Mechanics of Materials 4-21
ตัวอยา งที่ 4-7
กาํ หนดใหโ ครงสรางมลี กั ษณะดงั ทแี่ สดงในรูปที่ Ex 4-7 และชน้ิ สว น AB ทาํ ดว ย steel alloy A36 มคี า
α st = 17(10−6 )/ oC , Est = 200 GPa , σ y = 250 MPa และมีพืน้ ท่หี นาตัด AAB = 600 mm2 และชนิ้ สวน
CD ทาํ ดว ย aluminum alloy 2014-T6 มคี า α al = 24(10−6 )/oC , Eal = 70 GPa , σ y = 414 MPa และมพี นื้
ท่หี นา ตัด ACD = 1200 mm2 เมื่ออุณหภมู ขิ องโครงสรา งเพ่ิมขึน้ จาก 25oC เปน 125oC จงหาคา เฉลี่ยของหนว ย
แรงทีเ่ กดิ ขน้ึ ในชิ้นสว น AB และ CD
รปู ท่ี Ex 4-7
เม่ืออุณหภูมิของโครงสรางเพิ่มสูงข้ึน ช้ินสวนทั้งสองของโครงสรางจะเกิดการยืดตัวที่ไมเทากันและจะทําใหจุด
B และจุด C ชนกัน ซง่ึ จะทาํ ใหเกดิ แรงกดอัดภายในโครงสรา งทีม่ ีคา เทากัน
จากสมการความสมดลุ ของแรงในแนวแกนของโครงสราง
Fst = Fal = F
เนอ่ื งจากการเปลยี่ นตําแหนงสัมพัทธข องจุด A เทยี บกับจดุ D มคี า เทา กับชองวางระหวา งจดุ B และจุด C
ดังน้นั สมการความสอดคลอ ง (compatibility equation) ของโครงสรา งจะเขียนไดในรปู
δ A/ D = 0.001 m
เน่ืองจากการเพ่ิมสูงข้ึนของอุณหภูมิทําใหช้ินสวนท้ังสองของโครงสรางเกิดการยืดตัว ดังน้ัน คาการเปล่ียน
ตาํ แหนง ท่ีเกดิ ขึ้นจะมคี าเปน บวก และเม่อื จุด B และจดุ C ชนกนั แลว แรงกดอัดจะเกิดขึ้นภายในช้นิ สวนของโครงสรา ง
ซึ่งจะทาํ ใหคาการเปล่ียนตาํ แหนง ท่เี กดิ ขน้ึ มีคา เปนลบ ดังนน้ั
− Fst LAB + α st ∆TLAB − Fal LCD + α al ∆TLCD = 0.001
AAB Est ACD Eal
− F (0.6) ) + 17(10 −6 )100(0.6) − F (0.4) ) + 27(10 −6 )100(0.4) = 0.001
600(10−6 )200(109 1200(10−6 )70(109
9.762(10−9 )F = 0.0011
F = 112.68 kN
คา เฉล่ียของหนวยแรงทีเ่ กิดข้นึ ในชนิ้ สว น AB และ CD จะมคี าเทา กับ
σ AB = 112.68 = 187.8 MPa <σ y = 250 MPa O.K.
600(10−6 )
σ CD = 112.68 = 93.9 MPa <σy = 414 MPa O.K.
1200(10−6 )
ดงั นนั้ หนวยแรงท่ีเกดิ ข้ึนในชิน้ สว น AB และ CD สอดคลอ งกบั สมมตุ ิฐานทว่ี าวสั ดยุ งั คงมพี ฤตกิ รรมอยูในชว งยดื หยุน
(elastic) ภายใตการเปล่ียนแปลงของอุณหภมู ิ Ans.
Mechanics of Materials 4-22
แบบฝก หดั ทา ยบทท่ี 4
4-1 กําหนดใหแทง เหล็กท่ีมพี น้ื ที่หนา ตัด 60 mm2 รองรับแรงกระทาํ ดังทีแ่ สดงในรูปท่ี Prob. 4-1 จงหาคา การเปลีย่ น
ตาํ แหนง ทีจ่ ดุ A และ B
รูปท่ี Prob. 4-1
4-2 กําหนดใหแ ทง เหลก็ มีขนาดและลักษณะดังที่แสดงในรปู ที่ Prob. 4-2 ถูกกระทาํ โดยแรงในแนวแกน (axial load)
P = 50 kN จงหาคา การเปล่ยี นแปลงรูปรางในแนวแกนและทหี่ นาตดั a − a เม่ือ Est = 200 GPa และ ν = 0.29
รปู ที่ Prob. 4-2
4-3 ถาชิน้ สวนตา งๆ ของโครงขอ หมนุ (truss) เหล็ก ดงั ที่แสดงในรปู ที่ Prob. 4-3 มีพื้นทห่ี นา ตดั 400 mm2 จงหาคาของ
แรง P ท่ีทาํ ให roller เกิดการเคล่อื นทไี่ ปทางขวามือ 0.2 mm เมอื่ Est = 200 GPa (4-12)
รปู ท่ี Prob. 4-3
4-4 แทงเหล็กที่มคี วามแกรง สงู มากถกู รองรับโดยแทง aluminum 6061-T6 ท่มี ีพ้ืนทหี่ นาตดั 14 mm2 ดงั ทแี่ สดงในรปู ท่ี
Prob. 4-4 จงหาคาการเปล่ยี นแปลงรปู รางในแนวดง่ิ ทจ่ี ดุ D เนือ่ งจากนาํ้ หนกั บรรทกุ กระจาย (4-19)
Mechanics of Materials 4-23
รปู ที่ Prob. 4-4
4-5 เสาประกอบคอนกรีต-เหลก็ ดังทแ่ี สดงในรปู ท่ี Prob. 4-5 ถกู กระทําโดยแรงกดอดั 80 kN จงหาหนวยแรงทีเ่ กดิ ขนึ้ ใน
คอนกรตี และเหล็ก และจงหาความยาวท่เี ปลยี่ นไปของเสา เม่อื ทอเหลก็ มีเสน ผา ศนู ยก ลางภายนอก 80 mm และเสนผา
ศนู ยกลางภายใน 70 mm และ Est = 200 GPa , Ec = 24 GPa
รปู ที่ Prob. 4-5
4-6 Composite bar ดังทีแ่ สดงในรูปท่ี Prob. 4-6 มชี ้นิ สว น AB ทาํ ดวยเหลก็ ( Est = 200 GPa ) และช้ินสว น DA
และ BC ทาํ ดวยทองเหลือง ( Ebr = 100 GPa ) จงหา normal stress ที่เกิดขนึ้ ในแตล ะชิน้ สว นและจงหาการเปลี่ยน
ตําแหนง ทีจ่ ุด A เทียบกับจุด B
รปู ที่ Prob. 4-6
4-7 แทง เหล็ก ACE ถกู รองรับโดยแทง aluminum AB และ EF และแทง เหล็ก CD ดงั ท่แี สดงในรูปที่ Prob. 4-7 ถา
แทง เหลก็ และแทง aluminum มพี ้นื ทห่ี นา ตดั 450 mm2 จงหาขนาดของนํ้าหนักบรรทกุ กระจาย w สงู สดุ ทย่ี อมให
กระทําตอแทงเหล็ก ACE เม่ือเหล็กและ aluminum มีหนวยแรงดึงท่ียอมให (σ allow )st = 180 MPa และ
(σ allow )al = 94 MPa ตามลําดับ และ Eal = 70 GPa และ Est = 200 GPa
Mechanics of Materials 4-24
รปู ท่ี Prob. 4-7
4-8 แทง เหล็ก ACEB ถูกรองรับโดยแทง aluminum CD และ EF และถูกกระทาํ โดยแรง 20 kN ดงั ที่แสดงในรูปท่ี
Prob. 4-8 ถาแทง aluminum มเี สน ผา ศูนยกลาง 25 mm จงหาการเปลี่ยนตําแหนงทจี่ ุด B และหนวยแรงที่เกิดขึน้ ใน
แทง aluminum
รปู ท่ี Prob. 4-8
4-9 สลักเกลยี วเหลก็ เสนผา ศนู ย 10 mm และถูกหมุ ดวยทอ ทองเหลอื ง ดงั ท่แี สดงในรูปท่ี Prob. 4-9 ถาสลักเกลยี วถูก
กระทําโดยหนวยแรงกดอัด P = 20 kN จงหาคาหนวยแรงตั้งฉากท่ีเกิดข้ึนในสลักเกลียวเหล็กและทอทองเหลือง
กาํ หนดให Est = 200 GPa และ Ebr = 100 GPa
รูปที่ Prob. 4-9
4-10 กาํ หนดใหชิ้นสว นของโครงสรา ง ABD ถกู แขวนโดยใชเ คเบลิ ที่มพี ื้นท่หี นาตดั 32 mm2 และ E = 200 GPa
สองเสน ดังทแี่ สดงในรปู ท่ี Prob. 4-10 จงหาคาหนวยแรงตง้ั ฉากท่ีเกิดขึ้นในเคเบลิ และคาการหมุนของ ชิ้นสว นของโครง
สรา ง ABD
Mechanics of Materials 4-25
รูปท่ี Prob. 4-10
4-11 จงหาคา หนวยแรงในแนวแกนทเ่ี กิดขนึ้ ในแตล ะช้นิ สวนของโครงสรา ง ดงั ทีแ่ สดงในรูปที่ Prob. 4-11 เมอ่ื อุณหภมู ิของ
โครงสรา งเพิม่ ขนึ้ จาก 12oC เปน 18oC
รูปท่ี Prob. 4-11
4-12 กาํ หนดใหโครงขอหมนุ เหลก็ มลี ักษณะดังท่แี สดงในรปู ท่ี Prob. 4-12 จงหาการเปลี่ยนตาํ แหนง ในแนวดง่ิ ท่ีจุดเชื่อมตอ
A เม่อื อุณหภมู ิของโครงขอ หมนุ เพิ่มขน้ึ 55oC เมอ่ื ชิ้นสวนตา งๆ ของโครงขอหมุนมพี ้ืนทหี่ นาตัด 1200 mm2 และจง
หาหนวยแรงทีเ่ กดิ ขึ้นในแตล ะชิ้นสวนของโครงขอหมนุ
รูปท่ี Prob. 4-12
Mechanics of Materials 5-1
บทท่ี 5
การบิด (Torsion)
เรียบเรยี งโดย ดร. สิทธิชัย แสงอาทิตย
5.1 การเปลีย่ นแปลงรูปรา งเนือ่ งจากการบดิ เพลากลม (Torsional Deformation of a Circular Shaft)
Torsion เปน การบดิ ของชนิ้ สว นของโครงสรา งหรอื ชิ้นสวนของเครอ่ื งจกั รกล เชน เพลารถยนต เปน ตน เนือ่ งจาก
การกระทําของแรงบิด (torque) โดยทแ่ี รงบดิ เปน โมเมนต (moment) ทพ่ี ยายามทจ่ี ะบิดชิน้ สว นของโครงสรางในแนวแกน
ของช้นิ สว นของโครงสรา งนัน้
พจิ ารณาเพลาท่ที ําดว ยวัสดุท่ีมีเนอื้ เดียว (homogeneous material) และสามารถเปลยี่ นแปลงรปู รา งไดงา ย เชน
เพลายาง เปน ตน ดังท่แี สดงในรูปท่ี 5-1a เม่ือแรงบิดกระทําตอเพลายางน้ี grid lines ทปี่ ระกอบดว ยเสนวงกลมและเสน
ตรงทอี่ ยใู นแนวแกนของเพลาจะเกดิ การบดิ ข้นึ ในลกั ษณะดังทีแ่ สดงในรูปท่ี 5-1b ซึ่งเราจะเห็นไดว า เสน วงกลมจะยงั คงมี
รูปรา งเปน ทรงกลมเหมอื นเดิม แตเสนตรงแตล ะเสน ท่ีอยใู นแนวแกนของเพลาจะเกดิ การบดิ เปน เกลียว (helix) และจะตดั
กบั เสน วงกลมเปนมุมทเ่ี ทา กันตลอดความยาวของเพลายาง นอกจากนั้นแลว หนา ตดั ทปี่ ลายของเพลาก็จะยังคงมีลักษณะ
