คดิ จะสึก
...เม่อื ทา่ นยังหน่มุ ๆ อยสู่ อบเปรียญไดเ้ ป็นพระมหาชื่น ทา่ นก็อยู่ทว่ี ัดบวรนเิ วศวหิ าร ซ่ึงขณะ
น้ันสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเปน็ เจา้ อาวาสอยู่
สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงกวดขันท่านมาก ทำ�ผิดอะไรเล็กน้อย หรือไม่พอพระทัยข้ึนมา
เมื่อไร ก็กริ้วกราดเอาแรง ๆ เสมอ ท่านเบ่ือหน่ายข้ึนมาจึงกราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ว่า
“ทา่ นจะขอสกึ ”
สมเด็จพระมหาสมณเจา้ ฯ ไดท้ รงฟังแลว้ ก็น่ิงอยู่ มไิ ด้ตรสั วา่ กระไร
ฝา่ ยสมเด็จฯ เมอ่ื กราบทูลไปแล้วกไ็ ปหาฤกษ์สกึ แลว้ ก็ใหโ้ ยมไปเตรียมผา้ นุง่ มาไวห้ นึ่งผืน เสื้อ
ราชปะแตนหน่ึงตัว อีกสองวันจะสกึ
เยน็ วนั หนงึ่ กอ่ นทจ่ี ะถงึ ฤกษส์ กึ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ มาทวี่ ดั บวรฯ เพอื่
ทรงเย่ียมสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ ครน้ั แล้วก็เสด็จฯ ลงจากตำ�หนกั สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ตรงมา
ที่กุฏิของทา่ น
เสดจ็ ฯ มาถงึ แลว้ กท็ รงยนื อยหู่ นา้ ประตกู ฏุ ิ มไิ ดเ้ สดจ็ ฯ เขา้ มาขา้ งใน พอเหน็ ในหลวงรชั กาลท่ี ๕
เสด็จมาที่กุฏิกต็ กใจแทบสน้ิ สติ เพราะไมเ่ คยเสดจ็ ฯ มาแตก่ อ่ น ไม่รวู้ า่ จะทำ�อยา่ งไรถกู ก็น่งั รับอยใู่ นกฏุ ิ
จะเชญิ เสดจ็ ฯ เขา้ มากพ็ ดู ไมถ่ กู
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าฯ รบั ส่งั ว่า “ไดย้ ินวา่ คณุ จะสึกหรอื ”
สมเด็จฯ ก็ถวายพระพรรับวา่ “จรงิ ”
จึงมีกระแสรับส่ังต่อไปว่า “ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อยากจะบอกให้รู้ว่า คนอย่างคุณนั้นบวช
เปน็ พระแลว้ หายาก ถา้ สึกออกมาเปน็ ฆราวาสก็หาง่าย”
“กัน (ค�ำ ใชเ้ รียกแทนตวั เองสมยั ก่อน) กเ็ ลยไม่สึก” สมเด็จฯ ท่านว่า “ทา่ นเปน็ พระเจา้ แผน่ ดิน
ท่านตอ้ งรดู้ กี วา่ เราว่าอะไรหายาก อะไรหางา่ ย”
ม.ร.ว.คกึ ฤทธิ์จึงถามว่า “แลว้ ยังไง”
สมเด็จฯ ท่านจึงว่า “กนั อยากเป็นคนหายากวะ่ ”
เอกสารอา้ งอิง
ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช, สยามรฐั ฉบับวนั ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๑, หน้า ๕.
233
หมู่กฏุ ิคณะแดงรงั ษี
ภาพถา่ ยเมอื่ ปี พ.ศ.๒๔๙๗
234
หายพยศ
...ขา้ พเจา้ (เสฐยี รโกเศศ) พาเพอ่ื นคนหนงึ่ สนทิ กนั มาก ไปเยย่ี มเคารพทา่ นเจา้ คณุ พระญาณวราภรณ์
เวลาค่ำ� เพื่อนของข้าพเจา้ คนน้ี มีความคดิ เหน็ อยา่ งธรรมดาของคนหนมุ่ ย่งิ ไปกว่าข้าพเจ้า ท่ชี วนไปก็
เพ่ือจะได้ซักถามข้อขัดข้องในใจได้ ยังไม่อั้นประตูด้วยความเกรงใจ แม้จะถามเกินเลยไปบ้าง ท่านก็ไม่
ถอื โกรธ แตอ่ าจตอบให้ผ้นู น้ั หายพยศก็ได้ ในข้อซกั ถามของเพื่อนขา้ พเจ้าคำ่�วนั นั้นมีหลายข้อ แตท่ ่จี ำ�ได้
แมน่ มอี ยู่ ๒ ขอ้ คือเพอ่ื นของข้าพเจ้าปรารภข้นึ วา่ พระไดท้ ำ�ประโยชนท์ างคดีธรรมมาแล้ว ถ้าไดท้ ำ�
ประโยชนท์ างคดโี ลกเพม่ิ ขนึ้ ดว้ ยจะสมบรู ณท์ เี ดยี ว คอื พระควรมคี รอบครวั ดว้ ยอยา่ งพระฝรง่ั อเมรกิ นั จะได้
มผี ู้สืบสายเปน็ ทหารเพอื่ ช่วยชาติอีกชนั้ หน่ึงดว้ ย
ทา่ นเจา้ คณุ ตอบวา่ “เออดี ความคดิ ไมเ่ ลว แตพ่ ระยงั ตอ้ งพงึ่ พาอาศยั ชาวบา้ นเขาเลยี้ งปากเลยี้ ง
ท้องอยู่ ตามลำ�พังคนเดียว ชาวบา้ นกจ็ ะแยอ่ ยูแ่ ล้ว ถ้ามลี ูกมเี มียให้เขาเลีย้ งด้วยจะแยย่ ่งิ กวา่ น้ี อย่าเพงิ่
มมี นั เลยดีกว่า”
อีกข้อหนงึ่ ข้าพเจา้ ปรารภว่า วดั มีมากนกั ถา้ ยุบเสียบ้างก็จะดี เพือ่ นขา้ พเจา้ ว่านี้ หมายถงึ
เร่อื งเกยี่ วกบั เศรษฐกจิ ของชาติ ซงึ่ มุ่งไปในทางวตั ถมุ ากกว่าทางธรรม
ทา่ นเจ้าคณุ ก็ตอบทันทีวา่ “เป็นความเห็นทด่ี ี เขากท็ ำ�กันอยู่แล้ว” พลางชี้ไปทางวดั รงั ษี แล้วพูด
ต่อไปว่า “บดั น้เี รากร็ วมวัดรงั ษีและวัดบวรนิเวศเขา้ เปน็ วดั เดยี วกนั แล้ว แตย่ งั มวี ัดเหลอื อยอู่ ีกมาก หาก
หาคนรือ้ ยงั ไม่ได้ หรอื คุณอยากจะรบั เปน็ คนรื้อกไ็ ด้”
เอกสารอ้างองิ
เสฐยี รโกเศศ. "ลว่ งแลว้ เกอื บหา้ สบิ ป"ี . วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จดั พมิ พข์ นึ้ เนอ่ื งในวโรกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรงประกอบพธิ เี ปดิ อาคารเรยี น
"วชริ ญาณวงศ"์ โรงเรยี นวัดบวรนิเวศ วันอาทติ ยท์ ี่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวัฒน์, ๒๕๐๗.
235
สวดพระปาฏิโมกข์ ภาพถา่ ยในปี พ.ศ.๒๔๙๗
236
หิน ๓ กอ น
ของวัดบวรฯ
...ในปแี รกนี้ นอกจากทอ่ งปาฏโิ มกขจ์ ะตอ้ งท�ำ อะไรอกี กพ็ บหลกั สตู รสวดมนตพ์ มิ พอ์ ยใู่ นกระดาษ
ทอี่ อกดยู าวเกอื บศอกมปี ระมาณ ๑๐๘ สตู ร (นา่ เปน็ ลม ภายหลงั ปรากฏวา่ ผไู้ มส่ กู้ ม็ เี หมอื นกนั ) วนั ตอ่ ๆ
มาดวู า่ ปแี รกนค้ี วรจะมอี ะไรอกี กป็ รากฏวา่ ทา่ นมหาหลายองคเ์ ตรยี มสอบนกั ธรรมชนั้ เอก ซงึ่ พดู กนั วา่ สอบ
ได้ยากสมยั น้นั ท่านเหลา่ น้นั ชวนไปซอ้ มกต็ กลงรว่ มอกี อยา่ งหน่ึง คราวน้จี ึงหนักเหมือนแบกหนิ วัดบวรฯ
ไว้ ๓ ก้อน โดยแบกก้อนหนึ่งไวท้ ่บี ่าซ้าย กอ้ นหนง่ึ ไวท้ ่บี ่าขวา ก้อนหน่ึงทูนไวท้ ห่ี ัว…
ก็เป็นอันว่าจากปฐมนิเทศ- แบบถลุงแร่ ๓ อย่าง ท่องปาฏิโมกข์ ซ้อมสวดมนต์ และซ้อม
นกั ธรรมเอก ปแี รกของการอยวู่ ดั บวรฯ พ.ศ.๒๔๗๔ ไมไ่ ดเ้ รยี นบาลแี นน่ อน แตพ่ วกเรามบี ทปลอบใจ “ชา้ ๆ
ได้พรา้ ๒ เลม่ งาม” กเ็ ปน็ อันวา่ แมช้ า้ ก็มที างได้ของดเี หมือนกนั
ทอ่ งปาฏโิ มกข์ ซอ้ มสวดมนต์ และซอ้ มนกั ธรรมเอก ๓ อยา่ งน้ี ทว่ี า่ หนกั เหมอื นแบกหนิ วดั บวรฯ
ไว้ ๓ ก้อน ก็เปน็ ความเขา้ ใจ คือ
๑. ไม่ไดป้ าฏโิ มกข์ไม่รับเป็นพระวดั นี้ กเ็ ป็นอันวา่ อยวู่ ดั บวรฯ แตไ่ ม่เปน็ พระวัดบวรฯ กเ็ หมอื น
กาฝากอยู่บนต้นมะม่วง แต่ไม่ใช่เป็นต้นมะม่วง และอาจเหมือนมดแดงเฝ้ามะม่วงแต่ไม่ได้รู้รสมะม่วง
จึงจำ�จะต้องรีบท่องให้จบ ความรู้สึกหนักอยู่ที่จำ�จะต้องรีบนี่เอง ไม่เช่นน้ันก็ไม่ใช่เร่ืองหนักหนาอะไร
การท่องได้เป็นไปอย่างต้ังใจจะไม่อยู่วัดบวรฯ แบบกาฝาก หรือแบบมดแดงเฝ้ามะม่วง จึงไปซ้อม
๒ เทยี่ วก็จบ คอื เท่ยี วละครง่ึ คอื เทย่ี วแรกจบนิสสัคคิยปาจิตตีย์ อีกเที่ยวหน่ึงขึน้ ปาจิตตีย-์ สกิ ขฺ ติ ตฺ พพฺ ํ
กเ็ อวัง จึงได้เป็นพระวัดบวรฯ ในพรรษานน้ั เอง หนิ ก้อนท่ี ๑ หลดุ ไป
๒. เรื่องซ้อมสวดมนต์นี้หนัก เพราะมีมากสูตรน้ีอย่างหนึ่ง และมีกรรมการช่ือพระมหาผ่อน
แต่ไม่มีอะไรผ่อนสมช่อื เลย กรรมการร่วม ๒ องค์ คอื พระครูปรติ รฯ พระครวู นิ ัยธร ซ่ึง ๒ พระครู
นี้ท่านคงถ่อมตัวว่าไม่ได้เป็น "ท่านมหา" เมื่อฟังซ้อมท่านจึงถามว่า "ท่านมหาว่าไง ได้ไหม" ซ่ึงท่าน
มหาก็ตอบเสียงเครยี ดบ่อย ๆ ว่า "จะไปได้เดย้ อะไร สวดไมเ่ ข้าท่า" ซงึ่ ผู้ถกู ซ้อมกน็ ่าเบ้ไปตาม ๆ กนั .
237
แม้ นโม ตสสฺ ฯ ทา่ นมหาผ่อนกเ็ คยกกั ไว้ถงึ ๓ คืนจงึ จะให้ ทั้งๆท่ผี ูร้ บั ซ้อมน้นั เปน็ เปรยี ญ ๕ ประโยค
ก็มี เป็นเปรยี ญ ๓ ประโยคกม็ ี จงึ เกดิ จะมีคอรปั ชนั่ คือหาปน่ิ โตเถาใหญ่ ๆ นมิ นตท์ า่ นมหาผอ่ นมาฉนั
ตอนเพลบ่อย ๆ เพอื่ ใหม้ ีการผอ่ นใหส้ มชื่อสกั หนอ่ ยก็ยงั ดี แต่ไม่ได้ผล เพราะทา่ นรจู้ ักเฉพาะตอนในกาล
ตอนวกิ าลแล้วไมร่ ู้จกั พระมหาสดุ ใจผ้ดู ำ�เนนิ การกอ็ ่อนใจ มไิ ด้มงุ่ หมายอะไรมากเพยี งเพ่ือให้ผอ่ นลงบา้ ง
เทา่ นน้ั เอง ทา่ นมหาผอ่ นนนี้ า่ จะมวี ญิ ญาณเปน็ ปปป. ยอดเยย่ี ม ในทส่ี ดุ เรอื่ งหนกั คอื ซอ้ มสวดมนตก์ เ็ อวงั
พรอ้ มกบั พระบวชท่ีวดั บวรฯ องคห์ น่ึง (กติกาพระบวชทว่ี ัดบวรฯ เขาจะซอ้ มพรรษาที่ ๒ ไมเ่ หมอื นมา
จากทอ่ี ื่นเขาจะซ้อมปแี รก) หินกอ้ นที่ ๒ หลดุ ไป
๓. เร่ืองสอบนักธรรมเอก แม้จะหนักในความรู้สึกว่ายากในสมัยน้ัน แต่ไม่มีเกณฑ์อะไร เห็น
ผู้สอบตกจนคางเหลอื งก็ไมม่ กี ฏของวดั วา่ อยา่ งไร แตพ่ อดสี อบได้ในปลายปี ๒๔๗๔ นนั้ เอง โดยสำ�นัก
เรยี นวดั บวรฯ สง่ เขา้ สอบ ๓ โหล (๓๖) องค์ ได้ ๓ อยา่ ไปถามว่าใครได้คะแนนสูงสุด หรอื ท่ี ๑ ใน
จ�ำ นวนนน้ั เอาแตเ่ พียงวา่ เอวังไปอกี อย่างหนึ่ง หินกอ้ นที่ ๓ หลุดไปอกี
ถ้าเราเพียงแค่นี้ก็ดูจะเป็นการกลิ้งหินที่หนักให้หลุดจากตัวไปได้ง่าย ความจริงความสามารถ
เทา่ ทม่ี จี �ำ ตอ้ งใชเ้ กอื บเตม็ อตั รา คอื เมอื่ ท�ำ วตั รเชา้ กลบั ๐๘.๓๐ น.เศษ เขา้ หอ้ งปดิ ประตกู างหนงั สอื ปาฏโิ มกข์
บนเตียงนั่งกับพ้ืน ก้มหน้า ลืมตาท่อง โดยอธิษฐานว่า ไม่ได้ยิน "เภรีบริโภค" จะไม่ลุกจากเตียงไป
ฉันเพล ส่วนตอนบ่ายท่องสวดมนต์เพื่อไปซ้อมในตอนเย็น ซ่ึงไม่ค่อยได้เคร่งจริงจังนัก โดยทราบว่า
กรรมการท่านหนึง่ ชื่อวา่ "มหาผ่อน" คงจะผอ่ นให้สมชื่อ แต่ที่ไหนได้ ทา่ นกลบั เป็นท่านมหา "ไมผ่ อ่ น"
เทา่ ข้ีเลบ็ ซอ้ มกนั เป็นหมู่ (ประมาณ ๑๕ องค)์ ใครทำ�ท่าตกี ินโดยท�ำ ปากขมุบขมิบ ทา่ นมหา "ไมผ่ อ่ น"
จะสั่งให้ออกจากแถวไปน่ังหินอ่อน (พ้ืนพระอุโบสถเป็นหินอ่อน-เย็น-ตรงท่ีไม่ปูพรม) เป็นการลงโทษ
และใครถูกเช่นน้ีบ่อย ๆ ก็เป็นเหตุให้ได้ยากต่อไป เพราะถูกท่านมหาผ่อนมองหน้ามองปากมากขึ้น
ซึ่งบางท่านก็นา่ ขบขัน บางทีก็นา่ ขันแตก แต่ไม่มอี ะไรดีไปกวา่ ขันติ
เมอื่ เจอกรรมการซอ้ มสวดมนต์ ไม่ผ่อนสมชอ่ื และมกี รรมการอกี ๒ องค์ "สมยอม" เรอ่ื ย ๆ
จงึ จ�ำ ตอ้ งกางหนงั สอื สวดมนตบ์ นเตยี งนงั่ กบั พนื้ ทอ่ งชนดิ หดู บั ตบั แทบพงั อกี ระยะหนง่ึ จนจบไปตามแบบ
พระมหาชนกวา่ "เราเปน็ ลกู ผชู้ ายตอ้ งพยายามร�่ำ ไป จนกวา่ ประโยชนจ์ ะส�ำ เรจ็ " โดยไมม่ เี ทพธดิ าชาวทะเล
ช่วยเหมอื นพระมหาชนก หรือไมม่ เี ทพธดิ าชาวเขาชว่ ยเหมือนพระสวุ รรณสาม หรอื แม้พระบรมศาสดา
กม็ .ี เทพธดิ าชาวดนิ ชอื่ "สนุ ทรวี นดิ า" ขนึ้ มาปดิ น�ำ้ ในมวยผมชว่ ย หรอื มใี ครชว่ ยอยกู่ ไ็ มร่ ู้ หรอื โดยอนาถา
โดยแท้ ในทสี่ ุดกจ็ บซ้อมสวดมนต์ ดจู ะจบเรว็ เพราะท่านมหา "ไม่ผ่อน" นัน้ แหละ
แต่ต้องน่ังสมาธิแบบน้ันนาน ๆ อะไรเกิดขึ้น "เหน็บชา-ขาเป๋" เคยลงบันไดด่วน ๗ ข้ันเป็น
ข้ันเดียวไปครัง้ หนง่ึ แตก่ ็คมุ้ กล้งิ หินหนัก ๆ ทง้ิ ไปได้
238
คดิ ทบทวนในการขนึ้ เฝา้ สมเดจ็ เจ้าอาวาส และไดฟ้ ังรบั สง่ั เด็ดขาดต่าง ๆ และดัง ๆ ฟังชัดนนั้ ก่อใหเ้ กิด
ความคิดมากมายออกไปอยา่ งไพศาล ยิ่งคิดกย็ ิง่ หลง พระแบบนีไ้ ม่เคยพบเห็นมาแต่กอ่ น จึงได้ตัง้ ความ
สงั เกตต่อมาโดยล�ำ ดบั "ความตรงไป-ตรงมา" ที่ได้ขึ้นเฝา้ เพียงชัว่ คราวนน้ั . ซงึ่ ถอื ว่าเป็นปฐมนเิ ทศ คอื
ชี้แจงเบื้องต้น และถลุง คือเหมือนหลอมแร่แล้วคัดเอาแต่เนื้อ ย่อมได้ความเข้าใจและขจัดขี้ไคลออกไป
เพอื่ จะได้ทรงรับเปน็ พระวัดบวร ๚
เอกสารอ้างองิ
พระราชบัณฑิต (แจ่ม ธมมฺ สาโร). หลงวดั บวรฯ ๕๐ ปี. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกุฎราชวทิ ยาลยั , ๒๕๒๔.
239
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสังฆราช
240
จวี รขาด
ครงั้ หนงึ่ มพี ระเขา้ เวรรปู นงึ หม่ จวี รขาดไปเขา้ ถวายปฏบิ ตั ิ หลงั จากไดป้ ฏบิ ตั อิ ยเู่ กอื บจะหมดเวลา
(๒๔ ชั่วโมง) เจ้าพระคณุ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศเ์ สด็จเข้าข้างใน ทรงเลอื กจวี ร
ตวั หนง่ึ มาประทานให้พระเข้าเวรรปู นน้ั .
คร้ันหมดหน้าท่ีกลับไปยงั กุฏิท่ีพกั แล้วเล่าให้เพือ่ นสหธรรมกิ ฟังถงึ พระเมตตาคุณนน้ั ณ ที่น้นั
มีพระภิกษุรูปหน่ึง ซ่ึงจะเข้าเวรต่อในวันต่อไปร่วมอยู่ด้วย เมื่อได้เวลาจึงห่มจีวรขาดไปเฝ้าถวายปฏิบัติ
ดังเช่นรูปแรก ครั้นใกล้จะหมดเวลา เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เสด็จเข้าข้างใน แต่คราวน้ีไม่ทรงเลือกจีวร
อย่างเคย กลับทรงหยิบเข็มเย็บผ้าหนึ่งเล่ม พร้อมด้วยด้ายหลอดนำ�มาประทานให้พร้อมมีรับสั่งว่า
“เอาไปเยบ็ จีวรเสีย”
เอกสารอ้างอิง
ละออง ศรีสุคนธ.์ "สมเด็จยังประทับอยวู่ ดั บวรนิเวศ"". วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จัดพิมพข์ ้นึ เน่ืองในวโรกาสเสด็จพระราชด�ำ เนนิ ทรงประกอบ
พธิ ีเปดิ อาคารเรียน "วชิรญาณวงศ"์ โรงเรียนวัดบวรนเิ วศ วันอาทิตย์ท่ี ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวฒั น์, ๒๕๐๗.
241
สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จพระสงั ฆราช
(ทม่ี า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
242
กุฏิสมเดจ็ ฯ
อยทู ่ไี หน
มพี ระครอู กี รปู หนงึ่ อยทู่ างภาคอสี าน อยากจะเฝา้ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
สกั ที ไดเ้ ขา้ มากรงุ เทพฯ แตไ่ มร่ จู้ กั องคส์ มเดจ็ ฯ เคยเหน็ แตพ่ ระรปู ทา่ น ไดเ้ ขา้ มาวดั บวรฯ เพอ่ื สบื ถามวา่
กุฏทิ ่ีประทับสมเด็จฯ อยูท่ ่ตี รงไหน จะไดม้ าถกู ในวันเข้าเฝ้า
วนั นนั้ สมเดจ็ ฯ ก�ำ ลงั ถอื ไมเ้ ทา้ เดนิ ไปตามบรเิ วณวดั และจวี รของทา่ นยอ้ มดว้ ยกลกั แกน่ ขนนุ สคี ล�้ำ
ทา่ นพระครูเห็นเข้าได้เข้าไปถามสมเด็จฯ วา่ “หลวงตาชื่ออะไร”
สมเด็จฯ ทรงตอบว่า “ฉันชื่อชื่น”
ท่านพระครเู ลยถามตอ่ ไปว่า “หลวงตาช่นื ทราบไหมวา่ กุฏสิ มเดจ็ อยู่ทไี่ หน”
สมเด็จฯ ทรงชีไ้ ปทต่ี กึ บัญจบเบญจมา และทรงตอบวา่ “อยทู่ ่นี น่ั แหละ”
ตอบมาวันหลังท่านพระครูองค์น้ันก็ตรงมายังกุฏิที่ประทับก็พบหลวงตาชื่นองค์ท่ีเคยถามพอดี
แลว้ ถามอีกว่า “หลวงตาช่นื สมเดจ็ ฯ อยไู่ หน”
สมเด็จฯ (หลวงตาชนื่ ) ทรงตอบวา่ “อยูท่ ี่นี่” ช้ที ่พี ระองค์แล้วทรงถามวา่ “มธี รุ ะอะไร”
ทา่ นพระครพู อรู้ว่าหลวงตาช่ืนก็คอื องคส์ มเดจ็ ฯ ยกมือพนมสนั่
สมเด็จทรงต้อนรับและทรงประทานผ้าห่มกันหนาวให้ท่านพระครูผืนหน่ึง เพราะได้คุยกันว่าถ้า
อสี านหน้าหนาวหนาวมาก
เอกสารอ้างอิง
ละออง ศรสี ุคนธ์. "สมเด็จยงั ประทับอยู่วดั บวรนเิ วศ"". วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จดั พิมพข์ ้นึ เนอ่ื งในวโรกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรงประกอบ
พธิ ีเปดิ อาคารเรยี น "วชริ ญาณวงศ"์ โรงเรียนวดั บวรนิเวศ วันอาทิตยท์ ี่ ๒๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวฒั น,์ ๒๕๐๗.
243
สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั อานนั ทมหดิ ล เสด็จพระราชด�ำ เนนิ พรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระราชชนนีศรสี งั วาลย์
สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ ภมู ิพลอดลุ ยเดช และสมเด็จพระเจ้าพน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กัลยาณิวฒั นา
ทรงเยีย่ มวดั บวรนิเวศวหิ าร เมื่อวนั ท่ี ๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๑
244
สมเด็จพระเจา อยหู วั
อานันทมหิดล
ในคราวทส่ี มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ล เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ นวิ ตั ประเทศไทย ครง้ั ที่ ๒ โดย
ถงึ กรงุ เทพฯ เมอ่ื วนั ท่ี ๕ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๘๘ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ
เยือนวดั บวรนิเวศวิหาร ทรงถวายสักการะพระพุทธชินสหี ์ และเข้าเฝ้าสมเด็จพระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จ
พระสังฆราชหลายวาระ
ครงั้ นน้ั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหดิ ลทรงสนพระราชหฤทยั ในบวรพทุ ธศาสนาและในการบวช
จนถงึ ไดเ้ สด็จฯ มาทอดพระเนตรพิธีอุปสมบท
ครง้ั หนงึ่ ไดม้ พี ระราชหตั ถเลขาทลู อาราธนาสมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช ขอให้
ทรงเรียบเรียงพระพุทธศาสนาเป็นต�ำ ราง่าย ๆ ในเป็นทางลัด เพ่ือเป็นแนวทางการศึกษาเป็นกัณฑ์ ๆ
ไม่มากนกั ส�ำ หรับทรงอ่านเดือนละกัณฑ์ เพือ่ เปน็ การเตรียมพระองค์ และชว่ ยในการท่จี ะทรงผนวชใน
การต่อไป ดังความในพระราชหตั ถเลขาท่ีวา่
พระท่ีน่งั บรมพมิ าน
วันที่ ๑๙ มนี าคม พุทธศกั ราช ๒๔๘๙
ทลู สมเด็จพระสังฆราช
ด้วยหมอ่ มฉนั มปี ระสงคใ์ ครจ่ ะได้อา่ นแนวการศกึ ษาทางพระพุทธศาสนา เพ่อื เป็นการเตรียมตัว
และชว่ ยเหลอื ในการทจี่ ะอปุ สมบทในกาลตอ่ ไป ครน้ั จะคน้ หาอา่ นจากต�ำ ราจ�ำ นวนมากกม็ เี วลานอ้ ย ถา้ จะ
ไดร้ บั สงั ฆราชานเุ คราะหใ์ หไ้ ดศ้ กึ ษาจากต�ำ รางา่ ย ๆ และเปน็ ทางลดั โดยจดั ขนึ้ เปน็ กณั ฑ์ ๆ ไมม่ ากมายนกั
พอหาโอกาสได้เดือนละกัณฑ์ กว่าจะถึงเวลาอุปสมบทของหม่อมฉัน ก็จะได้รับความสะดวก หนังสือ
เร่ืองนต้ี อ้ งการได้อ่านทง้ั ในเวลาพักอยู่ในเมืองไทย และแมไ้ ปพกั อย่ใู นต่างประเทศ จงึ ทูลขอพระดำ�ริและ
สงั ฆราชานุเคราะหม์ า
ขอถวายนมัสการ
(ลงพระนาม) อานนั ทมหดิ ล”
245
ภาพถา่ ยทางอากาศ เขตพทุ ธาวาสวัดบวรนิเวศวหิ าร
246
บนั ทกึ เตอื น
ในยามสงครามโลก
ในสมยั ทส่ี งครามโลกครั้งท่ี ๒ นน้ั สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ เม่ือครงั้ ยงั
ด�ำ รงสมณศกั ด์ทิ ่ี สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ทรงมบี นั ทึกเตอื นพระภิกษุสามเณร ลงวันที่ ๑๖ มกราคม
พ.ศ.๒๔๘๗ ความตอนหนึ่งว่า
“วัดเป็นสถานกลางของพระศาสนา ผู้มีศรัทธาสละทรัพย์สร้างเสนาสนะ และปูชนียสถาน ใน
ภายหลังมาเปน็ อนั เขา้ ใจกันว่า ภิกขหุ รือตลอดถงึ สามเณรเปน็ ผ้รู กั ษาหรอื เปน็ เจ้าของ
สำ�หรับวัดน้ี เม่ือมีภิกขุสามเณรมาอยู่ ก็อยู่ได้ตามสมควร วัดก็บำ�รุงตามสมควร เป็นอันว่า
ผมู้ าอยู่กช็ ่วยกนั รักษา ช่วยกันท�ำ กรณียะ วัดกท็ นบุ �ำ รงุ ตามสมควร
ถึงคราวมภี ัยท่ีคาดภยั ท่ีคาดวา่ จะมาถงึ ถงึ ทางพระพทุ ธศาสนา พระ...อนญุ าตให้หนีภัยได้ แต่
กน็ า่ นึกถงึ วา่ เปน็ ภัยชนดิ ไร คอื เป็นภัยที่เกิดขึน้ จำ�เพาะหนา้ หรือภัยท่ีคาดว่าอาจมีมาถงึ คร้นั แล้วเราเอง
ทิ้งวัดหนีไป ไม่คำ�นึงว่า ใครจะอยู่รักษาวัดหรือไม่ก็ช่ัง วัดจะเสียหายอย่างไรหรือ เป็นอย่างไรก็ชั่ง
ทัง้ ยังจะให้วดั ตามบ�ำ รงุ ผหู้ นภี ยั ไปอีก ขอให้ตง้ั ใจเปน็ กลาง อย่าเขา้ กบั ตัว อยา่ เขา้ กับวัด แล้วพิจารณา
ดว้ ยดวี า่ จะควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร ให้พอเหมาะพอดี”
247
สมเดจ็ พระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสังฆราชถวายน�้ำ พระพุทธมนตด์ ้วยพระครอบพระกร่ิง และ
พระครอบยนั ตรนพคณุ สรงที่พระหตั ถส์ มเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดช ณ มณฑปพระกระยาสนาน
เมอื่ วนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓
248
จตุรพิธทายาท
สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช ถวายพระธรรมเทศนา เทวตาทสิ นอนโุ มทนากถา
ทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร เน่ืองในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัย
วนั ที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ความตอนหนึง่ วา่
“สมเด็จบรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ นน้ั เป็นจตุรพิธทายาท ทายาท ๔ ประการของพระบรม
ราชวงศ์ฉลองพระองคส์ มเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าช คอื
เปน็ กุลทายาท ผรู้ บั ราชสกลุ ด้วยความเป็นใหญ่เปน็ ประธานในการบริหารปกครองให้เจรญิ มน่ั
เป็นรชั ทายาท ผรู้ ับราชมไหศวรรยสมบตั ิ ด�ำ รงรัฐให้เปน็ ท่ีร่มเยน็ ของประชาชนทัว่ ไป
เปน็ ธรรมทายาท ผรู้ บั รกั ษาธรรมของพระมหากษตั รยิ แ์ ละราชสกลุ เพอ่ื เพม่ิ พนู ความดคี วามงาม
ของชนทง้ั หลาย ท้งั พระราชวงศ์ และเสวกามาตยป์ ระชาราษฎร์ เพราะพระเจา้ แผน่ ดินย่อมเป็นประมขุ
ของพสกนกิ รผ้คู อยถอื เป็นแบบอย่าง
เป็นศาสนทายาท ผู้รับรักษาพระพุทธศาสนา เพอื่ นำ�ประชาชนให้ประพฤตธิ รรมสม�ำ่ เสมอ เป็น
ส่วนสจุ รติ
สมเด็จพระบรมศาสดาธรรมสามิศร์ ผู้เป็นเจ้าของธรรมได้ทรงบรรลุปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ
บริบูรณ์ด้วยพุทธาลังการธรรม ธรรมเป็นเคร่ืองประดับแห่งพระพุทธเจ้าแล้วยังต้องทรงบำ�เพ็ญสัมมา
สัมพุทธกิจ ประกาศความเป็นพระพุทธเจ้าให้ปรากฏ ด้วยตรัสเทศนาโปรดพุทธเวไนยให้ได้ดื่มรส
พระสทั ธรรม จงึ ยังพทุ ธภมู ใิ หส้ ำ�เร็จเป็นอันดี ข้อนม้ี อี ุปมาฉนั ใด พระเจา้ แผ่นดนิ ผดู้ �ำ รงราชมไหศวรรย์
ก็มีอุปไมยฉันน้ัน ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นมูรธาภิสิตกษัตริย์ พร้อมด้วยพระราชอิสริยยศแล้ว
ยังจักต้องทรงบำ�เพ็ญพระราชกรณียะ ประกาศพระราชานุภาพให้ขจรด้วย ยังชนนิกรให้ได้รับศุภวิบูล
ผลเกดิ แต่ราชธรรม จงึ จะยงั ราชภูมใิ หส้ �ำ เร็จเป็นอันดดี ุจกัน เหตดุ งั นนั้ จกั รบั พระราชทานถวายวสิ ชั นา
ทศพิธราชธรรมเปน็ ปฐม...”
249
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสังฆราช
250
ไมมรี ถมารับ
ผม (พลอากาศเอกหะรนิ หงสกุล) ออกจากโรงเรยี นวัดบวรมากเ็ หนิ หา่ งไม่ไดส้ นใจกบั เจ้าคุณ
ญาณวราภรณ์มาอีกนาน จนทา่ นได้เปน็ สมเดจ็ กน็ ึกดีใจวา่ เจ้าคณุ ของเราได้ดีแล้ว พบทา่ นอกี ทีกต็ อนท่ี
พี่ชายผมมาบวชกบั ทา่ น และต่อมาเมอ่ื คณุ แมท่ �ำ บญุ วนั เกิดอายคุ รบ ๖๐ ปี ไปนิมนตท์ า่ นมาสวดมนต์
ได้ทูลออกตัวว่า “ไม่มีรถมารับ” (เพราะระยะนั้นอยู่ในระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ทั้งรถและนำ้�มัน
หายากยิ่งนัก)
ทา่ นรบั สง่ั อย่างดุ ๆ ว่า “ทำ�ไมจะตอ้ งรถ ตนี เขามไี ว้ใหเ้ ดิน”
เพยี งแตท่ า่ นรบั สง่ั ถามวา่ ยงั อยทู่ บี่ า้ นหนา้ วดั มหรรณพอ์ ยา่ งเกา่ หรอื แลว้ ทา่ นกเ็ ดนิ ไปเดนิ กลบั เอง
พวกเราปลมื้ จนพดู ไม่ออก
เอกสารอ้างองิ
พลอากาศเอกหะรนิ หงสกลุ . "พระสมเดจ็ ". วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จดั พมิ พข์ น้ึ เนอ่ื งในวโรกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรงประกอบพธิ เี ปดิ อาคาร
เรียน "วชิรญาณวงศ"์ โรงเรียนวัดบวรนเิ วศ วนั อาทติ ยท์ ี่ ๒๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวฒั น์, ๒๕๐๗.
251
สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จพระสงั ฆราช ทรงเปน็ ประธานเจริญพระพทุ ธมนต์ในพระราชพิธสี มโภชเดือน
และข้นึ พระอู่ สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ เม่อื วนั ท่ี ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๕
252
ขอประทานพระนาม
ในมงคลราชประสตู พิ ระราชโอรสพระองคใ์ หญ่ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชหตั ถเลขาทลู สมเด็จพระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จพระ
สังฆราช (ภายหลังได้รับสถาปนาข้ึนท่ี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) ขอให้ทรง
ผกู ดวงพระชะตาและขอประทานพระนาม ดังความในส�ำ เนาพระราชหัตถเลขา ทีว่ า่
พระท่ีนั่งอัมพรสถาน
วันท่ี ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕
ทลู สมเด็จพระสังฆราช
ในฐานทที่ รงเปน็ บรู พาจารยท์ เี่ คารพยงิ่ หมอ่ มฉนั จงึ ใครข่ อประทานพระกรณุ าใหท้ รงจดั ผกู ดวง
ชาตาลูกชายของหมอ่ มฉัน ซง่ึ เกดิ เมือ่ วนั จันทร์ ท่ี ๒๘ กรกฎาคม ศกนี้ เวลา ๑๗ นาฬิกา ๔๕ นาที
กับขอประทานหารือในอันจะขนานนามเพ่อื เปน็ สิริมงคลแกล่ กู นน้ั ด้วย.
หมอ่ มฉนั ไดใ้ หก้ รมหมนื่ จนั ทบรุ สี รุ นาถ มาเฝา้ เพอื่ กราบทลู ขอ้ ความละเอยี ด หากมพี ระประสงค์
จะทรงทราบ.
ควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะโปรด
(ลงพระนาม) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.”
ในการน้ี สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงหารอื กบั พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)
และพระโศภนคณาภรณ์ (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน) (ปจั จบุ นั ไดร้ บั สถาปนาขนึ้ ท่ี สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวง
วชริ ญาณสังวร) ในการคัดเลือกพระนามและตรวจสอบดวงพระชะตา พร้อมนิพนธ์คาถาบาลีกำ�กับด้วย
253
สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จพระสงั ฆราชทรงจดุ ธูปเทยี นบูชาพระรัตนตรยั
ก่อนทำ�วัตร และสดบั พระปาตโิ มกข์ พ.ศ.๒๔๙๗
254
พระปฏิปทา
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงมีพระปฏิปทาในสัลเลขปฏิบัติ โปรดบำ�เพ็ญพระองค์อย่างพระ ไม่มี
พิธรี ีตอง ง่ายตอ่ บุคคลอนื่ จะเขา้ เฝ้า จะเสด็จไปที่ไหน ก็ไม่โปรดทจี่ ะใหจ้ ดั การตอ้ นรับ
แต่ในการปฏิบัติธรรมวินัย พระองค์ประณีตที่สุด ท้ังน้ีปรากฏในประกาศพระบรมราชโองการ
สถาปนาสมณศกั ดิ์ และฐานนั ดรศกั ดข์ิ น้ึ เปน็ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ตอนหนงึ่ วา่
“...โดยท่ีทรงพระดำ�ริว่า สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช...ดำ�รงม่ันอยู่ในศีลสมาธิปัญญา
มิไดเ้ สอ่ื มถอย มพี ระจริยวัตรเรียบรอ้ ยบริสุทธบิ์ รบิ ูรณ์ มิไดห้ วัน่ ไหวต่อโลกามสิ ทง้ั พระฉนั ทจริตก็เพียบ
พรอ้ มดว้ ยสมณคุณธรรมยากท่ีจะหาผเู้ สมอได”้
ในคราววนั ประสตู ิ ซงึ่ คณะศษิ ยานุศิษยบ์ ำ�เพ็ญกศุ ลถวายกเ็ คยรับส่งั หา้ มมใิ หน้ ำ�ไปประกาศทาง
หนงั สือพิมพห์ รือวทิ ยุกระจายเสียง โปรดที่จะท�ำ เงียบ ๆ ...
เอกสารอ้างองิ
พระโศภณคณาภรณ์ (บญุ ธรรม จณิ ณฺ ธมโฺ ม). "เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ". วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จดั พมิ พข์ นึ้ เนอ่ื งในวโรกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ทรง
ประกอบพธิ ีเปิดอาคารเรยี น "วชิรญาณวงศ์"โรงเรียนวัดบวรนเิ วศ วันอาทิตยท์ ่ี ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวฒั น,์ ๒๕๐๗.
255
พระภกิ ษสุ ามเณรท�ำ วัตรเชา้ ณ พระอโุ บสถวัดบวรนวิ ศวหิ าร
เม่อื ปี พ.ศ.๒๔๙๗
(ท่มี า นติ ยสาร Life Magazine)
256
ยอ มไมนับถอื
วาเปน็ ศษิ ยว ัดบวรฯ
กจิ วตั รของพระนวกภกิ ษแุ หง่ วดั บวรนเิ วศวหิ ารนนั้ นอกจากท�ำ วตั รเชา้ เยน็ เรยี นนกั ธรรมในตอน
สาย และรบั การอบรมในตอนกลางคนื เปน็ ประจ�ำ แลว้ ยงั ตอ้ งคอยรบั พระโอวาทจากสมเดจ็ พระอปุ ชั ฌายะ
(สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสังฆราช) ในตอนบา่ ยอกี ด้วย กจิ วัตรเหลา่ นี้ขา้ พเจ้าทราบว่า เปน็
ระเบยี บของวดั นม้ี าตงั้ แตค่ รงั้ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสแลว้ มาถงึ สมยั ปจั จบุ นั นี้
เจ้าพระคุณสมเด็จพระอุปัชฌายะของข้าพเจ้าก็ยังทรงถือเป็นกรณียะประพฤติปฏิบัติตลอดมา เว้นแต่
วันใดทรงมีธุรกิจท่ีจำ�เป็น อันไม่อาจจะปลีกพระองค์มาได้ ซ่ึงนาน ๆ จะมีสักครั้งหนึ่ง จึงรับสั่งให้งด
หรอื วันใดประชวรไมส่ บายพระองคไ์ มส่ ามารถจะเสดจ็ มาได้ จึงรับสั่งให้งด ถ้าประชวรเล็ก ๆ น้อย ๆ
เช่นประชวรหวัด ก็ทรงอุตสาหะเสด็จมาประทานโอวาท โดยมิได้รับส่ังให้งด แต่มีหลายครั้งที่พระองค์
ทรงเปน็ หว่ ง เกรงวา่ เวลาจะลว่ งไปโดยเปลา่ ประโยชน์ แมพ้ ระองคเ์ สดจ็ มาประทานโอวาทดว้ ยพระองคเ์ อง
มไิ ด้ กร็ ับส่ังใหพ้ ระเถระผู้ใหญม่ าให้โอวาทแทน
เวลาประทานโอวาทน้ัน กำ�หนดไว้ว่าเป็นเวลา ๑๖ นาฬิกา ปรากฏว่าพระองค์เสด็จมาถึงที่
ประทานโอวาทกอ่ นเวลาเสมอ ไมม่ ีเลยสักคร้งั เดยี วทเ่ี สดจ็ มาภายหลงั เวลาก�ำ หนด มแี ตผ่ ู้รบั พระโอวาท
บางทา่ นท่มี าชา้ กวา่ เวลาก�ำ หนด พระจรยิ าวัตรอนั งดงามเชน่ นี้ เป็นการแสดงถึงความเอาพระทยั ใสต่ อ่
ศิษย์ของพระองค์ จนทำ�ให้ผู้เคยมาช้ามีความละอาย ไม่กล้ามาช้าอีก เพราะพระองค์ไม่เคยรับส่ังถาม
เลยวา่ ท�ำ ไมจงึ มาช้า
พระโอวาทของพระองคน์ น้ั สว่ นใหญก่ ธ็ รรมะในนวโกวาทนน่ั เอง แตพ่ ระองคท์ รงแยกแยะอธบิ าย
ให้เข้าใจโดยชัดเจนแจ่มแจ้งเข้าใจง่าย และประทานโอกาสให้บรรดาศิษย์ทูลถามได้โดยมิได้ทรงรังเกียจ
เลย แลว้ พระองคก์ ท็ รงตอบใหผ้ ถู้ ามเขา้ ใจจนได้ โดยมไิ ดท้ อ้ ถอย บางครงั้ พระองคท์ ส่ี อบถามความเขา้ ใจ
ของผู้ฟัง ถ้ายังเขา้ ใจคลาดเคล่ือนอยู่ กท็ รงอธบิ ายเพิม่ เติมใหเ้ ข้าใจถูกต้องจนได้ นบั เป็นพระกรณุ า และ
พระคุณแก่บรรดาศษิ ยานศุ ษิ ย์อย่างหาท่ีสดุ มไิ ด้
257
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช
ถา่ ยเม่อื ปี พ.ศ.๒๔๙๗
(ท่ีมา นติ ยสาร Life Magazine)
258
เวลาที่ใช้ในการประทานโอวาทนัน้ กำ�หนดไว้ ๑ ช่วั โมง ไมเ่ คยปรากฏว่าพระองค์หยดุ ประทาน
โอวาทกอ่ นกำ�หนดเวลาเลย มแี ตเ่ กนิ เวลาก�ำ หนด ซง่ึ เปน็ การแสดงถึงความเอาพระทยั ใสใ่ นบรรดาศษิ ย์
ของพระองค…์ พวกเราพระบวชใหม่ ไดม้ โี อกาสรบั พระโอวาทตลอดมาจนถงึ วนั สดุ ทา้ ย คอื วนั กราบทลู ลาสกึ
พระองค์ยังมีพระเมตตาประทานให้อีกเป็นปัจฉิมโอวาท ซ่ึงพระโอวาทครั้งสุดท้ายน้ี พระองค์รับสั่งให้
พวกเราจดจำ�และประพฤติปฏิบัติไปจนตลอดชีวิต ข้าพเจ้าจึงใคร่จะขอถือโอกาสเล่าพระโอวาทครั้งน้ี
สู่กนั ฟังเท่าทจี่ �ำ ได้
พระองคร์ ับส่ังวา่ “เม่ือเปน็ พระถอื ศลี ๒๒๗ ซงึ่ เมือ่ สึกไปแลว้ กน็ า่ จะรักษาไว้อย่างนอ้ ยสกั ๕
คือ
ขอ้ ๑ ไมฆ่ า่ สตั ว์ ใหพ้ ยายามรกั ษาไวจ้ นสดุ สามารถ ถา้ จะมคี วามจ�ำ เปน็ จรงิ ๆ ดว้ ยประการใด
กต็ ามท่ีจะรักษาไวม้ ิไดแ้ ล้ว เช่นต้องปอ้ งกันรกั ษาชีวติ ไวเ้ ปน็ ต้น ก็ขอไวอ้ ยา่ งหน่งึ คอื อย่าฆา่ มนุษย์
ข้อ ๒ ไม่ลักทรัพย์ ใหพ้ ยายามรกั ษาไว้จนสดุ สามารถเชน่ เดียวกนั แต่ถ้าจำ�เป็นจริง ๆ เพอื่
รักษาชีวิตไว้ เป็นตน้ กข็ อไวอ้ ยา่ งหนึ่งคือ อย่าลักขโมยจนเจา้ ทรัพยเ์ ขาเดือดร้อน
ขอ้ ๓ ไมล่ ่วงประเวณลี ูกเมยี เขา ข้อนีก้ ต็ อ้ งพยายามรกั ษาไวอ้ ยา่ งเต็มความสามารถเหมอื นกนั
แตถ่ า้ ถึงจะตอ้ งลว่ งศีลขอ้ นีแ้ ล้ว ก็ขอไว้อยา่ งหน่งึ คือ อยา่ ผิดเมยี เขาเปน็ อนั ขาด
ข้อ ๔ ไม่พูดเทจ็ ขอ้ นี้กข็ อให้พยายามรักษาไว้จนสดุ ความสามารถเชน่ กนั แต่ถา้ จำ�เปน็ จรงิ ๆ
จะต้องพดู เทจ็ ก็เทจ็ เพยี งเพื่อความปลอดภยั เท่านั้น อย่าพูดเท็จจนทำ�ให้ผูอ้ ่ืนเขาเสยี หาย
ข้อ ๕ ไมเ่ สพเครื่องดองของเมา ขอ้ นสี้ ำ�คัญมาก เพราะเปน็ ต้นเหตุให้ลว่ งศีลข้ออน่ื ๆ ได้งา่ ย
จงึ ต้องพยายามรกั ษาไวใ้ หจ้ งได้ แตถ่ า้ จำ�ต้องลว่ งในบางคราวบางโอกาส ก็ขอวา่ เม่ือเมาแล้วขอใหไ้ ป
นอนเสีย แต่ฝ่ินกบั กัญชา ขออย่าแตะตอ้ งเลย”
ในท่ีสุดพระองค์ทา่ นรับส่งั วา่ “ถ้าศษิ ยค์ นใดไมท่ �ำ ตามคำ�ขอนยี้ ่อมไมน่ บั ถอื ว่าเปน็ ศษิ ย์วัดบวรฯ”
เอกสารอ้างองิ
พันโท หลวงรณสทิ ธพิ ิชัย, “เจ้าพระคณุ .” ความทรงจำ�. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๔๙๕.
259
พระมหาบุญธรรม จิณฺณธมโฺ ม น�ำ ศษิ ย์วดั ท�ำ ความสะอาดเสนาสนะ
ภาพถ่ายเมอ่ื ปี พ.ศ.๒๔๙๗
(ที่มา นิตยสาร Life Magazine)
260
การปกครองศิษยว ัด
...การปกครองศิษย์วัด ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมาโดยลำ�ดับ ได้ประมวลเป็นระเบียบปกครอง
ศิษย์วัดบวรนเิ วศวิหารข้นึ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๘ เปน็ ตน้ วา่ มีผู้ปกครองเป็นหลักฐาน มที ะเบียนบญั ชเี ข้าออก
มกี ารจดั ใหล้ งโบสถไ์ หวพ้ ระสวดมนต์ และฟงั ค�ำ สอนในวนั พระ นอกจากวนั พระ กจ็ ดั ใหม้ กี ารลงคณะไหว้
พระสวดมนต์ เป็นการอบรมพระพุทธศาสนาในวันวิสาขบูชา มาฆบูชา จัดให้มีการประชุมศิษย์วัดเป็น
สว่ นหน่ึงที่ปูชนยี สถาน ฟังโอวาทเกยี่ วแกว่ ันส�ำ คญั นั้น กล่าวคำ�บชู าทำ�ประทกั ษณิ พระสถปู เจดยี ์
เอกสารอา้ งอิง
ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร สมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงครองวัด. พระภิกษุสามเณรพร้อมด้วยไวยาวัจกร
วัดบวรนิเวศวิหาร พิมพ์โดยพระบรมราชานุญาต โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่พระเมรุ
วัดเทพศริ ินทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพิมพ์มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๐๓, หนา้ ๑๓๑.
261
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหา
ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
ทรงเข้าบรรพชาอุปสมบทในท่ามกลาง
สงั ฆสมาคม โดยมสี มเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์
สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นพระราช
อุปัธยาจารย์ เมื่อวันท่ี ๒๒ ตุลาคม
พ.ศ.๒๔๙๙
ประชาชนเฝา้ ฯ รายทางเสดจ็ ฯ
กลบั จากการทรงผนวช
จากวดั บวรนเิ วศวหิ าร
262
กายเป็นของหมอ
จติ เปน็ ของฉัน
ฉนั จะไป
ในเวลา (สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช) ก�ำ ลงั ประชวรมาก เมอื่ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จทรงพระผนวช ทุกคนเห็นว่าท่านจะเสด็จไปทรงเป็นพระอุปัชยาจารย์ไม่ได้แน่ แต่
พระองค์ท่านก็โปรดให้หมอฉีดยาถวายโดยตรัสว่า “กายเป็นของหมอ จิตเป็นของฉัน ฉันจะไป” แล้วก็
เสด็จไปถวายการอปุ สมบทไดต้ ลอด จนประทับรถมาด้วยกนั กบั พระภกิ ษุภูมิพโล ซึง่ ราษฎรห้อมลอ้ มรถ
พระทน่ี ั่งมาตลอดทางเป็นเวลาถึง ๒ ชัว่ โมง จงึ เสดจ็ ถงึ วัดบวรนิเวศวรวหิ าร หมอซึ่งตามเสด็จไปพร้อม
ท้งั ยาและรถพยาบาลคอยอยู่ทางหลงั วดั พระแก้ว ก็ต้องยอมแพ้ไป
เอกสารอา้ งอิง
หมอ่ มเจา้ พนู พศิ มยั ดศิ กลุ , "สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ วดั บวรนเิ วศวหิ าร." วชริ ญาณวงศ์ ๒๕๐๗. จดั พมิ พข์ นึ้ เนอื่ งในวโรกาสเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ
ทรงประกอบพธิ ีเปดิ อาคารเรียน "วชิรญาณวงศ"์ โรงเรยี นวัดบวรนเิ วศ วันอาทติ ย์ท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๗. พระนคร : ไชยวัฒน,์
๒๕๐๗.
263
สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงถวายหนงั สอื แกพ่ ระภกิ ษพุ ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เม่ือเสดจ็ ขนึ้ ไปทรงทำ�อปุ ัชฌายวตั ร
ณ ต�ำ หนกั บัญจบเบญจมา วดั บวรนิเวศวิหาร
วนั ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๙
264
พระโอวาท
เม่อื แรกทรงผนวช
ในคราวพระภกิ ษพุ ระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสด็จฯ มาทรงทำ�อุปัชฌายวตั รแก่สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช พระราชอุปัธยาจารย์
ณ ต�ำ หนกั บญั จบเบญจมา วดั บวรนเิ วศวหิ าร หลงั จากเสรจ็ การพระราชพธิ ที รงผนวช ณ วดั พระศรรี ตั น-
ศาสดาราม และพระพุทธรตั นสถาน เมอ่ื วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๙ แลว้ น้ัน
สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถวายพระโอวาทในการทรงผนวช คร้ัน
ลำ�ดบั ท้ายแหง่ พระโอวาทนน้ั มพี ระดำ�รัส ความวา่
"วันน้ีสอนแต่เท่าน้ีก่อน นี่ถวายหนังสือไป หนังสือนวโกวาท ถ้ามีเวลาควรทรงอ่านในวินัยให้
จบเสียก่อน และอา่ นใหเ้ ข้าพระทยั เพ่อื จะไดป้ ระพฤตติ าม ถา้ ไมเ่ ขา้ พระทยั ก็รบั สงั่ ถามพระพี่เลีย้ ง สว่ น
ธรรมะอธิบายไว้ในโอวาทแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้ามีเวลาควรทรงอ่านเพ่ือฝึกหดั พระราชหฤทัยใหส้ งบระงับ
ให้เปน็ การบวชด้วยพระราชหฤทัยดว้ ย บวชพระกายดว้ ย
วนั น้ี พอกนั ที ทรงเหนด็ เหน่ือยมากแลว้ "
265
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายหลังทรงลาผนวช
เสด็จฯ ข้นึ เฝา้ สมเดจ็ พระวชิรญาณวงศ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราช ณ ต�ำ หนักบญั จบเบญจมา
266
ลาผนวช
พระดำ�รัสถวายพระพรของสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ในคราวท่ีพระภิกษุ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รเสดจ็ ฯ ขึ้นเฝา้ ทรง
ทลู ลา เพื่อทรงลาผนวช ณ ต�ำ หนกั บัญจบเบญจมา เม่อื วันที่ ๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๔๙๙
"บุญกศุ ลอนั ใด ท่ีอาตมาภาพได้ประพฤติชอบ ด้วยกาย วาจา ใจ ขอถวายสว่ นบุญสว่ นกุศล
เหลา่ นนั้ แกส่ มเดจ็ พระบรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ ขอสมเดจ็ พระบรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ จงทรง
อนุโมทนาส่วนกุศลทไ่ี ด้ถวายนนั้ ให้เหมอื นกับทรงท�ำ ด้วยพระองค์เองแลว้ ทรงสถิตอยู่เปน็ สุข ปราศจาก
ทกุ ข์ ทกุ ทิพาราตรกี าล ทรงเหน็ แตก่ ารทเ่ี จรญิ ทกุ เมื่อ อย่าทรงเหน็ การทีเ่ สื่อมทรามแม้แตน่ อ้ ยหน่งึ เลย
พรอ้ มท้งั ความเจรญิ ดว้ ยพระชนมายุ สขุ ะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สขุ ตลอดไปสิน้ กาลนาน...
...ในการทรงผนวชคราวนี้ อาตมภาพไมช่ อบใจตวั เองอยู่ เพราะไดท้ �ำ อะไรถวายไมไ่ ดเ้ ตม็ ที่ เพราะ
ต้องเจ็บเสีย จนบัดน้ีก็ยังไม่หาย แต่ส่วนสมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ได้ทรงปฏิบัติพระ
ราชกรณยี กจิ ไดด้ เี ต็มที่ ทแี่ สดงใหเ้ ห็นไดก้ ค็ ือ คนที่นบั ถือพระพุทธศาสนาทั้งในประเทศ ทัง้ นอกประเทศ
อนุโมทนาตลอดทวั่ ถงึ กนั และหวงั ความเจริญแด่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ให้ทรงเจริญ
ย่ิง ๆ ขึ้นไป เพอ่ื เปน็ ขวัญใจของบ้านเมอื ง และของผู้นบั ถือพระพุทธศาสนา..."
267
พระแทน่ ฉัตรตาดทอง ๕ ชั้น ส�ำ หรบั สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ ภายในวิหารพระศาสดา
268
สถาปนาเปน็
สมเด็จพระสังฆราชเจา
วนั ที่ ๒๐ ธนั วาคม ๒๔๙๙ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ ๙) และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ
พระบรมราชินีนาถเสดจ็ พระราชด�ำ เนินมายงั วดั บวรนิเวศวหิ าร
เวลา ๑๕.๓๐ น. ทรงนมัสการพระพุทธชินสหี แ์ ลว้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงาน
อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการสถาปนาสมณศักดิ์ และฐานันดรศักด์ิ สมเด็จพระ
วชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง จบแล้ว พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั ถวายน�้ำ พระมหาสงั ขแ์ ดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ (สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ทรงรบั ดว้ ยพระหตั ถ์
ทัง้ ๒ แลว้ ทรงลูบพระเศียร) และถวายพระสพุ รรณบัฏ พดั ยศ ไตร และยา่ ม ในขณะที่พระราชทานนำ้�
พระมหาสังข์ พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญชยั มงคลคาถา พราหมณเ์ ป่าสงั ข์ ชาวพนกั งานประโคมฆอ้ งชัย
บณั เฑาะว์ สงั ขแ์ ตร ดรุ ยิ างค์ และเจา้ พนกั งานเครอื่ งสงู ไดย้ กฉตั รตาดเหลอื ง ๕ ชนั้ ส�ำ หรบั ฐานนั ดรศกั ดิ์
กรมหลวง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงประเทศผา้ ไตรแดส่ มเดจ็ พระราชาคณะ และพระราชาคณะ
๑๐ รูป ซ่ึงเจริญชัยมงคลคาถา พระสงฆ์มีสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเป็นประธาน ถวายอนุโมทนา
ถวายอติเรก จบแล้ว พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ พระราชทานเงินตราแก่นายแพทย์และพยาบาล
ซง่ึ ได้ถวายการรกั ษาพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า เสรจ็ แล้ว ทัง้ ๒ พระองค์ ถวายดอกไม้ธูปเทียน
แดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า เสดจ็ ฯ กลบั แล้ว เจา้ พนกั งานตัง้ บายศรีแกว้ ทองเงิน พราหมณเ์ บิกแว่นเวยี น
เทยี นสมโภชพระสุพรรณบฏั
วนั ท่ี ๒๑ ธนั วาคม ๒๔๙๙ ทรงพระโปรดเกลา้ ฯ ใหฉ้ ลองพระสพุ รรณบฏั สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ณ พระอุโบสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร เวลา ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ ๑๐ รปู เจรญิ
พระพุทธมนต์ (พระสงฆ์ชุดเดียวกับที่เจริญชัยมงคลคาถาเมื่อวานนี้) แล้วรับพระราชทานฉัน พระเจ้า
วรวงศ์เธอ กรมหม่ืนนครสวรรคศ์ กั ดิพินติ ทรงปฏบิ ัตพิ ระราชกิจแทนพระองค์
269
สมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
270
ในประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า และถวายฐานันดรศักด์ิเป็น
กรมหลวง ใหท้ รงตง้ั เจา้ กรม ปลดั กรม สมหุ บ์ ญั ชี เปน็ หลวงวชริ ญาณวงศ์ ขนุ จ�ำ นงบวรกจิ หมนื่ วนิ จิ วรภณั ฑ์
ตามล�ำ ดบั ท�ำ ราชการในหลวง และในกรม ตามอยา่ งธรรมเนยี มเจา้ กรม ปลดั กรม สมหุ บ์ ญั ชใี นพระองค์
เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ทั้งปวง ในส่วนสมณศักดิ์นั้น ให้ทรงมีพระราชาคณะและพระครูฐานานุกรมประดับ
พระอสิ รยิ ยศ ๑๕ รปู เหมอื นอย่างเมอื่ คราวเฉลมิ พระนาม เม่อื พ.ศ.๒๔๙๓
พัดยศท่ีถวายในคราวน้ี เป็นพัดมหาสมณุตมาภิเษกของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชริ ญาณวโรรส พดั นเ้ี ปน็ พดั แฉกพเิ ศษ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหท้ �ำ ถวาย
ในงานพระราชพธิ มี หาสมณตุ มาภเิ ษก เมอ่ื พ.ศ.๒๔๕๓ เปน็ ตาลปตั รแฉก พนื้ ตาดขาวลกู คนั่ ลายสลบั พนื้
ตาดทอง ปกั ลายกระหนกดว้ ยดนิ้ เลอื่ ม ลายกลางปกั เปน็ รปู พระมหามงกฎุ ดา้ มงามทงั้ แทง่ บวั แกะเปน็ รปู
พรหม ยอดงาแกะเปน็ รปู พระมหามงกฎุ ทงั้ นี้ดว้ ยทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยหู่ ัว และเป็นพระราชอุปธั ยาจารย์ในรชั กาลน้นั คร้ันมาถงึ รชั กาลปัจจบุ นั (รัชกาลที่ ๙) สมเด็จ
พระสังฆราชเจ้าได้เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ทั้งเป็นพระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจา้ อยหู่ วั ฉะนน้ั ในโอกาสทโี่ ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนา และถวายฐานนั ดรศกั ดอิ์ ยา่ งสงู สดุ ทจี่ ะพงึ ท�ำ ไดค้ รง้ั น้ี
จงึ โปรดเกล้าฯ ใหถ้ วายพดั แฉกพเิ ศษน้นั
เอกสารอ้างอิง
ต�ำ นานวดั บวรนเิ วศวหิ าร สมยั สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ทรงครองวดั . พระภกิ ษสุ ามเณรพรอ้ มดว้ ยไวยาวัจกรวดั บวร
นิเวศวหิ าร พิมพโ์ ดยพระบรมราชานุญาต โดยเสดจ็ พระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า ทีพ่ ระเมรุ วดั เทพ
ศริ นิ ทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวทิ ยาลัย, หน้า ๑๓๑.
271
สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณสงั วร เม่อื ครั้งยงั ด�ำ รงสมณศกั ดิท์ ีพ่ ระธรรมวราภรณ์
ทรงฉายพระรปู หนา้ พระโกศพระศพสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ณ ต�ำ หนกั เพช็ ร
272
พระอนสุ รณอ าลยั
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงมี
พระอนสุ รณอ์ าลยั ในสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ดงั พระราชด�ำ รสั เนอ่ื งในวนั ขนึ้ ปใี หม่
พ.ศ.๒๕๐๒ ท่พี ระราชทานให้แก่พสกนกิ รชาวไทย ความตอนหนึ่งวา่
"ในเวลาขวบปที ี่ผา่ นมา...สมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า สกลมหาสงั ฆปริณายก กไ็ ดม้ าสิ้นพระชนม์ลง
ในเดือนพฤศจกิ ายน นบั เป็นการศนู ยเ์ สียอย่างใหญ่แก่ประชาชาติของเราและพทุ ธศาสนกิ ชนทว่ั ไป ความ
วิปโยคทบ่ี งั เกดิ ข้ึน ท�ำ ให้เราทุกคน รวมทง้ั ขา้ พเจา้ ดว้ ย รสู กึ เศร้าสลดใจ และอาลยั ในพระองค์ทา่ นเป็น
ที่สุด..."
273
พระพรหมมุนี (ผนิ สุวโจ)
เกิด วนั ๖ ๗ฯ ๑๐ ค�่ำ ปมี ะเมยี ฉศก ๑๒๕๖
(วันท่ี ๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๗)
อุปสมบท วัน ๒ ๗ฯ ๘ ค�่ำ ปขี าลฉศก ๑๒๗๖
(วันที่ ๒๙ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๔๕๗)
สมณฉายา สวุ จ
ครองวดั วัน ๒ ๔ฯ ๘ ค�่ำ ปีชวดโทศก ๑๓๒๒
(วนั ท่ี ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๓)
มรณภาพ วนั ๑ ๖ฯ ๓ ปชี วดโทศก ๑๓๒๒
(วันท่ี ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๔)
สวุ จสมัย
275
พระพรหมมนุ ี (ผิน สวุ โจ)
276
เขา มาอยใู นวัด
...ข้าพเจ้า (พระพรหมมุนี ผิน สุวโจ) ได้เข้ามาอยู่ในวัดบวรนิเวศวิหารน้ี เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑
ในสมยั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงครองวดั เจา้ คณุ มหานายกเจา้ คณะปลดั
มหาสงั ฆปรณิ ายก (มณี ฉนโฺ น) เปน็ ผนู้ �ำ ถวายตวั ทพี่ ระตาํ หนกั เพช็ ร สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ (กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส) ให้ถือนิสสัยในเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชริ ญาณวงศ)์ และเจา้ หนา้ ทเี่ สนาสนคาหาปกะแสดงเสนาสนะใหอ้ ยคู่ อื “หอเขยี ว” ขา้ งคณะบญั จบ
(เบญจมา) ใกลท้ ่ปี ระทับของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระสังฆราช
ขา้ พเจา้ จึงมีโอกาสไดร้ บั การอบรมมาก ไดย้ ิน ไดฟ้ งั ไดร้ ู้ ได้เห็นอยเู่ สมอ เมือ่ คราวเกิดความ
สงสยั ตอ้ งการทราบกท็ ลู ถามไดง้ า่ ย เวลาทรงรบั แขก ฟงั รบั สงั่ กบั แขกเหมอื นอยใู่ นมหาวทิ ยาลยั ไดค้ วามรู้
ตา่ ง ๆ อันเปน็ หวั ใจของวชิ าน้นั ๆ ถา้ จะหาหนงั สอื มาดจู ะต้องเสียเวลาเป็นเดอื น ๆ เปน็ ปี ๆ แต่นเ่ี พียง
๑๐ นาที ๒๐ นาที กไ็ ด้เหตุผลขาวกระจา่ งดีเลิศ ถ้าจะหาสถานทศี่ ึกษา จะตอ้ งเดนิ ทางไปตา่ งประเทศ
และตอ้ งมีศาสตราจารย์สอน แตน่ ี่ไดท้ ่ใี กล้ ๆ กนั เอง ด้านความร้รู อบตวั แล้ว เปน็ ดีท่สี ดุ บางทกี ็เสดจ็
มาทรงเลา่ ใหฟ้ งั เอง ดา้ นมารยาทกแ็ ละเหน็ อยู่ ถือเปน็ ตัวอย่างไดท้ ง้ั ทางดี ท้ังทางช่ัว...
เอกสารอา้ งอิง
พระพรหมมนุ ี (สวุ โจ), “ชีวิตในวดั บวรนเิ วศ.” ความทรงจำ�. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๔๙๕.
277
พระพรหมมนุ ี เขา้ ร่วมฌาปนกจิ ศพพระครูวินยั ธร (ม่นั ภูรทิ ตโฺ ต)
ณ วดั ป่าสทุ ธาวาส จังหวดั สกลนคร เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๓
278
รเิ ร่มิ อบรม
กรรมฐาน
พ.ศ.๒๔๘๔ (พระพรหมมุนี เม่ือคร้ังยังดำ�รงสมณศักดิ์ท่ีพระสุพจนมุนี) ได้เริ่มการสอนสมาธิ
กรรมฐานแก่พระภิกษุสามเณรและประชาชนท่ัวไป โดยใช้สถานที่ คือพระอุโบสถบ้าง พระวิหารบ้าง
ศาลาฤๅษีบ้าง เม่ือได้สร้างสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้นแล้ว จึงได้ย้ายมาสอนที่ห้องประชุม
ตึกสภาการศึกษาฯ ตลอดมาจนถึงมรณภาพ การสอนสมาธิกรรมฐานอย่างเป็นกิจลักษณะดังกล่าว
นับว่าเป็นงานริเร่ิมอีกอย่างหนึ่งของพระพรหมมุนี และได้เป็นแบบสืบต่อมาในวัดนี้ และแพร่หลาย
ไปยังสำ�นักอื่นที่นิยมด้วย การสอนประกอบด้วยการบรรยายธรรมะที่เน่ืองในการปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน
จบแลว้ ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ในระหวา่ งมพี ระ ๔ รปู สวดสตปิ ฏั ฐานสตู รบา้ ง มหาสตปิ ฏั ฐานสตู รบา้ ง หรอื ปาฐะอนื่ ๆ
ทเ่ี อือ้ อำ�นวยในการพจิ ารณาและฝึกอบรมสมาธิ ดว้ ยเพอ่ื นอ้ มนำ�จติ ของผูป้ ฏิบตั ิใหม้ งุ่ ในธรรม
ในระยะแรกเรมิ่ มผี ้มู าร่วมปฏบิ ัตินอ้ ยคน แต่ตอ่ มากเ็ พิม่ จำ�นวนมากขน้ึ จนเต็มหอ้ งประชุม และ
เปน็ ทีป่ ราบกนั ท่ัวไปว่าวดั บวรนิเวศวหิ ารมีการสอนและฝึกปฏิบตั สิ มาธิกรรมฐาน ตั้งแตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา
เอกสารอ้างอิง
ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์ถวายสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการฉลอง
ชนมายุครบ ๖ รอบ วันท่ี ๓ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๒๘. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์กรุงเทพ (๑๙๘๔), ๒๕๒๘, หนา้ ๕.
279
พระพรหมมุนนี ำ�พระภิกษไุ หวพ้ ระกอ่ นเร่มิ พิธกี าร ณ ตึกสภาการศึกษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย
280
ทีด่ นิ
ในระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง ประเทศไทยอยใู่ นภาวะคบั ขนั คา่ ของเงนิ ตราลดต�ำ่ อยา่ งมาก
ตกอยใู่ นภาวะเงนิ เฟ้อ พระพรหมมนุ ี (ผนิ สุวโจ) ในฐานะผู้อำ�นวยการ (มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ) เหน็ ว่า
ที่ดินมีค่ากว่าเงิน ทั้งปลอดภัยดีกว่าที่จะเก็บเงินไว้เปล่า ๆ ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มหามกฏุ ฯ จงึ ไดข้ วนขวายใหผ้ จู้ ดั การมลู นธิ มิ หามกฏุ ฯ สมยั นน้ั พจิ ารณาจดั หาทดี่ นิ ในยา่ นทเ่ี หมาะสมไว้
หลายแห่งหลายโฉนด ด้วยคาดการณล่วงหน้าว่า ทด่ี นิ จะมีราคาสูงข้นึ ไปโดยลำ�ดับ...
เอกสารอา้ งองิ
มูลนธิ มิ หามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ.์ “ค�ำ ปรารภ.” ใน พระพรหมมนุ ี (ผิน สวุ โจ). ธรรมประทีป ธรรมบรรยายในการอบรม
เจรญิ กมั มัฏฐานของพระพรหมมนุ ี สวุ จเถร (ผนิ ธรรมประทปี ) วัดบวรนิเวศวหิ าร. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวทิ ยาลัย, ๒๕๐๔.
281
พระพรหมมนุ กี ราบสกั การะพระรตั นตรยั กอ่ นเร่มิ พธิ ีบรรพชาอุปสมบท
ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวิหาร
282