ค�ำ มอบถวาย
พระรปู พระพทุ ธชนิ สีห
ขอถวายพระพรเจรญิ พระราชศริ สิ วสั ดพิ์ พิ ฒั มงคล พระชนมสขุ ทกุ ประการ จงมแี กส่ มเดจ็ บรม
บพติ รพระราชสมภาคพระองค์ สมเดจ็ พระปรมนิ ทรธรรมกิ มหาราชาธริ าชเจา้ ผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ
การทสี่ มเดจ็ พระบรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ มาทรงกระท�ำ สกั การะบชู า
พระพุทธชินสีห์ ในดิถีอันเป็นมหามงคลสมัยที่ชื่นชมนิยมทั่วไปของประชาชนชาติสยาม ในการที่เสด็จ
ขา้ มมหาสมุทรกลบั คนื มาสู่พระมหานคร จากแผ่นดนิ ยโุ รปครง้ั นี้ เปน็ เหตุใหอ้ าตมภาพท้งั หลายมคี วาม
ยนิ ดี ตามรฦกถึงการทไี่ ด้เคยทรงกระท�ำ สักการบชู าในหนหลงั มาโดยล�ำ ดบั กาล ถึงมเี ร่ืองปรากฏอยู่ใน
พระราชพงศาวดารกรุงเทพทวาราวดีว่า พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแต่ปางก่อนได้ทรงนับถือแลกระทำ�
สักการบูชา ในเวลาเสด็จพระราชดำ�เนินเมืองพระพิษณุโลกก็ดี แต่ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ไหนได้
ทรงกระทำ�สกั การบูชาใหย้ ิ่งใหญ่กวา่ สมเด็จพระบรมชนกนารถ แลสมเดจ็ บรมบพติ รพระราชสมภารเจ้า
แต่สักพระองค์หน่ึง เมื่อพรรณาถึงการท่ีทรงกระทำ�มาเม่ือ ร,ศ, ๙๓ ทรงกระทำ�พุทธบูชาเปนการ
สมโภชวาระหน่ึง เมื่อ ร,ศ, ๙๘ บำ�เพ็ญพระราชกศุ ล แลมมี หกรรมสมโภชอกี วาระหน่ึง เมือ่ ร,ศ, ๑๑๐
โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอารามน้ีเสร็จบริบูรณ์ แล้วทรงปิดทองแล้ว บำ�เพ็ญพระราชกุศลแลมี
มหกรรมสมโภชเป็นการใหญ่อกี วาระหนึ่ง ถงึ ครง้ั นมี้ ีพุทธบชู าแลการสมโภชอกี วาระหนึง่ แลทรงถวาย
เครอ่ื งสกั การมหัคฆภณั ฑ์ เป็นหลายประการ เปน็ ต้นวา่ ผ้าทรงตาด ม่านตาด ต้นไมท้ องเงนิ เบญจาที่
ตั้งเคร่อื งสกั การะ แลพระราชทานเครอื่ งอุปกรณแ์ กก่ ารบชู า เป็นนิพัทธวัตต์แลตามกาลสมัยอืน่ ๆ อีก
เปน็ อเนกประการ
อาตมภาพพระสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหารมีความยินดีเลื่อมใส ในพระราชกุศลจริยาของสมเด็จ
พระบรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ ขอถวายพระรูปพระพุทธชนิ สหี ์ ไว้เพือ่ เปน็ เคร่อื งหมายพระคุณ ส่วน
พุทธบชู าอยสู่ น้ิ กาลนาน
ขอถวายพระพร
เอกสารอา้ งองิ
“คำ�มอบถวายพระรูปพระพุทธชนิ สหี .” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๔, ๒ มกราคม จ.ศ.๑๘๙๗, หน้า ๖๖๐ – ๖๖๑.
133
พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ทรงฉายพระรปู ร่วมกบั พระเถระหน้าพระอโุ บสถวัดบวรนิเวศวหิ าร
เรยี งจากซา้ ยไปขวา
(แถวหน้า) พ ระสนิทสมณคณุ พระครูโสภณฯ พระอดุ รคณารกั ษ์ กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรส พระธรรมสามี พระครูยติวตั รวิมล
พระครพู ุทธสาสนสุภสติ
(แถวหลัง) พ ระธรรโมภาส พระครูอนุสรณ์ศลี ขนั ธ์ พระครูปัญญาฯ พระครปู รยิ ัติโสภณ พระธรรมาคมนครวงศ์ พระครวู ิมลญาณประยตุ
พระคร.ู ..สหี สาธาร
134
การถือนิกาย
การถือนิกายนนั้ แมเ้ ดิมมมี ูลมาแตก่ ารพระศาสนา แต่ภายหลังกลายเปน็ การถอื พวกฯ คนเรา
ย่อมถือพวกโดยปรกติ ต่างจงึ ไดถ้ อื ชาติ แลแข่งขันกัน เพราะเหตุแหง่ ชาติ ๚
สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ของเราท้ังหลาย มีพระพุทธประสงค์จะชักนำ�ความสามัคคี
ในระหวา่ งหมคู่ นใหก้ วา้ งขวางออกไปกวา่ ชาติ จงึ ไดป้ ระทานพระบรมพทุ โธวาทเปน็ กลางทว่ั ไป ไมไ่ ดม้ จี าํ กดั
เพยี งชาติอันหนงึ่ ๚
พระพุทธประสงค์นี้ ฝืนใจคนดุจพายเรือทวนกระแส จึงไม่สําเร็จตลอดไป ในเวลาพระองค์ยัง
ทรงบ�ำ เพ็ญพุทธกิจเพียง ๔๕ ปีฯ การถือนกิ ายกม็ ีคตติ ามธรรมดานยิ ม แตเ่ ป็นการถือแคบกวา่ ถอื ชาติ
เป็นเหตุปันคนอันนับเน่ืองในชาติเดียวกันให้เป็นก๊กเป็นเหล่า ในพวกกันเอง หย่อนกว่าระดับของโลกฯ
โลกในบัดน้ี แมถ้ อื ชาตกิ ็ยงั ถือกวา้ งกวา่ คนถือนกิ าย เหตนุ ้นั การถือนกิ ายจงึ เป็นเหตุทอนกำ�ลังของคนหมู่
ใหญอ่ นั หนง่ึ ใหถ้ อยลง ไมใ่ ชว่ า่ เปน็ เหตทุ อนก�ำ ลงั ชาตเิ ทา่ นน้ั ยอ่ มเปน็ เหตทุ อนก�ำ ลงั พระศาสนาเองดว้ ย ๚
หากจะมใี ครถามวา่ ความสามคั คกี บั ความแตกอยา่ งไหนดี อยา่ เพกิ นกึ ถงึ เรอื่ งนกิ าย เราคงตอบวา่
ความสามัคคีดีฯ ถ้าเขาถามต่อไปอีกว่า เม่ือเป็นเช่นน้ัน ธรรมอันเป็นไปเพ่ือแตกสามัคคีก็ไม่ดีสิ
เราคงรบั ทนั ทวี า่ จรงิ อย่างนัน้ ฯ การถอื นกิ ายเปน็ ธรรมเปน็ ไปเพ่ือแตกสามคั คีก็ตอ้ งเปน็ สภาพไม่ดี ๚
จรงิ อยกู่ ารถอื นกิ ายเกดิ ขนึ้ ดว้ ยประสงคจ์ ะฟนื้ ความปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ทเ่ี หน็ วา่ ยอ่ หยอ่ นใหก้ ลบั แขง็
แรง แตภ่ ายหลังตณั หามานะทฐิ ิเข้าแทรกแซง กลายเปน็ ให้ผลคือการถือกก๊ ถอื เหลา่ อยา่ งแคบกวา่ ระดบั
ของโลกไป ๚
ขา้ พเจ้าไม่เล็งเหน็ เลยว่า นกิ ายที่แยกจากกันแล้ว จะกลบั รวมกนั เขา้ ไดอ้ ีก ทั้งตัวอย่างก็ยงั ไม่มี
แตแ่ ตง่ หนงั สอื นี้ขึ้น เพ่ือเตอื นสติพวกสหธรรมิกท่ตี ้องแยกเป็นนิกายแลว้ อยา่ ให้เพลิดเพลนิ ไปในการถอื
นิกาย เห็นโทษแล้ว จะไดป้ ระหยดั ระวัง อยา่ ใหแ้ ตกเป็นส�ำ นักออกไปอกี ตอ่ หนึง่ สว่ นท่ีแยกจากกนั แลว้
จะไดป้ ฏิบตั หิ ันหนา้ เข้าหากนั ใหไ้ กลท้ ี่สุด ๚
ในเวลาแรก ๆ ท่ีคนเรากำ�ลังคลั่งในพระศาสนา จะถือนิกายก็ทําเนา บัดนี้เป็นเวลาที่คนเรา
จดื จางในพระศาสนา ทัง้ ความไปมาถึงกนั กบั คนพวกถือศาสนาอน่ื ก็มีขน้ึ ตอ้ งการความสามัคคอี ยมู่ าก
ไม่เชน่ นนั้ พวกเรายิง่ จะถูกปนั เปน็ กก๊ เป็นเหล่า กระจายจากกนั ออกไปอกี ถา้ ถกู ปันทางโน้นทางนี้เหนยี่ ว
กนั เข้าได้ ก็พอทเุ ลา
เอกสารอ้างองิ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. เรอื่ งนกิ ายแลเถรประวตั .ิ ม.ป.ท., ๒๔๕๕.
135
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั เสดจ็ พระราชดำ�เนินในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐนิ
ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร โดยกระบวนราบ
136
พระพทุ ธเจา หลวงกับหนังสือ
“นวโกวาท”
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงพระนพิ นธ์หนงั สือ “นวโกวาท” เพอ่ื
ใชเ้ ปน็ คมู่ อื ส�ำ หรบั พระบวชใหม่ ดว้ ยการสรปุ ขอ้ อรรถขอ้ ธรรม ศลี อนั ส�ำ คญั ของพระภกิ ษุ ตลอดจนหลกั
ธรรมะใหพ้ ระภิกษุผ้บู วชใหมไ่ ดน้ �ำ ไปใช้ในการดำ�เนินชวี ติ พระอย่างสมบรู ณ์
ตลอดจนเมอื่ ครง้ั ทท่ี รงพระนพิ นธห์ นงั สอื เลม่ นเี้ สรจ็ ขน้ึ ใหม่ ๆ นนั้ ทรงน�ำ ขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ถวายให้
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕ ทอดพระเนตรตามความทม่ี าในพระราชหตั ถเลขา
และลายพระหตั ถท์ ท่ี รงมไี ปมากัน ดงั นี้
พระราชหตั ถเลขาในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๕ ความวา่
ฉบับท่ี ๓/๒๖๘ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม รตั นโกสินทรศก ๑๑๘
กราบทลู กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ทรงทราบ
ด้วยนวโกวาทท่ีประทานมา วันแรกได้อ่านหมดเพียงวินัย แล้วไม่มีเวลาอ่านอีกจนวันน้ี เม่ือ
ออฟฟิศทัง้ ปวงเขาหยดุ งานมาได้ ๒ วัน หนงั สือในนี้จึงหมด
เหน็ วา่ ตามทางทเ่ี รยี บเรยี งไวเ้ ดย๋ี วนี้ ยอ่ นกั กจ็ รงิ แตเ่ ปน็ หวั ขอ้ ส�ำ หรบั ทจี่ ะจ�ำ แลอาจารยจ์ ะสอน
ไดแ้ ม่นย�ำ ดี จะเป็นของให้ประโยชน์แต่พระบวชใหม่ แตเ่ ป็นเคร่ืองตกั เตอื นใจ และสืบคน้ งา่ ยของผทู้ ี่เคย
ฟงั มาแลว้ สังเกตดูในเวลาที่อา่ น เมื่อถึงหมวดใด ๆ ความระลกึ กแ็ ลน่ ได้ตลอดทกุ ครั้ง เป็นเคร่ืองช่วย
ความจ�ำ แตว่ ่าสว่ นตัวหมอ่ มฉันเอง รสู้ กึ ว่าขาดยกศัพท์ จำ�ยากว่ายกศพั ท์ มิใชจ่ ะใหย้ กศัพท์เลอะท่ัวไป
คือยกอย่างเช่น อกตัญญู เป็นต้น แต่ที่เป็นน้ีก็รู้สึกว่า เห็นจะเป็นด้วยตัวไปเรียนบุกป่ามาเสียก่อน
137
เมื่อออกทุ่งไม่แลเห็นต้นไม้ ก็ดูเปล่าเปล่ียวไป ถ้าเร่ิมเรียนเดินทุ่งทีเดียว จำ�ในภาษาไทยเห็นจะง่ายกว่า
ดอกกระมงั ลงลกั ษณะถา้ จะทอ่ งจ�ำ อนั ใด ตวั ขอมจ�ำ งา่ ยกวา่ ตวั หนงั สอื ไทย เปน็ อยา่ งเยนโรชนั้ เกา่ เสยี แลว้
แตย่ อมว่าวดั อ่นื ๆ ในมหานิกายทีอ่ ยากจะสอนได้ดว้ ยน้ัน จะไมเ่ ป็นการงา่ ย ผู้ทรี่ ูแ้ ละจะสอนได้กค็ งจะมี
แตม่ กั จะอยใู่ นจ�ำ พวกเกยี จครา้ น ในพวกทอื่ ถา้ หากวา่ จะขยนั กน็ า่ กลวั จะเหมอื นออกทงุ่ เหน็ แตฟ่ า้ ครอบ
แผน่ ดิน ไปไหนไมค่ อ่ ยรอด
ขอทูลสรรเสรญิ ว่าการทแี่ ต่งหนงั สือเชน่ นี้ เป็นประโยชน์อยา่ งยง่ิ และทางทีจ่ ะจัดให้พระใหม่
เลา่ เรยี น ซึง่ ไดจ้ ัดแล้วเป็นการมีคุณแก่คนไปบวชยงิ่ นัก
ควรมิควรแล้วแตจ่ ะโปรด
สยามินทร
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงมลี ายพระหตั ถ์ ทรงตอบกลบั ไปว่า
วดั บวรนเิ วศวหิ าร
ท่ี ๑๐๗ วนั ที่ ๒๓ กรกฎาคม ร.ศ.๑๑๘
ขอถวายพระพร
อาตมาภาพได้รับพระราชทานพระราชหัตถเลขา เรื่องหนังสือนวโกวาทแล้ว การท่ีแต่งย่อนั้น
เปน็ เพราะตงั้ ใจจะใหจ้ ดุ ความรพู้ อแกเ่ วลาบวชอยขู่ องกลุ บตุ ร แตเ่ รอื่ งชอื่ เปน็ ภาษาไทยนน้ั เกดิ ขน้ึ ในเวลา
นยิ มเสยี งไทย เชน่ ชอื่ วา่ “แบบเรยี นเรว็ ” ภายหลงั เหน็ วา่ บรรดาค�ำ ทเ่ี ปน็ เตกนเิ กลเตมิ ส์ (technical terms)
ควรจะคงอยู่ เพราะท�ำ ใหค้ �ำ พดู สนั้ แลว้ จ�ำ ไดง้ า่ ย ทง้ั ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ ขา้ ใจพากยส์ งู ๆ ดว้ ย แตย่ งั หาเวลาทจ่ี ะ
แกอ้ ยู่ คำ�พูดทใ่ี ช้อยู่ในบดั น้ี เทียบอย่างขา้ งจีน ซึง่ แปลพระไตรปิฎกเปน็ ภาษาของตัว ดูเขา้ ใจยากจรงิ ๆ
ควรมิควรสดุ แลว้ แตจ่ ะทรงพระกรุณาโปรด
ขอถวายพระพร
กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรส
138
ครนั้ แลว้ ทรงมีลายพระหัตถ์แนบไปกับพระนิพนธ์ “นวโกวาท” ซึ่งจดั พมิ พใ์ หม่ ครัง้ นั้น พระบาท
สมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว จึงไดม้ พี ระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ ๕ ตอบกลับมาความว่า
พระทนี่ ง่ั บรรณาคมสรณยี ์
ท่ี ๑/๑๐๓ วันท่ี ๑๗ สงิ หาคม ร.ศ.๑๒๐
ทูล กรมหม่ืนวชิรญาณวโรรส ทรงทราบ
ดว้ ยไดร้ บั หนงั สอื ท่ี ๑๒๘ สง่ หนงั สอื นวโกวาท ซง่ึ พมิ พใ์ หมไ่ ดอ้ า่ นตลอดแลว้ บอกชอื่ ภาษามคธ
เสียเชน่ นี้ คอ่ ยจ�ำ งา่ ยขน้ึ หนังสือน้ที านดี อา่ นตลอดทั้งเลม่ ได้พบผดิ เพยี งแห่งเดียว หน้า ๕๗ อบายมุข
ขอ้ ๓ “เลน่ การพนัน” เปน็ “เล่นการพนัก” เท่านัน้
ควรมิควรแลว้ แตจ่ ะโปรด
สยามมนิ ทร
139
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรส และสมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟา้ อัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสมี า
เมื่อคร้งั ทรงผนวชเปน็ สามเณร พ.ศ.๒๔๔๖
140
เลน เปน็ พระ
ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ นายเลก็ ๆ
เล่นเปน็ พระ ทรงสมมติองคเ์ ป็นพระสงฆร์ ูปต่าง ๆ ในการประกอบพิธเี จริญพระพุทธมนต์
ดงั ปรากฏลายพระหตั ถท์ ส่ี มเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ อษั ฎางคเดชาวธุ กรมขนุ นครราชสมี า
ทรงมถี งึ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรส ดว้ ยทรงดพี ระทยั ทไี่ ดร้ บั ประทานตาลปตั รในคราว
เล่นเปน็ พระนนั้ ดงั ความในลายพระหัตถ์ทวี่ า่
วนั ท่ี ๑๘ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๖ (พ.ศ.๒๔๔๐)
กราบทูล ขรวั ลงุ (พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมน่ื วชิรญาณวโรรส) ทรงทราบฝา่ พระบาท
ด้วย เอียดเล็ก (สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟา้ อษั ฎางคเดชาวุธ กรมขนุ นครราชสีมา) ได้รบั
ลายพระหัตถท์ ราบว่า ขรวั ลงุ จะพระทานตาลิปัตร เอยี ดเลก็ ดีใจนกั เอียดเลก็ อยากให้ทอดพระเนตรเห็น
เวลาเลน่ คงจะโปรดมาก สวดมนต์จรงิ ๆ
เอยี ดเลก็ เปน็ ขรวั ลงุ พรี่ งั สติ (พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระองคเ์ จา้ รงั สติ ประยรู ศกั ด)ิ์ เปน็ พระองคอ์ รณุ
(พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ พระอรณุ นภิ าคณุ ากร) พสี่ รุ ยิ ง (พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระองคเ์ จา้ สรุ ยิ งประยรุ พนั ธ)ุ์
เป็นเจ้าพระแต่รวม ๆ ไม่แน่วา่ ใคร ทองรอด (หม่อมเจา้ ทองฑีฆายุ ทองใหญ)่ เปน็ พระขดั ตำ�นาน ตุ๊
(หม่อมเจ้ามงคลประวัติ สวสั ดิกลุ ) เปน็ พระครู ธานี (หม่อมเจ้าธานนี ิวตั โสณกลุ ) กบั วิเศษ (หมอ่ มเจา้
วเิ ศษศกั ดิ์ ชยางกรู ) เปน็ สมหุ ์ ทองอนวุ ตั ร (หมอ่ มเจา้ ทองอนวุ ตั ิ ทองใหญ)่ เปน็ พระอนั ดบั ทนู หมอ่ มแดง
(สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช) องค์อนุสร (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอนุสรณ์
ศิริประสาธน์) กับวงษนิรชร (หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล) แลปิยบุตร (หม่อมเจ้าปิยบุตร จักรพันธ์ุ)
๔ คนน้ีเป็นเณร
141
การเล่นเป็นพระของเจา้ นายเล็ก ๆ ณ ศาลารมิ สระสวนศวิ าลัย
ภายในพระบรมมหาราชวงั เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๔๔๐
(ทีม่ า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)
เรียงลำ�ดับจากซ้ายไปขวา ได้แก่ ๗. หมอ่ มเจา้ วเิ ศษศักดิ์ ชยางกรู
๑. สมเด็จพระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าอษั ฎางค์เดชาวุธ ๘. หมอ่ มเจ้าทองอนุวัติ ทองใหญ่
๒. พระเจ้าลกู ยาเธอ พระองค์เจา้ รังสิตประยูรศกั ด์ิ ๙. สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดลุ เดช
๓. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสรุ ิยงประยุรพนั ธ์ุ ๑๐. พ ระเจา้ ลกู ยาเธอ พระองค์เจ้าอนุสรณ์ศิริประสาธน์
๔. หมอ่ มเจา้ ทองฑีฆายุ ทองใหญ่ ๑๑. หมอ่ มเจา้ วงศน์ ิรชร เทวกุล
๕. หม่อมเจา้ มงคลประวัติ สวัสดิกลุ ๑๒. หมอ่ มเจา้ ปยิ บุตร จกั รพันธ์ุ
๖. หม่อมเจา้ ธานีนิวัต โสณกลุ
142
สวด ๓ ต�ำ นาน ๆ ที่ ๑ สรัสชํ แล้วสวด พหเํุ ว ยสั สะสทั ธา นัตถิเม มหาการณุ ิโก ต�ำ นานที่ ๒
เยสันตา สวดมงคลสตู ร ตำ�นานท่ี ๓ สัพพาลี สวดวริ ูปักเข ยํยํ ภวตสุ ัพ นกั ขตั ต์ ยกั ทีส่ วดไดห้ มดนี้
คือเอียดเล็ก พ่รี งั สติ ตะ๊ ธานี นอกนนั้ ไดบ้ ้าง ไมไ่ ด้บ้าง แต่พอตาม ๆ ไปได้ แตฉ่ นั เชา้ น้ันไดห้ มดทกุ คน
เว้นแตเ่ ณร ๔ คน ยงั กะพร่องกะแพรง่ อยู่ เอยี ดเล็กยังก�ำ ลังท่องยานีอยู่ คิดจะขยายให้ถงึ ๗ ต�ำ นาน
น้องชายติ๋ว (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจฑุ าธุชธราดิลก) เป็นคน มะยํ ตอ่ นไ้ี ปเขาจะนมิ นตเ์ อยี ด
เลก็ เทศน์ ขอพระทานคมั ภรี ์เอียดเล็กมีอยู่แลว้ แต่ไมค่ อ่ ยดี ความยาวไปด้วยอยากได้ความสนั้ ๆ เทศน์
ประเดย๋ี วเดยี วจะไดจ้ บ เอยี ดเลก็ ถวายมาดว้ ยเปน็ ตวั อยา่ ง ตาลปิ ตั รนนั้ มแี ลว้ แตไ่ มส่ ดู้ ี ขรวั ลงุ จะพระทาน
ใหม่เอียดเล็กดใี จมาก
(ลงพระนาม) อษั ฎางค์เดชาวุธ
143
พระรปู สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้าอษั ฎางคเ์ ดชาวธุ กรมขนุ นครราชสีมา เมื่อคร้งั ทรงผนวชเปน็ สามเณร
144
เมอื่ ทลู กระหมอ มอัษฎางค
ทรงผนวช
เดือนกรกฎาคม คือ เดือน ๘ ก่อนเข้าพรรษา เป็นเวลาเจ้านายหรอื หม่อมเจา้ ทรงผนวช จะเล่า
เฉพาะทเี่ คยเหน็ เปน็ งานใหญ่ เมอื่ ร.ศ.๑๒๒ (พ.ศ.๒๔๔๖) ทลู กระหมอ่ มอษั ฎางค์ (สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ
เจา้ ฟา้ กรมขนุ นครราชสีมา) ซงึ่ เปน็ พระราชโอรสท่ีโปรดมาก ตงั้ แต่แรกประสตู ิแล้ว จงึ ได้ทรงจัดพิธีเป็น
การใหญ่ พวกชาววงั ตอ้ งไปรอ้ ยดอกไมท้ ต่ี �ำ หนกั สมเดจ็ พระบรมราชเทวี (สมเดจ็ พระนางเจา้ สวา่ งวฒั นา
พระบรมราชเทว)ี ร้อยมา่ นระบายในเพดาน พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงสมรรัตนสริ ิเชษฐ์ ทรงเป็น
นายงาน ข้าพเจ้า (หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล) และหญิงพร้อมเพราพรรณต้องปลิดก้านมะลิ
แต่เธอร้องไห้ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เกลียดดอกมะลิราวกับตัวหนอน เจ้านายจึงทรงทราบว่าหญิงพร้อม
เพราพรรณไม่ชอบจบั ดอกไม้ท่มี ีกลน่ิ หอม
ทลู กระหมอ่ มอษั ฎางคท์ รงแตง่ พระองคแ์ ลว้ เสดจ็ ประทบั ในปะร�ำ ดอกไมส้ ดในพระทนี่ งั่ อมรนิ ทรฯ
สมโภชแล้ว พราหมณ์เบกิ แวน่ เวยี นเทยี น ๕ รอบ
วันทรงผนวช ทูลกระหม่อมอัษฎางค์ทรงพระยานุมาศ ทรงพระชฎาเคร่ืองต้น แห่ไปถึงหน้า
วดั พระแกว้ ประทบั บนเกย ทรงโปรยทานแลว้ จงึ เสดจ็ เขา้ พระอโุ บสถเมอื่ ทรงผนวช มสี มเดจ็ พระมหาสมณเจา้
กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ ไดท้ รงจ�ำ พรรษาทวี่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร ทลู กระหมอ่ มแดง
(สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช) ทูลกระหม่อมน้อย (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า
ประชาธปิ กศกั ดิเดชน)์ ต้องเสดจ็ ไปเป็นลูกศิษยป์ ระทบั ดว้ ยทวี่ ดั บวรนเิ วศฯ เวลาเขา้ พรรษา พระเข้าไป
รับบาตรในพระบรมมหาราชวัง พวกพระภิกษุสงฆ์เข้าทางประตูข้างพระท่ีน่ังอมรินทรวินิจฉัย เดินผ่าน
ตำ�หนักท่านเจ้าคุณพระประยูรวงศ์และตำ�หนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(รชั กาลท่ี ๕) และสมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงบาตรทหี่ นา้ อฒั จนั ทรท์ ปี่ ระทบั สมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ
ซึ่งฝ่ายในเวลานั้นเรียกพระองค์ท่านว่า “สมเด็จที่บน” พระสงฆ์องค์อ่ืน ๆ เมื่อรับบาตรแล้วก็เดินออก
ทางประตพู รหมโสภา
เอกสารอ้างอิง
หมอ่ มเจา้ จงจติ รถนอม ดิศกลุ . บันทกึ ความทรงจำ�ของหม่อมเจา้ จงจติ รถนอม ดิศกลุ . พระนคร : วชั รนิ ทรก์ ารพมิ พ์, ๒๕๒๒.
145
พระรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าวธุ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
เมื่อครงั้ ทรงผนวชเป็นพระภกิ ษุ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๗
(ทีม่ า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
146
วชริ าวุโธ
เม่ือครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังด�ำ รงพระราชอิสริยยศท่ีสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร และทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ
วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๔๗ โดยมพี ระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณ
วโรรส เปน็ พระราชอปุ ธั ยาจารย์ และหมอ่ มเจา้ พระสถาพรพริ ยิ พรต เปน็ พระราชกรรมวาจาจารย์ ทรงไดร้ บั
พระสมณฉายาว่า “วชริ าวุโธ”
พระสมณฉายา “วชริ าวโุ ธ” นี้ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว ทรงมีพระราชด�ำ รสั
ใหใ้ ชพ้ ระนามนเ้ี อง ดงั ปรากฏความในพระราชหตั ถเลขาของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง
มีถึงพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ สมมตอมรพนั ธ์ุ ความว่า
วนั ท่ี ๒๗ ตุลาคม ร,ศ, ๑๒๙
กรมขนุ สมมติ
ตามทไี่ ดพ้ ดู กนั ในทปี่ ระชมุ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ ในเรอื่ งอกั ษรพระนามยอ่ จะใหใ้ ชเ้ ปน ม.ป.ร. ตอ่ ไปนน้ั
ได้มาตริตรองดูอีกต่อไปแล้ว มาเกิดมีความคิดขลึกขลักในใจข้ึน คือประการ ๑ ตามที่ได้ใช้เซ็นชื่อ
มาตั้งแต่ปี ๑๒๕ ได้เคยใช้ว่า “วชิราวุธ” ดังน้ี ได้งด “มหา” มาเสียหลายปี ได้มาพยายามจะเซ็น
“มหาวชิราวุธ” ใหม่ มอื ไปไม่คล่องเลย เพราะเคยอย่างโน้นมาเสียมากแลว้
การทจ่ี ะทงิ้ “มหา” นน้ั คอื เมอื่ จะบวช ทลู กระหมอ่ มไดม้ พี ระด�ำ รสั วา่ ใหใ้ ชช้ อ่ื บวชวา่ “วชริ าวโุ ธ”
เพ่ือจะมิเย่นิ เยอ้ และไดท้ รงอธิบายวา่ “มหา” นน้ั กค็ ือใหญฤ่ ๅโต เพราะฉนั้น ใครไมไ่ ด้เปนองค์ใหญ่จ่ึง
ไมใ่ ชม้ หาน่าชอื่ ยงั ไดท้ รงยกตวั อย่างวา่ ทลู กระหม่อมปู่ มีพระนามวา่ “มหามงกฎุ ” เพราะทา่ นเปนทลู
กระหมอ่ มพระองคใ์ หญ่ พระองคเ์ องเปน “มหาจฬุ าลงกรณ” เพราะเหตเุ ชน่ เดยี ว ยงั ไดท้ รงอธบิ ายดว้ ยวา่
คือเท่ากับเรียกว่า “ใหญ่มงกุฎ” “ใหญ่จุฬาลงกรณ” และในชั้นรัชกาลท่ี ๕ ก็มี “ใหญ่วชิรุณหิศ”
“กบั โตวชริ าวุธ” ดงั น้ี
เพราะฉนนั้ ถา้ ไมเ่ ปนการขดั ขอ้ งมากมายอยา่ งไร อยากจะใครค่ งเซน็ ชอ่ื วา่ “วชริ าวธุ ” อยา่ งเดมิ
และถ้าเช่นนน้ั อกั ษรยอ่ ก็คงต้องใช้เปน ว.ป.ร. ขอให้ปฤกษากรมหลวงเทววงษแ์ ละท่านองค์อ่ืน ๆ ทไี่ ด้
มาประชมุ วันน้ันด้วยกันว่าเหน็ อยา่ งไร
(ลงพระนามาภิไธย) วชิราวธุ .
เอกสารอ้างองิ
หจช. ร.๖ ว.๑/๑. “พระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร.” ๒๗ ต.ค. ๒๔๕๓.
147
พระรูปสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ามหดิ ลอดุลยเดช กรมขนุ สงขลานครินทร์
เมือ่ คร้ังทรงผนวชเป็นสามเณร เมือ่ ปี พ.ศ.๒๔๔๗
ดา้ นหนา้ พระรูปมีลายพระหัตถล์ งพระนามสมณฉายา “มหติ ลาตุโล วนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม พ,ศ,๒๔๔๗”
ด้านหลังพระรูปมลี ายพระหตั ถ์ความว่า “ถวายเสด็จอปุ ัชฌาย์ไวเ้ ปนทท่ี รงรฤกในการท่ไี ด้มาบวชแลได้เปนศษิ ย์ ไดท้ รงสั่งสอน แลให้เรยี น
ธรรมวิภาคแลคหิ ิปฏบิ ตั ิ แลได้ทรงสอนภาษาบาฬี มพี ระเดชพระคณุ มากที่สดุ (ลงพระนาม) มหติ ลาตโุ ล”
148
เครอ่ื งเสวย
ของทลู กระหมอ มมหิดล
เมื่อครั้งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกยังทรงมีพระชนมายุ
๕ พรรษานั้น ไดท้ รงเตรียมเคร่ืองเสวยถวายพระ ในการนี้ทรงทำ�ฝอยทองกรอบ ซ่ึงเปน็ พระกระยาหาร
ทรงโปรดของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ดงั ความในลายพระหตั ถต์ อบของพระเจา้ นอ้ งยาเธอ
กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ถึงสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช ลงวันท่ี ๑๖ กันยายน
ร.ศ.๑๑๖ (พ.ศ.๒๔๔๐) ความวา่
ท่ี ๖๑ วัดบวรนเิ วศวหิ าร
วนั ที่ ๑๖ กนั ยายน ร.ศ.๑๑๖
ทูล ทลู หมอ่ มมหดิ ล
ดว้ ยขรวั ลงุ ไดร้ บั ประทานเครอ่ื งเสวยของทลู กระหมอ่ มแลว้ นา่ เอน็ ดู เสยี แตผ่ ลเงาะโตขม่ ถว้ ยไป
ชิ้นหมูผัดโตข่มจานรองอยู่สักหน่อย ฝอยทองอยู่ข้างจะอ่อนชืดไป ฝอยทองเครื่องของทูลหม่อมปู่
(รชั กาลท่ี ๔) เขา้ น�้ำ ตาลมาก แขง็ เปร่อื งดที เี ดียว เมอ่ื ครั้งขรัวลงุ ยังเล็กชอบนัก เวลาทูลหม่อมปู่กำ�ลงั
เสวยอยากนัก อดรอเล่อื นเครื่องไมไ่ ด้ ร้องทูลขอกนิ ขึ้นกลางคนั วันน้ีขรัวลุงฉนั ทุกสงิ่ ฉันเขา้ ได้ครง่ึ ชาม
ขอทูลขอบพระทัยทลู กระหม่อมแลถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยงิ่ ๆ
อน่ึงได้ถวายพระพุทธรูปงามาองค์หนึ่ง จะได้ทรงตั้งท่ีบูชา ขรัวลุงชอบฝีมือเขาแกะสลัก ๆ
นา่ เอน็ ดู
กรมหม่ืนวชิรญาณ
149
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ทรงฉายพระรูปรว่ มกับสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร
สมเดจ็ พระเจา้ ลูกยาเธอ เจ้าฟา้ มหดิ ลอดลุ ยเดช กรมขนุ สงขลานครินทร์ ตลอดจน
พระเถรานุเถระในสายธรรมยุติกนกิ าย ในโอกาสทเี่ ดนิ ทางไปนมสั การพระปฐมเจดีย์ ณ วัดพระปฐมเจดีย์
เมื่อวนั ท่ี ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๗
150
ทรงรื้อฟน้ื ธรรมเนียม
นมสั การพระปฐมเจดยี ์
ธรรมเนียมนมัสการพระปฐมเจดีย์ เป็นธรรมเนียมท่ีสืบเนื่องมาแต่คร้ังพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราชยังทรงผนวชอยู่ได้เสด็จพระราชดำ�เนินไป
นมัสการพรอ้ มด้วยพระเถรานเุ ถระ
ในสมยั สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณท์ รงครองวดั ทรงตง้ั เปน็ ธรรมเนยี ม
ข้ึน ดังปรากฏความในตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร ความว่า “เสร็จการรับพระกฐินแห่งวัดทั้งหลายแล้ว
ทรงนัดพระเถระทั้งหลายไปนมัสการพระปถมเจดีย์ แต่ภายหลังทรงพระชราลง แลพระเถระท้ังหลายก็
ชราลงตามกัน ท้ังคลองเจดียบูชาก็เขนิ ขึ้น ไปมาไม่สดวก ธรรมเนยี มน้ไี ด้งดไปเองฯ” จากความนีย้ ังระบุ
เพยี งว่าธรรมเนียมนมัสการพระปฐมเจดยี ์น้ัน จดั ข้ึนหลงั เทศนาการกฐนิ แตย่ ังไม่ได้กำ�หนดวนั ทีแ่ น่นอน
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงครองวัดสืบมา จึงได้
ทรงร้ือฟ้ืนธรรมเนียมนมัสการพระปฐมเจดีย์ขึ้นอีกคร้ัง เม่ือปี พ.ศ.๒๔๔๗ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ขณะยังดำ�รงพระราชอิสริยยศท่ีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงผนวชเปน็ พระภกิ ษแุ ละเสดจ็ ประทบั ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร นน้ั พระบาทสมเดจ็
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าวธุ ฯ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปนมสั การพระปฐมเจดยี ์ ดงั ความทป่ี รากฏในจดหมายเหตพุ ระ
ราชกิจรายวนั พ.ศ.๒๔๓๗ ความตอนหน่งึ ว่า “...จะโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสดจ็ ไป
พระราชทานพระกระฐินวดั พระปถมเจดยี ์ แล้วรับสั่งต่อไปวา่ เม่อื พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงผนวช
เณร ตอ้ งไปพระราชทานพระกระฐนิ วดั พระปถมเจดยี แ์ ลวดั เมอื งเพชรบรุ ี แตส่ มเดจ็ พระบรมโอรสนี้ เสดจ็
แต่วัดพระปถมเจดีย์วัดเดียวก็เป็นการพอได้...” ครั้งน้ัน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส
ทรงก�ำ หนดเปน็ ธรรมเนยี มใหพ้ ระเถรานเุ ถระธรรมยตุ ไปประชมุ นมสั การพระปฐมเจดยี พ์ รอ้ มกนั ในวนั แรม
๑๒ คำ่� เดอื น ๑๒ เป็นการประจ�ำ ทกุ ปี ดังความปรากฏในลายพระหตั ถ์แจง้ ความแกพ่ ระเถรานุเถระ
ธรรมยตุ ิกา ดงั น้ี
151
พระเจ้านอ้ งยาเธอ กรมหม่นื วชิรญาณวโรรส และสมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้ามหดิ ลอดลุ ยเดช
กรมขุนสงขลานครนิ ทร์ เมื่อครั้งทรงผนวชเปน็ สามเณร เม่อื ปี พ.ศ.๒๔๔๗
(ท่ีมา หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ
152
“แจง้ ความแกพ่ ระเถรานเุ ถระธรรมยุติกา
ด้วยพระปฐมเจดีย์ เดิมเป็นพระสถูปโบราณ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ยังทรงผนวช ได้เสด้จพระราชดำ�เนินไปนมัสการพร้อมด้วยพระเถรานุเถระ ในคร้ังน้ันได้ทรงพระราช
สนั นษิ ฐานเห็นความมหัศจรรยข์ องพระสถูปโดยลำ�ดับมา เป็นท่ที รงพระราชศรทั ธาเลือ่ มใส ครน้ั เมื่อได้
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงทรงสถาปนาให้เป็นพระมหาสถูป เป็นเจดีย์สำ�คัญในแผ่นดิน ตำ�บลหน่ึง
เมอ่ื กลา่ วโดยเฉพาะกเ็ ปน็ เจดียท์ ีน่ ิยมนบั ถือในคณะธรรมยตุ ิกา แต่ก่อนมาพระเถรานุเถระท้ังหลายเคยไป
ประชุมนมัสการเมื่อออกพรรษาแล้วทุกปีมาภายหลังทางไปมาไม่สะดวก กำ�ลังพาหนะสำ�หรับไปก็ขัดลง
ทง้ั พระเถรานเุ ถระกช็ ราลงตามกนั การประชมุ นมสั การประจ�ำ ปกี จ็ ดื จางลงจนถงึ กบั เลกิ กนั เหน็ วา่ บดั นมี้ ี
ทางรถไฟไปมาไดส้ ะดวก ควรจะฟนื้ การไปประชมุ นมสั การพระปฐมเจดยี ใ์ หก้ ลบั เปน็ ไปตามธรรมเนยี มเดมิ
แลสมควรจะเริ่มในศกนี้ เป็นปีท่ีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช พระบรมราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงผนวชเปน็ พระภกิ ษุ เพอ่ื ทรงไดโ้ อกาสเสดจ็ นมสั การพรอ้ มกบั พระเถรานเุ ถระดว้ ย
เพราะฉะนั้น กำ�หนดวันไปประชุมนมัสการพระปฐมเจดีย์ในปีน้ีท่ี ๔ ธันวาคม หรือวันอาทิตย์ แรม
๑๒ คำ่� เดอื น ๑๒ ไปโดยรถไฟพเิ ศษเช้าตามวนั แลเวลาทกี่ ำ�หนด ขอให้ไปพรอ้ มกนั ณ ท่ีพกั รถไฟคลอง
บางกอกน้อย ใหท้ ันเวลารถออกหรือจะไปลงเรอื ท่ีทา่ ราชวรดษิ ฐ และไปในกระบวนเสดจ็ สมเด็จพระบรม
โอรสาธริ าชกไ็ ด้
ในการไหวพ้ ระน้ี มีสงั ฆาฏิ มีบาตรตดิ ไปดว้ ย ไมจ่ ำ�กัดเฉพาะเจา้ อาวาส จะมีพระผใู้ หญใ่ นวัด
ไปอกี บา้ งกไ็ ด้ มศี ษิ ย์ตามไปด้วยพอสมควร ถ้าทราบจำ�นวนผู้จะไปกอ่ นไดเ้ ปน็ ดี ค่ารถไมต่ ้องเสีย”
153
พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมนื่ วชิรญาณวโรรส ประทับในกญั ญาเรือท่นี ่งั
(ทมี่ า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
154
เรือทน่ี ง่ั
รงุ ประสานสาย
ในคราวทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งวดั เบญจมบพติ ร โปรดใหม้ กี ารจดั
สรา้ งพระพทุ ธชนิ ราชจ�ำ ลองขนึ้ มาเพอ่ื ประดษิ ฐานเปน็ พระประธานของวดั ครง้ั นนั้ ทรงพระกรณุ าโปรดให้
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรส ประทบั เรอื ท่นี ่ังรุ้งประสานสาย ขา้ ในกระบวนแห่พระพุทธ
ชินราชจากที่ว่าการกรมทหารเรือไปประดิษฐานวัดเบญจบพิตร วันท่ี ๑๓ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก
๑๒๐ ดังความท่ีปรากฏในรายการพระราชกุศลสถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภาคที่ ๕
ตอนหน่งึ วา่
“...วนั ที่ ๑๓ ธนั วาคม เปนวนั ก�ำ หนดทจ่ี ะเชญิ พระพทุ ธชนิ ราชไปประดษิ ฐานวดั เบญจมบพติ ร เวลา
ย่ำ�รงุ่ เจ้าพนักงานได้ตัง้ กระบวนเรือแห่เสดจ็ พระราชด�ำ เนิน กระบวนน่ามเี รือทหารปนื ใหญ่ เรอื เสอื เรอื
ประตู เรอื ดงั้ เรอื คชู่ กั เรอื น�ำ เรอื กลอง เรอื พระทนี่ งั่ ทรงอเนกชาตภิ ชุ งค์ เรอื พระทน่ี งั่ รองสงา่ งามกระบวน
คอยรับเสด็จอยู่ท่ีท่าราชวรดิฐ แลเรือที่ตามเรือพระพุทธชินราช มีเรือกราบดาษสี พระเจ้าน้องยาเธอ
กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เรือกราบม่านทองแย่ง สมเด็จพระราชาคณะแลพระราชาคณะสุพรรณบัตร
หิรญั บตั ร ตอ่ ไปเรือพระราชาคณะ พระครถู านานกุ รม เปรยี ญ อันดบั แลเรอื พระบรมวงษานวุ งษ์ข้าทลู
ลอองธุลีพระบาท ซึง่ ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามพร้อมเสรจ็ แล้ว...”
เรือกราบดาษสี ออกนามในครั้งนนั้ ว่า “เรือทน่ี ่งั รุ้งประสานสาย”
สว่ นเรอื กราบมา่ นทองแยง่ อนั เปน็ เรอื ตามกระบวนแหข่ องสมเดจ็ พระราชาคณะ และพระราชาคณะ
ชน้ั เจา้ คณะรอง หริ ณั ยบตั ร ปรากฏนามเรอื ไดแ้ ก่ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (แสง ปญฺ าทโี ป) วดั ราชบรุ ณะ
เรอื ศรเี มอื ง สมเดจ็ พระวนั รตั (ฑติ อทุ โย) วดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎ์ิ เรอื กรนางนาค หมอ่ มเจา้ พระสถาพร
พริ ยิ พรต วัดราชบพธิ สถติ มหาสีมาราม เรอื ชายลมหวล พระพรหมมุนี (เขียว จนฺทสริ )ิ วดั ราชาธิวาส
เรอื แกว้ ชงิ ดวง พระธรรมวโรดม (ฤทธ์ิ ธมมฺ สริ )ิ วดั บพติ รพมิ ขุ เรอื เหลอื งใหญ่ พระพมิ ลธรรม (ยงั เขมาภริ โต)
วดั โสมนสั วหิ าร เรอื สบิ สองทองเขยี ว พระสาสนโสภณ (ออ่ น อหสึ โก) วดั ราชประดษิ ฐสถติ มหาสมี าราม
เรือล่วิ ลม พระอบุ าฬคี ุณปู มาจารย์ (ปาน) วัดพระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม เรือสำ�ปน้ั และพระราชาคณะ
อีกรวมทงั้ ส้นิ ๖๖ ลำ� มาในเรอื ส�ำ ปนั้ บา้ ง เรือส�ำ ป้ันเกง๋ บ้าง เรอื โบต เรือขมวดยา และเรอื คอนโดเลอร์
155
พระเจ้านอ้ งยาเธอ กรมหมนื่ วชิรญาณวโรรส
156
เม่ือทรงตอง
นิสสคั คียปาจิตตีย
ในคราวหนง่ึ ท่ี พระเจา้ อยั ยกิ าเธอ กรมหลวงวรเสรฐสดุ า ทรงมพี ระประสงคจ์ กั ใหพ้ ระเจา้ นอ้ งยาเธอ
กรมหมนื่ วชริ ญาณวโรรสชว่ ยจดั หาผา้ ไตรส�ำ หรบั ท�ำ บญุ ครงั้ นนั้ พระองคไ์ ดส้ อดธนบตั รมาในลายพระหตั ถ์
เป็นเหตุให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสทรงต้องอาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์ พระองค์จึง
ทรงมีลายพระหัตถ์อรรถาธบิ ายถงึ พระวินยั ในขอ้ น้ใี ห้เสด็จปา้ ได้ทรงทราบ ดังความในลายพระหตั ถ์ทีว่ า่
ท่ี ๙/๑๙๐ วัดบวรนเิ วศวหิ าร
วันที่ ๑ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๒
ทูล เสด็จปา้ (พระเจา้ อยั ยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสดุ า)
ด้วยได้รบั ประทานลายพระหตั ถฉ์ บบั หนง่ึ ทที่ รงสอดธนบตั ร ๒๔๐ บาทมาในซอง เพื่อให้นาย
แจ้งจัดหาผ้าไตร ๓๐ ไตรนัน้ แลว้ หม่อมฉันได้สัง่ ให้นายแจง้ จัดหาผา้ ไตรตามรบั ส่ังแล้ว แต่ธนบัตรนนั้
ตอ้ งถวายคนื ไป เพอื่ จะไดป้ ระทานแกเ่ ขาเอง ในการทต่ี อ้ งถวายคนื ไปเปน็ ทใี่ หล้ �ำ บาก ดว้ ยสง่ ไปสง่ มาเปน็
สองเทีย่ วนัน้ ขอทูลวา่ ไม่ใช่แต่เงินทอง แมข้ องที่ใชไ้ ด้แทนเงนิ แทนทอง เช่น ธนบัตรที่เป็นแผ่นกระดาษนี้
ก็สงเคราะห์เขา้ ไปจำ�พวกท่ีเป็นเงินทองเหมือนกัน ยอ่ มไม่ควรแกพ่ ระสิน้ จะรับเองหรอื จะให้ผู้อ่นื รบั ไมไ่ ด้
ท่ีสุดจะยินดีของที่เขาเก็บไว้ให้ก็ไม่ได้ ธนบัตรเหล่าน้ีไม่ได้ประทานมาเพื่อประโยชน์ตน รับไว้ก็ไม่เป็น
นสิ สคั คยี ์ ถงึ อยา่ งนนั้ กม็ ที างทจ่ี ะใหเ้ ปน็ มลทนิ อากลู แกห่ มอ่ มฉนั หลายประการ ตง้ั ตน้ แตเ่ ปน็ ทร่ี งั เกยี จของ
เพอ่ื นพระด้วยกันวา่ ท�ำ การรบั เงินหรือใกล้แต่การรับเงนิ นัก แลผทู้ ่ที ำ�การรับเงนิ ของท่านผอู้ ่ืน ย่อมจะ
เปน็ ทรี่ งั เกยี จลกึ ไปกวา่ นก้ี ไ็ ด้ แลการทง้ั นี้ ถา้ มแี กห่ มอ่ มฉนั ทจ่ี ะเปน็ คนส�ำ คญั ผหู้ นงึ่ ในศาสนาแลบา้ นเมอื ง
จะไม่เป็นท่ีเสียใจเฉพาะแก่ตัวหม่อมฉํนเอง ย่อมจะเป็นที่เสียใจแก่ผู้อ่ืนท่ัวไปด้วย ด้วยเหตุเช่นน้ี จึงต้อง
ถวายคนื มา ขออยา่ ให้ทรงเขา้ พระทัยว่าเปน็ เพราะเหตุอน่ื แลในการตอ่ ไป ขอประทานงดในการที่สง่ เงิน
ตรงมาถงึ มอื หมอ่ มฉนั เอง แตส่ ว่ นพระธรุ ะทไ่ี มต่ อ้ งรบั เงนิ ไวเ้ องแลว้ เปน็ อนั จะท�ำ ฉลองพระเดชพระคณุ ได้
อนึง่ ไดใ้ ห้อ่มิ ภรรยานายแจง้ เข้ามาเฝา้ เพ่อื ทรงรู้จักไว้ เมือ่ มีการเกี่ยวขอ้ งกับจะประทานเงนิ ให้นายแจง้
ซื้ออะไรถวาย กจ็ ะได้รบั สั่งใหห้ าเข้าไปส่ังเสียได้ เม่อื รับสั่งจดั ซอื้ อะไรถวาย เมือ่ เขาเอาของเขาไปถวาย
จึงจะคอ่ ยประทานเงินก็ได้ เขาพอมีก�ำ ลงั จะรองอยู่ ธนบัตรนน้ั ไดใ้ หน้ ายเลก็ มอบจอ้ ยใหน้ ำ�ไปถวายคืน
ควรมิควรแลว้ แตจ่ ะโปรด
(ลงพระนาม) กรมหมนื่ วชริ ญาณ
157
การก่อสร้างต�ำ หนักจนั ทร์ โดยกอ่ สรา้ งเชื่อมตอ่ กับพระตำ�หนักเดมิ ดา้ นทศิ เหนือ
ด้านซา้ ยของภาพ ยังปรากฏอาคาร “หอเขยี ว” ทางดา้ นเหนอื พระปน้ั หยา่ อยู่ด้วย
(ทม่ี า พระมหาปกรณ์ กิตฺตธิ โร)
158
หอเขยี ว
เดิมเป็นกุฏิตึก ๒ ช้ันตั้งอยู่ข้างพระป้ันหย่า ฝ่ังทิศเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยที่สมเด็จ
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงครองวัดอยู่ ดังปรากฏหลักฐานใน “ประกาศ
พระราชทานท่ีวสิ ุงคามสีมาวดั บวรนิเวศ” ณ ตำ�หนักเดมิ ในคราวทส่ี มเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
ปวเรศวรยิ าลงกรณท์ รงประชวร เมอื่ ปพี .ศ.๒๔๓๕ โดยก�ำ หนดใหห้ อเขยี วเปน็ หลกั ทใี่ ชใ้ นการก�ำ หนดเขต
ในการท�ำ อโุ บสถกรรม ความวา่
“สมเดจพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม มีพระบรมราชโองการ
ประกาศไวแ้ กพ่ ระสงฆ์ ซง่ึ อยใู่ นพระอารามวดั บวรนเิ วศวหิ าร แลพระสงฆอ์ นั มาแตท่ ศิ ทง้ั สใ่ี หท้ ราบทว่ั กนั วา่
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ กนั ยายน รตั นโกสนิ ทรศก ๑๑๑ ไดเ้ สดจพระราชด�ำ เนริ มาเยย่ี มประชวรพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
กรมสมเดจพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เวลาเสดจประทับอยู่น้ัน เปนเวลาท่ีพระสงฆ์จะได้ทำ�อุโบสถกรรม
ทรงทราบว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเดจพระปวเรศวริยาลงกรณ์ จะเสดจไปพระอุโบสถ
ทรงทำ�อุโบสถกรรมตามวินัยนิยม ทรงพระราชดำ�ริห์ว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเดจพระปวเรศ
วริยาลงกรณ์ก็เปนพระราชอุปัธยาจารย์ ทรงพระชราพระชนมายุเจริญกว่า ๘๐ ปี ท้ังพระอาการท่ี
ทรงพระประชวรครง้ั นก้ี ม็ ากถงึ เพยี งนแ้ี ลว้ หาควรทจ่ี ะใหเ้ สดจไปทรงท�ำ อโุ บสถกรรม ณะพระอโุ บสถใม่
ถ้าท่เี ขตรตำ�หนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเดจพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ได้ทรงพระราชอุทิศ เปนท่ี
วสิ งุ คามสมี า ใหพ้ ระสงฆไ์ ดป้ ระชมุ ท�ำ อโุ บสถกรรมในทน่ี ไ้ี ดแ้ ลว้ จะเปนความส�ำ ราญ สดวกดแี กพ่ ระเจา้
บรมวงศเ์ ธอ กรมสมเดจพระปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ทง้ั พระสงฆท์ ง้ั ปวงกจ็ ะมคี วามชน่ื ชมยนิ ดอี กี ประการหนง่ึ
วัดบวรนิเวศวิหารน้มี ีกุฎีสงฆ์เปน ๒ แผนกอยู่ กุฎีสงฆ์ส่วนท่อี ย่ฟู ากคลองข้างน้มี ากกว่าส่วนท่อี ย่ฟู าก
พระอโุ บสถ เม่อื พระสงฆ์ในแผนกน้อี าพาธหนัก จะไปทำ�อุโบสถ ปวารณาทพ่ี ระอโุ บสถ ยอ่ มเปนความ
ล�ำ บากมาก ควรจะทรงพระราชอทุ ศิ ทเ่ี ขตรต�ำ หนกั พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมสมเดจพระปวเรศวรยิ าลงกรณ์
ให้เปนท่ีวิสุงคามสีมาอิกส่วนหน่ึง เพ่ือให้สังฆกรรมแห่งสงฆ์สำ�เร็จได้ท้ังสองเขตรสีมา คล้ายคลึงกับ
พระอารามท่เี ปนมหาสีมาแลขัณฑสีมา ฉน้นั จึงได้ทรงพระราชอุทิศท่เี ขตรตำ�หนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมสมเดจพระปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ดา้ นตวนั ออกนา่ ต�ำ หนกั ต้งั แต่มุมกำ�แพงแกว้ หอเขยี ว ไปจนถงึ มุม
ก�ำ แพงแกว้ ถดั หอระฆงั ยาว ๑๖ วา ๓ ศอกคบื ดา้ นเหนอื ตง้ั แตม่ มุ ก�ำ แพงแกว้ ถดั หอระฆงั ไปจนจด
มมุ ต�ำ หนกั กวา้ ง ๑๑ วา ๒ ศอกคบื ดา้ นตวนั ตก หลงั ต�ำ หนกั ตง้ั แตม่ มุ ต�ำ หนกั ไปตามแนวรว้ั ถงึ มมุ
พระปน้ั หยา่ ยาว ๑๖ วา ๓ ศอกคบื ดา้ นใต้ ตง้ั แตม่ มุ พระปน้ั หยา่ ถงึ มมุ ก�ำ แพงแกว้ หอเขยี ว กวา้ ง
๑๑ วา ๒ ศอกคบื ใหเ้ ปนทว่ี สิ งุ คามสมี า ยกเปน็ แผนกหนง่ึ ตา่ งหากจากพระราชอาณาเขตร เปนทว่ี เิ ศษส�ำ หรบั
พระสงฆอ์ นั มาแลว้ แลจะมาแตจ่ าตรุ ทศิ ซง่ึ สมควรจะท�ำ สงั ฆกรรมในสมี าน้ี ไดท้ �ำ สงั ฆกรรมตามความประสงค์
159
หอระฆัง
เดิมตัง้ อยู่ขา้ งพระต�ำ หนกั เดิม ภายหลงั ย้ายมาปลูกไว้ดา้ นหน้าพระวิหารพระศรีศาสดา
160
ประกาศพระบรมราชทู ิศ ไดแ้ ต่วันท่ี ๒๑ กนั ยายน รตั นโกสนิ ทรศก ๑๑๑ พระพุทธสาสนกาล
๒๔๓๕ พรรษา เปนวันท่ี ๘๗๑๖ ในรชั ชกาลปัตยบุ นั น้ี ๚”
ภายหลงั เม่อื พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอทุ ศิ ให้สร้างต�ำ หนกั จนั ทร์
ถวายเป็นที่ประทับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส เมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๘ จึงโปรดให้ย้าย
หอเขียวไปปลูกใหม่ใกล้กับกุฏิบัญจบเบญจมา ดังความในพระนิพนธ์เรื่อง “ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร”
ของสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ความตอนหนึ่งว่า
“ใน พ.ศ.๒๔๔๘ นนั้ พระบาทสมเดจฯ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระราชทานทรพั ยข์ องสมเดจ
พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ จนั ทราสรทั วาร กรมขนุ พจิ ติ รเจษฎจนั ทร์ ซง่ึ สน้ิ พระชนม์ เปน็ เงนิ ๘๐,๐๐๐ บาท
ทรงพระราชอุทิศให้สร้างพระตำ�หนักถวายเปนที่ประทับสมเดจพระมหาสมณเจ้าฯ แลทรงขนานนาม
พระตำ�หนักว่า “ตำ�หนักจันทร์” เนื่องในการสร้างพระตำ�หนักจันทร์น้ี ซ่อมแซมพระตำ�หนักเดิมด้วย
แลแกไ้ ขในบรเิ วณพระต�ำ หนกั เดมิ หลายอยา่ ง คอื รอ้ื ประตแู ลก�ำ แพงบรเิ วณต�ำ หนกั ทางดา้ นนา่ รอ้ื หอระฆงั
ที่มมุ ตำ�หนกั แลย้ายหอเขยี วท่ขี า้ งพระปน้ั หย่า ไปปลูกใหมใ่ กล้กบั กฎุ บี ัญจบเบญจมา...”
161
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัวทรงรดน�ำ้ ในพระเต้าพระราชทาน
พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส สถาปนาขึน้ ที่ "กรมหลวงวชิรญาณวโรรส"
ณ แท่นสรงข้างพระอุโบสถวดั บวรนเิ วศวิหาร
เม่อื วนั ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๙
162
ทรงสถาปนาข้ึนที่ “กรมหลวง”
ใน “พธิ ีฉลองยุค”
ด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหม่ืนวชิรญาณวโรรส ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหารมา จ�ำ เดิมแต่
รตั นโกสนิ ทรศก ๑๑๑ จนถงึ รตั นโกสนิ ทรศก ๑๒๕ นคี้ รบ ๑๔ ปี เทา่ กบั ปที พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้
เจ้าอย่หู ัวทรงครองวัดนม้ี า ในเวลาเม่ือยงั ทรงผนวชครบยุคคราวต้น เปน็ มงคลสมยั ท่ีพระเจ้านอ้ งยาเธอ
พระองคน์ ้ี ทรงเรม่ิ กระท�ำ การฉลองยคุ ตามแบบทพ่ี ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมสมเดจ็ พระปวเรศวรยิ าลงกรณ์
ได้ทรงมาพอประจวบกับเวลาที่ทรงพระกรุณาโปรดให้เสด็จเล่ือนยพระนามเป็นกรมหลวง และเสด็จขึ้น
ต�ำ หนักจันทร์ท่ีทรงสร้างพระราชทาน เพอื่ เปน็ ท่ีเสด็จอยู่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั (รัชกาลท่ี ๕)
โปรดให้ต้ังงานพธิ ีเนอื่ งกันไปในคราวเดียวกนั
วันท่ี ๒๖ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๕ เวลาเช้า ๓ โมง ๒ นาที ๕๔ วนิ าที เจ้าพนกั งานกรมพระ
อาลกั ษณ์ได้จารกึ พระสพุ รรณบตั รในพระอโุ บสถวดั พระศรีรัตนศาสดาราม
ส่วนงานการทัง้ นัน้ ข้างวดั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงเปน็ พระราชธุระส่วนพระองคด์ ้วย
อีกแผนกหนง่ึ โปรดเกลา้ ฯ ให้สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช (เจา้ ฟ้ามหาวชริ าวุธ) เสด็จไปทรงจัดถวาย
ทงั้ พระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการฝา่ ยหนา้ ฝา่ ยใน และคฤหสั ถบ์ รรพชติ ซงึ่ มคี วามคนุ้ เคย ฤๅเปน็ ศษิ ยข์ อง
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กไ็ ดโ้ ดยเสดจ็ รบั หนา้ ทใี่ นงานและชว่ ยแตง่ ประดบั สถานนน้ั ๆ ดว้ ยโคมไฟ และเครอื่ งแตง่
เคร่ืองตั้งต่าง ๆ เป็นหลายอย่างหลายประการ แลดูอร่ามท่ัวท้ังบริเวณท่ีมีงาน ในพระอุโบสถน้ัน
เจ้าพนกั งานได้ตง้ั พระแทน่ มณฑลประดษิ ฐานพระไชยวฒั น์ประจาํ รชั กาลที่ ๔ องคห์ นงึ่ กบั พระไชยวัฒน์
ประจำ�รัชกาลปัตยุบันนี้องค์หน่ึง พร้อมด้วยพระเต้าน้ำ�พระพุทธมนต์ และไตรบาตรกับเคร่ืองยศที่จะ
พระราชทานพร้อมเสรจ็
วันท่ี ๓๑ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๕ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ
พระราชด�ำ เนนิ โดยรถพระทนี่ งั่ ไปประทบั วดั บวรนเิ วศวหิ าร เสดจ็ บนต�ำ หนกั จนั ทร์ ครน้ั เวลาค�ำ่ พระสงฆ์
ฝ่ายธรรมยุติกนิกายที่เจริญพระพุทธมนต์ในการฉลองยุค ๒๘ รูป เท่าจํานวนพรรษาที่ทรงผนวช
163
ต�ำ หนักจันทร์
164
มีพระธรรมราชานุวัตร เป็นประธาน ได้ข้ึนไปน่ังท่ีในห้องตำ�หนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระ
ปวเรศวรยิ าลงกรณ์ พรอ้ มกนั แลว้ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรส ทรงประเคนไตรผา้ สลบั
แพร ๑๔ ไตรเปน็ สว่ นเอก ไตรผา้ เนอ้ื ดี ๑๔ ไตรเปน็ สว่ นโท พรอ้ มดว้ ยพดั รองและยา่ มแกพ่ ระสงฆ์ ๒๘ รปู
แลว้ พระสงฆอ์ อกไปครองผ้ากลบั มาน่ังที่ และแบง่ ไปสวดในห้องบรรทม ๕ รูป พระเจา้ นอ้ งยาเธอทรง
จดุ เทยี นทนี่ มสั การแลว้ พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนต์ ตามหมวดขอ้ ธรรม ๔๘ ขอ้ มไี ตรสกิ ขาเปน็ ตน้ กอ่ น
สวดมนต์และเมอ่ื ก�ำ ลังสวด พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวไดเ้ สด็จ ณ ห้องนน้ั ๆ พระราชทานพระราช
ปฏิสันถารแก่พระบรมวงศานุวงศ์และพระสงฆ์ผู้มาช่วยงาน เม่ือพระสงฆ์สวดมนต์จวนจะจบ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับ ณ ห้องน้ี พระสงฆ์สวดมนต์จบแล้ว ถวายอติเรก พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ออกประทบั ณ ตาํ หนกั จนั ทร์ มพี ระราชดาํ รสั ดว้ ยพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมนื่ วชริ ญาณ
วโรรส และพระบรมวงศานุวงศ์ จนเวลาเกือบยาม จงึ เสดจ็ พระราชดำ�เนนิ กลับพระบรมมหาราชวงั
วันที่ ๑ พฤศจิกายน เวลาเช้า ๕ โมง พระสงฆ์ที่เจริญพระพทุ ธมนต์ ขน้ึ ไปนัง่ ทพ่ี ร้อมกันแลว้
พระเจา้ นอ้ งยาเธอ ทรงจดุ ทน่ี มสั การแลว้ พระสงฆส์ วดถวายพรพระจบแลว้ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช
และพระบรมวงศานวุ งศไ์ ดท้ รงประเคนอาหารบณิ ฑบาต พระสงฆฉ์ นั แลว้ พระเจา้ นอ้ งยาเธอทรงประเคน
เคร่ืองไทยธรรมแก่พระสงฆ์ทฉี่ นั พระสงฆถ์ วายอนโุ มทนา
และในเวลาเช้า ๕ โมงเศษวันน้ี เจ้าพนักงานได้เชิญพระสุพรรณบัตร พร้อมกับใบกำ�กับ
พระสุพรรณบัตร และประกาศไปประดิษฐานบนพระแทน่ มณฑลในพระอุโบสถ
ครน้ั เวลาย�ำ่ ค�ำ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเครอ่ื งครง่ึ ยศขาวทหารบก ทรงประดบั เครอ่ื ง
ราชอิสรยิ าภรณ์ เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ โดยรถพระทีน่ ัง่ ไปประทบั วัดบวรนเิ วศวิหาร เสด็จในพระอโุ บสถ
ทรงจดุ เทยี นนมสั การแลว้ โปรดใหพ้ ระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรสทรงประเคนไตรผา้ สลบั แพร
กบั พดั รองและยา่ มแกพ่ ระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ พระสถาพรพริ ยิ พรต สมเดจ็ พระราชาคณะ พระราชาคณะ
รวม ๑๐ รปู ซงึ่ เจริญพระพทุ ธมนตใ์ นการเล่ือนกรม พระสงฆอ์ อกไปครองผา้ เสร็จกลบั มาน่ังทตี่ ามเดมิ
แล้วโปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอทรงจุดเครอื่ งนมสั การ พระสงฆ์ถวายศีลแด่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว
แลว้ เจรญิ พระพทุ ธมนตส์ ตั ตปรติ จบแลว้ ถวายอตเิ รก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ จากพระอโุ บสถ
ทรงรถพระท่นี ั่งกลบั สู่พระบรมมหาราชวัง เวลา ๒ ทุ่มเศษ
วนั ท่ี ๒ พฤศจกิ ายน เวลาเชา้ พระสงฆท์ เ่ี จรญิ พระพทุ ธมนตใ์ นการเลอื่ นกรมไปพรอ้ มกนั ในต�ำ หนกั
ใหญ่ พระเจา้ นอ้ งยาเธอทรงทน่ี มสั การ พระสงฆถ์ วายพรพระจบแลว้ พระบรมวงศานวุ งศท์ รงประเคนอาหาร
บณิ ฑบาต พระสงฆฉ์ นั แลว้ พระเจา้ นอ้ งยาเธอทรงประเคนเครอื่ งบรขิ ารแลว้ พระสงฆถ์ วายอนโุ มทนาแลว้
ได้ไปพร้อมกันอยู่ในพระอุโบสถ ครั้นเวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่อง
จอมพลทหารบก ทรงประดับเครื่องราชอิศริยาภรณ์นพรัตน์ราชวราภรณ์ เสด็จพระราชดำ�เนินโดยรถ
165
พระท่ีน่ัง ไปประทบั วดั บวรนเิ วศวิหารเสด็จในพระอโุ บสถ ถึงเวลาเช้า ๔ โมง ๒๔ นาที ๑๔ วินาที
เปน็ ปฐมฤกษ์ พระโหราธบิ ดลี นั่ ฆอ้ งไชยใหส้ ญั ญาณ พระสงฆส์ วดไชยมงคลคาถา พราหมณเ์ ปา่ สงั ข์ กรมแสง
ในแกว่งไม้บัณเฑาะว์ ชาวประโคมได้ประโคมสังข์แตรป่ีพาทย์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหม่ืนวชิรญาณ
วโรรสเสด็จสู่พระแท่นสรงผินพระพักตร์สู่เฉพาะอาคเนย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำ�
พระพุทธมนต์แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ท่ีทรงพระเจริญพระชนมพรรษากว่าถวายนำ้�พระพุทธมนต์ด้วย
แลว้ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วชริ ญาณวโรรสทรงผลดั เสรจ็ แลว้ เสดจ็ ประทบั ในพระอโุ บสถ พระบรม
วงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการยนื ชมุ นมุ เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทพรอ้ มกนั โปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลวงมหาสทิ ธโ์ิ วหาร
กรมพระอาลกั ษณอ์ า่ นประกาศกระแสพระบรมราชโองการในการเลอ่ื นพระนามกรมจบแลว้ พระสงฆส์ วด
ไชยมงคลคาถา ชาวประโคมได้ประโคมอีกคร้ังหน่ึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไตรและ
พระสพุ รรณบตั ร พรอ้ มดว้ ยใบก�ำ กบั พระสพุ รรณบตั ร และประกาศทรงเลอ่ื นพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมนื่
วชริ ญาณวโรรสเป็นกรมหลวง และพระราชทานบาตร ถุงเยยี รบบั พ้ืนทองดอกสีฝาเชิงกระ หบี พระศรี
มีพานรองกับบ้วนพระโอษฐ์กระของทรงเดิมเมื่อครั้งทรงอุปสมบทแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวง
วชิรญาณวโรรสได้ถวายหนังสือพุทธศาสนสุภาษิตกับมีดสำ�หรับตัดกระดาษท่ีโปรดเกล้าฯ ให้ทำ�ข้ึนเพื่อ
พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอทรงแจกในงาน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงแจกพระบรม
วงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการ และสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชกไ็ ดท้ รงท�ำ เหรยี ญทรี่ ฦกถวายพระเจา้ นอ้ งยาเธอ
เปน็ ของแจกอกี อยา่ งหนง่ึ ดว้ ย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั เวลาเชา้ ๕ โมงเศษ
ครนั้ เวลาบ่าย เจา้ พนกั งานจดั การเบกิ แว่นเวยี นเทียนสมโภชพระสพุ รรณบัตรเสรจ็ แล้ว ได้ย้าย
พระแท่นมณฑลไปต้ังบนต�ำ หนักจันทร์ส�ำ หรบั การขึน้ ตำ�หนกั ใหม่ และตง้ั อาสนส์ งฆ์พร้อมเสรจ็
ครนั้ เวลาทมุ่ เศษ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ไปประทบั วดั บวรนเิ วศวหิ าร
เสดจ็ บนต�ำ หนกั จนั ทรแ์ ลว้ เจา้ พนกั งานไดน้ มิ นตพ์ ระสงฆซ์ งึ่ จะเจรญิ พระพทุ ธมนตใ์ นการขนึ้ ต�ำ หนกั ๑๐ รปู
มีพระธรรมไตรโลกาจารย์เป็นประธาน ขน้ึ ไปพรอ้ มกนั แลว้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ไดท้ รงประเคน
ไตรย่ามและพัดรองแก่พระสงฆ์บางรูป เหลือจากน้ันพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรสบ้าง
พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในบ้างที่เน่ืองในงานน้ีทรงประเคนต่อไป พระสงฆ์ออกไปครองไตรกลับ
มาน่ังทแี่ ล้ว พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงจุดเทยี นเคร่อื งนมัสการ พระสงฆ์ถวายคีลจบแล้ว เจรญิ
พระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร และสัตตปริตย่อจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหล่ังนำ้�
ทกั ษโิ ณทกดว้ ยพระมหาสงั ขใ์ นพระหตั ถพ์ ระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส และพระราชทานใบ
ส�ำ คญั เป็นการทรงพระราชอทุ ิศตาํ หนักจันทร์เป็นสังฆิกเสนาศน์ พระสงฆ์สวดไชยมงคลคาถา พราหมณ์
เป่าสังข์และชาวประโคมได้ประโคมปพ่ี าทย์ พระเจา้ น้องยาเธอถวายอนุโมทนาพเิ ศษแลว้ ทรงนำ�อติเรก
พระสงฆ์รบั ภวตสุ พั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลับเวลายามเศษ
166
วันที่ ๓ พฤศจิกายน เวลาเช้า ๕ โมง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรสทรง
เครอ่ื งนมสั การแลว้ พระสงฆส์ วดถวายพรพระจบแลว้ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช และพระบรมวงศานวุ งศ์
ทรงประเคนอาหารบิณฑบาต พระสงฆ์ฉันแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอทรงประเคนบริขาร พร้อมด้วย
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เวลาบ่าย
พระภัทรมุขมุนีถวายเทศนาในการฉลองยุคที่พระอุโบสถกัณฑ์หน่ึง เวลาเย็นพระเจ้าน้องยาเธอทรงรับ
ดอกไม้ธปู เทียนของพระสงฆ์สามเณรทง้ั ไทยและจนี ญวน ส่วนของคหฤหัสถน์ ัน้ ไดท้ รงรบั มาในระหว่าง ๆ
ตลอดถึงวันน้ี…
เอกสารอา้ งองิ
ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๒๓. วนั ที่ ๑๑ พฤศจกิ ายน ร.ศ.๑๒๕, หนา้ ๘๔๕-๘๔๘.
167
การตั้งแต่งภายในพระอโุ บสถในการพิธีฉลองยคุ
และพธิ สี ถาปนากรมหลวง เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๔๔๙
168
พธิ ฉี ลองยคุ :
พระอรรถาธิบายใน
สมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ในปี พ.ศ.๒๔๔๙ วดั บวรนเิ วศวิหารได้จดั งาน “พิธฉี ลองยคุ ” วาระหนึง่ ในการบำ�เพญ็ พระกศุ ล
เนอ่ื งในโอกาสทสี่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงครองวดั บวรนเิ วศมาไดถ้ งึ ๑๔ ปี
เสมอกับจำ�นวนปีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราชทรง
ครองวัด ซึ่งพิธีนี้เคยจัดมาคร้ังหน่ึงในสมัยที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
ทรงครองวัด
“พธิ ฉี ลองยคุ ” นปี้ รากฏมพี ระอรรถาธบิ ายในลายพระหตั ถข์ องสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งยังดำ�รงพระอิสริยยศท่ีสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส
ถึงสมเด็จพระมหิตลาธเิ บศร อดลุ ยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก เมอื่ ครงั้ ยงั ดำ�รงพระอสิ ริยยศท่ี สมเด็จ
พระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ มหดิ ลอดุลเดช กรมขุนสงขลานครนิ ทร์ ความวา่
วดั บวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
๒๔ เม.ย. ร.ศ.๑๒๖
ทูล ทลู กระหมอ่ มมหิดล
หม่อมฉันขอขอบพระทัยที่ทรงแสดงความยินดีมาถึงในการท่ีเล่ือนกรมและขึ้นตำ�หนักจันทร์น้ัน
ไฉนไมท่ รงแสดงความยินดใี นการฉลองยคุ ที่หมอ่ มฉันถือเปน็ สำ�คญั กว่าอยา่ งอ่นื ด้วยเล่า
ค�ำ วา่ ยคุ นนั้ เปน็ ศพั ทข์ องวดั นี้ เมอ่ื ครงั้ เสดจ็ พระอปุ ชั ฌาย์ (สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
ปวเรศวรยิ าลงกรณ์) ครองวัด ไดท้ ูลกับทูลหม่อมของหม่อมฉัน เรยี กว่า ครบยคุ ทา่ นทำ�บุญ เรียกว่า
ฉลองยุค ท่านอยู่จะได้เข้า ๓ ยุค คราวน้ีหม่อมฉันครองวัดมาได้เท่าทูลหม่อม (พระบาทสมเด็จ
169
มีดตดั กระดาษ
ของท่ีระลึกเน่อื งในการเลือ่ นกรมและขึน้ ต�ำ หนักจันทร์
170
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ยุคหน่ึง เข้าใจว่า ฉลองน้ันเองเป็นเดิมของสมโภชราชสมบัติเม่ือเท่าราชการ
นัน้ ๆ หรือจะหาความมากเกนิ ไปก็อาจเป็นได้
งานครง้ั นค้ี งจะไดท้ รงในราชกจิ จานเุ บกษานน้ั แลว้ ไมต่ อ้ งเลา่ ถงึ ใหญเ่ ชน่ นนั้ แตไ่ มถ่ งึ เขน็ เปน็ ไป
โดยสะดวก เพราะพระบารมขี องสมเดจ็ พระบรมบพติ รพระราชสมภารเจา้ สมเดจ็ พระบรมโอรสกท็ รงเออื้
เสดจ็ มาแรมอย่ตู ลอดงาน สมเดจ็ พระบรมราชเทวที รงรบั เลย้ี งหมาก บหุ รแ่ี ทนทลู กระหม่อม ถ้าเสด็จอยู่
กค็ งจะมาชว่ ยเหมือนกัน สมเดจ็ พระบรมราชินที รงรับช่วยโรงครวั ตลอดถึงญาตมิ ติ รศษิ ย์บริวารก็ช่วย
ด้วยตามกำ�ลัง จดั วา่ พรักพรอ้ มและเอกิ เกริก
หม่อมฉันส่งสมุดพุทธศาสนสุภาษิต มีดตัดกระดาษ และเหรียญที่แจกเมื่อคราวงาน ไปถวาย
แผนกหน่งึ เพ่ือได้ไวเ้ ป็นทรี่ ะลกึ ทรงพระราชปรารภในสมดุ คงจะรูว้ า่ ดว้ ยพระราชประสงคอ์ ย่างไร จึงท�ำ
มดี ตดั กระดาษพระราชทานเป็นของแจกในงาน เหรยี ญนัน้ ของสมเดจ็ พระบรมโอรส ทา่ หน่งึ มียันต์หัวใจ
อริยสจั จ์
กรมหลวงวชิรญาณ
ดังจะเห็นวา่ ค�ำ วา่ ฉลองยคุ น้นั เปน็ คำ�ทีเ่ ฉพาะวัดบวรนเิ วศวิหาร โดยใชเ้ รียกเวลาทเ่ี จ้าอาวาส
วัดบวรนิเวศวิหารครองวัดมาเสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงครองวัด ซึ่งงาน
ฉลองยคุ ครงั้ แรกนน้ั คงจดั ขน้ึ ในคราวทสี่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ยงั ด�ำ รง
พระอสิ รยิ ยศที่ พระเจา้ วรวงษเ์ ธอ กรมหมนื่ บวรรงั ษสี รุ ยิ พนั ธ์ุ ราวปี พ.ศ.๒๔๐๘ ซงึ่ ในครงั้ นน้ั พระบาท
สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั คงเสด็จฯ มา ทรงรบั เลี้ยงหมาก บหุ รี่ ดังปรากฏในตอนทา้ ยลายพระหัตถ์
ขา้ งตน้ ทกี่ ลา่ วถงึ สมเดจ็ พระศรสี วรนิ ทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ “ทรงรบั เลยี้ งหมาก บหุ รี่
แทนทลู กระหม่อม ถ้าเสดจ็ อยกู่ ็คงจะมาช่วยเหมอื นกนั ”
งานฉลองยคุ น้ี จดั ขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเดจ็
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ครน้ั ภายหลังเม่อื มไิ ดม้ ีเจา้ นายครองวัดแลว้ จึงเลิกพิธฉี ลองยคุ ไปในท่สี ดุ
171
ซ้มุ รบั เสดจ็ ในโอกาสท่พี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวเสด็จพระราชด�ำ เนินถวายราชสักการะพระพทุ ธชนิ สีห์
เนื่องในการเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั จากยุโรป ครั้งที่ ๒
เมอื่ วนั ที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๔๕๐
(ท่ีมา หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต)ิ
172
การตกแตง่ ภายในวัดบวรนิเวศวหิ าร ในโอกาสทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัวเสดจ็ พระราชด�ำ เนิน
ถวายราชสกั การะพระพุทธชนิ สหี ์ เน่ืองในการเสดจ็ พระราชด�ำ เนินกลับจากยุโรป ครง้ั ที่ ๒
เมือ่ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๐
173
การตกแตง่ ภายในวัดบวรนเิ วศวิหาร ในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัวเสด็จพระราชด�ำ เนิน
ถวายราชสักการะพระพทุ ธชินสหี ์ เนอ่ื งในการเสด็จพระราชด�ำ เนินกลบั จากยโุ รป ครง้ั ท่ี ๒
เมอื่ วันที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๔๕๐
(ที่มา หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ)
174
ถวายราชสักการะ
พระพุทธชินสีห
หลงั จากเสด็จประพาสยโุ รป
คร้ังท่ี ๒
ดว้ ยเมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๕) เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ประพาสประเทศยโุ รป
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำ�เชิงเทียนกิ่งสำ�หรับเป็นราชสักการะถวายพระพุทธชินสีห์คู่ ๑
จึงมีพระราชประสงค์ จะเสด็จพระราชด�ำ เนนิ ไปทรงถวายราชสักการ ในกำ�หนดวนั ที่ ๒๖ พฤศจิกายน
รัตนโกสนิ ทรศก ๑๒๖
เมื่อพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรสไดท้ รงทราบพระบรมราชประสงค์ดังน้ัน ทรง
มีความยินดีที่จะทรงจัดการรับเสด็จเป็นส่วนพิเศษ เน่ืองในการเสด็จพระราชด�ำ เนินกลับจากยุโรปด้วย
จึงโปรดให้บรรดาพระสงฆ์และฆราวาสซง่ึ เก่ียวเปน็ สทิ ธิวิหารกิ อันเตวาสกิ และทง้ั ผอู้ ื่นด้วย ซึง่ ได้มีน�ำ้ ใจ
สวามิภักด์ิต่อพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตกแต่งสถานที่จังหวัดในพระอุโบสถ
วัดบวรนิเวศวิหาร ดว้ ยซุม้ โคมไฟและประดับดว้ ยใบไมด้ อกไม้ ธงชา้ ง และธงตา่ ง ๆ พรอ้ มเครอ่ื งต้งั ท้ัง
เคร่ืองสักการะ และเคร่ืองกลไกต่าง ๆ หน้าทัศนาการแก่ผู้ที่จะไปในจังหวัดน้ันและบรรดาสัทธิวิหาริก
อันเตวาสกิ ของพระองค์ทา่ นบางองคบ์ างทา่ นกไ็ ด้มนี ้ำ�ใจจดั หาของมาเลี้ยง มีนำ้�รอ้ น น�ำ้ ชา กาแฟ และ
น้ำ�หวานเครอ่ื งด่มื ต่าง ๆ พร้อมทง้ั หมากพลบู หุ รี่ด้วยเสร็จ
และพระองคท์ า่ นไดท้ รงพระด�ำ รวิ า่ การรบั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ กลบั ทไี่ ดม้ กี ารรบั เสดจ็ ไปแลว้ ไดม้ ี
การประชมุ กนั รบั เสดจ็ เปน็ พวก ๆ เหลา่ ๆ ในการทจี่ ะเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ มา เพอ่ื ถวายราชสกั การครงั้ น้ี
ก็สมควรจะจัดให้มีการประชุมดังน้ันบ้าง จึงทรงนัดสัทธิวิหาริกอันเตวาสิกท้ังปวง มีสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราช มกุฎราชกุมาร และพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสวัสดิวัตนวิศิษฎ์ พระเจ้าลูกยาเธอ
กรมหม่ืนจันทบุรีนฤนารถ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหม่ืนปราจิณกิติบดี เป็นต้น ส่วนข้าราชการ คือ
พระยาศรสี หเทพ พระยาวสิ ทุ ธสรุ ยิ ศกั ดิ์ พระยาจกั รปาณศี รศี ลี วสิ ทุ ธ์ิ เปน็ ตน้ มาประชมุ พรอ้ มกนั เฝา้ ทลู
ละอองธลุ พี ระบาททูลเกล้าฯ ถวายดอกไมเ้ ทียนธปู เพื่อเป็นการแสดงความยนิ ดี ถวายไชยมงคลที่หน้า
พระอุโบสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร
175
สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
176
ครน้ั ถงึ วนั ก�ำ หนดกาลอนั จะเสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ เวลาบา่ ยบรรดาสทั ธวิ หิ ารกิ อนั เตวาสกิ ไดม้ าพรอ้ มกนั
ที่วัดแลว้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส พร้อมด้วยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช มกฎุ
ราชกุมาร ประทบั เปน็ ประธาน ใหช้ า่ งฉายพระรปู และรปู นั้น ๆ
ครน้ั เวลาทมุ่ เศษ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ โดยรถพระทนี่ งั่ ไปประทบั
ในพระอโุ บสถ พระสงฆใ์ นพระอารามนี้ และทจี่ ะมาจากพระอารามอนื่ ๆ มพี ระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหลวง
วชริ ญาณวโรรสเป็นประธาน สวดชยันโต ถวายไชยมงคลจบแลว้ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงจุด
เทยี นเครอ่ื งนมสั การ และเทยี นตา่ ง ๆ และทรงถวายเชงิ เทยี นกงิ่ ขนาดใหญก่ าไหลท่ อง สงู ประมาณ ๒ ศอก
มีโคมไฟฟา้ เป็นเทยี นคู่ ๑ แก่พระพทุ ธชนิ สีหแ์ ล้ว พระราชทานสงิ่ ของ ซ่ึงโปรดใหท้ �ำ มาจากยโุ รป คอื
หบี ทรงพระอกั ษร และกระดาษตราแกพ่ ระเจา้ น้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส และพระราชทาน
ย่ามแก่พระสงฆ์บางองค์ที่ยังไม่ได้รับพระราชทาน แล้วประทับบนพระราชอาสน์ ตรัสกับพระสงฆ์และ
พระบรมวงศานวุ งศ์ประมาณครูห่ นง่ึ แลว้ พระสงฆถ์ วายอตเิ รก พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวเสด็จออก
มาประทับบนพระราชอาสน์ อนั พนักงานได้ทอดไวท้ ่ีหน้าพระอุโบสถ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชทรงน�ำ
ดอกไม้เทยี นธูปทูลเกล้าฯ ถวาย แลว้ ต่อ ๆ ไป พระบรมวงศานวุ งศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยบรรดาทเ่ี ปน็ สัทธิวหิ ารกิ
อันเตวาสกิ ทลู เกลา้ ฯ ถวายดอกไมเ้ ทยี นธูปจนตลอดหมดแลว้ เมือ่ ถงึ สัทธิวหิ ารกิ อนั เตวาสิกที่เป็นข้าทูล
ละอองธุลพี ระบาท ขา้ ราชการ และพอ่ คา้ ชาวนาชาวสวนจะเฝ้าทลู ละอองธลุ ีพระบาท หลวงมหาสิทธ์ิ
โวหารได้อ่านรายชอ่ื ฉายา ช่อื ต้ัง หรือช่ือตัว และบวชวดั นน้ั ๆ ทกุ ๆ ชือ่ กราบบังคมทลู กระกรณุ า
ทลู เกลา้ ฯ ถวายดอกไมเ้ ทยี นธปู และถวายค�ำ นบั เรยี งตวั จนตลอดหมดแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
เสด็จพระราชดําเนินไปทรงนมสั การพระศาสดาเป็นต้นแล้ว ไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนินกลับเวลา ๒ ทมุ่ เศษ
เอกสารอา้ งองิ
“ข่าวเสดจ็ พระราชดําเนริ ถวายราชสกั การพระพุทธชนิ สีห์ วดั บวรนิเวศวหิ าร.” ราชกิจจานเุ บกษา เล่มที่ ๒๔. วนั ท่ี ๑ ธนั วาคม ร.ศ.๑๒๖,
หน้า ๙๐๒ – ๙๐๓.
177
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงมพี ระราชปฏิสนั ถารกับ
พระเจ้านอ้ งยาเธอ กรมหม่นื วชริ ญาณวโรรส ณ วัดบวรนิเวศวหิ าร ราวปี พ.ศ.๒๔๔๘
178
พระบาทพอง
โดยปกติ ในคราวทม่ี พี ระราชพธิ อี นั เกย่ี วเนอื่ งดว้ ยสงฆแ์ ลว้ นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจา้ อยหู่ วั จกั โปรดใหม้ กี ารจดั รถพระประเทยี บไปคอยรบั สง่ั พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส
เสมอ แต่ด้วยในคราวหน่ึงรถพระประเทียบมิได้รอรับกลับไปส่งที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์จึงทรง
พระดำ�เนินกลับวัด ในขณะท่ีแดดร้อนจัด เป็นเหตุให้ทรงประชวรพระบาทพอง ดังความในพระราชกิจ
รายวันในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ท่ีว่า
...เวลายำ�่ ค�่ำ (วันท่ี ๓๐ มีนาคม ร.ศ.๑๒๖) ในหลวงเสด็จออกประทบั สนามหญา้ หนา้ พระที่น่ัง
จกั รที อดพระเนตรกระบวนแหพ่ ระสงฆม์ าเขา้ พธิ ี การแหพ่ ระสงฆเ์ ขา้ พธิ ปี นี ้ี กรมหลวงวชริ ญาณวโรรสไม่
ไดเ้ สดจ็ เพราะไมท่ รงสบาย ไม่ไดเ้ สดจ็ มาตงั้ แตว่ ันสวดมนตว์ ันที่ ๒๘ มีนาคม เหตทุ ก่ี รมหลวงวชริ ญาณ
วโรรสไม่ทรงสบายน้ี ทำ�ให้ทรงกริ้วมาก มเี รือ่ งดงั นี้ คอื นานมาแลว้ โปรดใหม้ ีรถหลวงคอยส�ำ หรับรับ
สง่ กรมหลวงวชริ ญาณไปมาในการพระราชพิธตี ่าง ๆ เสมอมา ครน้ั มาเมอ่ื วันจดุ เทียนไชยน้ี รถมาสง่
กรมหลวงวชริ ญาณแลว้ กลบั ไปเสยี ไมท่ ราบวา่ เพราะอะไร ครนั้ กรมหลวงวชริ ญาณจะเสดจ็ กลบั รถมารบั
ไมท่ นั กรมหลวงวชริ ญาณตอ้ งทรงพระด�ำ เนนิ ไปถงึ วดั ก�ำ ลงั แดดถนนหนทางรอ้ นจดั ท�ำ ใหพ้ ระบาทพองไป
จงึ เปน็ เหตใุ หท้ รงกรว้ิ เจา้ หมนื่ ไวยวรนารถวา่ ไมเ่ อาใจใสใ่ นเรอื่ งนี้ โปรดใหเ้ จา้ หมน่ื ไวยวรนารถไปกราบทลู
ขอโทษถงึ วัดแลโปรดใหต้ ดั เงินเดอื นผซู้ ่ึงไดก้ �ำ กบั รถเพ่อื เป็นแบบอย่างตอ่ ไปดว้ ย...
เอกสารอ้างองิ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . จดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวนั ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จ.ศ. ๑๒๖๙ (พ.ศ.๒๔๕๐).
พระนคร : โรงพิมพ์พระจนั ทร์, ๒๕๑๙.
179
สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสทรงอ่านพระอภิธรรมนำ�พระโกศพระบรมศพ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั พ.ศ.๒๕๕๓
180
ราชาสนิ้ ...
ราชาคณะสะอนื้
...เมอ่ื ประดษิ ฐานพระบรมศพ (พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั บนพระแทน่ แวน่ ฟา้ ทอง
ภายในพระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท) แลว้ นมิ นตพ์ ระขน้ึ สดบั ปกรณต์ ามประเพณี แตใ่ นครง้ั น้ี เคยเหน็ อะไร
แปลกกว่าธรรมดา คือ ไดเ้ หน็ พระแสดงความเศร้าโศกจนกลั้นไม่ได้
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า (ซึ่งเวลานั้นดำ�รงพระยศเป็นกรมหลวงวชิรญาณวโรรส) ตรัสกับฉัน
[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ วั ] พระสรุ เสียงเครือและสะอ้นื
เสด็จกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ (ซึ่งเวลานั้นดำ�รงพระยศเป็น พระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต)
ทรงสวดไมใ่ ครจ่ ะออก
สมเด็จพระวันรัตน (ฑติ ) วัดมหาธาตุ เสยี งเครือจวน ๆ จะเอาไว้ไมอ่ ยู่
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธ)ิ์ วัดอรณุ สวดพลางน�ำ้ ตาไหลพลาง และสอนื้ ดว้ ย
และ สมเดจ็ พระวนั รตั น (จา่ ย, เวลานนั้ เปน็ พระธรรมวโรดม) วดั เบญจมบพติ ร รอ้ งไหอ้ ยา่ งคน ๆ
ทีเดียว…
เอกสารอา้ งอิง
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั . ประวตั ิตน้ รชั กาลที่ ๖. กรงุ เทพมหานคร: มติชน, ๒๕๕๙.
181
การตง้ั แตง่ ภายในพระอโุ บสถในพระราชพธิ มี หาสมณตุ มาภเิ ษก
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
เมื่อวันท่ี ๕ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๕๓
182