คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร
14-16 กมุ ภาพันธ์ 2561
กลมุ่ ดาวสิงโต
14 กุมภาพนั ธ์ 2561
05:00 น. 22:00 น.
19:00 น.
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 161
ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร
15 กมุ ภาพันธ์ 2561
05:00 น. 22:00 น.
19:00 น.
16 กมุ ภาพนั ธ์ 2561
05:00 น. 22:00 น.
19:00 น.
กลุ่มดาวยังมีรปู ร่างเช่นเดิม และเมอ่ื สังเกตทเ่ี วลาเดิม กลุม่ ดาวมกี ารเปลย่ี นแปลง
ตาแหนง่ เลก็ น้อย โดยข้นึ และตกเรว็ ข้ึนเล็กนอ้ ย และตลอด 3 คืน กลุ่มดาวจะข้ึนจาก
ขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกและตกลบั ขอบฟา้ ทางดา้ นทิศตะวนั ตกทกุ วัน
162 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร
นักเรียนบันทกึ ตาแหน่งของกลมุ่ ดาวได้ตามผลการสงั เกต เชน่
22.00 14 กมุ ภาพันธ์
2561 2562 2563
สิงโต ตะวันออก สิงโต สงิ โต ตะวนั ออก
85 85 ตะวนั ออก 85
45 45 45
กลุ่มดาวยังมีรูปรา่ งเช่นเดิม และเมื่อสังเกตกลุ่มดาวนน้ั ในวนั และเวลาเดิมในปี
ถดั ไป กลุม่ ดาวน้นั จะปรากฏบนทอ้ งฟา้ ทตี่ าแหนง่ เดมิ ทกุ ๆ ปี
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 163
คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
นกั เรยี นบันทกึ ตาแหนง่ ของกลมุ่ ดาวไดต้ ามผลการสงั เกตทอ้ งฟ้า เชน่
14 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2561
สงิ โต
19:00 น. 85
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื
22:00 น.
0
05:00 60
น. ตะวันออกเฉยี งเหนือ
28405
ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื
35
นกั เรียนบันทกึ ตาแหน่งของกลมุ่ ดาวไดต้ ามผลการสงั เกตท้องฟ้า
164 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จักร
นักเรียนบนั ทกึ ตาแหน่งของกลมุ่ ดาวไดต้ ามผลการสงั เกตทอ้ งฟ้า
นกั เรยี นตอบตามความคิดของตนเอง เชน่ รปู รา่ งและการข้นึ และตก
ของกลุ่มดาวในแผนทด่ี าว เหมอื นกบั ทส่ี ังเกตบนทอ้ งฟา้ ในเวลาตา่ ง ๆ
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 165
คมู่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจักร
การระบุตาแหน่งของกลุม่ ดาวทาไดโ้ ดยใช้แผนทดี่ าวระบุมมุ ทิศและมุมเงย
1. ศกึ ษาสว่ นประกอบของแผนท่ดี าว
2. หมนุ วนั ที่และเดอื นท่ปี รากฏบนแผ่นดาว ใหต้ รงกบั วัน เวลาทจี่ ะสงั เกตดาว
3. ฝกึ หาตาแหนง่ ของกลุ่มดาวทปี่ รากฏในแผนทีด่ าว
จากการใชแ้ ผนที่ดาว พบวา่ ใน 1 วัน กล่มุ ดาวท่ีสงั เกตมีการเปลี่ยนแปลงตาแหนง่
ไปเรอ่ื ย ๆ โดยปรากฏเคลื่อนทจ่ี ากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวนั ตก
จากการใชแ้ ผนทด่ี าวพบวา่ ตาแหน่งของกลมุ่ ดาวที่สังเกตในวนั ถดั ๆ ไป มกี าร
เปลย่ี นแปลงตาแหนง่ เลก็ น้อย โดยปรากฏหา่ งจากตาแหนง่ เดิมไปทางดา้ นทศิ ตะวนั ตก
166 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร
จากการใชแ้ ผนทด่ี าวพบวา่ ตาแหนง่ ของกล่มุ ดาวท่ีสงั เกตในปถี ดั ๆ ไป เม่อื สงั เกตทีว่ นั
และเวลาเดมิ กลุ่มดาวจะปรากฏที่ตาแหน่งเดมิ ทุก ๆ ปี
จากการใชแ้ ผนท่ีดาวและการสงั เกตท้องฟา้ พบวา่ ลักษณะการเรียงตัวของดาวแต่ละ
ดวงในกลุ่ม และการเปลย่ี นแปลงตาแหนง่ ของกล่มุ ดาวเหมอื นกัน
กล่มุ ดาวมปี รากฏการณข์ น้ึ และตก สงั เกตจากกล่มุ ดาวมีการเปล่ียนตาแหน่งโดยปรากฏ
ข้ึนที่ขอบฟา้ ดา้ นทิศตะวันออกและลบั ขอบฟ้าดา้ นทิศตะวันตก และเป็นเชน่ นท้ี กุ คืน
กลุม่ ดาวแตล่ ะกลุ่มมีการเรยี งตวั ของดาวในกลมุ่ ดาวแบบเดมิ และมปี รากฏการณ์
การขนึ้ และตกตามเส้นทางเดมิ ในแตล่ ะคืน โดยปรากฏขน้ึ ที่ขอบฟา้ ด้านทิศตะวนั ออก
และลับขอบฟา้ ด้านทิศตะวนั ตก การปรากฏของกล่มุ ดาวจะปรากฏทต่ี าแหนง่ และ
เวลาเดมิ ในรอบปเี ป็นวฏั จกั ร แผนที่ดาวเปน็ เคร่อื งมือท่ชี ว่ ยในการดูดาว โดยมกี าร
ระบุชื่อและตาแหนง่ ของกลุ่มดาวทสี่ ังเกตในวนั เดอื น และเวลาหน่ึง ๆ
กล่มุ ดาวจะมีการเรียงตัวท่ตี าแหนง่ คงที่ โดยมปี รากฏการณ์ขน้ึ และตกหรือมีการเปล่ียน
ตาแหน่งในแต่ละเวลาในวนั หน่ึง ๆ และมกี ารเปลย่ี นแปลงตาแหน่งไปทกุ วันในรอบปี
การปรากฏของกล่มุ ดาวจะปรากฏทตี่ าแหนง่ และเวลาเดิมในรอบปเี ปน็ วัฏจกั ร
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 167
ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร
คาถามของนกั เรียนท่ตี ้ังตามความอยากรขู้ องตนเอง
168 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร
แนวการประเมินการเรียนรู้
การประเมนิ การเรียนร้ขู องนักเรียนทาได้ ดงั นี้
1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรู้จากคาตอบของนกั เรียนระหว่างการจัดการเรยี นรู้และจากแบบบนั ทึกกิจกรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากจิ กรรมของนักเรียน
การประเมนิ จากการทากิจกรรมที่ 2.2 วัฏจกั รการปรากฏของกลมุ่ ดาวเปน็ อย่างไร
ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ
3 คะแนน หมายถงึ ดี
รหัส ส่งิ ทป่ี ระเมิน คะแนน
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสังเกต
S5 การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
สเปซกบั สเปซ
สเปซกับเวลา
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
C2 การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
C4 การสื่อสาร
รวมคะแนน
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 169
คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร
ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน
โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดงั น้ี
ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)
S1 การสังเกต การบรรยาย สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสมั ผสั
รายละเอียดเกยี่ วกับ สัมผัสเก็บรายละเอยี ด เก็บรายละเอยี ดและ เก็บรายละเอยี ดและ
ส่วนประกอบของ และบรรยายข้อมูล บรรยายข้อมลู เก่ียวกับ บรรยายขอ้ มูลเกี่ยวกบั
แผนท่ดี าว ลักษณะ เก่ียวกับสว่ นประกอบ สว่ นประกอบของแผนทดี่ าว สว่ นประกอบของ
การเรยี งตัวของดาว ของแผนทด่ี าว ลกั ษณะ ลกั ษณะการเรียงตัวของดาว แผนท่ดี าว ลกั ษณะการ
ในกลุ่มดาว และการ การเรยี งตวั ของดาวใน ในกลุ่มดาว และการ เรียงตัวของดาวใน
เปลยี่ นแปลงตาแหน่ง กล่มุ ดาว และการ เปลี่ยนแปลงตาแหน่งของ กลมุ่ ดาว และการ
ของกลมุ่ ดาว เปลย่ี นแปลงตาแหน่ง กลุ่มดาวได้ จากการชีแ้ นะ เปลีย่ นแปลงตาแหน่งของ
ของกลุม่ ดาวได้ดว้ ย ของครูหรือผ้อู ่ืน หรือมีการ กลมุ่ ดาวไดเ้ พยี งบางสว่ น
ตนเอง โดยไมเ่ พิ่มเตมิ เพ่ิมเติมความคิดเห็น แมว้ า่ จะไดร้ บั คาชี้แนะจาก
ความคิดเห็น ครูหรอื ผูอ้ ื่น
S5 การหา การบอก สามารถระบุ สามารถระบุความสัมพันธ์ สามารถระบุความสัมพนั ธ์
ความสัมพันธ์ ความสมั พันธ์ระหว่าง ความสมั พันธร์ ะหว่าง ระหวา่ งลกั ษณะและการ ระหว่างลักษณะและการ
ระหวา่ งสเปซ ลกั ษณะและการ ลกั ษณะและการเรียงตัว เรยี งตัวของดาวในกลุม่ ดาว เรยี งตัวของดาวใน
กบั สเปซ เรยี งตัวของดาวใน ของดาวในกลมุ่ ดาวและ และการเปลีย่ นแปลง กลมุ่ ดาวและการ
กลุ่มดาวและการ การเปล่ยี นแปลง ตาแหน่งของกลุ่มดาว เปลีย่ นแปลงตาแหน่งของ
เปล่ียนแปลงตาแหน่ง ตาแหนง่ ของกลุ่มดาว แต่ละกลมุ่ บนท้องฟ้าได้ กลมุ่ ดาวแตล่ ะกลมุ่ บน
ของกลมุ่ ดาวแต่ละ แต่ละกลุ่มบนท้องฟา้ ได้ ถกู ต้องจากการชี้แนะของ ท้องฟ้าได้ แตไ่ มถ่ ูกตอ้ ง
กล่มุ บนท้องฟ้า อย่างถูกต้องดว้ ยตนเอง ครูหรอื ผู้อ่นื สมบูรณ์แมว้ า่ จะไดร้ บั
คาช้ีแนะจากครูหรือผู้อ่ืน
S5 การหา การบอกความสมั พนั ธ์ สามารถบอก สามารถบอกความสัมพันธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์
ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งตาแหน่งของ ความสัมพันธ์ระหวา่ ง ระหว่างตาแหน่งของ ระหวา่ งตาแหน่งของ
ระหวา่ งสเปซกบั กลุ่มดาวเมื่อเวลา ตาแหนง่ ของกลุ่มดาว กลุ่มดาวเมื่อเวลาผา่ นไปใน กลมุ่ ดาวเมื่อเวลาผ่านไป
เวลา ผา่ นไปในแตล่ ะคืน เมอ่ื เวลาผา่ นไปใน แตล่ ะคืน และในรอบปีได้ ในแตล่ ะคืนและในรอบปี
และในรอบปี แตล่ ะคืนและในรอบปี จากการช้ีแนะของครูหรือ ไดแ้ ต่ไมถ่ ูกต้อง แมว้ า่ จะ
ไดด้ ้วยตนเอง ผู้อืน่ ไดร้ ับคาชแ้ี นะจากครูหรือ
