The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by niramonchaiwong9, 2022-09-25 21:49:13

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2

คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21

รหัส ทักษะ กิจกรรมที่
1 2.1 2.2
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  
S1 การสงั เกต
S2 การวดั 
S3 การใช้จานวน 
S4 การจาแนกประเภท
S5 การหาความสัมพันธ์ระหวา่ ง  

 สเปซกับสเปซ  
 สเปซกบั เวลา 
S6 การจัดกระทาและสือ่ ความหมายข้อมูล 
S7 การพยากรณ์
S8 การลงความเห็นจากข้อมลู 
S9 การตัง้ สมมติฐาน  
S10 การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 
S11 การกาหนดและควบคุมตวั แปร 
S12 การทดลอง
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
S14 การสรา้ งแบบจาลอง
ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C1 การสร้างสรรค์
C2 การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
C3 การแกป้ ัญหา
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมือ
C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร

หมายเหตุ: รหัสทักษะท่ปี รากฏนใี้ ชเ้ ฉพาะหนงั สือคู่มือครูเลม่ นี้

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 111

คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

แนวคิดคลาดเคลอ่ื น

แนวคดิ คลาดเคลื่อนท่ีอาจพบและแนวคิดท่ีถกู ตอ้ งในบทท่ี 2 วฏั จกั รการปรากฏของกลุ่มดาว มีดังต่อไปน้ี

แนวคิดคลาดเคลื่อน แนวคดิ ทีถ่ ูกต้อง
ดาวทกุ ดวงทีม่ องเหน็ ไดบ้ นท้องฟ้า ได้รับแสงจาก
ดวงอาทติ ย์ (Sacramento City College, n.d.) คนบนโลกมองเห็นดาวเคราะหไ์ ด้ เพราะดาวเคราะหไ์ ดร้ บั แสง
จากดวงอาทิตยแ์ ลว้ สะท้อนเข้าสู่ตาของเรา แต่ดาวฤกษ์ทุกดวง
ดาวเคราะห์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั้นมีแสงสว่างในตวั เอง ซ่ึงแสงจากดาวฤกษ์เข้าสูต่ าเราโดยตรง
และดาวเคราะห์จะปรากฏทต่ี าแหน่งเดิมทุกคนื (Sacramento City College, n.d.)
(New York Science Teacher, n.d) ดาวเคราะหส์ ามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปลา่ และดาวเคราะห์
ไมป่ รากฏท่ีตาแหนง่ เดิมทุกคืน จงึ เรียกดาวเคราะหว์ า่
ดาวพเนจร (Hester, 2002)

กล่มุ ดาวจะมีรูปร่างคลา้ ยคน สตั ว์ หรือวตั ถอุ นื่ ๆ ชัดเจน กล่มุ ดาว คอื ดาวฤกษ์ทมี่ ตี าแหน่งใกลก้ นั และเม่ือลากเส้น
(Weiler, 1998) เชื่อมโยงดาวฤกษ์ดวงทีส่ วา่ ง จะมองเหน็ มีรูปร่างต่าง ๆ ตาม
จนิ ตนาการ (Hester, 2002)

ดาวฤกษแ์ ละกลุ่มดาวจะปรากฏบนทอ้ งฟ้าท่ีตาแหน่ง วัน ดาวฤกษห์ รือกลุ่มดาวทปี่ รากฏบนท้องฟ้ามกี ารเปลี่ยนแปลง

และเวลาเดิมทุกคืน (New York Science Teacher, n.d.; ตาแหน่งทกุ คืน และจะกลบั มาปรากฏที่ตาแหนง่ เดิมในวนั และ

Weiler, 1998) เวลาเดมิ ทุกปี (Hester, 2002)

ถ้าครพู บว่ามีแนวคดิ คลาดเคล่อื นใดท่ียงั ไม่ไดแ้ กไ้ ขจากการทากจิ กรรมการเรียนรู้ ครูควรจัดการเรยี นรเู้ พ่ิมเติมเพ่ือแก้ไข
ตอ่ ไปได้

112 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร

บทนี้เรม่ิ ต้นอยา่ งไร (0.5 ชวั่ โมง) ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
1. ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยอาจให้นักเรียนวาดรูปดาวท่ีนักเรียนรู้จัก สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ
ลงในกระดาษหรือโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ จากน้ันถามนักเรียนว่า ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนให้หา
ดาวที่นักเรียนวาดเป็นดาวเคราะห์หรือดาวฤกษ์ และนักเรียนใช้ ค า ต อ บ ที่ ถู ก ต้ อ ง จ า ก กิ จ ก ร ร ม
เ ก ณ ฑ์ ใ ด ใ น ก า ร จ า แ น ก ด า ว ว่ า เ ป็ น ด า ว เ ค ร า ะ ห์ ห รื อ ด า ว ฤ ก ษ์ ต่าง ๆ ในบทเรียนนี้
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ดาวเคราะห์ไม่มีแสง
ในตัวเอง ดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเอง ดาวเคราะห์มีขนาดเล็กกว่า
ดาวฤกษ)์ ครคู วรกาหนดเวลาในการวาดรูปประมาณ 3-5 นาที

2. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเร่ืองวัฏจักรการปรากฏของดาว โดยอ่าน
ชื่อหน่วย ช่ือบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท จากน้ันครู
ใช้คาถามในการอภิปรายว่าเม่ือเรียนจบบทนี้ นักเรียนสามารถทา
อะไรได้ (เปรียบเทียบความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
จากแบบจาลอง ใช้แผนที่ดาวระบุตาแหน่งและเส้นทางการข้ึนและ
ตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และอธิบายแบบรูปเส้นทางการข้ึน
และตกของกล่มุ ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี)

3. นักเรียนอ่านชื่อบท และแนวคิดสาคัญ จากหนังสือเรียนหน้า 48
ครูใช้คาถามในการอภิปรายว่าในบทน้ีจะได้เรียนเร่ืองอะไรบ้าง
(ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ กลุ่มดาว และการใชแ้ ผนทดี่ าว)

4. นักเรียนสังเกตรูปและอ่านเน้ือเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 48 ครูอาจ
ใช้วิธีฝึกการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ัน
ถามคาถามเพ่ือตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้นักเรียน
รว่ มกันอภิปราย ดังนี้

4.1 นักเรียนสังเกตเห็นอะไรในรูปบ้าง (นักเรียนตอบตามความ
เขา้ ใจของตนเอง เช่น อวกาศ โลก ดาวเสาร์)

4.2 จากรูปนักเรียนบอกได้หรือไม่ว่าดาวดวงใดเป็นดาวเคราะห์
และดาวดวงใดเป็นดาวฤกษ์ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง เช่น โลกเป็นดาวเคราะห์ หรือดาวที่สว่างมากจะเป็น
ดาวฤกษ)์

4.3 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ ตา่ งกัน ดาวฤกษ์
มแี สงสวา่ งในตัวเอง ส่วนดาวเคราะหไ์ ม่มแี สงสว่างในตัวเอง)

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 113

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

4.4 ถ้าสังเกตดาวบนท้องฟ้าจากบนโลก ดาวส่วนใหญ่ที่มองเห็น การเตรียมตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู
บนท้องฟ้าเป็นดาวชนิดใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ เพอ่ื จัดการเรยี นรู้ในครง้ั ถดั ไป
ตนเอง เชน่ เป็นดาวฤกษ์)
ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้อ่าน
4.5 การใช้แผนท่ดี าวช่วยในการสังเกตดาวบนท้องฟา้ จากบนโลกได้ เรื่องท่ี 1 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ซึ่งมี
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ช่วย เ น้ื อ เ ร่ื อ ง เ ก่ี ย ว กั บ ต า แ ห น่ ง แ ล ะ ก า ร
บอกไดว้ ่ากลมุ่ ดาวต่าง ๆ อย่ใู นตาแหนง่ ใดบนทอ้ งฟ้า) เคลื่อนที่ของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
เพื่อให้นักเรียนเข้าใจเน้ือหาที่เรียนได้ดี
4.6 การปรากฏของดาวเป็นวัฏจักรหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบ ย่ิงขึ้น ครูควรเตรียมแบบจาลองระบบ
ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ไม่เป็นวัฏจักร เพราะดาวบน สุ ริ ย ะ ใ น รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ เ ช่ น รู ป
ท้องฟ้าไม่เปลย่ี นแปลงในแต่ละคืน) แบบจาลอง 3 มิติ หรือแอปพลิเคชันบน
ส ม า ร์ ท โ ฟ น เ ช่ น Solar walk ม า ใ ห้
5. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับวัฏจักรการปรากฏของดาว นกั เรียนศกึ ษา
ในสารวจความรกู้ อ่ นเรยี น

6. นักเรียนทาสารวจความร้กู ่อนเรียน ในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หน้า 36
โดยนักเรียนอ่านคาถามแต่ละข้อ ครูตรวจสอบความเข้าใจของ
นักเรยี น จนแนใ่ จวา่ นกั เรียนสามารถทาไดด้ ้วยตนเอง จึงให้นักเรียน
ตอบคาถาม โดยคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบ
อาจถูกหรือผิดก็ได้ แต่นักเรียนสามารถหาคาตอบร่วมกันได้จากการ
เรยี นเร่อื งถัดไป

7. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี
แนวคิดเกีย่ วกบั เงาและอุปราคาอย่างไรโดยอาจสุ่มให้นักเรยี น 2-3
คน นาเสนอคาตอบของตนเอง ครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้
นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกคร้ังหลังจากเรียนจบบทน้ีแล้ว
ท้ังนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดท่ีน่าสนใจของ
นักเรียน เพ่ือนามาใช้ออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ไขแนวคิด
คลาดเคล่ือนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดที่น่าสนใจของนักเรียน
ต่อไป

114 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

การสารวจความรกู้ ่อนเรยี น นกั เรยี นอาจตอบคาถามถูกหรือผิดก็ได้ขึ้นอยูก่ ับความรู้เดิมของนักเรียน
แตเ่ ม่ือเรียนจบบทเรียนแล้ว ให้นกั เรียนกลบั มาตรวจสอบคาตอบอกี ครั้งและแก้ไขให้ถกู ต้อง ดงั ตวั อย่าง

เหมอื นกัน คอื เปน็ ดาวท่มี ีลกั ษณะคลา้ ยทรงกลม
แตกต่างกนั คอื ดาวฤกษ์มีแสงในตัวเอง เป็นแหล่งกาเนดิ แสง ดาวฤกษ์เปน็
ดาวประจาท่ี สว่ นดาวเคราะหไ์ ม่มแี สงในตวั เอง จึงไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง
ดาวเคราะหเ์ ป็นดาวไม่ประจาที่ หรอื ดาวพเนจร

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 115

คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

เรามองเหน็ กลุ่มดาวเปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ เช่น นายพราน ค้างคาว เพราะขึน้ อยู่กบั
จินตนาการของผสู้ ังเกต
เพราะการปรากฏของดาวเปน็ วฏั จกั ร โดยกลมุ่ ดาวทป่ี รากฏบนท้องฟา้ จะมีรูปร่าง
เหมือนเดมิ และมีเส้นทางการข้นึ และตกเป็นแบบรปู ซ้าเดิมในทกุ ๆ ปี

116 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

เรอ่ื งที่ 1 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์

ในเร่ืองนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเหมือน
และความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ โดยการ
สร้างแบบจาลอง

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. สร้างแบบจาลองและอธบิ ายการมองเหน็
ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

2. สบื ค้นข้อมลู และเปรยี บเทียบความเหมือนและ
ความแตกต่างของดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

เวลา 2.5 ช่ัวโมง

วัสดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม

ไฟฉายขนาดใหญ่ ไฟฉายขนาดเลก็ แวน่ กนั แดด
กล่องกระดาษพรอ้ มฝาปดิ วัตถทุ รงกลมขนาดเล็ก

สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ หนา้ 50-55
หนา้ 38-43
1. หนงั สือเรยี น ป.5 เลม่ 2
2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.5 เลม่ 2

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 117

คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวการจัดการเรียนรู้ (30 นาท)ี

ขั้นตรวจสอบความรู้ (5 นาท)ี

1. ครูทบทวนความรู้พ้ืนฐานของนักเรียนเร่ืองระบบสุริยะ โดยครูอาจใช้ ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู้
แบบจาลองระบบสุริยะ จากนน้ั อภปิ รายโดยใช้คาถามต่อไปนี้ พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียน
1.1 ในระบบสุริยะ ดาวดวงใดเป็นดาวฤกษ์ และดวงใดเป็นดาวเคราะห์ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
เพราะเหตุใด (ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ เพราะมีแสงในตัวเอง โดยเป็น อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม
ศูนย์กลางของระบบสุริยะ ส่วนดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร เหล่านี้ได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้
ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ เพราะ หรือลืมครูต้องให้คว ามรู้ท่ี
ไมม่ แี สงในตวั เองและโคจรรอบดวงอาทติ ย)์ ถกู ตอ้ งทันที
1.2 ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอยู่บริเวณใด ดาวเคราะห์
แต่ละดวงใช้เวลาในการเคล่ือนท่ีเท่ากันหรือไม่ (ดาวฤกษ์ดวงเดียว ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ในระบบสุริยะหรือดวงอาทิตย์อยู่บริเวณศูนย์กลางของระบบสุริยะ ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
ส่วนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์พร้อมกับหมุนรอบ เปน็ สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบ
ตวั เอง โดยดาวเคราะหแ์ ต่ละดวงใช้เวลาในการเคลื่อนทแี่ ตกต่างกนั ) ใด ๆ ให้กับนักเรียนแต่ชักชวนให้
หาคาตอบที่ถูกต้องจากการอ่าน
2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ เนื้อเรอื่ ง
โดยใช้คาถามต่อไปน้ี
2.1 ดาวฤกษ์ดวงอื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์อยู่ในระบบสุริยะของเราหรือไม่
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ไม่มี อยู่นอก
ระบบสุรยิ ะ)
2.2 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์แตกต่างกันอย่างไร (นักเรียนตอบตาม
ความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ ดาวฤกษ์มีขนาดใหญก่ วา่ ดาวเคราะห์)
2.3 เรามองเหน็ ดาวบนทอ้ งฟา้ ไดอ้ ยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง เชน่ มแี สงจากดาวเขา้ สู่ตาเรา)

ข้ันฝึกทกั ษะจากการอา่ น (20 นาที)

3. นักเรียนอ่านหนังสือเรียนหน้า 50 อ่านช่ือเร่ือง และคาถามคิดก่อนอ่าน
แล้วนักเรียนตอบคาถามตามความเข้าใจของตนเอง ครูบันทึกคาตอบของ
นักเรียนบนกระดานเพอื่ ใชเ้ ปรยี บเทยี บกับคาตอบหลังการอ่านเรอ่ื ง

