The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aomsin3692, 2021-11-08 11:07:07

บทที่ 1

บทที่ 1

จรรยาบรรณทางธรุ กิจ 351

3. จรรยาบรรณของผู้ประกอบวชิ าชพี บญั ชี
ราชกิจจานเุ บกษา (2553: 71-74) หลกั การพน้ื ฐานของจรรยาบรรณ คือ แนวคิดหรือ

หลักการสาคัญของจรรยาบรรณ สาหรับวิชาชีพบัญชีของประเทศไทย หลักการพื้นฐานดังกล่าว
แบ่งออกเป็นหัวข้อต่าง ๆ แสดงภายใต้หมวดที่ 1 ถึง หมวดที่ 7 ในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่
19 พ.ศ. 2553 ดงั น้ี

หมวดท่ี 2 ความโปร่งใส ความเปน็ อสริ ะ ความเที่ยงธรรม และ ความซอื่ สัตย์สุจริต
หมวดท่ี 3 ความรูค้ วามสามารถ และ มาตรฐานในการปฏบิ ตั งิ าน
หมวดท่ี 4 การรกั ษาความลบั
หมวดที่ 5 ความรบั ผดิ ชอบต่อผรู้ บั บริการ
หมวดที่ 6 ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้เป็นหุ้นส่วน บุคคล หรือ นิติบุคคลที่ผู้
ประกอบวชิ าชีพบัญชี ปฏิบตั หิ นา้ ทีใ่ ห้
หมวดที่ 7 ความรบั ผิดชอบต่อเพ่อื นรว่ มวิชาชีพ และจรรยาบรรณทั่วไป
หลักการพื้นฐานของจรรยาบรรณวิชาชีพแต่ละหัวข้อที่กล่าวไว้ในหมวดที่ 2
ถึง หมวดที่ 6 กาหนดข้ึนตามมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ. วิชาชีพบัญชีพ.ศ. 2547 ซึ่งกาหนดให้อย่าง
น้อยต้องประกอบด้วยเร่ืองดังกล่าว ส่วนในหมวดท่ี 7 นั้น ได้กาหนดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ
จรรยาบรรณวิชาชีพบัญชีท่ีกาหนดโดยสหพันธ์นักบัญชีนานาชาติ International Federation of
Accountants (IFAC)
4. มรรยาทของผสู้ อบบัญชี
ราชกิจจานุเบกษา (2543:.578-582) ผู้สอบบัญชีซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านบัญชี
มีจรรยาบรรณท่ีกาหนดไว้เป็นแนวปฏิบัติซ่ึงเรียกว่า “มรรยาทของผู้สอบบัญชี”.ความมุ่งหมาย
ในการกาหนดมรรยาทของผู้สอบบัญชีข้ึนก็เพื่อให้ผู้สอบบัญชีมีความเป็นอิสระ มีระเบียบวินัยและมี
คติธรรม เกี่ยวกับเรื่องมรรยาทของผู้สอบบัญชี ในสหรัฐอเมริกาสมาคมวิชาชีพเป็นผู้กาหนดข้ึนและ
ได้ผ่านการรับรองโดยสมาชิกของสมาคมเพ่ือปฏิบัติตาม ส่วนในประเทศไทยได้มีบัญญัติไว้เป็นกฎกระทรวง
ฉบับท่ี 4 .(พ.ศ.. 2534) .ออกตามความในพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ.. 2505 ให้ไว้ ณ วันที่ 15 มิถุนายน
พ.ศ. 2534 กาหนดมรรยาทของผู้สอบบัญชีไวด้ งั น้ี
4.1 ความเปน็ อิสระ ความเทีย่ งธรรม และความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต

4.1.1 ไม่รับสอบบญั ชีในกิจการที่ตนขาดความเป็นอสิ ระ
4.1.2 ไม่รับสอบบัญชีในกิจการท่ีตนขาดความเป็นกลางโดยมีผลประโยชน์หรือ
ตาแหน่งเกี่ยวข้องกับกิจการนั้น หรือโดยเหตุอ่ืนท่ีอาจจะก่อให้เกิดความลาเอียง ยกเว้นค่าธรรมเนียม
ท่ีไดร้ ับจากการประกอบวชิ าชีพสอบบญั ชีหรือหนา้ ที่ในการประกอบวชิ าชีพอสิ ระอนื่ ท่ีเก่ียวกับกจิ การนั้น
4.1.3 ปฏบิ ตั กิ ารสอบบญั ชีดว้ ยความเทย่ี งธรรมและซ่อื สตั ยส์ ุจรติ

352 มนษุ ยสัมพนั ธท์ างธุรกิจ

4.1.4 ไม่ปกปิดข้อเท็จจริงหรือบิดเบือนความจริงอันเป็นสาระสาคัญ
ของงบการเงินท่ีตนลงลายมอื ชอื่ รับรองในรายงาน โดยการแสดงออกความเห็น ซ่ึงอาจทาให้เกิดการหลงผิด
และอาจเสยี หายแกก่ จิ การทสี่ อบบญั ชนี ัน้ หรอื แกบ่ คุ คลทีเ่ ก่ียวข้อง

4.2 ความรู้ความสามารถและมาตรฐานในการปฏบิ ัตงิ าน
4.2.1 ไมส่ อบบญั ชีในกจิ การทีเ่ กนิ ความรูค้ วามสามารถของตนทจี่ ะปฏบิ ตั งิ านได้
4.2.2 ปฏิบัติงานสอบบัญชีด้วยความระมัดระวังและรอบคอบตามมาตรฐาน

การสอบบัญชีที่รบั รองท่วั ไป
4.2.3 ไม่ลงลายมือชื่อรับรองในรายงาน โดยการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการ

คาดคะเนรายการใด ๆ ของกิจการท่ีตนรับสอบบัญชี เว้นแต่เป็นการสอบบัญชีหรือสอบมาตรฐาน
การสอบบญั ชีทร่ี ับรองทัว่ ไป

4.2.4 ไมล่ งรายมือชอื่ รบั รองในรายงานโดยการแสดงความเห็นในการสอบบัญชี
ของกิจการใดที่ตนมิได้ปฏิบัติงานสอบบัญชี หรือควบคุมการสอบบัญชีตามมาตรฐานการสอบบัญชี
รับรองท่ัวไป

4.2.5 ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นอ้างว่าตนเป็นผู้ทาการสอบบัญชีในกิจการใด โดยตน
มิได้ปฏิบตั ิงานสอบบญั ชีหรอื ควบคุมการสอบบัญชีในกจิ การนัน้

4.2.6 ให้บันทึกความเห็นไว้ในรายการสอบบัญชี เมื่อปรากฏว่ากิจการที่ตนรับ
สอบบัญชีนั้นมีการปฏิบัติท่ีขัดแย้งกับหลักการบัญชีท่ีรับรองท่ัวไปและมีผลกระทบท่ีสาคัญ
ตอ่ งบการเงิน

4.2.7 การลงรายมือช่ือรับรองโดยการแสดงความเห็นในรายงานการสอบบัญชี
โดยมีเงื่อนไข หรือโดยไม่แสดงความเห็น หรือโดยแสดงความเห็นว่า งบการเงินไม่ถูกต้อง
ต้องแสดงเหตุผลไวใ้ นรายงานนน้ั ด้วย

4.3 มรรยาทต่อลกู ค้า
4.3.1 ไม่เปิดเผยความลับของกิจการท่ีตนได้รู้มาในหน้าท่ีจากการสอบบัญชี

เว้นแต่กรณีทตี่ อ้ งให้ถ้อยคาในฐานะพยานตามกฎหมาย
4.3.2 ไมล่ ะทงิ้ การปฏบิ ัตงิ านสอบบัญชที ี่รบั ไวแ้ ลว้ โดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร

4.4 มรรยาทต่อเพอื่ นร่วมงาน
4.4.1 ไมแ่ ย่งงานสอบบัญชีจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตอ่นื
4.4.2 ไม่ทาการสอบบัญชีเกินกว่าที่ได้รับมอบหมายจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตอ่ืน

เวน้ แตจ่ ะได้รับอนุญาตจากผมู้ อบหมายนัน้
4.5 มรรยาททว่ั ไป
4.5.1 ไมก่ ระทาการใด ๆ อันอาจนามาซึ่งความเส่ือมเสยี เกียรติ ศักด์แิ หง่ วิชาชีพ
4.5.2 ไมโ่ ฆษณาหรอื ยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาด้วยประการใด ๆ ซึ่งการประกอบวิชาชีพ

สอบบัญชี เวน้ แต่การแสดงช่ือ คุณวฒุ ิ ที่อยู่ หรือช่อื และทต่ี ง้ั สานกั งานของตน

จรรยาบรรณทางธรุ กิจ 353

4.5.3 ไม่ให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ใด ๆ เพ่ือเป็นการจูงใจให้
บคุ คลอ่นื แนะนาหรือจดั หางานการสอบบัญชีให้ตนทา

4.5.4 ไม่เรียกหรือรับทรัพย์สินหรือประโยชน์จากบุคคลใดในเม่ือบุคคลนั้น
ได้รับงานเพราะการแนะนาหรือการจัดหางานของตนในฐานะท่ีเป็นผู้ตรวจ สอบบัญชีรับอนุญาต
ของกิจการนัน้

4.5.5 ไม่กาหนดค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทนโดยถือเอาอัตราสูงต่า
ของยอดเงินหรือมลู คา่ ของทรัพย์สินใดทีต่ นสอบบญั ชีหรอื มีสว่ นรว่ มในการสอบบัญชเี ปน็ เกณฑ์

ผสู้ อบบญั ชรี ับอนญุ าตที่กระทาการฝ่าฝืนมรรยาทตามที่กาหนดตามกฎกระทรวง
ข้างต้นน้ี จะไดร้ ับการพจิ ารณาโทษให้พักหรือเพิกถอนใบอนุญาตโดยคณะกรรมการวิชาชีพบัญชี (ก.บ.ช.)
ในระยะหลังน้ีมีผูส้ อบบญั ชรี บั อนุญาตหลายรายได้รบั โทษเน่ืองจากฝา่ ฝนื มรรยาท ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็น
กรณีท่มี ิได้ตรวจสอบหลักฐานทจี่ าเป็นกอ่ นทจ่ี ะลงลายมือชอ่ื รับรองการสอบบัญชี

อาศยั กฎกระทรวงว่าด้วยมรรยาทนเ้ี อง .(ก.บ.ช.).ไดอ้ อกประกาศเก่ียวกบั มาตรฐานการ
สอบบัญชแี ละแนวทางปฏิบัตใิ นการลงลายมือช่ือรบั รองการสอบบัญชีอกี ดว้ ย

5. จรรยาบรรณวชิ าชีพโฆษณา
5.1 หลกั พนื้ ฐาน
5.1.1 การโฆษณาทุกชิ้นจะต้องถูกกฎหมาย มีเกียรติ ซื่อสัตย์และนาเสนอ

ความจรงิ
5.1.2 การโฆษณาไม่ควรมีความขัดแย้งกับศีลธรรมอันดี และระเบียบสังคม
5.1.3 ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา ควรกระทาด้วยการตระหนักถึงการแสดง

ความรับผิดชอบต่อสังคมและอยู่ภายใต้หลักของการแข่งขันท่ียุติธรรมท่ีเป็นท่ียอมรับโดยท่ัวไป
ในวงการธุรกจิ

5.1.4 การโฆษณาตอ้ งไม่ทาใหส้ าธารณะชนเกิดความรสู้ ึกไมม่ ั่นใจในการโฆษณา
5.2 รายละเอียดปฏิบตั ิ

5.2.1 ประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามหลักปฏิบัติและวิชาการ
และอยภู่ ายใต้บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย

5.2.2 ไมท่ าการใด ๆ อันอาจนามาซ่งึ ความเสอื่ มเสียเกียรติ ศกั ด์แิ หง่ วชิ าชพี
5.2.3 มีความรับผิดชอบต่อสังคม และไม่ก่อให้เกิดความเส่ือมเสียในจริยธรรม
และวฒั นธรรมอันดงี าม
5.2.4 ไม่ควรกระทาการโฆษณาอันเป็นการดูหม่ินเช้ือชาติ ศาสนา หรือความเชื่อ
หรอื สงิ่ อนั เป็นทเ่ี คารพสกั การะของบุคคลทว่ั ไป
5.2.5 ไม่ควรกระทาการโฆษณาอันทาให้เกิดความสาคัญผิดในสาระสาคัญ
เก่ียวกับ สินค้า บริการ การแสดง หรืออ่ืน ๆ หรือโอ้อวดสรรพคุณจนเกินความจริงจนทาให้ผู้เห็นหรือ
ผฟู้ ังเกิดความสาคัญผิด

354 มนุษยสัมพันธ์ทางธรุ กิจ

5.2.6 ไม่ควรกระทาการโฆษณาโดยใช้ความเช่ือถือเก่ียวกับไสยศาสตร์
หรือเรือ่ งโชคลางมาเปน็ ขอ้ จูงใจ

5.2.7 ไม่ควรกระทาการโฆษณาโดยการเลียบแบบเครื่องหมายการค้า คาขวัญ
หรือข้อความสาคัญจากการโฆษณาของผู้อ่ืน อันทาให้ผู้อ่ืนเห็น หรือผู้อื่นได้ยินเกิดความเข้าใจผิด
หรอื ไขวเ้ ขวเกี่ยวกับสินคา้ บรกิ าร หรือการแสดงของผู้อ่นื

5.2.8 ไม่ควรกระทาการโฆษณาโดยใช้ศัพท์สถิติ ผลการวิจัย หรืออ้างอิง
รายงานทางวิทยาศาสตร์ในทางที่ไม่สมควร หรือทาให้เกิดความเข้าใจผิด โดยที่สินค้านั้นไม่มีคุณสมบัติ
ตามท่ีอ้าง

5.2.9 ไม่ควรกระทาการโฆษณาโดยอ้างถึงตัวบุคคล หรือสถาบัน โดยที่ตัวบุคคลหรือ
สถาบนั นนั้ ไมม่ ตี ัวตนอยจู่ ริงและไม่ไดใ้ ชส้ นิ ค้าและบริการ หรือชมการแสดงนั้นจรงิ

5.2.10 ไม่ควรกระทาการโฆษณาอันอาจมีผลเป็นอันตรายต่อเด็กหรือผู้เยาว์
ท้ังทางร่างกาย จิตใจหรือทาให้ขาดความรู้สึกผิดชอบ หรือโดยอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบุคคล
ดงั กลา่ วมาใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการจงู ใจโดยไม่สมควร

6. จรรยาบรรณหนงั สือพมิ พ์
เพื่อให้สถาบันหนังสือพิมพ์เป็นท่ีเชื่อถือของประชาชนจึงเห็นสมควรกาหนด

จรรยาบรรณของผปู้ ระกอบวิชาชีพ หนังสอื พมิ พ์ ดงั ต่อไปน้ี
6.1 การส่งเสรมิ และรักษาไว้ซ่ึงเสรีภาพของหนังสือพิมพ์เปน็ ภารกิจอันมีความสาคัญ

เหนืออื่นใด สาหรับผปู้ ระกอบวิชาชพี หนงั สอื พมิ พ์
6.2 การเสนอข่าว ภาพ หรือการแสดงความคิดเห็น ต้องเป็นไปด้วยความสุภาพ

สจุ ริต ปราศจากความมุ่งหวงั ในประโยชนส์ ว่ นตน หรอื อามิสสินจ้างใด ๆ
6.3 การเสนอข่าว ต้องเสนอแต่ความจริงพึงละเว้นการต่อเติมเสริมแต่งหากปรากฏ

ว่าขา่ วใดไมต่ รงต่อความจรงิ ต้องรีบแกไ้ ขโดยเร็ว
6.4 การท่ีจะให้ได้ข่าว.ภาพหรือข้อมูลอย่างใด ๆ มาเป็นของตน ต้องใช้วิธีการ

ที่สภุ าพและซือ่ สัตย์
6.5 ต้องเคารพต่อความไว้วางใจท่ีได้รับมอบหมาย จากการปฏิบัติหน้าท่ีในวิชาชีพ

ของตน
6.6 ต้องปฏิบัติหน้าท่ีของตนโดยถือเอาสาธารณประโยชน์เป็นสาคัญไม่ใช้ตาแหน่ง

หนา้ ท่ขี องตนโดยถอื เอาสาธารณประโยชน์เป็นสาคัญ ไม่ใช้ตาแหน่งหน้าท่ีแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
หรือหมคู่ ณะโดยมชิ อบ

6.7 ต้องไม่กระทาการใด ๆ อนั เปน็ การบั่นทอนเกียรติคุณของวิชาชีพ หรือความสามัคคี
ของเพ่อื นร่วมวชิ าชีพ

จรรยาบรรณทางธุรกิจ 355

7. จรรยาบรรณของผูใ้ ชค้ อมพิวเตอรแ์ ละอนิ เตอร์เนต็ โดยแบง่ เปน็ รายละเอียดดังน้ี
7.1 จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์
ส มา คมก า ร จั ด กา ร กา ร ป ร ะมว ล ผ ล ข้อมูล .(Data.Processing.Management

Association.DPMA).แ ห่ ง ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ไ ด้ ก า ห น ด จ ร ร ย า บ ร ร ณ ข อ ง นั ก ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ .เ พ่ื อ ใ ห้
นกั คอมพวิ เตอรซ์ ึ่งเป็นสมาชกิ ของสมาคมยึดถือเปน็ แนวปฏบิ ตั ิดงั นี้

ข้าพเจ้ารบั ทราบ : ข้าพเจา้ ตกลงท่จี ะบริหารและจัดการขอ้ มลู ดังนี้
7.1.1 ข้าพเจ้าจะให้การสนับสนุนการเรียนรู้ เพื่อความเข้าใจในการประมวลข้อมูล

ด้วยวิธีต่าง ๆ ตลอดท้ังขั้นตอนในการจัดการ รวมทั้งการใช้ทรัพยากรข้อมูลทุกประการภายใต้
ความรบั ผิดชอบของข้าพเจ้า

7.1.2 ข้าพเจา้ ตกลงร่วมกับสมาชิกผ้รู ่วมงานในการใช้แนวคิดสาหรับการจัดการ
ข้อมูลตามที่สมาคมการจัดการประมวลผลข้อมูลกาหนดเสมือนเป็นกฎเกณฑ์สากล ยิ่งกว่าน้ันข้าพเจ้า
และผู้รว่ มงานจะปฏบิ ัติต่อกนั ดว้ ยความซ่ือสัตยส์ ุจริตและยตุ ิธรรมตลอดเวลา

7.1.3 ข้าพเจ้ายินดีและตกลงที่จะรับผิดชอบต่อสังคมในเร่ืองข้อมูลข่าวสาร
น่ันคือใช้ความสามารถในการเผยแพร่ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มากที่สุด นอกจากนั้น
ข้าพเจา้ จะไม่นาข้อมลู ทเ่ี ปน็ ความลบั และขอ้ มูลท่ีเปน็ สว่ นตัวของบุคคลอนื่ มาใชเ้ พ่ือตนเอง

7.1.4 ข้าพเจ้าตกลงและยินยอมทาตามนายจ้างด้วยความวิริยะ อุตสาหะ
ยตุ ธิ รรมท่ีสุดเทา่ ทีค่ วามสามารถจะเออ้ื อานวย พร้อมทั้งใหค้ าชี้แจงในดา้ นตา่ ง ๆ แก่นายจ้างดว้ ยวิธีการ
ทช่ี าญฉลาดและซอื่ สตั ย์

7.1.5 ข้าพเจ้ายินยอมในเรื่องความรับผิดชอบส่วนบุคคล เม่ือได้เข้ามาอยู่
ในสมาคมน้ีและตกลงใจทีจ่ ะปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บโดยเครง่ ครดั ตลอดไป

7.2 จรรยาบรรณของผูใ้ ชซ้ อฟต์แวร์ (Software Code of Ethics)
สมาคมผู้ผลิตซอฟต์แวร์ (Software Publishers Association - SPA) ได้กาหนด

จรรยาบรรณของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เพื่อให้สมาชิกของสมาคมยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์
เพ่ือกาหนดนโยบายขององค์การท่ีเกี่ยวข้องกับการคัดลอก (Copy).ซอฟต์แวร์ พนักงานทุกคนจะต้องใช้
ซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตเท่าน้ัน การคัดลอก (Copy).ซอฟต์แวร์ที่มีใบอนุญาตอยู่แล้วสามารถ
จะกระทาได้เพ่ือการสารองข้อมูล นอกเหนือจากน้ันถือว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
และการคัดลอกซอฟต์แวรท์ ไ่ี ม่ได้รบั อนุญาตถือวา่ ผดิ กฎหมายดว้ ย

รายละเอียดตอ่ ไปนจ้ี ะเป็นขอ้ ตกลงในเร่ืองใบอนุญาตในการใชซ้ อฟต์แวร์
7.2.1 เราจะใชซ้ อฟตแ์ วร์ตามทไ่ี ดร้ ับใบอนญุ าตให้ใช้
7.2.2 ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการแจกจ่ายให้พนักงาน
ในองค์กรใช้อย่างท่ัวถึง พนักงานจะต้องไม่คัดลอก (Copy).ซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต.นอกจาก
เพอ่ื การสารองขอ้ มูลเท่าน้นั

356 มนษุ ยสมั พนั ธ์ทางธุรกิจ

7.2.3 เราจะไม่ฝืนใช้ซอฟต์แวร์ที่ได้มาจากการคัดลอก.(Copy).ที่ไม่ได้รับ
อนญุ าต หากมีผูห้ นงึ่ ผใู้ ดยังคงดาเนินการอยา่ งผดิ ๆ อยู่ถือว่ามีความผิดทางวินัย และทางอาญา เช่น
ถูกลงโทษโดยการปรับ และจาคุกในท่ีสดุ

7.2.4 พนักงานของบริษัทจะต้องไม่ให้ซอฟต์แวร์แก่บุคคลภายนอก เช่น ลูกค้า
และคนทีร่ ูจ้ ัก

7.2.5 หากพนักงานคนใดถูกพิจารณาว่าขาดความรู้ ความเข้าใจในการใช้
ซอฟต์แวร์ เป็นความจาเปน็ เรง่ ดว่ นทีจ่ ะตอ้ งไดร้ บั คาปรกึ ษาหารือหรือใหผ้ จู้ ัดการมาชว่ ยดแู ล

7.2.6 ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ท่ีใช้อยู่ในองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์นั้น จะต้องมีการ
จัดซ้ือจดั หาดว้ ยกรรมวธิ แี ละขน้ั ตอนทเ่ี หมาะสม

ข้าพเจ้าอ่านและรับทราบจรรยาบรรณนี้ ข้าพเจ้าจะได้ตระหนักถึงนโยบายเหล่านี้
อย่างเคร่งครัด

7.3 จรรยาบรรณสาหรบั ผใู้ ชอ้ นิ เตอรเ์ นต็
จรรยาบรรณเก่ยี วกับเวลิ ์ดไวดเ์ วบ็ World Wide Web (www.) ควรปฏิบตั ิดังน้ี
7.3.1 ห้ามใส่รูปภาพท่ีมีขนาดใหญ่ไว้ในเว็บเพจของท่าน เพราะทาให้ผู้ที่เรียกดูต้อง

เสียเวลามากในการแสดงภาพเหล่าน้ัน ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตส่วนมากเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโมเด็ม
ทาใหผ้ ู้เรยี กดรู ูปภาพขนาดใหญ่ เบ่อื เกินกว่าทจ่ี ะรอชมรปู ภาพนนั้ ได้

7.3.2 เม่ือเว็บเพจ Web.Page ของท่านต้องการสร้าง Link ไปยังเว็บเพจของผู้อ่ืน
ทา่ นควรแจ้งให้เจา้ ของเวบ็ เพจ น้ันทราบ ท่านสามารถแจง้ ได้ทางจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-mail)

7.3.3 ถ้ามีวิดีโอหรือเสียงบนเว็บเพจ ท่านควรระบุขนาดของไฟล์วิดีโอหรือไฟล์
เสียงไว้ด้วย (เช่น 10 KB, 2.MB เป็นต้น).เพ่ือให้ผู้เรียกดูสามารถคานวณเวลาท่ีจะใช้ในการ
ดาวนโ์ หลดไฟลว์ ดิ ีโอหรอื ไฟลเ์ สียงนน้ั

7.3.4 ท่านควรต้ังชื่อ URL.ให้ง่าย ไม่ควรมีตัวอักษรตัวใหญ่ปนกับตัวอักษรตัวเล็ก
ซ่ึงจาได้ยาก

7.3.5 ถา้ ท่านตอ้ งการเรยี กดขู ้อมลู จาก URL ทไี่ มท่ ราบแน่ชัดท่านสามารถเริ่มค้นหา
จาก Domain Address ไดโ้ ดยปกติ URL มกั จะเริ่มต้นด้วย www แลว้ ตามดว้ ยทีอ่ ยขู่ องเวบ็ ไซด์ เชน่

http : //www.rmutl.ac.th/
http : //www.chiangrai.rmutl.ac.th/
http : //www.google.co.th/
7.3.6 ถ้าเว็บไซด์ของท่านมี Link เชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่น ๆ ด้วยรูปภาพ
เท่าน้ัน อาจทาให้ผู้เรียกดูท่ีใช้โปรแกรมบราวเซอร์ที่ไม่สนับสนุนรูปภาพ ไม่สามารถเรียกชมเว็บไซด์ของ
ทา่ นได้ ทา่ นควรเพิ่ม Link ทีเ่ ป็นตวั หนังสอื เพื่อเชอ่ื มโยงไปยงั เวบ็ เพจอ่นื ๆ ด้วย
7.3.7 ท่านไม่ควรใส่รูปภาพท่ีไม่มีความสาคัญต่อข้อมูลบนเว็บเพจ เน่ืองจากไฟล์
ของรูปภาพมีขนาดใหญ่ ทาให้เสียเวลาในการเรยี กดูและสิน้ เปลอื ง Bandwidth โดยไม่จาเป็น

จรรยาบรรณทางธรุ กจิ 357

7.3.8 ท่านควรป้องกันลิขสิทธ์ของเว็บไซด์ด้วยการใส่เครื่องหมาย.Trademark
(TM) หรือเคร่อื งหมาย Copyright ไว้ในเว็บเพจแต่ละหน้าดว้ ย

7.3.9 ท่านควรใส่ E-mail.Address.ของท่านไว้ด้านล่างของเว็บเพจ แต่ละหน้า
เพื่อให้ผู้เรียกชมสามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือติดตอ่ ทา่ นได้

7.3.10 ท่านควรใส่ URL ของเว็บไซด์ไว้ด้านล่างของเว็บเพจแต่ละหน้าด้วย
เพือ่ เปน็ แหล่งอ้างองิ ในอนาคตสาหรับผูท้ ่ีสง่ั พิมพเ์ ว็บเพจนั้น

7.3.11 ท่านควรใส่วันที่ของการแก้ไขข้อมูลบนเว็บไซด์ครั้งสุดท้ายไว้ด้วย
เพือ่ ให้ผู้เรยี กชมทราบว่าข้อมลู ท่ีไดร้ บั นัน้ มีความทนั สมัยเพียงใด

7.3.12 หา้ มไม่ให้เวบ็ ไซดข์ องท่านมีเนอื้ หาทลี่ ะเมิดลิขสิทธ์ิ มีเนื้อหาท่ีตีความไป
ในทางลามกอนาจาร หรือการใช้ความรุนแรง เนื้อหาที่ขัดกฎหมาย ผู้จัดทาเว็บไซด์จะต้องเป็น
ผรู้ ับผิดชอบตอ่ เน้ือหาและข้อมลู ทั้งหมดในเว็บไซดน์ น้ั

บัญญัติ.10.ประการเป็นจรรยาบรรณที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยึดถือไว้ เสมือนเป็นแม่บท
ของการปฏิบัติ ผู้ใชพ้ งึ ระลกึ และเตือนความจาเสมอ

1. ตอ้ งไม่ใชค้ อมพวิ เตอรท์ าร้าย หรือละเมิดผู้อืน่
2. ตอ้ งไมร่ บกวนการทางานของผอู้ น่ื
3. ตอ้ งไม่สอดแนม แกไ้ ข หรอื เปดิ ดแู ฟม้ ข้อมูลของผูอ้ ่นื
4. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพวิ เตอรเ์ พอ่ื การโจรกรรมข้อมลู ข่าวสาร
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอรส์ ร้างหลักฐานท่ีเป็นเท็จ
6. ตอ้ งไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นท่มี ลี ขิ สทิ ธิ์
7. ต้องไม่ละเมดิ การใชท้ รัพยากรคอมพิวเตอรโ์ ดยที่ตนเองไม่มสี ทิ ธ์ิ
8. ตอ้ งไม่นาเอาผลงานของผอู้ ื่นมาเปน็ ของตน
9. ตอ้ งคานึงถึงสิง่ ทีจ่ ะเกดิ ข้นึ กบั สงั คมอนั ติดตามมาจากการกระทาของท่าน
10. ต้องใช้คอมพวิ เตอร์โดยเคารพกฎระเบยี บ กติกาและมมี ารยาท

8. จริยธรรมของชนกรรมาชพี
ชนชั้นกรรมาชีพ ได้แก่ ผู้ที่หาเลี้ยงชีพโดยใช้แรงงาน.(ขายแรงงาน).ซ่ึงมีเกินความ

ต้องการในทุกยุคทุกสมัย เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของทุกประเทศ มักจะถูกเอาเปรียบและดูถูก
เป็นเบ้ียล่างต้องยอมต่อนายจ้าง เป็นความเหล่ือมล้าในสังคมมาก ปัจจุบันการศึกษาดีขึ้น ส่ือสารมวลชนเปิด
นักการศึกษาช่วยกระตุ้นความสานึกของชนกรรมาชีพให้รวมกาลังกัน เพ่ือเป็นพลังต่อรองเรียกร้องสิทธิ์
จึงมีการรวมกาลังกันเดินขบวน นัดหยุดงานเพื่อต่อรองเรียกร้องสิทธิ์ ประสบความสาเร็จไปแล้วไม่น้อย
ท่ีเกินกวา่ เหตุเลยเถิดก็มีไมน่ ้อย ชนกรรมาชีพต้องไม่ลมื ตัว ต้องดาเนินการไปตามเป้าหมาย การใช้พลัง
ผิดวัตถุประสงค์จะเกิดผลร้าย จึงจาเป็นต้องมีจรรยาบรรณเป็นหลัก.จรรยาบรรณของชนช้ัน
กรรมาชีพ มีดงั นี้

358 มนษุ ยสัมพันธ์ทางธุรกิจ

8.1 มีความเปน็ ผู้มคี ณุ ธรรมตอ่ ตนเองและนายจ้าง
8.2 พึงรสู้ กึ วา่ การทางานเปน็ อาชพี ไมใ่ ชธ่ ุรกจิ
8.3 พงึ มคี วามสุจริตในการรายงานผลงาน
8.4 พงึ ใช้เวลาว่างแสวงหาความร้เู พ่ิมเติมในด้านอาชีพ สงั คม วัฒนธรรม มนุษยธรรม
8.5 ร่วมมือกับบุคคลทุกฝ่ายในสังคมเพื่อสร้างสังคมอันสงบสุขและยุติธรรม
เจริญกา้ วหน้า
8.6 รบั ผดิ ชอบกจิ การอนั เป็นหน้าทีท่ ่ีได้รบั มอบหมาย
8.7 พึงถือว่าการทางานเป็นการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง และเป็นบริการสังคม
ในเวลาเดยี วกนั
8.8 พงึ ถือว่าสิทธทิ์ ุกอย่างตอ้ งมีหน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบควบคู่กนั ไป
8.9 พึงร่วมมือกับชนกรรมาชีพอื่น ๆ เพ่ือให้การทางานลื่นไหล มีประสิทธิภาพ
มากข้นึ โดยใช้แรงงานเทา่ เดิมหรือน้อยกว่า
8.10 พงึ มวี จิ ารณญาณและความยุติธรรมในการเรียกรอ้ งสิทธิต์ า่ ง ๆ
8.11 พึงรว่ มมือกบั ชนชนั้ กรรมาชพี อ่นื ๆ เพือ่ เรยี กรอ้ งสทิ ธิ์อนั ชอบธรรม
8.12 พึงมเี มตตาธรรมตอ่ ผทู้ ด่ี อ้ ยกว่าตนไมว่ า่ ในทางใด
8.13 ไม่เสนอตวั แยง่ งานท่ีมผี ทู้ าอยูแ่ ล้วและยังไม่หมดวาระ
8.14 งดเวน้ อบายมขุ ทกุ อย่าง
8.15 รับผิดชอบตอ่ ครอบครัว สง่ เสริมความสามารถของทายาท
9. จรรยาบรรณของนักธุรกจิ ผู้ประกอบการอตุ สาหกรรม
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้กาหนด “จรรยาบรรณ”.เพ่ือให้ผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมซ่ึงเป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯ และผู้ประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรมทั่วไป
ท่ีมีอุดมการณ์สอดคล้องกับอุดมการณ์ของสภาอุตสาหกรรมฯ ใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติในการ
ประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยยึดถือคุณธรรมและความจริงใจเป็นหลัก (ประกาศใช้เมื่อวันท่ี.18
มกราคม 2542) ดงั ต่อไปน้ี
9.1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของ
ประเทศ

9.1.1 ผปู้ ระกอบการอตุ สาหกรรม พึงมีความจริงใจในการร่วมมือกับ หน่วยงาน
หรือองค์การของรัฐ เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยอาศัยความชานาญการของตน
หรือสนับสนุนการวิจัย ท้ังนี้ โดยคานึงถึงศักยภาพของประเทศและความสามารถ
ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมร่วมด้วย เพ่ือประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ
ประเทศ

9.1.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม พึงนาเสนอข้อมูล เพ่ือประโยชน์ในการ
กาหนดนโยบาย และเสนอประเด็นปัญหา ข้อกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับที่มีผลโดยตรงต่อปัญหา

จรรยาบรรณทางธุรกจิ 359

และอุปสรรคในการบรหิ ารและการจดั การในการพฒั นาอตุ สาหกรรมตามความเป็นจริง ด้วยความสุจริตใจ
โดยมีข้อมลู สนับสนนุ ทถี่ ูกตอ้ งชดั เจน เพอื่ ให้กาหนดแนวทางแกไ้ ขไดส้ อดคลอ้ งกบั สภาพปัญหา

9.1.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องสนับสนุนนโยบายของรัฐในการพัฒนา
อุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ไม่เสนอปัญหาหรือแนวทางแก้ไขเพียงเพื่อประโยชน์ในการ
ประกอบธุรกิจและอตุ สาหกรรมของตนเอง

9.2 ผูป้ ระกอบการอุตสาหกรรม ต้องมคี วามรบั ผิดชอบในการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ
9.2.1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องคานึงถึงการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

ทันสมัย สะอาด ประหยัด มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดในการประกอบการและต้อง
คานึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และพัฒนาสิ่งแวดล้อม.เพื่อมิให้เกิดปัญหาแก่ธรรมชาติ
ชุมชนและสงั คม รวมท้ังตอ้ งดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายดว้ ย

9.2.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องคานึงถึงการใช้ทรัพยากรอ่ืนทดแทน
ทรพั ยากรธรรมชาติการพัฒนาหรอื สร้างสรรคท์ รัพยากรธรรมชาตขิ ึ้นใหม่เพ่ือทดแทนส่วนที่ใช้หมดไป
รวมทั้งต้องคานงึ ถึงการใชเ้ ทคโนโลยีในการพฒั นาหรือแปรรปู ทรัพยากรใหส้ ้นิ เปลืองน้อยทส่ี ุด

9.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องมีความรับผิดชอบในการติดต่อประสานงาน
กบั หนว่ ยราชการ

9.3.1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย
เพือ่ แสดงตนเปน็ พลเมอื งดี และเป็นแบบอย่างทีด่ ีของสังคม

9.3.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องร่วมมือกับภาครัฐหรือผู้มีอานาจ
ตามกฎหมาย ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม เช่น ข้ันตอนกระบวนการผลิต
การจัดเก็บสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แก่การควบคุมดูแลของทางราชการหรือเพ่ือให้
สาธารณชนรับร้ทู ้ังในสภาวะปกตหิ รอื เมอ่ื เกดิ สถานการณ์อันจาเป็น

9.3.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องไม่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือใช้โอกาส
นาเสนอผลประโยชน์ต่าง ๆ แก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ผู้รับผิดชอบ หรือผู้ท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือให้ได้มาซึ่งช่องทาง
ทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ปู้ ระกอบการโดยมชิ อบ ท้ังโดยทางตรงและทางอ้อม

9.4 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องมีความรับผิดชอบในการแข่งขันทางธุรกิจ
อุตสาหกรรม

9.4.1 การประกอบการใด ที่มีจรรยาบรรณหรือจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
กาหนดไว้ ผู้ประกอบการอตุ สาหกรรมต้องยึดถือปฏิบตั ิเปน็ ส่วนหนึ่งในการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม
อย่างเคร่งครัด

9.4.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต้องไม่ดาเนินการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซ่ึงข้อมูล
ของคู่แข่งขันโดยมิชอบ เพ่ือประโยชน์แก่การดาเนินธุรกิจของตนหรือเพื่อทาลายคู่แข่งขันทางธุรกิจ
และต้องไมใ่ ช้ความได้เปรยี บเพอื่ แสวงหาชอ่ งทางทาลายค่แู ขง่ ขนั ทางธุรกจิ

360 มนษุ ยสัมพนั ธท์ างธุรกิจ

9.4.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องไม่ละเมิดสิทธิทางปัญญาของผู้อื่น เช่น
ไม่ลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์สินค้า เครื่องหมายการค้า วิธีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ซ่ึงอาจทาให้
ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดในการเลือกซื้อสินค้า ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สินค้าต้นแบบหรือ
เจา้ ของสนิ ค้าเดมิ

9.5 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม.ตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ผ้บู รโิ ภค
9.5.1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม.ต้องไม่ผลิตสินค้าหรือให้บริการที่เป็น

ปฏิปักษ์ต่อสังคม หรือขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมของคนในสังคม หรือเป็นช่องทาง
ให้นาไปใช้บ่อนทาลายความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี เอกลักษณ์
ทางวัฒนธรรม หรือวถิ ชี วี ติ ที่ดีงามของคนในชาติ

9.5.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องคานึงถึงคุณภาพ มาตรฐานและความ
เป็นธรรมด้านราคาสินค้า ละเว้นการโฆษณาเกินความจริง ละเว้นความปลอมปนหรือกระทาการใด ๆ
เพอ่ื เอาเปรียบผบู้ รโิ ภคในดา้ น คณุ ภาพ มาตรฐาน และปรมิ าณสินค้าอยา่ งเดด็ ขาด

9.5.3 ในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
ต้องคานึงถึงความพึงพอใจและประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค หากสินค้าหรือบริการใดเสี่ยงต่อ
อันตราย ซึ่งผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลด้านส่ิงแวดล้อมของสินค้าหรือบริการน้ัน ๆ ผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมต้องดูแลจัดให้มีคาแนะนาในการใช้ หรือการบริการ หรือจัดทาป้ายคาเตือนหรือสัญลักษณ์
แสดงไวใ้ ห้ผบู้ ริโภคทราบ ท้ังนี้ ไม่วา่ จะมีบทบัญญัตขิ องกฎหมายกาหนดไว้หรอื ไม่ก็ตาม

9.5.4 ผูป้ ระกอบการอตุ สาหกรรม ตอ้ งไม่ใช้ข้อมูลหรือสถานการณ์ในภาวะวิกฤตใด.ๆ
เพ่ือประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อ่ืน ในการเก็บกักตุนสินค้าท่ีตนผลิต ซ่ึงอาจสร้ างความเดือดร้อน
ใหแ้ กผ่ ้บู ริโภค รวมทั้งไม่สร้างสถานการณ์ให้สังคมเกิดความต่ืนตระหนัก เพื่อประโยชน์ในการจาหน่ายสินค้า
หรอื การเกง็ กาไรท่ีทาใหผ้ ู้บริโภคได้รบั ความเสยี หาย

9.6 ผ้ปู ระกอบการอุตสาหกรรม ตอ้ งมคี วามรับผิดชอบตอ่ การใช้แรงงาน
9.6.1 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องดาเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมาย

ในการใช้แรงงานในการผลิตและประกอบการ การใช้แรงงานต่าง ๆ โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
หรือการใชช้ ่องว่างของกฎหมายเพ่ือประโยชน์ของผู้ประกอบการ เปน็ ส่ิงที่ไมค่ วรกระทา

9.6.2 ผปู้ ระกอบการอุตสาหกรรม ต้องใช้แรงงานหรือความชานาญของ ลูกจ้าง
ให้สอดคล้องกับความสามารถของลูกจ้าง ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาเพิ่มพูนทักษะ
ความชานาญของลูกจ้างตามความเหมาะสมจัดให้มีหลักประกันความมั่นคง และส่งเสริมความ
ก้าวหน้าในอาชพี ตามความสามารถของแต่ละบุคคล

9.6.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องให้ความสาคัญแก่แรงงานไทย
ก่อนแรงงานต่างชาติ การใช้แรงงานและผู้ชานาญการต่างชาติ ควรกระทาเฉพาะกรณีท่ีจาเป็น
ตามความเหมาะสม หรือตามขอ้ ตกลงในการถา่ ยทอดเทคโนโลยี ท้ังน้ี โดยต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ
ของกฎหมายและโดยคานึงถึงความม่ันคงของชาตดิ ้วย

จรรยาบรรณทางธรุ กิจ 361

9.6.4 ในการกาหนดอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง หรือผลประโยชน์ตอบแทนอ่ืน
และสวสั ดิการในการทางานของลกู จา้ ง นอกเหนือท่ีบทบัญญัติของกฎหมายกาหนดไว้แล้ว ผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมพึงพิจารณาความสามารถขององค์กร ที่จะจ่ายให้สอดคล้องกับความรู้ ความสามารถ
ของลูกจา้ ง

9.6.5 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องดูแลและปฏิบัติตามบทบัญญัติ
ของกฎหมายด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยในการทางานของลูกจ้าง ต้องจัดให้มีการฝึกอบรม
วิธีการทางานท่ีปลอดภัย ตลอดจนดูแลให้พนักงานใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยให้สอดคล้อง
กับบทบัญญตั ขิ องกฎหมาย

9.7 ผู้ประกอบการอตุ สาหกรรม ต้องมคี วามรับผิดชอบตอ่ สังคม
9.7.1 ในการประกอบธุรกิจและอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

ต้องคานึงถึงผลกระทบต่อพนักงานในสถานประกอบการ ต่อชุมชนและสังคม โดยเฉพาะต้องดูแล
ป้องกันและขจัดปัญหาด้านคว ามปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมท่ีอาจจะ เกิดขึ้น และต้องปฏิบัติตาม
บทบญั ญตั ิของกฎหมายโดยเคร่งครดั

9.7.2 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องปฏิบัติตามเป็นพลเมืองดี มีคุณธรรม
เป็นผู้สร้างงาน สร้างความเจริญให้แก่สังคม มีความรับผิดชอบในการชาระภาษีให้แก่ทางราชการ
โดยถูกตอ้ งตามบทบญั ญัติของกฎหมาย

9.7.3 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องรว่ มมือและสนบั สนุนการดาเนินกิจกรรมกุศล
สาธารณประโยชน์ร่วมกบั องค์การตา่ ง ๆ ตามความสามารถและความเหมาะสม ด้วยความสมัครใจโดยไม่หวัง
ผลในลักษณะการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจเป็นการตอบแทน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ต้องสร้างไมตรี
สัมพันธ์กับชุมชนที่สถานประกอบการอุตสาหกรรมเปิดดาเนินการหรือตั้งอยู่ โดยการแลกเปล่ียน
ความคิดเห็น การประชุมร่วมกัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนและการเอ้ือประโยชน์ แก่ชุมชน
เพ่อื การอยูร่ ่วมกนั อยา่ งสงบสขุ

10. จรรยาบรรณของมคั คุเทศกก์ ารท่องเท่ยี ว
มีคุณลกั ษณะทางจรยิ ธรรมในวิชาชพี อุตสาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว ดังต่อไปน้ี
10.1 มีความซอื่ สัตย์สจุ รติ ต่อตนเอง องคก์ ารและผรู้ บั บริการ
10.2 มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อหน้าท่ีการงานด้วยการต้ังใจทางานที่ได้รับ

มอบหมาย
10.3 มีไมตรีจิตและความสุภาพอ่อนโยน.ยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงความพร้อมอย่าง

จรงิ ใจทีจ่ ะใหบ้ ริการ
10.4 มีความอดทน ไมพ่ ูดจาโต้ตอบที่อาจก่อให้เกิดสถานการณท์ ี่ไม่พงึ ประสงค์
10.5 การมีจิตสานึกที่ดี ต่อส่ิงแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยดูแลรักษาอย่าให้

เกิดมลภาวะ

362 มนุษยสมั พนั ธท์ างธรุ กิจ

11. ระเบียบปฏิบัติจรยิ ธรรมวิชาชพี การทอ่ งเที่ยว
11.1 ผูใ้ ห้บริการต้องแต่งกายสะอาด เรยี บรอ้ ย
11.2 ตอ้ งซอื่ สัตย์ มคี วามนา่ เชือ่ ถอื ไว้วางใจ
11.3 รู้จักกาลเทศะ สถานการณแ์ ละตรงต่อเวลา
11.4 ไมเ่ สพสุรายาเมา แม้กระท่งั สูบบหุ รี่ขณะปฏบิ ตั ิงาน
11.5 ใหบ้ ริการด้วยความเต็มใจ จรงิ ใจ มมี นษุ ยสมั พนั ธ์
11.6 ตอ้ งมีทกั ษะในการสอื่ สาร
11.7 ตอ้ งมีจติ วญิ ญาณ เพอ่ื บรกิ าร รับผิดชอบต่อชุมชน สงั คม
11.8 ไม่ติดสนิ บน ลักทรพั ย์ยกั ยอกสิง่ ของผู้รับบรกิ ารหรอื ผู้รว่ มงาน

12. จรรยาบรรณของนักบริหารทรัพยากรมนุษย์
การประกอบวิชาชีพการบริหารทรัพยากรมนุษย์มีความจาเป็นต้องมีหลักจรรยาบรรณ

ในการปฏิบัติงาน ซึ่งการปฏิบัติงานของบุคลากรฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จะต้องตัดสินใจโดยใช้หลัก
จรรยาบรรณอยู่เสมอ ปัญหาทางจรรยาบรรณ เช่น บางคร้ังผู้จัดการไม่เห็นด้วยที่จะจ้างผู้หญิง
เข้าทางาน เนื่องจากการทางานของพนักงานหญิงต้องพึ่งพาพนักงานชาย ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จึงต้อง
ยึดมน่ั ในหลกั ความถกู ต้องเป็นธรรมไม่ใชต่ ดั สนิ ใจโดยยึดผลประโยชนข์ ององค์การแต่ฝ่ายเดยี ว

เพ่ือให้การประพฤติปฏิบัติของนักบริหารทรัพยากรมนุษย์มีมาตรฐานเดียวกัน
สมาคมนักบริหารทรัพยากรมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกาได้กาหนดจรรยาบรรณ.(Code.of.Ethics)
ของนักบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ไวด้ ังนี้

ในฐานะท่เี ป็นสมาชิกสมาคมการบริหารทรพั ยากรมนษุ ย์ ข้าพเจา้ ขอปฏญิ าณว่า
12.1 จะเชิดชแู ละรักษามาตรฐานสูงสุดของวิชาชีพและปฏบิ ตั ิตนอยา่ งเหมาะสม
12.2 จะมงุ่ มัน่ พฒั นาตนใหก้ ้าวหนา้ ในศาสตร์แห่งการบริหารทรพั ยากรมนุษย์
12.3 จะสนับสนุนเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของสมาคมเพื่อพัฒนาอาชีพ
การบริหารทรพั ยากรมนษุ ย์
12.4 จะขอให้นายจ้างให้ความเสมอภาคและความเป็นธรรมแก่พนักงานทุกคนเป็น
อนั ดบั แรก
12.5 จะมุ่งมั่นทาให้นายจ้างได้รับผลกาไรท้ังในด้านการเงิน ความร่วมมือ และให้มีระบบ
การจา้ งงานที่มีประสิทธิภาพ
12.6 จะทาให้พนักงานและสาธารณชนมีความเชื่อมั่นในการกระทาและความต้ังใจ
ของนายจา้ ง
12.7 จะรักษาไว้ซ่ึงความจงรักภักดีต่อนายจ้างและการดาเนินการให้บรรลุ
วตั ถปุ ระสงค์ของนายจ้าง ในทิศทางท่ีสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของสาธารณชน
12.8 จะสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการ
ปฏบิ ตั ภิ ารกิจของนายจ้าง

จรรยาบรรณทางธรุ กิจ 363

12.9 จะละเว้นการใช้ตาแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าเป็นปกติวิสัยหรือในกรณีการรับอาสา
ชว่ ยเหลอื ในกรณพี ิเศษ เพอ่ื ใหม้ ผี ลประโยชน์หรือมกี าไรเกิดข้นึ ตอ่ ตวั ขา้ พเจา้

12.10 จะรกั ษาไวซ้ ง่ึ ความลับขององคก์ าร
12.11 จะดาเนินการให้สาธารณชนมีความเข้าใจเก่ียวกับบทบาทของการบริหาร
ทรพั ยากรมนุษย์มากย่งิ ขน้ึ
จรรยาบรรณน้ี ก าหนดขึ้ นส าหรั บให้ สมาชิ กสมาคมการบริ หารทรั พยากร ม นุ ษ ย์
ถือปฏิบัติ เพ่ือยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านบุคคลให้สูงขึ้น และเป็นมาตรฐาน
ของผู้ประกอบวิชาชีพ สมาชิกของสมาคมต้องยึดม่ันปฏิบัติตามจรรยาบรรณนี้เพื่อสร้างความม่ันใจ
ให้แก่สาธารณชนและเพอ่ื ความเจริญมน่ั คงแหง่ วิชาชพี การบริหารทรัพยากรมนุษย์
13. จรรยาบรรณแหง่ วิชาชพี ของผู้ประกอบวชิ าชีพวิศวกรรมควบคมุ
ราชกิจจานุเบกษา (2543:.27) ข้อบังคับสภาวิศวกร ว่าด้วยจรรยาบรรณแห่ง
วิชาชีพวิศวกรรมและการประพฤติผิด จรรยาบรรณอันจะนามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่ง
วิชาชีพ พ.ศ..2543.ได้กาหนดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
ดงั ตอ่ ไปนี้
13.1 ไม่กระทาการใด ๆ อันอาจนามาซึ่งความเส่ือมเสยี เกียรตศิ ักด์แิ ห่งวชิ าชพี

บ ท บั ญ ญั ติ ใ น ข้ อ น้ี เ ป็ น ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ก ว้ า ง เ พ่ื อ ใ ห้ ค ร อ บ ค ลุ ม
พฤติกรรม หรือลักษณะการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกรผู้ได้รับใบอนุญาต
ให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความซ่ือสัตย์สุจริต ยึดมั่นอยู่ในหลักศีลธรรมอันดี มีความภาคภูมิในเกียรติศักดิ์
แหง่ วิชาชพี ของตนเอง

13.2 ตอ้ งปฏบิ ัตงิ านที่ได้รับทาอยา่ งถกู ต้องตามหลกั ปฏบิ ัติและวชิ าการ
บทบัญญัติในข้อนี้มวี ตั ถุประสงค์ในการควบคมุ ให้ผูป้ ระกอบวิชาชีพวิศวกรรม

ควบคุมที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร ต้องรับผิดชอบในผลการปฏิบัติหน้าท่ีให้ถูกต้องตามหลัก
ปฏิบัติและวิชาการ โดยจะต้องศึกษาถึงหลักเกณฑ์ของงานวิศวกรรม และหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
ต่างๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกบั การประกอบวิชาชพี เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุม
ความปลอดภยั ในการทางานสาขาต่าง ๆ เป็นตน้

13.3 ต้องประกอบวชิ าชพี วิศวกรรมควบคมุ ดว้ ยความซื่อสตั ยส์ จุ ริต
บทบัญญัติในข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม

ต้องประกอบวิชาชีพด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต เพื่อเป็นการส่งเสริมมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อ่ืน
หากเป็นกรณีท่ีมิใช่เร่ืองเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม แต่ผู้ประกอบวิชาชีพได้กระทา
การใด ๆ อย่างไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อผู้อื่น และไต่สวนแล้วเห็นว่ามีความผิดจริง อาจลงโทษโดยไม่ใช้
บทบัญญัติน้ี แต่ไปใช้บทบัญญัติตามข้อ 1.คือกระทาการใด ๆ อันอาจนามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติ
ศักดิ์แห่งวชิ าชพี แทนได้

364 มนุษยสมั พนั ธ์ทางธุรกิจ

13.4 ไม่ใช้อานาจหน้าท่ีโดยไม่ชอบธรรม หรือใช้อิทธิพล หรือให้ผลประโยชน์แก่
บุคคลใดเพ่ือใหต้ นเองหรอื ผู้อืน่ ไดร้ ับหรือไม่ได้รบั งาน

บทบัญญัติข้อน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรม ที่มีอานาจหน้าที่ในตาแหน่งท่ีสามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้อ่ืนในด้านต่าง ๆ ใช้อานาจหน้าท่ี
อันเป็นการบีบบังคับ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนได้รับงาน หรือบังคับผู้อ่ืนไม่ให้งานน้ันแก่ฝ่ายตรงกันข้าม
ท้ังนี้งานน้ันไม่จาเป็นจะต้องเป็นงานเก่ียวกับการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม และบุคคลทั่วไป
หากต้องเสียประโยชน์จากการกระทาของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมดังกล่าว ก็ถือว่า
เป็นผู้เสียหาย สามารถร้องเรียนกล่าวหาผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมน้ัน
เพื่อให้คณะกรรมการจรรยาบรรณพจิ ารณาความผดิ ทางจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพได้

13.5 ไม่เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อย่างใดสาหรับตนเอง
หรอื ผู้อ่ืนโดยมชิ อบ จากผรู้ บั เหมา หรอื บคุ คลใดซง่ึ เก่ียวข้องในงานที่ทาอยกู่ บั ผวู้ า่ จ้าง

บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
วศิ วกรรมควบคุมเมือ่ ไดร้ บั งานจากผวู้ า่ จา้ งแล้ว ต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้าง เสมือนกับที่วิญญู
ชนท่ัวไปพึงรกั ษาผลประโยชน์ของตนเอง.จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพในข้อนี้ มีเจตนารมณ์เพ่ือควบคุม
ให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมประกอบวิชาชีพของตนเองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับ
ผลประโยชน์อื่นที่มิควรได้ นอกจากค่าจ้างท่ีได้รับทางานให้กับผู้ว่าจ้าง เพราะหากปล่อยให้
ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เอารัดเอาเปรียบผู้ว่าจ้างแล้ว ความเสื่อมศรัทธาต่อบุคคลและ
สถาบันแห่งวิชาชีพจะเกิดข้ึน บทบัญญัติในข้อน้ีจึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองผลประโยชน์ของ
บคุ คลทัว่ ไปดว้ ย

13.6 ไม่โฆษณา หรือยอมให้ผู้อื่นโฆษณา ซึ่งการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
เกนิ ความเปน็ จริง

บทบัญญัติข้อน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือป้องกันมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ
วิชาชพี วิศวกรรมควบคุมแข่งขันกันรับงานโดยการโฆษณา ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแตกแยก เน่ืองจากการ
แยง่ งานกันทา และสง่ ผลใหเ้ กดิ การแตกความสามัคคใี นกลมุ่ ผู้ประกอบวชิ าชพี เดยี วกนั

13.7 ไม่ประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคุมเกนิ ความสามารถทตี่ นเองจะกระทาได้
บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบ

วิชาชีพวิศวกรรมควบคุมรับงานโดยไม่คานึงถึงความสามารถท่ีตนเองมีอยู่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความ
เสียหายต่อประชาชนและสังคมได้ อน่ึงการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมเกินความสามารถ
ทต่ี นเองจะทาได้นนั้ หมายถงึ การประกอบวชิ าชีพวศิ วกรรมควบคุมเกินความสามารถตามที่กฎหมายกาหนด
และรวมถึงความสามารถทตี่ นเองจะทาได้ตามความเปน็ จรงิ ด้วย

13.8 ไมล่ ะท้ิงงานท่ไี ดร้ บั ทาโดยไมม่ เี หตอุ นั สมควร
บทบัญญตั ใิ นข้อน้ีมีวัตถปุ ระสงค์เป็นการควบคุมให้ผ้ปู ระกอบวิชาชีพ เม่ือรับ

ปฏิบัติงานแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับทา เพราะหากปล่อยให้มีการละท้ิงงาน

จรรยาบรรณทางธรุ กจิ 365

อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ อีกทั้งเป็นการป้องกันมิให้มีการ
ประกอบวิชาชีพอนั อาจนามาซึง่ ความเส่ือมเสยี แหง่ วงการวชิ าชพี

13.9 ไม่ลงลายมือช่ือเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ในงานท่ีตนเองไม่ได้
รับทาตรวจสอบ หรอื ควบคมุ ดว้ ยตนเอง

บทบัญญัติในข้อน้ีมีวัตถุประสงค์มุ่งควบคุมให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม
ควบคุมมีความซ่ือสัตย์ต่อตนเองและผู้อ่ืน หากไม่สามารถรับปฏิบัติงานท่ีเก่ียวกับการประกอบวิชาชีพ
วิศวกรรมควบคุมได้แล้ว ก็ไม่ควรลงลายมือช่ือเป็นผู้รับทางานน้ัน เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหาย
ต่อผู้ว่าจา้ ง และบคุ คลภายนอกได้

13.10 ไมเ่ ปิดเผยความลับของงานทต่ี นได้รบั ทา เว้นแต่ไดร้ บั อนญุ าตจากผ้วู า่ จ้าง
บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองวงการของผู้ประกอบวิชาชีพ

วศิ วกรรมใหเ้ ป็นที่ไว้วางใจของบคุ คลทวั่ ไป เนื่องจากหากบุคคลทั่วไปไม่เชื่อถือผู้ประกอบวิชาชีพแล้วก็จะ
เกดิ ความเส่ือมศรัทธา ต่อผู้ประกอบวิชาชีพและสถาบันแห่งวิชาชีพได้ ผู้ประกอบวิชาชีพอยู่ในฐานะท่ีรู้
ความลับของผู้ว่าจ้าง ซ่ึงถือว่าเป็นเอกสิทธ์ิและหน้าท่ีท่ีจะไม่เปิดเผยความลับนั้น ถ้าเปิดเผยความลับ
โดยประการ ท่นี ่าจะกอ่ ให้เกดิ ความเสียหายแก่ผู้ว่าจา้ งกถ็ อื วา่ เปน็ การผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

13.11 ไมแ่ ยง่ งานจากผูป้ ระกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคมุ อื่น
บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้เกิดความแตกแยกไม่มีความ

สามคั คี โดยมุ่งให้เกดิ ความสามคั คีระหว่างผปู้ ระกอบวิชาชพี วศิ วกรรมควบคุมด้วยกัน
13.12 ไม่รับทางานหรือตรวจสอบงานชิ้นเดียวกันกับที่ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม

ควบคุมอื่นทาอยู่ เว้นแต่เป็นการทางานหรือตรวจสอบตามหน้าท่ี หรือแจ้งให้ผู้ประกอบวิชาชีพ
วศิ วกรรมควบคุมอื่นนัน้ ทราบลว่ งหน้าแล้ว

บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดความแตกแยก
ความสามัคคีในกลุม่ ของ ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมด้วยกนั

13.13 ไม่รบั ดาเนินงานช้ินเดียวกันให้แก่ผู้ว่าจ้างรายอ่ืน เพ่ือการแข่งขันราคา เว้นแต่
ได้แจ้งให้ผู้ว่าจ้างรายแรกทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร หรือได้รับความยินยอม
เป็นลายลกั ษณ์อกั ษรจากผูว้ ่าจ้างรายแรก และได้แจง้ ให้ผู้วา่ จ้างรายอน่ื นัน้ ทราบลว่ งหน้าแลว้

13.14 ไม่ใช้หรือคัดลอกแบบ รูป แผนผัง หรือเอกสาร ท่ีเกี่ยวกับงานของผู้ประกอบ
วชิ าชีพวศิ วกรรมควบคุมอน่ื เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนญุ าตจากผ้ปู ระกอบวชิ าชพี วศิ วกรรมควบคุมอน่ื นั้น

บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมความประพฤติของผู้ประกอบ
วิชาชีพวิศวกรรมควบคุมให้มีความซ่ือสัตย์สุจริตต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกัน มิให้เอารัดเอาเปรียบ
ซ่ึงกันและกัน เก่ียวกับรายการคานวณอันเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้ประกอบวิชาชีพ
วศิ วกรรมควบคุม

366 มนษุ ยสัมพนั ธท์ างธุรกิจ

13.15 ไม่กระทาการใด ๆ โดยจงใจให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่ชื่อเสียง หรืองานของ
ผู้ประกอบวิชาชีพวศิ วกรรมควบคุมอืน่

บทบัญญัติข้อนี้มีวัตถุประสงค์ท่ีจะเสริมสร้างความสามัคคีของกลุ่มผู้มี
วิชาชีพเดียวกัน คือต้องมีความซื่อสัตย์ต่อเพ่ือนร่วมวิชาชีพ โดยไม่กระทาการใด ๆ ให้เป็นท่ีเส่ือมเสีย
ช่อื เสียง หรืองานของ ผปู้ ระกอบวิชาชพี วิศวกรรมควบคมุ อน่ื

14. จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2537
ราชกิจจานุเบกษา (2537:.8).โดยท่ีข้าราชการพลเรือนมีหน้าท่ีและความ

รับผิดชอบสาคัญในการพัฒนาประเทศ รวมท้ังการให้บริการแก่ประชาชน ซ่ึงจาเป็นต้องทางาน
ร่วมกันหลายฝ่าย ฉะนั้น เพ่ือให้ข้าราชการพลเรือนมีความประพฤติดี สานึกในหน้าที่ สามารถ
ประสานงานกับทุกฝ่าย ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งข้ึน
จึงสมควรให้มีข้อบังคับ ข้าราชการพลเรือน (ก.พ.).ว่าด้วยจรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือนไว้เป็น
ประมวลความประพฤติเพ่ือรักษาไว้ซึ่งศักด์ิศรีและส่งเสริมชื่อเสียง เกียรติคุณ เกียรติฐานะของ
ข้าราชการพลเรือน อนั จะยงั ผลให้ผู้ประพฤตเิ ป็นท่เี ลื่อมใส ศรัทธาและยกยอ่ งบคุ คลโดยทั่วไป

อาศยั อานาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 91 แหง่ พระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 จึงออกข้อบังคับ ก.พ. ว่าด้วยจรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน
ไว้ดังต่อไปนี้

14.1 จรรยาบรรณต่อตนเอง
14.1.1 ขา้ ราชการพลเรือนพึงเป็นผู้มีศีลธรรมอันดี และประพฤติตนให้เหมาะสม

กับการเป็นขา้ ราชการ
14.1.2 ข้าราชการพลเรือนพึงใช้วิชาชีพในการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความ

ซ่ือสัตย์และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ในกรณีท่ีวิชาชีพใดมีจรรยาวิชาชีพกาหนดไว้ก็พึงปฏิบัติ
ตามจรรยาวิชาชพี นัน้ ดว้ ย

14.1.3 ข้าราชการพลเรือนพึงมีทัศนคติท่ีดีและพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรม
จริยธรรมรวมท้ังเพิ่มพูนความรู้ความสามารถและทักษะในการทางานเพื่อการปฏิบัติหน้าท่ีราชการ
มปี ระสิทธภิ าพประสทิ ธผิ ลย่งิ ข้นึ

14.2 จรรยาบรรณตอ่ หน่วยงาน
14.2.1 ข้าราชการพลเรือนพึงปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความสุจริต เสมอภาค

และปราศจากอคติ
14.2.2 ข้าราชการพลเรือนพึงปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกาลังความสามารถ

รอบคอบ รวดเร็วขยันหม่ันเพียร ถูกต้องสมเหตุสมผล โดยคานึงถึงประโยชน์ของทางราชการและ
ประชาชนเปน็ สาคญั

14.2.3 ข้าราชการพลเรือนพึงปฏิบัติตนเป็นผู้ตรงต่อเวลาและใช้เวลาราชการ
ใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อทางราชการอยา่ งเต็มที่

จรรยาบรรณทางธรุ กจิ 367

14.2.4 ข้าราชการพลเรือนพึงดูแลรักษาและใช้ทรัพย์สินของทางราชการ
อย่างประหยัด.คุ้มค่าโดยระมัดระวังมิให้เสียหายหรือส้ินเปลืองเย่ียงวิญญูชนจะพึงปฏิบัติต่อ
ทรัพย์สินของตนเอง

14.3 จรรยาบรรณต่อผบู้ ังคับบญั ชา ผู้อย่ใู ตบ้ งั คบั บัญชา และผรู้ ่วมงาน
14.3.1 ข้าราชการพลเรือนพึงมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานและให้

ความร่วมมือช่วยเหลือกลุ่มงานของตนทั้งในด้านการให้ความคิดเห็น การช่วยทางาน และการแก้ปัญหา
รว่ มกนั รวมท้งั การเสนอแนะในสงิ่ ที่เห็นว่าจะมีประโยชนต์ ่อการพัฒนางานในความรับผิดชอบด้วย

14.3.2 ข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพึงดูแลเอาใจใส่
ผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คับบญั ชาทงั้ ในดา้ นการปฏิบตั ิงาน ขวญั กาลังใจ สวัสดิการ และยอมรับฟงั ความคิดเห็นของ
ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนปกครองผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยหลักการและเหตุผลท่ีถูกต้องตามทานอง
คลองธรรม

14.3.3 ข้าราชการพลเรือนพึงช่วยเหลือเก้ือกูลกันในทางที่ชอบ รวมทั้ง
ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจในบรรดาผู้ร่วมงานในการปฏิบัติหน้าท่ี
เพือ่ ประโยชน์สว่ นรวม

14.3.4 ข้าราชการพลเรือนพึงปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานตลอดจนผู้เกี่ยวข้องด้วย
ความสุภาพ มนี ้าใจและมนษุ ยสัมพนั ธ์อันดี

14.3.5 ข้าราชการพลเรือนพงึ ละเวน้ จากการนาผลงานผู้อ่นื มาเปน็ ของตน
14.4 จรรยาบรรณตอ่ ประชาชนและสงั คม

14.4.1 ข้าราชการพลเรือนพึงให้บริการประชาชนอย่างเต็มกาลัง
ความสามารถด้วยความเป็นธรรมเอ้ือเฟ้ือ มีน้าใจ และใช้กิริยาวาจาที่สุภาพอ่อนโยน เม่ือเห็นว่า
เร่ืองใดไม่สามารถปฏิบัติได้หรือไม่อยู่ในอานาจหน้าท่ีของตนจะต้องปฏิบัติ ควรช้ีแจงเหตุผล
หรือแนะนาให้ติดต่อยังหน่วยงานหรือบุคคลซ่ึงตนทราบว่ามีอานาจหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ัน .ๆ
ตอ่ ไป

14.4.2 ขา้ ราชการพลเรอื นพงึ ประพฤตติ นให้เปน็ ท่ีเชือ่ ถือของบุคคลท่ัวไป
14.4.3 ข้าราชการพลเรือนพึงละเว้นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
ซึง่ มีมูลค่าเกนิ กว่าปกติวิสัยท่ีวิญญูชนจะให้กัน โดยเสน่หาจากผู้มาติดต่อราชการ หรือผู้ซ่ึงอาจได้รับ
ประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าท่ีราชการนั้น หากได้รับไว้แล้วและทราบภายหลังว่าทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อ่ืนใดที่รับไว้มีมูลค่าเกินปกติวิสัย ก็ให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยเร็วเพ่ือดาเนินการ
ตามสมควร
14.4.4 ข้อบังคับน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นเุ บกษาเปน็ ต้นไป

368 มนษุ ยสัมพนั ธท์ างธรุ กิจ

15. จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539
สานักงานเลขาธิการคุรุสภา.(2541:.1-20).ได้กาหนดแบบแผนพฤติกรรมตาม

จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 ไว้ดังน้ี
15.1 ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กาลังใจ

ในการศกึ ษาเลา่ เรยี นแก่ศษิ ย์โดยเสมอหน้า
15.2 ครูต้องอบรม ส่ังสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดี

งามให้เกิดแกศ่ ษิ ย์ อยา่ งเต็มความสามารถด้วยความบรสิ ุทธ์ิใจ
15.3 ครูตอ้ งประพฤติ ปฏิบัตติ นเป็นแบบอย่างท่ีดแี ก่ศิษยท์ ้ังทางกาย วาจาและจติ ใจ
15.4 ครูต้องไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์

และสงั คมของศิษย์
15.5 ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่

ตามปกติและไม่ใช้ใหศ้ ิษย์กระทาการใด ๆ อนั เปน็ การหาผลประโยชนใ์ หแ้ กต่ นโดยมชิ อบ
15.6 ครูย่อมพัฒนาตนเองท้ังทางด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทัน

ต่อการพฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกจิ สงั คมและการเมอื งอยู่เสมอ
15.7 ครยู อ่ มรกั และศรัทธาในวิชาชพี ครูและเปน็ สมาชกิ ทดี่ ีตอ่ องคก์ ารวิชาชีพครู
15.8 ครูพึงช่วยเหลือเกอ้ื กูลครูและชุมชนในทางสรา้ งสรรค์
15.9 ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นผู้นาในการอนุรักษ์ พัฒนาภูมิปัญญา

และวัฒนธรรมไทย
16. จรรยาบรรณของนกั วจิ ัยสภาวจิ ัยแหง่ ชาติ
สภาวิจัยแห่งชาติ (2552:.3-13) ได้กาหนด.“จรรยาบรรณนักวิจัย”.ไว้เป็นแนวทาง

สาหรับนักวิจัยยึดถือปฏิบัติ เพ่ือให้การดาเนินงานวิจัยต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของจริยธรรมและหลัก
วิชาการที่เหมาะสม ตลอดจนประกันมาตรฐานของการศึกษาค้นคว้าให้เป็นไปอย่างสมศักด์ิศรีและ
เกียรติภูมิของนกั วจิ ัยไว้ 9 ประการ ดงั นี้

16.1 นักวิจัยต้องซ่ือสัตย์และมีคุณธรรมในทางวิชาการและการจัดการ นักวิจัยต้องมี
ความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่นาผลงานของผู้อ่ืนมาเป็นของตน ไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น ต้องให้เกียรติ
และอ้างถึงบุคคลหรือแหล่งท่ีมาของข้อมูลที่นามาใช้ในงานวิจัย ต้องซื่อตรงต่อการแสวงหาทุนวิจัย
และมคี วามเปน็ ธรรมเกยี่ วกบั ผลประโยชน์ทไี่ ด้จากการวิจยั

16.2 นักวิจัยต้องตระหนักถึงพันธกรณีในการทางานวิจัย ตามข้อตกลงที่ทาไว้กับ
หน่วยงานท่ีสนับสนุนการวิจัย และต่อหน่วยงานที่ต้นสังกัด นักวิจัยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีและ
ขอ้ ตกลงการวจิ ยั ทีผ่ ูเ้ กีย่ วขอ้ งทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน อุทิศเวลาทางานวิจัยให้ได้ผลดีท่ีสุด และเป็นไป
ตามกาหนดเวลา มีความรบั ผิดชอบไมล่ ะท้ิงงานระหว่างดาเนินการ

16.3 นักวิจัยต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการที่ทาวิจัย นักวิจัยต้องมี
พื้นฐานความรู้ในสาขาวิชาการท่ีทาวิจัยอย่างเพียงพอ และมีความรู้ความชานาญ หรือมีประสบการณ์

จรรยาบรรณทางธุรกจิ 369

เกี่ยวเน่ืองกับเรื่องที่ทาวิจัย เพ่ือนาไปสู่งานวิจัยที่มีคุณภาพและเพ่ือป้องกันปัญหาการวิเคราะห์
การตีความหรอื การสรุปทผี่ ิดพลาด อันอาจก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายต่องานวจิ ยั

16.4 นักวิจัยต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นส่ิงที่มีชีวิต
หรือไม่มีชีวิต นักวิจัยต้องดาเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และเท่ียงตรงในการทาวิจัยที่เกี่ยวข้อง
กับคน สัตว์ พืช ศิลปวัฒนธรรม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มีจิตสานึกและมีปณิธานท่ีจะอนุรักษ์
ศลิ ปวัฒนธรรม ทรัพยากรและส่งิ แวดล้อม

16.5 นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์ศรี และสิทธิของมนุษย์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในการวิจัย
นักวิจัยต้องไม่คานึงถึงผลประโยชน์ทางวิชาการจนละเลยและขาดความเคารพในศักด์ิศรีของเพื่อน
มนุษย์ ต้องถือเป็นภาระหน้าที่ที่จะอธิบายจุดมุ่งหมายของการวิจัยแก่บุคคลที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง
โดยไมห่ ลอกลวงหรอื บบี บงั คับและไม่ละเมิดสิทธสิ ่วนบคุ คล

16.6 นักวิจัยต้องมีอิสระทางความคิด โดยปราศจากอคติในทุกข้ันตอนของการทาวิจัย
นกั วจิ ยั ตอ้ งมีอสิ ระทางความคิด ตอ้ งตระหนกั ว่า การอคติส่วนตนหรือความลาเอียงทางวิชาการ อาจส่งผล
ใหม้ ีการบดิ เบือนขอ้ มลู และข้อบังคับท่ีพบทางวชิ าการ อันเป็นเหตุให้เกดิ ผลเสยี หายต่องานวจิ ัย

16.7 นักวิจัยพึงนาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางท่ีชอบ นักวิจัยพึงเผยแพร่
ผลงานวิจัยเพื่อประโยชน์ทางวิชาการและสังคม ไม่ขยายผลข้อค้นพบจนเกินความเป็นจริง และไม่ใช้
ผลงานวจิ ยั ไปทางมิชอบ

16.8 นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น นักวิจัยพึงมีใจกว้าง
พร้อมท่ีจะเปิดเผยข้อมูลและขั้นตอนการวิจัย ยอมรับฟังความคิดเห็นและเหตุผลทางวิชาการของผู้อื่น
และพร้อมทีจ่ ะปรบั ปรงุ แกไ้ ขงานวิจัยของตนให้ถูกต้อง

16.9 นักวิจัยพึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมทุกระดับ นักวิจัยพึงมีจิตสานึกที่จะอุทิศ
กาลังสติปัญญาในการทาวิจัย เพ่ือความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อความเจริญและประโยชน์สุข
ของสังคมและมวลมนษุ ยชาติ

จากที่ได้กล่าวเกี่ยวกับจรรยาบรรณในแต่ละอาชีพ ล้วนเป็นสิ่งท่ีมีความสาคัญสาหรับ
อาชีพท่ีได้มีจรรยาบรรณเป็นสิ่งที่แสดงให้คนในสังคมทราบว่าแต่ล่ะอาชีพน้ันมีคุณธรรมจริยธรรม
ในการประกอบอาชีพและเป็นศักดิ์ศรีและความมีเกียรติในอาชีพของตนเองนามาซ่ึงความภาคภูมิ
ในอาชีพแห่งตน

370 มนุษยสัมพันธ์ทางธรุ กิจ

สรุปท้ายบท

ในการประกอบอาชีพในแตล่ ะอาชพี ลว้ นตอ้ งมีจรรยาบรรณเป็นตัวกาหนดให้แต่ละอาชีพ
ไดป้ ระพฤติปฏิบัติตามในส่ิงท่ีถูกที่ควร ดังน้ัน จรรยาบรรณ จึงหมายถึง พฤติกรรมที่ดีงามท่ีเกิดจาก
จิตสานึกท่ีดีในการประกอบวิชาชีพด้วยความยินดีและเต็มใจ โดยจะกาหนดเป็นลายลักษณ์อักษร
หรอื ไมก่ ไ็ ด้ ส่วนจริยธรรม หมายถงึ พฤติกรรม ความคิดที่เหมาะสม ดีงามท่ีควรปฏิบัติให้สอดคล้องกับ
โอกาส เวลา สถานการณ์ กับบุคคลในสังคมเพื่อประโยชน์และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
และจรรยาบรรณทางธุรกิจ หมายถึง การผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจและจริยธรรมโดยมีเป้าหมาย
เพ่ือส่งเสริมนโยบายและการปฏิบัติของภาคธุรกิจ เพื่อผลตอบแทนตามคุณค่าของการลงทุน
อยา่ งเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายทั้งเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร ผู้ร่วมงาน ผู้บริโภค ผู้รับบริการ รัฐบาล สังคม
ซ่ึงมคี วามสาพันธเ์ ชงิ เศรษฐกิจรว่ มกัน

ในการศึกษาจรรยาบรรณทางธุรกิจนั้น ผู้บริหารองค์กรจะต้องเห็นความสาคัญของการ
มีจรรยาบรรณว่าจรรยาบรรณมีหน้าที่ทาให้ผู้ประกอบการประพฤติ ปฏิบัติในอาชีพได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ช่วยขัดเกลาลักษณะนิสัยทีไม่เหมาสม เป็นตัวควบคุมมาตรฐานในการผลิตสินค้าและ
การประกอบอาชีพนั้น ๆ ช่วยควบคุมจริยธรรม คุณธรรมมารยาทของผู้ประกอบอาชีพ ช่วยสร้าง
ภาพลักษณ์ท่ีดีให้กับองค์กร ทาให้เกิดความน่าเช่ือถือและความไว้วางใจ ช่วยให้เว้นจากการ
เอาเปรียบลูกคา้ นามาซึ่งความประทับใจท่จี ะกลบั มาซื้อสินค้าและบริการของเราอีกต่อไป

ประโยชน์ของจรรยาบรรณทางธุรกิจ ทาให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีต่อองค์กร
เกิดความน่าเช่ือถือ ความเจริญมั่นคงที่ย่ังยืน เกิดความทุ่มเทในการทางานของพนักงาน เกิดการ
ทางานอย่างมีความสุขและก่อใหเ้ กิดการแขง่ ขนั ที่เปน็ ธรรมในการดาเนนิ ธรุ กจิ

ลักณะพฤติกรรมขององค์กรท่ีขาดจริยธรรมเกิดจากปัจจัยต่อไปน้ี เกิดจากความโลภ
ผู้ปฏิบัติงานคานึงถึงเฉพาะประโยชน์ส่วนตัวเกินควร ไม่มีความซ่ือสัตย์ ผลิตสินค้าโดยไม่คานึงถึง
ลูกค้า ผู้บริหารใช้อานาจสั่งการพนักงานโดยไม่สุจริต บุคลากรไม่กล้าคัดค้านเม่ือพบเห็นการปฏิบัติ
ที่ขัดจริยธรรม เอาเปรียบพนักงาน ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดข้ึนกับลูกค้า พนักงาน
ลักษณะพฤติกรรมขององค์กรทีม่ จี รยิ ธรรม เกดิ จากปจั จัยต่อไปน้ี มีความยุติธรรม มีการยึดถือปฏิบัติ
ตามจรรยาบรรณ มกี ารประกอบกิจการโดยคานงึ ถึงประโยชนข์ องสมาชิกเป็นหลกั

จรรยาบรรณวิชาชีพที่ผู้เขียนได้หยิบยกมาประกอบในหนังสือเล่มนี้ ประกอบด้วย
จรรยาบรรณของนักธุรกิจ จรรยาบรรณของนักการตลาด จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
มรรยาทของผู้สอบบัญชี จรรยาบรรณของวิชาชีพโฆษณา จรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์
จรรยาบรรณของผูใ้ ช้ซอฟตแ์ วร์ จรรยาบรรณของชนกรรมาชีพ จรรยาบรรณของนักธุรกิจผู้ประกอบ
อุตสาหกรรม จรรยาบรรณของมัคคุเทศก์การท่องเที่ยว ระเบียบปฏิบัติจริยธรรมวิชาชีพ
การท่องเท่ียว จรรยาบรรณของนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของผู้ประกอบ

จรรยาบรรณทางธุรกจิ 371

วิชาชีพวิศวกรรมควบคุม จรรยาบรรณของข้าราชการพลเรือน จรรยาบรรณครู จรรยาบรรณของ
นักวิจยั สภาวิจยั แหง่ ชาติ

จรรยาบรรณเป็นสิง่ ทีม่ ีความสาคัญสาหรับสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างมากและยังเป็นส่ิงที่
มนุษย์ในสังคมต้องการให้เกิดในทุกวิชาชีพ เพราะโดยธรรมชาติของความเป็นมนุษย์นั้น ย่อม
ไม่ปรารถนาให้บุคคลอื่นมาเอารัดเอาเปรียบตน ดังน้ัน มนุษย์ทุกคนควรที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างแล้ว
นามาคิดตริตรองอย่างมีเหตุผล ถึงผลท่ีเกิดข้ึนว่ามีผลกระทบต่อบุคคลอ่ืนจนถึงข้ันทาให้เกิดความ
เดือดร้อน ถา้ ผลกระทบหรอื ผลเสียหายกลบั มาเกดิ กับตนบ้างตนเองจะรสู้ กึ เชน่ ไร

ในสังคมปัจจุบันจะน่าอยู่ขึ้นถ้าทุกวิชาชีพได้ตระหนักและนาหลักท่ีได้บัญญัติข้ึนในแต่ละ
วิชาชีพมาใช้กันอย่างจริงจังและเคร่งครัด จะส่งผลให้ผู้ที่ได้ประพฤติปฏิบัตินั้นมีความภาคภูมิใจ
ในตนเองและในวิชาชีพท่ีตนได้ศึกษามาอย่างเต็มความภาคภูมิและยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
เปน็ สังคมท่นี ่าอยู่ ทกุ คนอยรู่ ่วมกนั ดว้ ยการมีคุณธรรมประจาใจ คณุ ธรรมประจาวิชาชีพ ต่างหยิบย่ืน
สิ่งทด่ี ีงามให้แกก่ นั ทาให้ทกุ คนอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข

372 มนษุ ยสมั พันธท์ างธุรกจิ

กรณศี กึ ษา บทท่ี 9
ลกู ชิน้ แฟนซี

บัวบชู า เรียนจบปรญิ ญาตรี ทางด้านบริหารธรุ กิจ เธอตั้งใจจะขยายกิจการขายลูกชิ้นแฟนซี
ของเธอให้มีสาขาเพมิ่ มากขน้ึ จงึ ไดม้ าสบื ทอดกจิ การขายลกู ชนิ้ แฟนซีจากบิดา ซึ่งกิจการท่ีบิดาทาอยู่
ขายดมี าก ส่งผลให้กิจการของครอบครวั เธอมีผลกาไรมากหลายเท่าตัว และมีผู้บริโภคให้การตอบรับ
เป็นอย่างมาก โดยในเวลาทาลูกชิ้นแฟนซีน้ัน บิดาของบัวบูชาจะเป็นผู้ปรุงสูตรเองโดยไม่ให้ทราบว่า
มีสูตรในการทาอย่างไร ถึงแม้ว่าใครจะถามหรือขออาสาที่จะมาเป็นลูกมือช่วยทาก็ตาม เขาก็จะ
ปฏเิ สธทุกครั้งไป

เมื่อบิดาของบัวบูชา ทาเสร็จแล้ว ก็จะนาไปให้คนงานทาเป็นลูกช้ินแฟนซีรูปแบบต่าง ๆ
ตามที่ผู้บริโภคต้องการ แล้วนามาขายที่หน้าร้าน หรือส่ังให้ร้านค้าท่ีส่ังซื้อ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามทุกคน
ในบา้ นกินลกู ชิ้น

ทางด้าน บัวบูชาเองเกิดความสงสัยว่าทาไมบิดาของตนจึงห้ามทุกคนในบ้านกินลูกช้ิน
และไม่ยอมบอกสูตรในการทาลูกช้ินแฟนซี ซึ่งบัวบูชาก็ถามบิดาทุกคร้ัง แต่บิดาของเธอก็จะบอกปัด
ทุกคร้งั ไป

จนกระทงั่ คนื หน่ึง บัวบูชาได้เขา้ ไปแอบดู วิธีในการปรุงลูกช้ินของบิดา จึงทาให้เธอทราบว่า
บิดาของเขาน้นั ไดแ้ อบใสส่ ารสารบอแรกซล์ งไปในส่วนผสมด้วย เธอจึงได้เข้าไปห้ามบิดาและอธิบาย
ถึงอันตรายของมัน แตบ่ ดิ าของเธอกลับต่อว่าเธอและไม่เชื่อ โดยให้เหตุผลว่าถ้าหากไปทาธุรกิจแบบ
น้ีก็จะไม่สามารถขายสินค้าและไม่มีเงินมาจุนเจือครอบครัวจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยืนยันที่จะขาย
ลูกชิ้นแฟนซแี บบน้ตี ่อไป

บวั บูชา กล้มุ ใจมากไม่รู้จะทาอยา่ งไร เพราะถ้าหากคนอ่ืนทราบแล้วไปแจ้งตารวจครอบครัว
เขาต้องเดือนร้อนแน่ ๆ และอีกทางหน่ึงผู้บริโภคที่มาซื้อลูกช้ินแฟนซีไปบริโภคต้องมีอันตราย
ตอ่ สขุ ภาพถึงขนั้ เสยี ชีวติ ได้

คาถาม
1. ถ้านักศกึ ษาเป็นบวั บูชา ทา่ นมีวธิ ีแกไ้ ขปญั หาทเ่ี กิดขึ้นอยา่ งไร
2. ทา่ นคิดว่าถา้ ลูกคา้ ทราบวา่ ในสว่ นผสมของลูกช้นิ แฟนซีมีสารบอแรกซ์ผสมอยู่ ท่านคิดว่า
จะเกิดผลเสียอะไรกบั รา้ นของบวั บูชา

จรรยาบรรณทางธุรกิจ 373

กิจกรรม หน่วยที่ 4
เกม จ๊กิ ซอสัมพันธ์

วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสามคั คี
2. เพื่อฝึกทกั ษะการบริหารงานเป็นทมี
3. เพื่อเพม่ิ ศักยภาพและความสามารถของการบรหิ ารงานเป็นทีมให้มากขน้ึ
4. ฝกึ ทกั ษะการมไี หวพรบิ ทีด่ ี

จานวนผู้เล่น 20-30 คน
อุปกรณ์ ตวั ต่อจิ๊กซอ
สถานที่ ห้องเรยี น
เวลา 20 - 30 นาที
วิธีเล่น 1. ให้ผู้เลน่ แบง่ กล่มุ จานวน 4-5 กลมุ่ กลุม่ ละประมาณ 5-6 คน

2. แต่ละกลุ่มจะได้รบั รูปภาพ กลมุ่ ละ 1 รปู เพื่อเปน็ สื่อในการตอ่ จ๊กิ ซอ
3. สมาชิกของแต่ละกลุ่มจะต้องออกมาค้นหาช้ินส่วนจิ๊กซอตามรูปภาพให้เจอ
ซง่ึ ทางผู้นากิจกรรมได้ทาการคละชน้ิ สว่ นของจิ๊กซอของแต่ละกลุ่มเข้าดว้ ยกนั
4. ใหแ้ ต่ละกล่มุ วางแผนต่อใหเ้ สรจ็ และถกู ต้องตามรูปภาพที่ไดร้ ับ
5. หากกลุ่มไหนตอ่ เสร็จ หรอื มีจานวนตวั ต่อจิ๊กซอมากและถูกต้องมากท่ีสุดถือเป็น
ฝ่ายชนะ
6. ผนู้ ากจิ กรรมถามผู้รว่ มกจิ กรรมได้อะไรจากการเล่นกจิ กรรม
7. ผูน้ ากจิ กรรมสรุปวัตถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม

374 มนษุ ยสัมพนั ธท์ างธุรกจิ

กจิ กรรม บทท่ี 9
เกม บา้ นแสนสุข

วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสนุกสนาน

2. เพอ่ื ฝึกทกั ษะการสื่อสาร

จานวนผู้เล่น 20-30 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มละ 5 คน จานวน 6 กลมุ่

อปุ กรณ์ 1. ขอ้ ความที่เหมือนกนั เท่ากบั จานวนกลุ่ม

2. กระดาษเปลา่ ปากกา เท่าจานวนกล่มุ

สถานที่ ห้องเรยี น

เวลา 20 - 30 นาที

วธิ เี ล่น 1. ผูน้ ากิจกรรมบอกให้ทุกคนยนื ข้ึนเปน็ วงกลม แลว้ นบั 1-5 ใครนบั เลขอะไรก็ให้

รวมเป็นกลุม่ เดยี วกนั

2. ผู้นากิจกรรมช้ีแจงว่า ให้แต่ละกลุ่มยืนเรียงแถวตอนลึกจัดให้มีระยะห่างกัน

ประมาณ 2 เมตร หนั หนา้ ไปทางเดียวกัน

3. ผู้นากิจกรรมจะส่งแผ่นกระดาษข้อความที่มีข้อความเหมือนกันทุกกลุ่ม

ให้กบั สมาชิกคนแรกของกลุ่มอา่ นและจดจา ประมาณ 5 นาที

4. ผนู้ ากจิ กรรมเกบ็ กระดาษข้อความ และสั่งให้สมาชิกของกลุ่มคนแรกเดินไปหา

สมาชิกคนท่ี 2 และถา่ ยทอดข้อความในกระดาษใหก้ บั สมาชกิ คนท่ี 2 โดยให้ใช้เวลาประมาณ 2 นาที

5. สมาชิกคนแรกถ่ายทอดขอ้ ความเสรจ็ ใหก้ ลับไปน่ังท่ีเดิม

6. สมาชิกคนท่ี 2.เดินไปหาสมาชิกคนท่ี 3 และถ่ายทอดต่อ เมื่อถ่ายทอดเสร็จ

กเ็ ดนิ กลับไปน่ังที่เดมิ

7. สมาชิกแตล่ ะคนถา่ ยทอดแบบนี้ใหค้ รบทุกคนจนถึงสมาชิกคนสดุ ทา้ ย

8. จากน้ันผู้นากิจกรรมแจกกระดาษและปากกาให้สมาชิกของกลุ่มคนสุดท้าย

ดาเนนิ การเขียนข้อความที่ไดร้ บั ถา่ ยทอดจากสมาชกิ ในกลมุ่

9. ผู้นากิจกรรมอ่านข้อความท่ีถูกต้องและเขียนขึ้นกระดานให้ผู้เล่นกิจกรรม

ไวต้ รวจดคู วามถกู ผิดของกลมุ่ ตัวเอง

10. ผู้นากจิ กรรมให้สมาชิกคนสดุ ท้ายของแตล่ ะกลุ่มอ่านใหเ้ พ่ือน ๆ ทุกคนฟัง

11. ผู้นากจิ กรรมให้คะแนนตามจุด และสรุปคะแนน

12. ผู้นากิจกรรมถามผู้รว่ มกจิ กรรมได้อะไรจากการเล่นกจิ กรรม

13. ผนู้ ากจิ กรรมสรปุ วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรม

จรรยาบรรณทางธรุ กจิ 375

ข้อความ บ้านแสนสุข

ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่มีความสุข ฉันมี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่ี ป้า น้า อา
บ้านของฉัน ปลูกผลไม้ไว้มากมาย เช่น มะม่วง ลาไย ลิ้นจี่ ส้ม ชมพู่ เงาะ ขนุน ทุเรียน แตงโม
น้อยหน่า ส้มโอ เป็นต้น และยังปลูกดอกไม้ไว้หลากหลาย เช่น กุหลาบ ชบา ดาวเรือง เฟื่องฟ้า
บานช่ืน บานไม่รู้โรย เป็นต้น และยังเล้ียงสัตว์ไว้อีก เช่น หมู หมา กา ไก่ ช้าง ม้า วัว ควาย เป็ด
กระต่าย แมว นก ปลา เปน็ ต้น

เกณฑ์การใหค้ ะแนน จะใหจ้ ากทข่ี ดี เส้นใต้ ซงึ่ รวมได้ 40 จุด รวม 40 คะแนน

แบบฝกึ หดั บทท่ี 9

คาช้ีแจง จงอ่านข้อความแต่ละข้อแล้วพิจารณาว่าข้อความน้ันถูกหรือผิด ถ้าถูกให้ทา
เครือ่ งหมาย √ ถ้าผดิ ใหท้ าเครอื่ งหมาย X ลงหน้าข้อความในแตล่ ะข้อ
1. ธรรมท่ีเป็นข้อปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม คือ ความหมายของ จริยธรรม

ตามพจนานุกรมพระราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2542
2. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมายของจรรยาบรรณ

คือ หนงั สอื แสดงความประพฤตหิ รอื ข้อกาหนดกิรยิ าทีค่ วรประพฤติ
3. จรรยาบรรณทาหนา้ ที่ช่วยพยงุ ความยุตธิ รรม
4. โครงการด้านจรรยาบรรณมี 2 วธิ ี คอื การบังคบั ใช้ และการปลกู ฝงั ใหเ้ กิดสานึก
5. จรรยาบรรณของผู้ประกอบวชิ าชพี มีประโยชนแ์ ละมคี วามสาคญั กับสังคม
6. การเสนอข่าว ต้องเสนอแต่ความจริง พึงละเว้นการต่อเติมเสริมแต่งหากปรากฏว่า

ข่าวใดไม่ตรงต่อ ความจริง ต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว จากข้อความข้างต้นจัดอยู่ใน จรรยาบรรณ
หนังสือพมิ พ์

7. องค์ประกอบของจรยิ ธรรม คือ ระเบียบ สงั คม อสิ รเสรี
8. จริยธรรมของมนุษย์จะเกิดข้ึนได้จะต้องอาศัยความสัมพันธ์ของ.จริยธรรม
และมนษุ ยธรรม
9. จรรยาบรรณ คือ สงิ่ ทีค่ วรปฏบิ ตั ิตาม สว่ น กฎหมาย คือ ส่ิงที่ตอ้ งปฏิบตั ิตาม
10. การเกง็ กาไรหวงั ผลทางการค้ามาก่อนเสมอไมใ่ ชจ่ ริยธรรมของนักธรุ กิจ
11. การใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จไม่ได้อยู่ใน บัญญัติ 10.ประการท่ีเป็น
จรรยาบรรณทีผ่ ้ใู ช้อินเตอรเ์ น็ตยืดถอื ไว
12. การเสนอตวั ทางานที่มีผทู้ าอย่แู ลว้ และยังไมห่ มดวาระ ไม่ใช่จรรยาบรรณของชนช้ัน
กรรมาชพี

376 มนุษยสัมพันธ์ทางธุรกจิ

13. ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต้องมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม
ของประเทศ

14. การคานึงถึงคุณภาพ มาตรฐานและความเป็นธรรมด้านราคาสินค้า ไม่ใช่ความ
รบั ผดิ ชอบตอ่ ผู้บรโิ ภค

15. “ต้องไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือใช้โอกาสนาเสนอผลประโยชน์ต่าง ๆ
แก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ”เป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ด้านความรับผิดชอบ
ตอ่ ผูบ้ ริโภค

16. การพัฒนาสง่ิ แวดลอ้ มเป็นระเบียบปฏบิ ตั ิจริยธรรมวชิ าชพี การทอ่ งเท่ยี ว
17. การปฏิบัติหน้าทร่ี าชการดว้ ยความซอื้ สัตว์ไมใ่ ช่จรรยาบรรณของตนเอง
18. รกั และเมตตาศษิ ย์เป็นจรรยาบรรณของครู
19. การไม่นาผลงานวิจัยของผู้อื่นมาเป็นจรรยาบรรณของนักวิจัยมีมีคุณธรรมในทาง
วชิ าการและการจัดการ
20. จรรยาบรรณช่วยควบคุมจริยธรรมคุณธรรมมารยาทของผู้ประกอบอาชีพ ผู้ประกอบการ
ผผู้ ลิต ผู้ค้า

คาชี้แจง จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.ได้ให้ความหมายของจริยธรรม

และจรรยาบรรณไว้วา่ อย่างไร
2. จงอธบิ ายความหมายของจรรยาบรรณทางธรุ กจิ มาใหเ้ ขา้ ใจ
3. จงยกตวั อย่างความสาคญั ของจรรยาบรรณ มาอย่างน้อย 5 ประการ
4. ประโยชน์ของจรรยาบรรณมีอะไรบ้าง
5. ลกั ษณะขององค์กรทม่ี ีจรรยาบรรณมอี ะไรบ้าง จงอธบิ าย
6. ผปู้ ระกอบการอุตสาหกรรม ต้องมีความรับผิดชอบต่อสงั คม อย่างไรบ้าง
7. จงยกตัวอยา่ ง บญั ญตั ิ 10 ประการ ของผู้ใชอ้ นิ เตอรเ์ นต็ มาเปน็ ขอ้ ๆ
8. นักศกึ ษาคิดวา่ จรรยาบรรณทางธรุ กิจมปี ระโยชนต์ ่อองค์กรอยา่ งไรบ้าง จงอธบิ าย
9. นกั ศึกษาคิดวา่ ถ้าพนักงานในบรษิ ทั ขาดจรรยาบรรณจะมีผลกระทบต่อองค์กรหรือไม่

อย่างไร
10. นักศึกษาคิดว่าถ้าผู้บริหารในองค์กรขาดจรรยาบรรณจะมีผลกระทบต่อองค์กร

หรอื ไม่อย่างไร


Click to View FlipBook Version