ราบเรยี บ (flat) และเสนในแนวรศั มี (radial line) ท่ีปลายของเพลาก็จะยงั คงมีลักษณะเปนเสนตรงเหมือนเดมิ
รปู ท่ี 5-1
จากการสังเกตดงั กลาว เราสรปุ ไดว า ถา มมุ บิด (angle of rotation) มคี านอ ยๆ แลว ความยาวและรศั มีของเพลา
จะไมม ีการเปลี่ยนแปลงภายใตแ รงบดิ ดงั น้ัน ถาเพลาถกู ยึดแนน ทป่ี ลายดา นหน่ึง ดงั ทแ่ี สดงในรปู ที่ 5-2 และถูกกระทําโดย
แรงบิดท่ีปลายอีกดา นหนึ่งแลว ระนาบทร่ี ะบายสีทึบจะเกดิ การบดิ เอียง (skew) ดงั ที่แสดงในรูป และมมุ ท่ีเกิดการบิดเอียง
หรอื มมุ บดิ (angle of twist) จะมีคา ขน้ึ อยูกับตาํ แหนง x
ในการหาคา ความเครยี ดทเี่ กดิ ขึ้นเน่อื งจากการบิด (distortion strain) ใหเราพจิ ารณา differential element ท่ีตัด
ออกมาจากเพลาที่รศั มี ρ จากจุดศนู ยก ลางของหนาตดั ของเพลา ดังที่แสดงในรูปที่ 5-3 จากรูปท่ี 5-2 และ 5-3 เราจะเห็น
ไดวา หนาตัดของ differential element ท่ีตัดออกมาจากเพลาทีร่ ะยะ x จะเกดิ การบิดเปน มุม φ(x) และหนาตดั ของ
differential element ทตี่ ัดออกมาจากเพลาทร่ี ะยะ x + ∆x จะเกิดการบิดเปนมุม φ(x) + ∆φ ดังน้ัน คา ความแตกตาง
ของการบิดที่เกดิ ขน้ึ จะทําให differential element นถ้ี ูกกระทําโดยความเครยี ดเฉอื น (shear strain)
Mechanics of Materials 5-2
รูปที่5-2
รปู ที่ 5-3
จากรูปท่ี 5-3 เราจะเห็นไดว า กอนเกดิ การเปล่ียนแปลงรปู ราง มมุ ระหวา งขอบ AB และ AC มคี า เทากบั
90o แตห ลังเกดิ การเปลี่ยนแปลงรปู รา ง มุมดังกลาวมคี าเทา กบั θ ′ ดงั นั้น จากนยิ ามของความเครยี ดเฉือน
γ = π − limθ ′
2 C→ A along CA
D→ A along BA
ถา ∆x → dx และ ∆φ → dφ แลว ความยาวจาก B ถึง D ซ่ึงมีคา นอ ยมากและจะมคี า เทา กับ
BD = ρ dφ = γ dx
γ = ρ dφ (5-1)
dx
Mechanics of Materials 5-3
เน่อื งจากมมุ dφ และระยะ dx ของทุกๆ differential element ท่อี ยูทีห่ นาตัดทร่ี ะยะ x มคี า คงทต่ี ลอดท้งั หนา
ตัด ดังนน้ั dφ / dx ท่หี นาตัดใดๆ จะมคี าคงท่ี และจากสมการท่ี 5-1 เราจะไดวา คา ความเครยี ดเฉือนของ differential
element เหลานีจ้ ะแปรผันโดยตรงกบั รัศมี ρ ของเพลา โดยจะมีคาเทากับศนู ยท ่ีแกนของเพลาและจะมคี า มากทสี่ ดุ ทผ่ี ิว
ดานนอกของเพลา ถากาํ หนดใหความยาวของรศั มขี องเพลาทีผ่ วิ ดา นนอกมคี า เทา กับ c แลว การบดิ ของ differential
element ทร่ี ศั มี ρ และท่ี ρ = c จะมลี กั ษณะดงั ทีแ่ สดงในรูปท่ี 5-4
เนื่องจาก dφ / dx = γ / ρ = γ max / c ดงั น้นั
γ = ρ γ max (5-2)
c
สมการท่ี 5-2 น้ีนอกจากจะใชไ ดกบั ทอกลมตนั แลวยังใชไ ดก บั ทอกลมกลวงดว ย
โดยการใช theory of elasticity เราสามารถทจี่ ะแสดงใหเ หน็ ไดวา ภายใตขอสมมตุ ิฐานท่ีกลาวไปแลวน้นั องค
ประกอบอ่ืนๆ ของหนวยแรงตัง้ ฉากและความเครียดเฉอื นจะมีคาเปน ศนู ยเ ม่ือเพลาถกู กระทําโดยแรงบิด และสภาวะของ
หนว ยแรงที่เกิดข้ึนในเพลาซ่งึ ถูกกระทาํ โดยแรงบิดในแนวแกนนจ้ี ะถกู เรียกวา pure shear
รูปที่ 5-4
5.2 สตู รการบดิ (Torsion Formula)
เมื่อเพลาถูกกระทําโดยแรงบิดภายนอกแลว เพลาจะตานทานแรงบิดดังกลาวโดยพัฒนาแรงบิดลัพธภายในตัว
เพลาขึน้ เพื่อทาํ ใหเ พลาอยใู นสภาวะสมดลุ
ถาภายใตแ รงบดิ ภายนอกน้ี วัสดุทใ่ี ชทาํ เพลายังคงมพี ฤตกิ รรมแบบ linear elastic แลว จาก Hooke’s law เราจะ
ไดวา τ = G γ ดงั น้นั จากขอ สรุปท่วี า ความเครียดเฉอื นทีเ่ กดิ ข้นึ ในเพลาจะแปรผนั โดยตรงกับระยะในแนวรัศมีของเพลา
เราจะไดวา หนว ยแรงเฉอื นกจ็ ะแปรผันโดยตรงกับระยะในแนวรัศมีของเพลาดว ย และจะมคี าเทา กับศนู ยท แ่ี กนของเพลา
และจะมคี ามากทสี่ ดุ ที่ผิวดา นนอกของเพลา ดังทแ่ี สดงในรปู ท่ี 5-5 โดยใชหลักการสามเหลี่ยมคลาย เราจะไดวา
τ = ρ τ max (5-3)
c
เน่ืองจากแรงบิดลัพธภายในตัวเพลาเกิดจากการกระจายของหนวยแรงเฉือนที่กระจายอยูตลอดท้ังหนาตัดของ
เพลา ดงั น้นั differential element ใดๆ ที่มีพ้นื ที่ dA และมีระยะในแนวรัศมี ρ จากแกนของเพลาจะถูกกระทาํ โดยแรง
dF = τ dA
Mechanics of Materials 5-4
และแรงบิดทเ่ี กิดจากแรงนจ้ี ะมคี าเทา กับ (5-4)
(5-5)
dT = ρ(τ dA)
เมื่อเราพิจารณาตลอดท้งั หนาตัดของเพลาแลว แรงบดิ ภายในตัวเพลาจะมคี า เทากับ
∫ ∫T = ( ρ ) dA
ρ(τ dA) = A ρ c τ max
A
เนื่องจาก τ max / c มีคา คงที่ ดังนน้ั
=∫Tτ max ρ 2dA
c
A
รปู ที่ 5-5
เทอม integral ในสมการที่ 5-5 จะขนึ้ อยูกับรูปรางของหนาตดั ของเพลาเพียงอยา งเดียวและจะถกู เรยี กวา polar
moment of inertia ของพนื้ ท่หี นาตัดของเพลาหรอื J ดงั น้นั เราจะเขียนสมการที่ 5-5 ไดใ หมเปน
Tc (5-6)
τ max = J
เม่ือ τ max = คา สงู สุดของหนว ยแรงเฉือนทเี่ กิดขึน้ ทีผ่ ิวดา นนอกของเพลา
T = แรงบดิ ลัพธภายในทเี่ กดิ ขึ้นท่ีหนาตดั ของเพลาเนือ่ งจากแรงบดิ
J = polar moment of inertia ของพ้ืนท่หี นาตัดของเพลา
c = รศั มีของเพลา
จากสมการท่ี 5-3 และ 5-6 คา ของหนวยแรงเฉือนทร่ี ศั มี ρ ใดๆ ของเพลาจะหาไดจ ากสมการ
τ = Tρ (5-7)
J
สมการท่ี 5-6 และ 5-7 นี้มกั จะถกู เรยี กวา torsion formula ซ่งึ ใชไดกับเพลาท่มี หี นาตัดทรงกลมที่ทาํ ดวยวสั ดุแบบ
homogenous และมพี ฤติกรรมแบบ linear elastic เทาน้ัน
Mechanics of Materials 5-5
Solid Shaft
รปู ท่ี 5-6
ในกรณที เ่ี พลามีหนาตัดกลมตันแลว คา polar moment of inertia J จะหามาไดโ ดยการพิจารณา differential
ring ท่ีมีความหนาเทา กบั dρ และมีเสน รอบวงเทากบั 2πρ ดังทีแ่ สดงในรปู ที่ 5-6 และมพี ื้นท่เี ทา กับ dA = 2πρ dρ
ดังน้ัน เราจะไดวา
ρ 2dA = c ρ 2 (2πρ ) dρ = 2π c ρ3 dρ ρ4 c
4 0
A 0 0
∫ ∫ ∫J = = 2π
J = π c4 (5-8)
2
จากสมการท่ี 5-8 เราจะเหน็ วา J จะมีคา ขึน้ อยกู ับรศั มีหรอื เสน ผาศนู ยก ลางของเพลาเทา นนั้ และจะมคี า เปน
บวกเสมอ
รูปท่ี 5-7a แสดงการกระจายของหนว ยแรงเฉอื นในแนวรัศมีบนหนาตัดของเพลาตัน ซ่งึ มีลกั ษณะเปน เสนตรง
โดยมีคาเปน ศูนยที่แกนของเพลาและมีคา สงู สดุ ทผ่ี วิ นอกของเพลา จากรปู เราจะเห็นไดว า หนว ยแรงเฉอื นตา งๆ ท่ีเกดิ ข้ึน
บนแตล ะ differential element เลก็ ๆ จะมีทศิ ทางไปทางเดยี วกับแรงบิด T ในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิการอบจุดศูนยกลาง
ของหนา ตัดของเพลา
นอกจากหนวยแรงเฉือนในแนวขนานกบั หนาตัดแลว ถาเราตัด cubic volume element เล็กๆ ออกมาจากเพลา
ดงั ที่แสดงในรปู ท่ี 5-7a แลว เราจะเห็นไดวา cubic volume element ดังกลาวจะตอ งมีหนวยแรงเฉอื นเกิดขึน้ บนหนา ตดั
อีก 3 หนา ตัดที่อยูทางดานขา งของ cubic volume element โดยทหี่ นวยแรงเฉือนท้งั สามจะตองมีคาเทากับหนว ยแรงเฉือน
ในแนวขนานกับหนา ตดั และทิศทาง ดงั ทีแ่ สดงในรปู ท่ี 5-7 เพ่อื ทําใหเกิดสมดลุ ของแรงและ moment บน cubic volume
element ดังกลา ว
การกระจายของหนวยแรงเฉือนที่มีทิศทางในแนวแกนของเพลาจะมีลักษณะเชนเดียวกับหนวยแรงเฉือนในแนว
ขนานกบั หนา ตดั ดงั ทแ่ี สดงในรปู ที่ 5-7c หนวยแรงเฉือนนีจ้ ะเปน สาเหตทุ ําใหเ พลาไม ซึง่ ถกู กระทําโดยแรงบิดเกิดการวิบตั ิ
โดยการแตกราวในแนวแกนของเพลาไม ดงั ทแ่ี สดงในรปู ท่ี 5-8 ทงั้ น้เี นอื่ งจากไมมีกาํ ลังรับแรงเฉอื นในแนวตามเส้ยี นต่าํ กวา
