The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศรัณย์ มะกรูดอินทร์. เรียบเรียง
วัดบวรนิเวศวิหารในภาพถ่ายเก่า --
กรุงเทพฯ : วัดบวรนิเวศวิหาร, ๒๕๖๔
๓๘๔ หน้า.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panyabalo, 2021-07-14 23:25:17

วัดบวรนิเวศวิหารในภาพถ่ายเก่า

ศรัณย์ มะกรูดอินทร์. เรียบเรียง
วัดบวรนิเวศวิหารในภาพถ่ายเก่า --
กรุงเทพฯ : วัดบวรนิเวศวิหาร, ๒๕๖๔
๓๘๔ หน้า.

Keywords: วัดบวรนิเวศวิหาร,ภาพถ่าย,ภาพถ่ายเก่า,ประวัติศาสตร์

ภาวะสงคราม

ในส่วนท่ีเก่ียวกับวัดในระยะภาวะสงครามนั้น เนื่องจากมีภัยทางอากาศและโจรผู้ร้ายชุกชุม
พระพรหมมุนีในฐานะประธานกรรมการวัด ได้ขอประทานพระอนุมัติสมเด็จฯ เจ้าอาวาส เพื่อปฏิบัติ
ในอันท่ีจะรักษาทรัพย์สินส่ิงของมีค่าของวัดให้ปลอดภัย และจัดการด้านสาธารณูปโภคให้เรียบร้อย
เปน็ ตน้ วา่ น�ำ พระรศั มพี ระพทุ ธชนิ สหี ไ์ ปฝากไว้ ณ กรมธนารกั ษ์ กระทรวงการคลงั ในพระบรมมหาราชวงั
ซง่ึ ยงั คงเกบ็ รกั ษาอยตู่ ลอดมาจนบดั นี้ จดั พระภกิ ษสุ ามเณรผลดั เปลย่ี นวาระกนั เฝา้ ดแู ลตรวจตราบรเิ วณ
วัดในเวลากลางคนื
เม่ือทางวดั ขาดแคลนนำ�้ บริโภคใช้สอย ขอประทานพระอนมุ ัติขุดบ่อ ๔ บ่อ คอื คณะสูง ๑ บอ่
บริเวณตำ�หนักจนั ทร์ ๑ บ่อ คณะเหลอื งรงั ษี ๑ บอ่ และคณะแดงรังษี ๑ บอ่ จัดใหม้ โี รงครวั ท�ำ อาหาร
แจกภิกษุสามเณรตามกำ�ลังทุนของวัดบ้าง จากผู้มีศรัทธาบ้าง ในสมัยการครองชีพขาดแคลนจนถึง
ประชาชนต้องมบี ตั รปันสว่ น เปน็ ผลให้มีอาหารแจกภิกษสุ ามเณรต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เอกสารอา้ งองิ

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการฉลอง
ชนมายคุ รบ ๖ รอบ วนั ท่ี ๓ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๘. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์กรุงเทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หนา้ ๘.

283

โบสถ์ วิหารวดั รังษสี ทุ ธาวาส เม่อื ครงั้ ใช้เป็นอาคารเรียนของสภาการศกึ ษามหามกุฏราชวิทยาลยั
ภาพถา่ ยราวปี พ.ศ.๒๕๐๑

284

จดั ตงั้ มหาวทิ ยาลยั

พระพุทธศาสนา

พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) ประธานกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยรูปแรก
ได้เคยเล่าถึงความทรงจำ�เมื่อครั้งยังเป็นพระครูฐานานุกรมในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชริ ญาณวโรรส ถงึ ความปรารภในการต้ังมหาวทิ ยาลยั พระพทุ ธศาสนา ดงั ปรากฏความในคำ�กราบทูล
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสแห่งการประสาธน์
ปริญญาศาสนศาสตรบัณฑติ แก่ภกิ ษุผู้ส�ำ เร็จการศกึ ษาร่นุ แรก ๘ รปู วันที่ ๒๙ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๙๕
ความตอนหน่ึงว่า
“ผู้ท่ีอยู่ทันพระองคท์ ่านในสมยั ที่ยังทรงพระชนม์อยู่ และได้ฟงั พระปรารภเรอื่ งนีแ้ ล้ว ยอ่ มระลึก
ได้ดวี ่า ทรงกะจะตงั้ มหาวทิ ยาลัยขนึ้ ท่ีบรเิ วณตลาดยอดบางลำ�พู และจะจ้างชาวตา่ งประเทศมารว่ มเปน็
อาจารย์ดว้ ย และได้ทรงเริ่มหาชาวตา่ งประเทศมาสอนภาษาองั กฤษในวดั บวรนิเวศวิหารก่อน แต่ดำ�เนิน
ไปไดเ้ พยี งชวั่ คราว เนอ่ื งจากสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ พระองคน์ น้ั ทรงมภี ารกจิ ในการบรหิ ารคณะสงฆ์
และรจนาแบบเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมเปน็ อนั มาก จงึ ไมท่ นั ไดด้ �ำ เนนิ งานงานจดั ตง้ั มหาวทิ ยาลยั พทุ ธศาสนา
ข้นึ ได้ในสมยั ของพระองค”์

285

พระพรหมมนุ ี ประธานกรรมการสภาการศึกษามหามกฏุ ราชวิทยาลัย
ถา่ ยรปู ร่วมกับคณะกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราชวทิ ยาลัยฝ่ายบรรพชิต และนักศกึ ษา
ดังปรากฏมีพระนักศกึ ษาในรปู น้ี คือ พระมหาอัมพร อมฺพโร ปัจจบุ นั ได้รบั การสถาปนาข้นึ ท่ี
สมเด็จพระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (แถวหลังองคท์ ี่ ๒)

286

คณุ ของการศกึ ษา

วิชาตา งประเทศ

…บดั น้ี การศกึ ษาทางฝา่ ยบา้ นเมอื งไดเ้ จรญิ ไปมาก และความตดิ ตอ่ กบั ชาวตา่ งประเทศกข็ ยายไป
เปน็ เงาตามตัว ชาวตา่ งประเทศนนั้ มคี วามสนใจธรรมะในพระพุทธศาสนามาก แบบแผนตำ�รบั ต�ำ ราของ
เขาดี จำ�เป็นจะต้องศึกษาให้รู้เพ่ือได้เปรียบเทียบกัน และเพ่ือประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของมหามกุฏฯ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ เคยรับสั่งในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศ ครั้งหน่ึง ทรงแสดงคุณของการศึกษา
วิชาต่างประเทศ โดยยกพระองค์เป็นตัวอย่างว่า ที่พระองค์ทรงแต่งตำ�รับตำ�ราที่เป็นหลักสูตรได้มาก
กเ็ พราะพระองคท์ รงอาศยั ต�ำ รบั ต�ำ ราทเี่ ปน็ ภาษาตา่ งประเทศ ประเทศไทยเปน็ หลกั ของผถู้ อื พระพทุ ธศาสนา
และองค์การท่ีจัดบำ�รุงพระพุทธศาสนาของประเทศไทย อันหลักฐานและเก่าแก่ท่ีสุดก็คือ มหามกุฏ
ราชวทิ ยาลยั
บัดน้ีสมควรแล้วท่ีจะฟื้นฟูวัตถุประสงค์ของมหามกุฏราชวิทยาลัย ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ
ไดท้ รงไวน้ นั้ ให้บรบิ รู ณข์ ึ้น เพอ่ื เป็นการรักษาสมบตั ขิ องบูรพาจารย์...

เอกสารอา้ งอิง

คำ�กล่าวตอบในการเปิดสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยของพระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ) ประธานกรรมการสภาการศึกษามหามกุฏราช
วทิ ยาลัย เมอื วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๙.