ผอู้ ่ืน
170 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร
ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรงุ (1)
ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2)
S8 การลง การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็น สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ จาก
ความเห็นจาก ขอ้ มูลไดว้ า่ กลมุ่ ดาว จากข้อมลู ได้ถกู ต้องดว้ ย ข้อมลู ได้ถูกต้องจากการ ขอ้ มูลได้ถูกตอ้ งเพียง
ขอ้ มลู มีปรากฏการณ์ ตนเองว่า กลุม่ ดาวมี ชีแ้ นะจากครูหรือผู้อน่ื ว่า บางสว่ น แม้วา่ จะได้รบั คา
การขึน้ และตกโดย ปรากฏการณ์การข้นึ กลุม่ ดาวมีปรากฏการณ์ ชี้แนะจากครหู รือผอู้ ื่นวา่
เปลย่ี นแปลงตาแหนง่ และตก โดย การข้นึ และตก โดย กลมุ่ ดาวมีปรากฏการณ์
ไปทกุ เวลาและทุกวัน เปล่ยี นแปลงตาแหน่งไป เปลย่ี นแปลงตาแหนง่ ไป การขึน้ และตก โดย
เมือ่ ครบรอบ 1 ปี ทกุ เวลาและทุกวัน เม่อื ทุกเวลาและทุกวัน เมือ่ เปลย่ี นแปลงตาแหน่งไป
เราจะเห็นกลุม่ ดาว ครบรอบ 1 ปี เราจะ ครบรอบ 1 ปี เราจะเห็น ทุกเวลาและทุกวัน เมอ่ื
น้นั กลบั มาอยู่ เห็นกลมุ่ ดาวน้นั กลับมา กลมุ่ ดาวนน้ั กลับมาอยู่ ครบรอบ 1 ปี เราจะเหน็
ตาแหน่งเดมิ อยตู่ าแหน่งเดิม ตาแหน่งเดิม กลุม่ ดาวนนั้ กลบั มาอยู่
ตาแหนง่ เดมิ
S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตีความหมายข้อมูล
ตคี วามหมายข้อมูล ขอ้ มูลจากการสงั เกต ข้อมูลจากการสังเกต ขอ้ มูลจากการสงั เกต จากการสังเกต กลุ่มดาวที่
และลงข้อสรปุ กลุ่มดาวท่ปี รากฏ กลุ่มดาวที่ปรากฏและ กลมุ่ ดาวทปี่ รากฏให้เหน็ ปรากฏให้เห็นและลง
และลงข้อสรุปได้วา่ ลงขอ้ สรปุ ได้ถกู ต้องดว้ ย และลงข้อสรุปได้ถกู ต้อง ขอ้ สรุปได้ถูกต้องสมบรู ณ์
กล่มุ ดาวจะมีการ ตนเองวา่ กล่มุ ดาวจะมี จากการชี้แนะของครหู รือ เพียงบางส่วนว่า กลมุ่ ดาว
เปลย่ี นแปลงไป การเปลยี่ นแปลงไปทกุ ผูอ้ ืน่ ว่า กลมุ่ ดาวจะมีการ จะมีการเปลี่ยนแปลงไป
ทุกเวลาและทุกวนั เวลาและทกุ วนั เม่ือ เปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา ทุกเวลาและทุกวัน ซึ่งมี
เมื่อครบรอบ 1 ปี ครบรอบ 1 ปี เราจะ และทกุ วัน เมื่อครบรอบ แบบรูปการปรากฏและ
เราจะเห็นกลุ่มดาว เห็นกลุม่ ดาวน้ันกลับมา 1 ปี เราจะเหน็ กลุ่มดาวนัน้ การเปลย่ี นแปลงตาแหน่ง
นั้นกลับมาอยู่ อยู่ตาแหนง่ เดิม ซง่ึ มี กลับมาอยู่ตาแหน่งเดิม ซง่ึ เรียก วฎั จักรการปรากฏ
ตาแหน่งเดมิ ซง่ึ มี แบบรปู การปรากฏและ มีแบบรปู การปรากฏและ ของกลมุ่ ดาว แต่ไม่สามารถ
แบบรปู การปรากฏ การเปลีย่ นแปลง การเปล่ยี นแปลงตาแหน่ง สรปุ ไดว้ ่ากลุ่มดาวจะ
และการเปลี่ยนแปลง ตาแหน่ง เรียก วัฎจักร เรียก วฎั จกั รการปรากฏ กลบั มาที่ตาแหน่งเดิม ใน
ตาแหน่ง เรยี ก การปรากฏของกลุ่มดาว ของกลุ่มดาว เวลาเดมิ ใน 1 ปี
วัฎจักรการปรากฏ
ของกล่มุ ดาว
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 171
คูม่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร
ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น
โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดงั น้ี
ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ
ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1)
C2 การคดิ วเิ คราะหข์ ้อมูลที่ได้ สามารถวิเคราะหข์ ้อมลู ท่ี สามารถวิเคราะห์ข้อมลู ท่ี สามารถวเิ คราะห์ข้อมูลที่ได้
อย่างมี จากการสงั เกตและ ไดจ้ ากการสงั เกตและ ได้จากการสังเกตและ จากการสังเกตและอภปิ ราย
วิจารณญาณ อภปิ รายลกั ษณะการ อภปิ รายลักษณะการเรยี ง อภิปรายลกั ษณะการเรียง ลกั ษณะการเรยี งตัวของดาว
เรยี งตวั ของดาวใน ตัวของดาวในกลมุ่ ดาวและ ตวั ของดาวในกลุ่มดาวและ ในกลมุ่ ดาวและการ
กล่มุ ดาวและการ การเปลี่ยนแปลงตาแหน่ง การเปลย่ี นแปลงตาแหน่ง เปลี่ยนแปลงตาแหน่งของ
เปลี่ยนแปลงตาแหนง่ ของกลมุ่ ดาว เพ่ือลง ของกลุ่มดาว เพ่ือลง กลมุ่ ดาว เพ่ือลงความเห็น
ของกล่มุ ดาว เพื่อลง ความเห็นเกย่ี วกับวฏั จกั ร ความเหน็ เก่ียวกบั วฏั จักร เกี่ยวกับวัฏจักรการปรากฏ
ความเหน็ เกยี่ วกับ การปรากฏของกลุ่มดาวได้ การปรากฏของกลุ่มดาวได้ ของกลุ่มดาวไดบ้ ้างแต่ไม่
วฏั จกั รการปรากฏของ อยา่ งสมเหตุสมผลดว้ ย อย่างสมเหตุผลจากการ สมเหตสุ มผลในบางประเด็น
กล่มุ ดาวได้อย่าง ตนเอง ช้ีแนะของครหู รือผ้อู ่นื
สมเหตุสมผล
C4 การ นาเสนอข้อมูลจากการ สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอขอ้ มลู จาก สามารถนาเสนอข้อมูลการ
ส่อื สาร สังเกตและอภปิ ราย จากการสังเกตและ การสงั เกตและอภปิ ราย สังเกตและอภิปรายลกั ษณะ
ลกั ษณะการเรียงตัว อภิปรายลักษณะการเรียง ลักษณะการเรียงตวั ของ การเรียงตัวของดาวใน
ของดาวในกลุ่มดาว ตวั ของดาวในกลมุ่ ดาวและ ดาวในกลมุ่ ดาวและการ กลุ่มดาวและการ
และการเปลย่ี นแปลง การเปล่ยี นแปลงตาแหน่ง เปลีย่ นแปลงตาแหนง่ ของ เปล่ียนแปลงตาแหน่งของ
ตาแหน่งของกลุ่มดาว ของกลมุ่ ดาว เพ่ืออธิบาย กลุ่มดาว เพื่ออธิบาย กลุ่มดาว เพ่ืออธบิ าย
เพื่ออธบิ ายเกย่ี วกับ เกี่ยวกับวฏั จักรการปรากฏ เก่ียวกับวัฏจกั รการปรากฏ เกีย่ วกบั วัฏจักรการปรากฏ
วัฏจักรการปรากฏของ ของกลมุ่ ดาวเพื่อใหผ้ ู้อ่นื ของกล่มุ ดาวเพื่อให้ผู้อื่น ของกลุ่มดาว เพ่ือให้ผู้อื่น
กลุ่มดาวเพื่อให้ผอู้ นื่ เขา้ ใจได้ดว้ ยตนเอง เข้าใจไดจ้ ากการชแ้ี นะจาก เขา้ ใจได้เพยี งบางสว่ น แม้วา่
เขา้ ใจ ครหู รอื ผ้อู ื่น จะไดร้ บั คาช้ีแนะจากครูหรือ
ผู้อ่นื
172 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร 173
กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 2 วฏั จักรการปรากฏของกลุ่มดาว (1 ช่วั โมง)
1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรอื เขียนสรปุ ส่ิงท่ีได้เรยี นรูจ้ ากบทน้ี ในแบบบันทึก
กจิ กรรม หน้า 57
2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ
แผนภาพในหัวขอ้ รอู้ ะไรในบทน้ี ในหนังสือเรยี น หนา้ 70
3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน
ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 36 อีกคร้ัง หากคาตอบของนักเรียนไม่
ถูกต้องให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไข
คาตอบด้วยปากกาต่างสี นอกจากน้ีครูอาจนาคาถามในรูปนาบทใน
หนังสือเรียน หน้า 48 มาร่วมกนั อภปิ รายคาตอบอีกครงั้ ดงั น้ี
3.1 ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
(ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์มีส่วนที่เหมือนกัน คอื เป็นดาวที่มีลักษณะ
คลา้ ยทรงกลม แต่แตกต่างกนั ตรงทดี่ าวเคราะห์เปน็ ดาวที่ไมม่ ีแสงใน
ตัวเอง คนบนโลกสามารถมองเห็นดาวเคราะห์ได้เนื่องจาก
ดาวเคราะห์ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์แล้วสะท้อนเข้าสู่ตาของเรา
ส่วนดาวฤกษ์มแี สงในตวั เอง แสงจากดาวฤกษเ์ ขา้ ส่ตู าของผู้สังเกตได้
โดยตรง คนบนโลกจงึ มองเห็นดาวฤกษ์ได้)
3.2 การใช้แผนที่ดาวช่วยในการสังเกตดาวบนท้องฟ้าจากบนโลกได้
อยา่ งไร ดาวเหลา่ น้ันจะเรียงตัวกันเป็นกลุ่มแบบเติมตลอดไปหรือไม่
(ดาวฤกษ์เป็นดาวที่มีตาแหน่งการเรียงตัวคงท่ี เมื่อจินตนาการโดย
ลากเส้นเช่ือมโยงดาวฤกษ์ดวงที่สว่างท่ีมีตาแหน่งใกล้กันจะเห็นว่ามี
รูปรา่ งต่าง ๆ)
3.3 การปรากฏของกลุ่มดาวจะเป็นเชน่ ไร (เราสามารถใช้แผนที่ดาวช่วย
ในการสังเกตตาแหน่งของ กลุ่มดาว โดยกลุ่มดาวมีเส้นทางการขึ้น
และตก และการปรากฏที่เป็น แบบรูป เรียกว่าวัฏจักรการปรากฏ
ของกล่มุ ดาว)
4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 วัฏจักรการปรากฏของกลุ่มดาว
จากนั้นนาเสนอคาตอบหน้าช้ันเรียน ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้องครูนา
อภิปรายหรือให้สถานการณ์เพ่ิมเติมเพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้
ถูกต้อง
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 4 วฏั จกั ร
5. นักเรียนร่วมกันตอบคาถามชวนคิดและทากิจกรรม ร่วมคิดร่วมทา โดย
สร้างแบบจาลองท้องฟ้าในวันและเวลาที่ครูกาหนดเพื่อแสดงกลุ่มดาว
ทสี่ วยงามอยา่ งนอ้ ย 5 กลมุ่ ดาว
6. นักเรียนร่วมกันอ่านและอภิปรายเน้ือเร่ืองในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว โดยครู
กระตุ้นให้นักเรียนตอบคาถามว่า ถ้าเราไปค่ายลูกเสือแล้วพลัดหลงกับ
เพื่อน ๆ ขณะเดินป่า เราจะใช้กลุ่มดาวใดช่วยในการหาทิศทางเพื่อกลับ
ไปยงั คา่ ยซึง่ อยทู่ างทศิ ตะวันออกเฉียงเหนือ
7. นกั เรียนรว่ มกันตอบคาถามสาคญั ประจาหนว่ ยอกี คร้ัง ดังนี้
- วัฏจักรน้าและวัฏจักรการปรากฏของกลุ่มดาวเป็นอย่างไร และสาคัญ
กับมนุษย์อย่างไร (วัฏจักรน้าเป็นแบบรูปการหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
ของน้าผิวดิน น้าใต้ดิน น้าในบรรยากาศ และน้าจากกิจกรรมต่าง ๆ
ของส่ิงมีชีวิต ส่วนวัฎจักรการปรากฏของกลุ่มดาวเป็นปรากฏการณ์ท่ี
กลุ่มดาวแต่ละกลุ่มมีเส้นทางการข้ึนและตกทุกคืน โดยจะมีการ
เปลี่ยนแปลงตาแหน่งไปทุกเวลาและทุกวันตามเส้นทาง เมื่อครบรอบ
1 ปี กลุ่มดาวนั้นจะมาปรากฏอยู่ท่ีตาแหน่งเดิมเป็นแบบรูปหมุนเวยี น
ต่อเน่ืองกัน วัฏจักรน้ามีความสาคัญในการดารงชีวิตของมนุษย์
เนือ่ งจากมนุษย์จาเป็นตอ้ งใช้นา้ ในการอปุ โภค บริโภค และการดาเนิน
ชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพลมฟ้าอากาศ ส่วนวัฎจักรการปรากฏของ
ดาวมคี วามสาคญั ในการใช้บอกทิศ การบอกเดอื นได้)
ถ้าคาตอบของนักเรียนยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้
คาตอบที่ถกู ต้อง
174 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร
แนวคาตอบในแบบฝึกหดั ท้ายบท
ดาวฤกษ์ เพราะดาวดวงน้ีมีตาแหน่งคงท่ี คือ ปรากฏหรือเรียงตัวท่ี
ตาแหน่งคงทใ่ี กลก้ ับดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวคนคู่
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 175
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร
เปลย่ี นแปลง โดยในวนั ถัดไปเมอ่ื สังเกตท้องฟา้ เวลาเดิมเราจะมองเห็น
กลุ่มดาวจระเข้เปลีย่ นตาแหนง่ ไปจากเดมิ เล็กนอ้ ย
ไม่เปลยี่ นแปลงตาแหนง่ โดยในปีถดั ไปเมอื่ สังเกตท้องฟ้าในวันและเวลาเดมิ
กลุ่มดาวจระเขจ้ ะปรากฏทต่ี าแหนง่ เดมิ
ผสู้ ังเกตต้องหนั หนา้ ไปทางทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ จากน้นั กางนิว้ ช้ีและ
นว้ิ ก้อยต่อข้นึ ไป 5 คร้งั โดยวัดจากเสน้ ขอบฟา้
176 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จกั ร
เราสามารถระบตุ าแหน่งของกล่มุ ดาวบนทอ้ งฟา้ โดยใชค้ ่ามมุ ทศิ และมุมเงย
ซึง่ สามารถหาทศิ โดยการสงั เกตดวงอาทติ ย์หรอื ดาว และวัดคา่ มมุ เงย
โดยใชม้ อื
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 177
คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 สงิ่ มีชีวติ
หนว่ ยท่ี 5 สง่ิ มีชีวติ
ภาพรวมการจดั การเรยี นรู้ประจาหน่วยที่ 5 สิง่ มีชีวิต
บท เรอ่ื ง กิจกรรม ลาดับการจดั การเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด
บทที่ 1 ลักษณะ เ ร่ื อ ง ท่ี 1 ก า ร กจิ กรรมท่ี 1.1 ลักษณะ ส่ิงมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ ว 1.3
ทางพันธุกรรมของ ถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธกุ รรมของพืช
สง่ิ มชี วี ติ ทางพันธุกรรมของ มอี ะไรบา้ ง เมื่อโตเต็มท่ีจะมีการสืบพันธ์ุเพ่ือ ป. 5/1 อธบิ ายลกั ษณะ
สง่ิ มชี วี ติ
กจิ กรรมท่ี 1.2 ลักษณะ เพิ่มจานวนและดารงพันธ์ุ โดยลูก ทางพนั ธุกรรมทีม่ ีการ
ทางพนั ธุกรรมของสตั ว์
มอี ะไรบ้าง ท่ีเกิดมาจะได้รับการถ่ายทอด ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลกู
กจิ กรรมท่ี 1.3 ลกั ษณะ ลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ ของพชื สัตว์ และมนษุ ย์
ทางพนั ธกุ รรมของคนใน
ครอบครวั เปน็ อยา่ งไร ทาให้มีลักษณะทางพันธุกรรมท่ี ป. 5/2 แสดงความ
เฉพาะแตกต่างจากสิ่งมีชีวิต อยากรู้อยากเหน็ โดยการ
ชนดิ อื่น ถามคาถามเกี่ยวกบั
ลักษณะบางลักษณะของลูก ลักษณะที่คลา้ ยคลึงกัน
อาจเหมือนพ่อ หรือเหมือนแม่ ของตนเองกบั
หรือเหมือนทั้งพ่อและแม่ หรือ พอ่ แม่
แตกต่างจากท้ังพ่อและแม่ได้ ซ่ึง
ลักษณะของลูกขึ้นอยู่กับลักษณะ
ของพ่อและแม่
พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม เช่น ลักษณะของใบ
สีดอก
สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม เช่น สีขน ลักษณะของ
ขน ลักษณะของหู
มนุษยม์ กี ารถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม เช่น เชิงผมท่ีหน้าผาก
ลักย้ิม ช้ันของหนังตา การห่อลิ้น
ต่ิงหู การเวยี นของขวญั
ร่วมคิด รว่ มทา
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 179
ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 สิ่งมชี ีวิต
บท เรอื่ ง กิจกรรม ลาดับการจัดการเรียนรู้ ตัวชวี้ ัด
บทที่ 2 สิง่ มีชวี ติ เร่ืองท่ี 1 โครงสร้าง กิจกรรมท่ี 1 สิ่งมีชีวิตมีโครงสร้างและลักษณะท่ี ว 1.1
และสง่ิ แวดลอ้ ม และลกั ษณะของ โครงสร้างและ เหมาะสมกับการดารงชีวิตใน ป. 5/1 บรรยายโครงสร้าง
สิง่ มีชวี ิตในแหลง่ ลักษณะของ แหล่งท่ีอยู่ ซ่ึงเป็นผลมาจากการ และลักษณะของส่งิ มีชีวิต
ทอ่ี ยู่ ส่งิ มชี ีวิตเหมาะสม ปรบั ตัว ทเ่ี หมาะสมกับการ
ดารงชวี ิต ซึ่งเปน็ ผลมา
กับแหล่งที่อยู่
อย่างไร จากการปรับตัวของ
สิ่งมีชีวิตในแหล่งท่ีอยู่
เร่อื งที่ 2 ความ กจิ กรรมที่ 2 ในแหล่งทีอ่ ยู่หนึ่ง ๆ ส่งิ มีชีวิตจะมี ป. 5/2 อธิบาย
สมั พนั ธ์ระหวา่ ง สง่ิ มีชวี ิตมคี วาม
สง่ิ มชี วี ติ กบั สมั พนั ธก์ บั สงิ่ มีชวี ิต ความสมั พันธ์ซง่ึ กนั และกนั ความสมั พันธร์ ะหว่าง
ส่งิ มีชวี ติ อยา่ งไร
สงิ่ มชี ีวิตมีการกินกันเป็นอาหารโดย สง่ิ มชี วี ติ กับสิ่งมชี วี ิตและ
เร่ืองที่ 3 ความ กิจกรรมท่ี 3
สมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สิ่งมชี วี ติ มี กนิ ตอ่ กันเปน็ ทอด ๆ ในรปู แบบของ ความสัมพันธ์ระหว่าง
สิง่ มีชวี ิตกับ ความสัมพนั ธก์ ับ
สิ่งไม่มีชวี ิต สง่ิ ไม่มชี วี ติ ใน โซ่อาหาร สงิ่ มชี ีวติ กบั สิง่ ไม่มชี วี ติ
แหล่งทีอ่ ยู่อย่างไร
โซอ่ าหารจะมีส่ิงมชี วี ติ ทเี่ ปน็ ผู้ผลติ เพื่อประโยชนต์ อ่ การ
ดารงชีวิต
และสง่ิ มชี ีวิตทเี่ ป็นผู้บรโิ ภค
นอกจากนีส้ ิ่งมีชวี ิตยงั มีความสมั พนั ธ์ ป. 5/3 เขยี นโซ่อาหาร
กับสิง่ ไม่มชี ีวิตในแหลง่ ท่ีอย่ดู ้วย และระบุบทบาทหนา้ ท่ี
ของสง่ิ มชี ีวติ ทเี่ ป็นผู้ผลิต
สิ่งแวดล้อมมีความสาคัญต่อการ และผู้บรโิ ภคในโซ่อาหาร
ดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต จึงควร ป. 5/4 ตระหนักใน
ชว่ ยกนั ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดล้อม คณุ ค่าของส่งิ แวดลอ้ มท่ีมี
ตอ่ การดารงชีวิตของ
ส่งิ มีชีวติ โดยมีส่วนร่วม
ในการดแู ลรกั ษา
สิ่งแวดลอ้ ม
รว่ มคดิ ร่วมทา
180 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่ิงมชี ีวิต
บทที่ 1 ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่งิ มชี ีวิต
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาบท
เม่อื เรียนจบบทน้ี นักเรียนสามารถ
1. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอด
จากพ่อแมส่ ูล่ กู ของพืช สตั ว์ และมนุษย์
2. ตง้ั คาถามและสารวจเกย่ี วกบั ลักษณะที่คล้ายคลึง
กันของตนเองกับพ่อแม่
เวลา 8 ช่ัวโมง
แนวคดิ สาคญั บทนม้ี ีอะไร การถ่ายทอดลกั ษณะทาง
พนั ธุกรรมของส่ิงมชี วี ติ
สิ่งมีชีวิตท้ังพืช สัตว์ และมนุษย์ เม่ือเจริญเติบโต เรอื่ งท่ี 1 ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช
เต็มท่ีจะมีการสืบพันธุ์เพ่ือเพ่ิมจานวนและดารงพันธ์ุให้ กจิ กรรมท่ี 1.1 มอี ะไรบ้าง
คงอยู่ต่อไป โดยลูกท่ีเกิดจากการสืบพันธุ์ของพ่อและแม่ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสัตว์
จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพ่อ กจิ กรรมที่ 1.2 มีอะไรบ้าง
และแม่ ซึง่ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีได้รับการถ่ายทอดมาน้ี ลักษณะทางพันธุกรรมของคน
เปน็ ลกั ษณะเฉพาะของสง่ิ มีชวี ิตแต่ละชนดิ กจิ กรรมท่ี 1.3 ในครอบครัวเป็นอยา่ งไร
สอื่ การเรียนรูแ้ ละแหลง่ เรียนรู้ หนา้ 74-93
หน้า 62-83
1. หนงั สือเรยี น ป. 5 เลม่ 2
2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป. 5 เล่ม 2
180 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 ส่ิงมีชีวติ
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
รหัส ทักษะ กจิ กรรมที่
1.1 1.2 1.3
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
S1 การสงั เกต
S2 การวดั
S3 การใช้จานวน
S4 การจาแนกประเภท
S5 การหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
สเปซกับสเปซ
สเปซกบั เวลา
S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล
S7 การพยากรณ์
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S9 การตง้ั สมมติฐาน
S10 การกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการ
S11 การกาหนดและควบคุมตวั แปร
S12 การทดลอง
S13 การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป
S14 การสรา้ งแบบจาลอง
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
C1 การสร้างสรรค์
C2 การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ
C3 การแก้ปัญหา
C4 การสอ่ื สาร
C5 ความร่วมมือ
C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร
หมายเหตุ: รหัสทกั ษะท่ีปรากฏนี้ ใช้เฉพาะหนงั สือคมู่ ือครเู ล่มนี้
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 181
ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 สิง่ มชี ีวิต
แนวคดิ คลาดเคล่อื น
แนวคิดคลาดเคล่ือนท่ีอาจพบและแนวคดิ ท่ีถกู ตอ้ งในบทที่ 1 ลักษณะทางพันธกุ รรมของสิง่ มชี วี ติ มีดงั ต่อไปนี้
แนวคดิ คลาดเคลอื่ น แนวคดิ ทถี่ ูกตอ้ ง
ลูกชายจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะมาจากพ่อ ลูกจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะมาจากท้ังพ่อและแม่
ส่วนลกู สาวจะไดร้ บั การถา่ ยทอดลักษณะมาจากแม่ ผา่ นการสบื พนั ธ์ุ (Reece et al., 2011)
(Allen, 2014)
ถ้าครูพบว่ามแี นวคิดคลาดเคลือ่ นใดทยี่ งั ไม่ไดแ้ ก้ไขจากการทากิจกรรมการเรียนรู้ ครูควรจัดการเรยี นรู้เพิ่มเติม
เพอื่ แก้ไขต่อไป
182 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 สง่ิ มชี ีวติ
บทน้ีเรม่ิ ตน้ อย่างไร (1 ชว่ั โมง) ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู้
พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียน
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับลักษณะของส่ิงมีชีวิต โดยนา คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ภ า พ ที่ มี ทั้ ง สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ สิ่ ง ไ ม่ มี ชี วิ ต ม า ใ ห้ นั ก เ รี ย น สั ง เ ก ต อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม
เช่น ภาพยีราฟกาลังด่ืมน้า (สามารถดาวน์โหลดภาพจาก เหล่านี้ได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้
https://bit.ly/333Pixr หรอื https://bit.ly/31NpWDU) โดยใช้ ห รื อ ลื ม ค รู ต้ อ ง ใ ห้ ค ว า ม รู้ ที่
คาถามดงั น้ี ถกู ต้องทันที
1.1 ในภาพมีส่ิงใดบ้าง (นักเรียนตอบตามความจริง เช่น ยีราฟ
พชื น้า ดิน) ในการตรวจสอบความรู้เดิม
1.2 ในภาพมสี ง่ิ ใดบ้างเป็นสิ่งมชี วี ิต (ยรี าฟ พชื ) ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
1.3 ยีราฟมีลักษณะใดบ้างที่แสดงว่าเป็นส่ิงมีชีวิต (ยีราฟ เป็นสาคัญและยังไม่เฉลยคาตอบ
สามารถกินอาหาร เจริญเติบโต สืบพันธ์ุ หายใจ ขับถ่าย ใด ๆ ใหก้ บั นักเรียน แต่ชกั ชวนให้
เคลอื่ นไหวไดด้ ้วยตนเอง ตอบสนองตอ่ สง่ิ ต่าง ๆ ได้) นักเรียนไปหาคาตอบท่ีถูกต้อง
จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในบทเรยี นน้ี
2. ตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยใช้คาถามต่อจากการทบทวน
ความรพู้ ื้นฐาน ดังนี้
2.1 การสืบพันธุ์มีประโยชน์ต่อส่ิงมีชีวิตอย่างไร (นักเรียนตอบ
ตามความเข้าใจของตนเอง เช่น ทาให้ส่ิงมีชีวิตเพิ่มจานวน
ดารงพนั ธุ์ใหค้ งอยู่ต่อไปได)้
2.2 ถา้ ยีราฟในภาพมกี ารสืบพันธุ์ ลูกของยรี าฟตวั นี้จะมีลกั ษณะ
อย่างไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องส่ิงมีชีวิต โดยให้อ่านช่ือหน่วย และ
อ่านคาถามสาคัญประจาหน่วยท่ี 5 ในหนังสือเรียน หน้า 74
ดงั นี้
1. ลักษณะต่าง ๆ ที่ปรากฏในสิ่งมีชวี ติ เกิดขึน้ ไดอ้ ย่างไร
2. ส่ิงมชี ีวิตมีความสัมพันธก์ บั สิง่ แวดล้อมอย่างไร
นักเรียนตอบคาถาม โดยครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้
นักเรยี นย้อนกลับมาตอบอกี ครง้ั หลงั จากเรยี นจบหนว่ ยนี้แลว้
4. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท
ในหนังสอื เรียน หนา้ 75 จากนั้นครใู ช้คาถามเพื่อตรวจสอบความ
เข้าใจดังนี้
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 183
คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 สิ่งมชี ีวิต
4.1 บทน้ีจะได้เรียนเรื่องอะไร (เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทาง ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวติ ) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน
4.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้เม่ือเรียนจบบทนนี้ ักเรียนสามารถ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ทาอะไรได้บ้าง (จะสามารถอธบิ ายลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมี อดทน และรับฟังแนวความคิด
การถ่ายทอดจากพ่อ แม่ ไปสู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ ของนักเรียน
รวมทั้งต้ังคาถามและสารวจเกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
ของตนเองกบั พ่อแมไ่ ด้)
5. นักเรียนอ่านช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสือเรียน หน้า 76
จากน้ันครูใช้คาถามว่า จากการอ่านแนวคิดสาคัญ นักเรียนคิดว่า
จะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไรบ้าง (จะได้เรียนเร่ืองลักษณะทาง
พนั ธุกรรมของพชื สัตว์ และมนุษย์)
6. ครูชักชวนให้นักเรียนสังเกตรูป และอา่ นเนื้อเรื่องใน หนา้ 76 โดย
ครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถ
ของนักเรียน ครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้คาถาม
ดังน้ี
6.1 ลูกของส่ิงมีชีวิตมีลักษณะอย่างไรเม่ือเปรียบเทียบกับพ่อแม่
(ลูกมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กบั พอ่ แม)่
6.2 นักเรียนสังเกตเห็นส่ิงมีชีวิตอะไรในภาพบ้าง (เด็กผู้หญิง
สุนัข หญา้ )
6.3 สิ่งมีชีวติ ในภาพเปน็ ส่งิ มีชวี ิตชนดิ เดียวกันหรือไม่ รู้ไดอ้ ยา่ งไร
(เปน็ ส่ิงมชี ีวิตต่างชนิดกัน รู้ได้จากการสังเกตพบว่ามีลักษณะ
ทแี่ ตกต่างกนั )
6.4 นักเรียนคิดว่าพ่อแม่ของเด็กผู้หญิงในภาพน่าจะมีลักษณะ
อย่างไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
6.5 นักเรียนคิดว่าพ่อแม่ของสุนัขในภาพน่าจะมีลักษณะอย่างไร
เพราะเหตใุ ด (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
6.6 นักเรียนคิดว่าหญ้าในภาพ น่าจะเกิดจากหญ้าท่ีมีลักษณะ
อย่างไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)
6.7 เพราะเหตุใดลูกจึงมีลักษณะบางอย่างเหมือนพ่อและแม่
(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
184 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 5 สง่ิ มีชีวิต
7. ครชู ักชวนนักเรยี นตอบคาถามเกย่ี วกับส่ิงมีชีวิต ในสารวจความรู้ การเตรียมตัวล่วงหนา้ สาหรบั ครู
ก่อนเรยี น เพอ่ื จดั การเรียนรใู้ นครงั้ ถัดไป
8. นักเรียนทาสารวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน
64-65 โดยนักเรียนอ่านคาถามแต่ละข้อ ครูตรวจสอบความ เร่ืองท่ี 1 การถ่ายทอดลักษณะทาง
เข้าใจของนักเรียน จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถทาได้ด้วยตนเอง พันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยครูเตรียมสื่อ
จึงให้นักเรียนตอบคาถาม ซึ่งคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่าง การสอน เช่น วีดิทัศน์การสืบพันธุ์ของ
กนั และคาตอบอาจถกู หรือผิดก็ได้ ปลากัด มาให้นักเรียนสังเกตการสืบพันธ์ุ
ของสัตว์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของ
9. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมี นักเรียนในข้ันการตรวจสอบความรู้
แนวคิดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอย่างไรโดยอาจสุ่มให้นักเรียน 2-3 คน โดยอาจใช้วีดิทัศน์ของ สสวท. โดย
นาเสนอคาตอบของตนเอง ครูยังไม่ต้องเฉลยคาตอบ แต่จะให้ ดาวน์โหลดจากเวบ็ ไซต์
นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกคร้ังหลังจากเรียนจบบทน้ีแล้ว https://www.youtube.com/watch?
ท้ังนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่น่าสนใจของ v=Rsf4kJg9VKw
นักเรียน แล้วนามาใช้ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ไข
แนวคิดคลาดเคล่ือนให้ถูกต้อง และต่อยอดแนวคิดที่น่าสนใจของ
นกั เรยี น
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 185
ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 ส่ิงมชี ีวิต
แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม
การสารวจความรู้ก่อนเรยี น นักเรยี นอาจตอบคาถามถกู หรือผดิ ก็ได้ข้นึ อยูก่ บั ความรเู้ ดมิ ของนักเรยี น
แตเ่ ม่อื เรยี นจบบทเรยี นแลว้ ให้นักเรยี นกลบั มาตรวจสอบคาตอบอกี ครั้งและแก้ไขให้ถูกต้อง ดังตวั อย่าง
ครูควรแนะนาให้นกั เรียนสงั เกตภาพสใี นหนงั สอื เรยี น เพ่อื บอกสขี องนกได้
ข
ลกู นกมลี กั ษณะหัว จะงอยปาก ลาตวั และขนสนี า้ ตาลปน เทา ดา เหมอื นกบั พอ่ แม่นกคู่ ข
ง
ลกู นกมีลกั ษณะหัว จะงอยปาก ลาตวั และขนสีน้าเงิน เหลอื ง ส้ม เขียว เหมอื นกบั พอ่ แม่นกคู่ ง
ก
ลูกนกมีลกั ษณะหวั จะงอยปาก ลาตัว และขนสนี า้ เงนิ ขาว สม้ ที่เหมือนกับพ่อแมน่ กคู่ ก
186 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 สิ่งมชี ีวติ
ลกั ษณะท่เี หมือนแม่ ไดแ้ ก่ สีค้ิว สผี ม สีตา ชน้ั ของหนังตา ไม่มลี ักย้มิ
ลักษณะทแ่ี ตกตา่ งจากแม่ ได้แก่ สีผวิ เชิงผมทีห่ นา้ ผาก ลักษณะจมกู
ลูกมีลกั ษณะบางอยา่ งเหมือนแมเ่ พราะได้รบั การถา่ ยทอดลกั ษณะนั้นมาจากแม่
และมีลักษณะบางอย่างแตกตา่ งจากแม่ เพราะเป็นลักษณะท่ีได้รับมาจากพ่อ
หรอื จากปู่ ย่า ตา ยาย
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 187
คูม่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 สง่ิ มีชีวิต
เรื่องท่ี 1 การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสิ่งมีชีวติ
ในเร่อื งนีน้ ักเรยี นจะได้เรยี นรู้เกี่ยวกับการถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมของพชื สัตว์ และมนษุ ย์
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. สังเกต วิเคราะห์ และอธิบายลักษณะทางพันธุกรรม
ของพชื ที่มกี ารถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแมส่ ูร่ ่นุ ลูก
2. สังเกต วิเคราะห์ และอธิบายลักษณะทางพันธุกรรม
ของสัตว์ที่มกี ารถา่ ยทอดจากร่นุ พอ่ แม่สู่ร่นุ ลกู
3. สารวจ และเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมของ
คนในครอบครวั
เวลา 6 ชั่วโมง
วสั ดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม
บัตรภาพต้นพืชรุ่นลูก บัตรภาพต้นพืชรุ่นพ่อแม่
บัตรภาพครอบครวั ของสัตว์ สีไม้
สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน ป.5 เลม่ 2 หน้า 79-90
2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.5 เล่ม 2 หน้า 66-79
188 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 สงิ่ มชี ีวติ
แนวการจดั การเรียนรู้ (60 นาท)ี ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
ขน้ั ตรวจสอบความรู้ (10 นาที) เป็นสาคัญและยังไม่เฉลยคาตอบ
ใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนให้
1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต นักเรียนไปหาคาตอบที่ถูกต้องจาก
โดยนาภาพหรือวีดิทัศน์ส้ัน ๆ เก่ียวกับการสืบพันธุ์ของปลากัด การอา่ นเนื้อเรอื่ ง
มาให้นักเรียนสังเกต อาจใช้วีดิทัศน์ของ สสวท. ซ่ึงดาวน์โหลด
จากเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=Rsf4kJg9VKw
จากนน้ั ให้นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้คาถามดงั นี้
1.1 ลูกของปลากัดเกิดข้ึนได้อย่างไร (เกิดจากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ของพอ่ แมป่ ลากัด)
1.2 พอ่ พันธุ์ปลากัดในวดี ิทัศน์มีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบโดยใช้ข้อมูล
ทไี่ ด้จากการสังเกตปลากดั เพศผู้ในวีดทิ ัศน์ เชน่ ลาตัวสีน้าเงนิ เข้ม ครีบ
และหางยาวพลว้ิ สนี ้าเงิน)
1.3 แมพ่ นั ธ์ุปลากัดในวีดิทัศน์มลี ักษณะอยา่ งไร (นกั เรียนตอบโดยใช้ข้อมูล
ทีไ่ ด้จากการสังเกตปลากดั เพศเมยี ในวีดิทศั น์ เชน่ ลาตวั ครีบ และหาง
สีแดงเขม้ )
1.4 ลูกของปลากัดคู่น้ีน่าจะมีลักษณะอย่างไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบ
ตามความเข้าใจของตนเอง ครูยังไม่เฉลยคาตอบแต่ให้นักเรยี นกลับมา
ตอบอีกครั้งหลังจากอ่านเรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของ
สง่ิ มชี วี ติ แล้ว)
2. ครูเชือ่ มโยงความรู้เดิมของนักเรยี นสู่การเรียนเรื่องการถ่ายทอดลกั ษณะทาง
พันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยใช้คาถามว่า นักเรียนรู้หรือไม่ว่า ลักษณะของ
ส่ิงมีชีวิตรุ่นลูกจะเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพ่อแม่ จากน้ันครู
ชักชวนนักเรียนหาคาตอบจากการอ่านเรื่องการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธกุ รรมของส่งิ มชี วี ิต
ข้ันฝึกทักษะจากการอ่าน (30 นาที)
3. นักเรียนอ่านช่ือเรื่อง และคาถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 79
แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อหาคาตอบตามความเข้าใจของนักเรียน ครูบันทึก
คาตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบกับคาตอบภายหลังการ
อ่านเนอ้ื เร่ือง
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 189
คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 5 สงิ่ มีชีวติ
4. นักเรียนอ่านคาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่าน ถ้ า นั ก เ รี ย น ไ ม่ ส า ม า ร ถ ต อ บ
ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากน้ันครูชักชวนให้นักเรียนอธิบาย คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
ความหมายของคาสาคญั จากเนือ้ เรือ่ งทจ่ี ะอ่าน คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด
อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน
5. นักเรียนอ่านเน้ือเร่ืองในหนังสือเรียนหน้า 79-80 โดยครูฝึกทักษะการอ่าน แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
ตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูใช้ นักเรยี น
คาถามเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น โดยใช้คาถามดงั น้ี
5.1 เจา้ ไตรรงคเ์ ป็นสง่ิ มชี ีวิตชนิดใด (ปลากัด)
5.2 เจ้าไตรรงค์มีลักษณะอย่างไร (สีของลาตัวรวมท้ังครีบของเจ้าไตรรงค์
มีการเรียงของสีเหมือนกับสีธงชาติไทย คือ สีน้าเงิน ขาว และแดง
แต่ละสจี ะเข้มและตดั กันอยา่ งชดั เจน)
5.3 เจ้าไตรรงค์มีลักษณะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับพ่อและแม่ (เจ้าไตรรงค์
จะมีสีของลาตัวและครีบเป็นสีน้าเงินเหมือนทั้งพ่อและแม่ มีสีขาว
และสีแดงเหมือนแม่ แต่การเรียงของสีขาว สีน้าเงินและสีแดง
ของเจา้ ไตรรงค์ไมเ่ หมอื นแม)่
5.4 เพราะเหตุใดสีของลาตัวและครีบของเจ้าไตรรงค์จึงเหมือนพ่อและแม่
(นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองจากการอ่านย่อหน้าที่ 1 และ
2 เช่น เพราะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมาจากพ่อและ
แม)่
5.5 ในเร่ืองนีก้ ลา่ วถึงบคุ คลใด (เกรกอร์ เมนเดล)
5.6 เกรกอร์ เมนเดล สงสัยในเร่ืองใด (เมนเดลสงสัยว่าพืชมีลักษณะต่าง ๆ
ได้อย่างไร)
5.7 เกรกอร์ เมนเดล หาคาตอบในส่ิงท่ีสงสัยอย่างไร (เมนเดลหาคาตอบ
จากการทดลองผสมพันธ์ุถั่วลันเตาที่มีลักษณะแตกต่างกันท้ังรูปร่าง
สีของลาต้น ดอก ฝัก และเมล็ด จากน้ันนาเมล็ดที่ได้จากการผสมพันธ์ุ
แตล่ ะครงั้ ไปปลกู เพื่อสงั เกตลักษณะของต้นถว่ั ร่นุ ลกู )
5.8 เกรกอร์ เมนเดล ได้คาตอบในสิ่งที่สงสัยหรือไม่ อย่างไร (เกรกอร์
เมนเดล ได้คาตอบในสิ่งที่สงสัยว่าลักษณะต่าง ๆ ที่ปรากฏในต้น
ถ่ัวลันเตารุ่นลูกน้ันได้รับการถ่ายทอดมาจากต้นพ่อและต้นแม่ท่ีเขา
นามาผสมพันธกุ์ ัน)
5.9 การทดลองของเกรกอร์ เมนเดลมีประโยชนอ์ ยา่ งไร (ผลการทดลองของ
เมนเดลทาให้รู้ว่าลักษณะต่าง ๆ ท่ีปรากฏในรุ่นลูกน้ันเป็นลักษณะที่
ไดร้ ับการถา่ ยทอดมาจากพอ่ และแม่)
190 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 ส่ิงมชี ีวิต
5.10ลักษณะทางพันธุกรรมคืออะไร (ลักษณะทางพันธุกรรม คือ ลักษณะท่ี การเตรียมตวั ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู
ถ่ายทอดจากรุน่ พอ่ แมไ่ ปส่รู ุ่นลูก) เพ่ือจัดการเรยี นร้ใู นครง้ั ถัดไป
5.11การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมคืออะไร (การถ่ายทอดลักษณะทาง ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ทา
พนั ธุกรรมเปน็ การถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ จากร่นุ พอ่ แมไ่ ปส่รู ุ่นลกู ) กิจกรรมท่ี 1.1 ลักษณะทางพันธุกรรม
ของพืชมีอะไรบ้าง ครูอาจเตรียมตัวอย่าง
5.12 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ของส่ิงมีชีวิตเกิดข้ึนได้ อย่า ง ไร ต้นพืชท่ีมีส่วนต่าง ๆ ชัดเจน มา 1 ต้น
(การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของส่ิงมีชีวติ เกิดข้นึ ได้เมื่อส่ิงมีชีวิต เช่น มะเขือ พริก ต้อยติ่ง ต้อยต่ิงฝร่ัง
มีการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ) เ พื่ อ ใ ห้ นั ก เ รี ย น สั ง เ ก ต ส า ห รั บ ก า ร
ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี น
5.13 จากเร่ืองน้ี นักเรียน คิดว่าลักษณะใดของปลากัดที่เป็น ลักษณะทาง
พันธุกรรม (สีของลาตัว ครีบ และหาง) ค รู ต้ อ ง เ ต รี ย ม บั ต ร ภ า พ ต้ น พื ช
รุ่นลูก และบัตรภาพต้นพืชรุ่นพ่อแม่
ขน้ั สรปุ จากการอา่ น (20 นาที) สาหรับใช้ในการทากิจกรรม ครูสามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์บัตรภาพโดยการสแกน
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าส่ิงมีชีวิตเมื่อมีการ QR Code ในหนังสือเรียนหน้า 81 หรือ
สืบพันธุ์และมีลูก ลักษณะที่ปรากฏในส่ิงมีชีวิตรุ่นลูกจะได้รับการถ่ายทอด จากคู่มือครูนามาพิมพ์สี และจัดเป็นชุด
มาจากส่ิงมีชีวิตรุ่นพ่อแม่ ซึ่งลักษณะท่ีมีการถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแม่ไปสู่ บัตรภาพ เพ่ือให้นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้
รุ่นลกู เรียกวา่ ลักษณะทางพันธกุ รรม สาหรบั ทากิจกรรม
7. นักเรียนตอบคาถามจากเร่ืองที่อ่านใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม
หน้า 66
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน
รหู้ รือยังกบั คาตอบท่เี คยตอบในคิดก่อนอา่ น ซง่ึ ครูบนั ทกึ ไวบ้ นกระดาน
9. ครูชักชวนให้นกั เรียนลองตอบคาถามท้ายเรื่องที่อ่านวา่ ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิด
มลี ักษณะใดบ้างทเ่ี ปน็ ลักษณะทางพันธุกรรม
ครูบนั ทกึ คาตอบของนักเรียนบนกระดาน โดยยงั ไม่เฉลยคาตอบ แตช่ ักชวน
ใหน้ ักเรยี นหาคาตอบจากการทากจิ กรรม
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 191
คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่ิงมีชีวิต
ความรเู้ พม่ิ เติมสาหรับครู
สง่ิ มีชีวติ มีการสืบพันธ์เุ พือ่ ดารงพนั ธ์ุ และทาใหเ้ กดิ การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมจาก
รุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตมีทั้งแบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) และ
แบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเป็นการสืบพันธุ์ท่ีมีการผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และ
เซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย เกิดขึ้นในอวัยวะหรือส่วนที่มีการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ ในพืชดอกมีดอกเป็น
อวยั วะทาหน้าที่สร้างเซลลส์ ืบพันธ์ุ ส่วนสตั วร์ วมทง้ั มนุษย์มีอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ทาหน้าท่ีสร้าง
เซลล์สืบพันธ์ุ สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะมาจาก
ทั้งพ่อและแม่ ทาให้ลักษณะบางลักษณะของลูกอาจเหมือนพ่อ หรือเหมือนแม่ หรือเหมือนทั้งพ่อ
และแม่ หรือแตกต่างจากท้ังพ่อและแม่ได้ ซ่ึงลักษณะของลูกข้ึนอยู่กับลักษณะของพ่อและแม่
ถ้าพ่อมีลักษณะใดเป็นลักษณะเด่น ลูกจะมีลักษณะนั้นเหมือนพ่อ ถ้าแม่มีลักษณะใดเป็นลักษณะ
เด่น ลูกจะมีลักษณะนั้นเหมือนแม่ ถ้าท้ังพ่อและแม่มีลักษณะเด่นทั้งคู่ลูกจะมีลักษณะนั้นเหมือน
ท้ังพ่อและแม่ได้ ส่วนการท่ีลูกมีลักษณะบางอย่างแตกต่างจากท้ังพ่อและแม่น้ันเกิดจากการท่ี
พ่อแม่มีลักษณะด้อยแฝงไว้ทาให้ลักษณะนั้นไม่ปรากฏในรุ่นพ่อและแม่ แต่มาปรากฏในรุ่นลูก
หรืออาจเกิดจากการที่ลักษณะของพ่อและแม่แสดงออกท้ังคู่ ลูกจึงมีลักษณะที่ผสมกันของทั้งพ่อ
และแม่
สิ่งมีชีวิตบางชนิดนอกจากจะสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศแล้ว ยังพบการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัย
เพศด้วย ซึ่งการสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศของพืชเป็นการสืบพันธุ์ท่ีพืชต้นใหม่พัฒนา
และเจริญเติบโตมาจากส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ดอกของพืช เช่น ลาต้น ใบ ราก ส่วนการสืบพันธ์ุแบบ
ไม่อาศยั เพศของสตั ว์กเ็ ชน่ กัน สัตว์ตัวใหมจ่ ะเกิดจากการพัฒนาและเจริญเตบิ โตมาจากส่วนต่าง ๆ
ของสัตว์ตัวเดิม การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศของสัตว์มีหลายวิธี เช่น การแตกหน่อ การงอกใหม่
ส่ิงมีชีวิตที่เกิดจากการสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมทุกอย่างมาจาก
สง่ิ มีชวี ิตเดิมเท่านั้น ทาให้มลี ักษณะทกุ อยา่ งเหมือนกับส่งิ มีชวี ติ เดิม
192 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 สง่ิ มีชีวติ
แนวคาตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เป็นการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ
จากรนุ่ พ่อแมไ่ ปสู่รุ่นลกู
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกิดข้ึนได้จากการท่ี
สงิ่ มีชวี ิตมกี ารสืบพนั ธ์ุแบบอาศยั เพศ
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 193
คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 ส่ิงมีชีวิต
กจิ กรรมที่ 1.1 ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืชมอี ะไรบ้าง
กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สังเกตลักษณะต่าง ๆ ของ
พืชดอกและพืชไม่มีดอก ต้นรุ่นพ่อแม่ และต้นรุ่นลูก และ
อธิบายลักษณะทางพันธกุ รรมของพืช
เวลา 2 ช่ัวโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
สงั เกต วิเคราะห์ และอธิบายลกั ษณะทางพันธกุ รรม
ของพชื ที่มีการถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแมส่ ู่รุ่นลกู
วัสดุ อุปกรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม 1 ชุด
1 ชดุ
ส่ิงทีค่ รูต้องเตรียม/กลุ่ม
1. บัตรภาพตน้ พชื รุน่ ลกู
2. บัตรภาพต้นพืชรนุ่ พอ่ แม่
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
S1 การสงั เกต สื่อการเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้
S8 การลงความเห็นจากข้อมูล
S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป 1. หนังสอื เรียน ป.5 เล่ม 2
2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.5 เล่ม 2
ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 หน้า 81-82
หน้า 67-71
C2 การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ
C4 การส่อื สาร
C5 ความรว่ มมือ
194 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่งิ มชี ีวิต
แนวการจดั การเรยี นรู้ ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู้
พื้นฐาน ครูควรให้เวลานักเรียน
1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช และตรวจสอบ คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ความรู้เดมิ เก่ียวกับลกั ษณะทางพันธุกรรมของพชื โดยอาจใหน้ กั เรียนสังเกต อดทน นักเรียนต้องตอบคาถาม
ต้นพืชดอก ท่ีมีราก ลาต้น ใบ ดอก ผล จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกัน เหล่าน้ีได้ถูกต้อง หากตอบไม่ได้
อภิปรายโดยครูใช้แนวคาถามดังต่อไปน้ี หรือลืมครูต้องให้คว ามรู้ที่
1.1 พืชต้นน้ีคือต้นอะไร (นักเรียนตอบชื่อพืชท่ีครูนามาให้นักเรียนสังเกต ถูกต้องทันที
ถ้านักเรยี นไมร่ จู้ ักใหค้ รูบอกชือ่ พืช)
1.2 พชื ดอกต้นนมี้ ีส่วนประกอบใดบา้ ง (ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล) ในการตรวจสอบความรู้เดิม
1.3 ส่วนประกอบแต่ละอย่าง มีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบตามลักษณะ ครูเพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน
ต่าง ๆ ของพืชท่ีสังเกตได้จริง คือ ลักษณะราก ลาต้น ใบ สีใบ ดอก เป็นสาคัญและยังไม่เฉลยคาตอบ
ลกั ษณะกลีบดอก สดี อก เชน่ ใบรปู ร่างกลม กลบี ดอกสเี หลือง) ใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนให้
1.4 ส่วนใดของพืชดอกทม่ี ีหน้าที่สบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศ (ดอก) นักเรียนไปหาคาตอบที่ถูกต้องจาก
1.5 ถ้าพืชดอกต้นนี้สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศและมีต้นรุ่นลูก ต้นรุ่นลูกของ กจิ กรรมต่าง ๆ ในบทเรียนน้ี
พืชดอกต้นน้ีจะมีลักษณะเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตาม
ความเข้าใจของตนเอง เช่น ต้นพืชรุ่นลูกจะมีสีดอกเหมือนต้นรุ่น
พอ่ แม)่
1.6 นอกจากกลมุ่ พืชดอกแล้ว ยงั มพี ชื กลุ่มใดอีก (กลุ่มพืชไม่มดี อก)
1.7 พืชดอกแตกต่างจากพืชไม่มีดอกอย่างไร (พืชดอกแตกต่างจากพืชไม่มี
ดอก ดังนี้ พืชดอก เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะสร้างดอกเพ่ือใช้ในการ
สืบพันธ์ุ สว่ นพืชไมม่ ดี อกไม่ไดใ้ ชด้ อกในการสบื พนั ธุ์)
1.8 นักเรยี นรจู้ ักพชื ไม่มดี อกอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบตามประสบการณ์เดิม
เชน่ เฟิน มอส)
2. ครูเชื่อมโยงความรู้พื้นฐานของนักเรียนไปสู่กิจกรรมท่ี 1.1 โดยใช้คาถามว่า
เม่ือพืชมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ลักษณะของส่วนต่าง ๆ ของต้นพืช
รุ่นลูกจะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับต้นพืชรุ่นพ่อแม่ และลักษณะทาง
พันธุกรรมของพชื ดอกมอี ะไรบ้าง
3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น จากน้ันร่วมกันอภิปราย
เพื่อตรวจสอบความเข้าใจจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยครูใช้คาถาม
ดงั นี้
3.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (ลักษณะทางพันธุกรรมของ
พืช)
3.2 นักเรยี นจะได้เรยี นรู้เรอื่ งน้ีดว้ ยวิธใี ด (สงั เกตและวิเคราะห์)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 195
คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่งิ มีชีวิต
3.3 เมื่อเรียนแลว้ นกั เรียนจะทาอะไรได้ (อธบิ ายลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของ ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
พืชทม่ี กี ารถ่ายทอดจากร่นุ พ่อแมส่ รู่ นุ่ ลกู ได)้ คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว
คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน
4. นกั เรียนบันทึกจดุ ประสงค์ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 67 และ อา่ นสงิ่ ท่ี คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง
ตอ้ งใช้ในการทากิจกรรม อดทน และรับฟังแนวความคิด
ของนกั เรยี น
5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปลาดับข้ันตอนการ ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
ทากิจกรรมตามความเข้าใจของนักเรยี น โดยครูใช้คาถามดงั ต่อไปนี้
5.1 นักเรียนต้องสังเกตสิ่งใดเป็นอันดับแรก (สังเกตลักษณะต่าง ๆ ของ 1. ครูสามารถดาวน์โหลดบัตรภาพ
ตน้ พืชรุ่นลูกจากบัตรภาพ) ต้นพืชรุ่นลูก และต้นพืชรุ่นพ่อแม่
5.2 นักเรียนจะสังเกตลักษณะใดของตน้ พืชรุ่นลูกบ้าง (ลักษณะที่จะสังเกต ไ ด้ โ ด ย ส แ ก น QR Code ใ น
ขนึ้ อยกู่ ับความเขา้ ใจของนกั เรยี น เช่น ลักษณะลาต้น ใบ ดอก และผล หนังสือเรียน หน้า 81 นามาพิมพ์
ของพชื ) สี และจัดเป็นชุดบัตรภาพ เพื่อให้
5.3 นักเรยี นจะสังเกตลักษณะใดของลาต้น ใบ ดอก และผลบา้ ง (ขนึ้ อยู่กับ นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้สาหรับทา
ความเข้าใจของนักเรียน เช่น รูปร่างของลาต้น รูปร่างใบ สีใบ ลายบน กจิ กรรม
ใบ รูปรา่ งลักษณะดอก กลีบดอก สีดอก รูปร่างของผล)
5.4 เม่อื สังเกตลกั ษณะของตน้ พชื ร่นุ ลกู แลว้ นักเรียนบันทกึ ลักษณะทีส่ งั เกตได้ 2. พืชบางชนิดในบัตรภาพมีลักษณะ
ทใ่ี ด (บนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ หน้า 68-69) บางอย่างที่เฉพาะ ครูสามารถช้ี
5.5 เมื่อสังเกตลักษณะของต้นพืชรุ่นลูกแล้ว นักเรียนต้องสังเกตอะไรต่อ และบอกช่ือส่วนประกอบต่าง ๆ
(สังเกตลักษณะของต้นพชื รุ่นพอ่ แม่) ของพืชแต่ละชนิดได้ โดยใช้ข้อมลู
5.6 นักเรียนจะสังเกตลักษณะใดของต้นพืชรุ่นพ่อแม่บ้าง (สังเกตลักษณะ จากความรู้เพ่ิมเติมสาหรับครู
ส่วนต่าง ๆ ของต้นพืชรุ่นพ่อแม่เช่นเดียวกับการสังเกตลักษณะต้นพืช โดยยังไม่บอกช่อื พชื แก่นกั เรียน
รุ่นลกู )
5.7 เมื่อสังเกตท้ังต้นพืชรุ่นลูกและรุ่นพ่อแม่แล้ว นักเรียนต้องทาอะไร
(วิเคราะหแ์ ละจัดกลุม่ ตน้ พชื รนุ่ ลกู กับตน้ พืชรนุ่ พ่อแม่)
5.8 เมื่อจัดกลุ่มต้นพืชรุ่นลูกและรุ่นพ่อแม่แล้ว นักเรียนต้องทาอะไรต่อไป
(นาเสนอผลการจดั กล่มุ )
5.9 นักเรียนจะต้องอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องอะไร (อภิปรายเกี่ยวกับลักษณะ
ทางพนั ธกุ รรมของพชื )
6. เมอ่ื นกั เรยี นเขา้ ใจวธิ กี ารทากิจกรรมในทาอยา่ งไรแล้ว ครูแจกบตั รภาพ
ตน้ พืชรุ่นลกู และใหน้ ักเรยี นสังเกตและบนั ทึกลักษณะของพืชรนุ่ ลูก
7. เม่ือนักเรียนสังเกตลักษณะของต้นพืชรุ่นลูกและบันทึกผลแล้ว ครูแจก
บัตรภาพต้นพชื รนุ่ พอ่ แม่ ใหน้ ักเรียนสังเกตลักษณะของพชื รุ่นพ่อแม่ และให้
นกั เรยี นเริ่มปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนต่อไป
196 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 5 สิง่ มีชีวิต
8. หลงั จากทากจิ กรรมแลว้ ครนู าอภปิ รายผลการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ
8.1 นักเรียนสังเกตลักษณะใดบ้างของพืช (นักเรียนตอบตามลักษณะที่ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
สังเกตจริง เช่น รูปร่างของลาต้น รูปร่างใบ สีใบ ลายบนใบ ลักษณะ
ของดอก กลบี ดอก สีดอก) ทนี่ ักเรียนจะได้ฝึกจากการทากิจกรรม
8.2 ผลการจัดกล่มุ ต้นพืชรนุ่ ลกู กับต้นพืชรุน่ พ่อแม่ของนักเรียนเปน็ อยา่ งไร S1 การสังเกตลักษณะของต้นพืช
(นักเรยี นตอบตามผลการจัดกลุ่มท่ีได้จรงิ ซึ่งคาตอบที่ถูกต้องคือ
- ต้นลกู ต้นที่ 1 เป็นลูกของ ต้นพ่อแม่ ต้นท่ี 1 (พ่อ) กับตน้ ที่ 5 (แม่) รุน่ ลกู และรุน่ พ่อแม่
- ต้นลกู ตน้ ท่ี 2 เปน็ ลกู ของ ตน้ พ่อแม่ ตน้ ท่ี 3 (พอ่ ) กับตน้ ที่ 6 (แม่) S8 อภิปรายเก่ียวกับลักษณะทาง
- ต้นลกู ต้นท่ี 3 เปน็ ลกู ของ ต้นพอ่ แม่ ต้นที่ 7 (พอ่ ) กบั ตน้ ท่ี 2 (แม)่
- ตน้ ลูกตน้ ท่ี 4 เป็นลูกของ ต้นพ่อแม่ ตน้ ท่ี 8 (พอ่ ) กบั ตน้ ที่ 4 (แม่) พันธุกรรมของพชื
8.3 นักเรียนจัดกลุ่มลูกกับพ่อแม่ได้อย่างไร (พิจารณาจากลักษณะต่าง ๆ C2, C5 วิเคราะห์และจับคู่ต้นพืช
ของต้นพืชรุ่นลูก และต้นพืชรุ่นพ่อแม่ ท่ีมีลักษณะเหมือนหรือ
คล้ายคลงึ กัน) รนุ่ ลกู กับต้นพืชรุ่นพ่อแม่
C4 นาเสนอผลการจัดกลุม่
9. ครูยกตัวอย่างผลการจับคู่ต้นพืชรุ่นลูกกับต้นพืชรุ่นพ่อแม่ของนักเรียนมา
1-2 คู่ และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม ตามแนวคาถาม ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
ดงั นี้ จากน้นั ใหน้ ักเรียนบันทกึ ผลลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม หนา้ 68-69 ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
กรณีท่ีต้นพืชรุ่นลูกต้นท่ี 1 เป็นลูกของพืชรุ่นพ่อแม่ ต้นท่ี 1 (พ่อ) แนวคาตอบ ครูควรให้เวลา
กบั ตน้ ที่ 5 (แม่) นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม
9.1 ลักษณะใดของลูกท่ีเหมือนท้ังพ่อและแม่ (นักเรียนตอบตามข้อมูลท่ี รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง
บันทึกในตาราง เช่น ลักษณะของลาต้น ลาต้นเทียม รูปร่างของใบ แนวความคดิ ของนกั เรยี น
สีใบ ลักษณะของดอก)
9.2 ลกั ษณะใดของลูกท่ีเหมือนเฉพาะพ่อ (นกั เรียนตอบตามข้อมูลท่ีบันทึก
ในตาราง เช่น ต้นลกู ไมม่ ลี ักษณะใดทีเ่ หมือนเฉพาะตน้ พ่อ ซง่ึ ในพ่อแม่
ลูกกลุ่มอื่น ลูกอาจมีลักษณะบางอย่างเหมือนเฉพาะพ่อได้ เช่น ลูกต้น
ท่ี 4 เป็นลูกของต้นที่ 8 (พ่อ) และต้นที่ 4 (แม่) ซ่ึงพบว่าต้นลูกมี
ลักษณะของกลีบปากสีขาวและมีจุดประสีม่วงเข้มเหมือนต้นพ่อ และ
ต้นลูกมีลักษณะลายบนใบเหมือนต้นที่ 8 (พ่อ) ส่วนต้นท่ี 4 (แม่) ไม่มี
ลายบนใบ)
9.3 ลักษณะใดของลูกท่ีเหมือนเฉพาะแม่ (นักเรียนตอบตามข้อมูลที่บันทึก
ในตาราง เช่น ต้นลูกไม่มีลักษณะใดที่เหมือนเฉพาะต้นแม่ ซ่ึงในพ่อแม่
ลูกกลุ่มอ่ืน ลูกอาจมีลักษณะบางอย่างเหมือนเฉพาะแม่ได้ เช่น
สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 197
คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 สง่ิ มชี ีวติ
ลูกต้นท่ี 3 เป็นลูกของต้นท่ี 2 (พ่อ) และ ต้นที่ 7 (แม่) ซึ่งพบว่าต้น ถ้านักเรียนไม่สามารถตอบ
ลกู มลี กั ษณะใบชายตง้ั ขน้ึ เหมอื นต้นแม่) ค า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด้ ต า ม
9.4 ลกั ษณะใดของพชื รุ่นลกู ท่แี ตกต่างจากท้ังพ่อและแม่ และแตกต่างกัน แนวคาตอบ ครูควรให้เวลา
อย่างไร (นักเรียนตอบตามข้อมูลท่ีบันทึกในตาราง เช่น ในกรณีลูก นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม
ต้นที่ 1 มีสีของกลีบดอกที่แตกต่างจากต้นพ่อและต้นแม่ แต่เป็นสีท่ี รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง
เกิดจากการผสมสีของต้นพ่อและต้นแม่ นั่นคือ ลูกมีกลีบดอกสีส้ม แนวความคดิ ของนักเรยี น
ที่กลางกลีบปากมีสีเหลือง ซึ่งกลีบดอกสีส้มเกิดจากการผสมของ
สีเหลือง (พ่อ) กับสีแดง (แม่) ส่วนสีเหลืองท่ีกลางกลีบปากได้มาจาก การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู
ทงั้ พ่อและแม)่ เพอื่ จัดการเรียนรู้ในครง้ั ถดั ไป
9.5 ลักษณะต่าง ๆ ท่ีปรากฏในต้นพืชรุ่นลูก เกิดขึ้นได้อย่างไร (ต้นพืช
รุ่นลูกมีลักษณะต่าง ๆ เพราะได้รับการถ่ายทอดมาจากต้นพืช ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ ทา
รุ่นพอ่ แม)่ กิจกรรมที่ 1.2 ลักษณะทางพันธุกรรมของ
9.6 ลักษณะใดท่ีเป็นลักษณะทางพันธุกรรมของพืช เพราะเหตุใด สัตว์มีอะไรบ้าง ครูต้องเตรียมสื่อต่าง ๆ
(ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช เช่น รูปร่างของลาต้น ใบ และดอก เพื่อใชใ้ นการเรยี นการสอนดังนี้
สีของลาต้น ใบ และดอก เพราะเป็นลักษณะที่มีการถ่ายทอดจากรุ่น
พอ่ แมไ่ ปสรู่ ุ่นลูก) 1. บัตรภาพครอบครัวของสัตว์ ซ่ึง
10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า พืชมีการถ่ายทอด สามารถดาวน์โหลดไฟล์บัตรภาพ
ลักษณะทางพันธุกรรมจากต้นพืชรุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก ลักษณะทาง โดยการสแกน QR Code ในหนงั สือ
พันธุกรรมของพืชมีหลายลักษณะ เช่น ลักษณะลาต้น รูปร่างของใบ เรียนหน้า 83 นามาพิมพ์สี และ
เส้นใบและลายบนใบ รูปร่างของดอก สีดอก ลักษณะของกลีบดอก ซ่ึง จัดเป็นชุดบัตรภาพ เพ่ือให้นักเรียน
ลักษณะเหล่าน้ีของลูกบางอย่างอาจเหมือนพ่อ เหมือนแม่ เหมือนท้ังพ่อ แตล่ ะกลมุ่ ใช้สาหรบั ทากิจกรรม
และแม่ หรอื แตกต่างจากทัง้ พ่อและแม่ได้ (S13)
11. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือตอบคาถามใน ฉันรอู้ ะไร โดยครูอาจใช้ 2. บัตรคาช่ือสัตว์ที่หลากหลายและ
คาถามเพิ่มเติมในการอภปิ รายเพ่ือใหไ้ ดแ้ นวคาตอบท่ีถูกต้อง ครบทั้ง 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลา
12. นักเรยี นอา่ น สิ่งทีไ่ ด้เรียนรู้ และเปรียบเทยี บกบั ข้อสรุปท่ีไดจ้ ากการ กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะ เ ทิ น บ ก
อภปิ ราย กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มสัตว์ปีก
13. ครกู ระต้นุ ใหน้ ักเรยี นฝึกตั้งคาถามเกยี่ วกบั เร่ืองทีส่ งสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม
ใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ เพ่ือใช้ในการตรวจสอบความรู้เดิม
ตนเองหน้าช้ันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคาถามที่ ของนักเรียน
นาเสนอ
14. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด
แล้วบนั ทึกลงในแบบบนั ทึกกิจกรรมหน้า 71
198 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่งิ มีชีวติ
บตั รภาพตน้ พืชรุน่ ลกู
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 199
คมู่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 สง่ิ มีชีวติ
บัตรภาพต้นพืชร่นุ พอ่ แม่
200 สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 ส่งิ มชี ีวติ
ที่มาของบตั รภาพ 201
1. กล้วยไมแ้ คทลยี า สวนชนกนนั ท์ออคิด
2. กล้วยไม้รองเท้านารี คุณเศรษฐพสั สืบพงศภ์ ญิ โญ
3. เฟินชายผ้าสดี า คุณวรรณา พินจิ ไพทูรย์
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 สิง่ มีชีวติ
ความรู้เพิ่มเตมิ สาหรับครู
ลักษณะและโครงสรา้ งของพืชทีใ่ ช้ในกิจกรรม 1.1
กล้วยไม้ แคทลียา
202 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 สิง่ มีชีวติ
ความรเู้ พ่มิ เตมิ สาหรับครู
ลกั ษณะและโครงสร้างของพืชท่ีใชใ้ นกิจกรรม 1.1
กล้วยไม้ รองเทา้ นารี
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 203
คู่มอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 5 ส่ิงมีชีวติ
ความร้เู พิ่มเติมสาหรับครู
ลกั ษณะและโครงสรา้ งของพืชทใ่ี ชใ้ นกิจกรรม 1.1
เฟิน ข้าหลวงหลังลาย
204 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 สิ่งมชี ีวิต
ความรเู้ พม่ิ เตมิ สาหรบั ครู
ลกั ษณะและโครงสร้างของพืชทใี่ ช้ในกิจกรรม 1.1
เฟนิ ชายผ้าสดี า (แบบท่ี 1)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 205
คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 5 สิ่งมีชีวิต
ความร้เู พิ่มเติมสาหรบั ครู
ลักษณะและโครงสรา้ งของพืชทใ่ี ชใ้ นกจิ กรรม 1.1
เฟนิ ชายผา้ สดี า (แบบที่ 2)
206 สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 5 สง่ิ มีชีวติ
แนวคาตอบในแบบบันทึกกจิ กรรม
สงั เกต วิเคราะห์ และอธบิ ายลักษณะทางพนั ธุกรรมของพืชที่มีการ
ถา่ ยทอดจากรุน่ พ่อแม่สู่รุ่นลูก
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 207
ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยท่ี 5 สิ่งมชี ีวิต
ลักษณะใบ ลักษณะกลบี ดอก ลกั ษณะสดี อก
ลาต้นเทยี มเป็นขอ้ ปลอ้ ง ใบสีเขยี ว รปู ร่างยาวรี ขอบเรยี บ มี 6 กลบี กลีบปากมขี อบหยัก กลบี ดอกสีสม้ ตรงกลางของ
กลีบปากสเี หลือง
ลาตน้ เทยี มเปน็ ข้อ ปลอ้ ง
1 (พอ่ ) ลาต้นเทยี มเป็นขอ้ ปลอ้ ง ใบสีเขยี ว รปู ร่างยาวรี ขอบเรียบ มี 6 กลบี กลบี ปากมขี อบหยัก กลบี ดอกสีเหลือง ตรงกลาง
5 (แม่) ใบสีเขยี ว รปู ร่างยาวรี ขอบเรียบ มี 6 กลบี กลบี ปากมขี อบหยกั ของกลีบปากสีแดง
ไม่เห็นลาต้น กลีบดอกสเี หลอื ง ตรงกลาง
3 (พอ่ ) ของกลบี ปากสแี ดง
6 (แม่) ไม่เห็นลาตน้
ไมเ่ ห็นลาตน้ ปลายใบเปน็ แฉก ขอบหยัก ไมม่ ีดอก ไมม่ ีดอก
ปลายใบเป็นแฉก ขอบหยกั ไม่มดี อก ไมม่ ีดอก
ปลายใบเปน็ แฉก ขอบหยกั ไมม่ ีดอก ไม่มดี อก
208 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 5 สง่ิ มชี ีวิต
7 (พ่อ) ไมเ่ ห็นลาต้น ลกั ษณะใบ ลกั ษณะกลีบดอก ลกั ษณะสีดอก
2 (แม่) ไม่มีดอก ไมม่ ดี อก
ไมเ่ ห็นลาตน้ มี 2 แบบ ใบกาบควา่ ลง
8 (พอ่ ) ไมเ่ ห็นลาตน้ ใบชายต้ังขึ้นเปน็ แฉก ไมม่ ีดอก ไม่มดี อก
4 (แม)่ ไม่มดี อก ไมม่ ดี อก
ไมเ่ หน็ ลาตน้ มี 2 แบบ ใบกาบตง้ั ขึน้
ไมเ่ ห็นลาต้น ใบชายหอ้ ยลง เปน็ แฉก
ไมเ่ ห็นลาตน้
มี 2 แบบ ใบกาบคว่าลง
ใบชายตั้งขน้ึ เป็นแฉก
ใบรูปร่างยาวรีสีเขียว มีจุดประสขี าว มี 3 กลบี ดอกเป็นแผ่นกลม กลบี ดอกสีมว่ งแดงเข้ม
มีจุดประสขี าวทีข่ อบ มีจดุ ประสขี าวท่ีขอบ
ตน้ พ่อ ใบรปู ร่างยาวรีสเี ขียว
มีจุดประสขี าว ตน้ พอ่ มี 3 กลบี เป็นแผน่ กลม ตน้ พ่อ กลีบดอกสีมว่ งแดงเขม้
กลีบปากเปน็ กระเปาะ มีจดุ ประสขี าวที่ขอบ
ต้นแม่ ใบรปู ร่างยาวรีสเี ขยี ว
มีจุดประสีขาว ตน้ แม่ มี 3 กลีบเปน็ แผน่ กลม ต้นแม่ กลีบดอกสมี ่วงแดงเขม้
กลีบปากเปน็ กระเปาะ มจี ุดประสขี าวทีข่ อบ
กลีบปากสีขาวลว้ น
ลกั ษณะของลาต้น ใบ ดอก
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 209
คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 5 สิ่งมชี ีวติ
รู้ไดจ้ ากการสังเกต และเปรียบเทียบลักษณะตา่ ง ๆ ของต้นพืชร่นุ ลกู และตน้ พชื รุน่ พ่อแม่
ได้ โดยตน้ พืชรุ่นลกู อาจมีลกั ษณะบางอยา่ งทเ่ี ปน็ ลกั ษณะของตน้ พืชร่นุ พอ่ แม่ เช่น ต้นพ่อมดี อก
สีแดง ตน้ แม่มดี อกสขี าว ตน้ ลูกมดี อกทง้ั สีแดงและสีขาว หรือเปน็ ลักษณะทีไ่ ม่พบในรุน่ พ่อแม่
เชน่ ตน้ พ่อมดี อกสแี ดง ตน้ แม่มีดอกสีขาว แตต่ น้ ลูกมีดอกสีชมพูซง่ึ แตกต่างจากรนุ่ พ่อแม่
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพืช เช่น ลักษณะของลาต้น ใบ ดอก เพราะเป็นลกั ษณะท่ีมี
การถา่ ยทอดจากรนุ่ พ่อแม่ไปส่รู ุ่นลกู
เมือ่ สังเกตรูปร่างลักษณะของลาตน้ ใบ ดอก สขี องลาต้น ใบ ดอก ของต้นพชื รุน่ ลูก
และตน้ พืชร่นุ พ่อแม่ พบว่าต้นพืชรุ่นลูกมลี ักษณะบางอย่างเหมอื นตน้ พ่อ บางอยา่ ง
เหมอื นต้นแม่ บางอย่างเหมือนทงั้ ต้นพ่อต้นแม่ บางอย่างแตกตา่ งจากทั้งตน้ พ่อตน้ แม่
ลักษณะทางพันธกุ รรมของพืชเป็นลักษณะท่ีมีการถ่ายทอดจากรนุ่ พ่อแมไ่ ปสู่ร่นุ ลกู ซ่ึงมี
หลายลกั ษณะ เช่น ลักษณะลาต้น รปู ร่างของใบ เส้นใบและลายบนใบ รูปร่างของดอก
สดี อก ลกั ษณะของกลบี ดอก
210 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี