พระราชพิธี
มหาสมณตุ มาภิเษก
พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคต เมอื่ วนั ที่ ๒๓ ตลุ าคม รตั นโกสนิ ทรศก
๑๒๙ ตรงกบั พ.ศ.๒๔๕๓ พระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อเสร็จงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแลทรงเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวงแลว้ ทรงพระราชด�ำ รวิ ่า สมควรจะเฉลมิ พระเกียรตยิ ศ
สนองพระคุณพระบรมราชูปัธยาจารย์โดยลำ�ดับมา จึงโปรดฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตาภิเษกท่ีวัด
บวรนิเวศ ทรงเล่อื นพระเกยี รตยิ ศพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวชริ ญาณวโรรส ข้นึ เปน็ สมเดจ็ พระเจา้
บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาฯ แลเลอ่ื นพระสมณศกั ดเิ์ ปน็ สมเดจ็ พระมหาสงั ฆปรนิ ายก ทงั้ พระราชอาณาเขต
เหมือนอยา่ งพระบาทสมเดจ็ ฯ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงเฉลมิ พระเกยี ตยิ ศสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณแ์ ตก่ อ่ นนนั้ แลการพระราชพธิ ที ที่ �ำ นนั้ ตง้ั พระแทน่ มณฑล พระแทน่ เบญจ
ปฎลเศวตฉตั ร ตเู้ ทยี นชยั และเตยี งพระสงฆส์ วดภาณวารทใ่ี นพระอโุ บสถ แลทางเฉลยี งในพระอโุ บสถดา้ น
ตะวนั ออก ก้ันพระฉากเปน็ ท่สี มเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ประทับทรงสดับพระพทุ ธมนต์ ที่ชาลาในก�ำ แพง
แกว้ นอกพระอโุ บสถทางดา้ นทศิ ตะวนั ออก ตง้ั พระแทน่ สรง มยี อดเบญจปฎลเศวตฉตั รปกั เครอ่ื งสงู ทง้ั สมี่ มุ
ต้ังโรงพิธีพราหมณ์ท่ีหว่างคลองกับกำ�แพงวัดทางด้านหน้าพระวิหารศาสดา ในบริเวณวัดจัดพลับพลา
ข้างหนา้ พระอโุ บสถ ๒ หลัง เปน็ ที่เจ้านายประทบั และเป็นทเ่ี สวย ปลูกปะรำ�ท่พี กั ข้าราชการรายไปใน
ชาลารอบพระอโุ บสถ สว่ นทางหนา้ พระต�ำ หนกั จนั ทร์ ปลกู ปะร�ำ เปน็ ทพ่ี กั สงฆท์ ม่ี าชว่ ยงาน ทางรมิ คลอง
ระหว่างกำ�แพงตอนพระอุโบสถแลพระเจดีย์ ต้ังกระจาดใหญ่ซึ่งมีผู้ทำ�มาถวายช่วยในงาน สำ�หรับจะได้
เปน็ ไทยธรรมถวายพระสงฆร์ ายกันเป็นระยะ แลตกแต่งประทปี ตัง้ เคร่อื งประดับตลอดบริเวณวดั ทัว่ ไป ๚
เรม่ิ การพิธีวันท่ี ๑ ธนั วาคม เวลาเชา้ แห่พระสุพรรณบัฏจากวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม ไปยัง
พระแทน่ มณฑลทใี่ นพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศ เวลาค�่ำ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ไปยงั วดั บวรนเิ วศ
พระสงฆ์ราชาคณะผ้ใู หญ่ ๑๐ รปู เจริญพระพทุ ธมนต์ ต้งั น้ำ�วงด้ายที่ในพระอโุ บสถ รุ่งขึ้นวันที่ ๒ เวลา
เช้า พระสงฆ์พระราชาคณะ ๓๐ รูป ซ่ึงจะได้ทำ�พิธีประชุมพร้อมกันท่ีในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยูห่ วั เสด็จไปถวายเทียนชนวนแดส่ มเด็จพระมหาสมณเจา้ ฯ ใหท้ รงจดุ เทยี นชยั เจา้ พนักงานยก
183
พระเบญจปฎลเศวตฉตั รขึ้นเหนือพระแทน่ แล้วเลยี้ งพระสงฆแ์ ลเร่มิ สวดภาณวารตอ่ ไป ฝา่ ยพราหมณ์ก็
ต้งั ต้นทำ�พิธแี ต่วันน้ีไป เวลาค่ำ�วันน้นั เสด็จพระราชด�ำ เนนิ อีกเวลา ๑ พระสงฆร์ าชาคณะ ๓๐ รปู เจรญิ
พระพทุ ธมนตท์ ่ีในพระอุโบสถ พระครพู ราหมณ์ถวายน�ำ้ สงั ขแ์ ลใบไม้ทรงปัดแดส่ มเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ
ตามลทั ธพิ ธิ พี ราหมณใ์ นเวลาทรงสดบั พระพทุ ธมนตแ์ ตว่ นั นเี้ ปน็ ตน้ ไปทกุ วนั จนเสรจ็ พธิ ี ครน้ั สวดจบเสดจ็
ประทบั ทเี่ สวยแลว้ จึงเสดจ็ กลบั ถงึ วนั ท่ี ๓ ธนั วาคม เวลาเชา้ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ ฯ ทรงเลีย้ ง
พระสงฆ์ราชาคณะท่ีได้สวดมนต์ เวลาค่ำ� พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปในเวลาพระสงฆ์เจริญ
พระพทุ ธมนต์แลว้ เสด็จเสวยอย่างวนั ก่อน วันท่ี ๔ ธันวาคม ก็มีการพิธีอย่างเดียวกบั วันที่ ๓ คร้นั ถงึ
วันที่ ๕ ธันวาคม อันเปน็ วันท่ีจะอภเิ ษก เวลาเช้า เจา้ พนักงานแต่งพระวอชอ่ ฟา้ และเรือศรีผกู ม่านทอง
ส�ำ หรับพระเกียรติยศสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ไปเทยี บไวท้ ห่ี น้าวัดฯ พอเลี้ยงพระแล้ว พระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ไปยงั วดั บวรนเิ วศ ทรงถวายไตรแพรแดส่ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ฯ พอไดพ้ ระฤกษเ์ วลา
๑๐ นาฬกิ า ๒๑ นาที พระโหราธบิ ดีลัน่ ฆ้องชยั เป็นสญั ญาณชาวประโคม ๆ ขึ้นพรอ้ มกนั สมเดจ็ พระ
มหาสมณเจ้าฯ สู่ที่สรงอภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายน้ำ�ในพระเต้าแลพระมหาสังข์ แล้ว
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอทเ่ี จรญิ พระชนั ษากวา่ ถวายน�ำ้ ในหมอ้ ทองเงนิ ชพี อ่ พราหมณถ์ วายน�ำ้ สงั ขน์ �้ำ กลดตอ่
ไป ครน้ั สรงเสรจ็ แลว้ ทรงครองไตรแพรของพระราชทาน เสดจ็ มาประทบั ในพระอโุ บสถ พระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั ทรงอาราธนาใหเ้ สดจ็ ขน้ึ เถลงิ พระมหาสมณอาสนภ์ ายใตเ้ บญจปฎลเศวตฉตั ร พราหมณเ์ ปา่
สงั ขไ์ กวบณั เฑาะว์ ชาวประโคม ๆ เคร่อื งดรุ ยิ างคดนตรขี ึน้ พร้อมกัน ครน้ั สดุ เสียงประโคมแลว้ พระยา
ศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศพระบรมราชโองการทรงเลื่อนพระเกียรติยศเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสฯ ทรงสมณศักด์ิเป็นใหญ่ เป็นประธานแก่สงฆมณฑลท่ัวพระราชอาณาเขต
คร้ันอ่านประกาศจบลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายพระสุพรรณบัฏ แลเคร่ืองราชูปโภค
สำ�หรับพระเกียรติยศ มีพัดแฉกบาตรย่ามเป็นต้น แลดอกไม้ธูปเทียนต้นไม้เงินทองของทรงสักการบูชา
ในขณะน้ัน พระสงฆ์ก็เจริญชัยปริตรแลพราหมณ์เป่าสังข์ไกวบัณเฑาะว์แลชาวประโคม ๆ อีกคร้ังหน่ึง
ครนั้ สุดเสียงประโคม สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงประสิทธิพระพรถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว
แลว้ ถวายอตเิ รก พระสงฆร์ บั ภวตสุ พั เสดจ็ ลงจากพระมหาสมณอาสน์ พระพมิ ลธรรม (วดั โสมนสั วหิ าร)
ดับเทียนชัย พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา แล้วสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงถวายของท่ีระลึกในงานมหา
สมณุตมาภิเษกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลประทานแจกแก่พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการ
ท้ังปวง ครั้นเวลาบ่าย เจ้าพนักงานตั้งบายศรีท่ีในพระอุโบสถ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช
พระสพุ รรณบัฏ เปน็ เสรจ็ การพระราชพธิ มี หาสมณุตมาภิเษก ๚
เอกสารอ้างองิ
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส และสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ. ต�ำ นานวดั บวรนเิ วศวหิ าร.
พมิ พ์โดยพระบรมราชโองการในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ท่พี ระเมรุท้องสนามหลวง เม่ือ พ.ศ.๒๔๖๕. พระนคร :
โรงพิมพโ์ สภณพิพรรฒธนากร, ๒๕๖๕.
184
ตราโพธิบัลลังก์
ตราน้อยของสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างตราขึน้ สำ�หรับทรงใช้ในเอกสารการส่วนพระองค์
เสมอด้วยตราน้อยของเสนาบดี ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ชญิ เขา้ ในพระราชพิธีฉัตรมงคล เมอื่ วนั ที่ ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๔๕๗
และเสด็จฯ ถวายตราโพธิบลั ลังกน์ แ้ี ด่สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ณ พระที่นง่ั ดุสิตมหาปราสาท
185
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ จากพลับพลาเปลือ้ งเคร่อื ง วัดบวรนิเวศวหิ าร
ประทบั พระทน่ี ง่ั ราชยานพุดตาน ในกระบวนเสดจ็ พยหุ ยาตราโดยทางสถลมารคเลยี บพระนคร
ในพระราชพิธบี รมราชาภิเษกสมโภช วนั ท่ี ๓ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๕๔
186
เสดจ็ เลยี บพระนคร
ทางสถลมารคในพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษกสมโภชรชั กาลท่ี ๖
วันท่ี ๓ ธันวาคม รตั นโกสนิ ทรศก ๑๓๐ เป็นวนั กำ�หนดพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เสดจ็
พระราชด�ำ เนินดว้ ยขบวรพยหุ ยาตราเลยี บพระนครโดยสถลมารค ตามราชประเพณี เจา้ พนกั งานได้แตง่
พลบั พลาทองจตั รุ มขุ ณ ทอ้ งสนามหลวง ทปี่ ระชาชนจะไดเ้ ฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท กราบถวายบงั คมแล
ถวายไชยมงคล ทอดพระราชบัลลงั ก์ทม่ี ขุ เดจ็ ด้านทักษิณ แลทอดพระราชอาสนท์ ีป่ ระดบั สมเดจ็ พระบรม
ราชินีพระพันปีหลวงที่มุขลดฝ่ายขวา ท้ังต้ังพระเก้าอี้พระบรมวงศานุวงศ์ แลเจ้านานาประเทศเฝ้าบน
พลบั พลาดว้ ย ท่ปี ะรำ�หนา้ พลับพลาต้งั เกา้ อีเ้ ป็นทเี่ อกอคั รราชทตู แลอคั รราชทูตพเิ ศษกับทตู านทุ ตู ท้งั
เก้าอขี้ า้ ราชการฝา่ ยทหารพลเรือนเฝ้าทลู ละอองธุลพี ระบาท แลที่พลับพลาถนนราชดำ�เนินกลางตั้งตรง
สีแ่ ยกถนนดินสอ ชอ่ งขา้ งใตพ้ ่อค้าชาวยโุ รปประเทศจะไดเ้ ฝา้ ถวายไชยมงคลอีกแหง่ หนึง่ น้ัน กไ็ ดแ้ ต่งไว้
ทำ�นองเดยี วกบั พลบั พลาทอ้ งสนามหลวง...
...เวลาบา่ ยโมงครง่ึ สมเดจ็ พระบรมราชนิ พี ระพนั ปหี ลวงกบั สมเดจ็ พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟา้
กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินธร เสด็จออกทางพระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท ประทับรถพระท่ีน่ังยนต์ท่ีหน้า
อฒั จนั ทร์ มรี าชองครกั ษ์แลรถท้าวนางขา้ ราชการในพระราชสำ�นักตามเสด็จ ๆ พระราชดําเนินไปตาม
ถนนหนา้ พระธาตุ ประทบั รถพระทน่ี ง่ั ทพี่ ลบั พลาทอ้ งสนามหลวงเสดจ็ ขน้ึ ประทบั บนพลบั พลามขุ ตะวนั ตก
เจา้ นานาประเทศกบั พระบรมวงศานวุ งศเ์ ฝา้ บนพลบั พลามขุ ตะวนั ออก สว่ นเอกอคั รราชทตู แลอคั รราชทตู
พิเศษกบั ทูตานทุ ตู แลข้าราชการฝ่ายทหารพลเรอื นเฝ้าทลู ละอองธุลพี ระบาทในปะร�ำ หนา้ พลบั พลา ตาม
ลำ�ดับ
เวลาบา่ ย ๒ โมง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเครอ่ื งอยา่ งวนั บรมราชาภเิ ษก เปลยี่ นแตเ่ ปน็
สีแดงตามกำ�ลังวนั ทรงประดับเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์พระดารานพรตั นราชวราภรณ์ แลพระดารามหา
จกั รี พรอ้ มท้งั สายสะพายกบั พระสังวาล แลประดบั พระดารามหาปรมาภรณ์ ภายในสวมฉลองพระองค์
ครุยกรองทอง แลพระสังวาลเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณช์ า้ งเผอื กสยามช้ันนอก เสดจ็ ออกพระท่นี ่ังอาภรณ์
187
พโิ มกข์ปราสาท ทรงพระชฎามหากฐนิ นอ้ ย เสดจ็ ลงสูเ่ กยสพรัง่ พรอ้ มดว้ ยขบวนเสนาอํามาตยร์ าชเสวก
คู่เคียงพระราชยาน ทั้งกรมพระตำ�รวจ กรมมหาดเล็ก ยืนประจำ�ร้ิวขบวนตามตําแหน่ง ผันพักตร์สู่
เฉพาะหน้าพระที่นั่ง จม่ืนจงรักษาองคร์ ัวกรบั ให้สัญญา ข้าทลู ละอองธุลพี ระบาทในร้วิ ขบวนถวายคำ�นับ
พร้อมกันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับพระท่ีนั่งพุดตานทองคำ� ชาวประโคม ๆ แตรสังข์
กลองชนะแลมโหระทกึ เคลื่อนขบวนเสดจ็ พระราชดาํ เนินสพร่งั ดว้ ยเครอื่ งสงู อภิรมุ ชมุ สาย บังแทรก
พระกรรภริ มย์ ทง้ั ธงไชยกระบธ่ี ชุ แลพระครฑุ พา่ หเ์ ปน็ ขบวนพยหุ ยาตราอยา่ งใหญอ่ อกประตพู มิ านไชยศรี
ทหารปืนใหญ่ท่ีต้ังกองอยู่ในท้องสนามหลวงยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติยศ ๑๐๑ นัด เม่ือขบวนเสด็จ
พระราชด�ำ เนนิ ออกประตวู เิ ศษไชยศรบี รรจบกนั กบั ขบวนทหารกองทพั บก ยาตราไปตามถนนหนา้ พระธาตุ
ทหารรายทางถวายวนั ทยาวธุ แตรบรรเลงเพลงสรรเสรญิ พระบารมตี ลอดไป ขบวนวงทอ้ งสนามหลวงยงั
ถนนราชนิ ี เทียบพระทีน่ งั่ พุดตานทีเ่ กยหลงั พลับพลา เสดจ็ ขึ้นเกย ทรงพระราชดำ�เนนิ สูพ่ ลบั พลา เข้าใน
พระฉากมขุ เหนือ ทรงเปลื้องพระชฎามหากฐนิ น้อยแลว้ เสดจ็ ออกพลับพลาประทบั พระราชบัลลงั ก์มุขใต้
พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระบรมราชนิ พี ระพนั ปหี ลวง แลพระบรมวงศานวุ งศ์ เจา้ นานาประเทศเฝา้ บนพลบั พลา
เอกอคั รราชทตู แลอคั รราชทตู พเิ ศษ กบั ทตู านทุ ตู พรอ้ มทงั้ ขา้ ราชการฝา่ ยทหารพลเรอื น เฝา้ ทลู ละออง
ธุลพี ระบาทในปะร�ำ หนา้ พลับพลาทงั้ ๒ ข้างตามล�ำ ดับ เจา้ พระยายมราช เสนาบดกี ระทรวงนครบาลได้
นำ�พ่อค้าประชาราษฎรเข้ามายังท่ามกลางปะร�ำ หน้าพระท่ีนั่งกราบบังคมทูลเบิกราษฎรเฝ้าทูลละอองธุลี
พระบาท ประชาราษฎรน์ งั่ ลงคกุ เขา่ ทงั้ สองขา้ งถวายบงั คม ๓ ลาแลว้ ประนมหตั ถน์ งิ่ อยู่ เจา้ พระยายมราช
เสนาบดีกระทรวงนครบาล จึงอ่านคํากราบบังคมทูลพระกรุณาในนามของไพร่ฟ้าประชาราษฎร์...เมื่อ
(พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) มพี ระราชด�ำ รสั ตอบแลว้ ประชาชนราษฎรโหแ่ ลรบั ฮวิ้ พรอ้ มกนั
๓ ลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึน้ ประทับในพระฉากมขุ เหนือ ทรงพระชฎามหากฐนิ น้อยแลว้
เสด็จออกสู่เกยประทับพระท่ีน่ังพุดตานทองคำ� เคล่ือนขบวนพยุหยาตราตามราชวิถีข้ามสะพานเสี้ยว
ไปตามถนนจักรพงศ์ เลี้ยวถนนพระสุเมรุ เทียบพระท่ีน่ังเกยพลับพลาเปล้ืองเคร่ืองวัดบวรนิเวศวิหาร
เสดจ็ ขน้ึ ประทบั บนพลบั พลา ทรงเปลอ้ื งพระชฎามหากฐนิ นอ้ ย ทรงพระมหามาลาเสา้ สงู เสดจ็ พระราชดําเนนิ
โดยทางลาดพระบาทเขา้ ในพระอโุ บสถ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส กบั พระสงฆ์
สมณศกั ดฝิ์ า่ ยคณะธรรมยตุ กิ นกิ าย ซง่ึ ไดช้ มุ นมุ กนั รบั เสดจ็ อยใู่ นพระอโุ บสถ สวดพระคาถาถวายไชยมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนธูปเครื่องนมัสการถวายต้นไม้ทองเงินบูชาพระพุทธ
ชินสหี ์แล้ว พระยาเทพาภรณ์ ภูษามาลา เชญิ พานทองรองทรงสะพักตาดริมกรยุ ทอง ทลู เกล้าฯ ถวาย
ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ชิญทรงสะพกั น้นั ถวายพระพุทธชนิ สีห์ แลทรงถวายดอกไม้ธูปเทียนแก่
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระบรมราชอปุ ธั ยาจารย์ กบั ทรงธปู เทยี นดอกไม้
จบพระหัตถ์ให้มหาดเล็กเชิญข้ึนไปถวายสักการบูชาพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา
188
ปวเรศวรยิ าลงกรณท์ ต่ี �ำ หนกั แลทรงถวายวตั ถจุ ตปุ จั จยั ส�ำ หรบั บ�ำ รงุ พระอารามเปน็ มลู คา่ ราคาเงนิ รอ้ ยชงั่
แลว้ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสถวายอตเิ รก พระสงฆส์ วดภวตสุ พั พมงั คลงั แลว้
เสด็จออกจากพระอุโบสถข้ึนยังพลับพลา ทรงพระชฎามหากฐินน้อย เสด็จออกสู่เกย ประทับพระท่ีน่ัง
พุดตาน ยาตราขบวนต่อไปตามถนนพระสุเมรุ เลียบข้างกำ�แพงพระนครแต่หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร ไป
เล้ยี วถนนราชดำ�เนินกลางจนถงึ พลบั พลาเทยี บพระที่นั่งทเี่ กย เสดจ็ ขึน้ พลับพลา ประทับในพระฉาก ทรง
เปล้ืองพระชฎามหากฐินแล้ว เสด็จออกประทับพระราชบัลลังก์มุขเด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินี
พระพนั ปหี ลวง แลเจ้านานาประเทศกับพระบรมวงศานวุ งศ์ ทัง้ ทตู านทุ ูต แลข้าทูลลอองธลุ พี ระบาทเฝา้
ตามต�ำ แหนง่ เหมอื นพลบั พลาทอ้ งสนามหลวง...”
เอกสารอา้ งองิ
จดหมายเหตุพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกสมเด็จพระรามาธบิ ดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัว. พระนคร : โรงพมิ พโ์ สภณ
พิพรรฒธนากร, ๒๔๖๖.
189
พระรปู สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
(ทม่ี า หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ
190
ฐานันดรของพระ
“ฐานนั ดร” นนั้ หมายความวา่ “ยศพระ” ทเ่ี รยี กวา่ “สมณศกั ด”์ิ แปลวา่ ทห่ี รอื ชน้ั อนั เปน็ โดยลาํ ดบั กนั
ตําแหน่งนั้น หมายเอา กรณียะ คอื หนา้ ทอี่ นั จะพึงกระทาํ สองอยา่ งนี้
แต่เดิมมารวมกัน คอื พระผู้มฐี านนั ดร ย่อมมีหนา้ ท่จี ะพงึ ทําดว้ ย เทียบกนั ไดต้ ามชนั้ เช่น เปน็
สมเด็จพระราชาคณะ ก็เป็นเจา้ คณะใหญ่ด้วย แต่ท่านผ้จู ะไดร้ บั ฐานันดร เป็นสมเด็จพระราชา คณะนนั้
โดยมากก็แก่เฒา่ แล้ว จึงไม่ไดว้ ่าการคณะจริงจงั และยังมเี หตอุ ่นื อกี ทฐี่ านนั ดรกับตาํ แหน่งไมก่ ลมเกลยี ว
กนั ไปได้
“ฐานันดร” นน้ั สมควรแก่พระผู้ใหญ่
สว่ น “ตาํ แหนง่ ” นั้นสมควรแกพ่ ระผู้สามารถ
การท่ีมีการตั้งพิธีใหญ่โต ถวายหิรัณยบัฏ สุพรรณบัฏ ขนานนามว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้
สันนษิ ฐานวา่ ไมม่ ีใครเปน็ ธุระ ราษฎรจึงทํากันเอง เชน่ ในลงั กาวา่ งจากพระเจ้าแผน่ ดนิ มาช้านานแล้ว
กย็ ังมีใครสมมติช่อื พระเถระออกยาว เช่น พระปวรเนรตุ ตกิ าจรยิ มหาวิภาวิสภุ เู ถระ เปน็ ตวั อยา่ ง แต่น้ัน
ราษฎรหมู่อ่ืนก็เอาอย่าง ในบัดนี้ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นพระราชธุระ ต้ังแต่งพระภิกษุผู้ทรง
คณุ ธรรม ใหม้ ี สมณศกั ดฐิ์ านนั ดร และมหี นา้ ทปี่ กครองสงฆท์ เ่ี ปน็ ผนู้ อ้ ยกไ็ ดร้ บั ตงั้ แตง่ สบื กนั มาโดยลาํ ดบั
เราบวชไม่ได้หวังยศศักดิ์ก็จริง เมื่อจะโปรดให้เป็นหาได้คิดเบ่ียงบ่ายไม่ เราได้เคยปรารภว่า
ผตู้ งั้ ใจบวชจรงิ ๆ ดไู มน่ า่ จะรบั ยศศกั ด์ิ แตน่ า่ ประหลาดใจวา่ พระผไู้ มไ่ ดอ้ ยใู่ นยศศกั ดิ์ หรอื ยง่ิ พดู วา่ ไมใ่ ยดี
ในยศศกั ดิ์ เรายงั ไมแ่ ลเหน็ เปน็ หลกั พระศาสนาจนรปู เดยี ว จะหาเพยี งปฏบิ ตั นิ าํ ใหเ้ กดิ เลอื่ มใส เชน่ เจา้ คณุ
อาจารยข์ องเรา (พระจนั ทรโคจรคุณ (ย้มิ จนทรสํ )ี วดั มกุฏกษัตรยิ าราม) ใหไ้ ดก้ ่อนเถดิ พระผู้ทีเ่ รา
เลื่อมใสนับถือว่า เป็นหลักในพระศาสนาเป็นเครื่องอุ่นใจได้ เป็นผู้รับยศศักดิ์ท้ังน้ัน สมเด็จพระวันรัต
วดั โสมนสั วหิ าร ทแี่ ลเหน็ วา่ ไมม่ งุ่ ในทางโลกยี แ์ ลว้ ยงั ยอมอยใู่ นยศศกั ด์ิ เหตใุ หเ้ ปน็ อยา่ งน้ี นา่ จะมี ภายหลงั
เปน็ ผใู้ หญข่ น้ึ เอง แลว้ จงึ รวู้ า่ พระทเ่ี ราเลอ่ื มใสและนบั ถอื วา่ เปน็ หลกั ในพระศาสนานน้ั ยอ่ มจะเอาภารธรุ ะ
พระพุทธศาสนา เว้นจากความเห็นแก่ตัวเกินส่วน อันจะทํานุบํารุงพระศาสนา ท่ีสุดเพียงครองวัดหนึ่ง
ไม่ได้กำ�ลังแผ่นดินอุดหนน ทําไปไม่สะดวก ฝ่ายแผ่นดินเล่า ย่อมคอยสอดส่องอยู่เสมอ มีพระดีเป็นท่ี
เลอ่ื มใสและนบั ถือของมหาชนปรากฏขน้ึ ณ ท่ไี หนย่อมเอามาตง้ั ไวใ้ นยศศักด์ใิ หก้ าํ ลงั ทาํ การพระศาสนา
“ลักษณะพระที่ดีจริง ย่อมไม่อยากร่านเป็นนั่นเป็นน่ี เมื่อถึงคราวจะต้องเป็นเข้าจริง ไม่แสดง
พยศและเบย่ี งบ่าย พระผิดจากลักษณะน้ี เรากไ็ มเ่ ลื่อมใส”
เอกสารอ้างอิง
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส, “ฐานนั ดรของพระ”, พระมหาสมณานศุ าสน.์ กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ,
๒๕๕๖.
191
หอระฆังดา้ นหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวหิ าร ภายหลังแปลงเปน็ ซ้มุ พระพทุ ธรปู ทวารวดี
ที่อัญเชิญมาจากวัดตองปุ จังหวดั ลพบุรี เมือ่ ปี พ.ศ.๒๔๕๕
192
หลักการออกนาม
พระอารามหลวง
ปรากฏความในหนงั สือราชการของวัดบวรนิเวศวหิ าร เลขที่ ๖๑/๒๖๒ ลงวันที่ ๑ กันยายน
พุทธศักราช ๒๔๕๗ ความตอนหนง่ึ วา่
“วัดใหญ่มีกุฎีเป็นหมู่ ที่เรียกว่าคณะ อันพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง เช่นวัดพระเชตุพน เป็น
ราชวรมหาวิหาร
วัดไม่มีกฎุ ีหมเู่ ชน่ นั้น อนั พระเจา้ แผน่ ทรงสรา้ ง เชน่ วัดนี้ (วัดบวรนิเวศวิหาร) วดั ราชประดษิ ฐ์
วดั บรมนวิ าส เปนราชวรวหิ าร
วัดอันพระเจา้ แผน่ ดนิ มไิ ดท้ รงสร้าง เปนวรวิหาร เชน่ วัดพิชยญาติ
คำ�นี้ใช้เฉพาะในสัญญาบัตร ไม่ใช้ในที่อื่น ตัวอย่างเช่นวัดน้ี ในสัญญาบัตรว่า สถิตคณะวัด
บวรนเิ วศราชวรวิหาร แตเ่ รียกในที่อื่นว่า วัดบวรนเิ วศวหิ ารเทา่ น้นั
คำ�วา่ วิหารน้ัน เป็นชือ่ แท้ เม่ือเอาราชวรวิหารต่อ ตอ้ งตดั ออกเสยี ท่านเห็นในสญั ญาบตั รของ
ทา่ น นกึ วา่ เปน็ สร้อยเพ่มิ พระราชทาน หาถกู ไม่ วดั มสี รอ้ ยชอ่ื นัน้ เช่นวัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลาราม วดั
ราชประดิษฐส์ ถติ มหาสมี าราม วัดเบญจมบพิตรดสุ ิตวนาราม สรอ้ ยน้ีเฉพาะชอ่ื วัด
ส่วนคำ�วา่ ราชวรวิหาร ไม่เฉพาะแต่วดั บรมนิวาส วดั มกุฏกษัตรยิ ์ วดั เสนาสน์ แลวัดอ่ืนอีกอาจ
ใช้ได้ ถ้าจะยอมให้ใช้หมายชั้นดุจในสัญญาบัตรด้วย จะต้องเขียนช่ือวัดหลายอักษรนัก แม้ในราชการ
นอกจากสญั ญาบตั รกไ็ มไ่ ดใ้ ช้ ไมค่ วรจะรขิ น้ึ ดเู ปน็ ก�ำ เรบิ ตอ่ สรอ้ ยชอื่ พระอารามหลวงไดเ้ องตามชอบใจ
จะเกิดระแวงผิดขึ้น มีรบั สงั่ ใหส้ ง่ ใบแถลงการณ์วดั ไปแก้มาใหม่ แลห้ามขาดไม่ใหใ้ ช้สรอ้ ยเช่นนนั้ ๚”
193
พระอุโบสถวดั รงั ษสี ุทธาวาส ปัจจุบันคอื โบสถร์ ังษี วัดบวรนเิ วศวหิ าร
ภาพถ่ายหลงั จากปี พ.ศ.๒๕๐๑
194
รวมวัดรงั ษีสุทธาวาส
เม่ือวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๘ กรมสังฆการีมีแจ้งความว่า วัดรังษีสุทธาวาสต้ังอยู่
ใกล้วัดบวรนิเวศวิหาร ถูกวัดบวรนิเวศวิหารบีบ ย่อมร่วงโรย จำ�เริญไม่ได้ ท้ังวัดชำ�รุด ไม่มีกำ�ลังจะ
ปฏิสังขรณ์ ฝา่ ยวดั บวรนเิ วศวิหารถึงหนา้ เข้าพรรษามพี ระจำ�พรรษามาก หาทเ่ี ปน็ สถานประชุมในการ
เลา่ เรยี นของพระสงฆ์สามเณรไดย้ าก ศาลาก็เป็นทเ่ี ลา่ เรียนของเด็กเตม็ หมด ต้องอัดแอมาก ทางแก้ทีจ่ ะ
ให้สะดวกด้วยกันท้ังสองฝ่าย คือรวมวัดรังษีเข้าหาวัดบวรนิเวศวิหาร เช่นกรมศึกษาธิการรวมการเล่า
เรยี นอยู่บัดน้ี จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดใหร้ วมวัดรงั ษีสทุ ธาวาสเข้าหาวัดบวรนเิ วศวหิ าร และเรยี กช่อื รวม
เป็นวัดบวรนิเวศวหิ ารสืบไป ๚
เอกสารอ้างองิ
“ข่าวรวมวัดรังษีสุทธาวาสเข้าหาวัดบวรนิเวศวิหาร.” แถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๓. พระยาเมธาธิบดี รวบรวมโดยรับส่ังสมเดจพระมหา
สมณะ. ม.ป.ท., ๒๔๕๘.
195
ตกึ อรพินท์ุ
196
ตึกอรพนิ ทุ
ใน พ.ศ.๒๔๕๘ เม่อื รวมวัดรังษีสุทธาวาสเขา้ เปน็ วดั เดยี วกับวดั บวรนิเวศแลว้ สมเด็จพระมหา
สมณเจา้ ฯ โปรดใหส้ รา้ งกฎุ ใี นคณะรงั ษขี น้ึ เปน็ เสนาสนะเพม่ิ เตมิ ส�ำ หรบั พระสงฆท์ บี่ วชอยวู่ ดั บวรนเิ วศ แล
พระสงฆ์อาคนั ตุกะซึง่ มาแต่หัวเมอื งจะได้พกั อาศัย แลสร้างตกึ โรงเรยี นขนึ้ หลงั ๑ ในคณะรงั ษี ด้วยทนุ
ทพ่ี ระเจา้ พีน่ างเธอ พระองคเ์ จ้าอรพนิ ทุ์เพญ็ ภาคทรงบรจิ าค ทรงขนานนามวา่ “ตึกอรพนิ ท”์ุ แลในศกน้ี
สร้างตึกแถวริมถนนในทเ่ี ขตคณะรงั ษีด้วย
เอกสารอ้างอิง
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส และสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ. ต�ำ นานวดั บวรนเิ วศวหิ าร.
พิมพ์โดยพระบรมราชโองการในงานพระราชทานเพลิงศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้าฯ ทพี่ ระเมรุท้องสนามหลวง เม่ือ พ.ศ.๒๔๖๕. พระนคร :
โรงพมิ พ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๕๖๕.
197
พระรูปสมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟา้ ประชาธิปกศกั ดิเดชน์ กรมขนุ สโุ ขไทยธรรมราชา
เมื่อคร้ังทรงผนวชเปน็ พระภิกษุ พ.ศ.๒๔๖๐
198
เม่อื รชั กาลท่ี ๗
ทรงผนวช
...วันท่ี ๒๖ มิถนุ ายน (พ.ศ.๒๔๖๐),
เวลาบ่าย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนสุโขไทยธรรมราชาจะได้เสด็จประทับยัง
พระท่นี งั่ ดุสดิ าภิรมย์ เจ้าพนกั งานเจรญิ พระเกศาถวายแล้ว ทรงเครอ่ื งอย่างสมโภชทรงพระผนวช
เวลาเย็น เสด็จไปประทับยังพระท่ีนั่งอมรินทรวินิจฉัยเหนือเตียงทองภายใต้เพดานประดับด้วย
ดอกไม้สด ทา่ มกลางพระราชพธิ ีสมโภช
เวลาบา่ ย ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว (รัชกาลที่ ๖) จะได้เสด็จพระราชดำ�เนนิ ออก
ทางพระทวารเทวะราชมเหศร ประทับพระราชอาสน์ในพระท่นี งั่ อมรินทรวินจิ ฉยั แล้วจะไดโ้ ปรดเกล้าฯ
ให้พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช เจ้าพนักงานประโคมศังข์แตร ฆ้องไชย เคร่ืองดุริยดนตรี เม่ือ
ถ้วนเบญจวารแล้ว จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ หล่ังน้ำ�มหาศังข์ แลทรงเจิมพระราชทานสมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ซึ่งได้สมโภชแล้วเสด็จกลับเปลื้องเครื่องยังพระท่ีน่ังดุสิดาภิรมย์ พระบาท
สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ฯ ข้นึ ทางเดิม
สว่ นเพดานประดบั ดอกไมส้ ดนน้ั จะไดย้ ้ายไปแตง่ ทีอ่ าสนส์ งฆ์ซง่ึ เปน็ ท่ีทรงพระผนวช
วนั ที่ ๒๗ มิถุนายน,
เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ที่ได้สมโภชแล้วจะได้เสด็จประทับทรงเครื่องยัง
พระทน่ี ัง่ ดสุ ิดาภิรมย์
คร้ันถึงเวลาเช้า ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะได้เสด็จพระราชดำ�เนินแต่เกย
พระที่นั่งภาณุมาศจำ�รูญเป็นกระบวนราบ ไปประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องฝ่ายทิศตวันตกแห่งวัดพระ
ศรีรัตนศาสดาราม แล้วเจ้าพนักงานจะได้เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนสุโขไทย
ธรรมราชา ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ รงพระราชยานผกู ๘ เสดจ็ เปน็ กระบวนไปประทบั ณ พลบั พลา
ท่ีประทับ แล้วจะได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ เสด็จออกทีเ่ กย ทรงโปรยทาน เสรจ็ แลว้ พระบาทสมเดจ็
199
พระเจ้าอยหู่ วั เสด็จพระราชดำ�เนินจากพลับพลาโดยลาดพระบาทเขา้ ในวดั พระศรรี ตั นศาสดารามขึ้นยงั
พระอุโบสถ ทรงเคร่ืองนมสั การพระพทุ ธมหามณรี ัตนปฏมิ ากร
สว่ นสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมขนุ สโุ ขไทยธรรมราชาจะไดท้ รงพระเสลยี่ งพนกั งา เสดจ็
จากพลับพลาทรงโปรยทานเข้าในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับพระเสล่ียงทางช่องกำ�แพงแก้วด้าน
ตวันออกเฉียงเหนอื เสด็จเขา้ ในพระอุโบสถทรงเทียนนมสั การพระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏิมากรเสรจ็ แล้ว
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จะไดพ้ ระราชทานผา้ ไตรแกส่ มเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมขนุ
สโุ ขไทยธรรมราชา ๆ ไดร้ บั พระราชทาน ผา้ ไตรแลว้ เสดจ็ ไปประทบั ในทา่ มกลางสงฆสมาคมรวมพระสงฆ์
๓๐ รูป มีสมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระมหาสมณะเปน็ ประธาน สมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟา้ ซ่งึ จะไดท้ รงพระผนวชถวายเครือ่ งสักการแดส่ มเดจ็ พระมหาสมณะแลทรงขอ
บรรพชา สมเดจ็ พระมหาสมณะทรงรบั เปน็ พระอุปชั ฌาย์แล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟา้ ทจ่ี ะได้
ทรงพระผนวช เสดจ็ ออกมาเปลื้องเครอื่ ง ทรงผ้ากาสาวพัสตรอ์ ย่างบรรพชติ เจา้ พนักงานชาวประโคม
จะได้ประโคมสังข์แตรฆ้องไชยเคร่ืองดุริยดนตรี เม่ือได้ทรงผ้ากาสาวพัสตร์ตามบรรพชิตเพศแล้ว เสด็จ
เขา้ ไปทรงรบั สรณาคมแลทศศลี เสรจ็ แลว้ ทรงขอนสิ สยั ตอ่ สมเดจ็ พระมหาสมณะทรงถอื เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์
แลว้ ถวายเครอื่ งสกั การแกพ่ ระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ชนิ วรสริ วิ ฒั น์ ในล�ำ ดบั นนั้ พระสงฆจ์ ะไดท้ �ำ อปุ สมบท
กรรมประกาศยกสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าสามเณรเป็นพระภิกษุ กรมหม่ืนชินวรสิริวัฒน์จะได้
ทรงสวดกรรมวาจาญัติจตุถกรรม เสร็จแล้วสมเด็จพระมหาสมณะพระอุปัชฌาย์ ทรงบอกอนุสาสน์
เป็นเสร็จการทรงพระผนวชเปน็ พระภิกษุ
สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ พระภกิ ษใุ หม่ จะไดท้ รงถวายไตรผา้ สลบั แพรแกพ่ ระสงฆ์ ๓๐ รปู
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะได้ทรงประเคนอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์ ๒๐ รูป แบ่งไป
ฉันท่ีพระพุทธปราง ๑๐ รูป ส่วนสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าพระภิกษุใหม่ จะได้เสวยท่ีใน
พระอุโบสถ พระสงฆก์ ระทำ�ภตุ ตากฤตย์ (ภตั กิจ) เสร็จแล้ว กลับมาอาสนเดมิ ในพระอโุ บสถ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั จะได้ทรงประเคนเครือ่ งบรกิ ขารแก่สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ พระภิกษใุ หม่
เสร็จแล้วสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าพระภิกษุใหม่ เสด็จไปทรงรับผ้าของสมเด็จพระบรมราชินี
พระบรมราชชนนี พระพนั ปหี ลวง แลทรงรบั ดอกไมธ้ ปู เทยี นซง่ึ พระบรมวงศานวุ งศ์ แลขา้ ราชการฝา่ ยใน
ถวายทชี่ อ่ งพระฉากดา้ นใต้ แลว้ เสดจ็ มาประทบั รบั ดอกไมธ้ ปู เทยี นของพระบรมวงศานวุ งศแ์ ลขา้ ราชการ
ฝา่ ยนา่ ถวาย แลว้ พระสงฆจ์ ะถวายอนโุ มทนา ถวายอดเิ รก ถวายพระพรลา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
เสดจ็ ฯ กระบวนกลบั โดยทางเดมิ
ตอ่ นไี้ ปสมเดจ็ พระเจ้านอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้าพระภกิ ษุใหม่ยังประทับอยู่ในพระอโุ บสถ
ครน้ั เวลาบา่ ย พระสงฆ์ ๑๕ รปู มสี มเดจ็ พระมหาสมณะเปน็ ประธานกบั สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ
200
เจา้ ฟา้ พระภกิ ษใุ หมจ่ ะไดพ้ รอ้ มกนั ในพระอโุ บสถพระพทุ ธรตั นสถาน ถงึ เวลาบา่ ย ๔ โมง พระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ประทบั ในพระอโุ บสถพระพทุ ธรตั นสถาน ทรงเครอ่ื งนมสั การพระพทุ ธ
บุษยรัตนแลพระพุทธมณีรัตนปฏิมากรเสร็จแล้ว พระสงฆ์จะได้สันนิบาตกระทำ�ญัติจตุถกรรมเพ่ือเป็น
ทฬั หกิ รรม แดส่ มเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ พระภกิ ษใุ หมอ่ กี วาระหนงึ่ เสรจ็ แลว้ พระสงฆถ์ วายอดเิ รก
ถวายพระพรลา
ตอ่ นไี้ ปจะไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ สง่ สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ พระภกิ ษใุ หมย่ งั วดั บวรนเิ วศ
วหิ าร
ส่วนที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระมหาสมณะจะได้ทรงจัดการเป็นส่วนพระองค์ มีสวดมนต์
ข้นึ พระตำ�หนักปั้นหย่า ท่สี มเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟ้าพระภิกษใุ หม่จะได้ประทบั จนตลอดกาล
วนั ท่ี ๒๘ มิถุนายน, เวลาเชา้ จะได้เลยี้ งพระสงฆ์ซง่ึ ได้สวดมนตท์ พ่ี ระตําหนักปนั้ หยา่
เอกสารอา้ งอิง
หมายก�ำ หนดการทรงพระผนวช สมเดจ็ พระเจ้านอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้ากรมขุนสโุ ขไทยธรรมราชา เดอื นมิถนุ ายน พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๐.
201
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟ้าประชาธปิ กศักดิเดชน์ กรมขนุ สโุ ขไทยธรรมราชา
เมอ่ื คร้งั ทรงผนวชเปน็ พระภกิ ษุ ทรงฉายพระรปู รว่ มกบั พระภกิ ษุสามเณรวัดบวรนิเวศวิหาร
202
เรยี งความแกก ระทูธ รรม
ของทูลกระหมอมพระประชาธปิ กศกั ดิเดชน์
“การเรยี นธรรม ตอ้ งร้จู ักถือเอาความเข้าใจข้อธรรมนัน้ ๆ จึงจะสำ�เรจ็ ประโยชน์ เพราะธรรม
น้ัน สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงแสดงดว้ ยมีพระพทุ ธประสงคจ์ ะนำ�ผู้ฟงั ในทางใดทางหนึง่ แลทรงแสดง
โดยสมควรแกผ่ รู้ บั เทศนา เปน็ บรรพชติ ก็มี เปน็ คฤหสั ถก์ ็มี เป็นบรุ ษุ กม็ ี เปน็ สตรีกม็ ี เปน็ ผู้ได้เคยอบรม
มาแล้วก็มี ยงั ก็มี ผ้เู รียนจะต้องปฏบิ ัติใหถ้ ูกพระพุทธประสงค์ แลน้อมใหเ้ หมาะแก่ฐานะของตน จึงจะได้
ประโยชนแ์ ห่งการเรยี นการปฏบิ ัติ ฝ่ายผูจ้ ะแสดงธรรมสงั่ สอนผอู้ ื่น ยงิ่ ต้องการความรูน้ ี้มากขึน้ ไมเ่ ชน่
นั้น ไม่อาจแสดงธรรมให้เหมาะแกบ่ รษิ ทั เมอื่ เปน็ เช่นนี้ ไม่อาจปลกู ความยินดีในธรรมไวใ้ นเขา เหตนุ น้ั
การถือเอาความเข้าใจข้อธรรม จึงเป็นสำ�คัญในการเรียนธรรม พระสาวกผู้ชำ�นาญในทางน้ี ย่อมเป็น
กำ�ลังของสมเด็จพระบรมศาสดาในการแผ่พระพุทธศาสนา พระองค์ทรงสรรเสริญพระกัจจายนเถระว่า
เป็นเอตทัคคะ คอื เป็นยอดเยีย่ มแหง่ ภิกษุผู้รจู้ ักแจกข้อธรรมอนั ย่อไดโ้ ดยกว้างขวาง
เม่อื จัดการเรียนธรรมสำ�หรับภิกษุสามเณร จึงไดจ้ ัดความร้อู ยา่ งนไี้ วใ้ นหลกั สตู รอย่างหนึง่ ให้
เรียนโดยวิธีเรียงความแก้กระท้ธู รรม ท่ตี ้งั ใหผ้ ู้เรยี งน�ำ มาอ่านในที่ประชุมกรรมการ ใหก้ รรมการเลือกให้
รางวลั แกผ่ เู้ รยี งดี แลรบั ใบแกน้ น้ั ไวต้ รวจตอ่ ไป พบขอ้ บกพรอ่ งในทางธรรมกด็ ี ในทางภาษากด็ ี ใหแ้ นะน�ำ
ใหเ้ ข้าใจ
ทลู กระหมอ่ มพระประชาธปิ กศกั ดเิ ดชน์ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ กรมขนุ สโุ ขทยั ธรรมราชา ไดท้ รงศกึ ษาใน
ทางน้ี กรรมการเลือกเร่อื งท่ที รงแต่งวา่ เป็นดี ได้ทรงรบั รางวัลสามเรื่อง
อันผู้บวชสมควรจะแสวงหาบุญกุศลเปน็ ส่วนตน แลให้ส่วนบุญแกพ่ วกพ้องผขู้ วนขวายแลพลอย
ยนิ ดีในการบวช ทางท่ีจะท�ำ ก็คือเลา่ เรียนแลปฏบิ ัติสบื อายุพระพทุ ธศาสนา
ทูลกระหม่อมพระทรงผนวชด้วยพระบรมราชูปถัมภ์แห่งสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า
แลสมเดจ็ พระบรมราชชนนี แลดว้ ยความพลอยยนิ ดีของพระญาตวิ งศ์แลมิตรอมาตย์ ไดท้ รงเล่าเรยี นแล
ปฏิบัติพระศาสนาตามพระกำ�ลัง
บดั น้ีสมเดจ็ บรมบพติ รพระราชสมภารเจ้า ทรงพระปรารภจะฉลองทูลกระหมอ่ มพระ ข้าพเจ้า
จึงให้พิมพ์หนังสือแก้กระทู้ธรรมน้ีข้ึนเป็นของถวาย เป็นของแจก ประกอบกับการถวายพระราชกุศลแล
แผพ่ ระกุศลแกท่ ่านทง้ั หลายโดยสมควรแกส่ มยั
กรม - วชริ ญาณวโรรส
วดั บวรนเิ วศวหิ าร
วันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๐”
เอกสารอ้างองิ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. “ค�ำ นำ�.” เรียงความแกก้ ระทธู้ รรมของทูลกระหมอ่ มพระประชาธิปกศักดเิ ดชน์ สมเดจ็
เจ้าฟา้ กรมขุนสโุ ขทัยธรรมราชา.”
203
พระรปู สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ และ
สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ภายในกรอบรูปประดบั พระนาม
ฝพี ระหตั ถส์ มเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
( ท่มี า ชลทัต สขุ สำ�ราญ)
204
สถาปนาเปลีย่ นคำ�นำ�พระนามเป็น
“สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ”
มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า
เจา้ อยหู่ วั ใหป้ ระกาศทราบทว่ั กนั ดว้ ยทรงพระราชด�ำ รวิ า่ พระมหาสงั ฆปรนิ ายกปธานาธบิ ดแี หง่ สงฆมณฑล
ท่ัวพระราชอาณาจักร ซึ่งมีสมณศักด์ิว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ นั้น ได้มีนามอย่างสังเขปว่า
สมเดจ็ พระสงั ฆราช เปน็ ประเพณสี บื มา แตส่ ว่ นพระบรมราชวงศผ์ ไู้ ดร้ บั มหาสมณตุ มาภเิ ษกด�ำ รงสมณศกั ด์ิ
เชน่ น้ี หาได้เรียกวา่ สมเดจ็ พระสงั ฆราชไม่ ย่อมเรยี กพระนามไปตามพระอสิ ริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์
ไม่ปรากฎพระเกยี รตยิ ศในสว่ นทรงดำ�รงสมณศักดนิ์ ัน้ เลย
จงึ ทรงพระราชด�ำ รวิ า่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระอปุ ธั ยาจารย์
ได้ทรงรับมหาสมณุตมาภิเษกเป็นมหาสังฆปรินายกปธานาธิบดีสงฆ์ มาจนกาลบัดนี้ถึง ๑๐ พรรษา
ลว่ งแล้ว ทรงมคี ณุ ูปการในทางพุทธศาสนกจิ ย่ิงนกั พระองค์มพี ระชนมายุเจริญยิ่งข้นึ ลว่ ง ๖๐ พรรษา
ประจวบอภลิ กั ขติ สมยั ครบรอบวนั ประสตู ิ ทรงบ�ำ เพญ็ พระกศุ ลเฉลมิ พระชนั ษา สมควรจะสถาปนาพระนาม
ในส่วนสมณศักด์ิให้ปรากฎพระเกียรติยศยิ่งข้ึน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปล่ียนคำ�นำ�
พระนามเป็น สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส (มีสร้อยพระนามคงตามเดมิ ) เพ่ือ
เฉลิมพระเกียรติยศสบื ไปชวั่ กาลนาน
อนงึ่ เมอื่ ไดท้ รงสถาปนาสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ พระองคป์ จั จบุ นั ฉะนแ้ี ลว้ จงึ ทรงพระราชด�ำ รถิ งึ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปรมานุชติ ชิโนรส กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาปวเร
ศวริยาลงกรณ์ ผู้ได้ทรงรบั มหาสมณตุ มาภิเษกเป็นมหาสงั มปรนิ ายกปธานาธบิ ดสี งฆม์ าแต่อดีตกาล ก็มี
คุณูปการในทางพุทธศาสนกิจ ณ สมัยน้ันมาเป็นอย่างยิ่ง สมควรจะสถาปนาพระสมณศักดิ์ข้ึนไว้เช่น
เดียวกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนคำ�นำ�พระนามสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอท้ัง
สองพระองค์นนั้ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ตัง้ แตบ่ ัดน้สี บื ไปด้วย
พระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศไว้ ณ วนั ที่ ๑๒ เมษายน พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๔
เปน็ ปีท่ี ๑๒ ในรัชกาลปจั จุบนั น้ี
เอกสารอ้างองิ
“พระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า.” ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ท่ี ๓๘. ๑๒ เมษายน ๒๔๖๔, หนา้ ๑๐-๑๒.
205
พธิ กี ารฉลองพระรปู สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ๒ พระองคแ์ ลฉลองพระชนมายุ
สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
(ทมี่ า หอจดหมายเหตุแห่งชาต)ิ
206
การฉลองพระรปู
สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ๒ พระองคแ ล
ฉลองพระชนมายสุ มเดจ็ พระมหาสมณเจา
กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส
มพี ระบรมราชโองการด�ำ รสั เกลา้ ฯ สง่ั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์
พระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว ไดท้ รงพระราชด�ำ รพิ ร้อมดว้ ยสมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณ
วโรรส จะหลอ่ พระรปู สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ แต่การคร้ังนน้ั ยงั หาทนั
ส�ำ เรจ็ ไม่ ครน้ั ถงึ รชั กาลปจั จบุ นั นจ้ี งึ ไดท้ รงกระท�ำ ตามพระราชด�ำ รเิ ดมิ นนั้ จนส�ำ เรจ็ ทงั้ ไดท้ รงเปน็ ประมขุ
แหง่ พวกศษิ ยานศุ ษิ ย์ หลอ่ พระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสขนึ้ อกี พระรปู บดั นี้
พระรูปทัง้ สองพระองค์ไดส้ �ำ เร็จบริบรู ณ์แล้ว สมควรมกี ารฉลองแลประดษิ ฐาน ณ ที่อนั ควร
อนง่ึ ทรงพระราชดำ�รวิ า่ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิราณวโรรส พระอปุ ัธยาจารย์
เม่ือพระชนมายุบริบูรณ์ ๖๐ พรรษา เป็นคราวที่ไม่มีโอกาสสนองพระคุณให้มีงานพระราชกุศล
เปน็ การใหญไ่ ด้ มาบัดน้ีเปน็ โอกาสอนั ดที จ่ี ะไดฉ้ ลองพระพระรปู ทัง้ พระชนมายุสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า
พระอปุ ธั ยาจารยน์ นั้ ดว้ ย ใหเ้ ปน็ งานเนอ่ื งกนั ในคราวเดยี ว ซงึ่ ทรงกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ งี านเปน็ การหลวง
ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีกำ�หนดการดงั น้ี
วนั ท่ี ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๔ เจา้ พนกั งานไดต้ งั้ งานในพระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร เชญิ พระ
ไชยวฒั นป์ ระจ�ำ รชั กาลท่ี ๔ และรชั กาลปตั ยบุ นั มาประดษิ ฐานบนชน้ั แวน่ ฟา้ หมเู่ ครอื่ งบชู าหยอ่ มกลางพรอ้ ม
ทง้ั พระพทุ ธรปู ประจ�ำ พระชนมวารในสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณป์ ระดษิ ฐาน
อย่ใู นชนั้ หมหู่ ย่อมขวา พระพุทธรูปประจำ�พระชนมวารในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณ
วโรรสประดษิ ฐานอยบู่ นชนั้ หมหู่ ยอ่ มซา้ ย สว่ นพระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ทง้ั ๒ พระองคป์ ระดษิ ฐาน
ไว้บนพระแท่น ต้ังอยู่ในระหว่างเสาพระอุโบสถตรงแนวชั้นหมู่แว่นฟ้าเคร่ืองบูชาพระรูปสมเด็จพระ
มหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณอ์ ยเู่ บอื้ งตะวนั ออก พระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยา
วชริ ญาณวโรรสอยเู่ บอื้ งตะวนั ตก ประดบั ดว้ ยเครอ่ื งสกั การพรอ้ ม แลศาลาหนา้ พระอโุ บสถดา้ นตะวนั ออก
จัดเป็นพลับพลาพระบรมวงศานุวงศ์ประทับ ด้านตะวันตกเป็นที่พักข้าราชการ ส่วนการตกแต่งสถานที่
207
พระอารามนน้ั พระราชาคณะสงฆท์ กุ คณะวดั ตา่ ง ๆ ไดจ้ ดั แตง่ ตง้ั ซมุ้ ทป่ี ระตพู ระอารามแลแตง่ สถานทต่ี า่ ง ๆ
ทง้ั แตง่ เขามอในพระอารามลว้ นมเี ครอ่ื งตง้ั เครอ่ื งกลตา่ ง ๆ แลหอ้ ยพวงดอกไมส้ ดรอ้ ยกรองอยา่ งปราณตี
งดงามน่าชมยิ่งนกั
ครน้ั เวลา ๕ ล.ท. (หลังเทีย่ ง) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสดจ็ ออก
ประทบั พลบั พลา ประทานเหรยี ญพระรปู ทรี่ ะฦกในงานแกพ่ ระบรมวงศานวุ งศฝ์ า่ ยหนา้ ฝา่ ยในแลขา้ ราชการ
ครนั้ เวลา ๖.๐๐ ล.ท. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว เสด็จพระราชด�ำ เนินโดยรถยนต์พระท่นี ั่ง
แต่พระราชวงั ดสุ ติ ยงั วัดบวรนิเวศวิหารประทบั ณ พระตำ�หนักเพช็ ร ถวายน้ำ�สรงปีใหมแ่ ดส่ มเด็จพระ
มหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระอปุ ธั ยาจารยแ์ ลว้ เสด็จในพระอุโบสถทรงจดุ เทยี นพาน
มหาดเล็กเชิญตามเสด็จมาบูชาพระพุทธชินสีห์แลพระนิรันตราย แล้วทรงจุดเทียนทองเงินเครื่องถวาย
สักการที่พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ แลที่พระรูปสมเด็จพระมหา
สมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แล้วทรงประเคนไตรยามพัดแก่พระสงฆ์ท่ีจักเจริญพระพุทธมนต์
๔๒ รูป เท่าจำ�นวนพรรษา สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ครองพระอาราม
แลท้ังเท่าจำ�นวนพรรษาที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงผนวชน้ันด้วย
พระสงฆ์ออกไปครองผ้าไตรกลับเข้ามานั่งท่ีอาสน์มีพระพิมลธรรม (หม่อมราชวงศ์เจริญ าณฉนฺโท)
เป็นประธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีลแล้ว พระสงฆ์เจริญ
พระพุทธมนต์จบ ถวายอติเรกเสร็จ เสด็จออกจากพระอุโบสถยังพระตําหนักเพ็ชร ประทับเสวยพร้อม
ดว้ ยพระบรมวงศานุวงศ์ สว่ นข้าราชการทไ่ี ด้รบั พระราชทานเล้ียงด้วย เมื่อเสวยแลเล้ียงแลว้ เสด็จออก
ประทบั พลบั พลาทอดพระเนตรโขนหลวง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาเล่นในงานน้ี พอสมควรแก่
เวลาเสด็จพระราชดำ�เนินกลับพระราชวงั ดสุ ิต
วนั ท่ี ๑๒ เมษายน เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาทีก่อนเทยี่ ง สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า เสด็จลง
ในพระอโุ บสถทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การ พระสงฆ์ ๔๒ รปู ถวายพรพระแลว้ ไปรบั พระราชทานฉนั ทพี่ ระ
ตําหนกั เพช็ ร เมื่อฉันแล้วกลับยงั ในพระอุโบสถ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าทรงประเคนใบวตั ถปุ จั จัยเคร่อื ง
ไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาเสร็จ
ในวันนี้ เวลาเย็นบรรพชิตฝ่ายอานัมแลจีนได้ตั้งพิธีสวดนวเคราะห์ตามวิธีกงเต็กที่ศาลา
การเปรียญ แลเจ้าพนักงานได้ต้ังเคร่ืองนมัสการเคร่ืองแก้ว พระแท่นทรงกราบสำ�หรับสมเด็จพระมหา
สมณเจ้าในพระอโุ บสถอกี เครือ่ งหนงึ่
เวลา ๗.๐๐ ล.ท. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า เสด็จยังพระอุโบสถ ทรงประเคนไตรย่ามพัด
แก่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ๖๒ รูปเท่าจำ�นวนพระชันษาปีนี้ พระสงฆ์ออกไปครองผ้าไตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำ�เนินโดยรถพระท่ีน่ังยนต์ยังวัดบวรนิเวศวิหารประทับใน
พระอุโบสถ ทรงจุดเทียนบูชาพระพุทธชินสีห์แลเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์ ๖๒ รูปครองผ้าไตร
208
เสรจ็ กลับเขา้ มานง่ั ทีอ่ าสนใ์ นพระอโุ บสถ ๕๓ รูป มีพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ชินวรสิรวิ ฒั นเ์ ป็นประธาน
ไปเจริญพระพุทธมนต์ในวิหารพระศาสดา ๙ รูป รวม ๖๒ รูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงจดุ เทยี นทองเงนิ ทพ่ี ระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ทพ่ี ระรปู สมเดจ็ พระ
มหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสแลว้ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ทรงจดุ เทยี นเครอ่ื งนมสั การเสรจ็
พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ส่วนที่พระตำ�หนักเดิมจะได้สวดพุทธาภิเษกในห้องบรรทมจนตลอดคืน
เม่ือพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าเสด็จข้ึนพระแท่นสรง ประทับเหนือตั่ง
ผันพระพักตร์สู่มงคลทิศประจิมสรงนำ้�พระพุทธมนต์ พระสงฆ์ในพระอุโบสถสวดชัยมงคลคาถา
ชาวประโคมประโคมสังข์แตรฆ้องชัยเคร่ืองดุริยดนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายน้ำ�สรงด้วย
พระเต้าแลพระมหาสังข์แล้ว พราหมณ์ได้ถวายน้ำ�สังข์ต่อไป เมื่อเสร็จการสรงแล้ว สมเด็จพระมหา
สมณเจา้ ถวายพระรปู จ�ำ ลอง แลสมดุ อษั ฐกถาพระสตุ ตนั ตปฎิ กทท่ี รงสรา้ งแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
พระราชาคณะถวายอตเิ รกเสรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประทบั เสวยทพ่ี ระต�ำ หนกั เพช็ รพรอ้ ม
ดว้ ยพระบรมวงศานวุ งศ์ สว่ นขา้ ราชการทไี่ ดร้ บั พระราชทานเลย้ี งดว้ ยเหมอื นวนั กอ่ น เมอื่ เสวยแลเลย้ี งแลว้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพลับพลาทอดพระเนตร ละครหลวงเหมือนคืนก่อน พอได้เวลา
สมควรเสด็จพระราชด�ำ เนนิ กลับพระราชวงั ดสุ ติ
วนั ที่ ๑๓ เมษายน เวลา ๑๐ นาฬกิ า ๓๐ นาทกี อ่ นเทย่ี ง สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ เสดจ็ ลงในพระ
อโุ บสถ ทรงจุดเทยี นเคร่อื งนมสั การ พระสงฆ์ถวายพรพระแล้วไปรบั พระราชทานฉันทีพ่ ระตำ�หนักเพช็ ร
เมอ่ื ฉนั เสรจ็ กลบั ไปรบั ทรงประเคนใบวตั ถปุ จั จยั ไทยธรรมในพระอโุ บสถ พระสงฆถ์ วายยถาอนโุ มทนาเสรจ็
เวลา ๔.๐๐ ล.ท. สมเด็จพระมหาสมณเจ้าเสด็จลงพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเคร่ืองนมัสการ
ทรงธรรม พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจรญิ าณวโร) แสดงพระธรรมเทศนาถวายกณั ฑ์ ๑ จบ ถวายยถา
พระรบั สพั พี ๔ รูปรับสัพพแี ลว้ ทรงประเคนเครือ่ งใบวัดถปุ จั จยั เครือ่ งไทยธรรมกณั ฑเ์ ทศน์เสรจ็ เสดจ็
ทรงรับคำ�ถวายพรของพระสงฆ์ที่พระตำ�หนักเพ็ชร เจ้าพนักงานได้ตั้งบายศรีเครื่องเวียนเทียนสมโภช
พระพุทธชินสีห์แลดวงพระชาตา พระสุพรรณบัฏสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เสร็จแล้วเปน็ เสร็จการ
เอกสารอา้ งอิง
“การฉลองพระรูปสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า ๒ พระองคแ์ ลฉลองพระชนมายสุ มเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส.” ราชกจิ จา
นุเบกษา เลม่ ท่ี ๓๘. ๒๔ เมษายน ๒๔๖๔, หนา้ ๑๙๐ – ๑๙๖.
209
พระโกศทองใหญ่ทรงพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
ประดษิ ฐานภายในต�ำ หนักเพ็ชร วดั บวรนเิ วศวหิ าร
210
ราตรสี ดุ ทา ย
ของสมเดจ็ พระมหาสมณเจาฯ
จากบันทึกของพระยาสัจจาภิรมย์ในหนังสือ "เล่าให้ลูกฟัง" ได้กล่าวถึงห้วงเหตุการณ์ในเบ้ือง
ปลายพระชนม์ชีพของสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสไว้ ความตอนหน่งึ ว่า
...ตอนน้ีถงึ คราวทพี่ ่อ (พระยาสัจจาภิรมย)์ จะเลือกอปุ ัชฌาย์ นกึ ขนึ้ ได้ว่าเมือ่ คราวพ่อรบั เสด็จ
สมเด็จพระมหาสังฆราชเจา้ (กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) เสด็จตรวจราชการคณะสงฆจ์ งั หวดั ราชบุรี
ท่านเคยรับสัง่ ถามพอ่ ว่า “บวชแล้วหรือ”
พ่อกราบทลู วา่ “ยงั ”
ท่านรับสงั่ วา่ “ถา้ แกบวช เราจะบวชให”้
พอ่ ก็เข้ามากรงุ เทพฯ ไปทีว่ ดั บวรนิเวศ กท็ ราบว่าทา่ นทรงประชวรมากอยู่ พ่อกไ็ ปพบเจา้ คณุ
มหานายก ท่านบอกว่า “สมเด็จฯ จะน่ังอุปสมบทให้ไม่ได้ แต่ท่านจะให้พ่อบวชวัดบวรนิเวศ โดยให้
พระญาณวราภรณ์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเดย๋ี วน้ี กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ (แตเ่ วลานน้ั ยงั ไมไ่ ดเ้ ปน็ สงั ฆราช)
เปน็ อุปัชฌายบ์ วชให้”
พอ่ เรยี นแกท่ ่านว่า “พ่อไมเ่ คยร้จู ักกบั ท่านเลย เม่อื สมเด็จฯ ทรงประชวรเช่นนี้ พ่อขอตรึกตรอง
เลอื กอปุ ชั ฌายเ์ อาเอง” เพราะการเปน็ อปุ ชั ฌายน์ ้ี ไมใ่ ชถ่ อื เพยี งวา่ ใหส้ �ำ เรจ็ การอปุ สมบทเทา่ นน้ั พอ่ จะตอ้ ง
นบั ถอื ท่านตลอดชีวิต
ฉะนนั้ จะตอ้ งหาอปุ ชั ฌายท์ พี่ อ่ รวู้ า่ ทรงคณุ ธรรมดจี รงิ ๆ จงึ จะยอมตวั ใหบ้ วชได้ เจา้ คณุ มหานายก
กเ็ อออวยตาม แลว้ พ่อกล็ ากลับ
ต่อมาตกลงใจเลือกได้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (คร้ังนั้นเป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์) เป็น
อุปชั ฌาย์ ไดอ้ ุปสมบททว่ี ัดเทพศริ นิ ทราวาส เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๔ ขณะทีบ่ วชอยไู่ ด้
ประมาณสกั เดอื นเศษ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ องคส์ งั ฆนายก ก�ำ ลงั ประชวรคอ่ นขา้ งหนกั มาก จะทรงทราบ
ทางใดวา่ พ่อบวชอยู่ไมท่ ราบ จงึ รบั สั่งมาทางเจ้าคุณอุปัชฌายใ์ หห้ าพ่อ
211
พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจรญิ าณวโร) วัดเทพศริ ินทราวาส
ภายหลังด�ำ รงสมณศกั ดิท์ ่ี สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์
พระภกิ ษพุ ระยาสจั จาภริ มย์ (สรวง ศรเี พญ็ )
212
ครน้ั เวลาเกอื บ ๑ ทุม่ พอ่ กไ็ ปเฝา้ พร้อมกบั เจา้ คุณอปุ ชั ฌาย์ เวลานัน้ เปน็ เวลาประชวรหนกั อยู่
มพี ระมหาเถระผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ยมาคอยเฝา้ ฟงั พระอาการอยทู่ ต่ี �ำ หนกั เพช็ รไปนานมาก สว่ นสมเดจ็ ฯ ประชวร
อยตู่ �ำ หนกั จนั ทร์ ต�ำ หนกั ทงั้ ๒ นต้ี ง้ั อยตู่ ดิ ๆ กนั ถา้ ไมม่ รี บั สงั่ ใหเ้ ฝา้ แลว้ ขอ้ หา้ มไมใ่ หใ้ ครเขา้ เฝา้ เจา้ คณุ
อุปัชฌาย์ของพ่อบอกพระสงฆ์ซึ่งเป็นเลขานุการของสมเด็จพระมหาสังฆราชว่า “สมเด็จฯ รับสั่งให้หา
พระพระยาสจั จาภริ มยฯ์ ท่านน�ำ มาคอยเฝา้ อยู่แลว้ ”
เมอื่ พระเลขานกุ ารไปกราบทลู พระองคท์ า่ น ทา่ นกโ็ ปรดใหเ้ ขา้ เฝา้ ได้ เจา้ คณุ อปุ ชั ฌายไ์ ปขา้ งหนา้
พ่อตามหลัง ถึงที่ในห้องพระบรรทม พ่อคลานเข้าไปได้ระยะพอควร พ่อก็นั่งกระโหย่งกราบด้วย
เบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้งแล้วหมอบสงบอยู่ เจ้าคุณอุปัชฌาย์เข้าไปน่ังใกล้พระองค์ท่าน รับสั่งอะไร
กนั บ้าง พอ่ จำ�ไม่ได้ เหน็ ทา่ นรับส่ังให้เจ้าคุณมหานายกประคองท่านพลกิ ตะแคงซา้ ย ท่านทอดพระเนตร
เหน็ พอ่ แลว้ ยกพระหตั ถก์ วกั พอ่ กค็ ลานเขา้ ไปใกลพ้ ระวสิ ตู รเบอื้ งปลายพระบาทแลว้ หยดุ พระองคท์ า่ นยงั
กวักพระหัตถ์อยู่อีก พ่อก็คลานเข้าไปจนเข้าในร่วมพระวิสูตรแล้วก็หมอบนิ่งอยู่ใกล้กับพระบาทท่านราว
๒ ศอกเทา่ นั้น แล้วทรงรับสง่ั ว่า “เราร้วู า่ แกบวช เราต้งั ใจจะบวชให้ แตเ่ ราบวชใหไ้ มไ่ ด้ กใ็ หน้ ึกวติ กว่า
แกจะไปบวชรุม่ ร่ามทอ่ี นื่ ครนั้ รู้วา่ อยู่กับธรรมไตรโลก ก็คลายวติ ก”
พ่อมิได้ทูลตอบ เป็นแต่กราบลง แล้วพระองค์ท่านก็รับสั่งประทานโอวาทแก่พ่อถึงข้อปฏิบัติใน
ทางศาสนาอีกหลายองค์ พ่อจำ�ไม่ได้ ตอนสุดแห่งพระดำ�รัสก็สั่งเจ้าคุณมหานายกให้เอาหนังสือเรียน
ธรรมวินยั ชุดหนงึ่ ประทานแกพ่ อ่ ส่วนพอ่ นน้ั ตงั้ แตเ่ ขา้ เฝา้ จนทูลลา ไม่ไดพ้ ดู อะไรสักคำ� ได้แต่กราบรบั
กระแสรับสั่งเปน็ หลายหน
พอ่ ได้เห็นพระวรกายเวลานี้เสมอพระตโจ (หนงั ) หมุ้ พระอฐั ิ (กระดูก) หลงั พระหัตถ์เบ้อื งขวา
พาดอยบู่ นขอบพระแทน่ บรรทม บวมใสเปน็ เงา พอ่ นกึ วา่ คงจะสนิ้ พระชนมใ์ นเรว็ วนั นี้ แตพ่ ระกระแสรบั สงั่
ยังสดใสชดั เจน ทงั้ พระสติกย็ งั ดียิ่ง
เมอ่ื เจา้ คณุ อปุ ชั ฌายแ์ ละพอ่ ไดเ้ ขา้ เฝา้ สมควรแกเ่ วลาแลว้ กก็ ราบถวายบงั คมลาจากทเี่ ฝา้ ตอ่ มา
รงุ่ ขน้ึ อีกวนั เดียว จะเป็นเวลาเทา่ ใดจำ�ไม่ได้ พอ่ ก็ทราบวา่ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส มหาสงั ฆปรณิ ายก ส้ินพระชนม์เสยี แล้ว พ่อไดร้ ะลึกถงึ พระกรณุ าธคิ ณุ ต้งั แตค่ รัง้ เสดจ็ ตรวจการ
คณะสงฆม์ ณฑลราชบรุ ี ซง่ึ ไดป้ ระทานเหรยี ญสมณตุ ตมาภเิ ษก และเหรยี ญอรยิ สจั และพระรปู ขนาดใหญ่
แกพ่ อ่ ทสี่ ดุ จนกอ่ นวนั สนิ้ พระชนมเ์ พยี งวนั เดยี วยงั ประทานปจั ฉมิ โอวาทและประธานหนงั สอื ธรรมะชดุ หนงึ่
แกพ่ ่ออกี ด้วย
ท้งั น้ี ท�ำ ให้พ่อมีความอาลัยในพระองคท์ ่านเปน็ อย่างมาก...
เอกสารอ้างองิ
พระยาสจั จาภิรมย์ อุดมราชภักดี (สรวง สรีเพ็ญ). เลา่ ให้ลูกฟัง. กรุงเทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๕๗.
213
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำ เนนิ ในการบ�ำ เพญ็ พระราชกุศล
ออกพระเมรุ ณ ต�ำ หนักเพช็ ร วดั บวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๔๖๕
(ท่มี า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
214
ประดษิ ฐานพระศพ
ณ ตำ�หนักเพ็ชร
ด้วยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ประชวรเป็นพระวัณโรคภายในมา
ช้านาน แพทยไ์ ด้ประกอบพระโอสถถวายประคับประคองโดยเตม็ ก�ำ ลงั เปน็ ลำ�ดบั มา พระอาการทรงบ้าง
ทรดุ บ้างหาคลายไม่ ตอ่ มาถงึ วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๔ พระอาการกำ�เรบิ มากขน้ึ
ครั้นถึงวนั ที่ ๒ สิงหาคม พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๔ เวลา ๔ นาฬิกา ๓๕ นาที ก่อนเท่ยี งสนิ้ พระชนม์
พระชันษานับปีได้ ๖๒ ปี เจ้าพนักงานได้เตรียมการแลที่จะสรงน้ำ�พระศพไว้พร้อมสรรพ เวลาบ่าย
พระบรมวงศานุวงศข์ ้าราชการแต่งเตม็ ยศขาว ประดับเครอื่ งราชอิสริยาภรณม์ าคอยเฝา้ รับเสด็จ
เวลา ๔ นาฬิกาหลังเท่ียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องพระภูษาขาว เสด็จ
พระราชด�ำ เนนิ โดยรถไฟพเิ ศษแตพ่ ระราชวงั บางปะอนิ แลทรงรถพระทนี่ ง่ั ยนตย์ งั วดั บวรนเิ วศวหิ าร เวลา
๕ นาฬกิ ากง่ึ หลงั เทยี่ ง เสดจ็ ขนึ้ ต�ำ หนกั จนั ทรถ์ วายน�้ำ สรงพระศพ เจา้ พนกั งานประโคมแตรสงั ขก์ ลองชนะ
จ่าป่ีจ่ากลอง พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ได้ขึ้นถวายนำ้�สรงพระศพต่อไป
แล้วเจ้าพนักงานได้ทรงเคร่ืองบรรจุกรรมพระศพเสร็จเชิญลงลองใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
สวมพระชฎาแลว้ เสดจ็ ประทบั พระต�ำ หนักเพช็ ร ตำ�รวจหลวงรักษาพระองค์เชิญพระศพลงสู่พระเสลี่ยง
แวน่ ฟา้ แตพ่ ระต�ำ หนกั จนั ทรม์ าขึน้ ประดษิ ฐานบนแวน่ ฟา้ ๓ ชัน้ มีฐานเขยี งรองภายใตเ้ ศวตฉัตร ๕ ชน้ั
หอ้ ย ณ พระตําหนักเพ็ชรประกอบพระโกศทองน้อย แวดลอ้ มดว้ ยเครอ่ื งสงู เสร็จแลว้ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หวั ทรงจดุ เทยี นเคร่ืองนมสั การพระแลว้ ทรงทอดไตร ๒๐ ไตร ผ้าขาว ๓๐ พับ พระสงฆ์
สดับปกรณ์ มีพระพมิ ลธรรมเป็นประธานสดับปกรณ์แลถวายอนุโมทนา พระราชาคณะถวายอตเิ รกเสรจ็
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนบูชาพระธรรมที่หน้าเตียงพระสวด แลโปรดให้มีพระสงฆ์สวด
พระอภิธรรม ท้ังกลางวันกลางคืนรับพระราชทานฉันเช้า ๘ รูป เพล ๘ รูป กับประโคมกลองชนะ
จ่าปีจ่ า่ กลองมีกําหนดเดือน ๑ เวลา ๗ นาฬกิ าหลงั เทยี่ ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวเสด็จออกจาก
วัดบวรนเิ วศวหิ าร ประทบั รถพระท่นี ั่งแล้วเสดจ็ พระราชดำ�เนินกลบั โดยรถพเิ ศษสู่พระราชวงั บางปะอิน
เอกสารอ้างอิง
“ข่าวส้ินพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส.” ราชกิจจานุเบกษา เล่มท่ี ๓๘. ๗ สิงหาคม ๒๔๖๔,
หน้า ๑๒๓๙ – ๑๒๔๑.
215
กระบวนแหพ่ ระศพสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสเวยี นพระเมรุ
เมื่อวันท่ี ๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
(ทม่ี า หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ)
216
ถวายพระเพลงิ
วนั อาทติ ย์ท่ี ๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
วนั นี้ เวลา ๔.๐๐ ล.ท. (หลังเทย่ี ง) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เสดจ็ พระราชด�ำ เนินประทับ
พระทนี่ ง่ั ทรงธรรม ทอ้ งสนามหลวง โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ดนิ กระบวนแหพ่ ระศพเขา้ สพู่ ระเมรุ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศานุวงศ์เสด็จตามพระศพเวียนพระเมรุ แล้วเจ้าพนักงานเชิญพระศพขึ้น
ประดษิ ฐานยังพระจติ กาธาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวทรงธรรม ซง่ึ พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ กรมหม่นื ชินวรสริ วิ ัฒน์ สมเดจ็
พระสังฆราชเจ้าทรงแสดงถวายกณั ฑ์ ๑ จบแลว้ พระสงฆ์ ๓๐ รูปสวดศราทธพรต แลว้ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนไทยธรรมกัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ท้ังน้ันสดับปกรณ์เสร็จแล้ว
เสดจ็ ขนึ้ สพู่ ระเมรุ พระราชทานเพลงิ แลว้ เสดจ็ ฯ ประทบั พระทนี่ ง่ั ทรงธรรม พระบรมวงศานวุ งศข์ นึ้ ถวาย
พระเพลิง แล้วผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ พระสงฆ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทขึ้นถวายพระเพลิงต่อไป
ได้เวลาสมควรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวเสดจ็ ฯ กลบั
เอกสารอา้ งองิ
“ข่าวในพระราชส�ำ นกั .” ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ท่ี ๓๙. ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๑-๑๒๔.
217
พระโกศพระอฐั ิ พระเจดยี ์โมราบรรจพุ ระอัฐกิ ับผอบพระองั คาร
ประดษิ ฐาน ณ ตำ�หนักเพ็ชร วดั บวรนเิ วศวหิ าร วนั ที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
(ทมี่ า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ)
218
พระราชพธิ ี
บ�ำ เพญ็ พระราชกุศลพระอัฐิ
วนั จนั ทรท์ ี่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
วนั นี้ เวลาเชา้ เจา้ พนกั งานภษู ามาลาดบั พระเพลงิ ประมวลพระอฐั ิ ถวายคลมุ ไว้ เวลา ๗.๐๐ ก.ท.
(ก่อนเท่ียง) พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวเสด็จพระราชดำ�เนินยังพระเมรุ พระราชทานน�้ำ พระสคุ นธส์ รง
พระอฐั ิ เจา้ พนักงานแจงและแปรพระรปู แล้วโปรดเกล้าฯ ใหข้ า้ ราชการซง่ึ เป็นราชตระกลู แลราชนิกลู
เดนิ สามหาบ ๒ ส�ำ รบั รวม ๖ หาบ เวยี นพระเมรโุ ดยอตุ ราวฏั ๓ รอบ แลว้ ทรงทอดไตรแพร พระราชาคณะ
๖ รปู สดบั ปกรณ์ ทรงเกบ็ พระอฐั ปิ ระมวลลงพระโกศทองลงยาและพระเจดยี โ์ มรา แลว้ เจา้ พนกั งานเชญิ
พระโกศทองลงยาจากพระเมรขุ นึ้ ประดิษฐานในบษุ บก ณ พระทน่ี งั่ ทรงธรรม
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ฯ จากพระเมรยุ งั พระทนี่ ง่ั ทรงธรรม ทรงบ�ำ เพญ็ พระราชกศุ ล
ตามราชประเพณี แล้วเจ้าพนักงานเชิญพระโกศพระอัฐิ พระเจดีย์โมราบรรจุพระอัฐิกับผอบพระอังคาร
ข้ึนรถม้าตั้งเป็นกระบวนไปยงั วัดบวรนเิ วศวิหาร
เวลาบา่ ย พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชด�ำ เนนิ ยงั ต�ำ หนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร
พระสงฆส์ วดพระพุทธมนต์ แล้วพระพนิ ิตพนิ ยั (ชั้น กมาธิโก) วดั มกฏุ กษัตริย์ ถวายพระธรรมเทศนา
กัณฑ์ ๑ จบแลว้ พระสงฆส์ ดบั ปกรณ์ เสร็จแลว้ เสด็จฯ กลบั
เอกสารอา้ งองิ
“ข่าวในพระราชส�ำ นกั .” ราชกจิ จานเุ บกษา เล่มที่ ๓๙. ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หน้า ๑๒๑-๑๒๔.
219
พธิ ที รงบรรจพุ ระองั คาร ณ พระไสยา วหิ ารพระศาสดา วดั บวรนเิ วศวหิ าร
วันท่ี ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
(ที่มา หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
220
พระองั คาร
ณ ฐานพระไสยา
วันองั คารที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๕
วนั น้ี เวลาบ่าย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวเสด็จพระราชดำ�เนนิ ยงั ต�ำ หนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศ
วิหาร ทรงกระทำ�สักการพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์
แล้วโปรดเกล้าฯ ให้เชิญผอบพระอังคารข้ึนเสล่ียงไปหลังวิหารพระศาสดา ทรงบรรจุพระอังคารเข้าใน
ฐานพระพุทธไสยาสน์ มปี ระโคมกลองชนะสงั ข์แตร แล้วทรงเคร่อื งสักการะ เสรจ็ แล้วเสด็จฯ กลับ
เอกสารอ้างอิง
“ข่าวในพระราชส�ำ นัก.” ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ที่ ๓๙. ๑๖ เมษายน ๒๔๖๕, หนา้ ๑๒๑-๑๒๔.
221
สมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
ประสตู ิ วนั ๖ ๗ฯ ๑๒ ค�่ำ ปีวอกจตั วาศก ๑๒๓๔
(วนั ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๑๕)
ทรงอุปสมบท วัน ๒ ๓ฯ ๘ คำ่� ปีมะโรงจตั วาศก ๑๒๕๔
(วันที่ ๒๗ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๔๓๕)
พระสมณฉายา
ครองวัด สุจิตตฺ
สถาปนาทพี่ ระสงั ฆราช ปีระกาตรีศก ๑๒๘๓
(พ.ศ.๒๔๖๔)
สถาปนาข้นึ เปน็
สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวง วนั ๔ ๔ฯ ๒ ค�ำ่ ปวี อกฉศก ๑๓๐๖
(วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๘)
สิ้นพระชนม์
วัน ๕ ๓ฯ ๑ ค่ำ� ปวี อกอัฐศก ๑๓๑๘
(วันท่ี ๒๐ ธนั วาคม พ.ศ.๒๔๙๙)
วนั ๓ ๑ฯ๔ ๑๑ ค่ำ� ปีจอสัมฤทธิศก ๑๓๒๐
(วันที่ ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๐๑)
สจุ ิตตสมัย
223
ตึกมนุษยนาควิทยาทาน
(ท่มี า หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต)ิ
224
มนษุ ยนาควทิ ยาทาน
...เม่อื สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ไดส้ น้ิ พระชนมแ์ ลว้ ใหม่ ๆ มบี รรดา
ศษิ ยานศุ ษิ ยแ์ ละผมู้ คี วามเคารพนบั ถอื ในพระองคท์ า่ น ทงั้ บรรพชติ คฤหสั ถเ์ ปน็ อนั มาก ปรารถนาจะรว่ มกนั
บำ�เพ็ญกุศลถวายสนองพระเดชพระคุณเป็นส่วนกุศลถาวรวัตถุ เพ่ือเป็นอนุสาวรีย์เฉลิมพระเกียรติคุณ
ยืดยาวไปช่ัวกาลนาน เม่ือความน้ีทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทก็ทรงโสมนัสอนุโมทนาในกุศลราศีอันน้ี
และมพี ระราชประสงคจ์ ะทรงบำ�เพญ็ พระราชกุศลรว่ มดว้ ย จึงทรงพระกรณุ าโปรดพระราชทานพระบรม
ราชูปถัมภ์ในการบำ�เพ็ญกุศลน้ีทุกอย่าง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้า (สมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา) รับหน้าท่ีเป็นผู้อำ�นวยการ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ
กรมพระจนั ทบุรีนฤนาถ ทรงรับหนา้ ท่ีเปน็ เหรญั ญกิ
การสรา้ งถาวรวตั ถนุ ้ัน ข้าพระพทุ ธเจ้าได้รับพระราชทานหารือกัน ตกลงเป็นอนั ใหส้ ร้างสถาน
ศึกษาหลังใหญข่ น้ึ หลงั หนง่ึ ท่ีคณะรังษี วัดบวรนเิ วศวหิ าร สว่ นการกอ่ สร้างนั้นมอบถวายพระเทพกวีเป็น
ผอู้ �ำ นวยการ สว่ นการออกแบบนน้ั ไดม้ อบใหก้ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดใ้ หอ้ �ำ มาตยต์ รี
หลวงสาโรชรัตนนิมมานก์ อาจารย์คำ�นวณออกแบบของกระทรวงศึกษาธิการเป็นสถาปนิก ออกแบบ
อนุโลมตามที่ได้ตกลงกัน และวางห้องให้เหมาะท่ีจะไปใช้เป็นสถานศึกษาด้วย การก่อสร้างได้ดำ�เนินมา
เปน็ ล�ำ ดบั จนแลว้ เสรจ็ และใตฝ้ า่ ละอองธลุ พี ระบาทไดท้ รงพระมหากรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานนามวา่
“มนุษยนาควทิ ยาทาน”...
เอกสารอา้ งอิง
"ค�ำ กราบบังคมทูลของสมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอ เจ้าฟา้ กรมหลวงนครราชสมี า แถลงการก่อสรา้ งสถานมนุษยนาควิทยาทาน ณ คณะรังษี
วดั บวรนเิ วศวหิ าร วนั ที่ ๒ สงิ หาคม พ.ศ.๒๔๖๗." ใน ต�ำ นานวดั บวรนเิ วศวหิ าร สมยั สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ทรงครองวดั .
พระภิกษสุ ามเณรพรอ้ มดว้ ยไวยาวจั กรวดั บวรนิเวศวหิ าร พมิ พ์โดยพระบรมราชานุญาต โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระ
ศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทพ่ี ระเมรุ วดั เทพศิรินทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวิทยาลัย, หนา้ ๑๖-๑๗.
225
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั ประทบั พระท่นี งั่ พุดตานกาญจนสงิ หาสน์ ในกระบวนเสด็จ
พยหุ ยาตราโดยทางสถลมารคเลยี บพระนคร ในพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๔
(ท่ีมา หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต)ิ
226
เลยี บพระนคร
ในรชั กาลท่ี ๗
พระบาทสมเดจ็ ฯ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัวเสดจ็ สวรรคต เมอ่ื วันท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน ร.ศ.๑๔๔
พ.ศ.๒๔๖๘ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสด็จเถลิงถวัลยราช
สมบตั ิสบื ต่อเป็นรัชกาลที่ ๗ ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวนั ท่ี ๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๔๖๘
แลว้ วนั ที่ ๑ มนี าคม พ.ศ.๒๔๖๘ ไดเ้ สดจ็ เลยี บพระนครทางสถลมารค เสดจ็ ยาตราสวู่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร
เสด็จเข้าในพระอุโบสถ พระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายชุมนุมอยู่ในพระอุโบสถ สวดชัยมงคลคาถาถวาย
พระพรชยั ทรงถวายตน้ ไม้ทองเงินแดพ่ ระพุทธชินสหี ์ แลว้ ทรงถวายผา้ ทิพย์ตาดพื้นทองมีลกู รยุ่ กรยุ ทอง
ผกู ที่ข้างหน้าฐานพระพทุ ธชนิ สหี แ์ ลว้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวทรงจุดเทยี น มหาดเล็กเชญิ ไปบชู า
พระพทุ ธปฏมิ าและทพ่ี ระอฐั สิ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ กบั ทพี่ ระอฐั สิ มเดจ็
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วัดราชบพิธฯ) ถวายอติเรก
พระสงฆถ์ วายพระพรชยั มงคล เสด็จออกจากพระอุโบสถ ประทับพระที่น่งั พดุ ตาน เคล่อื นกระบวนเสด็จ
พระราชดำ�เนนิ ไปตามถนนพระสุเมรุ
เอกสารอา้ งองิ
ตำ�นานวัดบวรนิเวศวิหาร สมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงครองวัด. พระภิกษุสามเณรพร้อมด้วยไวยาวัจกร
วัดบวรนิเวศวิหาร พิมพ์โดยพระบรมราชานุญาต โดยเสด็จพระราชกุศลในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่พระเมรุ
วดั เทพศิรินทราวาส ๒๖ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร : โรงพมิ พม์ หามกุฏราชวิทยาลยั , หน้า ๒๕ – ๒๖.
227
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัว และสมเดจ็ พระนางเจา้ ร�ำ ไพพรรณี พระบรมราชินี
เสด็จตามขบวนอัญเชญิ พระผอบพระบรมสรริ างคารพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั
เขา้ ประดิษฐาน ณ พทุ ธบลั ลังกพ์ ระพุทธชินสหี ์ วัดบวรนเิ วศวิหาร
เม่ือวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๘
(ท่มี า หอจดหมายเหตุแหง่ ชาต)ิ
228
ประดษิ ฐาน
พระบรมสริรางคารรชั กาลท่ี ๖
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงทำ�พระราชพนิ ยั กรรมขน้ึ ไว้ฉบบั หน่ึง ลงวนั ท่ี ๑๐
พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงการจัดการพระบรมศพของพระองค์เอง ความตอนหนึ่งระบุถึงการจัดการ
พระบรมราชสริรางคาร ท่ีว่า “พระอังคาร ขอให้บรรจุใต้ฐานพระพุทธชินสีห์ในวัดบวรนิเวศวิหาร
ส่วน ๑ อีกส่วน ๑ ขอใหก้ นั เอาไว้บรรจใุ ต้ฐานพระรว่ งโรจนฤทธ์ทิ ี่พระปฐมเจดยี ใ์ นโอกาศอนั เหมาะซ่ึง
ไมไ่ ด้ตดิ ตอ่ กบั งานพระเมร”ุ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงยึดตามพระบรมราชโองการในครั้งน้ัน รวมถึง
พระราชประสงคใ์ นการประดษิ ฐานพระบรมสรริ างคารใตฐ้ านพทุ ธบลั ลงั กพ์ ระพทุ ธชนิ สหี ์ ดงั รายละเอยี ด
ในจดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวัน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาประชาธปิ ก พระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว
รัชกาลท่ี ๗ ภาคต้น ทว่ี า่
วันพฤหสั บดีท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๔๖๘
...เวลา ๕.๐๐ ล.ท. (หลงั เทย่ี ง) เจา้ พนกั งานภษู ามาลาเชญิ พระผอบพระองั คาร เหนอื พานทอง
สองชน้ั ตาดคลมุ ออกจากพระศรรี ตั นเจดยี ์ ขน้ึ พระราชยานนอ้ ยถวายพระกลด ขน้ึ รถมา้ พระทน่ี ง่ั เทยี มมา้ ๘
เวลา ๕.๓๐ ล.ท. (พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัว) ทรงเครื่องเตม็ ยศทหารยก ประดบั
ตราสายสะพายรามาธบิ ดี พร้อมดว้ ยสมเด็จพระบรมราชินี ประทบั รถมา้ พระที่นง่ั เทยี มมา้ ๔ มีทหารบก
ม้าแหห่ นา้ หลงั นายทหารขนึ้ มา้ เชญิ ธงกระบธี่ ชุ ครฑุ พา่ ห์ พรอ้ มดว้ ยราชองครกั ษน์ ายม้าตน้ และมีรถมา้
หลวงสำ�หรบั เจ้านายและรถมหาดเลก็ ตามเสดจ็ ด้วย (จากพระศรีรัตนเจดยี ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม)
ออกประตูวิเศษไชยศรีเลี้ยวถนนหน้าพระลาน ถนนราชดำ�เนินใน ตรงไปถนนราชดำ�เนินกลาง เล้ียว
ถนนพระสุเมรุ ไปหยดุ ทป่ี ระตูหน้าวัดบวรนิเวศ ภูษามาลาเชิญพระผอบอังคาร ถวายพระกลด มตี ำ�รวจ
หลวงน�ำ เขา้ ประดษิ านเหนอื พระแทน่ แวน่ ฟา้ ในพระอโุ บสถ เสดจ็ ประทบั ในพระอโุ บสถ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็
พระบรมราชนิ ี ทรงจดุ เทยี นบชู าพระพทุ ธชนิ สหี ์ ทรงเทยี นเครอื่ งสกั การะทพี่ ระอฐั สิ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้
ท้งั ๒ แล้ว ทรงเครอ่ื งนมสั การและเครือ่ งทองน้อยท่ีพระอังคาร ทรงทอดไตร ๓๐ พระสงฆ์สดบั ปกรณ์
ถวายอนุโมทนา พระญาณวราภรณ์ (ภายหลงั ไดร้ บั สถาปนาขึ้นเปน็ สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวง
วชริ ญาณวงศ)์ ถวายอตเิ รกแลว้ ภษู ามาลาเชญิ พระองั คารลงบรรจใุ นหบี ศลิ า ทรงโปรดดอกพกิ ลุ ทองเงนิ
และเหรยี ญทองเงนิ แล้ว ทรงจบั เชอื กรอกหยอ่ นลงสทู่ ่พี ทุ ธบัลลงั ก์พระพุทธชินสีห์ เจา้ พนกั งานวางศิลา
ปิดผนึกแลว้ ทรงจดุ เครอ่ื งราชสกั การะเครอื่ งห้า สกั การะพระองั คารแลว้
เวลา ๖.๐๐ ล.ท. ทรงรถยนตพ์ ระท่นี ง่ั เสดจ็ กลับพรอ้ มด้วยสมเด็จพระบรมราชินี
229
พระสุคุณคณาภรณ์
(ที่มา หอจดหมายเหตแุ ห่งชาต)ิ
230
พระสุคณุ คุณาภรณ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากการเสด็จราชการ
เพือ่ เยย่ี มเยอื นประมุขนานาประเทศในทวปี ยุโรปในพทุ ธศักราช ๒๔๔๐
หม่อมราชวงศพ์ ระชื่น เปรยี ญ ไดม้ สี ่วนรบั รับส่ังสมเด็จพระมหาสมณเจา้ จัดการ
ตอ้ นรบั ทวี่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร เปน็ การของคณะสงฆ์ ไดน้ พิ นธค์ าถาบาลถี วายพระพรเปน็ ถอ้ ยค�ำ
ทผ่ี ู้หลักผู้ใหญช่ มกนั มากว่าไพเราะ จนพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ ฯ พอพระราชหฤทัย
ทรงพระราชปรารภถึงท่านกับผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์ แล้วโปรดพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็น
พระราชาคณะนามว่า พระสุคุณคณาภรณ์ แต่เมอื่ ยังมพี ระชนมายุเพียง ๒๕ ปี
เอกสารอา้ งอิง
"บานแพนก." ตำ�นานพระพุทธเจดีย์. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง
วชริ ญาณวงศ์ ณ พระเมรวุ ดั เทพศริ ินทราวาส วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๓.
231
พระญาณวราภรณ์
(ท่มี า หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต)ิ
232