287

พระธรรมปาโมกข์ตรวจดแู ลการกอ่ สร้างถนนสทุ ธาวาส
288

ถนนสทุ ธาวาส

ในศก ๒๔๙๐ ได้มกี ารทำ�ถนนเทปูนทีห่ นา้ ตกึ มนุษยนาคฯ คณะรังษี จากประตหู น้าวัดจดถนน
กลางวดั ท่คี นั่ เสนาสนสงฆ์ ยาวประมาณ ๘๔ เมตร สว่ นกว้างท่วั ไป ๔.๕๐ เมตร ศษิ ยแ์ ละผู้เคารพ
นับถือได้ร่วมกนั สร้างแทนการฉลองในการท่พี ระเทพมุนี (สุวโจ ผนิ ) ได้รบั พระราชทานเล่อื นสมณศักดิ์
เป็นพระธรรมปาโมกข์ ในศกนั้น ตามประสงค์ของพระธรรมปาโมกข์ เพราะถนนสายน้ียังไม่ได้เทปูน
เปน็ ถนนดนิ ได้มผี ้พู อใจเลื่อมใสสมทบทนุ ร่วมอีกมากจนเพียงพอ ตั้งช่ือวา่ “ถนนสุทธาวาส”

เอกสารอา้ งอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร สมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงครองวัด. พระภิกษุสามเณรพร้อมด้วยไวยาวัจกร
วัดบวรนิเวศวิหาร พิมพ์โดยพระบรมราชานุญาต โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ท่ีพระเมรุ
วดั เทพศิรินทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวทิ ยาลยั , หน้า ๕๖-๕๗.

289

พระภกิ ษพุ ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
ทรงฉายพระรูปกับพระพรหมมุนี (ผนิ สวุ โจ) และพระสหจร หน้าพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร

290

วสิ ัชนาธรรม

พระพรหมมนุ ี (ผนิ สวุ โจ) เคยเปน็ พระอาจารยถ์ วายความรแู้ ดพ่ ระภกิ ษพุ ระบาทสมเดจ็ พระบรม
ชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร เมื่อครงั้ ยังทรงผนวช เมอื่ ปี พ.ศ.๒๔๙๙
ดังพระราชปจุ ฉาขอ้ หนงึ่ ท่ีวา่
“การที่มีคนป่าวข่าวทำ�ให้เสียช่ือเสียง และอาจจะได้รับผลสะท้อนถึงฐานะของครอบครัว
ตลอดจนญาตพิ ่ีน้องวงศต์ ระกลู สมควรท่ีสมณเพศและคฤหสั ถจ์ ะปฏิบัติตนเช่นไรเมือ่ มีการเชน่ นีเ้ กิดขึ้น”
ในคร้งั น้นั พระพรหมมนุ ี ไดถ้ วายวสิ ชั นาไวว้ ่า
“ทางสมณเพศ จงกระท�ำ ความดตี อ่ ไป ความจรงิ ยอ่ มหนคี วามจรงิ ไปไมพ่ น้ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้
กป็ ระทานโอวาทให้แก้ตัว เชน่ พระภกิ ษทุ ่ถี กู ใสค่ วาม ก็มโี อกาสแกต้ ัวได้
ทางด้านคฤหัสถ์ ถ้าจะฟ้องร้องขอความเป็นธรรมจากศาลกไ็ มผ่ ดิ แตถ่ ้าตง้ั ใจปฏบิ ตั ชิ อบตอ่ ไป
โดยไมส่ ะทกสะท้านตอ่ การใสค่ วาม นานเข้าก็คงมคี นเหน็ ความดคี วามชอบของเรา จะถือเป็นกรรมกไ็ ด้
เปน็ เรือ่ งของสังขารสว่ นเหตุ คือ คนอ่ืนปรงุ แต่งให้เปน็ เรื่องเปน็ ราว”

291

พระพรหมมนุ ใี ห้การบรรพชาอปุ สมบทกุลบุตร ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร
ภาพถ่ายเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗

(ท่มี า นติ ยสาร Life Magazine)

292

ชายสามโบสถ

...ขา้ พเจา้ (พระพรหมมุน)ี เคยทราบวา่ ในสมัยสมเด็จพระวันรัต (พุทธฺ สริ )ิ ครองวัดโสมนัส
วหิ าร มีพระราชาคณะองค์หนึง่ ไปกราบขอลาสกึ ด้วยเหตุผลท่ีใจตกต่ำ� ทา่ นอนญุ าตใหส้ ึกได้
เมือ่ ผนู้ น้ั ลาสกิ ขาออกไปเพลดิ เพลนิ รู้รสจนเกดิ ความเบ่ือหนา่ ยแล้ว มาขอบวชอกี ท่านยนิ ดีรบั
อนเุ คราะหใ์ ห้บวช และชมว่า “อย่างนี้แหละดี เม่อื เห็นวา่ อยูไ่ ปจะรักษาพระวินยั ใหบ้ รบิ ูรณไ์ ม่ได้ สึกไป
เสยี ดกี วา่ เมื่อมศี รัทธากม็ าบวชใหม่ อย่าทำ�ชวั่ ท้ังเป็นพระ”
เมอ่ื ผ้นู ้ันมาบวชอยมู่ อี ายุพรรษาพอสมควร ทา่ นก็ขอใหเ้ ป็นพระราชาคณะอกี อย่างน้ดี ูท่านไม่
ถือว่าเปน็ การเสยี หาย และไม่นา่ จะถอื วา่ เปน็ เสยี หาย
ท้ังผนู้ นั้ กไ็ ม่ไดเ้ ป็นผู้เสยี หายอะไร เพราะไมไ่ ด้ท�ำ ความช่วั ไว้ ทัง้ ในคราวเมือ่ เป็นพระ ท้งั ในคราว
เมอ่ื เปน็ คฤหสั ถ์ ความจงึ ขัดกันกบั ท่วี ่า ชายสามโบสถ์ หา้ มไมใ่ หค้ บ น่าจะมีเนอื้ ความเป็นอยา่ งอื่นทีย่ งั
ขบกนั ไมแ่ ตก
เมื่อครั้งข้าพเจ้าบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดพวงมาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม วันหนึ่งเวลาคำ่�ได้
เข้าไปทำ�อุปัชฌายวัตร กับท่านพระครูวินยั ธรรม (แกว้ พฺรหฺมสโร) ... ได้ฟังท่านอธบิ ายว่า ชายสาม
โบสถท์ ่หี ้ามไมใ่ หค้ บนน้ั ท่านเหน็ ว่าไม่ใชผ่ ู้บวช ๓ ครง้ั ดังท่ีเขา้ ใจกนั นั้น ต้องเปน็ อีกอย่างหนง่ึ คือตอ้ ง
เป็นสามโบสถ์ไมไ่ ดบ้ วช ได้แก่ คนทเ่ี ตรยี มจะบวช เมอ่ื ไปอยู่วัด พอใกล้ชดิ เขา้ ท่านอาจารย์องคท์ ี่ ๑
พิจารณาแลว้ เห็นว่าไมไ่ หว ขืนให้บวชกบ็ อ่ นแตก จงึ บอกเลกิ ไมก่ ลา้ รับให้บวช น้โี บสถห์ นง่ึ ไปโบสถท์ ี่ ๒
ที่ ๓ กเ็ หมอื นกนั ไมก่ ล้ารับไวใ้ หบ้ วช คนทผ่ี ู้เฒ่าเหลา่ เมธาทง้ั ๓ ท่านไมก่ ลา้ คบ เชน่ นแ้ี หละเรียกวา่
“ชายสามโบสถ์” ท่หี ้ามไม่ให้คบ...

เอกสารอ้างอิง

พระพรหมมนุ ี (ผิน สุวโจ). ธรรมนิพนธ์ของพระพรหมมุนี (ผนิ สวุ จเถร ธรรมประทีป). กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหามกฏุ ราชวิทยาลัย,
๒๕๕๔.

