คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
แนวการประเมินการเรียนรู้
การประเมินการเรียนร้ขู องนกั เรียนท้าได้ ดงั นี
1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภิปรายในชนั เรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคา้ ตอบของนักเรยี นระหว่างการจดั การเรียนรแู้ ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 จากการทา้ กิจกรรมของนักเรียน
การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 2
เมฆ หมอก นา้ ค้าง และน้าค้างแข็งเกิดขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร
ระดับคะแนน
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง
รหสั สิ่งที่ประเมิน ระดับคะแนน
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสังเกต
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
S14 การสรา้ งแบบจ้าลอง
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
C2 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
C5 ความร่วมมือ
C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร
รวมคะแนน
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 61
คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร
ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดับความสามารถของนกั เรียน
โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดงั นี
ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์
ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1)
S1 การสงั เกต การใชป้ ระสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสมั ผัส สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั เก็บ สามารถใช้ประสาท
เก็บรายละเอียดของ เก็บรายละเอียดของส่ิงที่ รายละเอียดของส่ิงท่ีเกิดขนึ สมั ผัสเก็บรายละเอียด
ส่ิงท่เี กดิ ขึนไดเ้ ก่ยี วกบั เกดิ ขึนได้ อยา่ งหลากหลาย เกีย่ วกบั สิ่งที่สังเกตได้ ของสงิ่ ที่เกดิ ขึน
การเกดิ เมฆ หมอก เก่ียวกับสงิ่ ที่สงั เกตได้ ประกอบด้วย การเกิดเมฆ เกย่ี วกับส่ิงทส่ี งั เกตได้
น้าค้างและน้าคา้ งแข็ง ประกอบดว้ ย การเกิดเมฆ หมอก น้าคา้ ง และ ประกอบด้วย การเกิด
ได้ หมอก นา้ คา้ ง และ น้าคา้ งแขง็ โดยไม่เพิ่มความ เมฆ หมอก น้าค้าง
นา้ คา้ งแข็ง ด้วยตนเอง คดิ เห็น จากการชแี นะของครู และนา้ ค้างแข็ง ได้
หรือผ้อู ่นื บางส่วน แม้ว่าครหู รอื
ผู้อืน่ ช่วยแนะนา้ หรือ
ชีแนะ
S13 การ การตีความหมายข้อมูล สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมายข้อมลู สามารถตีความหมาย
ตคี วามหมายข้อมูล และลงข้อสรุปจากการ ขอ้ มลู และลงข้อสรุปจาก และลงข้อสรุปจากการใช้ ข้อมูลและลงข้อสรปุ จาก
และลงข้อสรปุ ใชแ้ บบจ้าลองการเกิด การใช้แบบจา้ ลองการเกดิ แบบจ้าลองการเกิดเมฆ การใช้แบบจ้าลองการเกิด
เมฆ หมอก น้าค้างและ เมฆ หมอก นา้ ค้างและ หมอก น้าคา้ งและนา้ ค้างแข็ง เมฆ หมอก น้าค้างและ
นา้ ค้างแขง็ ไดว้ ่า เมฆ น้าค้างแขง็ ได้อยา่ งถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกต้อง โดยอาศัยการ น้าคา้ งแข็งได้เพยี ง
และหมอกเกิดจากไอน้า ด้วยตนเองวา่ เมฆและ ชีแนะของครหู รือผู้อืน่ วา่ เมฆ บางสว่ นว่าเมฆและหมอก
ในอากาศควบแนน่ เป็น หมอกเกดิ จากไอน้าใน และหมอกเกิดจากไอน้าใน เกิดจากไอนา้ ในอากาศ
ละอองน้าเมื่ออณุ หภูมิ อากาศควบแน่นเป็น อากาศควบแน่นเป็นละออง ควบแนน่ เปน็ ละอองน้า
ของอากาศลดลงและ ละอองน้าเมื่ออุณหภมู ิของ นา้ เมือ่ อุณหภมู ิของอากาศ เมอ่ื อุณหภมู ิของอากาศ
ลอยท่ีระดบั ความสูง อากาศลดลงและลอยท่ี ลดลงและลอยท่ีระดับความ ลดลงและลอยท่ีระดับ
ตา่ ง ๆ ถ้าลอยอยู่ใน ระดบั ความสูงต่าง ๆ ถ้า สงู ตา่ ง ๆ ถ้าลอยอยู่ใน ความสงู ตา่ ง ๆ ถ้าลอยอยู่
ท้องฟา้ เป็นเมฆ แตถ่ ้า ลอยอยู่ในทอ้ งฟ้าเป็นเมฆ ท้องฟา้ เปน็ เมฆ แต่ถ้าลอยต้า่ ในท้องฟา้ เปน็ เมฆ แต่ถ้า
ลอยต้่าเหนือพืนโลกเปน็ แตถ่ า้ ลอยต้่าเหนือพนื โลก เหนอื พืนโลกเป็นหมอก ส่วน ลอยต้่าเหนอื พนื โลกเปน็
หมอก สว่ นน้าค้างเกดิ เป็นหมอก สว่ นน้าค้างเกดิ น้าค้างเกิดจากไอน้าใน หมอก สว่ นน้าค้างเกิด
จากไอน้าในอากาศ จากไอน้าในอากาศ อากาศควบแน่นเปน็ หยดน้า จากไอนา้ ในอากาศ
ควบแน่นเป็นหยดนา้ ควบแนน่ เปน็ หยดนา้ และ และเกาะบนพืนผิววตั ถุใกล้ ควบแนน่ เปน็ หยดน้าและ
และเกาะบนพืนผิววัตถุ เกาะบนพนื ผิววตั ถใุ กล้ พืนโลก นา้ คา้ งเปลย่ี นเปน็ เกาะบนพืนผวิ วัตถุใกล้
ใกล้พืนโลก น้าค้างจะ พนื โลก นา้ คา้ งเปลย่ี นเป็น พืนโลก นา้ คา้ งจะ
62 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรับปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ น้าค้างแขง็ เม่ืออุณหภูมิ พอใช้ (2) เปล่ยี นเป็นนา้ คา้ งแข็ง
เปลี่ยนเป็นน้าค้างแขง็ ของอากาศลดตา่้ ลงถงึ เม่ืออุณหภมู ขิ องอากาศ
เม่ืออุณหภูมิของอากาศ 0 oC น้าคา้ งแขง็ เม่ืออุณหภูมขิ อง ลดตา่้ ลงถึง 0 oC แม้ว่า
ลดต่้าลงถึง 0 oC อากาศลดต้า่ ลงถึง 0 oC จะไดร้ ับค้าชีแนะจากครู
หรอื ผอู้ ่ืน
S14 การสรา้ ง อธบิ ายการเกิดเมฆ สามารถอธบิ ายการเกดิ สามารถอธิบายการเกิดเมฆ
แบบจา้ ลอง หมอก นา้ คา้ ง และ สามารถอธิบายการเกิด
น้าค้างแข็ง โดยใช้ เมฆ หมอก นา้ ค้าง และ หมอก น้าค้าง และ เมฆ หมอก น้าค้าง
แบบจา้ ลอง และน้าค้างแข็ง โดยใช้
น้าคา้ งแข็ง โดยใช้ น้าค้างแข็ง โดยใช้ แบบจ้าลองไดถ้ ูกต้อง
บางส่วน แมว้ ่าครหู รือ
แบบจ้าลองได้อย่างถูกตอ้ ง แบบจา้ ลองไดอ้ ย่างถูกต้อง ผอู้ ่ืนชว่ ยแนะน้าหรอื
ชแี นะ
ไดด้ ้วยตนเอง จากการชแี นะของครูหรือ
ผู้อื่น
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 63
คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดังนี
ทักษะแห่ง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ
พอใช้ (2)
ศตวรรษที่ 21 ดี (3) ควรปรบั ปรงุ (1)
สามารถวเิ คราะหแ์ ละ สามารถวเิ คราะห์และ
C2 การคดิ อยา่ งมี การวเิ คราะห์และประเมิน สามารถวเิ คราะหแ์ ละ ประเมนิ การเกดิ เมฆ ประเมนิ การเกิดเมฆ
หมอก น้าคา้ ง และ หมอก น้าคา้ ง และ
วิจารณญาณ การเกดิ เมฆ หมอก น้าค้าง ประเมนิ การเกดิ เมฆ นา้ คา้ งแขง็ ได้ถกู ต้อง นา้ คา้ งแขง็ ได้ ถูกต้อง
และสมเหตุสมผลโดย และสมเหตุสมผล
และน้าคา้ งแขง็ ได้ หมอก นา้ คา้ ง และ ต้องอาศัยการชีแนะจาก บางสว่ นแมว้ ่าจะได้รับ
ครหู รือผูอ้ ืน่ ค้าชีแนะจากครหู รอื ผู้อนื่
นา้ คา้ งแขง็ ได้ถูกต้อง
และสมเหตุสมผล
C5 ความรว่ มมือ การทา้ งานรว่ มมือกบั ผอู้ น่ื สามารถท้างานร่วมกับ สามารถทา้ งานรว่ มกบั สามารถท้างานรว่ มกับ
ในการสรา้ งแบบจา้ ลอง ผอู้ น่ื ในการสร้าง ผอู้ นื่ ในการสรา้ ง ผู้อน่ื ในการสร้าง
บนั ทกึ ผล นา้ เสนอผล แบบจา้ ลอง บนั ทึกผล แบบจา้ ลอง บันทึกผล แบบจ้าลอง บันทึกผล
แสดงความคิดเห็นและ นา้ เสนอผล แสดงความ นา้ เสนอผล แสดงความ น้าเสนอผล แสดงความ
อภปิ รายการเกิดเมฆ คดิ เหน็ และอภิปรายการ คิดเห็นและอภปิ รายการ คิดเห็นและอภปิ รายการ
หมอก นา้ ค้าง และ เกดิ เมฆ หมอก นา้ ค้าง เกดิ เมฆ หมอก น้าคา้ ง เกิดเมฆ หมอก น้าค้าง
นา้ ค้างแข็งรวมทงั ยอมรบั และนา้ ค้างแข็ง รวมทัง และนา้ คา้ งแข็ง รวมทงั และน้าคา้ งแขง็ รวมทงั
ความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ ยอมรบั ความคดิ เห็นของ ยอมรับความคดิ เห็นของ ยอมรบั ความคดิ เห็นของ
ผอู้ ื่นตงั แต่เร่ิมตน้ จน ผอู้ ่นื บางช่วงเวลาท่ีท้า ผู้อน่ื ในบางชว่ งเวลาท่ที ้า
ส้าเร็จ กิจกรรม กจิ กรรม แต่ไม่ค่อยสนใจ
ในความคิดเห็นของผอู้ ื่น
C6 การใช้ การนา้ เสนอขอ้ มูลจาก สามารถนา้ เสนอข้อมูล สามารถนา้ เสนอขอ้ มูล สามารถนา้ เสนอขอ้ มูล
เทคโนโลยี
สารสนเทศและ แบบจา้ ลองเกี่ยวกับการ จากแบบจา้ ลองเก่ียวกับ จากแบบจ้าลองเกย่ี วกับ จากแบบจ้าลองเก่ียวกบั
การสอ่ื สาร
เกดิ เมฆ หมอก น้าคา้ ง การเกิดเมฆ หมอก การเกดิ เมฆ หมอก การเกิดเมฆ หมอก
และนา้ ค้างแขง็ ในรปู แบบ นา้ ค้าง และนา้ ค้างแข็ง นา้ คา้ ง และน้าคา้ งแข็ง นา้ คา้ ง และน้าคา้ งแขง็
แผนภาพหรือรูปแบบ ในรูปแบบแผนภาพหรือ ในรปู แบบแผนภาพหรือ ในรูปแบบแผนภาพหรือ
อืน่ ๆ ให้ผ้อู ืน่ เข้าใจ รูปแบบอ่ืน ๆ ครอบคลมุ รูปแบบอื่น ๆ ครอบคลุม รูปแบบอน่ื ๆ ไม่
เนอื หาเพ่ือใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจ เนือหาเพ่ือให้ผู้อน่ื เข้าใจ ครอบคลุมเนอื หาเพื่อให้
ได้ ดว้ ยตนเอง จากการชีแนะของครู ผู้อ่ืนเข้าใจ แมว้ า่ จะได้รับ
หรือผูอ้ นื่ หรอื มีการ ค้าแนะน้าจากครูหรือ
เพม่ิ เติมความคิดเห็น ผอู้ นื่
64 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร
เร่ืองที่ 3 หยาดนา้ ฟา้
ในเรื่องนีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหยาดน้าฟ้า
ได้แก่ ฝน หิมะ ลูกเห็บ รวมถึงลักษณะและการเกิด
หยาดนา้ ฟ้า
จุดประสงค์การเรยี นรู้
สืบค้นข้อมลู และอธิบายการเกิดฝน หิมะ และลกู เหบ็
เวลา 2 ชว่ั โมง
วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม
สเี มจิก เทปใส กระดาษปรู๊ฟ
ส่อื การเรียนรูแ้ ละแหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรียน ป.5 เล่ม 2 หน้า 26 - 35
2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เลม่ 2 หนา้ 21 - 24
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 65
คมู่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร
แนวการจดั การเรยี นรู้ (60 นาท)ี
ขน้ั ตรวจสอบความรู้ (10 นาท)ี
1. ตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการเกิดหยาดน้าฟ้าแต่ละประเภท ในการตรวจสอบความร้เู ดิม
โดยครูน้ารูปฝน หิมะ และลูกเห็บ มาให้นักเรียนสังเกต และน้า ครูเพียงรบั ฟงั เหตุผลของนกั เรียน
อภิปรายโดยใช้ค้าถาม ดังนี และยงั ไม่เฉลยคา้ ตอบใด ๆ ใหก้ บั
1.1 ฝน หิมะ ลูกเห็บ มีลักษณะเป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตาม นักเรยี นแต่ชักชวนใหน้ กั เรยี นไป
ความเข้าใจของตนเองซ่ึงค้าตอบท่ีครูควรรู้คือ ฝนเป็นหยดน้า หาค้าตอบด้วยตนเองจากการอ่าน
ท่ีตกลงมาจากฟ้า มีสถานะเป็นของเหลว หิมะเป็นผลึกน้าแขง็ เนือเรือ่ ง
มีสถานะเป็นของแข็ง ลักษณะฟูเป็นปุยตกลงมาจากฟ้า ส่วน
ลูกเห็บเป็นก้อนน้าแข็ง มีลักษณะเป็นของแข็ง ตกลงมาจาก
ฟ้า)
1.2 ฝน หิมะ ลูกเห็บ เหมือนกันอย่างไรบ้าง (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจของตนเองซึ่งค้าตอบที่ครูควรรู้คือ ตกลงมาจาก
ทอ้ งฟา้ สู่พนื โลกเหมอื นกนั )
1.3 รจู้ กั หยาดน้าฟ้าหรือไม่ หยาดน้าฟ้าเป็นอย่างไร (นกั เรียนตอบ
ตามความเข้าใจของตนเองซึ่งค้าตอบท่ีครูควรรู้ คือ น้า
ทุกรปู แบบหรอื ทกุ สถานะท่ตี กจากท้องฟา้ มาถึงพืนโลก)
2. ครูเช่อื มโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรยี นเร่ืองหยาดน้าฟา้ โดย
ใชค้ า้ ถามวา่ หยาดน้าฟ้ามลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร
ขั้นฝึกทักษะจากการอ่าน (30 นาท)ี
3. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและค้าถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน
หน้า 26 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อช่วยกันหาค้าตอบตาม
ความเข้าใจของกลุ่ม ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อ
ใช้เปรียบเทียบคา้ ตอบภายหลงั การอา่ นเร่อื ง
4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก
นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนันครูชักชวนให้
นักเรยี นอธิบายความหมายของค้าสา้ คัญจากเนอื เร่ืองทจ่ี ะอ่าน
5. นักเรยี นอ่านเนือเรื่องในหนังสือเรียน หนา้ 26 - 29 โดยครูฝกึ ทักษะ
การอ่านตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
66 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร
ครูใช้ค้าถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค้าถาม ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ
ดังนี ตอบค้าถามหรืออภิปรายได้ตาม
5.1 ฝนคืออะไร (ฝนคือน้าทตี่ กลงมาจากฟา้ ) แนวค้าตอบ ครูควรให้เวลา
5.2 ลูกเห็บคืออะไร มีลักษณะอย่างไร (ลูกเห็บเป็นก้อนน้าแข็งท่ี นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม
รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง
ตกลงมาจากฟ้า มีลักษณะเป็นชัน ๆ ซ้อนกัน คล้าย แนวความคิดของนักเรียน
หัวหอม มีสถานะเปน็ ของแข็ง)
5.3 เราสามารถพบลูกเห็บได้บริเวณใดบ้าง (บริเวณทั่วไปใน
ประเทศท่เี ป็นเขตร้อนและเขตหนาว)
5.4 หิมะคืออะไร มีลักษณะอย่างไร (เป็นผลึกน้าแข็งขนาดเล็ก
ท่รี วมตัวกนั เปน็ เกลด็ หิมะสวยงามแล้วตกลงมาจากฟา้ )
5.5 เราสามารถพบหิมะได้บริเวณใดบ้าง (บริเวณทั่วไปในประเทศ
ท่มี ีอุณหภมู ิของอากาศลดลงตา่้ กวา่ 0 องศาเซลเซียส)
5.6 ฝน หิมะ ลกู เห็บ เรียกรวมกันวา่ อะไร (หยาดนา้ ฟา้ )
5.7 หยาดน้าฟ้าคืออะไร (หยาดน้าฟ้า คือ น้าทุกรูปแบบหรือ
ทุกสถานะที่ตกจากท้องฟา้ มาถงึ พืนโลก)
ขัน้ สรุปจากการอา่ น (20 นาท)ี การเตรียมตัวลว่ งหนา้ สาหรบั ครู
เพอื่ จัดการเรียนรใู้ นครง้ั ถัดไป
6. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องท่ีอ่านซ่ึงควรสรุปได้ว่า หยาดน้าฟ้า
คือ น้าทุกรูปแบบหรือทุกสถานะที่ตกจากฟ้ามายังพืนโลก เช่น ฝน ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ท้า
หิมะ และลูกเห็บ กจิ กรรมท่ี 3 ฝน หมิ ะ และลูกเห็บเกดิ ขึน
ได้อย่างไร ครูเตรียมวีดิทัศน์ เรื่อง
7. นักเรยี นตอบคา้ ถามในรหู้ รอื ยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา้ 21 หยาดน้าฟ้า มาให้นักเรียนสังเกตในการ
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบค้าตอบของ ทบทวนความรู้พนื ฐาน
นักเรียนในรูห้ รอื ยัง
9. ครูให้นักเรียนตอบค้าถามท้ายเรื่องที่อ่านว่า หยาดน้าฟ้ามีอะไรบ้าง
และแต่ละชนิดเกิดขึนได้อย่างไร ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบน
กระดานโดยยังไม่เฉลยค้าตอบแต่ชักชวนให้นักเรียนหาค้าตอบจาก
การทา้ กจิ กรรม
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 67
คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร
แนวคาตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม
หยาดนา้ ฟา้ คือ นา้ ทุกรูปแบบหรอื ทกุ สถานะทต่ี กจากทอ้ งฟา้ มาถึงพื้นโลก
หยาดน้าฟา้ ไดแ้ ก่ ฝน หิมะ และลูกเหบ็ โดยฝน มีสถานะเปน็ ของเหลว
ส่วนหมิ ะและลูกเห็บ มีสถานะเป็นของแข็ง
68 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร
กจิ กรรมที่ 3 ฝน หิมะ และลกู เห็บเกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร
กิจกรรมนีนักเรียนจะได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะ ส่อื การเรียนรูแ้ ละแหล่งเรียนรู้ หนา้ 26 - 35
ของหยาดนา้ ฟา้ แต่ละชนดิ ไดแ้ ก่ ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ หนา้ 21 - 24
1. หนงั สือเรยี น ป.5 เลม่ 2
เวลา 1 ช่วั โมง 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เล่ม 2
จุดประสงค์การเรยี นรู้
สืบค้นและอธบิ ายการเกิด ฝน หิมะ และลกู เห็บ
วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม
ส่ิงที่ครตู อ้ งเตรียม/กลมุ่
กระดาษปรฟู๊ 1 แผน่
สีเมจิก 1 กล่อง
เทปใส 1 ม้วน
ส่งิ ทน่ี ักเรียนต้องเตรียม/กล่มุ
-
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
S6 การจัดกระท้าและสือ่ ความหมายข้อมูล
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
C2 การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ
C4 การสื่อสาร
C5 ความร่วมมอื
C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 69
คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร
แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ค รู เ พี ย ง รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง
1. ครูทบทวนความรู้พืนฐานและตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับหยาดน้าฟ้า นักเรียนเป็นส้าคัญ และยังไม่
โดยครูให้นักเรียนสังเกตภาพฝน หิมะ และลูกเห็บ จากนันให้ เฉลยคา้ ตอบใด ๆ ให้กบั นักเรียน
นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายโดยใชค้ ้าถามดงั ตอ่ ไปนี แต่ชักชวนนักเรียนไปหาค้าตอบ
1.1 นกั เรยี นเหน็ อะไรบ้างจากวดี ิทัศน์ (ฝน หิมะ ลูกเหบ็ ) ที่ถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ ใน
1.2 ฝน หิมะ ลูกเห็บเกิดขึนได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความ บทเรยี นนี
เข้าใจของตนเองซึ่งค้าตอบที่ครคู วรรู้ คือ ฝนเกิดจากละอองน้า
ในเมฆรวมตัวกันและตกลงสู่พืนโลกในสถานะของเหลว หิมะ
เกิดขึนในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่้ากว่า 0 องศาเซลเซียสหรือ
ต่้ากว่าจุดเยือกแข็ง โดยเกิดจากไอน้าระเหิดกลับเป็น
ผลึกน้าแข็งและตกลงมายังพืนโลก ลูกเห็บเกิดจากหยดน้าหรือ
ผลึกน้าแข็งในเมฆที่ถูกพัดวนขึนลงภายในเมฆคิวมูโลนิมบัสจน
เกิดการพอกตัวของน้าแข็งเป็นชัน ๆ แล้วตกลงมายังพืนโลก
ในลกั ษณะของก้อนน้าแขง็ )
2. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรมท่ี 3 โดยกล่าวว่านักเรียนจะรู้ค้าตอบว่า
ฝน หมิ ะ ลูกเห็บ เกดิ ได้อยา่ งไร โดยไปรว่ มทา้ กิจกรรมท่ี 3
3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น และร่วมกันอภิปราย
เพื่อตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการท้ากิจกรรม โดยใช้
