินตนเองของ สถานศึกษา (Self-Assessment Report: SAR) พร้อมกับประเด็นต่างๆ ที่ต้องการให้มีการประเมินผลและ ติดตามตรวจสอบ ซึ่งรวบรวมได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ สถานศึกษาแห่งนั้น และจัดส่งไปยังส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เพื่อใช้เป็นข้อมูลและแนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอก 2.3 ติดตามผลการด าเนินงาน ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ สถานศึกษาตามข้อเสนอแนะของส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เพื่อน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา 2.4 ให้ความร่วมมือกับส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา (องค์การมหาชน) ในการประเมินคุณภาพภายนอก 2.5 อาจมอบหมายบุคคลที่ไม่ได้เป็ นผู้ประเมินเข้าร่วมสังเกตการณ์และ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในกระบวนการประเมินคุณภาพภายนอก 3. แนวทางการเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา เพื่อเข้ารับการประเมินคุณภาพ ภายนอก ช่วงที่ 1 ก่อนการรับประเมินคุณภาพภายนอก 1. ด้านบุคลากร การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรนั้น ผู้บริหารจัดให้มีการประชุม ชี้แจงให้กับผู้เกี่ยวข้องให้รับทราบถึงแนวทาง วิธีการประเมินภายนอก พร้อมมอบหมายบทบาท
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 230 หน้าที่ ซักซ้อม ท าความเข้าใจในการน าเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงให้ตรงกันในแต่ละประเด็น และผู้ ประเมินภายในโดยตรวจสอบรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) รวมทั้ง หลักฐาน ร่องรอยเชิงประจักษ์ ตามมาตรฐานประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาให้ครบถ้วน ติดตาม ตรวจสอบงาน ตามภาระงาน ที่มอบหมายไว้ ส าหรับครูและบุคลากรในสถานศึกษาที่ เกี่ยวข้องรวมให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องที่รับผิดชอบ และเป็นผู้ถูกประเมินภายใน ตลอดจน ซักซ้อมการถาม-ตอบค าถามในแต่ละประเด็นพิจารณาร่วมกัน นอกจากนี้ควรมีการเตรียม ความพร้อมกับนักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษา หรือผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมให้เข้าใจ ตรงกัน 2. ด้านอาคารสถานที่ การเตรียมความพร้อมด้านอาคารสถานที่เป็นการพัฒนา สภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ ให้เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ให้มีความปลอดภัยกับ ผู้เรียน เช่น การจัดภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่ การจัดห้องเรียน การจัดห้องปฏิบัติการ รวมทั้งแหล่ง เรียนรู้ภายใน เช่น ห้องสมุด สวนวิทยาศาสตร์ แปลงเกษตร ฯลฯ (ทะเบียน แหล่งเรียนรู้ภายใน) ให้มีความสะอาด พร้อมในการใช้งานส าหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งจัดท าระเบียบแหล่ง เรียนรู้ ภายนอก เช่น พิพิธภัณฑ์สถานที่ส าคัญในชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ฯลฯ 3. ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เตรียมความพร้อมด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เอกสารในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นร่องรอย หลักฐานที่แสดงถึงความพร้อมในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอน และบันทึกการนิเทศชั้นเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในรอบปี ที่ผ่านมา เช่น หลักสูตรการศึกษา หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ หน่วยแผนการจัดประสบการณ์ หน่วยแผนการจัดการเรียนรู้สื่อการสอน เครื่องมือวัดและประเมินผล เครื่องมือนิเทศและรายงาน ผลการนิเทศ ฯลฯ 4. ด้านเอกสาร หลักฐาน ร่องรอย การเตรียมความพร้อมด้านเอกสาร หลักฐาน ร่องรอย ที่เกี่ยวข้องเป็นการเตรียมการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสารที่สถานศึกษา จัดท าขึ้นระหว่างการด าเนินการพัฒนาสถานศึกษาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เช่น ประกาศมาตรฐานและ ตั้งค่าเป้าหมายของสถานศึกษาที่มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาการจัดการศึกษา แผนปฏิบัติการ ประจ าปี และจัดท าสารสนเทศสถานศึกษา ตลอดจนเตรียมสื่อเทคโนโลยีให้มีความเป็นปัจจุบัน และพร้อมใช้งาน ฯลฯ ช่วงที่ 2ระหว่างรับประเมินคุณภาพภายนอก 1. อ านวยความสะดวกแก่คณะกรรมการประเมินตามความเหมาะสม เช่น เตรียม แหล่งข้อมูล หลักฐานเชิงประจักษ์ ผู้ประสานงานกับผู้ประเมิน เตรียมห้องส าหรับประชุมย่อย ของผู้ประเมิน
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 231 2. น าเสนอข้อมูลตามมาตรฐานและประเด็นการพิจารณา อาจน าเสนอโดยการ บรรยาย ประกอบ Power Point หรือ VTR โดยผู้บริหารสถานศึกษา ควรกระชับไม่ควรใช้เวลา ยาวนานมาก 3. ประสานงานขอความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ตัวแทนนักเรียน ตัวแทนต้นสังกัด องค์กรภาครัฐและเอกชน 4. ร่วมรับฟังการน าเสนอผลการประเมินด้วยวาจาและให้ข้อมูลเพิ่มเติม ผู้เข้าร่วม รับฟัง ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ตัวแทนนักเรียน กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน ตัวแทนต้นสังกัด 5. ในช่วงรับการประเมินภายนอก สถานศึกษามีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ ตามตารางสอน และตารางกิจกรรมที่ก าหนดไว้ ช่วงที่ 3 หลังเสร็จสิ้นการรับประเมินคุณภาพภายนอก 1. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบ รายงานผล การประเมินคุณภาพภายนอกตามที่ส านักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) แจ้งผล การประเมิน 2. สถานศึกษาสามารถโต้แย้งผลการประเมินคุณภาพภายนอกได้ โดยท าเป็น ลายลักษณ์อักษร สมศ.จะส่งผลการพิจารณา (ร่าง) รายงานการประเมินคุณภาพภายนอก สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สถานศึกษาพิจารณา โดยมีผลการพิจารณา 3 ประเภท ดังนี้ 1) เห็นชอบและยอมรับผลการประเมิน ตามที่คณะผู้ประเมินเสนอ 2) เห็นชอบ และยอมรับผลการประเมิน ตามที่คณะผู้ประเมินเสนอ โดยมีข้อแก้ไข ดังนี้ (อธิบายข้อที่ต้องการ แก้ไข) 3) ไม่เห็นชอบผลการประเมิน เพราะเหตุใด อธิบายพร้อมแนบเอกสาร/ หลักฐาน ประกอบ (สมศ.จะน าเรื่องเข้าคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป) โดย สมศ. มีแบบตรวจสอบ คุณภาพรายงานการประเมินคุณภาพภายนอก (ส าหรับสถานศึกษา) ให้สถานศึกษากรอกและ ส่งคืน ผู้ประเมิน เพื่อจัดส่งให้ สมศ.ต่อไป 3. วิเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพภายนอกเพื่อการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขตาม ความจ าเป็นเร่งด่วน ปกติ หรือก าหนดลงในแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาระยะยาว สรุปได้ว่า ระบบการประกันคุณภาพ มี 2 ระบบ คือ การประกันคุณภาพการศึกษา ภายในหน่วยงานด าเนินการทุกปีและการประกันคุณภาพการศึกษาภายนอกประเมินทุกๆ 5 ปี โดย สมศ.การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการประเมินคุณภาพภายนอก มีการจัดท า รายงานผลการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) และให้ความร่วมมือกับส านักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในการประเมินคุณภาพ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 232 ภายนอกของสถานศึกษา เพื่อปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในส่วนของบทบาทระดับเขต พื้นที่การศึกษา มีการศึกษา วิเคราะห์รวบรวมและสังเคราะห์รายงานผลการประเมินตนเองของ สถานศึกษา รวมถึงติดตามผลการด าเนินงานและให้ความร่วมมือกับส านักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ในการประเมินคุณภาพภายนอก ดังภาพ ภาพที่8.1 การประกันคุณภาพการศึกษา
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 233 ภาพที่ 8.2 การประกันคุณภาพการศึกษายุควิถีใหม่ รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ (2565)ได้ท าวิจัยเรื่อง กระบวนการและฐานข้อมูล ส าหรับการประเมินคุณภาพภายนอกที่ลดความเหลื่อมล ้าของสถานศึกษาขนาดเล็กในประเทศ ไทย พบว่า ผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาในการประเมินคุณภาพ ภายนอก รอบสาม (พ.ศ. 2559-2563) ของส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหา อุปสรรค ของการประเมิน คุณภาพภายนอก ที่ลดความเหลื่อมล ้าของสถานศึกษาขนาดเล็กในประเทศไทย 2) เพื่อ ออกแบบกระบวนการการประเมินคุณภาพภายนอกแนวใหม่ ที่ลดความเหลื่อมล ้าของ สถานศึกษาขนาดเล็กของประเทศไทย 3) เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลการประเมินคุณภาพภายนอก แนวใหม่ ที่ลดความเหลื่อมล ้าของสถานศึกษาขนาดเล็กของประเทศไทย รวบรวมข้อมูลจากผู้ให้ ข้อมูล (Key Informant) ได้จากบุคลากรในโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนอยู่ในบริบทที่มีความเหลื่อม ล ้า ติดอาณาเขตประเทศเพื่อนบ้าน และ แบบสอบถามที่สร้างด้วย Google form มีผู้ที่จะเข้า ร่วมโครงการ โดยสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จ านวน 93 คน ผู้วิจัยได้สร้าง โปรแกรม SQL น ามาวิเคราะห์กลยุทธ์สถานศึกษา เพื่อการประกันคุณภาพภายในสู่การ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 234 ประเมินคุณภาพภายนอกในครั้งนี้ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาสภาพปัญหา โดยการ วิเคราะห์กลยุทธ์ของสถานศึกษา จุดแข็ง ความสามัคคีของบุคลากรมีความใกล้ชิดสนิทสนม เสมือนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน บุคลากรมีความตั้งใจและมีความรับผิดชอบสูง ส่วนจุดอ่อน ขาดแคลนบุคลากร วัสดุครุภัณฑ์โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ทันสมัย จุดอ่อน ซึ่งมีผลมาจาก ข้อจ ากัดของงบประมาณ ส่วนผลกรทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน และการพัฒนา ในด้านของเด็กปฐมวัย ส าหรับโอกาสในการพัฒนา จะได้รับความร่วมมือจากชุมชนสูง มีแหล่ง เรียนรู้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่วนอุปสรรค ทุกพื้นที่ผู้ปกครองมี ฐานะยากจน สภาพทางเศรษฐกิจของชุมชนค่อนข้างต ่า 2) ได้รูปแบบการปฏิบัติงานโรงเรียน ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ น าไปสู่การเขียน SAR เพื่อรองรับการประเมินจากภายนอก 3) ได้ Platform ส าหรับบันทึกฐานข้อมูล จากการวางแผนกลยุทธ์เชื่อมโยงกับระบบการติดตาม ประเมินผลจากผู้ประเมินภายนอก ผลการวิจัย ดังภาพ ภาพที่ 8.3 กลยุทธ์เชิงรุก กลยุทธ์เชิงรับ ของสถานศึกษาขนาดเล็ก กลยุทธ์เชิงรุก (SO) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับ กลยุทธ์เชิงรับ (WT) อย่างมี นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่า r = .864 จุดแข็ง มีอิทธิพลต่อ กลยุทธ์เชิงรุก (SO) ค่าน ้าหนัก .825 R 2 = .681 โอกาส มีอิทธิพลต่อ กลยุทธ์เชิงรุก (SO) ค่าน ้าหนัก .756 R 2 = .571 จุดอ่อน มีอิทธิพลต่อ กลยุทธ์เชิงรับ (WT) ค่าน ้าหนัก .783 R 2 = .612 อุปสรรค มีอิทธิพลต่อ กลยุทธ์เชิงรับ (WT) ค่าน ้าหนัก .861 R 2 = .741
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 235 ภาพที่ 8.4 อิทธิพลทางตรงและอิทธิพลทางอ้อมที่ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาขนาดเล็ก ที่มา : รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ (2565) กลยุทธ์เชิงรุก (SO) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อแผนกล ยุทธ์Strategic Plan (-.117 * 971) R 2 = .943 กลยุทธ์เชิงรุก (SO) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อแผน กลวิธี Tactical Plan (-.117 * 968) R 2 = .936 กลยุทธ์เชิงรุก (SO) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อ แผนปฏิบัติการ Operational Plan (-.117 * 1.011) R 2 = 1.023 กลยุทธ์เชิงรับ (WT) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อแผนกล ยุทธ์Strategic Plan (.148 * 971) R 2 = .943 กลยุทธ์เชิงรับ (WT) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อแผน กลวิธี Tactical Plan (.148 * 968) R 2 = .936 กลยุทธ์เชิงรับ (WT) มีอิทธิพลทางอ้อม (Indirect effect) ผ่านภาพรวมแผน ต่อ แผนปฏิบัติการ Operational Plan (.148 * 1.011) R 2 = 1.023
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 236 สรุปท้ายบท การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นการบริหารจัดการตามนโยบาย กิจกรรม และภารกิจ ของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผนที่ก าหนดไว้เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นไป ตามมาตรฐานการศึกษา ประกอบด้วย การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และการประกันคุณภาพ การศึกษาภายนอก ความส าคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ท าให้ประชาชนได้รับข้อมูล คุณภาพการศึกษาที่เชื่อถือได้ป้องกันการจัดการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ ท าให้ผู้รับผิดชอบในการ จัดการศึกษามุ่งบริหารจัดการศึกษาสู่คุณภาพและมาตรฐานอย่างจริงจัง ประโยชน์ของการประกัน คุณภาพการศึกษาเพื่อครูได้ท างานอย่างมืออาชีพ ผู้บริหารได้ใช้ภาวะผู้น าและความรู้ความสามารถ ในการบริหารงานอย่างเป็นระบบ กรรมการสถานศึกษาได้ท างานตามบทบาทหน้าที่อย่าง เหมาะสม หน่วยงานที่ก ากับดูแล ได้สถานศึกษาที่มีคุณภาพและศักยภาพในการพัฒนาตนเอง ชุมชนและสังคมประเทศชาติ ได้เยาวชนและคนที่ดี มีคุณภาพ ผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจ จากการให้บริการของหน่วยงาน พระราชบัญญัติการประกันคุณภาพการศึกษา ตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 หมวดที่ 6 มาตรฐานและการ ประกันคุณภาพการศึกษา ได้แก่ มาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 มาตรา 50 มาตรา 51“การประกัน คุณภาพการศึกษาภายใน” เป็นการด าเนินการประเมินผลติดตาม และตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ตามมาตรฐานการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ ผู้รับบริการทางการศึกษาที่สอดคล้องกับชุมชนและท้องถิ่น “การประกันคุณภาพการศึกษา ภายนอก” เป็นการประเมินผลและการติดตาม ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของ สถานศึกษาจากภายนอก โดยส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือ บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกให้การรับรองเพื่อเป็นการประกันคุณภาพให้มีการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระบบการบริหารงานซึ่งต้องใช้องค์ประกอบ การวางแผนงาน การปฏิบัติตามแผนงาน การติดตามแผนงาน และการประเมินผลการท างาน ซึ่งในแต่ละองค์ประกอบ ย่อยต้องมีข้อปฏิบัติให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อให้หน่วยงานใช้เป็นเข็มทิศ ในการท างานด้านประกันคุณภาพการศึกษา และการประกันคุณภาพยุควิถีใหม่ สรุปได้ดังภาพ
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 237 เอกสารอ ้ างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). กฎกระทรวงว่าด้วย ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกัน คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553, ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553. ม.ป.ป. (เอกสารอัดส าเนา) _______. กระทรวงศึกษาธิการ (2563). การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรับการ ประเมินคุณภาพภายนอกส านักทดสอบทางการศึกษา, ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจ ากัด เอ็น.เอ.รัตนะเทรดดิ้ง _______. กระทรวงศึกษาธิการ (2563). การจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา, ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจ ากัด เอ็น.เอ. รัตนะเทรดดิ้ง _______. กระทรวงศึกษาธิการ (2563) แนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561.ส านักทดสอบทาง การศึกษา, ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วน จ ากัด เอ็น.เอ.รัตนะเทรดดิ้ง. _______. กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). กรอบแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ (พ.ศ.2559-2563) ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. _______. (2561). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. จารุกิตติ์ สุดสุข. (2565). “การด าเนินการประกันคุณภาพการศึกษา” วารสารบัวบัณฑิต ปีที่ 22ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2565) พระเมธีปริยัติธาดา (บุญพรม จารุปญฺโญ) และคณะ. (2564). การประกันคุณภาพการศึกษา. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ฯ ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน) 2564. หน้า 375 –389 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542. (2542). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 116 ตอนที่ 74 ก (19 สิงหาคม 2542). _______. (2545).ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 119 ตอนที่ 123 ก(19 ธันวาคม 2545). ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2554). คู่มือการ ประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม (พ.ศ.2554-2558) ระดับการศึกษาปฐมวัย (2 – 5 ปี) ฉบับสถานศึกษา (แก้ไขเพิ่มเติม พฤศจิกายน 2554). ค้นเมื่อ 12 ธันวาคม
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 238 2565, จากhttp://www.onesqa.or.th/th/content-view/921/1204/ _______. (2560). กรอบแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ (พ.ศ. 2559 - 2563). การประชุมคณะกรรมการบริหาร สมศ. ครั้งที่ 10/2560. ค้นเมื่อ 12 ธันวาคม 2562, จาก https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2017/11/ 20171101141827_70942.pdf รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ และคณะ. (2565). กระบวนการและฐานข้อมูลส าหรับการประเมิน คุณภาพภายนอกที่ลดความเหลื่อมล ้าของสถานศึกษาขนาดเล็กในประเทศไทย. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) สุพิชญา กลันนุรักษ์. (2559). การด าเนินงานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียน ขนาดกลางในกลุ่มเกาะแก้ว สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1(งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา. ส านักงานประกันคุณภาพการศึกษา.(2564). การประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับ หลักสูตร. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2565 จาก https://www.western.ac.th/index.php/th/chaqa-breuro ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (2566) เอกสาร การประชุมวิชาการระดับชาติเนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่23 สมศ. (2566) สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2565 WWW.ONESQA.OR.TH อุทุมพร จามรมาน. (2564). การประกันคุณภาพการศึกษากับการประเมินภายนอก.รายงานวิจัยฉบับ สมบูรณ์. ส านักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.)
การบริหารงานวิชาการ..เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ 239 บทที่ 9 การน ิ เทศการศึ กษา ในชี ว ิ ตว ิ ถ ีใหม ่ “....สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ท าให้ การจัดการเรียนรู้ในสถานศึกษาเกิดปัญหาและอุปสรรค สถานศึกษาทุกระดับไม่สามารถจัดการ เรียนรู้ได้ตามปกติ ภายหลังรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ก็ยังคงอยู่ในสถานการณ์ ที่ไม่สามารถ จัดการเรียนรู้ได้ที่สถานศึกษา ซึ่งสถานศึกษาเป็นสถานที่ที่มีแนวโน้มที่มีความ เสี่ยงสูงจะเกิดการแพร่ระบาด จัดการเรียนรู้อยู่ในรูปแบบ ผสมประกอบด้วย Online, On-Air, On Demand และ On Hand ท าให้การนิเทศการศึกษาของครูเป็นไปในลักษณะของการน า เทคโนโลยีมาใช้ในรูปแบบของการนิเทศออนไลน์เต็มรูปแบบ ศึกษานิเทศก์เข้านิเทศ ห้องเรียน ออนไลน์ สังเกตการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนออนไลน์ของครูผู้สอน ใช้ในรูปแบบนิเทศ ห้องเรียนออนไลน์ แต่ปรับกระบวนการนิเทศการศึกษาจากการเข้าไปสังเกตห้องเรียน การ ประเมินผลงานครูแนวใหม่ ครูจะต้องมีการอัดคลิป เปลี่ยนมาเป็นการดูวิดีโอ การจัดการเรียนรู้ ของครูที่บันทึกไว้ให้ศึกษานิเทศก์ดูภายหลัง จากสภาพปัญหาและภาวะวิกฤตที่กล่าวมาข้างต้น นี้ จึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการนิเทศการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ ด้วยการน าเครื่องมือ ทางเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการนิเทศการศึกษาพร้อมกับการสร้างชุมชนการเรียนรู้ดิจิทัล เพื่อน ากระบวนการนิเทศการศึกษาการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่มาใช้ให้ทันต่อสถาณการณ์การ จัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน...” ในบทที่ 9 การนิเทศการศึกษาในวิถีชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วย ความหมายของ การนิเทศการศึกษา หลักการนิเทศการศึกษา ความมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา