การเป็ นสารต้านออกซิเดชัน
2. แอสคอร์บิลปาล์มิเตด
: รวมตัวกบั อนุมูลอสิ ระ
3. วติ ามินอี
: หยุดปฏกิ ริ ิยา โดยให้ H-atom กบั อนุมูลอสิ ระ
ประโยชน์ของวติ ามนิ ในกระบวนการแปรรูปอาหาร
◼ การเป็ นสารให้สี (colourant)
: ได้แก่ แคโรทนี อยด์
– นิยมใช้ใน เนยเทยี ม เนยแขง็ ไอศกรีม ซุป นา้ สลดั
◼ หน้าทอ่ี ่ืนๆ
: ป้องกนั การเปลยี่ นแปลงสีในเนื้อสัตว์ ปรับปรุงคุณภาพโด
การเสริมวติ ามินในอาหาร
◼ Restoration or retention
: เตมิ เพื่อทดแทนทสี่ ูญเสียระหว่างแปรรูป
◼ Fortification
: เดิมไม่มีวติ ามินชนิดน้ัน แต่เตมิ จนเป็ นแหล่งวติ ามนิ
◼ Enrichment
: เตมิ ในปริมาณทจ่ี าเพาะเจาะจง
แร่ธาตุ
แร่ธาตุ
◼ แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คือ
1. แร่ธาตุทร่ี ่างกายต้องการปริมาณมาก (macronutrients or majorminerals)
: มีอยู่ในร่างกายมากกว่า ร้อยละ 0.01 ของนา้ หนักตวั
: ต้องการจากอาหาร ต้งั แต่ 100 มิลลกิ รัมต่อวนั ขนึ้ ไป
: ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม โพแทสเซียม และคลอไรด์
2. แร่ธาตุทร่ี ่างกายต้องการปริมาณน้อย (micronutrients or trace element)
: ร่างกายต้องการจากอาหาร น้อยกว่า 100 มลิ ลกิ รัมต่อวนั ขนึ้ ไป
แร่ธาตุทพ่ี บปริมาณน้อย (trace element)
◼ แร่ธาตุทเี่ ป็ นสารอาหารจาเป็ น
: เหลก็ ทองแดง ไอโอดนี โคบอลต์ แมงกานีส และสังกะสี
◼ แร่ธาตุทไี่ ม่เป็ นสารอาหารจาเป็ น แต่ไม่เป็ นพษิ
: อลมู ิเนียม โบรอน นิกเกลิ ดบี ุก และโครเมียม
◼ แร่ธาตุทไี่ ม่เป็ นสารอาหารจาเป็ น และเป็ นพษิ
: ปรอท ตะกวั่ แคดเมียม และสารหนู
แร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
◼ แร่ธาตุต่างๆ มีหน้าทสี่ าคญั ในร่างกายแตกต่างกนั ดงั นี้
1. เป็ นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน
2. ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อหัวใจ
3. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของฮีม
4. เกยี่ วกบั การสร้างเมด็ เลือด
5. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของสารประกอบต่างๆ ในร่างกาย
6. รักษาสมดุลกรด-ด่าง และความดนั ออสโมซิส
แร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
◼ แร่ธาตุต่างๆ มหี น้าทสี่ าคญั ในร่างกายแตกต่างกนั ดังนี้
7. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของเอนไมซ์
8. เป็ นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์
9. จาเป็ นต่อการสร้างกรดเกลือ
10. จาเป็ นต่อการสร้างฮอร์โมนทรอกซินในไทรอยด์
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ แคลเซียม
– พบในอาหารจาพวกธัญพืช และนม
– การประกอบอาหารเตมิ ในรูปของเกลือหรือด่าง
– แคลเซียมโบรเมต แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมไอโอเดต แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียม
ซัลเฟต เป็ นต้น
◼ แมกนีเซียม
– แหล่งของแมกนีเซียม คือ ผกั สีเขยี ว
– การประกอบอาหารเตมิ ในรูปของเกลือ
– แมกนีเซียมคาร์บอเนต แมกนีเซียมคลอไรด์ เป็ นต้น
แร่ธาตุทพี่ บในอาหาร
◼ ฟอสฟอรัส
- ทพี่ บในอาหารอยู่ในรูปของสารประกอบอนิ ทรีย์และอนินทรีย์
- ในรูปอนิ ทรีย์ ทพี่ บมาก คือ ADP, ATP, glucose-6-phosphate
- ทอี่ ยู่ในรูปของสารประกอบอนิ ทรีย์ คือ เกลือฟอสเฟต
- แหล่งฟอสฟอรัส ได้แก่ นมโค ธัญพืช เนื้อสัตว์ และไข่
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ โซเดยี ม
– แหล่งอาหารทพี่ บ คือ ผกั และเนื้อสัตว์
– พบในนา้ นม สูงถึง ร้อยละ 0.08-0.20
◼ โพแทสเซียม
– แหล่งทพี่ บ คือ ผกั และผลไม้ นมและไข่
◼ เหลก็
- แหล่งทส่ี าคญั คือ ตับ ไต ไข่แดง โกโก้ ผกั สีเขยี ว
แร่ธาตุทพี่ บในอาหาร
◼ ทองแดง
– แหล่งทสี่ าคญั คือ หอยนางรม ตับ ไต สมองสัตว์ ข้าวขัดขาว
◼ ไอโอดีน
– แหล่งทส่ี าคญั คือ อาหารทะเลและนา้ ดื่ม
◼ โคบอลต์
– แหล่งสาคญั คือ ผกั กนิ ใบ เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะตับ และไต
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ แมงกานีส
– พบมากในนม ไข่ และธัญพืช เนื้อสัตว์ปี ก ผลติ ภัณฑ์นม
◼ สังกะสี
– พบในนา้ นม หอยนางรม จมูกข้าวสาลี ราข้าว
◼ โมลบิ ดนี ัม
– พบมากใน ตับ ไต ธัญพืช ผักกนิ ใบ และพืชนา้ มัน
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ คลอไรด์
– พบในอาหารธรรมชาตเิ กือบทุกชนิด และพบมากในเนื้อสัตว์และอาหารอ่ืนๆ ทป่ี รุง
ด้วยเกลือ
◼ ฟลอู อไรด์
– พบในนา้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์
◼ ซิลเี นียม
– พบมากในยสี ต์ขนมปัง ผกั ตับ ไต เนื้อปลา ไข่และนม
บทบาท และการใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงอาหาร
1. เพื่อป้องกนั การเน่าเสีย
: ลดค่า aw
: มกี ารดงึ นา้ ออกจากเซลล์ ส่งผลให้เกดิ แรงดันออสโมติก ทาให้
จุลนิ ทรีย์สูญเสียนา้ ในเซลล์ (plasmolysis)
: ลดการแทรกซึมของออกซิเจน
: ทาลายเอนไซม์ โดยทาให้โปรตนี denature
บทบาท และการใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงอาหาร
2. ควบคุมการเกดิ กรดแลก็ ทกิ ในอาหารหมักดอง
3. ให้กลน่ิ รส
4. ปรับสภาพนา้ อ่อนในการผลติ ขนมปัง
5. ฟอกสีแป้ง เช่น คลอรีนไดออกไซด์
6. ปรับปรุงเนื้อสัมผสั ของเนื้อสัตว์
: ทาให้แอกโตไมโอซินแตกตัว จบั กบั นา้ ได้มากขึน้
7. ช่วยให้ผกั และผลไม้คงรูป
ผลของกระบวนการแปรรูปต่อปริมาณแร่ธาตุ
◼ แร่ธาตุมคี วามคงตัวต่อ ความร้อน แสง กรด ด่าง ออกซิไดซิงเอเจนต์
◼ แต่สูญเสียได้ในข้ันตอนการล้าง หรือ แยกส่วน
Quiz
◼ อธิบายการป้องกนั การเน่าเสียของอาหาร
◼ อธิบายการเนน้ กล่ินรส
แร่ธาตุ
แร่ธาตุ
◼ แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คือ
1. แร่ธาตุทร่ี ่างกายต้องการปริมาณมาก (macronutrients or majorminerals)
: มีอยู่ในร่างกายมากกว่า ร้อยละ 0.01 ของนา้ หนักตวั
: ต้องการจากอาหาร ต้งั แต่ 100 มิลลกิ รัมต่อวนั ขนึ้ ไป
: ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม โพแทสเซียม และคลอไรด์
2. แร่ธาตุทร่ี ่างกายต้องการปริมาณน้อย (micronutrients or trace element)
: ร่างกายต้องการจากอาหาร น้อยกว่า 100 มลิ ลกิ รัมต่อวนั ขนึ้ ไป
แร่ธาตุทพ่ี บปริมาณน้อย (trace element)
◼ แร่ธาตุทเี่ ป็ นสารอาหารจาเป็ น
: เหลก็ ทองแดง ไอโอดนี โคบอลต์ แมงกานีส และสังกะสี
◼ แร่ธาตุทไี่ ม่เป็ นสารอาหารจาเป็ น แต่ไม่เป็ นพษิ
: อลมู ิเนียม โบรอน นิกเกลิ ดบี ุก และโครเมียม
◼ แร่ธาตุทไี่ ม่เป็ นสารอาหารจาเป็ น และเป็ นพษิ
: ปรอท ตะกวั่ แคดเมียม และสารหนู
แร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
◼ แร่ธาตุต่างๆ มีหน้าทสี่ าคญั ในร่างกายแตกต่างกนั ดงั นี้
1. เป็ นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน
2. ควบคุมการทางานของกล้ามเนื้อหัวใจ
3. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของฮีม
4. เกยี่ วกบั การสร้างเมด็ เลือด
5. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของสารประกอบต่างๆ ในร่างกาย
6. รักษาสมดุลกรด-ด่าง และความดนั ออสโมซิส
แร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
◼ แร่ธาตุต่างๆ มหี น้าทสี่ าคญั ในร่างกายแตกต่างกนั ดังนี้
7. เป็ นองค์ประกอบในโมเลกลุ ของเอนไมซ์
8. เป็ นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์
9. จาเป็ นต่อการสร้างกรดเกลือ
10. จาเป็ นต่อการสร้างฮอร์โมนทรอกซินในไทรอยด์
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ แคลเซียม
– พบในอาหารจาพวกธัญพืช และนม
– การประกอบอาหารเตมิ ในรูปของเกลือหรือด่าง
– แคลเซียมโบรเมต แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมไอโอเดต แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียม
ซัลเฟต เป็ นต้น
◼ แมกนีเซียม
– แหล่งของแมกนีเซียม คือ ผกั สีเขยี ว
– การประกอบอาหารเตมิ ในรูปของเกลือ
– แมกนีเซียมคาร์บอเนต แมกนีเซียมคลอไรด์ เป็ นต้น
แร่ธาตุทพี่ บในอาหาร
◼ ฟอสฟอรัส
- ทพี่ บในอาหารอยู่ในรูปของสารประกอบอนิ ทรีย์และอนินทรีย์
- ในรูปอนิ ทรีย์ ทพี่ บมาก คือ ADP, ATP, glucose-6-phosphate
- ทอี่ ยู่ในรูปของสารประกอบอนิ ทรีย์ คือ เกลือฟอสเฟต
- แหล่งฟอสฟอรัส ได้แก่ นมโค ธัญพืช เนื้อสัตว์ และไข่
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ โซเดยี ม
– แหล่งอาหารทพี่ บ คือ ผกั และเนื้อสัตว์
– พบในนา้ นม สูงถึง ร้อยละ 0.08-0.20
◼ โพแทสเซียม
– แหล่งทพี่ บ คือ ผกั และผลไม้ นมและไข่
◼ เหลก็
- แหล่งทส่ี าคญั คือ ตับ ไต ไข่แดง โกโก้ ผกั สีเขยี ว
แร่ธาตุทพี่ บในอาหาร
◼ ทองแดง
– แหล่งทสี่ าคญั คือ หอยนางรม ตับ ไต สมองสัตว์ ข้าวขัดขาว
◼ ไอโอดีน
– แหล่งทส่ี าคญั คือ อาหารทะเลและนา้ ดื่ม
◼ โคบอลต์
– แหล่งสาคญั คือ ผกั กนิ ใบ เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะตับ และไต
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ แมงกานีส
– พบมากในนม ไข่ และธัญพืช เนื้อสัตว์ปี ก ผลติ ภัณฑ์นม
◼ สังกะสี
– พบในนา้ นม หอยนางรม จมูกข้าวสาลี ราข้าว
◼ โมลบิ ดนี ัม
– พบมากใน ตับ ไต ธัญพืช ผักกนิ ใบ และพืชนา้ มัน
แร่ธาตุทพ่ี บในอาหาร
◼ คลอไรด์
– พบในอาหารธรรมชาตเิ กือบทุกชนิด และพบมากในเนื้อสัตว์และอาหารอ่ืนๆ ทป่ี รุง
ด้วยเกลือ
◼ ฟลอู อไรด์
– พบในนา้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์
◼ ซิลเี นียม
– พบมากในยสี ต์ขนมปัง ผกั ตับ ไต เนื้อปลา ไข่และนม
บทบาท และการใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงอาหาร
1. เพื่อป้องกนั การเน่าเสีย
: ลดค่า aw
: มกี ารดงึ นา้ ออกจากเซลล์ ส่งผลให้เกดิ แรงดันออสโมติก ทาให้
จุลนิ ทรีย์สูญเสียนา้ ในเซลล์ (plasmolysis)
: ลดการแทรกซึมของออกซิเจน
: ทาลายเอนไซม์ โดยทาให้โปรตนี denature
บทบาท และการใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงอาหาร
2. ควบคุมการเกดิ กรดแลก็ ทกิ ในอาหารหมักดอง
3. ให้กลน่ิ รส
4. ปรับสภาพนา้ อ่อนในการผลติ ขนมปัง
5. ฟอกสีแป้ง เช่น คลอรีนไดออกไซด์
6. ปรับปรุงเนื้อสัมผสั ของเนื้อสัตว์
: ทาให้แอกโตไมโอซินแตกตัว จบั กบั นา้ ได้มากขึน้
7. ช่วยให้ผกั และผลไม้คงรูป
ผลของกระบวนการแปรรูปต่อปริมาณแร่ธาตุ
◼ แร่ธาตุมคี วามคงตัวต่อ ความร้อน แสง กรด ด่าง ออกซิไดซิงเอเจนต์
◼ แต่สูญเสียได้ในข้ันตอนการล้าง หรือ แยกส่วน