The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-15 17:50:24

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

168

14. จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลา โมเมนตมั (kg.m/s)
ของวัตถุหนงึ่
ก. ขนาดของการดลท่กี ระทาต่อวตั ถใุ นชว่ ง 5 วนิ าทีแรก 20

ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ่ีกระทาต่อวัตถุใน 5 วนิ าทีแรก 10 เวลา (s)
5 10
วิธีทา กP. 1 จากรูปกราฟ ทเ่ี วลา 0 วินาที จะได้ 0
= 0 kg . m/ s
จะได้ P 2 = 20 kg . m/ s
ท่เี วลา 5 วินาที

ขนาดของการดลท่ีกระทาต่อวPัตถใุ น=ช่วง 5 วนิ Pาท2แี ร-ก P 1 = (……….) – (……….) ตอบ
= ………………….. kg . m/s

ข. ขนาดของFแรงลัพธท์=ก่ี ระทPtาต่อวตั ถุใ=น 5 วินาทีแรก
.......... ...
= …………… N ตอบ
.......... ..

169

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 5.3 ผลการเรยี นที่คาดหวงั ที่ 5
รหสั วชิ า ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรียนรู้ที่ 5
ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A )
เรอื่ ง การดลและแรงดล เวลา 10 นาที

ชือ่ ………………………………………………………ช้ัน…………เลขที่……..กลมุ่ ท่ี…………

1. ลกู บอลมวล 0.4 กิโลกรัม เคลือ่ นทีด่ ้วยความเร็ว 35 เมตร/วินาที ในแนวระดับ เข้าหากาแพง เม่ือกระทบ
แลว้ ลกู บอลสะท้อนออกมาในแนวระดบั ด้วยความเรว็ 25 เมตร/วนิ าที จงหาการดลที่แรงกระทาตอ่ ลูกบอล

2. ใชค้ อ้ นมวล 0.5 กโิ ลกรมั ตอกตะปู ในขณะทคี่ ้อนเริ่มกระทบหัวตะปู คอ้ นมขี นาดความเรว็ 8 เมตร/วนิ าที
หลังจากกระทบหวั ตะปูแลว้ คอ้ นสะท้อนกลับดว้ ยขนาดความเร็วเทา่ เดมิ ถ้าชว่ งเวลาท่ีคอ้ นกระทบหัวตะปเู ป็น
1 มลิ ลิวินาที แรงดลเฉลี่ยทคี่ ้อนกระทาต่อตะปูเปน็ เท่าใด และการดลที่คอ้ นกระทาต่อตะปูเปน็ เท่าใด

170

3. กระสุนปืนมวล 0.05 กิโลกรัม เคล่ือนที่เข้ากระทบแท่งไม้ที่ยึดแน่นกับผนัง ขณะเร่ิมกระทบเน้ือไม้ กระสุน
ปนื มอี ัตราเร็ว 400 เมตร/วนิ าที และสามารถทะลุเข้าไปในเนื้อไม้เป็นระยะ 0.1 เมตร ถ้าแรงต้านของเน้ือไม้ที่
กระทาตอ่ กระสนุ ปืนมีค่าคงตวั จงหาการดลทเ่ี น้อื ไมก้ ระทาต่อกระสุนปืนเวลาทกี่ ระสุนปืนเคลื่อนที่ในเน้ือไม้แรง
ต้านของเนอื้ ไมท้ ี่กระทาต่อกระสนุ ปนื

4. จากรปู เปน็ กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโมเมนตัมกบั โมเมนตมั (kg.m/s) เวลา (s)
เวลาของวัตถุหนง่ึ 20
10
ก. ขนาดของการดลท่กี ระทาต่อวตั ถใุ นช่วงวนิ าทที ี่ 5 - 10
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ กี่ ระทาต่อวตั ถใุ น ช่วงวนิ าทที ี่ 10 - 15 0 5 10

15

171

รายวิชา ฟิสิกส์ 2 เฉลยใบงาน 5.3 ผลการเรยี นทคี่ าดหวังที่ 5
รหสั วชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 5

ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที

เรื่อง การดลและแรงดล

1. ลูกบอลมวล 0.4 กโิ ลกรมั เคลอื่ นท่ดี ว้ ยความเร็ว 35 เมตร/วินาที ในแนวระดับ เข้าหากาแพง เม่ือกระทบ

แล้วลูกบอลสะทอ้ นออกมาในแนวระดับดว้ ยความเร็ว 25 เมตร/วินาที จงหาการดลท่แี รงกระทาต่อลูกบอล

วิธีทา ลกู บอลเคล่ือนทก่ี ระทบกาแพงดว้ ยอัตราเร็ว 35 m/s มีความเร็ว ( v1 ) = 35 m/s
Iลกู บอ=ลสะทP้อนกล=ับดว้mยอvตั ร2า-เรmว็ 2v5 m/s มีความเร็ว ( v2 ) = - 25 m/s
การดล 1 = ( 0.4 )( - 25 – 35 ) = -24 kg. m /s

ตอบ

2. ใชค้ อ้ นมวล 0.5 กิโลกรัม ตอกตะปู ในขณะทค่ี ้อนเรม่ิ กระทบหัวตะปู ค้อนมีขนาดความเรว็ 8 เมตร/วนิ าที

หลงั จากกระทบหัวตะปูแลว้ ค้อนสะทอ้ นกลับด้วยขนาดความเร็วเท่าเดมิ ถ้าช่วงเวลาท่ีค้อนกระทบหัวตะปเู ปน็

1 มลิ ลวิ ินาที แรงดลเฉลย่ี ท่ีคอ้ นกระทาตอ่ ตะปูเป็นเทา่ ใด และการดลท่ีคอ้ นกระทาต่อตะปูเป็นเทา่ ใด

วธิ ีทา คอ้ นเคลื่อนท่ีกระทบหัวตะปูด้วยอตั ราเร็ว 8 m/s มีความเร็ว ( v1 ) = 8 m/s
Iค้อนส=ะทอ้ นPกลับด=ว้ ยอmตั รvาเ2ร็ว- เmทา่ vเดมิ1 มคี วามเร็ว ( v2 ) = -8 m/s
การดล = ( 0.5 )( -8– 8) = -9 kg. m /s

ตอบ = P = -9 = -9x10 3 N ตอบ
แรงต้านเฉล่ีย F t 1x10- 3

3. กระสุนปืนมวล 0.05 กิโลกรัม เคลื่อนที่เข้ากระทบแท่งไม้ท่ียึดแน่นกับผนัง ขณะเริ่มกระทบเน้ือไม้ กระสุน

ปนื มีอตั ราเรว็ 400 เมตร/วนิ าที และสามารถทะลเุ ข้าไปในเนื้อไม้เป็นระยะ 0.1 เมตร ถ้าแรงต้านของเนื้อไม้ที่

กระทาต่อกระสุนปืนมีค่าคงตัว จงหาการดลที่เนื้อไม้กระทาต่อกระสุนปืน เวลาที่กระสุนปืนเคล่ือนที่ในเนื้อไม้

แรงตา้ นของเน้อื ไมท้ ีก่ ระทาต่อกระสุนปืน

วธิ ที า กระสนุ ปืนเคลื่อนท่ีกระทบแท่งไม้ด้วยอัตราเร็ว 400 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 400 m/s
Iกระส=นุ ปืนเคPลื่อนท=เี่ ขา้mเนv้ือไ2ม้เ-ปm็นรvะย1ะ 0.1 m แสดงว่าลูกปนื หยดุ น่ิง ( v2 ) = 0 m/s
= ( 0.05 )( 0 – 400 ) = - 20 kg. m /s
การดล

ตอบ S = v1  v2 . t
เวลาที่กระสุนปนื เคลื่อนทีใ่ นเน้ือไม้ 2

0.1 = ( 400  0 ) . t
2
0.1 = 5 x 10- 4 วินาที
t = 200
=
แรงตา้ นเฉล่ีย F = P = - 20 - 4 x 10 4 N
t 5x10- 4

ตอบ

172

4. จากรปู เป็นกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างโมเมนตัมกบั เวลาของวตั ถุหน่ึง
ก. ขนาดของการดลทีก่ ระทาต่อวัตถใุ นช่วงวนิ าทีท่ี 5 - 10
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวัตถใุ น ชว่ งวนิ าทที ี่ 10 - 15

วิธีทา ก. จากรูปกราฟ ที่เวลา วนิ าทีท่ี 5 จะได้ PP 1 = 20 kg . m/ s
ที่เวลา วนิ าทีท่ี 10 จะได้ 2 = 20 kg . m/ s

ขนาดของการดลทกี่ รPะทาต=่อวตั ถใุ นชP่วง2วนิ -าทีทP่ี 5 - 10
=
1 (20) – (20) = 0 kg . m/s

ตอบ

ข. ขนาดของFแรงลัพธท์=ี่กรPะ2ทา-ตP1่อวตั ถใุ =นช1่ว0งว-นิ า2ท0ที ่ี 10 - 15
= -
t 5 2 N ตอบ

173

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 แบบฝกึ ทกั ษะ 5 ผลการเรยี นทค่ี าดหวงั ท่ี 5
รหสั วชิ า ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5
ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P )
เร่ือง การดลและแรงดล เวลา 5 นาที

ชือ่ ..........................................................………………….. ชัน้ ม. 4 /......…. ……….เลขท.ี่ ...........….

คาชแ้ี จง จงเตมิ คาตอบลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกต้อง

1.ลูกปืนมวล 10 กรัม เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 200 เมตร/วินาที กระทบกล่องท่ีทาด้วยไม้ แล้วเคล่ือนที่เข้าไป
ในกล่อง และหยุดนิ่ง ในเวลา 1.0  10- 4 วินาที จงหาค่าการดลที่เกิดจากกล่องไม้และแรงต้านเฉล่ียของ

กล่องไม้ที่กระทาต่อลูกปืน  P = m v 2 - m v 1 = ( 10x10-3)( ……. – ……. ) = …….. kg. m
วิธีทา การดล I =

/s ตอบ = P = .......... ... = …………… N ตอบ
แรงตา้ นเฉล่ยี F t 1.0x10-4

2.ลูกกลมลูกหนึ่งมวล 1 กิโลกรัม เคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ด้วยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ถ้าแรงเฉล่ียที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 3 นิวตัน การดลท่ี

เกดิ ขึน้ และเวลาของการดลดังกล่าวมีค่าเทา่ ใด

วธิ ีทา วตั ถเุ คลือ่ นท่ีกระทบผนงั ด้วยอตั ราเรว็ 1 m/s มคี วามเรว็ ( v1 ) = 1.5 m/s
Iวตั ถุเ=คลือ่ นทP่ีกระด=อนmกลับvด2้วย- อmัตรvาเร1ว็ =1 m/s มคี วามเรว็ ( v2 ) = - 1.5 m/s
การดล ( 1 )( ….. – ……. ) = ……….. kg. m /s

ตอบ = P
แรงตา้ นเฉลีย่ F t
3 = .......... ...
t

 t = …………… วินาที ตอบ

174

3.ชายคนหน่งึ มวล 80 กิโลกรัม ขับรถยนต์ไปทางถนนตรงสายหน่ึงด้วยอัตราเร็วคงท่ี 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไป

ทางทวิศิธีทเหานือกาถร้าดเขลาบIังคบั =ให้รถหยPุดไดภ้ =ายใmนเวvลา2 -5mวินvาท1ี จงหาการดลและแรงเฉล่ยี ที่กระทาตอ่ ชายผูน้ ้นั /s
= ( 80 )( …..... – ……. ) = …….….. kg. m

ตอบ F = P = .......... ... = ……….. N ตอบ
แรงเฉลี่ย t 5

4.จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลาของ โมเมนตมั (kg.m/s)
วตั ถุหนึ่ง
ก. ขนาดของการดลท่ีกระทาต่อวัตถใุ นชว่ ง 4 วินาทีแรก 50

ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ี่กระทาต่อวัตถใุ น 4 วนิ าทแี รก 25 เวลา (s)
48
วธิ ีทา กP. 1 จากรปู กราฟ ทเ่ี วลา 0 วินาที จะได้ 0
= 0 kg . m/ s
จะได้ P 2 = ………. kg . m/ s
ทเ่ี วลา 4 วินาที

ขนาดของการดลทก่ี ระทาต่อวPตั ถุใน=ชว่ ง 4 วนิ Pาท2ีแร-ก P 1 = (……….) – ( 0 ) ตอบ
= ………………….. kg . m/s

ข. ขนาดของFแรงลัพธท์=่กี ระทPtาต่อวัตถุใ=น 4 วินาทแี รก
.......... ...
= …………… N ตอบ
4

175

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 เฉลยแบบฝึกทักษะ 5 ผลการเรียนท่คี าดหวงั ท่ี 5
รหสั วชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P )
เร่อื ง การดลและแรงดล เวลา 5 นาที

ช่ือ..........................................................………………….. ชั้น ม. 4 /......…. ……….เลขท.ี่ ...........….