คา้ ถาม ดังนี
3.1 กิจกรรมนีนักเรียนจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การเกิดฝน หิมะ และ
ลูกเห็บ)
3.2 นักเรียนจะได้เรยี นรู้เร่ืองนดี ว้ ยวธิ ีใด (การสืบคน้ ขอ้ มลู )
3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (อธิบายการเกิดฝน หิมะ
และลูกเหบ็ )
4. นักเรียนบันทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 22
5. นักเรียนอา่ นส่ิงที่ต้องใช้ในการท้ากิจกรรม ซง่ึ ในกจิ กรรมนีนักเรียน
จะตอบว่าไมไ่ ดใ้ ช้วสั ดุ อปุ กรณ์แตอ่ ยา่ งใด
6. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะท้า
กิจกรรมอย่างไร จนนักเรียนเข้าใจล้าดับการท้ากิจกรรม โดยใช้
ค้าถามต่อไปนี (ครูอาจช่วยเขียนสรุปเป็นขันตอนสัน ๆ บน
กระดาน)
70 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร
6.1 นกั เรยี นสามารถสืบคน้ ข้อมูลของ ฝน หิมะ และลูกเห็บได้จากท่ี ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
ใด (จากใบความรู้ เรือ่ งหยาดนา้ ฟ้า) ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
6.2 นักเรียนต้องอภิปรายเก่ียวกับอะไรบ้าง (ลักษณะและการเกิด ทน่ี ักเรยี นจะได้ฝกึ จากการทากิจกรรม
ของฝน หมิ ะ และลกู เหบ็ )
S6 การน้าข้อมูลจากใบความรู้เรื่อง
6.3 นักเรียนจะน้าเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอะไร และน้าเสนออย่างไร หยาดน้าฟ้า มาออกแบบการ
(ลักษณะการเกิดของฝน หิมะ และลูกเห็บ และน้าเสนอใน น้าเสนอขอ้ มูล
รูปแบบทน่ี ่าสนใจ เชน่ แผนผงั ความคิด)
C2 การใช้ข้อมูลในใบความรู้มา
7. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ให้นักเรียน อ ธิ บ า ย เ กี่ ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ
ลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามขนั ตอน กระบวนการเกิดหยาดน้าฟ้า
8. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยใช้ C4 การใชค้ ้าพูดเพอ่ื ใหผ้ อู้ ื่นเข้าใจใน
คา้ ถามดงั ต่อไปนี การน้าเสนอข้อมูลจากใบความรู้
8.1 ฝนเกิดขึนได้อย่างไร (ฝนเกิดจากละอองน้าในเมฆชนกันและ ลักษณะและกระบวนการเกิด
รวมตวั กันมขี นาดใหญข่ ึนจนมนี า้ หนักมากเกินกวา่ ทีบ่ รรยากาศ หยาดนา้ ฟา้
จะพยุงไว้ได้ กจ็ ะตกลงมายังพืนโลก)
8.2 หิมะเกิดขึนได้อย่างไร (หิมะเกิดจากไอน้าในอากาศซึ่งมีสถานะ C5 การร่วมกนั อภิปรายและน้าเสนอ
เปน็ แกส๊ จะระเหิดกลับเปล่ยี นสถานะเป็นผลกึ นา้ แข็งและตกลง ข้ อ มู ล เ ก่ี ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ
มาบนพืนโลก) กระบวนการเกิดหยาดน้าฟา้
8.3 ลูกเห็บเกิดขึนได้อย่างไร (ลูกเห็บเกิดจากหยดน้าภายในเมฆ
ท่ีเกิดการแข็งตัวเป็นน้าแข็งในเมฆ ฝนฟ้าคะนองหรือ C6 ก า ร น้ า เ ส น อ ข้ อ มู ล จ า ก
เมฆคิวมูโลนมิ บัสจะถูกพัดขนึ ลงในเมฆ มกี ารรวมตัวกับหยดน้า แบบจา้ ลองเกย่ี วกับลักษณะและ
หรือผลึกน้าแข็งท้าให้เกิดการพอกตัวมีขนาดใหญ่ขึนเป็นชัน ๆ กระบวนการเกิดหยาดน้าฟ้าใน
คล้ายหัวหอม เมื่อถูกพัดขึนไปในระดับที่สูงและมีอุณหภูมิ รูปแบบแผนภาพหรือรูปแบบ
ต่้ากว่า 0 องศาเซลเซียสหรือต่้ากว่าจุดเยือกแข็ง และเม่ือ อนื่ ๆ ให้ผอู้ ื่นเข้าใจ
อากาศไม่สามารถพยุงรับน้าหนักไว้ได้ก็จะตกลงสู่พืนโลกใน
ลักษณะเปน็ กอ้ นนา้ แข็ง) ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
ค้ า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสิ่งท่ีอยากรู้เพ่ิมเติม แนวค้าตอบ ครูควรให้เวลา
เกี่ยวกับการฝน หิมะ และลูกเห็บ จากนันร่วมกันอภิปรายและลง นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม
ข้อสรุปว่า ฝนเกิดจากละอองนา้ ในเมฆรวมตวั กนั และตกลงสู่พืนโลก รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง
ในสถานะของเหลว หิมะเกิดจากไอน้าในอากาศเปลี่ยนเป็นผลึก แนวความคิดของนักเรยี น
นา้ แขง็ และรวมตัวกันจนมีน้าหนักมากขนึ จนเกินกว่าอากาศจะพยุง
ไว้จึงตกลงมา ลูกเห็บเกิดจากหยดน้าหรือผลึกน้าแข็งในเมฆคิวมู
โลนิมบัส ที่ถูกกระแสอากาศพัดขึนลงเกิดการพอกตัวของน้าแข็ง
เป็นชัน ๆ คล้ายหัวหอม จนมีขนาดใหญ่แล้วตกลงสู่พืนโลก ทังฝน
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 71
คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
หิมะ และลูกเห็บ ล้วนเป็นหยาดน้าฟ้า เพราะเป็นน้าในสถานะต่าง การเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู
ๆ ทีต่ กจากฟา้ มายังพนื โลก (S13) เพ่ือจัดการเรียนรใู้ นครงั้ ถดั ไป
10. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบค้าถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจ
ใช้คา้ ถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพื่อใหไ้ ด้แนวค้าตอบทถี่ ูกต้อง ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
11. นักเรียนอ่าน ส่ิงที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปท่ีได้จาก เรอ่ื งท่ี 4 การหมนุ เวยี นของน้า ครูเตรยี ม
การอภปิ ราย น้าท่ีอยู่ในภาชนะต่าง ๆ เช่น น้าในขวด
12. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตังค้าถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู้ น้าดื่มพลาสติก เพื่อให้นักเรียนสังเกต
เพ่ิมเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน และอภิปรายโดยใช้ค้าถามต่าง ๆ ในการ
น้าเสนอค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกัน ตรวจสอบความรขู้ องนกั เรียน
อภิปรายเกยี่ วกับคา้ ถามทนี่ ้าเสนอ
13. ครูน้าอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในขันตอน
ใด แลว้ ใหบ้ ันทึกในแบบบันทกึ กจิ กรรม หน้า 24
14. นกั เรยี นรว่ มกันอ่านรู้อะไรในเรือ่ งนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 35 ครูนา้
อภิปรายเพื่อน้าไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเร่ืองนี จากนัน
ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบค้าถามในช่วงท้ายของเนือเรื่อง ซ่ึงเป็น
ค้าถามเพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนเนือหาในบทถัดไป ดังนี “ลองคิด
ดูสิวา่ การเกิดหยาดน้าฟ้าเปน็ การหมุนเวยี นของนา้ หรอื ไม่ และการ
หมุนเวียนของน้าคืออะไร มีลักษณะอย่างไร เราจะมาเรียนรู้กัน
ต่อไป” นักเรียนสามารถตอบตามความเข้าใจของตนเอง ซ่ึงจะหา
คา้ ตอบได้จากการเรยี นในบทตอ่ ไป
72 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร
แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม
สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายการเกดิ ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ
หยาดนา้ ฟ้า
เชน่
ฝน หมิ ะ ลกู เหบ็
มีลักษณะเป็น มลี กั ษณะเปน็ มลี ักษณะเปน็
หยดนา้ ผลึกนา้ แข็ง กอ้ นนา้ แข็งเป็นชั้น ๆ คลา้ ย
มีสถานะเปน็ ของเหลว มสี ถานะเป็นของแขง็ หัวหอม มีสถานะเปน็ ของแขง็
เกิดจาก เกดิ จาก เกดิ จาก
ละอองน้าในเมฆชนกันและ ไอนา้ ในอากาศซึง่ มสี ถานะ หยดน้าหรอื ผลึกนา้ แขง็ ใน
รวมตวั กันมขี นาดใหญ่ขึ้น เปน็ แก๊สระเหดิ กลับ เมฆคิวมูโลนมิ บสั
จนมีน้าหนักมากเกนิ กวา่ ที่
เปล่ียนสถานะเปน็ ของแข็ง ทถี่ ูกกระแสอากาศพัดขน้ึ ลง
อากาศจะพยงุ ไว้ได้ จบั ตวั กันเป็นผลึกน้าแขง็ เกิดการพอกตวั ของนา้ แขง็
แลว้ ตกลงมาส่พู น้ื โลก แล้วตกลงมาสูพ่ ้ืนโลก เป็นชนั้ ๆ จนมขี นาดใหญ่
ขน้ึ แลว้ ตกลงมาส่พู ื้นโลก
หมายเหตุ ผลการบนั ทกึ ข้ึนอย่กู บั ผลการทากจิ กรรมของนักเรยี นแตล่ ะคนซง่ึ อาจแตกตา่ งไปจากตัวอยา่ ง
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 73
คู่มอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร
ฝน หิมะ และลูกเห็บ เป็นน้าในสถานะตา่ ง ๆ ท่ีตกจากท้องฟา้ ลงสพู่ ืน้ โลก
เหมือนกนั แตฝ่ นจะเกดิ จากละอองน้าในเมฆรวมตัวกนั และตกลงสู่พนื้ โลก
ในสถานะของเหลว ลกู เห็บเกิดจากหยดน้าที่เปลี่ยนสถานะเปน็
น้าแข็งแลว้ ถกู พายุพดั วนซ้าไปซ้ามาในเมฆควิ มโู ลนมิ บัสจนเป็นก้อนน้าแขง็
ขนาดใหญ่ แล้วตกลงมาสู่พ้ืนโลก หิมะเกดิ จากไอน้าในอากาศระเหดิ กลบั
แล้วจบั ตัวกันเป็นผลึกน้าแข็ง แลว้ ตกลงมาสู่พ้ืนโลก
ในประเทศไทยลกู เหบ็ มักเกดิ มากในภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ในชว่ งฤดรู อ้ นระหวา่ งเดือนกมุ ภาพันธจ์ นถงึ เดือนพฤษภาคม
ฝนเกดิ จากละอองนา้ ในเมฆชนกนั และรวมตัวกนั และตกลงสพู่ นื้ โลกในสถานะ
ของเหลว ลูกเหบ็ เกดิ จากหยดน้าหรือผลกึ น้าแข็งในเมฆคิวมโู ลนิมบสั ทีถ่ ูกกระแส
อากาศพัดข้ึนลงเกิดการพอกตวั ของนา้ แข็งแลว้ ตกลงสูพ่ ้ืนโลก หมิ ะเกิดจาก
ไอนา้ ในอากาศระเหิดกลบั แลว้ จบั ตัวกันเปน็ ผลึกน้าแขง็ แล้วตกลงสู่พืน้ โลก
ฝน หมิ ะ และลูกเห็บ เปน็ หยาดนา้ ฟ้าเพราะเปน็ น้าในสถานะต่าง ๆ ท่ีตกจาก
ทอ้ งฟ้ามายังพ้ืนโลก ฝน หิมะ ลกู เหบ็ มีกระบวนการเกิดทีแ่ ตกต่างกัน
74 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร
คาถามของนักเรียนท่ตี ้ังตามความอยากรขู้ องตนเอง
75
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร
แนวการประเมินการเรียนรู้
การประเมินการเรียนรู้ของนักเรียนท้าได้ ดงั นี
1. ประเมนิ ความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชนั เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคา้ ตอบของนักเรียนระหว่างการจัดการเรยี นรู้และจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการท้ากจิ กรรมของนักเรียน
การประเมนิ จากการทากิจกรรมท่ี 3 ฝน หมิ ะ ลกู เหบ็ เกิดไดอ้ ยา่ งไร
ระดับคะแนน
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
รหสั สิ่งทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S6 การจดั กระท้าและสอื่ ความหมายข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป
ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C2 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมือ
C6 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร
รวมคะแนน
76 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร
ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดังนี
ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)
S6 การจดั กระทา้ การนา้ ข้อมูลจาก สามารถน้าข้อมูลจากการ สามารถนา้ ข้อมลู จากการ สามารถน้าข้อมูลจากการ
และส่อื ความหมาย การสืบคน้ ข้อมลู สืบค้นขอ้ มูลและอ่าน สบื คน้ ขอ้ มลู และอ่าน สืบคน้ ขอ้ มูลและอา่ น
ข้อมลู และอ่านใบความรู้ ใบความรเู้ รือ่ ง หยาดนา้ ฟ้า ใบความรเู้ รอ่ื ง หยาดน้าฟ้า ใบความรู้เรื่อง หยาดน้าฟ้า
เรื่อง หยาดน้าฟา้ มาออกแบบการน้าเสนอ มาออกแบบการน้าเสนอ มาออกแบบการนา้ เสนอ
มาออกแบบการ ขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและ ข้อมลู ได้อย่างถูกตอ้ งและ ขอ้ มูลไดอ้ ย่างถูกต้อง แตไ่ ม่
นา้ เสนอข้อมูล ครบถ้วน ด้วยตนเอง ครบถว้ น จากการชแี นะ ครบถว้ น แมว้ ่าครูหรือผู้อ่ืน
ของครหู รือผู้อ่นื ชว่ ยแนะน้าหรอื ชีแนะ
S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมายข้อมูล สามารถตีความหมายข้อมลู
ตีความหมายข้อมลู ข้อมลู และลง ขอ้ มลู และลงข้อสรุปจาก และลงข้อสรปุ จากการ และลงข้อสรปุ จากการ
และลงข้อสรปุ ขอ้ สรปุ จากการ การสืบคน้ ข้อมูลและอา่ น สืบคน้ ข้อมลู และอ่านใบ สบื ค้นข้อมูลและอา่ น
สืบคน้ ข้อมูลและ ใบความร้ไู ด้อย่างถกู ต้อง ความรไู้ ด้อยา่ งถูกต้อง โดย ใบความรไู้ ด้เพยี งบางส่วน
อา่ นใบความรู้ได้วา่ ด้วยตนเองวา่ ฝน หมิ ะและ อาศัยการชแี นะของครหู รือ วา่ ฝน หิมะ และลูกเหบ็
ฝน หิมะ และ ลูกเหบ็ เปน็ หยาดน้าฟา้ ผูอ้ ืน่ วา่ ฝน หมิ ะ และ เป็นหยาดนา้ ฟ้าเพราะเปน็
ลกู เหบ็ เป็น เพราะเป็นน้าในสถานะ ลูกเห็บ เปน็ หยาดน้าฟ้า นา้ ในสถานะต่าง ๆ ท่ตี ก
หยาดนา้ ฟ้าเพราะ ต่าง ๆ ท่ีตกจากท้องฟ้า เพราะเป็นน้าในสถานะ จากทอ้ งฟา้ มายงั พนื โลก
เป็นนา้ ในสถานะ มายังพนื โลก ฝน หมิ ะ ตา่ ง ๆ ทตี่ กจากท้องฟา้ ฝน หิมะ ลกู เหบ็ มี
ต่าง ๆ ทีต่ กจาก ลกู เห็บมีกระบวนการเกดิ ท่ี มายังพืนโลก ฝน หิมะ กระบวนการเกดิ ท่ีแตกตา่ ง
ท้องฟา้ มายังพืนโลก แตกตา่ งกัน ลกู เหบ็ มีกระบวนการเกดิ ท่ี กันแมว้ ่าจะไดร้ ับคา้ ชแี นะ
ฝน หิมะ ลูกเหบ็ มี แตกต่างกัน จากครูหรอื ผู้อื่น
กระบวนการเกิดที่
แตกต่างกัน
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 77
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร
ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรียน
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี
ทกั ษะแห่ง ระดบั ความสามารถ
ศตวรรษท่ี รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
21
C2 การคิด การวเิ คราะห์และ สามารถวเิ คราะห์และ สามารถวเิ คราะหแ์ ละ สามารถวเิ คราะหแ์ ละอภิปราย
อยา่ งมี อภปิ รายการเกิดฝน อภปิ รายการเกิดฝน หิมะ อภิปรายการเกิดฝน หิมะ การเกิดฝน หมิ ะ และลกู เหบ็ ได้
วจิ ารณญาณ หมิ ะ และลูกเหบ็ ได้ และลูกเห็บไดด้ ว้ ยตนเอง และลูกเหบ็ ได้ จากการ อย่างถูกต้องบางสว่ น แม้ว่าครู
ชแี นะของครหู รือผอู้ ่ืน หรอื มี หรอื ผอู้ ่นื ชว่ ยแนะนา้ หรือชีแนะ
การเพิ่มเตมิ ความคิดเหน็
C4 การ การนา้ เสนอข้อมลู สามารถนา้ เสนอจากการ สามารถน้าเสนอจากการ สามารถนา้ เสนอจากการสบื ค้น
สอื่ สาร จากการสืบคน้ ข้อมูล สบื คน้ ขอ้ มลู และอา่ น สืบค้นข้อมลู และอ่าน ขอ้ มูลและอ่านใบความรู้เกีย่ วกบั
และอ่านใบความรู้ ใบความรู้เกี่ยวกับการ ใบความรู้เก่ยี วกับการเกิดฝน การเกดิ ฝน หิมะ และลูกเห็บ
เกย่ี วกบั การเกิดฝน เกดิ ฝน หมิ ะ และลกู เหบ็ หิมะ และลูกเห็บ ครอบคลมุ ไมค่ รอบคลมุ เนือหาเพ่อื ให้ผู้อื่น
หิมะ และลูกเหบ็ โดย ครอบคลุมเนอื หาเพื่อให้ เนอื หาเพื่อใหผ้ ูอ้ ืน่ เข้าใจได้ เขา้ ใจได้ แมว้ า่ จะได้รบั คา้ ชีแนะ
ใชค้ ้าพูดเพือ่ ใหผ้ ้อู ื่น ผอู้ ื่นเขา้ ใจได้ ด้วยตนเอง จากการชแี นะของครหู รือ จากครหู รอื ผู้อ่ืน
เข้าใจ ผู้อน่ื หรือมีการเพ่ิมเติมความ
คิดเห็น
C5 ความ การทา้ งานร่วมกบั สามารถท้างานร่วมกบั สามารถทา้ งานรว่ มกับผูอ้ ืน่ สามารถท้างานรว่ มกับผู้อ่ืนในการ
รว่ มมือ ผอู้ ื่นในการรวบรวม ผ้อู ืน่ ในการรวบรวมข้อมูล ในการรวบรวมข้อมูล รวบรวมข้อมลู น้าเสนอผล แสดง
ขอ้ มลู น้าเสนอผล น้าเสนอผล แสดงความ นา้ เสนอผล แสดงความ ความคิดเห็นและอภิปรายการเกิด
แสดงความคิดเห็น คิดเห็นและอภปิ รายการ คิดเห็นและอภปิ รายการเกดิ ฝน หมิ ะ ลูกเห็บ รวมทังยอมรับ
และอภิปรายการเกิด เกิดฝน หมิ ะ ลูกเหบ็ ฝน หมิ ะ ลกู เหบ็ รวมทัง ความคิดเห็นของผ้อู ่ืน ในบาง
ฝน หิมะ ลูกเหบ็ รวมทงั ยอมรบั ความคดิ เหน็ ยอมรับความคดิ เหน็ ของ ชว่ งเวลาทที่ า้ กิจกรรม แต่ไม่ค่อย
รวมทังยอมรบั ความ ของผู้อื่นตังแตเ่ ริ่มต้นจน ผู้อืน่ บางชว่ งเวลาทที่ า้ สนใจในความคดิ เห็นของผู้อ่ืน
คดิ เหน็ ของผอู้ ่ืน ส้าเร็จ กิจกรรม
C6 การใช้ การน้าเสนอข้อมลู จาก สามารถน้าเสนอขอ้ มลู จาก สามารถน้าเสนอข้อมูลจาก สามารถน้าเสนอข้อมลู จากการ
เทคโนโลยี การสืบค้นข้อมูล การสืบคน้ ข้อมูลเกี่ยวกับ การสืบคน้ ข้อมลู เก่ียวกบั การ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการการเกิด
สารสนเทศ เกยี่ วกับการเกิดฝน การเกิดฝน หิมะ ลกู เห็บ เกดิ ฝน หิมะ ลกู เหบ็ ใน ฝน หมิ ะ ลูกเห็บ ในรปู แบบ
และการ หมิ ะ ลกู เห็บ ใน ในรปู แบบแผนภาพหรอื รูปแบบแผนภาพหรอื รูปแบบ แผนภาพหรือรปู แบบอื่น ๆ ไม่
สื่อสาร รูปแบบแผนภาพหรือ รูปแบบอืน่ ๆ ครอบคลุม อ่นื ๆ ครอบคลุมเนือหา ครอบคลุมเนือหาเพื่อใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ
รูปแบบอื่น ๆ ใหผ้ ู้อื่น เนือหาเพ่อื ให้ผอู้ ่ืนเข้าใจได้ เพ่ือให้ผอู้ ่ืนเขา้ ใจ จากการ แม้ว่าจะไดร้ ับค้าแนะน้าจากครู
เขา้ ใจ ดว้ ยตนเอง ชแี นะของครูหรือผอู้ ืน่ หรอื ผู้อ่นื
78 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
เร่ืองท่ี 4 การหมุนเวียนของน้า
ในเร่อื งนีนักเรียนจะไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั การหมนุ เวียน
ของนา้ ระหวา่ งนา้ ผวิ ดนิ น้าใตด้ ิน นา้ ในบรรยากาศ และ
น้าจากกิจกรรมต่าง ๆ ของส่ิงมชี วี ิต
จุดประสงค์การเรยี นรู้
อธบิ ายลักษณะและการเกิดวัฏจกั รน้า โดยใช้แบบจา้ ลอง
เวลา 3 ชวั่ โมง
วสั ดุ อุปกรณส์ าหรับทากจิ กรรม
กระดาษปรฟู๊ สเี มจกิ ลกู เตา๋ วฏั จกั รนา้
อุปกรณใ์ ห้สญั ญาณ เชน่ นกหวีด
ส่อื การเรยี นรูแ้ ละแหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรียน ป.5 เล่ม 2 หน้า 36 - 41
2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เลม่ 2 หนา้ 25 - 29
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 79
คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร
แนวการจดั การเรียนรู้ (60 นาที)
ขั้นตรวจสอบความรู้ (20 นาที)
1. ตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการหมุนเวียนของน้า โดยครูใช้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
คา้ ถาม ดงั นี ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
1.1 นักเรียนรู้จักแหล่งน้าใดบ้าง (แม่น้า ทะเล น้าตก ธารน้าแข็ง และยังไม่เฉลยค้าตอบใด ๆ ให้กับ
นา้ ใต้ดนิ และอนื่ ๆ) นักเรียนแต่ชักชวนให้นักเรียนไป
1.2 น้าในแต่ละแหล่งน้าสามารถเปล่ียนไปอยู่ที่อื่นได้หรือไม่ หาค้าตอบด้วยตนเองจากการอ่าน
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) เนอื เรื่อง
2. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักรียนสู่กิจกรรมที่ 4 โดยใช้ค้าถามว่า
อนภุ าคน้ามีการหมุนเวียนหรือไม่ อยา่ งไร
ข้ันฝึกทักษะจากการอา่ น (20 นาท)ี
3. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือเรื่องและค้าถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือ ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
เรียน หน้า 36 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อช่วยกันหาค้าตอบ ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
ตามความเข้าใจของกลุ่ม ครูบันทึกค้าตอบของนักเรียนบน ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
กระดานเพื่อใชเ้ ปรียบเทยี บค้าตอบภายหลังการอา่ นเรื่อง อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ทังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก นกั เรยี น
นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนันครูชักชวน
นกั เรียนอธิบายความหมายของค้าสา้ คญั จากเนือเร่ืองท่จี ะอ่าน
5. นักเรียนอ่านเนือเรื่องในหนังสือเรียน หน้า 36 โดยครูฝึกทักษะ
การอ่านตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
ครูใช้ค้าถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ค้าถาม
ดงั นี
5.1 น้าดื่มในขวดมาจากไหน (มาจากแหล่งน้าต่าง ๆ เช่น
มหาสมุทร แมน่ า้ )
5.2 เมื่อน้าได้รับความร้อนจะเป็นอย่างไร (ระเหยเป็นไอน้าลอย
ขึนไปบนทอ้ งฟ้า)
5.3 เม่ืออุณหภูมิของอากาศลดลงจะส่งผลต่อไอน้าท่ีอยใู่ นอากาศ
อย่างไร (เม่ืออุณหภูมิของอากาศลดลง ไอน้าในอากาศ
ควบแน่นเป็นละอองน้าและรวมตัวกันตกลงมาเป็นฝนและ
ไหลไปตามทตี่ า่ ง ๆ )
80 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จักร
5.4 ท้าอย่างไรเราจะสามารถน้าน้าจากแหล่งต่าง ๆ มาด่ืมได้
อย่างปลอดภัย (สามารถน้าน้าจากแหล่งต่าง ๆ มาผ่าน
กระบวนการทที่ ้าให้นา้ สะอาดขนึ )
ข้ันสรปุ จากการอา่ น (20 นาท)ี การเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู
เพอื่ จัดการเรยี นรใู้ นครงั้ ถดั ไป
6. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องท่ีอ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า น้าที่เรา
ดมื่ มกี ารหมนุ เวยี นจากแหลง่ นา้ ตา่ ง ๆ ได้ ในครังถัดไป นักเรียนจะได้ท้า
กิจกรรมท่ี 4 วัฏจักรน้าเป็นอย่างไร
7. นกั เรียนตอบคา้ ถามในรู้หรือยัง ในแบบบันทึกกจิ กรรม หน้า 25 ครคู วรเตรยี มตวั ลว่ งหนา้ ดงั นี
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบค้าตอบของ 1. พิมพ์ลูกเต๋าวัฏจักรน้าเป็นภาพสี
นกั เรียนในรู้หรอื ยัง พร้อมทังตัดและประกอบเป็นลกู เตา๋
9. ครชู กั ชวนนกั เรียนลองตอบค้าถามทา้ ยเรื่องท่ีอ่าน โดยใชค้ ้าถาม 2. ครูควรส้ารวจบริเวณท่ีโล่งเพ่ือ
ว่าน้าบนโลกมีการหมุนเวียนไปยังท่ีต่าง ๆ เป็นวัฏจักร น้าจะ จัดท้าฐานที่อยู่ของน้า 9 ฐาน (ตาม
กลับมาที่เดมิ ได้หรอื ไม่ อย่างไร ลูกเต๋าวัฏจักรน้า) โดยติดช่ือที่อยู่
ครู บัน ทึกค้า ตอบของนั กเรี ย น บน กร ะดาน โ ดย ยั งไ ม่เฉล ย ค้ า ต อ บ ของน้าที่ฐานนัน ๆ และน้าลูกเต๋า
แตช่ ักชวนให้นกั เรียนหาคา้ ตอบจากการท้ากจิ กรรม วัฏจกั รน้าทีต่ รงกับชอ่ื ฐานไปวางไว้ท่ี
ฐาน ถ้าไม่มีสถานที่ครูอาจจัดโต๊ะใน
ห้องเรียนให้เหมาะสมท่ีจะมีพืนที่ท้า
กจิ กรรม
3. ครูอาจเตรียมลูกเต๋าไว้ที่ฐานที่อยู่
ของน้ามากกว่า 1 อัน ขึนอยู่กับ
จ้านวนนักเรียนที่อาจไปอยู่ท่ีฐาน
นัน ๆ ในแตล่ ะรอบการเลน่ เกม เพื่อ
ประหยัดเวลาในการท้ากิจกรรม ซึ่ง
ฐ า น ที่ จ ะ มี นั ก เ รี ย น ม า ก ก ว่ า ฐ า น
อ่ืน ๆ คือ มหาสมทุ ร
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 81
คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร
แนวคาตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม
นา้ มีการหมนุ เวยี นจากแหล่งน้าต่าง ๆ โดยนา้ จะระเหยเป็นไอน้าลอยข้นึ ไป
บนทอ้ งฟ้า เมื่อไอนา้ ควบแน่นเปน็ ละอองน้าและรวมตัวกันตกลงมาเป็นฝน
และไหลไปตามทต่ี ่าง ๆ บางสว่ นสะสมในชัน้ ใต้ดิน
หมายเหตุ: การหมุนเวียนของน้านเี้ ปน็ เพยี งส่วนหน่ึงของวฏั จกั รน้าเท่าน้ัน
82 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร
กจิ กรรมท่ี 4 วฏั จกั รน้าเป็นอย่างไร
กิจกรรมนีนักเรียนจะได้ใช้แบบจ้าลอง โดยการเล่น
เกมวฏั จกั รนา้ เพื่ออธบิ ายลกั ษณะและการเกิดวัฏจักรนา้
เวลา 2 ชั่วโมง
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
อธบิ ายลักษณะและการเกดิ วัฏจักรนา้ โดยใชแ้ บบจ้าลอง
วัสดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม 1 แผน่
ส่ิงทีค่ รตู ้องเตรียม/กลมุ่ 1 กล่อง
1 ม้วน
1. กระดาษปรู๊ฟ
2. สเี มจกิ 9 ลูก
3. เทปใส 1 ตวั
สิ่งทค่ี รตู ้องเตรียม/หอ้ ง สื่อการเรยี นร้แู ละแหล่งเรียนรู้
1. ลูกเต๋าวฏั จกั รน้า 1. หนังสือเรยี น ป.5 เล่ม 2
2. อุปกรณ์ให้สญั ญาณ เช่น นกหวดี 2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.5 เลม่ 2
ส่ิงท่นี กั เรียนต้องเตรียม/กลมุ่
-
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หน้า 37-40
หน้า 26-29
S6 การจัดกระท้าและส่ือความหมายข้อมลู
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
C4 การส่อื สาร
C5 ความรว่ มมือ
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 83
คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร
แนวการจดั การเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ค รู เ พี ย ง รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการหมุนเวียนของน้า โดยใช้ นักเรียนเป็นส้าคัญ และยังไม่
ค้าถามดังตอ่ ไปนี เฉลยค้าตอบใด ๆ ใหก้ บั นักเรยี น
1.1 การเปล่ียนแปลงท่ีอยู่ของน้าจากแหล่งหน่ึงไปยังอีกแหล่ง แ ต่ ชั ก ช ว น นั ก เ รี ย น ไ ป ห า
หนง่ึ เกิดขนึ ได้อยา่ งไรบ้าง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของ ค้าตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม
ตนเองซ่งึ ค้าตอบท่ีครูควรรู้คือ นา้ จากแหล่งตา่ ง ๆ อาจมีการ ตา่ ง ๆ ในบทเรียนนี
เปล่ียนท่ีอยู่ โดยไหลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หน่ึงหรือน้าอาจ
เปลย่ี นสถานะไปอยู่ตามท่ีตา่ ง ๆ)
1.2 การหมุนเวียนของน้าเป็นวัฏจักรได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
2. ครูเช่ือมโยงเข้าสู่กิจกรรมที่ 4 โดยกล่าวว่า การหมุนเวียนของ
วัฏจักรนา้ เปน็ อย่างไร นกั เรยี นจะทราบได้โดยไปท้ากจิ กรรมกัน
3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และทาเป็นคิดเป็น และร่วมกัน
อภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการท้า
กจิ กรรม โดยใชค้ ้าถาม ดงั นี
3.1 กิจกรรมนีนักเรยี นจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (วฏั จักรน้า)
3.2 นกั เรียนจะได้เรียนรู้เร่ืองนดี ว้ ยวธิ ีใด (ใช้แบบจา้ ลองการเกิด
วฏั จักรน้า)
3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท้าอะไรได้ (อธิบายลักษณะและ
การเกิดวฏั จกั รน้า)
4. นักเรียนบนั ทึกจดุ ประสงคล์ งในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 26 และ
อ่านส่ิงทต่ี อ้ งใช้ในการท้ากจิ กรรม
5. นักเรียนอ่านทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านท่ีเหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากนันครูตรวจสอบความเข้าใจว่าจะ
ทา้ กิจกรรมอย่างไร จนนกั เรียนเขา้ ใจลา้ ดับการท้ากิจกรรม โดยใช้
ค้าถามต่อไปนี (ครูอาจช่วยเขียนสรุปเป็นขันตอนสัน ๆ บน
กระดาน)
5.1 นักเรียนแต่ละคนสมมติว่าเป็นอะไร และจะต้องเข้าไป
รวมกลุ่มกันท่ีใดบ้าง (สมมติว่าเป็นอนุภาคน้า และจะต้อง
เข้าไปรวมกลุ่มกันตามแหล่งน้าต่าง ๆ ได้แก่ สัตว์ เมฆ
ธารน้าแข็ง น้าใต้ดิน ทะเลสาบ มหาสมุทร พืช แม่น้า และ
ดิน)
84 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
5.2 จ้านวนนักเรียนกลุ่มใดบ้างท่ีต้องมีเท่ากัน และกลุ่มใดบ้างท่ี ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ
ไม่เท่ากัน (จ้านวนกลุ่มสัตว์ เมฆ ธารน้าแข็ง น้าใต้ดิน ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ทะเลสาบ พืช แม่น้า และดิน ต้องแบ่งจ้านวนนักเรียน
กลุ่มละเท่า ๆ กัน สว่ นกลุ่มทไี่ ม่เท่ากนั คอื มหาสมุทร) ทนี่ กั เรียนจะได้ฝกึ จากการทากิจกรรม
5.3 นักเรียนจะเลน่ เกมอยา่ งไร S6 การน้าข้อมูลการเล่นเกม
(1. บันทึกช่ือแหล่งน้าท่ีอยู่ เมื่อได้ยินสัญญาณนกหวีดก็เร่ิม วัฏจักรน้ามาท้าเป็นเส้นทาง
เล่นรอบท่ี 1 โดยทอดลูกเตา๋ การเดนิ ทางของอนภุ าคนา้ ได้
2. อ่านค้าส่ังในหน้าลูกเต๋าท่ีหงายขึน บันทึกช่ือแหล่งน้าท่ี
ตอ้ งไปและเหตุผลทีต่ ้องเปล่ียนทอ่ี ยู่ C4 การเล่นเกมวัฏจักรน้า โดยใช้
3. เมื่อได้ยินสัญญาณนกหวีดสัน ๆ 2 ครัง ให้ปฏิบัติตาม แ บ บ จ้ า ล อ ง ต า ม วิ ธี ท้ า ใ น
ค้าสง่ั ซ่ึงบางคนอาจอยู่ทีเ่ ดมิ กิจกรรมแล้วเขียนเส้นทาง
4. บันทึกชื่อแหล่งน้าท่ีอยู่ของตนเองขณะนัน เม่ือได้ยิน การเดนิ ทางของอนภุ าคนา้
สัญญาณนกหวีด เริ่มเล่นรอบที่ 2 โดยปฏิบัติเชน่ ข้อ 1.3 ใน
หนังสอื เรียนและเล่นเกมต่อไปจนครบ 9 รอบ) C5 ก า ร ร่ ว ม กั น อ ภิ ป ร า ย
เปรียบเทียบเส้นทางการเดิน
5.4 เม่ือนักเรียนเล่นเกมครบ 9 รอบแล้ว ต้องท้าอะไรต่อไป ของอนุภาคน้า และวิเคราะห์
(แต่ละกลุ่มเขียนเส้นทางการเดินทางของอนุภาคน้าแต่ละ กระบวนการเปล่ียนท่ีอยู่ของ
อนุภาคไปตามแหลง่ ตา่ ง ๆ ลงในกระดาษปรฟู๊ แผ่นเดยี วกัน) อนภุ าคนา้
5.5 หลังจากเขียนเส้นทางการเดินทางของอนุภาคน้าแล้ว ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
นักเรียนต้องท้าอะไรต่อไป (ร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบ ค้าถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
เส้นทางการเดินทางของอนุภาคน้า และวิเคราะห์ ค้าตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน
กระบวนการเปล่ียนแปลงและแบบรูปการเปล่ียนแปลงทีอ่ ยู่ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ของอนุภาคน้า) อดทน และรับฟังแนวความคิด
ของนักเรยี น
6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการท้ากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจก
วสั ดอุ ปุ กรณ์ และใหน้ กั เรยี นลงมือปฏบิ ตั ิตามขันตอน
7. หลังจากท้ากิจกรรมแล้ว ครูน้าอภิปรายผลการท้ากิจกรรม โดยใช้
ค้าถามดงั ตอ่ ไปนี
7.1 เมื่อเร่ิมเล่นเกมนีอนุภาคน้าส่วนใหญ่อยู่ที่ใดสอดคล้องตาม
ความเป็นจริงในธรรมชาติหรือไม่ อย่างไร (อนุภาคน้า
สว่ นใหญอ่ ยูท่ มี่ หาสมุทรซงึ่ สอดคล้องกบั ในธรรมชาต)ิ
7.2 ในแต่ละรอบอนุภาคน้าแต่ละอนุภาคเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไป
แหล่งเดียวกันหรือไม่ อย่างไร (อนุภาคน้าอาจไปยังแหล่ง
เดยี วกันหรือคนละแหล่งก็ได้ เชน่ อนุภาคนา้ จากแมน่ ้าอาจไป
ยังเมฆเหมือนกัน หรืออาจไปที่มหาสมุทร หรือสัตว์ หรือ
นา้ ใตด้ นิ หรอื อ่ืน ๆ)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 85
คมู่ ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร
7.3 ในการเปลยี่ นแปลงทอ่ี ยู่ของอนุภาคนา้ แตล่ ะครังต้องเปลี่ยน
สถานะดว้ ยหรือไม่ (อาจเปลยี่ นสถานะหรอื ไมเ่ ปลีย่ นสถานะ
ก็ได้ เช่น การเปล่ียนแหล่งที่อยู่จากแม่น้าไปทะเลสาบ ไม่มี
การเปลี่ยนสถานะ แต่การเปล่ียนแหล่งที่อยู่จากเมฆไป
ธารน้าแข็งมีการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเ ป็น
ของแขง็ )
7.4 การเปล่ียนแปลงที่อยู่ของอนุภาคน้าไปที่ใดบ้างท่ีต้อง
เปลี่ยนสถานะ ซึ่งควรได้ค้าตอบเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงที่
อยูข่ องนา้ ซงึ่ ต้องเปล่ียนสถานะ เช่น
- น้าจากสัตว์ซ่ึงเป็นของเหลวต้องระเหยเป็นไอแล้ว
ควบแน่นเป็นละอองน้าซ่ึงเป็นของเหลวอีกครังหน่ึง
แล้วจงึ ไปจบั ตัวกนั เปน็ เมฆ
- ละอองน้าในเมฆรวมตวั กันตกลงมาเปน็ ฝน แลว้ เปลย่ี น
สถานะ เป็นน้าแข็งตามบริเวณพืนดินท่ีหนาวจัดเกิด
เป็นธารน้าแข็ง
- ธารน้าแข็ง มีการหลอมเหลวเมื่ออุณหภูมิสูงขึน น้าที่
หลอมเหลวออกมาไหลลงสู่แม่น้า
- ธารน้าแข็ง มีการหลอมเหลวเม่ืออุณหภูมิสูงขึน น้าที่
หลอมเหลวออกมาเกิดการระเหยเป็นไอน้าและไอน้า
ควบแน่นเกดิ เปน็ เมฆ
- ธารน้าแข็ง มีการหลอมเหลวเมื่ออุณหภูมิสูงขึน น้าท่ี
หลอมเหลวออกมาซึมลงสู่ดนิ
- น้าในมหาสมุทรระเหยเป็นไอน้าและไอน้าควบแน่น
เกดิ เป็นเมฆ
- พืชคายน้าแล้วระเหยเป็นไอน้าและไอน้าควบแน่น
เกดิ เป็นเมฆ
- น้าในดนิ ระเหยเปน็ ไอน้าและไอน้าควบแนน่ เกิดเป็นเมฆ
7.5 การเปล่ียนแปลงที่อยู่ของอนุภาคน้าไปที่ใดบ้างท่ีไม่เปลี่ยน
สถานะ ค้าตอบจากการอภปิ รายอาจมไี ดห้ ลายอย่าง เช่น
- สตั ว์ขบั นา้ ออกจากรา่ งกายลงสดู่ นิ
- ละอองน้าในเมฆเกิดการรวมตัวกันแล้วตกเป็นฝน
ลงสูด่ ิน
86 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
- ละอองน้าในเมฆเกิดการรวมตัวกันแล้วตกลงสู่ ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
มหาสมทุ ร
อ ย่ า ลื ม ใ ห้ นั ก เ รี ย น ร่ ว ม กั น
- ละอองน้าในเมฆเกิดการรวมตัวกันเป็นหยดน้าแล้วตก อภิปรายผลการท้ากิจกรรมท่ี 1.2
ลงส่ทู ะเลสาบ ท้ า อ ย่ า ง ไ ร จึ ง จ ะ ใ ช้ น้ า อ ย่ า ง
ประหยัดและอนุรักษ์แหล่งน้าใน
- นา้ ใต้ดนิ ไหลลงในทะเลสาบ ท้องถิ่นได้ ตอนที่ 1 ผลการใช้น้า
- นา้ ใต้ดนิ ไหลลงในแม่น้า อย่างประหยัดหลังจากที่ร่วมกัน
- สัตว์ด่ืมน้าในทะเลสาบ ใ ช้ น้ า อ ย่ า ง ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ ป ฏิ บั ติ
- นา้ ในทะเลสาบไหลลงสแู่ มน่ า้ สม้่าเสมอเปน็ เวลา 1 เดือน
- นา้ ในทะเลสาบซึมลงสู่ดิน
- น้าในแม่น้าไหลลงสู่ทะเลสาบ
- นา้ ในแม่นา้ ไหลลงส่ดู นิ
- นา้ ในแมน่ ้าไหลลงสมู่ หาสมุทร
- สตั วด์ ่มื น้าในแมน่ า้
7.6 เม่ือเล่นเกมครบ 9 รอบอนุภาคน้าส่วนมากอยู่ที่แหล่งใด
สอดคล้องตามท่ีเป็นจริงในธรรมชาติหรือไม่ (อนุภาคน้า
สว่ นมากอยู่ที่มหาสมทุ ร สอดคล้องกบั ธรรมชาติ)
7.7 การเปล่ียนแปลงท่ีอยู่ของน้าจากแหล่งหน่ึงไปยังอีกแหล่ง
หน่ึงมีแบบรูปการเปล่ียนแปลงที่คงที่หรือไม่ ให้ยกตัวอย่าง
(การเปล่ียนแปลงที่อยู่ของน้าจากแหล่งหน่ึงไปยังอีกแหล่ง
หน่ึงจะมีแบบรูปการเปล่ียนแปลงคงท่ี เช่น การ
เปลี่ยนแปลงที่อยู่ของน้าจากเมฆไปยังมหาสมุทร จะเกิดขึน
ไดโ้ ดยละอองนา้ ในเมฆจะรวมตวั กันเปน็ หยดน้า เม่ือมีขนาด
ใหญ่ขึนก็จะตกลงมาเป็นฝนลงสู่มหาสมุทร ซึ่งแบบรูปนีจะ
คงที่เสมอถ้าน้าเปล่ียนแปลงที่อยู่จากเมฆไปยังมหาสมุทร
หรือถ้าน้าเปล่ียนแปลงท่ีอยู่จากทะเลสาบไปเป็นเมฆ
แบบรูปการเปล่ียนแปลงคือน้าในทะเลสาบระเหยกลายเปน็
ไอ แล้วไอน้าควบแน่นเป็นละอองน้าแล้วจับตัวกันเป็นเมฆ
ซ่ึ ง แ บ บ รู ป ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง นี จ ะ ค ง ที่ เ ส ม อ ถ้ า น้ า จ า ก
ทะเลสาบจะเปลีย่ นทอี่ ยู่ไปเป็นเมฆ)
8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในส่ิงท่ีอยากรู้เพ่ิมเติม
เกี่ยวกับการหมุนเวียนของอนุภาคน้า จากนันร่วมกันอภิปรายและ
ลงข้อสรุปว่า วัฏจักรน้า เกิดจากการหมุนเวียนท่ีอยู่ของน้าอย่าง
ต่อเนื่องระหว่างน้าจากแหล่งต่าง ๆ ทังน้าผิวดิน น้าใต้ดิน และน้า
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 87
คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร
ในอากาศ โดยการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงท่ีอยู่ของน้าจะมีแบบรูป
คงที่ คือ ถ้าอนุภาคน้าจากแหล่งหนึ่งไปยังอีกแหล่งน้าหนงึ่ ไม่ว่าจะ
เกิดที่บริเวณใดหรือเกิดขึนเม่ือใด จะมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงท่ี
เป็นแบบรปู คงที่ (S13)
9. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตอบค้าถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจ
ใช้ค้าถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพ่ือให้ไดแ้ นวค้าตอบทีถ่ ูกต้อง
10. นักเรียนอ่าน สิ่งที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปท่ีได้จาก
การอภิปราย
11. ครกู ระตุ้นใหน้ ักเรียนฝึกตังคา้ ถามเกย่ี วกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้
เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูอาจสุ่มนักเรียน 2-3 คน
น้าเสนอค้าถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกัน
อภิปรายเกยี่ วกับค้าถามทนี่ า้ เสนอ
12. ครูน้าอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างใน
ขนั ตอนใด แลว้ ใหบ้ ันทึกในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 29
13. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หน้า 41 ครู
อาจแนะน้าให้นักเรียนใช้แอปพลเิ คชัน “AR สสวท. วิทย์ประถม”
ส้าหรับการสังเกตภาพเสมือนจริง (AR) สื่อเสริมเพ่ิมความรู้ เรื่อง
การหมุนเวียนของน้า แล้วครูน้าอภิปรายเพื่อน้าไปสู่ข้อสรุป
เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเร่ืองนี จากนันครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบ
ค้าถามในช่วงท้ายของเนือเร่ือง ซึ่งเป็นค้าถามเพื่อเช่ือมโยงไปสู่
การเรียนเนือหาในบทถัดไป ดังนี “อยากรู้หรือไม่ว่า นอกจาก
วัฏจักรน้าแล้ว ยังมีวัฏจักรใดอีกบ้าง เราจะมาเรียนรู้กันต่อไป”
นักเรียนสามารถตอบตามความเข้าใจของตนเอง ซ่ึงจะหาค้าตอบ
ได้จากการเรียนในบทตอ่ ไป
88 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร
แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม
อธบิ ายลักษณะและการเกดิ วัฏจักรนา้ โดยใชแ้ บบจาลอง
แม่นา้ เมฆ อนุภาคน้าในแม่น้าระเหยเปน็ ไอแล้วควบแน่น
เมฆ ธารน้าแข็ง เป็นละอองน้าจบั ตวั กันเปน็ เมฆ
ธารนา้ แข็ง ธารนา้ แข็ง ไอนา้ ในอากาศเปล่ยี นเป็นผลึกน้าแขง็ จากนัน้ เมื่อรวมตวั กันจน
ธารนา้ แขง็ น้าใตด้ นิ มีน้าหนกั มากข้นึ กจ็ ะตกลงมาเปน็ หิมะสะสมตัวเปน็ ธารน้าแข็ง
น้าใต้ดนิ ธารน้าแข็งแขง็ ตัวอย่กู ับที่
แม่นา้ แมน่ า้ ธารน้าแขง็ หลอมเหลวแล้วไหลซมึ ลงสนู่ า้ ใตด้ นิ
สัตว์ สตั ว์ นา้ ใต้ดนิ ไหลซมึ ลงสู่แม่นา้
เมฆ เมฆ สัตว์ดม่ื นา้ จากแมน่ ้า
มหาสมทุ ร สตั ว์หายใจออกทาให้ละอองนา้ ระเหยออกจาก
มหาสมทุ ร ร่างกายไปยงั เมฆ
มหาสมทุ ร ละอองนา้ ในเมฆรวมตวั เปน็ ฝนตกลงสมู่ หาสมทุ ร
อนุภาคน้าในมหาสมทุ รยังคงอยใู่ นมหาสมุทร
หมายเหตุ ผลการบันทึกขึน้ อยู่กับผลการทากจิ กรรมของนักเรยี นแตล่ ะคนซึง่ อาจแตกต่างไปจากตัวอยา่ ง
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 89
คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร
อนภุ าคนา้ แตล่ ะอนภุ าคอาจหมุนเวียนไปแหลง่ เดยี วกันหรือไมห่ มุนเวยี นไปแหลง่ เดียว
กนั ก็ได้ เชน่ อนภุ าคนา้ แตล่ ะอนภุ าคจากแมน่ ้าอาจหมนุ เวยี นไปยงั เมฆเหมือนกัน
หรืออาจหมุนเวยี นไปยงั มหาสมทุ ร หรอื สัตว์ หรอื น้าใต้ดิน หรอื อื่น ๆ
การหมนุ เวยี นของน้าอาจมีหรอื ไม่มกี ารเปลี่ยนสถานะกไ็ ด้ เช่น นา้ ในแม่น้าไหลซึมลงใตด้ นิ หรอื ไหลลง
มหาสมทุ รจะไม่มกี ารเปลีย่ นสถานะ แตน่ ้าในแม่นา้ ไปทเี่ มฆจะมกี ารระเหยเปน็ ไอนา้ และไอน้าควบแน่น
กลายเปน็ เมฆซึง่ มีการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน็ แกส๊ และจากแก๊สเปลยี่ นกลบั เป็นของเหลว
อนภุ าคน้าบางอนภุ าคอาจกลบั มาที่จดุ เร่ิมต้นไดห้ รอื อาจไม่กลับมายงั จุดเริม่ ต้นกไ็ ด้
เชน่ นา้ ในแมน่ ้า อาจหมนุ เวียนไปยงั เมฆ ธารน้าแขง็ และกลบั มายังแมน่ ้าได้
หรอื นา้ จากแมน่ ้าอาจหมุนเวียนไปยงั เมฆ และไปสะสมอยู่ในมหาสมุทร
โดยไม่กลับมาท่จี ุดเรม่ิ ตน้
อนภุ าคนา้ มีโอกาสกลับมายังจุดเรม่ิ ต้นได้หากเล่นเกมวฏั จกั รนา้ ต่อไปเรอ่ื ย ๆ เพราะ
การเปล่ยี นแปลงทอี่ ยขู่ องนา้ เป็นวัฏจกั ร แต่เวลาในการเปล่ยี นแปลงท่ีอยู่ของนา้
ไม่แนน่ อน
น้าอาจกลบั มาตาแหนง่ เดิมบนพน้ื โลกได้ เพราะน้ามกี ารหมนุ เวียนไปตามแหลง่ ต่าง ๆ
แตม่ ีโอกาสที่จะกลับมาตาแหน่งเดมิ อย่ตู ลอด เพยี งแต่เวลาที่ใช้ในการกลับมาของน้า
ไปยงั ตาแหน่งเดมิ บนพื้นโลกอาจยาวนานแตกตา่ งกนั ในแต่ละคร้ัง
90 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร
นา้ ของโลกส่วนใหญ่อยใู่ นมหาสมุทร และการเล่นเกมนี้สอดคล้องกับขอ้ เทจ็ จริง
เพราะในการเล่นเกมพบวา่ นา้ ส่วนใหญอ่ ยใู่ นมหาสมทุ ร
แบบรูปการเปลี่ยนแปลงทอี่ ยขู่ องนา้ มีทง้ั การเปลี่ยนแปลงท่อี ยู่โดยไม่มกี ารเปลีย่ น
สถานะและมกี ารเปลยี่ นสถานะ
มแี บบรปู การเปลย่ี นแปลงคงท่ี เช่น การเปล่ยี นแปลงท่ีอยขู่ องนา้ จากเมฆไปยงั มหาสมทุ ร จะเกดิ ขนึ้ ได้
โดยละอองนา้ ในเมฆจะรวมตวั กนั เปน็ หยดนา้ เม่อื มขี นาดใหญข่ น้ึ กจ็ ะตกลงมาเป็นฝนลงสมู่ หาสมุทร
แบบจาลองน้ีเหมือนวัฏจกั รนา้ ทเี่ กิดขนึ้ ในธรรมชาตคิ อื อนภุ าคนา้ เปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปตาม
แหล่งตา่ ง ๆ เหมือนกัน และแตกต่างกนั คือในวฏั จกั รน้าในธรรมชาติ มีการเปล่ียนแปลงท่ี
อยขู่ องน้าไปตามแหลง่ ตา่ ง ๆ ใช้เวลานานกวา่ เวลาท่ีใช้ในการเล่นเกม
อนภุ าคนา้ มกี ารเปลย่ี นแปลงที่อยูจ่ ากแหล่งหนึ่งไปยังอกี แหลง่ หนึ่ง
บางอนุภาคสามารถกลบั มายงั แหลง่ เดมิ ได้ บางอนุภาคไม่ได้กลบั มายังแหล่งเดิม
และเมอ่ื เล่นบทบาทสมมติครบ 9 รอบ แหล่งน้าที่มอี นุภาคน้ามากที่สดุ คอื มหาสมุทร
วัฏจักรนา้ เกิดจากการหมุนเวียนท่ีอยู่ของน้าอย่างต่อเน่ืองระหว่างนา้ จากแหล่งตา่ ง ๆ ท้ังนา้ ผิวดิน นา้ ใตด้ นิ
และนา้ ในอากาศ โดยการหมุนเวียนเปลย่ี นแปลงท่ีอยขู่ องน้าจะมแี บบรูปคงท่ี คอื ถ้าอนภุ าคน้าจากแหล่งหนงึ่ ไป
ยังอกี แหลง่ นา้ หน่ึง ไม่ว่าจะเกดิ ท่ีบรเิ วณใดหรือเกิดขึน้ เมื่อใด จะมกี ระบวนการเปลย่ี นแปลงทเ่ี ปน็ แบบรปู คงที่
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 91
คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร
คาถามของนกั เรียนที่ต้ังตามความอยากร้ขู องตนเอง
92 สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 93
คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
94 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 95
คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
96 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 97
คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
98 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 99
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร
100 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 101
คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร
แนวการประเมินการเรียนรู้
การประเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรียนท้าได้ ดงั นี
1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในชนั เรียน
2. ประเมนิ การเรียนรูจ้ ากค้าตอบของนักเรยี นระหว่างการจัดการเรียนรู้และจากแบบบนั ทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการท้ากจิ กรรมของนกั เรียน
การประเมินจากการทากจิ กรรมที่ 4 วฏั จกั รนา้ เป็นอย่างไร
ระดับคะแนน
3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง
รหสั สงิ่ ท่ปี ระเมนิ ระดบั คะแนน
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S6 การจดั กระทา้ และสือ่ ความหมายขอ้ มูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมือ
รวมคะแนน
102 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร
ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น
โดยอาจใชเ้ กณฑ์การประเมิน ดงั นี
ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) สามารถน้าข้อมลู จากการเลน่
การน้าข้อมูลจาก สามารถนา้ ข้อมลู จาก เกมวฏั จกั รน้ามาท้าเป็น
S6 การจัดกระท้า สามารถนา้ ข้อมลู จากการ เส้นทางการเดนิ ทางของ
และสื่อความหมาย การเลน่ เกมวฏั จักร การเล่นเกมวฏั จกั รน้ามา เล่นเกมวัฏจักรน้ามาท้า อนุภาคน้าและน้าเสนอได้
ข้อมูล เปน็ เส้นทางการเดนิ ทาง อย่างถูกต้อง แต่ไม่ครบถว้ น
น้ามาทา้ เป็น ท้าเป็นเส้นทางการ ของอนุภาคน้าและ แมว้ า่ ครูหรอื ผู้อน่ื ชว่ ยแนะนา้
นา้ เสนอได้อยา่ งถกู ต้อง หรือชีแนะ
เสน้ ทางการ เดินทางของอนภุ าคนา้ และครบถ้วน จากการ
ชแี นะของครูหรือผ้อู น่ื
เดินทางของอนภุ าค และนา้ เสนอได้อยา่ ง
นา้ และน้าเสนอได้ ถูกต้องและครบถว้ น
ดว้ ยตนเอง
S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมายข้อมูล
ตคี วามหมายข้อมูล
และลงข้อสรุป ขอ้ มลู และลง ข้อมูลและลงข้อสรุปจาก ข้อมลู และลงข้อสรปุ จาก และลงข้อสรปุ จากการเลน่
ข้อสรปุ จากการเลน่ การเล่นเกมวฏั จักรนา้ ได้ การเลน่ เกมวัฏจักรน้าได้ เกมวัฏจกั รน้าได้เพยี งบางส่วน
เกมวัฏจกั รนา้ อย่างถูกต้องด้วยตนเอง อย่างถูกต้อง โดยอาศยั วา่ วฏั จกั รนา้ เกดิ จากการ
ว่า วฏั จักรนา้ เกดิ จาก การชีแนะของครหู รอื ผู้อืน่ หมนุ เวียนท่อี ยขู่ องนา้ อยา่ ง
การหมุนเวยี นท่ีอยู่ของ ว่า วฏั จักรน้าเกิดจากการ ต่อเน่ืองระหว่างนา้ จากแหล่ง
นา้ อยา่ งต่อเนอื่ งระหวา่ ง หมนุ เวียนท่ีอยูข่ องน้า ตา่ ง ๆ ทงั น้าผิวดิน น้าใต้ดนิ
นา้ จากแหล่งต่าง ๆ ทงั อย่างต่อเนือ่ งระหวา่ งน้า และนา้ ในอากาศ โดยการ
น้าผิวดนิ นา้ ใต้ดนิ และ จากแหลง่ ต่าง ๆ ทัง หมนุ เวียนเปลีย่ นแปลงท่ีอยู่
น้าในอากาศ โดยการ น้าผิวดิน น้าใตด้ นิ และ ของนา้ จะมีแบบรูปคงท่ี คือ
หมุนเวยี นเปลี่ยนแปลงที่ น้าในอากาศ โดยการ ถา้ อนุภาคนา้ จากแหล่งหนง่ึ ไป
อย่ขู องนา้ จะมีแบบรปู หมนุ เวยี นเปลยี่ นแปลง ยงั อกี แหล่งน้าหน่ึง ไมว่ า่ จะ
คงที่ คือ ถ้าอนุภาคนา้ ที่อยู่ของน้าจะมแี บบรปู เกิดที่บริเวณใดหรือเกิดขึน
จากแหล่งหนึง่ ไปยงั อีก คงท่ี คือ ถ้าอนุภาคนา้ เมอื่ ใด จะมีกระบวนการ
แหล่งนา้ หน่งึ ไมว่ ่าจะ จากแหลง่ หนึง่ ไปยังอีก เปลย่ี นแปลงท่ีเปน็ แบบรูป
เกิดทบี่ ริเวณใดหรือ แหลง่ นา้ หนง่ึ ไม่ว่าจะเกดิ คงทแี่ ม้วา่ จะได้รับค้าชีแนะ
เกิดขึนเม่ือใด จะมี ทีบ่ รเิ วณใดหรือเกดิ ขึน จากครูหรอื ผู้อ่ืน
กระบวนการเปลี่ยนแปลง เมือ่ ใด จะมีกระบวนการ
ทเี่ ป็นแบบรูปคงที่ เปลี่ยนแปลงทีเ่ ป็นแบบรูป
คงที่
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 103
คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร
ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรียน
โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั นี
ทักษะแห่ง รายการประเมิน ระดับความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21
C4 การสอ่ื สาร การน้าเสนอขอ้ มูลท่ี ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
รวบรวมได้ เก่ียวกบั การ สามารถน้าเสนอขอ้ มูลที่
หมนุ เวียนของอนุภาคนา้ รวบรวมได้ เก่ียวกับการ สามารถน้าเสนอขอ้ มูลที่ สามารถน้าเสนอขอ้ มูลที่
หมุนเวียนของอนุภาคนา้
ครอบคลุมเนือหาเพื่อให้ รวบรวมได้ เกี่ยวกับการ รวบรวมได้ เก่ยี วกบั การ
ผู้อน่ื เขา้ ใจ ด้วยตนเอง
หมุนเวียนของอนุภาคนา้ หมนุ เวียนของอนุภาคน้า
ครอบคลุมเนอื หาเพื่อให้ ไมค่ รอบคลมุ เนือหา แต่
ผ้อู ืน่ เข้าใจ จากการ ครบถ้วน แมว้ ่าจะไดร้ บั
ชีแนะของครูหรือผอู้ ื่น ค้าชีแนะจากครหู รือผู้อนื่
C5 ความร่วมมือ การท้างานรว่ มมือกับผอู้ น่ื สามารถทา้ งานร่วมกบั สามารถท้างานร่วมกบั สามารถท้างานร่วมกับ
ในการรวบรวมข้อมลู ผ้อู นื่ ในการรวบรวมข้อมูล ผู้อนื่ ในการรวบรวม ผอู้ น่ื ในการรวบรวมข้อมลู
บันทกึ ผล น้าเสนอผล บันทึกผล นา้ เสนอผล ข้อมลู บนั ทึกผล บันทกึ ผล น้าเสนอผล
แสดงความคิดเหน็ และ แสดงความคิดเหน็ และ นา้ เสนอผล แสดงความ แสดงความคดิ เหน็ และ
อภปิ รายการหมุนเวยี นของ อภปิ รายการหมนุ เวยี น คดิ เห็นและอภิปรายการ อภปิ รายการหมุนเวียน
อนุภาคนา้ รวมทังยอมรับ ของอนภุ าคนา้ รวมทัง หมนุ เวียนของอนุภาคนา้ ของอนุภาคนา้ รวมทัง
ความคดิ เห็นของผู้อืน่ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของ รวมทังยอมรบั ความ ยอมรับความคดิ เหน็ ของ
ผู้อื่นตงั แต่เรม่ิ ต้นจนสา้ เรจ็ คิดเหน็ ของผูอ้ น่ื บาง ผู้อื่น ในบางช่วงเวลาที่ทา้
ชว่ งเวลาทที่ า้ กิจกรรม กิจกรรม แต่ไม่คอ่ ยสนใจ
ในความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื
104 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร 105
กิจกรรมท้ายบทท่ี 1 วัฏจักรนา้ (1 ชัว่ โมง)
1. ครูใหน้ ักเรยี นวาดรปู หรือเขียนสรุปสิ่งท่ไี ด้เรียนร้จู ากบทนี ในแบบบันทึก
กิจกรรม หน้า 30
2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ
ผงั มโนทศั น์ในหัวข้อ รอู้ ะไรในบทนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 42
3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบค้าตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน
ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2 - 3 อีกครัง ถ้าค้าตอบของนักเรียนไม่
ถกู ต้องให้ขีดเส้นทับขอ้ ความเหล่านัน แลว้ แก้ไขใหถ้ กู ต้อง หรอื อาจแก้ไข
ค้าตอบด้วยปากกาท่ีมีสีต่างจากเดิม นอกจากนีครูอาจน้าค้าถามในรูป
น้าบทในหนังสือเรียน หน้า 2 มาร่วมกันอภิปรายค้าตอบอีกครัง ดังนี
“ในรูปน้าบทเชื่อหรือไม่ว่า น้าตกแห่งนีเป็นน้าที่ไดโนเสาร์เคยดื่ม
มาก่อน” ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบค้าถาม เช่น
ในรูปมีน้าตกที่ครังหน่ึงไดโนเสาร์อาจเคยด่ืมมาก่อน แล้วขับถ่ายออกมา
ในรูปปัสสาวะ ซึ่งระเหยขึนไปเป็นไอน้าในอากาศ แล้วอาจมีการ
เปลี่ยนไปเป็นเมฆและตกลงมาเป็นฝนคืนกลับ เป็นแหล่งน้าที่มี
แบบรูปการหมนุ เวียนเป็นวฏั จักร
4. นักเรียนท้า แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 วัฏจักรน้า น้าเสนอค้าตอบหน้า
ชันเรียน ถ้าค้าตอบยังไม่ถูกต้องครูควรน้าอภิปรายหรือให้สถานการณ์
เพมิ่ เติมเพอ่ื แกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคล่ือนใหถ้ กู ต้อง
5. นักเรยี นร่วมกนั ท้ากิจกรรม รว่ มคดิ ร่วมทา ดงั นี
5.1 ถ้าเราติดอยู่บนเกาะกลางทะเล ไม่สามารถหาแหล่งนา้ จืดได้ จะมีวิธี
อย่างไรบ้าง จึงจะมีน้าจืดเพียงพอในการด่ืมและใช้ ให้ออกแบบ
เครื่องมือในการทา้ น้าเคม็ ให้เป็นน้าจดื และน้าเสนอ
5.2 เกษตรกรในหมู่บ้านแห่งหนึ่งประสบปัญหาภัยแล้งทุกปี เราจะน้า
ความรู้เร่ืองวัฏจักรน้ามาแก้ปัญหานีได้อย่างไร ให้ออกแบบวิธีการ
จัดการน้าในหมู่บ้านเพ่ือแก้ปัญหาภัยแล้ง แล้วน้าเสนอในรูปแบบท่ี
น่าสนใจ
6. นักเรียนอ่านและอภิปรายเนือเร่ืองในหัวข้อวิทย์กับอาชีพ ใน
หนังสือเรียน หน้า 45 โดยครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความส้าคัญของ
ความรู้จากส่ิงที่ได้เรียนรู้ในหน่วยนี ว่าสามารถน้าไปใช้ในอาชีพได้
อยา่ งไรบ้าง
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร
สรปุ ผลการเรียนรขู้ องตนเอง
รูปหรอื ข้อความสรุปส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรู้จากบทนต้ี ามความเขา้ ใจของนักเรยี น
106 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
แนวคาตอบในแบบฝกึ หัดท้ายบท
1. เกณฑป์ ระเภทของแหลง่ นา้ แบ่งเปน็ แหลง่ นา้ เคม็ และแหลง่ น้าจืด โดยแหล่งน้าเค็ม เชน่ มหาสมทุ ร
ทะเล ส่วนแหลง่ น้าจืด เชน่ นา้ บาดาล ทะเลสาบ บึง แม่นา้ ธารนา้ แขง็ นา้ แข็งใตด้ นิ ความชน้ื ในดนิ
2. เกณฑต์ าแหนง่ ทอ่ี ยขู่ องแหลง่ น้า แบ่งเปน็ แหล่งน้าผิวดินและแหลง่ น้าใตด้ นิ โดยแหล่งนา้ ผวิ ดิน
เช่น มหาสมุทร ทะเล บึง แมน่ า้ สว่ นแหลง่ น้าใต้ดนิ เช่น นา้ บาดาล
3. เกณฑ์การใช้ประโยชนจ์ ากแหลง่ น้า แบง่ เป็นแหลง่ นา้ ทไี มส่ ามารถนามาใชไ้ ด้และแหล่งนา้ ท่ี
สามารถนามาใชไ้ ด้ โดยแหลง่ น้าทีไมส่ ามารถนามาใช้ได้ เชน่ ธารน้าแข็ง น้าแข็งใต้ดนิ ความช้ืนในดนิ
ส่วนแหลง่ นา้ ที่สามารถนามาใชไ้ ด้ เชน่ ทะเลสาบ บงึ แมน่ า้ นา้ บาดาล
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 107
คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร
หยดนา้ หรอื ผลกึ น้าแขง็ ในเมฆฝนฟ้าคะนอง จะถูกพัดวนซ้าไปซา้ มาใน
เมฆนัน้ จนกลายเป็นกอ้ นนา้ แขง็ ขนาดใหญ่ คลา้ ยหวั หอม แลว้ ตกลงมา
สพู่ ้นื โลก เปน็ ลูกเหบ็ และลูกเหบ็ สามารถเกิดไดม้ ากบรเิ วณภาคเหนอื
และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย
เพราะวา่ หมิ ะเกิดจากการระเหิดกลบั ของไอน้าในอากาศ แล้วเปลี่ยน
สถานะเปน็ ผลึกน้าแข็ง จะเกิดไดบ้ ริเวณท่ีมีอุณหภมู ติ ่ากว่าจุดเยอื กแข็ง
ซ่ึงตอ้ งเป็นพ้นื ทีเ่ ขตหนาว หรอื ยอดเขาสูง ๆ เท่าน้ัน
108 สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร
การเปลี่ยนแปลงอนุภาคนา้ จากธารนา้ แข็งไปเป็นเมฆมีแบบรูป
การเปลยี่ นแปลงคงท่ี คอื ธารน้าแขง็ จะมีการหลอมเหลวเมื่ออุณหภมู ิสูงขน้ึ
น้าทหี่ ลอมเหลวกจ็ ะระเหยกลายเปน็ ไอนา้ แล้วควบแนน่ เกดิ เป็นเมฆ ซ่ึงไมว่ ่า
ธารนา้ แข็งจะเปลี่ยนไปเปน็ เมฆกี่ครงั้ ก็จะเกดิ การเปล่ียนแปลงเช่นนเี้ สมอ
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 109
คู่มือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
บทที่ 2 วัฏจักรการปรากฏของกลมุ่ ดาว
จดุ ประสงค์การเรยี นรปู้ ระจาบท บทน้ีมอี ะไร
เม่ือเรยี นจบบทนี้ นักเรยี นสามารถ เร่อื งท่ี 1 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
กจิ กรรมที่ 1 มองเหน็ ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
1. เปรียบเทียบความแตกต่างของดาวเคราะห์และ
ดาวฤกษ์จากแบบจาลอง ได้อย่างไร
เรอ่ื งที่ 2 กลุม่ ดาวบนทอ้ งฟา้
2. ใช้แผนท่ีดาวระบุตาแหน่งและเส้นทางการข้ึนและ กิจกรรมท่ี 2.1 เหตใุ ดจงึ เหน็ กลมุ่ ดาวเป็นรูปร่างต่าง ๆ
ตกของกล่มุ ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟ้า กจิ กรรมท่ี 2.2 วัฏจกั รการปรากฏของกลมุ่ ดาว
3. อธิบายแบบรูปเส้นทางการข้ึนและต ก ข อง เป็นอย่างไร
กลมุ่ ดาวฤกษบ์ นท้องฟา้ ในรอบปี
เวลา 8 ชว่ั โมง
แนวคิดสาคญั
ดาวที่มองเห็นบนท้องฟ้ามีทั้งดาวฤกษ์และดาวเคราะห์
ซ่ึงมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดาวบนท้องฟ้าส่วนใหญ่เป็น
ดาวฤกษ์ มนุษย์ใช้จินตนาการทาให้มองเห็นกลุ่มของ
ดาวฤกษ์เป็นรูปร่างต่าง ๆ กลุ่มดาวเหล่าน้ันมีรูปร่างคงท่ี
และมีเส้นทางที่ปรากฏเป็นแบบรูปซ้า ๆ กันเป็นวัฏจักร
แผนที่ดาวเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสังเกตตาแหน่งและการ
ขึน้ และตกของกลมุ่ ดาว
สือ่ การเรยี นร้แู ละแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน ป. 5 เลม่ 2 หน้า 46-73
2. แบบบันทึกกิจกรรม ป. 5 เลม่ 2 หน้า 35-61
3. โปรแกรมประยุกตท์ างดาราศาสตร์ เช่น Solar
walk Star chart และ Sky view
110 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี