The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-15 17:50:24

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

68

รายวชิ า ฟสิ กิ ส์ 2 ใบความรู้ 1 ผลการเรียนทค่ี าดหวงั ที่ 1
รหสั วชิ า ว 30202 ระดับช้ัน ม. 4 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 1

เร่ือง งานและกาลงั

งาน ( Work )
งาน หมายถึง ผลของการออกแรงกระทาต่อวตั ถุ แล้วทาให้วตั ถเุ คลื่อนที่ตามแนวแรงมหี นว่ ยเปน็ จลู ( J )

จะได้ W = F. s

เมอ่ื W = งานทที่ าได้ มหี นว่ ยเป็นจูล ( J )

F = แรงที่กระทาต่อวตั ถุ มหี นว่ ยเปน็ นิวตัน ( N )

S = ระยะทางทีว่ ัตถุเคล่อื นท่ไี ด้ มีหน่วยเป็นเมตร ( m )

กรณีที่ 1 ทศิ ทางการเคลอื่ นท่ี
F
งงาานนททท่ี ่ีทาคาคือือWW==FF..ss
S

ทิศทางการเคลอื่ นที่ F

กรณที ่ี 2
S
งานท่ีทาคือ W = Fcos. S
W = FScos

กรณีที่ 3 F ทิศทาทงกิศาทราเงคกลาอ่ื รนเคทล่ี อื่ นที่

F งงาานนททท่ี ี่ทาคาคือือWW==F0. s

S

กรณีท่ี 4 F ทศิ ทางการเคลอื่ นที่

F งานงทาน่ีททาท่ีคาือคือWW= ม=ีคFา่ .ตsิดลบ

S

69

ตัวอย่าง จงหางานทีท่ าเน่ืองจากแรงต่อไปน้ี

1. ชายคนหน่งึ หิว้ ถงั น้าหนัก 200 นิวตัน เคลือ่ นท่ไี ปบนพ้นื ราบได้ระยะทาง 10 เมตร จงหางานในการห้ิวถงั

นา้

วธิ ีทา งานในทางฟิสิกส์นัน้ วัตถุต้องเคล่ือนท่ีตามแนวแรงทกี่ ระทาต่อวัตถุ จากรูปจะเห็นว่าถังนา้ จะอย่นู ิง่ เม่ือ

ออกแรง ( F ) หว้ิ ถงั แตร่ ะยะทาง 10 เมตรเปน็ ผลจากแรงเดิน ดังนนั้ งานในการห้วิ ถงั น้าจงึ เป็นศนู ย์ พิสจู นจ์ าก

การคานวณ ไดด้ งั น้ี F
จาก W = ( Fcos90 ) ( S )

= ( 200 )( 0 ) ( 10 )

=0

10 m

2. ชายคนหนงึ่ ดงึ วัตถุหนัก 5 นวิ ตัน เคล่ือนทีบ่ นพื้นเอยี งที่มีแรงเสยี ดทานนอ้ ยมาก จาก R ถึง Q ดังรูป จงหา
งานท่ที า
วธิ ที า 1. นักเรยี นต้องหาแรง ( F ) ทท่ี าให้วตั ถุเคล่อื นท่ีไปตามพื้นเอียงมีคา่ เท่าไร

2. แรงเสยี ดทานน้อยมาก  f = 0
3. ระยะทางทว่ี ตั ถุเคล่อื นที่ได้ตามแนวแรงคือ 5 เมตร

จาก W = F. S 3m F
W = F ( 5 ) …………………. ( 1 ) 4m

หา F ท่ที าใหว้ ตั ถุเคลื่อนท่ี

จะได้ F = mgsin ,( แรงซา้ ย = แรงขวา )
แทนคา่ F ใน ( 1 )

W = ( mgsin ) ( 5 )
= ( 5 ) ( 3/5 ) ( 5 ) = 15 J

3. สมชายคนหนึ่งใช้เชือกลากกล่องไมม้ วล 52 kg ไปบนพน้ื ราบฝดื ด้วยอัตราเร็วสม่าเสมอเปน็ ระยะทาง 1 km

โดยเชือกทามุม 37 องศากบั พ้ืน ถ้าสัมประสิทธคิ์ วามเสยี ดทานระหวา่ งพืน้ กับกล่องไมเ้ ท่ากับ 0.4 ให้ g =
10 m/s2 จงหา

ก. งานท่ีชายคนนีท้ า Tsin37 T
ข. งานเนื่องจากแรงเสยี ดทานระหว่างพืน้ กบั กลอ่ งไม้

วธิ ีทา Wf 37
ก. งานที่ชายคนนี้ทาคอื ผลของแรง Tcos37
ดงั นนั้ W = (Tcos37 ) ( S ) Tcos37

ข. งานเนื่องจากแรงเสียดทานคือ ผลของแรง f N  = 0.4
ดงั นนั้ W = - f.s 1 km

 เราจะตอ้ งหาแรง Tcos37 และ f

เนอ่ื งจากกลอ่ งไมเ้ คล่ือนท่ีดว้ ยอัตราเรว็ สมา่ เสมอ ดงั น้ัน F = 0

จะได้ FX = 0 FY = 0

N+Tsin37 = W

N = W - Tsin37

70

Tcos37 = f
Tcos37 = N

 Tcos37 =  ( W – Tsin37 )
T ( 4/5 ) = ( 0.4 ) ( 520 – T ( 3/5 ) )
T = 200 N

 Tcos37 = ( 200 ) ( 4/5 ) = 160 N
จะได้ ก. งานทช่ี ายคนนีท้ า

W = ( Tcos37 ) ( 5 )
W = ( 160 ) ( 1 x 103 )
W = 1.6 x 105 J
ข. งานเนื่องจากแรงเสียดทาน
W = -f.S
W = - ( 160 )( 1 x 103 )
W = - 1.6 x 105 J

การหางานดว้ ยวธิ คี านวณจากพื้นทีใ่ ต้กราฟ
เนือ่ งจากงาน เปน็ ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุแล้วทาใหว้ ัตถุเคลือ่ นทตี่ ามแนวแรง

W = F. S

ดงั น้นั งาน ( W ) จะข้ึนอยู่กบั แรง ( F ) และ ระยะทาง ( S ) ทวี่ ตั ถเุ คล่อื นที่ได้ตามแนวแรง

กราฟที่แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรง ( F ) และการขจดั ( S ) จะบอกให้ทราบขนาดของงานท่ีทา
โดยพิจารณาจากพื้นทใี่ ต้กราฟดงั น้ี

1. เมื่อมีแรงขนาดคงตวั F (N)

งานทีท่ า = พนื ้ ทส่ี เ่ี หลย่ี มใต้กราฟ

2. เมอ่ื แรงมขี นาดเพม่ิ ขึ้นอย่างคงตัว F (N) S (m)
งานทที่ า = พนื ้ ทสี่ ามเหลยี่ มใต้กราฟ

S (m)

71

3. แรงมีขนาดเปลี่ยนแปลงกบั เวลา งานท่ีทา = F1S1+ F2S2+ F3S3+… FnSn
F (N) (F1  F2  F3  ...  Fn )S
หรือ งานท่ีทา = n
S (m)
หรือ งานท่ีทา = แรงเฉลี่ย x การกระจดั

ตัวอยา่ ง จงหางานเนื่องจากความสมั พันธ์ระหวา่ งแรงกับการกระจัดดงั รปู
วธิ ีทา F (N)

10

(1) (2) (3) S (m)
60
0 5 25

งานท่ที า = พน้ื ท่ใี ตก้ ราฟ งานท่ีทา = พ.ท.ใตก้ ราฟ
= พ.ท. (1) + พ.ท. (2) + พ.ท. ( 3 ) = พ.ท.ส่ีเหล่ียมคางหมู
= ½( 5 )(10) + (20)(10) + ½(35)(10) = ½( ผลบวกของดา้ นคูข่ นาน)(สูง)
= 25 + 200 + 175 = ½( 60 +20 ) ( 10 )

งานท่ีทา = 400 จลู งานที่ทา = 400 จูล

กาลัง ( Power )
กาลังคือ ปริมาณงานทที่ าไดใ้ นหนงึ่ หนว่ ยเวลา มหี น่วยเป็น วัตต์ ( Watt )

P  W
t

เมอ่ื P คอื กาลงั มีหน่วยเป็นวัตต์ ( Watt )

W คือ งานที่ทาได้ มีหน่วยเป็นจลู ( J )

t คือ ช่วงเวลาทใี่ ช้ มีหนว่ ยเป็นวนิ าที ( s )

72

ในกรณที ี่วตั ถเุ คลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็วคงท่ี เนอ่ื งจาก แรง F กาลงั ท่ีใชค้ ือ

P  W  F.s
tt

P  F.v

เมอ่ื P คอื กาลัง มหี น่วยเปน็ วัตต์ ( Watt )

F คือ แรงทที่ า มีหน่วยเปน็ นิวตัน ( N )

v คือ ความเรว็ เฉลี่ย มหี น่วยเปน็ เมตรตอ่ วินาที ( m/s )

ตัวอยา่ ง นกั กายกรรมหนัก 750 นวิ ตนั ไตเ่ ชอื กขนึ้ สงู 5 เมตร ในเวลา 25 วนิ าที กาลังทีเ่ ขาใชเ้ ป็นก่วี ัตต์
W
วธิ ีทา จาก P  t

เมือ่ W = F.s

= mg.s

= ( 750 )(5) = 3750 J
3750
P  25 = 150 Watt

ตัวอย่าง เคร่ืองยนต์ของเรือลาหน่ึงมีกาลัง 3 กิโลวัตต์ สามารถทาให้เรือแล่นได้ด้วยอัตราเร็วคงตัว 9

กโิ ลเมตรตอ่ ช่ัวโมง จงหาแรงจากเครอ่ื งยนต์ท่ที าใหเ้ รอื ลาน้ีแล่น
วธิ ีทา จาก P  F.v
9x10 3
3x103 = F  60x60 

F =  3x103 x60x60 
9x10 3

F = 1200 N

73

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 แบบฝึกทักษะ 1 ผลการเรียนท่คี าดหวังที่ 1
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนร้ทู ี่ 1
ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที
เร่อื ง งานและกาลงั

ชอื่ ..........................................................………………….. ชน้ั ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

1. แรงคงที่ 6 N กระทาอย่างตอ่ เน่ืองกับวตั ถุ มวล 3 kg ที่อยู่นิ่งบนพนื้ ราบล่นื ใหเ้ คลื่อนที่ จงหางานท่ีแรงน้ี
กระทาในเวลา 2 วินาที

วธิ ที า จาก W = F. S

แทนค่า W = (6)S (1)
หา S 1 จาก F = ma
จาก S = ut + 2 at2 และ a

2. วตั ถมุ วล 5 kg ถกู ฉดุ ด้วยแรง 20 N ในทิศทามุม 60o กับแนวระดบั วตั ถุเคลื่อนเปน็ ระยะ 7 เมตร จงหางาน
เน่ืองจากแรงนี้

วธิ ที า จาก W = FScos

3. ชายคนหนงึ่ หนกั 500 N ไต่บันไดสงู 5 m ในเวลา 25 วนิ าที จงหากาลงั ทช่ี ายคนนีใ้ ช้ในการไต่บันได
W
วิธีทา จาก P = t

หรือ P = FS
t

4. ลฟิ ต์มมี วล 25 kg ถกู ยกขึ้นสงู 20 m ในเวลา 10 วินาที จงหากาลังของลิฟตเ์ ครอ่ื งน้ี
W
วิธีทา จาก P = t

หรือ P = FS
t

74

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 1.1 ผลการเรียนที่คาดหวงั ท่ี 1
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 1
ระดบั ชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 5 คะแนน ( A )
เร่ือง งานและกาลัง เวลา 10 นาที

ช่อื …………………………………………………..……ชน้ั ……………เลขท่ี………….

1. ให้นกั เรยี นเขียนแสดงความคิดเหน็ วา่ เหตุใดเดก็ จึงต้องร้องไห้ เมื่อยกวัตถุท่ตี ้องการไปไม่ได้ ในแงข่ องวิชา
ฟสิ ิกส์

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคดิ เหน็ ของกลุม่ เหน็ ว่า วา่ เหตใุ ดเด็กจงึ ต้องร้องไห้ เมือ่ ยกวัตถุท่ีต้องการไปไม่ได้ ในแง่ของวิชา

ฟิสิกส์
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เหน็ ท่นี ักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุป เห็นวา่ ว่า เหตใุ ดเดก็ จึงต้องรอ้ งไห้ เม่อื ยกวตั ถทุ ่ี
ตอ้ งการไปไม่ได้ ในแงข่ องวิชาฟิสกิ ส์

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

75

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 1.2 ผลการเรียนที่คาดหวังที่ 1
รหสั วชิ า ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 1
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P )
เร่ือง งานและกาลงั เวลา 40 นาที

ช่ือ………………………………………………………ช้นั …………เลขที่……..กลุ่มท่ี…………

1. ใหน้ กั เรยี นสรปุ สาระสาคัญทีไ่ ด้จากการสืบคน้ ขอ้ มลู และบันทึกลงในสมุด
1. งาน
2. กาลงั

2. ใหน้ ักเรยี นเตมิ คา หรือขอ้ ความลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง

คาถาม

1. งานในทางฟิสกิ ส์ หมายถึง………………………………………………………………………………….

2. งานหาได้จาก……………………………………………………………………………………………….

3. งานชนดิ บวก คือ……………………………………………………………………………………………

4. งานชนดิ ลบ คอื …………………………………………………………………………………………….

5. งานเปน็ ศนู ย์ คือ………………………………………………………………………………….…………

6. กาลงั หมายถงึ ………………………………………………………………………………………………

7. กาลงั หาได้จาก……………………………………………………………………………………………..

8. กาลัง มหี นว่ ยเปน็ ………………………………………………………………………………………….

9. กาลังเป็นปรมิ าณ……………………………………………………………………………………………

10. 1 กาลงั ม้า เท่ากบั …………………………………………………………………………………………….

11. แรงคงท่ี 10 N กระทาอยา่ งต่อเนอื่ งกบั วตั ถุ มวล 5 kg ทอี่ ยนู่ ง่ิ บนพ้ืนราบลนื่ ให้เคล่ือนที่ จงหางานท่แี รงน้ี

กระทาในเวลา 4 วินาที

วิธที า จาก W = F. S

แทนค่า W = ( 10 ) S 1 (1)
2
หา S จาก S = ( ….. )(……) + a ( …….)2

S = 2a (2)

จาก F = ma

(…… ) = ( …… ) a
a = ……….. m/s2

แทนคา่ a ใน ( 2 ) และ แทน S ใน ( 1 )

จะได้ W = ( 10 ) ( ……. ) = ……….. จูล

76

2. วตั ถุมวล 5 kg ถกู ฉุดด้วยแรง 15 N ในทศิ ทามุม 60o กบั แนวระดบั วตั ถเุ คลื่อนเปน็ ระยะ 8 เมตร จงหางาน
เน่อื งจากแรงน้ี

วิธที า จาก W = FScos

W = ( …….. ) ( ……… )cos 60
W = ……………….. จูล

3. ชายคนหนงึ่ หนัก 450 N ไต่บันไดสูง 8 m ในเวลา 16 วนิ าที จงหากาลังท่ีชายคนนใี้ ช้ในการไต่บันได
W
วธิ ีทา จาก P = t

หรอื P = FS = ( ......... )(.......... ) = …………. Watt
t
( .......... . )

4. ลิฟตม์ ีมวล 50 kg ถกู ยกขึ้นสูง 30 m ในเวลา 25 วินาที จงหากาลังของลิฟต์เครื่องน้ี
W
วธิ ที า จาก P = t

หรือ P = FS = ( ......... )(.......... ) = …………. Watt
t
( .......... . )

77

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 1.3 ผลการเรยี นท่คี าดหวังที่ 1
รหสั วิชา ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 1
ระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A )
เรื่อง งานและกาลงั เวลา 10 นาที

ชอ่ื ………………………………………………………ชน้ั …………เลขที่……..กลุ่มท่ี…………

1. จงหางานที่ใช้ในการลากกระสอบข้าวสารมวล 100 กิโลกรัม ไปบนพืน้ ราบฝืดเปน็ ระยะทาง 20.0 เมตร ดว้ ย
อัตราเร็วสมา่ เสมอ ถา้ สมั ประสิทธ์คิ วามเสยี ดทานระหว่างพื้นกบั กระสอบข้าวสารเท่ากบั 0.05

……………………………………………………………………………………………………………….………………………………………
……………………………………………………………………….………………………………………………………………………………
……………………………….……………………………………………………………………………………………………………….………
………….……………………………………………………………………………………………………………….……………………………

2. ชายคนหน่งึ ออกแรง 124 นวิ ตนั ลากเล่ือนไปบนพ้นื ราบโดยแนวแรงทามุม 37 องศากบั พ้นื จงหางาน
เนอื่ งจากแรงน้ี เม่ือเล่อื นเคลอ่ื นที่ไปตามพื้นราบเป็นระยะทาง 0.50 กิโลเมตร cot 37 = 4/3

……………………………………………………………………………………………………………….………………………………………
……………………………………………………………………….………………………………………………………………………………
……………………………….……………………………………………………………………………………………………………….………
………….……………………………………………………………………………………………………………….……………………………
3. วัตถุมวล 10 กโิ ลกรมั วางนง่ิ อยู่บนพื้นราบเมื่อถูกแรงกระทาเปน็ เวลานาน 5 วินาที วตั ถุจะมคี วามเร็วเปน็
40 เมตรต่อวนิ าที จงหากาลงั ท่ที าได้เปน็ กวี่ ัตต์
……………………………………………………………………………………………………………….………………………………………
……………………………………………………………………….………………………………………………………………………………
……………………………….……………………………………………………………………………………………………………….………
………….……………………………………………………………………………………………………………….……………………………

78

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรียนท่คี าดหวงั ท่ี 1
รหัสวิชา ว 30202 ก่อนเรยี น ประกอบแผนจัดการเรียนรทู้ ่ี 1
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาที่ 4 หลังเรยี น เวลา 15 นาที

ผลการเรยี นทคี่ าดหวังที่ 1 สารวจตรวจสอบ อธบิ าย และคานวณเก่ยี วกบั งานและกาลงั

ใหก้ าเครื่องหมาย  ลงใน  ใตต้ วั อกั ษร ก, ข, ค และ ง ที่เป็นคาตอบท่ีถกู ต้องทสี่ ุดเพียงคาตอบเดียว ลงใน
กระดาษคาตอบ
1. การเข็นรถไปตามพ้ืนราบและการเขน็ รถข้นึ ไปตามพ้นื เอยี งดว้ ยอตั ราเรว็ สมา่ เสมอในระยะทางเทา่ กนั กรณี

ใดทางานมากกว่า เพราะเหตใุ ด ถ้าถือว่าแรงเสยี ดทานทีก่ ระทาต่อรถท้ังสองกรณี มีขนาดเท่ากนั
ก. การเขน็ รถไปตามพืน้ ราบทางานมากกวา่ เพราะตอ้ งออกแรงนอ้ ยกวา่ การเขน็ รถไปตามพื้นเอยี ง
ข. การเขน็ รถไปตามพื้นเอยี งทางานมากกวา่ เพราะต้องออกแรงนอ้ ยกวา่ การเข็นรถไปตามพ้นื ราบ
ค. การเข็นรถไปตามพ้ืนเอยี งทางานมากกว่าเพราะตอ้ งออกแรงมากกว่าการเข็นรถไปตามพ้ืนราบ
ง. การเขน็ รถไปตามพ้ืนเอียงทางานเท่ากันเพราะตอ้ งออกแรงเท่ากับการเข็นรถไปตามพื้นราบและไดร้ ะยะ

ทางเทา่ กันด้วย

2. ชายคนหนึ่งห้วิ ถงั น้าหนกั 100 นวิ ตัน เคล่อื นท่ไี ปบนพ้ืนราบได้ระยะทาง 20 เมตร จงหางานในการห้ิวถังน้า

มคี า่ กี่จูล

ก. 2000 ข. 120 ค. 5 ง. 0

3. ชายคนหนึ่งถอื ของมวล 10 กโิ ลกรัม นั่งอยู่บนรถบรรทกุ ถ้ารถบรรทุกแล่นไปบนเนนิ สูงได้ระยะทาง 50

เมตร โดยเนินสงู นีส้ งู จากระดับเดิม 5 เมตร ชายคนนท้ี างานกจ่ี ูล

ก. 5000 ข. 500 ค. 60 ง. 0

4. ชายคนหนง่ึ ดึงน้าหนกั 15 นวิ ตัน เคล่ือนทีบ่ นพ้นื เอยี งทมี่ ีแรงเสยี ดทาน B
3m
น้อยมาก จาก A ไป B ดงั รูป จงหางานที่ทา 5m

ก. 0 จลู ข. 15 จลู

ค. 30 จูล ง. 45 จูล A

5. จงหางานทีใ่ ช้ในการลากกระสอบขา้ วสารมวล 100 กิโลกรัม ไปบนพนื้ 4m

ราบฝดื เป็นระยะทาง 20.0 เมตร ดว้ ยอัตราเรว็ สมา่ เสมอ ถ้าสัมประสิทธคิ์ วามเสยี ดทานระหว่างพ้นื กบั

กระสอบข้าวสารเทา่ กับ 0.05

ก. 200 จลู ข. 450 จูล ค. 750 จลู ง. 1,000 จูล

โจทย์ ใช้ตอบคาถามข้อ 6 - 7

ชายคนหนึง่ ใช้เชอื กลากกล่องไม้มวล 11.0 กิโลกรมั ไปบนพนื้ ราบฝืดด้วยอตั ราเร็วสม่าเสมอเป็นระยะทาง 1.0

กโิ ลเมตร โดยเชือกทามุม 37 องศากบั พนื้ ถ้าสมั ประสิทธ์ิความเสียดทาน ระหวา่ งพ้นื กับกล่องไมเ้ ท่ากบั 0.5

6. จงหา งานท่ีชายคนนี้ทา

ก. 20 กิโลจูล ข. -20 กโิ ลจูล ค. 40 กโิ ลจลู ง. -40 กโิ ลจลู

79

7. งานเน่อื งจากแรงเสียดทานระหวา่ งพ้ืนกับกลอ่ งไม้

ก. 20 กิโลจูล ข. -20 กโิ ลจูล ค. 40 กิโลจลู ง. -40 กโิ ลจูล

8. นักกายกรรมหนัก 600 นิวตนั ไตเ่ ชือกขนึ้ สูง 5. 0 เมตร ในเวลา 20 วินาที เขาใช้กาลังไปกี่วตั ต์

ก. 150 ข. 300 ค. 3,000 ง. 6,000

9. นกั กายกรรมหนัก 400 นวิ ตัน ไต่เชือกทีแ่ ขวนอยูใ่ นแนวดง่ิ ขนึ้ ไปสงู 10.0 เมตร จากพนื้ ดิน จงหากาลังเฉลย่ี
ท่เี ขาใช้ ถา้ อตั ราเร็วเฉล่ียในการไตเ่ ชือกของเขาเทา่ กบั 0.5 เมตรตอ่ วนิ าที

ก. 200 วตั ต์ ข. 2,000 วัตต์ ค. 400 วัตต์ ง. 4,000 วัตต์

10. เครื่องยนต์เรือลาหน่งึ ใชแ้ รง 3x103 นวิ ตัน สามารถทาใหเ้ รอื แล่นไดด้ ว้ ยอัตราเรว็ คงตวั 6.0 กิโลเมตรต่อ

ช่ัวโมง จงหากาลงั ของเรือน้เี ป็นก่ีกิโลวัตต์

ก. 3 ข. 5 ค. 15 ง. 18

80

รายวิชาฟสิ กิ ส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ ผลการเรียนทคี่ าดหวงั ท่ี 1
รหัสวชิ า ว 30202 กอ่ นเรียน ประกอบแผนจัดการเรียนรูท้ ี่ 1
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 หลงั เรียน

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียนและหลังเรียน
ขอ้ คาตอบ
1ค
2ง
3ข
4ง
5ง
6ค
7ง
8ก
9ก
10 ข

81

รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 2 ใบกิจกรรม 1 รหสั วิชา ว 30202

ชื่อ..........................................................………………….. ช้นั ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

ผลการเรยี นที่คาดหวงั ที่ 1. สารวจตรวจสอบ อธิบาย และคานวณเกีย่ วกับงานและกาลงั

คาส่งั ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรูท้ ีเ่ กีย่ วกบั งานและกาลัง เปน็ แผนผงั มโนทศั น์ ( Concept Mapping )

องค์ความรู้ เรอื่ ง………………………………………………………………………………
เก่ียวข้อง ในหัวขอ้ เร่ือง งานและกาลงั
ใหง้ าน วันที่………………………………………………………………………………
กาหนดสง่ วนั ท่ี………………………………………………………………………………
ส่งงาน วนั ท่ี……………………………..…………ลงช่อื ………………………………ผ้สู ง่

ลงช่อื ………………………………ผรู้ ับ
( ……………………………. )
อาจารยป์ ระจาวชิ า ว 30202

ลาดบั รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเก่ยี วขอ้ งกับจดุ ประสงคแ์ ละเนือ้ หาสาระ
2 ความสมั พันธ์ กบั ชวี ติ ประจาวนั
3 รปู แบบ สามารถนาไปเปน็ แบบอยา่ งได้
4 ความคิดรเิ รมิ่ สร้างสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บรอ้ ย

5 = ดีมากท่ีสดุ 4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรับปรุง

ผู้ประเมนิ ลงชื่อ……………………………………………………ชนั้ …………….เลขที่………...
วนั ท่ี………………………………………………………………………………………

82

แผนผงั มโนทศั น์ ( Concept Mapping )
องคค์ วามรูเ้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจ้าของผลงาน ช่อื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

83

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชอื่ วชิ า ฟิสิกส์ 2 รหัสวิชา ว30202
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 งานและพลังงาน เร่อื งที่ 2 พลงั งานกล
ชอื่ แผน พลังงานกล เวลา 5 ช่วั โมง

ผสู้ อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรยี นวัชรวิทยา วนั ที่สอน 7-18 พฤศจกิ ายน 2559

1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
พลงั งาน ความสามารถในการทางาน ทจ่ี ะทาใหว้ ัตถุน้นั เกิดการเปล่ียนแปลง เช่น พลังงานกล พลังงาน

แสง และพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้น พลังงานกลเป็นพลังงานท่ีเกิดจากผลของแรงทาให้พร้อมจะเปล่ียนสภาพ
การเคล่ือนที่ หรือเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนท่ี มีอยู่ 2 ชนิด คือ พลังงานจลน์ และพลังงานศักย์ โดย พลังงาน
จลนท์ อ่ี ยูใ่ นวัตถุทีก่ าลังเคลอ่ื นที่ ขน้ึ อยกู่ ับมวลและขนาดของความเร็วของวัตถุ ส่วนพลังงานศักย์จะสะสมอยู่ใน
วัตถุท่ีพร้อมจะเคล่ือนท่ีหรือพร้อมจะทางาน และแบ่งพลังงานศักย์ได้ 2 ชนิด คือพลังงานศักย์โน้มถ่วง และ
พลงั งานศักยย์ ืดหยุ่น

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 5.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชวี ติ การเปล่ยี นรปู พลงั งาน

ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานตอ่ ชีวิตและส่ิงแวดล้อม มกี ระบวน การสบื เสาะหา
ความรู้ สื่อสารสงิ่ ที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การ
แก้ปญั หา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกดิ ขึ้นส่วนใหญ่มรี ปู แบบทีแ่ นน่ อน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบได้
ภายใตข้ อ้ มูลและเครอื่ งมอื ที่มีอยู่ในชว่ งเวลานัน้ ๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสง่ิ แวดล้อม มี
ความเกีย่ วข้องสมั พันธ์กัน

3. ผลการเรียนรู้
สารวจตรวจสอบ อภปิ ราย และคานวณเก่ยี วกบั พลงั งาน ความสมั พันธ์ระหว่างงานและพลังงานจลน์

4. สาระการเรยี นรู้
-สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1. พลังงาน
2. พลังงานจลน์
3. ความสมั พันธร์ ะหว่างงานและพลงั งานจลน์
4. พลังงานศักย์
-สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
1.การละเล่นในจังหวดั กาแพงเพชรท่เี กย่ี วข้องกับพลงั งาน
-สาระการเรียนรเู้ กี่ยวกับอาเซียน
1.ของเลน่ ในอาเซียนทเ่ี กี่ยวข้องกับพลงั งาน

84

-สาระการเรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียง
1.โครงการพระราชดารพิ ลังงานจากไบโอดเี ซล

5.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1.ความสามารถในการสือ่ สาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี นด้านสมรรถนะ
1. ทักษะแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเองเพอ่ื การแกป้ ัญหา
2. ทักษะการคิดขั้นสูง
3. ทักษะการสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามชว่ งวัย

6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเุ รียนรู้ (ตั้งใจเพยี งพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนร้,ู แสวงหาความรรู้ จู้ ากแหล่ง

เรียนรูต้ ่าง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลือกใชส้ ่อื อยา่ งเหมาะสม สรปุ เป็นองค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้)

จุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นด้านคุณลักษณะ
1.คณุ ลักษณะมงุ่ ม่ันในการทางาน
2. คุณลกั ษณะใฝรุ ใู้ ฝเุ รยี น

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหว่างเรยี น)
1.ใบงาน 2.1 – 2.3 (ระหว่างเรยี น)
2.แบบฝกึ ทกั ษะ 2 (ระหว่างเรยี น)
3.ใบกจิ กรรม 2 (ระหว่างเรยี น)
4.แบบทดสอบรายจุดประสงค์ที่ 2 (รวบยอด)

85

8. การวดั และประเมินผล

8.1 การประเมินระหวา่ งจดั กิจกรรมการเรียนรู้

ชน้ิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
-
1.การวัดผลคณุ ธรรม สงั เกตพฤตกิ รรม แบบวดั พฤติกรรม
-
จิตพสิ ัย นกั เรยี น นักเรียน
รอ้ ยละ 50 ขนึ้ ไป
2. การประเมินผลจาก ตรวจใบงาน 2.1 – 2.3 ใบงานท่ี 2.1-2.3 -
ระดบั 3 ข้นึ ไป
สภาพจรงิ รอ้ ยละ 50 ขึ้นไป

ตรวจแบบฝึกทักษะ 2 แบบฝกึ ทักษะ 2 เกณฑก์ ารประเมนิ
รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป
ตรวจสมุดจด ใบกจิ กรรม 2

ตรวจใบกิจกรรม 2

3. การวดั ผลหลงั เรยี น ตรวจแบบทดสอบราย แบบทดสอบราย

จดุ ประสงคท์ ่ี 2 จุดประสงค์ท่ี 2

8.2 การประเมินเม่ือส้นิ สดุ การเรยี นรู้

ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมนิ เครอ่ื งมือ

แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ

9. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันสร้างความสนใจ
1.1 นักเรียนและครูร่วมกันสนทนา เกี่ยวกับ เรื่องการเปล่ียนสภาพของวัตถุ ในแง่ของการ

เปลี่ยนรูปร่าง สี หรอื ตาแหนง่ เพอ่ื นาไปสู่ คาถาม เกีย่ วกับ การเปลีย่ นรูปร่าง และ ตาแหนง่ ของวัตถุ
1.2 นกั เรียนตอบข้อซักถามของครูว่า “เมอ่ื ตกจากท่สี ูง ทาไมจึงรู้สึกเจ็บ และยิ่งสูงมากก็จะยิ่ง

เจ็บมากขึ้น โดยอธบิ ายในแง่ของวชิ าฟิสกิ ส์” ( ทง้ิ ช่วงใหน้ ักเรียนคดิ )
1.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายในแต่ละกลุ่ม พร้อมท้ังบันทึกความเห็นของกลุ่มในใบงาน 2.1

เฉพาะข้อ 1 และข้อ 2 (เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นไดแ้ สดงความคดิ เหน็ โดยยังไมเ่ นน้ ถูกผิด)
1.4 ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอความเห็นของกลุ่ม ( ของแต่ละคนในกลุ่มโดยตัวแทน

ของกล่มุ และขอ้ สรปุ ของกลมุ่ )
1.5 นักเรียนศึกษากรณีตัวอย่างจากเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach ซ่ึงเก่ียวข้องกับ

พลงั งานในรูปแบบตา่ งๆ
1.6 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับสถานการณ์ที่กาหนดข้างต้น แล้วบันทึกลงใน

ใบงาน 2.1
1.7 นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวนขอ้ สอบ 10 ข้อ
1.8 แจ้งให้นกั เรยี นทราบว่า จะไดศ้ ึกษาเกีย่ วกบั พลงั งานกล พลังงานจลน์ และพลังงานศกั ย์
1.8 นักเรยี นศึกษาข้อมูลเพมิ่ เติมจากเว็บไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ช่อื http://gg.gg/chatree-teach

ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 นักเรียนสบื ค้นขอ้ มูลเกยี่ วกบั พลงั งานกล และพลังงานจลน์ จากใบความรู้ 2 พร้อมกับใบ

งาน 2.2 แล้วสรุปสาระสาคัญ บันทกึ ลงในสมุดจดบนั ทกึ และตอบคาถาม
2.2 สุ่มนกั เรียน 1 กลมุ่ เสนอผลการสืบค้นขอ้ มูล

86

ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 นกั เรียนนาขอ้ มูลจากข้ันการสืบค้น ขอ้ มูล มาอภปิ รายร่วมกบั ครู
3.2 ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ เก่ยี วกับพลังงานกล และพลังงานจลน์ เพื่อให้นักเรียนสรุปสาระสาคัญ

ลงในสมดุ จดบันทกึ
ข้ันขยายความรู้
4.1 นักเรียนสนทนาซักถามครูและตอบคาถามว่า “ เหตุใดเราจึงไม่ต้องการที่จะอยู่ในอาคาร

หรอื ใต้ต้นมะพรา้ วทีล่ มกาลังพดั แรง ” ( ทิง้ ช่วงใหน้ ักเรยี นคิด ) เพอ่ื นาไปสู่ เร่อื ง พลงั งานศักย์
4.2 นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ ราย เก่ยี วกับ พลงั งานศักย์ และ ตวั อยา่ งการหาขนาด

พลงั งานศักย์โน้มถว่ ง และพลังงานศกั ย์ยืดหยนุ่ จากใบความรู้ 2
4.3 นกั เรียนร่วมกนั สบื ค้น แกป้ ัญหา ในใบงาน 2.3
4.4 นกั เรยี นทาแบบฝึกทกั ษะ 2
4.5 ครูแนะนาใหน้ กั เรียนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเก่ียวกบั การละเลน่ ในจงั หวดั กาแพงเพชรท่ี

เกีย่ วขอ้ งกบั พลังงาน ,ของเล่นในอาเซียนทเี่ ก่ียวข้องกับพลังงาน , โครงการพระราชดาริพลังงานจากไบโอดีเซล
โดยศึกษาผา่ นทางเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach (บรู ณาการ*)

ขน้ั ประเมนิ
5.1 นกั เรยี นเขยี น Concept mapping เกี่ยวกบั พลังงานกล ในใบกิจกรรม 2
5.2 นักเรียนนา Concept mapping อภิปรายแลกเปล่ียนกับเพ่ือนๆ และประเมินผลงาน

ให้กับเพื่อน
5.3 นักเรียนที่เป็นเจ้าของผลงาน Concept mapping ท่ีได้รับการประเมินจากเพื่อนมา

อภปิ รายเกีย่ วกบั Concept ในงานนัน้ โดยการสมุ่ จากครู
5.4 นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
5.5 นักเรียนท่ที าคะแนนไดไ้ มถ่ งึ ร้อยละ 50 เข้าไปเรียนรแู้ ละฝึกทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา

โจทยว์ ชิ าฟิสกิ ส์ออนไลน์ เรอื่ ง พลังงานกล ได้ที่เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

10. สื่อการเรียนร้/ู แหลง่ เรียนรู้ จานวน สภาพการใช้ส่ือ
1 ชดุ ใช้ขัน้ สร้างความสนใจ
รายการสื่อ 1 ชุด ใช้ขน้ั สร้างความสนใจ
1. แบบทดสอบก่อนเรียน 1 ชุด ใช้อธิบายและลงขอ้ สรุป ( ใช้ขั้นประเมนิ )
2. ใบงาน 2.1 1 ชุด ใช้อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3. แบบฝกึ ทกั ษะ 2 1 ชุด ใช้สารวจและค้นหา
4. ใบความรู้ 2 1 ชุด ใช้ขยายความรู้และลงขอ้ สรปุ
5. ใบงาน 2.2 1 ชุด ใชป้ ระกอบทุกข้ันตอนของการเรียนการสอน
6. ใบงาน 2.3
7.เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

87

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

รายการ วธิ ีดาเนนิ กิจกรรม

1. ปรบั ปรุง – แก้ไขขอ้ บกพร่องของผู้เรยี น 1. ครคู วบคมุ ดแู ลใหอ้ ยูใ่ นกรอบระหว่างเรียน

2. ครูคอยเสริมหรอื แก้ไขเมือ่ การอภิปรายของนักเรยี น

ไมส่ มบรู ณ์

3. ครชู ี้แจงข้อบกพร่องในการทากจิ กรรม

4. ครเู ฉลยข้อสงสยั ทีน่ ักเรียนทาไม่ได้

5. สอนซอ่ มเสรมิ นกั เรยี นท่ีไม่ผ่านประเมนิ หลังเรียน

2. สง่ เสริมความรู้ความสามารถของผเู้ รยี น 1. ใหน้ ักเรยี นทาชน้ิ งาน 1 ชน้ิ งาน

นอกจากนนั้ ให้สบื ค้นข้อมูลเพ่มิ เตมิ จาก www.wikipedia.org และเวบ็ ไซต์ของฟสิ กิ สร์ าชมงคล

http://www.rmutphysics.com

88

12.บันทกึ ผลหลังการสอน

12.1 หาความกา้ วหนา้ ในการเรียนการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความกา้ ว
ระหว่างเรยี น หลงั เรยี น หน้าใน
นักเรียน กอ่ นเรยี น การเรยี น
8.21 9.13 82.1/91.3
151 10 2.42 67.1

สตู ร ร้อยละความก้าวหน้าในการเรยี น = คะแนนหลังเรยี น – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสิทธิภาพของส่อื = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ (สอบหลังเรียน)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ งเรยี น x 100
คะแนนเตม็

ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉล่ียหลงั เรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 สภาพของการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนที่กาหนดไวใ้ นแผนการ

จัดการเรียนรู้ เปน็ กจิ กรรมที่เหมาะสมกับวยั ของผู้เรยี นและเหมาะสมกบั สาระการเรยี นรู้ สามารถจัดกจิ กรรม
การเรียนการสอน

 ได้ตามเวลาท่กี าหนดทกุ กิจกรรม
 ไมท่ ันตามเวลาทกี่ าหนดในกิจกรรมเน่ืองจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีสว่ นร่วมของนกั เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครง้ั น้ี นักเรียนทุกคนได้รว่ ม

กจิ กรรมและเรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข และมีข้อค้นพบเพิ่มเติมคอื .....นกั เรียนแสดงออกด้วยการมีสว่ นรว่ มในการ

ตอบคาถามเกยี่ วกบั พลงั งานกลและสรา้ งสญั ลกั ษณ์เป็นสูตรมือเพ่ือช่วยจดจาสูตรได้อยา่ งแมน่ ยา.......
12.4 ความรู้ความเขา้ ใจของผเู้ รียน กิจกรรมช่วยใหผ้ ูเ้ รียนมคี วามร้คู วามเข้าใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกดิ คุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีทักษะกระบวนการตามทจ่ี ดุ ประสงค์กาหนด นอกจากนั้นยงั พบวา่

.......นักเรยี นมีความเข้าใจในเนือ้ หาที่เรียน ในระดบั ดีมาก........
12.5 ส่ือการสอน ส่ือการเรยี นการสอนท่ีกาหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ไดใ้ ชส้ ่ือหลายอย่าง เปน็ สอ่ื

ท่เี หมาะสมกับวยั ผ้เู รียน สอดคลอ้ งกบั เนอ้ื หา สามรถใชป้ ระกอบการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ ง

เหมาะสม ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเรียนรู้อย่างสนกุ สนานและเข้าใจบทเรยี นได้เรว็ ย่ิงขน้ึ และมีข้อคดิ เห็นเพิ่มเติมคือ
.....นักเรียนสนใจสื่อการสอนอยา่ งมาก นักเรียนสนใจกิจกรรมทีค่ รูจัดประกอบการเรยี นการสอน.................

89

12.6 การวัดผลประเมินผล ในการจดั การเรยี นการสอนครงั้ น้ี ครอบคลมุ พฤติกรรมตามจุดประสงค์
การเรยี นรทู้ ีก่ าหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการวัดผลและประเมินผลสรปุ ได้ ดงั นี้

ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ (K)
นักเรยี นทผ่ี า่ นจุดประสงค์ตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเป็นร้อยละ..100.....
นักเรียนทีไ่ ม่ผา่ นจุดประสงค์ จานวน....-......คน คดิ เป็นร้อยละ...-....
และไดด้ าเนนิ การแกป้ ัญหา คือ
 สอนเสริม  มอบงานให้ทาเพ่ิมเติม ทารายงาน  อืน่ ๆ................
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนท่ผี า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเป็นร้อยละ..100.....
นกั เรียนที่ไมผ่ า่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คิดเปน็ รอ้ ยละ...-....
และไดด้ าเนินการแก้ปัญหา คือ .......................-...........................................................
ด้านคา่ นยิ ม (A)
นักเรยี นที่มีค่านิยมตามเกณฑ์ร้อยละ จานวน..151...คน คดิ เป็นรอ้ ยละ..100.....
นักเรยี นที่ต้องปรบั เปลี่ยนค่านยิ ม จานวน....-......คน คดิ เป็นรอ้ ยละ...-....
และได้ดาเนนิ การปรบั เปล่ียนค่านิยม (แจงรายละเอียด ของการปรบั เปลย่ี นคา่ นยิ ม
คอื ............-............................................................................................................................
12.7 การบูรณาการ ในการจดั การเรยี นการสอนได้บรู ณาการการเรยี นร้โู ดยบรู ณราการภายในเนอื้ หา
สาระของกลมุ่ วิชาวิทยาศาสตรซ์ ึง่ เปน็ การบรู ณาการ(ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง / อาเซียน / โรงเรยี น
สจุ ริต) เพอื่ ต้องการใหน้ ักเรยี นได้นาความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั มที ักษะชวี ิต ท่ีจะกา้ วไปสูส่ ังคมภายนอก
ไดอ้ ยา่ งมีความรู้ที่เท่าทนั ในยุคปจั จุบัน โดยมขี อ้ คน้ พบเพิ่มเติม คือ...มกี ารบูรณาการเก่ียวกับอาเซียนในกจิ กรรม
การเรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ มีการบูรณาการเก่ยี วกบั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง......
12.8 นวตั กรรมทใี่ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน การจดั การเรียนการสอนในครง้ั นไ้ี ดจ้ ดั ทาสอื่ การเรยี น
การสอนทเี่ ปน็ นวตั กรรม คือ ....เว็บไซตก์ ารสอนฟสิ ิกส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใช้นวัตกรรมพบว่า......นกั เรียนสนใจส่ือการสอนเป็นอยา่ งดี......
12.9 วจิ ยั ในช้ันเรียน ผลจากการจัดการเรียนการสอน พบประเด็นนา่ สนใจที่ควรดาเนินการศกึ ษา
คน้ คว้าเพ่ิมเตมิ ในรปู แบบการวจิ ัยในชัน้ เรยี นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนคือ..-..............................................
............................................................................................................................. ....................................................
12.10 ปัญหาและอุปสรรค ผลจากการจดั การเรยี นการสอน พบประเด็นปัญหาและอปุ สรรค
ดังต่อไปน้ี..........นักเรียนแกส้ มการคณิตศาสตร์ในโจทยว์ ิชาฟิสิกส์ไม่ค่อยได้.........
............................................................................................................................. ....................................................
12.11 แนวทางการแก้ไขปัญหา
จากประเดน็ ปัญหาที่พบ สามารถวเิ คราะห์แนวทางเพื่อแก้ปัญหา ดังน้ี...ให้นกั เรียนฝกึ ทาโจทย์
แบบตา่ งๆทหี่ ลากหลายจากคู่มือตา่ งๆ......

ลงชอื่ ..............................................ผสู้ อน
(นายชาตรี ศรีม่วงวงค์)

90

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชือ่ ........................................................
(นายสุระศักดิ์ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่อื ........................................................
(นายวิเชยี ร ยอดนิล)

ตาแหนง่ รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............
ข้อเสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
ลงชอ่ื ........................................................

(นางสริ วิ รรณ ตันติสันตสิ ม)
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการ รกั ษาการในตาแหนง่

ผูอ้ านวยการโรงเรียนวัชรวิทยา
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

91

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 งานและพลังงาน

เร่ืองท่ี 2 พลงั งานกล
วิชา ฟิสกิ ส์ 2 รหสั วิชา ว30202 ชน้ั ม.4 เวลา 5 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี น 1.5 หนว่ ย

อาจารย์ผ้สู อนนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์

92

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบความรู้ 2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ที่ 2
รหสั วชิ า ว 30202 ระดับช้ัน ม. 4 เรื่อง พลังงาน ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2

พลงั งาน ( Energy )
ในวชิ าฟสิ ิกสก์ าหนดวา่ พลังงานเป็นสมบตั อิ ยา่ งหนง่ึ ของระบบ ทบ่ี ่งถงึ ขดี ความสามารถในการทางาน
พลังงานมหี ลายรปู แบบ เชน่ พลงั งานกล พลงั งานเคมี พลังงานแผร่ ังสี พลงั งานไฟฟาู พลังงานนิวเคลยี ร์

เปน็ ตน้
พลังงานตา่ งๆจะมีความสัมพันธร์ ะหว่างกนั
ในทางฟสิ กิ สจ์ าแนกพลงั งานกลออกเปน็ 2 ประเภท คือ พลังงานจลน์ และ พลงั งานศักย์

พลงั งานจลน์ ( Kinetic Energy , Ek ) เรียกวา่ พลังงานจลน์ )
พลงั งานของวัตถุทก่ี าลงั เคลือ่ นที่ ( Ek
Ek  1
2 mv2

เมือ่ Ek = พลังงานจลน์ของวตั ถุ มหี น่วยเป็น จูล ( J )
m = มวลของวัตถุ มีหน่วยเปน็ กโิ ลกรัม ( kg )
v = ความเรว็ ของวตั ถุ มหี น่วยเปน็ เมตรต่อวินาที ( m/s )

ตัวอย่าง ลูกปนื มวล 0.002 กิโลกรมั เคลือ่ นทอี่ อกจากลากล้องปนื ซ่ึงยาว 0.80 เมตร ด้วยอัตราเร็ว 400 เมตร

ตอ่ วนิ าที จงหาพลังงานจลน์ของลูกปนื 1
2
วิธที า Ek  mv2

Ek = ½ ( 0.002 )( 400 )2
Ek = 160 J
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งงานและพลังงานจลน์

ถา้ เราทาใหว้ ัตถุที่กาลงั เคล่อื นทีอ่ ยู่นนั้ ไปทางานอย่างหนึ่ง ปรมิ าณงานทท่ี าไดท้ ้ังหมดจะเทา่ กับพลงั งาน

จลน์ของวัตถนุ ้ันเปลีย่ นไป

W = Ek

เมอื่ W = ปริมาณงานที่ทา มหี นว่ ยเป็น จลู ( J )
Ek = พลังงานจลน์ท่ีเปลีย่ นไป มีหนว่ ยเปน็ จลู ( J )

Ek1 v Ek2

F

s

93

ตวั อยา่ ง รถยนต์มวล 800 กิโลกรัม ขณะแลน่ ด้วยความเร็ว 72 กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง คนขับใชห้ า้ มลอ้ รถเคล่ือนท่ี

ตอ่ ไปอีก 10 เมตรจึงหยดุ นงิ่ งานเน่ืองจากแรงตา้ นทีท่ าใหร้ ถหยดุ มีคา่ เท่าใด

วิธที า Ek2 W = Ek
Ek1  Ek = Ek2 - Ek1
Ek = 0 - ½ ( 800 ) ( 72x103/3600)2
F Ek = - 8x103 J
W = - 8x103 J
s

ตวั อย่าง ออกแรง 20.0 นิวตนั ดึงวัตถุให้เคล่ือนที่ดว้ ยความเร็วคงตัว บนพืน้ ท่ีมีแรงเสยี ดทานได้การกระจัด 3.0

เมตร จงหางานท่ีทาโดยแรงเสยี ดทาน

วิธีทา W = Ek

Ek = Ek2 - Ek1

Ek1 Ek2 Ek = 0 , ( Ek2 = Ek1 )
W = ( F – f )s
F
W = Fs – fs = WF – Wf

fs  WF – Wf = 0 , ( W = Ek )
WF = Wf
Fs = Wf = (20)(3) = 60 J
พลังงานศักย์ ( Potential Energy , Ep )
พลงั งานศักยซ์ ่ึงเป็นพลังงานประเภทหนงึ่ ของพลงั งานกลในทางฟิสิกส์ คือ พลังงานที่มีอยใู่ นวตั ถุอนั

เนอ่ื งมาจากตาแหน่งของวตั ถุ เช่น

พลงั งานศักย์โน้มถ่วง คอื พลงั งานของวัตถซุ งึ่ อยูใ่ นทส่ี ูง เกิดขึน้ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกกระทาตอ่

วตั ถุน้ัน W = F.s เมื่อ F = mg , s = h F
จาก

W = mg.h

และ W = Ep mg h
 Ep = mgh

เมอื่ Ep คอื พลังงานศกั ยโ์ น้มถ่วง มหี น่วยเปน็ จลู ( J )

m คือ มวลของวัตถุ มีหน่วยเปน็ กิโลกรัม ( kg )
g คอื ความเร่งเนอ่ื งจากแรงโนม้ ถว่ ง มหี นว่ ยเปน็ เมตรต่อวนิ าทยี กกาลังสอง ( m/s2 )

h คอื ความสงู ของวตั ถุจากพื้น มีหนว่ ยเป็น เมตร ( m )

ตวั อย่าง นักกายกรรมหนัก 600 นวิ ตัน ไต่เชอื กท่แี ขวนอยใู่ นแนวดง่ิ ขนึ้ ไปสูง 10 เมตร จากพน้ื ดนิ จงหา
พลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งเม่ือเขาอยูท่ จี่ ดุ สงู 10 เมตรจากพืน้ ดิน

วิธที า Ep = mgh

94

Ep = ( 600 )( 10 )
Ep = 6x103 จลู

พลงั งานศักย์ยืดหยุ่น คือ พลังงานศักย์ของวตั ถุที่อยู่กบั ระยะยดื หรือหด เนื่องจากแรงยืดหยนุ่ ของวตั ถุ

Fx x
F = kx

เมอ่ื F คอื แรงดงึ ของวัตถุ ( N ) F
k คือ คา่ นจิ ของสปรงิ ( N/m )

x คือ ระยะยดื หรือหดของวัตถุ ( m )

จาก W = F. s , F = แรงเฉล่ยี
0 F
W   .X
2
1
W  2 F.x

W  1 kx.x
2
1
W  2 k.x 2

ปรมิ าณงานทท่ี าในการดงึ หรือกดสปรงิ ให้มีระยะเปลยี่ นไป x จะเทา่ กับ 1 k.x 2 ปริมาณน้ีก็คือ พลังงานศักยใ์ น
2
สปรงิ

EP  1 k.x 2
2

ตัวอย่าง สปริงอันหนึ่ง มีค่าคงตัวสปรงิ เท่ากบั 150 นิวตนั ต่อเมตร จงหา

ก. แรงที่ใช้ดึงสปรงิ ขณะสปริงยืดออกจากเดิม 0.25 เมตร

ข. พลงั งานศักย์ยืดหยุ่นเม่ือสปริงยืดออกจากเดมิ 0.25 เมตร

วธิ ที า ก. จาก F = kx

F = ( 150 )( 0.25 )

F = 37.5 N 1
2
ข. จาก EP  k.x 2

EP  1 (150)(0.25)2
2
EP = 4.6875 J

95

รายวิชา ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 2.1 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท่ี 2
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรียนรู้ที่ 2
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 5 คะแนน ( A )
เรื่อง พลังงานกล เวลา 10 นาที

ช่ือ…………………………………………………..……ชัน้ ……………เลขที่………….

1. ใหน้ ักเรียนเลอื กเขียนแสดงความคิดเห็นวา่ เหตใุ ดจึงไม่จอดรถยนต์ใตต้ ้นมะพร้าว ในแง่ของวิชาฟิสิกส์
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคิดเห็นของกลมุ่ เห็นว่า เหตุใดจงึ ไมจ่ อดรถยนต์ใต้ต้นมะพรา้ ว ในแง่ของวชิ าฟิสกิ ส์
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นทน่ี ักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุป เหน็ วา่ เหตใุ ดจงึ ไม่จอดรถยนต์ใตต้ ้นมะพร้าว ในแง่ของ
วิชาฟสิ กิ ส์

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

96

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ท่ี 2
รหสั วชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 40 นาที
เรื่อง พลงั งานกล

ชื่อ………………………………………………………ช้ัน…………เลขท่ี……..กลุม่ ที่…………

1. ใหน้ กั เรียนสรปุ สาระสาคัญทีไ่ ดจ้ ากการสืบคน้ ขอ้ มูล และบนั ทกึ ลงในสมุด
1. พลังงานกล
2. พลังงานจลน์
3. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งงานและพลังงานจลน์
4. พลงั งานศักย์

2. ใหน้ กั เรียนเติมคา หรอื ข้อความลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง

1. เราจะทราบได้อย่างไรว่าวัตถุใดมพี ลงั งาน

หรอื ไม่…………………………………………………………………………………………………………………………………..

2. วัตถทุ ่กี าลังเคลอ่ื นท่ีด้วยอตั ราเร็ว มีพลังงานชนดิ ใด…………………………………………….……………

3. พลังงานจลน์จะมากหรือน้อยขึน้ อยกู่ ับอะไร…………………………………………………….…………...

4. งานของแรงลพั ธ์ท่ีกระทาต่อวัตถจุ ะเท่ากบั ………………………………………………………………….

5. พลงั งานจลน์ มีหนว่ ยเป็น……………………………………………………………………………………

6. พลงั งานศักยข์ องวัตถุที่อย่ใู นทส่ี ูง ซึ่งเกิดจากแรงดึงดูดของโลก เรยี กว่า……………………………………

7. พลงั งานศักย์โน้มถว่ ง วดั จาก………………………………………………………………………………..

8. เมอ่ื วตั ถุตกลงโดยอิสระ พลังงานศักยท์ ล่ี ดลงจะเทา่ กบั ……………………………………………………..

9. พลงั งานศักย์ท่เี ก่ยี วกับการยดื หรอื หดของสปริง เรียกวา่ ……….………………….………………………...

10. สมการพลังงานศักยท์ ี่เก่ียวกบั การยดื หรือหดของสปริง คอื …………………………………………………

ลูกปืนมวล 0.15 กิโลกรัม เคลื่อนออกจากลากล้องปืนซ่ึงยาว 0.60 m ด้วยอัตราเร็ว 20 m/s จงหา พลังงาน

จลนข์ องลกู ปืน Ek = 1 mv2
วธิ ีทา จาก Ek = 2

1 ( …… )(…….. )2 = …………. จลู
2
12. นักกายกรรมหนัก 650 N ไตเ่ ชือกทีแ่ ขวนอยใู่ นแนวดิ่ง ข้ึนไปสงู 10 m จากพนื้ ดิน จงหาพลังงานศักยโ์ นม้

ถ่วงเมื่อเขาอยู่ทจ่ี ดุ สงู สุด

วิธที า จาก Ep = mgh

Ep = ( ……… )(………. )
Ep = ………… จลู

97

13. สปริงอันหนึ่งเม่ือออกแรงดึง 60 N จะทาให้ยดื ออก 15 เซนตเิ มตร จงหาพลงั งานศักย์ยดื หยนุ่ ของสปรงิ เมื่อ

สปริงยดื ออกมา 10 เซนติเมตร

วธิ ที า จาก F = kx

60 = k ( ……………)

k = ………………… N/m
1
Ep = 2 kx2
Ep =
1 ( …… )(…….. )2 = …………. จูล
2

98

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 2.3 จดุ ประสงค์การเรียนรูท้ ี่ 2
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรยี นรูท้ ี่ 2
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A )
เรือ่ ง พลงั งานกล เวลา 10 นาที

ชือ่ ………………………………………………………ชั้น…………เลขท่ี……..กลุ่มที่…………

1. ลกู ปืนมวล 1.0 กรัม เคล่อื นท่ีดว้ ยอัตราเร็ว 250 เมตร/วนิ าที ไปกระทบเปาู ซง่ึ เป็นไม้ ลูกปนื จมลงไปในเน้ือ
ไม้ลึก 4.0 เซนติเมตร จงหาแรงเฉลย่ี ของลูกปืนท่ีกระทาตอ่ ไม้ในการเคลื่อนท่ีเข้าไปในเนื้อไม้
...................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .............................................
........................................................................................................................................... ...............................
..................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................................ ..............................

2. ลูกปืนมวล 0.02 กิโลกรมั เคลอื่ นทอี่ อกจากลากล้องปืนซ่งึ ยาว 0.75 เมตร ด้วยอัตราเร็ว 400 เมตร/วินาที
จงหา แรงท่ดี นั ใหล้ ูกปนื หลุดออกจากลากล้องเป็นก่ีนวิ ตัน
............................................................................................................................. .............................................

............................................................................................................................. .............................................

..........................................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .............................................

.............................................................................................................................. ............................................

..........................................................................................................................................................................

3. เครื่องชงั่ สปริงแบ่งสเกลไว้ตัง้ แต่ 0 – 30 นิวตัน บนสเกลท่ียาว 0.15 เมตร จงหาพลงั งานศักยย์ ดื หยุน่ ของ
สปรงิ ขณะที่เครื่องสปรงิ อ่านค่าแรงได้ 20 นวิ ตัน
........................................................................................................................................... ...............................

........................................................................................................... ...............................................................

............................................................................................................................. .............................................

............................................................................................................................................ ..............................

........................................................................................................... ...............................................................

............................................................................................................................. .............................................

99

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 แบบฝึกทักษะ 2 ผลการเรยี นท่ีคาดหวงั ท่ี 2
รหสั วิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนรู้ท่ี 2
ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P )
เรอื่ ง พลังงานกล เวลา 5 นาที

ชื่อ..........................................................………………….. ชนั้ ม. 4 /....…. ……….เลขท.่ี ...........….

คาช้ีแจง จงเติมคาตอบลงในชอ่ งวา่ งให้ถูกต้อง

1. ลูกปืนมวล 0.5 กโิ ลกรัม เคลือ่ นออกจากลากล้องปนื ซ่ึงยาว 0.50 m ดว้ ยอัตราเรว็ 30 m/s จงหา พลังงาน

จลน์ของลกู ปืน Ek = 1 mv2
2
วิธที า จาก

2. นกั กายกรรมหนัก 450 N ไต่เชอื กทีแ่ ขวนอยู่ในแนวด่ิง ขนึ้ ไปสงู 15 m จากพ้ืนดนิ จงหาพลังงานศกั ย์โน้มถ่วง

เมื่อเขาอยู่ทจี่ ุดสูงสดุ

วิธที า จาก Ep = mgh

3. สปรงิ อนั หนงึ่ เม่ือออกแรงดงึ 20 N จะทาให้ยดื ออก 20 เซนติเมตร จงหาพลงั งานศักยย์ ืดหย่นุ ของสปรงิ เมื่อ

สปริงยืดออกมา 8 เซนตเิ มตร

วธิ ที า จาก F = kx
1
Ep = 2 kx2

100

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรยี นทค่ี าดหวงั ที่ 2
รหัสวิชา ว 30202 ( กอ่ นเรยี น – หลังเรียน ) ประกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาที่ 4
เวลา 15 นาที

ผลการเรียนท่ีคาดหวงั ที่ 2 สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเกีย่ วกบั พลงั งานกล ความสมั พนั ธ์
ระหว่างงานและพลงั งานจลน์

ใหก้ าเคร่ืองหมาย  ลงใน  ใต้ตัวอักษร ก, ข, ค และ ง ทเ่ี ป็นคาตอบท่ีถกู ต้องท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว ลงใน
กระดาษคาตอบ

1.นักกายกรรมหนกั 500 นิวตัน ไต่เชอื กท่ีแขวนอยูใ่ นแนวดงิ่ ขน้ึ ไปสงู 10.0 เมตร จากพ้ืน จงหาพลังงานจลน์

เฉลี่ยขณะท่ีเขากาลงั เคลอื่ นที่ ถ้าอตั ราเร็วเฉล่ยี ในการไต่เท่ากับ 0.50 เมตรต่อวนิ าที

ก. 5 จลู ข. 6.25 จูล ค. 25.0 จูล ง. 72.5 จลู

2.จากข้อ 1. จงหาพลงั งานศักยเ์ มื่อเขาอยู่ทจ่ี ุดสงู 8 เมตร จากพ้ืนดนิ
ก. 400 จลู ข. 500 จลู ค. 4,000 จลู ง. 5,000 จูล

3.อเิ ลก็ ตรอน 1 ตัว มีมวลประมาณ 9x10-31 กิโลกรมั จงหาจะตอ้ งใช้อิเล็กตรอนก่ตี วั จงึ จะมีพลังงานจลนเ์ ปน็ 9
จูล ซ่งึ เคลอื่ นท่ดี ้วยอตั ราเรว็ 2x108 เมตร/วนิ าที
ก. 1x1014 ข. 3x1014 ค. 5x1014 ง. 9x1014

4.ลกู ปืนมวล 2.0 กรมั เคลือ่ นที่ด้วยอัตราเรว็ 200 เมตร/วนิ าที ไปกระทบเปูาซง่ึ เป็นไม้ ลูกปนื จมลงไปในเน้อื ไม้

ลกึ 5.0 เซนตเิ มตร ลกู ปนื มีพลังงานจลน์เปลย่ี นไปก่จี ูล

ก. 20 จลู ข. 40 จลู ค. 80 จลู ง. 100 จูล

5.ลกู ปืนมวล 0.002 กิโลกรมั เคล่อื นท่ีออกจากลากล้องปืนซึ่งยาว 0.80 เมตร ดว้ ยอตั ราเรว็ 400 เมตร/วนิ าที

จงหางานทท่ี าให้ลูกปืนหลุดออกจากลากลอ้ งเปน็ ก่ีจูล

ก. 80 จูล ข. 160 จูล ค. 240 จลู ง. 320 จูล

6.เครอื่ งชงั่ สปรงิ แบ่งสเกลไวต้ ั้งแต่ 0 – 20 นวิ ตนั บนสเกลทย่ี าว 0.10 เมตร จงหาพลังงานศักยย์ ืดหยนุ่ ของ

สปริง ขณะทเ่ี ครื่องสปรงิ อ่านคา่ แรงได้ 10 นิวตัน

ก. 1.00 จูล ข. 0.75 จูล ค. 0.50 จูล ง. 0.25 จลู

7.วตั ถุมวล 1.00 กโิ ลกรมั ติดอยกู่ ับปลายข้างหนึง่ ของสปริงดงั รูป เม่ือสปริงถกู กดเข้า เป็นระยะ 0.20 เมตรจาก

ตาแหน่งสมดุล แล้วถกู ปล่อย จงหาอัตราเร็วของวตั ถุขณะผ่านตาแหนง่ สมดลุ ของสปรงิ เมื่อคา่ คงตัวของสปรงิ

เท่ากับ 400 นวิ ตนั ตอ่ เมตร ( พนื้ ล่นื )

ก. 4 m/s ข. 3 m/s

ค. 2 m/s ง. 1 m/s

ตำแหน่งสมดุล

101

8. ก้อนหนิ มวล 40.0 กิโลกรัม ตกจากที่สูง 185 เมตร เหนอื พ้นื ดนิ จงหาพลงั งานศกั ย์ของก้อนหนิ เม่ือเวลาผา่ น

ไป 1 วินาที เปน็ กีจ่ ลู ข. 6.8x104 ค. 7.2x104 ง. 9.6x104
ก. 4.6x104

9.จากข้อ 8. เมือ่ เวลาผ่านไป 5 วินาที ขณะนั้นก้อนหนิ มพี ลงั งานจลน์เปน็ ก่ีจูล ง. 5x106
ก. 5x103 ข. 5x104 ค. 5x105

10.วตั ถมุ วล 2 กิโลกรมั วางอยู่บนพน้ื โต๊ะท่ีมีแรงเสยี ดทานนอ้ ยมาก ( ไม่คดิ แรงเสยี ดทาน ) มีแรงลัพธ์กระทาต่อ
วตั ถุในแนวขนานกับพืน้ โต๊ะ กราฟระหว่างความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงกับเวลาแสดงดังรูป พลังงานจลน์ของวตั ถุ
เม่ือสิน้ สดุ วินาทีท่ี 6 มีคา่ เท่ากับกี่จลู

F (N )

8

0 2 4 6 t (s)

ก. 136 ข. 256 ค. 396 ง. 436

102

รายวชิ าฟสิ ิกส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ ผลการเรียนทค่ี าดหวังท่ี 2
ประกอบแผนจดั การเรียนรู้ที่ 2
รหัสวชิ า ว 30202 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ก่อนเรียน

4 หลงั เรียน

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลงั เรียน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ค
3ค
4ค
5ข
6ง
7ก
8ค
9ข
10 ข

103

รายวิชาฟสิ กิ ส์ 2 ใบกจิ กรรม 2 รหสั วิชา ว 30202

ช่ือ..........................................................………………….. ช้นั ม. 4 /......…. ……….เลขท่ี............….

ผลการเรียนท่คี าดหวังที่ 2. สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเกย่ี วกบั พลังงานกล ความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งงานและพลงั งานจลน์

คาสั่ง ให้นักเรยี นสรปุ ความร้ทู เ่ี กยี่ วกับพลงั งานกล เปน็ แผนผงั มโนทศั น์ ( Concept Mapping )

องค์ความรู้ เรอ่ื ง………………………………………………………………………………
เกย่ี วข้อง ในหวั ขอ้ เรอื่ ง พลงั งานกล
ให้งาน วนั ท่ี………………………………………………………………………………
กาหนดสง่ วนั ที่………………………………………………………………………………
ส่งงาน วันที่……………………………..…………ลงชอื่ ………………………………ผสู้ ง่

ลงชอ่ื ………………………………ผรู้ บั
( …………………………….)
อาจารย์ประจาวิชา ว 30202

ลาดับ รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเก่ยี วข้องกับจดุ ประสงคแ์ ละเนื้อหาสาระ
2 ความสัมพนั ธ์ กับชวี ติ ประจาวนั
3 รปู แบบ สามารถนาไปเป็นแบบอย่างได้
4 ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บร้อย

5 = ดมี ากท่ีสดุ 4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรับปรุง

ผปู้ ระเมิน ลงชอ่ื ……………………………………………………ชั้น…………….เลขที่………...
วนั ที่………………………………………………………………………………………

104

แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )
องค์ความรเู้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจา้ ของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

105

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชื่อวชิ า ฟสิ ิกส์ 2 รหัสวิชา ว30202

ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 งานและพลงั งาน เรือ่ งท่ี 3 กฏอนุรักษ์พลังงาน

ช่อื แผน กฏอนรุ กั ษ์พลังงาน เวลา 5 ชว่ั โมง
ผู้สอน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรียนวชั รวิทยา วันที่สอน 21-30 พฤศจิกายน 2559

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
“ พลังงานในระบบ จะไม่สูญหาย แต่พลังงานสามารถท่ีจะเปลี่ยนรูปได้ ดังนั้นพลังงานของระบบหน่ึง

จะมีค่าคงที่” เราเรียกหลักการนี้ว่า การอนุรักษ์พลังงาน ดังน้ันในเครื่องกลใดๆ ที่นามาใช้งาน แล้วงานที่ได้
จากการทางานไปน้ัน ไม่เท่าเดิม เป็นผลสืบเนอื่ งมาจาก การเปล่ียนรูปไปเป็นพลังงานรูปอื่น เม่ือรวมพลังงานนั้น
แล้วก็จะเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน ประสิทธิภาพของเครื่องกลจะมีค่ามากหรือน้อยจึงข้ึนอยู่กับว่า มี
การสญู เสียไปเป็นพลังงานในรูปอ่ืนมากน้อยต่างกันอย่างไร ถ้าสูญเสียไปเป็นพลังงานรูปอ่ืนท่ีเราไม่ต้องการมาก
แสดงว่าประสทิ ธิภาพของเครอ่ื งกลก็จะตา่

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชวี ติ การเปลี่ยนรปู พลงั งาน

ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใช้พลังงานตอ่ ชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม มีกระบวน การสืบเสาะหา
ความรู้ สื่อสารสงิ่ ที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การ
แกป้ ัญหา รวู้ า่ ปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ีเ่ กดิ ขึ้นสว่ นใหญม่ ีรูปแบบทแี่ น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ภายใต้ข้อมลู และเครอ่ื งมอื ทีม่ ีอยใู่ นชว่ งเวลานัน้ ๆ เขา้ ใจว่า วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่งิ แวดล้อม มี
ความเก่ยี วข้องสัมพันธก์ ัน

3. ผลการเรียนรู้
สืบคน้ ขอ้ มูล ทดลอง และอธิบายเกยี่ วกับกฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน และรวม ไปถึงกฎการอนุรักษ์พลังงาน

รูปอ่ืน

4. สาระการเรียนรู้
-สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
1. กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน
2. เครือ่ งกลและประสทิ ธภิ าพของเครื่องกล
-สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่
1.กระบวนการบริหารพลงั งานในโรงเรอื นเล้ยี งหมูของหมู่บ้านเลี้ยงหมูซพี ี ตาบลคณฑี จงั หวดั

กาแพงเพชร

106

-สาระการเรียนรเู้ ก่ยี วกับอาเซียน
1.แหล่งพลงั งานในภูมภิ าคอาเซยี น

-สาระการเรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียง
1.พลังงานทดแทน

5. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
จดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนดา้ นสมรรถนะ
1. ทกั ษะแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเองเพ่อื การแก้ปัญหา
2. ทักษะการคิดขั้นสูง
3. ทกั ษะการสอ่ื สารอยา่ งสร้างสรรค์ตามชว่ งวัย

6.คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้ (ตง้ั ใจเพียงพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้,แสวงหาความรูร้ ูจ้ ากแหล่ง

เรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลือกใชส้ อื่ อยา่ งเหมาะสม สรปุ เปน็ องค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้)

จดุ เนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นด้านคณุ ลักษณะ
1.คุณลกั ษณะม่งุ ม่นั ในการทางาน
2. คณุ ลกั ษณะใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น

7. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหว่างเรียน)
1.ใบงาน 3.1 – 3.3 (ระหว่างเรยี น)
2.แบบฝกึ ทักษะ 3 (ระหวา่ งเรยี น)
3.ใบกจิ กรรม 3 (ระหวา่ งเรยี น)
4.แบบทดสอบรายจุดประสงคท์ ี่ 3 (รวบยอด)

107

8. การวดั และประเมนิ ผล

8.1 การประเมนิ ระหวา่ งจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ชิน้ งาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
-
1.การวัดผลคณุ ธรรม สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม แบบวดั พฤติกรรม
-
จติ พิสยั นักเรยี น นักเรียน
รอ้ ยละ 50 ข้ึนไป
2. การประเมนิ ผลจาก ตรวจใบงาน 3.1 – 3.3 ใบงานที่ 3.1-3.3 -
ระดบั 3 ข้นึ ไป
สภาพจริง ร้อยละ 50 ขึน้ ไป

ตรวจแบบฝึกทักษะ 3 แบบฝึกทักษะ 3 เกณฑ์การประเมนิ
ร้อยละ 60 ขึน้ ไป
ตรวจสมุดจด ใบกิจกรรม 3

ตรวจใบกิจกรรม 3

3. การวดั ผลหลงั เรยี น แบบทดสอบราย แบบทดสอบราย

จุดประสงคท์ ่ี 3 จดุ ประสงค์ท่ี 3

8.2 การประเมินเม่อื สนิ้ สุดการเรยี นรู้

ชน้ิ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมิน เคร่อื งมอื

แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ

9. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นสรา้ งความสนใจ
1.1 นกั เรียนและครรู ่วมกนั สนทนา เก่ยี วกับ เรือ่ ง ตาแหน่งของวตั ถทุ ่ีจุดสูงสุดแล้วตกลงมาถึง

พื้น(ตาแหน่งต่าสุด) พลังงานที่เก่ียวข้องมีพลังงานอะไร เพื่อนาไปสู่คาถามที่ว่า “ทุกตาแหน่งของวัตถุท่ีมีการ
เคลอ่ื นท่ีพลงั งาน จะเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร”

1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูว่า “ทุกตาแหน่งของวัตถุที่มีการเคล่ือนที่พลังงาน จะ
เปล่ยี นแปลงอย่างไร ” ( ทง้ิ ช่วงให้นกั เรยี นคดิ )

1.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายในแต่ละกลุ่ม พร้อมท้ังบันทึกความเห็นของกลุ่มในใบงาน 3.1
เฉพาะขอ้ 1 และข้อ 2 (เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนได้แสดงความคิดเหน็ โดยยังไมเ่ น้นถูกผดิ )

1.4 ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอความเห็นของกลุ่ม ( ของแต่ละคนในกลุ่มโดยตัวแทน
ของกล่มุ และขอ้ สรปุ ของกล่มุ )

1.5 นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกับ “ทกุ ตาแหน่งของวตั ถทุ ม่ี ีการเคลื่อนที่พลังงาน จะ
เปล่ียนแปลงอย่างไร” แล้วบนั ทึกลงในใบงาน 3.1

1.6 นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น จานวนข้อสอบ 10 ข้อ
1.7 แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับ กฎการอนุรักษ์พลังงาน เครื่องกลและ
ประสิทธภิ าพของเคร่ืองกล
1.8 นักเรียนศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมจากเว็บไซต์การสอนฟิสิกส์ช่ือ http://gg.gg/chatree-teach
ข้นั สารวจและคน้ หา
2.1 นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับศักย์ไฟฟ้า จากใบความรู้ 3 พร้อมกับใบงาน 3.2 แล้วสรุป
สาระสาคญั บนั ทกึ ลงในสมดุ จดบนั ทึกและตอบคาถาม
2.2 ส่มุ นกั เรยี น 1 กลุ่มเสนอผลการสบื ค้นข้อมลู

108

ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป
3.1 นักเรยี นนาข้อมลู จากขน้ั การสบื ค้น ขอ้ มลู มาอภิปรายรว่ มกับครู
3.2 ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน และการคานวณเพ่ือให้ นักเรียนสรุป

สาระสาคัญลงในสมุดจดบันทกึ
ขั้นขยายความรู้
4.1 นักเรียนสนทนาซักถามครูและตอบคาถามว่า “ เครื่องกลต่างๆท่ีเราใช้เพ่ืออานวยความ

สะดวก และผอ่ นแรง นัน้ เป็นไปตามกฎอนุรักษ์พลังงาน หรือไม่อย่างไร ” ( ท้ิงช่วงให้นักเรียนคิด ) เพ่ือนาไปสู่
เครื่องกล และประสิทธิภาพของเครือ่ งกล

4.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย เก่ียวกับ เครื่องกล และการคานวณหาประสิทธิภาพของ
เครอื่ งกล จากใบความรู้ 3

4.3 นกั เรยี นร่วมกนั สืบคน้ แกป้ ญั หา ในใบงาน 3.3
4.4 นกั เรียนทาแบบฝึกทกั ษะ 3
4.5 นกั เรยี นศกึ ษาข้อมลู เพิ่มเติมเกีย่ วกับ กระบวนการบรหิ ารพลงั งานในโรงเรือนเลย้ี งหมขู อง
หมูบ่ ้านเล้ยี งหมซู ีพี ตาบลคณฑี จงั หวัดกาแพงเพชร ,แหลง่ พลงั งานในภูมภิ าคอาเซยี น และ พลงั งานทดแทน
จากเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach (บรู ณาการ*)
ขั้นประเมนิ
5.1 นักเรียนเขียน Concept mapping เกี่ยวกับ กฎการอนุรักษ์พลังงาน เครื่องกลและ
ประสทิ ธภิ าพของเครื่องกล ในใบกจิ กรรม 3
5.2 นักเรียนนา Concept mapping อภิปรายแลกเปลี่ยนกับเพ่ือนๆ และประเมินผลงาน
ใหก้ ับเพอื่ น
5.3 นักเรียนที่เป็นเจ้าของผลงาน Concept mapping ที่ได้รับการประเมินจากเพื่อนมา
อภิปรายเกีย่ วกบั Concept ในงานน้ัน โดยการสุ่มจากครู
5.4 นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน
5.5 นกั เรยี นทท่ี าคะแนนได้ไม่ถึงร้อยละ 50 เขา้ ไปเรียนรู้และฝกึ ทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา
โจทย์วิชาฟิสิกส์ออนไลน์ เร่ือง งานและกาลงั ไดท้ ่เี วบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

109

10. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื
1 ชดุ ใช้ข้นั สรา้ งความสนใจ
รายการส่ือ 1 ชดุ ใชข้ ้ันสร้างความสนใจ
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1 ชุด ใชอ้ ธบิ ายและลงข้อสรุป ( ใช้ข้นั ประเมิน )
2. ใบงาน 3.1 1 ชดุ ใช้อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3. แบบฝึกทกั ษะ 3 1 ชุด ใช้สารวจและค้นหา
4. ใบความรู้ 3 1 ชดุ ใช้ขยายความรแู้ ละลงข้อสรปุ
5. ใบงาน 3.2 1 ชดุ ใช้ขน้ั ประเมินและลงข้อสรปุ
6. ใบงาน 3.3 1 ชดุ ใชข้ น้ั ประเมิน
7. ใบกจิ กรรม 3 1 ชุด ใช้ประกอบทุกข้นั ตอนของการเรียนการสอน
8. แบบทดสอบหลังเรียน
9.เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

11. กิจกรรมเสนอแนะ

กิจกรรมเสริมทกั ษะหรอื ซอ่ มเสรมิ

รายการ วธิ ดี าเนินกิจกรรม

1. ปรับปรุง – แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของผ้เู รยี น 1. ครูควบคุมดูแลให้อยู่ในกรอบระหวา่ งเรียน

2. ครคู อยเสรมิ หรอื แก้ไขเมอ่ื การอภิปรายของนักเรยี น

ไมส่ มบูรณ์

3. ครูชีแ้ จงขอ้ บกพรอ่ งในการทากิจกรรม

4. ครูเฉลยข้อสงสยั ท่ีนกั เรยี นทาไม่ได้

5. สอนซ่อมเสริมนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านประเมินหลงั เรียน

2. สง่ เสริมความรคู้ วามสามารถของผูเ้ รยี น 1. ใหน้ กั เรียนทาชิน้ งาน 1 ชนิ้ งาน

นอกจากนัน้ ใหส้ บื ค้นข้อมลู เพม่ิ เตมิ จาก www.wikipedia.org และเวบ็ ไซต์ของฟสิ ิกส์ราชมงคล

http://www.rmutphysics.com

110

12.บนั ทึกผลหลังการสอน

12.1 หาความก้าวหนา้ ในการเรียนการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความกา้ ว
ระหว่างเรยี น หลงั เรยี น หน้าใน
นักเรียน ก่อนเรียน การเรยี น
8.22 9.23 82.2/92.3
151 10 2.54 66.9

สูตร รอ้ ยละความกา้ วหน้าในการเรียน = คะแนนหลงั เรยี น – คะแนนกอ่ นเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สูตร หาประสิทธภิ าพของสือ่ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ (สอบหลงั เรยี น)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลย่ี ระหว่างเรยี น x 100
คะแนนเตม็

ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์ = คะแนนเฉลี่ยหลังเรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 สภาพของการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนท่ีกาหนดไว้ในแผนการ

จดั การเรียนรู้ เปน็ กิจกรรมท่ีเหมาะสมกบั วัยของผ้เู รยี นและเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้ สามารถจดั กจิ กรรม
การเรียนการสอน

 ได้ตามเวลาทีก่ าหนดทุกกิจกรรม
 ไมท่ ันตามเวลาทีก่ าหนดในกิจกรรมเน่ืองจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีสว่ นร่วมของนกั เรียน การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนคร้งั นี้ นักเรยี นทกุ คนได้รว่ ม

กจิ กรรมและเรียนรูอ้ ยา่ งมคี วามสุข และมีขอ้ คน้ พบเพิ่มเติมคอื .....นักเรียนแสดงออกด้วยการมีสว่ นรว่ มในการ

ตอบคาถาม และแสดงความคิดเนเกย่ี วกบั กฏการอนุรักษ์พลังงาน.......
12.4 ความรู้ความเข้าใจของผ้เู รยี น กิจกรรมช่วยให้ผ้เู รียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกดิ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงคแ์ ละมที ักษะกระบวนการตามทีจ่ ุดประสงค์กาหนด นอกจากน้ันยังพบวา่

.......นักเรียนมีความเขา้ ใจในเน้ือหาที่เรียน ในระดับด.ี .......
12.5 สือ่ การสอน สอ่ื การเรียนการสอนท่ีกาหนดในแผนการจดั การเรียนรู้ ไดใ้ ช้ส่อื หลายอย่าง เปน็ ส่อื

ท่ีเหมาะสมกบั วัยผ้เู รยี น สอดคลอ้ งกับเนื้อหา สามรถใชป้ ระกอบการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนไดอ้ ย่าง

เหมาะสม ช่วยใหผ้ ูเ้ รียนเรยี นรูอ้ ย่างสนกุ สนานและเขา้ ใจบทเรยี นได้เรว็ ยง่ิ ขึ้น และมีขอ้ คิดเหน็ เพ่ิมเตมิ คือ
.....นกั เรยี นสนใจส่อื การสอนอยา่ งมาก ครใู หน้ ักเรียนจดจาสูตรโดยสรา้ งความสัมพันธ์กับนวิ้ มือ ทาใหน้ ักเรยี น

จาสตู รเกีย่ วกับพลงั งานได้แม่นยาขึน้ นักเรียนรว่ มแสดงความคิดเห็น.................

111

12.6 การวดั ผลประเมนิ ผล ในการจัดการเรยี นการสอนครงั้ น้ี ครอบคลมุ พฤติกรรมตามจุดประสงค์
การเรยี นรู้ทก่ี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการวดั ผลและประเมนิ ผลสรุปได้ ดงั นี้

ด้านความรู้ความเข้าใจ (K)
นกั เรยี นท่ผี ่านจุดประสงค์ตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คดิ เป็นร้อยละ..100.....
นกั เรยี นท่ไี มผ่ ่านจดุ ประสงค์ จานวน....-......คน คิดเป็นร้อยละ...-....
และได้ดาเนนิ การแก้ปญั หา คือ
 สอนเสริม  มอบงานใหท้ าเพิ่มเตมิ ทารายงาน  อ่ืน ๆ................
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนท่ผี า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเป็นร้อยละ..100.....
นกั เรียนท่ีไมผ่ ่านทกั ษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คดิ เป็นร้อยละ...-....
และไดด้ าเนนิ การแกป้ ญั หา คือ .......................-...........................................................
ดา้ นค่านยิ ม (A)
นกั เรยี นที่มีคา่ นิยมตามเกณฑ์รอ้ ยละ จานวน..151...คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..100.....
นักเรยี นท่ีต้องปรบั เปลยี่ นค่านิยม จานวน....-......คน คิดเป็นร้อยละ...-....
และได้ดาเนนิ การปรบั เปลี่ยนคา่ นยิ ม (แจงรายละเอียด ของการปรับเปลี่ยนคา่ นิยม
คือ ............-............................................................................................................................
12.7 การบรู ณาการ ในการจดั การเรยี นการสอนได้บรู ณาการการเรยี นรู้โดยบูรณราการภายในเนือ้ หา
สาระของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตรซ์ ่งึ เปน็ การบรู ณาการ(ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง / อาเซยี น / โรงเรยี น
สุจรติ ) เพ่อื ต้องการใหน้ ักเรียนได้นาความรู้ทีไ่ ด้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มีทกั ษะชวี ติ ที่จะก้าวไปส่สู งั คมภายนอก
ไดอ้ ย่างมีความรู้ทีเ่ ทา่ ทนั ในยุคปจั จุบัน โดยมีขอ้ ค้นพบเพิ่มเตมิ คือ...มกี ารบูรณาการเก่ียวกบั อาเซียนในกิจกรรม
การเรยี นการสอนอย่างสมา่ เสมอ มีการบูรณาการเกย่ี กับหลักความพอเพยี ง......
12.8 นวัตกรรมทีใ่ ช้ในการจัดการเรียนการสอน การจดั การเรยี นการสอนในครั้งนี้ไดจ้ ดั ทาสื่อการเรยี น
การสอนที่เปน็ นวัตกรรม คือ ....เว็บไซตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใช้นวตั กรรมพบวา่ ......นกั เรยี นสนใจสอ่ื การสอนเปน็ อยา่ งด.ี .....
12.9 วิจยั ในชน้ั เรียน ผลจากการจดั การเรียนการสอน พบประเดน็ น่าสนใจท่ีควรดาเนนิ การศึกษา
คน้ คว้าเพิ่มเติมในรปู แบบการวิจยั ในช้นั เรียนเกย่ี วกับการจัดการเรียนการสอนคือ..-..............................................
................................................................................................. ................................................................................
12.10 ปญั หาและอุปสรรค ผลจากการจัดการเรยี นการสอน พบประเดน็ ปญั หาและอปุ สรรค
ดงั ตอ่ ไปนี้..........นักเรียนแกส้ มการคณิตศาสตร์ในโจทยว์ ชิ าฟิสิกสไ์ ม่ค่อยได.้ ........
............................................................................................................................. ....................................................
12.11 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
จากประเด็นปัญหาที่พบ สามารถวิเคราะห์แนวทางเพ่อื แก้ปญั หา ดังนี้...ใหน้ กั เรียนฝกึ ทาโจทย์
จากคมู่ ือเล่มต่างๆ นอกจากน้ันยงั ฝึกใหน้ ักเรยี นลองแข่งขันเกมส์ 180ไอคิวเพื่อความสามารถทางคณติ ศาสตร์.....

ลงชอื่ ..............................................ผสู้ อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

112

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศกั ด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหน่ง หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
.................................................................................................................................. ............................
...................................................................................................... ........................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นายวเิ ชยี ร ยอดนลิ )

ตาแหน่ง รองผูอ้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............
ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................................................................... ...........
....................................................................................................................... .......................................
ลงชอ่ื ........................................................

(นางสิรวิ รรณ ตันตสิ ันตสิ ม)
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการ รกั ษาการในตาแหน่ง

ผู้อานวยการโรงเรียนวชั รวิทยา
วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

113

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 3
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 งานและพลงั งาน
เร่ืองท่ี 3 กฎอนรุ ักษ์พลงั งาน

วิชา ฟิสิกส์ 2 รหสั วิชา ว30202 ชนั้ ม.4 เวลา 5 ช่วั โมง หนว่ ยการเรยี น 1.5 หนว่ ย
อาจารย์ผู้สอนนายชาตรี ศรมี ่วงวงค์

114

รายวชิ า ฟิสกิ ส์ 2 ใบความรู้ 3 จุดประสงคก์ ารเรียนรูท้ ี่ 3
รหสั วิชา ว 30202 ระดับชั้น ม. 4 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นร้ทู ่ี 3

เรือ่ ง กฎการอนุรักษพ์ ลงั งาน

กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน
พลังงานรวมของระบบ คือ ผลรวมของพลังงานศักย์และพลังงานจลนข์ องระบบ

จากรูป ที่ตาแหน่ง A จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ D
โดยที่ ตาแหน่ง B จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ C

ตาแหน่ง C จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์

ตาแหน่ง D จะมีพลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลน์ B
โดย ท่ีตาแหน่ง A จะมีพลงั งานศกั ยเ์ ป็นศูนยแ์ ลว้ พลงั งานศกั ยจ์ ะเพม่ิ ข้ึน

จนมีค่ามากที่สุดท่ีตาแหน่งสูงสุด และท่ีตาแหน่ง A จะมีค่าพลงั งานจลน์ A
มากที่สุดแลว้ พลงั งานจลน์จะมีค่าลดลงจนเป็นศูนยท์ ่ีตาแหน่งสูงสุด

กฎการอนุรักษ์พลังงานกลา่ วว่า

“พลงั งานรวมของระบบจะไม่สญู หายไปไหน แต่อาจเปลีย่ นจากรูปหนง่ึ ไปเป็นอีกรปู หนง่ึ ได้”

ดงั นั้นจากรปู ข้างบนที่ตาแหน่ง A , B , C และ D จะต้องมีพลังงานรวมของ ( Ep + Ek ) D
ระบบเทา่ กันยกตวั อยา่ งเช่น

ถา้ ที่ตาแหน่ง A จะมีพลงั งานรวมของระบบเทา่ กบั 10 จูล จะได้ ( Ep + Ek ) C
ที่ตาแหน่ง B , C และ D จะมีพลงั งานรวมของระบบเท่ากบั 10 จูล

ด้วย ( Ep + Ek ) B
ถ้าแยกละเอียดเปน็ พลังงานศักยแ์ ละพลงั งานจลน์ จะได้

ทต่ี าแหน่ง A จะมีพลงั งานศักย์เทา่ กบั 0 จลู และพลังงานจลน์มคี ่า ( Ep + Ek ) A
เทา่ กับ 10 จูล รวมเท่ากบั 10 จูล

ที่ตาแหนง่ B จะมีพลงั งานศักย์เพม่ิ ข้นึ และพลังงานจลน์จะมคี า่

ลดลงรวมแลว้ เทา่ กบั 10 จูล

ทตี่ าแหนง่ C จะมีพลังงานศกั ย์เพมิ่ ขึ้น และพลังงานจลน์จะมีค่าลดลงรวมแลว้ เทา่ กบั 10 จลู

จนกระท่งั ที่ตาแหน่งสงู สุดจะมพี ลังงานศักยเ์ ท่ากบั 10 จลู และพลงั งานจลน์เป็นศนู ย์รวมแลว้ เท่ากับ10 จูล

ตวั อย่างก้อนหินมวล 50.0 กโิ ลกรัม ตกจากท่ีสงู 196 เมตรเหนือพื้นดิน จงหาพลงั งานศักย์และพลงั งานจลน์ของ

ก้อนหนิ ขณะท่กี ้อนหนิ เริ่มตก และพลงั งานรวมของระบบ

วิธที า ทต่ี าแหนง่ เร่ิมตก จะมพี ลงั งานศกั ยส์ งู สุด ( Ep + Ek )
หาได้จาก Ep = mgh
Ep = (50)(10)(196)
Ep = 9.8x104 จลู 196 เมตร

115

Ek  1 mv 2
2
Ek = ( ½ )( 50 ) ( 0 )2
Ek = 0 จูล
9.8x104
 พลงั งานรวมของระบบ เทา่ กับ Ep + Ek = จูล

การใชพ้ ลังงาน ควรระลึกอยูเ่ สมอวา่ “ประหยัดพลังงานวนั น้ี ดีกวา่ ไมม่ ีใช้ในวันข้างหนา้ ”
นักเรียนลองคิดคาขวญั การใช้พลังงาน เพื่อกระตุ้นใหเ้ กดิ การใช้พลังงานอย่างมีคุณค่ามากทีส่ ดุ

เครื่องกล

ประสิทธิภาพของเครือ่ งกลและเครอื่ งใช้ไฟฟ้า

ประสทิ ธิภาพของเคร่ืองกล หรอื อุปกรณ์ = งานท่ีไดร้ ัับจากเคอรง่ื กลหรืออุปกรณ์
งานท่ีให้กัับเคร่ื องลกหรื อ อุปกรณ์

ประสทิ ธภิ าพของเครอื่ งกล หรอื อปุ กรณ์ = 1 หมายถึง ไมม่ กี ารสญู เสียพลงั งาน ประสิทธภิ าพเป็น 100 %

ประสทิ ธิภาพของเครื่องกล หรอื อปุ กรณ์  1หมายถงึ มีการสูญเสยี พลงั งาน และมปี ระสิทธิภาพน้อยกวา่ 100
%

ประสทิ ธภิ าพของเครือ่ งกลหรอื อุปกรณ์ = งานท่ีไดร้ ัับจากเคอรงื่ กลหรืออุปกรณ์ X100 %
งานท่ีให้กัับเครื่ องลกหรื อ อุปกรณ์

ตวั อยา่ ง ประสทิ ธิภาพของรอก ดงั รปู มีค่าเท่าใด 40 N s
วธิ ีทา 1. หางานท่ีไดร้ ับจากรอก

จากสูตร W = Fs
แทนค่าจะได้ W = (60)(s/2)
ใหร้ ะยะทางที่วตั ถเุ คลื่อนทีไ่ ด้คือ (s/2)

2. หางานที่ใหจ้ ากรอก

จากสตู ร W = Fs s/2

แทนคา่ จะได้ W = (40)s

ประสิทธิภาพของรอก = งางนานททไ่ี ดใ่ี หร้ ั้จาับกจราอกกรอกX 100 % 6 kg

ประสทิ ธภิ าพของรอก = (60) s  X 100 %
2

(40)s

116

ประสิทธิภาพของรอก = 75 %

ตัวอย่างประสิทธภิ าพของพืน้ เอยี งมคี ่าเทา่ ใด ถ้าใชเ้ ปน็ เคร่ืองกลอนั หน่งึ 2N

วธิ ที า 1. หางานทใ่ี ห้ในการเคล่ือนวัตถุไปบนพื้นเอยี ง

จากสูตร W = Fs 30 3 N
แทนค่าจะได้ W = (2)L

ใหร้ ะยะทางท่ีวัตถุเคล่อื นทไี่ ด้คอื ระยะความยาวของพน้ื เอียง (L)

2. หางานทีไ่ ดร้ บั ในการเคลื่อนวตั ถุมาท่บี นสุด หาได้

จากสตู ร W = mgh

แทนค่าจะได้ W = (3)(Lsin 30)

ใหร้ ะยะทางที่วัตถเุ คลอ่ื นที่ได้คือ ระยะความสูงของพื้นเอยี ง ( Lsin30 )

ประสทิ ธิภาพของพ้ืนเอียง = งางนานททไี่ ดใี่ หร้ ั้จาับกจราอกกรอกX 100 %
(3)Lsin30
ประสิทธภิ าพของพน้ื เอยี ง = (2)L X 100 %

ประสิทธิภาพของพน้ื เอียง = 75 %

ตวั อยา่ งประสิทธภิ าพของเครอ่ื งกลดงั รปู มคี ่าเทา่ ใด 10 kg 0.5 m F = 1 N
ระยะห่างระหวา่ งเกลียว 1 ซม
วิธที า 1. หางานทใ่ี ห้ในการหมุนสกรู

จากสตู ร W = Fs

แทนคา่ จะได้ W = (1)2r , (   3

)

ใหร้ ะยะทางทีจ่ บั แขนสกรเู คล่ือนทไ่ี ดค้ ือระยะความยาวของเสน้ รอ

บวง

W = (1)(2)(3)(0.5)

= 3 จลู

2. หางานทไ่ี ดร้ บั คอื การเคล่ือนวตั ถุขน้ึ มา 1 ระยะเกลยี วเม่ือหมนุ 1 รอบ

จากสตู ร W = mgh

ให้ระยะทางทว่ี ตั ถุเคลื่อนท่ไี ด้คอื 1 ระยะเกลียว = 0.01 m

แทนค่าจะได้ W = (10)(10)(0.01) = 1 จูล

ประสทิ ธภิ าพของสกรู = งางนานททไ่ี ดใี่ หร้ ั้จาับกจราอกกรอกX 100 %

ประสิทธิภาพของสกรู = 1 X 100 %
3

ประสทิ ธภิ าพของสกรู = 1 X 100 %
3

117

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 3.1 จุดประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ่ี 3
รหัสวิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนร้ทู ่ี 3
ระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 4
5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที

เรื่อง กฎการอนุรักษพ์ ลังงาน

ช่ือ…………………………………………………..……ช้ัน……………เลขท่ี………….

1. ให้นกั เรียนเลอื กเขียนแสดงความคิดเห็นวา่ ทุกตาแหนง่ ของวัตถทุ ีม่ ีการเคล่ือนทพี่ ลงั งานจะเปลี่ยนแปลง
อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคิดเหน็ ของกลุ่มเหน็ ว่า ทกุ ตาแหน่งของวตั ถุท่ีมีการเคลอ่ื นที่พลังงานจะเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคิดเหน็ ท่นี ักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายสรปุ เห็นว่า ทกุ ตาแหนง่ ของวัตถทุ ่ีมกี ารเคลอ่ื นท่ีพลังงานจะ
เปล่ยี นแปลงอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….


Click to View FlipBook Version