คาช้ีแจง จงเตมิ คาตอบลงในชอ่ งว่างให้ถูกตอ้ ง

1. ลูกปืนมวล 10 กรัม เคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็ว 200 เมตร/วินาที กระทบกล่องที่ทาด้วยไม้ แล้วเคล่ือนที่เข้า
ไปในกล่อง และหยุดนิ่ง ในเวลา 1.0  10- 4 วินาที จงหาคา่ การดลท่ีเกดิ จากกล่องไม้และแรงต้านเฉล่ีย

ขวิธอีทงกาลอ่ งกไามร้ทดีก่ ลระIทาต่อ=ลกู ปนื P = m v 2 - m v 1 = ( 10x10-3)( 0 – 200 ) = .. - 2 … kg. m /s
ตอบ
แรงต้านเฉลย่ี F P ..... - 2.....
= t = 1.0x10-4 = .. -2 x10 4 .. N ตอบ

2. ลูกกลมลกู หนงึ่ มวล 1 กิโลกรัม เคลื่อนทด่ี ว้ ยอัตราเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ด้วยอตั ราเรว็ 1.5 เมตร/วินาที ถ้าแรงเฉลีย่ ท่กี ระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 3 นิวตัน การดลท่ี

เกิดขนึ้ และเวลาของการดลดงั กล่าวมคี ่าเท่าใด

วิธที า วตั ถุเคล่ือนที่กระทบผนังด้วยอตั ราเร็ว 1 m/s มีความเร็ว ( v1 ) = 1.5 m/s
Iวัตถุเ=คล่ือนทP่ีกระด=อนmกลบัvด2้วย- อmัตรvาเร1็ว=1 m/s มคี วามเร็ว ( v2 ) = - 1.5 m/s
การดล ( 1 )( .-1.5. – .1.5. )= ..-3.. kg. m /s

ตอบ = P
แรงต้านเฉลี่ย F t
3 = ..3..
t

 t = … 1 … วนิ าที ตอบ

176

3. ชายคนหน่ึงมวล 80 กิโลกรัม ขับรถยนต์ไปทางถนนตรงสายหน่ึงด้วยอัตราเร็วคงที่ 72 กิโลเมตร/ช่ัวโมง

ไปทางทศิ เหนอื ถา้ เขาบงั คบั ให้รถหยุดได้ภายในเวลา 5 วนิ าที จงหาการดลและแรงเฉล่ียที่กระทาต่อชายผู้

น้นั =  P = m v 2 - m v 1 = ( 80 )( ..0.. – ..20.. ) = ..-1,600.. kg. m /s
วธิ ีทา การดล I

ตอบ F = P = ... -1,600... = …-320... N
แรงเฉลีย่ t 5

ตอบ

4. จากรูปเป็นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมกับเวลา โมเมนตมั (kg.m/s) เวลา (s)
ของวตั ถุหนง่ึ 50
ก. ขนาดของการดลที่กระทาต่อวัตถุในชว่ ง 4 วนิ าทแี รก 25
ข. ขนาดของแรงลัพธท์ ีก่ ระทาต่อวตั ถใุ น 4 วนิ าทีแรก
0 48

วิธีทา ก. จากรปู กราฟ ท่ีเวลา 0 วินาที จะได้ P 1 =P 0 kg . m/ s
ทเ่ี วลา 4 วินาที จะได้ = …50….
2 kg . m/ s

ขนาดของการดลทก่ี ระทาต่อวPตั ถุใน=ช่วง 4 วนิ Pาท2ีแร-ก P 1 = (…50….) – ( 0 )
= ……50….. kg . m/s ตอบ

ข. F ขนา=ดขอPงt แรงลพั =ธท์...่ีก.5ร40ะ...ท..าต่อ=วตั ถ…ุใ1น2.54… วนิ าทแี รก

N ตอบ

177

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรียนทคี่ าดหวงั ท่ี 5
รหัสวิชา ว 30202 ( กอ่ นเรยี น – หลังเรยี น ) ประกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาท่ี 4
เวลา 15 นาที

จุดประสงคก์ ารเรยี นรูท้ ี่ 5 สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเก่ียวกบั การดลและแรงดล
คาส่ัง จงเลอื กกากบาท ( X ) ตวั เลือก ก, ข, ค และ ง ทเ่ี ห็นว่าถูกต้องที่สุด

1. ไข่ 2 ใบ ขนาดเทา่ กัน ตกลงจากทีส่ ูงเท่ากัน โดยไข่ A ตกลงบนฟองนา้ แต่ไข่ B ตกลงบนพื้นไม้ ปรากฏว่าไข่

B แตก ไข่ A ไมแ่ ตก ทัง้ นเี้ ปน็ เพราะอะไร

1. อัตราการเปลี่ยนโมเมนตมั ของ B มากกว่า A ขณะกระทบพื้น

2. แรงทพี่ นื้ กระทาต่อ B มากกว่าแรงท่พี ืน้ กระทาต่อ A

3. ขณะท่ีตกถึงพน้ื ไข่ B ถกู ทาใหห้ ยุดเรว็ กวา่ ไข่ A

4. ในขณะถงึ พ้ืน โมเมนตัมของ B มากกวา่ ของ A
1
5. แรงดลแปรผกผันกบั เวลา ( F t )

ก. 2, 3, 4, 5 ข. 1, 2, 3, 5 ค. 1, 2, 3, 4 ง. 1, 2, 3

2. จากกราฟ มแี รงกระทากบั วัตถุ ในช่วงเวลาท่มี ีแรงกระทาน้นั (จากวนิ าทที ่ี 1 – 3) จะทาให้วัตถเุ ปล่ยี น โม

เมนตมั ไปเท่าใด (kg.m/s)

F (N) ก. 20 kg.m/s

10 ข. 15 kg.m/s
ค. 10 kg.m/s
5 ง. 5 kg.m/s

3. จากข้อ 2 แรงเฉล่ียท1ก่ี ระท2าตอ่ 3วัตถมุ ีค่ากนี่ ิวตัน t (s)

ก. 10 N ข. 5.0 N ค. 2.5 N ง. 0.5N

4. ถ้าลกู บอลมวล m ว่งิ เข้าชนกาแพงด้วยความเร็ว u โดยทามมุ  กับเส้นต้งั ฉาก ดังรปู ถา้ ลูกบอลใชเ้ วลา t

ในการกระทบ จงหาโมเมนตัมท่ีเปล่ยี นไป 2mu cosθ
t
u ก.

 ข. 2 mu cos  . t
 ค. 2 mu cos  . F

u ง. 2 mu cos 

178

5. เทิดศักด์ิเตะลูกบอลมวล 0.5 kg ทาให้ลูกบอลเคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็ว 20 m/s เข้าชนฝาผนังในแนวต้ังฉาก
แล้วสะท้อนกลับออกมาในแนวเดิมด้วยอัตราเร็ว 20 m/s เท่ากัน ถ้าลูกบอลกระทบฝาผนังนาน 0.05 วินาที
จงหา
1. การดลของลกู บอล
2. แรงเแฉลยี่ ท่ีฝาผนังกระทาตอ่ ลูกบอล

ก. การดล = 5 kg.m/s แรงเฉลีย่ = 100 N ข. การดล = 10 kg.m/s แรงเฉลยี่ =
200 N
ค. การดล = 15 kg.m/s แรงเฉลยี่ = 300 N ง. การดล = 20 kg.m/s แรงเฉลย่ี = 400
N

6. ปล่อยลกู บอลมวล 0.6 kg จากท่สี งู 20 m ลงกระทบพ้ืน ปรากฏว่าลกู บอลกระดอนข้ึนจากพน้ื ได้ สูงสุด 5 m

ถ้าเวลาตั้งแต่เริ่มปล่อยลูกบอลจนกระทัง่ ลูกบอลกระดอนถึงตาแหนง่ สูงสุดเท่ากับ 3.05 วินาที จงหาแรงดล

เฉล่ยี ทกี่ ระทาต่อลูกบอลน้ี

ก. 460 N ข. 360 N ค. 250 N ง. 150 N

7. การดลที่กระทาบนวตั ถหุ น่ึงจะมคี ่าเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของปริมาณใดต่อไปนี้

ก. แรง ข. พลงั งานจลน์ ค. โมเมนตมั ง. ความเรว็

โจทย์ ใช้ตอบคาถามข้อ 8 -10
วตั ถุมวล 2 กโิ ลกรัม กาลังเคล่อื นทีไ่ ปทางทิศใต้ ดว้ ยความเรว็ 6 เมตรตอ่ วินาที ถูกแรงกระทาสมา่ เสมอเปน็ เวลา
0.2 วนิ าที ทาให้วตั ถุมีความเรว็ 4.5 เมตรต่อวนิ าที ไปทางทศิ ตะวนั ออก N

8. ขอ้ ใดแสดงโมเมนตัมทเ่ี ปลี่ยนไปได้ถูกต้อง P1 P2 WE
S
ก. P ข. P ค. P
ง. P

9. จงหาโมเมนตมั ของวตั ถทุ ี่เปล่ยี นไปในหนว่ ย นวิ ตัน.วนิ าที ( N.s )

ก. 15 ข. 12 ค. 6 ง. 3
ง. 75
10. จงหาแรงที่กระทาตอ่ วัตถุมีขนาดกนี่ วิ ตัน

ก. 150 ข. 120 ค. 90

179

รายวิชาฟสิ ิกส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ ผลการเรยี นท่คี าดหวังท่ี 5
( ว 30202 ) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ก่อนเรียน ประกอบแผนจัดการเรียนร้ทู ่ี 5
หลงั เรียน

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลงั เรียน
ข้อ คาตอบ
1ข
2ค
3ก
4ง
5ง
6ข
7ค
8ข
9ก
10 ง

180

รายวิชาฟสิ ิกส์ 2 ใบกจิ กรรม 5 รหสั วชิ า ว 30202

ชือ่ ..........................................................………………….. ชัน้ ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

ผลการเรียนที่คาดหวงั ที่ 5. สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเก่ยี วกับการดลและแรงดล

คาสั่ง ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรทู้ ่ีเกยี่ วกบั การดลและแรงดล เปน็ แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )

องคค์ วามรู้ เร่ือง………………………………………………………………………………
เกี่ยวข้อง ในหวั ข้อเรื่อง การดลและแรงดล
ให้งาน วนั ท่ี………………………………………………………………………………
กาหนดส่ง วันท่ี………………………………………………………………………………
ส่งงาน วันที่……………………………..…………ลงชอ่ื ………………………………ผูส้ ่ง

ลงช่ือ………………………………ผู้รับ
( …………………………….)
อาจารย์ประจาวิชา ว 30202

ลาดบั รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเก่ียวข้องกับจุดประสงค์และเนือ้ หาสาระ
2 ความสัมพันธ์ กับชวี ิตประจาวัน
3 รูปแบบ สามารถนาไปเป็นแบบอย่างได้
4 ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บร้อย

5 = ดมี ากทสี่ ดุ 4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรับปรงุ

ผปู้ ระเมนิ ลงชอื่ ……………………………………………………ชั้น…………….เลขท่ี………...
วันท่ี………………………………………………………………………………………

181

แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )
องค์ความรเู้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจา้ ของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

182

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชอ่ื วิชา ฟิสิกส์ 2 รหสั วิชา ว30202

ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 โมเมนตมั และการชน เร่ืองที่ 3 การชน และกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั

ช่ือแผน การชน และกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม เวลา 5 ชั่วโมง
ผสู้ อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรยี นวชั รวิทยา วนั ที่สอน 19-23 ธันวาคม 2559

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การชนกันของวัตถุ จะมีผลทาให้สภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุเปล่ียนไป เป็นผลให้แต่ละวัตถุนั้นมีการ

เปล่ียนแปลงโมเมนตัมเกิดข้ึน แต่เมื่อคิดตามกฎการเคล่ือนท่ีข้อที่ 2 และ 3 ของนิวตัน ปรากฏว่าเมื่อคิดทั้ง
ระบบท่ีมีการชนกันเกิดขึ้น โมเมนตัมรวมของระบบก่อนชนจะเท่ากับโมเมนตัมรวมของระบบหลังชน ( กฎการ
อนุรักษ์โมเมนตัม ) และส่ิงที่เกิดข้ึนขณะวัตถุชนกันจะทาให้เกิดการถ่ายทอดพลังงานให้แก่กัน ผลคือการ
เปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้นกับวัตถุน้ันๆ และเมื่อคิดพลังงานรวมของระบบ จะแยกได้เป็น 2 กรณี คือ 1) พลังงาน
จลน์รวมของระบบไม่เปล่ียน เรียกการชนน้ันว่าเป็นการชนกันแบบยืดหยุ่น 2) พลังงานจลน์รวมของระบบ
เปลีย่ นไป เรยี กการชนนนั้ ว่า เปน็ การชนแบบไมย่ ดื หย่นุ

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกับการดารงชวี ติ การเปล่ยี นรูปพลังงาน

ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม มกี ระบวน การสืบเสาะหา
ความรู้ สอื่ สารส่งิ ทเ่ี รียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรียนรู้
สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเกี่ยวกับการชน และกฎอนรุ ักษ์โมเมนตมั

4. สาระการเรียนรู้
-สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. การชน
2. กฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม
-สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่นิ
1.การเกิดอุบตั เิ หตรุ ถชนในจงั หวัดกาแพงเพชร
-สาระการเรียนรู้เก่ยี วกับอาเซียน
1.การเกิดอบุ ตั เิ หตทุ างรถในอาเซยี น
-สาระการเรยี นรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี ง
1.ความไมป่ ระมาทในการใช้รถใชถ้ นน

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

183

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
จดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนด้านสมรรถนะ
1. ทกั ษะแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเองเพือ่ การแกป้ ัญหา
2. ทักษะการคิดขน้ั สงู
3. ทักษะการสอ่ื สารอย่างสร้างสรรคต์ ามชว่ งวยั

6.คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเุ รียนรู้ (ตงั้ ใจเพยี งพยายามในการเรยี น และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนร้,ู แสวงหาความรรู้ ้จู ากแหลง่

เรียนร้ตู ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออย่างเหมาะสม สรปุ เปน็ องค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้)

จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียนด้านคุณลกั ษณะ
1.คุณลักษณะมุ่งม่นั ในการทางาน
2. คณุ ลกั ษณะใฝรุ ูใ้ ฝุเรียน

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1.ใบงาน 6.1 – 6.3 (ระหวา่ งเรียน)
2.แบบฝึกทกั ษะ 6 (ระหวา่ งเรยี น)
3.ใบกจิ กรรม 6 (ระหวา่ งเรียน)
4.แบบทดสอบรายจดุ ประสงคท์ ี่ 6 (รวบยอด)

184

8. การวัดและประเมินผล

8.1 การประเมินระหว่างจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมนิ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน
-
1.การวดั ผลคุณธรรม สงั เกตพฤติกรรม แบบวดั พฤติกรรม
-
จิตพิสัย นกั เรียน นกั เรยี น
รอ้ ยละ 50 ขึน้ ไป
2. การประเมินผลจาก ตรวจใบงาน 6.1 – 6.3 ใบงานที่ 6.1-6.3 -
ระดบั 3 ขนึ้ ไป
สภาพจริง รอ้ ยละ 50 ข้นึ ไป

ตรวจแบบฝึกทกั ษะ 6 แบบฝึกทักษะ 6 เกณฑ์การประเมิน
ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป
ตรวจสมุดจด ใบกิจกรรม 6

ตรวจใบกจิ กรรม 6

3. การวัดผลหลงั เรียน ตรวจแบบทดสอบราย แบบทดสอบราย

จุดประสงคท์ ี่ 6 จดุ ประสงค์ที่ 6

8.2 การประเมินเมอื่ ส้นิ สุดการเรยี นรู้

ชิ้นงาน/ภาระงาน วธิ ีการประเมนิ เครื่องมือ

แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ

9. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูเปิดคลิปให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับการชนกันของรถยนต์ การกระทบกันของลูกเปตอง

และการชนกันแบบอ่ืนๆ จากเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach หลังจากนั้นนักเรียนและครูร่วมกัน
เกีย่ วกับ เรือ่ ง “การชนกันของวตั ถๆุ ต่างๆ เชน่ รถยนต์ชนกนั ลูกสนุ๊กกระทบกัน” เพื่อนาไปสู่คาถามท่ีว่า “ การ
ชนกันของวตั ถุ จะมีอะไรเกยี่ วข้องบา้ ง อย่างไร”

1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูว่า “ การชนกันของวัตถุ จะมีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไร
” ( ทง้ิ ช่วงให้นักเรยี นคดิ )

1.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายในแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งบันทึกความเห็นของกลุ่มในใบงาน 6.1
เฉพาะข้อ 1.และขอ้ 2. (เปดิ โอกาสให้นักเรียนไดแ้ สดงความคดิ เห็นโดยยังไมเ่ น้นถูกผดิ )

1.4 ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอความเหน็ ของกลมุ่
1.5 นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องจากการชนกันของวัตถุ แล้วบันทึกลงในใบ
งาน 6.1
1.6 นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวนข้อสอบ 10 ขอ้
1.7 แจ้งให้นกั เรยี นทราบวา่ จะไดศ้ กึ ษาเก่ยี วกบั การชน และกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั
1.8 นักเรียนศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมจากเว็บไซต์การสอนฟิสิกส์ชื่อ http://gg.gg/chatree-teach
ขั้นสารวจและค้นหา
2.1 นกั เรียนสบื ค้นข้อมลู เกย่ี วกับ การชน จากใบความรู้ 6 และบันทึกลงในใบงาน 6.2 แลว้
สรปุ สาระสาคัญ บนั ทึกลงในสมดุ จดบันทึกและตอบคาถาม
2.2 สุ่มนกั เรียน 1 กลุม่ เสนอผลการสืบคน้ ขอ้ มลู
ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 นกั เรียนนาขอ้ มลู จากข้ันการสบื ค้น ขอ้ มลู มาอภปิ รายร่วมกัน

185

3.2 ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับการชน เพ่อื ใหน้ ักเรียนสรปุ สาระสาคญั ลงในสมุดจดบนั ทึก
ข้ันขยายความรู้

4.1 นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปราย เกี่ยวกับ กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การชนแบบยืดหยุ่น
และการชนแบบไม่ยืดหยุ่น และตวั อยา่ ง จากใบความรู้ 6

4.2 นักเรียนรว่ มกนั สบื ค้น แกป้ ญั หา ในใบงาน 6.3
4.3 นักเรียนทาแบบฝึกทกั ษะ 6
4.4 นักเรียนศึกษาขอ้ มูลเพิม่ เติมเกีย่ วกับสถติ กิ ารเกิดอุบตั ิเหตุรถชนในจังหวัดกาแพงเพชร,การ
เกิดอุบัติเหตุทางรถในอาเซียน และ ความไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนน เพ่ิมเติมจากเว็บไซต์
http://gg.gg/chatree-teach (บรู ณาการ*)
ขั้นประเมนิ
5.1 นักเรียนเขียน Concept mapping เก่ียวกับการชนและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ในใบ
กจิ กรรม 6
5.2 นักเรียนนา Concept mapping อภิปรายแลกเปลี่ยนกับเพ่ือนๆ และประเมินผลงาน
ให้กบั เพ่ือน
5.3 นักเรียนที่เป็นเจ้าของผลงาน Concept mapping ท่ีได้รับการประเมินจากเพื่อนมา
อภปิ รายเกี่ยวกบั Concept ในงานนนั้ โดยการสมุ่ จากครู
5.4 นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน
5.5 นักเรยี นท่ที าคะแนนได้ไม่ถึงรอ้ ยละ 50 เขา้ ไปเรยี นรู้และฝึกทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา
โจทย์วชิ าฟสิ ิกส์ออนไลน์ เร่ือง การชนและกฏอนุรกั ษ์โมเมนตมั ได้ท่ีเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

10. ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใช้สอ่ื
รายการส่ือ 1 ชุด ใชข้ ้ันสร้างความสนใจ
1 ชดุ ใชข้ น้ั สรา้ งความสนใจ
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 1 ชดุ ใช้อธบิ ายและลงข้อสรปุ ( ใชข้ ้ันประเมิน )
2. ใบงาน 1.1 1 ชุด ใชอ้ ธบิ ายและลงข้อสรปุ
3. แบบฝึกทักษะ 1 1 ชุด ใชส้ ารวจและคน้ หา
4. ใบความรู้ 1 1 ชดุ ใช้ขยายความรูแ้ ละลงขอ้ สรปุ
5. ใบงาน 1.2 1 ชดุ ใชข้ ัน้ ประเมนิ และลงข้อสรปุ
6. ใบงาน 1.3 1 ชดุ ใชข้ น้ั ประเมิน
7. ใบกิจกรรม 1 1 ชุด ใช้ประกอบทกุ ขนั้ ตอนของการเรยี นการสอน
8. แบบทดสอบหลังเรยี น
9.เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

186

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

กิจกรรมเสริมทกั ษะหรือซอ่ มเสริม

รายการ วธิ ีดาเนินกจิ กรรม

1. ปรับปรุง – แกไ้ ขข้อบกพรอ่ งของผู้เรียน 1. ครคู วบคุมดแู ลใหอ้ ยใู่ นกรอบระหวา่ งเรียน

2. ครูคอยเสรมิ หรือแก้ไขเมอ่ื การอภิปรายของนักเรียน

ไม่สมบรู ณ์

3. ครูช้ีแจงข้อบกพร่องในการทากจิ กรรม

4. ครเู ฉลยขอ้ สงสยั ทน่ี ักเรียนทาไมไ่ ด้

5. สอนซ่อมเสรมิ นกั เรยี นทไี่ มผ่ า่ นประเมินหลังเรยี น

2. สง่ เสรมิ ความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียน 1. ใหน้ ักเรยี นทาช้นิ งาน 1 ช้นิ งาน

นอกจากนน้ั ใหส้ บื ค้นข้อมลู เพมิ่ เตมิ จาก www.wikipedia.org และเว็บไซต์ของฟิสกิ ส์ราชมงคล

http://www.rmutphysics.com

187

12.บันทกึ ผลหลังการสอน

12.1 หาความกา้ วหนา้ ในการเรียนการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความก้าว
ระหว่างเรยี น หลงั เรียน หนา้ ใน
นักเรยี น กอ่ นเรียน การเรยี น
8.62 9.11 86.2/91.1
151 10 2.53 65.8

สตู ร รอ้ ยละความกา้ วหนา้ ในการเรียน = คะแนนหลงั เรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสิทธิภาพของสื่อ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ (ทาแบบฝกึ )
E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ (สอบหลงั เรียน)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหว่างเรยี น x 100
คะแนนเตม็

ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลังเรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 สภาพของการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน กิจกรรมการเรยี นการสอนที่กาหนดไวใ้ นแผนการ

จดั การเรยี นรู้ เปน็ กิจกรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รยี นและเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ สามารถจัดกิจกรรม
การเรียนการสอน

 ไดต้ ามเวลาทีก่ าหนดทกุ กิจกรรม
 ไมท่ ันตามเวลาทีก่ าหนดในกจิ กรรมเนื่องจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีสว่ นร่วมของนักเรียน การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนครัง้ น้ี นักเรยี นทกุ คนไดร้ ว่ ม

กจิ กรรมและเรียนรู้อย่างมีความสุข และมีขอ้ ค้นพบเพ่ิมเติมคือ.....นักเรียนแสดงออกด้วยการมีสว่ นร่วมในการ

ตอบคาถาม โดยเฉพาะประเด็นของการชนกันของรถในชีวิตประจาวนั .......
12.4 ความรู้ความเขา้ ใจของผูเ้ รียน กจิ กรรมช่วยให้ผเู้ รียนมีความร้คู วามเขา้ ใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกดิ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงคแ์ ละมที ักษะกระบวนการตามท่จี ุดประสงค์กาหนด นอกจากน้นั ยังพบว่า

.......นกั เรียนมีความเขา้ ใจในเนือ้ หาทเ่ี รียน ในระดบั ดีมาก........
12.5 ส่ือการสอน สือ่ การเรียนการสอนที่กาหนดในแผนการจดั การเรียนรู้ ไดใ้ ชส้ ื่อหลายอยา่ ง เป็นสอ่ื

ทเี่ หมาะสมกับวัยผู้เรียน สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หา สามรถใช้ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อย่าง

เหมาะสม ช่วยใหผ้ ้เู รียนเรยี นร้อู ยา่ งสนกุ สนานและเข้าใจบทเรยี นไดเ้ รว็ ยงิ่ ขน้ึ และมีข้อคิดเหน็ เพิ่มเตมิ คือ
.....นักเรียนสนใจสื่อการสอนอย่างมาก โดยเฉพาะคลิปการชนกนั ของวัตถทุ ี่ระดับความเร็วต่าเพราะทาให้เหน็

ลกั ษณะของการชนแบบทน่ี กั เรยี นไมเ่ คยพบมาก่อน.................

188

12.6 การวดั ผลประเมนิ ผล ในการจดั การเรยี นการสอนคร้งั นี้ ครอบคลุมพฤติกรรมตามจดุ ประสงค์
การเรียนรูท้ ่ีกาหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการวดั ผลและประเมินผลสรุปได้ ดังนี้

ด้านความรคู้ วามเขา้ ใจ (K)
นกั เรียนที่ผา่ นจดุ ประสงคต์ ามเกณฑ์ จานวน..151...คน คดิ เปน็ ร้อยละ..100.....
นกั เรียนทไ่ี มผ่ า่ นจุดประสงค์ จานวน....-......คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...-....
และได้ดาเนินการแกป้ ัญหา คือ
 สอนเสริม  มอบงานใหท้ าเพ่ิมเตมิ ทารายงาน  อนื่ ๆ................
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรยี นทีผ่ ่านทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..100.....
นักเรียนที่ไมผ่ า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คดิ เปน็ ร้อยละ...-....
และได้ดาเนินการแกป้ ญั หา คือ .......................-...........................................................
ดา้ นคา่ นิยม (A)
นักเรียนท่ีมีค่านิยมตามเกณฑ์รอ้ ยละ จานวน..151...คน คิดเปน็ ร้อยละ..100.....
นักเรียนท่ีต้องปรับเปลยี่ นคา่ นยิ ม จานวน....-......คน คิดเปน็ ร้อยละ...-....
และได้ดาเนินการปรบั เปลยี่ นค่านยิ ม (แจงรายละเอียด ของการปรับเปล่ียนคา่ นิยม
คือ ............-............................................................................................................................
12.7 การบรู ณาการ ในการจัดการเรียนการสอนไดบ้ ูรณาการการเรียนรูโ้ ดยบรู ณราการภายในเนือ้ หา
สาระของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตรซ์ ่งึ เปน็ การบูรณาการ(ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง / อาเซยี น / โรงเรยี น
สุจริต) เพอื่ ต้องการใหน้ กั เรยี นไดน้ าความรู้ทไ่ี ด้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มที กั ษะชวี ติ ท่ีจะก้าวไปสู่สังคมภายนอก
ไดอ้ ยา่ งมีความรู้ท่ีเทา่ ทนั ในยุคปจั จุบัน โดยมีขอ้ คน้ พบเพ่มิ เติม คือ...มีการบูรณาการเกี่ยวกับอาเซยี นในกจิ กรรม
การเรียนการสอนอยา่ งสมา่ เสมอ......
12.8 นวตั กรรมท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนในคร้งั นีไ้ ด้จัดทาสอ่ื การเรยี น
การสอนทเ่ี ป็นนวตั กรรม คือ ....เว็บไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใชน้ วตั กรรมพบวา่ ......นักเรยี นสนใจสื่อการสอนเป็นอยา่ งดี......
12.9 วิจัยในช้นั เรียน ผลจากการจดั การเรียนการสอน พบประเด็นน่าสนใจที่ควรดาเนินการศึกษา
ค้นคว้าเพ่ิมเติมในรูปแบบการวิจยั ในชั้นเรยี นเก่ยี วกบั การจัดการเรยี นการสอนคือ..-..............................................
................................................................................................. ................................................................................
12.10 ปญั หาและอุปสรรค ผลจากการจัดการเรยี นการสอน พบประเด็นปัญหาและอุปสรรค

ดงั ต่อไปน้ี..........นกั เรยี นแก้สมการคณติ ศาสตร์ในโจทย์วิชาฟสิ กิ ส์ไม่ค่อยได.้ ........
............................................................................................................................. ....................................................

12.11 แนวทางการแก้ไขปัญหา
จากประเดน็ ปัญหาที่พบ สามารถวเิ คราะหแ์ นวทางเพอ่ื แก้ปัญหา ดงั นี้...ใหน้ ักเรียนฝกึ ทาโจทยแ์ บบ
ต่างๆทหี่ ลากหลายรวมท้ังในเว็บไซต์......

ลงชอื่ ..............................................ผสู้ อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

189

ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศกั ด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหน่ง หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
.................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นายวเิ ชยี ร ยอดนลิ )

ตาแหน่ง รองผูอ้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............
ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................................................................... ...........
....................................................................................................................... .......................................
ลงชอ่ื ........................................................

(นางสิรวิ รรณ ตันตสิ ันตสิ ม)
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการ รกั ษาการในตาแหน่ง

ผู้อานวยการโรงเรียนวชั รวิทยา
วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

190

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 6
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 โมเมนตมั และการชน
เรื่องที่ 3 การชน และกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม
วิชา ฟิสกิ ส์ 2 รหัสวิชา ว30202 ชนั้ ม.4 เวลา 7 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียน 1.5 หนว่ ย

อาจารย์ผ้สู อนนายชาตรี ศรีมว่ งวงค์

191

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบความรู้ 6 ผลการเรียนทีค่ าดหวังที่ 6
รหัสวิชา ว 30202 ระดับชั้น ม. 4 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 6

การชน และกฎการอนุรักษโ์ มเมนตัม

การชน ( Collision )

การชน หมายถงึ การทวี่ ตั ถหุ นง่ึ กระทบกบั อกี วตั ถุหน่ึงในช่วงเวลาส่ันๆ ( การชนกนั ของรถ การกระทบ

กนั ของลูกตุ้ม กับเสาเข็ม การตเี ทนนิส ตีปิงปอง ตกี อลฟ์ การเตะลกู บอล )หรือในบางครงั้ วตั ถุอาจไม่ต้อง

กระทบกัน แต่มีแรงมากระทาตอ่ วัตถแุ ล้วให้ผลเหมือนกบั การชน ( การระเบิดของวตั ถุระเบิด การยิงปืน )

ในการชนของวตั ถุโดยมากมักจะมีแรงภายนอกมากระทาต่อวตั ถุ ซึ่งขนาดของแรงจะมากหรอื น้อย

ข้ึนอยู่กับลักษณะการชนของวตั ถุ และในการชนอาจมีการสูญเสยี ค่าโมเมนต้มมากหรือนอ้ ย หรือไม่สญู เสียเลยก็

ได้ เราอาจแยกการชนออกได้ 2 ลักษณะดงั นี้

1. เม่อื โมเมนตมั ของระบบมีคา่ คงท่ี เป็นการชนทีข่ ณะชนมีแรงภายนอกมากระทาน้อยมากๆ เม่ือ

เทยี บกับขนาดของแรงดลที่เกิดขน้ึ หรือแรงภายนอกเปน็ ศูนย์ เช่น การชนกันของลูกบดิ เลียด การชนของ

รถยนต์ การยิงปืน เปน็ ตน้

2. เมอื่ โมเมนตัมของระบบไม่คงที่ เปน็ การชนท่ีขณะชนมีแรงภายนอกมากระทามากกวา่ แรงดลทเ่ี กดิ

กับวตั ถขุ ณะชนกนั เช่นลูกบอลตกกระทบพ้นื รถยนตช์ นกับต้นไม้ เป็นตน้

ในทีน่ ี้ เราจะกลา่ วถึงการชนของวัตถุ เมื่อไม่มีแรงภายนอกมากระทาตอ่ ระบบ ซงึ่ จะเปน็ ผลให้ โม

เมนตัมของระบบมีค่าคงที่ พิสจู นไ์ ดจ้ ากกฎการเคล่ือนท่ขี ้อท่ี 3 ของนวิ ตัน

เมอ่ื วตั ถุชนกนั จะเกิดแรงกระทาซงึ่ กันและกันด้วยขนาดที่เท่ากันแต่ทศิ ตรงกันขา้ ม ดงั รูป

m1 F12 F21 m2 จจะากไดรู้ปตามกฎการเคลFื่อ1น2ทีข่ ้อท=่ี 3 ของน- Fิว2ต1ัน
m2 m2
จากกฎการเคล่อื นที่ขอ้ ท่ี 2 ของนวิ ตนั
จะได้ m1 a1 = - m2 a2
v v
m1  t 1 = - m2  t 2

m1 v1 -u1  = - m2 v 2 -u 2 
t
t
m1v1 - m1u1 = - m2v2 + m2u2
ดงั น้นั m1u1 + m2u2 = m1v1 + m2v2

( P1 + PP2 )ก่อนชน = ( PP1 + P2 )หลงั ชน
 P กอ่ นชน = =
ก่อนชน P หลงั ชน
หลงั ชน
จาก 

ซ่งึ เรยี กว่า กฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตมั สรุปไดว้ ่า “การชนของวัตถุ เม่ือมีแรงภายนอกท่ีเป็นศูนยม์ า

กระทา ผลรวมของโมเมนตัมของระบบกอ่ นชนจะเทา่ กบั ผลรวมของโมเมนตมั ของระบบหลงั ชนเสมอ”

192

ในทนี่ ้ี จะกลา่ วถึงการชนใน 2 ลักษณะ คอื

1. การชนแบบยืดหยนุ่

เปน็ การชนทีพ่ ลังงานจลนข์ องระบบไม่เปล่ียน จะได้
E1 E21 m1kvห1ล2งั ช+น
m1 u12  1 k กอ่ นชน = 1 m2 v 2
2 + 2 = 2 2
m2 u22

จาก m21 1mu11u12 + m21 m2u22u22 = v12m+1v211 + m2v2 …………… ( 1 )
และ + …………… ( 2 )
= 1 m1 m2 v 2
2 2

จะได้ u1 + v1 = u2 + v2

การชนใน 1 มิติ

ตัวอย่าง วัตถุมวล 2 กโิ ลกรัม ว่งิ ด้วยความเรว็ 4 เมตรตอ่ วนิ าที เขา้ ชนวตั ถุมวล 1 กโิ ลกรัม ซ่ึง

กาลังเคล่อื นทีด่ ว้ ยความเรว็ 2 เมตรตอ่ วนิ าที ไปในทศิ ทางเดียวกนั ถา้ การชนไมม่ ีการสญู เสยี พลังงาน ความเรว็

ของมวลท้ังสองหลงั ชนเปน็ เท่าใด  P กอ่ นชน =  P หลงั ชน
วธิ ที า จาก

m1u1 + m2u2 = m1v1 + m2v2
2 ( 4 ) + 1 ( 2 ) = 2v1 + v2
10 = 2v1 + v2 …………….. ( 1 )

จาก u1 + v1 = u2 + v2

4 + v1 = 2 + v2
2 = v2 - v1 …………….. ( 2 )
8 = 3v1
(1)–(2)

 v1 = 8 / 3 m/s
v2 = 14 / 3 m/s

การชนใน 2 มติ ิ
เปน็ การชนของวตั ถใุ นแนวไม่ผา่ นจุดศนู ยก์ ลางของมวล ทาใหท้ ศิ ทางการเคลื่อนท่ีของวัตถุไม่อยู่ใน

แนวเส้นตรงเดียวกนั เรียกการชนลกั ษณะนว้ี า่ การชนในสองมติ ิ ในท่นี จี้ ะกลา่ วถึงการชนแบบยืดหยนุ่ เมอ่ื มวล
ทง้ั สองก้อนเท่ากัน

กาหนดให้มวล m มคี วามเร็ว u1 เข้าชนมวล m อกี ก้อนหน่งึ ซงึ่ อย่นู ง่ิ ในแนวไม่ผา่ นจดุ ศนู ย์กลางของ