293

โกศแปดเหลย่ี ม
ประดิษฐานศพพระพรหมมนุ ี
ณ หอสหจร วัดบวรนิเวศวหิ าร
พ.ศ.๒๕๐๔

พธิ ีประดษิ ฐานสรริ างคารพระพรหมมนุ ี
ณ ฐานพระนาคปรก ท่ซี ุม้ พระพุทธรูป

ข้างพระอโุ บสถดา้ นตะวันออก
เมื่อวนั ที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๔

294

มรณภาพ

ในตอนตน้ เดือนธันวาคม ๒๕๐๓ พระพรหมมนุ ไี ดร้ บั อบุ ัตเิ หตหุ กล้มลงระหว่างไปกิจนิมนตง์ าน
มงคลแหง่ หนงึ่ เปน็ เหตใุ หอ้ าพาธไดร้ บั ความเจบ็ ปวด ตอ่ มาตอ้ งไปอยรู่ บั การรกั ษาพยาบาลทโี่ รงพยาบาล
ศิริราช คณะแพทยท์ ท่ี �ำ การรกั ษาพยาบาล มศี าสตราจารย์ น.พ.จติ ต์ ตู้จนิ ดา เปน็ หัวหนา้ ได้พจิ ารณา
ตกลงท�ำ การผา่ ตดั และการผา่ ตดั กเ็ ปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ไดผ้ ลเปน็ ทนี่ า่ พอใจของนายแพทย์ แตเ่ นอ่ื ง
ด้วยมีโรคอย่างอนื่ แทรกซอ้ นมาก ถงึ วนั ท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๐๔ หลงั จากทำ�การผ่าตัดแล้ว ๘ ช่ัวโมง
พระพรหมมุนกี ็ถงึ มรณภาพด้วยอาการอนั สงบ เมื่อเวลา ๐๑.๑๐ น. สิรริ วมอายุได้ ๖๗ ปี
หลงั จากทพ่ี ระพรหมมนุ ีไดม้ รณภาพลง ๒ ชว่ั โมง ก็ได้เชญิ ศพจากโรงพยาบาลศริ ริ าช มายัง
วดั บวรนิเวศวิหาร ถงึ วดั เวลาประมาณ ๐๔.๓๐ น. แลว้ เชิญขน้ึ ส่หู อสหจรชั้นบน...

เอกสารอา้ งอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร สมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงครองวัด. พระภิกษุสามเณรพร้อมด้วยไวยาวัจกร
วัดบวรนิเวศวิหาร พิมพ์โดยพระบรมราชานุญาต โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่พระเมรุ
วดั เทพศริ นิ ทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวิทยาลยั , หน้า ๔๑-๔๓.

295

สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณสังวร

ประสูต ิ วัน ๖  ๔ฯ  ๑๑ คำ่� ปีฉลเู บญจศก ๑๒๗๕
(วันท่ี ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๖)

ทรงอุปสมบท วัน ๒  ๕ฯ  ๗ ค�่ำ ปีระกาเบญจศก ๑๒๙๕
(วันท่ี ๑๒ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๔๗๖)

ทรงทำ�ทฬั หกิ รรม วัน ๒ ๑ฯ๕  ๒ ค�ำ่ ปรี ะกาเบญจศก ๑๒๙๕
(วนั ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๖)

สมณฉายา สุวฑฒฺ น

ครองวดั วนั ๕ ๑ฯ๐  ๓ คำ่� ปฉี ลูตรศี ก ๑๓๒๓
(วนั ท่ี ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๕)

สถาปนาที่พระสงั ฆราช วัน ๖  ๑ฯ  ๕ คำ่� ปมี ะเสง็ เอกศก ๑๓๕๑
(วนั ท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๒)

สนิ้ พระชนม์ วนั ๕  ๕ฯ  ๑๑ ค�่ำ ปมี ะเสง็ เบญจศก ๑๓๗๕
(วนั ที่ ๒๔ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๕๖)

สถาปนาขึ้นเป็น วัน ๑ ๑ฯ๒  ๘ ค่ำ� ปีกนุ เอกศก ๑๓๘๑
สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวง (วันท่ี ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๒)

สวุ ัฑฒนสมยั

297

พระสงฆ์เจรญิ ชัยมงคลคาถาในโอกาสทเี่ จ้าพนักงานเชญิ พระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั มายงั ต�ำ หนกั เพ็ชร
วัดบวรนิเวศวหิ าร เม่อื วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

298

พระสาสนโสภณและพระเถระดูแลการประดษิ ฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั บนพระแท่น
ภายในหอ้ งพระฉาก ตำ�หนักเพ็ชร วัดบวรนเิ วศวหิ าร เมอ่ื วนั ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

299

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รทรงพระสหุ ร่าย
พระบรมรปู พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ภายในห้องพระฉาก ตำ�หนกั เพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร

เม่อื วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๖

300

พระบรมรปู

รชั กาลที่ ๔

เมือ่ เขา้ ไปในห้องพระฉาก (ตำ�หนกั เพ็ชร) ก็จะเห็นพระบรมรูปปัน้ เท่าพระองคจ์ รงิ ของพระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๔ ประดษิ ฐานอยบู่ นแทน่ ภายใตน้ พปฎลเศวตฉตั ร พระบรมรปู ปน้ั
องค์เดิมน้ี มีเรื่องเดิมอยู่ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ มีพระราชประสงค์จะให้หล่อพระบรมรูป
ไปตอบแทนถวายพระเจ้านโปเลียนที่ ๓ แห่งประเทศฝร่ังเศส เวลาน้ันยังไม่มีช่างไทยท่ีมีฝีมือถึงขนาด
จึงพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ไปให้ช่างฝร่ังหล่อพระบรมรูปข้ึน ช่างได้จำ�ลองหุ่นพระบรมรูปขึ้น
ด้วยปูนปลาสเตอร์ แล้วส่งเข้ามาถวายทอดพระเนตร แต่ไม่โปรด เพราะไม่เหมือนพระองค์ โปรดให้
ช่างไทยลองปั้นถวายบ้าง ช่างคนนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
เขา้ พระทยั วา่ อาจเปน็ หลวงเทพรจนา (พลบั ) ภายหลงั เปน็ พระยาจนิ ดารงั สรรค์ เมอ่ื ไดท้ อดพระเนตรเหน็
แลว้ ก็โปรด ไปตดิ ขัดอยู่ทม่ี ีผู้แย้งวา่ จะนำ�พระบรมรูปจ�ำ ลองเข้าสุมไฟ จะไม่เปน็ การงดงามทางประเพณี
จงึ เชญิ ไปเกบ็ ไวใ้ นหอเสถยี รธรรมปรติ ร แลว้ ยา้ ยไปไวใ้ นหอราชพงษานสุ รณ์ ในรชั กาลที่ ๖ ถงึ รชั กาลท่ี ๗
สมเดจ็ พระเจา้ พยี่ าเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงลพบรุ รี าเมศวร์ ซงึ่ ทรงด�ำ รงต�ำ แหนง่ เสนาบดกี ระทรวงมหาดไทย
ขอพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ พระท่ีนั่งเวชยันตวิเชียรปราสาท ในพระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี
ตามพระดำ�รัสแนะนำ�ของสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ
เมอ่ื ไมก่ ปี่ มี านี้ (๒๕๐๓) อสนุ บี าตลงทพี่ ระทนี่ ง่ั นี้ แมม้ ไิ ดต้ อ้ งตรงถงึ กบั จะท�ำ ลายพระทนี่ ง่ั กด็ ี แต่
ความสะเทอื นท�ำ ใหพ้ ระกรพระบรมรปู ช�ำ รดุ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในรชั กาลปจั จบุ นั (รชั กาลที่ ๙)
ได้พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองค์ใหซ้ ่อมพระท่นี ั่งและพระบรมรูปใหค้ ืนดดี งั เดิม
บดั นี้ พระราชนดั ดาหลายพระองคเ์ หน็ กนั วา่ นา่ จะคดิ หลอ่ พระบรมรปู ดว้ ยโลหะใหเ้ ปน็ ถาวรเสยี
ทเี ดยี ว จงึ ไดน้ �ำ ความกราบทลู เจา้ นายชนั้ พระบรมวงศ์ กท็ รงพระด�ำ รเิ หน็ ชอบ ตา่ งพระองคต์ า่ งประทาน
ทุนทรัพยช์ ่วยเหลอื รวบรวมเงินได้ ๕๖,๗๓๓ บาท ๖๗ สตางค์
จ่ายในการสร้างพระบรมรปู ๑๘,๓๒๗ บาท

301

พระวรวงศเ์ ธอ กรมหม่นื พิทยลาภพฤฒิยากร ทอดพระเนตรการประดิษฐานพระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั
ภายในห้องพระฉาก ตำ�หนักเพ็ชร วดั บวรนเิ วศวหิ าร

302

จา่ ยในการฉลองพระบรมรูป ๑๑,๓๘๔ บาท
กรมศิลปากรฝากเงนิ ที่เหลือจ่ายไวท้ ่ี ธนาคารกรงุ เทพพานชิ ๒๗,๐๒๒ บาท ๖๗ สตางค์
เมื่อวันท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรม
ราชนิ นี าถ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรงประกอบพระราชพธิ สี มโภชพระบรมรปู พรอ้ มดว้ ยพระบรมวงศานวุ งศ์
และขา้ ราชการ บนพระนครครี ี เสวยพระกระยาหาร พร้อมดว้ ยพระบรมวงศานวุ งศ์ เสรจ็ แลว้ เสด็จ
พระราชด�ำ เนนิ กลบั พระราชวงั ไกลกังวล
ได้นำ�หนังสือแจกในงานฉลองพระบรมรูป พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ซง่ึ เปน็ พระราชนพิ นธข์ องพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ ฯ ถวายแดเ่ จา้ คณุ พระสาสนโสภณ ทา่ นจงึ ถามถงึ
พระบรมรปู พระองคเ์ ดมิ วา่ ทวี่ ดั บวรนเิ วศนค้ี วรจะมี เพราะไดป้ ระทบั อยวู่ ดั นน้ี าน จงึ ไดเ้ รยี นถามทา่ นวา่ มี
ทจ่ี ะประดษิ ฐานตรงไหน จงึ ไดน้ �ำ ความมาเลา่ ถวายพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมนื่ พทิ ยลาภพฤฒยิ ากร และเมอื่
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงทราบกไ็ ดพ้ ระราชทานพระบรมราชานญุ าต ตอ่ มาเจา้ คณุ สาสนโสภณ
เชิญเสดจ็ ในกรมหมน่ื พิทยลาภพฤฒยิ ากร และหมอ่ มเจา้ ชชั วลติ ไปทรงเลือกท่ีประดิษฐานกย็ ังไมเ่ หมาะ
จนเข้าพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวเสด็จพระราชด�ำ เนนิ ท่ีวดั บวรนเิ วศ ทรงถวายพมุ่ เข้าพรรษา
(๒๕๐๔) เจา้ คณุ พระสาสนโสภณ จงึ ไดถ้ วายพระพรทลู เรอื่ งทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระ
จอมเกลา้ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงเลอื กทต่ี �ำ หนักเพช็ ร ในพระฉาก และพระราชทานพระบรม
ราชานุเคราะห์ และมีพระมหากรุณาจะเสด็จพระราชดำ�เนินในพิธีอัญเชิญพระบรมรูป พระวรวงศ์เธอ
กรมหมน่ื พทิ ยลาภพฤฒิยากร ได้รบั สัง่ กบั กรมศลิ ปากร ตกลงกำ�หนดการทงั้ ปวงใหเ้ รียบรอ้ ย
ทางวดั และทางส�ำ นกั พระราชวงั ไดก้ �ำ หนดการอญั เชญิ พระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
รชั กาลท่ี ๔ ประดษิ ฐานเหนอื พระแทน่ ณ ต�ำ หนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร (ในวนั เสดจ็ ถวายพมุ่ เขา้ พรรษา)
วนั ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๐๖ เวลา ๑๒ นาฬกิ า ๐๙ นาที เจา้ พนกั งานเชญิ พระบรมรปู มายงั ต�ำ หนกั เพช็ ร
เวลา ๑๓ นาฬิกา ๑ นาที เจ้าพนักงานยกนพปฎลเศวตฉัตร อัญเชิญพระบรมรูปประดิษฐานเหนือ
พระแทน่ พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจรญิ ชัยมงคลคาถาเวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยหู่ วั เสด็จพระราชด�ำ เนนิ มายังต�ำ หนักเพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร ทรงพระสุหร่าย แลว้ ทรงเจิม
พระบรมรปู พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจรญิ ชยั มงคลคาถา แล้วพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวทรงทอดผ้าไตร
พระสงฆ์สดบั ปกรณ์ ถวายอนโุ มทนา ถวายอดิเรก แลว้ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั ตอ่ จากนนั้ เจา้ พนกั งาน
ตั้งบายศรี พราหมณเ์ บิกแวน่ เวยี นเทยี นเป็นเสร็จพิธีสมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า

เอกสารอา้ งอิง

วดั บวรนเิ วศวิหาร. พระนคร : ศิวพร, ๒๕๑๕, หน้า ๑๒๓-๑๒๕.

303

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�ำ เนินเลยี บพระนคร
โดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เพ่อื มาทรงนมัสการพระพทุ ธชนิ สหี ์ ณ พระอุโบสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร
เมือ่ วนั ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๖

304

สถลมารค

เลยี บพระนคร

วนั เสาร์ที่ ๗ ธนั วาคม เวลา ๑๔ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงเครอื่ งบรมขัตตยิ
ราชภษู ิตาภรณ์ ทรงพระมหามาลา เสด็จฯ ออกเกยพระท่นี ง่ั อาภรณ์พโิ มกข์ปราสาท ประทบั พระทนี่ ่ัง
ราชยานพุดตานทอง ทหารบกยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ๒๑ นัด เสด็จพระราชดำ�เนินโดยกระบวน
พยุหยาตราตามโบราณราชประเพณี มีกองทหารแห่นำ�ตามเสด็จฯ ออกจากพระบรมมหาราชวังทาง
ประตวู เิ ศษไชยศรี ไปตามถนนหนา้ พระลาน ถนนราชด�ำ เนนิ ขา้ มสะพานผา่ นพภิ พลลี า เลย้ี วไปตามถนน
จกั รพงศ์ เลย้ี วขวาถนนพระสเุ มรเุ ทยี บพระทนี่ งั่ ราชยานพดุ ตานทองทเ่ี กยพลบั พลาหนา้ วดั บวรนเิ วศวหิ าร
เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ เขา้ สพู่ ระอุโบสถ สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะผใู้ หญ่
และพระสงฆว์ ดั บวรนิเวศวิหาร เจริญชัยมงคลคาถา พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวถวายทรงสะพักตาด
ตดิ ขลบิ ครยุ ทอง และธปู เทยี นแพ ตน้ ไมท้ องตน้ ไมเ้ งนิ บชู าพระพทุ ธชนิ สหี ์ ทรงจดุ ธปู เทยี นเครอ่ื งนมสั การ
บูชาพระรัตนตรัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเคร่ืองราชสักการะกราบถวายบังคมพระบรมราชสริรางคาร
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั และทรงจดุ ธปู เทยี นเครอื่ งทองนอ้ งถวายสกั การะพระรปู สมเดจ็
พระมหาสมณเจ้า พระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
พระอัฐิสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระราชอุปัธยาจารย์ พระสงฆ์ถวายอดิเรก
เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ออกจากพระอโุ บสถไปยงั เกยพลบั พลาหนา้ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ประทบั พระทนี่ ง่ั ราชยาน
พดุ ตานทอง ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ าตรากระบวนไปตามถนนพระสเุ มรุ เลยี้ วขวาถนนราชด�ำ เนนิ
ถนนหนา้ พระลาน เขา้ สพู่ ระบรมมหาราชวงั ทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบพระทน่ี ง่ั ราชยานพดุ ตานทองท่ี
เกยพระท่นี ง่ั อาภรณ์พโิ มกข์ปราสาท เสด็จฯ ข้นึ

เอกสารอ้างอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการ
ฉลองชนมายุครบ ๖ รอบ วันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พก์ รุงเทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หนา้ ๖๕-๖๙.

305

พระราชครวู ามเทพมุนี
(สมจิตต์ รงั สพิ ราหมณกลุ ) เจิมพระรูป
สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวง
วชริ ญาณวงศ์ ภายหลังการอัญเชญิ
ขน้ึ ประดิษฐานบนฐานชุกชีภายใน
พระอโุ บสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร
วันท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๗

สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเด็จ
พระสังฆราช (อยู่ าโณทโย) และ

พระสงฆ์ทรงสมณศกั ดิ์
เจริญพระพุทธมนต์ ในโอกาสอัญเชญิ

พระรูปขนึ้ ประดิษฐานบนฐานชกุ ชี
ภายในพระอุโบสถวัดบวรนเิ วศวิหาร
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๗

306

พระรปู สมเดจ็ พระสังฆราชเจา

กรมหลวงวชริ ญาณวงศ

“พ.ศ.๒๕๐๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพิธีหล่อ
พระรูปขนาดเท่าองคจ์ รงิ ของสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ขนึ้ ณ พระอโุ บสถ ด้าน
ศาลาแดงทิศตะวันออก การที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ นั้น
ก็โดยทรงมีพระราชดำ�ริว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ พระองค์น้ันทรงมีพระคุณูปการต่อพระองค์เป็น
อยา่ งยงิ่ และทรงเปน็ พระราชอปุ ธั ยาจารย์ ถวายพระโอวาทานสุ าสนใ์ นระหวา่ งทรงผนวช เปน็ เหตใุ หท้ รง
เข้าพระราชหฤทยั ในหลักพระพุทธศาสนาอย่างซาบซง้ึ จึงทรงมพี ระราชปรารภคราวหนงึ่ ว่า ควรจกั ได้
หลอ่ พระรปู สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ฯ ประดษิ ฐานไวใ้ นพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร ส�ำ หรบั เปน็ ทสี่ กั การะ
บชู าสืบไป...”

ท้ังนี้ ทางวดั ได้ประกอบพธิ ปี ระดษิ ฐานพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
ในวนั ท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๗ โดยไดอ้ ญั เชญิ พระรปู สมเดจ็ พระสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์
ซ่งึ ประดษิ ฐานอยรู่ ะหวา่ งเสาพระอโุ บสถด้านทศิ ตะวนั ออก และพระรูปสมเดจ็ พระสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส ซึ่งประดิษฐานอยู่ระหว่างเสาพระอุโบสถด้านทิศตะวันตก ขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชี
ในคราวเดยี วกนั น้ีดว้ ย โดยพระรปู สมเดจ็ พระสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ประดิษฐานเปน็
องค์กลาง พระรปู สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ประดิษฐานอยทู่ างพระหัตถซ์ ้ายของ
องคก์ ลาง และพระรปู สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ประดษิ ฐานอยทู่ างพระหตั ถข์ วาของ
องค์กลาง ครัน้ แลว้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
จึงได้เสด็จพระราชดำ�เนินมาทรงพระสุหร่ายและทรงเจิมพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง
วชริ ญาณวงศ์ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ศกน้ัน ในโอกาสเสดจ็ พระราชดำ�เนินมาทรงบำ�เพ็ญพระราชกุศล
เน่อื งในเทศกาลเขา้ พรรษา ณ พระอโุ บสถวัดบวรนเิ วศวิหาร

เอกสารอ้างอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการฉลอง
ชนมายคุ รบ ๖ รอบ วนั ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๒๘. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์กรุงเทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หน้า ๗๔.

307

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสดจ็ พระราชด�ำ เนินทรงเปิดอาคารเรียนวชิรญาณวงศ์
ณ โรงเรียนวดั บวรนิเวศ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๗

308

อาคารวชิรญาณวงศ

...ณ บริเวณท่ีตั้งของอาคาร “วชริ ญาณวงศ”์ ขณะนี้เดมิ เป็นท่ตี ้ังของตึกชัน้ เดยี วพ้นื ไม้จ�ำ นวน
๒ หลงั และโรงอาหาร ๑ โรง ตกึ หลักแรกมชี ือ่ ว่า “ตกึ อรพนิ ท”์ุ เม่อื พ.ศ.๒๔๕๘ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ
พระองค์เจ้าอรพินท์ุเพ็ญภาค ได้ทรงบริจาคสร้างขึ้นมีความกว้าง ๒๘ เมตร ยาว ๒๘.๕๐ เมตร
ใช้เป็นห้องเรียน ๗ ห้องเรียน ถวายให้เป็นสถานศึกษาโรงเรียนภาษาไทยของวัดบวรนิเวศวิหาร
หลังท่ีสองมีช่ือว่า “ตึกดำ�รงธรรมี” เม่ือ พ.ศ.๒๔๖๑ พระยาศรีบัญชา เจ้าของโรงพิมพ์บำ�รุงนุกูลกิจ
ไดม้ ีศรัทธาสรา้ งข้นึ มคี วามกว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ใช้เปน็ ห้องเรียน ๖ ห้องเรยี น ไดถ้ วายเปน็
สถานศึกษาอีกหลังหน่ึง ส่วนโรงอาหารน้ันโรงเรียนได้สร้างข้ึนติดกับตึกอรพินท์ุ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗
มีความกว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๗ เมตร
ตกึ ๒ หลังทส่ี ร้างขนึ้ ในสมัยเมือ่ เกือบ ๕๐ ปีมาแล้วนน้ั สามารถรับนักเรยี นเข้าศกึ ษาเลา่ เรยี น
ไดไ้ ม่เกิน ๕๐๐ คน ต่อมาเมือ่ การศึกษาไดข้ ยายตวั และเจริญก้าวหน้าขน้ึ ตามลำ�ดับ จำ�นวนนักเรียนยิ่ง
เพม่ิ มากขน้ึ ทุก ๆ ปี ทงั้ ๆ ทไี่ ดม้ อี าคารเรยี นตึก “มนษุ ยนาควทิ ยาทาน” ซง่ึ ไดส้ ร้างขน้ึ ด้วยทนุ เรี่ยไร
คณะสงฆ์ตามพระอารามต่าง ๆ ทัว่ พระราชอาณาจกั รและคณะศษิ ยานศุ ษิ ย์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส อันมีพระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ทรงเป็นประธานโปรดเกล้าโปรด
กระหมอ่ มให้สร้างขึน้ เม่อื พ.ศ.๒๔๖๖ อีกหลงั หน่ึงรับนักเรียนได้ ๑๒ ห้องเรยี น กย็ งั ไมเ่ ป็นการเพยี ง
พอกบั จ�ำ นวนนกั เรยี นทเี่ พมิ่ มากขนึ้ บรเิ วณทว่ี า่ งภายในของวดั บวรนเิ วศมไี มเ่ พยี งพอแกก่ ารขยายอาคาร
เรยี นใหมข่ น้ึ อกี ได้ ประกอบท้ังตกึ ๒ หลงั เดิมช�ำ รุดทรุดโทรมลงมาก ผนงั ตกึ เสื่อมคณุ ภาพ หลงั คาร่วั
มากจนไมส่ ามารถซอ่ มแซมแกไ้ ขปรบั ปรงุ ใหด้ ขี นึ้ ได้ เปน็ ทน่ี า่ เกรงอนั ตรายจะเกดิ ขน้ึ แกน่ กั เรยี น ดว้ ยเหตนุ ี้
พระคุณเจ้า พระสาสนโสภณ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ จึงได้ประชุมปรึกษาหารือลงความเห็นว่าควร
รอื้ ตกึ เก่า ๒ หลงั และโรงอาหารเสยี แล้วสรา้ งเป็นอาคารเรยี นขึ้นใหม่เปน็ ตึก ๔ ชน้ั เพ่อื โรงเรียนจะ
ได้ขยายการรับนักเรียนได้มากข้ึน ท้ังยังจะจัดห้องเรียนพิเศษต่าง ๆ เช่นห้องวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด
ขึน้ ได้ตามความประสงคข์ องทางโรงเรียนดว้ ย...

เอกสารอ้างองิ

ค�ำ กราบบงั คมทลู ของหมอ่ มหลวงปนิ่ มาลากลุ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เนอ่ื งในพธิ เี ปดิ อาคารเรยี น “วชริ ญาณวงศ”์ ณ โรงเรยี น
วดั บวรนิเวศ วันที่ ๒๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๗.

309

พนะบาทสมเดจ็ พระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ
ทรงบำ�เพญ็ พระราชกุศลพระชนมายเุ สมอพระราชบิดา ณ พระอุโบสถวดั บวรนิเวศวหิ าร วนั ท่ี ๒๙ สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๐๘

310

พระพทุ ธรปู ปางประทานพร
มพี ระปรมาภไิ ธย ภปร. องค์ตน้ แบบ

พนะบาทสมเดจ็ พระชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ
ทรงวางแผน่ ทองสำ�หรับหลอ่ พระพทุ ธรปู ปางประทานพรมพี ระปรมาภิไธย ภปร.

ณ มณฑลพธิ ี หน้าพระอโุ บสถคณะรังษี วดั บวรนิเวศวิหาร วนั ท่ี ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๘
311

พระสงฆน์ ่ังเจริญชัยมงคลคาถาแปดทิศในการประกอบพธิ ี
ทรงวางแผน่ ทองหล่อพระพทุ ธรูปปางประทานพร มีพระปรมาภไิ ธย ภปร.

๑. พระรตั นธชั มนุ ี (แบน คณ€ฺ าภรโณ) วดั พระมหาธาตุ จงั หวดั นครศรธี รรมราช
๒. พระราชมนุ ี (เติม โกสลโฺ ล) วัดบวรนเิ วศวหิ าร ภายหลังดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระเทพญาณวิศิษฏ์
๓. พระมหาบญุ เจมิ ปญฺ าพโล วัดสระมงคล จังหวดั นครปฐม ภายหลังด�ำ รงสมณศกั ด์ิท่ี พระครูภาวนาปัญญาดิลก
๔. พระมหาน่วม นมิ มฺ โล วัดบวรนเิ วศวิหาร
๕. พระมหาทองดี อนาวโิ ล วดั บวรนเิ วศวหิ าร ภายหลงั ด�ำ รงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระธรรมวฒุ าจารย์ วดั วรดติ ถาราม จงั หวดั ตราด

312

๑. พระเทพมงคลรังษี (ดี พุทธฺ โชติ) วัดเทวสงั ฆาราม
๒. พระมหานายก (แจ่ม ธมฺมสาโร) วดั บวรนเิ วศวหิ าร ภายหลังด�ำ รงสมณศกั ด์ทิ ี่ พระราชบัณฑติ
๓. พระมหาระแบบ €ิตาโณ วัดบวรนเิ วศวิหาร ภายหลังด�ำ รงสมณศกั ดิท์ ่ี พระธรรมเมธาภรณ์
๔. พระมหากล่อม สภุ โร วดั บวรนิเวศวหิ าร
๕. พระมหาชวลิต ชวลโิ ต วัดบวรนเิ วศวหิ าร

313

พระสงฆ์นงั่ เจรญิ ชัยมงคลคาถาแปดทศิ ในการประกอบพิธี
ทรงวางแผ่นทองหล่อพระพุทธรปู ปางประทานพร มีพระปรมาภไิ ธย ภปร.

๑. พระวรพรตปญั ญาจารย์ วิ. (กมิ เฮยี้ ง ปณุ ฺณจฺฉนโฺ ท) วดั อรัญญิกาวาส จงั หวัดชลบรุ ี
๒. พระจลุ นายก (จบั อุคฺคเสโน) วัดเขมาภิรตาราม ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ด์ิที่ พระธรรมรชั มงคล
๓. พระครูพทุ ธมนตป์ รีชา (บญุ เรือน ปุณฺณโก) วดั บวรนิเวศวิหาร ภายหลังด�ำ รงสมณศักดท์ิ ่ี พระมหารชั มงคลดลิ ก
๔. พระมหาอุบล นนฺทโก วดั บวรนิเวศวหิ าร ภายหลงั ด�ำ รงสมณศักดท์ิ ี่ พระเทพวิสุทธญิ าณ
๕. พระมหาสบุ นิ ปยิ าจาโร วัดบวรนเิ วศวิหาร

314

๑. พระโสภณปัญญาจารย์ (โฮม โสภโณ) วัดปทมุ วนาราม ภายหลังดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระราชมุนี
๒. พระโศภณคณาภรณ์ (บุญธรรม จณิ ณฺ ธมโฺ ม) วดั บวรนเิ วศวิหาร ภายหลังดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระเทพกวี
๓. พระมหาลาภ ธนสาโร วัดบวรนเิ วศวหิ าร ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระราชกวี
๔. พระมหาอภพิ ล อภพิ โล วดั บวรนิเวศวิหาร ภายหลังดำ�รงสมณศักดท์ิ ี่ พระธรรมบณั ฑิต
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
๕. พระครูพทิ ักษธ์ รุ กจิ (บุญยนต์ ปญุ ฺาคโม) วัดบวรนิเวศวหิ าร ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ดท์ิ ี่
พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์

315

พระสงฆ์นง่ั เจริญชัยมงคลคาถาแปดทิศในการประกอบพธิ ี
ทรงวางแผน่ ทองหลอ่ พระพุทธรปู ปางประทานพร มีพระปรมาภิไธย ภปร.

๑. พระครญู าณวิศิษฎ์ (ทรงชยั เขมปตโฺ ต) วดั พทุ ธมงคลนิมิต จังหวัดนครสวรรค์
๒. พระครูวิสทุ ธิธรรมภาณ (เปลย่ี น €ิตงิ กฺ โร) วัดบวรนเิ วศวิหาร
๓. พระมหากงมา วราคโม วัดบวรนเิ วศวิหาร
๔. พระมหาจ�ำ ลอง ฉนฺวโร วดั บวรนิเวศวิหาร
๕. พระมหาบญุ ช่วย สชุ วโน วัดบวรนเิ วศวหิ าร ปจั จบุ นั คือ รองศาสตราจารย์ สุเชาวน์ พลอยชมุ

316

๑. พระครสู ถาพรพทุ ธมนต์ (สำ�เนยี ง) วดั เวฬุวนาราม จังหวดั นครปฐม
๒. พระครูประสิทธิพทุ ธมนต์ (สุรพงส์ €านวโร) วดั บวรนิเวศวหิ าร ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระเทพวัชรธรรมาภรณ์
วัดตรที ศเทพ
๓. พระมหายอด วัดบวรนเิ วศวิหาร
๔. พระมหานวิ ิต สนุ ีโต วัดบวรนเิ วศวหิ าร
๕. พระมหามานพ มานโว วดั บวรนิเวศวิหาร

317

พระสงฆน์ ง่ั เจรญิ ชยั มงคลคาถาแปดทศิ ในการประกอบพธิ ี
ทรงวางแผน่ ทองหลอ่ พระพุทธรูปปางประทานพร มีพระปรมาภไิ ธย ภปร.

๑. ไมท่ ราบนาม
๒. พระมหาจนุ ท์ พรฺ หฺมคตุ ฺโต วดั บวรนิเวศวิหาร ภายหลังดำ�รงสมณศักดทิ์ ่ี สมเด็จพระวนั รตั
๓. พระครปู ลดั สุวฑั ฒนพรหมจรยิ คุณ (แบน กติ ตฺ สิ าโร) วัดบวรนิเวศวหิ าร ภายหลงั ด�ำ รงสมณศักดิ์ท่ี พระสธุ รรมาธบิ ดี
๔. พระครปู ระภศั ร์ธรรมาภรณ์ (แตม้ ปุญฺสุวณโฺ ณ) วัดพระลอย จงั หวัดสุพรรณบุรี
๕. พระครรู กั ขติ วนั มนุ ี (ถริ ปญฺ าปโชโต) วดั ปา่ เลไลยก์ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ภายหลงั ด�ำ รงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระวสิ ทุ ธสิ ารเถร ว.ิ

318

๑. ไมท่ ราบนาม
๒. พระครูจันทญาณโศภณ (จันทร์ จนฺโท) วัดอาวธุ วกิ สิตาราม
๓. พระครูพศิ าลวินยั วาท (สังข์ สุหโท) วัดบวรนเิ วศวหิ าร
๔. พระครเู ขมาภิรตั (ส�ำ ราญ อนิสฺสิโต) วัดตรีทศเทพ ภายหลงั ดำ�รงสมณศกั ด์ิท่ี พระราชวิสุทธมิ นุ ี
๕. พระมหาสิทธิ์ สิทธฺ ิวํโส วดั บวรนิเวศวหิ าร ปัจจบุ นั คอื ศาสตราจารย์ ดร.สทิ ธิ์ บุตรอนิ ทร์ ราชบัณฑิต

319

พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิมลูกแกว้
แล้วทรงสายสตู รลกู แก้วขึน้ ประดษิ ฐานยอดพระเจดีย์ วัดบวรนเิ วศวิหาร วันท่ี ๒๙ สงิ หาคม พ.ศ.๒๕๐๘

320

จาตรุ งคมงคล

วนั ที่ ๒๙ สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๘ เปน็ วนั มหามงคลทพี่ งึ จารกึ เปน็ ประวตั กิ ารณพ์ เิ ศษดว้ ย
สมเด็จบรมบพติ รพระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ได้ทรงบ�ำ เพญ็
พระราชกุศล ในโอกาสที่มีพระชนมายุเสมอด้วยสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวง
สงขลานครินทร และได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการกุศลอีก ๓ อย่าง ในวันมหามงคลน้ี คือ
ทรงประกอบพธิ หี ลอ่ พระพทุ ธรปู ปางประทานพร มพี ระปรมาภไิ ธย ภ.ป.ร. ทรงเชญิ ลกู แกว้ ขน้ึ ประดษิ ฐาน
บนยอดพระเจดียท์ ีไ่ ด้บรู ณะปิดกระเบือ้ ง สีทองข้ึนใหมแ่ ล้ว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหฉ้ ลองสมโภช
กบั ทรงพระสหุ รา่ ยทรงเจมิ แผน่ ศลิ าปฐมฤกษท์ รงผนกึ เปลยี่ นผนงั พระอโุ บสถ ทจี่ ะบรู ณะปฏสิ งั ขรณใ์ นกาล
ต่อไป และได้ทรงรับการบูรณะปฏสิ ังขรณพ์ ระอุโบสถไว้ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
...พระราชกรณยี กจิ ส�ำ คญั ทที่ รงปฏบิ ตั ใิ นโอกาสนเ้ี ปน็ ๔ อยา่ ง อนั ควรเรยี กไดว้ า่ “จาตรุ งคมงคล”

เอกสารอา้ งอิง

“คำ�นำ�.” จาตุรงคมงคล วัดบวรนิเวศวิหาร โดยเสด็จพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในมหามงคลสมัย
พระชนมายเุ สมอดว้ ยสมเดจ็ พระราชบดิ า เจา้ ฟา้ มหดิ ลอดลุ เดช กรมหลวงสงขลานครนิ ทร ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๐๘. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกฏุ
ราชวิทยาลยั , ๒๕๐๘.

321

ตกึ สามคั คธี รรมทาน

พระธรรมดลิ ก (วชิ มัย ปญุ ฺ าราโม)
บ�ำ เพญ็ กศุ ลในโอกาสรื้อ
ตึกสามคั คธี รรมทาน

322

สามคั คีธรรมทาน

พ.ศ.๒๕๑๗ รอื้ ตกึ สามคั คีธรรมทาน โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม ซ่งึ เปน็ ตกึ ๒ ชน้ั ๕ หอ้ ง มี
มขุ หน้า แลว้ สร้างใหมเ่ ปน็ ตกึ ๕ ชั้น กวา้ ง ๒๓ เมตร ยาว ๓๓.๕๐ เมตร
ตึกสามัคคีธรรมทานสร้างข้ึนแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๗ ด้วยทุนที่เหลือจากการบำ�เพ็ญกุศลฉลอง
พระชนมายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ แต่คร้ังยังด�ำ รง
พระสมณศักดท์ิ ี่ สมเด็จพระวชริ ญาณวงศ์ เพ่อื เป็นอนสุ รณ์ในการน้นั สิน้ ค่าก่อสร้าง ๗,๖๒๐.๐๐ บาท
เหตแุ ห่งการปรารภที่จะรือ้ ตกึ โรงเรียนปรยิ ตั ธิ รรมหลังเก่าลง แล้วสรา้ งใหมเ่ ปน็ ตกึ ๕ ชั้นนน้ั
ก็คือ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๖ สมเด็จพระญาณสังวร มีชนมายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ คณะศิษยานุศิษย์และ
ผเู้ คารพนบั ถอื ทว่ั ไป จงึ ไดจ้ ดั งานบ�ำ เพญ็ กศุ ลฉลองตามประเพณนี ยิ ม ในการบ�ำ เพญ็ กศุ ลครงั้ นนั้ ไดม้ ผี รู้ ว่ ม
บริจาคทุนทรัพน์ถวายไวจ้ ำ�นวนหน่ึง สมเด็จฯ จึงไดป้ รารภท่จี ะสร้างถาวรวตั ถุไวใ้ ห้เปน็ อนุสรณ์ ความ
ทราบฝ่าละอองพระบาทสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงได้ทรงพระกรุณารับโครงการนี้ไว้ใน
พระราชูปถมั ภ์ (ปัจจุบนั คอื ตกึ สว ธรรมนเิ วศ)

เอกสารอ้างอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการฉลอง
ชนมายคุ รบ ๖ รอบ วนั ท่ี ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์กรงุ เทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หนา้ ๓๗๖-๓๗๗.

323

สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทอดพระเนตรนทิ รรศการครบ ๘๔ ปี มหามกุฏราชวิทยาลยั ณ ต�ำ หนักเพช็ ร
วดั บวรนเิ วศวหิ าร โดยมีสมเด็จพระอรยิ วงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเดจ็ พระสังฆราช นายกกรรมการมหามกฏุ ราชวิทยาลัยน�ำ เสดจ็

เม่ือวันที่ ๑ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๒๑

พระธรรมดลิ ก (วชิ มยั ปุญฺาราโม) ผอู้ ำ�นวยการมูลนิธมิ หามกฏุ ราชวิทยาลัย ถวายการต้อนรับ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเดจ็ พระสังฆราช ในงานฉลองครบรอบ ๘๔ ปี

มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย ณ ตกึ อรไทยเทพกัญญา เม่อื วนั ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑
324

๘๔ ปี

มหามกุฏราชวทิ ยาลัย

พ.ศ.๒๕๒๑ เปน็ ปที มี่ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ในพระบรมราชูปถมั ภต์ งั้ มาไดค้ รบ ๘๔ ปี จงึ ได้มี
การจัดงานฉลองขึ้น ระหว่างวันท่ี ๑ – ๕ ตุลาคมศกนั้น และในโอกาสเดียวกันนี้ได้ประกอบพิธีเปิด
ตึกสำ�นกั งานของมหามกุฏฯ ทไ่ี ดส้ ร้างขน้ึ ใหมแ่ ทนตกึ หลงั เก่าด้วย...
ในการนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร
เสดจ็ พระราชดำ�เนินมาทรงบ�ำ เพญ็ กศุ ลเปิดงานและทรงประกอบพธิ เี ปดิ ตึกใหม่ โดยมีกำ�หนดการดงั น้ี
วนั อาทติ ยท์ ี่ ๑ ตลุ าคม เวลา ๑๕.๓๐น. คณะกรรมการมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ทง้ั ฝา่ ยบรรพชติ
และคฤหัสถ์และเจา้ หนา้ ที่ พร้อมกนั ทพ่ี ระอุโบสถวดั บวรนเิ วศ
เวลา ๑๖.๐๐ น. สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกมุ ารเสดจ็ พระราชดำ�เนินโดย
รถยนตพ์ ระทน่ี ง่ั ถงึ วดั บวรนเิ วศวหิ าร เทยี บรถยนตพ์ ระทนี่ ง่ั ทป่ี ระตหู นา้ พระอโุ บสถ เสดจ็ ฯ เขา้ สพู่ ระอโุ บสถ
ทรงจุดธูปเทียนเครือ่ งนมสั การบชู าพระรัตนตรัย พระสงฆ์ ๑๐ รูป มสี มเด็จพระราชาคณะเปน็ ประธาน
ถวายศลี เสรจ็ แลว้ เจรญิ พระพทุ ธมนตเ์ ปดิ งานบ�ำ เพญ็ กศุ ลครบ ๘๔ ปี จบแลว้ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงประเคนจตปุ จั จยั เครอ่ื งไทยธรรม พระสงฆ์ ๑๐ รปู ถวายอนโุ มทนา ถวายอดเิ รก
(สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช) นายกกรรมการมหามกุฏราช
วทิ ยาลยั น�ำ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปทอดพระเนตรนทิ รรศการทตี่ �ำ หนกั เพช็ ร แลว้ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปยงั
ตกึ อรไทยเทพกัญญา เพอ่ื ทรงตัดริบบนิ้ พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญชยั มงคลคาถา เสด็จฯ ทอดพระเนตร
บนตึกอรไทยเทพกัญญาตามพระราชอธั ยาศัย แลว้ เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ กลบั

เอกสารอา้ งอิง

ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการฉลอง
ชนมายคุ รบ ๖ รอบ วันท่ี ๓ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๒๘. กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ รงุ เทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หนา้ ๓๕๗-๓๕๙.

325

พระภิกษุสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช
เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร

ทรงท�ำ วัตรรว่ มกับพระภกิ ษสุ ามเณร
ณ พระอุโบสถวัดบวรนเิ วศวิหาร

326

พระราชประสงค

ทีจ่ ะทรงผนวช

“...การที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำ�เนินไปท่ีวัดบวรฯ ก็เพ่ือแสดงพระราช
ประสงค์ทจ่ี ะทรงผนวชในวันที่ ๖ พฤศจกิ ายน (พ.ศ.๒๕๒๑) ซง่ึ สมเดจ็ พระญาณสงั วรก็ได้ถวายหนังสือ
อปุ สมบทวธิ ี หนงั สอื พทุ ธประวตั ิ และต�ำ ราสวดมนตเ์ จด็ ต�ำ นาน พรอ้ มกนั นน้ั กไ็ ดถ้ วายค�ำ แนะน�ำ ในการเตรยี ม
พระองคท์ รงผนวชตลอดจนวธิ ีปฏบิ ัตพิ ระองคร์ ะหว่างทจี่ ะทรงครองสมณเพศ...”

เอกสารอา้ งองิ

“สำ�นักพระราชวงั แถลงมพี ระบรมราชานญุ าต.” ไทยรัฐ. ฉบบั วนั ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๑, หน้า ๑๖.
327

พระภกิ ษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชริ าลงกรณฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
ทรงศึกษาธรรมวนิ ยั ร่วมกบั พระนวกภิกษรุ ปู อืน่ ๆ ณ ตำ�หนกั เพ็ชร วดั บวรนเิ วศวิหาร

พระภกิ ษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชริ าลงกรณฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
ทรงปลูกตน้ สนฉตั ร หนา้ หอสหจร วัดบวรนิเวศวิหาร วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑

328

สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช
เจาฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ

ทรงผนวช

“...การบวชของกระผมในคร้งั นี้ เปน็ การบวชด้วยศรทั ธาอันแรงกลา้ ทจ่ี ะศกึ ษาพระธรรมอนั มีคา่
สงู สดุ โดยมุ่งหวังท่ีจะน�ำ ไปใช้ใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติต่อไป...”
พระราชดำ�รัสตอบต่อที่ประชุมสงฆ์วัดพระมหาธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคราวเสด็จ
พระราชดำ�เนินไปทรงถวายสักการะพระบรมธาตุ ณ วัดพระมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช
วนั ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๒๑

เอกสารอา้ งอิง

“สำ�นักพระราชวังแถลงมีพระบรมราชานญุ าต.” ไทยรฐั . ฉบบั วนั ท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๑, หนา้ ๑๖.
329

สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกมุ าร ทรงลาสกิ ขา
แลว้ ทรงเศวตพสั ตรแ์ ล้ว เสดจ็ ฯ ไปทรงสมาทานเบญจศีลแสดงพระองค์เปน็ อบุ าสก ณ พระป้นั หย่า

เมอ่ื วนั ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑

330

ทรงลาสกิ ขา

วนั จนั ทร์ที่๒๐พฤศจกิ ายน๒๕๒๑เวลา๑๐นาฬกิ า๑๕นาทีพระภกิ ษสุ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำ�เนินออกพระตำ�หนักป้ันหย่า ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ
แล้วทรงประกาศลาสิกขาแด่พระสงฆ์ เสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงเปล้ืองกาสาวพัสตร์ ทรงเศวตพัสตร์
แล้ว เสด็จฯ ไปทรงสมาทานเบญจศีลแสดงพระองค์เป็นอุบาสก แล้วเสด็จพระราชดำ�เนินไปยังพระ
ตำ�หนักทรงพรต เสดจ็ ฯ เขา้ ที่สรง สรงเสรจ็ ทรงเศวตพัสตร์แล้ว เสด็จฯ ไปทรงประเคนภัตตาหาร
พระสงฆร์ บั พระราชทานฉนั สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปยงั
พระตำ�หนักใหญ่ ทรงจุดธูปเทียนเคร่ืองราชสักการะทูลลาพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
ปวเรศวริยาลงกรณ์ พระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และพระอัฐิสมเด็จ
พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ แลว้ เสดจ็ ฯ เขา้ สหู่ อ้ งทป่ี ระดษิ ฐานพระบรมอฐั พิ ระบาทสมเดจ็
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงจดุ ธปู เทยี นเครอ่ื งราชสกั การะ กราบถวายบงั คมลาแลว้ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ
ขน้ึ พระตำ�หนกั ปั้นหย่า ทรงประเคนจตปุ ัจจยั ไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไป
ประทับ ณ พระตำ�หนกั ทรงพรต เวลา ๑๒ นาฬกิ า ๓๐ นาที สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ
ราชกุมาร เสด็จพระราชดำ�เนินไปยังกุฏิคอยท่า ถวายสักการะลาสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาส
พระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระญาณสังวรประพรมน้ำ�พระพุทธมนต์ถวาย แล้วเสด็จพระราชดำ�เนิน
ไปยงั พระอโุ บสถ ทรงจดุ ธปู เทียนเครอ่ื งราชสกั การะพระรูปสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศ
วรยิ าลงกรณ์ พระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระรปู สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และพระบรมราชสริรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับทรง
จุดธูปเทียนถวายเครื่องนมสั การพระพุทธชินสหี ์ ทรงนมัสการลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จพระราชด�ำ เนินออก
จากพระอโุ บสถ พระสงฆเ์ จรญิ ชยั มงคลคาถา ประทบั รถยนตพ์ ระทนี่ ง่ั ทหี่ นา้ ประตพู ระอโุ บสถวดั ราชบพธิ
สถติ มหาสมี าราม ถวายสกั การะทลู ลาสมเดจ็ พระสงั ฆราช พระอปุ ธั ยาจารย์ แลว้ สมเดจ็ พระสงั ฆราชทรง
ประพรมน�้ำ พระพุทธมนต์ถวาย แล้วเสด็จพระราชดำ�เนนิ ไปประทับรถยนตพ์ ระท่นี งั่ เสด็จพระราชดำ�เนนิ
กลบั พระทน่ี งั่ อัมพรสถาน พระราชวงั ดุสิต”

เอกสารอา้ งอิง

หมายรบั สง่ั ส�ำ นกั พระราชวงั “พระราชพธิ ี พระภกิ ษุ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงลาผนวช.”
๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๑.

331

พระครูพทุ ธมนตป์ รชี า (บุญยนต์ ปญุ ฺ าคโม ภายหลังด�ำ รงสมณศักด์ิที่ พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์) และพระสุชาติ ชาตสโุ ภ
(ภายหลังดำ�รงสมณศักดิ์ท่ี พระประกติ พทุ ธศาสน์) เจริญชัยมงคลคาถา ในโอกาสท่ี นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ เลขาธกิ ารพระราชวงั

เชิญหมอ้ พระสกุลพระเจา้ หลานเธอ พระองคเ์ จา้ พชั รกติ ยิ าภาลงฝังในหลุม

332


Click to View FlipBook Version