The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-15 17:50:24

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

แผนการสอนภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2559

118

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 3.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ที่ 3
รหสั วิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3
ระดบั ชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 5 คะแนน ( P )
เรือ่ ง กฎการอนุรักษพ์ ลังงาน เวลา 40 นาที

ชอ่ื ………………………………………………………ช้ัน…………เลขท่ี……..กลุ่มท่ี…………

ให้นกั เรยี นสรุปสาระสาคัญที่ได้จากการสืบคน้ ขอ้ มลู ลงในสดุ จดบันทกึ

1. กฎการอนุรักษ์พลังงาน

2. ประสิทธภิ าพของเคร่อื งกล

ให้นกั เรียนเติมคาตอบท่ีถกู ต้องลงในชอ่ งวา่ งต่อไปน้ี

1. กฎการอนุรักษ์พลงั งาน หมายถึง ………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………

2. ในกรณที ี่ไม่มีแรงภายนอกมากระทา พลังงานกล เป็นผลรวมของ………………………………………………

3. ในกรณีที่มแี รงภายนอกมากระทา พลงั งานกล เป็นผลรวมของ…………………………………………………

4. วัตถุทต่ี กอยา่ งอสิ ระ กรณีนถี้ ือว่ามีแรงภายนอกมากระทาหรอื ไม่ ………………………………………………

5. วัตถุทีเ่ คล่ือนท่ไี ปบนพ้ืนทมี่ ีแรงเสยี ดทาน กรณนี ีถ้ ือว่ามแี รงภายนอกมากระทาหรือไม่ ……………………….

6. จากข้อ 4 พลังงานกลของระบบ มี อะไรบ้าง …………………………………………………………………...

7. จากข้อ 5 พลังงานกลของระบบ มี อะไรบา้ ง …………………………………………………………………...

8. จากข้อ 4 เมอ่ื นามาเขียนในรูป กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน จะมีสมการเป็นอย่างไร ……………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………..

9. จากข้อ 5 เมอ่ื นามาเขียนในรูป กฎการอนรุ กั ษ์พลังงาน จะมีสมการเปน็ อยา่ งไร ……………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………..

10. โยนวัตถุขึ้นไปในอากาศ ขณะท่ีวัตถุกาลังเคลื่อนท่ี กรณีนี้ ทุกตาแหน่งพลังงานกลของระบบจะมีอะไรบ้าง



…………………………………………………………………………………………………………………..

11. วัตถุมวล 5 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีบนพื้นราบล่ืนด้วยอัตราเร็ว 4 เมตรต่อวินาที เข้าชนสปริงปรากฏว่าสปริงหด

สนั้ มากท่สี ดุ 8 เซนติเมตร ค่านิจของสปรงิ มีค่ากน่ี วิ ตันต่อเมตร
1 1
วิธที า จากกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน 2 mv2 = 2 kx2
=
( 5 ) ( …… )2 k ( …………… )2

k = …………………. N/m

119

12. หินก้อนหน่ึงมีมวล 8 กิโลกรัม ไถลลงตามเนินเอียง ถ้าก้อนหินมีอัตราเร็ว 2 เมตรต่อวินาที ที่จุด X และ

3 เมตรตอ่ วินาที ทจี่ ุด Y จงหางานของแรงเสียดทานท่กี ระทาตอ่ ก้อนหนิ ในช่วงการเคลอ่ื นทจ่ี าก X ไป Y
1 1
วธิ ีทา จากกฎการอนุรักษ์พลงั งาน mgh + 2 mvx2 = 2 mvy2 + Wf
X ….. )+ 8)
…… )( 10 )( 1 ( (…. )2 = 1 ( ….. )( 3 )2 + Wf
5m ( 2 2

8m Wf = ………… จูล
Y

13. ผูกสปรงิ อนั หนึง่ กับมวลขนาด 3 กโิ ลกรมั และยึดติดกับผนังดังรูป สปริงมีค่านิจเท่ากับ 100 นิวตันต่อเมตร

เม่ือดังออกจากเดิม 15 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้มวลเคลื่อนที่ พบว่าขณะที่มวลผ่านตาแหน่งสมดุล วัด

ความเร็วได้ 1 เมตรต่อวินาที สัมประสิทธิ์ความเสยี ดทานระหว่างมวลกบั พ้ืนมีคา่ เทา่ ใด
1 1
วธิ ีทา 2 kx2 = 2 mv2 + Wf

1 kx2 = 1 mv2 + mg.x 15 cm
2 2
1 1
2 (……. )(…….) 2 = 2 ( …… )( ……. ) 2 + (……. )(10).( 15x10- 2)

 = ………………….

120

รายวิชา ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 3.3 จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ทู ่ี 3
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรียนรู้ท่ี 3
ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที

เร่ือง กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน

ชือ่ ………………………………………………………ชน้ั …………เลขท่ี……..กลุ่มท่ี…………

จากรปู ประสิทธภิ าพของรอก ดงั รปู มคี ่าเท่าใด

วิธีทา 1. หางานทีไ่ ด้รบั จากรอก 60 N s

จากสูตร W = Fs แทนค่าจะได้ W = (…….)(s/2) s/2
90 kg
ให้ระยะทางทว่ี ตั ถเุ คลอื่ นท่ีได้คือ (s/2)

2. หางานทใี่ หจ้ ากรอก

จากสตู ร W = Fs แทนคา่ จะได้ W = (……..)s

ประสทิ ธภิ าพของรอก = งางนานททีไ่ ด่ใี ห้รั้จาบกจราอกกรอกX 100 %
s
ประสทิ ธิภาพของรอก = (.........) 2  X 100 %

(............)s

ประสิทธภิ าพของรอก = ……………. %

จากรปู ประสทิ ธภิ าพของพื้นเอยี งมคี ่าเท่าใด ถา้ ใชเ้ ป็นเครื่องกลอนั หน่งึ 5N
วธิ ที า 1. หางานทใ่ี หใ้ นการเคลื่อนวัตถุไปบนพ้ืนเอยี ง 30 8N

จากสูตร W = Fs แทนคา่ จะได้ W = (…….)L
ใหร้ ะยะทางท่ีวตั ถุเคล่ือนทไ่ี ด้คอื ระยะความยาวของพน้ื เอียง (L)
2. หางานทไ่ี ดร้ ับในการเคล่ือนวัตถมุ าทีบ่ นสุด หาได้
จากสตู ร W = mgh แทนค่าจะได้ W = (………)(Lsin 30)
ให้ระยะทางท่ีวัตถเุ คล่ือนที่ได้คือ ระยะความสูงของพนื้ เอียง ( Lsin30 )

ประสทิ ธิภาพของพ้นื เอียง = งานทไ่ี ดร้ ับจากรอกX 100 %

ประสทิ ธภิ าพของพนื้ เอียง = (.ง..า..น..ท..ใ่ี .ห..)จ้ Lากsiรnอ3ก0 X 100 %
(......... .......)L

ประสทิ ธิภาพของพ้ืนเอยี ง = ………… %

จากรปู ประสทิ ธภิ าพของเครื่องกลมีค่าเทา่ ใด

วธิ ีทา 1. หางานทใ่ี ห้ในการหมนุ สกรู 121

จากสตู ร W = Fs 15 kg 0.6 m F = 5 N

แทนค่าจะได้ W = (……)2r , (   3 ) ระยะห่างระหวา่ งเกลียว 1 ซม

ให้ระยะทางท่ีจับแขนสกรเู คลื่อนทไ่ี ดค้ ือระยะความยาวของเสน้ รอบวง

W = (……..)(2)(3)(0.6) = ………. จูล

2. หางานท่ไี ด้รบั คือการเคล่ือนวัตถุข้นึ มา 1 ระยะเกลียวเม่ือหมนุ 1 รอบ

จากสตู ร W = mgh

ให้ระยะทางทวี่ ตั ถุเคลอื่ นทไี่ ด้คือ 1 ระยะเกลียว = 0.01 m

แทนคา่ จะได้ W = (………..)(10)(……….) = ……….. จูล

ประสิทธิภาพของสกรู = งางนานททไ่ี ดใ่ี หร้ ั้จาับกจราอกกรอกX 100 %

ประสิทธิภาพของสกรู = ………….. %

122

รายวิชา ฟิสิกส์ 2 แบบฝึกทักษะ 3 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ที่ 3
รหัสวชิ า ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 3
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที

เรอื่ ง กฎการอนุรักษพ์ ลังงาน

ชอื่ .............................................................. ชนั้ ม. 4 /......……. เลขที่...............คะแนนที่ได้………….…….

14. วัตถุมวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีบนพื้นราบล่ืนด้วยอัตราเร็ว 2 เมตรต่อวินาที เข้าชนสปริงปรากฏว่าสปริงหด

สน้ั มากทส่ี ดุ 10 เซนติเมตร ค่านจิ ของสปรงิ มคี ่าก่นี ิวตนั ต่อเมตร 1 1
2 2
วิธที า จากกฎการอนุรกั ษ์พลงั งาน mv2 = kx2

15. หินก้อนหน่ึงมีมวล 20 กิโลกรัม ไถลลงตามเนินเอียง ถ้าก้อนหินมีอัตราเร็ว 1 เมตรต่อวินาที ท่ีจุด X และ

4 เมตรต่อวินาที ทีจ่ ุด Y จงหางานของแรงเสียดทานทก่ี ระทาตอ่ ก้อนหนิ ในช่วงการเคลอ่ื นท่จี าก X ไป Y
1 1
วธิ ีทา จากกฎการอนุรักษพ์ ลงั งาน mgh + 2 mvx2 = 2 mvy2 + Wf
X

4m

5m
Y
16. ผูกสปริงอันหน่ึงกับมวลขนาด 2 กิโลกรัม และยึดติดกับผนังดังรูป สปริงมีค่านิจเท่ากับ 50 นิวตันต่อเมตร

เมื่อดังออกจากเดิม 20 เซนติเมตร แล้วปล่อยให้มวลเคลื่อนที่ พบว่าขณะท่ีมวลผ่านตาแหน่งสมดุล วัด

ความเร็วได้ 0.4 เมตรต่อวินาที สมั ประสทิ ธคิ์ วามเสียดทานระหวา่ งมวลกับพน้ื มคี า่ เทา่ ใด
1 1
วธิ ที า 2 kx2 = 2 mv2 + Wf

1 kx2 = 1 mv2 + mg.x 20 cm
2 2

123

รายวิชา ฟสิ ิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรยี นทค่ี าดหวังที่ 3
รหสั วชิ า ว 30202 ( ก่อนเรยี น – หลังเรียน ) ประกอบแผนจัดการเรียนรู้ท่ี 3
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาท่ี 4 เวลา 15 นาที

ผลการเรยี นทีค่ าดหวงั ที่ 3 สบื คน้ ข้อมูล ทดลอง และอธิบายเกย่ี วกับกฎการอนุรักษ์พลงั งาน และรวม ไปถงึ กฎ
การอนุรักษ์พลงั งานรูปอื่น

ให้กาเครือ่ งหมาย  ลงใน  ใตต้ วั อกั ษร ก, ข, ค และ ง ทเี่ ปน็ คาตอบทีถ่ กู ต้องทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว

ลงในกระดาษคาตอบ

โจทยใ์ ชต้ อบคาถามข้อ 1 – 3 ก้อนหนิ มวล 50.0กโิ ลกรมั ตกจากท่สี ูง 200 เมตรเหนือพื้นดิน

1. จงหาพลงั งานศักยข์ องกอ้ นหิน เม่ือเวลาผ่านไป 4 วินาที ค. 4.0x104 J ง. 6.0x104 J
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J

2. จงหาพลงั งานจลนข์ องก้อนหิน เม่ือเวลาผา่ นไป 4 วนิ าที
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J ค. 4.0x104 J ง. 6.0x104 J

3. จงหางานรวมของระบบ เมื่อเวลาผา่ นไป 4 วินาที
ก. 1.0x105 J ข. 2.0x104 J ค. 4.0x104 J ง. 6.0x104 J

4. ลูกกลมอนั หนึง่ ตกลงกระทบพน้ื ตามแนวดิง่ จากจดุ X ผ่าน Y ซึ่ง Y เป็นจุดที่ระยะ X

หา่ จากตาแหน่ง X เท่ากับ2/5ของระยะ X ถึงพื้น ถ้าให้ Ep เป็นพลังงานศักย์ โน้ม Y

ถ่วงของวัตถุท่ีตาแหน่ง X และ Ek เป็นพลังงานจลน์ของวัตถุที่ตาแหน่ง Y เป็นก่ี
เท่าของ Ep
ก. Ek = 2 Ep ข. Ek = 3 Ep ค. Ek = 3 Ep
3 2 5
5
ง. Ek = 3 Ep

โจทยใ์ ชต้ อบคาถามข้อ 5 - 7

โยนวตั ถมุ วล 0.2 กโิ ลกรมั ขึ้นตามแนวดิง่ เมื่อขึ้นไปไดส้ ูงสุด 3 เมตร วตั ถตุ ก Y

กลบั มาทเ่ี ดิม ดังรปู x , y และ z เปน็ ตาแหนง่ ต่างๆของวัตถุขณะอยู่สงู จากพนื้

5. จงหาพลังงานจลน์ท่ตี าแหนง่ Y และ Y เป็นจุดสงู สดุ ของการเคล่ือนที่ Z

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

6. จงหาพลงั งานรวมของระบบที่ตาแหน่ง X X

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

7. จงหาพลงั งานศักย์ที่ตาแหน่ง Z เมื่อท่ีตาแหนง่ Z มีพลังงานจลนเ์ ทา่ กับ 2 จลู

ก. 0 J ข. 2 J ค. 4 J ง. 6 J

124

8. ประสิทธภิ าพของรอก ดงั รปู มีคา่ เท่าใด 50 N s
ก. 65 %
ข. 70% s/2
ค. 75 % 8 kg
ง. 80%

9. ประสทิ ธิภาพของพืน้ เอียงมีค่าเท่าใด ถา้ ใชเ้ ปน็ เครื่องกลอนั หนึ่ง 3N

ก. 33.33 %

ข. 66.67%

ค. 75.00 % 30 4N
ง. 80.00% 0.5 m
3
10. ประสิทธภิ าพของเคร่ืองกลดงั รูปมีคา่ เทา่ ใด N
ก. 33.33 % F=
ข. 66.67% 20 kg
ค. 75.00 % 
ง. 80.00%
1 cm

125

รายวิชาฟิสิกส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ ผลการเรยี นทีค่ าดหวังท่ี 3
ว 30202 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 กอ่ นเรียน ประกอบแผนจัดการเรียนร้ทู ่ี 3
หลังเรยี น

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียนและหลังเรียน
ข้อ คาตอบ
1ค
2ข
3ง
4ก
5ก
6ง
7ค
8ง
9ข
10 ข

126

รายวชิ าฟิสิกส์ 2 ใบกิจกรรม 3 รหสั วชิ า ว 30202

ชอ่ื ..........................................................………………….. ชั้น ม. 4 /......…. ……….เลขท.ี่ ...........….

ผลการเรยี นที่คาดหวังที่ 3. สืบค้นข้อมูล ทดลอง และอธิบายเกยี่ วกบั กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน และรวม

ไปถึงกฎการอนุรักษ์พลังงานรูปอ่ืน

คาสั่ง ให้นักเรียนสรปุ ความรู้ท่ีเกย่ี วกบั กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน เปน็ แผนผังมโนทัศน์ ( Concept Mapping )

องคค์ วามรู้ เร่ือง………………………………………………………………………………
เกย่ี วข้อง ในหวั ข้อเร่อื ง กฎการอนุรกั ษ์พลังงาน
ให้งาน วนั ที่………………………………………………………………………………
กาหนดสง่ วนั ท่ี………………………………………………………………………………
ส่งงาน วนั ท่ี……………………………..…………ลงชอื่ ………………………………ผสู้ ง่

ลงชอ่ื ………………………………ผู้รบั
( …………………………….)

อาจารยป์ ระจาวชิ า ว 30202

ลาดับ รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเก่ยี วข้องกับจดุ ประสงคแ์ ละเนือ้ หาสาระ
2 ความสัมพนั ธ์ กับชีวิตประจาวนั
3 รปู แบบ สามารถนาไปเปน็ แบบอย่างได้
4 ความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บรอ้ ย

5 = ดีมากทีส่ ดุ 4 = ดีมาก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง

ผปู้ ระเมิน ลงชือ่ ……………………………………………………ชน้ั …………….เลขท่ี………...
วนั ที่………………………………………………………………………………………

127

แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )
องค์ความรเู้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจา้ ของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

128

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 4
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชื่อวชิ า ฟสิ ิกส์ 2 รหสั วิชา ว30202

ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 โมเมนตัมและการชน เรอื่ งที่ 1 โมเมนตัมและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตมั

ชอื่ แผน โมเมนตัมและการเปลยี่ นแปลงโมเมนตมั เวลา 5 ชั่วโมง
ผ้สู อน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรยี นวัชรวทิ ยา วนั ท่ีสอน 1-8 ธนั วาคม 2559

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
โมเมนตัม เป็นปริมาณที่บอกให้ทราบสภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุ โดยข้ึนอยู่กับมวลของวัตถุและ

ความเร็วของวัตถุน้ัน เป็นปริมาณเวกเตอร์ ดังน้ันการเปล่ียนขนาดหรือทิศของความเร็วก็จะมีผลต่อการ
เปล่ียนแปลงของวัตถุ

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลังงานกบั การดารงชีวิต การเปลีย่ นรปู พลงั งาน

ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใชพ้ ลงั งานต่อชีวติ และสง่ิ แวดล้อม มีกระบวน การสืบเสาะหา
ความรู้ สอื่ สารส่งิ ทีเ่ รยี นรูแ้ ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
แก้ปญั หา รวู้ ่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกดิ ขนึ้ ส่วนใหญม่ ีรูปแบบทแ่ี น่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบได้
ภายใต้ข้อมลู และเครือ่ งมอื ทมี่ ีอยใู่ นชว่ งเวลานน้ั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม
มีความเกี่ยวข้องสัมพนั ธ์กนั

3. ผลการเรียนรู้
สารวจตรวจสอบ อภปิ ราย และคานวณเก่ยี วกับโมเมนตัม และการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม

4. สาระการเรยี นรู้
-สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
1. โมเมนตัม
2. การเปลีย่ นแปลงโมเมนตัม
-สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่ิน
1.กฬี าเปตอง
-สาระการเรยี นรเู้ ก่ยี วกับอาเซียน
1.การละเล่นของคนในอาเซียน
-สาระการเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.

129

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแก้ปัญหา
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
จดุ เนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นด้านสมรรถนะ
1. ทกั ษะแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองเพอ่ื การแก้ปญั หา
2. ทักษะการคิดขั้นสงู
3. ทกั ษะการสอ่ื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ตามช่วงวยั

6.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้ (ต้ังใจเพยี งพยายามในการเรยี น และเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนร,ู้ แสวงหาความรู้รู้จากแหลง่

เรียนร้ตู า่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้)

จุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียนดา้ นคณุ ลักษณะ
1.คณุ ลกั ษณะมงุ่ มน่ั ในการทางาน
2. คณุ ลักษณะใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี น

7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1.ใบงาน 4.1 – 4.3 (ระหวา่ งเรยี น)
2.แบบฝกึ ทักษะ 4 (ระหว่างเรียน)
3.ใบกิจกรรม 4 (ระหวา่ งเรยี น)
4.แบบทดสอบรายจดุ ประสงค์ท่ี 4 (รวบยอด)

130

8. การวดั และประเมินผล

8.1 การประเมนิ ระหว่างจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วิธกี ารประเมนิ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน
-
1.การวัดผลคุณธรรม สังเกตพฤตกิ รรม แบบวัดพฤติกรรม
-
จติ พสิ ยั นักเรยี น นกั เรยี น
ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป
2. การประเมินผลจาก ตรวจใบงาน 4.1 – 4.3 ใบงานที่ 4.1-4.3 -
ระดับ 3 ข้นึ ไป
สภาพจริง รอ้ ยละ 50 ข้ึนไป

ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ 4 แบบฝึกทกั ษะ 4

ตรวจสมุดจด ใบกิจกรรม 4

ตรวจใบกจิ กรรม 4

3. การวัดผลหลังเรยี น ตรวจแบบทดสอบราย แบบทดสอบราย

จุดประสงคท์ ่ี 4 จดุ ประสงค์ท่ี 4

8.2 การประเมนิ เม่อื ส้นิ สุดการเรียนรู้

ช้ินงาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป
แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ

9.กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันสรา้ งความสนใจ
1.1 นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สนทนา เกีย่ วกับ ความรูส้ ึกเจ็บเม่อื มีวตั ถุมากระทบตัวเรา โดย

พยายามให้นักเรียนวเิ คราะห์ถึงระดบั ความเจบ็ เม่ือมีการเปลย่ี นขนาดของมวล และการเปลย่ี นความเรว็
1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูว่า “ความเจ็บมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับสิ่งใดบ้าง ( ทิ้งช่วงให้

นกั เรียนคิด )
1.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายในแต่ละกลุ่ม พร้อมท้ังบันทึกความเห็นของกลุ่มในใบงาน 4.1

เฉพาะข้อ 1 และขอ้ 2 (เปิดโอกาสให้นักเรยี นได้แสดงความคดิ เหน็ โดยยงั ไม่เนน้ ถูกผดิ )
1.4 ตวั แทนนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอความเห็นของกลุม่
1.5 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ “การไม่มีส่ิงใดๆ ขวางทางการเคลื่อนท่ีของวัตถุ กับมีส่ิง

ใดก็ตาม มาขวางทางการเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ ผลที่เกดิ ขน้ึ จะเป็นอยา่ งไร” แลว้ บันทึกลงในใบงาน 4.1
1.6 นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวนขอ้ สอบ 10 ขอ้
1.7 แจง้ ให้นักเรยี นทราบว่า จะไดศ้ ึกษาเก่ยี วกบั โมเมนตัม และการเปล่ยี นแปลง โมเมนตัม
1.8 นกั เรียนศึกษาขอ้ มลู เพ่ิมเติมจากเว็บไซตก์ ารสอนฟสิ กิ สช์ ่ือ http://gg.gg/chatree-teach

ขั้นสารวจและค้นหา
2.1 นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เกีย่ วกับ โมเมนตัม และการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม จาก ใบความรู้ 4

ลงในใบงาน 4.2 แลว้ สรปุ สาระสาคญั บันทกึ ลงในสมุดจดบันทกึ และตอบคาถาม

2.2 สมุ่ นกั เรยี น 1 กลมุ่ เสนอผลการสบื ค้นข้อมูล

131

ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป
3.1 นกั เรียนนาขอ้ มูลจากขั้นการสืบค้น ขอ้ มูล มาอภิปรายร่วมกัน
3.2 ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับโมเมนตัม และการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม เพ่ือให้ นักเรียน

สรุปสาระสาคญั ลงในสมุดจดบนั ทึก
ขนั้ ขยายความรู้
4.1 นกั เรียนสนทนากบั ครแู ล้วตอบคาถามท่ีวา่ “เม่ือมีการเปล่ยี นขนาดความเร็วของวัตถุ จะมี

ผลทาให้วัตถุมีโมเมนตัมเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าขนาดความเร็วไม่เปล่ียนแต่ทิศทางการเคลื่อนที่เปลี่ยน จะมีผลทา
ใหว้ ตั ถมุ โี มเมนตัมเปลยี่ นไปหรือไม่” ( ทง้ิ ช่วงให้นกั เรียนคิด ) เพ่ือนาไปสู่ การคานวณหาค่าโมเมนตัม และการ
เปลี่ยนแปลงโมเมนตมั

4.2 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย เกี่ยวกับตัวอย่าง โมเมนตัม และ การเปลี่ยนแปลง
โมเมนตมั จากใบความรู้ 4

4.3 นักเรยี นรว่ มกันสืบคน้ แกป้ ัญหา ในใบงาน 4.3
4.4 นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทกั ษะ 4
4.5 นักเรียนศึกษาข้อมูลเก่ียวกับกีฬาเปตอง และการละเล่นของคนในอาเซียนซ่ึงเก่ียวกับ
โมเมนตัมทางเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach (บูรณาการ*)
ขน้ั ประเมิน
5.1 นักเรียนเขียน Concept mapping เกี่ยวกับ โมเมนตัม และ การเปล่ียนแปลงโมเมนตัม
ในใบกิจกรรม 4
5.2 นักเรียนนา Concept mapping อภิปรายแลกเปล่ียนกับเพ่ือนๆ และประเมินผลงาน
ให้กบั เพือ่ น
5.3 นักเรียนที่เป็นเจ้าของผลงาน Concept mapping ที่ได้รับการประเมินจากเพื่อนมา
อภปิ รายเกี่ยวกับ Concept ในงานน้นั โดยการส่มุ จากครู
5.4 นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน
5.5 นกั เรียนที่ทาคะแนนได้ไม่ถงึ ร้อยละ 50 เขา้ ไปเรียนรู้และฝกึ ทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา
โจทย์วิชาฟิสิกส์ออนไลน์ เร่ือง โมเมนตัมและการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม ได้ท่ีเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-
teach

132

10. ส่อื /แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ อ่ื
1 ชดุ ใช้ข้นั สรา้ งความสนใจ
รายการสื่อ 1 ชดุ ใชข้ ้ันสร้างความสนใจ
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1 ชุด ใชอ้ ธบิ ายและลงข้อสรุป ( ใช้ข้นั ประเมิน )
2. ใบงาน 4.1 1 ชดุ ใช้อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3. แบบฝกึ ทกั ษะ 4 1 ชุด ใช้สารวจและค้นหา
4. ใบความรู้ 4 1 ชดุ ใช้ขยายความรแู้ ละลงข้อสรปุ
5. ใบงาน 4.2 1 ชดุ ใช้ขน้ั ประเมินและลงข้อสรปุ
6. ใบงาน 4.3 1 ชดุ ใชข้ น้ั ประเมิน
7. ใบกจิ กรรม 4 1 ชุด ใช้ประกอบทุกข้นั ตอนของการเรียนการสอน
8. แบบทดสอบหลงั เรียน
9.เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

11. กิจกรรมเสนอแนะ

กจิ กรรมเสรมิ ทักษะหรอื ซอ่ มเสริม

รายการ วธิ ดี าเนินกิจกรรม

1. ปรบั ปรงุ – แก้ไขข้อบกพร่องของผเู้ รียน 1. ครูควบคุมดูแลให้อยู่ในกรอบระหวา่ งเรียน

2. ครคู อยเสรมิ หรอื แก้ไขเมอ่ื การอภิปรายของนักเรยี น

ไมส่ มบูรณ์

3. ครูชีแ้ จงขอ้ บกพรอ่ งในการทากิจกรรม

4. ครูเฉลยข้อสงสยั ท่ีนกั เรยี นทาไม่ได้

5. สอนซ่อมเสริมนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านประเมินหลงั เรียน

2. ส่งเสรมิ ความร้คู วามสามารถของผู้เรียน 1. ใหน้ กั เรียนทาชิน้ งาน 1 ชนิ้ งาน

นอกจากน้นั ใหส้ บื คน้ ข้อมูลเพ่ิมเตมิ จาก www.wikipedia.org และเวบ็ ไซต์ของฟสิ ิกส์ราชมงคล

http://www.rmutphysics.com

133

12.บนั ทกึ ผลหลังการสอน

12.1 หาความกา้ วหน้าในการเรียนการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความกา้ ว
ระหว่างเรยี น หลังเรียน หนา้ ใน
นักเรียน ก่อนเรียน การเรยี น
8.62 9.11 86.2/91.1
151 10 2.53 65.8

สตู ร รอ้ ยละความกา้ วหน้าในการเรยี น = คะแนนหลงั เรียน – คะแนนกอ่ นเรียน x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสิทธภิ าพของส่อื = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ (ทาแบบฝึก)
E2 = ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ (สอบหลงั เรียน)
ประสิทธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ งเรียน x 100
คะแนนเต็ม

ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ = คะแนนเฉลีย่ หลงั เรยี น x 100
คะแนนเต็ม

12.2 สภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนท่ีกาหนดไวใ้ นแผนการ

จดั การเรียนรู้ เปน็ กิจกรรมท่ีเหมาะสมกับวัยของผเู้ รยี นและเหมาะสมกับสาระการเรยี นรู้ สามารถจดั กจิ กรรม
การเรียนการสอน

 ไดต้ ามเวลาทกี่ าหนดทกุ กิจกรรม
 ไมท่ นั ตามเวลาท่กี าหนดในกจิ กรรมเนื่องจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีส่วนร่วมของนกั เรียน การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนครั้งน้ี นักเรียนทกุ คนไดร้ ่วม

กจิ กรรมและเรียนรอู้ ย่างมคี วามสขุ และมีขอ้ คน้ พบเพ่ิมเติมคอื .....นักเรียนแสดงออกด้วยการมีส่วนรว่ มในการ

ตอบคาถาม.......
12.4 ความรู้ความเขา้ ใจของผเู้ รยี น กจิ กรรมชว่ ยให้ผเู้ รียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกดิ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคแ์ ละมีทักษะกระบวนการตามท่จี ุดประสงค์กาหนด นอกจากนั้นยงั พบวา่

.......นกั เรียนมีความเข้าใจในเนอื้ หาท่เี รยี น ในระดบั ด.ี .......
12.5 สือ่ การสอน สอื่ การเรียนการสอนที่กาหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ไดใ้ ชส้ ่อื หลายอยา่ ง เปน็ สื่อ

ทเี่ หมาะสมกบั วัยผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หา สามรถใช้ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อยา่ ง

เหมาะสม ชว่ ยให้ผู้เรียนเรียนรูอ้ ยา่ งสนุกสนานและเขา้ ใจบทเรียนไดเ้ รว็ ยิ่งขึน้ และมีขอ้ คดิ เหน็ เพิ่มเติมคือ
.....นกั เรียนสนใจสื่อการสอนอย่างมาก โดยเฉพาะเกมส์สนุกเกอร์147 บนเวบ็ ไซต์.................

134

12.6 การวดั ผลประเมนิ ผล ในการจดั การเรียนการสอนคร้ังนี้ ครอบคลุมพฤติกรรมตามจดุ ประสงค์
การเรียนร้ทู ่กี าหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการวดั ผลและประเมนิ ผลสรปุ ได้ ดงั น้ี

ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ (K)
นักเรยี นท่ผี า่ นจดุ ประสงค์ตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเปน็ ร้อยละ..100.....
นักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านจุดประสงค์ จานวน....-......คน คดิ เป็นร้อยละ...-....
และได้ดาเนินการแก้ปญั หา คือ
 สอนเสรมิ  มอบงานให้ทาเพิ่มเติม ทารายงาน  อื่น ๆ................
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นักเรียนทผ่ี า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คดิ เป็นร้อยละ..100.....
นกั เรียนที่ไมผ่ า่ นทกั ษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คดิ เปน็ ร้อยละ...-....
และได้ดาเนนิ การแกป้ ญั หา คือ .......................-...........................................................
ด้านค่านิยม (A)
นกั เรียนท่ีมีคา่ นิยมตามเกณฑ์ร้อยละ จานวน..151...คน คดิ เปน็ ร้อยละ..100.....
นกั เรยี นที่ต้องปรบั เปลย่ี นคา่ นยิ ม จานวน....-......คน คดิ เป็นร้อยละ...-....
และได้ดาเนนิ การปรับเปลย่ี นค่านิยม (แจงรายละเอยี ด ของการปรับเปล่ยี นคา่ นยิ ม
คือ ............-............................................................................................................................
12.7 การบรู ณาการ ในการจัดการเรยี นการสอนไดบ้ ูรณาการการเรยี นรู้โดยบูรณราการภายในเนอ้ื หา
สาระของกลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ซงึ่ เป็นการบรู ณาการ(ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง / อาเซียน / โรงเรยี น
สุจริต) เพอื่ ต้องการใหน้ กั เรยี นไดน้ าความรู้ทไ่ี ด้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน มที ักษะชวี ิต ท่ีจะกา้ วไปสู่สงั คมภายนอก
ได้อย่างมคี วามรู้ทเี่ ทา่ ทันในยุคปัจจบุ ัน โดยมขี ้อค้นพบเพิ่มเตมิ คอื ...มกี ารบรู ณาการเกีย่ วกับอาเซียนในกจิ กรรม
การเรยี นการสอนอยา่ งสม่าเสมอ......
12.8 นวตั กรรมท่ใี ช้ในการจดั การเรยี นการสอน การจัดการเรยี นการสอนในครั้งนี้ไดจ้ ดั ทาส่ือการเรยี น
การสอนทีเ่ ปน็ นวตั กรรม คือ ....เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใชน้ วัตกรรมพบว่า......นกั เรียนสนใจสอ่ื การสอนเป็นอย่างด.ี .....
12.9 วิจยั ในชนั้ เรยี น ผลจากการจดั การเรยี นการสอน พบประเดน็ นา่ สนใจท่ีควรดาเนินการศึกษา
ค้นควา้ เพิ่มเตมิ ในรปู แบบการวิจัยในชน้ั เรยี นเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนคือ..-..............................................
............................................................................................................................. ....................................................
12.10 ปัญหาและอุปสรรค ผลจากการจดั การเรียนการสอน พบประเดน็ ปัญหาและอุปสรรค
ดังตอ่ ไปน้ี..........นกั เรยี นแกส้ มการคณติ ศาสตร์ในโจทย์วิชาฟสิ กิ ส์ไม่ค่อยได.้ ........
............................................................................................................................. ....................................................
12.11 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
จากประเด็นปัญหาท่ีพบ สามารถวเิ คราะหแ์ นวทางเพื่อแก้ปญั หา ดงั น้ี...ให้นกั เรยี นฝกึ ทาโจทย์แบบ
ต่างๆทีห่ ลากหลายท้งั ในคู่มอื และในเวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสกิ ส์ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ www.pec9.com เป็นตน้ ......

ลงชอื่ ..............................................ผู้สอน
(นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์)

135

ขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
................................................................................................ ..............................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชือ่ ........................................................
(นายสรุ ะศกั ดิ์ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... .........................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายวิเชยี ร ยอดนลิ )

ตาแหนง่ รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............
ขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................
ลงชือ่ ........................................................

(นางสริ วิ รรณ ตันตสิ ันติสม)
ตาแหนง่ รองผู้อานวยการ รกั ษาการในตาแหนง่

ผอู้ านวยการโรงเรยี นวัชรวิทยา
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............

136

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 โมเมนตัมและการชน
เร่ืองท่ี 1 โมเมนตัมและการเปล่ยี นแปลงโมเมนต้ม
วิชา ฟิสิกส์ 2 รหสั วิชา ว30202 ช้ัน ม.4 เวลา 5 ช่วั โมง หน่วยการเรียน 1.5 หน่วย

อาจารย์ผสู้ อนนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์

137

รายวิชา ฟสิ ิกส์ 2 ใบความรู้ 4 ผลการเรยี นที่คาดหวงั ท่ี 4
(ว 30202) ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4

เร่อื ง โมเมนตัมและการเปล่ยี นแปลงโมเมนตัม

โมเมนตัมคอื อะไร (Momentum ; P )

เราทราบกันแล้วว่า วัตถุที่กาลังเคล่ือนที่จะมีพลังงานจลน์ วัตถุใดมีพลังงานจลน์มาก จะมีความเร็วหรือ
มวลมาก วัตถุใดมีพลังงานจลน์น้อย จะมีความเร็วหรือมวลน้อย และวัตถุท่ีกาลังเคล่ือนท่ีจะมีคุณสมบัติข้อหน่ึง
คอื พยายามเคล่ือนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา วัตถุท่ีเคล่ือนท่ีด้วยความเร็วคงท่ี แรงลัพธ์ที่กระทากับวัตถุเป็นศูนย์
แตถ่ ้าจะให้วัตถุที่เคลื่อนที่หยุดลง เราจะต้องออกแรงกระทากับวัตถุ และแรงน้ันจะต้องเป็นแรงต้านคือมีทิศตรง
ข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ ถ้าเราใช้มือต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุก้อนหน่ึงซ่ึงมีความเร็วมาก และวัตถุอีก
ก้อนหนึ่งซ่ึงมีมวลเทา่ กนั แต่มีความเร็วน้อย เราจะรู้สึกออกแรงต้านไม่เท่ากัน วัตถุที่มีความเร็วมากจะต้องใช้แรง
ต้านมากกว่า และถ้าเราใช้มือต้านการเคล่ือนที่ของวัตถุสองก้อนซ่ึงมีความเร็วเท่ากัน แต่วัตถุก้อนหน่ึงมีมวล
มากกว่าวตั ถุอีกก้อนหน่ึง วัตถุท่ีมีมวลมากต้องใช้แรงต้านมากกว่าวัตถุที่มีมวลน้อย ฉะน้ันเราสามารถบอกได้ว่า
ในการเคล่อื นที่ของวัตถุจะใช้แรงมากหรอื นอ้ ย ข้ึนกับมวลและความเร็วของวัตถุ ถ้าเรานา มวลคูณกับความเร็ว
ของวตั ถุ เราเรยี กค่าที่ได้ว่า โมเมนตมั ของวัตถุ

โมเมนตัม เป็นปริมาณหน่ึงซ่ึงบอกสภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุ และเป็นปริมาณเวกเตอร์ท่ีมีทิศตามทิศ
ของความเร็วในการท่ีจะทาให้วัตถุหยุดนิ่งน้ัน วัตถุท่ีมีโมเมนตัมมากจะทาให้หยุดการเคลื่อนท่ียากกว่าวัตถุที่มี
โมเมนตมั น้อย

เม่ือ P = โมเมนตมั ของวัตถุ

m = มวลของวัตถุ
v = ความเรว็ ของวัตถุ

เขียนเปน็ สมการได้วา่ P = m v

โมเมนตมั มีหน่วยเป็น กิโลกรมั .เมตร / วนิ าที ( kg.m/s )
ตวั อยา่ งท่ี 1 จงหาโมเมนตมั ของรถยนตม์ วล 2  103 กิโลกรัม ซึ่งกาลงั เคลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็ว 72 กิโลเมตร/

ชัว่ โมง 2  103

วิธีทา กาหนดให้ m = kPPg , v = 72 km/hr = 20 m/s
จาก = m v
= (2  103 )( 20 )= 4 x104 kg.m/s
แทนคา่
ตอบ ขนาดโมเมนตัมของรถยนต์เท่ากบั 4 x104 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

ตัวอยา่ งที่ 2 ปล่อยลกู เทนนิสมวล 0.5 กโิ ลกรัม จากจดุ ซึ่งสงู จากพ้ืน 5 เมตร เมอ่ื ลูกเทนนิสกระทบพื้น จะมี
โมเมนตัมเท่าใด

138

วธิ ที า กาหนดให้ m = 0.5 kg , 1 v = ? m/s , h = 5 m หา v ก่อน แลว้ หา P
2
จากหลกั ทรงพลงั งาน จะได้ mv2 = mgh

v= 2gh

หาโมเมนตัม จาก vPP = 2x10x5 = 10 m/s
แทนค่า = = 5 kg.m/s
= m v
(0.5 )( 10 )

ตอบ ลูกเทนนสิ มีขนาดโมเมนตัมเท่ากับ 5 กิโลกรมั .เมตร / วินาที

ตัวอย่างที่ 3 วัตถุมีมวล 8 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 5 เมตร/วินาที2 ได้ระยะทาง 10 เมตร จะมี

โมเมนตมั เทา่ ไร , S = 10 m , a = 5 m/s2 หา v ก่อน

วธิ ีทา P กาหนดให้ m = 8 kg , v = ? m/s
แลว้ หา
v2 = u2 + 2aS
จาก 2aS , ( u =0 )

จะได้ v= 2x5x10

หาโมเมนตัม จาก vPP = m v = 10 m/s
แทนค่า = (8 )( 10 ) = 80 kg.m/s
=

ตอบ วตั ถุน้ีมีขนาดโมเมนตมั เทา่ กับ 80 กโิ ลกรัม.เมตร / วินาที

ตวั อย่างที่ 4 ลูกบอลวิ่งเขา้ กระทบกาแพงด้วยความเร็ว 20 เมตร/วินาที มีโมเมนตัมของลูกบอลขณะกระทบ

กวธิาแีทพางเท่ากบั ก1า0หจนกาดโิกลใหก้รัมP.เมต=ร/1ว0ินาทkgี .mลกู /บsPอล,มมี ว=vลเท=า่ ใด20mP m/s , หา m = ?

v 10

จะได้ m = v = 20 = 0.5 kg
ตอบ ลกู บอลมีมวลเทา่ กบั 0.5 กโิ ลกรัม

ตวั อย่างที่ 5 วตั ถมุ ีมวล 6 กิโลกรมั เคลอื่ นทจี่ ากหยดุ นิ่งดว้ ยความเร่ง 2 เมตร/วินาที2 หลังจากเวลาผ่านไป

3 วินาที จะมโี มเมนตัม เทา่ ใด
หวธิาที าP กาหนดให้ m = 6 kg , v = ? m/s , t = 3 s , a = 2 m/s2 หา v ก่อน แล้ว

จาก v = u + at , ( u =0 )

จะได้ vP = at = ( 2 )( 3 ) = 6 m/s
หาโมเมนตัม จาก = m v

139

แทนคา่ P = (6 )( 6 ) = 36 kg.m/s

ตอบ วัตถุน้ีมขี นาดโมเมนตัมเทา่ กบั 36 กโิ ลกรมั .เมตร / วนิ าที

ตวั อย่างท่ี 6 กอ้ นหินมวล 2 กิโลกรัม ตกจากที่สูง 200 เมตร เหนือพื้นดิน จงหาโมเมนตัมของ ก้อนหิน

นี้ เมือ่ เวลาผา่ นไป 4 วนิ าที

วหธิาีทาP กาหนดให้ m = 6 kg , v = ? m/s , t = 4 s , h = 200 m หา v ก่อน แล้ว

จาก v = u + gt , ( u =0 )

จะได้ vPP = gt = ( 10 )( 4 ) = 40 m/s
หาโมเมนตมั จาก = m v
= (2 )( 40 ) = 80 kg.m/s
แทนค่า

ตอบ กอ้ นหินมีขนาดโมเมนตัมเท่ากับ 80 กิโลกรัม.เมตร / วนิ าที

ตัวอย่างท่ี 7 วตั ถชุ นิ้ หน่ึงมคี วามเรว็ 4 เมตร/วินาที มพี ลงั งานจลน์ 8 จูล จะมีโมเมนตัมเทา่ ใด P
8 J หา m กอ่ น แลว้ หา
วิธีทา กาหนดให้ m = ? kg , v= 4 m/s , Ek =
1 m=  2(8)
จาก Ek = 2 mv2  2E k m = 4 = 4 kg
หาโมเมนตัม = v
จาก P m v = (4 )( 4 ) = 16 kg.m/s

กตาอรบเปลีย่ วนตั แถปนุ ล้มี งีขโนมาเดมโนมตเมัมนต(มั เทP่ากับ) 16 กโิ ลกรมั .เมตร / วินาที

เมื่อวัตถุมีการเคล่ือนที่เปล่ียนไปจากเดิม ขนาดของความเร็วเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่เปล่ียนทิศทาง หรือ

ขนาดของความเรว็ ไมเ่ ปลย่ี นแต่ทศิ ของความเรว็ เปล่ียน กเ็ ป็นผลให้สภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุเปล่ียนไปด้วย ซ่ึง

เรียกว่า มีการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม ทิศของการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมจะมีทิศเดียวกับการเปลี่ยนแปลง

ความเร็ว

หาขนาดของการเปลย่ี นแปลงโมเมนตมั ไดด้ งั นี้

 P = P 2 - P 1
หรือ  P = m v 2 - m v 1
หรือ  P = m( v 2 - v 1)
หรือ  P = m v

v1v2 - v1 v1 v2 v1
v v2 v - v1
v2 v
รvูป2-ขv.1 รูป ค.
รูป ก.

140

จากรูป ก. ความเรว็ ของวัตถุเปลีย่ นไป เม่อื ขนาดของความเรว็ ไมเ่ ปลี่ยน แต่ทิศของความเร็วเปลย่ี น

จากรปู ข. ความเรว็ ของวัตถเุ ปลย่ี นไป เมอ่ื ขนาดของความเร็วเปลี่ยน แตท่ ศิ ของความเร็วไมเ่ ปล่ยี น

จากรูป ค. ความเรว็ ของวตั ถเุ ปล่ยี นไป เมือ่ ขนาดของความเรว็ เปลยี่ น และทิศของความเร็วเปลย่ี น

ผลจะทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมของวัตถุ และทิศของโมเมนตัมที่เปลี่ยนไป จะมีทิศเดียวกับ

ทศิ ของความเรว็ ทเ่ี ปล่ยี นไป

ตวั อยา่ งท่ี 1 ชายคนหน่ึงมีมวล 40 กิโลกรัม ขบั รถยนต์ดว้ ยความเร็วคงที่ 72 กโิ ลเมตร/ช่ัวโมง บนถนนตรง

สายหนึ่ง ถา้ เขาบังคับใหร้ ถหยดุ ภายในเวลาขณะหนึ่ง จงหาโมเมนตัมท่ีเปล่ียนไปทีเ่ กิดขึ้น

วธิ ที า จาก P = mv - mu , u = 72 ( 1000/3600) = 20 m / s

แทนค่า P = (40)(0) – (40)(20) = - 80 kg.m/s

ตอบ โมเมนตมั ทเี่ ปล่ยี นไปเท่ากบั 80 กโิ ลกรัมเมตรต่อวินาที มที ศิ ตรงขา้ มกบั การเคล่ือนที่

141

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 ใบงาน 4.1 ผลการเรียนทคี่ าดหวงั ท่ี 4
รหสั วิชา ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 4

ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที

เร่อื ง โมเมนตัมและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม

ช่ือ…………………………………………………..……ช้นั ……………เลขท่ี………….

1. ให้นักเรยี นเขยี นแสดงความคิดเห็นวา่ โมเมนตมั คืออะไร เปน็ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคดิ เหน็ ของกลุ่มเห็นว่า โมเมนตมั คืออะไร เปน็ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นท่นี ักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายสรปุ เห็นว่า โมเมนตัม คืออะไร เปน็ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

142

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 4.2 ผลการเรยี นที่คาดหวังท่ี 4
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรียนรู้ที่ 4

ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 40 นาที

เร่อื ง โมเมนตัมและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม

ช่อื ………………………………………………………ชนั้ …………เลขที่……..กลุ่มที่…………

ให้นักเรียนสรุปสาระสาคัญท่ีไดจ้ ากการสืบคน้ ข้อมูล และตอบคาถามต่อไปน้ี
โมเมนตมั

การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม

143

คาถาม

1. โมเมนตมั คือ…………………………………………….…….…………………………………………….

2. โมเมนตัม เป็นปริมาณ…………………………………………….…………………………………………

3. ปรมิ าณโมเมนตัม ขึ้นกับปริมาณใดบา้ ง……….……………………………………………………………

4. เPราสาเมปา็นรสถัญเขญียลนักสษมณกา์แรทในนรคปู วสามัญหญมลาักยษใดณ…เ์ …กยี่…ว…ก.บั .…ก…าร…ห…า…ค่า…โม…เ…ม…นต…มั …ด…ัง…น้ี……………………………………………………….
5.

6. โมเPมนเตปัมน็ สมญัหี นญ่วลยักเษปณ็น…แ์ ท…น…ค…ว…าม…ห…ม…า…ยใ…ด………………………..…………………………………………………………………………………………………….
7.

8. เราสามารถเขียนสมการในรูปสัญญลักษณ์เก่ียวกบั การเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมได้ดังน้ี………………………

……………………………………………………………………………………………………………….

9. วัตถุจะมีการเปลยี่ นแปลงโมเมนตมั เมื่อใด…………………………………………………………………

10. รถยนตว์ ิ่งไปชนกาแพง ทาให้คนในรถยนต์ถงึ กลับเสียชวี ติ เพราะ คอหัก นักเรียนคดิ วา่ เรือ่ งการ

เปลี่ยนแปลงโมเมนตมั เก่ยี วข้องหรอื ไม่……………………………………………………………………………

11. วัตถมุ วล 1 kg กาลงั เคPลื่อนที่ไป=ทางทศิ ใmต้ดvว้ ยความเร็ว 5 m/s จะมีโมเมนตัมเท่าไร
วธิ ีทา

= ( 1 kg )( 5 m/s )

= ………………….. kg.m/s ตอบ

12. ปล่อยวตั ถุมวล 1 kg ลงในแนวดิง่ เม่ือเวลาผ่านไป 3 วินาที โมเมนตมั ของวตั ถเุ ปลยี่ นแปลงเทา่ ใด

วธิ ีทา จากโจทย์ความเร็วของวัตถุเปลีย่ นไป จงึ เปน็ ผลใหโ้ มเมนตัมของวัตถนุ ีเ้ ปลีย่ นไป

ความเรว็ ขณะปล่อย = 0 เมตรตอ่ วินาที

เมือ่ เวลา 3 วินาทีความเรว็ ของวตั ถมุ ีคา่ ดังนี้

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 3 ) = …………… m/s
ดงั นัน้ โมเมนตัมของวตั ถนุ ี้เปล่ียนไป = m v – m u

= ( …..)(……) - ( …..)(……) = 30 kg.m/s ตอบ

13. วตั ถุหน่ึงมพี ลงั งานจลน์ 9 จูล มีความเรว็ 3 เมตรตอ่ วินาที จะมีโมเมนตมั เท่าไร
1
วิธที า จาก Ek = 2 m v 2

แทนค่า 9 = 1 m ( 3 )2 จะได้ m = ……………. kg
ดังนน้ั P = 2
m v = (………..)(………….) = ………….. kg.m/s ตอบ

144

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 4.3 ผลการเรยี นที่คาดหวังท่ี 4
รหัสวิชา ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจดั การเรยี นรู้ท่ี 4
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
5 คะแนน ( A ) เวลา 10 นาที
เรื่อง
โมเมนตัม และการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม

ชอื่ ………………………………………………………ชั้น…………เลขท่ี……..กลุ่มท่ี…………

1. ลกู บอลวิ่งเขา้ กระทบกาแพงด้วยความเร็ว 20 เมตร/วนิ าที มีโมเมนตัมของลูกบอลขณะกระทบกาแพงเท่ากับ
10 กิโลกรมั .เมตร/วนิ าที ลกู บอลมมี วลเท่าใด

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

2. วัตถุมีมวล 6 กิโลกรัม เคลื่อนท่ีจากหยุดน่ิงด้วยความเร่ง 2 เมตร/วินาที2 หลังจากเวลาผ่านไป 3 วินาที
จะมีโมเมนตัม เท่าใด

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

3. ก้อนหนิ มวล 2 กโิ ลกรัม ตกจากทส่ี งู 200 เมตร เหนอื พ้ืนดิน จงหาการเปล่ยี นแปลงโมเมนตมั ของ

กอ้ นหินนี้ เมอ่ื เวลาผา่ นไป 4 วินาที

……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………….

145

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 แบบฝกึ ทักษะ 4 ผลการเรยี นท่ีคาดหวงั ที่ 4
รหัสวชิ า ว 30202 ใชป้ ระกอบแผนจัดการเรียนรู้ท่ี 4

ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที

เร่ือง โมเมนตัม และการเปล่ยี นแปลงโมเมนตมั

ชือ่ ..........................................................………………….. ช้นั ม. 4 /......…. ……….เลขท.่ี ...........….

14. วตั ถุมวล 2 กิโลกรัม กาPลังเคลื่อ=นทีไ่ ปทาmงทvิศใตด้ ้วยความเร็ว 5 m/s จะมโี มเมนตัมเท่าไร
วธิ ที า

= ( 2 kg )( ……… m/s )

= ………………….. kg.m/s ตอบ

15. ปลอ่ ยวตั ถุมวล 2 kg ลงในแนวด่ิง เม่อื เวลาผา่ นไป 2 วินาที โมเมนตัมของวัตถุเปลย่ี นแปลงเท่าใด

วิธีทา จากโจทย์ความเรว็ ของวตั ถุเปลยี่ นไป จึงเปน็ ผลให้โมเมนตัมของวัตถุนเ้ี ปลยี่ นไป

ความเร็วขณะปล่อย = 0 เมตรตอ่ วนิ าที

เม่ือเวลา 3 วินาทีความเรว็ ของวตั ถมุ ีค่าดังนี้

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 2 ) = …………… m/s
ดังน้นั โมเมนตัมของวตั ถุน้เี ปล่ยี นไป = m v – m u

= ( 2 kg )(……) - ( 2 kg )(……) = …………………. kg.m/s ตอบ

16. วัตถหุ นึ่งมีพลงั งานจลน์ 16 จลู มีความเรว็ 4 เมตรตอ่ วนิ าที จะมีโมเมนตัมเทา่ ไร
1
วธิ ีทา จาก Ek = 2 m v 2

แทนคา่ 16 = 1 m ( 4 )2 จะได้ m = ……………. kg
ดงั นั้น P = 2
m v = (………..)(………….) = ………….. kg.m/s ตอบ

146

รายวิชา ฟิสกิ ส์ 2 เฉลยแบบฝึกทักษะ 4 ผลการเรยี นที่คาดหวงั ท่ี 4
รหสั วชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4

ระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 5 คะแนน ( P ) เวลา 5 นาที

เรื่อง โมเมนตมั และการเปลย่ี นแปลงโมเมนตมั

ชื่อ..........................................................………………….. ชน้ั ม. 4 /......…. ……….เลขท.่ี ...........….

1. วัตถมุ วล 2 กิโลกรัม กาPลังเคลอ่ื =นที่ไปทาmงทvิศใต้ดว้ ยความเร็ว 5 m/s จะมีโมเมนตัมเท่าไร
วิธีทา

= ( 2 kg )(…. 5… m/s )

= ……10…….. kg.m/s ตอบ

2. ปล่อยวตั ถุมวล 2 kg ลงในแนวดงิ่ เมอ่ื เวลาผา่ นไป 2 วินาที โมเมนตมั ของวัตถเุ ปล่ียนแปลงเท่าใด

วิธีทา จากโจทยค์ วามเร็วของวัตถเุ ปลีย่ นไป จงึ เป็นผลให้โมเมนตัมของวัตถนุ เ้ี ปลย่ี นไป

ความเร็วขณะปลอ่ ย = 0 เมตรต่อวนิ าที

เมื่อเวลา 3 วินาทีความเรว็ ของวัตถุมีคา่ ดังนี้

v = u + gt=  P0 + ( 10 )( 2 ) = …20… m/s
ดังนั้น โมเมนตมั ของวตั ถนุ ้เี ปล่ียนไป = m v – m u

= ( 2 kg )(.20.) - ( 2 kg )(.0.) = …40… kg.m/s

ตอบ

3. วัตถหุ นง่ึ มพี ลังงานจลน์ 16 จลู มคี วามเรว็ 4 เมตรตอ่ วินาที จะมีโมเมนตัมเท่าไร
1
วธิ ที า จาก Ek = 2 m v 2

แทนค่า 16 = 1 m ( 4 )2 จะได้ m = ..2… kg
ดังนนั้ P = 2
m v = (..2..)(..4…) = ..8.. kg.m/s ตอบ

147

รายวชิ า ฟสิ ิกส์ 2 แบบทดสอบ ผลการเรียนทีค่ าดหวังท่ี 4
รหสั วชิ า ว 30202 ( กอ่ นเรยี น – หลงั เรียน ) ประกอบแผนจัดการเรยี นรูท้ ่ี 4
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาที่ 4 เวลา 15 นาที

ผลการเรียนทค่ี าดหวังท่ี 4 สารวจตรวจสอบ อภปิ ราย และคานวณเกยี่ วกับโมเมนตัม และการเปลย่ี นแปลง
โมเมนตัม
จงเลือกกากบาท ( X ) ตัวเลอื ก ก, ข, ค และ ง ที่เหน็ วา่ ถูกตอ้ งที่สุด

1. ขอ้ ใดถูกต้อง

1. โมเมนตัมเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ มที ิศไปทางเดียวกับทศิ ความเรว็

2. โมเมนตัมเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ มีทิศไปทางเดียวกับทศิ การเคลื่อนท่ี

3. กราฟความสมั พนั ธ์ระหวา่ งโมเมนตัมกับความเร็ว ความชนั กราฟมหี น่วยเช่นเดียวกับหน่วยของมวล

4. กราฟความสมั พันธ์ระหว่างโมเมนตมั กับความเร็ว ความชนั กราฟมีคา่ เท่ากับมวลของวัตถุ

ก. 1 ข. 1, 2 ค. 1, 2 , 3 ง. 1, 2, 3, 4

2. วัตถทุ ี่มโี มเมนตัมจาเปน็ ต้องมปี ริมาณใดต่อไปนี้

ก. พลงั งานจลน์ ข. พลังงานศักย์ ค. ความเรง่ ง. การดล

3. ปล่อยวตั ถุมวล 100 g ใหต้ กจากทีส่ ูง 20 m โมเมนตมั ของวัตถุขณะทช่ี นพืน้ เป็นเทา่ ใด (ให้ g = 10 m/s2)

ก. 80 N.S ข. 20 N.S ค. 10 N.S ง. 2 N.S

4. จงหาโมเมนตัมของรถยนต์มวล 2  103 kg ซง่ึ กาลังเคลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเร็ว 72 km / hr
ก. 6 x104kg.m / s ข. 4  104kg.m / s ค. 2  104kg.m / s ง. 104 kg.m / s

5. ลูกบอลตกกระทบพ้ืน แล้วสะท้อนกลบั ด้วยอตั ราเรว็ เท่าเดมิ ลูกบอลมปี ริมาณทเ่ี ปลีย่ นไปคือ

1. โมเมนตมั 2. ความเร็ว 3. พลงั งานจลน์

คาตอบที่ถูกต้องคือ

ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3 ค. 1, 3 ง. 1, 2

6. โมเมนตัมของวตั ถทุ ่ีเปลยี่ นไปเป็นปรมิ าณเวกเตอร์มีทิศเดียวกบั

ก. ความเรว็ ทเ่ี ปลย่ี นไป ข. ความเร็วตน้ ค. ความเร็วปลาย ง. ความเร็วเฉลยี่

7. แรงทท่ี าใหม้ ีการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมขึน้ อยกู่ บั อะไรบา้ ง

1. มวล 2. ความเรว็ 3. เวลาทใ่ี ชใ้ นการเปลยี่ นโมเมนตัม

คาตอบท่ถี ูกต้องคือ

ก. 1, 2, 3 ข. 2, 3 ค. 1, 3 ง. 1, 2

148

8. วัตถมุ วล 2 kg ตกลงจากที่สูง 500 m จะมีการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมเท่าใดตั้งแต่เริ่มตกจนถงึ พ้ืน

ก. 1,000 N.s ข. 200 N.s ค. 100 N.s ง. 50 N.s

9. ปล่อยวัตถุมวล 2 kg ลงในแนวดิง่ เมอื่ เวลาผา่ นไป 2 วนิ าที โมเมนตัมของวตั ถุเปลี่ยนแปลงเท่าใด

ก. 70 N.s ข. 40 N.s ค. 20 N.s ง. 10 N.s

10. ปาวัตถมุ วล 0.5 kg ข้ึนไปในแนวด่ิงด้วยความเร็ว 20 m/s เม่อื เวลาผ่านไป 4 s โมเมนตัมเปลยี่ นไปเทา่ ใด

ก. 30 N.s ข. 20 N.s ค. 10 N.s ง. 5 N.s

149

รายวชิ าฟสิ กิ ส์ 2 เฉลยแบบทดสอบ ผลการเรยี นท่ีคาดหวังท่ี 4
( ว 30202 ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ก่อนเรียน ประกอบแผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 4
หลังเรยี น

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลงั เรียน
ข้อ คาตอบ
1ข
2ก
3ง
4ข
5ง
6ก
7ก
8ข
9ค
10 ข

150

รายวิชาฟิสกิ ส์ 2 ใบกิจกรรม 4 รหัสวชิ า ว 30202

ช่ือ..........................................................………………….. ชัน้ ม. 4 /......…. ……….เลขท.ี่ ...........….

ผลการเรียนทค่ี าดหวงั ที่ 4. สารวจตรวจสอบ อภิปราย และคานวณเก่ียวกับโมเมนตัม และการ
เปลีย่ นแปลงโมเมนตัม

คาสัง่ ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรู้ทเ่ี กย่ี วกับโมเมนตัมและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตมั เป็นแผนผังมโนทศั น์ (
Concept Mapping )

องคค์ วามรู้ เรื่อง………………………………………………………………………………
เกยี่ วข้อง ในหวั ขอ้ เร่อื ง โมเมนตัมและการเปลย่ี นแปลงโมเมนตัม
ให้งาน วนั ท่ี………………………………………………………………………………
กาหนดสง่ วันท่ี………………………………………………………………………………
ส่งงาน วันที่……………………………..…………ลงชือ่ ………………………………ผู้ส่ง

ลงชอ่ื ………………………………ผูร้ ับ
( …………………………….)
อาจารยป์ ระจาวิชา ว 30202

ลาดบั รายการ 5 4 3 2 1 หมายเหตุ
1 ความเกี่ยวขอ้ งกับจดุ ประสงค์และเนอื้ หาสาระ
2 ความสมั พันธ์ กับชวี ติ ประจาวัน
3 รปู แบบ สามารถนาไปเปน็ แบบอยา่ งได้
4 ความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์
5 ความสะอาด เรยี บร้อย

5 = ดมี ากทส่ี ดุ 4 = ดีมาก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง

ผูป้ ระเมนิ ลงชื่อ……………………………………………………ช้ัน…………….เลขที่………...
วนั ท่ี………………………………………………………………………………………

151

แผนผงั มโนทัศน์ ( Concept Mapping )
องค์ความรเู้ รอ่ื ง …………………………………………..

เจา้ ของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….

152

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ชื่อวชิ า ฟิสิกส์ 2 รหัสวิชา ว30202

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 โมเมนตมั และการชน เรือ่ งที่ 2 การดลและแรงดล

ชอื่ แผน การดลและแรงดล เวลา 5 ชวั่ โมง
ผ้สู อน นายชาตรี ศรีม่วงวงค์ โรงเรียนวชั รวทิ ยา วนั ท่ีสอน 9-16 ธนั วาคม 2559

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การดล คือ การเปล่ียนแปลงโมเมนตัมในช่วงเวลาส้ันๆ การทาให้มีการเปลี่ยนแปลง โมเมนตัมใน

ช่วงเวลาสั้นนั้น จะต้องใช้แรงอย่างมาก ผลที่ตามมาจะทาให้วัตถุที่เกิดการดล จะได้รับพลังงานอย่างมากด้วย
การดลและ แรงดลนน้ั เป็นปริมาณเวกเตอร์ ขนึ้ อยกู่ บั การเปลยี่ นแปลงของความเร็ว

2. มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 5.1 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างพลงั งานกับการดารงชวี ติ การเปลย่ี นรปู พลงั งาน

ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลงั งานตอ่ ชวี ติ และส่ิงแวดลอ้ ม มกี ระบวน การสบื เสาะหา
ความรู้ สอื่ สารสิง่ ทเี่ รียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ
แก้ปญั หา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเี่ กดิ ข้ึนสว่ นใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
ภายใตข้ ้อมูลและเคร่ืองมือทมี่ ีอย่ใู นชว่ งเวลาน้ันๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสงิ่ แวดล้อม มี
ความเก่ยี วข้องสัมพนั ธก์ นั

3. ผลการเรยี นรู้
สารวจตรวจสอบ อธบิ าย และคานวณเก่ียวกับการดลและแรงดล

4. สาระการเรยี นรู้
-สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
1. การดล
2. แรงดล
-สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น
1.กาลังเครื่องยนต์ของเครอื่ งจกั รกลการเกษตร
-สาระการเรียนรเู้ กย่ี วกับอาเซียน
1.
-สาระการเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.การประหยดั พลงั งาน

153

5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการคิด
3.ความสามารถในการแก้ปญั หา
4.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
จุดเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนดา้ นสมรรถนะ
1. ทกั ษะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองเพอื่ การแก้ปัญหา
2. ทกั ษะการคิดขั้นสงู
3. ทักษะการส่ือสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ตามช่วงวัย

6.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเุ รียนรู้ (ตัง้ ใจเพยี งพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนร,ู้ แสวงหาความรู้รู้จากแหลง่

เรียนรตู้ า่ ง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการเลือกใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้)

จดุ เนน้ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนดา้ นคุณลกั ษณะ
1.คณุ ลกั ษณะมุ่งมั่นในการทางาน
2. คณุ ลักษณะใฝรุ ใู้ ฝุเรียน

7. ชิน้ งาน/ภาระงาน
1.ใบงาน 5.1 – 5.3 (ระหวา่ งเรียน)
2.แบบฝกึ ทกั ษะ 5 (ระหวา่ งเรยี น)
3.ใบกจิ กรรม 5 (ระหวา่ งเรยี น)
4.แบบทดสอบรายจดุ ประสงค์ท่ี 5 (รวบยอด)

154

8. การวดั และประเมนิ ผล

8.1 การประเมนิ ระหวา่ งจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ช้นิ งาน/ภาระงาน วธิ กี ารประเมนิ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
-
1.การวดั ผลคุณธรรม สังเกตพฤตกิ รรม แบบวัดพฤติกรรม
-
จิตพิสยั นกั เรยี น นักเรยี น
ร้อยละ 50 ขึ้นไป
2. การประเมินผลจาก ตรวจใบงาน 5.1 – 5.3 ใบงานที่ 5.1-5.3 -
ระดบั 3 ขึ้นไป
สภาพจรงิ รอ้ ยละ 50 ข้ึนไป

ตรวจแบบฝกึ ทักษะ 5 แบบฝกึ ทกั ษะ 5

ตรวจสมดุ จด ใบกจิ กรรม 5

ตรวจใบกิจกรรม 5

3. การวัดผลหลังเรียน ตรวจแบบทดสอบราย แบบทดสอบราย

จดุ ประสงคท์ ่ี 5 จดุ ประสงคท์ ี่ 5

8.2 การประเมนิ เมือ่ สนิ้ สดุ การเรยี นรู้

ชนิ้ งาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
แบบทดสอบ รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป
แบบทดสอบ ตรวจแบบทดสอบ

9.กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ สร้างความสนใจ
1.1 ครูเปิดคลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองของการหยุดอย่างกะทันหัน การเปลี่ยนแปลง

ความเรว็ ของวัตถุ จากเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach นกั เรยี นและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ เรื่องการหยุด
รถ อย่างกระทันหัน เพ่ือนาไปสู่คาถามที่ว่า “การหยุดรถ อย่างกระทันหัน ผลท่ีเกิดขึ้นกับรถ และคนในรถมี
อะไรบ้าง อยา่ งไร”

1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูว่า “ การหยุดรถ อย่างกระทันหัน ผลท่ีเกิดข้ึนกับรถ และ
คนในรถมีอะไรบ้าง อย่างไร ” ( ทิง้ ช่วงใหน้ กั เรียนคิด )

1.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายในแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งบันทึกความเห็นของกลุ่มในใบงาน 5.1
เฉพาะข้อ 1 และข้อ 2 (เปิดโอกาสให้นักเรยี นไดแ้ สดงความคิดเห็นโดยยงั ไมเ่ นน้ ถูกผิด)

1.4 ตัวแทนนกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอความเหน็ ของกลุ่ม
1.5 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับ ผลท่ีเกิดจากการหยุดรถอย่างกระทันหัน แล้วบันทึกลง
ในใบงาน 5.1
1.6 นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน จานวนขอ้ สอบ 10 ข้อ
1.7 แจง้ ใหน้ กั เรียนทราบว่า จะไดศ้ กึ ษาเก่ียวกบั การดล และแรงดล
1.8 นักเรียนศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมจากเว็บไซต์การสอนฟิสิกส์ชื่อ http://gg.gg/chatree-teach
ขั้นสารวจและค้นหา
2.1 นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมูลเกย่ี วกับการดล และแรงดล จากใบความรู้ 5 ลงในใบงาน 5.2 แล้ว
สรปุ สาระสาคญั บนั ทกึ ลงในสมุดจดบนั ทกึ และตอบคาถาม
2.2 สมุ่ นักเรียน 1 กล่มุ เสนอผลการสบื ค้นข้อมูล

155

ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 นักเรยี นนาข้อมูลจากขนั้ การสืบค้น ข้อมลู มาอภิปรายรว่ มกนั
3.2 ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการดล และแรงดล เพ่ือให้นักเรียนสรุปสาระสาคัญลงในสมุด

จดบันทกึ
ขัน้ ขยายความรู้
4.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย เกี่ยวกับกฎการเคลื่อนที่ข้อ 2 ของนิวตัน ตัวอย่าง

การดล และแรงดล จากใบความรู้ 5
4.2 นักเรียนรว่ มกันสบื คน้ แก้ปัญหา ในใบงาน 5.3
4.3 นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทักษะ 5
4.4 นักเรียนศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับกาลังเคร่ืองยนต์ของเคร่ืองจักรกลการเกษตร และ

การประหยัดพลังงาน จากเว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach (บูรณาการ*)
ขน้ั ประเมิน
5.1 นกั เรยี นเขียน Concept mapping เก่ยี วกบั การดล และแรงดล ในใบกิจกรรม 5
5.2 นักเรียนนา Concept mapping อภิปรายแลกเปลี่ยนกับเพ่ือนๆ และประเมินผลงาน

ให้กบั เพ่ือน
5.3 นักเรียนที่เป็นเจ้าของผลงาน Concept mapping ที่ได้รับการประเมินจากเพื่อนมา

อภิปรายเก่ียวกับ Concept ในงานน้ัน โดยการสุ่มจากครู
5.4 นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
5.5 นักเรียนทท่ี าคะแนนไดไ้ มถ่ งึ รอ้ ยละ 50 เข้าไปเรียนรู้และฝึกทาแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหา

โจทยว์ ชิ าฟิสกิ ส์ออนไลน์ เรือ่ ง การดลและแรงดล ได้ทีเ่ ว็บไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

10. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ จานวน สภาพการใช้สอ่ื
1 ชุด ใช้ขั้นสรา้ งความสนใจ
รายการสอ่ื 1 ชดุ ใช้ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1 ชุด ใชอ้ ธิบายและลงขอ้ สรปุ ( ใชข้ นั้ ประเมิน )
2. ใบงาน 5.1 1 ชุด ใชอ้ ธิบายและลงข้อสรุป
3. แบบฝกึ ทักษะ 5 1 ชดุ ใช้สารวจและคน้ หา
4. ใบความรู้ 5 1 ชดุ ใชข้ ยายความรแู้ ละลงข้อสรปุ
5. ใบงาน 5.2 1 ชุด ใชข้ น้ั ประเมินและลงข้อสรุป
6. ใบงาน 5.3 1 ชดุ ใชข้ ้ันประเมิน
7. ใบกิจกรรม 5 1 ชดุ ใช้ประกอบทกุ ข้ันตอนของการเรียนการสอน
8. แบบทดสอบหลงั เรยี น
9.เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/chatree-teach

156

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

กิจกรรมเสริมทกั ษะหรือซอ่ มเสริม

รายการ วธิ ีดาเนินกจิ กรรม

1. ปรับปรุง – แกไ้ ขข้อบกพรอ่ งของผู้เรียน 1. ครคู วบคุมดแู ลใหอ้ ยใู่ นกรอบระหวา่ งเรียน

2. ครูคอยเสรมิ หรือแก้ไขเมอ่ื การอภิปรายของนักเรียน

ไม่สมบรู ณ์

3. ครูช้ีแจงข้อบกพร่องในการทากจิ กรรม

4. ครเู ฉลยขอ้ สงสยั ทน่ี ักเรียนทาไมไ่ ด้

5. สอนซ่อมเสรมิ นกั เรยี นทไี่ มผ่ า่ นประเมินหลังเรยี น

2. สง่ เสรมิ ความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียน 1. ใหน้ ักเรยี นทาช้นิ งาน 1 ช้นิ งาน

นอกจากนน้ั ใหส้ บื ค้นข้อมลู เพมิ่ เตมิ จาก www.wikipedia.org และเว็บไซต์ของฟิสกิ ส์ราชมงคล

http://www.rmutphysics.com

157

12.บนั ทึกผลหลังการสอน

12.1 หาความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนนเตม็ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ความก้าว
ระหวา่ งเรยี น หลังเรยี น หน้าใน
นกั เรียน ก่อนเรียน การเรยี น
8.21 8.66 82.1/86.6
151 10 1.84 68.2

สูตร ร้อยละความกา้ วหนา้ ในการเรียน = คะแนนหลังเรียน – คะแนนก่อนเรยี น x 100
คะแนนเตม็

สตู ร หาประสิทธภิ าพของส่อื = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (ทาแบบฝกึ )
E2 = ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ (สอบหลงั เรยี น)
ประสิทธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลย่ี ระหว่างเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉล่ยี หลังเรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 สภาพของการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการเรยี นการสอนที่กาหนดไว้ในแผนการ

จดั การเรียนรู้ เป็นกจิ กรรมที่เหมาะสมกบั วยั ของผ้เู รยี นและเหมาะสมกบั สาระการเรียนรู้ สามารถจัดกจิ กรรม
การเรียนการสอน

 ไดต้ ามเวลาท่ีกาหนดทกุ กิจกรรม
 ไม่ทันตามเวลาทก่ี าหนดในกิจกรรมเน่ืองจาก................................................................

............................................................................................................................. ........
12.3 การมีสว่ นร่วมของนักเรยี น การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนครัง้ น้ี นักเรยี นทกุ คนได้รว่ ม

กจิ กรรมและเรยี นรูอ้ ย่างมีความสุข และมีขอ้ คน้ พบเพ่ิมเติมคือ.....นักเรยี นแสดงออกด้วยการมสี ่วนรว่ มในการ

ตอบคาถาม.......
12.4 ความรู้ความเขา้ ใจของผู้เรียน กจิ กรรมช่วยใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจตรงตามสาระการ

เรยี นรู้ เกดิ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์และมีทักษะกระบวนการตามทจ่ี ุดประสงค์กาหนด นอกจากน้นั ยงั พบว่า

.......นักเรียนมคี วามเข้าใจในเนื้อหาทเี่ รยี น ในระดบั ด.ี .......
12.5 ส่อื การสอน สือ่ การเรยี นการสอนที่กาหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ไดใ้ ชส้ อ่ื หลายอยา่ ง เป็นส่ือ

ท่ีเหมาะสมกับวัยผู้เรียน สอดคลอ้ งกบั เนือ้ หา สามรถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อยา่ ง

เหมาะสม ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรอู้ ยา่ งสนุกสนานและเข้าใจบทเรียนไดเ้ ร็วยงิ่ ข้นึ และมีข้อคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ คือ
.....นกั เรยี นสนใจส่ือการสอนอยา่ งมาก.................

158

12.6 การวดั ผลประเมนิ ผล ในการจดั การเรยี นการสอนครั้งนี้ ครอบคลมุ พฤติกรรมตามจดุ ประสงค์
การเรียนรู้ที่กาหนดในแผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการวัดผลและประเมนิ ผลสรปุ ได้ ดังนี้

ด้านความรคู้ วามเข้าใจ (K)
นกั เรียนทผ่ี า่ นจดุ ประสงค์ตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเป็นร้อยละ..100.....
นักเรยี นท่ไี มผ่ ่านจดุ ประสงค์ จานวน....-......คน คิดเปน็ ร้อยละ...-....
และได้ดาเนนิ การแกป้ ัญหา คือ
 สอนเสรมิ  มอบงานใหท้ าเพ่ิมเตมิ ทารายงาน  อืน่ ๆ................
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรยี นท่ผี า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน..151...คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..100.....
นกั เรยี นท่ีไมผ่ า่ นทักษะกระบวนการตามเกณฑ์ จานวน....-......คน คิดเป็นร้อยละ...-....
และไดด้ าเนินการแก้ปญั หา คือ .......................-...........................................................
ดา้ นค่านยิ ม (A)
นักเรยี นท่มี ีค่านิยมตามเกณฑ์รอ้ ยละ จานวน..151...คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ..100.....
นักเรยี นท่ีต้องปรบั เปล่ียนคา่ นยิ ม จานวน....-......คน คดิ เป็นรอ้ ยละ...-....
และไดด้ าเนนิ การปรบั เปล่ยี นค่านิยม (แจงรายละเอียด ของการปรับเปลี่ยนคา่ นยิ ม
คอื ............-............................................................................................................................
12.7 การบูรณาการ ในการจดั การเรียนการสอนได้บูรณาการการเรียนรู้โดยบรู ณราการภายในเน้อื หา
สาระของกลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ซงึ่ เปน็ การบูรณาการ(ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง / อาเซยี น / โรงเรยี น
สุจรติ ) เพ่อื ต้องการให้นักเรียนได้นาความรู้ทีไ่ ด้ไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน มีทกั ษะชีวติ ท่ีจะกา้ วไปสู่สังคมภายนอก
ได้อย่างมคี วามรู้ทีเ่ ท่าทนั ในยุคปจั จุบนั โดยมีขอ้ คน้ พบเพิม่ เตมิ คือ...มีการบูรณาการเกยี่ วกบั อาเซยี นในกิจกรรม
การเรยี นการสอนอยา่ งสม่าเสมอ......
12.8 นวัตกรรมท่ใี ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน การจดั การเรียนการสอนในคร้ังนี้ได้จัดทาส่ือการเรยี น
การสอนท่เี ป็นนวตั กรรม คือ ....เวบ็ ไซต์การสอนฟิสกิ ส์ http://gg.gg/chatreephysics.....
ผลการใช้นวัตกรรมพบว่า......นักเรียนสนใจสือ่ การสอนเปน็ อยา่ งด.ี .....
12.9 วิจยั ในชน้ั เรียน ผลจากการจดั การเรยี นการสอน พบประเดน็ น่าสนใจท่ีควรดาเนินการศึกษา
ค้นควา้ เพิ่มเตมิ ในรปู แบบการวิจัยในชนั้ เรียนเกีย่ วกบั การจัดการเรียนการสอนคือ..-..............................................
............................................................................................................................. ....................................................
12.10 ปญั หาและอุปสรรค ผลจากการจดั การเรยี นการสอน พบประเดน็ ปัญหาและอุปสรรค
ดังตอ่ ไปน้ี..........นักเรียนแก้สมการคณติ ศาสตร์ในโจทย์วชิ าฟิสกิ ส์ไมค่ ่อยได.้ ........
............................................................................................................................. ....................................................
12.11 แนวทางการแก้ไขปัญหา
จากประเดน็ ปัญหาท่ีพบ สามารถวิเคราะหแ์ นวทางเพื่อแก้ปัญหา ดงั น้ี...ให้นกั เรยี นฝึกทาโจทย์แบบ
ตา่ งๆท่ีหลากหลาย......

ลงชอ่ื ..............................................ผู้สอน
(นายชาตรี ศรีมว่ งวงค์)

159

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่ือ ........................................................
(นายสรุ ะศักด์ิ ยอดหงษ์)

ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ขอ้ เสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่อื ........................................................
(นายวิเชียร ยอดนลิ )

ตาแหน่ง รองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ............
ข้อเสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
ลงช่อื ........................................................

(นางสริ วิ รรณ ตันตสิ ันติสม)
ตาแหน่ง รองผู้อานวยการ รักษาการในตาแหน่ง

ผู้อานวยการโรงเรยี นวชั รวิทยา
วันที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

160

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 5
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 2 โมเมนตัมและการชน

เรือ่ งท่ี 2 การดลและแรงดล
วชิ า ฟิสกิ ส์ 2 รหสั วิชา ว30202 ช้นั ม.4 เวลา 7 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี น 1.5 หนว่ ย

อาจารย์ผูส้ อนนายชาตรี ศรมี ่วงวงค์

161

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 ใบความรู้ 5 ผลการเรยี นท่คี าดหวังท่ี 5
รหสั วชิ า ว 30202 ระดับชั้น ม. 4 การดล และแรงดล ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 5

การดลและแรงดล (Impulse ; Impulsive Force) F v

u m
F m

t=0 t=t

วตั ถุมวล m ไดร้ ับแรงกระทา F เคล่อื นท่บี นพ้นื ราบจากความเรว็ ต้น u เป็นความเร็ว v ใน

เวลา t

จากกฎข้อ 2 ของนวิ ตัน F = m a  a = v  u
t
จะไดว้ า่ … F = v  u
m t

F = mv  mu
t
- แรงทก่ี ระทากับวตั ถใุ นชว่ งเวลาสัน้ ๆ เรยี กวา่ แรงดล (Impulsive Force)

- แรงลพั ธ์คณู กบั เวลา ( F t) เรียกว่า การดล (Impulse)

I = F t = m v - m u

การดล (I) แยกพจิ ารณาเป็น 2 แบบ
1. การดลเน่ืองจากแรงคงที่ ถ้ามีแรงคงท่กี ระทากบั วัตถุจะได้การดลเทา่ กับ ผลคูณของแรงลพั ธ์กบั

เวลา มีหนว่ ยเป็น นวิ ตัน.วินาที
I = Ft

การดลของแรงทีม่ ีขนาดคงท่ี ถ้าขนาดของการดลของแรงมีค่าเปน็ บวก แสดงวา่ โมเมนตมั ของวตั ถุทีเ่ รา
กาลงั พจิ ารณามีค่าเพ่ิมข้ึน ถา้ เปน็ ลบแสดงว่า โมเมนตมั ของวัตถุจะมีค่าลดลง และถา้ การดลมคี า่ เป็นศูนย์ ก็
หมายถงึ ไมม่ ีการออกแรงกระทากบั วตั ถเุ ลย

162

2. การดลเนอ่ื งจากแรงไมค่ งที่ ถา้ มีแรงไม่คงทีก่ ระทากับวตั ถจุ ะได้การดลมีคา่ เทา่ กับพ้ืนทใ่ี ตก้ ราฟระหว่างแรง

กับเวลา F

I = พนื้ ท่ใี ต้กราฟของ F และ t

0 t
การดลเน่อื งจากแรงไมค่ งท่ี แยกการพิจารณาเป็น 2 แบบ คือ

2.1 ถ้ามีแรงไมค่ งท่เี พียงแรงเดียวกระทากบั วตั ถุ จะได้การดลเท่ากบั พ้ืนทใี่ ต้กราฟ F กับ t

2.2 ถา้ มแี รงคงท่ีและไม่คงทีก่ ระทากับวัตถุ จะได้การดลเท่ากับผลรวมของพ้นื ท่ีใตก้ ราฟ โดยแรงทีม่ ีทศิ ตามกัน

การดลจะเท่ากบั ผลบวกของพ้นื ที่ใต้กราฟ แรงทมี่ ีทศิ ตรงข้ามกัน การดลจะเท่ากับผลต่างของพื้นที่ใตก้ ราฟ

การดลทเ่ี ราพบบ่อยๆน้นั เปน็ การดลทีแ่ รงมคี ่ามากมากระทากบั วตั ถุในช่วงเวลาสน้ั ๆ เช่น รถยนตช์ น

กัน การตลี กู เทนนสิ การตีลูกปิงปอง การตอกตะปดู ว้ ยคอ้ น ลูกบลิ เลียดชนกนั เปน็ ต้น

แรงดล หมายถึงแรงทก่ี ระทากับวตั ถุในชว่ งเวลาส้ันๆ หาได้จากสมการ

F = mv mu มหี น่วยเปน็ นิวตนั
t

F = I  แรงดล = การดล
t เวลา

แรงดลไม่ใช่เป็นแรงใหม่อะไร ความจริงคือแรงภายนอกที่กระทากับวัตถุดังกล่าวมาแล้ว มีข้อ

แตกต่างกันเพียงเวลาที่แรงกระทากับวัตถุกับวัตถุต้องเป็นเวลาสั้นๆ จึงเรียกชื่อให้ต่างออกไปเสียใหม่ว่า “ แรง

ดล ” หน่วยท่ีใช้ก็เป็นหน่วยเดียวกัน สูตรที่ใช้ก็เป็นสูตรเดียวกัน มีสิ่งท่ีควรสังเกต ถ้า mv – mu (การ

เปลีย่ นแปลง โมเมนตัม) นนั้ เทา่ เดมิ แต่ t มคี ่านอ้ ย เราจะได้คา่ F มากขึ้น เช่น ถ้า mv – mu มีค่า 1 หน่วย
1
และ t เท่ากับ 1 วินาที จะมีค่า 1 หน่วย แต่ถ้าเราใช้ t เท่ากับ 100 วินาที F จะมีค่าเป็น

100 หน่วย มากขึ้นกว่าเดมิ ถงึ 100 เท่า

ตวั อยา่ ง 1 วตั ถุมวล 3 กิโลกรัม กาลงั เคลื่อนทดี่ ้วยความเร็ว 8 เมตร/วนิ าที เม่ือมีแรงคงที่กระทากบั วตั ถุ

ในทิศตรงขา้ มกับทศิ การเคล่ือนท่ีของวัตถเุ ดมิ เป็นเวลานาน 0.02 วนิ าที และทาใหว้ ัตถุมคี วามเร็วเป็น 4

เมตร/วินาที ในทศิ ของแรงกระทา จงหาขนาดของ

ก. แรงดลทกี่ ระทากับวตั ถุ ข. การดลทก่ี ระทากบั วตั ถุ

u = -8 m/s v = +4 m/s

163

3 Kg F 3 kg F

วิธีทา F = mv mu
ก. จากสตู ร t
F = (3)(+4) (3)( 8)
แทนค่า… 0.02 = + 1800 N

 แรงดลท่กี ระทากบั วตั ถุเปน็ 1800 นิวตัน มที ศิ ทางไปทางขวามอื
ตอบ

ข. จากสตู ร Ft = mv – mu
แทนค่า…
Ft = (3)(+4) - (3)(-8)
= + 36 N.s

 การดลท่ีกระทากบั วตั ถมุ คี า่ เท่ากับ +36 นิวตนั .วินาที มีทศิ ทางเดียวกบั แรงดล

ตอบ

ตัวอย่าง 2 จากรูปเปน็ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งแรง แรง(N)

กับเวลาของวตั ถหุ น่ึง
ก. ขนาดของการดลทก่ี ระทาต่อวตั ถใุ นชว่ ง 10 x10-2 วนิ าที
แรก 20 เวลา ( x10-2 s)
10 5 10
ข. ขนาดของแรงดลที่กระทาต่อวัตถุใน 10 x10-2 วนิ าทีแรก
0
วิธที า ก. ขนาดของการดลที่กระทาตอ่ วตั ถใุ นชว่ ง 10 x10-2

วินาทีแรก

I = พนื้ ทใี่ ตก้ ราฟ 1
1 2
I = 2 xฐานxสูง = x10x20

I = 100 N.s
ข. ขนาดของแรงลัพธ์ท่กี ระทาต่อวตั ถใุ น 10 x10-2 วินาทีแรก
F = I
t
100
แทนคา่ … F = 10x10 -2 = 1,000 N

164

รายวิชา ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 5.1 ผลการเรยี นทีค่ าดหวังที่ 5
รหัสวิชา ว 30202 ใช้ประกอบแผนจัดการเรียนรู้ท่ี 5
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 5 คะแนน ( A )
เรอ่ื ง การดลและแรงดล เวลา 10 นาที

ชอ่ื …………………………………………………..……ชัน้ ……………เลขที่………….

1. ใหน้ ักเรยี นเลอื กเขียนแสดงความคดิ เห็นว่า ทาไมรถที่วิง่ มาดว้ ยความเรว็ สูงแล้วเบรคอย่างกระทันหนั จะทา
ให้เกิดการเสียหายมากกว่าการเบรคใหร้ ถหยุดอยา่ งช้าๆ จนหยดุ น่งิ

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคดิ เห็นของกล่มุ เห็นวา่ ทาไมรถทวี่ ง่ิ มาดว้ ยความเรว็ สงู แล้วเบรคอยา่ งกระทันหัน จะทาให้เกดิ การ

เสียหายมากกว่าการเบรคให้รถหยุดอย่างช้าๆ จนหยดุ นงิ่
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคดิ เห็นทน่ี ักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายสรปุ เห็นว่า ทาไมรถทีว่ ่งิ มาดว้ ยความเร็วสงู แล้วเบรคอย่าง
กระทันหัน จะทาใหเ้ กิดการเสียหายมากกว่าการเบรคใหร้ ถหยดุ อยา่ งช้าๆ จนหยุดนง่ิ

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

165

รายวชิ า ฟิสิกส์ 2 ใบงาน 5.2 ผลการเรยี นทค่ี าดหวังท่ี 5
รหัสวชิ า ว 30202 ใช้ประกอบแผนจดั การเรียนร้ทู ่ี 5
ระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4 5 คะแนน ( P )
เร่ือง การดลและแรงดล เวลา 40 นาที

ชื่อ………………………………………………………ช้นั …………เลขท่ี……..กล่มุ ที่…………

ใหน้ ักเรียนสรุปสาระสาคญั ที่ไดจ้ ากการสบื ค้น ข้อมูล และตอบคาถามต่อไปน้ี
การดล (Impulse )

แรงดล ( Impulsive Force)

166

คาถาม
1. การดล คอื ………………….………………….………………….………………….……………………….
2. การดล เป็นปรมิ าณ………………….…………………. ……………………………………………………
3. การดล มีหน่วยเปน็ ………………….………………….…………………………………………………….
4. การดล มีสตู รคานวณ คือ……………………………………………………………………………………..
5. แรงดล คือ………………….………………….………………….………………….………………………
6. แรงดล มคี วามสมั พนั ธ์กับกฎการเคลอ่ื นที่ข้อทีเ่ ทา่ ไรของนิวตนั ………………….…………………………

7. แรงดล มี สูตรคานวณ………………….………………….………………….………………………………
8. การห้อยโหนของนักแสดงกายกรรมจาเป็นตอ้ งมตี าข่ายขึงไว้เบ้ืองล่าง ตาข่ายน้ีใช้รองรับนักแสดงเมื่อเกิดตก

ลงมา ถ้าผู้แสดงตกลงบนตาข่ายกับตกลงบนพน้ื ด้วยความเร็วก่อนกระทบเท่ากัน จนกระท่ังหยุด นักเรียนว่า
นักแสดงนมี้ ีการดล หรือ แรงดลหรอื ทง้ั การดลและแรงดลท่ีตา่ งกนั ……………………………………

9. “ปลอ่ ยไขใ่ บหนึง่ ให้ตกลงบนฟองน้าหนาๆ แลว้ ปล่อยไขใ่ บหน่งึ ทม่ี ีขนาดเท่ากันกบั ไข่ใบแรกให้ตกลงบนพนื้

แขง็ จากที่ ระดบั ความสงู ประมาณ 1 เมตร เท่ากนั ” ไข่ขณะตกกระทบฟองน้าไม่แตก แตก่ ระทบบนพื้น
แข็งแตก แสดงวา่ ไขแ่ ตก เพราะผลจากการดล หรือ แรงดล หรอื ท้งั สอง…………………………………

10. จากขอ้ 9 ชว่ งเวลาทไ่ี ข่เปล่ยี นความเรว็ ขณะกระทบฟองนา้ จนหยุดนงิ่ ตา่ งกับช่วงเวลาทกี่ ระทบพื้นแข็งแล้ว

หยุดนิ่ง อยา่ งไร…………………………………………………………………………………………

11. ลกู ปืนมวล 20 กรัม เคลื่อนท่ีด้วยอัตราเร็ว 240 เมตร/วินาที กระทบกล่องที่ทาด้วยไม้ แล้วเคลื่อนที่เข้า
ไปในกล่อง และหยดุ นง่ิ ในเวลา 1.5  10- 4 วินาที จงหาคา่ การดลท่เี กิดจากกล่องไม้และแรงต้านเฉลี่ย

ขวิธอีทงกาล่องกไามรท้ ดี่กลระIทาต่อ=ลูกปนื P = m v 2 - m v 1 = ( 20x10-3)( ….. – ……. ) = …….. kg. m /s
ตอบ
แรงต้านเฉล่ีย F P .......... ...
= t = 1.5x10-4 = …………… N ตอบ

167

12. ลูกกลมลูกหน่ึงมวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็ว 1 เมตร/วินาที ไปกระทบผนังแล้วกระดอนกลับ

ด้วยอัตราเร็ว 1 เมตร/วินาที ถ้าแรงเฉล่ียที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 4 นิวตัน การดลท่ี

เกดิ ขึน้ และเวลาของการดลดงั กล่าวมีคา่ เท่าใด

วธิ ีทา วตั ถุเคล่ือนท่ีกระทบผนังด้วยอตั ราเร็ว 1 m/s มีความเรว็ ( v1 ) = 1 m/s
Iวตั ถเุ =คลอ่ื นทP่ีกระด=อนmกลับvด2้วย- อmตั รvาเร1็ว=1 m/s มีความเรว็ ( v2 ) = - 1 m/s
การดล ( 2 )( ….. – ……. ) = ……….. kg. m /s

ตอบ = P
แรงต้านเฉลีย่ F t
4 = .......... ...
t

 t = …………… วนิ าที ตอบ

13. ชายคนหนึ่งมวล 60 กิโลกรัม ขับรถยนต์ไปทางถนนตรงสายหน่ึงด้วยอัตราเร็วคงท่ี 60 กิโลเมตร/ช่ัวโมง

ไปทางทิศเหนอื ถา้ เขาบังคบั ให้รถหยุดได้ภายในเวลา 10 วนิ าที จงหาการดลและแรงเฉล่ียท่ีกระทาต่อชาย

ผนู้ น้ั =  P = m v 2 - m v 1 = ( 60 )( …... – ……. ) = …….….. kg. m /s
วิธีทา การดล I

ตอบ F = P = .......... ... = …………… N ตอบ
แรงเฉล่ีย t 10


Click to View FlipBook Version