มวล ทาให้มวลทง้ั สองแยกออกจากกนั ทามุม  มีความเรว็ v1 และ v2 ตามลาดบั ดังรูป

v1

m m m
m

v2

193

รปู การชนแบบยดื หยนุ่ ใน 2 มติ ิ เม่อื มวลเทา่ กนั

ผลการช1แเนม.สจ่ือดะมงไวไดดลว้ ด้ ่าจmงั ะรไูปเดท้ ่ากนัm1แuล1ะ+u2mu1อP2ยuก2ู่น่อง่ินชดนงั นv้ัน1จึงม===คี ่าเท่ากmบัv11Pศ+vvนูห12ลยv+งั ์ช2นm2 v2

u12 v2 = u1

หาขนาดได้ดังน้ี v12 + v 2 + 2 v1v2cos ……….( 1 )
2

E E2.
 k กอ่ นชน =  k หลงั ชน 1
m21 mเท1า่uก12 นั +แ2ล1ะmu22u22อยู่น่ิง 1 2 m2
= 2 m1 v 2 + v 2
1 2

เม่ือมวล ดังนัน้ จึงมคี ่าเทา่ กบั ศนู ย์

จะได้ u12 = v 2 + v 2 ……….( 2 )
1 2

( 1 ) = ( 2 ) ไดว้ ่า 2 v1v2cos = 0

แต่ 2 v1v2  0

ดังน้ัน cos = 0

  = 90

สรปุ ได้วา่ ถา้ มวลเท่ากนั ชนกันแบบยดื หยนุ่ ในแนวไม่ผา่ นจดุ ศนู ยก์ ลางมวลและมวลถกู ชนอยนู่ ิง่ หลัง
ชนกนั มวลท้ังสองจะแยกออกจากกันทามมุ 90 เสมอ

194

ตัวอย่าง ลูกกลมขนาดเทา่ กนั 2 ลูก A และ B โดยลกู A วง่ิ เขา้ ชนลูก B ซง่ึ อยนู่ ิง่ ในแนวไม่ผ่านจดุ ศูนย์กลาง ทา

ให้ลกู A กระเด็นเบี่ยงไปจากแนวเดมิ เป็นมมุ 60 ก่อนชนลกู กลม A มีความเร็ว 8 เมตรต่อวินาที และเป็นการ
ชนแบบยืดหย่นุ หลังชนลูกกลม A และ B จะมีความเร็วเท่าใด

mAvA mAvAsin60

A mAuA A B60 mAuA mAvA cos60
mBvB cos30
B  P กอ่ นชmน BvB mvmBBPvBBvหลBsงั iชsnนi3n030
=
จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตมั mAvAsin60 = 2
ในแนวต้ังฉากกบั mAuA 3
2 =
v A

vB = 3 vA ……………… ( 1 )

ในแนวขนานกับ mAuA mAuA = mv2AAvA+cos2630vB + mBvB cos30
10 =

20 = vA + 3 vB ……………… ( 2 )
แทน ( 1 ) ใน ( 2 ) 20 = vA + 3vB

 vA = 5 m/s
vB = 5 3
แทนค่า vA ใน ( 1 ) m/s
ดงั น้ันหลงั ชนลกู กลม A และ B จะมีความเรว็ 5 m/s และ 5 3 m/s ตามลาดบั

195

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 6.1 ผลการเรยี นท่ีคาดหวงั ท่ี 6
รหัสวิชา ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรียนร้ทู ่ี 6
ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที

เร่ือง การชน และกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั

ชอื่ …………………………………………………..……ชั้น……………เลขท่ี………….

1. ให้นักเรียนเลือกแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ การชนกันข้องวัตถุ มปี รมิ าณใดบา้ งทเ่ี กยี่ วข้อง อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ให้ กลมุ่ เลอื ก เหตุการณ์จากขอ้ 1. มาแสดงความคดิ เหน็ วา่ การชนกันข้องวตั ถุ มีปริมาณใดบ้างท่ีเกี่ยวข้อง

อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นท่นี ักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายสรุป เห็นวา่ การชนกนั ข้องวัตถุ มปี ริมาณใดบา้ งทเี่ กย่ี วข้อง
อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

196

รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 2 ใบงาน 6.2 ผลการเรียนที่คาดหวงั ท่ี 6
รหัสวิชา ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรู้ที่ 6
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4
5 คะแนน ( P ) เวลา 40 นาที

เร่อื ง การชน และกฎการอนุรักษโ์ มเมนตัม

ชอื่ ………………………………………………………ช้ัน…………เลขท่ี……..กลมุ่ ที่…………

ใหน้ ักเรียนสรุปสาระสาคญั ท่ีได้จากการสบื ค้น ขอ้ มูล ลงในสดุ จดบันทกึ

1. การชน ( collission )
2. กฎทรงโมเมนตัม
3. การชนแบบยดื หยุ่น
4. การชนแบบไม่ยดื หยุ่น

ให้นกั เรยี นเติมคาตอบที่ถูกต้องลงในชอ่ งว่างต่อไปน้ี

1. การเคลอ่ื นทขี่ องวัตถนุ อกจากจะมีโมเมนตมั แลว้ ยังมีปริมาณอกี อยา่ งหนงึ่ ในรูปของพลงั งาน คือ พลงั งานอะไร

………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. การชนน้นั จะมีพลงั งานเก่ยี วขอ้ ง ผลจะทาให้พลังงานในระบบเปลีย่ นไป เราสามารถจาแนกการชนโดยยึดหลักในเร่อื ง

พลงั งาน แบ่งการชนไดเ้ ป็น 2 แบบ คือ………………………………………………………………………………………

3. การชนกนั ของวตั ถุ ในระบบหนงึ่ เมื่อไม่คดิ แรงภายนอก โมเมนตัมของระบบจะเปน็ อยา่ งไร..…………………………….
4. ในวตั ถหุ นึ่งๆ เม่ือเกดิ การชนเกดิ ขึ้น ปรมิ าณใดบ้างท่เี ปล่ียนไป ……………………………………………………………
5. เม่อื วตั ถใุ นระบบหนึ่ง เกดิ การชนกนั โดยไมค่ ิดแรงภายนอก ปรมิ าณใดของระบบไมเ่ ปล่ยี นแปลง.………………………
6. เมื่อวัตถใุ นระบบหนึง่ เกิดการชนกนั โดยไมค่ ดิ แรงภายนอก ปริมาณใดของระบบท่ีเปลี่ยนแปลง.………………………
7. วัตถุ A มี EK = 20 จูล และ วัตถุ B มี EK = 15 จลู เมื่อ วัตถุ ทงั้ สองชนกัน วัตถทุ ั้งสอง มี EK รวมกัน = 28.5 จูล แสดงว่า

การชนกันของวตั ถุทงั้ สองนเ้ี ปน็ การชนแบบ ……………………………………………………………………………………

8. วัตถุ A มี โมเมนตมั = 5 N.s และ วัตถุ B โมเมนตัม = 3 N.s เม่ือ วัตถุ ท้ังสองชนกัน วัตถุท้ังสอง จะมีโมเมนตัมรวมกัน

หลังชนมคี า่ มากกวา่ หรือ น้อยกวา่ หรือเท่ากับ 8 N.s ……………………………………………………………………….

9. หลังจากทวี่ ัตถทุ ัง้ สองชนกันแลว้ มี EK รวมกัน = 30 จูล โดยวัตถุตัวท่ีหน่ึง มี EK = 21 จูล และวัตถุตัวที่สอง มี EK = 9 จูล

แสดงวา่ การชนกนั ของวตั ถุทงั้ สองน้ีเปน็ การชนแบบ ……………………………………………………………………

10. มวี ตั ถุทง้ั สองเหมือนกันทุกประการ เมื่อชนกันโดย EK ของระบบคงท่ี ในแนวไม่ผ่านจุดศูนย์กลางมวลและมวลถูกชนอยู่น่ิง

หลงั ชนกนั มวลทงั้ สองจะแยกออกจากกนั ทามมุ ……………….เสมอ

11. บอลมวล 3 กิโลกรมั เคล่อื นทด่ี ้วยความเร็ว 3 เมตรตอ่ วนิ าที เข้าชนกล่องมวล 6 กิโลกรัม ซึ่งอยู่น่ิง ภายหลัง

ชน บอลหยดุ น่งิ แต่กลอ่ งเคลอ่ื นที่ตอ่ ไปในทิศเดิมด้วยความเรว็ กี่เมตรต่อวนิ าที

วิธที า ผลรวมโมเมนตัมตmัมก1 อ่u1นช+นmP2 uก2่อนชน เทา่ กบั m1Pvห1ล+งั ชนผmล2รวvม2โมเมนตมั หลงั ชน

=
=

( 3 )(…..) + ( 6 )(…..) = ( 3 ) ( …..) + ( 6 )( V2 )

197

9 = V2
6
V2 = …….. เมตร ต่อวินาที ตอบ

12. มวล 2 กิโลกรัม มีความเร็ว 3 เมตรต่อวินาที พุ่งเข้าชนมวล 1 กิโลกรัม ซ่ึงสวนมาด้วยความเร็ว 2 เมตรต่อ

วินาที ในแนวเสน้ ผา่ นศูนย์กลางมวล ภายหลังการชนมวลทั้งสองติดกันไป จงหาพลังงานจลน์ท่ีหายไปเป็นก่ี

จูล E k กอ่ นชน = 1 m1 u12 + 1 m2 u22 = 1 ( 2 ) ( ….. )2 1
วิธีทา 2 2 2 +2(
…… ) ( 2 )2

= (………..) + (………….) = 11 J
= 1 1 1
E k หลังชน 2 m1 v12 + 2 m2 v 2 = 2 ( m1+ m2) V2 ……….. (
2

1)

หาความเรว็ เมอื่ มวลทง้ั สองmmติด11 กuu11นั ++ไปmmจP22าuuกก22อ่ นชน = P vห1ล+งั ชนm2 v2
=
( 2 )(3) + ( 1 )( -2) m1
= m1 v + m2 v

= (2+1)V

(……..) + ( ……..) = 3 V

V = ( ……….. )

แทนค่า V ในสมการ ( 1 ) 1 1
2 2
จะได้ E k หลงั ชน = ( m1+ m2) V2 = ( 3 )(………..)2 = …………. จลู

 พลงั งานจลนห์ ายไป E=  k ก่อนชน E-  k หลังชน = ( 11 ) - ( ……..) = …………. จลู

198

13. ลูกกลม 2 ลูก มวล A และ B มีมวลเท่ากัน A มีขนาดความเร็วก่อน 5 เมตรต่อวินาที และ B อยู่น่ิง
ดังรูปจงหาขนาดของความเรว็ ของลกู กลมท้ังสองภายหลังชน ตามลาดับ ( เมตรต่อวินาที ) เม่ือ sin 37
=3

5

A m A 37
m B m

กอ่ นชน m
B หลงั ชน

mAvA mAvAsin37

A mAuA A B37 mAuA mAvA cos37
mBvB cos53
B
 P กอ่ นชน mBvB  P หลงั ชน mBvB sin53
จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตมั =
ในแนวต้ังฉากกับ mAuA
53mvAAvAsin37 = m45BvvBB sin53
=

vB = 3 vA ……………… ( 1 )
4

ในแนวขนานกบั mAuA mAuA = m45 AvvAA cos37 + mBvB cos53
5 = 3
+ 5 v B

25 = 4vA + 3vB 3 ……………… ( 2 )
25 = 4vA + 3( 4
แทน ( 1 ) ใน ( 2 ) vA )

 vA = ……….. m/s

แทนค่า vA ใน ( 1 ) vB = ……….. m/s

ดงั น้ันหลังชนลกู กลม A และ B จะมคี วามเร็ว (……..) m/s และ (……..) m/s ตามลาดับ

199

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 6.3 ผลการเรยี นทคี่ าดหวังท่ี 6
รหสั วิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 6
ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 4
5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที
เรื่อง
การชน และกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั

ชอ่ื ………………………………………………………ช้นั …………เลขท่ี……..กลุ่มที่…………

1. มวล 4 กโิ ลกรมั มีความเร็ว 3 เมตรต่อวนิ าที พงุ่ เข้าชนมวล 2 กิโลกรัม ซง่ึ สวนมาด้วยความเร็ว 1 เมตรตอ่
วินาที ในแนวเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางมวล ภายหลังการชนมวลทัง้ สองติดกันไป จงหาพลงั งานจลน์ทห่ี ายไปเปน็ ก่ี
จลู

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

2. ลกู ระเบิดลกู หนึง่ มวล 5 กิโลกรมั กลงิ่ เปน็ แนวเสน้ ตรงไปบนพ้ืนราบท่ีไมม่ ีแรงเสยี ดทานด้วยความเร็ว 2
เมตรตอ่ วินาที ปรากฏว่าลกู ระเบดิ ระเบดิ ออกเปน็ สองส่วนมวลเท่ากัน โดยสว่ นที่หนงึ่ เคลือ่ นที่ต่อไปในแนว
เดมิ ดว้ ยความเร็ว 10 เมตรตอ่ วนิ าที ดังนั้นอีกสว่ นหนึง่ จะเคลื่อนที่อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

200

3. วตั ถุ A มวล 5 กโิ ลกรมั และวัตถุ B มวล 2 กโิ ลกรัม วางบนพืน้ ที่ไม่มีความเสียดทาน มเี ชอื กผกู ต่อกัน โดย
เชือกไมต่ งึ ดังรปู ถ้าออกแรงผลักวตั ถุ A ใหเ้ ร่มิ เคล่ือนที่ดว้ ยความเรว็ 14 เมตรต่อวนิ าที อัตราเร็วสดุ ทา้ ย
ของวัตถุ A และ B มคี ่าก่ีเมตรตอ่ วินาที

BA

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

4. ลกู กลม 2 ลูก มวล A และ B มมี วลเท่ากนั A มีขนาดความเร็วก่อน 4 เมตรต่อวินาที และ B อยู่นิ่ง ดังรูป

จงหาขนาดของความเร็วของลูกกลมท้ังสองภายหลังชน ตามลาดับ ( เมตรต่อวินาที ) เม่ือ sin 37 =

3

5 A 37
m
A
m
m กอ่ นชน m B หลงั ชน
B

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

201

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 แบบฝึกทักษะ 6 ผลการเรยี นทคี่ าดหวังท่ี 6
รหสั วิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรยี นรูท้ ่ี 6
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที

เรือ่ ง การชน และกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตัม

ชอ่ื .............................................................. ชัน้ ม. 6 /......……. เลขท่ี...............คะแนนทไ่ี ด้………….…….

1.บอลมวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีด้วยความเร็ว 3 เมตรต่อวินาที เข้าชนกล่องมวล 5 กิโลกรัม ซึ่งอยู่นิ่ง ภายหลัง

ชน บอลหยุดนิง่ แตก่ ล่องเคลอ่ื นทต่ี ่อไปในทศิ เดิมดว้ ยความเร็วก่เี มตรตอ่ วินาที

วิธที า ผลรวมโมเมนตัมตmัมก1 อ่u1นช+นmP2 uก2อ่ นชน เท่ากบั m1Pvห1ล+งั ชนผmล2รวvม2โมเมนตมั หลังชน

=
=

( … )(3) + ( 5 )(…..) = ( 2 ) ( …..) + ( 5 )( V2 )
........ V2 ตอบ
......... =

2.มวล 1 กิโลกรัม มีความเร็ว 2 เมตรต่อวินาที พุ่งเข้าชนมวล 2 กิโลกรัม ซ่ึงสวนมาด้วยความเร็ว 1 เมตรต่อ

วนิ าที ในแนวเส้นผ่านศนู ย์กลางมวล ภายหลังการชนมวลทัง้ สองติดกนั ไป จงหาพลังงานจลนท์ ี่หายไปเป็นกี่จลู
1 1 1 1
Eวิธที า 2 m1 u12 + 2 u22 = 2 1 ) )2 2 ( )2
 k ก่อนชน = m2 ( ( ….. + …… ) ( 1

= (………..) + (………….) = 3 J
1 1 1
E k หลงั ชน = 2 m1 v12 + 2 m2 v 2 = 2 ( m1+ m2) V2 ________ ( 1 )
2

หาความเรว็ เมอื่ มวลทง้ั สองmmติด11 กuu11นั ++ไปmmจP22าuuกก22่อนชน = P vห1ล+งั ชนm2 v2
=
( 1 )(2) + ( 2 )( -1) m1
= m1 v + m2 v

= (1+2)V

(……..) + ( ……..) = 3 V

V = ( ……….. )

แทนค่า V ในสมการ ( 1 ) 1 1
2 2
จะได้ E k หลงั ชน = ( m1+ m2) V2 = ( 3 )(………..)2 = …………. จูล

 พลงั งานจลนห์ ายไป E E=  k ก่อนชน -  k หลังชน = ( 3 ) - ( ……..) = …………. จลู

202

3.ลูกกลม 2 ลูก มวล A และ B มีมวลเท่ากัน A มีขนาดความเร็วก่อน 2 เมตรต่อวินาที และ B อยู่น่ิง ดัง
รูปจงหาขนาดของความเร็วของลูกกลมทง้ั สองภายหลังชน ตามลาดับ ( เมตรตอ่ วนิ าที ) เม่อื sin 37 = 3

5

A m A 37
m B m

ก่อนชน m
mAvA B หลmงั AชvนAsin37
A mAuA A B37 mAuA mAvA cos37
mBvB cos53
B =mBvB  P หลงั ชน mBvB sin53

จากกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั  P กอ่ นชน

ในแนวตง้ั ฉากกับ mAuA 35mvAAvAsin37 = m45BvvBB sin53
=

vB = 3 vA ……………… ( 1 )
4

ในแนวขนานกับ mAuA mAuA = m45 AvvAA cos37 + mBvB cos53
2 = 3
+ 5 v B

10 = 4vA + 3vB ……………… ( 2 )

แทน ( 1 ) ใน ( 2 ) ……….. = 4vA + 3 ( …….. )

 vA = ……….. m/s
แทนคา่ vA ใน ( 1 ) vB = ……….. m/s

203

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 เฉลยแบบฝกึ ทักษะ 6 ผลการเรียนทคี่ าดหวงั ท่ี 6
รหสั วิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 6
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที
เรอ่ื ง การชน

ช่ือ.............................................................. ช้นั ม. 4 /......……. เลขท่ี...............คะแนนท่ีได้………….…….

1. บอลมวล 2 กิโลกรมั เคลอื่ นทดี่ ว้ ยความเรว็ 3 เมตรตอ่ วนิ าที เข้าชนกล่องมวล 5 กโิ ลกรัม ซึ่งอยู่นิ่ง ภายหลัง

ชน บอลหยดุ นง่ิ แตก่ ล่องเคลื่อนท่ีต่อไปในทศิ เดิมด้วยความเร็วกีเ่ มตรตอ่ วนิ าที

วธิ ที า ผลรวมโมเมนตัมตmัมก1 อ่u1นช+นmP2 uก2่อนชน เทา่ กบั m1Pvห1ล+งั ชนผmล2รวvม2โมเมนตัมหลงั ชน

=
=

( ..2.. )(3) + ( 5 )(..0..) = ( 2 ) ( .0.) + ( 5 )( V2 )
.....6... V2 ตอบ
......5... =

2. มวล 1 กิโลกรัม มีความเร็ว 2 เมตรต่อวินาที พุ่งเข้าชนมวล 2 กิโลกรัม ซึ่งสวนมาด้วยความเร็ว 1 เมตรต่อ

วินาที ในแนวเสน้ ผ่านศนู ย์กลางมวล ภายหลังการชนมวลทั้งสองติดกันไป จงหาพลังงานจลน์ท่ีหายไปเป็นก่ี

จลู E k ก่อนชน = 1 m1 u12 + 1 m2 u22 = 1 ( 1 ) ( ..2.. )2 1
วธิ ีทา 2 2 2 + 2 ( .2. )
( 1 )2

= (……2…..) + (……1…….) = 3 J 1
1 1 2
E k หลงั ชน = 2 m1 v12 + 2 m2 v 2 = ( m1+ m2) V2
2

________ ( 1 )

หาความเรว็ เม่ือมวลท้งั สองmmตดิ11 กuu11ัน++ไปmmจP22าuuกก22อ่ นชน = Pvห1ล+งั ชนm2 v2
=
m1
= m1 v + m2 v

( 1 )(2) + ( 2 )( -1) = ( 1 + 2 ) V

(…2…..) + ( …-2...) = 3 V

V = ( …0….. )

แทนคา่ V ในสมการ ( 1 )

204

จะได้ E k หลังชน = 1 ( m1+ m2) V2 = 1 ( 3 )(…0…..)2 = …0…. จลู
2 2
 พลงั งานจลน์หายไป E=  k กอ่ นชน E-  k หลงั ชน = ( 3 ) - ( …0…..) = ……3……. จลู

3. ลูกกลม 2 ลูก มวล A และ B มีมวลเท่ากัน A มีขนาดความเร็วก่อน 2 เมตรต่อวินาที และ B อยู่น่ิง
ดงั รูปจงหาขนาดของความเร็วของลกู กลมทั้งสองภายหลังชน ตามลาดับ ( เมตรต่อวินาที ) เม่ือ sin 37
=3

5

A A 37
m m

กอ่ นชน m m
B B หลงั ชน
mAvA mAvAsin37

A mAuA A B37 mAuA mAvA cos37
mBvB cos53
B

จากกฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตัม  P ก่อนชน =mBvB  P หลงั ชน mBvB sin53

ในแนวต้ังฉากกบั mAuA 53mvAAvAsin37 = m45BvvBB sin53
=

vB = 3 vA ……………… ( 1 )
4

ในแนวขนานกบั mAuA mAuA = m45 AvvAA cos37 + mBvB cos53
2 = 3
+ 5 v B

10 = 4vA + 3vB ……………… ( 2 )

แทน ( 1 ) ใน ( 2 ) …10….. = 4vA + 3 ( … 3 vA ….. )
vA 4
 vB
แทนค่า vA ใน ( 1 ) = ……40 / 13….. m/s
m/s
= ……30 / 13…..

205

รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรียนท่คี าดหวงั ท่ี 6
รหสั วชิ า ว 30202 ( ก่อนเรยี น – หลังเรยี น ) ประกอบแผนจัดการเรยี นรู้ที่ 6
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาท่ี 4 เวลา 15 นาที

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 6 สารวจตรวจสอบ อภปิ ราย และคานวณเกยี่ วกับการชน และกฎอนุรกั ษโ์ มเมนตมั

1.รถยนตค์ ันหนึง่ เรง่ ให้มีความเรว็ เพิ่มขน้ึ เป็นสองเท่าแสดงวา่

1. โมเมนตัมของรถเพิ่มขึ้นเปน็ สองเท่า 2. ความเร่งของรถเพิ่มขนึ้ เป็นสองเทา่

3. พลงั งานจลน์ของรถเพม่ิ ข้นึ เป็นสเี่ ทา่

ข้อความใดถูกต้อง

ก. ข้อ 1 , 2 และ 3 ข. ขอ้ 1 , 3 ค. ข้อ 2 , 3 ง. ขอ้ 1, 2

2.มวลสองก้อนเทา่ กนั ก้อนหนงึ่ หยดุ นิง่ เม่ือชนกนั แลว้ ตดิ กนั ไป แสดงวา่

1. โมเมนตมั ของระบบไมเ่ ปล่ยี น 2. พลังงานจลนข์ องระบบลดลง

3. ก้อนแรกที่นาหนา้ จะมีความเรว็ มากกวา่

ขอ้ ความใดถกู ต้อง

ก. ข้อ 1 , 2 และ 3 ข. ข้อ 1 , 3 ค. ข้อ 2 , 3 ง. ข้อ 1, 2

3.จงพจิ ารณาเหตุการณ์ต่อไปนี้

1. คนอยบู่ นรถแลว้ วิ่งไปข้างหนา้ ทาใหร้ ถถอยหลงั ไปบนพื้นฝดื เปน็ ผลใหโ้ มเมนตัมของระบบคงท่ี

2. กระสุนปืนพงุ่ ชนแทง่ ไม้ซ่ึงวางบนพื้น แลว้ เคลือ่ นท่ีติดไปด้วยกัน ปรากฏว่าพลังงานจลนข์ อง

ระบบเปล่ียน แสดงว่าเป็นการชนแบบไมย่ ดื หยุ่น

3. วัตถุ ระเบดิ เปน็ สามส่วน แตล่ ะส่วนเคลอ่ื นท่ีคนละทิศ เหตกุ ารณน์ โ้ี มเมนตัมของระบบคงท่ี

ขอ้ ใดถูก

ก. ขอ้ 1 , 2 และ 3 ข. ข้อ 1 , 3 ค. ข้อ 2 , 3 ง. ข้อ 1, 2

4.บอลมวล 2.5 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีดว้ ยความเร็ว 2 เมตรต่อวนิ าที เข้าชนกล่องมวล 5 กิโลกรัม ซึ่งอยนู่ ่ิง ภายหลงั

ชน บอลหยุดนง่ิ แตก่ ล่องเคล่ือนท่ตี ่อไปในทศิ เดมิ ด้วยความเร็วกี่เมตรต่อวินาที

ก. 2.5 ข. 2.0 ค. 1.5 ง. 1.0

5.จากโจทย์ขอ้ 4 อยากทราบวา่ เป็นการชนแบบยดื หย่นุ หรือไม่

ก. ไมย่ ืดหยนุ่ เพราะว่า  Ek คงที่ ข. ไมย่ ดื หยนุ่ เพราะว่า  Ek ลดลง
ค. ไม่ยดื หยุน่ เพราะว่า  Ek เพมิ่ ขึ้น ง. ยดื หยุ่น เพราะวา่  Ek คงที่

6.การชนตามข้อใดมีการสูญเสียพลงั งานจลน์มากทีส่ ุด ข. ภายหลังการชนเคล่ือนทส่ี วนทางกัน
ก. ภายหลังการชนเคลอื่ นที่ตง้ั ฉากกนั ง. ภายหลังการชนเคลือ่ นทีต่ ิดกนั ไป
ค. ภายหลังการชนเคลอ่ื นที่ไปทางเดียวกนั

206

7.มวล 1 กโิ ลกรมั มีความเรว็ 4 เมตรตอ่ วนิ าที พงุ่ เขา้ ชนมวล 4 กโิ ลกรมั ซ่งึ สวนมาด้วยความเร็ว 3 เมตรต่อ

วินาที ในแนวเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางมวล ภายหลังการชนมวลทั้งสองติดกันไป จงหาพลังงานจลนท์ ี่หายไปเปน็ กจ่ี ลู

ก. 22.5 ข. 19.6 ค. 14.4 ง. 4.8

8.ลกู ระเบดิ ลูกหนึง่ มวล 3 กิโลกรมั กล่งิ เปน็ แนวเสน้ ตรงไปบนพืน้ ราบท่ีไมม่ ีแรงเสยี ดทานดว้ ยความเร็ว 5 เมตร

ต่อวินาที ปรากฏวา่ ลกู ระเบิด ระเบดิ ออกเป็นสองสว่ นมวลเท่ากนั โดยสว่ นท่หี นึ่งเคลอื่ นทีต่ ่อไปในแนวเดมิ ด้วย

ความเร็ว 15 เมตรต่อวนิ าที ดังนั้นอกี ส่วนหนงึ่ จะเคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็

ก. 5 เมตรต่อวินาที ตามแนวเดิมไปดา้ นหลงั ข. 5 เมตรตอ่ วินาที ตามแนวเดมิ ไปดา้ นหน้า

ค. 10 เมตรต่อวินาที ตามแนวเดิมไปดา้ นหลัง ง. 10 เมตรตอ่ วินาที ตามแนวเดิมไปด้านหน้า

9.วัตถุ A มวล 1 กิโลกรมั และวตั ถุ B มวล 3 กโิ ลกรมั วางบนพน้ื ที่ไมม่ ีความเสยี ดทาน มีเชือกผูกตอ่ กัน โดย
เชือกไม่ตึง ดงั รปู ถา้ ออกแรงผลกั วัตถุ A ให้เร่ิมเคลื่อนที่ด้วยความเรว็ 16 เมตรตอ่ วินาที อัตราเรว็ สดุ ทา้ ยของ
วตั ถุ A และ B มคี ่ากี่เมตรตอ่ วินาที

A B ก. 10 ข. 8

ค. 4 ง. 20

10.ลูกกลม 2 ลูก มวล A และ B มีมวลเท่ากัน A มีขนาดความเร็วก่อน 3 เมตรต่อวินาที และ B อยู่น่ิง
ดงั รปู จงหาขนาดของความเร็วของลูกกลมทง้ั สองภายหลังชน ตามลาดบั ( เมตรต่อวนิ าที ) เมือ่ sin 37 = 3
5
A 37
A m m
m B
m
กอ่ นชน B หลงั ชน

ก. 2.5 , 1.1 ข. 2.5 , 0.8 ค. 2.4 , 1.8 ง. 2.4 , 0.9

207

รายวชิ าฟิสกิ ส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ จดุ ประสงค์การเรียนร้ทู ่ี 6
( ว 30202 ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 กอ่ นเรยี น ประกอบแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 6
หลงั เรียน

เฉลยแบบทดสอบ
กอ่ นเรยี นและหลังเรียน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ง
3ก
4ง
5ข
6ง
7ข
8ก
9ค
10 ค

208

รายวชิ าฟสิ ิกส์ 2 ใบกิจกรรม 6 รหัสวิชา ว 30202

ชื่อ..........................................................………………….. ชั้น ม. 4 /......…. ……….เลขท่ี............….

ผลการเรียนท่คี าดหวังท่ี 6. สารวจตรวจสอบ อภปิ ราย และคานวณเกีย่ วกับการชน และกฎอนรุ ักษโ์ มเมนตมั

คาส่ัง ให้นกั เรียนสรปุ ความรู้ทเ่ี ก่ียวกับการชน และกฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั เป็นแผนผังมโนทัศน์ ( Concept
Mapping )

องค์ความรู้ เร่อื ง………………………………………………………………………………
เก่ยี วข้อง ในหัวขอ้ เรื่อง การชน และกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม
ใหง้ าน วนั ที่………………………………………………………………………………
กาหนดส่ง วนั ที่………………………………………………………………………………
ส่งงาน วันที่……………………………..…………ลงชื่อ………………………………ผสู้ ่ง

ลงชอ่ื ………………………………ผรู้ บั
( …………………………….)
อาจารย์ประจาวิชา ว 30202

ลาดบั รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเกีย่ วขอ้ งกบั จดุ ประสงค์และเน้อื หาสาระ
2 ความสมั พันธ์ กับชวี ิตประจาวนั
3 รปู แบบ สามารถนาไปเป็นแบบอยา่ งได้
4 ความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บรอ้ ย

5 = ดีมากทีส่ ดุ 4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง

ผู้ประเมิน ลงชื่อ……………………………………………………ช้นั …………….เลขที่………...
วันท่ี………………………………………………………………………………………

209

แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )
องค์ความรเู้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจา้ ของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

292

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชอ่ื วชิ า ฟิสิกส์ 2 รหสั วิชา ว30202

ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 สภาพสมดุล และสภาพยดื หยุ่น เรอ่ื งท่ี 1 สภาพสมดุล และเงื่อนไขของสมดุล

ชือ่ แผน สภาพสมดุล และเง่ือนไขของสมดุล เวลา 5 ช่วั โมง
ผูส้ อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรียนวัชรวทิ ยา วันท่ีสอน 30มกราคม – 3 กมุ ภาพันธ์ 2560

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การท่ีวตั ถุสามารถรักษาสภาพเดมิ อยู่ได้โดยไม่มีการเปล่ียนแปลงเรียกว่าวัตถุมีสภาพสมดุล ไม่ว่าจะอยู่

นงิ่ หรอื กาลงั เคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็ คงที่ แสดงวา่ ผลรวมของแรงทีก่ ระทาต่อวัตถุมีค่าเท่ากับศูนย์ และการสมดุล
ในลักษณะนี้เรียกว่า สมดุลเน่อื งจากแรง

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบต่างๆ ของวัตถุในธรรมชาติมีกระบวนการ

สืบเสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยาศาสตร์ สอ่ื สารส่งิ ทเ่ี รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ

แกป้ ญั หา รูว้ า่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกดิ ขึ้นส่วนใหญม่ ีรปู แบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมอื ทีม่ อี ยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มี
ความเกย่ี วขอ้ งสัมพนั ธ์กัน

3. ผลการเรียนรู้
สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเก่ียวกับสภาพสมดลุ และเง่ือนไขของสมดลุ

4. สาระการเรยี นรู้
-สาระการเรียนร้แู กนกลาง
1. สมดุลกล
2. สมดุลเน่อื งจากแรง
-สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น (ถา้ มี)
1.การทรงตวั ของรถบรรทุกกับปรมิ าณออ้ ยทีบ่ รรทกุ
-สาระการเรียนร้เู ก่ยี วกับอาเซียน (ถา้ มี)
1.
-สาระการเรยี นร้เู ศรษฐกจิ พอเพียง (ถ้ามี)
1.

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

293

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
จดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียนด้านสมรรถนะ
1. ทกั ษะแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองเพอื่ การแก้ปัญหา
2. ทกั ษะการคิดข้นั สูง
3. ทักษะการสือ่ สารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวัย

6.คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ใฝุเรียนรู้ (ต้งั ใจเพยี งพยายามในการเรียน และเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นร,ู้ แสวงหาความรรู้ ู้จากแหลง่

เรียนรตู้ า่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้)

จุดเนน้ การพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี นด้านคณุ ลักษณะ
1.คณุ ลักษณะมุง่ มน่ั ในการทางาน
2. คณุ ลกั ษณะใฝุรู้ใฝเุ รียน

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1.ใบงาน 10.1 – 10.3 (ระหว่างเรยี น)
2.แบบฝึกทักษะ 10 (ระหว่างเรียน)
3.ใบกิจกรรม 10 (ระหว่างเรยี น)
4.แบบทดสอบรายจดุ ประสงค์ท่ี 10 (รวบยอด)

294

8. การวัดและประเมินผล

8.1 การประเมินระหวา่ งจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ชิน้ งาน/ภาระงาน วธิ ีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
แบบวัดพฤติกรรม -
1.การวัดผลคุณธรรม สงั เกตพฤติกรรม นกั เรยี น
ใบงานที่ 10.1-10.3 -
จิตพสิ ัย นักเรียน
แบบฝึกทกั ษะ 10 ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป
2. การประเมินผลจาก ตรวจใบงาน 10.1 –
ใบกจิ กรรม 10 -
สภาพจรงิ 10.3 ระดบั 3 ขึ้นไป
แบบทดสอบราย ร้อยละ 50 ขึ้นไป
ตรวจแบบฝกึ ทักษะ จุดประสงคท์ ี่ 10
เกณฑก์ ารประเมนิ
10 เครือ่ งมือ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป
แบบทดสอบ
ตรวจสมดุ จด

ตรวจใบกิจกรรม 10

3. การวัดผลหลงั เรียน ตรวจแบบทดสอบราย

จดุ ประสงคท์ ่ี 10

8.2 การประเมนิ เม่ือส้ินสดุ การเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน

แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ

9.กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูให้นกั เรียนดูคลปิ การแสดงกายกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับการทรงตัวจากเว็บไซต์

http://gg.gg/chatree-teach หลังจากนนั้ นักเรียนและครูร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับ เร่ือง “กลอ่ งวางอยู่บนโตะ๊
รถยนตว์ ่งิ เป็นเส้นตรงดว้ ยความเรว็ คงที่ อยู่ในสภาพนต้ี ลอดไปไดห้ รือไม่” เพ่ือนาไปสู่คาถามทีว่ า่ “กลอ่ งที่วาง
อยู่บนโต๊ะ หรือรถยนต์ทวี่ ง่ิ เปน็ เสน้ ตรงดว้ ยความเรว็ คงท่ี จะมแี รงกระทาหรอื ไม่ อย่างไร”โดยยกสถานการณ์
จากคลิปทนี่ ักเรียนดูเปรียบเทียบ

1.2 นกั เรยี นตอบขอ้ ซักถามของครูว่า “กลอ่ งทว่ี างอย่บู นโต๊ะ หรือรถยนต์ท่ีว่ิงเปน็ เส้นตรงดว้ ย
ความเร็วคงท่ี จะมีแรงกระทาหรอื ไม่ อยา่ งไร” ( ท้งิ ชว่ งใหน้ กั เรียนคิด )

1.3 นักเรียนร่วมกันอภปิ รายในแต่ละกลุ่ม พร้อมทง้ั บนั ทึกความเห็นของกลมุ่ ในใบงาน 10.1
เฉพาะข้อ 1.และข้อ 2.(เปดิ โอกาสให้นักเรียนไดแ้ สดงความคดิ เหน็ โดยยังไมเ่ น้นถกู ผิด)

1.4 ตัวแทนนกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอความเห็นของกลมุ่
1.5 นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเก่ยี วกับ“กลอ่ งทีว่ างอยู่บนโต๊ะ หรือรถยนตท์ วี่ ่งิ เปน็ เส้นตรงดว้ ย
ความเร็วคงท่ี จะมแี รงกระทาหรอื ไม่ อย่างไร” แลว้ บันทึกลงในใบงาน 10.1
1.6 นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวนข้อสอบ 10 ขอ้
1.7 แจ้งใหน้ ักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเก่ียวกับ สมดลุ เน่ืองจากแรง
1.8 นกั เรยี นศกึ ษาข้อมูลเพ่มิ เตมิ จากเวบ็ ไซต์การสอนฟิสิกส์ชื่อ http://gg.gg/chatree-teach
ขัน้ สารวจและคน้ หา
2.1 นกั เรียนสืบค้นข้อมูลเก่ยี วกบั สมดุลเนอ่ื งจากแรง จากใบความรู้ 10 ลงในสมดุ บนั ทกึ
ในใบงาน 10.2 แล้วสรุปสาระสาคญั บนั ทกึ ลงในสมดุ จดบนั ทกึ และตอบคาถาม

295

2.2 สุ่มนกั เรยี น 1 กลุม่ เสนอผลการสืบคน้ ข้อมลู
ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป

3.1 นักเรียนนาขอ้ มูลจากขนั้ การสืบค้น ข้อมูล มาอภปิ รายร่วมกนั
3.2 นักเรียนสรปุ สาระสาคญั เก่ียวกบั สมดลุ เนอ่ื งจากแรง เพ่ือให้นักเรยี นสรุปสาระสาคญั
ลงในสมดุ จดบนั ทึก
ขน้ั ขยายความรู้
4.1 นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับ แรงเสยี ดทาน และตวั อยา่ งการแก้ปญั หา
เกยี่ วกบั สมดลุ เนื่องจากแรง จากใบความรู้ 10
4.2 นกั เรยี นร่วมกันสืบคน้ แกป้ ญั หา ในใบงาน 10.3
4.3 นักเรียนทาแบบฝกึ ทกั ษะ 10
4.4 นกั เรยี นศึกษาข้อมลู เพิม่ เติมเก่ยี วกบั การทรงตัวของรถบรรทุกกับปริมาณอ้อยทบ่ี รรทกุ ใน
ปริมาณทแี่ ตกต่างกัน จากเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach
ขน้ั ประเมนิ
5.1 นักเรียนเขยี น Concept mapping เกี่ยวกบั สมดลุ เนอื่ งจากแรง หรอื แรงเสียดทาน ใน
ใบกจิ กรรม 10
5.2 นักเรยี นนา Concept mapping อภปิ รายแลกเปลยี่ นกับเพื่อนๆ และประเมนิ ผลงาน
ใหก้ ับเพื่อน
5.3 นกั เรียนที่เปน็ เจ้าของผลงาน Concept mapping ท่ีได้รบั การประเมนิ จากเพื่อนมา
อภิปรายเก่ยี วกบั Concept ในงานน้นั โดยการสุ่มจากครู
5.4 นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
5.5 นกั เรียนทท่ี าคะแนนไดไ้ ม่ถงึ รอ้ ยละ 50 เขา้ ไปเรียนรแู้ ละฝกึ ทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา
โจทยว์ ชิ าฟสิ ิกส์ออนไลน์ เรือ่ ง สภาพสมดุลและเงื่อนไขของสมดุล ไดท้ ีเ่ วบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

10. ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ จานวน สภาพการใช้สอ่ื
1 ชุด ใช้ข้นั สรา้ งความสนใจ
รายการสื่อ 1 ชดุ ใช้ขนั้ สร้างความสนใจ
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1 ชดุ ใชอ้ ธิบายและลงข้อสรปุ ( ใช้ขั้นประเมิน )
2. ใบงาน 1.1 1 ชดุ ใช้อธิบายและลงข้อสรุป
3. แบบฝกึ ทกั ษะ 1 1 ชุด ใช้สารวจและค้นหา
4. ใบความรู้ 1 1 ชดุ ใช้ขยายความรู้และลงขอ้ สรุป
5. ใบงาน 1.2 1 ชุด ใช้ขั้นประเมนิ และลงขอ้ สรปุ
6. ใบงาน 1.3 1 ชุด ใช้ข้ันประเมนิ
7. ใบกจิ กรรม 1 1 ชุด ใช้ประกอบทกุ ขั้นตอนของการเรียนการสอน
8. แบบทดสอบหลงั เรยี น
9.เว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

296

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

กิจกรรมเสริมทกั ษะหรือซอ่ มเสริม

รายการ วธิ ีดาเนินกจิ กรรม

1. ปรับปรุง – แกไ้ ขข้อบกพรอ่ งของผู้เรียน 1. ครคู วบคุมดแู ลใหอ้ ยใู่ นกรอบระหวา่ งเรียน

2. ครูคอยเสรมิ หรือแก้ไขเมอ่ื การอภิปรายของนักเรียน

ไม่สมบรู ณ์

3. ครูช้ีแจงข้อบกพร่องในการทากจิ กรรม

4. ครเู ฉลยขอ้ สงสยั ทน่ี ักเรียนทาไมไ่ ด้

5. สอนซ่อมเสรมิ นกั เรยี นทไี่ มผ่ า่ นประเมินหลังเรยี น

2. สง่ เสรมิ ความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียน 1. ใหน้ ักเรยี นทาช้นิ งาน 1 ช้นิ งาน

นอกจากนน้ั ใหส้ บื ค้นข้อมลู เพมิ่ เตมิ จาก www.wikipedia.org และเว็บไซต์ของฟิสกิ ส์ราชมงคล

http://www.rmutphysics.com

297

12.บันทึกผลหลังการสอน

12.1 หาความกา้ วหนา้ ในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ความกา้ ว
ระหว่างเรยี น หลังเรียน หน้าใน
นักเรยี น กอ่ นเรียน การเรยี น
8.62 9.11 86.2/91.1
151 10 2.53 65.8

สูตร ร้อยละความกา้ วหน้าในการเรยี น = คะแนนหลงั เรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสิทธิภาพของสื่อ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสทิ ธิภาพของผลลพั ธ์ (สอบหลงั เรียน)
ประสิทธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลย่ี ระหว่างเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลงั เรยี น x 100
คะแนนเต็ม

12.2 สภาพของการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการเรยี นการสอนท่ีกาหนดไวใ้ นแผนการ

จัดการเรยี นรู้ เป็นกจิ กรรมที่เหมาะสมกับวัยของผเู้ รยี นและเหมาะสมกบั สาระการเรียนรู้ สามารถจัดกิจกรรม
การเรยี นการสอน

 ไดต้ ามเวลาท่กี าหนดทุกกิจกรรม
 ไม่ทันตามเวลาที่กาหนดในกจิ กรรมเนื่องจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีสว่ นร่วมของนักเรียน การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนคร้งั น้ี นักเรยี นทกุ คนได้ร่วม

กิจกรรมและเรียนรอู้ ย่างมคี วามสุข และมีข้อคน้ พบเพ่ิมเติมคือ.....นักเรยี นแสดงออกดว้ ยการมสี ว่ นร่วมในการ

ตอบคาถาม.......
12.4 ความรู้ความเขา้ ใจของผูเ้ รียน กจิ กรรมช่วยใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ความเข้าใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมที ักษะกระบวนการตามท่จี ุดประสงค์กาหนด นอกจากนั้นยงั พบวา่

.......นกั เรียนมีความเขา้ ใจในเนือ้ หาทเ่ี รยี น ในระดบั ด.ี .......
12.5 สอ่ื การสอน สื่อการเรียนการสอนท่ีกาหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ได้ใชส้ อื่ หลายอยา่ ง เปน็ สอื่

ท่เี หมาะสมกบั วยั ผ้เู รยี น สอดคล้องกับเนอื้ หา สามรถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่าง

เหมาะสม ช่วยให้ผู้เรยี นเรียนรู้อยา่ งสนกุ สนานและเขา้ ใจบทเรยี นไดเ้ รว็ ย่ิงข้นึ และมีขอ้ คดิ เห็นเพ่ิมเตมิ คือ
.....นักเรียนสนใจสอ่ื การสอนอยา่ งมาก โดยเฉพาะเกมส์การวางไขส่ มดุล.................

298

12.6 การวัดผลประเมินผล ในการจดั การเรียนการสอนคร้ังนี้ ครอบคลุมพฤติกรรมตามจดุ ประสงค์
การเรียนรูท้ กี่ าหนดในแผนการจดั การเรียนรู้ ผลการวดั ผลและประเมนิ ผลสรปุ ได้ ดังน้ี

ดา้ นความรูค้ วามเข้าใจ (K)
นักเรียนที่ผา่ นจดุ ประสงค์ตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คดิ เปน็ ร้อยละ..100.....
นกั เรียนท่ไี มผ่ ่านจุดประสงค์ จานวน....-......คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...-....
และได้ดาเนนิ การแก้ปญั หา คือ
 สอนเสรมิ  มอบงานใหท้ าเพ่ิมเตมิ ทารายงาน  อนื่ ๆ................
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นท่ีผ่านทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คดิ เป็นร้อยละ..100.....
นักเรียนท่ีไมผ่ ่านทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...-....
และได้ดาเนินการแก้ปัญหา คือ .......................-...........................................................
ดา้ นค่านยิ ม (A)
นกั เรยี นท่ีมีคา่ นยิ มตามเกณฑ์รอ้ ยละ จานวน..151...คน คดิ เปน็ ร้อยละ..100.....
นักเรยี นท่ีต้องปรบั เปลีย่ นคา่ นิยม จานวน....-......คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...-....
และได้ดาเนนิ การปรับเปลยี่ นค่านยิ ม (แจงรายละเอียด ของการปรับเปล่ียนค่านยิ ม
คอื ............-............................................................................................................................
12.7 การบรู ณาการ ในการจดั การเรียนการสอนได้บูรณาการการเรยี นรู้โดยบรู ณราการภายในเนื้อหา
สาระของกล่มุ วิชาวทิ ยาศาสตร์ซ่ึงเป็นการบรู ณาการ(ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง / อาเซียน / โรงเรยี น
สุจริต) เพ่ือต้องการให้นกั เรียนไดน้ าความรู้ท่ีได้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มที ักษะชีวติ ท่ีจะก้าวไปสสู่ ังคมภายนอก
ไดอ้ ย่างมคี วามรู้ที่เท่าทนั ในยุคปัจจบุ ัน โดยมขี ้อคน้ พบเพม่ิ เตมิ คือ...มกี ารบรู ณาการเกีย่ วกบั อาเซยี นในกจิ กรรม
การเรยี นการสอนอย่างสมา่ เสมอ......
12.8 นวัตกรรมท่ีใช้ในการจดั การเรียนการสอน การจดั การเรียนการสอนในคร้งั นไ้ี ดจ้ ัดทาสื่อการเรียน
การสอนทีเ่ ปน็ นวัตกรรม คือ ....เว็บไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใชน้ วตั กรรมพบวา่ ......นกั เรยี นสนใจส่อื การสอนเปน็ อยา่ งด.ี .....
12.9 วิจัยในชนั้ เรียน ผลจากการจัดการเรยี นการสอน พบประเดน็ น่าสนใจท่ีควรดาเนนิ การศกึ ษา
ค้นคว้าเพิ่มเติมในรปู แบบการวิจัยในชน้ั เรยี นเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนคือ..-..............................................
................................................................................................. ................................................................................
12.10 ปญั หาและอุปสรรค ผลจากการจัดการเรียนการสอน พบประเด็นปญั หาและอปุ สรรค
ดงั ต่อไปน้ี..........นักเรยี นแกส้ มการคณติ ศาสตร์ในโจทยว์ ชิ าฟสิ กิ ส์ไมค่ ่อยได.้ ........
............................................................................................................................. ....................................................
12.11 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
จากประเด็นปัญหาท่ีพบ สามารถวิเคราะห์แนวทางเพอื่ แก้ปญั หา ดังน้ี...ให้นกั เรยี นฝึกทาโจทย์แบบ
ตา่ งๆท่ีหลากหลาย......

ลงชอ่ื ..............................................ผู้สอน
(นายชาตรี ศรีม่วงวงค์)

299

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศักด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่อื ........................................................
(นายวิเชียร ยอดนลิ )

ตาแหน่ง รองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............
ข้อเสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
ลงช่อื ........................................................

(นางสริ วิ รรณ ตันตสิ ันติสม)
ตาแหน่ง รองผู้อานวยการ รักษาการในตาแหน่ง

ผู้อานวยการโรงเรยี นวชั รวิทยา
วันที่..........เดอื น..........................พ.ศ............


Click to View FlipBook Version