ในแนวขวางเส้ียน
Mechanics of Materials 5-6
รูปที่ 5-7
รปู ท่ี 5-8
Tubular Shaft
การวเิ คราะหเ พลากลวงซงึ่ ถกู กระทาํ โดยแรงบิดจะมลี กั ษณะทค่ี ลา ยคลงึ กบั การวิเคราะหเ พลาตนั ในกรณีที่เพลา
กลวง ซ่งึ มรี ัศมีภายใน ci และรัศมภี ายนอก co แลว จากสมการท่ี 5-8 เราจะหาคา polar moment of inertia J ไดโ ดย
การหกั คา J ของเพลาตันท่มี รี ศั มี ci ออกจากคา J ของเพลาตันทม่ี รี ศั มี co ดงั น้ัน เราจะได
Mechanics of Materials 5-7
J = π (co4 − ci4 ) (5-9)
2
รปู ท่ี 5-9 แสดงการกระจายของหนว ยแรงเฉอื นในแนวรัศมีและในแนวแกนของเพลากลวง เราจะเห็นไดวา เพลา
กลวงมีประสิทธิภาพในการใชวัสดุในการตานทานตอแรงบิดมากกวาเพลาตัน เนื่องจากวาพื้นที่โดยสวนใหญของเพลา
กลวงที่ใชในการรับแรงบิดอยูหางออกไปจากศูนยก ลางของเพลา ดังน้นั วัสดทุ ใ่ี ชท าํ เพลากลวงโดยสวนใหญจะรบั หนว ย
แรงเฉือนทีม่ ีคา คอ นขางสงู นอกจากนั้นแลว หนวยแรงเฉอื นยังมี moment arms ในการตานทานแรงบิดที่มากกวา เพลาตนั
ดวย
รูปท่ี 5-9
Absolute Maximum Torsional Stress
ทหี่ นาตัดใดๆ ของเพลา คาสงู สดุ ของหนว ยแรงเฉอื นจะเกิดขึ้นท่ีผวิ ดา นนอกของเพลา ในกรณที เ่ี พลาถกู กระทาํ
โดยแรงบดิ ภายนอกหลายๆ คาหรือรัศมขี องเพลามีการเปลยี่ นแปลงเปน ชวงๆ ดังท่แี สดงในรูปที่ 5-10 แลว คาสูงสดุ ของ
หนวยแรงเฉือนที่เกิดขึ้นจะมีความแตกตางกันจากหนาตัดหนึ่งไปยังอีกหนาตัดหนึ่ง ในการออกแบบเพลาที่มีลักษณะดัง
กลาว เราจําเปน ท่จี ะตองหาคาสงู สดุ สมั บรู ณ (absolute maximum) ของหนวยแรงเฉอื นและตาํ แหนง ท่ีเกิดดว ย ซึง่ จะทาํ
ไดโดยการเขียน torque diagram ท่เี ปนแผนภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของแรงบิดภายใน T ทีเ่ กดิ ข้ึนเทยี บกบั ระยะ x
ในแนวแกนของเพลา ในการเขียนแผนภาพน้ี เราจะใหแ รงบดิ ภายใน T มคี าเปนบวกเม่อื มีทศิ ทางพุงออกจากหนาตดั ของ
เพลาโดยใชก ฎมือขวา ดังทแ่ี สดงในรูปท่ี 5-5 หลงั จากท่ไี ด torque diagram แลว เราจะหาคา absolute maximum ของ
หนวยแรงเฉือนและตาํ แหนง ทเ่ี กดิ ไดโดยงา ย
รูปท่ี 5-10
Mechanics of Materials 5-8
5.3 มมุ บดิ (Angle of Twist)
พิจารณาเพลาที่มหี นา ตัดทรงกลมและมหี นา ตัดทเ่ี ปล่ียนแปลงอยา งตอ เนอื่ งตลอดความยาวของเพลา ดงั ทีแ่ สดง
ในรปู ท่ี 5-11a กําหนดใหเ พลาถูกยดึ แนน ทปี่ ลายดา นหนง่ึ โดยทป่ี ลายอกี ดานหนึง่ เปน อสิ ระ วสั ดุที่ใชทําเพลาเปน วสั ดุแบบ
homogeneous และมพี ฤตกิ รรมแบบ linear elastic ภายใตแ รงบดิ และไมพ จิ ารณา localized deformation ทีเ่ กดิ ขึน้ ทจ่ี ดุ
ท่ีแรงบิดกระทํา ทีจ่ ุดยึดแนน และทีจ่ ดุ ที่หนา ตดั ของเพลามกี ารเปลยี่ นแปลงแบบทนั ทีทันใด
รปู ท่ี 5-11
โดยใช method of section เราจะตัด differential disk ที่ระยะในแนวแกน x จากปลายของเพลาดา นที่ถูกยึด
แนนได ดังทแี่ สดงในรปู ที่ 5-11b ซ่งึ กาํ หนดให differential disk นม้ี คี วามหนา dx
เน่อื งจากแรงบิดภายนอกอาจจะทําใหแ รงบิดลพั ธภายในมีคาเปลย่ี นแปลงตลอดความยาวของเพลา ดังนน้ั เรา
จะใหแ รงบดิ ภายในท่เี กิดขึ้นเปน function กบั x หรอื T(x) เนอื่ งจากแรงบดิ นี้ หนา ตัดดานหนงึ่ ของ differential disk
จะมีการหมนุ สัมพัทธเทยี บกับอกี หนา ตดั หน่งึ เปน มมุ dφ ดงั ทแี่ สดงในรปู ท่ี 5-11b และ differential element เลก็ ๆ ทีอ่ ยูที่
ตาํ แหนงในแนวรัศมี ρ ใดๆ จะมคี วามเครยี ดเฉือน (shear strain) γ เกิดขึน้ ซ่งึ จากสมการท่ี 5-1 เราจะไดว า
dφ = γ dx (5-10)
ρ
จาก Hooke’s law γ = τ / G และจาก torsion formula τ = T (x)ρ / J (x) เราจะเขียนสมการของ
ความเครียดเฉือนอยูในรปู ของแรงบิดไดเ ปน
γ = T (x)ρ
J (x)G
เมื่อ แทนสมการของความเครียดเฉือน γ ลงในสมการท่ี 5-10 เราจะได
dφ = T (x) dx
J (x)G
และคา มมุ บิดทเี่ กดิ ขน้ึ ตลอดความยาว L ของเพลาจะหาไดจาก
∫φ =L T (x) dx (5-11)
0 J (x)G
เม่อื φ = มุมบดิ ทีเ่ กิดข้นึ ทีป่ ลายดา นหนง่ึ ของเพลาเทยี บกบั ปลายอกี ดานหนงึ่ ซงึ่ มีหนว ยเปน radian
T(x) = แรงบดิ ภายในท่ีเกิดขน้ึ ที่ระยะ x ใดๆ
Mechanics of Materials 5-9
J(x) = polar moment of inertia ของหนา ตดั ของเพลาทีร่ ะยะ x ใดๆ
G = shear modulus ของวัสดุท่ใี ชทาํ เพลา
Constant Torque and Cross-Sectional Area
โดยทว่ั ไปแลว เพลาจะทําดว ยวัสดแุ บบ homogenous และมพี น้ื ทห่ี นาตัดทค่ี งทแี่ ละถกู กระทําโดยแรงบดิ ท่ีมคี า
คงทต่ี ลอดความยาวของเพลา ดังท่ีแสดงในรูปท่ี 5-12 ดังนนั้ คา T (x) = T , J (x) = J , และ G มีคา คงที่และสมการ
ที่ 5-11 จะลดรูปลงเปน
φ = TL (5-12)
GJ
รูปท่ี 5-12
ในกรณที เี่ พลาถกู กระทําโดยแรงบดิ หลายแรงบดิ ตลอดความยาวของเพลา หรือพ้นื ท่ีหนา ตดั หรือวัสดทุ ่ีใชท ําเพลา
มีการเปลี่ยนแปลงจากสว นหนง่ึ ของเพลาไปยงั อกี สว นหนง่ึ แลว ดังทแี่ สดงในรปู ที่ 5-13 แลว มมุ บดิ ทเี่ กิดขึน้ ท่จี ุดๆ หน่ึง
เทียบกับจุดอา งอิงบนเพลาดงั กลาวจะหาไดจากสมการ
∑φ = Ti Li (5-13)
Gi J i
i
รปู ท่ี 5-13
Mechanics of Materials 5-10
Sign Convention
Sign convention ท่จี ะใชในการคาํ นวณหามุมบิดจะเปนไปตามกฎมอื ขวา โดยท่แี รงบิดและมมุ บิดที่เกิดขึน้ จะมี
คาเปนบวกเมอ่ื มที ศิ ทางพงุ ออกมาจากหนา ตัดของเพลา ดงั ทีแ่ สดงในรปู ที่ 5-14 และจะมคี าเปนลบเมื่อมีทศิ ทางพงุ เขาหา
หนา ตัดของเพลา
รปู ที่ 5-14
Mechanics of Materials 5-11
ตัวอยา งท่ี 5-1
เพลาตันและเพลากลวง ดังท่แี สดงในรูปท่ี Ex5-1 ทําดว ยวัสดุชนิดเดียวกนั โดยมีความยาว L และรศั มภี ายนอก
co = R เทากัน กําหนดใหเ พลากลวงมีรศั มภี ายในเทากบั ci = 0.6R สมมุตใิ หเ พลาทงั้ สองถูกกระทาํ โดยแรงบดิ T
(torque) ท่ีมคี า เทากัน จงเปรียบเทยี บคา สงู สดุ ของหนวยแรงเฉอื นที่เกดิ ข้นึ มุมบดิ ทีเ่ กดิ ขึน้ และนํ้าหนกั ของเพลากลวงตอ
เพลาตัน
RR
0.6R
รูปท่ี Ex 5-1
จาก torsion formula, τ max = Tc เราจะเหน็ ไดว า เมือ่ แรงบิดและรัศมีภายนอกมีคาคงที่แลว คา สูงสุดของ
J
หนวยแรงเฉอื นจะเปน สัดสวนผกผันกบั คา polar moment of inertia ของเพลา
Polar moment of inertia ของเพลาตันและเพลากลวงจะหาไดจ าก
J1 = πR 4 = 0.5πR4
2
J2 = π (co4 − ci4 ) = π (R4 − (0.6R)4 ) = 0.4352πR 4
2 2
ดังนน้ั อัตราสวนของคาสูงสดุ ของหนวยแรงเฉอื นที่เกิดขน้ึ ในเพลากลวงเทยี บกบั เพลาตนั จะมคี า เทากับ
(τ max ) 2 = TR 0.5πR 4 = 0.5 = 1.15 Ans.
(τ max )1 0.4352πR 4 TR 0.4352
เชน เดียวกบั ในกรณขี องคาสงู สุดของหนวยแรงเฉือน จากสมการของมุมบิด, φ = TL เราจะเหน็ ไดวา เมื่อแรง
GJ
บิดและรศั มีภายนอกมีคา คงท่แี ลว คามมุ บิดจะเปนสัดสว นผกผันกบั คา polar moment of inertia ของเพลา ดงั นนั้ เมอื่
เพลาทง้ั สองทําดวยวสั ดชุ นิดเดียวกนั แลว อัตราสวนของมมุ บดิ ที่เกดิ ขน้ึ ในเพลากลวงเทียบกับเพลาตันจะมีคา เทากับ
(φ )2 = TL G(0.5πR 4 ) = 1.15 Ans.
(φ )1 G(0.4352πR 4 ) TL
และเมือ่ เพลาท้ังสองทําดวยวัสดชุ นิดเดยี วกัน (ความหนาแนนและความถวงจาํ เพาะจะมคี า เทา กัน) แลว อัตราสว นของนาํ้
หนกั ของเพลากลวงเทียบกับเพลาตันจะมีคา เทา กับ
(W )2 = γLπ (0.6R)2 = 0.64 Ans.
(W )1 γLπR 2
จากคําตอบทง้ั สาม เราจะเห็นไดวา ถงึ แมนเพลากลวงจะมคี า สูงสุดของหนว ยแรงเฉือนและมุมบิดมากกวาเพลาตนั 15%
แตเ พลากลวงจะมนี า้ํ หนักเบากวา เพลาตนั ถงึ 36%
Mechanics of Materials 5-12
ตวั อยางท่ี 5-2
พจิ ารณาเพลาเหล็ก ดังทีแ่ สดงในรูปท่ี Ex 5-2a ซ่ึงถกู ยดึ แนนกับผนงั ทีจ่ ุด E กาํ หนดให G = 80 GPa จงหา
a.) คา สงู สุดของหนว ยแรงเฉอื นทเ่ี กิดขนึ้ ในเพลา
b.) คาสงู สดุ ของมมุ บิดที่เกดิ ขึ้นในเพลา
รูปท่ี Ex 5-2
จากรูปตัดของเพลา ดังทแ่ี สดงในรูปที่ Ex 5-2a เราจะหาคา polar moment of inertia ของหนาตัดของสว น
ABC และ CDE ของเพลาเหลก็ ไดด ังนี้
πd 4 π (25) 4 = 38.3(103 ) mm4
32 32
J AB = J BC = =
J CD = J DE = π (d 4 − d 4 ) = π (504 − 254 ) = 575(103 ) mm4
32 o i 32
โดยการตัด sections ตา งๆ ของเพลาและใชส มการความสมดลุ ของแรงบดิ รอบแกนของเพลาเหล็ก ดังตวั อยางที่
แสดงในรปู ที่ Ex 5-2b เราจะเขยี นแผนภาพ torque diagram ของเพลาไดด ังทแ่ี สดงในรูปท่ี Ex 5-2c
a.) คาสงู สุดของหนวยแรงเฉอื นท่เี กิดขึน้ ในเพลา
จากแผนภาพ torque diagram ของเพลา เราจะเห็นไดว า คา สงู สดุ ของแรงบิดเกดิ ขึ้นท่สี วน DE ของเพลา แต
เน่ืองจากสว น BC ของเพลามีคา polar moment of inertia ของหนา ตัดต่ํากวา สว น DE ของเพลา ดงั น้นั เราตองทาํ
การตรวจสอบคาหนวยแรงเฉอื นที่เกดิ ขนึ้ ในสวนทงั้ สองของเพลา
จากสมการ torsion formula เราจะไดว า
τ BC = 150(25 / 2)10−3 = 48.96 MPa
38.3(103 )(10−12 )
τ DE 1150(50 / 2)10−3 = 50 MPa
= 575(103 )(10−12 )
ดังนั้น คา สงู สุดของหนว ยแรงเฉอื นเกดิ ขน้ึ ทส่ี วน DE ของเพลาและมคี าเทา กบั 50 MPa Ans.
Mechanics of Materials 5-13
b.) คา สงู สดุ ของมมุ บิดทีเ่ กิดข้นึ ในเพลา
คา สูงสุดของมุมบิดที่เกดิ ข้นึ ในเพลาจะหาไดจากผลรวมขอมุมบิดทีเ่ กดิ ขึน้ ในช้ินสว นตางๆ ของเพลา
∑φ = Ti Li = TAB LAB + TBC LBC + TCD LCD + TDE LDE
Gi J i GJ AB GJ BC GJ CD GJ DE
i
แทนคาตางๆ ลงในสมการ เราจะไดวา
φ = 0 + 150(103 )200 + 150(103 )300 + 1150(103 )500 = 23.3(10−3 ) rad
38.3(103 )80(103 ) 575(103 )80(103 ) 575(103 )80(103 )
ซ่งึ มีทศิ ทางเปนบวก Ans.
Mechanics of Materials 5-14
ตัวอยางท่ี 5-3
กําหนดให mechanical system มีลกั ษณะดงั ท่แี สดงในรูปที่ Ex5-3 ซง่ึ ประกอบดว ยเพลาเหลก็ ตัน 2 ทอ น เสน ผา
ศนู ยก ลางเพลาเหล็กเทา กับ 20 mm จงหาคาแรงบดิ สงู สดุ ที่ mechanical system สามารถรองรบั ได เมื่อมุมบดิ สงู สดุ ที่
เกดิ ขน้ึ มคี าไดไ มเกนิ 0.10 rad และ G = 80 GPa
รูปท่ี Ex5-3
คา polar moment of inertia ของหนา ตดั ของเพลา AB และเพลา CD มคี า เทากบั
πd 4 π (0.020) 4 = 15.708(10−9 ) m4
32 32
J AB = J CD = =
หาแรงบิดที่เกดิ ขึน้ ภายใน
แรงบดิ ที่เกดิ ขน้ึ ภายในเพลา AB มีคาเทา กบั T และทาํ ใหเกิดแรงกระทาํ ตอฟน เฟองของเฟอง B เทากบั
F = T
0.15
แรงดงั กลาวจะกระทาํ ตอฟน เฟอ งของเฟอง C และทําใหเ กดิ แรงบดิ บนเพลาเทา กบั
TCD = F (0.075) = 0.5T
หามุมบิดสงู สดุ ทีเ่ กิดข้ึน
มมุ บิดทเ่ี กิดข้ึนท่ีเฟอง C เทียบกบั จุดยึดแนน D ในเพลา CD มีคา เทา กับ
φC / D = TCD LCD 0.5T (1.5) = 5.968(10−4 )T rad
GJ = 80(109 )15.708(10−9 )
เมือ่ เฟอง C บดิ ไปเปนมุม φC / D แลว ฟน เฟองของเฟอ ง C จะเคลื่อนท่ไี ปเปนระยะเทา กบั
φC / D (0.075) = 4.476(10−5 )T m
ซึง่ จะทาํ ใหฟ นเฟอ งของเฟอ ง B บิดไปเปนมมุ เทากบั
φB = 4.476(10−5 )T = 2.984(10−4 )T rad
0.150
มมุ บดิ ที่เกิดขนึ้ ระหวา งปลาย A ในเพลา AB เทยี บกับจุดยดึ แนน D จะมีคาเทา กับ
φ A/ D = φB + TL AB = 2.984(10−4 )T + 80(109 T (2) ) = 1.890(10−3 )T rad
GJ )15.708(10 −9
เนือ่ งจากมมุ บดิ สงู สดุ ทีเ่ กดิ ขึ้นใน mechanical system มคี าไดไมเ กนิ 0.10 rad ดงั น้ัน
Tmax = 0.1 = 52.9 N-m Ans.
1.89(10−3 )
Mechanics of Materials 5-15
5.4 เพลาสงกาํ ลัง (Power Shaft)
รปู ที่ 5-15
เพลากลมตันและเพลากลมกลวงมักจะถูกนํามาใชในการถายแรงในเครอ่ื งจกั รกลตา งๆ ดังเชน ที่แสดงในรูปท่ี 5-
15 ในกรณนี ี้คา แรงบดิ ที่กระทํากบั เพลาจะขึ้นอยกู บั กาํ ลงั ของเคร่ืองจกั รและความเร็วเชงิ มุมของเพลา กาํ ลังของเครอื่ งจักร
P จะเปนงานท่ีเคร่ืองจกั รทําใหเกดิ ขึน้ ตอหนึ่งหนว ยเวลา ซึ่งจะมีคาเทา กับผลคูณของแรงบิดกบั มุมบดิ ท่ีเกิดข้นึ จากแรง
บดิ นัน้ ดงั นนั้ ถาในชว งเวลา dt เครอ่ื งจกั รสง แรงบิดกระทําตอ เพลา T และทําใหเ พลาหมนุ ไปเปน มุม dθ แลว กาํ ลังที่
เกิดขึน้ จะมีคา เทากับ
P = T dθ
dt
เนอ่ื งจากความเร็วเชงิ มมุ ของเพลา ω = dθ / dt ดังนน้ั
P = Tω (5-14)
และเนอื่ งจากความถ่ขี องการหมุนของเพลา f = ω / 2π ดงั นน้ั
P = 2πf T (5-15)
Shaft Design
เมื่อเราทราบกาํ ลังของเครือ่ งจกั ร P และความเรว็ เชงิ มมุ ของเพลา ω หรือความถ่ีของการหมนุ ของเพลา f
แลว เราจะหาคา แรงบดิ ทกี่ ระทาํ กบั เพลา T ได และถาเราทราบคาหนว ยแรงเฉือนทย่ี อมให (allowable shear stress)
τ allow ของวัสดุที่ใชท ําเพลาแลว เราจะหาขนาดของหนาตัดของเพลาไดจ ากสมการ
JT (5-16)
=
c τ allow
ในกรณีที่เพลาเปน เพลาตัน ขนาดหนา ตัดของเพลาจะหามาไดโดยงา ยโดยใชส มการที่ 5-16 แตถ า เพลาเปนเพลา
กลวง ซง่ึ J = π (co4 − ci4 ) แลว ขนาดของหนา ตดั ของเพลาจะมคี าไดห ลายคา โดยปกตแิ ลว เราจะกาํ หนดคาใดคา
2
หนงึ่ ของ co หรือ ci ขึ้นมาคา หนึง่ กอ น จากนนั้ เราจะหาคาอกี คา หนง่ึ ท่ีเหลอื โดยใชส มการดงั กลาว
Mechanics of Materials 5-16
ตวั อยางที่ 5-4
เครอื่ งกําเนิดไฟฟา G ดังทแ่ี สดงในรูปที่ Ex 5-4 ถกู เชือ่ มตอเขากับเคร่ืองยนตโ ดยใชเ พลาเหล็กกลวง A36 ซ่ึงมี
ความยาว 1.2 m และมเี สน ผาศูนยก ลางภายนอก 40 mm ขณะทาํ การผลิตกระแสไฟฟา เพลาดังกลา วจะหมุนดว ย
ความเร็วเชงิ มุม ω = 100 rad/sec และตองสงกําลงั P = 50 kW จงหาความหนาทน่ี อ ยท่ีสดุ ของเพลาเหล็กกลวง
เม่ือกาํ หนดให ultimate shear stress ของเหลก็ เทากบั 200 MPa และมมุ บดิ สงู สดุ จะตอ งมีคาไมเ กิน 3o ใช factor of
safety เทา กบั 2.0 ในการออกแบบเพลาและ Gst = 80 MPa
รปู ท่ี Ex 5-4
ในการออกแบบหาความหนาของเพลา เราจะตอ งทาํ การหาความหนาโดยใหเพลามีกาํ ลงั ทีเ่ พยี งพอในการตา น
ทานตอ แรงบดิ และเพลาจะตอ งมีมุมบิดไมเกนิ คาที่กําหนด
หาความหนาของเพลาโดยใหเพลามกี ําลงั ที่เพยี งพอในการตานทานตอแรงบิด
แรงบดิ ทีก่ ระทาํ ตอเพลาจะหาไดจ ากสมการ P = Tω ดงั น้นั
T = P = 50000 = 500 N.m
ω 100
คาหนวยแรงเฉอื นที่ยอมให
τ allow = τ ult = 200 = 100 MPa
F.S. 2
จากสมการ torsion formula τ = Tc / J เราจะหาคา polar moment of inertia ของหนาตดั ของเพลาเหล็กได
J req'd Tc = 500(0.040 / 2) = 0.10(10−6 ) m 4
= 100(106 )
τ allow
สมการของ polar moment of inertia ของหนา ตดั ของเพลาเหลก็ กลวงจะอยใู นรูป
J = π (ro4 − ri4 )
2
0.10(10 −6 ) = π (0.020 4 − ri4 )
2
ri = 0.0176 m =17.6 mm
t1 = 20 −17.6 = 2.4 mm
หาความหนาของเพลาโดยใหเ พลามมี ุมบดิ ไมเกนิ คา ท่กี ําหนด
จากสมการของมมุ บดิ φ = TL / GJ เราจะหา polar moment of inertia ของหนา ตดั ของเพลาเหลก็ กลวงจะอยู
ในรปู
J req'd = TL = 500(1.2) = 0.1432(10−6 ) m4
Gφ allow 80(109 )(3π /180)
Mechanics of Materials 5-17
ดงั นัน้ Ans.
0.1432(10−6 ) = π (0.020 4 − ri4 )
2
ri = 0.0162 m =16.2 mm
t2 = 20 −16.2 = 3.8 mm > t1 = 2.4 mm
ดังนัน้ มุมบิดควบคมุ การออกแบบเพลาและความหนาของเพลาเหล็กกลวงตองมีคาอยางนอ ย 3.8 mm
Mechanics of Materials 5-18
ตัวอยา งที่ 5-5
วศิ วกรตอ งการออกแบบเพลาเหลก็ สง กําลงั จาก motor ซึง่ มีกําลงั 12.5 kW และหมนุ ดวยความเร็วเชิงมมุ
ω = 100 rpm ไปยังสายพาน ดงั ทแ่ี สดงในรปู ท่ี EX 5-5 กําหนดใหมุมบิดทเ่ี กิดข้นึ มีคาไมเกิน φmax = 0.015 rad ตอ
ความยาวของเพลา 1 m. คา allowable shear stress ของเหลก็ , τ allow = 40 MPa และคา shear modulus of
elasticity ของเหลก็ , G = 75 GPa จงหา
a.) เสนผา ศูนยกลางของเพลาตัน do ทีต่ อ งใชในการสงกาํ ลงั
b.) เสนผาศูนยกลางภายนอกของเพลากลวง d2 ที่ตองใชในการสงกําลัง ถากาํ หนดใหความหนาของเพลา
t = d2 / 10
c.) อัตราสว นของ d2 / do และอัตราสวนของนาํ้ หนักของเพลากลวงตอ น้าํ หนักของเพลาตัน
t=d2/10
do d1
d2
รปู ที่ Ex 5-5
ความเร็วเชงิ มุมของเพลามีคาเทากับ
ω = 100 rpm = 100 rev 2π 1 min = 10.47 rad/s
min 1 rev 60 s
ดงั น้ัน แรงบดิ ทเี่ กดิ จากกาํ ลงั ของ motor จะหาไดจาก
T = P = 12500 N - m/s = 1193.7 N-m
ω 10.47 rad/s
a.) หาเสนผา ศนู ยก ลางของเพลาตัน do ท่ีตอ งใชใ นการสงกาํ ลงั
ขนาดของเสน ผา ศูนยก ลางของเพลาตัน do ทตี่ อ งใชใ นการสงกําลงั จะหาไดจากคา ของ τallow และ φmax และ
ใชคาสงู สดุ ทีห่ าไดใ นการออกแบบ
จาก torsion formula เราจะไดวา τ allow = Tc และ J = π c4 = π d4 T
J c 2 c 32 (d / 2) =
τ allow
ดงั นนั้
16T 1/ 3 16(1193.7 N - m) 1 / 3
πτ allow π (40(106 ) N/m 2 )
d = = = 0.0534 m
จากสมการของ angle of twist เราจะไดวา φ max = TL และ J = πd 4 = TL
GJ 32 Gφ max
ดงั น้ัน
32TL 1/ 4 32(1193.7 N - m)(1 m) 1 / 4
πGφ max (75(109 ) N/m2 )0.015 rad
d = = π = 0.0573 m
Mechanics of Materials 5-19
เมอ่ื ทาํ การเปรยี บเทยี บคา do ทห่ี ามาได เราจะเห็นวา คา ของมุมบดิ สงู สุดจะเปนตัวควบคมุ การออกแบบเพลา
ตัน โดยเพลาตันท่ีจะเลือกมาใชตองมเี สน ผาศูนยก ลางอยางนอ ยท่ีสุดเทากับ 0.0573 m Ans.
b.) เสน ผาศูนยกลางภายนอกของเพลากลวง d2 ทตี่ อ งใชในการสงกําลงั
เสนผาศูนยก ลางภายในของเพลากลวงมีคา เทา กับ
d1 = d2 − 2t = d2 − 2(0.1d2 ) = 0.8d2
ดงั นั้น polar moment of inertia ของเพลากลวงมคี า เทา กับ
J = π (co4 − ci4 ) = π (d 4 − d 4 ) = π (d 4 − d14 )
2 32 o i 32 2
J = π (d 4 − (0.8d2 )4 ) = π (0.5904d 4 ) = 0.05796d 4
32 2 32 2 2
จาก torsion formula เราจะไดวา τ allow = Tc = T (d2 / 2) = T
J
0.05796d 4 0.1159d 3
2 2
ดงั นนั้
d2 = T 1/ 3 = 1193.7 N - m 2 1/ 3 = 0.0636 m
0.1159τ 0.1159(40(106 )) N/m
allow
จากสมการของ angle of twist เราจะไดวา φ max = TL = TL
GJ
G(0.05796d 4 )
2
ดงั นั้น
d2 = 1193.7 N - m(1 m) 1/4 = 0.0654 m
0.05796(75(109 ) N / m2 )0.015 rad
เม่อื ทําการเปรยี บเทียบคา d2 ทห่ี ามาได เราจะเหน็ วา คา ของมุมบดิ สูงสุดจะเปน ตัวควบคุมการออกแบบ โดย
เพลากลวงท่ีจะเลือกมาใชตอ งมีเสน ผาศนู ยกลางอยา งนอยท่สี ดุ เทากบั 0.0654 m Ans.
c.) อตั ราสวนของ d2 / do และอตั ราสวนของนาํ้ หนกั ของเพลากลวงตอ น้าํ หนักของเพลาตัน
อัตราสวนของ d2 / do ,
d2 = 0.0654 m = 1.14 Ans.
do 0.0573 m
อัตราสวนของนา้ํ หนักของเพลากลวงตอ นํ้าหนักของเพลาตันเทา กับ
π (d 2 − d12 ) / 4 = d 2 − d12 = (0.0654 m)2 − (0.8(0.0654 m))2 = 0.47 Ans.
2 2 (0.0573 m)2
πd 2 / 4 d 2
o o
จากอัตราสวนทั้งสอง เราจะเหน็ ไดว า เพลากลวงจะมนี า้ํ หนกั เบากวาเพลาตนั ถึง 47% แตจะมเี สน ผา ศนู ยกลางภายนอก
ใหญกวาเพลาตนั 14%
Mechanics of Materials 5-20
5.5 การวิเคราะหช้นิ สว นของโครงสรา งแบบ Statically Indeterminate ทร่ี บั แรงบิด (Statically Indeterminate
Torque-Loaded Members)
เพลาจะเปนโครงสรา งแบบ statically indeterminate เมอ่ื เราไมสามารถคาํ นวณหาแรงบิดลพั ธท ี่เกิดขน้ึ ภายใน
เพลาไดโดยใชสมการความสมดุลของโมเมนตในแนวแกนของเพลาเพียงสมการเดียว ดังที่แสดงในรูปที่ 5-16a จากรูป
ปลายของเพลาถูกยดึ แนนทีจ่ ุด A และจดุ B ซ่ึงเราจะเขียนแผนภาพ free-body diagram ของเพลาดงั กลาวได ดงั ท่ี
แสดงในรูปท่ี 5-16b จากแผนภาพ เราจะมแี รงบิดปฏิกรยิ าทีไ่ มท ราบคาสองคา ท่ีจุด A และทจี่ ดุ B ซง่ึ เราจะหาคาแรง
บิดปฏกิ รยิ าดังกลาวได โดยใชสมการความสมดลุ ทมี่ ีอยูหนึ่งสมการและสมการความสอดคลอ ง (compatibility equation)
อกี หนึ่งสมการ
จากสมการความสมดุลของโมเมนตใ นแนวแกนของเพลา เราจะไดวา
∑Mx = 0; T − TA − TB = 0
จาก compatibility เราจะไดวา เนอ่ื งจากปลายของเพลาถกู ยดึ แนน ท้ังสองดาน ดงั นัน้ ภายใตการกระทาํ ของแรง
บิด มมุ บดิ ท่ีเกิดขึ้นทปี่ ลายดา นหน่ึงของเพลาเทียบกบั มุมบิดท่เี กดิ ขึ้นที่ปลายอกี ดา นหน่งึ ของเพลาจะมีคาเปนศูนย หรอื
φA/B = 0
รูปที่ 5-16
จากสมการของมมุ บิด φ = TL / GJ และจากแผนภาพ free-body diagram เราจะไดว า แรงบดิ ภายในทเี่ กดิ
ข้ึนในสว น AC มีคา เทากบั + TA และแรงบดิ ภายในที่เกดิ ขน้ึ ในสวน CB มคี า เทากับ − TB ดังนน้ั เราจะเขยี นสมการ
compatibility ไดใหมเปน
TA LAC − TB LBC =0
GJ GJ
เน่ืองจาก L = LAC + LBC และถาเราให GJ มคี าคงที่แลว จากสมการความสมดลุ และสมการ compatibility เราจะ
หาสมการของแรงบิด TA และ TB ไดใ นรปู
TA =T LBC
L
TB = T L AC
L
Mechanics of Materials 5-21
ตัวอยางที่ 5-6
กําหนดใหเ พลาเหล็กมีลักษณะดังที่แสดงในรูปที่ EX 5-6 และให Gst = 75 GPa , T = 100 N - m จงหา
a.) maximum shear stress ที่เกดิ ขึน้ ในเพลาเหล็ก
b.) ถา allowable shear stress ของเหลก็ มคี าเทากบั 60 MPa จงหาคา ของแรงบดิ T สูงสุดท่ยี อมใหก ระทํา
กบั เพลา
รูปที่ EX 5-6
a.) maximum shear stress ท่เี กิดขน้ึ ในเพลาเหลก็
กําหนดให แรงบิดปฎิกรยิ าทเี่ กดิ ขนึ้ ทจ่ี ุดรองรับ A และ B มที ศิ ทางพงุ จาก A ไป B ดงั น้นั แผนภาพ free-
body diagram ของเพลาจะมลี ักษณะดงั ทแ่ี สดงในรปู
TA A C D B TB
T
100 mm 200 mm 300 mm
จากสมการความสมดลุ
TA + TB = 100
จากสมการ compatibility
φD/ A = φB/ A
TA (0.10) + TA (0.20) = TB (0.30)
π G π2 π
G 2 (0.006) 4 (0.0125) 4 G 2 (0.0125) 4
TA = 0.144TB
แทน TA ลงในสมการความสมดุล เราจะได
TB = 100 = 87.4 N - m
1.144
ดังนน้ั TA = 100 − 87.4 = 12.6 N - m
เนอ่ื งจากหนาตัดของสว น AC มคี าไมเทา กับหนา ตัดของสวน BD ดังนั้น คาหนวยแรงเฉือนสูงสุดที่เกดิ ขน้ึ ใน
เพลาเหล็กจะหาไดจ ากคาที่มากกวา ทเ่ี กิดขน้ึ ในสองสวนนี้ของเพลา
Mechanics of Materials 5-22
τ AC = TAc AC = 12.6(0.006) = 37.1 MPa
J AC
π (0.006) 4
2
τ BD = TB cBD = 87.4(0.0125) = 28.5 MPa
J BD
π (0.0125) 4
2
ดงั น้นั คาหนวยแรงเฉอื นสูงสุดจะเกิดขึ้นท่ีสวน AC ของเพลาเหล็กและมคี า เทากบั 37.1MPa Ans.
b.) หาคาของแรงบิด T สงู สุดทย่ี อมใหกระทํากับเพลา
เนอ่ื งจากหนว ยแรงเฉอื นสูงสดุ เกิดขนึ้ ทสี่ วน AC ของเพลาเหลก็ ดังน้นั จาก torsion formula เราจะได
TA = τ Jallow AC = 60(106 ) π (0.006) 4 = 20.4 N - m
c AC 0.006 2
TB = TA = 141.4 N-m
0.144
ดังนั้น คาของแรงบิด T สูงสดุ ทีย่ อมใหกระทาํ กบั เพลาจะมคี า เทา กับ
Tallow = 20.4 + 141.4 = 161.8 N - m Ans.
Mechanics of Materials 5-23
ตัวอยา งที่ 5-7
กําหนดใหเ พลาแบบ statically indeterminate มีลักษณะดงั ทแี่ สดงในรูปท่ี Ex 5-7a โดยทป่ี ลาย A ถูกยดึ แนน
และถกู กระทาํ โดยแรงบดิ T ที่ปลายอิสระ B เพลานี้ประกอบดว ยเพลาตันท่ีทาํ ดว ยวัสดชุ นิดที่ 1 (Bar (1)) และอยูภาย
ในเพลากลวงท่ที ําดว ยวัสดุชนิดที่ 2 (Tube (2)) โดยท่ีเพลาทัง้ สองถูกเชื่อมตอ กนั อยา งแข็งแกรง ท่ีปลาย B
จงหาสมการของแรงบิดทีเ่ กิดข้ึนในเพลากลวงและเพลาตนั ดังกลา ว
รปู ท่ี Ex 5-7a
ภายใตก ารกระทาํ โดยแรงบิด T ปลายอิสระ B ของเพลาจะเกิดมมุ บิดขน้ึ เปนมมุ φ ทม่ี ีขนาดนอยมาก ดังท่ี
แสดงในรปู ท่ี Ex 5-7b
เมื่อกําหนดใหเพลาตันรับแรงบดิ T1 และเพลากลวงรบั แรงบดิ T2 แลว เราจะเขยี นแผนภาพ free-body
diagram ของเพลาทงั้ สองได ดังที่แสดงในรูปที่ Ex 5-7c และ Ex 5-7d ตามลาํ ดบั ดังน้ัน จากสมการความสมดลุ เราจะได
วา
T = T1 + T2
เนอื่ งจากเพลาทัง้ สองถูกเชื่อมตอกนั อยา งแข็งแกรง ทปี่ ลาย B ดงั นั้น มุมบดิ ท่เี กดิ ขึ้นที่จดุ B จะตอ งมีคา เทากัน
และเราจะเขียนสมการ compatibility ของเพลาไดเปน
φ = φ1 = φ2
โดยที่ φ1 = T1L และ φ2 = T2 L
G1 J 1 G2 J 2
จากนนั้ เม่อื เราให φ1 = φ2 แลว เราจะหาคา ของแรงบดิ T1 ได และเมอื่ เราแทนคา T1 ลงในสมการความสมดลุ
แลว เราจะสามารถหาคา ของแรงบิด T2 โดยท่ี
T1 = T G1 G1 J1 J
J1 + G2
2
T2 = T G1 G2 J2 J Ans.
J1 + G2
2
Mechanics of Materials 5-24
แบบฝก หดั ทา ยบทที่ 5
5-1 แทง เหลก็ ดังท่ีแสดงในรูปท่ี Prob. 5-1 มเี สนผา ศูนยกลาง 12.5 mm และมีนา้ํ หนัก 75 kg/m จงหาคา หนว ยแรง
เฉือนสูงสุดท่จี ุด A และคา มุมบดิ ทจี่ ดุ B
รูปที่ Prob. 5-1
5-2 เพลาตันเสนผาศนู ยกลาง 19 mm ถูกกระทําโดยแรงบิด ดังทแ่ี สดงในรูปที่ Prob. 5-2 กําหนดให bearing ทจ่ี ุด A
และจุด F ไมม ีความฝด จงหาคาหนว ยแรงเฉือนสงู สุดและมมุ บิดสงู สุดทีเ่ กิดขึ้นในเพลา
รปู ท่ี Prob. 5-2
5-3 กาํ หนดใหเ พลาถกู กระทําโดยแรงบิด ดังทแี่ สดงในรูปที่ Prob. 5-3 จงหาคา หนว ยแรงเฉอื นสงู สดุ เขยี นแผนภาพการ
กระจายของหนว ยแรงเฉือนทีจ่ ดุ ดงั กลา ว และคา ระยะทจ่ี ดุ A เปล่ยี นตาํ แหนง
รปู ท่ี Prob. 5-3
5-4 เพลาเหล็กกลวงมีเสนผา ศูนยก ลางภายนอก 62 mm ใชในการถา ยแรงจากเครอื่ งยนตขนาด 35 แรงมา ซึ่งหมุน 2700
รอบตอ นาที จงหาขนาดเสน ผาศูนยก ลางภายใน d ของเพลาถาหนวยแรงเฉือนทีย่ อมให τ allow = 70 MPa
5-5 เพลารถยนตท าํ ดวยเหล็กกลวงมีเสน ผา ศูนยกลางภายนอก 62 mm ดังทแ่ี สดงในรปู ที่ Prob. 5-5 ใชในการถา ยแรง
จากเครื่องยนตข นาด 150 แรงมา ซง่ึ หมนุ 1500 รอบตอ นาที จงหาขนาดเสน ผาศนู ยกลางภายใน d ของเพลาถา หนว ย
แรงเฉือนท่ยี อมให τ allow = 70 MPa (5-33)
Mechanics of Materials 5-25
รปู ท่ี Prob. 5-5
5-6 มอเตอร ดังท่แี สดงในรูปท่ี Prob. 5-6 มกี ําลัง 150 kW ถายกาํ ลังไปยังเกียร C 70% และเกยี ร D 30% ถา เพลาทาํ
ดวยเหลก็ มีเสน ผา ศูนยก ลาง 100 mm หมุนดวยความเรว็ เชงิ มมุ ω = 1000 รอบตอนาที จงหาคาหนว ยแรงเฉือนสูงสดุ
ทเ่ี กิดขึน้ ในเพลาและมมุ บดิ ทจี่ ดุ E เทียบกับจดุ B เมือ่ bearing ท่จี ุด E ไมม คี วามฝด
รูปที่ Prob. 5-6
5-7 ชน้ิ สว นของเคร่ืองจักรกลประกอบดว ยแทง เหล็กตนั AB เชอ่ื มตอโดยแผน เหล็กเขากับทอเหล็กกลวง BC ท่จี ุด B
ดังท่แี สดงในรปู ที่ Prob. 5-7 กาํ หนดใหแ ทงเหล็กตนั AB มเี สน ผาศนู ยก ลาง 25 mm และทอ เหล็กกลวง BC มเี สนผา
ศูนยก ลางภายใน 30 mm และหนา 3 mm จงหาหนวยแรงเฉือนสงู สดุ ที่เกิดขึ้นในแตละชน้ิ สวนและมมุ บดิ ท่ีจุด C
รปู ท่ี Prob. 5-7
5-8 เพลาเหลก็ AC ยาว 0.40 m มเี สน ผา กลางศูนย 28.0 mm และเพลาเหล็ก BC ยาว 0.60 m มีเสนผา กลาง
ศนู ย 37.5 mm ถูกเช่ือมตอกันทจ่ี ุด C ถกู รองรบั อยา งยดึ แนน ทีป่ ลาย A และ B และถกู กระทําโดยแรงคคู วบ ดังท่ี
แสดงในรูปที่ Prob. 5-8 จงหาหนวยแรงเฉือนสูงสดุ ที่เกิดข้ึนและมุมบดิ ท่ีจุด C เมอ่ื Gst = 70 GPa (5-73)
Mechanics of Materials 5-26
รปู ที่ Prob. 5-8
5-9 เพลา ABC ถกู รองรบั อยางยึดแนนทป่ี ลาย A มีสว น AB เปน เหล็กตันและสว น BC เปนเหล็กกลวงทีม่ แี ทงทอง
เหลอื งตันฝงอยภู ายใน ดงั ทแ่ี สดงในรปู ที่ Prob. 5-9 ถา ปลาย C ของเพลาถูกกระทาํ โดยแรงบิด T = 60 N - m จงหา
มุมบดิ ที่เกดิ ขึ้นท่ีปลาย C และหนว ยแรงเฉอื นและความเครยี ดเฉือนสูงสุดท่เี กดิ ขึ้นในเหล็กและทองเหลือง เม่อื เหลก็ และ
ทองเหลืองมี Gst = 80 GPa และ Ebr = 40 GPa (5-79)
รปู ที่ Prob. 5-9
5-10 เพลาเหลก็ ACE ยาว 0.75 m และเพลาเหล็ก BDF ยาว 0.60 m มีเสน ผา กลางศนู ย 37.5 mm ถกู ยดึ แนน
ท่ีปลาย A และ B ตามลําดบั และถูกเชื่อมตอ โดยเกยี ร E และ F ดังที่แสดงในรปู ท่ี Prob. 5-10 กําหนดให bearing
ทีจ่ ุด C และ D ไมม ีความฝดและเกียร E ถกู กระทําโดยแรงบิด 1800 N - m จงหาหนวยแรงเฉอื นสงู สดุ ทีเ่ กดิ ขน้ึ ใน
เพลา
รูปที่ Prob. 5-10
Mechanics of Materials 6-1
บทท่ี 6
การดัด (Bending)
เรยี บเรยี งโดย ดร. สิทธิชยั แสงอาทติ ย
6.1 แผนภาพแรงเฉือนและโมเมนตด ดั (Shear and Moment Diagrams)
คาน (beam) เปนองคอาคารของโครงสรา งที่มลี กั ษณะตรง วางอยใู นแนวนอน และถกู กระทาํ โดยแรงตามขวาง
(transverse loads) คานมกั จะถูกเรียกตามลักษณะที่คานถกู รองรบั ดังที่แสดงในรูปท่ี 6-1
- คานชวงเดี่ยวท่ีถูกรองรับโดยหมุด (pin) และลอเล่ือน (roller) จะถูกเรียกวา คานชวงเดี่ยวรองรับแบบ
ธรรมดา (simply-supported beam) ดงั ที่แสดงในรปู ที่ 6-1a
- คานท่ีถูกรองรับแบบยึดแนนที่ปลายดานหน่ึงและปลายอีกดานหน่ึงเปนอิสระจะถูกเรียกวา คานย่ืน
(cantilevered beam) ดังทแ่ี สดงในรปู ท่ี 6-1b
- คานชว งเดย่ี วรองรับแบบธรรมดาทมี่ ปี ลายยืน่ จะถูกเรยี กวา overhanging beam ดังท่แี สดงในรปู ท่ี 6-1c
ภายใตการกระทําของแรง คานจะตานทานตอแรงดังกลาวโดยแรงเฉือนภายใน (internal shear force) V และ
โมเมนตดัดภายใน (internal bending moment) M โดยท่ีแรงเฉือนและโมเมนตดัดดังกลาวมักจะมีคาเปลี่ยนแปลงไป
ตามแนวแกนของคาน
รปู ท่ี 6-1
ในการออกแบบคาน เราจะตองทราบคาแรงเฉือนสูงสุดและโมเมนตดัดสูงสุดท่ีเกิดขึ้นภายในคานและตําแหนงที่
เกิด ซ่งึ จะทาํ ไดโดยการเขียนแผนภาพ shear diagram และ bending moment diagram
โดยทั่วไปแลว เม่ือคานถูกกระทําโดยแรงกระทําเปนจุด (concentrated loads) หรือโมเมนต (moment) หรือเมื่อ
คาของแรงแผกระจาย (distributed loads) มีการเปลี่ยนแปลงอยางทันทีทันใดท่ีจุดใดจุดหน่ึงบนคานแลว สมการของแรง
เฉือนและโมเมนตดัด และ/หรือสมการของความชัน (slope) ของแรงเฉือนและโมเมนตดัดจะไมมีความตอเนื่องท่ีจุด
ดังกลาว ในกรณีเชนน้ี สมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดจะตองหามาจากแตละชวงของคานท่ีอยูระหวางความไม
ตอ เนือ่ งของแรงและโมเมนตที่กระทาํ ตอคาน ดังท่ีแสดงในรปู ที่ 6-2a
Mechanics of Materials 6-2
จากรูป เราจะเห็นไดวา เน่ืองจากความไมตอเน่ืองของแรงและโมเมนตท่ีกระทําตอคาน คานดังกลาวจะถูกแบง
ออกไดเ ปน 3 ชว งคือ
1. ชว ง AB มพี ิกัด (coordinate) เปน x1
2. ชว ง BC มพี กิ ดั เปน x2
3. ชว ง CD มีพกิ ัดเปน x3
โดยท่ีพิกัด x1 x2 และ x3 อาจจะมีจุดเร่ิมตนท่ี A เพียงจุดเดียว ดังที่แสดงในรูปท่ี 6-2a หรืออาจจะมีจุดเริ่มตนท่ีจุดท่ี
ตางกัน เชน จุด A จุด B และจุด D ดังท่ีแสดงในรูปที่ 6-2b ก็ได แตถาเราสังเกตใหดีแลว เราจะเห็นไดวา ในกรณีน้ี
พิกัดแบบทีส่ องจะชวยใหเ ราหาสมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดไดง า ยกวา ในกรณที ่ีเราใชพกิ ดั แบบแรก
รูปที่ 6-2
Beam Sign Convention
รูปท่ี 6-3 แสดง sign convention ทม่ี คี า เปน บวกของแรงกระทําภายนอก w แรงเฉือน V และโมเมนตด ดั M
จากรปู แรงกระทําภายนอกจะมีคา บวก เมื่อแรงกระทาํ ภายนอกมที ิศทางชีล้ งขางลาง แรงเฉอื นจะมคี า บวก เมอ่ื แรงเฉือน
กระทาํ กับช้นิ สว นเล็กๆ ของคานในทศิ ทางตามเขม็ นาฬิกา และโมเมนตด ัดจะมคี า เปน บวก เมอ่ื โมเมนตด ดั น้นั ทาํ ใหช ้ินสว น
เลก็ ๆ ของคานเกดิ การแอน หงายข้นึ
Procedure for Analysis
1. เขยี นแผนภาพ free-body diagram ของคานและใชสมการความสมดุล (equilibrium equations) หาคาแรง
ปฏิกรยิ าท่เี กดิ ขน้ึ ทจี่ ดุ รองรับ (support reactions)
2. เลือกตําแหนงของพิกัด x โดยใหพิกัดแตละคาอยูในชวงที่อยูระหวางแรงกระทําเปนจุด, แรงคูควบ
(couples), และแรงแผกระจาย โดยจุดเร่ิมตน ของพิกดั x นจ้ี ะอยทู จี่ ดุ ใดก็ไดขึ้นอยกู บั ความเหมาะสม
3. ตัดคานออกที่ตําแหนง x ใดๆ โดยใหหนาตัดของคานต้ังฉากกับแนวแกนของคาน แลวเขียนแผนภาพ free
body diagram ทหี่ นา ตดั ของคานดังกลาว โดยใช sign convention ที่ไดก ลาวถงึ ไปแลว
Mechanics of Materials 6-3
4. ใชสมการความสมดุลหาสมการของแรงเฉือนและโมเมนตท่ีเกิดขึ้นภายในคานและตรวจสอบความถูกตอง
ของสมการท่ีไดโ ดยใชส มการ V (x) = dM / dx และ w(x) = −dV / dx ท่ีจะกลา วถึงตอ ไป
5. เขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram โดยใหแกน x เปนแกนนอนและคาของ V (x)
และ M (x) เปนแกนต้งั
รปู ที่ 6-3
Mechanics of Materials 6-4
ตวั อยา งที่ 6-1
จงเขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน ดังท่ีแสดงในรปู ที่ Ex 6-1a
รูปท่ี Ex 6-1
หาแรงปฎิกรยิ า
โดยใชแ ผนภาพ free-body diagram ของคานและสมการความสมดุล เราจะหาแรงปฎิกริยาท่ีเกิดข้ึนท่ีจุดรองรับ
ของคานได ดังทแ่ี สดงในรปู ที่ 6-1d
Functions ของแรงเฉือนและโมเมนตด ัด
ในการหา functions ของแรงเฉือนและโมเมนตดัดในกรณีน้ี เราจะตองแบงคานออกเปน 2 ชวง เน่ืองจากคานมี
ความไมต อเนือ่ งท่จี ดุ ท่แี รงกระทาํ
0≤ x<a
ทาํ การตัดคานทร่ี ะยะ x จากจุดรองรบั A ในชว ง AB ของคาน
ทาํ การเขียนแผนภาพ free-body diagram ของสวนดงั กลาวของคาน โดยใช sign convention ของแรงเฉือนและ
โมเมนตด ดั ทม่ี ีคา เปน บวก ดังทีแ่ สดงในรูปท่ี 6-1b
จากสมการความสมดลุ
↑+ ∑ Fy = 0; V = Pb
+ ∑ M = 0; L
M = Pb x
L
Mechanics of Materials 6-5
a<x≤L
ทาํ การตดั คานท่รี ะยะ x จากจดุ รองรับ A ในชว ง BC ของคาน
ทําการเขียนแผนภาพ free-body diagram ของสวนดงั กลาวของคาน โดยใช sign convention ของแรงเฉือนและ
โมเมนตดดั ที่มีคา เปนบวก ดงั ท่แี สดงในรปู ท่ี 6-1c
จากสมการความสมดุล
↑+ ∑ Fy = 0; V = Pb − P = − Pa
L L
+ ∑ M = 0; M = Pb x − P(x − a) = Pa (L − x)
L L
เม่ือนําสมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดท่ีไดมา plot เทียบกับระยะ x เราจะไดแผนภาพ shear diagram
และ moment diagram ของคาน ดังทแ่ี สดงในรูปที่ 6-1d Ans.
จากแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน เราจะไดว า
ในกรณีที่ b > a คา แรงเฉอื นสูงสดุ จะเกดิ ข้นึ ในชวง AB และจะหาไดจากสมการ
Vmax = Pb
L
คาสงู สดุ ของโมเมนตด ดั เกิดขึ้นทีจ่ ุดทแ่ี รงกระทําหรือจดุ B และจะหาไดจากสมการ
M max = Pab
L
Mechanics of Materials 6-6
ตัวอยา งท่ี 6-2
จงเขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน ดังท่ีแสดงในรูปที่ Ex 6-2a
รปู ท่ี Ex 6-2
หาแรงปฎิกริยา
โดยใชแ ผนภาพ free-body diagram ของคานและสมการความสมดุล เราจะหาแรงปฎิกริยาที่เกิดข้ึนที่จุดรองรับ
ของคานได ดังท่แี สดงในรูปที่ 6-2c
เน่ืองจากคานและแรงกระทํามีความสมมาตร ดงั น้นั แรงปฎกิ รยิ าทเ่ี กิดขึน้ ทีจ่ ุดรองรบั ทงั้ สองจะมคี าเทา กัน
Functions ของแรงเฉือนและโมเมนตด ดั
ในการหา functions ของแรงเฉือนและโมเมนตดัดในกรณีน้ี เราจะพิจารณาคานเพียงชวงเดียว เน่ืองจากแรง
กระทาํ มคี วามตอเนือ่ งตลอดความยาวคาน
ทําการตัดคานทร่ี ะยะ x จากจดุ รองรับ A
ทําการเขียนแผนภาพ free-body diagram ของสว นดงั กลา วของคาน โดยใช sign convention ของแรงเฉือนและ
โมเมนตดัดที่มีคาเปนบวก ดังท่ีแสดงในรปู ท่ี 6-1b
จากสมการความสมดุล
↑+ ∑ Fy = 0; V = wL − wx
2
+ ∑ M = 0; M = wL x− wx 2
2 2
เมื่อนําสมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดท่ีไดมา plot เทียบกับระยะ x เราจะไดแผนภาพ shear diagram
และ moment diagram ของคาน ดังทแี่ สดงในรปู ที่ 6-1c Ans.
จากแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน เราจะไดว า
คา แรงเฉือนสงู สุดจะเกิดขึน้ ที่จดุ รองรบั และจะหาไดจากสมการ
Vmax = WL
2
Mechanics of Materials 6-7
จากแผนภาพ คาสูงสุดของโมเมนตดัดเกิดขึ้นท่ีจุดท่ีแรงเฉือนมีคาเทากับศูนย โดยมีระยะจากจุดรองรับ A
เทากบั
V = wL − wx = 0
2
x = L
2
ดังนนั้ คา สูงสุดของโมเมนตดดั จะหาไดจ ากสมการ
wL L w L 2 wL2
2 2 2 2 8
M max = − =
Mechanics of Materials 6-8
ตัวอยา งที่ 6-3
จงเขยี นแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน ดังที่แสดงในรปู ท่ี Ex 6-3a
รูปท่ี Ex 6-3
หาแรงปฎิกริยา
โดยใชแผนภาพ free-body diagram ของคานและสมการความสมดุล เราจะหาแรงปฎิกริยาที่เกิดข้ึนที่จุดรองรับ
ของคานได ดังทีแ่ สดงในรปู ท่ี 6-3d
Functions ของแรงเฉือนและโมเมนตด ดั
ในการหา functions ของแรงเฉือนและโมเมนตดัดในกรณีน้ี เราจะตองแบงคานออกเปน 2 ชวง เน่ืองจากคานมี
ความไมต อ เน่ืองท่ีจดุ ทโี่ มเมนตดดั กระทาํ
0≤ x<a
ทาํ การตัดคานทร่ี ะยะ x จากจุดรองรบั A ในชว ง AB ของคาน
ทําการเขียนแผนภาพ free-body diagram ของสวนดังกลา วของคาน โดยใช sign convention ของแรงเฉือนและ
โมเมนตดัดทมี่ ีคาเปน บวก ดงั ท่ีแสดงในรปู ที่ 6-3b
จากสมการความสมดลุ
↑+ ∑ Fy = 0; V = − Mo
+ ∑ M = 0; L
M = − Mo x
L
Mechanics of Materials 6-9
a<x≤L
ทาํ การตดั คานทร่ี ะยะ x จากจุดรองรับ A ในชว ง BC ของคาน
ทาํ การเขยี นแผนภาพ free-body diagram ของสว นดังกลาวของคาน โดยใช sign convention ของแรงเฉือนและ
โมเมนตด ดั ทม่ี คี าเปน บวก ดังท่แี สดงในรปู ที่ 6-3c
จากสมการความสมดุล
↑+ ∑ Fy = 0; V = − Mo
L
+ ∑ M = 0; M = Mo − Mo x = M o 1 − x
L L
เม่ือนําสมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดท่ีไดมา plot เทียบกับระยะ x เราจะไดแผนภาพ shear diagram
และ moment diagram ของคาน ดังทแ่ี สดงในรปู ที่ 6-3d Ans.
จากแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน เราจะไดว า
คา แรงเฉอื นสูงสุดจะเกิดขึ้นในคานมีคาเทา กนั ตลอดคาน และจะหาไดจากสมการ
Vmax = − Mo
L
คาสงู สดุ ของโมเมนตดัดเกดิ ข้นึ ท่ขี นึ้ อยูก ับระยะของ a และ b ถา b > a แลว โมเมนตดัดสูงสุดจะเกิดขึ้นที่จุดท่ี
โมเมนต M o กระทาํ และจะหาไดจ ากสมการ
M max = M ob
L
Mechanics of Materials 6-10
ตวั อยางที่ 6-4
จงหาฟง กช นั ของแรงเฉอื นและโมเมนตด ัดและเขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน
ดังทแี่ สดงในรปู ที่ Ex 6-4a กาํ หนดให w0 = 10 kN/m และ P = 2 kN
(a)
รปู ท่ี Ex 6-4
หาแรงปฏกิ ริยาทจ่ี ดุ รองรับ A และ C
+ ∑ M C = 0; RA (5) + 2(2) − 0.5(3)10(2 + 3 / 3) = 0
↑+ ∑ Fy = 0; RA = 8.2 kN
RA + RC − 0.5(3)10 = 0
RC = 8.8 kN
Functions ของแรงเฉือนและโมเมนตดัด
0 ≤ x1 ≤ 3 m;
จากแผนภาพ free-body diagram ของคาน ดังที่แสดงในรูปท่ี Ex 6-4b และโดยการใชสามเหล่ียมคลาย เราจะ
หาคา ของ w(x1 ) ได โดยท่ี w(x1 ) = 10 x1 ดังนั้น จากสมการความสมดลุ เราจะไดว า
3
V (x1 ) = 8.2 − 0.5( x1 ) 10 x1 = 8.2 − 5 x12 kN
3 3
M (x1 ) = 8.2 x1 − 0.5( x1 ) 10 x1 ( x1 ) = 8.2x1 − 5 x13 kN - m
3 3 9
(b)
3 m ≤ x2 ≤ 5 m;
จากแผนภาพ free-body diagram ของคาน ดังที่แสดงในรูปที่ Ex 6-4c ระยะหางระหวางจุด B และรอยตัดมี
คา เทากับ x2 − 3 m ดังนั้น จากสมการความสมดุล เราจะไดวา
Mechanics of Materials 6-11
V (x2 ) = 8.2 − 0.5(3)10 = −8.8 kN
M (x2 ) = 8.2x2 − 0.5(3)10( 3 + (x2 − 3)) = −6.8x2 + 30 kN - m
3
(c)
0 ≤ x3 ≤ 2 m;
จากแผนภาพ free-body diagram ของคาน ดังทแี่ สดงในรปู ท่ี Ex 6-4c และสมการความสมดลุ เราจะไดวา
V (x3 ) = 2 kN
M (x3 ) = −2x3 kN - m
(d)
จากสมการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดท่ีหาได เราจะเขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram
ของคานไดด ังท่ีแสดงในรูปที่ Ex6-4e Ans.
(e)
Mechanics of Materials 6-12
ตําแหนงทีเ่ กิดโมเมนตด ดั สูงสดุ และคาโมเมนตดดั สงู สุดจะหาไดดงั น้ี
จากสมการของ V (x1) เราจะสามาหาระยะ x1 ซ่ึงทําให V (x1) จะมีคาเปนศูนยจากการแทนคา
V (x1) = 0 ลงในสมการของ V (x1) ดงั นั้น
0 = 8.2 − 5 x12 ⇒ x1 = 2.218 m
3
ดังนน้ั คาสูงสุดของโมเมนตด ัดทเี่ กดิ ขึ้นในคานจะมีคา เทากบั
M ( x1 = 2.218 m) = 8.2(2.218) − 5 (2.218)3 = 12.126 kN - m
9
Mechanics of Materials 6-13
6.2 การเขียนแผนภาพแรงเฉอื นและโมเมนตด ดั โดยวธิ กี ราฟฟค (Graphical Method for Constructing Shear and
Moment Diagram)
วิธกี ารทางกราฟก (graphical method) จะชวยใหก ารเขยี นแผนภาพ shear diagram และ moment diagram
ของคานมีความงายข้ึน โดยเฉพาะในกรณที ี่คานถกู กระทาํ โดยแรงกระทําเปน จุด (concentrated loads) แรงคูควบ
(couples) และแรงแผกระจาย (distributed loads) หลายๆ คา ในเวลาเดียวกัน
ชว งทค่ี านถกู กระทาํ โดย Distributed Load
รปู ท่ี 6-4
พิจารณาคานและแผนภาพ free body diagram ของสวนของคานที่มีขนาดความยาวนอยมาก ∆x ซ่ึงตัด
ออกมาท่รี ะยะ x และ x + ∆x จากจดุ รองรบั ดงั ทแ่ี สดงในรปู ท่ี 6-4a และ 6-4b ตามลําดับ
จาก sign convention กําหนดใหทิศทางของแรงและ couples มีคาเปนบวก และแรงลัพธท่ีเกิดจากแรงแผ
กระจาย w(x) มีคา เทากับ w(x)∆x และกระทาํ ทรี่ ะยะ k ∆x จากจดุ O เม่ือ 0 < k < 1
โดยใชสมการความสมดลุ เราจะไดวา
+↑ ∑ Fy = 0 ; V − w(x)∆x − (V + ∆V ) = 0
∆V = −w(x)∆x
Mechanics of Materials 6-14
เมอื่ หารสมการขางตน ดวย ∆x และใส limit โดยให ∆x → 0 แลว เราจะไดว า
dV = − w( x) (6-1)
dx
(ความชันของ shear diagram ที่จดุ ใดๆ = คาลบของแรงกระจายทจ่ี ดุ นั้น)
+∑Mo = 0; − V∆x − M + w(x)∆x[k∆x] + (M + ∆M ) = 0
∆M = V∆x − w(x)k(∆x)2
ทําการตดั เทอมท่ีมี high order ออก แลวหารสมการขางตน ดว ย ∆x และใส limit โดยให ∆x → 0 เราจะไดว า
dM =V (6-2)
dx
(ความชนั ของ moment diagram ท่จี ดุ ใดๆ = คาแรงเฉอื นทีจ่ ุดน้นั )
เราจะเห็นความหมายของสมการที่ 6-1 และ 6-2 ไดชัดเจนข้ึน ถาเราทําการวิเคราะหรูปท่ี 6-5 จากสมการที่ 6-2
เราจะเห็นวา เม่ือ V = 0 แลว dM / dx = 0 ซ่ึงหมายความวา จุดที่มีแรงเฉือนเทากับศูนยจะเปนจุดที่โมเมนตมี
คาสูงสุดหรือตํ่าสุด โดยที่เม่ือคาของแรงเฉือนเปล่ียนจากคาบวกเปนคาลบ ดังท่ีแสดงในรูปท่ี 6-5 แลว คาโมเมนตจะเปน
คาสงู สดุ และเม่อื คาของแรงเฉอื นเปลย่ี นจากคา ลบเปน คา บวกแลว คาโมเมนตจะเปน คา ต่ําสุด
เมื่อเขียนสมการท่ี 6-1 และ 6-2 ใหมใ หอ ยูในรูป dV = −w(x)dx และ M = Vdx แลว สมการทง้ั สองจะเปน
พืน้ ทขี่ นาดเลก็ ๆ ภายใตแ รงแผกระจายและ shear diagram ตามลาํ ดบั เมื่อทาํ การ integrate สมการท้ังสองน้ีระหวางจุดที่
แรงกระทาํ เปนจดุ หรือแรงคูควบกระทาํ อยางเชน จดุ A และจดุ B แลว เราจะไดว า
รูปท่ี 6-5
Mechanics of Materials 6-15
∆V = −∫ w(x) dx (6-3)
(การเปลี่ยนแปลงของแรงเฉือน = คาลบของพน้ื ท่ภี ายใต distributed load)
∆M = ∫V (x) dx (6-4)
(การเปลีย่ นแปลงของ moment = พน้ื ท่ภี ายใต shear diagram)
เราจะเห็นความหมายของสมการท่ี 6-3 และ 6-4 ไดชัดเจนข้ึน ถาเราทําการวิเคราะหรูปท่ี 6-5 นอกจากนั้นแลว
เราจะเห็นไดวา สมการของแรงเฉือน V (x) จะมีกําลังของตัวแปร x มากกวาสมการแรงแผกระจาย w(x) หน่ึงคาและ
สมการของโมเมนต M(x) จะมกี าํ ลังของตัวแปร x มากกวาสมการของแรงเฉือน V (x) หน่ึงคา ยกตัวอยางเชน ถาแรง
แบบกระจายมีคา เปนคา คงท่ี w แลว V (x) = −wx + C1 และ M (x) = −w x2 + C1x + C2 เปนตน
2
ชวงที่คานถกู กระทาํ โดยแรงกระทําเปน จดุ และแรงคคู วบ
เราจะไมสามารถใชสมการของ ∆V และ ∆M ท่ีหามาไดขางตนตรงจุดท่ีแรงกระทําเปนจุด (concentrated
forces) และแรงคูควบกระทํา (couples) กระทํา เน่ืองจากวาสมการของ ∆V และ ∆M ดังกลาวไมไดรวมถึงการ
เปลย่ี นแปลงอยางไมตอ เนอ่ื งของคา ของแรงเฉือนและโมเมนตท ่ีจดุ ท่แี รงดงั กลาวกระทํา
รูปที่ 6-6
พิจารณาแผนภาพ free body diagrams ของสวนของคานท่ีมีความยาวนอยมาก ∆x ซึ่งตัดออกมาท่ีจุดท่ีแรง
กระทําเปนจุดและแรงคูค วบกระทํา ดังท่ีแสดงในรูปที่ 6-6 โดยใชส มการความสมดุลของแรง การเปล่ยี นแปลงของแรงเฉือน
∆V จะอยูในรูป
+↑ ∑ Fy = 0; V − F − (V + ∆V ) = 0
∆V = −F
(6-5)
ซง่ึ หมายความวา เมอื่ แรงกระทําเปนจดุ F มที ิศทางพุงเขาหาคานแลว คา ∆V จะมีคา เปนลบ (-) และ shear diagram
จะมีคา ลดลงเทากบั คาแรง F ดงั ทีแ่ สดงในรูปที่ 6-5b
โดยใชส มการความสมดลุ ของโมเมนตร อบจดุ O การเปลยี่ นแปลงของโมเมนต ∆M จะอยใู นรปู
+ ∑ M o = 0; (M + ∆M ) − M ′ − V∆x − M = 0 (6-6)
∆M = M ′
ถา ∆x → 0 ,
ซ่งึ หมายความวา เมอื่ แรงคูค วบ M ′ มีทิศทางตามเขม็ นาฬกิ าแลว คา ∆M จะมคี าเปน บวกและ moment diagram จะมี
คา เพม่ิ ข้ึนเทากบั คา M ′ ดงั ท่ีแสดงในรูปท่ี 6-5c
Mechanics of Materials 6-16
ตวั อยางท่ี 6-5
จงเขียนแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน ACB ซึ่งถูกกระทําโดยนํ้าหนักบรรทุก
กระจายสมาํ่ เสมอ (Uniformly distributed load) w ดังท่แี สดงในรปู ท่ี Ex 6-5a
(a)
รปู ที่ Ex 6-5
จากตวั อยางท่ี 6-3 เราไดส มการของแรงเฉือนและโมเมนตดัดภายในที่เกิดขนึ้ ที่หนาตดั x อยใู นรปู
V (x) = wL − wx
2
M (x) = wL x − wx 2
2 2
จากสมการของแรงเฉอื น V (x) และโมเมนตดดั M (x) ดังกลา ว เราจะเหน็ ไดวา
dV (x) = d ( wL − wx) = −w
dx dx 2
dM (x) = d ( wL x − wx 2 ) = wL − wx = V (x)
dx dx 2 2 2
ซง่ึ สอดคลองกบั สมการท่ี (6-1) และ (6-2)
รูปท่ี Ex 6-5b แสดงแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคาน จากแผนภาพ เราจะเห็นไดวา
แรงเฉือนมีคา เทา กับศนู ยท ่รี ะยะ x = L / 2 โดยที่ shear diagram เปลีย่ นคา จากบวกเปน ลบท่ีจุดดังกลาว ดังนั้น จุดนี้จะ
เปนจดุ ท่คี า โมเมนตส ูงสดุ
จาก shear diagram การเปลี่ยนแปลงของแรงเฉือนระหวางจุด A ไปยงั จุด C มคี าเทา กบั
∆VC − A = 0− wL = − wL
2 2
ซ่ึงมคี า เทา กบั คา ลบของพ้นื ทภ่ี ายใตแ รงกระจายในชว ง จุด A ถึงจดุ C ดังทแ่ี สดงในสมการที่ (6-3)
=∫∆VC − A L/2 = −wx L/2 = −( wL − 0) = − wL
0 2 2
− wdx
0
จาก moment diagram การเปลี่ยนแปลงของโมเมนตร ะหวางจุด A ไปยังจดุ C มคี า เทา กบั
∆M C− A = wL2 −0 = wL2
8 8
Mechanics of Materials 6-17
ซง่ึ มคี าเทากบั คาของพนื้ ทีภ่ ายใต shear diagram ในชว ง จุด A ถงึ จดุ C ดังท่แี สดงในสมการท่ี (6-4) ซง่ึ มคี า เทา กับ
L / 2 ( wL wL wx 2 ]0L / 2 wL2 wL2
02 2 2 8 8
=∫∆M C−A − wx)dx = [ x− = −0 =
ดังนนั้ เราจะเขยี นแผนภาพ shear diagram และ moment diagram ของคานไดดงั ทแี่ สดงในรูปท่ี Ex6-5b Ans.
(b)
Mechanics of Materials 6-18
ตัวอยางท่ี 6-6
จงเขียน shear diagram และ moment diagram ของคานย่ืน ซึ่งถูกกระทําโดยนํ้าหนักบรรทุกแบบกระจายเชิง
เสน (linearly distributed load) ดังท่แี สดงในรูปที่ Ex 6-6a
จากรปู ท่ี Ex 6-6a สมการของนํา้ หนักบรรทุกท่รี ะยะ x หรอื w(x) จะหามาไดโ ดยใชส ามเหลย่ี มคลาย
10 kN = w( x)
4m 4−x
w(x) = 10 − 2.5x
(a)
รปู ท่ี Ex 6-6
จาก free body diagram ของสวนตัดของคานทีร่ ะยะ x เราจะหาสมการของแรงเฉอื นและโมเมนตด ัดไดดังน้ี
+↑ ∑ Fy = 0; − V (x) − 1 [10 − (10 − 2.5x)]x − (10 − 2.5 x) x = 0
2
V (x) = 5 x2 − 10 x kN
4
+ ∑ M = 0; M ( x) + 1 [10 − (10 − 2.5x)]x( 2 x) + (10 − 2.5 x) x( x ) = 0
2 3 2
M (x) = 5 x3 − 5x2 kN - m
12
เราสามารถตรวจสอบความถูกตอ งของสมการของแรงเฉือนและโมเมนตด ัดที่ได โดยใชสมการท่ี (6-1) และ (6-2)
V (x) = dM = d [ 5 x3 − 5x2 ] = 5 x2 − 10 x
dx dx 12 4
w( x) = − dV = − d [ 5 x 2 −10x] = −(2.5x −10) = 10 − 2.5x
dx dx 4
และเราจะเขียน shear diagram และ moment diagram ของคานได ดังท่แี สดงในรูปท่ี Ex 6-6b
จาก shear diagram การเปลีย่ นแปลงของแรงเฉอื นระหวางจุด A ไปยงั จดุ B
∆VC−A = 20 kN
ซ่ึงมีคา เทา กบั คา ลบของพน้ื ท่ีภายใตแรงกระจายในชว งจุด A ถงึ จุด B ดงั ทีแ่ สดงในสมการท่ี (6-3)