4. นักเรียนอ่านคาในคาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากนักเรียนอ่าน
ไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านและให้นักเรียนอธิบายความหมายตามความเข้าใจ
ของตนเอง นอกจากน้ีครูแนะนาให้ไปหาความหมายของคาต่าง ๆ ท่ีพบใน
เน้ือเร่อื ง

118 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

5. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของ ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
นกั เรียน จากน้ันร่วมกนั อภปิ รายตามแนวคาถาม ดังนี้ ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
5.1 ดาวชนดิ ใดเป็นดาวไมป่ ระจาท่ี (ดาวเคราะห์) แนวคาตอบ ครคู วรให้เวลานกั เรียน
5.2 เหตุใดดาวเคราะห์จึงถูกเรียกว่าเป็นดาวไม่ประจาท่ีหรือดาวพเนจร คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
(เพราะดาวเคราะห์ปรากฏบนท้องฟ้าในตาแหน่งที่ไม่ประจาท่ีหรือมี อดทน และรับฟังแนวความคิดของ
การเปลี่ยนแปลงตาแหนง่ ไปในรอบป)ี นกั เรยี น
5.3 ดาวชนดิ ใดเป็นดาวประจาที่ (ดาวฤกษ์)
5.4 เหตุใดดาวฤกษ์จึงถูกเรียกว่าเป็นดาวประจาที่ (เพราะเมื่อมองจากโลก การเตรยี มตัวลว่ งหน้าสาหรับครู
ดาวฤกษ์ดูเหมือนไม่เคล่ือนท่ี เนื่องจากดาวฤกษ์อยู่ไกลจากโลกมาก เพื่อจดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ถัดไป
โดยอยนู่ อกระบบสุริยะของเรา ทาใหด้ ูเหมือนว่าดาวเหลา่ นี้ไมเ่ คล่อื นท่ี)
5.5 ดาวเคราะห์และดาวฤกษต์ ่างกันอย่างไร (ดาวเคราะห์ไม่มแี สงในตัวเอง ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา
สว่ นดาวฤกษม์ แี สงในตวั เอง) กิจกรรมท่ี 1 มองเห็นดาวเคราะห์และ
ดาวฤกษ์ได้อย่างไร ผ่านการสร้าง
ขั้นสรปุ จากการอา่ น (5 นาท)ี แบบจาลองการมองเห็นดาวเคราะห์
และดาวฤกษ์ และการสืบค้นข้อมูล
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากเร่ืองท่ีอ่านว่า ดาวท่ีมองเห็น เปรียบเทียบความเหมือนและความ
บนท้องฟ้า มีทั้งดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ โดยดาวส่วนใหญ่เป็นดาวฤกษ์ แตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
ส่วนดาวเคราะห์ท่ีมองเห็นบนท้องฟ้าเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ดังนั้นครูควรให้นักเรียนร่วมกันเตรียม
ดาวเคราะห์เป็นดาวไมป่ ระจาที่หรือดาวพเนจร เน่ืองจากดาวเคราะหใ์ ชเ้ วลา หาอุปกรณ์เพื่อสร้างแบบจาลองและ
ในการโคจรรอบดวงอาทิตยแ์ ตกต่างกันและอยู่ใกล้โลกมาก ทาใหค้ นบนโลก สืบคน้ ข้อมลู ดังกลา่ ว
มองเห็นดาวเคราะห์แต่ละดวงปรากฏบนท้องฟ้าในตาแหน่งที่แตกต่างกัน
ไม่ประจาท่ีในรอบปี ส่วนดาวฤกษ์เป็นดาวประจาที่ เนื่องจากดาวฤกษ์อยู่ไกล
จากโลกมาก ทาให้ดเู หมอื นว่าดาวฤกษ์ไม่เคลอ่ื นทีเ่ ม่ือมองจากโลก

7. นักเรียนตอบคาถามจากเรื่องที่อ่านในรู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม

หน้า 51

8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน
รหู้ รอื ยงั กับคาตอบทเี่ คยตอบและบนั ทึกไว้ในคดิ กอ่ นอา่ น

9. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามท้ายเรื่องที่อ่าน ดังนี้ เรามองเห็นดาวฤกษ์
เพราะดาวฤกษ์เป็นดาวทมี่ ีแสงในตัวเองแต่ดาวเคราะห์เป็นดาวที่ไม่มีแสงใน
ตัวเอง แล้วเรามองเห็นดาวเคราะห์ได้อย่างไร ครูบันทึกคาตอบของนักเรียน
บนกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบแต่ชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบจากการ
ทากิจกรรม

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 119

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

เราเรียกดาวเคราะห์วา่ ดาวพเนจร เพราะดาวเคราะหอ์ ย่ใู กล้โลกและใช้เวลาในการ
โคจรรอบดวงอาทติ ยแ์ ตกต่างกนั จงึ เปลย่ี นแปลงตาแหนง่ ไม่อยู่ประจาที่ในรอบปี
สว่ นดาวฤกษ์เราเรยี กวา่ ดาวประจาท่ี เน่ืองจากดาวฤกษ์เปน็ ดาวทอ่ี ย่หู ่างจากโลกมาก
เม่ือมองจากโลกจงึ มองเหน็ เหมือนดาวฤกษ์อยู่นิ่งไม่เคลอ่ื นที่

จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะได้เรียนตอ่ ไปในกิจกรรมที่ 1 มองเหน็ ดาวเคราะห์
และดาวฤกษไ์ ด้อยา่ งไร

120 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

กิจกรรมที่ 1 มองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษไ์ ดอ้ ยา่ งไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้อธิบายการมองเห็นดาวฤกษ์
ดาวเคราะห์ และดวงจันทร์ผ่านกิจกรรมการสร้าง
แบบจาลอง

เวลา 2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. สร้างแบบจาลองและอธบิ ายการมองเห็น
ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

2. สบื ค้นข้อมูลและเปรียบเทยี บความเหมอื นและ
ความแตกตา่ งของดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

วสั ดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม

ส่งิ ทคี่ รตู ้องเตรยี ม/ห้อง

- 1 กระบอก สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ หนา้ 52-53
สิง่ ที่นักเรยี นตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม 1 กระบอก
1. ไฟฉายขนาดใหญ่ 1 กลอ่ ง 1. หนงั สือเรยี น ป. 5 เลม่ 2
2. ไฟฉายขนาดเล็ก 1 ลกู
3. กล่องกระดาษทบึ พร้อมฝาปดิ 1 อัน
4. วัตถุทรงกลมขนาดเล็ก
5. แวน่ กันแดด

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป. 5 เล่ม 2 หน้า 38-43

S1 การสงั เกต 3. วีดิทัศน์ตัวอย่างการปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สาหรบั ครู
S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล เร่อื ง มองเห็นดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และดวงจันทร์ได้
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป อย่างไร http://ipst.me/8771
S14 การสร้างแบบจาลอง

ทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21

C1 การสรา้ งสรรค์
C4 การส่ือสาร
C5 ความร่วมมือ
C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 121

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร

แนวการจัดการเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน
ครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง
1. ครทู บทวนความรู้พน้ื ฐานเกี่ยวกบั การมองเห็นวตั ถุ โดยใชค้ าถามดังนี้ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
1.1 ในห้องเรียนมีส่ิงใดบ้างท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสง อะไรบ้างท่ีไม่เป็น นักเรียนต้องตอบคาถามเหล่านี้ได้
แหล่งกาเนิดแสง (คาตอบขึ้นอยู่กับสิ่งของในห้องเรียน สิ่งท่ีเป็น ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืม
แหล่งกาเนิดแสง เช่น หลอดไฟฟ้า ส่ิงท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง ครูตอ้ งใหค้ วามรูท้ ่ีถูกต้องทันที
เช่น โต๊ะเรียน เกา้ อี้ สมุด ดินสอ)
1.2 เรามองเห็นวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสงได้อย่างไร (แสงจากวัตถุ
ทเ่ี ปน็ แหล่งกาเนดิ แสงเคล่อื นทเี่ ขา้ สู่ตาเรา)
1.3 เรามองเห็นวัตถุที่ไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสงได้อย่างไร (แสงจาก
แหลง่ กาเนดิ แสงตกกระทบวตั ถุ แลว้ แสงสะทอ้ นเข้าสูต่ าเรา)

2. ครูชักชวนนักเรียนให้คิดและเสนอวิธีหาคาตอบว่า เราจะอธิบายการ
มองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์โดยใช้แบบจาลองได้อย่างไร ครูยังไม่
เฉลยคาตอบ แต่ชักชวนนักเรยี นใหห้ าคาตอบจากการทากิจกรรม

3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม มองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ได้อย่างไรและ
ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายทีละประเด็นเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
เกย่ี วกับจดุ ประสงค์ในการทากิจกรรมโดยใชค้ าถามดังน้ี
3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การมองเห็นดาวเคราะห์และ
ดาวฤกษ)์
3.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เร่ืองน้ีด้วยวิธีใด (การสร้างแบบจาลองและสืบค้น
ขอ้ มูล)
3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการมองเห็นดาวเคราะห์
และดาวฤกษ์ รวมท้ังเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของ
ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์)

4. ครูให้นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 38 และ
อ่านส่ิงที่ต้องใช้ในการทากิจกรรม โดยครูยังไม่แจกวัสดุอุปกรณ์แก่
นักเรียน แต่นาวัสดุอุปกรณ์มาแสดงให้นักเรียนดูทีละอย่าง ทบทวนวิธีใช้
และข้อควรระวงั ในการใช้

5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อแล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปลาดับ
ข้ันตอนตามความเข้าใจโดยครูอาจช่วยเขียนสรุปสั้น ๆ บนกระดาน ถ้า
นักเรียนร่วมกันอภิปรายข้อ 1 ได้ไม่ชัดเจน ครูอาจให้นักเรียนร่วมกัน
อภปิ รายเพม่ิ เติมตามแนวคาถามดงั ต่อไปนี้
5.1 ดาวเคราะห์มีลักษณะอยา่ งไร (ดาวเคราะห์ไมม่ ีแสงในตวั เอง)

122 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร

5.2 เรามองเห็นดาวเคราะห์ได้อย่างไร (แสงของดวงอาทิตย์หรือ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
ดาวฤกษต์ กกระทบดาวเคราะหแ์ ล้วสะท้อนเข้าสตู่ าเรา) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

5.3 ดาวฤกษม์ ลี ักษณะอย่างไร (ดาวฤกษ์มแี สงในตัวเอง) ท่นี กั เรยี นจะได้ฝึกจากการทากจิ กรรม
5.4 เรามองเห็นดาวฤกษ์ได้อย่างไร (เรามองเห็นดาวฤกษ์ได้ เพราะ S1 การสังเกตการมองเห็นแสงจาก

ดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเอง และแสงจากดาวฤกษ์เคล่ือนที่ ด า ว เค ร า ะ ห์ แ ละด าว ฤ กษ์จาก
เขา้ ส่ตู า) แบบจาลอง
5.5 นักเรียนต้องออกแบบและสร้างแบบจาลองเพื่อใช้อธิบายส่ิงใด S8 การลงความเห็นเกย่ี วกบั การมองเห็น
(อธบิ ายการมองเห็นดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์) ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์
5.6 นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป (สืบค้นข้อมูล อภิปรายเปรียบเทียบ S14 การสร้างแบบจาลองการมองเห็น
ความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างดาวเคราะห์และดาวฤกษ์) ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
เม่อื ครตู รวจสอบจนแน่ใจแล้วว่า นกั เรยี นสามารถอธิบายการมองเห็น C1 ก า ร อ อ ก แ บ บ แ บ บ จ า ล อ ง กา ร
ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ได้ถูกต้อง และเข้าใจวิธีทากิจกรรมทุกข้อ มองเหน็ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
แล้ว ใหน้ กั เรียนลงมือทากิจกรรม C4 การนาเสนอข้อมูลจากการสร้าง
6. ครูให้นักเรียนรว่ มกันออกแบบวิธีสรา้ งแบบจาลองโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ แบบจาลองและสืบค้นข้อมูลเพ่ือ
ที่ ก า ห น ด ใ ห้ เ พื่ อ อ ธิ บ า ย ก า ร ม อ ง เ ห็ น ด า ว เ ค ร า ะ ห์ แ ล ะ ด า ว ฤ ก ษ์ อธิบายและเปรียบเทียบดาวเคราะห์
บันทึกผลลงในแบบบันทึกกิจกรรมหน้า 39 โดยให้นักเรียนเขียน และดาวฤกษ์ให้ผอู้ ่ืนเขา้ ใจ
ภาพรา่ งแบบจาลองการมองเหน็ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ พร้อมระบุ C5 การทางานร่วมกับผู้อื่นใน ก า ร
เหตุผลในการเลือกใช้อุปกรณ์ แนวคิดและเหตุผลในการสร้าง ออกแบบและสร้างแบบจาลอง
แบบจาลองดังกล่าวในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 40 C6 การสืบค้นข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบ
7. นักเรียนเริ่มสร้างแบบจาลองการมองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ความแตกต่างของดาวเคราะห์และ
ตามภาพร่าง ดาวฤกษ์ หรือการใช้แอปพลิเคชัน
8. ครูสารวจแบบจาลองของแต่ละกลุ่ม แล้วเลือกแบบจาลองท่ีมีแนวคิด เพ่ือสร้างแบบจาลองการมองเห็น
แตกต่างกัน 2 – 3 กลุ่มเพ่ือให้นาเสนอหน้าช้ันเรียน โดยอาจบันทึก ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์
ผลการนาเสนอของนักเรียนในรูปแบบตาราง ดังนี้

การทากจิ กรรม ผลการสังเกต อภิปรายผลการสังเกต
1. มองผา่ นรบู นฝากล่องโดย
มองไม่เห็นทั้งวัตถุทรงกลมและ ไม่มีแสงจากไฟฉายซึ่งเป็นแหล่งกาเนิดแสงมา
ไมเ่ ปิดไฟฉาย
2. มองผ่านรูบนฝากล่องโดย ไฟฉาย เข้าตาทาให้มองไม่เหน็ วัตถุในกล่อง

เปดิ ไฟฉาย มองเห็นแสงจากไฟฉายทั้ง 2 มแี สงจากไฟฉายซึ่งแทนดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์

กระบอก โดยกระบอกใหญ่สว่าง เข้าสู่ตาของผู้สังเกตโดยตรง และแสงจากไฟฉาย

มากกว่ากระบอกเล็ก และมองเห็น ยังตกกระทบลูกบอลแล้วสะท้อนเข้าสู่ตา ทาให้

วัตถุทรงกลมดว้ ย ผสู้ ังเกตสามารถมองเห็นลกู บอลได้

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 123

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

9. ครูใช้แบบจาลองของนักเรียนมาอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับการ ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
มองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ โดยใชแ้ นวคาถาม ดงั น้ี ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
9.1 นักเรียนใช้อะไรในการสร้างแบบจาลองน้ี (วัตถุทรงกลมขนาดเล็ก แนวคาตอบ ครคู วรให้เวลานักเรียน
กล่องมีฝาปิด ไฟฉายขนาดใหญ่ ไฟฉายขนาดเล็ก) คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
9.2 วัตถุทรงกลมขนาดเล็ก กล่องมีฝาปิด ไฟฉายขนาดใหญ่ ไฟฉาย อดทน และรับฟังแนวความคิดของ
ขนาดเล็กจากแบบจาลองนี้แทนส่ิงใดในธรรมชาติ (นักเรียนตอบได้ นักเรียน
ตามการออกแบบของนักเรียนเอง เช่น วัตถุทรงกลมขนาดเล็กใช้แทน
ดาวเคราะห์ กล่องมีฝาปิดใช้แทนอวกาศ ไฟฉายขนาดใหญ่แทน
ดวงอาทิตย์ ไฟฉายขนาดเล็กใช้แทนดาวฤกษ์ที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ซ่ึงอยู่ไกล
จากโลกมาก) แบบจาลองของนักเรียนอาจใช้อุปกรณ์แตกต่างจากนี้
ครคู วรพจิ ารณาเหตุผลของนักเรยี นเป็นสาคญั
9.3 จ า ก แ บ บ จ า ล อ ง นั ก เ รี ย น ม อ ง เ ห็ น ไ ฟ ฉ า ย ข น า ด ใ หญ่ และ
ไฟฉายขนาดเล็กได้อย่างไร (ไฟฉายขนาดใหญ่และไฟฉายขนาดเล็ก
เป็นแหล่งกาเนิดแสง มีแสงในตัวเอง แสงจากไฟฉายเข้าสู่ตา เราจึง
มองเห็นไฟฉาย)
9.4 จากแบบจาลอง นักเรียนมองเห็นวัตถุทรงกลมขนาดเล็กได้อย่างไร
(วัตถุทรงกลมขนาดเล็กไม่ใช่แหล่งกาเนิดแสงจึงไม่มีแสงในตัวเอง แต่
เรามองเหน็ ได้ เพราะมแี สงจากไฟฉายตกกระทบวัตถุแลว้ สะท้อนเข้าสู่
ตาเรา)
9.5 ถ้าปิดไฟฉายจะมองเห็นวัตถุทรงกลมขนาดเล็กหรือไม่ เพราะเหตุใด
(ไม่เห็น เพราะไม่มีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงมาตกกระทบวัตถุ
ทรงกลมจงึ ไมม่ ีแสงสะทอ้ นเขา้ สตู่ าของเรา)
9.6 แบบจาลองนี้จะอธิบายการมองเห็นดาวฤกษ์ได้อย่างไร (ดาวฤกษ์เป็น
แหล่งกาเนิดแสง มีแสงในตัวเอง แสงจากดาวฤกษ์เข้าสู่ตาเรา เราจึง
มองเห็นดาวฤกษ์ได้โดยตรง)
9.7 แบบจาลองน้ีจะอธิบายการมองเห็นดาวเคราะห์ได้อย่างไร
(ดาวเคราะห์ไม่ใช่แหล่งกาเนิดแสงจึงไม่มีแสงในตัวเอง แต่เรามองเหน็
ได้เพราะมีแสงจากดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์ตกกระทบดาวเคราะห์
แลว้ สะทอ้ นเข้าตาเรา)

10. นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากคาสาคัญท่ีนักเรียนช่วยกันกาหนด โดยอาจใช้
คาสาคญั ไดแ้ ก่ ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ครอู าจเน้นยา้ ให้นกั เรียนสบื ค้นจาก
เวบ็ ไซต์ท่ีน่าเชือ่ ถือ เชน่
http://www.lesa.biz/astronomy/cosmos/planet-definition

124 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

11. นักเรียนนาข้อมูลที่ได้มาอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือนและความ การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู
แตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ จากนัน้ บนั ทกึ ผลและนาเสนอ เพ่ือจัดการเรยี นรูใ้ นคร้งั ถัดไป

12. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับ ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้
การมองเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ จากน้ัน ร่วมกันอภิปรายและ เรียนเร่ือง กลุ่มดาวบนท้องฟ้า ซึ่งมี
ลงข้อสรุปร่วมกันว่า ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้าย วีดิทัศน์ประกอบการเรียนการสอน
ทรงกลม โดยดาวฤกษ์มีแสงในตัวเองจึงเป็นแหล่งกาเนิดแสง เรามองเห็น เรื่อง นิทานดาว ดังนั้นครูควรเตรียมหา
ดาวฤกษ์ได้เพราะมีแสงจากดาวฤกษ์เข้าสู่ตาเราโดยตรง ส่วนดาวเคราะห์ อุปกรณ์เพื่อเปิดวีดิทัศน์ดัง ก ล่าว
ไม่มีแสงในตัวเอง จึงไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง แต่เรามองเห็นได้ เพราะมี นอกจากนี้ครูควรเตรียมดาวน์โหลด
แสงจากดวงอาทิตย์ซ่ึงเป็นแหล่งกาเนิดแสงตกกระทบดาวเคราะห์แล้ว แอปพลิเคชัน AR สสวท. วิทย์ประถม
สะท้อนเข้าสูต่ าเรา (S13) แล้วเลอื กระดับชัน้ ป.5 เพ่ือดาวน์โหลด
สื่อความเป็นจริงเสริม (AR) เพื่อใช้
13. นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเพื่อตอบคาถามใน ฉันรอู้ ะไร โดยครูอาจใช้ ประกอบการอ่านเนื้อเรื่องเก่ียวกับ
คาถามเพ่ิมเตมิ ในการอภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ดแ้ นวคาตอบทถี่ ูกต้อง เส้นขอบฟา้ และจดุ เหนอื ศรี ษะ

14. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สง่ิ ท่ีไดเ้ รียนรใู้ นกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรยี นอา่ น ส่ิงท่ี 125
ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของตนเอง

15. ครูกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนฝึกตั้งคาถามเก่ยี วกบั เรื่องทสี่ งสัยหรืออยากรเู้ พ่ิมเติม
ใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ
ตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับคาถามท่ี
นาเสนอ

16. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด และ
บนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรมหนา้ 43

17. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสือเรียน หน้า 54 ครูนา
อภิปรายเพ่ือนาไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเร่ืองนี้ จากน้ันครู
กระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง ดังน้ี เม่ือเรามองไป
บนทอ้ งฟ้า กลมุ่ ดาวฤกษ์ทเ่ี รามองเหน็ ชัดเจนในยามค่าคืนเปน็ รปู รา่ งตา่ ง ๆ
ได้อย่างไร และมีปรากฏการณ์การข้ึนและตกหรือไม่ นอกจากน้ีมีอุปกรณ์
อะไรบ้างที่ช่วยในการสังเกตดาว โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
แนวทางการตอบคาถาม ซ่งึ ครคู วรเนน้ ให้นกั เรียนตอบคาถามพร้อมอธิบาย
เหตุผลประกอบและชักชวนให้นักเรียนไปหาคาตอบร่วมกันจากการเรียน
เร่อื งต่อไป

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

เราเรยี กดาวเคราะหว์ ่าดาวพเนจร เพราะดาวเคราะห์อยูใ่ กลโ้ ลกและใชเ้ วลาในการ
โคจรรอบดวงอาทติ ย์แตกตา่ งกนั จงึ เปลี่ยนแปลงตาแหน่ง ไม่อยู่ประจาที่ในรอบปี
ส่วนดาวฤกษ์เราเรยี กว่าดาวประจาที่ เนอื่ งจากดาวฤกษเ์ ป็นดาวทอ่ี ยู่หา่ งจากโลกมาก
เมื่อมองจากโลกจงึ มองเห็นเหมือนดาวฤกษ์อยู่น่ิงไม่เคลือ่ นท่ี

1. สรา้ งแบบจาลองและอธิบายการมองเห็นดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์
2. สืบคน้ ขอ้ มลู และเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของ
ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์

คาตอบขน้ึ อย่กู ับการอภิปรายของนักเรยี น
แตค่ รูควรแก้ไขคาตอบให้ถูกต้อง โดยเรามองเห็นดาวเคราะห์บนท้องฟา้ ได้ เพราะ
แสงของดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษต์ กกระทบดาวเคราะหแ์ ล้วสะท้อนเขา้ สตู่ าเรา

126 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร

คาตอบข้ึนอยูก่ ับการอภิปรายของนักเรยี น

แตค่ รูควรแกไ้ ขคาตอบให้ถูกต้อง โดยเรามองเห็นดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้าได้ เพราะ

ดาวฤกษ์มแี สงสว่างในตัวเอง และแสงจากดาวฤกษ์เคลอ่ื นที่เขา้ ส่ตู า

คาตอบข้ึนอยู่ความคิดของนักเรียน เช่น

ดาวเคราะห์

อวกาศ
ดวงอาทติ ย์

ดาวฤกษ์

ภาพร่างแบบจาลองขึน้ อยู่กับการออกแบบของนักเรยี น นักเรียนสามารถออกแบบ
ไดต้ ามความคดิ ของกลุ่ม โดยแบบร่างอาจมรี ายละเอยี ด ดงั ตวั อย่าง

เจาะรเู พอื่ มอง ลูกบอลแทน ไฟฉายกระบอกใหญ่แทนดวงอาทติ ย์
ดาวเคราะห์ ไฟฉายกระบอกเล็กแทนดาวฤกษ์

มมุ มองด้านขา้ ง (Side view)

เจาะรเู พือ่ สอดกระบอกไฟฉาย

กลอ่ งกระดาษแทนอวกาศ มุมมองด้านบน (Top view)

วางอุปกรณ์ในกล่อง ดงั รูป จากนนั้ ปิดฝา
- ปิดไฟฉาย : สงั เกตการมองเห็นดาวเคราะห์
และดาวฤกษ์
- เปดิ ไฟฉาย : สงั เกตการมองเห็นดาวเคราะห์
และดาวฤกษ์

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 127

คูม่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

คาตอบขนึ้ อยู่กับการทากิจกรรมของนกั เรยี น เช่น

1. เจาะรดู ้านข้างของกล่อง 2 รู และฝากลอ่ ง 1 รู จากน้นั นาวตั ถทุ รงกลมวางไว้ในกลอ่ งแล้วปดิ ฝากล่อง
2. สอดไฟฉายไว้ท่ีรทู ้ังสอง โดยยังไมเ่ ปดิ ไฟฉาย จากนัน้ สังเกตวัตถุทรงกลมและไฟฉายผา่ นรูท่ีฝากล่อง
3. เปิดไฟฉาย สงั เกตวัตถุทรงกลม และสังเกตไฟฉายอีกครั้ง โดยสวมแว่นกนั แดด และไม่ใช้เวลาใน

การสังเกตนาน เพราะจะทาให้แสบตาได้

คาตอบขน้ึ อยู่กับการทากิจกรรมของนักเรยี น เชน่ ใชไ้ ฟฉายแทนดาวฤกษ์ เพราะ
ดาวฤกษ์มีแสงในตัวเอง ใช้วัตถุทรงกลมแทนดาวเคราะห์ เพราะดาวเคราะห์คล้าย
ทรงกลมและไม่มแี สงในตัวเอง ใชก้ ล่องแทนอวกาศ เพราะในกลอ่ งมืด

128 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร

คาตอบข้ึนอยู่กับการทากิจกรรมของนักเรยี น เช่น

เป็นดาวทีไ่ มม่ ีแสงในตัวเอง เปน็ ดาวที่มแี สงในตวั เอง

โคจรรอบดาวฤกษ์ คนบน มลี กั ษณะ เช่น ดวงอาทติ ยซ์ ่ึงเปน็
โลกมองเหน็ ดาวเคราะหไ์ ด้ คล้ายทรงกลม ศนู ย์กลางของระบบสรุ ิยะ
เพราะเมื่อดาวเคราะหไ์ ด้รับ ส่วนดาวฤกษด์ วงอ่ืน อยู่

แสงจากดวงอาทิตย์ แสง นอกระบบสรุ ิยะ คนบนโลก

จะสะท้อนเข้าตาของผู้สังเกต มองเหน็ ดาวฤกษไ์ ด้

เพราะแสงจากดาวฤกษ์เขา้ สู่ตา

ผ้สู ังเกตโดยตรง

หมายเหตุ ครอู าจแนะนาวิธกี ารเขียนแผนภาพวา่ บรเิ วณท่วี งกลม 2 วง
ซ้อนกันให้นกั เรียนเขียนส่ิงทดี่ าวเคราะห์และดาวฤกษเ์ หมือนกัน

ใช้ไฟฉายแทนดาวฤกษ์ เพราะดาวฤกษ์เปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง มีแสงในตวั เอง
ใช้วตั ถุทรงกลมแทนดาวเคราะห์ เพราะไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง ไมม่ แี สงในตวั เอง
และมีรูปทรงคล้ายดาวเคราะห์

ดาวเคราะหไ์ ม่มแี สงในตวั เอง แต่เรามองเห็นได้ เพราะมแี สงจากดวงอาทติ ย์หรอื ดาวฤกษ์
ตกกระทบและสะท้อนเขา้ สู่ตาเรา ดาวฤกษ์มแี สงในตัวเอง แสงจากดาวฤกษ์สามารถเขา้ สตู่ า
ไดโ้ ดยตรง เราจึงมองเห็นดาวฤกษ์

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 129

คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ เป็นดาวท่มี ีลักษณะคล้ายทรงกลมเหมอื นกนั แต่มขี ้อ
แตกตา่ งกันที่ ตาแหน่งและการเคลื่อนท่ขี องดาว โดยดาวฤกษเ์ ปน็ ศูนย์กลางของ
ระบบซ่ึงมีดาวเคราะห์โคจรโดยรอบ นอกจากนด้ี าวเคราะหไ์ ม่มแี สงในตวั เอง แต่
ดาวฤกษ์มแี สงในตัวเอง
ดาวเคราะห์เป็นดาวท่ีไม่มีแสงในตัวเอง แต่เรามองเห็นได้ เพราะดาวเคราะห์สะท้อนแสง
ทไ่ี ด้รบั จากดวงทิตย์หรือดาวฤกษเ์ ขา้ สตู่ าเรา สว่ นดวงอาทิตย์หรอื ดาวฤกษ์ เปน็ แหล่งกาเนิดแสง
จึงมีแสงในตัวเอง แสงจากดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์เข้าสู่ตา เราจึงมองเห็นดวงอาทิตย์
และดาวฤกษ์ได้โดยตรง ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์มีลักษณะคล้ายทรงกลมเหมือนกัน แต่
ดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะหก์ แ็ ตกตา่ งกนั เชน่ การเคล่อื นท่ี ขนาด
เรามองเห็นดาวเคราะห์ซึ่งเป็นดาวท่ีไม่มีแสงในตัวเองได้ เพราะดาวเคราะห์สะท้อนแสง
ท่ีได้รับจากดวงทิตย์หรือดาวฤกษ์เข้าสู่ตาเรา ส่วนดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์ เป็นดาวที่มีแสง
ในตวั เอง แสงจากดวงอาทติ ยห์ รอื ดาวฤกษ์เขา้ สตู่ าเรา เราจงึ มองเหน็ ดวงอาทติ ย์และดาวฤกษ์
ได้ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์มีท้งั สงิ่ ทเ่ี หมือนกนั และแตกต่างกนั

130 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

คาถามของนกั เรียนท่ีตัง้ ตามความอยากรู้ของตนเอง







 
 

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 131

ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมินการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นทาได้ ดงั นี้
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรูจ้ ากคาตอบของนักเรียนระหวา่ งการจดั การเรยี นรู้และจากแบบบันทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนักเรยี น

การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1 มองเห็นดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษไ์ ดอ้ ย่างไร

ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถึง ดี

รหสั สง่ิ ทป่ี ระเมิน คะแนน
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
S14 การสรา้ งแบบจาลอง
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
C1 การสร้างสรรค์
C4 การส่อื สาร
C5 ความรว่ มมอื
C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร

รวมคะแนน

132 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรยี น

โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดงั น้ี

ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

S1 การสังเกต การวาดหรือบรรยาย สามารถใช้ประสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั

การมองเห็นแสงจาก เก็บรายละเอียดข้อมลู เก็บรายละเอยี ดข้อมูล เก็บรายละเอยี ดข้อมลู

ดาวเคราะหแ์ ละ และบรรยายเก่ยี วกับการ และบรรยายเกย่ี วกับ แต่บรรยายรายละเอียด

ดาวฤกษจ์ าก มองเห็นแสงจาก การมองเห็นแสงจาก เก่ยี วกับการมองเหน็ แสง

แบบจาลอง ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ จากดาวเคราะหแ์ ละ

จากแบบจาลองได้ด้วย ไดจ้ ากแบบจาลองจาก ดาวฤกษจ์ ากแบบจาลอง

ตนเอง การชีแ้ นะของครูหรือผู้อ่ืน ไดไ้ มค่ รบถว้ นสมบูรณ์

หรอื มกี ารเพ่มิ เตมิ ความ แม้วา่ จะได้รับคาชแ้ี นะ

คิดเหน็ จากครูหรอื ผู้อนื่

S8 การลง การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก

ความเห็นจาก ขอ้ มลู ได้ว่า เรา ขอ้ มูลได้ว่า เรามองเหน็ ขอ้ มลู ไดว้ ่า การมองเหน็ ขอ้ มลู ได้ถูกต้องเป็น

ข้อมลู มองเหน็ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ได้ เพราะ ดาวเคราะห์ได้ เพราะ บางส่วนวา่ เรามองเห็น

ไดเ้ พราะดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์ไดร้ บั แสงจาก ดาวเคราะห์ได้รับแสงจาก ดาวเคราะห์ได้ เพราะ

ได้รบั แสงจาก ดวงอาทิตย์ แล้วสะทอ้ น ดวงอาทิตยแ์ ล้วสะท้อน ดาวเคราะห์ไดร้ บั แสง

ดวงอาทติ ยแ์ ลว้ เขา้ สู่ตาเรา ส่วน เข้าสตู่ าเรา สว่ น จากดวงอาทิตยแ์ ล้ว

สะท้อนเข้าสู่ตาเรา ดวงอาทติ ยห์ รือดาวฤกษ์ ดวงอาทิตยห์ รือดาวฤกษ์ สะท้อนเข้าสตู่ าเรา สว่ น

ส่วนดวงอาทิตย์หรือ สอ่ งแสงเขา้ สตู่ าเรา ส่องแสงเขา้ สู่ตาเรา ดวงอาทติ ยห์ รือดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์ส่องแสงเขา้ โดยตรง ได้อย่างถูกต้อง โดยตรงได้อยา่ งถูกต้อง ส่องแสงเข้าสตู่ าเรา

สตู่ าเราโดยตรง ไดด้ ้วยตนเอง จากการชแี้ นะของครหู รือ โดยตรง

ผู้อน่ื

S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย

ตีความหมายข้อมูล ขอ้ มลู จาก ขอ้ มลู จากแบบจาลอง ข้อมลู จากแบบจาลอง ข้อมูลจากแบบจาลอง

และลงข้อสรปุ แบบจาลอง และการ และการสืบค้นข้อมลู และ และการสบื คน้ ข้อมลู และ และการสืบค้นข้อมลู และ

สบื คน้ ข้อมูลและลง ลงข้อสรปุ ได้ด้วยตนเองวา่ ลงขอ้ สรปุ ไดจ้ ากการ ลงขอ้ สรปุ ได้เพียงบางสว่ น

ขอ้ สรปุ ไดว้ า่ มองเห็นลูกบอลไดเ้ ม่ือ ชี้แนะจากครูและผู้อ่นื วา่ แม้ว่าจะไดร้ บั คาชแ้ี นะ

ดาวเคราะห์ได้รับ ไดร้ ับแสงจากไฟฉาย แต่ มองเหน็ ลูกบอลได้เม่ือ จากครูหรอื ผู้อืน่ ไดว้ ่า

แสงจากดวงทติ ย์ สามารถมองเหน็ แสงจาก ไดร้ ับแสงจากไฟฉาย แต่ ดาวเคราะห์ไดร้ บั แสงจาก

แล้วสะทอ้ นเข้าสูต่ า ไฟฉายไดโ้ ดยตรงและลง สามารถมองเห็นแสงจาก ดวงทิตย์แลว้ สะท้อนเขา้ สู่

เรา สว่ นดวงอาทิตย์ ข้อสรุปไดว้ า่ ดาวเคราะห์ ไฟฉายได้โดยตรง ตาเรา สว่ นดวงอาทิตย์

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 133

คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)

หรอื ดาวฤกษ์สอ่ ง ได้รบั แสงจากดวงทติ ย์ ดาวเคราะห์ได้รับแสงจาก หรอื ดาวฤกษ์สอ่ งแสงเขา้ สู่

แสงเขา้ สู่ตาเรา แลว้ สะท้อนเข้าสู่ตาเรา ดวงทติ ย์แล้วสะท้อนเข้าสู่ ตาเราโดยตรง แตไ่ ม่

โดยตรง ดาวฤกษ์ สว่ นดวงอาทติ ย์หรอื ตาเรา ส่วนดวงอาทิตย์ สามารถบอกความ

และดาวเคราะห์มี ดาวฤกษส์ ่องแสงเข้าสู่ตา หรือดาวฤกษส์ อ่ งแสง แตกต่างระหว่าง

ส่วนท่ีเหมอื นและ เราโดยตรง ดาวฤกษแ์ ละ เข้าส่ตู าเราโดยตรง ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์

แตกต่างกนั ดาวเคราะหม์ ีส่วนที่ ดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะห์

เหมอื นและแตกตา่ งกันได้ มีส่วนท่เี หมือนและ

ด้วยตนเอง แตกต่างกัน

S14 การสรา้ ง การสรา้ งแบบจาลอง สามารถสรา้ งแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง สามารถสร้างแบบจาลอง

แบบจาลอง เพ่ืออธิบายการ เพอ่ื อธบิ ายการมองเหน็ เพอ่ื อธิบายการมองเหน็ เพอื่ อธิบายการมองเหน็

มองเห็นดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

และดาวฤกษ์ ไดถ้ ูกต้อง ครบถว้ นด้วย ไดถ้ ูกต้อง ครบถว้ น ไดถ้ ูกตอ้ ง แตไ่ มค่ รบถ้วน

ตนเอง จากการช้ีแนะของครหู รือ สมบูรณ์ แมว้ า่ จะไดร้ บั

ผูอ้ ่นื การชี้แนะจากครูหรือผู้อืน่

134 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดังนี้

ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ
ศตวรรษที่ 21
C1 การ การออกแบบและ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1)
สร้างสรรค์ สร้างแบบจาลองเพื่อ
อธบิ ายการมองเห็น สามารถออกแบบ และ สามารถออกแบบ และ สามารถออกแบบและ
C4 การสือ่ สาร ดาวเคราะหแ์ ละดาว
ฤกษ์ สรา้ งแบบจาลองแสดง สร้างแบบจาลองแสดง สรา้ งแบบจาลองแสดง
C5 ความ
รว่ มมือ การนาเสนอข้อมลู การไดร้ บั แสงของ การได้รบั แสงของ การได้รับแสงของ
จากการสรา้ ง
แบบจาลองและ ดาวเคราะห์และการส่อง ดาวเคราะห์และการส่อง ดาวเคราะหแ์ ละการส่อง
สบื ค้นข้อมลู
เพอ่ื อธิบายการ แสงของดาวฤกษ์ เพื่อ แสงของดาวฤกษ์ เพื่อ แสงของดาวฤกษ์ เพื่อ
มองเหน็ ดาวฤกษ์
และดาวเคราะห์ อธิบายการมองเหน็ อธบิ ายการมองเหน็ อธิบายการมองเห็น
และเปรียบเทยี บ
ดาวเคราะห์ และ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์
ดาวฤกษเ์ พ่อื ให้ผูอ้ ่ืน
เข้าใจ ไดด้ ้วยตนเองอยา่ ง ดาวฤกษ์ได้ จากการ ไดแ้ ต่ไมส่ มบูรณ์ แม้วา่
การทางานรว่ มกับ
ผู้อนื่ ในการสร้าง ถูกต้อง ช้ีแนะของครูหรือผอู้ ่นื จะไดร้ ับคาแนะนาจาก
แบบจาลอง และ
สบื คน้ ขอ้ มลู เพื่อ ครหู รอื ผู้อน่ื
อธิบายการมองเหน็
และเปรยี บเทยี บ สามารถนาเสนอข้อมลู สามารถนาเสนอข้อมลู สามารถนาเสนอข้อมลู
ดาวเคราะหแ์ ละ
จากการสร้างแบบจาลอง จากการสร้างแบบจาลอง จากการสร้างแบบจาลอง

และสบื ค้นข้อมูล เพ่ือ และสืบค้นข้อมูล เพ่ือ และสืบค้นข้อมูล เพื่อ

อธบิ ายการมองเหน็ อธิบายการมองเหน็ อธิบายการมองเห็น

ดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะห์

และเปรียบเทยี บ และเปรียบเทียบ และเปรียบเทียบ

ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

เพ่ือใหผ้ ู้อื่นเขา้ ใจได้ดว้ ย เพื่อให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจได้จาก เพื่อให้ผ้อู ่ืนเข้าใจได้เพียง

ตนเอง การชี้แนะจากครูหรือผู้อ่นื บางส่วน แม้วา่ จะได้

รบั คาชแ้ี นะจากครูหรือ

ผู้อน่ื

สามารถทางานร่วมกบั สามารถทางานรว่ มกบั สามารถทางานร่วมกบั

ผูอ้ ่ืนในการสรา้ ง ผอู้ น่ื ในการสร้าง ผู้อนื่ ในการสรา้ ง

แบบจาลอง และสบื ค้น แบบจาลองและสืบค้น แบบจาลองและสบื ค้น

ข้อมูล เพอื่ อธิบายการ ขอ้ มลู เพื่ออธิบายการ ขอ้ มลู เพอ่ื อธบิ ายการ

มองเห็นและเปรียบเทยี บ มองเห็นและเปรียบเทยี บ มองเหน็ และเปรยี บเทียบ

ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ ดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษ์

รวมท้งั ยอมรบั ความ รวมท้งั ยอมรบั ความ ได้บางช่วงเวลา แตไ่ ม่

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 135

คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
C6 การใช้
เทคโนโลยี ดาวฤกษ์ รวมทัง้ คิดเหน็ ของผู้อน่ื ตั้งแต่ คดิ เหน็ ของผู้อ่ืน บาง แสดงความสนใจต่อความ
สารสนเทศและ
การสื่อสาร ยอมรบั ความคิดเหน็ เร่ิมตน้ จนสาเรจ็ ช่วงเวลาทท่ี ากิจกรรม คดิ เหน็ ของผูอ้ ่นื ท้ังนี้ต้อง

ของผู้อนื่ อาศยั การกระตุ้นจากครู

หรอื ผ้อู ่นื ตลอดชว่ งเวลาที่

ทากจิ กรรม

การสบื ค้นข้อมูลทาง สามารถสืบคน้ ข้อมลู ทาง สามารถสืบค้นข้อมลู ทาง สามารถสบื คน้ ข้อมูลทาง

อนิ เทอร์เน็ตเกีย่ วกับ อินเทอร์เน็ตเกีย่ วกับ อินเทอร์เนต็ เกยี่ วกับ อนิ เทอร์เน็ตเกี่ยวกับ

ดาวฤกษ์และ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ ดาวฤกษแ์ ละ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์

ดาวเคราะห์จาก จากแหล่งข้อมลู ที่ ดาวเคราะห์จาก จากแหล่งข้อมลู ได้เพยี ง

แหลง่ ขอ้ มลู ท่ี น่าเช่อื ถือ หรือการใช้ แหล่งข้อมูลที่น่าเช่ือถือ บางส่วน หรอื ไม่สามารถ

นา่ เชอื่ ถอื หรือการใช้ แอปพลิเคชนั ในการสร้าง หรือการใชแ้ อปพลเิ คชัน ใช้แอปพลเิ คชันในการ

แอปพลิเคชันในการ แบบจาลองได้ดว้ ยตนเอง ในการสรา้ งแบบจาลอง สร้างแบบจาลอง แมว้ า่

สร้างแบบจาลอง จากการชแ้ี นะของครู จะได้รับคาชแี้ นะจากครู

หรือผูอ้ ่นื หรือผอู้ ่นื

136 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

เรือ่ งที่ 2 กลุม่ ดาวบนทอ้ งฟา้

ใ น เ ร่ื อ ง น้ี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด้ เ รี ย น รู้ เ กี่ ย ว กั บ ก ลุ่ ม ด า ว
การมองเห็นกลุ่มดาวมีรูปร่างต่าง ๆ ตามจินตนาการของ
ผู้สังเกต รวมถึงการใช้แผนท่ีดาวเพื่อช่วยในการสังเกต
กลมุ่ ดาว และระบตุ าแหน่งของกลุ่มดาว

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้

1. สังเกตและอธิบายเก่ียวกับการมองเห็นกลุ่มดาว 1. หนังสือเรยี น ป. 5 เลม่ 2 หน้า 56-69
เป็นรปู รา่ งต่าง ๆ
2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป. 5 เลม่ 2 หนา้ 44-56
2. ใช้แผนท่ีดาวช่วยในการสังเกตปรากฏการณ์ขึ้น
และตกของกลุ่มดาว

3. สงั เกตและอธิบายวัฏจกั รการปรากฏของกลุ่มดาว

เวลา 4 ช่ัวโมง

วสั ดุ อุปกรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม

รปู กลุม่ ดาว แผนที่ดาว เข็มทิศ นาฬิกา กระดาษแก้วสีแดง
ไฟฉายขนาดเล็ก ยางรดั ของ

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 137

คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวการจดั การเรยี นรู้ (60 นาที)

ข้ันตรวจสอบความรู้ (10 นาที)

1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมของนกั เรยี นเกีย่ วกบั กลุ่มดาวทน่ี ักเรียนรู้จกั โดย ในการตรวจสอบความรู้เดิม
อาจใชค้ าถาม ดังน้ี ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
1.1 นักเรียนรู้จักกลุ่มดาวอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ เป็นสาคญั และยังไม่เฉลยคาตอบ
ตนเอง เช่น กลุ่มดาวลกู ไก่ กลุ่มดาวนายพราน) ใด ๆ ให้กับนักเรยี น แต่ชกั ชวนให้
1.2 กลุ่มดาวคืออะไร (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น หาคาตอบที่ถูกต้องจากการอ่าน
ดาวทีอ่ ยรู่ วมใกล้ ๆ กัน) เนื้อเรือ่ ง

2. ครูเช่ือมโยงประสบการณ์เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเร่ืองกลุ่มดาว ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม
บนท้องฟ้า โดยให้นักเรียนไปหาคาตอบร่วมกันจากการอ่านเรื่อง
กลมุ่ ดาวบนทอ้ งฟา้ ครูอาจนาข้อมูลเก่ียวกับกลุ่มดาวที่
นาเสนอในส่ืออ่ืน ๆ เช่น โปรแกรม
ขน้ั ฝกึ ทักษะจากการอา่ น (30 นาท)ี Stellarium และ Celestia แอปพลเิ คชัน
ในโทรศัพท์เคลื่อนท่ี เช่น Skyview Free
3. นักเรยี นอา่ นชอื่ เร่ือง และคาถามในคดิ ก่อนอา่ น ในหนังสอื เรยี นหน้า 56 Star Chart มากระตุ้นความสนใจของ
แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพ่ือหาคาตอบตามความเข้าใจของกลุ่ม ครู นกั เรียนในการนาเขา้ สบู่ ทเรยี น
บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบกับคาตอบ
ภายหลังการอ่านเน้ือเรอ่ื ง ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่าน แนวคาตอบ ครคู วรให้เวลานักเรียน
ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากน้ันครูชักชวนให้นักเรียนอธิบาย คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ความหมายของคาสาคัญจากเนื้อเรอื่ งทจ่ี ะอา่ น อดทน และรับฟังแนวความคิดของ
นกั เรียน
5. ครูชวนนักเรียนอ่านเน้ือเร่ือง โดยครูฝึกการอ่านด้วยวิธีที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนั้นร่วมกันอภิปรายใจความสาคัญตาม
แนวคาถามดงั นี้
5.1 จากนิทานกล่าวถึงกลุ่มดาวใดบ้าง (กลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาว
สนุ ขั ใหญ่ กลมุ่ ดาวแมงป่อง)
5.2 กลุ่มดาวคืออะไร (กลุ่มดาว คือ ดาวฤกษ์ที่มาเรียงกันเป็นรูปร่าง
ตา่ ง ๆ บนทอ้ งฟ้า)

138 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

5.3 ท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างสิ่งท่ีมีลักษณะคล้ายท้องฟ้า ความรเู้ พิ่มเตมิ สาหรบั ครู
(ท้องฟ้ามีลักษณะคล้ายครึ่งทรงกลม ซึ่งคล้ายฝาชี โดม หรือ
ฝาแก้วน้าพลาสตกิ ) ในการอธบิ ายลักษณะของท้องฟ้า ครอู าจ
ใ ช้ แ บ บ จ า ล อ ง ค รึ่ ง ท ร ง ก ล ม ฟ้ า ท่ี โ ร ง เ รี ย น
5.4 เราสามารถหาตาแหน่งของเส้นขอบฟ้าได้อย่างไร (นักเรียนอาจ มี อ ยู่ ห รื อ ใ ช้ อุ ป ก ร ณ์ อื่ น ท่ี มี ลั ก ษ ณ ะ ค ล้ า ย
สาธิต โดยเหยียดแขนออกไปตามแนวราบ แล้วมองไปตามแนว คร่ึงทรงกลม เช่น ฝาชี ลูกบอลผ่าคร่ึง เพื่อ
ปลายแขนจนเห็นขอบฟ้า จากนั้นหมุนตัวและมองไปตามแนว อธิบายตาแหน่งของเส้นขอบฟ้าและจุดเหนือ
ปลายแขนอยา่ งต่อเนอ่ื งจะมองเหน็ แนวเส้นขอบฟา้ ) ศีรษะ โดยเส้นขอบฟ้า คือ บริเวณฐานของ
ครึ่งทรงกลม ส่วนจุดเหนือศีรษะคือตาแหน่ง
5.5 สถานทีใ่ ดทส่ี ามารถมองเห็นเสน้ ขอบฟ้าได้ชัดเจนที่สุด เพราะเหตุ ศูนยก์ ลางของคร่ึงทรงกลม
ใด (นักเรียนตอบได้ตามความคิดของนักเรียน เช่น ทะเล หรือบน
ตึกสูง เพราะไม่มีอาคารบ้านเรือนหรือต้นไม้มาบดบังแนวเส้น เสน้ ขอบฟา้ จุดเหนอื ศีรษะ
ขอบฟา้ )
การเตรยี มตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู
5.6 เราสามารถหาตาแหน่งของจุดเหนือศีรษะได้อย่างไร (นักเรียน เพอ่ื จัดการเรยี นรู้ในครง้ั ถดั ไป
อาจสาธติ โดยชูมอื ขน้ึ ไปตรง ๆ เหนือศีรษะ แล้วแหงนหนา้ มองท่ี
ปลายมือซึง่ เปน็ จดุ สูงสดุ ของทอ้ งฟา้ ทตี่ รงกบั ศรี ษะตนเอง)

5.7 นักเรียนสามารถเดินทางไปยังจุดเหนือศีรษะและเส้นขอบฟ้าได้
หรอื ไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ได้ เพราะจุดเหนือศีรษะและเส้นขอบฟ้า
เปน็ เพียงตาแหน่งทสี่ มมตขิ ้ึน ไมไ่ ด้มอี ยูจ่ รงิ )

ครูอาจใช้โทรศัพท์เคลื่อนท่ีท่ีดาวน์โหลดส่ือความเป็นจริงเสริม (AR)
ระดบั ช้นั ป. 5 แลว้ มาใช้สแกน AR ในหนังสือเรยี นหนา้ 57 เพอื่ ใหน้ กั เรียน
ศกึ ษาเส้นขอบฟ้าและจดุ เหนือศรี ษะซ่งึ เป็นภาพ 3 มิตไิ ด้

ขัน้ สรุปจากการอา่ น (20 นาท)ี

6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า กลุ่มดาว คือ ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา
ดาวฤกษ์ที่มองเห็นเรียงกันเป็นกลุ่มมีรูปร่างต่าง ๆ บนท้องฟ้า โดย กิจกรรมท่ี 2.1 เหตุใดจึงเห็นกลุ่มดาว
ท้องฟ้ามีลักษณะคล้ายครึ่งทรงกลมครอบตัวผู้สังเกต และมีตาแหน่ง เป็นรูปร่างต่าง ๆ ซ่ึงครูควรเตรียมรูป
สมมติ เช่น จุดเหนือศีรษะเป็นตาแหน่งท่ีมองเห็นเหมือนสูงท่ีสุดบน กลุ่มดาวของนักดาราศาสตร์เพื่อใช้ใน
ท้องฟ้า และเส้นขอบฟ้าเป็นแนวเส้นท่ีมองเห็นเหมือนท้องฟ้าและ การอภิปรายรปู ร่างของกลุ่มดาว
พ้นื นา้ หรือพ้ืนดินมาบรรจบกัน

7. นักเรียนตอบคาถามจากเร่ืองที่อ่านในรู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม
หน้า 57

8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน
รูห้ รอื ยังกบั คาตอบทเ่ี คยตอบและบันทึกไวใ้ นคดิ ก่อนอา่ น

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 139

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร
9. ครูชักชวนนักเรียนตอบคาถามท้ายเรื่องที่อ่าน ดังน้ี เส้นขอบฟ้าและ

จุดเหนือศีรษะเกี่ยวข้องกับการระบุตาแหน่งของกลุ่มดาวอย่างไร ครู
บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานโดยยังไม่เฉลยคาตอบ แต่ชักชวน
ให้นกั เรียนหาคาตอบจากการทากจิ กรรม

140 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม

ดาวฤกษ์หลาย ๆ ดวงทีม่ าเรียงกนั เป็นรปู ร่างตา่ ง ๆ มองเห็นได้บนทอ้ งฟ้า

เสน้ ขอบฟา้ คอื เส้นสมมติรอบตวั เรา ที่มองเหน็ เหมอื นทอ้ งฟา้ และพนื้ น้าหรอื
พ้ืนดินมาบรรจบกนั ส่วนจดุ เหนอื ศีรษะ คือ จุดสมมติท่ีอยเู่ หนือศีรษะของ
ผสู้ งั เกต และมองเหน็ วา่ บรเิ วณนนั้ เปน็ จุดท่ีสูงที่สดุ บนท้องฟ้า

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 141

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

กิจกรรมที่ 2.1 เหตใุ ดจงึ เห็นกลมุ่ ดาวเปน็ รูปร่างต่าง ๆ

กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้สังเกตลักษณะการเรียงตัว สอื่ การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้
ของดาวฤกษ์ เพื่ออธิบายสาเหตุการมองเห็นกลุ่มดาวเป็น
รูปร่างตา่ ง ๆ 1. หนังสือเรยี น ป. 5 เล่ม 2 หน้า 58-59

เวลา 1 ชั่วโมง 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป. 5 เลม่ 2 หนา้ 45-47

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

สังเกตและอธิบายเก่ียวกับกลุ่มดาวและการมองเห็น
กลุ่มดาวเป็นรูปรา่ งตา่ ง ๆ

วสั ดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม

ส่ิงท่ีครูตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม
รูปกลุ่มดาวของนักดาราศาสตร์

สิ่งที่นักเรยี นตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม
-

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล
S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21

C1 การสรา้ งสรรค์
C4 การสือ่ สาร

142 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับกลุ่มดาว โดยอาจใช้รูปท้องฟ้า สาคัญ ครูยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ
ในเวลากลางคืนหรือรูปกลุ่มดาวบนท้องฟ้า จากน้ันครูชักชวนนักเรียน ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนให้หา
อภปิ ราย โดยใชค้ าถามดังน้ี ค า ต อ บ ที่ ถู ก ต้ อ ง จ า ก กิ จ ก ร ร ม
1.1 จากรูป นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง (นักเรียนตอบได้ตามความคิดของ ต่าง ๆ ในบทเรยี นนี้
ตนเอง โดยครูอาจบันทึกคาตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน เช่น เห็น
กลุ่มดาวตา่ ง ๆ) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
1.2 กลุ่มดาวท่ีนักเรียนสังเกตเห็นเป็นรูปร่างอะไร (นักเรียนตอบได้ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ตามความคิดของตนเอง เชน่ รปู นายพราน รปู มังกร)
ทีน่ กั เรียนจะไดฝ้ ึกจากการทากจิ กรรม
2. ครูเชอ่ื มโยงเขา้ สกู่ ิจกรรมที่ 2.1 โดยใชค้ าถามว่าเหตุใดจึงมองเหน็ กลุ่มดาวเป็น
รูปร่างต่าง ๆ โดยครูยังไม่เฉลยคาตอบ แต่ชักชวนให้นักเรียนหาคาตอบจาก S1 การสังเกตลักษณะการเรียงตัวของ
การทากิจกรรม ดาวฤกษ์

3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม เหตุใดจึงมองเห็นกลุ่มดาวเป็นรูปร่างต่าง ๆ และ S8 อภิปรายรูปร่างของกลุ่มดาวจาก
ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายทีละประเด็นเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ จนิ ตนาการ แลว้ ลากเส้นเชอื่ มโยง
เก่ยี วกบั จุดประสงค์ ในการทากจิ กรรมโดยใชค้ าถามดังน้ี
3.1 กิจกรรมนี้นกั เรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การมองเห็นกลุ่มดาวเป็นรูปร่าง C1 การจินตนาการ แล้วลา กเส้น
ตา่ ง ๆ) เชื่อมโยงดาวฤกษ์เป็นรูปรา่ งตา่ ง ๆ
3.2 นักเรียนจะไดเ้ รยี นรู้เร่ืองนี้โดยวธิ ีใด (การสงั เกต)
3.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (อธิบายการมองเห็นกลุ่มดาวเป็น C4 การนาเสนอข้อมูลจากการสังเกต
รูปรา่ งต่าง ๆ) และจินตนาการลากเส้นเชื่อมโยง
ดาวฤกษเ์ ปน็ รูปร่างต่าง ๆ
4. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 45 แล้วอ่าน
สิง่ ท่ตี ้องใชใ้ นการทากิจกรรม ไดแ้ ก่ รปู กลุ่มดาว ซึง่ อยใู่ นแบบบันทึกกิจกรรม
หนา้ 45

5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อแล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลาดับข้ันตอน
การทากิจกรรมตามความเข้าใจโดยครูช่วยเขียนสรุปส้ัน ๆ บนกระดาน
จากน้ันอภปิ รายตามแนวคาถามดังตอ่ ไปนี้
5.1 นักเรียนต้องสังเกตสิ่งใดในรูปจากแบบบันทึกหน้า 45 (สังเกตลักษณะ
การเรยี งตัวของดาวฤกษ์)
5.2 นักเรียนต้องทาอะไรอีกบ้าง (จินตนาการว่า ดาวต่าง ๆ ที่เรียงตัวกันมี
รูปร่างคล้ายส่ิงใด แล้วลากเส้นเชื่อมโยงดาวต่าง ๆ และวาดรูปตาม
จินตนาการทับลงไปบนเสน้ )

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 143

คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร

5.3 คาว่า จินตนาการ มีความหมายว่าอย่างไร (นักเรียนตอบได้ตามความ ความรู้เพิ่มเตมิ สาหรับครู
เข้าใจของตนเอง แต่ครูควรสรุปว่า จินตนาการคือการสร้างภาพขึ้น
ในสมอง) กลุ่มดาว คือ กลุ่มของดาวฤกษ์ท่ีมี
ตาแหน่งและปรากฏการณ์ขึ้นและตกท่ีคงที่
6. เม่ือนักเรียนเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรม ครูให้นักเรียนทากิจกรรม สามารถจินตนาการลากเส้นสมมติระหว่าง
และบนั ทึกผลในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 45 แล้วให้นกั เรยี นผลัดกนั นาเสนอ ดวงดาวใหเ้ หน็ เป็นรปู รา่ งต่าง ๆ
ภาพกลุ่มดาวตามจินตนาการของตนเองต่อกลุ่ม จากนั้นครูและนักเรียน
ร่วมกันอภปิ รายโดยใช้คาถามดังน้ี ดาวทุกดวงในกลุ่มดาวเป็นดาวฤกษโ์ ดย
6.1 ภาพกลุ่มดาวของนักเรียนแต่ละคนเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ดาวแต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากโลก
(ส่วนใหญ่แตกต่างกันหรืออาจเหมือนกัน ข้ึนอยู่กับการทากิจกรรม ไม่เท่ากัน แต่ที่คนบนโลกมองเห็นดาวต่าง ๆ
ในชัน้ เรยี น) มีขนาดใกล้เคียงกัน เน่ืองจากดาวต่าง ๆ
6.2 นักเรียนวาดรูปออกมาแตกต่างกันเป็นเพราะเหตุใด (แตกต่างกัน อยู่ไกลจากโลกมาก จึงทาให้คนบนโลก
เพราะ นักเรียนแต่ละคนมจี ินตนาการไม่เหมอื นกนั ) มองเห็นดาวเหล่านั้นมีขนาดใกล้เคียงกัน
และดูเหมือนอยู่ห่างจากโลกเท่ากันด้วย
7. ครูนารูปที่นักดาราศาสตร์ได้จินตนาการไว้ และได้ต้ังช่ือกลุ่มดาวไว้แล้วให้ ( ศู น ย์ ก า ร เ รี ย น รู้ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ โ ล ก แ ล ะ
นักเรียนดู เปรียบเทียบกับจินตนาการของนักเรียน จากนั้นร่วมอภิปรายตาม ดาราศาสตร์ (LESA), 2553)
ประเด็นต่อไปน้ี
7.1 จินตนาการของใครเหมือนกับจินตนาการของนักดาราศาสตร์บ้าง และมี
ใครทไ่ี มเ่ หมือน (คาตอบขึ้นอยูก่ ับการทากิจกรรมของนักเรียน)
7.2 ถา้ จนิ ตนาการของใครต่างจากนักดาราศาสตร์ แสดงว่าเป็นสง่ิ ทไี่ ม่ถูกต้อง
ใช่หรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ใช่ เพราะจินตนาการข้ึนอยู่กับความคิดและ
ประสบการณ์ของแต่ละคนซึ่งไม่จาเป็นต้องจินตนาการได้เหมือนกับ
นักดาราศาสตร)์
7.3 จินตนาการของมนุษย์แตกต่างกันเพราะเหตุใด (เพราะมนุษย์แต่ละคนมี
วัฒนธรรมและประสบการณ์ทแ่ี ตกตา่ งกัน)

8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในส่ิงที่อยากรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับรูปร่างของ
กลุ่มดาว จากน้ันร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า กลุ่มดาวประกอบด้วย
ดาวฤกษ์หลายดวงที่มองเห็นเรียงตัวอยู่ใกล้ ๆ กัน การมองเห็นกลุ่มดาวมี
รูปร่างต่าง ๆ เกิดจากจินตนาการของมนุษย์ (S13)

9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถามเพ่ิมเติมใน
การอภปิ รายเพ่ือให้ได้แนวคาตอบที่ถูกต้อง

10. ครใู หน้ กั เรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี้ จากนน้ั ครใู หน้ ักเรียนอ่าน สิ่งที่ได้
เรียนรู้ และเปรยี บเทยี บกับข้อสรปุ ของตนเอง

144 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

11. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกต้ังคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู้เพิ่มเติมใน การเตรียมตวั ล่วงหน้าสาหรับครู
อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอคาถามของตนเอง เพือ่ จัดการเรียนรู้ในครั้งถัดไป
หนา้ ช้ันเรียน และใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับคาถามทน่ี าเสนอ
ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทา
12. ครูนาอภิปรายให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมท่ี 2.2 เร่ือง วัฏจักรการปรากฏ
และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในขั้นตอนใด และให้บันทึกใน ของกลมุ่ ดาวเป็นอย่างไร ดงั น้นั ครอู าจ
แบบบันทึกกิจกรรม หนา้ 47 เตรียมแผนที่ดาวให้เพียงพอสาหรับ
นกั เรียนแต่ละกล่มุ
ตวั อย่างรูปกลุ่มดาว

ภาพสาหรบั ทากิจกรรม

ภาพเฉลย

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 145

คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร

แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม

สังเกตและอธิบายเก่ยี วกบั การมองเหน็ กล่มุ ดาว
เปน็ รูปรา่ งต่าง ๆ

นักเรียนวาดรปู ได้ตามจินตนาการของ
ตนเอง

นักเรยี นตอบตามจินตนาการของตนเอง
นักเรียนตอบตามจนิ ตนาการของตนเอง

146 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

กลมุ่ ของดาวฤกษ์เหลา่ นี้มองเหน็ เป็นรปู รา่ งต่าง ๆ เชน่ เตา่ นายพราน
(โดยนกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง)

ไมเ่ หมือนกัน เพราะรปู ท่ีเกิดจากการลากเส้นสมมติระหว่างดาวแต่ละดวง
เข้าด้วยกันตามจินตนาการของเราและเพ่ือนอาจแตกตา่ งกับของ
นกั ดาราศาสตร์

เมอื่ จนิ ตนาการแล้วลากเส้นเชือ่ มโยงดาวฤกษ์แตล่ ะดวงที่มตี าแหนง่ ใกล้กัน
ทาให้เรามองเหน็ ภาพกลมุ่ ดาวเป็นรปู รา่ งต่าง ๆ เช่น ห่นุ ยนต์ รถ ปลา หรือ
อนื่ ๆ ซ่ึงจินตนาการของเรา ของเพื่อน และของนกั ดาราศาสตรอ์ าจแตกตา่ ง
กัน

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 147

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

การมองเหน็ กลุม่ ดาว ซึ่งเป็นกลุ่มของดาวฤกษ์ทีม่ ีตาแหน่งใกล้เคยี งกัน
มีรูปรา่ งตา่ ง ๆ เกดิ จากจินตนาการของมนุษย์

คาถามที่นกั เรียนตั้งตามความอยากรูข้ องตนเอง






148 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร

แนวการประเมินการเรียนรู้

การประเมนิ การเรยี นรขู้ องนกั เรยี นทาได้ ดังนี้
1. ประเมินความรู้เดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรียน
2. ประเมินการเรียนร้จู ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจัดการเรยี นรู้และจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรมของนกั เรียน

การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 2.1 เหตุใดจงึ เห็นกลมุ่ ดาวเป็นรูปรา่ งต่าง ๆ

ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง
3 คะแนน หมายถงึ ดี

รหัส สง่ิ ทป่ี ระเมิน คะแนน
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
C1 การสรา้ งสรรค์
C4 การสอ่ื สาร

รวมคะแนน

สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 149

คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั นี้

ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1)

S1 การสงั เกต การสังเกตลักษณะ สามารถใช้ประสาท สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ประสาท

การเรยี งตวั ของ สมั ผัสเกบ็ รายละเอยี ด สมั ผสั เกบ็ รายละเอยี ด สัมผสั เกบ็ รายละเอียด

ดาวฤกษ์ ของข้อมูลเกี่ยวกบั ของข้อมูลเก่ยี วกบั ของข้อมูลเกย่ี วกบั

ลกั ษณะการเรียงตัว ลักษณะการเรยี งตวั ลักษณะการเรยี งตัวของ

ของดาวฤกษ์ ได้ด้วย ของดาวฤกษ์ได้ จาก ดาวฤกษ์ไดย้ งั ไม่

ตนเอง การช้แี นะของครหู รือ ครบถว้ นสมบูรณ์ แม้วา่

ผู้อ่ืน หรือมีการเพิ่มเตมิ จะได้รับคาชีแ้ นะจากครู

ความคิดเห็น หรือผ้อู ื่น

S8 การลงความเห็น การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเหน็ สามารถลงความเหน็

จากขอ้ มลู ขอ้ มลู ได้ เม่ือใช้ จากข้อมลู ไดเ้ มอื่ ใช้ จากข้อมูลไดเ้ ม่ือใช้ จากข้อมูลได้เมื่อใช้

จนิ ตนาการแล้ว จินตนาการแลว้ จินตนาการแลว้ จินตนาการแล้วลากเสน้

ลากเส้นเชือ่ มโยงดาว ลากเสน้ เชือ่ มโยงดาว ลากเสน้ เชอื่ มโยงดาว เช่ือมโยงดาวแต่ละดวง

แตล่ ะดวง กลุ่มดาว แต่ละดวง กลุ่มดาวนัน้ แต่ละดวง กลมุ่ ดาวน้นั ว่า กลมุ่ ดาวนัน้ มีรปู ร่าง

นั้นมรี ูปรา่ งคล้าย มรี ปู รา่ งคล้ายสิ่งใด มรี ปู รา่ งคล้ายส่งิ ใด คล้ายสิง่ ใด แตไ่ ม่

ส่ิงใด พร้อมตง้ั ชอ่ื พรอ้ มตง้ั ช่อื กล่มุ ดาว พร้อมต้ังชื่อกลมุ่ ดาวน้ัน สามารถต้ังชื่อกล่มุ ดาว

กลมุ่ ดาวน้ัน นน้ั ไดด้ ้วยตนเอง จากการชแ้ี นะของครู นั้น แม้วา่ จะได้รับคา

หรือผู้อ่นื ช้ีแนะจากครูหรือผอู้ ่นื

S13 การตีความหมาย การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย

ขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป ข้อมูลจากการทา ข้อมูลจากการทา ขอ้ มูลจากการทา ขอ้ มลู จากการทา

กจิ กรรม และลง กิจกรรม และลงข้อสรุป กิจกรรม และลงข้อสรปุ กิจกรรม และลงข้อสรปุ

ขอ้ สรุปได้ว่า กลุ่มดาว ไดด้ ้วยตนเองวา่ ได้จากการชแี้ นะของครู ไดบ้ างสว่ นว่า กลุ่มดาว

ประกอบดว้ ยดาวฤกษ์ กลุม่ ดาวประกอบด้วย หรอื ผู้อ่ืนวา่ กลมุ่ ดาว ประกอบด้วยดาวฤกษ์

หลายดวงที่มองเหน็ ดาวฤกษห์ ลายดวงท่ี ประกอบด้วยดาวฤกษ์ หลายดวงท่ีมองเหน็ เรยี ง

เรยี งตัวอยูใ่ กล้ ๆ กนั มองเห็นเรยี งตัวอยู่ หลายดวงทม่ี องเห็น ตวั อยู่ใกล้ ๆ กนั แต่ไม่

การมองเหน็ กลมุ่ ดาว ใกล้ ๆ กัน การมอง เรียงตวั อยใู่ กล้ ๆ กัน สามารถสรปุ ได้วา่ การ

มรี ปู ร่างตา่ ง ๆ เกิด เห็นกลุ่มดาวมีรปู ร่าง การมองเหน็ กล่มุ ดาว มองเห็นกลมุ่ ดาวมี

จากจินตนาการของ ตา่ ง ๆ เกดิ จาก มีรปู ร่างต่าง ๆ เกิดจาก รปู ร่างต่าง ๆ เกิดจาก

มนุษย์ จนิ ตนาการของมนุษย์ จนิ ตนาการของมนุษย์ จนิ ตนาการของมนุษย์

150 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น

โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั น้ี

ทักษะแห่งศตวรรษท่ี รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน

21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)

C1 การสรา้ งสรรค์ การลากเสน้ สามารถลากเสน้ สามารถลากเสน้ สามารถลากเสน้ เชื่อมโยง

เชอ่ื มโยง และวาด เช่อื มโยง และวาดรูป เชอื่ มโยง และวาดรปู และวาดรูปสงิ่ ของตาม

รปู สิ่งของตาม สง่ิ ของตามจนิ ตนาการ สง่ิ ของตามจินตนาการ จนิ ตนาการ แต่ทาได้ไม่

จินตนาการซง่ึ ซ่ึงสะท้อนใหเ้ หน็ ถึง ซึง่ สะท้อนใหเ้ ห็นถึง สมบรู ณ์และไมส่ ามารถระบุ

สะทอ้ นให้เห็นถึง จินตนาการ และ จินตนาการ และ ไดว้ ่าเป็นสิง่ ใด แมว้ ่าจะได้

จินตนาการ และ แนวคดิ ใหม่ไดด้ ้วย แนวคดิ ใหม่ได้ โดยตอ้ ง รบั คาชีแ้ นะจากครูหรอื

แนวคิดใหม่ ตนเอง อาศยั การช้ีแนะจากครู ผู้อื่น

หรือผ้อู ่นื

C4 การส่อื สาร การนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอขอ้ มูล สามารถนาเสนอข้อมลู จาก
จากการสงั เกตและ จากการสังเกตและ จากการสงั เกตและ การสงั เกตและจนิ ตนาการ
จนิ ตนาการโดย จินตนาการโดย จนิ ตนาการโดย โดยลากเสน้ เช่อื มโยง
ลากเสน้ เชอ่ื มโยง ลากเส้นเชื่อมโยง ลากเส้นเชือ่ มโยง ดาวฤกษเ์ ป็นรปู ร่างต่าง ๆ
ดาวฤกษ์เป็นรปู รา่ ง ดาวฤกษเ์ ปน็ รปู ร่าง ดาวฤกษเ์ ป็นรปู ร่าง เพอ่ื สื่อใหผ้ ้อู ่นื เขา้ ใจได้
ต่าง ๆ เพ่ือส่อื ให้ ต่าง ๆ เพื่อสอื่ ให้ผู้อนื่ ตา่ ง ๆ เพ่ือส่อื ให้ผู้อืน่ เพยี งเลก็ น้อย แม้วา่ จะได้
ผู้อืน่ เข้าใจ เข้าใจได้ด้วยตนเอง เขา้ ใจได้ โดยอาศยั การ รับคาชีแ้ นะจากครหู รอื
ชแ้ี นะจากครหู รือผอู้ ่นื ผ้อู ่ืน

สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 151

คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร

กจิ กรรมที่ 2.2 วัฏจักรการปรากฏ
ของกลมุ่ ดาวเป็นอย่างไร

กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้ฝึกการระบุตาแหน่งของ
กลุ่มดาวบนท้องฟ้า และใช้แผนท่ีดาวในการสังเกต
ปรากฏการณข์ ึ้นและตกของกลมุ่ ดาวหรือการเปลี่ยนแปลง
ตาแหน่งของกลุ่มดาวในแต่ละวัน และในรอบปีเพื่อ
อธบิ ายวัฏจกั รการปรากฏของกลุ่มดาว

เวลา 2 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. ใชแ้ ผนท่ีดาวชว่ ยในการสังเกตปรากฏการณ์ขึน้
และตกของกลมุ่ ดาว

2. สงั เกตและอธิบายวัฏจกั รการปรากฏของกลมุ่ ดาว

วัสดุ อปุ กรณส์ าหรับทากจิ กรรม

สงิ่ ทคี่ รูตอ้ งเตรียม/กลุ่ม

1. แผนทดี่ าว 5 ชดุ ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21

2. เขม็ ทิศ 1 อัน C2 การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
C4 การสื่อสาร
3. นาฬิกา 1 เรือน

4. กระดาษแกว้ สแี ดง 1 แผ่น

5. ไฟฉายขนาดเล็ก 1 กระบอก ส่ือการเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรียนรู้

6. ยางรัดของ 1 วง 1. หนงั สือเรียน ป.5 เลม่ 2 หนา้ 60-67

สงิ่ ทน่ี ักเรียนต้องเตรยี ม/กลุ่ม

- 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.5 เลม่ 2 หนา้ 48-56

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. วีดิทัศน์ตัวอย่างการปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สาหรับครู
เรื่อง กล่มุ ดาวมีปรากฏการณ์การข้นึ และตกเปน็ อยา่ งไร
S1 การสังเกต http://ipst.me/9466

S5 การหาความสมั พันธ์ระหว่าง

 สเปซกบั สเปซ

 สเปซกบั เวลา

S8 การลงความเห็นจากข้อมูล

S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

152 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

แนวการจัดการเรยี นรู้ ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู้
พ้ืนฐาน ครูควรให้เวลานักเรียน
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โดยใช้คาถามว่า อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม
ปรากฏการณ์การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เกิด เหล่าน้ีได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้
จากสาเหตใุ ด (การหมนุ รอบตวั เองของโลก) ห รื อ ลื ม ค รู ต้ อ ง ใ ห้ ค ว า ม รู้ ท่ี
ครูอาจใช้ลูกโลกจาลอง เพ่ือให้นักเรียนใช้ในการอธิบาย ถูกตอ้ งทันที
ปรากฏการณก์ ารข้นึ และตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจันทร์
ในการตรวจสอบความรู้เดิม
2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน เรื่อง การขึ้นและตกของ ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
กลุ่มดาว โดยใหน้ ักเรยี นอภิปรายตามแนวคาถามดงั นี้ เป็นสาคัญ และยงั ไม่เฉลยคาตอบ
2.1 กลุ่มดาวมีปรากฏการณ์การขึ้นและตกหรือไม่ อย่างไร ใด ๆ ใหก้ บั นกั เรยี น แตช่ กั ชวนให้
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น กลุ่มดาวมี หาคาตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม
ปรากฏการณ์ขึ้นและตก โดยกลุ่มดาวปรากฏขึ้นทางด้าน ต่าง ๆ ในบทเรยี นนี้
ทิศตะวนั ออกและตกทางดา้ นทิศตะวันตก)
2.2 ถ้านักเรียนพบดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า นักเรียนจะทราบได้
อย่างไรว่า ดาวดวงน้ีช่ืออะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
ของตนเอง เช่น ดจู ากรูปร่างของกลุม่ ดาว)
2.3 ถ้านักเรียนต้องการให้เพื่อนมองเห็นดาวดวงนี้ด้วย นักเรียน
จะทาอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น
ชีใ้ หเ้ พ่อื นดู)
ครูบันทึกคาตอบของนักเรียนเพ่ือใช้เปรียบเทียบกับคาตอบ
หลังเรยี นจบบทเรยี น คาตอบของนกั เรยี นอาจเหมือนหรือแตกต่าง
กันก็ได้ จากน้ันครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมโดยชักชวนนักเรียนให้
มารว่ มกันหาคาตอบที่ถูกต้องจากการทากจิ กรรมต่อไป

3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและทาเป็นคิดเป็น จากนั้นครูตรวจสอบ
ความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรมโดยใช้คาถาม
ดังน้ี
3.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การใช้แผนท่ีดาว
และวฏั จกั รการปรากฏของกลุ่มดาว)
3.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เรื่องน้ีด้วยวิธีใด (ใช้แผนท่ีดาวช่วยใน
การสังเกตปรากฏการณ์ข้ึนและตกของกลุ่มดาว และ
สังเกตวัฏจักรการปรากฏของกลมุ่ ดาว)

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 153

คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

3.3 เมอ่ื เรยี นแล้วนักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธิบายวัฏจักรการปรากฏ
ของกลุ่มดาว)

4. ครูให้นกั เรียนบันทึกจุดประสงค์ลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หน้า 48 และ
อ่านสิ่งท่ีต้องใช้ในการทากิจกรรม โดยครูยังไม่แจกวัสดุอุปกรณ์
แก่นกั เรยี น แตน่ าวัสดุอปุ กรณ์มาแสดงใหน้ ักเรียนดทู ีละอยา่ ง

5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ข้อ 1-2 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปลาดับ
ขั้นตอนของกิจกรรมตามความเข้าใจโดยครูอาจนาอภิปรายตามแนว
คาถามดงั ตอ่ ไปนี้
5.1 ข้ันตอนแรกนักเรียนต้องอภิปรายร่วมกันเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การ
ระบุตาแหน่งของกลุ่มดาวบนทอ้ งฟา้ )
5.2 หลังจากอ่านใบความรู้เรื่อง การระบุตาแหน่งของกลุ่มดาว
นักเรียนต้องทาอย่างไร (อภิปรายและบันทึกสิ่งท่ีได้จากการอ่าน
ใบความรูเ้ พ่ิมเตมิ และฝกึ หาคา่ มมุ ทิศและมมุ เงย)

6. เม่ือนักเรียนเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรมแล้ว ให้นักเรียนเริ่มทา
กิจกรรม จากนั้นเมื่อนักเรียนอ่านใบความร้เู รียบร้อยแล้ว ครูตรวจสอบ
ความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยอาจใชค้ าถามดังน้ี
6.1 มุมทิศคืออะไร วัดได้อย่างไร (มุมท่ีทากับทิศเหนือโดยวัดจาก
ทิศเหนอื ไปในทศิ ทางตามเข็มนาฬกิ า วดั โดยการใช้เข็มทิศ)
6.2 อกั ษร N ในเขม็ ทิศหมายถึงอะไร (ทิศเหนือ)
6.3 นอกจากตัวอักษร N แล้ว ยังมีตัวอักษรใดอีกบ้าง และตัวอักษร
นั้นหมายความว่าอย่างไร (ตัวอักษร W S และ E ซ่ึง W คือ
ทิศตะวนั ตก S คอื ทศิ ใต้ และ E คือทศิ ตะวันออก)
6.4 การใช้เข็มทิศมีขั้นตอนอย่างไร (วางเข็มทิศบนพ้ืนราบแล้วหมุน
ตลับจนหัวลูกศรทับบนตวั อกั ษร N)
ครูอาจแนะนาเพ่ิมเติมว่า นักเรียนสามารถหาทิศได้โดยการสังเกต
ตาแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ หรือใช้แอปพลิเคชันเข็มทิศ
(Compass) ในโทรศัพทม์ ือถอื เพ่ือหาทิศเหนือ จากน้ันครใู ห้นักเรียนทา
ตวั อกั ษร N W S E ไปติดทผ่ี นงั หอ้ งตามทิศที่หาได้ จากน้นั ครกู าหนดค่า
มมุ ทิศ เช่น 0 องศา, 100 องศา หรอื 320 องศา เพอื่ ให้นักเรียนฝกึ ระบุ
หรือชี้ตาแหน่งที่มมี มุ ทิศตามทีค่ รกู าหนด

154 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร

6.5 มุมเงยคืออะไร วัดได้อย่างไร (มุมเงย คือ มุมท่ีทากับเส้นขอบฟ้า ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
ซึ่งวัดจากเส้นขอบฟ้าข้ึนไปในแนวดิ่ง การวัดมุมเงยทาได้โดย
เหยียดแขนออกไปจนสุดแขนในแนวระดับ หลับตาข้างหน่ึง ใช้ตา ในการฝึกใช้แผนที่ดาว ถ้าครูมีแผนท่ีดาว
อีกข้างหนึ่งเล็งไปท่ีปลายนิ้วมือ ใช้มือวัดมุมเงยโดยเร่ิมจาก แบบสาเร็จรูปไม่เพียงพอ ครูอาจเตรียมแผนท่ี
เสน้ ขอบฟา้ แล้วยกตอ่ ขน้ึ ไปเรอ่ื ย ๆ จนถึงตาแหนง่ ทตี่ อ้ งการทราบ ดาวเพ่ิมเติมด้วยตนเองหรือให้นักเรียนช่วยกัน
ค่ามมุ เงย เตรยี มโดยพมิ พ์คาวา่ “แผนที่ดาวกระดาษ, ฟรี”
บนโปรแกรมค้นหา จะพบเว็บไซต์มากมายซึ่ง
จากนั้นครูกาหนดค่ามุมเงย เพ่ือให้นักเรียนฝึกใช้มือระบุหรือชี้ตาแหน่ง เผยแพร่แผนที่ดาวในรูปแบบท่ีสามารถเข้าไป
ท่ีมมี ุมเงยตามทีค่ รูกาหนด ดาวน์โหลด จากน้ันพิมพ์ ตัด และประกอบตาม
7. นักเรียนฝึกหามุมทิศและมุมเงยของส่ิงต่าง ๆ ซ่ึงอยู่ไกลโดยอ้างอิงกับ ขนั้ ตอน
ทิศทกี่ าหนดไวใ้ หใ้ นหอ้ งเรยี นจนนักเรียนเกดิ ทกั ษะท่ีถูกต้อง
8. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ข้อ 3-4 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปลาดับ
ขั้นตอนตามความเข้าใจโดยครูอาจนาอภิปรายตามแนวคาถาม
ดังตอ่ ไปนี้
8.1 การสังเกตแผนท่ีดาว นักเรียนต้องสังเกตอะไรบ้าง (สังเกต

สว่ นประกอบของแผนทด่ี าว)
8.2 หลังจากอ่านใบความรู้ เรื่องการใช้แผนที่ดาวสาหรับประเทศไทย

แล้ว นกั เรยี นต้องทาอยา่ งไรต่อไป (อภิปรายและบนั ทกึ สิง่ ทไ่ี ด้จาก
การอา่ นใบความรเู้ พมิ่ เติม)
9. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับการใช้แผนที่ดาวโดยใช้
คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี
9.1 แผนท่ีดาวประกอบด้วยส่วนประกอบก่ีส่วน อะไรบ้าง (แผนที่ดาว
ประกอบดว้ ยส่วนประกอบ 2 สว่ น คอื ซองดาวและแผ่นดาว)
9.2 ตัวเลขท่ีเขียนไว้บนขอบวงกลมของซองดาวและแผ่นดาวหมายถึง
อะไร (ตัวเลขบนซองดาวเป็นเวลา ส่วนตัวเลขบนแผ่นดาวเป็น
วันที่และเดอื น)
9.3 เส้นในแนวนอนท่ีขนานกับเส้นขอบฟ้าบนซองดาว บอกค่าอะไร
(มมุ เงย)
9.4 เส้นที่ลากจากจุดเหนือศีรษะลงมาต้ังฉากกับเส้นขอบฟ้าบน
ซองดาว บอกค่าอะไร (มุมทศิ )
9.5 ซองดาวมีกี่ด้าน แต่ละด้านแทนท้องฟ้าด้านทิศใด และมีลักษณะ
เหมือนคนแสดงอารมณ์ใด (ซองดาวจะแบ่งครึ่งทรงกลมท้องฟ้า
ออกเป็น 2 ส่วนคือ ฟ้าทิศเหนือ และฟ้าทิศใต้ ซองดาวด้าน

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 155

คูม่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร

ทศิ เหนอื เส้นขอบฟ้าโคง้ ขนึ้ เหมือนคนย้ิม ส่วนซองดาวด้านทิศใต้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
เส้นขอบฟ้าโคง้ ลงเหมือนคนหนา้ บ้ึง) ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
9.6 บนซองดาวมีสัญลักษณ์อะไรบ้าง (อันดับความสว่าง กาแล็กซี
เนบวิ ลา ทางช้างเผอื ก ตาแหนง่ ดวงอาทิตย์ เสน้ ศูนยส์ ูตร) ที่นกั เรยี นจะไดฝ้ กึ จากการทากจิ กรรม
9.7 อันดับความสว่างของดาวฤกษ์มีตั้งแต่ช่วงใดถึงช่วงใด และ
หมายความว่าอย่างไร (อันดับความสว่างอยู่ในช่วง -1 ถึง 4 S1 ก า ร สั ง เ ก ต ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง
โดย -1 แทนความสวา่ งทมี่ ากที่สุด และ 4 แทนสว่างน้อยทส่ี ดุ ) แผนท่ีดาว ลักษณะการเรียงตัวของ
9.8 แผน่ ดาวแผ่นท่ี 1 แผน่ ที่ 2 และแผ่นที่ 3 แตกตา่ งกนั อย่างไร (แผน่ ดาวในกลมุ่ ดาวและการเปล่ยี นแปลง
ที่ 1 มีจานวนกลุ่มดาวน้อยกลุ่ม แผ่นท่ี 2 มีจานวนกลุ่มดาว ตาแหนง่ ของกลุม่ ดาว
มากกว่าและมีเส้นโยง ส่วนแผ่นท่ี 3 มีจานวนกลุ่มดาวมากที่สุด
และไม่มเี ส้นโยง) S5 การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างลักษณะ
9.9 แผ่นดาวแต่ละแผ่นมีก่ีด้าน แต่ละด้านแตกต่างกันอย่างไร และการเรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว
(แผ่นดาวแต่ละแผ่นมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งแสดงดาวท่ีปรากฏบน และการเปลี่ยนแปลงตาแหน่งของ
ท้องฟ้าด้านซีกฟ้าเหนือ และอีกด้านหนึ่งแสดงดาวที่ปรากฏบน กลุม่ ดาว
ท้องฟา้ ด้านซีกฟา้ ใต)้
10.นักเรียนฝึกการใช้แผนที่ดาวโดยสอดแผ่นดาวแผ่นท่ี 2 ด้านซีกฟ้าเหนือ S5 การหาความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่ง
ในซองดาวด้านทิศเหนือพร้อมกับฝึกอ่านค่ามุมทิศและมุมเงยในแผนที่ ของกลุ่มดาว เมื่อเวลาผ่านไปใน
ดาว โดยอาจใช้คาถามดังน้ี แต่ละคนื และในรอบปี
10.1 ถ้าต้องการดูดาวบนท้องฟ้าเวลา 20:00 น. ของคืนวันท่ี 20
พฤศจิกายน จะหมุนแผ่นดาวอย่างไร (หมุนแผ่นดาวให้วันท่ี 20 S8 การลงความเห็นจากข้อมูลเกี่ยวกับ
พฤศจิกายน ตรงกับเวลา 20:00 น. บนซองดาว) ปรากฏการณ์การข้ึนและตกของ
10.2 เมือ่ เวลา 20:00 น. ของคืนวนั ท่ี 20 พฤศจิกายน จะเหน็ กลมุ่ ดาว กลมุ่ ดาว
อะไรกาลังขึน้ ทางทิศตะวนั ออก (กลุ่มดาวนายพราน)
10.3 ในคืนวันที่ 5 กรกฎาคม เวลาประมาณ 10:00 น. ดาวดวงใด C2 การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการ
ปรากฏท่ีตาแหน่งมุมเงย 15 องศา ทางทิศตะวันออก สังเกตและอภิปรายลักษณะการ
(ดาวตานกอนิ ทรี) เรียงตัวของดาวในกลุม่ ดาว
11.นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ข้อ 6-11 แล้วร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลาดับ
ข้ันตอนตามความเขา้ ใจโดยครอู าจใชค้ าถามดงั นี้ C4 การอธิบายเกี่ยวกับวัฏจักรการ
11.1 เมื่อนักเรียนใช้แผนท่ีดาวจนชานาญและสามารถหาค่ามุมทิศ ปรากฏของกลุ่มดาว
และมมุ เงยไดแ้ ล้ว นกั เรยี นจะวางแผนการดูดาวอย่างไร (กาหนด
วนั เดือน ปี และเวลาทจี่ ะดูดาว 3 เวลา คอื 19:00 น. 22:00 น.
และ 05:00 น. ของวนั ถัดไป โดยสงั เกตต่อเน่อื งอกี 2 คืน)

156 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร

11.2 นักเรียนสังเกตกลุ่มดาวก่ีกลุ่ม และเป็นกลุ่มดาวท่ีอยู่ตาแหน่งใด ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ
(สังเกตกลุ่มดาวอย่างน้อย 1 กลุ่ม ซ่ึงอยู่บริเวณใกล้ขอบฟ้า
ทางด้านทศิ ตะวันออก) ในการสังเกตท้องฟ้าจริง ถ้าครูมีแผนที่
ดาวไม่เพียงพอ ครูอาจแนะนาให้นักเรียน
11.3 เมอื่ นักเรียนสงั เกตกลุ่มดาวในแผนทีด่ าวแลว้ นกั เรยี นต้องบันทึก ถ่ายรูปหรือถ่ายเอกสารการวางแผนการดูดาว
ข้อมูลอะไรลงในแบบบันทึกกิจกรรมบ้าง (บันทึกตาแหน่งของ จากแบบบันทึก หน้า 49-50 ดังตัวอย่าง เพื่อ
กลุ่มดาวท่ีพบ โดยครูอาจเพ่ิมเติมให้นักเรียนบันทึกชื่อกลุ่มดาว ใช้ช่วยในการสังเกตดาวแทนแผนที่จริง ดังรูป
และเวลาทีพ่ บกลุ่มดาวเหลา่ นนั้ ตามตวั อย่างดงั รูป) ตัวอย่าง

11.4 นักเรียนจะสังเกตตาแหน่งของกลุ่มดาวในปีถัดและถัดไปได้
อย่างไร (โดยการหมุนแผนท่ีดาวไป 1 รอบและ 2 รอบ ให้วน
กลบั มาในวนั เดอื นและเวลาเดมิ )

11.5 ข้อใดท่ีเป็นข้ันตอนการออกไปสังเกตดาวบนท้องฟ้าจริง
(ขอ้ 9-11)

11.6 เราใช้กระดาษแก้วสีแดงหุ้มกระจกไฟฉายเม่ือใด และเพราะเหตุ
ใดต้องหุ้มด้วยกระดาษสีแดง (ใช้กระดาษแก้วสีแดงหุ้มกระจก
ไฟฉายเม่ือออกไปสังเกตท้องฟ้าจริง เพื่อลดความสว่างและไม่ให้
แสงสีขาวจากไฟฉายรบกวนการมองเหน็ ดาว ขณะใช้ไฟฉายส่อง
แผนที่ดาว เพื่อดูลักษณะของดาวในแผน่ ดาว)

เม่ือนักเรียนเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรมแล้ว ให้นักเรียนทากิจกรรม
ข้อ 6-8 ร่วมกันในช้ันเรียน ส่วน ข้อ 9-11 ครูอาจมอบหมายให้นักเรียน
ไปสงั เกตดาวบนท้องฟ้าจริงในเวลากลางคืนร่วมกับผูป้ กครอง
12. นักเรียนแต่ละกลุ่ม นาเสนอผลการสังเกตกลุ่มดาว โดยครูให้นักเรียน
อภปิ รายรว่ มกนั ตามประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังน้ี
12.1 กลุ่มดาวที่สังเกตคือกลุ่มดาวอะไร นักเรียนสังเกตดาวกลุ่ม

นั้นเวลาใดบ้าง (นักเรียนตอบตามสิง่ ทีส่ ังเกตได)้
12.2 นักเรียนมีวิธีบอกตาแหน่งกลุ่มดาวอย่างไร (บอกค่ามุมทิศและ

มมุ เงย)
12.3 นักเรียนใช้เคร่ืองมืออะไรหามุมทิศ และวัดค่ามุมเงยเพ่ือหา

ตาแหนง่ ของกลุม่ ดาว (ใชเ้ ขม็ ทศิ หามมุ ทิศและใชม้ ือหามุมเงย)
12.4 เมื่อสังเกตดาวในเวลา 19:00 น., 22:00 น. และ 05:00 น. ใน

วันถัดไป กลุ่มดาวน้ันอยู่ท่ีตาแหน่งเดิมหรือไม่ อย่างไร (ใน
แต่ละช่วงเวลาที่สังกต กลุ่มดาวไม่อยู่ตาแหน่งเดิม แต่เปลี่ยน
ตาแหน่ง โดยเคลื่อนท่ีสูงข้ึนจากขอบฟ้าด้านตะวันออก แล้ว

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 157

คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร

เคล่ือนท่ีสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า จากน้ันเคลื่อนท่ีต่าลงทางขอบฟ้า ข้อเสนอแนะ
ด้านตะวันตก)
12.5 ขณะท่ีสังเกตกลุ่มดาวในแต่ละเวลา นักเรียนเห็นกลุ่มดาว ในการสังเกตและวางแผนการดูดาว
เปล่ียนแปลงรูปร่างหรือไม่ อย่างไร (กลุ่มดาวไม่เปล่ียนรูปร่าง หรือการสังเกตท้องฟ้าจริง ครูอาจแนะนา
ยงั คงมรี ปู รา่ งเหมือนเดิม) ให้นักเรียนเลือกกลุ่มดาวที่มีอันดับความ
12.6 ถ้านักเรียนหมุนแผนที่ดาวให้ผ่านไป 1 วัน ดาวกลุ่มน้ันยังขึ้น สว่างสูง หรือติดลบมาก ๆ เพื่อให้ง่ายต่อ
และตกเวลาเดิมหรือไม่ อย่างไร และกลุ่มดาวกลุ่มน้ัน การสังเกตในเบ้ืองต้น รวมถึงพิจารณา
เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปหรือไม่ อย่างไร (เวลาการข้ึนและตก ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจรบกวนการสังเกต เช่น
เปล่ียนแปลงไปเล็กน้อย โดยกลุ่มดาวท่ีสนใจจะข้ึนและตก สภาพภูมิอากาศ และแสงจากดวงจันทร์
เร็วขึ้น แต่รูปร่างไม่เปลยี่ น)
12.7 ถ้านักเรียนหมุนแผนท่ีดาวให้ผ่านไป 1 เดือน ดาวกลุ่มน้ันยัง
ข้ึนและตกเวลาเดิมหรือไม่ อย่างไร และกลุ่มดาวกลุ่มนั้น
เปล่ียนแปลงรูปร่างไปหรือไม่ อย่างไร (เวลาการข้ึนและตก
เปล่ียนแปลงไป โดยกลุ่มดาวที่สนใจจะขึ้นและตกเร็วข้ึน
ประมาณ 2 ชวั่ โมง แต่รปู ร่างไม่เปลยี่ น)
12.8 ถ้าหมุนแผนที่ดาวไป 1 ปี แล้วนักเรียนดูดาวในวันท่ี เดือน
และเวลาเดิม จะมองเห็นกลุ่มดาวน้ันเป็นอย่างไร และถ้าทา
เช่นน้ีต่อไปอีกหลาย ๆ ปี ผลจะเป็นเช่นไร (จะมองเห็น
กลุ่มดาวขึ้นตกในเวลาเดิม เช่นเดียวกับปีก่อน โดยไม่มีการ
เปล่ียนแปลงรปู ร่าง และในแต่ละปีการขึ้นและตกของกลมุ่ ดาว
จะเป็นเชน่ น้ซี ้า ๆ เปน็ แบบรูป)
12.9 การปรากฏขึ้นตกของกล่มุ ดาวเป็นวฏั จักรหรือไม่ เพราะเหตุใด
(เป็นวัฏจักร เพราะกล่มุ ดาวปรากฏขึน้ และตกเป็นแบบรปู ซ้า ๆ
ไมม่ สี ้นิ สุด)
13. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในส่ิงท่ีอยากรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับ
กลุ่มดาวบนท้องฟ้า จากน้ันร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า แผนที่
ดาวเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสังเกตกลุ่มดาว ตาแหน่งของกลุ่มดาว
สามารถระบุได้โดยใช้มุมทิศและมุมเงย กลุ่มดาวที่ปรากฏให้เห็นจะมี
การเปล่ียนแปลงไปทุกเวลาและทุกวัน เมื่อครบรอบ 1 ปี เราจะเห็น
กลุ่มดาวนั้นกลับมาอยู่ตาแหน่งเดิม และจะวนเวียนเช่นนี้ตลอดช่วง
ชีวติ ของเราเป็นวัฏจักรการปรากฏของกลมุ่ ดาว (S13)

158 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร

14. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถาม
เพิ่มเติมในการอภิปรายเพ่ือให้ได้คาตอบที่ถูกต้อง จากน้ันนักเรียน
ตอบคาถามในแบบบันทึกกิจกรรมหนา้ 54-55

15. นกั เรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากกจิ กรรมนี้ จากน้นั นกั เรียนอ่าน ส่งิ ที่ได้
เรียนรู้ และเปรยี บเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง

16. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามเก่ียวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู้
เพม่ิ เตมิ ใน อยากรู้อกี ว่า จากน้ันครูอาจสมุ่ นกั เรียน 2 -3 คน นาเสนอ
คาถามของตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
เกยี่ วกับคาถามทีน่ าเสนอ

17. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างและในข้ันตอน
ใดบา้ ง แล้วบันทกึ ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 56

18. นกั เรียนร่วมกนั อา่ นรอู้ ะไรในเรอ่ื งนี้ ในหนังสอื เรยี น หน้า 68 - 69 ครู
นาอภิปรายเพ่ือนาไปสูข่ ้อสรปุ เก่ียวกับสง่ิ ท่ีได้เรียนรู้ในเร่อื งนี้ จากนั้น
ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามในช่วงท้ายของเน้ือเร่ืองว่า บริเวณ
ต่าง ๆ ของโลกเหมาะสมต่อการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด
อย่างไร ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนวทางการตอบคาถาม
ซ่ึงครูควรเน้นให้นักเรียนตอบคาถามพร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ
และนักเรียนจะได้ไปร่วมกันหาคาตอบได้จากการเรียนหน่วยที่ 5
ส่งิ มชี ีวิต

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 159

คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร

แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

1.ใชแ้ ผนที่ดาวช่วยในการสังเกตปรากฏการณข์ ึ้นและตกของกลมุ่ ดาว
2. สังเกตและอธบิ ายวฏั จกั รการปรากฏของกลุ่มดาว

นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจจากการอ่าน
ของตนเอง เช่น ระบุตาแหนง่ ของกลุ่มดาวโดยการใช้
ค่ามมุ ทศิ และมมุ เงย
นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ นักเรยี นตอบตามความเข้าใจจากการอ่าน
ของตนเอง เช่น แผนท่ีดาวประกอบด้วย แผ่นดาว และ
ซองดาว โดยมีข้อมูลต่าง ๆ เชน่ วัน เดือน
นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ เวลา กลุม่ ดาว และสัญลกั ษณ์อน่ื ๆ
ของตนเอง
นกั เรียนตอบตามความเข้าใจจากการอา่ น
เช่น เมอ่ื ตอ้ งการสังเกตทอ้ งฟา้ ซีกฟา้ ใด ให้
ใสแ่ ผน่ ดาวซีกฟา้ น้ัน ลงไปในซองดาวให้
ตรงกนั แล้วหมนุ แผน่ ดาว ให้วันและเดือน
ตรงกับเวลาบนซองดาว

160 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version