The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by niramonchaiwong9, 2022-09-25 21:49:13

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร












การควบแนน่ ของไอน้า

การระเหยของน้า หยาดนา้ ฟา้
นา้ ไหลออกสู่ทะเล

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 11

คูม่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

เรอื่ งที่ 1 แหลง่ น้า

ในเรื่องนีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหลง่ น้า โดยให้
นักเรียนจ้าแนกประเภทของแหล่งน้าและตระหนักถึง
ความสา้ คญั ของน้า และการอนรุ ักษ์น้า

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. เปรียบเทยี บสัดสว่ นปริมาณน้าบนโลกในแต่ละแหล่ง
โดยใช้แบบจ้าลอง

2. อภิปรายและระบุแหล่งน้าท่ีจัดเป็นแหล่งน้าผิวดิน
และแหลง่ นา้ ใต้ดนิ

3. สา้ รวจการใชน้ า้ และวางแผนการใช้น้าอย่างประหยัด
4. ส้ารวจแหล่งน้าและน้าเสนอแนวทางการอนุรักษ์น้า

ในแหล่งน้าทอ้ งถิ่น

เวลา 4 ช่วั โมง

วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้

น้า ขวดพลาสติกขนาด 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1. หนังสือเรียน ป.5 เลม่ 2 หน้า 5 - 16
หรือ 1 ลิตร หลอดฉีดยาขนาด 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
บีกเกอร์ขนาด 500 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร ช้อน ใบเสรจ็ ค่าน้า 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.5 เล่ม 2 หนา้ 4 – 14

12 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร

แนวการจดั การเรยี นรู้ (60 นาท)ี

ขนั้ ตรวจสอบความรู้ (20 นาท)ี

1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมเก่ียวกับแหล่งนา้ โดยครูน้ารูปแหลง่ น้าต่าง ๆ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
เช่น มหาสมุทร ทะเล บึง แม่น้า น้าในดิน น้าบาดาล ธารน้าแข็ง ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
มาให้นกั เรยี นดู และน้าอภิปรายโดยใชค้ า้ ถาม ดงั นี และยังไม่เฉลยค้าตอบใด ๆ ให้กับ
1.1 จากรูปแหล่งน้าต่าง ๆ ดังกล่าวจะจัดกลุ่มแหล่งน้านีได้ก่ีกลุ่ม นักเรียน แต่ชักชวนให้นักเรียนไป
อะไรบ้าง (นักเรียนอาจจัดได้ 2 กลุ่ม คือน้าจืดและน้าเค็ม โดย หาค้าตอบด้วยตนเองจากการอ่าน
น้าเค็ม เช่น มหาสมุทร ทะเล และน้าจืด เช่น บึง แม่น้า เนอื เรอื่ ง
น้าในดิน น้าบาดาล ธารน้าแข็ง หรือ 2 กลุ่ม คือน้าผิวดินและ
น้าใต้ดิน โดยน้าผิวดิน เช่น มหาสมุทร ทะเล บึง แม่น้า
ธารน้าแขง็ และนา้ ใต้ดิน เชน่ น้าในดนิ น้าบาดาล)
1.2 แหล่งน้าใดที่น้ามาใช้ในการอุปโภคบริโภค (บึง แม่น้า และ
นา้ บาดาล)
1.3 น้ามีความส้าคัญอย่างไรและแหล่งน้ามีอยู่ที่ใดบ้าง จากนันครูให้
นกั เรยี นหาคา้ ตอบจากการอ่านเร่อื งแหล่งน้า (นักเรยี นตอบตาม
ความเข้าใจของตนเอง เช่น แหล่งน้ามีความจ้าเป็นต่อการ
ด้ารงชีวิตของมนุษย์ ใช้ในการท้ากิจกรรมต่าง ๆ เช่น อาบน้า
แปรงฟนั ซกั ผา้ ลา้ งจาน)

ขั้นฝึกทักษะจากการอ่าน (20 นาที)

2. นักเรียนอ่านชื่อเร่ือง และค้าถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
หน้า 5 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อช่วยกันหาค้าตอบตามความ ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
เข้าใจของกลุ่ม ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้ ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
เปรียบเทียบคา้ ตอบภายหลงั การอ่านเนือเรื่อง อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
3. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียน นกั เรียน
อ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านให้ถูกต้อง) จากนันครูชักชวนให้
นกั เรียนอธิบายความหมายของค้าสา้ คัญจากเนือเรื่องทจี่ ะอ่าน

4. นกั เรยี นอา่ นเนือเร่อื งในหนังสือเรยี น หน้า 5 โดยครฝู ึกทักษะการอ่าน
ตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครูใช้
คา้ ถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยใช้ค้าถามดงั นี
4.1 แหล่งน้าจ้าเป็นต่อมนุษย์อย่างไร (มนุษย์ใช้น้าในการท้า
กิจกรรมต่าง ๆ เช่น อาบนา้ แปรงฟัน ซักผ้า ล้างจาน)

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 13

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

4.2 แหล่งน้าคืออะไร (แหล่งน้า คือ บริเวณที่มีน้าอยู่รวมกันเป็น
จ้านวนมาก)

4.3 แหล่งน้าบนโลกมีอยู่ท่ีใดบ้าง (แหล่งน้าบนโลกมีทังแหล่งท่ีอยู่
บนผิวดินและแหลง่ ที่อยใู่ ต้ดนิ )

4.4 ปัญหาของแหล่งน้ามีอะไรบ้าง (แหล่งน้าเสื่อมโทรม น้าเน่าเสีย
นา้ แหง้ ขอด)

4.5 ท้าไมเราจึงควรอนุรักษ์แหล่งน้า (เพ่ือให้เรามีน้าสะอาดไว้ด่ืม
ไวใ้ ชต้ ลอดไป)

ขน้ั สรปุ จากการอ่าน (20 นาท)ี

5. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพื่อให้ได้ข้อสรุปวา่ แหล่งน้าบนโลกมีทัง การเตรียมตวั ล่วงหนา้ สาหรบั ครู
น้าจืดและน้าเค็ม ซึ่งอยู่ในแหล่งน้าต่าง ๆ ทังแหล่งน้าผิวดินและ เพอ่ื จดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ถัดไป
แหล่งน้าใต้ดิน น้าแต่ละแหล่งมีปริมาณน้าแตกต่างกัน และจาก
ปญั หาแหลง่ นา้ เสื่อมโทรมในปัจจุบัน นักเรยี นจงึ ควรอนุรักษ์แหล่งน้า ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ท้า
เพ่อื ให้มีน้าสะอาดไว้ด่ืม ไว้ใช้ตลอดไป กิจกรรมท่ี 1.1 น้าแต่ละแหล่งบนโลกมี
อยู่เทา่ ใด ครมู อบหมายให้นักเรียนในห้อง
6. นกั เรียนตอบคา้ ถามจากเรื่องทอ่ี ่านในรู้หรือยัง ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม ช่วยกันเตรียมขวดพลาสติกเปล่าขนาด
หนา้ 5 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ 1 ลิตร
จา้ นวน 22 ขวดมาลว่ งหนา้
7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบค้าตอบของนักเรียน
ในรู้หรือยงั

8. ครูชักชวนนักเรียนตอบค้าถามท้ายเร่ืองที่อ่าน คือ แหล่งน้าบนโลกอยู่
ที่ใดบ้าง น้าแต่ละแหล่งมีปริมาณเท่าใด เราสามารถน้าน้าทังหมดมา
ใช้ประโยชนไ์ ด้หรอื ไม่ อย่างไร เราสามารถอนุรกั ษแ์ หลง่ น้าไดอ้ ยา่ งไร
ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบนกระดาน โดยยังไม่เฉลยค้าตอบ
แต่ชักชวนใหน้ กั เรยี นหาค้าตอบจากการท้ากจิ กรรม

14 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม

นา้ มคี วามจาเป็นต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ เช่น
มนุษย์ใช้น้าในการทากจิ กรรมต่าง ๆ เช่น อาบนา้ แปรงฟนั ซกั ผ้า ลา้ งจาน
แหล่งน้า คอื บรเิ วณท่ีมีนา้ อยู่รวมกันเปน็ จานวนมาก
แหล่งน้าบนโลกมที ั้งแหลง่ ท่ีอยู่บนผิวดนิ และแหลง่ ท่อี ยูใ่ ตผ้ วิ ดิน

จุดประสงค์ของกจิ กรรมนีจ้ ะไดเ้ รียนต่อไปในกิจกรรมท่ี 1.1 นา้ แต่ละแหลง่
บนโลกมอี ยู่เท่าใด

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 15

คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

กิจกรรมท่ี 1.1 น้าแตล่ ะแหลง่ บนโลกมอี ยเู่ ทา่ ใด

กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สร้างแบบจา้ ลองเปรียบเทียบสดั สว่ น
ปริมาณน้าของโลกในแหล่งต่าง ๆ ของโลกและระบุแหล่งน้าที่
จัดเปน็ แหลง่ นา้ ผวิ ดินและแหลง่ นา้ ใต้ดิน

เวลา 2 ชวั่ โมง

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เปรียบเทียบสัดส่วนปริมาณน้าบนโลกในแต่ละแหล่ง
โดยใชแ้ บบจา้ ลอง

2. อภิปรายและระบุแหล่งน้าท่ีจัดเป็นแหล่งน้าผิวดินและ
แหลง่ น้าใต้ดนิ

วัสดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม

สงิ่ ท่ีครูต้องเตรียม/หอ้ ง

1. บกี เกอรข์ นาด 500 cm3 1 ใบ

2. บกี เกอรข์ นาด 250 cm3 1 ใบ

3. หลอดฉีดยาขนาด 5 cm3 1 หลอด

4. ช้อน 1 คัน ส่ือการเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้

สิ่งทีน่ ักเรยี นต้องเตรยี ม/หอ้ ง 1. หนงั สือเรยี น ป.5 เล่ม 2 หนา้ 6 – 10

1. น้า 20,000 cm3 หรอื 20 ลติ ร 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.5 เล่ม 2 หนา้ 4 – 8

2. ขวดพลาสติกขนาด 1,000 cm3 หรอื 1 ลติ ร 22 ขวด 3. วีดิทัศนต์ วั อย่างการปฏิบตั ิการวิทยาศาสตรส์ า้ หรับครู

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เร่ืองนา้ บนโลกมอี ยเู่ ทา่ ใด http://ipst.me/9915

S2 การวัด
S3 การใช้จา้ นวน
S4 การจ้าแนกประเภท
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
S14 การสร้างแบบจา้ ลอง

ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C2 การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความรว่ มมอื

16 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวการจัดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ค รู เ พี ย ง รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง
1. ครูตรวจสอบความร้เู ดมิ เกยี่ วกับปรมิ าณน้าในแตล่ ะแหลง่ บนโลก จากนนั นักเรียนเป็นส้าคัญ และยังไม่
ให้นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายโดยใช้ค้าถามดงั ตอ่ ไปนี เฉลยคา้ ตอบใด ๆ ให้กับนกั เรียน
1.1 ปรมิ าณน้าบนโลกสว่ นใหญเ่ ปน็ นา้ จืดหรือนา้ เค็ม (นักเรียนตอบตาม แ ต่ ชั ก ช ว น นั ก เ รี ย น ไ ป ห า
ความเขา้ ใจของตนเอง เช่น นา้ บนโลกส่วนใหญเ่ ปน็ น้าเคม็ ) ค้าตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม
1.2 แหล่งน้าใดบ้างเป็นน้าจืด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ตา่ ง ๆ ในบทเรยี นนี
เช่น ธารน้าแข็งและพืดน้าแข็ง ชันดินเยือกแข็งคงตัวและน้าแข็ง
ใต้ดิน ความชืนในดิน ความชืนในบรรยากาศ น้าในส่ิงมีชีวิต ความรู้เพิ่มเติมสาหรบั ครู
นา้ ใตด้ ิน ทะเลสาบ บึง แม่นา้ )
1.3 แหลง่ น้าใดบ้างเป็นนา้ เคม็ (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง 1,000 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร
เช่น มหาสมุทรและทะเล) เท่ากับ 1,000 มิลลลิ ติ ร
1.4 แหล่งน้าใดมีน้ามากที่สุด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เท่ากับ 1 ลิตร
เช่น มหาสมุทรและทะเล)

2. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรม 1.1 โดยใช้ค้าถามว่า
แหล่งน้าจืดมีหลายแหล่ง อยากรู้หรือไม่ว่าน้าจืดบนโลกท่ีมนุษย์สามารถ
ใชไ้ ดม้ ีปริมาณเทา่ ใด

3. นกั เรียนอ่านช่อื กิจกรรม และทาเปน็ คดิ เปน็ จากนนั ร่วมกนั อภิปรายเพ่ือ
ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการท้ากิจกรรมโดยใช้
ค้าถาม ดงั นี
1.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (ปริมาณน้าในแหล่งน้า
ต่าง ๆ บนโลก)
1.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นร้เู ร่ืองนดี ว้ ยวิธใี ด (สรา้ งแบบจ้าลอง และอภิปราย)
1.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (ระบุแหล่งน้าผิวดินและ
น้าใตด้ นิ และอธิบายสดั สว่ นของปรมิ าณนา้ ของโลกในแต่ละแหลง่ )

4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 4 และอ่าน
ส่ิงที่ต้องใช้ในการท้ากิจกรรม ซ่ึงถ้านักเรียนไม่รู้จักวัสดุ อุปกรณ์
บางอย่าง ครูควรน้าส่ิงนันมาแสดงให้ดู หรือถ้านักเรียนไม่รู้วิธีการใช้
อุปกรณ์ ครคู วรแนะนา้ และสาธติ วธิ ีการใช้อปุ กรณ์

5. นักเรยี นอา่ นทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝกึ อ่านทเ่ี หมาะสมกับความสามารถ
ของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะท้ากิจกรรมอย่างไร
จนนักเรียนเข้าใจล้าดับการท้ากิจกรรม โดยใช้ค้าถามต่อไปนี (ครูอาจ
ช่วยเขียนสรุปเปน็ ขนั ตอนสนั ๆ บนกระดาน)

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 17

ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

5.1 นักเรียนเตรียมน้าแทนปริมาณน้าทังหมดบนโลกจ้านวนกี่ลิตร แล้ว ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
น้ามาใส่ขวดพลาสติกขนาด 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ 1 ลิตร ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
ได้กี่ขวด (เตรียมน้า 20 ลิตร แทนน้าทังหมดบนโลก น้ามาใส่
ขวดพลาสติกขนาด 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ 1 ลิตร ได้ 20 ทนี่ ักเรียนจะได้ฝึกจากการทากจิ กรรม
ขวด) S2 การแบง่ นา้ ในขวดและช้อนตามวิธีท้าใน

5.2 แบ่งน้าจากขวดใบที่ 1 ออกมาใส่บีกเกอร์ใบท่ี 1 ก่ีลูกบาศก์ กจิ กรรม
เซนติเมตร (500 ลกู บาศก์เซนติเมตร) S3 การค้านวณผลเปรียบเทียบสัดส่วน

5.3 แบ่งน้าจากบีกเกอร์ใบท่ี 1 ออกมาใส่บีกเกอร์ใบท่ี 2 ก่ีลูกบาศก์ ปริมาณน้าบนโลกในแต่ละแหล่ง
เซนตเิ มตร (150 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร) S4 การจ้าแนกประเภทของแหล่งน้าผิวดิน

5.4 แบ่งน้าจากบีกเกอร์ใบที่ 2 ออกมา 2 ลูกบาศก์เซนติเมตร ใส่ช้อน และแหลง่ น้าใตด้ นิ ได้
ด้วยวิธีใด (ตวงน้า 2 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ 2 มิลลิลิตรโดยใช้ S14 การสร้างแบบจ้าลองเปรียบเทียบ
หลอดฉดี ยาขนาด 5 มิลลิลิตร)
สัดส่วนปริมาณน้าของโลกในแหล่ง
5.5 นักเรยี นตอ้ งท้าอะไรต่อไป (อ่านใบความรเู้ ร่อื งปริมาณน้าบนโลก) ต่าง ๆ ของโลก
ครูอาจแนะนา้ ใหน้ ักเรยี นใช้แอปพลิเคชัน “AR สสวท.วทิ ย์ประถม” C2 การอ่านใบความรู้แล้วมาอธิบาย
ส้าหรับการสังเกตภาพเสมือนจริง (AR) ตามหัวข้อสื่อเสริมเพ่ิม เปรียบเทียบปริมาณน้าท่ีแบ่งใส่ขวด
ความรู้ เรอื่ งปรมิ าณนา้ บนโลก และช้อนว่าแทนสัดส่วนปริมาณน้า
แหล่งใดของโลก
5.6 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อน้าไปสู่การสรุปผลตามประเด็นใดบ้าง C4 การอภิปรายเกี่ยวกับสัดสว่ นปริมาณน้า
(ปริมาณน้าในแต่ละขวดและในช้อนแทนสัดส่วนปริมาณน้าใน ในแหล่งต่าง ๆ ของโลก
แหล่งน้าของโลกใดบ้าง แหล่งน้าของโลกแบ่งออกเป็นก่ีประเภท C5 การร่วมสร้างแบบจ้าลองเปรียบเทียบ
อะไรบ้าง) สัดส่วนปริมาณน้าของโลกในแหล่ง
ต่าง ๆ ของโลก
6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุ
อปุ กรณ์ และใหน้ กั เรียนลงมอื ปฏบิ ัติตามขนั ตอน ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
7. หลงั จากท้ากิจกรรมแล้ว ครนู ้าอภปิ รายผลการท้ากจิ กรรมโดยให้นกั เรียน ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
เปรียบเทียบตัวเลขกับปริมาณนา้ ในภาชนะคู่นัน เพื่อให้เข้าใจถึงปริมาณ อยา่ งเหมาะสม รอคอยอยา่ งอดทน
มากและน้อย และใชค้ า้ ถาม ดังต่อไปนี แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
7.1 จากแบบจ้าลอง น้าทังหมดท่ีมีบนโลกมีก่ีลูกบาศก์เซนติเมตร นักเรยี น
(20,000 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร)
7.2 การแบง่ น้าจากขวดหนึง่ ใบมาใส่ในบีกเกอร์ใบท่ี 1 คดิ เป็นปริมาณ
น้าร้อยละเท่าใดเม่ือเทียบกับปริมาณน้าทังหมดในแบบจ้าลอง
และเทยี บไดก้ ับแหล่งนา้ ใด (ร้อยละ 2.5 เทยี บไดก้ ับแหล่งนา้ จดื )
7.3 จากแบบจ้าลอง น้าในบีกเกอร์ใบท่ี 2 มีปริมาณเท่าใด คิดเป็น
ปรมิ าณน้าร้อยละเท่าใดเมือ่ เทียบกับปริมาณนา้ ทงั หมด และเทียบ

18 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร 19

ได้กับแหล่งน้าใด (ปริมาณ 150 ลูกบาศก์เซนติเมตร คิดเป็น
ร้อยละ 0.75 เทียบได้กบั แหล่งน้าจดื ทสี่ ามารถน้าน้ามาใช้ได)้
7.4 จากแบบจ้าลอง น้าที่เหลือในบีกเกอร์ใบท่ี 1 แล้วใส่ในขวดใบที่
21 มีปริมาณเท่าใด คิดเป็นร้อยละเท่าใดเม่ือเทียบกับปริมาณน้า
ทังหมด และเทียบได้กับแหล่งน้าใด (ปริมาณ 350 ลูกบาศก์
เซนติเมตร คิดเป็นร้อยละ 1.75 เทียบได้กับแหล่งน้าจืดที่
ไม่สามารถน้าน้ามาใชไ้ ด้)
7.5 จากแบบจ้าลอง น้าท่ีอยู่ในช้อนมีปริมาณเท่าใด คิดเป็นร้อยละ
เท่าใดเมื่อเทียบกับปริมาณน้าทังหมด และเทียบได้กับแหล่งน้าใด
(ปริมาณ 2 ลูกบาศก์เซนติเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.01 เทียบได้กับ
แหลง่ น้าจืดทส่ี ามารถนา้ น้ามาใชไ้ ด้ทันที)
7.6 จากแบบจ้าลอง น้าที่เหลือในบีกเกอร์ใบท่ี 2 แล้วใส่ขวดใบท่ี 22
มีปริมาณเท่าใด คิดเป็นร้อยละเท่าใดเมื่อเทียบกับปริมาณน้า
ทังหมด และเทียบได้กับแหล่งน้าใด (ปริมาณ 148 ลูกบาศก์
เซนติเมตร คิดเป็นร้อยละ 0.74 เทียบได้กับแหล่งจืดท่ีไม่สามารถ
นา้ น้ามาใช้ได)้
7.7 โลกปกคลุมดว้ ยน้าร้อยละเท่าใดของพืนที่ทงั หมด (รอ้ ยละ 70)
7.8 ปรมิ าณน้าบนโลกส่วนใหญเ่ ปน็ นา้ จดื หรือนา้ เคม็ (นา้ เค็ม)
7.9 นักเรียนคิดว่าแหล่งน้าเค็มพบได้ที่ไหนบ้าง (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจ เช่น มหาสมุทร ทะเล ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า
แหล่งนา้ เค็มท่ีสามารถพบไดอ้ กี เช่น ทะเลสาบนา้ เค็ม)
7.10 ปริมาณน้าทังหมดบนโลกเป็นน้าเค็มและน้าจืดร้อยละเท่าใด
(ปริมาณน้าเค็ม คิดเป็นร้อยละ 97.5 และปริมาณน้าจืดคิดเป็น
รอ้ ยละ 2.5)
7.11 ปริมาณแหล่งน้าเค็มคิดเป็นก่ีเท่าของปริมาณแหล่งน้าจืด
(39 เท่า)
7.12 แหล่งน้าจืดแบ่งออกเป็นอะไรบ้าง (แหล่งน้าจืดท่ีไม่สามารถน้า
นา้ มาใชไ้ ด้ และแหลง่ น้าจดื ท่สี ามารถน้าน้ามาใชไ้ ด้)
7.13 แหล่งน้าจืดท่ีไม่สามารถน้าน้ามาใช้ได้คิดเป็นร้อยละเท่าใดของ
น้าทงั หมด (รอ้ ยละ 1.75)
7.14 แหล่งน้าจืดท่ีไม่สามารถน้าน้ามาใช้ได้มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง
(ธารน้าแข็งและพืดนา้ แขง็ ชนั ดนิ เยอื กแข็งคงตวั และน้าแขง็ ใต้ดิน
ความชืนในดนิ ความชนื ในบรรยากาศ และน้าในส่ิงมีชีวติ )

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

7.15 แหล่งน้าจืดท่ีสามารถน้าน้ามาใช้ได้คิดเป็นร้อยละเท่าใดของ การเตรียมตวั ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู
น้าทงั หมด (รอ้ ยละ 0.75) เพื่อจัดการเรียนรใู้ นครง้ั ถดั ไป

7.16แหล่งน้าจืดท่ีสามารถน้าน้ามาใช้ได้มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ท้า
(นา้ ใต้ดิน ทะเลสาบ บึง และแม่น้า) กิจกรรมที่ 1.2 ท้าอย่างไรจึงจะใช้น้า
อ ย่ า ง ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ อ นุ รั ก ษ์ แ ห ล่ ง น้ า
7.17แหล่งน้าจืดที่สามารถน้าน้ามาใช้ได้แบง่ ออกได้เป็นอะไรบ้าง และ ในท้องถ่ินได้ ครูให้นักเรียนเตรียม
มีร้อยละเท่าใดของน้าทังหมด (แหล่งน้าจืดท่ีไม่สามารถน้าน้ามา ใบเสร็จค่าน้า (ฉบับล่าสุด) ส้าหรับ
ใช้ไดท้ นั ที มีร้อยละ 0.74 และแหลง่ นา้ จืดท่ีสามารถน้าน้ามาใช้ได้ ทา้ กิจกรรมคนละ 1 ฉบบั
ทันที มีรอ้ ยละ 0.01)

7.18แหลง่ น้าจืดที่ไม่สามารถนา้ น้ามาใชไ้ ด้ทันทมี อี ะไรบ้าง (นา้ ใต้ดนิ )
7.19แหล่งนา้ จืดทส่ี ามารถนา้ น้ามาใช้ไดท้ ันทมี ีอะไรบ้าง (ทะเลสาบ บึง

และแมน่ า้ )
8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในส่ิงท่ีอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ

แหล่งน้าต่าง ๆ จากนันร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า โลกมีพืนน้า
ปกคลุมอยู่เป็นส่วนมาก ปริมาณน้าของโลกส่วนใหญ่เป็นน้าเค็ม
ส่วนน้อยเป็นน้าจืดซ่ึงอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ โดยเรยี งล้าดับแหล่งน้าจืดจาก
มากไปน้อย ได้ดังนี ธารน้าแข็งและพืดน้าแข็ง น้าใต้ดิน ชันดินเยือกแข็ง
คงตัวและน้าแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ ความชืนในดิน ความชืนในบรรยากาศ
บึง แม่น้า และน้าในส่ิงมีชีวิต ซึ่งน้าจืดที่สามารถน้ามาใช้ได้ทันทีมี
ปริมาณน้อยมากเม่ือเปรียบเทียบกับปริมาณน้าทังหมดที่มีในโลก
แหล่งน้าในธรรมชาติจ้าแนกออกเป็นแหล่งน้าผิวดินและแหล่งน้าใต้ดิน
(S13)
9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบค้าถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้
ค้าถามเพม่ิ เติมในการอภปิ รายเพื่อให้ได้แนวค้าตอบท่ีถูกตอ้ ง
10. นักเรียนอ่าน ส่ิงที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปที่ได้จากการ
อภปิ ราย
11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังค้าถามเก่ียวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้
เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน น้าเสนอ
ค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
เก่ียวกบั ค้าถามทีน่ ้าเสนอ
12. ครูน้าอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างในขันตอนใด
แล้วให้บนั ทกึ ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา้ 10

20 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

น้ามีความจาเป็นต่อการดารงชวี ิตของมนษุ ย์ เช่น
มนษุ ยใ์ ชน้ า้ ในการทากจิ กรรมต่าง ๆ เช่น อาบนา้ แปรงฟัน ซักผา้ ลา้ งจาน
แหล่งน้า คือ บรเิ วณที่มีนา้ อย่รู วมกนั เปน็ จานวนมาก
แหล่งนา้ บนโลกมที ั้งแหลง่ ท่ีอย่บู นผิวดินและแหล่งทีอ่ ยูใ่ ตผ้ วิ ดิน

1. เปรยี บเทียบสัดสว่ นปริมาณน้าบนโลกในแตล่ ะแหล่ง โดยใชแ้ บบจาลอง
2. อภปิ รายและระบุแหล่งน้าทจ่ี ดั เปน็ แหล่งน้าผวิ ดินและแหลง่ นา้ ใต้ดนิ

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 21

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

ท้งั หมดบนโลก
เคม็ จืด
จืดทไี่ ม่สามารถนาน้ามาใช้ได้ จืดทีส่ ามารถนานา้ มาใช้ได้
จดื ทีไ่ ม่สามารถนาน้ามาใชไ้ ดท้ นั ที จืดทส่ี ามารถนาน้ามาใชไ้ ด้ทันที

22 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

2
นา้ ผิวดิน

มหาสมุทร ทะเล บึง แม่น้า
นา้ ใตด้ นิ

น้าในดนิ และนา้ บาดาล

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 23

คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

1) แหล่งนา้ เค็ม
2) แหล่งนา้ จืดทไ่ี มส่ ามารถนาน้ามาใช้ได้
3) แหล่งนา้ จืดทไ่ี มส่ ามารถนานา้ มาใช้ได้ทนั ที
4) แหล่งนา้ จืดท่ีสามารถนาน้ามาใชไ้ ด้ทันที
นา้ ใตด้ นิ ทะเลสาบ บึง แมน่ า้

รอ้ ยละ 0.75 หรือ 0.75%
น้าบนโลกมีท้ังน้าเคม็ และนา้ จืดเทียบได้กบั น้า 20 ขวดหรอื 20,000 cm3
น้าเค็มมปี ริมาณมากทีส่ ดุ เทียบไดก้ บั นา้ 19,500 cm3 นา้ จดื มปี ริมาณเทียบ
ไดก้ บั น้า 500 cm3 นา้ จืดท่ีมนุษยส์ ามารถนามาใช้ได้เทียบได้กับนา้ 150 cm3
และนา้ จดื ท่นี ามาใชไ้ ด้ทนั ทเี ทยี บได้กับนา้ เพียง 2 cm3
ปริมาณน้าบนโลกที่เปน็ น้าจืดที่สามารถใชไ้ ด้จริง ๆ มีปริมาณน้อยมาก
เมอื่ เทยี บกับปรมิ าณนา้ ทัง้ หมดท่ีมีบนโลก

24 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

คาถามของนักเรยี นท่ตี ั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง

 25




 

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรียนร้ขู องนกั เรียนทา้ ได้ ดงั นี
1. ประเมินความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชันเรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากค้าตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรียนร้แู ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทา้ กิจกรรมของนกั เรียน

การประเมนิ จากการทากจิ กรรมท่ี 1.1 นา้ แตล่ ะแหลง่ บนโลกมีอยู่เทา่ ใด

ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้

รหัส สง่ิ ที่ประเมิน ระดบั คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S2 การวดั
S3 การใช้จ้านวน
S4 การจ้าแนกประเภท
S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป
S14 การสรา้ งแบบจา้ ลอง

ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C2 การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ
C4 การส่อื สาร
C5 ความรว่ มมอื

รวมคะแนน

26 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดับความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดังนี

ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

S2 การวัด การใชห้ ลอดฉีดยา สามารถใช้หลอดฉีดยา และ สามารถใช้หลอดฉีดยา และ สามารถใชห้ ลอดฉีดยา และ
และบีกเกอร์ในการ บกี เกอรใ์ นการตวงน้าแบ่ง บกี เกอรใ์ นการตวงน้าแบ่งใส่ บกี เกอรใ์ นการตวงน้าแบ่ง
ตวงน้าแบ่งใสภ่ าชนะ ใส่ภาชนะได้ถูกต้องไดด้ ว้ ย ภาชนะไดถ้ ูกต้อง จากการ ใสภ่ าชนะได้ถูกต้อง ได้
ตนเอง ชแี นะของครหู รือผอู้ ่ืน เพียงบางสว่ น แมว้ า่ จะได้

รบั ค้าชแี นะจากครหู รือ
ผอู้ ่นื

S3 การใช้จา้ นวน การเปรยี บเทยี บและ สามารถเปรียบเทียบและ สามารถเปรยี บเทียบและ สามารถเปรยี บเทยี บและ
ค้านวณร้อยละของ ค้านวณร้อยละของปริมาณ ค้านวณร้อยละของปริมาณ คา้ นวณร้อยละของ
ปริมาณนา้ ในภาชนะ น้าในภาชนะตา่ ง ๆ จาก น้าในภาชนะตา่ ง ๆ จาก ปรมิ าณน้าในภาชนะ
ต่าง ๆ จากแบบจา้ ลอง แบบจ้าลองไดถ้ ูกต้อง แบบจ้าลองได้ถูกต้องทังหมด ตา่ ง ๆ จากแบบจ้าลองได้
ทังหมดด้วยตนเอง จากการชีแนะของครูหรือ ถกู ต้องเพียงบางส่วน
ผู้อนื่ แม้วา่ จะไดร้ ับค้าชีแนะ

จากครูหรือผู้อนื่

S4 การจ้าแนก การจ้าแนกประเภท สามารถจ้าแนกประเภทของ สามารถจ้าแนกประเภทของ สามารถจ้าแนกประเภท
ประเภท
ของแหล่งน้าบนโลก แหล่งน้าบนโลกออกเป็น แหล่งน้าบนโลกออกเปน็ ของแหล่งน้าบนโลก

ออกเปน็ แหลง่ น้า แหล่งนา้ ผิวดิน และ แหล่งนา้ ผิวดิน และแหลง่ น้า ออกเป็น แหลง่ น้าผวิ ดิน

ผิวดนิ และแหล่งน้าใต้ แหล่งน้าใต้ดินได้อย่าง ใตด้ ินได้อยา่ งถูกต้อง จาก และแหล่งน้าใต้ดินได้

ดินได้ ถกู ต้องได้ ด้วยตนเอง การชแี นะของครูหรือผู้อื่น ถกู ต้องบางส่วน แม้ว่าจะ
ได้รับค้าชีแนะจากครู
หรอื ผู้อ่นื

S13 การ การตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมายข้อมูล สามารถตีความหมาย
ตคี วามหมายข้อมูล ข้อมลู และลงข้อสรุป และลงข้อสรุปจากการใช้ และลงข้อสรปุ จากการใช้ ข้อมลู และลงข้อสรุปจาก
และลงข้อสรปุ จากการใชแ้ บบจ้าลอง แบบจ้าลองและจ้าแนก แบบจ้าลองและจา้ แนก การใช้แบบจ้าลองและ
และจ้าแนกประเภท ประเภทของแหล่งน้าได้ ประเภทของแหล่งน้าได้ จ้าแนกประเภทของ
ของแหล่งน้าไดว้ ่า อย่างถูกต้องดว้ ยตนเองวา่ อย่างถูกต้อง โดยอาศัยการ แหล่งนา้ ได้เพียงบางสว่ น
ปริมาณน้าบนโลกท่ี ปริมาณน้าบนโลกท่ีเป็น ชแี นะของครหู รือผู้อ่ืนวา่ วา่ ปริมาณน้าบนโลกท่ี
เปน็ น้าจืดทส่ี ามารถ น้าจืดทส่ี ามารถน้ามาใช้ได้ ปรมิ าณน้าบนโลกท่ีเป็นน้า เปน็ น้าจดื ทสี่ ามารถ
น้ามาใช้ได้มีปรมิ าณ มปี ริมาณน้อยมากเม่ือ จืดทสี่ ามารถใช้ได้มปี ริมาณ นา้ มาใช้ได้มีปริมาณน้อย

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 27

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) มากเมื่อเทียบกับปริมาณ
น้าทังหมดท่ีมีบนโลก
น้อยมากเมื่อเทยี บกบั เทยี บกับปริมาณน้าทังหมด น้อยมากเม่ือเทยี บกบั แมว้ ่าจะได้รับค้าชีแนะ
จากครหู รือผู้อ่ืน
ปรมิ าณน้าทังหมดท่ีมี ทมี่ บี นโลก ปริมาณน้าทังหมดทม่ี ีบน

บนโลก โลก

S14 การสร้าง อธิบายการ สามารถอธบิ ายการ สามารถอธบิ ายการ สามารถอธิบายการ
แบบจ้าลอง เปรียบเทยี บปรมิ าณนา้ ใน เปรยี บเทยี บปริมาณน้า
เปรยี บเทยี บปริมาณ เปรยี บเทียบปริมาณนา้ ใน แหล่งน้าตา่ ง ๆ บนโลก ในแหลง่ นา้ ตา่ ง ๆ บน
โดยใชแ้ บบจ้าลองท่สี ร้าง โลก โดยใชแ้ บบจ้าลอง
น้าในแหล่งน้าตา่ ง ๆ แหล่งน้าต่าง ๆ บนโลก ขึนได้อยา่ งถูกต้อง จากการ ท่สี ร้างขนึ ได้ถูกต้อง
บนโลก โดยใช้ ชแี นะของครหู รือผ้อู ืน่ บางส่วน แมว้ ่าครหู รอื
โดยใชแ้ บบจ้าลองท่ีสร้าง ผ้อู ่ืนช่วยแนะน้าหรือ
แบบจา้ ลองทสี่ ร้างขนึ ขนึ ได้อย่างถูกต้องได้ ดว้ ย ชแี นะ

ตัวเอง

28 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี

ทกั ษะแห่ง รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ศตวรรษท่ี 21 พอใช้ (2)
C2 การคดิ
อย่างมี การวเิ คราะห์และ สามารถวเิ คราะห์และ สามารถวิเคราะห์และ สามารถวเิ คราะหแ์ ละ
วิจารณญาณ
ประเมนิ จาก ประเมินจากแบบจ้าลอง ประเมนิ จากแบบจ้าลองเพื่อ ประเมนิ จากแบบจ้าลองเพื่อ
C4 การสื่อสาร
แบบจ้าลองเพือ่ เพ่อื อภปิ รายปริมาณน้า อภิปรายปริมาณนา้ บนโลกที่ อภิปรายปรมิ าณนา้ บนโลกท่ี
C5 ความ
รว่ มมอื อภปิ รายปรมิ าณน้า บนโลกท่มี นษุ ย์สามารถ มนษุ ยส์ ามารถนา้ มาใช้ มนุษย์สามารถน้ามาใช้

บนโลกท่มี นษุ ย์ นา้ มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ประโยชน์ไดค้ ดิ เป็นร้อยละ ประโยชน์ได้คดิ เปน็ ร้อยละ

สามารถน้ามาใช้ คดิ เปน็ ร้อยละเท่าใดของ เทา่ ใดของปริมาณน้าทังหมด เท่าใดของปริมาณนา้ ทงั หมด

ประโยชนไ์ ดค้ ดิ เปน็ ปรมิ าณนา้ ทังหมดได้ ไดถ้ ูกต้องและสมเหตุสมผล ได้ถูกตอ้ งและสมเหตสุ มผล

รอ้ ยละเท่าใดของ ถกู ต้องและสมเหตสุ มผล โดยตอ้ งอาศัยการชีแนะจาก บางส่วนแมว้ า่ จะได้รบั

ปรมิ าณนา้ ทังหมด ด้วยตนเอง ครูหรือผูอ้ ืน่ ค้าชแี นะจากครหู รอื ผู้อื่น

การน้าเสนอขอ้ มลู จาก สามารถน้าเสนอขอ้ มลู จาก สามารถน้าเสนอข้อมลู จาก สามารถนา้ เสนอขอ้ มูลจาก

การสร้างแบบจ้าลอง การสร้างแบบจ้าลอง การสร้างแบบจ้าลอง การสร้างแบบจา้ ลอง

เกี่ยวกับการ เก่ยี วกบั การเปรยี บเทยี บ เก่ยี วกับการเปรยี บเทียบ เกยี่ วกับการเปรียบเทียบ

เปรียบเทยี บปรมิ าณน้า ปรมิ าณนา้ ของโลกใน ปริมาณนา้ ของโลกในแหลง่ ปรมิ าณน้าของโลกในแหล่ง

ของโลกในแหลง่ ต่าง ๆ แหล่งตา่ ง ๆ ของโลก ต่าง ๆ ของโลกครอบคลมุ ตา่ ง ๆ ของโลก แต่ไม่

ของโลกเพ่ือให้ผอู้ ่ืน ครอบคลุมเนือหา เพ่ือให้ เนือหาเพ่ือให้ผู้อนื่ เข้าใจ ครอบคลุมเนือหาเพ่ือใหผ้ ้อู ืน่

เขา้ ใจ ผู้อ่ืนเขา้ ใจได้ ด้วยตนเอง จากการชแี นะของครหู รือ เขา้ ใจ แมว้ า่ จะได้รับ

ผู้อ่นื ค้าแนะน้าจากครูหรือผู้อื่น

การทา้ งานร่วมมือกับ สามารถทา้ งานรว่ มกบั สามารถท้างานร่วมกบั ผู้อน่ื สามารถท้างานร่วมกับผู้อน่ื

ผ้อู น่ื ในการสร้าง ผ้อู น่ื ในการสรา้ ง ในการสรา้ งแบบจา้ ลอง ในการสร้างแบบจ้าลอง

แบบจา้ ลอง บันทึกผล แบบจา้ ลองบนั ทกึ ผล บนั ทึกผล นา้ เสนอผล บันทึกผล น้าเสนอผล แสดง

น้าเสนอผล แสดงความ นา้ เสนอผล แสดงความ แสดงความคดิ เหน็ และ ความคิดเหน็ และอภปิ ราย

คดิ เหน็ และอภปิ ราย คิดเห็นและอภปิ รายการ อภิปรายการเปรยี บเทียบ การเปรียบเทยี บสัดส่วน

การเปรยี บเทยี บ เปรยี บเทยี บสดั สว่ น สดั ส่วนปรมิ าณน้าของโลกใน ปรมิ าณน้าของโลกในแหล่ง

สัดส่วนปริมาณนา้ ของ ปรมิ าณน้าของโลกใน แหลง่ ตา่ ง ๆ ของโลกรวมทงั ต่าง ๆ ของโลก รวมทัง

โลกในแหล่งต่าง ๆ แหลง่ ตา่ ง ๆ ของโลก ยอมรบั ความคิดเห็นของ ยอมรับความคิดเห็นของผ้อู ื่น

ของโลกรวมทังยอมรบั รวมทังยอมรับความ ผู้อ่ืน บางชว่ งเวลาที่ทา้ ในบางชว่ งเวลาทีท่ ้ากจิ กรรม

ความคิดเห็นของผู้อื่น คดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ตังแต่ กิจกรรม แต่ไม่ค่อยสนใจในความ

เรมิ่ ตน้ จนสา้ เร็จ คิดเห็นของผอู้ ่ืน

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 29

ค่มู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

กจิ กรรมที่ 1.2 ทาอย่างไรจึงจะใชน้ า้ อยา่ งประหยดั และอนุรักษแ์ หล่งน้า
ในท้องถิ่นได้

กิจกรรมนีนักเรียนจะได้ส้ารวจการใช้น้าและวางแผน
การใช้น้าอย่างประหยัด ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว และ
ส้ารวจแหล่งน้าในท้องถ่ินของตนเองเพ่ือหาแนวทางในการ
แกไ้ ขปัญหาและอนุรักษแ์ หล่งน้า

เวลา 1 ชัว่ โมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. ส้ารวจการใชน้ า้ และวางแผนการใช้นา้ อยา่ ง
ประหยัด

2. ส้ารวจแหลง่ นา้ และน้าเสนอแนวทางการอนุรักษ์
นา้ ในแหลง่ นา้ ท้องถิ่น

วสั ดุ อุปกรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม 1 ฉบับ
สงิ่ ที่นกั เรียนตอ้ งเตรยี ม/คน 1 ฉบับ

1. ใบเสร็จคา่ นา้ ก่อนท้ากิจกรรม
2. ใบเสรจ็ คา่ นา้ หลังท้ากจิ กรรม

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สื่อการเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ หนา้ 11 - 15
หนา้ 9 - 14
S1 การสังเกต 1. หนงั สือเรียน ป.5 เล่ม 2
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.5 เล่ม 2

ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

C2 การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว่ มมอื
C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

30 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

แนวการจัดการเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการใช้น้าอย่างประหยัดและ เป็นสา้ คญั และยงั ไมเ่ ฉลยค้าตอบ
การอนุรักษ์แหล่งน้าในท้องถ่ิน จากนันให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวน
โดยใช้คา้ ถามดงั ต่อไปนี นักเรียน ไปหาค้าตอบที่ถูกต้อง
1.1 ในชีวิตประจ้าวันนักเรียนใช้น้าท้าอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตาม จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในบทเรียนนี
ความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ ใช้นา้ ในการอปุ โภคและบรโิ ภค การ
ใช้น้าเพ่ือการเกษตร ใชน้ า้ เพอ่ื การคมนาคม)
1.2 นักเรียนคิดว่าเราควรประหยัดน้าและอนุรักษ์น้าหรือไม่ อย่างไร
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ควรประหยัดน้า
และอนุรักษ์น้า เพราะน้ามีความส้าคัญต่อการด้ารงชีวิตของ
มนษุ ย์ พืช และสตั ว์ เราไม่สามารถอยไู่ ดห้ ากขาดนา้ )
1.3 การประหยัดน้าและอนุรักษ์น้าท้าได้อย่างไรบ้าง (นักเรียนตอบ
ตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น การอาบน้าต้องปิดน้าในขณะถู
สบูแ่ ละในขณะแปรงฟนั น้านา้ ทเ่ี หลอื ใชไ้ ปรดนา้ ต้นไม้ ลา้ งพนื )

2. ครูใช้ค้าถามเพ่ือเชื่อมโยงความรู้พืนฐานของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมที่
1.2 โดยใช้ค้าถามว่า จากที่เรียนมา นักเรียนพบว่าปริมาณน้าท่ี
น้ามาใช้ได้มีปริมาณน้อยมากเม่ือเทียบกับปริมาณน้าที่มีทังหมดของ
โลก ดังนันนักเรียนจะช่วยกันประหยัดและการอนุรักษ์น้าได้อย่างไร
นกั เรียนจะหาค้าตอบได้โดยไปทา้ กจิ กรรมนี

3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น จากนันร่วมกัน
อภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการท้ากิจกรรม
โดยใชค้ า้ ถามดงั นี
3.1 กจิ กรรมนนี ักเรยี นจะได้เรยี นเรื่องอะไร (การใชน้ า้ อย่างประหยัด
และการอนรุ ักษน์ า้ )
3.2 นักเรียนจะได้เรยี นรูเ้ รอื่ งนีดว้ ยวธิ ใี ด (รวบรวมขอ้ มูล)
3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (สามารถวางแผนการใช้น้า
อย่างประหยัดและเสนอแนวทางการอนุรกั ษน์ า้ ได้)

4. นักเรยี นบนั ทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 9 และอา่ น
สง่ิ ทตี่ ้องใชใ้ นการท้ากจิ กรรม

5. นกั เรียนอา่ นทาอย่างไร ตอนที่ 1 โดยครูใช้วธิ ีฝกึ อ่านทีเ่ หมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะท้า

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 31

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

กิจกรรมอย่างไร จนนักเรียนเข้าใจล้าดับการท้ากิจกรรม โดยใช้ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
ค้าถามตอ่ ไปนี (ครอู าจช่วยเขียนสรุปเป็นขนั ตอนสัน ๆ บนกระดาน) ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
5.1 นักเรียนต้องท้าอะไร (ส้ารวจปริมาณการใช้น้าของบ้านตนเอง
ทนี่ กั เรยี นจะได้ฝึกจากการทากิจกรรม
จากใบเสรจ็ ค่าน้าของเดือนทผ่ี ่านมา หรือจากปรมิ าณน้าท่ีใช้ใน
แตล่ ะวันของครอบครวั ซึ่งอาจมีจ้านวนเป็นถังหรือโอง่ ) ตอนท่ี 1
5.2 นักเรียนจะส้ารวจพฤติกรรมการใช้น้าของสมาชิกในครอบครัว S1 การส้ารวจพฤติกรรมและปริมาณ
อย่างไรบ้าง (สอบถามสมาชิกในครอบครัวเกี่ยวกับการใช้น้า
เช่น ในขณะแปรงฟันเปิดน้าทิงไว้หรือไม่ ในการอาบน้าใช้ขัน การใชน้ า้ ของบ้านตนเอง
หรอื ฝักบวั ) C2 การเลือกวิธีการใช้น้ า อ ย่ า ง
5.3 นักเรยี นตอ้ งสบื คน้ และอภิปรายเกยี่ วกบั อะไร (วธิ ีการใช้น้าอย่าง
ประหยดั ) ประหยดั
5.4 หลังจากนักเรยี นสบื ค้นแลว้ ต้องท้าอะไรต่อไป (น้าขอ้ มลู จากการ C4 การส่ือสารกบั สมาชกิ ในครอบครัว
สืบค้นวิธีการใช้น้าอย่างประหยัดไปร่วมวางแผนกับสมาชิกใน
บา้ น) ให้ใชน้ า้ อยา่ งประหยัด
5.5 นักเรียนจะต้องให้สมาชิกในบ้านร่วมกันท้าอะไร (ร่วมกันใช้น้า C5 การร่วมวางแผนการใช้น้าอย่าง
อยา่ งประหยดั เป็นเวลา 1 เดอื น)
5.6 หลังจาก 1 เดือนผ่านไปแล้ว นักเรียนต้องท้าอะไร (น้าใบเสร็จ ประหยัดกับสมาชกิ ในครอบครวั
ค่ า น้ า ข อ ง เ ดื อ น ห ลั ง ท้ า กิ จ ก ร ร ม จ า ก ใ ช้ น้ า อ ย่ า ง ป ร ะ ห ยั ด C6 การสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการ
เปรียบเทียบปริมาณน้าท่ีใช้กับใบเสร็จค่าน้าของเดือนก่อนท้า
กิจกรรมใช้น้าอย่างประหยัด หรือน้าปริมาณน้าที่ใชใ้ นแต่ละวนั ใช้นา้ อย่างประหยัด และนา้ เสนอ
ในเดือนท่ีประหยัดน้าเปรียบเทียบกับปริมาณน้าที่ใช้แต่เดิมใน
เดอื นกอ่ นการประหยดั )
6. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไร ตอนที่ 1 แล้วครู
ชีแจงนักเรียนว่าในชั่วโมงเรียนนีนักเรียนจะได้ท้ากิจกรรมตาม
ขันตอนในท้าอย่างไร ข้อ 1-4 ส่วนข้อที่ 5 นักเรียนจะต้องท้าร่วมกับ
ครอบครัวเป็นเวลา 1 เดือน และนักเรียนจะได้ท้ากิจกรรมนีต่อ
ในข้อ 6-7 หลังจากท่ีนักเรียนและครอบครัวได้ร่วมกันใช้น้า
อย่างประหยดั แลว้ 1 เดือน
7. ครูให้นักเรียนน้าใบเสร็จค่าน้าของบ้านตนเอง มาลงมือปฏิบัติตาม
ขันตอน
8. หลังจากท้ากิจกรรมข้อ 1-4 แล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม
โดยใชค้ ้าถามดงั นี

32 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

8.1 ปริมาณการใช้น้าของบ้านตนเองเป็นอย่างไรบ้าง (นักเรียน ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน
8.2 สมาชิกในครอบครัวของนักเรียนมีพฤติกรรมการใช้น้าเป็น คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
อย่างไรบา้ ง (เปิดนา้ ตอนแปรงฟนั ใช้ขนั อาบน้า) อดทน และรับฟังแนวความคิด
ของนกั เรยี น
8.3 วิธีการใช้น้าอย่างประหยัดท้าได้อย่างไรบ้าง (ปิดน้าตอน
แปรงฟัน ใช้ฝักบัวอาบน้า ใช้น้าซักผ้าไปรดน้าต้นไม้หรือ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ล้างพนื ) ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21

9. ครูมอบหมายให้นักเรียนท้ากิจกรรมข้อ 5 ซึ่งต้องร่วมมือกันท้า ทน่ี ักเรียนจะได้ฝกึ จากการทากิจกรรม
ภายในครอบครัวเป็นเวลา 1 เดือน และให้น้าใบเสร็จของค่าน้า
เดือนถัดไป มาร่วมกันอภิปรายผลการใช้น้าอย่างประหยัด ตาม ตอนที่ 2
แนวทางการอภปิ รายในข้อ 13 ซึง่ ครกู ลับมานา้ อภปิ รายทา้ อย่างไร S1 การสังเกต จากการส้ารวจแหลง่
ตอนที่ 1 ข้อ 6-7 หลงั จากกิจกรรมท่ี 4 วัฏจักรนา้ เปน็ อยา่ งไร
นา้ ในทอ้ งถ่นิ กลมุ่ ละ 1 แหลง่
10. หลังจากครูน้าอภิปรายถึงข้อ 8.3 แล้ว ให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร C2 การคิดอย่างมีวิจารณญาณ จาก
ตอนท่ี 2 โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของ
นักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะท้ากิจกรรมอย่างไร การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาท่ี
จนนักเรียนเข้าใจล้าดับการท้ากิจกรรม โดยใช้ค้าถามต่อไปนี (ครู เกดิ กบั แหลง่ นา้
อาจชว่ ยเขียนสรปุ เป็นขนั ตอนสัน ๆ บนกระดาน) C5 ความร่วมมอื จากการร่วมกันหา
10.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มต้องช่วยกันท้าอะไร (เลือกส้ารวจ แนวทางการแก้ไขปัญหาหรือ
แหลง่ น้าในท้องถิ่นกลุม่ ละ 1 แหลง่ ) อนุรกั ษ์แหล่งน้า
10.2 นักเรียนจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของแหล่งน้าใน C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ
ท้องถิ่นนัน ๆ โดยวิธีการใดบ้าง (การส้ารวจ สืบค้นข้อมูล การสื่อสาร จากการสบื ค้นข้อมูล
หรอื สัมภาษณจ์ ากผู้รู้) สภาพของแหล่งน้าในท้องถิ่น
10.3 เม่ือรวบรวมข้อมูลแล้ว นักเรียนจะต้องท้าอะไรต่อไป แนวทางการแก้ไขปัญหาหรือ
(ร่วมกันอภิปรายและวิเคราะห์สาเหตุท่ีท้าให้เกิดปัญหากับ อนรุ ักษแ์ หล่งน้า และนา้ เสนอ
แหลง่ นา้ นนั )
10.4 หลังจากนัน นักเรียนท้าอะไรต่อไป (ร่วมกันหาแนวทางการ
แก้ไขปญั หาหรอื การอนุรักษ์แหลง่ น้า แล้วนา้ เสนอ)

11. เม่อื นักเรียนเข้าใจวธิ ีการท้ากิจกรรมในทาอยา่ งไร ตอนท่ี 2 แล้ว
ครูให้นักเรยี นลงมือปฏบิ ัตติ ามขันตอน

12. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยใช้
คา้ ถามดังตอ่ ไปนี

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 33

คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร

12.1 นักเรียนพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับแหล่งน้าในท้องถ่ินของ
นักเรียนหรือไม่ อย่างไร (มีปัญหาแหล่งน้าในท้องถิ่น เช่น
น้าเนา่ เสยี สง่ กล่นิ เหมน็ มีขยะมาก)

12.2 ถ้าพบปัญหาเกี่ยวกับแหล่งน้าควรท้าอย่างไร (ควรแก้ไข
ปญั หาแหล่งนา้ เช่น วธิ ีการชว่ ยกันเก็บขยะและไม่ทิงขยะลง
ในแหล่งนา้ ไม่ปลอ่ ยน้าทใ่ี ชแ้ ลว้ ลงสแู่ หลง่ น้า)

12.3 นักเรียนจะมีแนวทางในการอนุรักษ์แหล่งน้าได้อย่างไร
(แนวทางในการอนุรักษ์แหล่งน้า เช่น ติดป้ายรณรงค์ ไม่ทิง
ขยะหรือนา้ ทใ่ี ช้แล้วลงในแหล่งน้า)

13. หลังจากนักเรียนได้ท้ากิจกรรมการใช้น้าอย่างประหยัดแล้ว 1
เดือน ครูให้นักเรียนท้ากิจกรรมตามท้าอย่างไร ข้อ 6-7 แล้วครูน้า
อภิปรายผลการทา้ กิจกรรม ดังนี
13.1 หลังจากประหยัดน้า 1 เดือน ปริมาณน้าท่ีใช้ของแต่ละ
ครอบครัวมีการเปล่ียนแปลงหรือไม่ อย่างไร (เปล่ียนแปลง
น้าที่ใช้มีปริมาณลดลง เพราะการปรับพฤติกรรมการใช้น้า
ทา้ ให้ประหยดั นา้ มากขนึ )
13.2 ครอบครัวของตนเองมีวิธีการลดการใช้น้าอย่างไรบ้าง
เหมือนหรือแตกต่างจากวิธีในแผนที่ร่วมกันวางไว้หรือไม่
(ปิดน้าตอนแปรงฟัน ปิดน้าระหว่างถูสบู่ ใช้เวลาอาบน้าให้
น้อยลง ใช้ฝักบัวอาบน้า ใช้น้าซักผ้าไปรดน้าต้นไม้หรือล้าง
พืน ไม่เปิดน้าไหลผ่านผักและผลไม้ ซ่ึงอาจเหมือนหรือ
แตกต่างจากแผนที่นกั เรยี นรว่ มกันวางไว้)

14. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสิ่งท่ีอยากรู้เพิ่มเติม
เกี่ยวกับการประหยัดน้าและการอนุรักษ์น้า จากนันร่วมกัน
อภิปรายและลงข้อสรุปว่า การประหยัดน้าสามารถท้าได้หลายวิธี
เช่น การปิดน้าในขณะแปรงฟันและถูสบู่ การอาบน้าโดยใช้ฝักบัว
การซักผ้าครังละมาก ๆ ส่วนการแก้ไขปัญหาและอนุรักษ์แหล่งน้า
ท้าได้โดยการไม่ทิงขยะลงในแหล่งน้า การแก้ไขภาวะน้าเสียและ
พัฒนาแหล่งนา้ (S13)

15. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบค้าถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจ
ใช้ค้าถามเพ่ิมเตมิ ในการอภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ดแ้ นวค้าตอบท่ีถูกต้อง

16. นักเรียนอ่าน ส่ิงที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปที่ได้จาก
การอภิปราย

34 สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร

17. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังค้าถามเก่ียวกับเร่ืองที่สงสัยหรือ การเตรียมตวั ล่วงหนา้ สาหรบั ครู
อยากรู้เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน เพื่อจดั การเรียนรใู้ นครงั้ ถดั ไป
2-3 คน น้าเสนอค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียน
ร่วมกันอภปิ รายเกีย่ วกับคา้ ถามท่นี า้ เสนอ ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
เร่ืองที่ 2 เมฆ หมอก น้าค้าง และ
18. ครูน้าอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ น้าค้างแข็ง ครูเตรียมรูปเมฆ หมอก
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในขันตอน น้าค้าง และน้าค้างแข็ง เพื่อให้นักเรียน
ใด แล้วให้บันทกึ ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา้ 14 สั ง เ ก ต ใ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม รู้ ข อ ง
นักเรียน
19. นักเรียนร่วมกันอ่าน รักษ์โลก แล้วครูให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น
โดยอาจใชค้ ้าถามดังต่อไปนี
19.1 เร่ืองนีกล่าวไว้อย่างไร (กังหันน้าชัยพัฒนาช่วยบ้าบัดน้าเสยี
โดยใช้การเติมออกซิเจนใหก้ บั นา้ )
19.2 หลักการท้างานของเครื่องกลนีเป็นอย่างไร (ใช้กังหันท่ีมี
รูพรุนยกนา้ ขนึ ให้สาดกระจาย แล้วรบั ออกซเิ จนในอากาศ)

20. จากนันนักเรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน
หน้า 16 เพ่ือทบทวนความรู้และครูน้าอภิปรายเพื่อน้าไปสู่ข้อสรุป
เกี่ยวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเรื่องนี จากนันครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบ
คา้ ถามในช่วงท้ายของเนือเร่ือง ซึง่ เป็นคา้ ถามเพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ
เรียนเนือหาในบทถัดไป ดังนี “เมฆ หมอก น้าค้าง และน้าค้างแข็ง
เป็นปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับปริมาณน้าบนโลกอย่างไร ”
นักเรียนสามารถตอบตามความเข้าใจของตนเอง โดยจะหาค้าตอบ
ได้จากการเรียนในเร่ืองตอ่ ไป

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 35

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

สารวจการใช้นา้ และวางแผนการใชน้ ้าอย่างประหยัด

มิถุนายน 2561

90

เปดิ น้าตอนแปรงฟนั ใชข้ ันอาบน้า

ปิดน้าตอนแปรงฟัน ใช้ฝักบัวอาบน้า ใชน้ ้าซกั ผ้าไปรดน้าต้นไม้หรอื ลา้ งพ้ืน

36 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

กรกฎาคม 2561

78

การปรบั พฤติกรรมการใช้น้าทาใหป้ ระหยดั นา้ มากขน้ึ ได้ 90-78 = 12 หน่วย

สารวจแหลง่ นา้ และนาเสนอแนวทางการอนรุ ักษ์น้าในแหลง่ นา้ ในทอ้ งถน่ิ
แม่น้า

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 37

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

ใหน้ ักเรยี นวาดภาพได้
นา้ ข่นุ มฟี องอากาศอยทู่ ผ่ี ิวน้า มีกลิ่นเหม็น

นา้ เนา่ เสยี
คนในชมุ ชนทิ้งขยะ เศษอาหาร และนา้ ยาซกั ผา้ ต่าง ๆ ลงในแม่นา้
รณรงคใ์ ห้คนในชุมชนรว่ มมือกนั เกบ็ ขยะตา่ ง ๆ ในแมน่ ้า หลังจากนัน้ กบ็ าบัดนา้
โดยใช้กงั หนั น้า เพื่อเพิ่มออกซเิ จนให้กับนา้ และไม่ท้ิงขยะลงในแม่น้าอีก

38 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

ไม่เทา่ กัน เพราะคนในบ้านปรับพฤติกรรมการใชน้ ้า ทาให้ประหยดั น้ามากข้ึน

การวางแผนก่อนใชน้ า้ ช่วยทาใหใ้ ช้น้าน้อยลง ประหยดั นา้ มากขึ้น

ปัญหาทเี่ กิดเกยี่ วกับแหล่งน้าในท้องถ่นิ ได้แก่ นา้ เน่าเสยี สง่ กลิ่นเหม็น
และมีขยะลอยอยู่มากมาย
ชว่ ยกนั เกบ็ ขยะ ไมท่ ้ิงขยะลงในแหล่งน้า รณรงคใ์ หม้ กี ารป้องกนั
การท้งิ ขยะลงในแหล่งนา้ อย่างต่อเน่ือง และบาบัดนา้ เสยี โดยใช้กังหนั นา้

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 39

คมู่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

การดูแลรกั ษาแหล่งน้าเปน็ หนา้ ท่ขี องทุกคน ดังนน้ั คนในชมุ ชนจึงควร
รว่ มกันช่วยแกป้ ัญหาแหล่งน้าหรือการอนุรักษ์แหล่งนา้ ได้
การที่คนในครอบครวั แตล่ ะบ้านช่วยกนั ประหยัดนา้ และคนในชุมชนช่วยกัน
แก้ปญั หาหรืออนุรักษ์แหล่งน้า ทาให้เรามีนา้ ไว้อุปโภค บริโภคต่อไปได้นาน ๆ

คาถามของนักเรียนทตี่ ั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง

40 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร




 



สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 41

คูม่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรียนท้าได้ ดังนี
1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภิปรายในชนั เรียน
2. ประเมินการเรยี นรจู้ ากค้าตอบของนกั เรียนระหวา่ งการจัดการเรยี นร้แู ละจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการท้ากจิ กรรมของนักเรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1.2

ทาอย่างไรจึงจะใชน้ า้ อย่างประหยัดและอนรุ ักษ์แหลง่ น้าในทอ้ งถ่นิ ได้

ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้

รหัส สิง่ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสังเกต
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
C2 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ
C4 การสอื่ สาร
C5 ความรว่ มมอื
C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร

รวมคะแนน

42 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนกั เรียน
โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี

ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) สามารถใช้ประสาท
สัมผสั เกบ็ รายละเอียด
S1 การสังเกต การใชป้ ระสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั ของส่งิ ท่เี กดิ ขึนเก่ียวกบั
การใชน้ ้าอย่างประหยัด
เกบ็ รายละเอยี ดของ เกบ็ รายละเอยี ดของสง่ิ ท่ี เก็บรายละเอยี ดของส่งิ ท่ี และอนรุ ักษแ์ หล่งนา้ ใน
ท้องถ่ินไดเ้ พียงบางส่วน
สงิ่ ที่เกดิ ขนึ ไดเ้ ก่ยี วกับ เกดิ ขึนไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เกดิ ขึนเกยี่ วกบั การใชน้ า้ แมว้ ่าจะได้รับค้าชแี นะ
จากครูหรือผู้อื่น
การใช้นา้ อย่าง เก่ยี วกบั การใช้น้าอย่าง อยา่ งประหยดั และอนรุ ักษ์
สามารถตคี วามหมาย
ประหยดั และอนรุ ักษ์ ประหยัดและอนุรักษ์ แหล่งน้าในท้องถิน่ ได้ จาก ขอ้ มูลและลงข้อสรุป
จากการสา้ รวจแหลง่ น้า
แหล่งนา้ ในท้องถ่ินได้ แหล่งนา้ ในท้องถ่นิ ได้ การชแี นะของครูหรอื ผู้อื่น พฤติกรรมและปรมิ าณ
การใชน้ า้ ของบา้ น
ด้วยตนเอง หรือมีการเพิ่มเติมความ ตนเองไดเ้ พยี งบางสว่ น
ว่าการชว่ ยกนั ประหยัด
คิดเห็น น้าและช่วยกันแก้ปัญหา
หรอื อนรุ ักษ์แหลง่ น้า
S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมายข้อมูล ท้าใหเ้ รามนี า้ ไว้อุปโภค
บรโิ ภคต่อไปไดน้ าน ๆ
ตคี วามหมายข้อมลู ข้อมลู และลงข้อสรปุ ข้อมลู และลงข้อสรุปจาก และลงข้อสรุปจากการ แม้ว่าจะไดร้ บั คา้ ชีแนะ
จากครหู รอื ผู้อ่นื
และลงข้อสรุป จากการส้ารวจ การส้ารวจแหลง่ น้า สา้ รวจแหล่งน้า พฤติกรรม

แหล่งนา้ พฤติกรรม พฤติกรรมและปริมาณการ และปรมิ าณการใชน้ า้ ของ

และปรมิ าณการใช้นา้ ใช้นา้ ของบ้านตนเองได้ บา้ นตนเองไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

ของบา้ นตนเองได้ว่า อย่างถูกต้องด้วยตนเองวา่ โดยอาศยั การชแี นะของครู

การชว่ ยกนั ประหยดั การชว่ ยกนั ประหยัดน้า หรอื ผอู้ ่นื วา่ การชว่ ยกนั

นา้ และช่วยกัน และชว่ ยกันแกป้ ัญหาหรือ ประหยัดน้าและช่วยกนั

แกป้ ญั หาหรืออนุรักษ์ อนรุ ักษ์แหล่งน้า ทา้ ใหเ้ รา แกป้ ญั หาหรืออนุรักษ์

แหลง่ น้า ทา้ ให้เรามี มีนา้ ไวอ้ ปุ โภคบรโิ ภคตอ่ ไป แหลง่ น้า ทา้ ใหเ้ รามีนา้ ไว้

นา้ ไวอ้ ุปโภคบริโภค ไดน้ าน ๆ อุปโภคบรโิ ภคต่อไปได้

ต่อไปไดน้ าน ๆ นาน ๆ

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 43

ค่มู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี

ทักษะแห่ง รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1)

C2 การคดิ อยา่ งมี การวิเคราะหส์ าเหตุ สามารถวเิ คราะห์สาเหตุท่ี สามารถวเิ คราะหส์ าเหตุทีท่ า้ สามารถวิเคราะห์สาเหตทุ ีท่ ้า

วิจารณญาณ ที่ท้าใหเ้ กิดปญั หา ทา้ ใหเ้ กิดปัญหาแหลง่ นา้ ให้เกิดปัญหาแหล่งน้าจาก ให้เกิดปญั หาแหลง่ น้าจาก

แหล่งนา้ จากการ จากการสบื คน้ ข้อมูลเพื่อ การสืบค้นข้อมูลเพอื่ หา การสบื ค้นข้อมลู เพื่อหา

สืบคน้ ขอ้ มลู เพื่อหา หาแนวทางการแก้ไข แนวทางการแก้ไขปญั หาและ แนวทางการแก้ไขปัญหาและ

แนวทางการแก้ไข ปญั หาและการอนุรักษ์ การอนรุ ักษแ์ หลง่ นา้ ได้ การอนรุ ักษแ์ หล่งน้าได้อย่าง

ปัญหาและการ แหลง่ นา้ ได้ ถูกต้องและ ถูกต้องและสมเหตุสมผล ถกู ต้องบางส่วน และ

อนรุ ักษ์แหลง่ นา้ ได้ สมเหตสุ มผลด้วยตนเอง โดยตอ้ งอาศัยการชแี นะจาก สมเหตสุ มผลบางส่วน แมว้ ่า

ครหู รือผอู้ ่ืน จะได้รับค้าชีแนะจากครหู รือ

ผอู้ ื่น

C4 การสือ่ สาร การนา้ เสนอขอ้ มลู ที่ สามารถน้าเสนอขอ้ มลู ท่ี สามารถนา้ เสนอข้อมูลที่ สามารถน้าเสนอขอ้ มลู ท่ี
รวบรวมได้ เกีย่ วกบั
แนวทางการแก้ไข รวบรวมได้ เกยี่ วกับ รวบรวมได้ เกี่ยวกับแนวทาง รวบรวมได้ เกย่ี วกับ
ปัญหาแหลง่ น้าและ
การอนรุ ักษ์แหลง่ น้า แนวทางการแก้ไขปญั หา การแก้ไขปัญหาแหล่งน้า แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
เพอ่ื ให้ผู้อนื่ เข้าใจ
แหล่งนา้ และการอนุรักษ์ และการอนุรักษ์แหลง่ น้า แหลง่ นา้ และการอนรุ ักษ์

แหล่งน้า ครอบคลมุ ครอบคลุมเนอื หาเพื่อใหผ้ ูอ้ น่ื แหล่งน้า แตไ่ ม่ครอบคลมุ

เนือหา เพ่ือใหผ้ อู้ ืน่ เขา้ ใจ เข้าใจ จากการชีแนะของครู เนือหาเพื่อให้ผู้อน่ื เขา้ ใจ

ได้ ดว้ ยตนเอง หรือผูอ้ ่ืน แมว้ ่าจะไดร้ ับค้าแนะนา้

จากครูหรือผู้อ่นื

C5 ความร่วมมือ การทา้ งานรว่ มมอื กับ สามารถท้างานรว่ มกบั สามารถท้างานรว่ มกบั ผ้อู ืน่ สามารถท้างานร่วมกบั ผู้อื่น
ในการรวบรวมข้อมลู บนั ทึก
ผู้อ่นื ในการรวบรวม ผู้อ่นื ในการรวบรวมข้อมูล ในการรวบรวมข้อมูล ผล นา้ เสนอผล แสดงความ
คดิ เห็นและอภิปรายเพื่อ
ข้อมลู บันทึกผล บนั ทกึ ผล นา้ เสนอผล บันทึกผล นา้ เสนอผล บอกแนวทางการแก้ไข
ปัญหาแหล่งน้าและการ
นา้ เสนอผล แสดง แสดงความคิดเห็นและ แสดงความคดิ เห็นและ อนุรักษ์แหลง่ น้า รวมทัง
ยอมรับความคดิ เห็นของ
ความคดิ เหน็ และ อภิปรายเพื่อบอกแนวทาง อภปิ รายเพ่ือบอกแนวทาง ผอู้ น่ื ในบางช่วงเวลาทท่ี ้า
กิจกรรม แต่ไม่ค่อยสนใจใน
อภิปรายเพ่ือบอก การแก้ไขปญั หาแหล่งน้า การแก้ไขปัญหาแหล่งน้า ความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน

แนวทางการแกไ้ ข และการอนรุ ักษแ์ หลง่ นา้ และการอนุรกั ษ์แหลง่ น้า

ปัญหาแหล่งน้าและ รวมทังยอมรบั ความ รวมทังยอมรับความคิดเห็น

การอนรุ ักษ์แหล่งน้า คดิ เห็นของผู้อื่นตังแต่ ของผู้อ่นื บางช่วงเวลาท่ีท้า

รวมทังยอมรบั ความ เรมิ่ ตน้ จนสา้ เรจ็ กิจกรรม

คิดเห็นของผูอ้ ื่น

44 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร

ทักษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ
ศตวรรษที่ 21
การสบื คน้ ข้อมลู ทาง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1)
C6 การใช้ อนิ เทอร์เนตเก่ยี วกับ สามารถสืบคน้ ข้อมลู ทาง
เทคโนโลยีและ แนวทางการแก้ไข อินเทอรเ์ นตจาก สามารถสบื ค้นข้อมูลทาง สามารถสบื ค้นข้อมูลทาง
การสื่อสาร ปัญหาแหลง่ น้าและ แหล่งข้อมลู ท่ีนา่ เชอ่ื ถอื
การอนุรักษแ์ หลง่ น้า เลอื กใช้ข้อมลู ไดอ้ ย่าง อนิ เทอร์เนตจากแหลง่ ข้อมลู อนิ เทอร์เนตจาก
เหมาะสม และน้าเสนอ
แนวทางการแก้ไขปญั หา ท่นี า่ เช่ือถือ เลอื กใชข้ ้อมลู ได้ แหล่งขอ้ มลู ทไ่ี มน่ ่าเชือ่ ถือ
แหลง่ นา้ และการอนรุ ักษ์
แหลง่ นา้ ดว้ ยตนเอง อย่างเหมาะสม เกยี่ วกบั เกี่ยวกบั แนวทางการแก้ไข

แนวทางการแกไ้ ขปญั หา ปญั หาแหล่งน้าและการ

แหลง่ นา้ และการอนุรักษ์ อนุรักษ์แหล่งนา้ แม้ว่าจะ

แหล่งนา้ จากการชแี นะของ ได้รับคา้ แนะน้าจากครหู รือ

ครหู รอื ผ้อู ่ืน ผูอ้ ่นื

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 45

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

เรื่องท่ี 2 เมฆ หมอก น้าค้าง และน้าคา้ งแข็ง

ใ น เ ร่ื อ ง นี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด้ เ รี ย น รู้ เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ
การเกิด ความเหมือนและแตกต่างกันของเมฆและหมอก
น้าค้างและน้าคา้ งแข็ง

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

อธิบายการเกิด เมฆ หมอก น้าค้าง และนา้ ค้างแข็ง
โดยใช้แบบจา้ ลอง

เวลา 3 ชวั่ โมง

วัสดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม ส่อื การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้

น้าแข็ง ไม้ขีดไฟ เกลือแกง กระป๋องทราย 1. หนงั สอื เรยี น ป.5 เลม่ 2 หน้า 17 - 25
กระติกน้าร้อน ขวดพลาสติกใสขนาด 1.5 ลิตร คัตเตอร์
ธูป แท่งแก้วคน แก้วพลาสติก ช้อนพลาสติก น้าสีผสม
อาหาร

2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.5 เลม่ 2 หน้า 15 – 20

46 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

แนวการจดั การเรยี นรู้ (60 นาที)

ขั้นตรวจสอบความรู้ (10 นาท)ี

1. ตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับลักษณะและการเกิดเมฆ หมอก ในการตรวจสอบความรู้เดิม
น้าค้าง และน้าค้างแข็ง โดยครูนา้ รปู เมฆ หมอก นา้ ค้าง และนา้ คา้ งแข็ง ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
มาใหน้ กั เรยี นสงั เกต และนา้ อภปิ รายโดยใช้คา้ ถามดังนี และยังไม่เฉลยค้าตอบใด ๆ ให้กับ
1.1 เมฆและหมอกมีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ นักเรยี น แตช่ กั ชวนใหน้ ักเรียนไปหา
ของตนเองซึง่ ค้าตอบท่ีครูควรรูค้ ือ เมฆเปน็ ละอองน้าท่ีลอยอยู่ ค้ า ต อ บ ด้ ว ย ต น เ อ ง จ า ก ก า ร อ่ า น
ในท้องฟ้า ส่วนหมอกเป็นละอองน้าทล่ี อยอยใู่ กล้พืนโลก) เนือเรื่อง
1.2 น้าค้างและน้าค้างแข็งมีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจของตนเองซึ่งค้าตอบที่ครูควรรู้คือ น้าค้างเป็น
ละอองน้าที่เกาะอยู่บนพืนผิววัตถุใกล้พืนโลก ส่วนน้าค้างแข็ง
เป็นน้าค้างท่ีแข็งตัวอยู่บนพืนผิววัตถุใกล้พืนโลก เม่ือพืนโลกมี
อุณหภูมิต่้ากว่า 0 องศาเซลเซียส) จากนันครูให้นักเรียนหา
ค้าตอบจากการอ่านเรือ่ งเมฆ หมอก นา้ คา้ ง และน้าค้างแข็ง

ข้นั ฝึกทกั ษะจากการอ่าน (30 นาที)

2. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือเร่ืองและคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน
หน้า 17 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อหาแนวค้าตอบตามความ
เข้าใจของกลุ่ม ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้
เปรียบเทียบค้าตอบหลงั การอา่ นเร่อื ง

3. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก
นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนันครูชักชวนให้
นกั เรียนอธิบายความหมายของคา้ สา้ คัญจากเนือเร่ืองทจ่ี ะอา่ น

4. นักเรยี นอ่านเนือเรอื่ งในหนงั สอื เรยี น หนา้ 17 - 19 โดยครูฝึกทกั ษะ
การอ่านตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
ครูใช้ค้าถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค้าถาม
ดงั นี
4.1 ทะเลหมอกมีลักษณะเป็นอย่างไร (มวลหมอกจ้านวนมากที่
รวมตัวกันเป็นสีขาวลอยอยู่ใกล้พืนโลก มองดูคล้ายทะเล
มกั พบบนภเู ขาสูง)
4.2 เมฆมลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร (กล่มุ ก้อนสีขาวลอยอยู่ในท้องฟ้า)

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 47

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

4.3 เมฆและหมอกแตกต่างกันอย่างไร (แตกต่างกัน คือ เมฆเป็น การเตรยี มตัวลว่ งหนา้ สาหรับครู
ละอองน้าที่ลอยอยู่ในท้องฟ้า ส่วนหมอกเป็นละอองน้าที่ลอย เพ่อื จดั การเรียนรใู้ นครง้ั ถดั ไป
อย่ใู กล้พนื โลก)
ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ท้า
4.4 เมฆและหมอกมีสถานะเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (มีสถานะ กิจกรรมท่ี 2 เมฆ หมอก น้าค้าง และ
เหมือนกัน คือ เมฆและหมอกมีทังสถานะของแข็งและ น้าค้างแข็งเกิดขึนได้อย่างไร ครูควร
ของเหลว) เตรียมอุปกรณ์ส้าหรับต้มน้า ภาชนะ
ส้าหรับเก็บอุณหภูมิเพ่ือให้น้าแข็งไม่
4.5 น้าค้างมีลักษณะเป็นอย่างไร (น้าค้างเป็นหยดน้าเกาะอยู่บน ห ล อ ม เ ห ล ว จ น ห ม ด ก่ อ น ที่ จ ะ ไ ด้ ท้ า
พนื ผิววตั ถใุ กลพ้ นื โลก) กิจกรรม และบอกให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
เตรียมขวดพลาสติกใส 1.5-2 ลิตร
4.6 น้าค้างแข็งมีลักษณะเป็นอย่างไร (น้าค้างแข็งเป็นน้าค้างที่ กลุ่มละ 1 ใบ และธปู กล่มุ ละ 1 ดอก
เปล่ียนสถานะเป็นของแข็ง เกาะอยู่บนพืนผิววัตถุใกล้พืนโลก
เมื่อมอี ณุ หภูมิตา้่ กวา่ 0 องศาเซลเซยี ส)

ขั้นสรปุ จากการอา่ น (20 นาท)ี

5. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เมฆและหมอก
เป็นละอองน้าหรือผลึกน้าแข็งเล็ก ๆ เหมือนกัน โดยถ้าเกาะกลุ่ม
รวมกันลอยอยู่ในท้องฟ้า เรียกว่า เมฆ แต่ถ้าเกาะกลุ่มรวมกันอยู่
ใกล้พืนโลก เรียกว่า หมอก ส่วนน้าค้างเป็นหยดน้าเกาะอยู่บน
พืนผิววัตถุใกล้พืนโลก แต่ถ้าพืนโลกมีอุณหภูมิอากาศลดต้่ากว่า 0
องศาเซลเซียส น้าค้างจะเกิดการเปล่ียนสถานะเป็นของแข็ง
เรียกว่า น้าค้างแขง็

6. นักเรียนตอบค้าถามจากเร่ืองที่อ่านในรู้หรือยัง ในแบบบันทึก
กจิ กรรม หน้า 15

7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบค้าตอบของ
นักเรียนในรูห้ รือยงั

8. ครูชักชวนนักเรียนตอบค้าถามท้ายเรื่องท่ีอ่าน คือ การเกิดเมฆ
หมอก น้าค้าง และน้าค้างแข็ง เกิดขึนได้อย่างไร ครูบันทึกค้าตอบ
ของนักเรียนบนกระดานโดยยังไม่เฉลยค้าตอบ แต่ชักชวนให้
นักเรียนหาคา้ ตอบจากการทา้ กิจกรรม

48 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม

เมฆและหมอกเหมือนกัน คอื เมฆและหมอกเป็นละอองน้าหรอื ผลึกน้าแข็งเลก็ ๆ
ซงึ่ มีสถานะเป็นของเหลวหรือของแขง็ ก็ได้
เมฆและหมอกแตกตา่ งกนั คอื เมฆเปน็ ละอองน้าหรือผลึกนา้ แขง็ เลก็ ๆ ที่ลอยอยู่
ในทอ้ งฟา้ ส่วนหมอกเปน็ ละอองน้าหรือผลกึ นา้ แขง็ เล็ก ๆ ท่ีลอยอยู่ใกล้พน้ื โลก

น้าคา้ งและน้าคา้ งแข็งเหมือนกนั คอื น้าค้างและนา้ คา้ งแข็งจะเกาะอยูบ่ นพน้ื ผิว
วตั ถุใกล้พืน้ โลก น้าค้างและนา้ คา้ งแขง็ แตกตา่ งกัน คือ น้าค้างมีสถานะเป็น
ของเหลว สว่ นน้าคา้ งแข็งมีสถานะเป็นของแขง็ นา้ ค้างพบไดท้ ั่วไป นา้ ค้างแข็งพบ
ได้บางบริเวณ เช่น ในประเทศไทยอาจพบนา้ ค้างแข็งบนดอยสงู ทบ่ี างครงั้ มีอุณหภูมิ
ต่ากวา่ 0 องศาเซลเซียส แตใ่ นประเทศเขตอบอนุ่ ถงึ เขตหนาว อาจพบนา้ คา้ งแขง็
ไดใ้ นบรเิ วณพืน้ ที่ราบตา่ ซงึ่ มอี ณุ หภมู ิต่ากวา่ 0 องศาเซลเซยี สได้

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 49

คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

กิจกรรมที่ 2 เมฆ หมอก นา้ ค้าง และนา้ ค้างแขง็ เกิดขนึ้ ได้อย่างไร

กิ จ ก ร ร ม นี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด้ ส ร้ า ง แ บ บ จ้ า ล อ ง อ ธิ บ า ย
การเกิดเมฆ หมอก นา้ ค้าง และน้าคา้ งแข็ง

เวลา 2 ชัว่ โมง
จุดประสงค์การเรยี นรู้

อธบิ ายการเกดิ เมฆ หมอก นา้ ค้าง และนา้ ค้างแขง็ โดยใช้
แบบจา้ ลอง

วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม

สิง่ ท่คี รูต้องเตรยี ม/กลมุ่

1. คัตเตอร์ 1 อนั

2. กระป๋องทราย 1 ชดุ

3. แท่งแกว้ คน 1 อัน

4. แกว้ พลาสติก 1 ใบ

5. ช้อนพลาสติก 1 อัน

6. นา้ สีผสมอาหาร ½ แกว้

สิ่งท่คี รูตอ้ งเตรยี ม/หอ้ ง สอื่ การเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้

1. กระตกิ นา้ รอ้ น 1 ใบ 1. หนงั สอื เรยี น ป.5 เลม่ 2 หน้า 20 - 25

2. นา้ แข็ง 1 กโิ ลกรมั 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.5 เลม่ 2 หน้า 16 – 20

3. เกลือแกง 1 ถงุ 3. วดี ทิ ศั น์ตวั อยา่ งการปฏิบตั กิ ารวิทยาศาสตร์ส้าหรับ

4. ไม้ขีดไฟ 1 กลัก ครู เร่ือง เมฆ หมอก นา้ คา้ ง เกิดขึนได้อย่างไร

ส่ิงที่นักเรยี นต้องเตรยี ม/กลมุ่ http://ipst.me/9465

1. ขวดพลาสติกใส 1.5-2 ลิตร 1 ใบ 4. วดี ิทศั นต์ วั อยา่ งการปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สา้ หรบั

2. ธปู 1 ดอก ครู เร่อื ง น้าค้างแข็งเกดิ ขึนได้อยา่ งไร

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ http://ipst.me/9916

S1 การสังเกต
S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป
S14 การสร้างแบบจ้าลอง

ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21

C2 การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ
C5 ความรว่ มมอื
C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

50 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวการจัดการเรียนรู้ ในการตรวจสอบความรู้
เดิม ครูเพียงรับฟังเหตุผลของ
1. ครูตรวจสอบความรู้เดมิ เกี่ยวกับการเกิดเมฆ หมอก น้าคา้ ง และนา้ ค้างแข็ง นักเรียนเป็นส้าคัญ และยังไม่
โดยใช้ค้าถามดงั ต่อไปนี เฉลยค้าตอบใด ๆ ให้กับนักเรียน
1.1 เมฆและหมอกเกิดขึนได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ แต่ชักชวนนักเรียน ไปหาค้าตอบ
ของตนเองซ่ึงค้าตอบทคี่ รูควรรู้ คือเมฆและหมอกเกิดจากไอน้าใน ที่ถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ ใน
อากาศควบแน่นเป็นละอองน้า โดยมีละอองลอยซ่ึงเปน็ ฝุ่นละออง บทเรียนนี
ควัน หรืออนุภาคอื่น ๆ เป็นแกนกลาง ถ้าละอองน้านีลอยอยู่
ระดับใกล้พืนโลกจะเรยี กว่า หมอก แตถ่ ้ารวมตวั กนั ในระดับสูงอยู่
ในท้องฟา้ เรยี กวา่ เมฆ)
1.2 น้าค้างและน้าค้างแข็งเกิดขึนได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ
เข้าใจของตนเองซ่ึงค้าตอบท่ีครูควรรู้คือ น้าค้างเกิดขึนเม่ือ
อุณหภูมิของอากาศลดลงในตอนเช้าหรือตอนกลางคืนท้าให้ไอนา้
ในอากาศควบแน่นเป็นละอองน้ารวมตัวกันกลายเป็นหยดน้าและ
เกาะบนพืนผิววัตถุใกล้พืนโลก แต่ถ้าอุณหภูมิของอากาศลดลง
ต้่ากว่า 0 องศาเซลเซียส น้าค้างจะเปล่ียนสถานะจากของเหลว
เป็นของแขง็ จะเรยี กวา่ นา้ ค้างแข็ง)

2. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น และร่วมกันอภิปรายเพื่อ
ตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการท้ากจิ กรรม โดยใช้ค้าถาม ดังนี
2.1 กิจกรรมนีนกั เรียนจะไดเ้ รยี นเรื่องอะไร (การเกิดเมฆ หมอก นา้ คา้ ง
และน้าคา้ งแขง็ )
2.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องนีด้วยวิธีใด (สร้างแบบจ้าลองการเกิดเมฆ
หมอก นา้ คา้ ง และนา้ ค้างแขง็ )
2.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (สามารถอธิบายการเกิดเมฆ
หมอก น้าค้าง และน้าค้างแข็งได้)

3. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 16 และอ่าน
สิ่งที่ต้องใช้ในการท้ากิจกรรม ซึ่งถ้านักเรียนไม่รู้จักวัสดุ อุปกรณ์
บางอย่าง ครูควรน้าสิ่งนันมาแสดงให้ดู หรือถ้านักเรียนไม่รู้วิธีการใช้
อปุ กรณ์ ครูควรแนะนา้ และสาธิตวิธีการใชอ้ ุปกรณ์

4. นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนท่ี 1 โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจของ
นักเรียนว่าจะท้ากิจกรรมอย่างไรจนนักเรียนล้าดับการท้ากิจกรรม ได้

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 51

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

โดยใช้ค้าถามต่อไปนี (ครูอาจช่วยเขียนสรุปเป็นขันตอนสัน ๆ บน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
กระดาน) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
4.1 นักเรียนต้องตัดขวดอย่างไร (ตัดให้ส่วนที่มีฝาปิดมีความยาวเป็น
ทน่ี กั เรียนจะได้ฝึกจากการทากจิ กรรม
1 ใน 3 ของความสูงขวด)
4.2 ขวดที่ตัดแล้วส่วนใดก้าหนดให้เป็นส่วนท่ี 1 และส่วนใดก้าหนดให้ S1 การสังเกตลักษณะการเกิดเมฆ
และหมอกจากแบบจา้ ลอง
เป็นส่วนที่ 2 (ส่วนที่มีฝาปิดเป็นส่วนท่ี 1 ส่วนที่เป็นก้นขวดเป็น
ส่วนท่ี 2) S14 การสร้างแบบจ้าลองการเกิด
4.3 ใส่น้าแข็งและน้าอุ่นในขวดส่วนใด (ใส่น้าแข็งในขวดส่วนท่ี 1 และ เมฆและหมอก
ใสน่ า้ อุ่นในขวดสว่ นที่ 2)
4.4 หลังจากใส่น้าแข็งและน้าอุ่นแล้วต้องท้าอย่างไรต่อไป C2 การ ใช้แบบจ้าลองในการ
(รีบน้าขวดสว่ นท่ี 1 มาวางลงบนขวดส่วนท่ี 2 ทันที จากนันสังเกต อธิบายและเชื่อมโยงส่ิง ท่ี
ส่ิงที่เกิดขึนบริเวณท่ีว่างเหนือผิวน้าขึนไปภายในขวดส่วนท่ี 2 สังเกตเห็นจากการท้ากิจกรรม
อยา่ งตอ่ เน่อื งเป็นเวลา 3 นาที และบนั ทึกผล) กับปรากฏการณ์ในธรรมชาติ
4.5 บันทึกผลเสร็จแล้วต้องท้าอย่างไรต่อไป (เทน้าออกแล้วเช็ดขวด เก่ยี วกับการเกิดเมฆและหมอก
ส่วนที่ 2 ให้แห้ง เติมน้าอุ่นให้สูงประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร แล้ว
จดุ ธูปให้เกดิ ควัน C5 การร่วมกันอภิปรายการเกิด
4.6 ทา้ อยา่ งไรต่อไป (จุดธูปใหเ้ กดิ ควันแล้วจอ่ ลงไปในภาชนะสว่ นท่ี 2 เมฆและหมอกจากแบบจ้าลอง
ประมาณ 3 วินาที แล้วน้าภาชนะส่วนท่ี 1 วางบนภาชนะส่วนท่ี 2
ทนั ที แลว้ สังเกตสง่ิ ทเี่ กิดขึน) C6 ก า ร น้ า เ ส น อ ข้ อ มู ล จ า ก
4.7 นักเรียนต้องสังเกตบริเวณใด (บริเวณท่ีว่างเหนือผิวน้าขึนไปใน แบบจ้าลองเกี่ยวกับการเกิด
ภาชนะส่วนท่ี 2) เมฆและหมอก ในรูปแบบ
4.8 นักเรยี นจะบนั ทึกผลเมื่อใดและบันทึกท่ีใด (บันทึกผลหลังจากการ แผนภาพหรือรูปแบบอื่น ๆ ให้
สังเกตทุกครัง และบันทกึ ลงในแบบบันทึกกจิ กรรม) ผู้อ่นื เขา้ ใจ
4.9 เม่ือบันทึกแล้วต้องท้าอะไรต่อไป (ร่วมกันอภิปรายการเกิดเมฆ
และหมอก จากแบบจ้าลองทสี่ รา้ งขนึ และน้าเสนอ) ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
5. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไร ตอนท่ี 1 แล้ว ครู ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
แจกวสั ดอุ ปุ กรณ์ และให้นกั เรยี นลงมอื ปฏบิ ัตติ ามขนั ตอน ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน
6. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยใช้ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ค้าถามดังต่อไปนี อดทน และรับฟังแนวความคิด
6.1 เมื่อน้าขวดส่วนท่ี 1 ซ่ึงใส่น้าแข็งจนเต็มมาวางบนขวดส่วนที่ 2 ของนักเรียน
ซ่ึงใส่น้าอุ่นทันที สังเกตพบอะไรบ้าง (เกิดฝ้าขาวภายในขวด
ส่วนท่ี 2)

52 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

6.2 ฝ้าขาวภายในขวดส่วนที่ 2 เกิดขึนได้อย่างไร (น้าอุ่นระเหย ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
กลายเป็นไอน้าอยู่ในอากาศภายในภาชนะ แล้วเมื่ออากาศลอย ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
สูงขึนไปกระทบกับอากาศที่อยู่ใกล้น้าแข็งซึ่งเย็นกว่าหรืออุณหภูมิ
ต้่ากว่า ไอน้าในอากาศจะเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้าเล็ก ๆ ทนี่ กั เรยี นจะได้ฝึกจากการทากิจกรรม
จับตัวกันท้าให้มองเห็นเป็นฝ้าขาวจาง ๆ เหนือน้าอุ่นในขวด
สว่ นที่ 2) S1 การสังเกตลักษณะการเกิดน้าค้าง
และนา้ คา้ งแข็งจากแบบจา้ ลอง
6.3 เมื่อจุดธูปแล้วจ่อลงในขวด นักเรียนสังเกตเห็นอะไร (เกิดละออง
น้าจับตัวกนั มากขนึ ลอยสูงขนึ จากเหนอื น้าในขวดสว่ นท่ี 2) S14 การสร้างแบบจ้าลองการเกิด
น้าคา้ งและน้าคา้ งแขง็
6.4 เพราะเหตุใดเมื่อจ่อธูปลงในขวดส่วนท่ี 2 จึงท้าให้เกิดละอองน้า
ได้มากขึน (เพราะการเผาไหม้ของธูปท้าให้มีฝุ่นละอองในอากาศ C2 การใช้แบบจ้าลองในการอธิบาย
เพ่ิมขึน ซึ่งฝุ่นละอองนีจะเป็นแกนกลางให้ละอองน้าที่เกิดจาก และเช่ือมโยงสิ่งท่ีสังเกตเห็นจาก
การควบแน่นเกาะมากขึน ทา้ ให้มองเหน็ ละอองน้าไดม้ ากขึน) การท้ากิจกรรมกับปรากฏการณ์
ในธรรมชาติเก่ียวกับการเกิด
6.5 ละอองนา้ ทลี่ อยสงู ขนึ จากเหนอื น้าเปรียบไดก้ ับอะไรในธรรมชาติ (เมฆ) น้าคา้ งและน้าค้างแข็ง
6.6 ละอองนา้ ท่ีลอยใกล้ผิวน้าเปรียบไดก้ บั อะไรในธรรมชาติ (หมอก)
6.7 กิจกรรมตอนท่ี 1 ค้นพบว่าอะไร (ไอน้าในอากาศเมื่อกระทบกับ C5 การร่วมกันท้ากิจกรรมและ
อ ภิ ป ร า ย ก า ร เ กิ ด น้ า ค้ า ง แ ล ะ
อ า ก า ศ ท่ี เ ย็ น ก ว่ า ห รื อ อุ ณ ห ภู มิ ต่้ า ก ว่ า จ ะ เ กิ ด ก า ร ค ว บ แ น่ น น้าคา้ งแขง็ จากแบบจา้ ลอง
กลายเป็นละอองน้าเล็ก ๆ โดยมีฝุ่นละออง ควนั หรืออนุภาคอ่ืนๆ
เป็นแกนกลาง ถ้าเกิดในระดับใกล้พืนโลก เรียกว่าหมอก แต่ถ้า C6 ก า ร น้ า เ ส น อ ข้ อ มู ล จ า ก
เกิดในระดับสงู อยูใ่ นท้องฟ้า เรียกวา่ เมฆ) แ บ บ จ้ า ล อ ง เ กี่ ย ว กั บ ก า ร เ กิ ด
7. นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนที่ 2 โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านท่ีเหมาะสมกับ น้าค้างและน้าค้างแข็งในรูปแบบ
ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจนกั เรียนวา่ แผนภาพหรือรูปแบบอ่ืน ๆ ให้
จะท้ากิจกรรมอย่างไรจนนักเรียนล้าดับการท้ากิจกรรม โดยใช้ค้าถาม ผู้อน่ื เขา้ ใจ
ตอ่ ไปนี (ครูอาจชว่ ยเขียนสรปุ เป็นขันตอนสนั ๆ บนกระดาน)
7.1 เม่ือนักเรียนใส่น้าแข็งลงไปในแก้วพลาสติกจนเกือบเต็มแล้ว ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
นักเรียนต้องท้าอย่างไรต่อไป (รินน้าสีใส่ลงในแก้วประมาณ ค้ า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
คร่ึงหนึ่งของแก้ว) แนวค้าตอบ ครูควรให้เวลา
7.2 หลงั จากนันนักเรียนต้องท้าอะไร (สงั เกตสง่ิ ที่เกดิ ขึนท่ีผวิ ด้านนอก นักเรียนคิดอย่างเหมาะสม รอ
ของแก้ว และบันทกึ ผล) คอยอย่างอดทน และรับฟัง
7.3 เมื่อเติมเกลือแกงลงไปในแก้วพลาสติกตังไว้ ประมาณ 5-10 นาที แนวความคิดของนักเรียน
แล้วนักเรียนต้องสังเกตอะไร (สงั เกตผวิ ดา้ นนอกของแก้วพลาสติก
และบันทกึ ผล) 53
7.4 นกั เรยี นจะบันทึกผลเม่อื ใดและบันทึกที่ใด (บนั ทกึ ผลหลงั จากการ
สังเกตทกุ ครงั และบันทึกลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม)
7.5 เมื่อบันทึกผลแล้วจะต้องท้าอย่างไรต่อไป (ร่วมกันอภิปรายการเกิด
น้าค้างและนา้ ค้างแข็ง จากแบบจ้าลองทสี่ ร้างขึนและนา้ เสนอ)

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร

8. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไร ตอนที่ 2 แล้ว การเตรยี มตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู
ครูแจกวสั ดอุ ปุ กรณ์ และให้นักเรียนลงมอื ปฏบิ ัตติ ามขนั ตอน เพอ่ื จัดการเรียนรใู้ นครงั้ ถัดไป

9. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยใช้ ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
คา้ ถามดังตอ่ ไปนี เร่ืองที่ 3 หยาดน้าฟ้า ครูเตรียมรูปฝน
9.1 เม่ือใส่น้าลงในแก้วพลาสติกท่ีมีน้าแข็ง นักเรียนสังเกตเห็น หิมะ และลูกเห็บ เพ่ือให้นักเรียนสังเกต
อะไรบ้างท่ีผิวด้านนอกของแก้วพลาสติก (หยดน้าเล็ก ๆ เกาะ และอภิปรายโดยใช้ค้าถาม ใน การ
อยู่บนผวิ ดา้ นนอกของแก้วพลาสตกิ ) ตรวจสอบความรู้ของนักเรียน
9.2 หยดน้าท่ีเกาะท่ีผิวด้านนอกของแก้วพลาสติกมาจากไหน รู้ได้
อย่างไร (มาจากไอน้าในอากาศ เนอ่ื งจากสีของหยดน้าด้านนอก ข้อเสนอแนะสาหรับครู
แกว้ พลาสติกไมม่ ีสเี ดียวกับนา้ ในแก้วพลาสตกิ )
9.3 หยดน้าท่ีเกาะท่ีผิวด้านนอกของแก้วพลาสติกเกิดขึนได้อย่างไร ค รู อ า จ ใ ห้ ค ว า ม รู้ เ พิ่ ม เ ติ ม กั บ
(ไอน้าในอากาศสัมผัสกับผวิ ดา้ นนอกของแก้วพลาสติกทเ่ี ย็นกว่า นักเรียนว่าโดยปกติภาชนะท่ีมีน้าและ
หรืออณุ หภมู ิต้่ากว่าจึงเกดิ การควบแน่นเป็นหยดนา้ เกาะอยู่ท่ีผิว น้าแข็ง น้าแข็งจะเกิดการหลอมเหลว
ดา้ นนอกของแก้วพลาสติก) เป็นน้าและน้าจะแข็งตัวเป็นน้าแข็งได้
9.4 หยดน้าที่เกาะที่ผิวด้านนอกของแก้วพลาสติกเปรียบได้กับอะไร เท่า ๆ กัน การที่เราเติมเกลือลงไป
ในธรรมชาติ (นา้ คา้ ง) เกลือจะละลายน้า เกลอื จะละลายได้ต้อง
9.5 เม่ือเติมเกลือแกงลงไปในแก้วพลาสติก ใช้แท่งแก้วคนคนให้ ได้รับความร้อน ท้าให้ความร้อนจาก
เกลือละลาย แล้ววางไว้ ประมาณ 5-10 นาที สังเกตเห็น บริเวณโดยรอบถ่ายโอนมาใช้ในการ
อะไรบ้างที่ผิวด้านนอกของแก้วพลาสติก (เกล็ดน้าแข็งเกาะอยู่ ละลาย และท่ีส้าคัญเม่ือเกลือเกิดการ
ทางดา้ นนอกของแก้วพลาสติก) ละลายจะท้าให้น้าแข็งเกิดการหลอมเหลว
9.6 เกล็ดน้าแข็งท่ีเกาะอยู่ผิวด้านนอกแก้วพลาสติกเกิดขึนได้ มากกวา่ การแขง็ ตัว น้าแข็งจะหลอมเหลว
อย่างไร (หยดน้าเกาะที่ผิวด้านนอกของแก้วพลาสติกเกิดการ เม่ือได้รับความร้อนเช่นกัน และอุณหภูมิ
แข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้าแข็ง เกิดจากหยดน้าสูญเสียความร้อน ของแก้วน้าแข็งและน้าที่มีเกลือละลาย
จนถึงระดับหนึ่งแล้วเกิดการเปล่ียนสถานะจากของเหลวเป็น อยู่จะลดลงต้่ากว่า 0 องศาเซลเซียส
ของแขง็ ) ท้าให้หยดน้าที่เกาะอยู่บนผิวด้านนอก
9.7 เกล็ดน้าแข็งที่เกาะที่ผิวด้านนอกของแก้วพลาสติกเปรียบได้กับ ของแก้วพลาสติกจะเกิดการสูญเสีย
อะไรในธรรมชาติ (น้าคา้ งแข็ง) ความร้อน จนท้าให้หยดน้าเปล่ียน
9.8 กิจกรรมตอนท่ี 2 ค้นพบว่าอะไร (ไอน้าในอากาศเมื่อกระทบกับ สถานะเป็นของแข็ง
อากาศท่ีเย็นกว่าหรืออุณหภูมิต้่ากว่าจะเกิดการควบแน่น
กลายเป็นละอองน้าเล็ก ๆ แต่ถ้าอุณหภูมิบริเวณนันต่้ากว่า
0 องศาเซลเซียส หรือต้่ากว่าจุดเยือกแข็ง หยดน้าจะเปลี่ยน
สถานะจากของเหลวเป็นของแข็ง ซ่ึงเหมือนกับการเกิดน้าค้าง
และน้าค้างแข็ง โดยน้าค้างเกิดจากไอน้าในอากาศท่ีมีอุณหภูมิ
ลดต่้าลงในเวลากลางคืนเกิดการควบแน่นเปน็ ละอองน้าเกาะอยู่
บนพืนผิววัตถุใกล้พืนโลก แต่ถ้าอุณหภูมิบริเวณนันต่้ากว่า

54 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร 55

0 องศาเซลเซียส หรือต่้ากว่าจุดเยือกแข็ง น้าค้างจะเปล่ียน
สถานะจากของเหลวเปน็ ของแขง็ เรยี กวา่ นา้ ค้างแขง็ )
10. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในส่ิงท่ีอยากรู้เพ่ิมเติม
เกี่ยวกับการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง และน้าค้างแข็ง จากนันร่วมกัน
อภิปรายและลงข้อสรุปทังสองตอนว่า เมื่อน้าจากแหล่งต่าง ๆ
ระเหยกลายเป็นไอน้าแล้วกระทบกับอากาศที่เย็นกว่าหรืออุณหภูมิ
ต่้ากว่าจะเกิดการควบแน่นกลายเป็นละอองน้าเล็ก ๆ โดยมี
ฝุ่นละออง ควัน หรืออนุภาคอ่ืนๆ เป็นแกนกลาง ถ้าเกิดในระดับ
ใกล้พืนโลก เรียกว่าหมอก แต่ถ้าเกิดในระดับสูงอยู่ในท้องฟ้า
เรียกว่าเมฆ ส่วนน้าค้างเกิดจากไอน้าในอากาศท่ีมีอุณหภมู ิลดตา่้ ลง
ในเวลากลางคืนเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้าเกาะอยู่บนพืนผิว
วัตถุใกล้พืนโลก แต่ถ้าอุณหภูมิบริเวณนันต่้ากว่า 0 องศาเซลเซียส
หรือต้่ากว่าจุดเยือกแข็ง น้าค้างจะเปล่ียนสถานะจากของเหลวเป็น
ของแขง็ เรยี กวา่ นา้ คา้ งแขง็ (S13)
11. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเพ่ือตอบค้าถามใน ฉนั รอู้ ะไร โดยครูอาจใช้
ค้าถามเพิ่มเตมิ ในการอภปิ รายเพ่ือให้ได้แนวคา้ ตอบทีถ่ ูกตอ้ ง
12. นักเรียนอ่าน ส่ิงท่ีได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปที่ได้จาก
การอภิปราย
13. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังค้าถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้
เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน
น้าเสนอค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกัน
อภิปรายเกี่ยวกับค้าถามทีน่ ้าเสนอ
14. ครูน้าอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในขันตอน
ใด แล้วใหบ้ นั ทึกในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 20
15. นักเรียนรว่ มกนั อ่านรู้อะไรในเรือ่ งนี้ ในหนังสือเรียน หนา้ 25 ครูน้า
อภิปรายเพ่ือน้าไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเรื่องนี จากนัน
ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบค้าถามในช่วงท้ายของเนือเร่ือง ซ่ึงเป็น
ค้าถามเพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนเนือหาในบทถัดไป ดังนี “ลองคิด
ดูสิว่า เมฆ หมอก น้าค้าง และน้าค้างแข็ง เป็นหยาดน้าฟ้าหรือไม่
อย่างไร เราจะได้เรียนรู้กันต่อไป” นักเรียนสามารถตอบตามความ
เข้าใจของตนเอง ซง่ึ จะหาค้าตอบได้จากการเรยี นในบทตอ่ ไป

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม

อธบิ ายการเกดิ เมฆ และหมอก โดยใชแ้ บบจาลอง

ให้นักเรยี นวาดภาพได้
มลี ะอองน้าลอยอยู่เต็มพื้นที่วา่ ง
ในภาชนะส่วนท่ี 2

ให้นกั เรยี นวาดภาพได้
มีละอองนา้ หนาแนน่ จนมองเห็นลอย
ข้นึ จากผวิ น้าเปน็ ฝ้าสขี าวอย่างชดั เจน
ในภาชนะส่วนที่ 2

56 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

อธบิ ายการเกดิ นา้ ค้าง และน้าคา้ งแขง็ โดยใชแ้ บบจาลอง

ให้นักเรยี นวาดภาพได้

มหี ยดนา้ เลก็ ๆ เกาะอยบู่ นผิวดา้ น
นอกของแก้วพลาสติก

ใหน้ ักเรียนวาดภาพได้

หยดนา้ เล็ก ๆ ทเ่ี กาะอยู่บนผิวดา้ น
นอกของแก้วพลาสตกิ จะค่อย ๆ
เปลี่ยนสถานะ เหน็ เป็นปนื้ น้าแข็ง
สีขาว ซ่ึงมีสถานะเป็นของแขง็

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 57

คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร

ทหอ้รืองฟอณุ้าหหรภอื ูมบติ รา่ิเวณอืน่ ที่มอี ากาศเยน็
แหลง่ น้าตา่ ง ๆ ซ่งึ เกดิ การระเหยกลายเป็นไอนา้
พื้นทท่ี มี่ ีอากาศเหนือพื้นผวิ โลก
เขมา่ จากควันธูปแทนฝนุ่ ละอองทอี่ ยู่ในอากาศ

แตกต่างกัน คือ ก่อนจุดธปู จะมองเห็นละอองนา้ ได้นอ้ ยหรือเป็นฝา้ ขาวจาง ๆ
แตห่ ลังจากจดุ ธปู จะมองเห็นละอองนา้ หนาแน่นเปน็ ฝา้ ขาวชดั เจนมากขน้ึ และ
ลอยสงู ขน้ึ จากผิวหน้าของนา้
สง่ิ ท่ีเกดิ ข้นึ ในข้อท่ี 2 หลังจากจดุ ธูปสามารถนาไปอธบิ ายการเกดิ เมฆและหมอก โดย
ในธรรมชาตเิ มฆและหมอกเกดิ จากไอน้าในอากาศควบแนน่ เปน็ ละอองน้าเลก็ ๆ ลอย
อยูใ่ นอากาศ โดยมลี ะอองลอยเป็นอนุภาคแกนกลางในการรวมตัวกันของละอองน้า
แบบจาลองนี้เหมือนกับในธรรมชาติคอื การเกดิ เมฆและหมอกเกดิ จากละอองน้า
เหมือนกนั แต่ในธรรมชาติเมฆจะลอยอยู่ในท้องฟา้ และหมอกจะลอยอยดู่ า้ นล่าง
ใกล้พน้ื โลก แต่ในแบบจาลองไมส่ ามารถเหน็ ความแตกตา่ งของตาแหนง่ ละอองน้าท่ี
เกิดขน้ึ ภายในภาชนะได้อย่างชดั เจนจึงไมส่ ามารถแยกได้วา่ เปน็ เมฆหรือหมอก

58 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

เมฆและหมอกเกิดจากไอน้าในอากาศควบแน่นเป็นละอองน้าโดยมีฝ่นุ ละอองจากควนั
เปน็ แกนกลางใหล้ ะอองน้ายดึ เกาะ

สงิ่ ทีเ่ กดิ ขึน้ คือหยดน้าเลก็ ๆ ทเ่ี กิดจากไอนา้ ในอากาศควบแนน่ เปน็ หยดน้าเม่ือสัมผสั กับ
ผวิ แกว้ ที่เย็นแล้วเกาะท่ีผวิ ดา้ นนอกของแกว้ พลาสตกิ เหมอื นกบั การเกดิ น้าค้างในธรรมชาติ

ส่งิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คือหยดน้าเลก็ ๆ เปลี่ยนเป็นน้าแข็งปื้นสขี าว เช่นเดียวกับการเกดิ นา้ คา้ งแข็ง
เพราะเม่อื อณุ หภมู ิตา่ กว่าจดุ เยือกแข็ง ทาใหน้ ้าคา้ งเปลีย่ นสถานะจากของเหลวเปน็
ของแขง็
เหมือนกนั คือเปน็ หยดน้าท่เี กาะอยูบ่ นผิววัตถุที่เกิดจากการรวมตัวกนั ของละอองน้าที่เกดิ มาจากการควบแนน่
ของไอนา้ ในอากาศ และเปลี่ยนสถานะเป็นของแขง็ เมอ่ื อุณหภมู ิตา่ กวา่ 0 oC เชน่ เดียวกบั นา้ คา้ งเปล่ียนเปน็
น้าค้างแขง็ เมอื่ อุณหภูมขิ องอากาศลดตา่ ลงกว่า 0 oC แตแ่ ตกต่างกนั คอื ในธรรมชาตนิ ้าค้างจะพบชว่ งหวั ค่า
หรือเชา้ มดื และครอบคลมุ พืน้ ที่มากกวา่ พ้ืนทใี่ นแบบจาลอง และนา้ ค้างแขง็ จะพบบริเวณดอยสูง

นา้ ค้างเกิดจากไอน้าในอากาศเกดิ การควบแนน่ เป็นละอองน้ารวมตัวกนั กลายเป็นหยดนา้
เกาะบนพ้นื ผวิ วตั ถุ ถา้ อุณหภูมลิ ดต่าลงมาก น้าค้างซงึ่ มีสถานะเปน็ ของเหลวจะเปลีย่ นเปน็
น้าค้างแข็งซึ่งมีสถานะเปน็ ของแขง็

เมฆและหมอกเกดิ จากไอนา้ ในอากาศควบแน่นเปน็ ละอองน้าเม่อื อณุ หภูมิของอากาศลดลง
และลอยทีร่ ะดบั ความสูงตา่ ง ๆ ถา้ ลอยอยใู่ นท้องฟา้ เปน็ เมฆ แต่ถา้ ลอยต่าเหนอื พ้นื โลกเป็น
หมอก ส่วนน้าค้างเกดิ จากไอนา้ ในอากาศควบแนน่ เปน็ ละอองนา้ รวมตวั กันกลายเปน็ หยดน้า
และเกาะบนพน้ื ผวิ วตั ถุใกลพ้ นื้ โลก นา้ ค้างเปล่ียนเปน็ น้าคา้ งแขง็ เมือ่ อุณหภูมขิ องอากาศลด
ตา่ ลงถึง 0 oC

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 59

คูม่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

คาถามของนกั เรยี นท่ตี ั้งตามความอยากรขู้ องตนเอง



 

60 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version